นุ้ก สุทธิดา

ยินดีสุดๆ นุ๊ก-สุทธิดา คุณแม่ลูกสามป้ายแดง วัย 39 ปีแล้ว แต่ก็ยังคงความหน้าเด็กมิเปลี่ยน

นุ้ก สุทธิดา
นุ้ก สุทธิดา

กลายเป็นคุณแม่ลูกสามไปซะแล้ว เมื่อ นุ๊ก-สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา ได้ให้กำเนิดลูกชายคนล่าสุด ที่มีนามว่า มูฮัมหมัด อดัม บิน มูฮัมหมัด ฮากีม ซึ่งเป็นลูกร่วมกับสามีชาวมาเลเซียที่มีอายุน้อยกว่า นามว่า มูฮาหมัด ฮากีม บินอาญซาลา โดยมีลูกชายอีกสองคน น้องฐปนต และน้องอินทัช ธรรมโรจน์พินิจ มาอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาอย่างเป็นครอบครัวสุดอบอุ่น

หลังจากได้หย่าร้างกับสามีคนแรกไป จนกระทั่ง นุ๊ก-สุทธิดา เปลี่ยนหันมานับถือศาสนาอิสลามจนพบกับสามีคนปัจจุบันชาวมาเลเซีย ทั้งสองก็ได้คบหาและตัดสินใจแต่งงานใช้ชีวิตร่วมกัน ซึ่งวันนี้ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีให้กับครอบครัวของสาวนุ๊ก เพราะได้ให้กำเนิด น้องอดัม ลูกชายคนที่สามของบ้านขึ้น เรียกว่า น้องฐปนต และน้องอินทัช มีเพื่อนเล่น และจะได้เป็นพี่ๆ ดูแลน้องด้วยกันเลยทีเดียว

เห็นเป็นคุณแม่ลูกสามแบบนี้ ก็ต้องยอมรับเลยว่า แทบดูไม่ออกเลยจริงๆ ว่า สาวนุ้กนั้นอายุ 39 ปี แล้ว เรียกว่า ยิ่งอายุเยอะยิ่งหน้าเด็กลงเลยก็ได้ (น่าอิจฉามากๆ) อีกทั้งสาวนุ๊กส่วนใหญ่ก็ไม่ได้นิยมแต่งหน้าจัดด้วย แต่ที่สำคัญเลยคงต้องยกให้กับการดูแลตัวเอง อย่างการออกกำลังกายเนี่ยแหละ ก็แหม คุณสามีเป็นถึงเทรนเนอร์ คอยดูแลเรื่องการออกกำลังกายให้กับคนดังมากมายทั้งที มีหรือจะไม่ใส่และดูแลคนรักอยู่ข้างๆ เรียกว่า พลังแห่งความรักและการออกกำลังกายทำให้สาวนุ๊ก รวมถึงสาวๆ คนอื่น สวย อ่อนเยาว์ ได้ไม่ยากเลย แพรวดอทคอมก็ขอแสดงความยินดีกับครอบครัวสาวนุ๊กด้วย และไม่ลืมนำภาพน่ารักๆ ของครอบครัวสาวนุ๊กมาฝาก เผื่อแฟนๆ จะได้หายคิดถึงกัน

ภาพอัลตราซาวด์ น้องอดัม

นุ้ก สุทธิดา

ครอบครัวสุดอบอุ่น พร้อมหน้าพร้อมตากับสมาชิกคนใหม่

นุ้ก สุทธิดา นุ้ก สุทธิดา

ย้อนวันวานช่วงเวลาแต่งงานเสียหน่อย

นุ้ก สุทธิดา นุ้ก สุทธิดา

สาวนุ๊กหน้าเด็กมาก-ก-ก

นุ้ก สุทธิดา นุ้ก สุทธิดา

เคล็ดลับอยู่นี่เอง.. ออกกำลังกาย ดูแลตัวเองร่วมกับคุณสามี ดูแข็งแรงมากๆ

นุ้ก สุทธิดา นุ้ก สุทธิดา

อายุไม่เป็นอุปสรรคใดจริงๆ นะเนี่ย…


เรื่อง: Gingyawee_แพรวดอทคอม
ภาพ: IG @nook_suttida @hakimspleesh

คลีนซิ่ง

แชร์ 5 คลีนซิ่งสูตรน้ำลดแรงเสียดสีผิว นุ่มลื่น กวาดล้างเครื่องสำอางเกลี้ยง

Alternative Textaccount_circle
คลีนซิ่ง
คลีนซิ่ง
ขึ้นชื่อว่าผู้หญิงยังไงซะก็หลีกหนีการแต่งหน้าไม่พ้นหรอก อยู่ที่ว่าแต่งมากแต่งน้อยเท่านั้นเอง แต่งโทนอ่อนๆ หรือทาแค่กันแดด แป้ง เขียนคิ้ว ก็ถือว่าเป็นการแต่งหน้าอยู่ดี และสิ่งสำคัญที่ละเลยไม่ได้คือเรื่องของการทำความสะอาดผิวหน้า บางคนอาจคิดว่าแต่งเบาๆ แล้วก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ต้องล้างออกด้วยคลีนซิ่งนะจ๊ะ ลำพังแค่สบู่หรือโฟมอย่างเดียวคงไม่พอ เพราะทุกวันสาวๆ ต้องเจอมลภาวะอะไรบ้างก็ไม่รู้ นอกจากเมคอัพที่เดี๋ยวนี้ชอบเป็นกันน้ำกันเหงื่อ ล้างออกยากชะมัด ฝุ่นควัน คราบสิ่งสกปรกที่คอยจะรังควานอุดตันรูขุมขนอีก แม้กระทั่งนั่งในห้องแอร์ก็ใช่ว่าจะสะอาด

หรือแม้กระทั่งทำความสะอาดไม่หมดจดก็อาจเป็นการทำร้ายผิวโดยไม่รู้ตัว ทำให้เกิดปัญหาผิวในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการระคายเคือง เป็นผื่นแดง ความแห้งกร้าน เป็นขุย หน้าเหี่ยวก่อนเวลาอันควร และอีกสารพัดปัญหาที่ตามมา

วันนี้ แพรวดอทคอม จึงมี 5 คลีนซิ่งสูตรน้ำมาแนะนำ เป็นทางเลือกให้สาวๆ เลือกไปทำความสะอาดใบหน้าให้เกลี้ยงเกลากัน

 

mizumi-smooth-cleansing-water

MizuMi Smooth Cleansing Water
(500 มิลลิลิตร / 490 บาท)

คลีนซิ่งวอเตอร์ สูตรลดแรงเสียดสีผิว นุ่มลื่นเหมือนไม่ได้ใช้สำลี มีเนื้อสัมผัสแบบ Smooth Water ให้สัมผัสที่นุ่มลื่นเมื่อเช็ดผิว เทสำลีให้ชุ่ม เช็ดเครื่องสำอาง ครีมกันแดดสูตรกันน้ำติดทน และสิ่งสกปรกจะหลุดออกมาอย่างง่ายดายหมดจด ในขณะเดียวกันก็ไม่ทำให้สำลีบาดหน้า ลดการทำร้ายผิว ลดโอกาสการเกิดริ้วรอยก่อนวัย พร้อมให้ความชุ่มชื่นผิวหลังใช้ รู้สึกได้ว่าหน้านุ่มขึ้นหลังล้างหน้าอีกที และยังคงคอนเซ็ปต์ความอ่อนโยนตามซิกเนเจอร์ของแบรนด์ ปราศจากน้ำหอม น้ำมัน พาราเบน แอลกอฮอล์ และสีสังเคราะห์ ผ่านการทดสอบการแพ้ระคายเคืองจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางผิวหนัง


5-la-roche-posay-micellar-water-ultra-reactive-skin_400ml

La Roche-Posay Micellar Water Ultra Reactive Skin
(400 มิลลิลิตร / 1,000 บาท)

