อัพ-ภูมิพัฒน์ เอี่ยมสำอาง หนุ่มหน้าหล่อใสสไตล์ตี๋โอปป้าที่กำลังโด่งดังจากซีรี่ส์เรื่อง นับสิบจะจูบ ขอแชร์ประสบการณ์ท่องเที่ยวแบบชิลๆสบายๆ  แฝงด้วยเรื่องชวนใจเต้นนิดๆ พอเป็นสีสัน

ประสบการณ์ท่องเที่ยว แฝงด้วยเรื่องชวนใจเต้นนิดๆ ของ อัพ-ภูมิพัฒน์ 

เรื่องกินญี่ปุ่นยืน 1

“ผมไปญี่ปุ่นบ่อย  โดยเฉพาะโตเกียว  ส่วนหนึ่งเพราะชอบอาหารญี่ปุ่นครับ  ทั้งซูชิ  ปลาดิบร้านประจำคือ Gyukatsu Motomura  ซึ่งมีสาขาทั่วประเทศ  เมนูดังของเขาคือเนื้อวัวชุบแป้งทอด  เนื้อดี  อร่อยมาก  ส่วนสายซูชิผมแนะนำ Kizuna Sushi  ร้านบุฟเฟ่ต์อยู่ที่ชินจูกุ  เป็นซูชิเกรดพรีเมียมเลยนะ  แต่ราคาไม่แพง  เปิด 24 ชั่วโมงอีกต่างหาก  อีกร้านคือ Jumbo Yakiniku ขึ้นชื่อเรื่องเนื้อวากิว  อร่อยมากจนไม่รู้จะอธิบายยังไง  เอาเป็นว่าสายเนื้อกินแล้วฟินแน่นอน”

“นอกจากเรื่องอาหารการกิน  อีกเรื่องที่ประทับใจญี่ปุ่นคือความซื่อสัตย์  ครั้งหนึ่งผมไปปาร์ตี้กับเพื่อนๆ  กว่าจะถึงที่พักก็เช้า
แล้ว  ตื่นมาอีกทีตอนบ่ายโมง  เพิ่งรู้ตัวว่าโทรศัพท์หาย  มานั่งคิดย้อนเดาว่าคงลืมไว้บนรถแท็กซี่  ตอนนั้นทำใจแล้วว่าคงต้องซื้อใหม่ แต่ก็ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจเผื่อไว้ด้วย  แล้วให้เพื่อนที่ญี่ปุ่นช่วยลองโทร.เข้ากับโทร.ไปเช็กที่ศูนย์แท็กซี่ด้วย  ปรากฏว่าคนขับรถแท็กซี่เขาเก็บโทรศัพท์ไว้ให้  ประทับใจมากๆ”

STUDY HARD, TRAVEL HARDER

“ผมไปเรียนต่อปริญญาโทที่อังกฤษ (School of Orientaland African Studies,  University of London) เมื่อปี2018ทำให้มีโอกาสได้ไปเที่ยวประเทศโซนยุโรปเยอะเหมือนกัน  เช่น เบลเยียม  เมืองนีซและเมืองคานส์  ประเทศฝรั่งเศส  เวียนนา
อิตาลี  เยอรมนี  ออสเตรีย  สกอตแลนด์  เวลาไปเที่ยวผมจะไปแบบไร้แพลน  อะไรจะเกิดก็เกิด  อย่างตอนไปฝรั่งเศสกับเพื่อนผู้ชายล้วน  ชิลกันมาก  ออกจากบ้านบ่าย 3  ไปเที่ยวแค่วันละที่  โดยไปตามแหล่งทัวริสต์  เช่น  หอไอเฟล  พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์  แค่นั้นเลย

“ถ้าให้โหวต  ผมชอบออสเตรียที่สุด  เพราะเงียบสงบและสวยมาก  โดยเฉพาะที่ฮัลล์สตัทท์  เมืองเล็กๆที่มีบ้านเรือนตั้งอยู่
ริมทะเลสาบ  สวยจริงๆ  ผมเดินได้ทั้งวันไม่เบื่อ  ถ้ามีโอกาสก็อยากกลับไปอีก”

“ส่วนที่เยอรมนีผมไปเมืองมิวนิก  ฟุสเซน  และได้ไปเที่ยวที่นอยชวานชไตน์ปราสาทต้นแบบของดิสนีย์ด้วย  ขึ้นชื่อว่างดงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก  ตั้งอยู่ในเทือกเขาแอลป์  แถบแคว้นบาวาเรียครับ  ซึ่งกว่าจะถึงตัวปราสาทต้องเดินขึ้นเนินไปนานมาก  เหนื่อยทีเดียว  แต่ข้างในปราสาทสวยและขลังมากครับ  ช่วงที่ไปอากาศหนาวสุดๆ  แต่มีฝรั่งใจดีให้ถุงร้อนมาช่วยคลายหนาวด้วย  ขากลับผมไม่ไหวทั้งอากาศและความไกลจึงเรียกรถมารับ”

เที่ยวตามรอยหนัง

“ตอนเรียนปริญญาโทผมยังมีโอกาสไปที่เมืองเอดินบะระที่สกอตแลนด์กับเพื่อนด้วย  โดยตั้งใจเช่ารถขับไปดูสถานที่ถ่ายหนังเรื่อง เจมส์  บอนด์007  ภาคSkyfall  และไปดูสะพานรถไฟ Glenfinnan Viaduct  ซึ่งขบวน Hogwarts Express ใช้เป็นเส้นทางผ่านในเรื่อง แฮร์รี่  พอตเตอร์กับห้องแห่งความลับ”

“เรื่องยากของทริปนี้คือทางขับรถครับ  โหดหินทีเดียว  ถนนแคบมาก ชนิดที่รถสวนกันไม่ได้  ข้างๆเป็นเหว  พอเจอโค้งก็เป็นแบบหักศอก  แล้วเขายังขับรถกันเร็วมาก  ส่วนเราต้องประคองกันไป  กว่าจะถึงลำบากมาก  ใช้เวลาประมาณ5 ชั่วโมง  แต่วิวข้างทางสวยจริงอะไรจริง”

“ที่แรกที่เราไปคือสถานที่ถ่ายทำหนังเรื่อง เจมส์  บอนด์  ซึ่งเป็นทุ่งบนที่ราบสูงกว้างใหญ่  ข้างหลังมีภูเขา  ภาพตรงหน้าเห็นแล้วคุ้มเหนื่อย  ผมยังแต่งตัวใส่สูททับด้วยโค้ต  ถ่ายรูปเป็นเจมส์  บอนด์  ถือว่ามิชชั่นคอมพลีตไปหนึ่ง (ยิ้ม)”

