ชุดสูท เจ้าชายจอร์จ-8

ใครแต่งตัวเด็กแบบนั้น! ชุดสูท เจ้าชายจอร์จ ร่วมเชียร์บอลยูโร ทำแฟนๆ ไม่พอใจ

ชุดสูท เจ้าชายจอร์จ-8
ชุดสูท เจ้าชายจอร์จ-8

งานนี้เสียงแตก เมื่อแฟนๆ ราชวงศ์อังกฤษเห็นไม่ตรงกันในประเด็น ชุดสูท เจ้าชายจอร์จ ที่ทรงเข้าร่วมชมการแข่งขันฟุตบอลยูโร อังกฤษ ปะทะ เยอรมัน ว่าควรให้เจ้าชายจอร์จ พระชันษา 7 ปี แต่งตัวสบายๆ มากกว่าบังคับใส่สูทแบบพระบิดา

กลายเป็นเรื่องฮือฮาและถูกพูดถึงอย่างมาก เมื่อครอบครัวเคมบริดจ์ เจ้าชายวิลเลียม ดัชเชสเคท และเจ้าชายจอร์จ เสด็จฯ ยังสนามเวมบลีย์เพื่อชมการแข่งขันฟุตบอลยูโร อังกฤษ ปะทะ เยอรมัน ซึ่งผลการแข่งขันก็ทำให้ชาวอังกฤษยิ้มได้ หลังจากทีมชาติอังกฤษ Three Lions สามารถเอาชนะเยอรมัน อินทรีเหล็ก ในการแข่งขันฟุตบอลยูโรรอบ 16 ทีมสุดท้ายไปด้วยสกอร์ 2-0

ชุดสูท เจ้าชายจอร์จ ร่วมเชียร์บอลยูโร

ใครแต่งตัวเด็กแบบนั้น! ชุดสูท เจ้าชายจอร์จ ร่วมเชียร์บอลยูโร ทำแฟนๆ ไม่พอใจ

ซึ่งงานนี้หลายๆ คนก็ให้ความสนใจไปที่ครอบครัวเคมบริดจ์ ไม่ใช่แค่ดัชเชสเคทเท่านั้น แต่เจ้าชายจอร์จก็ถูกจับตามองเช่นกัน ชุดสูทของพระองค์ทำให้เกิดดราม่าตามมา เพราะแฟนๆ หลายคนแสดงความไม่พอใจต่อชุดที่เจ้าชายจอร์จซึ่งมีพระชันษา 7 ปี ทรงสวมสูทและผูกเนคไท ชาวอังกฤษหลายคนรู้สึกงุนงงกับการเลือกชุดสูทให้เด็กในวัยนี้ใส่ดูฟุตบอล

ชุดสูท เจ้าชายจอร์จ-4

ชุดสูท เจ้าชายจอร์จ-5

โดยมีหลายความเห็นมองว่า เจ้าชายจอร์จแต่งตัวเกือบเหมือนกันกับเจ้าชายวิลเลียม ทั้งในชุดสูทสีกรมท่า เนคไทสีขาว แดง และน้ำเงิน ซึ่งแฟนๆ ได้แสดงความคิดเห็นบนทวิตเตอร์ว่า “ใครแต่งตัวเด็กแบบนั้นไปชมการแข่งขันฟุตบอล?” , “เจ้าชายจอร์จควรได้รับอนุญาตให้สวมเสื้อทีมอังกฤษมากกว่าสูทและเนคไทที่มีไว้สำหรับผู้ใหญ่!” , “ใส่แบบนี้ร้อนไปหน่อย น่าจะมาใส่เสื้อทีมชาติอังกฤษมากกว่า เพื่อเชียร์ทีมด้วย”

“ทำไมคุณบังคับลูกชายตัวน้อยของคุณให้ผูกเนคไทเพื่อชมการแข่งขันฟุตบอล มันคือปี 2021 ไม่ใช่ปี 1921!” , “ควรให้เจ้าชายจอร์จใส่เสื้อทีมอังกฤษ พระชันษา  7 ปี ไม่ควรสวมสูท ไม่ว่าเจ้าชายจอร์จจะทรงเป็นกษัตริย์ในอนาคตหรือไม่ก็ตาม”

ชุดสูท เจ้าชายจอร์จ

ชุดสูท เจ้าชายจอร์จ-1

นอกจากนี้มีแฟนๆ อีกหลายคนที่คิดในแง่บวกเกี่ยวกับชุดสูท โดยพวกเขาให้ความเห็นว่า “เด็กบางคนสนุกกับการแต่งตัวในโอกาสพิเศษจริงๆ เจ้าชายจอร์จเป็นตัวแทนของประเทศ ฉันคิดว่าเจ้าชายจอร์จดูภูมิใจและสมาร์ทมาก” , “ทำไมล่ะ พระชันษา 7 ปี แต่เป็นสมาชิกในราชวงศ์และคาดว่าใส่ใจในการแต่งตัวตามโอกาสอยู่เสมอ นี่เป็นการให้ความสำคัญในหน้าที่และความเป็นผู้นำที่เริ่มตั้งแต่อายุยังน้อย เจ้าชายจอร์จดูดีสำหรับฉัน อย่างที่ราชวงศ์ควรจะเป็น”

ชุดสูท เจ้าชายจอร์จ-2

ทั้งนี้ยังมีหลายคนรู้สึกว่าชุดสูทเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับกษัตริย์ในอนาคต ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ก็ตาม “เจ้าชายจอร์จเป็นเจ้าชายที่วันหนึ่งจะทรงขึ้นเป็นกษัตริย์ พระองค์ต้องได้รับการสอนเรื่องความเหมาะสมแต่เนิ่นๆ และบ่อยครั้ง” , “ดูรอยยิ้มบนใบหน้าของเจ้าชายจอร์จสิ ไม่ได้ดูกังวลเลยสักนิด ทำไมชุดสูทตัวนี้ถึงไปกวนใจคุณ”


ภาพและที่มา : www.express.co.uk

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เหมือนถอดแบบมา! 10 แฟชั่น เมแกน แต่งตัวคล้ายกับ เจ้าหญิงไดอาน่า

ซ่อนความแซ่บไม่มิด! เผยชุด ลิซ่า ภายใต้เสื้อเบลเซอร์

ราคาไม่แรง แต่ดูแพงมาก! นาฬิกา หมอซงฮวา ในซีรีส์ดัง Hospital Playlist SS2

 

วิน-กวินทร์

วิน-กวินทร์ นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงวงการพร็อพเพอร์ตี้ ทายาทหมื่นล้าน KE Group

account_circle
วิน-กวินทร์
วิน-กวินทร์

หากพูดถึงซีอีโอรุ่นใหม่ ไฟแรง แห่งวงการพร็อพเพอร์ตี้ นาทีนี้ต้องยกให้ วินวินทร์ เอี่ยมสกุลรัตน์ ทายาทรุ่นที่ 3 แห่ง KE Group เจ้าของอาณาจักร CDC (คริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์)

วิน-กวินทร์ นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงวงการพร็อพเพอร์ตี้ ทายาทหมื่นล้าน KE Group

วิน-กวินทร์ เอี่ยมสกุลรัตน์ เป็นลูกชายของ กวีพันธ์ เอี่ยมสกุลรัตน์ และ ศุภานวิต เอี่ยมสกุลรัตน์ โดยเขา จบการศึกษาระดับชั้นปริญญาตรี คณะเศรษฐศาสตร์ และปริญญาโท คณะสถาปัตยกรรม ศาสตร์ ด้านอสังหาริมทรัพย์จาก Columbia University สหรัฐอเมริกา

ปัจจุบันคุณวินนั่งแท่นเป็นผู้บริหาร บริษัท เคอี กรุ๊ป จำกัด ที่ตอนนี้กำลังเหยียบคันเร่งไม่ผ่อน เดินหน้าวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกล นำพา ALLY REIT ไปได้สวยด้วยผลประกอบการที่สูงจนนักลงทุนยกนิ้วให้

และล่าสุดแว่วๆมาว่า กำลังออนโปรเจกต์ใหม่อย่าง 111 Praditmanutham ครีเอทีฟออฟฟิศ ติดถนนประดิษฐ์มนูธรรม ย่านเลียบทางด่วนเอกมัยรามอินทราม ที่รองรับครบทุกบริการ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ แถมดีไซน์รูปแบบตึกได้เท่ สมาร์ท เหมือนซีอีโอคนเก่ง ล่อตาล่อใจนักธุรกิจ และเหล่าสตาร์ทอัพ ที่มองหาที่ทำงานเก๋ๆ งานนี้เรียกว่า เหยียบคันเร่งไม่มีผ่อนกันเลยทีเดียวจ้า


 

วิธี "ชะลอวัย" ง่ายๆ สามารถทำได้ตามหลัก 5 อ.

คีพความอ่อนเยาว์ด้วยวิธี “ชะลอวัย” ง่ายๆ สามารถทำได้ตามหลัก 5 อ.

Alternative Textaccount_circle
วิธี "ชะลอวัย" ง่ายๆ สามารถทำได้ตามหลัก 5 อ.
วิธี "ชะลอวัย" ง่ายๆ สามารถทำได้ตามหลัก 5 อ.

รู้ไหมคะว่าปัจจุบันนี้การ ชะลอวัย เป็นศาสตร์หนึ่งที่ได้มีการศึกษากันอย่างลึกซึ้งในส่วนของ “การแพทย์เวชศาสตร์ชะลอวัย” ซึ่งเป็นศาสตร์ทางการแพทย์แนวทางใหม่ ที่มีวัตถุประสงค์หลักในการป้องกันโรค ค้นหาโรค รักษาโรค ฟื้นฟูสุขภาพจากความเสื่อมของร่างกายตามอายุ รวมถึงเพื่อช่วยชะลอความแก่ชราของร่างกายลง อาการของความเสื่อมถอยของร่างกายและความชรา จะแสดงอาการให้เห็น ดังต่อไปนี้

  • อ่อนเพลียตลอดเวลา
  • รู้สึกไม่สดชื่นแม้นอนเต็มที่ตลอดคืน
  • รู้สึกไม่แข็งแรงเหมือนเคย
  • น้ำหนักเพิ่มขึ้นหรือไม่สามารถควบคุมน้ำหนักได้
  • หลงลืมมากขึ้นเรื่อยๆ
  • เจ็บปวดตามร่างกาย ปวดหลัง ปวดข้อ
  • นอนไม่หลับ หรือ นอนหลับไม่สนิท
  • อารมณ์ตึงเครียด กระวนกระวาย หรือ วิตกกังวล
  • ความต้องการทางเพศ และสมรรถภาพทางเพศลดลง

อาการเหล่านี้เป็นอาการของความชราค่ะ แม้ว่าในอดีตเราอาจจะเคยถูกสอนให้ยอมรับสภาพว่าเป็นอาการตามวัย แต่ในปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์สมัยใหม่ เราไม่จำเป็นต้องยอมรับสภาพอีกต่อไป

หลักการ ชะลอวัย

แอนไทเอจจิ้ง เป็นศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการชะลอวัย และทำให้สุขภาพแข็งแรงยิ่งขึ้น โดยการให้ฮอร์โมนทดแทน การเสริมสารอาหารเพื่อต้านอนุมูลอิสระ การเสริมวิตามินและแร่ธาตุให้ร่างกาย การใช้เซลล์บำบัด และการบริการทางการแพทย์ด้านอื่นๆ

เนื่องจากความเสื่อมของร่างกาย มีที่มาจากหลากหลายสาเหตุ ทั้งจากภาวะชีวเคมีไม่สมดุล ระดับฮอร์โมนที่ลดลง ขาดสารอาหาร สเต็มเซลล์ทำงานได้น้อยลง เทโลเมียร์ก็สั้นลง โปรแกรมชะลอวัยจึงครอบคลุมการรักษาทั้งในส่วนของภาวะการทำงานของร่างกาย สารอาหาร วิตามิน แร่ธาตุที่ไม่สมดุล เพื่อชะลอความเสี่ยงในการเกิดโรค รวมถึงแก้ไขปัญหาสุขภาพที่เกิดจากความเสื่อมตามวัย

หลักการ ชะลอวัย

หลักการ ชะลอวัย ด้วยวิธีการง่ายๆ สามารถทำได้ตามหลัก 5 อ. ต่อไปนี้

  1. อ. อากาศ พยายามอยู่ในที่ที่มี อากาศ บริสุทธิ์ หลีกเลี่ยงรังสียูวีเอ ยูวีบี ในแสงแดด ควันบุหรี่ ควันจากท่อไอเสียรถยนต์ รวมถึงหาเวลาไปพักผ่อนรับอากาศบริสุทธิ์นอกเมืองบ้าง
  2. อ.อาหาร ควรรับประทานให้ครบ 5 หมู่ เปลี่ยนกลุ่มอาหารให้หลากหลาย หลีกเลี่ยงอาหารที่มีแป้ง และไขมันสูง
  3. อ.ออกกำลังกาย การออกกำลังกายควรทำอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยอาทิตย์ละ 150 นาที โดยการแอโรบิก วิ่ง ว่ายน้ำ หรือการจ๊อกกิ้ง จะช่วยกระตุ้นเลือดลม ทำให้หัวใจแข็งแรง รวมถึงโยคะ ซึ่งจะช่วยให้ข้อต่อ และกล้ามเนื้อมีการยืดหยุ่นที่ดี และการยกเวท ด้วยน้ำหนักที่เหมาะสม จะช่วยเรื่องมวลกล้ามเนื้อให้แข็งแรง ป้องกันกระดูกบางค่ะ
  4. อ.อารมณ์ดี การคิดบวก ปรับวิธีคิด นั่งสมาธิ จะช่วยคลื่นในสมองได้หลับสนิท
  5. อ.แอนไทเอจจิ้ง อ.สุดท้าย ใช้ต่อเมื่อร่างกายมีอาการเสื่อมในอายุที่มากแล้ว เราจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์และทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ให้การรักษา ชะลอไม่ให้สุขภาพเสื่อมถอย ช่วยฟื้นฟูให้แข็งแรงขึ้นอีกส่วนหนึ่ง

หลักการง่ายๆ เพียงเท่านี้ล่ะค่ะ ที่จะช่วยชะลอวัยให้คงความหนุ่มสาวอยู่ได้นานๆ ทั้งภายในและภายนอก


ขอบคุณข้อมูล : ไลฟ์เซ็นเตอร์บล็อก https://lifecenterthailand.wordpress.com
ภาพ : Pexels

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

สวยเซฟทุกจุด! แนะทา กันแดด ทุกส่วนของร่างกาย ปกป้องผิวไม่ให้ดูแก่ก่อนวัย

สิวยุคหน้ากากอนามัย แก้อย่างไรให้จบสวย เพราะไวรัสก็กลัว แต่ที่ชัวร์ผิวต้องไม่พัง!

หมอโอ๊ค แชร์ 6 เช็คลิสต์ ผิวสุขภาพดี ไม่จำเป็นต้องขาวอย่างเดียว ผิวเฉดไหนก็สวยได้!

 

 

เจ้าชายแฮร์รี่ โกรธแรง ไม่พอใจปาปารัสซี่ที่ตามถ่ายรูป อาร์ชี ไปโรงเรียนวันแรก

account_circle

เจ้าชายแฮร์รี่ และ เมแกน มาร์เคิล ดัชเชสแห่งซัสเซกส์ ยังคงทำทุกวิถีทาง และพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อให้ครอบครัวมีความเป็นส่วนตัว และปลอดภัยจากปาปารัสซี่ โดยเฉพาะกับลูกๆ ของพระองค์

แม้ เจ้าชายแฮร์รี่ จะถอนตัวจากการเป็นราชวงศ์ชั้นสูงมาเกือบ 1 ปีครึ่งแล้ว และได้พาครอบครัวย้ายไปพำนักยัง ลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา แบบถาวร รวมถึงได้มีการซื้อบ้านที่มีรั้วรอบขอบชิดเพื่อความเป็นส่วนตัว แต่ดูหมือน ว่านั่นจะไม่ได้ทำให้ปาปารัสซี่ที่คอยติดตามครอบครัวของพระองค์นั้นลดน้อยลงแต่อย่างใด ดูเหมือนจะเพิ่มมากขึ้นด้วย

เจ้าชายแฮร์รี่ โกรธแรง ไม่พอใจปาปารัสซี่ที่ตามถ่ายรูป อาร์ชี แฮร์ริสันไปโรงเรียนวันแรก

อย่างไรก็ตาม แม้ทั้งสองพระองค์จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวแล้ว แต่ก็ไม่สามารถต้านแรงความอยากรู้อยากเห็นของเหล่าปาปารัสซี่ได้ อย่างกรณีที่ช่างภาพสามารถจับภาพช่วงเวลาส่วนตัวของพวกเขาเมื่อครั้งที่ ดัชเชสเมแกนกำลังอุ้ม อาร์ชี แฮร์ริสัน ลูกชายไปส่งที่โรงเรียนวันแรก

ทั้งนี้เจ้าแฮร์รี่ได้ตรัสในรายการพอดแคสต์  Armchair Expert ว่า “วัฒนธรรมของปาปารัสซี่คือ การรุมกินอย่างบ้าคลั่ง เด็กๆ ไม่มีทางเลือก พวกเขาไม่สามารถพูดอะไรได้เลย”

ทั้งนี้ เจ้าชายแฮร์รี่ยังตรัสอีกว่า พระองค์และเมแกนถูกปาปารัสซี่ไล่ตามอย่างดุดัน ในขณะที่พวกเขาอาศัยอยู่ในลอสแองเจลิส

“เราใช้เวลาสามเดือนครึ่งในช่วงแรกที่อาศัยอยู่บ้านของ ไทเลอร์ เพอร์รี (พระสหาย) เฮลิคอปเตอร์ โดรน ปาปารัสซี่วิ่งผ่านเข้ามาในรั้วบ้าน ผมคิดว่า มันบ้าเอามากๆ”

ทั้งนี้เจ้าชายแฮร์รี่ได้ถูกถามต่อว่า  ‘คุณคาดหวังอะไรถ้าคุณอาศัยอยู่ใน LA’ ซึ่งพระองค์ได้ตอบในประเด็นนี้ว่า

“อย่างแรกเลย เราไม่ได้ตั้งใจจะอาศัยอยู่ใน LA นี่เป็นพื้นที่สำหรับลองหาบ้าน และอย่างที่สอง น่าเสียดายถ้าคุณอาศัยอยู่ใน LA และคุณเป็นคนดัง เป็นที่คาดหวัง”

อย่างไรก็ตาม เจ้าชายแฮร์รี่ตรัสว่า โชคดีที่การจัดการกับปาปารัสซี่นั้น “ดีขึ้นมาก” หลังจากที่ครอบครัวของพระองค์ได้ย้ายไปอยู่ที่พำนักปัจจุบันในมอนเตซิโต


ที่มา : www.townandcountrymag.com

ชีวิตคนดังใน LA ของเจ้าชายแฮร์รี่-เมแกน อาจส่งผลกระทบต่อ อาร์ชี ในอนาคต

เมแกน ถูกพบในลุคสบายๆ คุณแม่ตั้งครรภ์ หิ้วกล่องข้าว อุ้มอาร์ชีไปเนอสเซอรี่

Ella Gross

น่ารักจิ้มลิ้ม! Ella Gross นางแบบเด็ก ที่ได้เป็นศิลปินฝึกหัด YG Entertainment

Alternative Textaccount_circle
Ella Gross
Ella Gross

เดี่ยวนี้เด็กๆ ที่อายุน้อยมีแต่เด็กเก่งๆ ความสามารถพร้อมทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นนางแบบแต่เด็ก นักแสดงแต่เด็ก เมคอัพอาร์ติสต์แต่เด็ก ฯลฯ อย่างสาวน้อย เอลล่า กรอสส์ ( Ella McKenzie Gross ) นางแบบเด็กหน้าสวยอินเตอร์ลูกครึ่ง เกาหลี-อเมริกัน วัยเพียงแค่ 13 ปีคนนี้ หลายคนคงคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี

เอลล่ามีรูปหน้าที่สวย โครงหน้าที่ชัดเป๊ะ ทั้งตา จมูก ปาก และคางเรียวได้รูป จึงโดดเด่นกว่าเด็กๆ ในวัยเดียวกัน ทำให้เหล่าเอเจนซี่ต่างรุมจีบให้มาร่วมงานด้วยมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการร่วมงานกับ Unicef หรือถ่ายแบบแฟชั่นเสื้อผ้าเด็กให้กับแบรนด์เสื้อผ้าระดับโลกมาแล้วนับไม่ถ้วน เช่น Abercrombie & Fitch, GAP Kids, Zara Kids, Lacoste, Levi ด้วยวัยเพียงเท่านี้ ถือว่าเป็นเด็กที่ไม่ธรรมดาจริงๆ

Ella Gross

นอกจากนี้เอลล่ายังได้เซ็นสัญญาเป็นศิลปินฝึกหัดให้กับค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ในเกาหลีอย่าง YG Entertainment โดยจะอยู่ในส่วนของค่าย The Black Label ค่ายย่อยภายใต้การดูแลในเครือ YG Entertainment ค่ายเดียวกับวงเกิร์ลกรุ๊ปสุดฮ็อตอย่างวง BLACKPINK นั่นเอง

นอกเหนือจากผลงานการเป็นนางแบบแล้ว เอลล่า ยังมีผลงานภาพยนตร์ด้วย Star Trek: Picard, Malibu Rescue: The Next Wave, Heathers ฯลฯ