คลีนซิ่งน้ำแร่สูตรอ่อนโยน เพิ่มความชุ่มชื้น 5 เท่า สำหรับผิวแห้งมาก ไวต่อการระคายเคืองง่าย แถมทางแบรนด์เคลมว่าเช็ดเครื่องสำอางได้ 98% ด้วยสำลีเพียงแผ่นเดียวด้วย ด้วยประสิทธิภาพการทำความสะอาดที่ผสานพลังไมเซลลาร์และกรีซิรินเข้าด้วยกัน ช่วยให้ผลิตภัณฑ์สามารถแผ่กระจายได้ดีกว่าบนสำลีและให้สัมผัสที่ลื่นละมุนเวลาเช็ด ทำให้เช็ดเครื่องสำอางและสิ่งสกปรกบนผิวหน้าออกได้ง่าย การสัมผัสผิวน้อยลง ไม่รบกวนและไม่ทำร้ายผิว แตกต่างด้วยน้ำแร่ลา โรช-โพเซย์ ช่วยปลอบประโลมผิวอย่างอ่อนโยน ลดอาการระคายเคือง ทำให้สบายผิว มั่นใจที่สุดของความปลอดภัย ปราศจากแอลกอฮอล์ สารกันเสีย และพาราเบน


h2o_reversed

Bioderma Sensibio H2O
(500 มิลลิลิตร / 650 บาท)

ขวดสีชมพู สูตรพิเศษสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางและแพ้ง่าย เชื่อว่าเจ้าขวดนี้เป็นตัวเลิฟของสาวๆ หลายคนแน่นอน เคยมีช่วงหนึ่งที่ฮิตบอกกันปากต่อปากว่าตัวนี้เริดมาก ใช้ดี ไม่เป็นสิวด้วย อ่อนโยนแม้ผิวรอบดวงตา ทรงคุณค่าด้วยสารสกัดจากแตงกวา จึงช่วยลดการอักเสบแดงและอาการแพ้ระคายเคืองของผิว ซึ่ง Sensibio H2O มีกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยี Micelle Solution ซึ่งเป็นการผลิตแบบพิเศษที่รวมเอาน้ำกับน้ำมันเป็นหนึ่งเดียว Micelle Solution จะช่วยดูดซับและขจัดสิ่งสกปรกออกได้อย่างง่ายดาย รวมถึงสามารถเช็ดทำความสะอาดเครื่องสำอางบนใบหน้าได้ดี โดยไม่ก่อให้เกิดการแพ้หรือระคายเคือง


o2_red

Eucerin DermatoCLEAN Oxygen Micellar Cleansing Water
(200 มิลลิลิตร / 1,040 บาท)

ตัวนี้ก็ขึ้นชื่อ สาวๆ หลายคนชอบใช้ไม้น้อย ถ้าคุณมีผิวที่แห้งมาก ดูขาดน้ำ แอบมีริ้วรอย ขวดนี้ต้องลอง เพราะเป็นคลีนซิ่งสูตรน้ำที่อ่อนโยน ไม่อุดตัน มีเทคโนโลยีไมเซลลาร์ ทำความสะอาดเครื่องสำอางได้ดี และเพิ่ม Oxygen-Micellar เปิดผิวรับออกซิเจน พร้อมกักเก็บความชุ่มชื่น โดยไม่ทำให้ผิวหน้าแห้งตึง และสามารถใช้ได้แม้ผิวบอบบางแพ้ง่าย ผ่านการทดสอบการแพ้ระคายเคืองจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางผิวหนัง


extra-bright_muc_micellar-water-packshot-rgb

Nivea Extra Bright Micellar Water
(200 มิลลิลิตร / 149 บาท)

สำหรับสาวผิวธรรมดาที่ต้องการความกระจ่างใส ให้สีผิวดูสม่ำเสมอ เรียบเนียน ชุ่มชื่น อ่อนเยาว์ ด้วยส่วนผสมของสารสกัดจากเมล็ดองุ่นและวิตามินซีจาก Acerola Cherry ที่ช่วยให้ผิวคล้ำเสียดูกระจ่างใสขึ้นได้ และควรใช้ให้ถูกวิธี โดยการเทคลีนซิ่งให้ชุ่มสำลี (ชุบ) จากนั้นวางสำลีบนผิวสักครู่ ให้พลังไมเซลลาร์ดูดซับเมคอัพ (แช่) แล้วลูบสำลีเบาๆ ไปตามผิว เช็ดให้ทั่วใบหน้า (เช็ด) ทำความสะอาดเครื่องสำอางหมดจดโดยไม่ทำร้ายผิว


เรื่อง : PP_แพรวดอทคอม

หล่อทะยานฟ้า! “สน ยุกต์” มาดนักบิน เคียงคู่คุณพ่อ กัปตันตัวจริง

ถ้าเป็นนางฟ้าก็อยากถูกเด็ดปีกเลยจ้าาาาา! อะไรจะเท่สุดขอบฟ้าปานนั้น เมื่อ สน ยุกต์ เผยภาพเคียงคู่ในห้องบินกับ คุณพ่อศุภมิตร หรือ กัปตันศุภมิตร ส่งไพศาล แห่งการบินไทย

เครื่องยังไม่ทันแลนดิ้ง ก็พากันหวีดร้องต้อนรับนักบินสุดหล่อคนใหม่กันแล้ว! นักบินหล่อเตรียมบอกต่อดังๆ ต่อไปนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคู่พ่อลูกสุดเท่ สน ยุกต์ ที่ควงคุณพ่อนักบินตัวจริง กัปตันศุภมิตร ส่งไพศาล แห่งการบินไทย มาหล่อทะยานฟ้าเข้าฉากบินในละคร เด็ดปีกนางฟ้า ของผู้จัดฯอลังการดาวล้านดวง ไก่ วรายุฑ ประกบคู่กับนางเอกแก้มป่อง แพทริเซีย กู๊ด โดยเริ่มเปิดกล้องถ่ายทำกันไปพักใหญ่แล้ว

ขณะที่คุณพ่อศุภมิตรเป็นนักบิน แต่สำหรับพระเอกหนุ่มหน้าหยก สน ยุกต์ นั้นเรียนจบคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เล่นละครมาแล้ว 15 เรื่อง แต่ยังไม่เคยรับบทนักบินมาก่อนเลย พอได้มาสวมบทบาทนักบินในละครเรื่องล่าสุดที่กำลังถ่ายทำ แถมมีซีนที่ได้ขึ้นขับเครื่องบินรบด้วย เจ้าตัวถึงกับบอก ดรีมคัมทรู ฝันที่เป็นจริงเลยทีเดียว! งานนี้ลูกไม้จะหล่นใต้ต้นแค่ไหน ไปดูกันค่าา

สน ยุกต์ กับคุณพ่อกัปตันตัวจริง

สน ยุกต์ กับคุณพ่อกัปตันตัวจริง

สน ยุกต์

sonyuke3

sonyuke9

sonyuke4

sonyuke6

sonyuke7

sonyuke5

เรื่อง : Red Apple_แพรวดอทคอม
ภาพ : IG@sonyuke | IG@namch3

งานเลอค่าต้องมา! Audemars Piguet ครบรอบ 40 ปี เผยโฉมคอลเล็คชั่นใหม่สำหรับเวิร์คกิ้งวูแมน

เครื่องประดับชิ้นสำคัญที่เชื่อว่าผู้หญิงหลายคนมักจะโหวตให้เป็นไอเท็มชิ้นพิเศษหนึ่งในนั้นต้องมี นาฬิกาดีๆ สักเรือน ติดอันดับไปด้วยแน่นอน เพราะนาฬิกาเป็นมากกว่าไอเท็มที่ใช้บอกเวลาได้ แต่ยังเป็นเครื่องประดับที่บ่งบอกถึงรสนิยมและบุคลิกของสาวๆ ได้ดีอีกด้วย

คอลัมน์ Hot Item มาวันนี้จะพาผู้อ่านแพรวไปทำความรู้จักกับนาฬิการะดับตำนานที่อยู่ในใจของสาวๆ หลายๆ คนอย่าง โอเดอมาร์ส ปิเกต์ (Audemars Piguet) แบรนด์นาฬิกาสุดคลาสสิกที่ล่าสุด ได้ฉลองครบรอบ 40 ปีไปเป็นที่เรียบร้อย แน่นอนว่าโอกาสพิเศษขนาดนี้ทาง โอเดอมาร์ส ปิเกต์ (Audemars Piguet) ก็ได้ออกคอลเล็คชั่นใหม่ล่าสุดอย่าง รอยัล โอ๊ค ฟรอสต์ โกลด์ (Royal Oak Frosted Gold) มาให้เราได้เชยชมกัน โดยคอลเล็คชั่นนี้ได้รับเกียรติจาก แคโรลีนา บุชชี่ (Carolina Bucci) จิเวลรีดีไซเนอร์ชื่อดังและเก่าแก่แห่งเมืองฟลอเรนซ์ มาร่วมรังสรรค์ ออกแบบเรือนเวลาล้ำค่าชิ้นนี้ด้วย

