เรียกว่าสวยเก่งครบเครื่องสำหรับ “เพชร-ศสิพร อำนวยเดชกร” พี่สาวของ “พีพี-กฤษฏ์ อำนวยเดชกร” ที่หลังจากเรียนจบปริญญาโทที่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมือง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็ลุยปั้นธุรกิจ Petchob ขายชุดนอนลายน้องหมาสุดคิวต์ ขณะเดียวกันก็ไม่ทิ้งวิชาชีพที่ร่ำเรียนมา เพราะตอนนี้เธอเป็น Project Development ให้กับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังด้วย
รู้จักสาวเก่ง “เพชร-ศสิพร อำนวยเดชกร” พี่สาวที่แสนดีของ “พีพี-กฤษฏ์”
เล่าถึงความสนใจด้านสถาปัตย์ให้ฟังหน่อยค่ะ
“เพชรชอบวาดรูปตั้งแต่จำความได้เลย ค่ะ คุณพ่อคุณแม่ซื้อปูนปลาสเตอร์มาให้เพชร กับพีพีเล่นระบายสีกันประจำ วิชาศิลปะก็ได้ คะแนนดี แต่พีพีอาจจะไม่ถนัดสายนี้ เวลามี การบ้านก็จะให้เพชรช่วยทำ น้องจึงได้คะแนน เต็มตลอด (หัวเราะ) เพชรชอบงานแอ๊บสแตร็กต์ ของศิลปินหลายท่าน ชอบวาดภาพวิวมากกว่า ผู้คน และถนัดวาดสีอะคริลิกบนผ้าใบ เพราะ วาดง่าย ทุกวันนี้ถ้ามีเวลาว่างก็จะฝึกวาดอยู่เรื่อยๆ
“เพชรรู้ตัวว่าอยากเรียนสถาปัตย์ตั้งแต่ ตอนเรียน ม.3 ค่ะ ที่เลือกคณะนี้เพราะคุณพ่อ แนะนำ เพราะท่านเคยมีความฝันอยากเป็น สถาปนิก จึงฝากความฝันไว้ที่ลูก บวกกับ ที่บ้านทำธุรกิจนำเข้ากระเบื้องปูพื้น (บริษัท อำนวยเดช ฟลอร์ไทล์ จำกัด) จึงอยากให้ เพชรเรียนสายนี้ ซึ่งเพชรก็ชอบนะ เพราะ ไม่ชอบอ่านหนังสือ ชอบการลงมือทำมากกว่า คณะนี้จึงตอบโจทย์ ได้ทำโมเดลตึก อาคาร ได้วาดรูป พอรู้อย่างนั้นเพชรไปเรียนวาดรูป เพิ่มตั้งแต่เด็กเลย สุดท้ายก็สอบติดคณะ สถาปัตย์ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ค่ะ โดย เพชรเลือกเรียนหลักสูตร 4 + 2 คือเรียน ปริญญาตรี 4 ปี และต่อปริญญาโทอีก 2 ปีค่ะ
“พอเข้าไปเรียนจริงๆ ยิ่งชอบมาก มันคือ ตัวเองเลย เพชรเรียนสถาปัตย์หลัก คือออกแบบ ตัวอาคาร ไม่ใช่แนวตกแต่งภายใน เพชรชอบ บ้านโทนญี่ปุ่น มีความโมเดิร์น มินิมัล สถาปนิก ที่ชอบคือ ซาฮา ฮาดิด, ทาดาโอะ อันโดะ แต่เรื่องยากก็มีนะคะ เพราะการบ้านโหดมาก เยอะจนแทบไม่มีเวลา เช่น ตื่นเช้ามาทำการบ้านวิชานี้ เสร็จอีกทีคือเช้าวันถัดไป บางครั้งก็แทบไม่ได้นอน และถ้าต้องพรีเซ้นต์ อาจารย์ก็ต้องใช้พลังงานเยอะ ทำกราฟิก ตัดโมเดล ให้อาจารย์เห็นภาพ ยากสุด คือวิชาดีไซน์ เช่น โจทย์ให้ทำบ้านเดี่ยว เราต้องตัดโมเดลทำบ้านขึ้นมาจริงๆ ตั้งแต่วางแปลน เรียกว่าต้องทำข้ามวันข้ามคืน ถึงจะโหด แต่ก็เป็นวิชาที่ชอบ ที่สุด เพราะสนุกและท้าทายมาก สุดท้ายเพชรเรียนจบมาด้วยเกรด 3.3 และ ปริญญาโทได้ 3.8 เกรดเพิ่งออกเลยค่ะ” (หัวเราะ)