นอกจากนี้ สาวน้อยเอลล่ายังมีความสามารถด้านการร้อง เต้น และเล่นกีตาร์ได้อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นเด็กที่ความสามารถรอบด้านจริงๆ ยังไงก็แล้วแต่คงต้องติดตามกันต่อไปว่าสาวน้อยเอลล่าจะได้รับการเดบิวต์เป็นหนึ่งในสมาชิกของเกิร์ลกรุ๊ปวงไหนในอนาคต ซึ่งก็คงต้องใช้ระยะเวลาและการฝึกฝน ก็ขอเอาใจช่วยนะคะ ส่วนตอนนี้ แพรวดอทคอม ขอนำลุคสวยๆ ของสาวน้อยเอลล่ามาให้ชมกันก่อน เด็กอะไรหนอ หน้าสวยมากๆ จนน่าอิจฉา

น่ารักจิ้มลิ้ม! Ella Gross นางแบบวัย13 ลูกครึ่งเกาหลี-อเมริกัน ศิลปินค่าย YG

 

Ella Gross

หน้าตาดีได้พ่อได้แม่นี่เอง คุณแม่ชาวเกาหลีก็สวยมาก คุณพ่อชาวอเมริกันก็หล่อเช่นกัน เลยไม่แปลกใจเลยว่าสาวน้อยเอลล่า กรอสจะหน้าตาดี สวยเป๊ะขนาดนี้ได้ยังไง

Ella Gross

สาวน้อยเอลล่า เซ็นสัญญาเป็นศิลปินฝึกหัดให้กับค่ายเพลง The Black Label ซึ่งเป็นค่ายย่อยในเครือ YG Entertainment ค่ายเดียวกับวงเกิร์ลกรุ๊ปสุดฮ็อตอย่างวง BLACKPINK  นั่นเอง

Ella Gross

สาวน้อยเอลล่ามีรูปหน้าที่สวย โครงหน้าที่ชัดเป๊ะ ทั้งตา จมูก ปาก และคางเรียวได้รูป จึงโดดเด่นกว่าเด็กๆ ในวัยเดียวกัน โอ้ย น่าอิจฉาสุดๆ

Ella Gross Ella Gross Ella Gross Ella Gross Ella Gross Ella Gross Ella Gross Ella Gross Ella Gross Ella Gross Ella Gross Ella Gross

อยากเกิดมาแล้วสวยแบบนี้บ้างจัง แต่ถ้าไม่ทันเราก็ต้องดูแลตัวเองให้สวย ทั้งรูปลักษณ์ภายนอกและภายใน ถึงเป็นผู้ใหญ่ก็ยังไม่สายเกินเด็กๆ นะ


เรื่อง : PP_แพรวดอทคอม
ข้อมูลบางส่วนจาก : nextshark.com, koreaboo.com

ภาพ IG : ellagross

บาส Go Went Go

เซฟไว้ก่อน! 3 ทริปที่รักของ “บาส Go Went Go” บล็อกเกอร์สายเที่ยวที่สาวๆ ปลื้ม

Alternative Textaccount_circle
บาส Go Went Go
บาส Go Went Go

จุดเริ่มต้นของเพจ “Go Went Go : เที่ยว เว้น เที่ยว” มาจากใจรักในการเดินทางของ “บาส – ภาณุภัทร์ สุกัลยารักษ์” หรือที่ใครๆ เรียกว่า “บาส Go Went Go” ที่ท่องโลกมาแล้วกว่า 50 ประเทศ บล็อกของเขาเน้นการท่องเที่ยวที่สัมผัสประสบการณ์จริง ไม่ใช่แค่ภาพสวยหรู มีลูกเพจติดตามกว่า 9.3 แสนคน สำหรับครั้งนี้เราให้บาสโหวต 3 ทริปที่สุดในดวงใจที่เต็มไปด้วยความทรงจำ

เซฟไว้ก่อน! 3 ทริปที่รักของ “บาส Go Went Go” บล็อกเกอร์สายเที่ยวที่สาวๆ ปลื้ม

สวยไปไหนน่ะ จอร์เจีย

“สารภาพว่าเมื่อก่อนผมไม่รู้จักจอร์เจีย แค่เคยได้ยินชื่อ แต่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน เพิ่งมารู้ว่าประเทศนี้อยู่ติดกับตุรกี สาเหตุหลักที่ทำให้อยากไป เพราะเคยอ่านเจอว่าทุกอย่างที่นั่นราคาถูกมาก แต่วิวสวยอย่างกับอยู่สวิตเซอร์แลนด์ จึงวางแผนไปจอร์เจีย 7 วัน เมื่อปี 2019 โดยบินจากไทยไปลงเที่ยวตุรกีก่อน แล้วต่อเครื่องไปที่จอร์เจีย

บาส Go Went Go

“ผมยังแอบงงเรื่องที่ตั้งของจอร์เจียว่ายุโรปหรือเอเชียกันแน่ ถ้าดูตามภูมิศาสตร์คืออยู่ตรงจุดตัดระหว่างเอเชียกับยุโรป ถ้าดูจากแผนที่อาจจะคาบเกี่ยวเอเชีย แต่หน้าตาผู้คนและวัฒนธรรมคล้ายคนยุโรป ซึ่งคนจอร์เจียก็จะบอกว่าที่นี่คือยุโรป (หัวเราะ) ทริปนั้นเราไปเที่ยวหลายเมือง เช่น ทบิลิซิ เมืองหลวงของจอร์เจียที่มีสถาปัตยกรรมคล้ายฝั่งยุโรป มีโบสถ์สวยๆ ผู้คนอัธยาศัยดี ต้อนรับนักท่องเที่ยว ส่วนเรื่องค่าครองชีพ ทุกอย่างราคาถูกมากจริงๆ ครับ เช่น กินข้าวหนึ่งจานตีเป็นเงินไทยประมาณ 30 บาท เบียร์ 70 บาท หรือไวน์ขายขวดละร้อยก็มี ส่วนที่พักราคาพอๆ กับบ้านเรา แต่ได้วิวฝั่งยุโรป และแค่ขับรถออกจากเมืองก็จะเห็นวิวภูเขาสวยๆ ตลอดสองข้างทาง

บาส Go Went Go
ที่อนุสาวรีย์ Memorial History of Georgia ในเมืองทบิลิซิ

“ทริปนี้มีเรื่องน่าตื่นเต้นด้วย เพราะมีสถานที่เที่ยวหลายแห่งที่อยู่บนเขา แล้วต้องขับรถขึ้นไป แต่สภาพถนนไม่โอเคเลย อย่างเช่น อูชกูลลี่ (Ushguli) เป็นหมู่บ้านที่ขึ้นชื่อว่าอยู่สูงที่สุดของยุโรป และได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลก มีผู้คนอาศัยอยู่ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งทางขึ้นไปหมู่บ้านนั้นพังมาก ไม่ใช่แค่ดินลูกรัง แต่เป็นหลุมด้วย แถมจู่ๆ มีน้ำตก มีเหวอยู่ด้านขวา ทางก็แสนจะแคบ โห…โคตรผจญภัยเลย กลัวตายและอันตรายมาก โชคดีว่าช่วงที่ผมไปอากาศดี ไม่มีหมอกหรือฝน แต่สำหรับใครที่ไปเที่ยวเอง แนะนำให้ใช้บริการเช่ารถ ซึ่งมีคนขับเชี่ยวชาญเรื่องเส้นทางให้ด้วย แต่ตอนนั้นพวกผมอยากขับเอง พอไปเจอถนนอย่างนี้ก็ได้แต่คิดว่าไม่น่าเลย สุดท้ายเราใช้เวลาขับถึงหมู่บ้านประมาณ 2 ชั่วโมง

บาส Go Went Go
รูปปั้น Mother of Georgia ในกรุงทบิลิซิ

“แต่พอเจอหมู่บ้าน คุ้มครับ สวยจริงๆ แม้จะมีความร้างอยู่นิดๆ แต่ก็ดูขลังด้วยโบสถ์เก่าๆ พังๆ อยู่หลายแห่ง แต่ช็อตที่อันซีนและว้าวมากคือวิวภูเขาด้านหลังที่สวยจนน่าตกใจ อีกอย่างที่ผมชอบที่นี่คือจอร์เจียมีสุนัขจรจัดเยอะ แต่เป็นมิตรมาก อย่างตอนที่ผมมาถึงหมู่บ้านมีฝูงพ่อแม่ลูกรวมกันประมาณ 8 ตัวได้ วิ่งมาหาแบบดีใจที่เห็นเรามา คอยเดินตามตลอดทาง พอจะกลับก็เดินมาส่งถึงรถ น่ารักมาก”

ไปไม่ถึงประตูสวรรค์

“ถ้าให้เล่าถึงเมืองจีน ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าอยากจะกลับไปไหม (หัวเราะ) แต่เป็นทริปที่ถือว่าได้ผจญภัยสุดๆ ผมกับเพื่อนอีก 3 คนไปเที่ยวเมืองจีนกันเมื่อ ปี 2016 สิ่งแรกในความทรงจำคือหาคนพูดภาษาอังกฤษยากมาก ยากกว่าญี่ปุ่น เวลาไปไหนต้องจดจำชื่อต่างๆ เป็นตัวอักษรภาษาจีน ทั้งป้ายรถไฟ รถทัวร์ เพราะฉะนั้นการติดต่อสื่อสารทุกอย่างต้องอาศัยเปิด Google Translate ตลอดทริป

บาส Go Went Go
ถึงไม่เจอประตูสวรรค์ แต่ได้มาเจอเมืองโบราณเฟิ่งหวง สวยมาก

“ทริปนี้เราวางแผนไปที่เทือกเขาเทียนเหมินซานที่เมืองจางเจียเจี้ย ซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังคือประตูสวรรค์ โดยต้องขึ้นเคเบิลคาร์ไปบนภูเขา เพราะอยู่สูงมาก ทางจีนเขาเคลมว่านี่คือเคเบิลคาร์ที่ยาวและไกลที่สุดในโลก (ระยะทาง 7.5 กิโลเมตร)

“แต่วันนั้นคงเป็นวันแห่งความโชคร้าย เรื่องแรกคือเราไม่ได้ดูปฏิทินของประเทศจีน จึงไม่รู้ว่าวันนั้นคือวันหยุด ผลคือคนเยอะมาก… ขนาดออกตัวกันแต่เช้าแล้วนะ แต่ยืนรอต่อคิวขึ้นกระเช้าประมาณ 2 ชั่วโมง แถวขดแล้วขดอีก แล้วระหว่างทางก็จะเห็นคนแซงอยู่เรื่อยๆ ที่แปลกคือคนโดนแซงก็ไม่ว่าอะไร มีคนจะมาแซงผมด้วย แต่ผมไม่ยอม ใช้มือกันไว้ แต่สุดท้ายเขาก็ไปแซงคนข้างหน้าอยู่ดี

“สรุปว่าใช้เวลาอีกเกือบชั่วโมง กว่าจะถึงข้างบนเพื่อไปดูประตูสวรรค์ แล้วพอไปถึงฝนตกหนัก! ไม่เห็นวิวอะไรทั้งสิ้น แถมจู่ๆ จากฝนกลายเป็นพายุ มีน้ำท่วมลงมาจากภูเขา ซึ่งดีว่าข้างบนมีอาคารขนาดใหญ่ที่รองรับผู้คนได้เยอะ ผมเห็นคนไปนั่งเหมือนเป็นผู้ประสบภัยรอความช่วยเหลือ ที่พื้นมีน้ำเจิ่งนองเต็มไปหมด หมอกลงหนาจัด ทุกคนนั่งรวมอยู่ในอาคาร ไปไหนไม่ได้ ที่พีคคือถึงขั้นออกข่าวว่าเกิดพายุที่นี่ แต่ผมฟังไม่ออก จึงไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ไม่รู้ว่าจะได้ลงตอนไหน ทุกอย่างโกลาหล เปิดโปรแกรม Google Translate ถามเจ้าหน้าที่แบบเข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง รู้แค่ว่ายังไปไม่ได้

“เรานั่งอยู่ข้างในนานมาก จนสุดท้ายสถานการณ์ดีขึ้น คือฝนยังตกอยู่นะ หมอกยังหนัก เราตัดสินใจไปซื้อเสื้อกันฝนคนละตัวกับรองเท้าบู๊ต แล้วเดินเที่ยวทั้งอย่างนั้นแหละ เพราะรู้สึกว่าเรามาถึงแล้ว จะนั่งเซ็งทำไม เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ห้าม คงเพราะไม่ได้อันตรายมาก แต่ไม่มีนักท่องเที่ยวคนไหนออกมาเดินแบบเรานะ เราเดินไปในที่ที่ยังพอไปได้ ฝ่าน้ำท่วมไปเลยครับ แล้วถ่ายรูป ซึ่งได้รูปหมอกๆ มาแทน เห็นอะไรไม่ค่อยชัด

“จนไปถึงจุดที่จะขึ้นประตูสวรรค์ มีเจ้าหน้าที่เฝ้าอยู่ ผมก็ไปขออนุญาต แต่เขาไม่ให้ขึ้น เพราะเส้นทางอันตราย เราก็พยายามขอ บอกเขาว่ามาครั้งเดียว ไม่ได้มาบ่อยๆ เขาก็ยืนยันคำเดิม สุดท้ายอดเห็นประตูสวรรค์ ต้องเดินกลับมา นั่งรออีกนานมากกว่าจะได้ลงมาข้างล่าง แต่ก็โชคดีที่ทุกอย่างผ่านมาได้ด้วยดีครับ”

แปลกกว่าอินเดียไม่มีอีกแล้ว

“อินเดียคือสถานที่ที่ผมอยากกลับไปมากๆ ตอนที่เห็นข่าวโควิดระบาด ผมสะเทือนใจนะ เพราะชอบมาก ขณะเดียวกันก็พอจะเข้าใจว่าทำไมเชื้อถึงระบาดเร็วขนาดนั้น เพราะความที่เขาอยู่กันอย่างแออัด ไม่มีทางทำ Social Distancing ได้ บวกกับรูปแบบการใช้ชีวิต เช่น การใช้มือเปิบข้าว โรคจึงไปไว ผมรู้สึกสงสารและเห็นใจ ภาวนาให้กลับมาดีดังเดิม เพราะเป็นประเทศที่น่าประทับใจทั้งคน ศิลปะ วัฒนธรรม

บาส Go Went Go 2

“ผมไปอินเดียมา 3 ครั้งแล้วครับ ไปกรุงนิวเดลี พาราณสี ชัยปุระ และอัคระ ตอนไปครั้งแรกนานมากแล้ว แต่ยังจำได้ดีถึงความรู้สึกว่าเป็นอะไรที่เปิดโลก คือจะว่าอินเดียไม่มีระเบียบก็ไม่เชิง แต่ทุกอย่างที่เขาทำเกิดจากความเคยชิน อะไรที่เป็นกฎเกณฑ์ที่คนอื่นทำกัน พอไปถึงอินเดียเราลืมไปได้เลย เช่น รถขับเฉี่ยวชนกันเป็นเรื่องปกติ บีบแตรใส่กันตลอดเวลาก็คือปกติ มีวัวเดินหรือนอนขวางทางกลางถนนก็ไม่มีใครกล้าไล่ เพราะเป็นสัตว์ที่เขาบูชา

“ผมเคยเกิดเหตุการณ์โดนรถชนที่อินเดีย คือมีรถหลบวัวที่นอนอยู่กลางถนนแล้วมาชนรถผมด้านข้าง ตกใจมาก โชคดีที่ไม่มีใครเป็นอะไร คนขับแค่ลงมาด่ากันแล้วแยกย้าย ง่ายๆ แค่นั้นเลย

บาส Go Went Go 3
ล่องเรือที่แม่น้ำคงคา เมืองพาราณสี

“นอกจากนี้เราจะเจอสิ่งมีชีวิตอยู่ร่วมกับมนุษย์มากมาย ตั้งแต่ลิง อูฐ วัว ม้า งู แกะ แพะ นกยูง ทั้งหมดที่พูดมาคือเดินอยู่ทั่วไปตามถนน บางทีผมเดินอยู่มีงูเห่าเลื้อยมาหา ตกใจมาก หันไปเจอคนนั่งเป่าปี่ อะเมซิ่งว่ามีจริงๆ เหรอที่เป่าปี่ให้งูเลื้อยมาเรียกเราแล้วเลื้อยกลับไปหาเจ้าของ สุดท้ายเราก็ต้องเดินไปเสียสตางค์ดูเขาเป่าปี่เล่นกับงู (หัวเราะ) คือเขาทำให้เราสนใจได้สำเร็จ

“ส่วนผู้คนน่าสนใจมาก การที่เราเห็นคนนอนอยู่ริมถนนหรือนั่งขับถ่ายข้างทางถือเป็นเรื่องปกติ ซึ่งตอนแรกผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมมาถ่ายทุกข์หนักเบากันอย่างนี้ ไม่เข้าห้องน้ำล่ะ พอค้นข้อมูลก็พบว่ามาจากความเชื่อตั้งแต่โบราณว่า ห้องน้ำคือสถานที่ถ่ายของเสีย จึงไม่สร้างไว้ในบ้าน คนสมัยก่อนต้องไปทำธุระข้างนอก เป็นเรื่องที่สืบทอดมาเรื่อยๆ ถ้าเป็นชนบทก็คือทำธุระในป่า แต่ถ้าในตัวเมืองคือข้างถนน เท่าที่ผมทราบทุกวันนี้เขาพยายามพัฒนาและให้ความรู้เรื่องสุขอนามัยว่าต้องเข้าห้องน้ำ แต่ความที่คนส่วนใหญ่ในประเทศยังไม่ค่อยมีเงิน ในบ้านจึงไม่มีห้องน้ำ เป็นเหตุผลให้ต้องออกมาขับถ่ายอย่างที่เราเห็น

บาส Go Went Go 4

“อีกเรื่องคือการขายของ คนอินเดียตื๊อหนักมาก เขาจะไม่ยอมแพ้ ผมเคยไปซื้อเสื้อกับเพื่อน ต่อราคาแล้วไม่ลงตัวจึงเดินออกมา สักพักคนขายวิ่งตามมาถามว่าเอาเท่าไร พอเราบอกไป เขาก็ลดให้อีกแค่นิดเดียว ซึ่งเราไม่โอเค พอแยกย้าย เขาก็วิ่งมาตามใหม่ สุดท้ายต่อกันไปมาประมาณ 10 รอบถึงได้ราคาที่เราต้องการ เหมือนว่าถ้าเขาจะขาย ก็ต้องขายให้ได้ ที่นี่จึงใช้เวลาซื้อของนานมาก

“ขณะเดียวกันคนอินเดียก็น่ารักและเฟรนด์ลี่มากๆ เจอกล้องไม่ได้เลยนะ จะอยากให้เราถ่ายรูป หรือไม่เขาก็ขอถ่ายรูปเรา

บาส Go Went Go 5

“วัฒนธรรมประเทศเขาก็หลากหลาย มีอะไรให้ค้นหาเยอะดี บางเรื่องผมไม่รู้ว่าที่เขาพูดมาอะไรจริงหรือไม่จริง เช่น เราจะไปขี่ช้าง คนขับรถบอกว่าไปไม่ได้หรอกนะ เพราะปิด แต่พอไปถามที่ขี่ช้าง เขาบอกว่าไม่ได้ปิด เราก็งง ตกลงปิดหรือเปิด เข้าใจว่าคนขับรถคงไม่อยากให้เราไปขึ้นช้าง เพราะเสียเวลาของเขา พอเจออย่างนี้บ่อยก็ได้ข้อสรุป ว่าต้องหาคำตอบด้วยตัวเอง กับอีกเรื่องคือคนที่นี่เขาแทบไม่สนใจอะไรเลยจริงๆ เช่น ตอนไปดูแม่น้ำคงคาที่เมืองพาราณสี ผมเห็นภาพที่คนใช้แม่น้ำในการอาบน้ำ ซักผ้า ใช้เป็นที่ถ่ายหนักถ่ายเบา ลอยศพ ใช้ดื่ม ขณะที่ต้นน้ำมีคนซักผ้าอยู่ ปลายน้ำก็ตักขึ้นมาดื่ม ผมชอบในความที่เขาไม่สนใจอะไรจริงๆ

“ยังมีอีกหลายเมืองที่ผมอยากไปเที่ยวในอินเดีย เช่น แคชเมียร์ เพราะที่นั่นสวยและมีหิมะ อีกที่คือหมู่บ้านงู เขาว่าที่นั่นมีงูพิษอยู่ร่วมกับชาวบ้าน คือทุกบ้านมีงู และเราจะเจองูเลื้อยตามถนนทั่วไป แต่งูไม่เคยกัดชาวบ้านเลย ใจหนึ่งผมก็กลัวนะ แต่แอบคิดว่าถ้าไม่มีใครเคยโดนกัด เราก็อาจจะไม่โดนหรือเปล่า มันน่าสนใจว่าเขาอยู่ด้วยกันได้ยังไง”

เที่ยวเมืองไทยก็ดีต่อใจนะ

“ช่วงที่โควิดระบาด ไปไหนไม่ได้ก็อยู่บ้านครับ มีอะไรให้ทำทั้งวัน อ่านหนังสือ ออกกำลังกาย ดูซีรี่ส์ ผมชอบอยู่บ้าน อยู่ได้ไม่เบื่อ แค่บางครั้งมีคิดถึงการเดินทางบ้างเท่านั้นเอง

“อย่างปีที่แล้วที่จริงผมมีแพลนเที่ยวไว้เยอะเลย ตั้งเป้าว่าจะไป 30 ประเทศ ใช้เวลาสองเดือน อยากไปลุยอเมริกาใต้ วางแผนว่าจะไปลงเครื่องที่บราซิล ไปต่อ โคลอมเบีย โบลิเวีย แล้ววนรอบๆ เกาะกาลาปากลอส อีกทริปก็คือทรานส์ไซบีเรีย ส่วนที่ซื้อตั๋วไว้แล้วล่มหมดก็มีครับ ทั้งโครเอเชีย ฝรั่งเศส อิตาลี ช่วงปีที่ผ่านมาจึงเที่ยวในประเทศเยอะหน่อย บ้านเรามีที่เที่ยวสวยๆ น่าสนใจมากมาย