“ส่วนอีกหนึ่งคือรางรถไฟในฉากหนังแฮร์รี่  พอตเตอร์  เราต้องรีบทำเวลาเพราะช่วงที่ไปตรงกับฤดูหนาว  5 โมงเย็นพระอาทิตย์ก็ตกแล้ว  ซึ่งกว่าจะไปถึงคือ4 โมงเย็น  แถมวันนั้นพยากรณ์อากาศบอกว่าพระอาทิตย์จะตกตอน 4 โมง 23 นาที พอไปถึงที่หมาย  ปรากฏว่าเขามีกฎห้ามรถขึ้น  ต้องใช้การเดิน  แว่บแรกที่เห็นไกลๆแอบผิดหวัง  มันดูไม่ยิ่งใหญ่  ไม่ว้าวเหมือนในหนัง  ผมจึงเดินขึ้นเนินสูงไปอีกเพื่อให้เข้าใกล้อีกนิด  ซึ่งตัดสินใจไม่ผิดครับ  เพราะพอเข้าใกล้จริงๆคือสวยมาก  รางรถไฟยิ่งใหญ่  บางคนเขาถึงขั้นเช็กตารางเวลารถไฟมาเพื่อรอถ่ายรูปแต่วันนั้นเราไม่มีเวลา  ขอเห็นแค่รางแล้วกัน  เพราะต้องรีบไปขึ้นเครื่องกลับลอนดอนด้วย”

“ตอนขับออกมาจากสะพานคือมืดมากแล้ว  ไม่มีไฟถนนเลย  มีแค่ไฟท้ายจากรถคันอื่น  ถนนก็แคบ  ต้องเปิดไฟสูงตลอดเวลา  ตอนขากลับผมขับอ้อมอีกทางซึ่งเป็นถนนไฮเวย์  ดีขึ้นมาหน่อย  แต่ใช้เวลากว่าจะถึงสนามบินประมาณ 3 ชั่วโมง  ต้องวิ่งกันสุดชีวิตเพราะเกือบตกเครื่อง  แม้จะมีเรื่องให้ลุ้นเยอะ  แต่ถือเป็นทริปที่ผมชอบมาก  ทางโหดก็จริง  แต่พอเจอความสวยแล้วบอกเลยว่าคุ้ม ขอแนะนำคุณผู้อ่านสักนิดว่า  ควรเช็กสภาพอากาศก่อนนะครับว่ามีฝนตกไหม พระอาทิตย์ตกกี่โมง  เพราะถนนไม่มีไฟ  ถ้ามืดจะอันตราย”เช็กอินที่ Tomorrowland  เทศกาลดนตรีที่ใหญ่ที่สุดในโลก”

“เมื่อปี2019 ผมไปเทศกาลดนตรีTomorrowland  ซึ่งเป็นงานเทศกาลดนตรีอิเล็กทรอนิกแดนซ์หรือ EDM ที่ใหญ่ที่สุดในโลก  จัดทั้งหมด 3 วัน ที่บรัสเซลส์  เมืองบูม (Boom)  ทริปนี้สนุกมาก  สุดมาก  อยากกลับไปอีกรอบ”

“ที่จริงผมไม่ได้ตั้งใจจะไปดูวงไหนเป็นพิเศษหรอก  แค่อยากไปสัมผัสบรรยากาศคอนเสิร์ตใหญ่สักครั้งในชีวิต  พอดีรุ่นพี่กดซื้อตั๋วได้  จึงขอซื้อต่อจากเขาซึ่งแพงมาก  ประมาณ 3 หมื่นบาท  เพราะเป็นตั๋ววีไอพี  มีห้องน้ำ  ที่กินข้าวเป็นส่วนตัว  ไม่ต้องแย่งชิงกับใคร  แต่ยังไม่รวมที่พักนะ  ต้องไปจองที่พักในตัวเมืองบรัสเซลส์  แล้วเช่ารถไปที่จัดคอนเสิร์ต”

“พอไปถึง  เวทีเขาสุดยอดมาก  ผมไม่เคยเห็นคอนเสิร์ตที่ไหนอลังการขนาดนี้  น่าจะมีทั้งหมด 16 เวที  ซึ่งผมเลือกอยู่เวทีหลัก  งานเริ่มสตาร์ตก่อนเที่ยงยาวไปจนถึงเที่ยงคืน  สิ่งที่ประทับใจคือทุกคนตั้งใจมาฟังเพลง  แล้วเสียงเพลงก็ทำให้คนทั่วโลกที่มาที่นี่เป็นหนึ่งเดียวกัน  ทักทาย  นั่งคุยกันทั้งที่ไม่รู้จักกันมาก่อน  บรรยากาศดีมาก  ติดอย่างเดียวคือตอนขากลับออกมาเดินมาราธอนมากครับ  เพราะที่จอดรถอยู่ไกลและคนเยอะมาก  ต้องเบียดกันออกมา”

หัวหิน + เชียงใหม่  ดีต่อใจจัง

“สำหรับในประเทศผมชอบหัวหินครับ  ไปบ่อยเพราะครอบครัวปลูกบ้านพักไว้ที่นั่น  กิจกรรมของผมคือนอนอ่านหนังสือหรือนั่งดื่มกาแฟอยู่ริมทะเล อีกสถานที่ที่ชอบไปคือเชียงใหม่  ผมชอบไปพักที่โรงแรมรายาเฮอริเทจ  บริการดีมาก  บรรยากาศก็ดีสุดๆ  เพราะตั้งอยู่ท่ามกลางป่าเขา  ได้ทั้งพักและผ่อนคลายเต็มที่ พูดแล้วก็อยากกลับไปจัง”

สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่ 

พระเอกนักเดินทาง เคน-ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์ #เที่ยวทิพย์กับทริปที่รัก

การเดินทางของ “โมสต์-วิศรุต หิมรัตน์” หนองคาย คิวต์บอย

แหวนแหวนชี้เป้า 10 สิ่งที่ต้องทำยามท่องตุรกี!