นอกจากสนุกกับการเรียนแล้ว เพชรยังทำกิจกรรมด้วย
“ค่ะ เพชรเป็นเชียร์ลีดเดอร์ตั้งแต่เรียนปีหนึ่ง ที่จริงไม่ได้อยากเป็น เพราะ สมัยเรียนมัธยม (โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์) ก็ไม่เคยอยากทำอะไรแบบนี้ แต่พอดีว่าได้รับการชวนให้สมัคร บวกกับไปสมัครเป็นเพื่อนเพื่อน ปรากฏว่า ซ้อมหนักมาก แต่เพชรว่าสนุกดีนะ ช่วยฝึกให้เราจัดการบริหารและแบ่งเวลา ปกติ เพชรเลิกเรียน 4 โมงครึ่ง ก็จะเริ่มซ้อมตอน 5 โมงเย็น ซ้อมเสร็จหลังเที่ยงคืน พอกลับหอพักเราก็ไปทำงานต่อ แทบไม่ได้นอน ยิ่งช่วงประกวดระหว่างคณะ ยิ่งหนักค่ะ สุดท้ายได้อันดับที่ 4 ของมหาวิทยาลัย ดีใจมาก
“เพชรว่าการเป็นเชียร์ลีดเดอร์ช่วยฝึกวิธีคิด วิธีพูด จะพูดอะไรก็ต้องคิด เยอะขึ้น ตอนปีหนึ่งเราแค่ทำตามพี่ แต่พอขึ้นปีสองต้องไปซ้อมให้น้องปีหนึ่ง เราต้องมีความคิดของตัวเองมากขึ้น จะสื่อสารกับน้องยังไงให้เข้าใจ และสิ่งที่ได้ จากการเป็นเชียร์ลีดเดอร์มากที่สุดคือความอดทนค่ะ เพราะต้องฝึกหนัก มันช่วย ให้เพชรรับมือกับสิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้น”
หลังจากเรียนจบ ตัดสินใจเดินต่อทางไหนคะ
“สำหรับงาน ที่จริงเพชรเริ่มทำธุรกิจชุดนอน Petchob ตั้งแต่ตอนเรียน ปริญญาโทแล้วค่ะ จุดเริ่มต้นเพราะชอบสัตว์เลี้ยง ตอนแรกอยากขายชามข้าว น้องหมา น้องแมว พอลองทำโปรดักต์ออกมาเจอปัญหาหลายอย่าง จึงอยากลอง เริ่มจากทำอะไรง่ายๆ เช่น ชุดนอน ซึ่งกลุ่มตลาดกว้าง ไม่ต้องเลี้ยงสัตว์ก็ซื้อได้ ตอนแรกคิดว่าง่าย แต่พอได้ลองทำ ไม่ง่ายเลยค่ะ”
ความยากคืออะไรคะ
“ช่วงที่เริ่มทำธุรกิจ เพชรต้องทำวิทยานิพนธ์ไปด้วย ซึ่งก็เหนื่อยหนัก เพราะ การอ่าน เขียน ศึกษางานวิจัยต่างๆ ไม่ใช่สิ่งที่เพชรถนัดเลย ตอนนั้นยอมรับว่า เบื่อ อยากหาอะไรทำนอกจากเรียน จึงเป็นธุรกิจนี้
“เรื่องยากคือเราทำธุรกิจชุดนอน แต่ไม่รู้ว่าต้องเลือกผ้า เลือกกระดุม ประมาณไหน ไปพาหุรัดแล้วเดินหาเอง ซึ่งเพชรเลือกผ้าไหมอิตาลี เพราะใส่แล้ว นุ่มสบาย ไม่ร้อน จากนั้นก็หาโรงงานผลิต คิดว่าถ้าเราซื้อผ้าเองแล้วส่งให้เขาทำ จะราคาถูกกว่า สามารถลดต้นทุนได้บ้าง ซึ่งก็ได้คุณพ่อคุณแม่ช่วยเยอะมาก เพราะท่านเป็นนักธุรกิจ คอยสอนทั้งเรื่องตั้งราคา การขนส่งต่างๆ