บาส Go Went Go 1
น่าน บรรยากาศดีมาก

“สำหรับภาคเหนือ ผมประทับใจน่าน อาหารอร่อย นักท่องเที่ยวไม่เยอะ ที่พักน่ารัก มีเอกลักษณ์ และวิวสวยมาก อย่างหมู่บ้านสะปัน วิวสวยสู้ต่างประเทศได้เลย ส่วนแม่ฮ่องสอนก็ชอบหลายที่ เช่น ปางอุ๋ง บ้านรักไทย จ่าโบ่ และปาย ส่วนถ้าเป็นทะเล ฝั่งอ่าวไทยที่ชอบที่สุดคือเกาะกูด ซึ่งอาจจะไปยากกว่าเกาะช้าง แต่ผมมองว่าน้ำทะเลสวย ไปพักได้ไม่ลำบาก เพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ แต่ขณะเดียวกันความเป็นธรรมชาติก็ยังอยู่ครบ ต้องยอมรับว่าเมืองไทยสวยไม่แพ้ที่ไหนเลยจริงๆ”


ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 971

ภาพ : bas_gowentgo

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ซูมความแพงระยับ รีสอร์ทหรูบนเกาะกูด ที่ ชมพู่ อารยา พาครอบครัวเที่ยวหมาดๆ

พระเอกนักเดินทาง เคน-ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์ #เที่ยวทิพย์กับทริปที่รัก

ท่องโลกอย่างสวยสะพรึงแบบ Leoine Hanne บล็อกเกอร์ท่องเที่ยว หัวใจแฟชั่น

 

‘มีดวงหยุดตรงนี้ที่เธอ ไม่ต้องเหนื่อยใจกับการรักๆ เลิกๆ วนไปอีกแล้ว’ ดูดวงรายวัน 1 กรกฏาคม 2564

ดูดวงรายวัน 1 กรฏาคม 2564 #หมอปุ้ยพยากรณ์ เช็กทุกวัน เป๊ะปังทุกดวง ทั้งการงาน การเงิน ความรัก และสุขภาพ

‘มีดวงหยุดตรงนี้ที่เธอ ไม่ต้องเหนื่อยใจกับการรักๆ เลิกๆ วนไปอีกแล้ว’

ดูดวงรายวัน 1 กรกฏาคม 2564

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์

การงาน  :  คุณมีปฏิภาณ ไหวพริบ และความคล่องตัวในการทำงานสูง มีความเป็นไปได้ว่าในช่วงเวลาอันใกล้นี้คุณจะมีภาระหน้าที่ความรับผิดชอบอย่างหนักหนาสาหัส แล้วหลีกเลี่ยงไม่ได้ด้วย โดยอยู่ภายใต้การติดตามดูแลของเจ้านายด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากทำงานหรือเกี่ยวข้องกับสายการศึกษา เช่น ครูบาอาจารย์ นักวิชาการ ไลฟ์ โค้ช เทรนเนอร์ ติวเตอร์ ฯลฯ ดังนั้น วันนี้คุณควรใช้พรสวรรค์ ทำงานเพื่อเอาตัวรอดจากความผิดพลาดและความเสียหายที่จะเกิดขึ้น

การเงิน  : รายได้หลักมาจากงานประจำ ซึ่งคุณพยายามทำงานให้หนักขึ้น เพื่อหารายได้เพิ่ม วันนี้ก่อนควักเงินออกจากกระเป๋าควรมีสติ เพราะมีความเสี่ยงที่จะเสียเงินด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์

ความรัก :  ระวังการโหมงานหนักจะทำให้คุณไม่มีเวลาให้กับครอบครัว จนที่สุดแล้วคุณอาจถูกโดดเดี่ยวให้อยู่คนเดียวเลยก็ได้    คนโสด  คุณทำแต่งานจนไม่คิดว่าจะคบใครจริงจัง วันนี้ผู้ใหญ่อาจเข้ามามีส่วนในการหาคู่เดทให้ แต่หากคุณได้คนที่ไม่ถูกใจ ก็พร้อมที่จะอยู่เป็นโสดต่อไป

สุขภาพ  : ปกติคุณแข็งแรง ไม่มีปัญหาเรื่องสุขภาพ แต่หากประมาท ทำงานหนักจนไม่ได้พักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ หรือรับประทานอาหารไม่ตรงเวลา ก็มีความเสี่ยงที่คุณจะล้มป่วยได้ง่ายๆ  โดยเฉพาะเรื่องปวดหลัง ปวดตามข้อ วันนี้จะมาเป็นอันดับหนึ่ง

 

ผู้ที่เกิดวันจันทร์

การงาน  :  สำหรับผู้ที่ทำงานหรือเกี่ยวข้องกับงานสายบุญ สายธรรมะ สาย CSR เพื่อสังคม ไม่ว่าจะออนไลน์ หรือออนไซท์ มีความเป็นไปได้ที่คุณจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้บริหารโครงการ หรือทำงานด้านบริหาร มีลูกน้องอยู่ในการปกครอง ซึ่งคุณก็มีพลังกายพลังใจเต็มเปี่ยมที่จะรับมือกับอุปสรรคและปัญหาที่จะเข้ามา โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านการติดต่อประสานงาน การบริหารจัดการ การให้คำปรึกษา วันนี้คุณจะทำได้ดี แต่ก็ไม่ควรเชื่อมั่นในตัวเองสูงมาก จนกลายเป็นดื้อรั้น กล้าได้กล้าเสีย และเสี่ยงจนน่ากลัว

การเงิน : มีโชคทางด้านการลงทุน วันนี้คุณสามารถใช้เงินทำงานสร้างรายได้ที่สูงให้กับตัวเอง เมื่อได้เงินมาส่วนหนึ่งควรนำไปทำบุญด้วย เดี๋ยวจะหมดกับการกินดื่มและช็อปปิ้งฟุ่มเฟือย

ความรัก :  คุณค่อนข้างอึดอัด ด้วยความที่คุณแต่งงานอยู่ในครอบครัวที่มีกฎระเบียบตึงเป๊ะ จึงทำให้คุณซีเรียสจริงจังหมดทุกเรื่อง ยึดมั่นแต่ความถูกต้องของตัวเองมากกว่าจะคุยกันด้วยเหตุผล และประนีประนอม คนโสด  หากที่ผ่านมาไม่ว่าคุณจะคบกับใคร ก็ไม่เคยผ่านด่านผู้ใหญ่เลย วันนี้มีลุ้นค่ะ

สุขภาพ  : ควรให้ความสำคัญกับการขับถ่าย ไม่ควรกลั้นปัสสาวะเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้กรวยไตและกระเพาะปัสสาวะมีปัญหา หากในกรณีรุนแรงเสี่ยงต่อการติดเชื้อในกระแสเลือดได้

 

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน :  สำหรับผู้ที่ทำงานหรือเกี่ยวข้องกับงานที่ต้องใช้ความรู้ ความสามารถ และความรับผิดชอบอย่างมาก เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าให้สำเร็จลุล่วงอย่างดีที่สุด เช่น บุคคลในเครื่องแบบ นักกฎหมาย นักการเมือง ทนายความ ฯลฯ มีความเป็นไปได้ว่าคุณจะได้ทำงานเพื่อสังคม ก็ไม่ควรยึดติดในอีโก้ของตัวเองมาก จนไม่สนใจความรู้สึกนึกคิดของเพื่อนร่วมงาน เพราะมีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดดราม่าอย่างรุนแรง แล้วหากคุณผิดพลาดหรือล้มเหลวก็จะถูกรุมกระหน่ำซ้ำเติมทันที ที่สำคัญควรหลีกเลี่ยงจากงานสีเทา เพราะหากถลำลึกลงไปแล้วมีโอกาสที่จะสร้างปัญหาและนำความเดือดร้อนมาให้ไม่หยุดหย่อน

การเงิน : รายได้มาจากหยาดเหงื่อแรงงาน ที่ผ่านมาคุณหาเงินเก่ง มีเงินใช้ไม่ขาด แต่วันนี้มีความเป็นไปได้ที่คุณจะสำรองจ่ายเงินไปก่อน จึงทำให้การเงินสะดุด

ความรัก :  วันนี้จากท่าทางภายนอกที่เห็นคู่คุณอยู่กับบ้าน ทำหน้าที่แฟมิลี่แมนที่ดีนั้น ก็อย่าเพิ่งวางใจ มีความเป็นไปได้ที่เขาจะแอบคบใครอยู่ ถึงกับซื้อบ้านให้อยู่เลยทีเดียว  คนโสด  มีความเสี่ยงที่จะเกิดศึกแย่งชิง  ซึ่งที่สุดแล้วคุณจะแพ้ จนต้องตกจำยอมอยู่อย่างซ่อนเร้น

สุขภาพ  : ออฟฟิศซินโดรมถามหาแล้วค่ะ จะปวดหลัง ร้าวตึงไปถึงคอ บ่า ไหล่ หากต้องทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ ควรลุกขึ้นเปลี่ยนอิริยาบถทุกๆ ชั่วโมง รวมถึงทำโยคะ เพื่อเหยียดยืดกล้ามเนื้อที่ตึงให้ผ่อนคลายบ้าง

 

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน :  สำหรับผู้บริหารหรือผู้ที่ทำงานบริหาร มีลูกน้องอยู่ในการปกครอง ซึ่งคุณมีพลังกายพลังใจอย่างเต็มเปี่ยมในการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคที่จะเข้ามาให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ในช่วงระยะเวลาอันใกล้นี้คุณอาจได้รับข่าวดีที่จะได้เริ่มงานใหม่ หรือมีโอกาสโยกย้ายเปลี่ยนแปลงหน่วยงานไปสู่สิ่งที่ดีกว่า เพื่อความมั่นคงในอนาคต วันนี้คุณมีความเป็นศิลปินในตัว หากได้ทำงานที่ใช้มุมมองความสวยงาม ความคิดสร้างสรรค์ การออกแบบดีไซน์ ฯลฯ จะไปได้อย่างสวยงาม

การเงิน :  มีความสามารถใช้เงินทำงานสร้างรายได้ที่สูงให้กับตัวเอง ซึ่งคุณก็โชคดีที่มีผู้ใหญ่ให้การช่วยเหลืออยู่ตลอด แต่อาจสะดุดตรงที่ถูกเพื่อนฝูงหยิบยืมเงิน แต่ก็เป็นเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น

ความรัก : วันนี้คุณมีภาวะผู้นำสูง  ค่อนข้างใส่ใจในทุกๆ รายละเอียดของสมาชิกในครอบครัว ก็ควรปล่อยวางบ้าง บรรยากาศในครอบครัวจะได้ชิลแทนที่จะตึงเครียด เพราะชีวิตก็เครียดมากพอแล้ว คนโสด คุณมีเสน่ห์ที่การแต่งตัวเสริมบุคลิกให้ดูดี เสื้อผ้าหน้าผมเป๊ะตลอด ดังนั้น หากที่ผ่านมาผิดหวัง แล้วก็เริ่มต้นใหม่วนไป วันนี้มีลุ้นที่จะได้หยุดตรงนี้ที่เธอ

สุขภาพ :  ควรให้ความสำคัญกับการขับถ่าย ไม่ควรกลั้นปัสสาวะเป็นเวลานาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากดื่มแอลกอฮอลล์ เพราะจะเคยชินจนติดเป็นนิสัย เสี่ยงต่อกระเพาะปัสสาวะและกรวยไตจะมีปัญหา หากในกรณีรุนแรงจะมีโอกาสติดเชื้อในกระแสเลือดได้

 

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี

การงาน  :  จากที่คุณเคยทำงานแบบสงบๆ ไม่แก่งแย่ง ทะเยอทะยาน อยากมีอยากเป็นกับใครทั้งนั้น มีความสุขกับการทำงาน แต่วันนี้มีความเป็นไปได้ที่ยักษ์ในตัวคุณจะถูกปลุกให้ตื่น กลายเป็นคนที่สตรอง ลุย กล้าเสี่ยง ถึงไหนถึงกัน ไม่รับฟังความคิดเห็นของใคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณได้ทำงานทางการเกษตร ตั้งแต่เกษตรกร นักออกแบบตกแต่งสวน ศิลปินสาขาศิลปวัฒนธรรม นักธุรกิจโอท็อป วันนี้คุณมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จ แต่ก็ต้องระวังการตัดสินใจที่เฉียบขาด แต่ขาดความรอบคอบ รวมถึงการมีบริวารที่ไม่ซื่อสัตย์ จะทำให้งานผิดพลาดเสียหายอย่างไม่ควรจะเกิด

การเงิน :  จากที่คุณเคยใช้ชีวิตอยู่อย่างพอเพียง สมถะ วันนี้มีโอกาสที่คุณจับผลัดจับผลูลงทุนแล้วแจ๊คพ็อตแตก หรือได้ซื้อขายที่ดิน ทำให้คุณร่ำรวยขึ้นมาทันตาเห็น

ความรัก :  คุณเคยอยู่กันอย่างสมถะ สนใจใฝ่ทางธรรม วันนี้ชีวิตคู่คุณมีโอกาสที่จะหวือหวา ตื่นเต้นขึ้น แต่ก็ยังอยู่บนพื้นฐานความรักและเอาใจใส่กันดี  คนโสด  หากคุณใช้ชีวิตไม่ต่างอะไรจากผู้ทรงศีล วันนี้มีโอกาสที่คุณจะลุกขึ้นเปลี่ยนตัวเอง แล้วก็โชคดีได้เจอผู้ที่รักและจริงใจกับคุณด้วย

สุขภาพ :  หากคุณมีโรคประจำตัวเป็นโรคหัวใจ รวมถึงโรคที่เกี่ยวข้องกับหัวใจอยู่ ก็ควรระวัง เพราะวันนี้อาจกำเริบขึ้นโดยที่คุณไม่รู้ตัว จึงควรหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะกระตุ้นให้โรคไปถึงจุดนั้น

 

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน :  สำหรับผู้ที่ทำงานหรือเกี่ยวข้องกับงานที่ต้องใช้ความรู้หนักๆ เช่น ครูบาอาจารย์ นักวิชาการ นักค้นคว้า รวมถึงผู้ที่ต้องทำงานเป็นทีม เช่น แพทย์ ทั้งแผนปัจจุบันและแผนไทย โดยเฉพาะอยู่ในหน่วยงานที่มีระบบระเบียบการทำงานที่เป๊ะ มีขั้นตอนการดำเนินการมากมาย เช่น หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ ฯลฯ วันนี้มีโอกาสที่คุณจะได้ร่วมงานกับทีมงานที่ดีมีความรู้ระดับปรมาจารย์เลยทีเดียว ก็ควรใช้ความคิดและจินตนาการที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด พยายามให้อยู่ในคอนเซ็ปท์ อย่ามโนไปไกล

การเงิน :  รายได้มาจากการมีทีมงานและผู้บังคับบัญชาที่ดี แต่ก็ไม่ควรหลงเชื่อคำพูดที่มีหลักการและเหตุผล เพราะจะทำให้คุณตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพที่จะมาหลอก หรือฉ้อโกงคุณในทุกรูปแบบ

ความรัก : หากคุณแต่งงานหรืออยู่ด้วยกัน เพราะผู้ใหญ่จัดสรร หรือเพราะหน้าที่การงาน แต่วันนี้ดูเหมือนเรื่องลูกจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้คุณสามารถอยู่ด้วยกันมาจนถึงวันนี้  คนโสด มีโอกาสที่แฟนเก่าจะติดต่อกลับมา ซึ่งคุณก็แอบคาดหวังอยู่เงียบๆ มานานแล้ว แต่วันนี้ผู้ใหญ่ก็ยังไม่เปิดทาง

สุขภาพ :  ดูภายนอกคุณแข็งแรง จึงไม่ค่อยให้ความสำคัญกับสุขภาพร่างกายมากนัก วันนี้มีความเสี่ยงที่ระบบหมุนเวียนเลือด ความดันจะมีปัญหา ซึ่งอาจเป็นการส่งสัญญาณเตือนก็ได้ จึงควรไปหาหมอตรวจเช็กร่างกายตั้งแต่เนิ่นๆ

 

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน :  หากคุณอยู่ในช่วงที่นำเสนองานหรืองานที่เสนอไปยังติดค้าง คาราคาซังอยู่ ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะยังไม่มีการพิจารณาอนุมัติในช่วงระยะเวลาอันใกล้นี้ นอกจากนั้นคุณยังจะเครียด เพราะถูกเจ้านายกดดันให้ต้องใช้ความรู้ ความสามารถ ทำงานให้หนักขึ้นกว่าเดิม (จากที่หนักอยู่แล้ว) โดยเฉพาะในเรื่องของการติดต่อประสานงาน การเจรจา การโฆษณา ประชาสัมพันธ์ สื่อมวลชน รวมถึงผู้ที่มีความชำนาญในการใช้ภาษา ก็ไม่ควรเข้าไปพัวพันกับงานสีเทา เพราะจะทำให้เดือดร้อนในภายหลัง ควรใจเย็นๆ และระวังคำพูด

การเงิน : แม้จะต้นเดือน แต่คุณก็ร้อนเงินเสียแล้ว อาจมีรายจ่ายก้อนโตจากคนรักหรือลูกหลาน ซึ่งก็จะมีผู้ใหญ่มาช่วย จึงไม่ควรหลงกลกับอามิสสินจ้าง หรือเงินที่ได้มาอย่างไม่ถูกต้อง เพราะจะส่งผลเสียกับคุณในอนาคต

ความรัก : วันนี้จากท่าทีภายนอกที่คู่คุณเป็นคู่คิดที่ดี คอยให้คำแนะนำสิ่งที่ดีมีประโยชน์ แต่ก็อย่าเพิ่งวางใจนัก เพราะเขาน่าจะมีความลับดำมืดซุกซ่อนอยู่ภายใต้ภาพที่เห็น คนโสด หากคุณกำลังมีความรัก ก็ค่อยๆ ศึกษากันไปก่อน อย่าเพิ่งปล่อยตัวปล่อยใจไปโดยง่าย เพราะดวงแต่งงานของคุณยังอีกนานเลย    

สุขภาพ :  หากเดินทางออกจากบ้าน ควรดูแลตัวเองและสภาพรถให้ดี ขับขี่อย่างปลอดภัย อย่าประมาท ที่สำคัญดื่มไม่ขับ

 

สแตนด์อินคิมเบอร์ลี่

  เปิดภาพ มิหลา-สมิหลา สแตนด์อินคิมเบอร์ลี่ ในละครเรื่อง สองเสน่หา

Alternative Textaccount_circle
สแตนด์อินคิมเบอร์ลี่
สแตนด์อินคิมเบอร์ลี่

เปิดวาร์ปนักแสดงสาวหน้าใหม่ มิหลา-สมิหลา ชูเล่อร์ สแตนด์อินคิมเบอร์ลี่ ในละครเรื่อง สองเสน่หา สวย เก่ง ความสามารถรอบด้าน

เรื่องราวกำลังดำเนินมาถึงโค้งสุดท้ายแล้ว สำหรับละครเรื่อง “สองเสน่หา” ที่มาพร้อมความแซ่บ ความเข้มข้น รวมถึงฉากฝาแฝดอีกหลายฉากในละคร ที่ได้รับกระแสตอบรับเป็น อย่างดี ได้รับคำชมจากผู้ชมว่า “เนียนสุดๆ ไม่ทำให้ผิดหวัง” แต่กว่าจะได้แต่ละฉากนั้นมัน ไม่ง่าย นักแสดงต้องผ่านขั้นตอนการถ่ายทำหลายคัทหลายเท รวมถึงต้องมีสแตนด์อินที่จะ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ฉากฝาแฝดออกมาสมบูรณ์ที่สุด หลายคนสงสัยว่าสแตนด์อินคิมเบอร์ลี่ ใน “สองเสน่หา” นั้นเป็นใคร? เพราะมีกระแสตั้งแต่ละครยังไม่ออนแอร์ จากการเปิดรับสมัคร ค้นหาสแตนด์อิน โดย เมเกอร์ กรุ๊ป จนได้น้อง “มิหลามิหลา ชูเล่อร์” อายุ 23 ปี เรื่องความสามารถนั้นการันตีได้จากผลงานที่ผ่านมา แถมเธอยังเป็นลูกครึ่งไทย-เยอรมัน เหมือนกับ คิมเบอร์ลี่อีกด้วย ซึ่งน้องมิหลาได้รับคัดเลือกเข้ามาเป็นสแตนด์อิน จากผู้สมัครร่วมร้อยคน จนผ่านคัดเลือกเข้าสู่รอบ 50 คนสุดท้าย และได้รับเลือกให้มาเป็นสแตนด์อินคิมเบอร์ลี่ในที่สุด

เปิดภาพนักแสดงหน้าใหม่ มิหลา-สมิหลา ชูเล่อร์

สแตนด์อินคิมเบอร์ลี่

Sameela Schueler

โดย “เจ็ท ณัฐพงศ์” ผู้จัดละครฯ ที่เป็นส่วนหนึ่งในการคัดเลือกสแตนด์อินคิมเบอร์ลี่ ให้เหตุผลว่า “เหตุผลที่เลือกน้องมิหลามา เพราะน้องมิหลามีคุณสมบัติตรงตามที่เราต้องการ ไม่ว่าจะเป็น ด้านหลัง ด้านข้าง ไหล่ และทรงผม ที่เหมือนคิมเบอร์ลี่มาก ความสูงก็ใกล้เคียง กันเลยครับ ส่วนเรื่องการแสดงนั้นเราจะคำนึงถึงเป็นอย่างที่สอง เพราะสามารถให้น้องมา พัฒนาต่อได้ในช่วงระหว่างถ่ายทำ และได้มีการส่งไปวิร์คช็อปก่อนหน้าถ่ายทำด้วยครับ”