หลังจากซีรี่ส์ นิทานพันดาว ออนแอร์ ชื่อของ 2 นักแสดงดาวรุ่ง “เอิร์ท – มิกซ์” #EarthMix เอิร์ท – พิรพัฒน์ วัฒนเศรษสิริ และ มิกซ์ – สหภาพ วงศ์ราษฎร์ ก็ฮ็อตฮิตเป็นที่พูดถึงมาตลอด เพราะด้วยเคมีการแสดงที่เข้ากันสุดๆ บวกกับความสนิทสนมรู้ใจกันตลอด 7 ปี แม้มีความต่าง แต่ก็เป็นขั้วที่ลงตัว ทำให้แฟนๆ เทใจให้กับเสน่ห์และความน่ารักของคู่นี้แบบไม่ต้องลังเล

สตอรี่ 7 ปี ของคู่จิ้นสุดฮ็อต “เอิร์ท – มิกซ์” สนิทและรู้ใจกันมาก จนยากจะแยก

ซีรี่ส์ นิทานพันดาว กระแสดีมากๆ ชีวิตเปลี่ยนไปอย่างไรบ้างคะ

เอิร์ท “ในมุมการใช้ชีวิตยังเหมือนเดิมครับ แต่ความรู้สึกเปลี่ยน เราดีใจมากๆ ที่ได้รับกระแสตอบรับดีเกินคาด เวลาไปไหนมีแฟนคลับเข้ามาขอถ่ายรูป เป็นความรู้สึกที่ดีมากๆ ที่มีคนชื่นชอบ ผมขอบคุณทุกคนที่คอยเชียร์ เป็นกำลังใจอยู่เคียงข้างมาตลอด

“ผมอยู่วงการมาหลายปี ที่ผ่านมาก็พอจะมีแฟนคลับบ้าง แต่กระแสตอบรับที่ดีมากๆ ของเรื่องนี้ ทำให้มีคนรู้จักเรามากขึ้น สิ่งที่อยากทำตอนนี้คืออยากใกล้ชิดแฟนๆ ให้ได้มากที่สุด ช่วงที่ไม่ค่อยได้เจอกัน ก็ใช้สื่อออนไลน์ในการพูดคุยบอกข่าวสารต่างๆ แทนครับ”

มิกซ์ “เหมือนกันครับ การใช้ชีวิตยังเหมือนเดิม คือเรียนกับทำงาน แต่ที่เปลี่ยนไปคือมีคนรู้จักมากขึ้น บอกตรงๆ ว่าเขินครับ (ยิ้ม) ผมยังไม่ชินน่ะ ยังไม่รู้สึกว่าตัวเองดัง มีอีกหลายอย่างที่ต้องค่อยๆ ปรับตัว แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องขอบคุณคือ หลังจากซีรี่ส์ออนมีโอกาสดีๆ ในการทำงานเข้ามามากขึ้น

“อย่างที่เราสองคนได้เล่นมิวสิควิดีโอเพลง ครึ่งชีวิต (ทั้งจิตใจ) ของพี่นิว พี่จิ๋ว ดีใจมากๆ ครับ และซีรี่ส์อีกเรื่องของผมที่ออนแอร์อยู่คือ ปลาบนฟ้า ซึ่งผมมีโอกาสร้องเพลงประกอบด้วย ชื่อเพลง คนแบบไหน สำหรับผมการร้องเพลงค่อนข้างยาก เพราะผมเพิ่งเรียน แต่ก็สนุก ขอบคุณผู้ใหญ่ที่ให้โอกาส และขอบคุณแฟนๆ ที่ชื่นชอบผลงานนะครับ” (ยิ้ม)

ในการทำงาน สองคนซัพพอร์ตดูแลกันอย่างไรบ้างคะ

มิกซ์ “ทุกอย่างเลยครับ อย่างเวลาต้องถ่ายรูปงานลงไอจี เราสลับกันถ่าย แล้วช่วยกันดูว่ามุมนั้นช็อตนั้นใช้ได้หรือยัง”

เอิร์ท “เราคุยและเชียร์อัพกันตลอด ผมจะบอกมิกซ์เสมอว่าทำดีแล้ว เก่งแล้ว หรือเวลาทำงานก็ช่วยกันคิด ปรึกษากันว่าอะไรดีหรือไม่ดี ควรปรับแก้อะไรบ้าง ส่วนเรื่องการแสดงก็ปรึกษากันทุกวันครับ ทุกวันจริงๆ” (เน้นเสียง)

มิกซ์ “ไม่เฉพาะแค่ผมปรึกษาเขานะครับ เขาก็ปรึกษาผมด้วย บางครั้งเขาไม่ค่อยมั่นใจในคาแร็คเตอร์ (บทหัวหน้าภูผา) ว่าพูดแบบนี้ดูสมวัยไหม ผมก็บอกไปว่าขอเสียงเข้มๆ ให้ดูโตกว่านี้หน่อย ซึ่งของผมก็เหมือนกัน (บทเธียร) เขาแนะนำว่าลองแสดงความรู้สึกออกมาอีก หรือพูดแบบนี้แรงไป ดูก้าวร้าว ลดน้ำเสียงลงมาหน่อย ซึ่งที่เห็นในซีรี่ส์ก็คือผ่านการตบตีจากเราสองคนมาแล้วครับ”

มีเรื่องที่เป็นอุปสรรคชวนให้ท้อใจบ้างไหม

มิกซ์ “สำหรับผมคิดว่าน่าจะเป็นความกดดันจากตัวเอง คือเราอยากทำทุกอย่างให้ดีที่สุด อยากทุ่มไปทั้งตัว แต่ถ้าถามว่าอะไรที่ทำให้ท้อ สำหรับผมอาจจะเป็นขีดจำกัดด้านร่างกายหลายๆ อย่าง (หยุดนึก) บางครั้งผมก็คิดมากเรื่องรูปร่างตัวเอง เพราะเราไม่ได้หุ่นดี”

เอิร์ท รีบหันไปให้กำลังใจน้อง “ไม่ต้องคิดมากเลยนะเรื่องนี้”

มิกซ์ พยักหน้ารับคำปลอบ “หรืออย่างเรื่องการร้องเพลง บางครั้งผมรู้สึกเหนื่อย เพราะร่างกายคงไม่อึดพอ ปอดผมไม่ใหญ่ จึงทำให้เปล่งเสียงนานๆ ไม่ได้ หรือบางท่อนที่ต้องร้องเสียงสูงก็ยังทำได้ไม่ดี แล้วยังเหมือนจะพร้อมป่วยตลอดเวลาอีก อากาศเปลี่ยนนิดหน่อยก็เป็นภูมิแพ้ เป็นไข้แล้ว หรือถ้าช่วงไหนนอนน้อย ภูมิคุ้มกันในร่างกายตก หน้าจะเป็นผื่น งูสวัดขึ้น จึงรู้สึกว่าหลายๆ อย่างที่เกี่ยวกับขีดจำกัดของร่างกายนี่แหละที่ทำให้ท้อบ้างในบางครั้ง”