“แต่ที่ยากที่สุดคือไอเดียการสร้างแบรนด์ว่าเราจะวางทิศทางอย่างไร ถ้าไอเดียชัด ทุกอย่าง จะลื่นไหล งานของเพชร ไอเดียเกิดจากชอบสัตว์เลี้ยง ตอนแรกทุกอย่างกว้างเกินไป ต้องบีบให้ แคบลง เริ่มจากชุดนอนก่อน โดยให้พี่ที่เป็นศิลปินมาวาดลายเส้นน้องหมาที่บ้าน 5 ตัว คือ โอโม่ แมกกี้ ไทนี่ ชานอ้อย และบราวนี่ ซึ่งน้องๆ เป็นพันธุ์ปอมกับชิวาวาค่ะ ส่วนคอลเล็คชั่นสองเพชร วาดเอง เพราะทำเป็นแนวกราฟิก ซึ่งเพชรถนัด แต่เหลือแค่ 4 ตัวแล้ว เพราะน้องบราวนี่เพิ่งเสียไป
“ช่วงแรกเพชรทำเองทั้งหมด ตั้งแต่แพ็คของ ส่งของ ตอบไลน์ แต่พอตรงกับช่วงสอบ ต้องโฟกัสเรื่องเรียน จึงหาน้องแอดมินมาช่วยตอบคำถามลูกค้ากับช่วยแพ็คของบ้าง”
ผลตอบรับเป็นอย่างไรบ้างคะ
“ดีมากค่ะ ต้องบอกว่าแฟนคลับน้องพีพีน่ารักด้วย ช่วยสนับสนุนตลอด ซึ่งตอนนี้เพชร ก็มีแผนจะขยายตลาดให้กว้างขึ้นด้วยการออกอีเว้นต์ เพื่อให้คนรู้จักแบรนด์ของเรา ประกอบกับเรา ส่งออกแบบเวิลด์ไวด์ จึงมีลูกค้าต่างชาติเยอะ ทั้งจีน ญี่ปุ่น เกาหลี”
ขอย้อนถามถึงเรื่องสัตว์เลี้ยงบ้าง ทราบว่าบ้านนี้รักสัตว์ทุกคน
“ใช่ค่ะ จุดเริ่มต้นมาจากที่คุณพ่อคุณแม่รักสุนัขมาก เลี้ยงเหมือนลูกเลย ทำให้พีพีกับเพชร รักสัตว์ไปด้วย ตอนเพชรเรียนชั้นอนุบาลที่บ้านก็มีน้องหมาตัวแรก แล้วคุณแม่จะซื้อน้องหมาในช่วงวันเกิดของท่าน อย่างน้องโอโม่ กับไทนี่ก็คือของขวัญที่คุณพ่อซื้อให้คุณแม่ ส่วนชานอ้อยเป็น ตัวแรกที่เพชรเลือกเอง ซึ่งคุณแม่บอกว่าต้องรับผิดชอบด้วยตัวเอง ทั้งหมด ตอนนั้นเพชรเรียนปี 2 ก็พาน้องไปเลี้ยงที่หอด้วย ดูแลทุกอย่าง ทั้งป้อนข้าว อาบน้ำ จึงผูกพันกันมาก ทุกวันนี้ถ้า เพชรมีเวลาว่างจะไม่ออกไปไหนเลยค่ะ ชอบอยู่บ้านเล่นกับน้อง มากกว่า”
รักสัตว์ขนาดนี้ มีเหตุการณ์ประทับใจเล่าให้ฟังไหมคะ
“เพชรทำบุญช่วยสัตว์เลี้ยงเป็นประจำ มีครั้งหนึ่งเพชร ขับรถอยู่ในมหาวิทยาลัย กำลังกลับหอ ถนนมืดมาก เจอเต่า อยู่กลางถนน กระดองแตก สภาพไม่ดีแล้ว จึงรีบพาขึ้นรถไป โรงพยาบาล หมอบอกว่าทำอะไรไม่ได้มาก ทำได้แค่เข้าเฝือก ชั่วคราวให้ วันรุ่งขึ้นหมอแนะนำว่าให้พาไปรักษาที่โรงพยาบาล สัตว์จุฬาฯ เขาจะมีศูนย์ช่วยเหลือเต่าที่โดนรถทับอยู่ พอไปถึง เราเห็นกะละมังมีเต่าที่โดนรถทับนอนเรียงกัน น่าสงสารมาก
“หลังจากพาน้องไปส่งที่โรงพยาบาล เพชรก็โพสต์ลงใน โซเชียลส่วนตัวว่าเจอน้องโดนรถชน ถ้าใครอยากช่วยเหลือน้อง สามารถสมทบทุนทำบุญได้ ก็มีคนบริจาคเงินมาช่วย เพชรมอบ เงินทั้งหมดให้โรงพยาบาล แต่สุดท้ายผ่านไป 3 – 4 วัน เพชรกำลังจะไปเยี่ยม พยาบาลโทร.มาบอกว่าน้องจากไปแล้ว สงสาร มาก ได้แค่ไปทำบุญให้เขาค่ะ”