1

ความพิเศษของคอลเล็คชั่นนี้ก็คือ ความตั้งใจที่จะให้เป็นนาฬิกาสำหรับเวิร์คกิ้งวูแมน แต่ยังคงความโดดเด่น คลาสสิกซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ไว้อยู่ ซึ่งแน่นอนว่าได้จิเวลรีดีไซเนอร์ชื่อดังมาออกแบบขนาดนี้ งานอัญมณี งานเพชร ต้องมาอย่างแน่นอน! โดยตัวเรือนใช้เทคนิคการตีทองเก่าแก่ของอิตาลี (Gold Hammering) อันเป็นที่นิยมใช้ในการตกแต่งเครื่องประดับอัญมณีโบราณ หรือที่เรียกว่า “ฟลอเรนทีนเทคนิค (Florentine Technique) โดยใช้วิธีการตีเนื้อทองด้วยสลักหัวเพชร เพื่อทำให้เกิดรอยประทับขนาดเล็กเรียงรายอยู่บนพื้นผิวที่ให้เอฟเฟ็กต์ประกายแสงระยิบระยับเสมือนอัญมณีล้ำค่า

7

ซึ่งมี 2 สีให้เลือกด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นสีไวท์โกลด์ และพิ้งค์โกลด์ 18 เค สุดยอดประณีตศิลป์ที่การันตีความล้ำค่าด้วยฟลอเรนทีนเทคนิคชั้นสูง สง่างามยิ่งขึ้นด้วยพื้นหน้าปัดสีเงินในลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์อย่าง กรองด์ ตาปิสเซอรี่ (Grande Tapisserie) เคียงคู่มากับเข็มและเครื่องหมายบอกเวลาสีเดียวกับตัวเรือน พร้อมช่องหน้าต่างแสดงวันที่ ณ ตำแหน่ง 3 นาฬิกา

2

ปิดท้ายความงามที่น่าค้นหาด้วยสายนาฬิกาที่บรรจงออกแบบด้วยเทคนิคเดียวกัน เสริมความหรูหราให้เรือนเวลาได้เป็นอย่างดี มีให้เลือกถึง 4 แบบ โดยตัวเรือนขนาด 33 มิลลิเมตร ขับเคลื่อนการทำงานด้วยกลไกควอทซ์ ในขณะที่ตัวเรือนขนาด 37 มิลลิเมตร ขับเคลื่อนการทำงานด้วยกลไกไขลานอัตโนมัติ พร้อมโดดเด่นด้วยกระจกฝาหลังคริสตัลแซปไฟร์ที่เผยให้เห็นการทำงานของกลไกภายในได้อย่างชัดเจน งานเลอค่าขนาดนี้ สาวๆ อย่าพลาดเชียวนะคะ

3 4 5 6 10

เรื่อง : saipiroon_แพรวดอทคอม

ภาพ : Audemars Piguet

ลือหนักมาก! “หงษ์หยก” นักแสดงสงครามนางงาม ว่าที่ลูกสะใภ้คนใหม่ของนายชวน หลีกภัย?

หลังจากหนุ่มปลื้ม – สุรบถ หลีกภัย หรือ ปลื้ม vrzo ลูกชายของนายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เลิกรากับอดีตภรรยาอย่างสาวทับทิม – มัลลิกา จงวัฒนา พิธีกรคู่หูที่พัฒนาความสัมพันธ์จนถึงขั้นแต่งงาน แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอด ทำให้ต้องแยกทางกัน ส่วนสาเหตุนั้นก็มีข่าวลือต่างๆ นานาออกมาให้เป็นกระแสไประยะหนึ่งเลยทีเดียว

หลังจากที่ทั้งคู่แยกทางกันก็มีข่าวเรื่องผู้หญิงคนใหม่ของหนุ่มปลื้มอยู่ตลอด แต่เจ้าตัวก็ปฏิเสธเรื่อยมา ส่วนสาวคนล่าสุดที่หนุ่มปลื้มเพิ่งมีข่าวอยู่ด้วยนั้นก็คือ หงษ์หยก – พรพรรณ ฤกษ์อัตการ นักแสดงจากสงครามนางงาม ซึ่งหนุ่มปลื้มก็ออกมาปฏิเสธอีกตามเคยว่าทั้งคู่เป็นเพียงเพื่อนร่วมงานกันในรายการใหม่แนวท่องเที่ยวชื่อ “เที่ยวไปเรื่อย” โดยได้สาวหงษ์หยก – พรพรรณ มาเป็นพิธีกรคู่ร่วมกับหนุ่มปลื้มเท่านั้น

แต่พอผ่านไปได้ไม่นาน ก็ไม่รู้ว่าจากเพื่อนจะพัฒนาเป็นคนรู้ใจไปแล้วรึเปล่านะ เพราะภาพล่าสุดที่ทั้งหนุ่มปลื้มและสาวหงษ์หยกลงในอินสตาแกรมส่วนตัวของทั้งคู่ เป็นภาพที่หนุ่มปลื้มพาสาวหงษ์หยกไปทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัว จนหลายคนมองว่าหรือนี่คือการเปิดตัวว่าที่ลูกสะใภ้คนใหม่ของนายชวน หลีกภัย ซะแล้วสิ เพราะก่อนหน้านี้ไม่ว่าหนุ่มปลื้มจะมีข่าวกับสาวคนไหน เจ้าตัวก็ไม่เคยพามาเปิดตัวออกสื่อขนาดนี้ และดูเหมือนว่าฝ่ายครอบครัวของหนุ่มปลื้มดูจะถูกอกถูกใจสาวหงษ์หยกไม่น้อยนะ ก็ในภาพคุณแม่ของหนุ่มปลื้มเล่นควงสาวหงษ์หยกพร้อมกับยิ้มอบอุ่นขนาดนี้ แสดงว่าคงจะถูกใจไม่น้อยเลยแหละ

1 4 9 5 12 11 2 10 13 14 8 7 6

 

เรื่อง : saipiroon_แพรวดอทคอม

ภาพ : IG@pleum_officialhongyok_p

หมิว ลลิตา กับ 15 เรื่องเด็ด #ดูรวมๆแล้วมีเสน่ห์เหลือเกิน

ในความคิดคุณ ผู้หญิงสวยต้องเป็นยังไง? ตาคม จมูกโด่ง ฟันเรียงซี่สวย หน้าวีเชฟ ผมยาวตรง หน้าอกโต ก้นเด้งดึ๋ง…ถ้าทั้งหมดที่กล่าวมาคือสิ่งที่คุณกำลังคิด ในความเป็น หมิว ลลิตา  ที่ทั้งจมูกใหญ่ แก้มเยอะ ฟันยาว ผมหยิกตลอดกาล ใส่รองเท้าเบอร์ 9 ก็ดูจะห่างไกลกับคำว่าสวยมากมาย แต่แปลกนักที่เมื่อทุกอย่างมารวมกันเป็นเธอ หลายคนกลับรู้สึกว่าหมิวคือผู้หญิงสวย เท่ห์ และมีเสน่ห์

15 เรื่องเด็ดของ หมิว ลลิตา ด้านล่างนี้ แพรวเชื่อว่าทันทีที่คุณได้อ่าน คุณจะคิดเหมือนเราว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ #ดูรวมๆแล้วมีเสน่ห์เหลือเกิน เพราะฉะนั้นก็ไม่ต้องเขินเลยนะถ้าจะคอมเม้นต์เข้ามาว่ารักเธอ

#1

หมิวเข้าห้องน้ำเร็วมาก แค่ 10 นาทีเสร็จ เพราะไม่ได้ใช้เครื่องประทินผิวอะไรซับซ้อน บางทีทำงานกลับบ้านดึก ถึงกับไม่อาบน้ำก็ทำมาแล้ว เธอให้เหตุผลว่าการอาบน้ำบ่อยๆ จะทำให้ผิวแห้ง เดี๋ยวแก่เร็ว

และเพราะไม่ได้ใช้เวลาละเมียดกับการอาบน้ำนัก ทำให้บ่อยครั้งเธอมักลืมทาครีมกันแดด คิดได้อีกทีก็ตอนอยู่กลางแดด กำลังเลือกซื้อต้นไม้มาปลูกที่บ้านแล้ว ซึ่งเอาตามจริงเธอก็ไม่ได้ซีเรียสกับนิสัยขี้ลืมข้อนี้นัก เพราะโดยเนื้อแท้คิดว่าความงามขึ้นอยู่กับทัศนคติมากกว่า ถ้าสบายใจ กระชุ่มกระชวยมีความสุข มันก็จะสะท้อนออกมาเอง