เอิร์ท “อาจจะเหมือนที่มิกซ์บอกทีแรก คือเรากดดันตัวเองมากไป ผมรู้สึกว่าอายุในการทำงานของผมเริ่มลดลงไปเรื่อยๆ ตอนนี้ผมอายุ 27 ปี ทำงานมา 5 – 6 ปีแล้ว บางครั้งจึงกดดันตัวเองว่าต้องทำผลงานชิ้นต่อไปให้ดีขึ้นนะ ให้แฟนคลับได้ชื่นชม อยากพิสูจน์ตัวเองในหลายๆ อย่าง ทั้งการร้องเพลง การแสดง รวมถึงโอกาสอื่นๆ ที่เข้ามาด้วย อยากทำให้ดีที่สุดครับ และยิ่งทุกวันนี้ มีศิลปินรุ่นใหม่เกิดขึ้นตลอดเวลา เราก็ต้องฝึกฝนพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ”

ขอขยับมาเรื่องความสัมพันธ์บ้าง ยังจำครั้งแรกที่เจอกันได้ไหมคะ

“ตอนนั้น…” เอิร์ทและมิกซ์พูดพร้อมกัน ก่อนจะให้มิกซ์เล่าก่อน มิกซ์ “ตอนนั้นมีพี่ที่รู้จักนัดไปกินข้าว จำได้ว่าพี่เอิร์ทใส่ชุดนักศึกษา ผมจำเรื่องกินได้ เพราะว่าไปกิน ชาบูร้านโปรดของผม (หัวเราะ) วันนั้นพี่เอิร์ทนิ่งมาก เล่นโทรศัพท์ตลอดเวลา ก็คิดว่าพี่เขาคงมีโลกส่วนตัว”

เอิร์ท ส่ายหน้า “ผมจำได้แค่ว่ากินข้าวด้วยกัน แต่จำไม่ได้ว่ากินชาบู แล้วก็จำไม่ได้เลยว่าวันนั้นตัวเองเป็นอย่างไร แต่วันแรกน้องก็นิ่งใส่เหมือนกันนะ (หันไปมองมิกซ์) กินอย่างเดียวเลย”

มิกซ์ รีบแย้ง “ก็ตอนนั้นเรายังไม่รู้จักกันไง”

เอิร์ท “หลังจากนั้นเวลามิกซ์มาแคสติ้งงานที่กรุงเทพฯ แล้วพี่ผู้จัดการไม่ว่าง ก็จะฝากให้ผมดูแลมิกซ์ พาน้องไปกินข้าว จึงทำให้เราสนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ ครับ”

คิดว่าเพราะอะไรที่ทำให้สนิทกันคะ

มองหน้ากันก่อนที่ มิกซ์ จะตอบก่อน “น่าจะเพราะคุยภาษาเดียวกันมั้งครับ เราชอบเล่นมุกกันตลอดเวลา ส่วนใหญ่เป็นมุกฮาๆ ในออนไลน์ ด้วยความที่เราเป็นสายโซเชียลทั้งคู่ จึงทำให้เราทันมุกกัน คลิกกัน แล้วก็สนิทกันครับ” (หัวเราะ)

เอิร์ท “ช่วงแรกผมยังไม่ได้เป็นสายโซเชียลนะ แต่พอช่วงหลังทำงานในวงการก็เริ่มเล่นมากขึ้น ผมชอบดูคลิปตลกแล้วก็ส่งมิกซ์ให้ดูด้วย นี่แหละครับ…ที่ทำให้สนิทกัน”

รีวิวหน่อยค่ะ ทั้ง 2 คนเหมือนหรือต่างกัน

มิกซ์ “ผมคิดว่าพี่เอิร์ทจะดีดๆ หน่อย ซึ่งผมก็ดีดนะ แต่เป็นแบบดีดนิ่ง ๆ อะ ผมนิ่งไหมครับ ไม่เหรอ คือมีทั้งมุมเหมือนและไม่เหมือน แต่เรามีโลกส่วนตัวที่เข้าใจว่าอีกคนก็มีโลกส่วนตัว จึงอยู่ด้วยกันได้ครับ และส่วนตัวผมค่อนข้างชิลๆ ขี้อ้อน ชอบไปมุดแขนพี่เอิร์ทเวลาต้องการพลังงาน” (ยิ้ม)

เอิร์ท “ต่างกันเยอะอยู่นะครับ ผมค่อนข้างมีระเบียบ โดยเฉพาะกับข้าวของในบ้าน ต้องวางให้เรียบร้อย ส่วนมิกซ์จะเป็นแนวอะไรก็ได้ วางของไว้ เดี๋ยวค่อยเก็บ แต่ผมไม่ได้เลย ต้องเก็บทันที แต่ถ้าเป็นมุมการใช้ชีวิต เราสองคนชิลเหมือนกัน จะไปไหน กินอะไรก็ได้ อันนั้นสบายๆ ครับ”

จากที่เคยเล่าให้ แพรว ฟังในไลฟ์ บางวันมิกซ์ไปอยู่คอนโดของเอิร์ท เพราะใกล้กับตึกแกรมมี่ เพื่อจะได้ไปทำงานสะดวก อยากให้รีวิวชีวิตเวลาอยู่ด้วยกันหน่อยค่ะ มีทะเลาะกันบ้างไหม

มิกซ์ ตอบทันที “มี เอ๊ะ…มีไหมนะ” (หันไปถามเอิร์ท)

เอิร์ท “ตอบเร็วขนาดนี้ เสียงหนักแน่นมากด้วย (หัวเราะ) ส่วนใหญ่ผมจะบ่นว่าห้องรกจัง ทำไมไม่เก็บของ ซึ่งเขาก็บอก ‘เดี๋ยวเก็บ’ ผมก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมต้องเดี๋ยว ทำไมไม่เก็บเลย เพราะเวลาเข้าห้องมาเป็นเวลาพักผ่อน ถ้าเห็นห้องเรียบร้อยก็จะสบายใจ

“แล้วเขาลืมของบ่อย ลืมโทรศัพท์มือถือ กระเป๋าสตางค์ ลืมทุกอย่าง ลืมในรถ ลืมไว้ที่กองฯ ลืมจนบางทีผมไม่อยากพูดแล้ว ให้เขารู้ตัวเอง เพราะเวลาผมพูด เขาก็จะงอนว่าผมพูดอะไรเยอะแยะ หรือบางครั้งไม่พอใจก็จะนิ่งเงียบ”

“แรกๆ ก็ง้อ เพราะไม่อยากเห็นเขารู้สึกไม่ดี ก็จะแบบ อะ เดี๋ยวซื้อขนมให้ แต่ตอนหลังเวลามิกซ์งอนไม่ต้องง้อแล้ว เดี๋ยวเขาก็หายเองครับ”