ด้าน “น้องมิหลา” เปิดใจถึงผลงานชิ้นโบว์แดงว่า “ตอนทราบครั้งแรกว่าจะได้มาเป็นสแตนด์อินพี่คิมเบอร์ลี่หนูตื่นเต้นมากๆ รวมถึงในช่วงระหว่างถ่ายทำ เพราะเป็นงานแรกใน วงการบันเทิงของหนูเลย และเป็นงานที่ค่อนข้างยากและกดดันพอสมควร ขอบคุณ อานะ-ชนะ คราประยูร ผู้กำกับฯ พี่เจ็ท-ณัฐพงศ์ ผู้จัดละครฯ รวมถึงพี่ๆ ทีมงานทุกท่านที่ดูแลและให้โอกาส หนูเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในเรื่องนี้ และพี่คิมเบอร์ลี่ ที่ให้คำแนะนำให้กำลังใจตลอด ในช่วงการ ถ่ายทำ พี่คิมน่ารักและเป็นกันเองกับหนูมากๆ ค่ะ งานนี้ทำให้หนูได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง ได้ความทรงจำดีๆ ได้ประสบการณ์ที่หาจากที่ไหนไม่ได้ค่ะ”

สแตนด์อินคิมเบอร์ลี่ ในละครเรื่อง สองเสน่หา

  มิหลา-สมิหลา ชูเล่อร์

สแตนอินคิมเบอร์ลี่-1

สองเสน่หา

สแตนอินคิมเบอร์ลี่

สมิหลา ชูเล่อร์

ทางด้าน “คิมเบอร์ลี่ แอน โวลเทมัส” กับบท “เดือนหยาด” และ “พิลาสลักษณ์” เปิดใจ“น้องมิหลา” ว่า “เจอน้องครั้งแรกรู้สึกว่าน้องเหมือนเราอยู่เหมือนกัน ทั้งรูปร่าง ทรงผม สีผมก็เหมือนกันด้วย  และเค้าก็มีความคล้ายเราเมื่อสิบปีที่แล้ว ตอนเราเพิ่งเข้ามาใหม่ๆ ที่แบบใหม่มาก และเป็นงานในวงการบันเทิงงานแรกของน้องด้วย น้องต้องมาจำบทยาว ต้องเล่นร้าย ซึ่งมันยากมากสำหรับน้องใหม่ที่เข้ามา เราก็มีคุยกับน้อง พยายามทำความรู้จักเพื่อ ให้น้องทำตัวสบายๆ เวลาอยู่กับเรา มิหลาเป็นคนมีความจำดี ช่วงระหว่างถ่ายทำเราก็พยายามให้ กำลังใจน้อง เพราะเข้าใจว่ามันยาก น้องเป็นคนเก่งที่ผ่านงานยากมาได้ขนาดนี้ ขอบคุณ น้องมิหลา ที่มาทำงานร่วมกันใน สองเสน่หา และขอเป็นกำลังใจให้น้องกับการทำงานในวงการ บันเทิงต่อไปค่ะ”


ภาพจาก : @meelasameela

สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

เห็นหน้าแล้วน่าฮักขนาด “ฝ้าย สุพรรณิการ์” สแตนอิน “ญาญ่า” ในกลิ่นกาสะลอง

ผู้จัด-สแตนด์อิน-สไตลิสต์ แอน ทองประสม เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว

สูตรดีท็อกซ์ฉบับ “คิมเบอร์ลี่” ทำเองได้ กินง่าย แถมผิวสวยเปล่งปลั่ง

 

อนาคตที่เลือกเองได้! จากนักแสดงเด็กสู่แพทย์มืออาชีพ หมอพลอย-โสวิชญา

ทุกบทบาท ทุกอาชีพในโลกนี้ หากจะบอกว่าอาชีพใดสำคัญกว่ากัน ก็คงจะเป็นการตัดสินที่ไม่ยุติธรรมเอาซะเลย เพราะแต่ละงานต่างก็เป็นองค์ประกอบให้โลกนี้ขับเคลื่อนได้อย่างสมบูรณ์ บางคนอาจจะค้านในใจว่าไม่จริงหรอก ในเมื่อสังคมยังตัดสินและให้คุณค่าไม่เท่ากัน

วันนี้เลยพามาคุยกับหญิงสาวอดีตนักแสดงเด็ก ซึ่งตอนนี้เธอกลายเป็นคุณหมอเต็มตัว “แพทย์หญิงโสวิชญา ปานทอง” หรือหมอพลอย ลูกสาวของคุณแม่ดี้-ปัทมาและพ่อเอ๋-กษมา เธอพูดเสมอว่าความสำเร็จของชีวิตเธอเวลานี้เป็นเพียงก้าวแรก และการได้เป็นแพทย์ก็ไม่ได้เกิดจากความเก่งกาจฉลาดกว่าใครๆ เพราะสิ่งที่ผลักดันให้มีทุกวันนี้ได้คือความพยายามและอดทน

อนาคตที่เลือกเองได้! จากนักแสดงเด็กสู่แพทย์มืออาชีพ หมอพลอย-โสวิชญา

“สมัยตอนอยู่ในโรงเรียน พลอยไม่ได้เป็นที่ 1 ของห้อง แต่เราเป็นคนตั้งใจเรียนมาก เวลาสอบก็ตั้งใจให้ผ่านทุกครั้ง ถึงเวลาพักก็เล่นกับเพื่อนๆ พลอยเป็นคนคุยเก่งมาก ตอนเด็กๆ โดนฟ้องประจำเลย แต่พอโตขึ้นก็ไม่ค่อยแล้วนะคะ (หัวเราะ)

พลอยเชื่อว่าคนเราไม่ว่าจะทำอาชีพอะไร จะอยากสอบติดหมอ หรืออะไรก็ตาม  ไม่จำเป็นต้องเรียนเก่งที่ 1 ขนาดนั้น คือวันที่อยากเป็นหมอ ถ้ามีคนมาบอกว่ามันเหนื่อยนะ หนักนะ เราก็ไม่รู้หรอกว่าเหนื่อยที่ว่ามันเป็นยังไง พลอยว่าคนที่จะมาทำอาชีพนี้ อยากให้มีใจที่จะมุ่งมาตรงนี้จริงๆ มากกว่า

อาชีพแพทย์คือ อาชีพที่ต้องใช้ความพยายาม ความอดทน มากกว่าความฉลาด และความรับผิดชอบก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด”

ถ่อมตัวขนาดนี้ อาจจะต้องให้เล่าเท้าความถึงสมัยเด็กกันสักหน่อยว่า อาชีพแพทย์เริ่มเข้ามาอยู่ในความตั้งใจของหมอพลอยตั้งแต่ตอนไหน

“ตอนแรกอยากเป็นหลายอาชีพเหมือนเด็กทั่วๆ ไป อยากเป็นทูต อยากเป็นแอร์โฮสเตส เพราะชอบไปเที่ยว จนกระทั่งมาช่วงมัธยมปลาย สาเหตุหลักคือ ดูหนัง ดูซีรีส์ที่เกี่ยวกับหมอเยอะมาก ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรเยอะ แค่รู้สึกว่าเป็นอาชีพที่น่าตื่นเต้น แต่ละวันทำอะไรไม่ซ้ำกัน และก็เป็นวิชาชีพที่มีประโยชน์กับคนอื่นด้วย ตอนที่พลอยสอบเข้าคณะแพทย์ศาสตร์ที่จุฬาฯ ได้ เรายังเด็กมาก เรารู้สึกดีใจที่เราเริ่มมีเป้าหมายในชีวิต แต่ยังไม่มีภาพในหัวเลยว่าจะเป็นหมอแบบไหน พยายามโฟกัสกับการเรียนก่อน เพราะต้องอ่านหนังสือเยอะมาก อย่างช่วงปี 1 – ปี 3 ยังเรียนวิชาพื้นฐาน พอชั้นปีสูงขึ้นความยากมันก็มากขึ้น ต้องขยันให้มากๆ พอเริ่มมีเข้าเวร งานก็เยอะขึ้น เราต้องแบ่งหน้าที่ทั้งการทำงานในหวอดและการอ่านหนังสือ ก็หนักหนาเหมือนกันค่ะ แต่มันคือหน้าที่ของเราอยู่แล้ว เลยไม่เคยคิดว่ามันเป็นอุปสรรคหรือกลายเป็นเด็กที่เคร่งเครียดอะไร และเราก็มีเพื่อนๆ ที่อยู่ด้วยกัน ถึงเวลาสอบก็เต็มที่ แต่พอทุกอย่างเรียบร้อยก็ไปรีแลกซ์บ้าง”

ในหนึ่งวันหมอต้องดูแลคนไข้ยังไงบ้าง

หลังจากเรียน พลอยก็ไปใช้ทุน คือทุกคนที่เรียนจบคณะแพทย์ศาสตร์ของมหาวิทยาลัยรัฐบาลจะต้องไปใช้ทุน 3 ปี พลอยได้ไปอยู่ที่โรงพยาบาลสระบุรีค่ะ  ช่วงแรกก็ปรับตัวเยอะเหมือนกัน เพราะเราเองก็ไม่ได้คิดล่วงหน้าว่าจะต้องไปเจอกับอะไรบ้าง ชีวิตเปลี่ยนไปเยอะมาก แต่ไม่ได้รู้สึกว่ามันยากลำบากอะไรนะคะ เราค่อยๆปรับตัวไปในแต่ละวัน เจอปัญหาก็ค่อยๆ แก้ไป

ในหนึ่งวันตื่นเช้ามาก็ตรวจคนไข้ในหวอดผู้ป่วยตั้งแต่ 7.30 น. ถึง 10.30 น. จัดการงานทำหัตถการถึงประมาณเที่ยง ถ้าวันไหนมีออกตรวจผู้ป่วยนอกก็จะไปประมาณ 10.00-12.00 ช่วงเที่ยงก็จะ มีน้องๆพี่ๆ ที่ทำงานด้วยกันมาร่วมพูดคุย Topic ต่างๆ ในห้องประชุม และก็กินข้าวกัน เสร็จก็กลับมาตรวจคนไข้ที่รับใหม่ในหวอด และก็ตรวจผู้ป่วยรอบเย็น คือก็จะวนหลูบนี้ทุกวัน”

พอใช้ทุนที่นี่จบ วางแผนกับอาชีพแพทย์ไว้ยังไงอีกบ้าง

“ตั้งใจว่าจะกลับไปเรียนต่อพาะทางด้านอายุรกรรมค่ะ จริงๆ แต่ละด้านจะมีลักษณะงานที่แตกต่างกันไป แต่อายุรกรรมมันเข้ากับชีวิตพลอยมากที่สุด ด้วยบุคลิกนิสัยของเราเอง ชอบคุยกับคนสูงอายุหน่อย เราไม่ใช่คนรักเด็กขนาดนั้น ก็รู้สึกว่าคุยกับคนสูงอายุง่ายกว่าด้วย และตัวเนื้อหาวิชาพลอยชอบแนวนี้มากกว่า เลยมีความสนใจด้านนี้ ”

ประสบการณ์ในอาชีพนี้ยังไม่มาก มีความกดดันเวลารักษาคนไข้บ้างไหม

“ จริงอยู่ว่าการที่เราเป็นหมอจบใหม่ อาจจะไม่ได้รู้ทุกเรื่อง แต่ก็พยายามที่จะเรียนรู้ และถามคนที่มีความรู้มีประสบการณ์ในการรักษาคนไข้มากกว่าเรา ส่วนมากถ้ากดดันก็คงเป็นที่ตัวเอง ว่าเราต้องทำให้ได้ อย่างเรื่องหัตถการที่ต้องใช้เวลาในการทำ ถ้าเราทำได้เร็วก็จะดีกับผู้ป่วยมากกว่า แต่จริงๆ สิ่งที่เครียดมากเลยคือ เวลาเห็นญาติผู้ป่วยเขากังวล เพราะเราก็เต็มที่นะ แต่เขาก็ยังเครียดอยู่ ใจเราเองก็อยากให้เขาแฮ็ปปี้”

ทำหน้าที่รักษาผู้ป่วยในโรงพยาบาลต่างจังหวัด แตกต่างจากที่หมอเคยเห็นบ้างไหม

“มันก็ต่างเยอะค่ะ ด้วยจำนวนหมอ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ หมอที่อยู่ต่างจังหวัดก็พยายามทำทุกอย่างเท่าที่ทรัพยากรตรงนั้นจะมีให้ได้มากที่สุด แต่การจะพัฒนาทั้งระบบมันคงต้องใช้เวลา มันคงเปลี่ยนไม่ได้ภายในปีสองปี ตอนนี้ถ้าคิดว่าอะไรที่สำคัญที่สุด พลอยคิดว่าจำนวนบุคลากรทางการแพทย์ที่จะเข้ามารักษาผู้ป่วย ซึ่งจะต้องอยู่ตามโรงพยาบาลรัฐฯ เพราะตอนนี้ยังไม่พอกับผู้ป่วย”

ที่ผ่านมาอาชีพนี้ให้ข้อคิดอะไรกับหมอพลอยบ้าง

“หลังจากที่ทำงานมาสักพักก็รู้สึกเลยว่าปัญหาอื่นๆ ในชีวิตมันไม่ค่อยเป็นปัญหา มันไม่ได้มีอะไรที่เป็นเรื่องใหญ่ เพราะยังมีอีกหลายคนที่เขาเจอปัญหายิ่งกว่าเรา และเราโชคดีที่ไม่ได้เจอแบบนั้น รู้สึกว่าเราใช้ชีวิตของเราให้มีความสุขได้แบบง่ายๆ มากขึ้น ชีวิตคือไม่มีอะไรให้เครียดแล้วนอกจากเรื่องงาน”

วางเป้าหมายกับการทำหน้าที่นี้อย่างไรบ้าง

“ ตอนนี้เป้าหมายระยะสั้นคือ อยากเรียนต่อ เราจะได้มีความรู้มากขึ้น ดูแลคนไข้ได้เยอะขึ้น หลังจากนั้นก็จะทำงานในอาชีพนี้ให้ดีที่สุด ไม่ให้ขาดตกบกพร่องในหน้าที่ ผู้ป่วยและญาติผู้ป่วยทุกคนที่มาเจอเรา เขาจะได้รู้สึกว่าโชคดีที่ได้เราเป็นคนรักษาเขา”

จรรยาบรรณข้อไหนที่หมอพลอยคิดว่าเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับการเป็นแพทย์

“พลอยว่าเรื่องความซื่อสัตย์ เพราะเราพูดโอะไรไป คนไข้ก็เชื่อเรา มันเป็นเรื่องสำคัญมากค่ะ อีกอย่างก็คือ ความรับผิดชอบ เพราะเราต้องรักษาคนไข้ให้ดี อย่างเวลาที่คนไข้มารักษา ต้องนอนค้างที่โรงพยาบาลจนจะกลับ บางคนไม่มีญาติมารับ ไม่มีที่ไป เราอาจจะต้องช่วยติดต่อว่าจะมีใครสามารถดูแลเขาได้บ้าง หรือทำยังไงที่จะสามารถช่วยตามหาญาติได้ เจ้าหน้าที่ทุกคนก็จะช่วยๆ กันค่ะ การมาทำหน้าที่นี้ต้องนึกถึงหัวใจของผู้ป่วย และ คนในครอบครัวของเขาด้วย คือเราต้องดูแลคนสำคัญในชีวิตของอีกหลายๆ คน ก็ต้องแบกความรู้สึกความคาดหวังของพวกเขาไว้มากพอสมควร”

เส้นทางในสายอาชีพนี้ของหมอพลอย ส่วนสำคัญที่หล่อหลอมให้เกิดความรู้สึกนึกคิดที่จะสร้างทางเดินให้กับชีวิตตัวเองเป็นไปอย่างดีแบบทุกวันนี้ พ่อและแม่ก็มีส่วนสำคัญมาก

“ทุกวันนี้พลอยรู้สึกว่าตัวเองโตขึ้น มีความรับผิดชอบมากขึ้น เราได้เห็นชีวิตของคนอื่นที่หลากหลายรูปแบบมาก จนมาย้อนนึกถึงตัวเองเลยว่าจริงๆ เราโชคดีมากนะ ดังนั้นเราเองก็ต้องทำชีวิตเราให้ดีมีความสุข เพราะความเจ็บป่วยมันไม่เข้าใครออกใคร ทำให้เรารู้ว่าเราต้องดูแลคนที่เรารักอย่างคุณพ่อคุณแม่ เพราะบางทีเราก็อาจจะไม่ได้มีโอกาสดูแลเขาไปได้ตลอดชีวิต”

พ่อกับแม่มีส่วนสำคัญกับการตัดสินใจมากขนาดไหน

“พ่อกับแม่ไม่เคยบังคับหรือวางกรอบเลยว่าพลอยต้องเรียนเก่งนะ ต้องสอบให้ได้เท่านั้นเท่านี้นะ แต่เขาให้เรารู้ว่าหน้าที่ของเรามีอะไรบ้าง และทำหน้าที่ของเราให้ครบมากกว่า ที่บ้านเราจะพูดกันได้ทุกเรื่อง จะไม่มีความลับต่อกัน คุณแม่ไม่เคยมาดุ แต่เราคุยกันด้วยเหตุผล พลอยเลยกล้าคุยกับพ่อแม่ทุกเรื่อง

(คุณแม่เสริม) “ตอนนี้เขาเองก็มีแฟนนะ คบมาตั้งแต่สมัยเรียน พ่อกับแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเขาพากันเรียน พอทำงานก็ทำสายเดียวกัน แต่ก่อนเวลามีใครมาชอบ มีใครเอาอะไรมาให้ก็จะเล่าให้ฟัง และเขาเป็นคนที่ยับยั้งตัวเองได้ อย่างสมัยที่น้องพลอยยังเป็นนิสิตแพทย์ พ่อเขาเคยชวนไปเที่ยวกลางคืน เพราะอยากให้ลูกเห็น ให้รู้จักอีกโลก เขาก็พูดเลยว่ามันจำเป็นด้วยหรอที่เขาต้องไปรู้จัก” (หัวเราะ)

“ตั้งแต่เด็กเวลาถ้าจะขออะไรกับพ่อแม่ พลอยจะคิดมาแล้วว่าขออันนี้ได้ ถ้าขอแล้วไม่ได้ก็จะไม่ขอเลย คุณแม่จะสบายๆ ค่ะ ส่วนคุณพ่อจะตามใจแบบจะไปไหนเขาก็จะพาไป รับ-ส่งทุกที่ทุกเวลา”

หมอคิดว่าอะไรที่ทำให้สามารถจัดการกับความคิดได้ว่าเราต้องรักอนาคตของตัวเอง

“พลอยว่าอาจจะเพราะคุณพ่อคุณแม่เป็นคนในวงการ ทุกคนรู้ว่าเราเป็นลูกใคร คือเราคิดมาตลอดตั้งแต่เด็กเลยว่า ถ้าเราทำตัวไม่ค่อยดี เขาจะว่าหรือเปล่าว่าพ่อแม่สอนมาแบบนี้หรอ พลอยไม่อยากให้พ่อกับแม่โดนใครว่า และรู้สึกว่าชีวิต เราเป็นคนกำหนดว่ามันจะดีหรือไม่ดี ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราทำ ถ้ามันเป็นอะไรที่เราทำเพื่อความสุขนิดๆ หน่อย แต่ว่าส่งผลระยะยาว และทำให้ชีวิตเราถูกพูดถึงในแง่ไม่ดี พลอยคิดว่าก็ไม่ทำจะดีเสียกว่า”

คำว่า “ความสำเร็จ” หรือการบรรลุเป้าหมายอะไรสักอย่างที่มนุษย์ทุกคนต่างตั้งความหวัง จริงอยู่ว่าอาจเริ่มที่การปลูกฝังจากครอบครัวและคนรอบข้าง แต่ท้ายที่สุดแล้วคนที่จะนำพาให้ชีวิตเป็นไปอย่างที่อยากให้เป็นได้ก็คือตัวเราเอง

มนุษย์เราไม่จำเป็นต้องเก่งที่สุด ฉลาดที่สุด ก็สามารถไปถึงเป้าหมายในชีวิตได้ ขอแค่มีความตั้งใจและความพยายาม..