แต่พอลูกโต และกลับมาทำงานในวงการบันเทิงมากขึ้น เลยต้องพยายามบอกตัวเองว่าทำอาชีพนี้ยังต้องใช้หน้าอยู่นะ ดูแลหน่อยเถอะ ยอมเสียเวลาเพิ่มขึ้นอีกนิดกับการทาครีมเพิ่มอีก 2-3 ชั้น เพื่อให้ผิวหน้าใสอยู่กับเธอไปอีกนานๆ

mew lalita

#2

หมิวเป็นสาวผมหยิกหยักศกโดยธรรมชาติ และเคยไว้ผมยาวสมัยเล่นละครเมื่อเกือบ 30 ปีก่อน ต่อมาก็หั่นผมสั้นตลอด โดยตั้งใจว่ายิ่งอายุมากขึ้นก็จะยิ่งไว้ผมสั้นขึ้นเรื่อยๆ เพราะคิดว่าการตัดผมสั้นคือวิธีทำให้หน้าดูสดใส กับอยากแอ๊บเด็ก(คำพูดของหมิว ไม่ได้แต่งเติม) เผื่อลูกๆ จะคิดว่าเธอเป็นเพื่อนเล่น

#3

เวลามีเรื่องหนักใจ ไม่สบายใจ หมิวจะเอาหนังสือธรรมะเก่าๆ ที่เคยศึกษามาอ่าน ซึ่งช่วยให้รู้สึกดีขึ้น ช่วงไหนว้าวุ่นมากๆ เธอใช้วิธีเขียนคำสอนของพระอาจารย์ต่างๆ ลงโพสอิท และนำไปแปะไว้ตามฝาบ้าน เพื่อเวลาเดินผ่านจะได้เห็นบ่อยๆ เป็นการเห็นเพื่อเตือนสติ อีกอย่างที่เธอชอบทำคือจดคำพูดดีๆ ที่ได้ฟังคนอื่นหรือเห็นจากหนังสือแปะไว้ในห้องน้ำ เอาไว้อ่านเพื่อเป็นกำลังใจ ให้เห็นแล้วรู้สึกว่า… ความทุกข์ของวันไหนขอให้เป็นของวันนั้นก็พอ

#4

หมิวเคยกินมังสวิรัติอยู่ 4 ปี เพราะรู้สึกว่าไม่อยากเบียดเบียนชีวิตใคร และเชื่อเรื่องการกินอาหารตามกรุ๊ปเลือด นั่นคือร่างกายของคนเลือดกรุ๊ปเอจะไม่ค่อยย่อยเนื้อสัตว์ ซึ่งพิสูจน์ได้จากการที่เธอเป็นคนที่ลำไส้ไม่ค่อยดีเท่าไร การทานมังสวิรัติจึงเท่ากับช่วยเรื่องระบบขับถ่ายด้วย แต่พอแต่งงาน มีลูก เธอก็เริ่มหันมาทานเนื้อปลาและอาหารทะเลบ้าง เพื่อจะได้แชร์กับลูกได้

#5

ที่ผ่านมาหมิวเป็นคุณแม่ที่เลี้ยงลูกเต็มเวลา เธอจึงมีความคาดหวังว่าไม่อยากให้ลูกมีความลับด้วย แต่ตอนนี้สองหน่อ แพลงต้อน-อีตั้น โตเป็นหนุ่มน้อยแล้ว เริ่มมีโลกส่วนตัว  แม่หมิวจึงใช้วิธีแอบสืบเรื่องสาวบ้างไรบ้าง และถึงขั้นปวารณาตัวว่าถ้าลูกดูหนังติดเรท เธอก็จะนั่งดูด้วย

อ่านต่อหน้า 2

ฌอห์ณ จินดาโชติ

คุยกับ “ฌอห์ณ” พระเอกนักออกแบบชีวิต สุภาพบุรุษจินดาโชติ

ฌอห์ณ จินดาโชติ
ฌอห์ณ จินดาโชติ

กำลังตกเป็นข่าวกับสาวเอสเธอร์ อดีตคู่จิ้นที่เคยเล่นละครคู่กันจนดังระเบิด มาวันนี้กระแสของ ฌอห์ณ จินดาโชติ กับสาวเอสเธอร์ก็ดูจะไม่เหมือนเดิมแล้ว จะด้วยเพราะความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไปหรือกระแสข่าวใดๆ ก็ตาม วันนี้แพรวดอทคอมขอย้อนเวลากลับไปอ่านบทสัมภาษณ์ Exclusive Talk ที่เคยพูดคุยกับหนุ่มคนนี้ (บทสัมภาษณ์เมื่อ 22 มิถุนายน 2558) ทุกแง่มุม ทุกเรื่องที่เขาเปิดใจ รวมถึงการยอมเปิดปากพูดถึงอดีตคู่จิ้น ใครที่เป็นแฟนคลับเคยลุ้นให้ทั้งคู่จิ้นกันจริงๆ คงเสียดายกันหนักมากเลยละ

ฌอห์ณเริ่มเข้าวงการมาตั้งแต่เมื่อไหร่

ฌอห์ณ : ตั้งแต่อายุ 17 ครับ งานแรกก็คือเล่นละครเรื่องหินกลิ้ง เป็นพี่คิง – สมจริง ศรีสุภาพครับที่ชวนมาเล่น จำได้ว่าตอนนั้นไปทำงานกับพี่พลอย ไปแคสต์งานนึง อยู่ดีๆ เทปนั้นที่ถ่ายก็ไปอยู่ที่มือพี่คิง เขาเลยเรียกผมมาเล่นละครเรื่องนี้ด้วย

จริงๆ ก็เข้าวงการมานานแล้วเหมือนกัน แต่มาเปรี้ยงมากก็ช่วงที่เล่นละครเรื่องเล่ห์รตี

ฌอห์ณ : ใช่ครับ ตอนนี้จะ 27 แล้ว ก็ทำงานในวงการบันเทิงมาหลายปีเหมือนกัน จนมาได้เล่นละครกับทางเอ็กแซ็กท์ครั้งแรก และได้เป็นพระเอกด้วย

ฌอห์ณ จินดาโชติ

ฟีดแบ็กหลังจากละครจบไปแล้วดังถล่มทลายมาก รู้สึกอย่างไรบ้าง

ฌอห์ณ : ทุกวันนี้ผมก็ยังตกใจอยู่นะครับ จะไปกินข้าวอะไรก็ลำบากขึ้น แต่มันเป็นความรู้สึกที่จริงๆ ก็ดีแหละ เราทำงานมานาน เราก็พยายามเรียนรู้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ตลอด แต่ก็ไม่ได้คิดหรอกครับว่าชีวิตจะเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน เราก็แค่ทำในสิ่งที่โอกาสมีมาให้ทำ

แต่พอบทคุณเสกข์มาทำให้คนรู้จักเราในวงกว้าง คนเข้ามารู้จักครอบครัวจินดาโชติมากขึ้น คนให้ความสนใจที่จะเสพผลงานที่ผ่านมาของผม รวมถึงผลงานต่อๆ ไป แล้วก็ทุกอย่างที่เราทำอยู่ตอนนี้เป็นที่จับจ้องและสนใจทุกขณะมากขึ้น ผมว่ามันเป็นเรื่องที่ดีนะครับ เราก็โตขึ้นด้วย รู้จักการวางตัวมากขึ้น

กลายเป็นว่าเรามีคู่จิ้นจากละครเรื่องนี้ ก็คือคือเอสเธอร์

ฌอห์ณ : ก็ไม่คิดนะครับว่าจะมีคู่จิ้น แล้วก็อีกอย่างหนึ่งคือช่องวันเขาไม่ค่อยมีคู่จิ้น ไม่เหมือนกับช่องอื่นๆ แล้วตัวเราทั้งสองคนก็ใหม่กับการเป็นพระ – นาง มาร่วมงานกับทางช่องนี้ครั้งแรกด้วย ก็ไม่ได้มีความคาดหวังว่ามันจะมากมายขนาดนี้ เราแค่รับผิดชอบหน้าที่ของเราครับ ยังคิดอยู่เลยว่า โอ้โห ตอนที่ละครเราออนแอร์ เราเจอคู่แข่งเบอร์ใหญ่ พระ – นางเบอร์ใหญ่ของแต่ละช่อง เราก็ยังหวั่นใจอยู่เลยว่าจะรอดไหมเนี่ย (หัวเราะ)