มิกซ์ “ผมรู้ว่าเขาหวังดี ผมเข้าใจ แต่อย่างผมลืมหยิบของไปทำงาน ผมก็รู้สึกแย่อยู่แล้วไง พอเขาบ่นอีก มันเลยยิ่งเซ็ง ผมก็เลยนิ่งๆ ไป แต่ไม่ได้โกรธเขาหรอกนะ”

ความที่มีโลกส่วนตัวทั้งคู่ ต้องแบ่งพื้นที่ในห้อง หรือเคยแย่งกันเข้าห้องน้ำไหม

เอิร์ท “มิกซ์อยู่ข้างใน…ผมอยู่ข้างนอกห้องครับ” (หัวเราะ)

มิกซ์ “จริงครับ ผมจะอยู่ในห้องนอน ส่วนพี่เอิร์ทอยู่ห้องนั่งเล่น คือเราไม่ได้ตัวติดกันตลอดเวลา ต่างคนต่างมีพื้นที่ส่วนตัว เว้นแต่เวลาที่ผมอยากเล่นด้วย”

เอิร์ท “ผมจะเลือกอาบน้ำก่อนเขา จะได้รีบไปทำอย่างอื่นต่อ เพราะมิกซ์อาบน้ำนานมาก คือบางทีอยากเข้าไปดูเลยว่า เข้าไปทำอะไรนานขนาดนั้น” (หัวเราะ)

มิกซ์ “ไม่ได้นานขนาดนั้น ก็ครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมง ผมชอบนั่งเล่นโทรศัพท์หรือนอนแช่น้ำในอ่าง บางวันที่เหนื่อยๆ พอได้แช่น้ำมันสดชื่น หายเหนื่อย แต่เขาอาบน้ำไม่ถึง 1 นาที เหมือนวิ่งผ่านน้ำ ยิ่งวันไหนตื่นสายยิ่งเร็วมาก แบบเฮ้ย… นี่อาบแล้วจริงเหรอ” (หัวเราะ)

เอิร์ท เถียงทันที “ไม่จริง ผมจะตั้งเวลาด้วยการเปิดเพลงฟังไปด้วย พอจบเพลงก็อาบเสร็จพอดี หรือบางครั้งก็ก่อนเพลงจบครับ”

มิกซ์ “ทุกคนครับ…หนึ่งเพลง แสดงว่าเต็มที่ไม่เกิน 3 นาทีใช่ไหมล่ะครับ” (หัวเราะสนุก)

ถ้ามีเวลาว่าง ทำกิจกรรมอะไรกันคะ

เอิร์ท “วาดรูป ฟังเพลงครับ แต่ส่วนใหญ่เวลาจะหมดไปกับงานบ้าน จัดข้าวของ” (หัวเราะ)

มิกซ์ “ผมชอบอ่านหนังสือครับ ชอบอ่านนิยาย อย่าง Game of Thrones, สามก๊ก แล้วก็พวกวรรณกรรมเยาวชน ผมติดอ่านหนังสือมาตั้งแต่เด็กๆ เพราะคนในครอบครัวชอบอ่านเหมือนกัน”

ทั้งสนิทและรู้ใจกันขนาดนี้ มีอะไรอยากบอกกันและกันไหมคะ

มิกซ์ “พี่เอิร์ทละเอียดในทุกๆ เรื่อง ทั้งความรู้สึก การทำงาน หรือแม้แต่การแต่งบ้าน ซึ่งความละเอียดนี้ทำให้เขาทั้งใส่ใจและอ่อนไหว แต่บางครั้งทำให้เขาคิดมากเกินไป บางเรื่องก็อยากให้เขาปล่อยบ้างครับ”

เอิร์ท “ส่วนผมภูมิใจกับน้องมากๆ เพราะเขาพูดมาตลอดว่าอยากพิสูจน์ตัวเอง ซึ่งผมดีใจและภูมิใจที่เขามีวันนี้ ได้เห็นเขามีแฟนคลับที่คอยซัพพอร์ตเขามากมาย และผมบอกเขาเสมอว่า เวลาที่เขาตั้งใจทำอะไร เขาทำได้ดี แบบดีมากๆ ด้วย เพียงแต่เขาไม่ค่อยมั่นใจตัวเอง อย่างเรื่องร้องเพลง ตอนแรกเขาก็กังวล กลัวร้องไม่ดี แต่เวลาที่ผมได้ยินเขาร้องเพลงที่ห้องแบบฮัมเล่นๆ เขาร้องได้นะ เพราะไม่กดดัน จึงอยากบอกเขาว่า ไม่ต้องกลัวว่าจะทำไม่ได้ น้องเป็นคนเก่งครับ” (ยิ้ม)

อ่านบทสัมภาษณ์แบบเต็มๆ ได้ที่ นิตยสารแพรว ฉบับ 971

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เปิดใจ “ลุค อิชิคาว่า” พระเอกน้องใหม่มาแรง! ที่ขโมยหัวใจแม่ยกอยู่ในตอนนี้

เปิดใจเอ็กซ์คลูซีฟ! ก้าวอีกขั้นของ “กลัฟ คณาวุฒิ” พระเอกลูกรักคนใหม่ของช่อง 3

รู้จักตัวตน “บิวกิ้น พุฒิพงศ์” เพอร์เฟ็กชั่นนิสต์ เก่งครบเครื่อง สมฉายา “เทพบุตรบิวกิ้น”

เริ่มโตเป็นสาวสะพรั่ง มีทั้งความน่ารักและความสวยสมวัย จนทำให้ก่อนหน้านี้มีรูปภาพ จินนี่-จุฑาภัค จรรยาธนากร ลูกสาวคนสวยของ ใหญ่ -ฝันดี และ สา-ธนวรรณ จรรยาธนากร โฉบเฉี่ยวให้ได้เห็นบนโลกออนไลน์

แววความสวยและความสามารถเริ่มฉายชัดตามคุณพ่อสมัยเริ่มเข้าวงการซะแล้ว สำหรับลูกสาวคนโตที่สนใจด้านการร้องเพลงและการแสดง โดยเฉพาะการร้องเพลงที่จัดว่าไพเราะ ปัจจุบันฝันดี มุ่งมั่นทำงานด้านจิตอาสากับมูลนิธิเป็นส่วนใหญ่ โมเมนต์ระหว่างพ่อลูกคู่นี้จึงน่าสนใจมากๆ