สัมภาษณ์/เรียบเรียง : ภัทรีพันธ์ สุขสมพร้อม

ภาพ :    จักรพงษ์ นุตาลัย

 

 

 

 

โรคซึมเศร้า

โรคซึมเศร้า ทำไมต้องอายใคร? 8 คนดังระดับโลก เผยอาการป่วยหวังสร้างวิทยาทาน

โรคซึมเศร้า
โรคซึมเศร้า

เศร้าใจ หม่นหมอง หงุดหงิด รู้สึกผิด สิ้นหวัง คิดว่าตนไร้ค่า ความจำแย่ นอนไม่หลับ หนักสุดคือคิดถึงแต่ความตาย ถ้าใช่ นั่นอาจหมายถึงคุณกำลังมีภาวะสุ่มเสี่ยงเป็นผู้ป่วย โรคซึมเศร้า อยู่

คำถามคือเมื่อแพทย์วินิจฉัยว่าคุณเป็นโรคซึมเศร้า คุณจะทำยังไง ซ่อนตัว เก็บงำอาการไว้เพราะอายที่จะให้ใครรู้ บอกเลยว่าผิดมหันต์ เพราะสิ่งที่คุณต้องทำคือเข้ารับการรักษาอย่างจริงจัง รวมทั้งบอกเล่าอาการของคุณกับคนชิดใกล้เพื่อให้เขาเข้าใจสภาวะที่คุณกำลังเผชิญอยู่ และเมื่อรักษาหายแล้วคุณจะใจดีออกมายอมรับอย่างไม่อาย เพราะหวังว่าอาการของเขาและเธอจะเป็นวิทยาทานให้ใครต่อใครได้ ดังเช่น 8 คนดังนี้ เราก็จะปรบมือให้ดังๆ

โรคซึมเศร้า ทำ ไมต้องอายใคร? 8 คนดังระดับโลก เผยอาการป่วยหวังสร้างวิทยาทาน

แบรด พิตต์ (ฺBrad Pitt)

โรคซึมเศร้า

พระเอกชื่อดังของฮอลลีวู้ดอย่าง แบรด พิตต์ ที่แม้จะอายุเยอะแล้วก็ยังหล่อไม่เลิก ตอนนี้ทุกคนคงชินตากับภาพครอบครัว โจลี-พิตต์ แสนสุข แต่หากย้อนไปในช่วงทศวรรษที่ 1990 ณ ห้วงเวลานั้นเขาต้องจมอยู่กับความหดหู่ พยายามหลีกหนีจากชีวิตแบบคนดัง แถมยังติดบุหรี่อย่างหนักมาแล้ว “ผมเคยเผชิญกับโรคซึมเศร้า ผมเคยติดต้องทำนิสัยอย่างเดิมทุกคืนก่อนนอน แล้วก็นับเลขเพื่อให้ตัวเองหลับ พอกลางวันก็แทบจะรอไม่ไหว อยากให้ถึงเวลากลับบ้าน เพื่อจะได้หมกตัวอยู่ในห้อง แต่ตอนนี้มันผ่านไปแล้ว ที่จริงผมหายมาเป็นสิบปีแล้วนะ และการเป็นโรคนี้ก็ช่วยให้ผมรู้จักตัวเองมากขึ้น ผมมองว่าเป็นการเรียนรู้ที่ดีมาก แบบ ’เทอมนี้ผมกำลังเรียนวิชาโรคซึมเศร้า’ อะไรแบบนั้น”

แองเจลีนา โจลี (Angelina Jolie)

โรคซึมเศร้า

แองเจลินา โจลี นักแสดงรางวัลออสการ์ นอกจากฝีมือการแสดงจะถือได้ว่าเป็นตัวแม่แล้ว เธอยังใจบุญสุดๆ ด้วย เธอทุ่มเททำงานการกุศลมากมาย รับบุตรบุญธรรมมาเลี้ยงถึง 3 คน พ่วงด้วยตำแหน่งทูตพิเศษของสหประชาชาติ(UN) แต่เห็นชีวิตแฮปปี้แบบนี้ จริงๆ แล้วเธอเคยเป็นโรคซึมเศร้าในช่วงวัยรุ่นนะ และมันก็กำเริบอีกครั้งหลังจากแม่ของเธอเสียชีวิตลงในปี 2007 “ตอนที่แม่ฉันเพิ่งเสียชีวิต ฉันต้องการจะทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ลืมเรื่องนี้ออกไปจากหัวสักพักนึง ฉันรู้สึกว่าตัวเองกำลังเดินเข้าไปสู่ที่ที่มีแต่ความมืดมิด แถมฉันยังไม่สามารถบังคับให้ตัวเองลุกขึ้นมาจากเตียงในตอนเช้าได้ ดังนั้นฉันก็เลยตัดสินใจรับเล่นหนังเพื่อบังคับให้ตัวเองต้องแอกทีฟมากขึ้น”

กวินเน็ธ พัลโทรว์ (Gwyneth Paltrow)

โรคซึมเศร้า

นักแสดงสาวเจ้าของรางวัลดารานำหญิงลูกโลกทองคำและออสการ์จากภาพยนตร์เรื่อง Shakespeare in Love คุณแม่ลูกสองที่มีผลพวงของการคลอดเป็นภาวะซึมเศร้าแถมพก “หลังจากฉันคลอดโมเสส(ลูกชาย) ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นซอมบี้ ไม่มีหัวใจ ไม่มีความรู้สึก มันแย่มากๆ เลย กลายเป็นคนละเรื่องกับตอนที่แอปเปิ้ล(ลูกสาว)เกิด ตอนนั้นฉันมีความสุขมาก จนฉันยังไม่อยากเชื่อว่าฉันจะไม่รู้สึกแบบเดิมหลังจากโมเสสเกิด และฉันก็คิดแต่ว่าตัวเองเป็นแม่ที่แย่มากๆ แล้วก็เป็นคนที่ห่วยสุดๆ”

บียอนเซ่  โนวส์ (Beyoncé Knowles)

โรคซึมเศร้า

เลดี้ กาก้า (Lady Gaga)

มอนสเตอร์สาวซ่าส์ เจ้าของชีวิตสุดรันทด ทั้งชีวิตยากจน พ่อแม่เป็นชนชั้นแรงงาน ติดยา ถูกข่มขืนสมัยเป็นวัยรุ่น ไม่แปลกที่ความบัดซบทั้งหลายทั้งปวงที่เธอเผชิญดึงเธอเข้าสู่ภาวะซึมเซร้า แต่สิ่งที่สุดยอดกว่าคือความกล้าที่จะพูดถึงมันต่างหาก “นั่นเป็นเพราะฉันได้เรียนรู้ว่าความเศร้าโศกไม่ได้ทำลายเรื่องดีๆ ที่เคยเกิดขึ้น คุณก็แค่ต้องหาทางกลับไปสู่ความสุขให้ได้ มองหาแสงสว่างเล็กๆ ที่เหลืออยู่ ซึ่งฉันโชคดีที่หาแสงสลัวๆ นั่นเจอ”

ไมลีย์ ไซรัส (Miley Cyrus)

Miley Cyrus

นักร้องสาวซ่าส์กับเครดิตกล้า บ้า เปรี้ยว ไม่แคร์โลก ทำรายได้สูงตั้งแต่อายุยังน้อยจนติดลิสต์ 100 คนดังทรงอิทธิพลขแงนอตยสารฟอร์บส์ และก็เพราะภาพลักษณ์ ‘จอมแสบ’ ที่ติดตัวนี่แหละที่เป็นเหตุให้เมื่อเธอออกมาสารภาพว่าเป็นโรคซึมเศร้า จึงมีผู้คนกลุ่มหนึ่งสมน้ำหน้า “หลายคนมองอาการซึมเศร้าของฉันเหมือนว่าฉันทำตัวน่ารังเกียจ แต่มันไม่ใช่อย่างนั้น ฉันควบคุมตัวเองไม่ได้ มีอยู่ไม่กี่อย่างหรอกที่ฉันจะไม่ยอมเปิดใจด้วย และประสบการณ์ทั้งหมดที่ฉันเจอ ทำให้ฉันรู้ว่าจะช่วยคนอื่นๆ ได้ยังไง อย่างแรกที่ฉันสามารถบอกได้คือเราไม่จำเป็นต้องฝืนทำตัวเป็นใครที่ไม่ใช่ตัวเอง หรือรู้สึกว่าต้องทำตัวมีความสุขตลอดเวลา มันไม่มีอะไรเลวร้ายกว่าการต้องเสแสร้งแกล้งทำเป็นมีความสุขแล้วล่ะ”

เอลเลน ดีเจนเนอเรส (Ellen Degeneres)

หลายคนคงรู้จักเอลเลนจากรายการทอร์คโชว์ชื่อดังของอเมริกา The Ellen DeGeneres Show และผู้พากย์เสียงตัวละคร โดรี่ ปลาบลูแท้งค์ความจำสั้นจาก Finding Nemo แน่นอนว่าไม่มีใครคิดหรอกว่าพิธีกรสายตลกที่คอยสร้างความบันเทิงอย่างเธอจะเคยเผชิญกับโรคซึมเศร้าเป็นระยะเวลาเกือบ 3 ปี “ทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันเคยกลัวมันเกิดขึ้นกับฉัน ฉันต้องหยุดซิทคอมของตัวเอง ฉันโดนโจมตีอย่างหนักในโลกออนไลน์ ฉันเปลี่ยนจากคนที่มีรายได้มากมายเป็นหาเงินไม่ได้สักดอลลาร์ และโดยเฉพาะการที่ฉันต้องเดินออกมาจากสตูดิโอที่เคยทำงานหนักมาถึง 5 ปี รับรู้ว่าทุกๆ คนปฏิบัติกับฉันอย่างไร้ค่าเพียงเพราะฉันเป็นเลสเบี้ยน และสิ่งนี้แหละที่ทำให้ฉันดำดิ่งสู่ภาวะซึมเศร้าในที่สุด”

เจ. เค. โรว์ลิง (J.K. Rowling)

J.K. Rowlingเจ. เค. โรว์ลิง หรือชื่อจริงคือ โจแอนน์ โรว์ลิง ที่พวกเรารู้จักกันในฐานะผู้เขียนวรรณกรรมแฟนตาซีชื่อดังแห่งยุค “แฮร์รี่ พอตเตอร์” แต่ก่อนที่เธอจะมีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จเหมือนทุกวันนี้ เธอเคยลำบากถึงขนาดต้องพึ่งเงินสงเคราะห์จากรัฐบาล เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว แถมด้วยโรคซึมเศร้า จนเคยคิดจะฆ่าตัวตายมาแล้ว “ฉันไม่เคยรู้สึกอับอายที่เคยเป็นโรคซึมเศร้านะ ไม่เลย ก็มันมีอะไรต้องอายล่ะ ฉันเคยเผชิญกับช่วงเวลาที่แย่สุดๆ และฉันก็ภูมิใจที่ผ่านพ้นมันมาได้”

หลังจากอ่านบทความนี้จบ ถามตัวเองสิว่าคุณแปลกใจกับเรื่องของใครบ้าง และเรื่องของพวกเขาสามารถสร้างแรงบันดาลใจได้จริงรึเปล่า ถ้าได้ก็ช่วยแชร์ต่อๆ ไป

เผื่อจะไปถึงคนที่กำลังตกอยู่ในภาวะ โรคซึมเศร้า เช่นเดียวกับคนดังเหล่านี้


 เรื่อง : Ghibli

ภาพ : Getty Images

ไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์

39 เรื่องไม่ลับ ! เรื่องจริงชวนตรึงใจของ ไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์

account_circle
ไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์
ไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์

คงไม่มีวันไหนที่เราไม่คิดถึง ไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์ เจ้าหญิงที่อยู่ในความทรงจำที่สวยงามของคนทั่วโลก ถึงแม้เวลาจะผ่านไปแล้วกว่าสองทศวรรษที่พระองค์จากไปแล้วก็ตาม

จะมีสักกี่คนบนโลกนี้ที่กายจากไป แต่ความสวยงามทั้งรูปร่าง หน้าตา และจิตใจ ยังคงเป็นที่ตราตรึงและจดจำไม่รู้ลืมของคนทั้งโลก ซึ่งเจ้าหญิงไดอานา ทรงเป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น

 ไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์

ก่อนที่พระองค์จะก้าวมาเป็น สมาชิกราชวงศ์อังกฤษนั้น เจ้าหญิงไดอานาทรงใช้ชีวิตเหมือนเด็กสาวธรรมดาทั่วไป จนกระทั่งได้เข้าพิธีอภิเษกสมรสกับเจ้าฟ้าชายชาลล์ เจ้าชายแห่งเวลส์ มกุฎราชกุมารอังกฤษ นั่นทำให้ชีวิตของพระองค์ทรงเปลี่ยนแปลงไปหลายอย่าง จวบจนกระทั่งพระองค์สิ้นพระชนม์ ก็มีกระแสข่าวมากมาย บางเรื่องก็เป็นเรื่องจริง แต่บางเรื่องก็เป็นแค่ข่าวลือ ข่าวโคมลอยที่ต่างพูดกันปากต่อปาก

ชีวิตของเจ้าหญิงบางครั้งก็ไม่ได้สวยงามเหมือนเทพนิยายที่หลายคนเคยอ่าน สำหรับ ไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์ พระองค์ทรงผ่านชีวิตทั้งสุขและทุกข์ มาหลายช่วงของชีวิต แพรวจะพาคุณไปรู้จักพระองค์ให้มากขึ้น กับ 39 เรื่องจริงที่น่าสนใจที่สุดในชีวิตของเจ้าหญิงผู้ทรงเป็นที่รักตลอดกาล

1.Ruth Roche พระอัยยิกา (ย่า) ของเจ้าหญิงไดอานา เป็นพระสหายคนสนิทของควีนเอลิซาเบธที่ 2 เนื่องจากครอบครัวของพระองค์มีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับราชวงศ์อังกฤษมานานหลายชั่วอายุคน คฤหาสน์พาร์กเฮาส์ที่เจ้าหญิงไดอานาทรงพำนักในวัยเด็กจึงตั้งอยู่ภายในอาณาเขตของตำหนักซานดริงแฮมด้วย

ทั้งนี้ครอบครัวสเปนเซอร์เช่าคฤหาสน์หลังนี้จากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2  ว่าที่พระสัสสุ (แม่ยาย) ก่อนที่จะย้ายไปอยู่ที่ คฤหาสน์อัลธอร์พ บ้านประจำตระกูลสเปนเซอร์ที่ตั้งอยู่ในมณฑลนอร์ทแธมป์ตัน ซึ่งหลายคนตั้งข้อสังเกตุว่า ย่าของพระองค์และควีนเอลิซาเบธที่ 2 ทรงเห็นดี เห็นงาม และสนับสนุนให้เจ้าหญิงไดอานาและเจ้าฟ้าชายชาลล์ทรงครองคู่กัน

เลดี้ไดอานา ในวัย 3 ขวบ (PA Images)

2.ในช่วงเวลาที่พระองค์ประสูติ พระบิดาและพระมารดาของพระองค์หวังว่าเด็กที่เกิดมาจะเป็นผู้ชาย เพื่อจะได้สืบทอดตำแหน่งขุนนางตระกูลสเปนเซอร์ต่อไป แต่เมื่อเกิดมาเป็นผู้หญิงพวกเขาจึงไม่ได้เตรียมชื่อไว้ นั่นทำให้พระองค์ไม่มีชื่อไปนานถึงหนึ่งสัปดาห์ ภายหลังจากนั้น ฟรานเซส โรช จึงตั้งชื่อให้กับลูกสาวคนที่สามว่า ไดอานา ฟรานเซส โดยชื่อนี้มาจากญาติห่างๆ ของเธอ ไดอานา รัสเซล ดัชเชสแห่งเบดฟอร์ด

 

3.เจ้าหญิงไดอานาทรงสูญเสีย พระเชษฐา (พี่ชาย) John Spencer ในขณะที่เขาเกิดมาเพียง 10 ชั่วโมงในปี 1960

4.ครอบครัวของเจ้าหญิงไดอานานั้นสืบทอดเชื้อสายจากราชวงศ์อังกฤษโบราณ โดยพ่อของพระองค์ นาย จอห์น สเปนเซอร์ ไวท์เคานต์อัลธอร์พ หลังจากสืบทอดฐานันดรศักดิ์ขึ้นเป็น เอิร์ลแห่งสเปนเซอร์ เมื่อปี 1975 จึงทำให้ไดอานา ได้รับบรรดาศักดิ์เป็น “เลดี้” เป็นที่มาที่คนทั่วไปบางครั้งก็ยังเรียกพระองค์ในชื่อ เลดี้ไดอานา อยู่

5.พระบิดาและพระมารดาของพระองค์หย่าร้างกันในขณะที่พระองค์ทรงมีพระชันษาเพียง 7 ปี โดยพระมารดาของพระองค์ได้แต่งงานใหม่กับ ปีเตอร์ ชานด์ คิดด์ และได้พาพระองค์ย้ายไปอยู่ด้วยที่ลอนดอน แต่เจ้าหญิงไดอานาก็ยังทรงไปมาหาสู่กับพระบิดาสม่ำเสมอ

กระทั่งปี 1967 ในช่วงวันหยุดคริสต์มาส ลอร์ดอัลธอร์พ พระบิดาไม่ยินยอมให้ลูกสาวเดินทางกลับลอนดอนพร้อมกับพระมารดา จึงทำให้เกิดคดีความฟ้องร้องกัน ที่สุดลอร์ดอัลธอร์พชนะคดีฟ้องร้องสิทธิในการเป็นผู้ปกครองของเจ้าหญิงไดอานา

6.พระองค์ไม่ค่อยถูกชะตากับแม่เลี้ยงของพระองค์สักเท่าไหร่ เนื่องจากในปี 1976 พระบิดาของพระองค์ได้สมรสกับ  Raine เคาน์เตสแห่ง Dartmouth โดยที่ไม่ได้บอกพระองค์ รวมถึงพระเชษฐภคินีและพระอนุชาของพระองค์ด้วย นั่นจึงทำให้เจ้าหญิงไดอานาทรงไม่พอพระทัยสักเท่าไหร่ ถึงขนาดทรงตั้งฉายาให้กับแม่เลี้ยงคนนี้ว่า Acid Rain (ฝนกรด)

 ไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์

7.เช่นเดียวกับเด็กสาวหลายๆ คนที่อยากเป็นนักบัลเลต์ เจ้าหญิงไดอานาเอง ก็เป็นเช่นนั้น ถึงแม้ว่าพระองค์อาจจะไม่ค่อยทรงเชี่ยวชาญด้านวิชาการมากนัก แต่พรสวรรค์ในเรื่องกีฬา โดยเฉพาะการว่ายน้ำและดำน้ำ พระองค์ทรงเก่งไม่เป็นรองใคร นอกเหนือจากนี้ บัลเลต์ ยังเป็นกิจกรรมที่พระองค์ทรงชื่นชอบเป็นอย่างมาก แต่น่าเสียดาย ที่พระองค์ทรงตัวสูงเกินกว่าจะเป็นนักบัลเลต์มืออาชีพได้

8.ในวัยเด็กพระองค์ และ Tilda Swinton นักแสดงฮอลลีวู้ดชื่อดัง เคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนด้วยกัน ทั้งคู่ได้เรียนที่เดียวกันคือ โรงเรียนสตรีเวสต์ฮีธ ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น โรงเรียนนิวสกูลแอทเวสต์ฮีธ

 

9.ไม่เพียงทรงรักเด็กมาก พระองค์ยังทรงโปรดปรานสัตว์มากด้วย โดยเฉพาะเจ้าหนูตะเภาตัวนิ่มที่ชื่อว่า “พีนัท” ตอนเด็กๆพระองค์มักพาเจ้าพีนัทไปโรงเรียนด้วยเสมอ

10.ครั้งหนึ่งที่พระองค์ต้องไปเรียนที่โรงเรียนประจำเมื่อปี 1970 เจ้าหญิงไดอานาตรัสกับพระบิดาว่า หากพระบิดารักพระองค์ อย่าทรงทอดทิ้งพระองค์ไว้ที่นี่

11.อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าถึงแม้พระองค์จะไม่ค่อยเก่งเรื่องวิชาการ แต่เรื่องกีฬา และ ดนตรี พระองค์ทรงถนัดมาก โดยเฉพาะเปียโน พระองค์ทรงเล่นเปียโนได้เก่งราวกับนักเปียโนคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ นอกจากนี้พระองค์ยังมีพรสวรรค์ในการเต้นมากอีกด้วย

12.หลังจากเรียนจบ เจ้าหญิงไดอานาทรงเริ่มทำงานที่แรกด้วยการเป็นครูสอนเด็กๆ ในชั้นอนุบาล ที่โรงเรียนอนุบาล Young England นอกจากนี้พระองค์ยังทรงเป็นครูสอนเต้นรำ และยังทรงเป็นพี่เลี้ยงเด็ก ผู้ช่วยครูโรงเรียนอนุบาล  ทรงรับจ้างทำความสะอาดให้พี่สาว รับจ้างดูแลแขก และเตรียมอาหารในงานปาร์ตี้ นับว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 300 ปี ที่หญิงชาวอังกฤษได้เข้าพิธีอภิเษกสมรสกับมกุฎราชกุมารแห่งอังกฤษ และยังเป็นพระสุณิสา(สะใภ้)  พระองค์แรกของราชงศ์วินด์เซอร์ที่มีอาชีพและรายได้เป็นของตัวเอง

13.สีที่พระองค์โปรดปรานที่สุดคือสีชมพู ซึ่งเป็นเป็นสีที่เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ พระราชนัดดา ของพระองค์ทรงชื่นชอบด้วยนะ

14.พระเนตรสีฟ้า สดใส เป็นประกายของเจ้าหญิงไดอานา เป็นอาวุธที่ทำให้ช่างภาพเหมือนถูกต้องมนต์ ทันทีที่พระองค์ทรงยิ้ม และมองมาที่กล้องนั้นพระองค์ทรงมีเสน่ห์มาก

15.ดีไซเนอร์ที่พระองค์ทรงโปรดปรานคือ แคทเธอรีน วอล์กเกอร์  ดีไซเนอร์ชาวฝรั่งเศสที่ออกแบบฉลองพระองค์ให้กับเจ้าหญิงไดอานามานับครั้งไม่ถ้วน โดยเฉพาะชุดราตรีสีแดงเพลิงอันโดดเด่นที่พระองค์ทรงใส่เมื่อครั้งเสด็จเยือนเมือง บัวโนสไอเรส ประเทศอาเจนตินาร์ เพื่อร่วมเสวยมื้อค่ำ  แคทเทอรีน วอล์กเกอร์เสียชีวิตไปแล้วเมื่อปี 2010 แต่แบรนด์นี้ก็ยังคงอยู่ และยังเป็นแบรนด์ที่ดัชเชสเคทแห่งเคมบริดจ์ ทรงเลือกที่จะนำมาใส่เสมอๆ ด้วย