ฌอห์ณ จินดาโชติคิดว่าเป็นเพราะอะไรละครเรื่องนี้ถึงเปรี้ยงขึ้นมา

ฌอห์ณ : ผมว่าด้วยเนื้อหามันเป็นสูตรสำเร็จที่คนไทยชอบอยู่แล้ว นางเอกผู้จิตใจดีกับพระเอกปากร้าย กระทำชำเรานางเอก แต่จิตใจหนึ่งเป็นคนอ่อนโยน มันเป็นสูตรสำเร็จที่คนไทยคุ้นเคยครับ แต่ว่าที่เป็นกระแสแรง ผมว่าคู่เราใหม่ด้วยเคมีสองคนนี้ไม่เคยเห็นมาก่อน ผมว่าข้อดีของผมกับเอสเธอร์ก็คือ ผมเองก็เคยได้ร่วมงานกับหลายช่อง เอสเธอร์ก็ได้ร่วมงานกับช่อง 3 มาก่อน มันเหมือนเรามีของจากทุนเดิมของเรา มาปรับเปลี่ยน มาเรียนรู้ที่นี่เพิ่ม ฐานแฟนคลับเอ็กแซ็กท์เขาก็ได้เห็นอะไรใหม่ๆ ผมว่าเราเหมือนเคยกินของเดิมๆ แล้วชิน จนได้เจอกับของแปลกใหม่ แล้วรู้สึกว่า เฮ้ย! รสชาติมันดูแปลกตา กระแสรวมกับปากต่อปากมันก็เลยเกิด น่าจะเป็นแบบนั้นแหละครับ

เห็นว่ายังไม่ได้สังกัดค่ายไหน ตอนนี้มีใครมาจีบเข้าสังกัดหรือยัง

ฌอห์ณ : ก็มีงานมาทาบทามครับ แต่ว่า ณ ตอนนี้เราชัดเจนว่าเราเป็นนักแสดงอิสระไปก่อน แต่ก็ให้เกียรติกับทางช่องวันเป็นหลัก เพราะช่องวันทำให้เล่ห์รตีประสบความสำเร็จ ช่องวันเลือกเอาเราเข้ามาเล่น แต่ว่ายังสามารถรับเล่นได้หลายๆ ช่อง แล้วแต่ความเหมาะสมครับ

ฌอห์ณ จินดาโชติ

มองย้อนกลับไปตอนที่ยังไม่เปรี้ยงเท่าปีนี้ วันนั้นเราคาดหวังกับอาชีพนักแสดงอย่างไรบ้าง

ฌอห์ณ : ทุกอย่างยังเหมือนเดิมนะครับ ผมทำงาน ผมไม่ได้ทำเพื่อหวังความโด่งดัง ผมทำเพื่อครอบครัว เพราะผมก็เป็นผู้ชาย จะมาให้พี่สาวทำงานเองอย่างเดียวไม่ได้ ในเมื่อพี่สาวผมแต่งงานมีลูกแล้ว คุณแม่ผมก็เป็นแม่บ้าน ครอบครัวก็มีกันอยู่ 3 คน ดังนั้นคนที่ทำงานค่อนข้างจะหนักก็ต้องเป็นผมละ ผมรู้สึกว่าความใฝ่ฝันของผมนี่มันก็มีอยู่แล้ว จริงๆ ผมอยากทำงานในระบบสายข้าราชการ แต่เมื่อจังหวะชีวิตเรามันเป็นแบบนี้ โอกาสมันมีให้เราขวนขวายมากกว่าคนอื่นก็ทำให้มันดี

ผมไม่ได้คาดหวังความโด่งดัง แค่ทำเพราะรู้สึกว่าทุกงานที่ทำต้องอย่าให้คนที่ว่าจ้างเราว่าเราได้ว่าเราไม่เต็มที่มากกว่าครับ หลายอย่างมันสะสมประกอบกันพอดี มันก็เลยทำให้มีวันนี้ขึ้นได้

ตอนนี้ผมเองก็เหมือนเดิมครับ พอเริ่มละครเรื่องใหม่มันก็ต้องนับหนึ่งใหม่อีกครั้งหนึ่ง เพราะมันไม่แน่นอน เราอาจจะคิดว่าเราดังจากเรื่องนั้นแล้ว จะเอามาตรฐานนั้นมาวัดกับเรื่องนี้ก็ไม่ถูก นางเอกก็อีกคน ถึงแม้จะเป็นคู่จิ้นก็จริง แต่เราก็ไม่จำเป็นว่าต้องเล่นกับเอสเธอร์ตลอด เรากลับมาเจอกันได้ แต่เราต่างก็ต้องไปเรียนรู้กับคู่อื่นๆ ด้วย

ฌอห์ณ จินดาโชติ

พูดถึงเรื่องคุณแม่กับพี่สาว ครอบครัวฌอห์ณเป็นครอบครัวสไตล์ไหน

ฌอห์ณ : ผมว่าเหมือนอาดัมส์แฟมิลี่ เงียบๆ คุยกันน้อย เติบโตกันในแนวทางของตัวเอง คุณแม่เป็นคนเลี้ยงแบบฝรั่ง คือโตที่ต่างแดน ให้ไปเรียนรู้ ให้ไปทำงาน กลับมาจะได้มีมุมมองของตัวเอง รู้ว่าตัวเองมีเป้าหมายอะไร บ้านผมจะไม่ค่อยมีการสัมผัสโอบกอด หอมแก้ม เหมือนบ้านอื่น แต่ถ้ามีอะไรก็เดินเข้ามาคุยกัน การแสดงความรักมากสุดก็คือ สู้ๆ นะ คือแค่นี้ แต่ทุกคนเรารู้กันว่าเราสามคนรักกันมาก แล้วตอนนี้พี่พลอยก็อยู่กับครอบครัวของสามีเขา ผมก็อยู่กับคุณแม่ ซึ่งเราต้องเป็นหลัก ตอนนี้ก็เป็นเหมือนหัวหน้าครอบครัวเลยครับ

คุณแม่มีท้วงบ้างหรือเปล่าว่าอยากให้ทำงานราชการ

ฌอห์ณ : จริงๆ คุณแม่ให้อิสระผมมากเลยนะ คือเขาบอกว่าอยากจะทำอะไรก็ทำ แต่ทำให้มันดี แต่ตอนนี้ชีวิตมันเบนเข็มเป็นนักแสดง ผมรู้สึกว่าชีวิตมันมาทางนี้แล้วก็ทำให้มันเต็มที่ เมื่อวันหนึ่งมันหมดเวลาของเราก็ทำให้คนเขาจำเราได้ว่า เฮ้ย มันเป็นเด็กคุณภาพนะ มันไม่ประเดี๋ยวประด๋าวแล้วก็ไป ถ้าสมมุติว่าวันหนึ่งผมจะไปรับราชการต่ออะไรก็แล้วแต่นะครับ ก็ในเมื่อคุณแม่ผมให้อิสระแล้ว อยากจะทำอะไรก็ทำ อยากจะเป็นอะไรก็เป็น แต่ทำให้มันชัดเจนก็พอ

ฌอห์ณ จินดาโชติ

อีกหนึ่งบทบาทที่ฌอห์ณทำก็คือนักเขียน เป็นมายังไง

ฌอห์ณ : มันมาตั้งแต่เด็กแล้วครับ ผมถูกปลูกฝังให้เป็นนักอ่าน คุณพ่อจะชอบจับไปงานสัปดาห์หนังสือ อ่านหนังสือบ่อยๆ อ่านทุกแนว อ่านทุกอย่าง อะไรก็ได้ที่มันมีสาระประโยชน์ พอเราอ่านหนังสือมากๆ มุมมองของเรามันก็กว้างขึ้น เราก็รู้จักภาษาเขียนของนักเขียนหลายๆ ท่าน