มาถึงเรื่องงานประจำบ้าง ตอนนี้เพชรทำอะไรอยู่คะ
“เพชรทำงานที่ Magnolia Quality Development Corporation Limited ค่ะ เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ เพชร ทำตำแหน่ง Project Development ดูแลเรื่องการวิจัยและ แนวทางการพัฒนาโปรเจ็กต์ ดูในภาพกว้าง เช่น ศึกษาความ เป็นไปได้ของโครงการ แนวทางของโปรเจ็กต์ต่างๆ ในอนาคต โปรเจ็กต์หน้าตาออกมาเป็นแบบไหน ใช้พื้นที่เท่าไร กับมีดูเรื่อง ดีไซน์บ้าง เพราะต้องทำดีไซน์ไกด์ไลน์ร่วมกับพี่ๆ ในทีมค่ะ”
แบ่งเวลางานประจำและการทำธุรกิจยังไงคะ
“จันทร์ถึงศุกร์ทำงานประจำตามเวลา พอกลับถึงบ้านก็จะ ดูธุรกิจ Petchob คุยกับน้องแอดมินว่าวันนี้เป็นยังไง ต้องแพ็ค ของเท่าไร ดูเรื่องลงรูปในไอจีด้วย ต้องใช้รูปไหน เขียนแคปชั่นว่าอะไร ช่วงนี้มีรับงานรีวิวสินค้าต่างๆ ในไอจีด้วย (@petchssp) เพชรชอบงานที่เปิดโอกาสให้เราใส่ไอเดียใหม่ๆ ให้โปรดักต์”
เวลาพักผ่อนล่ะคะ
“ไม่ค่อยได้พักค่ะ เพชรคิดว่าที่ตัวเองทำงานหลายอย่างใน เวลาเดียวกันเพราะติดมาตั้งแต่ที่เป็นเชียร์ลีดเดอร์ ต้องแบ่งเวลาเรียนและเวลาซ้อม จริงๆ การถ่ายของรีวิวก็ถือว่าพักผ่อนแล้วนะสำหรับเพชร
“คนที่ชอบเที่ยวของบ้านเราคือคุณพ่อคุณแม่ค่ะ หลัง เลิกงานถ้ามีเวลาว่างก็จะไปแจมด้วย คุณพ่อคุณแม่ติดลูกมาก ชอบให้ลูกอยู่บ้าน แต่ตัวเองไม่อยู่บ้าน งง (หัวเราะ) พีพีก็งง เคยบอกว่า ‘ม้าจะให้ลูกอยู่บ้านทำไม ในเมื่อม้าไม่เคยอยู่บ้าน’ บางทีคุณแม่ตัดสินใจไปต่างจังหวัดก็ไปเลย มาชวนลูกใกล้ๆ วันที่จะไปแล้ว พอเราไปด้วยไม่ได้ก็น้อยใจ (หัวเราะ) แต่คุณแม่มีคนตามในไอจี (@sureerat.and) กว่า 129K นะคะ เพื่อนๆ ยัง บอกว่าคุณแม่เป็นเน็ตไอดอล วัยรุ่นมากกว่าเพชรอีก ซึ่งท่าน ชอบโพสต์รูปอยู่แล้ว ตั้งแต่ก่อนพีพีจะเข้าวงการอีก”
เล่าถึงพีพีบ้าง พี่น้องคู่นี้สนิทกันขนาดไหนคะ
“สนิทกันมากค่ะ เราสองคนคุยกันทุกเรื่อง ก่อนนอน น้องจะมาหาเพชรที่ห้อง เล่าให้ฟังว่ามีเรื่องอะไรบ้าง หรือช่วงที่ เพชรอยู่หอ ถ้ามีอะไรเขาก็ขับรถมาหาเลย มาแชร์กัน ถ้าเรื่องไหน น้องไม่เล่า เราก็จะไม่ถาม ใช้วิธีไปกินข้าวกันให้สบายใจแทนค่ะ
“ส่วนเรื่องนิสัยเราต่างกันเยอะ พีพีเรียนสายวิทย์ ส่วน เพชรสายศิลป์ เขาไม่ชอบอยู่บ้าน ติดเพื่อน แต่เพชรชอบอยู่บ้าน หรืออย่างเรื่องแฟชั่น เขาก็แฟชั่นจ๋าไปเลย บางทีเราจะมีแนะนำกันบ้าง เช่น บางทีน้องถามว่าแต่งเท่านี้เยอะไปหรือน้อยไปไหม ส่วนสิ่งที่เราชอบเหมือนกันคือน้องหมาค่ะ