ซึ่ง แพรวดอทคอม ได้เคยมีโอกาสสัมภาษณ์สาวจินนี่ ซึ่งในบทสนทนาด้านล่างนี้ นอกจากจะทำให้รู้จักตัวตนของสาวจินนี่มากขึ้นแล้ว ยังรู้ด้วยว่าเธอก็แอบกลัวเวลาคุณพ่อไปช่วยเหลือผู้อื่นว่าจะเกิดอันตรายเช่นกัน แต่จะเป็นเหตุการณ์ไหน แล้วจินนี่ได้เรียนรู้อะไรจากคุณพ่อรวมถึงคุณแม่บ้าง ไปฟังกันเลย

ก่อนอื่นอัพเดตกันหน่อยว่าตอนนี้จินนี่กำลังเรียนด้านอะไรอยู่ 

จินนี่ : ตอนนี้เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร คณะวิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม เอกการสื่อสารเพื่อการจัดการนวัตกรรม ตอนนี้อยู่ปี 3 แล้วค่ะ

เป็นอย่างไรบ้างคะกับการเรียนหรือชีวิตมหาวิทยาลัย ยากง่ายอย่างไรบ้าง

จินนี่ : ก็จะมีช่วงปลายเทอม จะเป็นพวกงานไฟนอลหรืองานมิดเทอมก็จะหนักหน่อย จะได้นอนน้อยค่ะ บางทีโปรเจ็กต์มันมีหลายวิชา เราต้องทำซ้อนๆ กัน

นอกเหนือจากเรียนแล้ว ไลฟ์สไตล์ของจินนี่เป็นอย่างไรคะ ชอบทำอะไรบ้าง

จินนี่ : ตอนแรกเรียนร้องเพลงค่ะ เป็นคนชอบร้องเพลง ก็จะไปเรียนร้องเพลงกับเพื่อน วันเสาร์ – อาทิตย์ก็อาจจะนัดไปกินข้าวกับเพื่อนตามไลฟ์สไตล์วัยรุ่นทั่วไป (หัวเราะ) ที่เขาชอบออกไปถ่ายรูปบ้าง ไปกินข้าวบ้างอย่างนี้ค่ะ

ถามนิดนึง ปกติคุณพ่อเลี้ยงเราสไตล์ไหนคะ 

จินนี่ : ป๊าก็จะตามใจ แต่ตามใจนี่คือให้อยู่ในขอบเขต อยู่ในสายตาของพ่อแม่ตลอด ไปไหน กลับกี่โมง จะไปไหนก็บอกตลอด เขาจะไม่ได้ห้ามว่าอันนี้ห้ามไปนะ แต่เราก็ต้องดูว่ามีเหตุสมควรหรือเปล่าถ้าจะกลับดึกอย่างนี้ค่ะ

แต่ก็ถือว่าสนิทกันใช่ไหมคะ เพราะมักจะเห็นไปเที่ยวด้วยกัน อย่างก่อนหน้านี้ก็ไปเที่ยวญี่ปุ่น

จินนี่ : ใช่ค่ะ คุยได้ทุกเรื่อง

แล้วเวลาจินนี่อยู่กับเพื่อนจะเป็นสไตล์ไหน อย่างสายฮา สายนิ่ง 

จินนี่ : หนูเป็นคนนิ่งๆ บางทีก็จะชอบเล่นมุกบ้าง ชอบหยอดมาทีหลังอย่างนี้ (หัวเราะ) เพื่อนๆ ก็จะอุ้ย เล่นตลกได้ด้วยเหรอ เพราะปกติจะเป็นคนไม่ค่อยพูดเยอะ

ไปเที่ยวเฮฮาปาร์ตี้กับเพื่อนบ่อยไหมเอ่ย

จินนี่ : บ่อยนะคะ พอถึงช่วงปิดเทอมก็จะเป็นช่วงของเพื่อนมัธยมที่ไม่ได้เจอกันนาน ก็จะนัดกันบ่อยๆ หน่อย ชวนมากินข้าว หรือถ้าวันเกิดก็จะจัดปาร์ตี้กันบ้างค่ะ ถ้าเปิดเทอมก็จะเป็นตอนพักเที่ยงกินข้าว หรือวันเสาร์ – อาทิตย์ก็นัดเจอกันทำงานอย่างนี้ค่ะ

พูดถึงคุณพ่อนิดนึง อยู่บ้านเขาจะเป็นคนแบบไหน มีเข้มงวดเรื่องหนุ่มๆ ที่จะเข้ามาหาจินนี่หรือเปล่า

จินนี่ : ไม่ค่ะ ไม่เคย (หัวเราะ) คือป๊าจะตามใจ อยากทำอะไร ชอบแบบไหนก็ทำ แต่ก็ปรึกษาเขาได้ตลอด แต่หนูก็ไม่ได้เป็นคนที่กลับดึกหรือเป็นคนเที่ยวอยู่แล้ว ก็เลยไม่มีอะไรน่าห่วง ถ้าจะเที่ยวก็นานๆ ทีอย่างวันเกิดเพื่อนค่ะ

ถ้าให้เมาท์คุณพ่อ มีเรื่องไหนที่ฮาหรือสนุกสนานบ้าง

จินนี่ : อืม…ป๊าเขาจะเป็นคนที่ชอบแหย่คุณป้า มาเล่นตลกฮาๆ อย่างล่าสุดที่ไปทัวร์ทำบุญมา คุณป้านอนหลับอยู่ตอนกลางคืน ป๊าบอกว่าอย่าไปปลุกเขานะ เขาเจ็ตแล็กอยู่ แต่จริงๆ คือขึ้นรถทัวร์ (หัวเราะ) ก็จะขำอย่างนี้ค่ะ

เวลาคุณพ่ออยู่ที่บ้านจะเป็นฟีลตลกเหมือนที่เห็นในทีวีไหม

จินนี่ : เขาก็จะเป็นอีกลุคหนึ่ง ที่บ้านก็จะนิ่งๆ หน่อย แต่ไม่ใช่ขรึมอะไร ก็จะมีเล่นบ้าง แต่ก็ไม่ได้เหมือนกับในทีวีที่จะมีเล่นมีขำอยู่ตลอดเวลาค่ะ

เพื่อนๆ ที่มหาวิทยาลัยรู้ไหมว่าเราเป็นลูกฝันดีนะ

จินนี่ : รู้ค่ะ เขาก็จะบอกว่าจริงเหรอ แล้วคนไหนคือคนพ่ออะ คนไหนๆ วันนี้เห็นพ่อเล่นละครด้วยนะ แต่ไม่รู้ว่าใคร วันนี้เห็นออกรายการด้วย