16.อาจจะฟังดูแล้วแปลกๆ แต่นี่คือเรื่องจริง ก่อนที่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์จะเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงไดอานานั้น ในปี 1977 พระองค์เคยคบหาดูใจกับ เลดี้ซาราห์ แมคคอร์ควอเดล พระเชษฐภคินี (พี่สาว) ของเจ้าหญิงไดอานามาก่อน ภายหลังจากที่เจ้าฟ้าชายชาร์ลล์ ทรงเลิกรากับเลดี้ซาราห์เมื่อปี 1980 พระองค์จึงได้ทรงสานสัมพันธ์ต่อกับเจ้าหญิงไดอานา โดยทั้งสองพระองค์ทรงพบกันในขณะที่เจ้าหญิงไดอานาเสด็จไปร่วมชมเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์แข่งขันโปโล

17.โดยปกติแล้ว ทางราชวงศ์อังกฤษมักจะทำแหวนหมั้นวงใหม่ที่พิเศษ ไม่เหมือนใคร ให้กับว่าที่เจ้าสาวของราชวงศ์ แต่สำหรับเจ้าหญิงไดอานานั้น พระองค์ทรงเลือกเพียงแหวนทองคำขาว ประดับด้วยแซฟไฟร์สีน้ำเงิน ขนาด 12 กะรัต และล้อมด้วยเพชร 14 เม็ด จากแค็ตตาล็อก แบรนด์ Garrard

ในตอนนั้นแหวนหมั้นวงนี้มูลค่าอาจจะยังไม่สูงมาก แต่ปัจจุบันมีการประเมินมูลค่าอยู่ที่ 430,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 15,050,000 บาท) และที่สำคัญแหวนวงนี้ยังได้ถูกส่งต่อให้เป็นแหวนหมั้นของดัชเชสเคทแห่งเคมบริดจ์ นี่จึงถือเป็นอีกหนึ่งแหวนหมั้นในประวัติศาสตร์

18.นอกจากแหวนหมั้นของพระองค์จะถูกบันทึกในประวัติศาสตร์แล้ว ชุดแต่งงานของพระองค์ก็ยังโดดเด่นไม่แพ้กัน ชุดแต่งงานผ้าแพรสีขาวงาช้าง ชายกระโปรงมีความยาวถึง 25 ฟุต ออกแบบโดย David & Elizabeth Emanuel เรียกได้ว่าเป็นุดแต่งงานที่ยาวที่สุดในประวัติการแต่งของราชวงศ์อังกฤษเลยก็ว่าได้

19.ตามประเพณีแล้ว เจ้าสาวจะต้องพูดคำสาบานว่าจะ “เชื่อฟัง” สามี หน้าแท่นพิธี แต่สำหรับเจ้าหญิงไดอานา พระองค์ทรงเลือกที่จะไม่ทำตามประเพณี เช่นเดียวกับดัชเชสเคท แห่งเคมบริดจ์ พระองค์ก็ทรงไม่ตรัสคำนี้เช่นกันในพิธีเสกสมรส

 

20.ในขณะที่พระองค์ทรงตั้งครรภ์พระโอรสองค์แรก เจ้าชายวิลเลียมเพียง 12 สัปดาห์  เจ้าหญิงไดอานา ทรงประสบอุบัติเหตุลื่นล้มตกบันไดอย่างแรง ในตำหนักซานดริงแฮม เซอร์จอร์จ พิงเกอร์ แต่ถือเป็นความโชคดีเป็นอย่างมาก ที่พระโอรสของพระองค์ไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด มีเพียงพระองค์เท่านั้น ที่มีบาดแผลฟกช้ำขนาดใหญ่

21.พระองค์ทรงได้รับความทุกข์ทรมานจากภาวะซึมเศร้าหลังคลอด โดยเจ้าหญิงไดอานาเคยประทานสัมภาษณ์กับ มาร์ติน บาเชียร์ ในปี 1995 ว่า หลังจากที่เจ้าชายวิลเลียมประสูติในปี 1982 พระองค์ทรงต้องตกอยู่ในสภาวะซึมเศร้าเป็นอย่างมาก พระองค์ทรงรู้สึกว่า “พระองค์ทรงเป็นราชวงศ์อังกฤษ องค์แรกที่กรรแสง ให้ผู้อื่นเห็น”

22.การแต่งงานไม่ได้ราบรื่นเสมอไป ในช่วงแรกเจ้าหญิงไดอานาทรงไม่สามารถปรับพระองค์ให้เข้ากับชีวิตการเป็นเจ้าหญิงได้ พระองค์ทรงทำร้ายพระวรกายตัวเอง โดยเฉพาะที่แขนและขา พระองค์ต้องทรงรับมือกับความกดดันรอบข้าง และนั่นก็นำพาพระองค์ให้เผชิญกับสภาวะ “ผู้ป่วยโรคบูลิเมีย” ส่งผลให้น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว แต่อาการเหล่านี้หายไปหลังจากที่พระองค์ประสูติเจ้าชายวิลเลียม

23.ถึงแม้ว่าพระองค์จะมีบรรดาศักดิ์เป็นเจ้าหญิง แต่ในทางกลับกันพระองค์ทรงดำเนินชีวิตอย่างเรียบง่าย โดยเฉพาะทรงดูแลพระโอรสทั้งสองด้วยพระองค์เอง เจ้าหญิงไดอานา ทรงพาเจ้าชายวิลเลียมและเจ้าชายแฮร์รี่ ออกนอกเขตพระราชฐานเพื่อไปเยี่ยมชมตามที่ต่างๆ เฉกเช่นสามัญชนทั่วไปอยู่เสมอ

พระองค์ไม่ทรงทำตามกฎของราชวงศ์ โดยเฉพาะ กฎที่ต้องมีพระพี่เลี้ยงไว้คอยดูแลพระโอรส นอกจากนี้พระองค์ยังทรงตั้งชื่อแรกของเจ้าชายทั้งสองด้วยพระองค์เอง อีกทั้งยังทรงเลือกโรงเรียน เลือกฉลองพระองค์ และหากทรงมีเวลาว่าง พระองค์ก็มักจะทรงขับรถไปส่งพระโอรสทั้งสองที่โรงเรียนด้วยพระองค์เองเสมอ รวมถึงยังจัดสรรเวลาในการทำพระกรณียกิจให้ตรงกับเวลาเรียนของเจ้าชายทั้งสองพระองค์ เพื่อจะได้มีเวลาว่างตรงกัน

24.พระองค์ทรงมีคำเรียกน่ารัก เวลาที่เรียกเจ้าชายวิลเลียมว่า “เจ้าวอมแบท” โดยเจ้าชายวิลเลียมเคยประทานสัมภาษณ์ว่า… เมื่อครั้งเสด็จเยือนประเทศออสเตรเลียพร้อมกับพระมารดาและพระบิดา ทรงมีรับสั่งเล่าขำๆ ว่า

“วอมแบทเป็นสัตว์ท้องถิ่นของที่นั่น แต่ไม่ใช่ว่าผมจะเหมือนวอมแบทนะแบบที่แม่บอกนะ หรือ บางทีผมอาจจะเหมือน !”

25.ในช่วงปี 1992-1993 พระองค์ทรงฝึกการพูดในที่สาธารณะกับปีเตอร์ เซทเทิลเลน เป็นเวลาถึง 18 เดือน

26.เจ้าหญิงไดอานาไม่ทรงสวมพระมาลาเมื่อทรงทำพระกรณียกิจที่โรงพยาบาล โดยพระองค์ให้เหตุผลว่า เป็นช่วงเวลาอันอบอุ่นที่จะได้พูดคุยกับเด็กๆ และคนป่วย อย่างใกล้ชิด

27.ปี 1992 เจ้าหญิงไดอานา เสด็จเยือนประเทศอินเดีย และในครั้งนี้พระองค์ยังได้เสด็จไปเยี่ยมแม่ชีเทราซา ในสถานสงเคราะห์เมืองโกลกาตา  พระองค์ยังได้พบกับผู้ป่วยที่ใกล้เสียชีวิตถึง 50คน ในการเสด็จเยือนครั้งนี้ทำให้พระองค์ทรงเริ่มติดต่อกับแม่ชีเทเรซาแบบไม่เป็นทางการเรื่อยมา ภายหลังจากที่พระองค์สิ้นพระชนม์ ห้าวันถัดมาแม่ชีเทเรซาเองก็เสียชีวิตเช่นกัน

28.อีกหนึ่งพระกรณียกิจที่พระองค์สามารถเปลี่ยนความคิดของคนในโลกก็คือ การที่พระองค์ประทานความช่วยเหลือและให้กำลังใจผู้ที่ติดเชื้อเอดส์ โดยในปี 1989 พระองค์เสด็จเดินทางไปเปิดศูนย์บริการเพื่อผู้ป่วยโรคเอดส์ ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศอังกฤษ

พระองค์ไม่ทรงรังเกียจที่จะสัมผัสหรือแตะต้องผู้ติดเชื้อ คิดดูว่านั่นเป็นภาพที่น่าทึ่งขนาดไหน เพราะตอนนั้นการแพทย์ยังไม่สามารถยืนยันได้แน่ชัดว่า เชื้อจะไม่สามารถติดต่อทางการสัมผัส เรียกได้ว่า พระองค์ทรงเป็นราชวงศ์อังกฤษคนแรกที่ทรงสัมผัสเนื้อตัวของผู้ติดเชื้ออย่างไม่มีอาการรังเกียจ พระองค์ตรัสว่า “เอชไอวีไม่ทำให้คนเราเป็นอันตรายได้ คุณสามารถจับมือและกอดพวกเขาได้ สวรรค์รู้ดีว่าพวกเขาต้องการ ”

29.พระองค์ทรงต่อต้านการใช้ทุ่นระเบิด ครั้งหนึ่ง เจ้าหญิงไดอานาเสด็จเยือนพื้นที่ที่มีทุ่นระเบิดตกค้างอยู่ พระองค์ทรงสวมชุดและหน้ากากป้องกันสะเก็ดระเบิด จากนั้นทรงเดินเข้าไปในพื้นที่ เป็นภาพที่หลายคนเห็นแล้วยังต้องทึ่งกับความกล้าหาญของพระองค์

เจ้าหญิงไดอานาทรงรณรงค์ให้ยกเลิกการใช้ทุ่นระเบิด เพราะทรงเชื่อว่าเป็นสิ่งที่สร้างความสูญเสียและอันตรายเป็นอย่างมาก และด้วยพระกรณียกิจนี้เองที่ทำให้พระองค์ทรงได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ เมื่อปี 2540 หลังจากที่พระองค์สิ้นพระชนม์ไปได้ไม่นาน

30.เจ้าหญิงไดอานาทรงนำฉลองพระองค์มาประมูลเพื่อสบทบกองทุนช่วยผู้ป่วยโรคมะเร็งและโรคเอดส์ โดยพระองค์ตรัสว่าแรงบันดาลใจอันยอดเยี่ยมนี้มาจากเจ้าชายวิลเลียม พระโอรส ที่ขณะนั้นทรงมีพระชันษาเพียง 15 ปีเท่านั้น

31.เจ้าหญิงไดอานาทรงเป็นราชวงศ์อังกฤษที่มีพระกรณียกิจมากที่สุดพระองค์หนึ่งเลยก็ว่าได้ โดยในปี 1988 ทรงมีพระกรณียกิจ ถึง 191 ครั้ง ส่วนปี 1991 มีมากถึง 397 ครั้ง

32.แม้จะไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องที่พระองค์ทรงมีความสัมพันธ์กับ เจมส์ ฮิววิตต์ ครูสอนขี่ม้าของเจ้าชายวิลเลียม และเจ้าชายแฮรรี่ แต่คุณต้องไม่ลืมว่าเจ้าฟ้าชายชาร์ลล์เองก็ทรงมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับ คามิลลา พาร์กเกอร์ โบลส์ (ดัชเชสแห่งคอร์นวอล) เช่นกัน แต่ข้อมูลที่ชวนอึ้งคือข่าวลือหนาหูที่ว่าความสัมพันธ์ของพระองค์กับเจมส์  พระองค์ทรงได้รับอนุญาตจากเบื้องบนเป็นที่เรียบร้อย !

33.ความรักของเจ้าหญิงไดอานา ที่หลายคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน ว่าเป็นรักแท้ของพระองค์ คือ ในช่วงที่พระองค์ทรงคบหาดูใจกับ Hasnat Khan ศัลยแพทย์หนุ่มชาวปากีสถาน แต่ทว่าสาเหตุที่เลิกรากันนั้น เพราะคุณหมอหนุ่มนับถือศาสนาอิสลาม แต่นั้นอาจจะไม่ใช่ประเด็นที่สำคัญมากเท่าไหร่ แต่เหตุผลใหญ่ๆ คือ เขารู้สึกว่าชีวิตไม่เป็นส่วนตัว ถูกคุกคามจากปาปารัสซี่ตลอดเวลานั่นเอง

34.ภายหลังจากที่พระองค์ทรงหย่าร้างกับเจ้าฟ้าชายชาร์ลล์ พระองค์ก็ได้สูญเสียฐานันดรศักดิ์ไปทั้งหมด ถึงแม้ว่าควีนเอลิซาเบธที่ 2 อยากจะให้เจ้าหญิงไดอานาคงฐานะไว้ แต่เจ้าฟ้าชายชาร์ลล์ได้ยืนกรานว่าเจ้าหญิงไดอานาจะไม่รับไว้ แต่สุดท้ายพระองค์ก็ทรงเป็น “เจ้าหญิงแห่งเวลส์” อยู่ดี

35.เจ้าชายวิลเลียมเคยตรัสว่า วันใดที่พระองค์ขึ้นครองราชย์ประเทศนี้ พระองค์จะสถาปนาให้ เสด็จแม่กลับมาเป็นยิ่งกว่าสมเด็จเจ้าฟ้า

36.การจากไปของพระองค์นับว่าเป็นความสูญเสียของคนทั้งโลก พระองค์ทรงสิ้นพระชนม์ด้วยวัยเพียง 36 ปี พร้อมกับ นายโดดี ฟาเยด คนรักใหม่ จากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ขณะหนีการไล่ล่าตามถ่ายรูปของปาปารัสซี่  โดยทรงเสียชีวิตก่อนที่จะถึงโรงพยาบาลเพียง 2 ชั่วโมง

จากการสิ้นพระชนม์ครั้งนี้ของเจ้าหญิงไดอานา มีเงื่อนงำหลายอย่าง ทั้งการสันนิษฐานว่า คนขับมีค่าแอลกฮอล์ที่สูงมากในเลือด หรือจะเป็น ข่าวลือที่ว่าเป็นคำสั่งของราชสำนัก เพราะมีข่าวว่าเจ้าหญิงไดอานาทรงตั้งครรภ์กับนายฟาเยด นั่นอาจจะส่งผลให้ราชวงศ์มัวหมอง และเสียชื่อ

37.ถึงแม้ความจริงแล้วพระราชพิธีพระบรมศพของเจ้าหญิงไดอานาจะถูกจัดขึ้นที่เวสต์มินสเตอร์แอบบีย์ และจัดโดยส่วนพระองค์สำหรับสมาชิกราชวงศ์เท่านั้น แต่หลังจากที่ควีนเอลิซาเบธที่ 2 มิอาจทรงเห็นความโศกเศร้าของประชาชน พระราชพิธีนี้จึงถูกถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ มีประชาชนทั่วโลกจำนวนถึง 2.5 พันล้านคน รับชมพร้อมกัน

38.พระศพของเจ้าหญิงไดอานา ถูกฝังบนเกาะกลางทะเลสาปเล็กๆ ซึ่งตั้งอยู่ทางสวนป่าทิศตะวันออกเฉียงเหนือของคฤหาสน์ บนทะเลสาบ Althorp

39. “พระองค์ไม่เคยเห็นตัวเองเป็นราชินี” เจ้าหญิงไดอานาทรงเคยประทานสัมภาษณ์กับ มาร์ติน บาเชียร์ ว่า “ฉันอยากจะเป็นราชินีในหัวใจของประชาชน แต่ฉันไม่เห็นตัวเองเป็นราชินีของประเทศนี้เลย ฉันไม่คิดว่า หลายๆ คนอยากให้ฉันเป็นราชินี รวมถึงราชวงศ์ที่ฉันสมรสด้วย หลังจากที่ฉันแต่งงาน พวกเขาตัดสินว่า ฉันเหมือนม้าที่ไม่ได้ลงแข่ง เพราะว่า ฉันทำอะไรที่แตกต่าง ฉันไม่ได้ทำตามกฎในหนังสือ เพราะสิ่งที่ฉันทำมาจากหัวใจ ไม่ใช่ความคิด แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะสร้างปัญหาให้กับฉันก็ตาม”

ผ่านมากว่าสองทศวรรษแล้วที่พระองค์ทรงจากไป แต่ไม่มีวันใดที่ประชาชนที่รักพระองค์จะลืมเจ้าหญิงในดวงใจองค์นี้ได้เลย


ข้อมูล : www.popsugar.com, wikipedia

ภาพ : princess.diana.forever

 

 

 

 

 

ยลโฉมเครื่องประดับล้ำค่า! จาก “เจ้าหญิงไดอานา” สู่ “ดัชเชสเคท”

account_circle

หลายครั้งที่เรามักจะได้เห็น ดัชเชสเคททรงใส่เครื่องประดับของ เจ้าหญิงไดอานา ไม่ว่าจะเป็นสร้อยพระศอ, พระกุณฑล, หรือเทียร่าองค์ต่างๆ ซึ่งเครื่องประดับเหล่านี้ล้วนแต่เป็นไอเท็มทรงโปรด และเป็นเครื่องประดับที่เจ้าหญิงไดอานาทรงเลือกใส่บ่อยครั้งในงานสำคัญต่างๆ ของราชวงศ์

แพรวดอทคอม จะพาคุณไปชมเครื่องประดับของเจ้าหญิงไดอานา ที่ดัชเชสเคทได้ทรงนำมาใส่แต่ละชิ้น ซึ่งงดงามเกินคำบรรยาย มีคุณค่า และล้ำค่าเหนือสิ่งใด รวมถึงทั้งสองพระองค์ทรงใส่แล้วมีพระสิริโฉมงดงามหาใครเทียบเลยจริงๆ

ยลโฉมเครื่องประดับล้ำค่า! จาก “เจ้าหญิงไดอานา” สู่ “ดัชเชสเคท”

เจ้าหญิงไดอานา

พระกุณฑลแซฟไฟร์ประดับเพชรชิ้นนี้ เจ้าไดอานาทรงได้เป็นของขวัญวันอภิเษกสมรสจาก เจ้าชายฟะห์ มกุฎราชกุมารของประเทศซาอุดิอาระเบีย ซึ่งชิ้นนี้เป็นหนึ่งในหลายๆ ชิ้นที่พระองค์ทรงได้รับเป็นของขวัญ และภายหลังเจ้าชายวิลเลียมทรงมอบให้กับดัชเชสเคท หลังจากที่ทั้งสองพระองค์ทรงเข้าพิธีหมั้นเมื่อปี 2010 จากนั้นดัชเชสเคทก็ทรงนำไปปรับเปลี่ยนดีไซน์เล็กน้อยในแบบที่พระองค์ทรงชื่นชอบ และดูเข้ากับพระองค์มากยิ่งขึ้น

เจ้าหญิงไดอานา

เป็นอีกหนึ่งแหวนหมั้นในตำนาน ที่หลายคนยกให้ว่าเป็นแหวนที่สวยและแพงที่สุดติดอันดับโลก สำหรับพระธำมรงค์แซฟไฟร์ประดับเพชรวงนี้ โดยเป็นพระธํามรงค์ที่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทรงมอบให้เป็นแหวนหมั้นเจ้าหญิงไดอานาเมื่อปี 1981 โดยแหวนวงนี้มีแซฟไฟร์ทรงไข่ประดับอยู่ตรงกลางขนาด 14 กะรัต ล้อมด้วยเพชรเม็ดเดี่ยวอีก 14 เม็ด ออกแบบโดย Garrard London 1735 แบรนด์จิวเวลรี่ชื่อดังของประเทศอังกฤษ จากนั้นในปี 2010 เจ้าชายวิลเลียมทรงนำพระธํามรงค์วงนี้มาเป็นแหวนหมั้นให้กับดัชเชสเคทนั่นเอง

พระหัตถพันธ์มุก (สร้อยข้อมือ) ชิ้นนี้ดีไซน์โดย Nigel Milne เมื่อปี 1988 เป็นสร้อยข้อมือที่มีมุกเรียงกันสามแถว เป็นอีกหนึ่งพระหัตถพันธ์ที่เจ้าหญิงไดอานาทรงเครื่องบ่อยมากที่สุดอีกหนึ่งชิ้น ซึ่งดัชเชสเคทได้ทรงเครื่องเมื่อครั้งที่พระองค์เสด็จพระดำเนินเพื่อปฏิบัติพระกรณียกิจ Royal Tour ณ ประเทศเยอรมนี เมื่อปี 2017

Lover’s Knot เทียร่าองค์โปรดที่เจ้าหญิงไดอานาทรงเครื่องบ่อยที่สุดเมื่อครั้งที่พระองค์ยังมีพระชนม์ชีพ แต่ภายหลังจากที่เจ้าหญิงไดอานาทรงสิ้นพระชนม์ ก็ไม่มีใครได้เห็นเทียร่าองค์นี้อีกเลย จนในที่สุดเทียร่าองค์นี้ก็ปรากฏขึ้นในปี 2015 ซึ่งถูกใส่โดยดัชเชสเคท แห่งเคมบริดจ์ นับตั้งแต่วันนั้นมาดัชเชสเคทก็ทรงใส่เทียร่าองค์นี้อยู่บ่อยครั้งเมื่อออกงานสำคัญต่างๆ ของราชวงศ์