“อย่างเรื่องเครื่องสำอาง สกินแคร์ เราก็แชร์กันนะ เวลา ที่พีพีต้องไลฟ์ที่บ้านแล้วไม่มีช่างแต่งหน้า เพชรก็ช่วยแต่งให้น้อง ปกติเพชรใช้สกินแคร์ไม่กี่ตัว เน้นให้หน้าชุ่มชื้น ทาครีม กันแดดพอ แต่ของพีพีเยอะหน่อย เพราะต้องทำงานในวงการ ก็จะมีทริคแนะนำน้องคือเวลาตาบวมให้ใช้ช้อนแช่เย็นประคบ หรือบางทีเรา 4 คนพ่อแม่ลูกอยู่บ้านพร้อมหน้าก็นั่งมาสก์หน้า ด้วยกัน สนุกดีค่ะ”
ที่บ้านปลูกฝังเรื่องอะไรเป็นพิเศษไหมคะ
“คุณพ่อคุณแม่เน้นมากเรื่องไม่ว่าจะทำอะไรต้องให้ดี ที่สุด ถ้าผลออกมาไม่เป็นไปตามที่หวังก็ไม่เป็นไร เพชรกับพีพี จึงเหมือนกันตรงนี้ ทั้งการทำงาน ทั้งเรื่องเรียน จะตั้งใจมาก คุณพ่อคุณแม่ถือว่าตามใจลูกนะคะ แต่อยู่ในขอบเขต ท่าน เลี้ยงลูกแบบสมัยใหม่ เป็นเพื่อนกัน มีอะไรบอกกันได้หมด เพชรและพีพีจึงไม่เคยโกหกเลย พูดตรงๆ ใช้เหตุผลคุยกัน แล้วเพชรก็สนิทกับคุณแม่มาก เหมือน เพื่อนเลย จนเพื่อนเพชรถามว่าสนิทกับแม่ขนาดนี้เลยเหรอ”
เพชรเคยคิดอยากเข้าวงการตามน้องบ้างไหม
“ไม่เลยค่ะ เพราะชอบความเป็นส่วนตัว ซึ่งตอนนี้เพชรปรับตัวได้เยอะมากกว่าแต่ก่อน แฟนคลับของน้องน่ารักด้วย ทำให้เราไม่เสียความเป็นส่วนตัวไปมาก
“ต้องบอกว่ากว่าจะมาถึงวันนี้ น้องพยายามมากจริงๆ ช่วงก่อนเข้าวงการเขาขี้อาย คุยกัน เยอะว่างานตรงนี้เหมาะกับเขาหรือเปล่า แต่ทุกวันนี้พีพีก็พิสูจน์แล้วว่าทำได้ หรืออย่างตอนไปถ่าย ซีรี่ส์ที่ภูเก็ตก็คือเหนื่อยมาก แต่เขาก็พยายามที่สุด จนผลตอบรับออกมาดีมาก”
วางเป้าหมายให้ตัวเองไว้อย่างไรคะ
“เป้าหมายระยะยาวคืออยากเปิดรีสอร์ตให้คุณพ่อคุณแม่ เพชรอยากออกแบบเอง แล้ว ให้คุณพ่อคุณแม่ไปอยู่ค่ะ ส่วนเรื่องแบรนด์ก็อยากให้เติบโตขึ้นไปเรื่อยๆ
“ส่วนธุรกิจของที่บ้าน คุณพ่อคุณแม่แล้วแต่เราว่าจะทำหรือเปล่า ซึ่งตอนนี้เพชรคิดว่าตัวเอง ยังสนุกกับงานทุกอย่างที่ทำอยู่ แต่สุดท้ายคิดว่าคงกลับมาทำธุรกิจของครอบครัวค่ะ โดยปรับเปลี่ยน ทิศทาง เน้นเรื่องดีไซน์มากขึ้น ฝากติดตามด้วยนะคะ”
ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 978
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
งานดีไม่แพ้น้องชาย! คุยลึกถึงตัวตน “แบงค์-ชินดนัย ภูวกุล” พี่ชายแบมแบม
แต้ว-ณฐพร เตมีรักษ์ ถอดบทเรียนวิธีคิดผิดๆ จนทำให้เผชิญวิกฤต โรคแพนิค
“ตู่-ปิยวดี” เล่าละเอียดยิบ! อยากมีลูกมากเป็นเหตุ แพ้ยา ทำให้เผชิญโรคหินปูนหลุด
account_circle
account_circle
account_circle
account_circle