เรียกว่าจินนี่โตมาคือเห็นคุณพ่ออยู่ในทีวีเล่นละครมาเรื่อยๆ อย่างนี้เลยใช่ไหมคะ

จินนี่ : ใช่ค่ะ

แล้วทำให้รู้สึกไหมว่าอยากจะเข้าวงการหรือมีโอกาสเฉียดๆ ไปเล่นบ้าง

จินนี่ : ก็มีบ้างค่ะ ถ้ามีโอกาสก็อยากลองดู เพราะเราไม่เคยลองมาก่อน

มีคิดไว้ไหมคะ ถ้ามีโอกาสได้เล่นหนัง เล่นละครในวงการบันเทิง อยากจะเล่นแนวไหน

จินนี่ : หนูเป็นคนชอบดูซีรี่ส์ของ GMM ก็จะชอบแนวนั้น คือเขาจะชอบเล่นบทวัยรุ่นกับชีวิตประจำวัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ ดูเป็นอะไรที่เข้าถึงง่ายดีค่ะ เพราะเราก็อยู่ในสังคมที่เราเป็นวัยรุ่น ถ้าสมมุติว่าไปเล่นละครเป็นอีกคนหนึ่ง เราก็อาจจะต้องใช้เวลาในการพัฒนาอีกหน่อย

เป็นวัยรุ่นแบบนี้ มีรักสวยรักงามตามเทรนด์แฟชั่นขนาดไหนคะ

จินนี่ : ถ้าตามเทรนด์ไหม หนูอาจจะไม่ได้ตามเทรนด์ขนาดนั้น แต่ก็มีซื้อของ จะเลือกตามที่หนูชอบ ที่เข้ากับหนู ใส่แล้วโอเค ก็จะซื้อแบบนั้นมากกว่า แต่ถ้าเป็นเทรนด์ที่ขัดกับหนูก็ไม่ได้สนใจขนาดนั้น

ปกติเป็นคนชอบช็อปปิ้งไหมคะ

จินนี่ : โอ้ว…หนูชอบซื้อของจุกจิก เช่น ต่างหู เครื่องประดับ

สไตล์การแต่งตัวที่จินนี่ชอบเป็นแบบไหน 

จินนี่ : หนูแต่งตัวไม่หวานเท่าไหร่ ก็จะเป็นพวกขายาว กางเกงยีนบ้าง เสื้อกล้าม เสื้อเชิ้ตค่ะ ก็จะแต่งสไตล์นี้ตลอด กระโปรงจะนานๆ ที จะไม่ได้เป็นสาวหวานขนาดนั้น

คุณพ่อคุณแม่มีคำสอนอะไรที่เรายึดมาจนถึงปัจจุบัน ที่เขาจะคอยเน้นย้ำกับจินนี่มาตลอด

จินนี่ : คือเขาจะประมาณว่าทำอะไรก็ได้ แต่ต้องไม่เดือดร้อนใคร สมมุติว่ามันโอเค มันไม่เสียหายกับตัวเรา กับคนอื่น ก็ทำได้หมดค่ะ ซึ่งเราก็ต้องดูด้วยว่ามันถูกหรือผิด ก็จะเป็นแนวนี้ จะทำอะไรให้คิดก่อนเสมอค่ะ

คุณพ่อเคยพาเราไปตระเวนทำงานร่วมกับมูลนิธิที่เขาทำไหม 

จินนี่ : ถ้าตระเวนไปช่วย อันนี้ยังค่ะ ก็จะมีขับรถอยู่แล้วเห็นเหตุการณ์มากกว่า ตอนนั้นขับรถอยู่ แล้วน่าจะเป็นคุณยายเป็นลมหรือรถล้มนี่แหละ แล้วหนูไม่ได้ตามไปด้วย ป๊าเขาก็ลงไป คือเขาจอดรถแล้วก็ลงไปเลย เดินไปช่วยเขา แล้วก็ติดต่อให้คนมารับ พาคุณยายไปโรงพยาบาล

รู้สึกอย่างไรบ้างที่เห็นคุณพ่อมาทำงานด้านนี้ 

จินนี่ : รู้สึกนับถือในความรู้สึกของป๊าที่คอยช่วยคนอยู่ตลอดเวลา เพราะเวลาเขาอยู่บ้านก็จะบอกว่าเดี๋ยววันนี้เขาจะไปตรงนี้ ไปช่วยคุณลุงสร้างบ้าน เขาจะมีโครงการของเขาอยู่แล้วคือ “ใจถึงใจ คนไทยไม่ทิ้งกัน” เขาก็จะมุ่งกับตรงนี้ อย่างตรงนี้เดือดร้อนนะ หรือมีคนติดต่อมาหาป๊า ป๊าก็จะช่วยประสานงานให้

คุณพ่อเป็นจิตอาสา ถ้าให้เลือกระหว่างไปเที่ยวกับไปช่วยคนก็จะเลือกช่วยคนก่อน

จินนี่ : ป๊าจะเป็นคนที่ระหว่างไปเที่ยวกับไปช่วยคน เขาจะเลือกไปช่วยคน ไม่ต้องคิดอะไร เขาจะเลือกไปช่วยก่อน เรื่องเที่ยวไว้วันหลังได้ ซึ่งมันคือความสุขของเขา เพราะเวลาเขากลับมาก็จะคอยพูดเล่าว่าวันนี้ไปช่วยคนนี้มา รู้สึกดี ไม่มีบ่นเลยค่ะ

เคยมีเหตุการณ์ที่อยู่บ้านแล้วมีโทรศัพท์เข้ามา คุณพ่อก็ออกไปเลยไหมคะ

จินนี่ : ใช่ค่ะ ออกไปเลย แต่ก็จะหันมาบอกว่าเดี๋ยวไปตรงนี้ก่อนนะ แล้วก็จะขับรถออกไปหาแก๊งเขา ไปช่วยเหลือด้วยกัน

เวลาป๊าไปช่วยคน จินนี่เป็นห่วงไหม หรือมีเหตุการณ์อะไรที่น่าเป็นห่วง

จินนี่ : ก็มีเหตุการณ์ที่ตึกถล่มกับสึนามิ แต่สึนามิตอนนั้นหนูยังเด็กมาก ก็เลยไม่ค่อยรู้ แต่ก็เป็นห่วง เพราะคนตายเยอะ เราก็กลัว แต่เขาก็ติดต่อมาตลอด อย่างตึกถล่มเราก็ไม่รู้ว่าตึกจะถล่มอีกหรือเปล่า ป๊าชอบอัพเดตบนเฟซบุ๊ก เราก็จะรู้ว่าป๊ากำลังทำอะไร เขาไม่เคยบ่นเหนื่อย เขาชอบ ที่บ้านก็โอเค