หนึ่งในคอลเล็คชั่นเครื่องประดับของ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร สำหรับ สร้อยพระศอโชคเกอร์มุกประดับจี้เพชร ซึ่งเจ้าหญิงไดอานาทรงใส่ครั้งแรกเมื่อปี 1982 และดัชเชสเคททรงเครื่องในงานครบรอบอภิเษกสมรสของควีนเอลิซาเบธที่ 2 และ เจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ ในปี 2017

พระกุณฑลมุกทรงระย้าที่เจ้าหญิงไดอานาทรงได้เป็นของขวัญในวันอภิเษกสมรสจาก Collingwood ซึ่งดัชเชสเคทได้นำมาใส่ครั้งแรกเมื่อปี 2017 ขณะเสด็จเยือนประเทศสเปน

เจ้าหญิงไดอานา

ปิดท้ายด้วยพระกุณฑลเพชรประดับมุกเซ้าท์ซี ตุ้มพระกรรณโปรดของเจ้าหญิงไดอานา ซึ่งดัชเชสเคททรงใส่เมื่อครั้งที่พระองค์เสด็จไปร่วมงาน BAFTAs ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ

หากย้อนกลับไปในช่วงที่พระองค์ยังทรงมีพระชนม์ชีพ นับได้ว่าเจ้าหญิงไดอานาทรงเป็นแฟชั่นไอคอนให้กับผู้หญิงทั่วโลก ฉลองพระองค์และเครื่องประดับที่พระองค์ทรงเครื่อง แต่ละชุดและแต่ละชิ้น งามเลอค่าและมีคุณค่ามาก ภายหลังจากที่พระองค์ทรงสิ้นพระชนม์ ดัชเชสเคทและดัชเชสเมแกน ซึ่งนับว่าเป็นพระสุณิสาของพระองค์ก็ได้มีโอกาสนำเครื่องประดับของเจ้าหญิงไดอานากลับมาใส่อีกครั้ง เผยให้เห็นความงดงามอีกครั้ง ซึ่งสอดคล้องกับความปรารถนาที่เจ้าหญิงไดอานามีพระราชหัตถเลขาก่อนที่พระองค์จะสิ้นพระชนม์ความว่า

ฉันต้องการจัดสรรเครื่องประดับที่มีทั้งหมดของฉัน ให้กับบุตรชายทั้งสอง เพื่อที่เขาจะได้นำไปให้กับภรรยา ซึ่งพวกเธอจะมีและได้ใช้มัน”


ภาพ และ ข้อมูล : townandcountrymag, Getty Image, princess.diana.forever

Kataluna Enriquez สาวข้ามเพศ คนแรกที่ได้ร่วมประกวด Miss USA 2021

ปังไม่หยุด! Kataluna Enriquez สาวข้ามเพศ คนแรกที่ได้ร่วมประกวด Miss USA 2021

Alternative Textaccount_circle
Kataluna Enriquez สาวข้ามเพศ คนแรกที่ได้ร่วมประกวด Miss USA 2021
Kataluna Enriquez สาวข้ามเพศ คนแรกที่ได้ร่วมประกวด Miss USA 2021

ก่อนหน้านี้ เพิ่งมีข่าวว่า Lehlogonolo Machaba เป็นสาวข้ามเพศคนแรกที่ตัดสินใจก้าวเข้ามาสมัครร่วมประกวดชิงลง Miss South Africa 2021 ซึ่งถือเป็นการทลายกำแพงมาตรฐานความงามเดิมๆ ที่เคยเป็นมานับตั้งแต่กระแส LGBTQ+ เริ่มเปิดกว้างมากขึ้นในหลายๆ ประเทศ โดยล่าสุด “Kataluna Enriquez” ก็เป็น สาวข้ามเพศ อีกคนที่ได้ทำการลงสมัครประกวด Miss Nevada USA 2021 เพื่อที่จะได้เข้าร่วมในการคัดเลือกเป็นตัวแทนรัฐเนวาดา เพื่อก้าวเข้าไปชิงมงกุฎ Miss USA 2021 และเธอก็ประสบความสำเร็จตามที่ตั้งใจสามารถคว้าตำแหน่ง Miss Nevada USA 2021 มาครองได้ในที่สุด

Kataluna Enriquez สาวข้ามเพศ

ปังไม่หยุด! Kataluna Enriquez สาวข้ามเพศ คนแรกที่ได้ร่วมประกวด Miss USA 2021

Kataluna Enriquez เป็นลูกครึ่งฟิลิปปินส์-อเมริกัน วัย 27 ปี และเป็น สาวข้ามเพศ คนแรกของสหรัฐอเมริกาที่ได้ตำแหน่ง Miss Nevada USA 2021 ทั้งยังได้มีโอกาสเป็นตัวแทนประกวดบนเวที Miss USA 2021 อีกด้วย แต่ก็อาจจะมีแฟนๆ นางงามบางคนคุ้นหน้าคุ้นตาเธอเป็นอย่างดี เพราะเธอเคยมาเป็นตัวแทนของสหรัฐอเมริกามาขึ้นเวทีประกวด Miss International Queen ที่พัทยา​ ประเทศไทย เมื่อไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ ซึ่งเธอก็สามารถพาตัวเองเข้ารอบลึกถึงรอบ 12 คนสุดท้าย โดยในตอนนั้นผู้ที่ได้แชมป์ในปีนั้นคือ Nguyễn Hương Giang จากประเทศเวียดนาม และ โยชิ รินรดา ธุระพันธ์ จากประเทศไทยครองอันดับ 2

Kataluna Enriquez สาวข้ามเพศ 13

สำหรับก้าวใหม่บนเวทีนางงามของ Kataluna Enriquez ในครั้งนี้ นับว่าเป็นโอกาสสำคัญสำหรับเธอมากๆ ที่จะได้ไปโชว์ความสามารถชิงมงนางงามบนเวทีระดับโลกอย่างเวที Miss USA 2021 ดูท่าปีนี้จะแซ่บกว่าที่เคย ต้องนับถอยหลังจับตามองกันได้เลย

Kataluna Enriquez สาวข้ามเพศ 14 Kataluna Enriquez สาวข้ามเพศ 12 Kataluna Enriquez สาวข้ามเพศ 10 Kataluna Enriquez สาวข้ามเพศ 9 Kataluna Enriquez สาวข้ามเพศ 8 Kataluna Enriquez สาวข้ามเพศ 7 Kataluna Enriquez สาวข้ามเพศ 6 Kataluna Enriquez สาวข้ามเพศ 5 Kataluna Enriquez สาวข้ามเพศ 4 Kataluna Enriquez สาวข้ามเพศ 3 Kataluna Enriquez สาวข้ามเพศ 2 Kataluna Enriquez สาวข้ามเพศ 1 Kataluna Enriquez สาวข้ามเพศ 15


ภาพ : mskataluna

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Lehlogonolo Machaba สาวข้ามเพศ คนแรกที่ได้ร่วมชิงมง Miss South Africa 2021

หน้าเป๊ะหุ่นปั๊วะ! ส่องสไตล์ มิสยูนิเวิร์สสเปน 2018 สตรีข้ามเพศคนแรก

“ฉันเป็นผู้หญิงข้ามเพศ” Nikkie บิวตี้ยูทูปเบอร์ชื่อดัง เผยความลับที่ปิดมา 11 ปี

 

 

หูอี้เทียน-จางหยุนหลง

ส่องเคมีคู่จิ้นต่างวัย “หูอี้เทียน-จางหยุนหลง” ทำเอานางเอกไม่มีที่ยืน!

account_circle
หูอี้เทียน-จางหยุนหลง
หูอี้เทียน-จางหยุนหลง

ส่องเคมีคู่จิ้นต่างวัยจนนางเอกไม่มีที่ยืน! “หูอี้เทียนจางหยุนหลง” สองเชอร์ล็อคโฮมแห่งเซี่ยงไฮ้!

เป็นที่ถูกอกถูกใจสำหรับคอซีรีส์จีนไม่น้อยเลยก็ว่าได้! กับซีรีส์จีนแนวสืบสวน-คอมเมดี้ My Roommate is a Detective ลู่เหยา อัจฉริยะยอดนักสืบ” ที่ได้ 2 หนุ่มพระเอกสุดฮอตแดนมังกรอย่าง “หูอี้เทียน” และ “จางหยุนหลง” มาแสดงในบทคู่หูนักสืบหนุ่มและสารวัตรหนุ่ม!

ถึงแม้ว่าซีรีส์เรื่องนี้จะไม่ใช่ซีรีส์สายวาย แต่ด้วยเคมีความน่ารักในบทบาทและการแสดงของ 2 หนุ่ม ทำให้แฟนๆ ซีรีส์ฟินและอินจนจับ “หูอี้เทียน-จางหยุนหลง” เป็นคู่จิ้นทั้งในจอและนอกจอ แถมตั้งฉายา “สองเชอร์ล็อคโฮมแห่งเซี่ยงไฮ้” จนแทบทำเอานางเอกสาว “เซี่ยวเยี่ยน” ไม่มีที่ยืนไปซะแล้ว! ว่าแล้วมาส่องความน่ารักของสองคู่หูหนุ่มคู่นี้กันดีกว่า!!!

“หูอี้เทียน” เกิดเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 1993 ที่เมืองหางโตว มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน ปัจจุบันอายุ 28 ปี สูง 188 ซม. น้ำหนัก 60 กก. จบการศึกษาจาก Zhejiang Huace Film & TV คณะการออกแบบภูมิทัศน์ โดยซีรีส์ที่สร้างชื่อเสียงให้กับเขาก็คือบทของหนุ่มมาดนิ่งจากซีรีส์เรื่อง A Love So Beautifull ที่สามารถขโมยหัวใจสาวๆ ชาวจีนไปได้อย่างสำเร็จและมีผลงานตามมาให้สาวๆ คลั่งไคล้มากมาย ซึ่งบทบาทที่ “หูอี้เทียน” ได้รับส่วนใหญ่จะเป็นหนุ่มหล่อมาดขรึม

จนกระทั่ง “หูอี้เทียน” ได้มาแสดงในซีรีส์ My Roommate is a Detective ลู่เหยา อัจฉริยะยอดนักสืบ” กับบท ลู่เหยาชายหนุ่มไฮโซมาดกวน ผู้เชี่ยวชาญสาขาวิชาคณิตศาสตร์และแพทยศาสตร์จากแคมบริดจ์ ได้งานทำเป็นผู้จัดการฝ่ายหลักทรัพย์ธนาคารแซสซูน แต่วันหนึ่งเขากลับตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรม เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง เขาเลยต้องโชว์ความสามารถในการไขคดีจนจับตัวคนร้ายได้สำเร็จ ซึ่งถือเป็นการสลัดภาพของ “หูอี้เทียน” จากพ่อหนุ่มมาดขรึมกลายเป็นนักสืบหนุ่มขี้เล่น มาดกวนและทะเล้นไม่น้อย!

อีกหนึ่งหนุ่มคู่หูของ ลู่เหยา ในเรื่องนั่นก็คือ สารวัตรเฉียว ที่ได้พระเอกหนุ่มสุดฮอตแดนมังกรอย่าง “จางหยุนหลง” มาร่วมแสดงจนได้รับกระแสไม่น้อยเช่นกัน“จางหยุนหลง” เกิดวันที่ 2 มีนาคม 1988 ที่เมืองต้าหลียน ประเทศจีน ปัจจุบันอายุ 33 ปี สูง 185 ซม. น้ำหนัก 83 กก. จบการศึกษาจาก Beijing Film Academy มีผลงานให้ชาวจีนคุ้นหน้าคุ้นตาออกมาในหลายๆ ซีรีส์

แต่ที่เป็นกระแสเห็นจะหนีไม่พ้นบทของ เฉียวฉู่เซิง หรือ สารวัตรเฉียว เจ้าหน้าที่หนุ่มอายุน้อยแต่ได้ตำแหน่งเป็นถึงสารวัตรใหญ่ของสถานีตำรวจเขตสัมปทาน นิสัยสงบเยือกเย็น ยืนหยัดในความยุติธรรมเสมอ จนกระทั่งได้พบ ลู่เหยา ในคดีฆาตกรรมคดีแรกที่เขาต้องเป็นคนรับผิดชอบและได้เห็นแววนักสืบในตัว ลู่เหยา จึงชักชวนมาร่วมทีมสืบสวนด้วยกัน จนกลายเป็นคู่หูสุดหล่อของนักสืบมาดกวน ลู่เหยา และถูกแฟนๆ ซีรีส์จับคู่จิ้นไปโดยปริยาย!


 

มโนแผน ฮันนีมูน ช่วงกักตัวกับทริปเดินทาง 4 สไตล์

ตามกระแสเที่ยวทิพย์! เตรียมมโนแผน ฮันนีมูน ช่วงกักตัวกับทริปเดินทาง 4 สไตล์

Alternative Textaccount_circle
มโนแผน ฮันนีมูน ช่วงกักตัวกับทริปเดินทาง 4 สไตล์
มโนแผน ฮันนีมูน ช่วงกักตัวกับทริปเดินทาง 4 สไตล์

แม้ว่าในเวลานี้ผู้คนยังคงตระหนักและให้ความสำคัญกับความปลอดภัยด้านสุขภาพมากที่สุด แต่อย่างไรก็ตามผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดของ Booking.com เผยว่า นักเดินทางชาวไทยจำนวน 2 ใน 5 (43%) ระบุว่าการไม่สามารถออกเดินทางท่องเที่ยวได้ในปี 2563 ส่งผลกระทบเชิงลบต่อสุขภาพจิตของพวกเขา โดย 38% กล่าวว่า พวกเขามีความรู้สึกเหมือนถูกกักขังอยู่ในบ้านจากมาตรการจำกัดการเดินทาง ดังนั้น ในขณะที่สถานการณ์โควิด-19 และข้อจำกัดด้านการเดินทางยังไม่เอื้ออำนวยให้คู่รักได้ออกเดินทางท่องโลกและ ฮันนีมูน ได้ คู่รักและสายเที่ยวชาวไทยจึงพากันเปลี่ยนอารมณ์เศร้าหมองให้กลายเป็นมุมมองที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ ปล่อยคอนเทนต์ซ้อมเที่ยวซ้อมฮันนีมูน ก่อนเที่ยวจริงกันหลากหลายสไตล์ สร้างกระแส #เที่ยวทิพย์ #ฮันนีมูนทิพย์ อย่างเป็นวงกว้างทั้งในสื่อหลักและสื่อโซเชียลมีเดีย

ด้วยพันธกิจที่จะช่วยให้ทุกคนออกไปสำรวจโลกกว้างได้ง่ายขึ้น เมื่อสถานการณ์กลับมาปลอดภัยและพร้อมสำหรับการเดินทางอีกครั้ง Booking.com จึงจัดกิจกรรม ‘เที่ยวทิพย์แบบ Pick A Card’ เพียงแค่คุณเลือกไพ่ด้านล่างมาหนึ่งใบ และมาดูคำทำนายจากไพ่กันว่าเมื่อสามารถออกเดินทางได้อีกครั้ง ทริปท่องเที่ยวหรือทริปฮันนีมูนแบบไหนที่ใจคุณปรารถนา

#เที่ยวทิพย์ ฮันนีมูน ทิพย์

ไพ่ใบที่ 1: ทริปสำหรับคู่รักสายลุย

ไพ่ใบนี้บอกว่าคุณคิดถึงทริปแบบลุยๆ มากถึงมากที่สุด และด้วยจิตวิญญาณของนักผจญภัย ทำให้คุณกำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถตอบสนองความเป็นนักกีฬาและจิตวิญญาณนักสำรวจของคุณได้อย่างสมบูรณ์แบบในขณะที่คุณออกเดินทางเพื่อสัมผัสกับความสวยงามที่น่าตื่นตาของธรรมชาติ

และหนึ่งในตัวเลือกจุดหมายปลายทางที่ดีที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยวที่โหยหาการเดินทางแบบผจญภัย คือ ‘จังหวัดกาญจนบุรี’ เพราะที่นี่มีกิจกรรมกลางแจ้งมากมายให้เลือกสรร ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมปีนเขา เดินทางไกล ทัวร์เดินป่า หรือโหนสลิง และกิจกรรมที่พลาดไม่ได้คือการพายเรือคายัคท่ามกลางวิวแม่น้ำตระการตา หรือเขื่อนขนาดใหญ่ที่มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ โดยที่ พันวารีย์ รีสอร์ท นำเสนอประสบการณ์เข้าพักบนรีสอร์ทลอยน้ำและล้อมรอบไปด้วยทัศนียภาพอันสวยงามของธรรมชาติ นอกจากนั้นผู้เข้าพักยังสามารถเพลิดเพลินไปกับเรือคายัคส่วนตัวได้ตลอดเวลาโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

ไพ่ใบที่ 2: ทริปสำหรับคู่รักสายชิล

ไพ่ใบนี้เผยให้เห็นความต้องการที่เรียบง่ายอย่างแท้จริงของนักเดินทางที่ต้องการออกเดินทางเพื่อผ่อนคลาย ปลดปล่อยความเครียด และใช้เวลาอย่างมีคุณภาพไปกับวิวทิวทัศน์ที่น่าตื่นตาตื่นใจของธรรมชาติ หรือชายฝั่งทะเลที่สวยงาม

หากคุณกำลังคิดถึงถึงทริปการเดินทางในอนาคต เพื่อการผ่อนคลายกายใจแบบใกล้ชิดธรรมชาติ ‘เขาใหญ่’ ในจังหวัดนครราชสีมา ถือเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ที่ต้องนึกถึง เพราะคุณจะได้รับการเติมเต็มอย่างสมบูรณ์ด้วยอากาศอันแสนสดชื่น ตลอดจนสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่เงียบสงบ และหากคุณยังไม่เคยเข้าพักที่ Dusit D2 Khao Yai ต้องบอกเลยว่าในแผนการเดินทางครั้งต่อไปของคุณการเข้าพักใน Dusit D2 Khao Yai เป็นสิ่งที่ห้ามพลาด เพราะคุณจะได้สัมผัสกับวันหยุดพักผ่อนสุดผ่อนคลายอย่างแท้จริง เพราะรีสอร์ทแห่งนี้ล้อมรอบไปด้วยทิวทัศน์อันเขียวชอุ่มและความสมบูรณ์ของธรรมชาติที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวกับรูปแบบของอาคารที่ได้รับการออกแบบและตกแต่งอย่างหรูหรา

ไพ่ใบที่ 3: ทริปสำหรับคู่รักสายคอนเทนต์

ไพ่ใบนี้แสดงถึงความคิดสร้างสรรค์และจิตวิญญาณของนักสร้างคอนเทนต์ตัวจริง! เจ้าของไพ่ใบนี้เป็นคนที่หลงใหลในการสำรวจจุดหมายปลายทางใหม่ ๆ หรือสถานที่แปลกตาอยู่เสมอ และปรารถนาที่พักในแบบที่ไม่เหมือนใครเพื่อสร้างความแตกต่างให้กับตัวเอง คุณเป็นคนที่คอยหาจุดถ่ายรูปแบบชิคๆ เพื่อถ่ายทอดโมเมนต์ที่น่าประทับใจหรือเพื่อสร้างสรรค์คอนเทนต์ในรูปแบบใหม่ ๆ ที่ใคร ๆ ต้องตามกดไลก์กันแบบถล่มทลาย

หากความงดงามและความเป็นเอกลักษณ์คือสิ่งที่คุณกำลังมองหา จุดหมายปลายทางอันน่าทึ่งของภูเก็ตคือสถานที่ที่คุณต้องไปเยือน ที่ The Surin Phuket แห่งนี้ คือสถานที่พักผ่อนบนหาดทรายสีขาวราวกับอยู่บนสวรรค์ ผสานกับวิวแสนงดงามของน้ำทะเลสีฟ้าครามใส และทิวทัศน์ที่รายล้อมไปด้วยทิวแถวต้นมะพร้าว รีสอร์ทริมชายหาดแห่งนี้เป็นสถานที่พักผ่อนที่สมบูรณ์แบบและเป็นโลเคชั่นสุดปังสำหรับสร้างสรรค์คอนเทนต์บนอินสตาแกรมที่ใครๆ จะต้องว้าว

ไพ่ใบที่ 4: ทริปสำหรับคู่รักสายอนุรักษ์และสนับสนุนการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

ไพ่ใบนี้บ่งบอกถึงจิตวิญญาณแห่งการอนุรักษ์ที่แท้จริงของนักเดินทาง ด้วยความตั้งใจในการเดินทางที่จะสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมและช่วยสังคมไปในเวลาเดียวกันรู้หรือไม่ว่านักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินและสร้างความสุขในการเดินทางไปพร้อม ๆ กับการสนับสนุนและช่วยเหลือฟื้นฟูท้องถิ่นและชุมชนในจุดหมายปลายทางที่คุณไปเยือน และหากคุณเองก็มีแนวคิดแบบเดียวกันนี้ มาสำรวจกันว่าที่ ‘เกาะสมุย’ มีอะไรน่าสนใจบ้าง

เพื่อให้การเดินทางครั้งนี้ของคุณยั่งยืนกว่าที่เคย ลองพิจารณาที่พักที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ที่ Anantara Bophut Koh Samui Resort ซึ่งเป็นหนึ่งในที่พักเชิงอนุรักษ์ที่ให้บริการบน Booking.com รีสอร์ทแห่งนี้นำเสนอประสบการณ์การพักผ่อนที่หรูหรา พรั่งพร้อมด้วยกิจกรรมสันทนาการมากมายที่นักท่องเที่ยวจะได้เพลิดเพลินกับช่วงเวลาแห่งการพักผ่อน อนันตรา บ่อผุด เกาะสมุย รีสอร์ท ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์ระบบนิเวศทางธรรมชาติและเป็นพันธมิตรกับชุมชนท้องถิ่น ยิ่งไปกว่านั้น การเข้าพักที่รีสอร์ทแห่งนี้ นักท่องเที่ยวยังสามารถเพลิดเพลินในช่วงเย็นโดยการเยี่ยมชมตลาดชุมชนและอุดหนุนสินค้าของชาวบ้านเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่นอีกด้วย