จนมาตอนมัธยม มหาวิทยาลัย เราต้องทำงานส่งอาจารย์ ซึ่งเขียนเยอะ ก็จะมีคนบอกว่าเราเป็นคนที่เขียนเปรียบเปรยหรือมีมุมมองที่ไม่เหมือนใคร ก็เลยเริ่มจากการฝึกเขียนในโซเชียลเน็ตเวิร์ค ในอินสตาแกรม ทวิตเตอร์ ถ่ายรูปไปด้วย เพราะเราชอบถ่ายรูป เราก็ลงข้อความที่มันสอดคล้องกัน ให้เห็นมุมมองใหม่ๆ คนก็เริ่มเห็นว่ามันเจ๋งดีว่ะ ไม่ค่อยเหมือนใคร

พอมาเจอพี่โหน่ง – วงศ์ทนง แกก็บอกว่าถ้าวันหนึ่งอยากเป็นนักเขียนก็ให้มานะ เพราะเขาบอกว่าเห็นผมแล้วรู้สึกว่าผมเป็นเหมือนเขาตอนเด็กๆ มีมุมมองอะไรบางอย่างที่คล้ายกัน ซึ่งจากไปบวชเสร็จก็คิดอะไรได้มากขึ้น เลยกลับมาเป็นนักเขียน ตอนนี้ก็เดินหน้าทำชัดเจนเลย

ฌอห์ณ จินดาโชติ

นักแสดงกับนักเขียน จริงๆ ชอบอาชีพไหนมากกว่ากัน
ฌอห์ณ : ผมว่ามันคู่กันนะครับ คือนักแสดงคือความชอบ นักเขียนเหมือนความรักครับ รักกับชอบมันต้องไปด้วยกัน มันไม่มีอะไรที่สุด ผมว่างานเขียนมันก็ต้องใจเย็น เราต้องอยู่กับมัน มีสมาธิ แต่ก็ใช้เวลาอยู่กับมันเยอะ และทำที่ไหนก็ได้ ส่วนงานแสดงคือผมแฮ็ปปี้ทุกครั้งที่ได้มีโอกาสมาแสดง ในบทที่ผมอยากจะทำและมันเป็นบทที่ท้าทาย เพราะผมรู้สึกว่าพอเราเล่นหนึ่งเรื่องจบไป เราจะได้มุมมองจากตัวละครมากขึ้น โตมากขึ้น รู้จักสังคมวงกว้างขึ้น

ย้อนกลับไปสมัยเด็กๆ ฌอห์ณเป็นเด็กแบบไหน

ฌอห์ณ : น่าจะเป็นเด็กที่ผสมๆ กันนะครับ คือดื้อเงียบก็มี เพราะเวลาดื้อแม่จะบอกว่าเป็นคนที่ชอบถามว่า what when where why how ทำไมอะ ทำไมไม่ได้ ถ้าเรามั่นใจว่าเราถูก เราจะสู้หัวชนฝา แต่เป็นคนที่เข้ากับคนได้ง่าย ถ้ามันเข้ากันได้ แต่อีกมุมผมก็มีโลกส่วนตัว คือไม่ได้คลุกคลีกับทุกคน ไม่ได้เฟรนด์ลี่จ๋ากับคนแปลกหน้า คิดว่าผสมๆ กันไปมากกว่า ยิ่งโตก็ยิ่งชัดขึ้น แล้วแต่สถานการณ์และบุคคลครับ

ฌอห์ณ จินดาโชติ

โลกส่วนตัวสูงแบบนี้ เวลามีปัญหาเป็นคนจัดระเบียบกับอารมณ์ตัวเองยังไง

ฌอห์ณ : ผมก็จะนั่งอยู่กับปํญหาตอนนั้นครับ จะกลับมาบ้านแล้วนั่งเฉยๆ ทุกคนก็จะบอกว่าให้ออกไปเที่ยว ไปเจอคนนั้นคนนี้บ้าง แต่ผมคิดว่ามันแค่เป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ไม่ได้แท้จริง เราควรแก้ปัญหาด้วยตัวเราเอง เพราะสุดท้ายแล้วคนที่ต้องอยู่กับมันก็คือตัวเราเอง กลับมาผมก็จะนั่งเฉยๆ นั่งจนเหนื่อยที่จะคิดละ พอเหนื่อยที่จะคิด เราก็จะทำยังไงให้มันโอเคขึ้น ซึ่งก็คือการไม่คิด ไปทำอย่างอื่น หรือการยอมรับความจริงแล้วไปทำมันซะ ก็บ่นๆ กับตัวเองจนจบ

ทุกวันนี้ถึงจะอยู่กับคุณแม่สองคน แต่เห็นว่าก็ติดหลานสาวด้วย

ฌอห์ณ : คือผมว่าการไปเยี่ยมหลานของผมมันเป็นรูทีนเลยครับ สัปดาห์ละครั้งต้องมีไป ต่อให้ติดงานอะไรก็ตาม เพราะอยากให้เขาจดจำเราได้ เราเองก็ได้รู้เห็นพัฒนาการของเขาในแต่ละเดือน เพราะรู้สึกว่าเด็กจะโตเร็วมาก แล้วตอนนี้คือเขาจะรับรู้เร็ว มันเป็นอะไรที่เราไม่อยากพลาดในทุกจังหวะที่เขาโต อีกอย่างคือญาติเขาเยอะ เราก็กลัวว่าเขาจะลืมเรา ก็เป็นกิจกรรมที่ผมกับแม่แฮ็ปปี้มากและทำกันตลอด

ฌอห์ณ จินดาโชติ

ลึกๆ ก็คือกลัวหลานไม่รักหรือเปล่า

ฌอห์ณ : อือ ใช่ครับ (หัวเราะ) คือทางครอบครัวพี่โอจีฟเป็นครอบครัวใหญ่ มีพี่เจี๊ยบ คุณพ่อคุณแม่ มีน้องเล็กอีก ครอบครัวใหญ่มาก เลยต้องพยายามไปให้เขาจำเราได้หน่อย

เริ่มวางแผนชีวิตตัวเองไว้บ้างหรือยัง เพราะพี่สาวก็มีครอบครัวไปแล้ว

ฌอห์ณ : ผมคิดว่าเป้าหมายสำคัญก็คือการสร้างครอบครัวนะครับ แต่ไม่ได้วางกรอบว่าต้องมีบ้านหลังใหญ่อะไรมากมาย ของแบบนี้มันอยู่ที่การทำงานของเรา จังหวะชีวิตและการวางแผน เป้าหมายที่ผมชอบและอยากจะมีก็คือการมีครอบครัว ใจจริงอยากแต่งงานไม่เกิน 35 อยากมีลูกแบบพอแต่งปุ๊บปีหนึ่งก็มีเลย เรารู้สึกอยากสร้างครอบครัวให้เร็ว ผมรู้สึกว่าเราอยู่กับชีวิตอย่างนี้มา 20 กว่าปี เราอยู่กับครอบครัวที่มีกันแค่ 2 หรือ 3 คน มันเหงาพอสมควร แล้วเรารู้ว่าในช่วงชีวิตวัยเด็ก การมีพ่อมีแม่มันคุ้มค่ามาก แล้วเลี้ยงไปพร้อมๆ กันมันมีความสุขมาก และผมเข้าใจเลย เพราะว่าตอนนั้นผมรู้ว่าอะไรที่ขาด อะไรที่ผมได้

ผมรู้สึกว่าผมน่าจะเป็นพ่อที่ดีได้ และตอนที่เรามีหลานเราก็เลี้ยงเขาด้วย เรารู้เลยว่าเราแฮ็ปปี้ทุกครั้งที่ได้อยู่กับเด็ก และนี่ก็น่าจะเป็นความฝันของผม ส่วนบั้นปลายชีวิตผมก็เปิดร้านหนังสือ ขายหนังสือ ภาพอาจจะเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งที่เคยเป็นนักแสดง หรืออาจจะไปทำงานเปิดไร่เปิดฟาร์มก็ได้

ฌอห์ณ จินดาโชติ

แล้วคิดว่าผู้หญิงแบบไหนที่ไปกันได้ ต้องนิสัยคล้ายกันไหม

ฌอห์ณ : ให้เขาเป็นตัวของตัวเองนี่แหละครับ ผมเข้ากับทุกคนได้อยู่แล้ว จะเข้าได้มากเข้าน้อยก็ขึ้นอยู่กับนิสัย ไม่ต้องประดิษฐ์ ไม่ต้องปรับเปลี่ยน ไม่ต้องเปลี่ยนแปลง ผมว่าเสน่ห์ของเขาก็คือการที่เขาเป็นตัวของเขาเอง คิดอยากจะพูดอยากจะแต่งตัวอะไรก็ให้เขาทำไป ส่วนตัวผม ผมว่าถ้าผมโอเค เขาโอเค ผมจะหาจุดตรงนั้นเองว่าผมจะอยู่ยังไงให้เขาแฮ็ปปี้ เราจะทำยังไงให้เขามีความสุข ผมไม่ได้วาดฝันว่าต้องหน้าตาหรือนิสัยยังไง โตขึ้นมาเราจะรู้เลยว่าไม่ต้องมีสเป็คอะไรมาก ขอแค่เป็นคนดี รักครอบครัวตัวเอง รักเราอย่างน้อยครึ่งหนึ่งที่เขารักตัวเองก็พอ