แต่จินนี่ก็ยังไม่ได้ตามป๊าไปช่วย เพราะบางทีเราติดเรียนด้วย บางทีเป็นงานที่เด็กไปอาจจะกลายเป็นเกะกะเขา เราเลยยังไม่ได้ทำอะไรตรงส่วนนั้น ซึ่งถ้าเราไป เขาก็อาจจะพะวงเกี่ยวกับเราด้วย ก็จะเป็นห่วง

มีตั้งเป้าไหมคะว่าเรียนจบจะประกอบอาชีพอะไร ทำอะไร

จินนี่ : คือหนูชอบหลายแบบ ก็มีทั้งอยากเป็นนักร้องบ้าง เป็นนักแสดงบ้าง แต่บางทีก็อยากจะมีธุรกิจ กิจการเป็นของตัวเอง อย่างพวกร้านอาหาร เพราะว่าหนูเป็นคนนึงที่ชอบไปร้านคาเฟ่ ก็อยากมีแบบนั้นบ้างค่ะ

ปกติเป็นคนชอบร้องเพลงอยู่แล้ว

จินนี่ : ชอบค่ะ ปกติอยู่บ้านก็จะร้อง

แล้วเคยดูที่ป๊าเป็นนักร้องสมัยก่อนไหมคะ

จินนี่ : เคยค่ะ ส่วนมากจะฟังจากเพื่อนเปิด (หัวเราะ) รู้สึกว่ามันยิ่งใหญ่ดี ก็เหมือนตื่นเต้นว่า หูย…ป๊าอยู่ตรงนั้นต้องตื่นเต้นขนาดไหน มีคนมาดูแล้วชอบป๊าเยอะขนาดนั้น

แล้วคุณพ่อเขาเล่าถึงเหตุการณ์สมัยอดีตให้เราฟังบ้างไหมคะ 

จินนี่ : เขาก็พูดประมาณว่าเมื่อก่อนนะ ปะป๊าเรียนร้องเพลง สมัยก่อนกว่าจะซ้อม กว่าจะได้ขึ้นเวที ป๊าต้องซ้อมหลายๆ รอบ ก็จะพูดแนวซ้อมมากกว่า ป๊าก็จะรู้ว่าเราชอบร้องเพลง เขาก็จะพูดว่าป๊าเคยไปที่นี่มา

จินนี่อาจจะมีเชื้อนิดนึง เพราะว่าคุณพ่อก็เป็นนักร้อง จินนี่เองก็ชอบร้องเพลงด้วย

จินนี่ : ก็อาจจะเกี่ยว แต่เด็กก็น่าจะชอบร้องเพลงทุกคน ก็มีไปเรียนค่ะ แต่ไม่ได้เรียนจริงจังขนาดที่ว่าจะไปเป็นนักร้อง เหมือนเรียนเพื่อให้มันดีขึ้น ให้รู้ทักษะการร้อง

นักแสดงในวงการ ชื่นชอบใครเป็นพิเศษไหมคะ แบบเราอยากจะเป็นแบบคนนี้

จินนี่ : ชอบหลายคนมาก อย่างพี่ปู – ไปรยา ก็ชอบ เขาเก่ง เขาเป็นนักแสดง ตอนนี้เขาทำงานโกอินเตอร์ไปแล้ว แล้วก็พี่ญาญ่า เก่งมาก หนูชอบละครพี่เขาด้วย แต่งตัวสวย แต่งตัวดี ถ้าเป็นนักร้อง ฟังทุกแบบเลย เลยไม่รู้ว่าชอบคนไหนเป็นพิเศษ ฟังได้หมด หลากหลายแนว ปกติที่ฟังจะเป็นสากลมากกว่า

ปี 3 ยังไม่ได้ไปฝึกงานใช่ไหม

จินนี่ : ยังค่ะ ตอนนี้กำลังขึ้นปี 3

คุณพ่อสอนเรื่องการใช้เงินหรือเก็บออมอย่างไรบ้างคะ

จินนี่ : ถ้าอยากได้อะไร เราต้องฝึกเก็บบ้าง ต้องพยายามเก็บ บางทีเรามีเงินเดือนใช่ไหมคะ ก็ต้องแบ่งเก็บบ้าง เผื่อฉุกเฉิน เผื่อเอาไว้ใช้อะไร ไม่ต้องขอตลอด มันก็ฝึกให้หนูเก็บด้วยตัวเอง

คือหนูจะเป็นคนชอบเก็บเงินแล้วแยกไว้ จะแยกไว้ว่าอันนี้สำหรับเก็บ อันนี้ซื้อของ อันนี้กินแค่นี้ต่อวัน เป็นคนชอบคิดอยู่ตลอดเวลา คิดทุกเดือนว่าเงินเท่านี้นะ ถ้าเกินก็เอาอีกวันนึงมาใช้ ก็จะมีอยู่แค่นี้ แต่ถ้ามีบางอย่างที่อยากได้จริงๆ หรือเงินไม่พอก็จะบอก ป๊า คนละครึ่งก็ได้ (เสียงอ้อน)

มีมุมน่ารักระหว่างจินนี่กับคุณพ่อไหมคะ อย่างคุณพ่อเคยทำอะไรให้เรา หรือเราเคยเซอร์ไพร้ส์อะไรให้คุณพ่อ

จินนี่ : ช่วงวันเกิดปะป๊าชอบทำการ์ดติดประตูค่ะ วาดรูปแล้วก็เขียนคำอวยพรให้ป๊าเข้ามาเห็นเอง คุณแม่เล่าให้ฟังว่าเขาก็ยิ้ม นั่งถ่ายรูปแล้วเอาไปลงเฟสบุ๊ก มายืนดูยืนจ้องแล้วก็ยิ้ม ปะป๊าจะไม่ได้เป็นคนหวานโรแมนติก เขาก็จะเป็นคนที่ อะ น้องจินอยากได้อะไร อยากกินอะไร จะเป็นฟีลแบบนี้มากกว่าค่ะ

เรื่อง : Apin, Gingyawee_แพรวดอทคอม
ภาพ : แพรวดอทคอม, IG @jinnyyjtp @fundee.j

สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

ขั้วตรงข้าม ปราง-นวลวรรณ ล่ำซำ ลูกสาวคนเก่งของ มาดามแป้ง

เลี้ยงลูกในสไตล์ ฟลุค-เกริกพล กูรูด้านการเงิน คุณพ่อรุ่นใหม่เข้าใจเกมเมอร์ 

ลูกสาวตั้ม สมประสงค์ โตเป็นสาวแล้ว ทั้งสวย เซ็กซี่ หน้าเหมือนพ่อเป๊ะ