ฮันนีมูน ทิพย์


ภาพ : Pexels

 

บทความอืื่นๆ ที่น่าสนใจ

ลิสต์มาให้ชม! 10 งานแต่งงาน LGBTQ+ ในภาพยนตร์และซีรีส์

ชี้เป้าพิกัด เช่ารถงานแต่ง รับส่งบ่าวสาวอย่างมีสไตล์ด้วยรถคันงาม

เสิร์ฟไอเดีย โต๊ะจัดเลี้ยงแบบ Long Table เสกความหรูหราให้กับงานแต่ง

 

โควิดสายพันธุ์เดลต้า

โควิดสายพันธุ์เดลต้า แพร่เร็วกว่าเดิม แค่เดินสวนกันเพียง 5 วินาทีก็เสี่ยงติดได้

Alternative Textaccount_circle
โควิดสายพันธุ์เดลต้า
โควิดสายพันธุ์เดลต้า

เนื่องจากล่าสุด 30 มิถุนายน 2564 มีข่าวออกมาว่าพบ โควิดสายพันธุ์เดลต้า ที่ศิริราชเกินครึ่ง ทำให้หวั่นเป็นตัวแปรสู่การระบาดระลอก 4 ทาง นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล แพทย์โรงพยาบาลศิริราช จึงแนะวัคซีนที่กำลังจะมาในเดือนหน้า ต้องเร่งฉีดให้ผู้สูงอายุ-ผู้มีโรคเรื้อรัง และขอนำข้อมูลโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้ามาฝากทุกคน

นอกจากคำเรียกชื่อสายพันธ์ุของเชื้อโควิด-19 ที่เราเคยเห็นเรียกกันตามชื่อประเทศที่พบสายพันธุ์นั้นๆ ครั้งแรกแล้ว ยังมีการเรียกชื่อสายพันธุ์ว่าอัลฟ่า เบต้า แกมมา และเดลต้า อีกด้วย

โควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า คืออะไร

องค์การอนามัยโลก (WHO) เปลี่ยนชื่อในการเรียกสายพันธุ์โควิด-19 จากชื่อประเทศที่พบเชื้อโควิดครั้งแรก เป็นระบบตัวอักษรภาษากรีก เช่น อัลฟ่า เบต้า แกมมา และเดลต้า เพื่อลดการตีตราประเทศนั้นๆ

มีการบัญญัติชื่อเรียกสายพันธุ์โควิดใหม่ ดังนี้

  • สายพันธุ์อังกฤษ (B.1.1.7) คือ สายพันธุ์อัลฟ่า (A)
  • สายพันธุ์แอฟริกาใต้ (B.1.351) คือ สายพันธุ์เบต้า (B)
  • สายพันธุ์บราซิล (P.1) คือ สายพันธุ์แกมมา (Γ)
  • สายพันธุ์อินเดีย (B.1.617.2) คือ สายพันธุ์เดลต้า (Δ)

รวมไปสายพันธุ์อื่นๆ ที่เริ่มเป็นที่จับตามองมากขึ้นเรื่อยๆ ในปัจจุบัน ก็เปลี่ยนระบบการเรียกชื่อด้วยเช่นกัน ดังนี้

  • สายพันธุ์สหรัฐฯ (B.1.427/429) คือ สายพันธุ์เอปไซลอน (Ε)
  • สายพันธุ์บราซิล (P.2) คือ สายพันธุ์ซีตา (Z)
  • สายพันธุ์ที่พบในหลายประเทศ (B.1.525) คือ สายพันธุ์อีต้า (H)
  • สายพันธุ์ฟิลิปปินส์ (P.3) คือ สายพันธุ์ทีต้า (Θ)
  • สายพันธุ์สหรัฐฯ (B.1.526) คือ สายพันธุ์ไอโอตา (I)
  • สายพันธุ์อินเดีย B.1.617.1 คือ สายพันธุ์กัปปะ (K)

ฉะนั้น โควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า คือ สายพันธุ์อินเดียนั่นเอง

นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ระบุว่า สายพันธุ์โควิดที่พบในประเทศไทยมีอยู่หลายสายพันธุ์ แต่จากการตรวจสอบสายพันธุ์ที่พบในประเทศไทย จากตัวอย่างเชื้อที่ส่งข้ามายังกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ระหว่างวันที่ 7 เม.ย.-13 มิ.ย. จำนวน 5,055 ตัวอย่าง พบว่าส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์อัลฟ่า (อังกฤษ) 4,528 ราย คิดเป็น 89.6% สายพันธุ์เดลต้า (อินเดีย) เพิ่มขึ้นจาก 359 รายที่รายงานไปก่อนหน้านี้ เป็น 496 คน หรือเพิ่ม 137 ราย มากสุดคือ กทม.สะสม 404 ราย โดยเป็นรายใหม่ 86 ราย และ ยังพบ 10 ราย ในรพ.กลางกรุงเทพฯ 3-4 แห่ง อัตราการเพิ่มขึ้น จาก 8% เป็น 9.8%

โควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า อันตรายมากแค่ไหน?

ความสามารถในการแพร่เชื้อของโควิดสายพันธุ์เดลต้า มากกว่าสายอัลฟ่า 40% จึงต้องมีการจับตาอย่างใกล้ชิด เป็นรายสัปดาห์ หากสถานการณ์ยังทรงๆ อาจจะไม่มีปัญหาแต่หากยังมีการแพร่ระบาดแบบก้าวกระโดด คาดว่าประมาณ 2-3 เดือน อาจจะเป็นสายพันธุ์ที่ระบาดมากขึ้นสัดส่วนครึ่งต่อครึ่งกับสายพันธุ์อัลฟ่า

ส่วนในต่างจังหวัดที่พบเชื้อสายพันธุ์เดลต้านั้นพบว่ามีความเชื่อมโยงกับผู้ติดเชื้อในกรุงเทพฯ มาก่อน โดยเฉพาะแคมป์คนงานหลักสี่

วัคซีนในประเทศไทย ป้องกันจากโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้าได้หรือไม่?

นพ.บัลลังก์ อุปพงษ์ รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า ขณะนี้มีการศึกษาวิจัยการเพิ่มภูมิคุ้มกันโรคหลังฉีดวัคซีนซิโนแวคครบ 2 เข็ม ใน 200 คน โดยนำเลือด หรือซีรั่ม มาตรวจสอบกับเชื้อโควิดสายพันธุ์ต่างๆ พบว่าเมื่อตรวจกับเชื้อสายพันธุ์ดั้งเดิมพบว่ามีภูมิฯ ขึ้นสูง 100% สายพันธุ์อัลฟ่า ภูมิขึ้น 50-60% จะมีตรวจเพิ่มเติมในผู้ที่ฉีดครบ 2 เข็มแล้วเป็นเวลา 3 เดือน 6 เดือน อีกครั้ง และขณะนี้กำลังทดสอบในคนฉีดวัคซีนของแอสตร้าฯ 1 เข็ม รวมทั้งจะทำการทดสอบกับเชื้อเดลตา และเบต้า เพื่อดูถึงประสิทธิภาพวัคซีนที่ได้รับขณะนี้

ข้อมูลล่าสุดจากการสุ่มตรวจเพื่อถอดรหัสพันธุกรรมสายพันธุ์ที่ระบาดในประเทศไทย ที่ศูนย์จีโนมฯ ร่วมกับ CONI วิจัย พบว่าขณะนี้ 71% เป็นสายพันธุ์อัลฟ่าที่ยังครองพื้นที่อยู่ 22% เป็นสายพันธุ์เดลต้า และ 3% เป็นสายพันธุ์เบต้า อย่างไรก็ตาม วัคซีนที่เราใช้อยู่ขณะนี้ยังใช้ได้ผลกับ 2 สายพันธุ์ดังกล่าว การระบาดที่รวดเร็วโดยเฉพาะสายพันธุ์เดลต้า จำเป็นต้องเร่งปูพรมฉีดวัคซีน จึงอยากให้ทุกคนเข้ารับวัคซีน ต้องดูแนวโน้มอีก 1 เดือนจะเห็นผลมากขึ้นว่าสายพันธุ์เดลต้าจะครองพื้นที่หรือไม่ หากถอดรหัสพันธุกรรมไปแล้วเกิน 50% ก็มีความแน่นอนว่าสายพันธุ์เดลต้าจะครองพื้นที่แทนอัลฟ่า

และล่าสุดทาง ออสเตรเลีย ได้ออกข่าวเตือนประชาชนว่า โควิดสายพันธุ์เดลต้า ใกล้กัน 5 วินาทีก็ติดได้


ข้อมูล : sanook , Spring
ภาพ Cover : Pexels

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ไขข้อสงสัย หากผู้ป่วย “ไทรอยด์” ติดโควิด-19 จะเสี่ยงอาการหนักกว่าเดิมหรือไม่?

แนะวิธีดูแลตัวเองเบื้องต้นยังไงให้รอด เมื่อ ติดเชื้อโควิด-19 เเต่เตียงเต็ม!!!

‘ลิ่มเลือดอุดตัน’ ผลข้างเคียงวัคซีนโควิด-19 จริงหรือ? และใครที่ไม่สามารถฉีดวัคซีนได้

 

ช่อบูเกต์ในงานเสกสมรสของ 15 คู่ราชวงศ์

ยลโฉม ช่อบูเกต์ในงานเสกสมรสของ 15 คู่ราชวงศ์ โรแมนติก งดงาม เป็นที่น่าจดจำ

account_circle
ช่อบูเกต์ในงานเสกสมรสของ 15 คู่ราชวงศ์
ช่อบูเกต์ในงานเสกสมรสของ 15 คู่ราชวงศ์
ยลโฉม ช่อบูเกต์ในงานเสกสมรสของ 15 คู่ราชวงศ์ โรแมนติก งดงาม เป็นที่น่าจดจำ
ย้อนกลับไปในยุโรปสมัยกลาง ธรรมเนียมการโยนช่อดอกไม้ยังไม่ปรากฎเช่นทุกวันนี้ เพราะเมื่อก่อนพอเสร็จพิธีเจ้าสาวจะยกชุดแต่งงานให้กับคนอื่น เพราะเชื่อว่าเป็นของมงคล ทั้งยังเป็นตัวแทนแห่งความสุข แถมใครได้ครอบครองก็มีสิทธิ์ได้ลงจากคานทอง
ด้วยเหตุนี้เองบรรดาสาวโสดที่มาร่วมงานจึงเข้ามารุมฉีกชุดเจ้าสาวทันทีที่เสร็จพิธี โชคดีที่พอเข้าสู่ยุคข้าวยากหมากแพง ชุดแต่งงานมีราคาสูงขึ้น ธรรมเนียมการรุมทึ้งชุดก็เลยเปลี่ยนเป็นการโยนสายรัดถุงน่องแทน แต่กลับไม่เป็นที่นิยมสักเท่าไหร่ จึงเปลี่ยนให้หันมาโยนช่อดอกไม้แทน เพราะดอกไม้เป็นสัญลักษณ์แห่งการเจริญเติบโต ใครที่ได้รับก็จะได้เป็นเจ้าสาวรายต่อไปนั่นเอง
ปัจจุบันนอกจากที่จะมีการโยนช่อดอกไม้เพื่อให้สาวๆ มาเสี่ยงดวงกันแล้ว บางงานเจ้าสาวก็จัดเซอร์ไพรซ์มอบช่อดอกไม้ให้กับหญิงสาวที่เธอรักที่อยากจะเห็นเขามีความสุข ก็ถือเป็นอีกหนึ่งโมเม้นต์สุดประทับใจในงานแต่งที่น่าจดจำไปอีกนาน
สำหรับชุดเจ้าสาวของบรรดาราชนิกุลจะเป็นไฮไลท์ที่หลายคนให้การจับตามองแล้ว ช่อบูเกต์ก็จัดว่าเป็นอีกหนึ่งไอเท็มที่น่าสนใจไม่แพ้กัน
แพรวเวดดิ้งพาไปยลโฉมช่อบูเกต์ในงานเสกสมรสของ 15 คู่ราชวงศ์ ว่าพวกเธอถือช่อดอกไม้แบบไหน ใช้ดอกไม้อะไรกันบ้าง สาวๆ สามารถเก็บไว้เป็นไอเดียได้เลยนะคะ
เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ และ เลดี้ ไดอาน่า สเปนเซอร์
ช่อดอกไม้ทรงน้ำตก (Cascade) ประกอบด้วย ดอกกล้วยไม้ ดอกฟรีเซีย และ ดอกลิลลี่ ออฟ เดอะ วัลเลย์
เจ้าชายวิลเลียม & ดัชเชสเคทแห่งเคมบริดจ์
สำหรับช่อดอกไม้ของดัชเชสเมื่อครั้งที่เข้าพิธีอภิเษกสมรสกับเจ้าชายวิลเลียม พระองค์ทรงเลือก ลิลลี่ ออฟ เดอะ วัลเลย์ เพียงชนิดเดียวที่มาทำเป็นช่อบูเกต์
เจ้าชายแฮร์รี่ & ดัชเชสเมแกน
ช่อดอกไม้ทรงกลมขนาดเล็กที่เต็มไปด้วยดอกไม้สีขาว ซึ่งล้วนมีความหมายทุกชนิดไม่ว่าจะเป็น Forget-Me-Nots ดอกไม้ที่เจ้าหญิงไดอาน่าทรงโปรดปรานมากที่สุด รวมถึงดอกโบตั๋น ดอกลิลลี่สีขาว และ ดอกเมอเทิล
เจ้าหญิงวิกตอเรีย มกุฎราชกุมารีแห่งสวีเดน และ เจ้าชายดาเนียล ดยุกแห่งเวสเตร์เยิตลันด์
ช่อดอกไม้ทรงน้ำตก (Cascade) ประกอบไปด้วยดอกไม้สีขาวเป็นส่วนใหญ่ แซมด้วยดอกไม้สีม่วง ที่ขับให้บูเกต์ดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น
เจ้าชายอาลแบร์ที่ 2 องค์อธิปัตย์แห่งโมนาโก และ เจ้าหญิงชาร์ลีนแห่งโมนาโก
ช่อดอกไม้ทรงโค้งขนาดเล็กของ เจ้าหญิงชาร์ลีนแห่ง โมนาโก ทรงเน้นสีขาวและดอกกล้วยไม้เป็นหลัก
เลดี้กาเบรียลลา วินด์เซอร์ และ นายโทมัส คิงส์ตัน
ช่อดอกไม้ทรงกลม (Round)ประกอบไปด้วย ดอกกุหลาบจูเลียต ลิลลี่ ออฟ เดอะ วัลเล่ย์ และ ดอกสวีทพี
เจ้าหญิงยูจีนี และ นายแจ๊ค บรู๊กส์แบงก์
ช่อดอกไม้ทรงโค้ง (Pageant) ของเจ้าหญิงยูจีนี นอกจากจะมี ลิลลี่ ออฟ เดอะ วัลเล่ย์ แล้ว ยังมีดอกเนโมฟีลา เบบี้ บลู อาย ดอก white spray roses และ ดอกไอวี่
ปีเตอร์ ฟิลลิปส์ และ ออทัมน์ เคลลี่
ช่อดอกไม้ทรงน้ำตก (Cascade) ประกอบด้วย ดอกกุหลาบ, ลิลลี่ ออฟ เดอะ วัลเล่ย์ และ ดอกสเตฟาโนส หรือ ดอกไม้แห่งความสุข
เจ้าชายคริสเตียนแห่งฮาโนเวอร์ และ Alessandra de Osma
ช่อดอกไม้ของ Alessandra de Osma ประกอบไปด้วยดอกไม้ท้องถิ่นของประเทศเยอรมนี
สมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลลอฮ์ที่ 2 แห่งจอร์แดน และ สมเด็จพระราชินีรานยาแห่งจอร์แดน
ช่อดอกไม้ของ สมเด็จพระราชินีรานยาแห่งจอร์แดน ทรงเลือกสีดอกไม้ให้เข้ากับชุดเจ้าสาวสีขาว และ สีทอง ซึ่งบูเกต์จะเน้นสีขาวเป็นหลัก
เจ้าชายโฮกุน มกุฎราชกุมารแห่งนอร์เวย์ และ เจ้าหญิงเมทา-มาริ มกุฎราชกุมารีแห่งนอร์เวย์
เป็นช่อดอกไม้ที่แปลกตาไม่เหมือนใครจริงๆ ซึ่งบูเกต์ยาวนี้เรียกว่า brudeloperen
เจ้าชายฟริโซแห่งออเรนจ์-นัสเซา และ เจ้าหญิงมาเบลแห่งออเรนจ์-นัสเซา
ช่อดอกไม้ที่เจ้าหญิงมาเบลถือเป็นช่อดอกไม้งานแต่งงานแบบดั้งเดิมที่เป็นดอกไม้สีขาวทั้งหมดและมีการออกแบบลดหลั่นกันอย่างละเอียด
เลดี้ ดาวีนา วินด์เซอร์ และ แกรี่ ลูวิส
ช่อดอกไม้ทรงกลมที่โดเด่นไปด้วยดอก bright blue blooms
Princess Carolina, Marchioness of Sala และ Albert Brenninkmeijer
ช่อบูเกต์ทรงกลมที่สวยหวานในเฉดสีลาเวนเดอร์ แซมด้วยดอกไม้สีขาว ดูสะอาดตา

กฎการสวมเทียร่า ของราชวงศ์อังกฤษ

ไม่ใช่สมาชิกทุกคนจะใส่ได้! เผย กฎการสวมเทียร่า ของราชวงศ์อังกฤษ

กฎการสวมเทียร่า ของราชวงศ์อังกฤษ
กฎการสวมเทียร่า ของราชวงศ์อังกฤษ

เปิดเรื่อง (ไม่) ลับที่หลายคนอาจไม่เคยรู้ กฎการสวมเทียร่า ของราชวงศ์อังกฤษ ที่สืบทอดและปฏิบัติกันมาอย่างยาวนาน จนไม่ทันได้สังเกตว่าเจ้าหญิงบางพระองค์ไม่เคยสวมเทียร่าเลยสักครั้ง แต่จะเพราะอะไร มาหาคำตอบกันค่ะ

เทียร่าของราชวงศ์อังกฤษมีชื่อเสียงอย่างมาก ทั้งองค์ที่เจ้าหญิงไดอาน่าสวมใส่จนโด่งดังอย่าง Lover’s Knot Tiara หรือเทียร่า Belgian Sapphire ที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักรทรงโปรด แม้แต่เทียร่าที่เมแกน ดัชเชสแห่งซัสเซกส์ ใส่เข้าพิธีเสกสมรส Queen Mary’s Diamond Bandeau Tiara ก็ถูกพูดถึงไม่น้อย และเทียร่าที่ดัชเชสเคทเลือกสวมในพิธีเสกสมรส Cartier Halo ก็กลายเป็นอีกชิ้นที่ได้รับความสนใจเช่นกัน

กฎการสวมเทียร่า

กฎการสวมเทียร่า

กฎการสวมเทียร่า ของราชวงศ์อังกฤษ

กฎการสวมเทียร่า

เรื่องราวของเทียร่าแต่ละองค์ ทั้งประวัติความเป็นมาและความงดงาม หรือแม้แต่เรื่องดราม่าเกี่ยวกับเทียร่ามักเป็นที่สนใจเสมอ แต่รู้กันไหมว่าสมาชิกราชวงศ์ผู้เป็นสุภาพสตรีไม่สามารถสวมเทียร่าได้ทุกคน หากยังไม่ถึงเวลาอันควร ซึ่งในวันนี้เราจะมาเผยกฎการสวมเทียร่าของราชวงศ์อังกฤษ ให้ได้ทราบกันค่ะ

ไม่ใช่สมาชิกทุกคนจะใส่ได้! เผย กฎการสวมเทียร่า ของราชวงศ์อังกฤษ

ถึงแม้เทียร่าจะเป็นเครื่องประดับสุดล้ำค่าของราชวงศ์ แต่ใช่ว่าเจ้าหญิงทุกคนจะสามารถสวมได้ เพราะจะได้สวมเป็นครั้งแรกก็ต่อเมื่อเจ้าหญิงกลายเป็นเจ้าสาว เนื่องจากเทียร่ามีไว้สำหรับผู้หญิงที่แต่งงานแล้วเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่แปลกที่คุณจะไม่เคยเห็นเจ้าหญิงในช่วงวัย 20 ปี หรือยังทรงพระเยาว์สวมเทียร่า

กฎการสวมเทียร่า

นอกจากนี้ ยังมีกฎห้ามสวมหมวกหลังจาก 6 โมงเย็น สุภาพสตรีในราชวงศ์จะไม่ได้รับอนุญาตให้สวมหมวกหลังเวลา 18.00 น. หากร่วมงานที่จัดขึ้นตั้งแต่ 6 โมงเย็นเป็นต้นไป สมาชิกราชวงศ์ที่เป็นสุภาพสตรีจะต้องสวมรัดเกล้าหรือเทียร่าแทนการสวมหมวก


ที่มา : www.bustle.com

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

สไตล์ที่เปลี่ยนไป แฟชั่น ดัชเชสเคท ปูทางสู่บทบาทควีนในอนาคตอย่างไร?

เหตุใด เจ้าหญิงไดอาน่า ไม่ใช้แบรนด์ Chanel หลังหย่าขาดพระสวามี

ถือรุ่นไหนบ้าง? เปิดกรุ กระเป๋า Gucci ไอยู Brand Ambassador แห่งเกาหลีใต้

 

keyboard_arrow_up