แล้วคู่จิ้นอย่างเอสเธอร์นี่อยู่ในสเป็คหรือเปล่า

ฌอห์ณ : น้องเขาเป็นคนดีนะครับ และอย่างที่บอก ผมไม่มีสเป็ค น้องก็เป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ดี สมวัย ทำงานเป็น รู้จักเวลา รู้จักวางแผนอนาคต เป็นคนหนึ่งที่ดี แต่ในส่วนของจะจิ้นกันจริงไหม มันเป็นเรื่องของเวลา เพราะว่าตอนนี้ผมทำงานกับน้องเขาเยอะ เดี๋ยวมีละครกันอีกสองเรื่อง ทั้งอาทิตย์เราก็ถ่ายหนังสือกันตลอด

ผมว่าน้องยังเด็กด้วย ที่สำคัญ คุณพ่อคุณแม่เขาก็รับรู้ ก็ให้เป็นไปตามจังหวะ ถ้ามันดีกันแบบนี้ ผมว่าก็จะดีกันได้นานอยู่แล้ว

ฌอห์ณ จินดาโชติ

นอกจากงานละครและเขียนหนังสือ งานอดิเรกอย่างอื่นมีชอบทำอะไรบ้าง

ฌอห์ณ : ผมเป็นคนชอบท่องเที่ยวนะครับ ในไอจีผมจะเห็นได้เลยว่าผมเป็นคนท่องเที่ยวอยู่บ่อยๆ ทั้งต่างแดนและในประเทศ ผมรู้สึกว่าการเที่ยวของผมมันได้อะไรหลายๆ อย่าง ได้ข้อมูล ได้รู้จักตัวเอง รู้จักเพื่อน รู้จักข้อเสียตัวเอง เวลาผมเหนื่อยมากๆ บางทีผมก็เห็นแก่ตัวเหมือนกัน พอเราโตขึ้น จะรู้เลยว่าจริงๆ แล้วความคิดเราอาจจะไม่ได้โตก็ได้ ส่วนวันว่างของผมถ้ามีก็คือเสาร์ – อาทิตย์อยู่กับครอบครัว จันทร์ – ศุกร์อยู่กับหลาน ก็ให้เวลาเขาหน่อย เวลาส่วนตัวของผมคือโบนัสที่หยุดระหว่างสัปดาห์ ผมก็จะให้ตัวเอง อยู่กับเพื่อน อยู่กับคนสนิท ออกเดินทางไปต่างจังหวัดฟื้นฟูตัวเอง แล้วก็กลับมาทำงาน

ตอนนี้วงจรชีวิตฌอห์ณก็คือเป็นแบบนี้

ฌอห์ณ : ใช่ครับ ผมทำงานเยอะ ไม่ได้ทำงานเป็นออฟฟิศเหมือนชาวบ้าน ทุกวันนี้ตื่นตีห้า กลับบ้านสามทุ่ม บางทีตีสองบ้าง ตีหนึ่งบ้าง บางวันอยู่ดีๆ วันพุธเราหยุดก็หยุดเฉย ชีวิตเลยไปเกี่ยวข้องกับคนอื่นได้ไม่มาก เน้นเอนเตอร์เทนตัวเองเป็นหลักมากกว่าครับ (ยิ้ม)

ฌอห์ณ จินดาโชติ

เวลาที่ไม่ได้ทำงานเราเป็นคนแต่งตัวสไตล์ไหน

ฌอห์ณ : จริงๆ ผมเป็นคนที่ค่อนข้างชอบวินเทจ มีสตรีทนิดหน่อย ยีนเป็นหลักสสับกับกางเกงสแล็ค ถุงเท้าโชว์ลาย หรือรองเท้าผ้าใบ เสื้อยืด แอ๊กเซสเซอรี่ก็มีผ้าพันคอ หรือแว่นวินเทจเล็กๆ น้อยๆ ผมว่าผู้ชายแต่งเยอะมันจะดูเกินไป เน้นความพอดีๆ หรือให้มันมียูนีคกับตัวเราหน่อย

ทุกวันนี้แฟนคลับเราเยอะมาก ฝากอะไรถึงแฟนคลับหน่อย

ฌอห์ณ : ก็ขอบคุณนะครับ ขอบคุณทุกการติดตาม และฝากถึงด้วยว่าอาชีพนี้นอกจากความสามารถแล้ว ก็ยังต้องมีการผลักดัน มีคนที่ให้การสนับสนุนที่ดีด้วย สำหรับผมทุกอย่างมันเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีก็เพราะทุกการสนับสนุน ทุกกำลังใจจากทุกคน มีการยอมรับในตัวตนของผม ยอมรับในครอบครัวของผม

ผมดีใจมากที่เขาไม่ได้ชอบแค่คุณเสกข์ในเล่ห์รตี เขาชอบในความเป็นจินดาโชติด้วย และชอบในระบบความคิดแบบนี้ ในหนังสือเล่มที่ผมเขียนมาตั้ง 9 เดือน เขาเข้าใจมัน ก็ขอบคุณมากครับ ไม่ว่าผลงานอะไรในภายภาคหน้าจะเกิดขึ้น ก็อยากให้ติดตามต่อไป ผมตั้งใจทำทุกงาน อาจจะชอบ ไม่ชอบ ก็อยากขอโอกาส เหมือนที่คุณเคยให้โอกาสละครเรื่องนี้ครับ

ฌอห์ณ จินดาโชติ

ตอบคำถามได้หนักแน่นทั้งเรื่องครอบครัวและหัวใจขนาดนี้ ตำแหน่งพระเอกสุภาพบุรุษแห่งปีคงต้องยกให้ ฌอห์ณ จินดาโชติ ไปเลย

เรื่อง : SRIPLOI

ภาพ : อรรณพ อาจหาญ

 

ประกาศรายชื่อผู้โชคดี 14 ท่าน กับกิจกรรมแพรวดอทคอมพาออกเดท ฉลองเดือนแห่งความรัก

มาแล้วจ้า ไม่อยากจะพูดให้เสียเวลา ใครที่รู้ตัวว่าเข้ามาร่วมเล่นในกิจกรรม แพรวพาออกเดท แจกบัตรกินข้าว 6 ร้านอาหารสุดหรู ฉลองเดือนแห่งความรักเอาไว้ มาเช็ครายชื่อกันเลยว่าคุณคือผู้โชคดีที่จะได้ไปออกเดทมื้อพิเศษกับคนรู้ใจหรือเปล่า

Gift Voucher จำนวน 1 ใบ จากSeafood Sensation บุฟเฟ่ต์อาหารทะเล ห้องอาหารอเทลิเย่ โรงแรมพูลแมน กรุงเทพ แกรนด์ สุขุมวิท ผู้ที่ได้รางวัลคือ คุณ Next Xotic

Gift Voucher ร้านอาหาร Pirate Chambre จำนวน 3 ใบ รางวัลละ 2,000 บาท ผู้ที่ได้รางวัลคือ

  • Winnie Win
  • Kaewkaw Paitong
  • Aeh Ladda

Gift Voucher ร้านอาหาร The girl and The pig  จำนวน 5 ใบ รางวัลละ 1,000 บาท ผู้ที่ได้รางวัลคือ

  • ยุพาพิศ วินัยรักษ์
  • Vivy Buboo
  • Jeab Thanakanya
  • Somtit Eaimvijitr
  • Nutthamon Saeheng

Gift Voucher ร้านอาหาร CY Cabin จำนวน 1 รางวัล สำหรับ 2 คน มูลค่า 2,500 บาท ผู้โชคดีคือ คุณFern Winairuk

Gift Voucher ห้องอาหารBrewski (บริวส์กี้) โรงแรม Radisson Blu  จำนวน 2 รางวัล  (2 glasses of pint of the day, 1 Brewski Burger and 1 Brewski Hotdog)  ผู้โชคดีคือ

  • Chatchanan Piya
  • Phan Punkamonwam

Gift Voucher ห้องอาหารAttico โรงแรม Radisson Blu จำนวน 2 รางวัล (สำหรับset lunch 3 courses รวม soft drink)

  • Apiwat Deejung
  • Arpinya Wuthitham

ผู้โชคดีทั้งหมด รบกวนส่งชื่อ ที่อยู่ และเบอร์ติดต่อกลับเพื่อยืนยันสิทธิ์ และจัดส่งของรางวัลมาที่ E-mail : [email protected]

เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการรับข้อมูล รบกวนตั้งชื่อเมลที่จะส่งโดยพิมพ์ชื่อFacebook ของคุณ พร้อมกับพิมพ์ว่า ยืนยันสิทธิ์รับรางวัลกิจกรรมแพรวพาออกเดท

 หมดเขตยืนยันสิทธิ์วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2560 เท่านั้น

เปล่งประกายออร่าไม่หยุด! “น้ำตาล ชลิตา” เดินแบบในชุดผ้าไทย

เปล่งประกายออร่าเจิดจ้าไม่หยุด แม้จะสิ้นสุดการประกวดเวทีระดับโลก พลาดมงฯจักรวาลไป แต่สาว น้ำตาล ชลิตา Miss Universe Thailand 2016 ก็ยังคงฮ็อตต่อเนื่อง เพราะตั้งแต่กลับมาจากประเทศฟิลิปปินส์ ก็เดินสายออกงานโชว์ตัวตลอด ตลอด…

ล่าสุดสาว น้ำตาล ชลิตา ร่วมเดินแบบชุดผ้าไทย โดยอาจารย์เผ่าทอง ทองเจือ ในงานแถลงข่าวเปิดตัวเครื่องบินลาย ”Thai Culture อยากชวนเธอไปเที่ยวไง” ของสายการบินไทยแอร์เอเชีย นอกจากนี้ยังมี “เทียน – อัจฉรี บัวเขียว” รองอันดับ 1 มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2016 และ “ตุ๊กตา – ณัฐนรี บุญศิริ” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2016 ร่วมเดินแบบผ้าไทยด้วย งานนี้สวยเลอค่าอีกล้าววว-ว!

น้ำตาล ชลิตา
สวยเลอค่าในชุดผ้าไทยสีม่วง

namtanlitaa1

น้ำตาล ชลิตา

Flower Girl Dresses

namtanlitaa3

namtanlitaa8

namtanlitaa7

namtanlitaa6

“น้ำตาล – ชลิตา ส่วนเสน่ห์” มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2016,
“เทียน – อัจฉรี บัวเขียว” รองอันดับ 1 และ “ตุ๊กตา – ณัฐนรี บุญศิริ” รองอันดับ 3

evening dresses

namtanlitaa9

เรื่อง : Red Apple_แพรวดอทคอม
ภาพ : Miss Universe Thailand | IG@namtanlitaa | IG@team.mut

ฉากที่รอคอย “จี-สาธิต, ดาว-เจตร” พักรบสงบศึกชั่วคราว หันมาสบตากัน เตรียมจิกหมอนได้เลยคืนนี้!

ขึ้นแท่นเป็นละครสุดฮ็อตไปแล้วตอนนี้สำหรับเรื่อง “คลื่นชีวิต” ที่ได้พระเอกหนุ่มหมาก-ปริญ และสาวญาญ่า-อุรัสยา มารับบทนำ ซึ่งในเรื่องทั้งคู่ก็ฟาดฟันกันแบบไม่มีใครยอมใคร จนแฟนๆแอบลุ้นว่าพระนางเล่นตบตีกันทั้งเรื่องขนาดนี้ เมื่อไหร่จะได้เห็นฉากฟินๆบ้างนะ แพรวบอกเลยว่าไม่ต้องห่วงจ้า หลังจากที่ปูเสื่อรอฉากฟินๆกันมานาน คืนนี้มีให้ลุ้นกันแน่!

ติดงอมแงมกันไปทั้งเมืองกับละครเรื่อง “คลื่นชีวิต” นอกจากจะเป็นละครแนวดราม่า แต่ก็ยังมีฉากน่ารักกุ๊กกิ๊กของพระนางมาให้ชุ่มชื่นหัวใจอยู่นะ โดยเฉพาะคืนนี้จะได้เห็นฉากฟินจิกหมอนกันถึงสองคู่ ไม่ว่าจะเป็นคู่หลักอย่างคู่ของสาวญาญ่ากับหนุ่มหมาก หรือคู่รองแบบสาวณิชาและหนุ่มมาสุ

หลังจากที่ จีราวัจน์ (ญาญ่า) เป็นศัตรูกับ สาธิต (หมาก) อยู่นาน คืนนี้ก็มีข่าวดี เพราะถึงคราวต้องพักรบสงบศึกกันแล้วจ้า เมื่อจีราวัจน์ได้ไปอ่านจดหมายของ ติวดี (พริม-พริมา) จึงซาบซึ้งไปกับความรักของติวดีและสาธิตที่มีต่อกัน จึงเข้าใจความเสียใจของสาธิตมากขึ้น นอกจากนี้สาธิตยังช่วยเป็นทนายให้กับ ยายจันทร์ (โย-ทัศน์วรรณ) ที่เคยเลี้ยงดูจีราวัจน์มา ซึ่งกำลังเดือดร้อนถูกไล่ที่ จนสามารถช่วยชาวบ้านให้ได้เงินจากนายทุนตามข้อเรียกร้องได้สำเร็จ แม้อาจจะไม่ฟินแบบหวานซึ้ง แต่ก็มีฉากให้สบตากัน โอบกอดป้องปกนางเอกให้แฟนคลับอย่างเราๆพอชุ่มชื่นหัวใจอยู่นะ

นอกจากคู่พระนางแล้ว คู่พระรองอย่าง เจตร (มาสุ) กับ ดาว (ณิชา) ก็เริ่มใกล้ชิดกันมากขึ้น เมื่อเจตรมาช่วยสอนเด็กๆเล่นกีฬาและดีดกีตาร์ให้เด็กๆฟัง ทำให้ทั้งคู่เริ่มมีความรู้สึกดีๆให้แก่กัน เอาเป็นว่าเรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไปหรือพระนางในเรื่องทั้ง 2 คู่ของเราจะฟินสักแค่ไหน ติดตามได้ในคืนนี้เลยค่า

6 7 8 3 4 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18

เรื่อง : saipiroon_แพรวดอทคอม

เทรนด์บิวตี้

8 เทรนด์บิวตี้พร้อมปาร์ตี้สวยแซ่บเด่นสะดุดตา เรียกไลค์กระจายบนไอจี

Alternative Textaccount_circle
เทรนด์บิวตี้
เทรนด์บิวตี้
ในยุคนี้ “ยอดไลค์” บนโลกออนไลน์ดูจะสำคัญไม่แพ้สิ่งใด ไม่เว้นแม้แต่ในแวดวงบิวตี้ที่เหล่าเมคอัพอาร์ติสต์และบิวตี้อินฟลูเอนเซอร์ขยันแข่งกันประชันฝีมือด้วยงานสวยเตะตาลงบนอินสตาแกรม
ไม่ว่าจะเป็นหน้า ผม เล็บ และสกินแคร์ ภาพที่ออกมาต้องไม่ดูเบสิก เหมือนในชีวิตประจำวัน แต่ต้องมีลูกเล่นสวยสะดุดตาเรียกยอดไลค์ งานเหล่านี้ไม่เพียงให้แรงบันดาลใจ แต่ยังสร้างเทรนด์ใหม่ๆ ที่บางครั้งแม้แต่รันเวย์ระดับโลก ยังต้องจำไปทำตาม

 

101

GLITTER TEARS

“น้ำตาเป็นสายกลิตเตอร์” ลุคนี้ช่างเหมาะกับงานปาร์ตี้ดีแท้ ถ้าอยากดูโดดเด่นแซ่บเว่อร์ แค่เดินเข้าไปเพื่อนก็ทักให้เกรียวกราวต้องลองจัดไปใช้กาวติดขนตาสำหรับเม็ดคริสตัลหรือเลื่อมเม็ดใหญ่ๆ ส่วนกากเพชรเม็ดเล็กฝอยใช้ผลิตภัณฑ์เนื้อเจลใสสำหรับแต่งหน้าโดยเฉพาะ เป็นตัวกลางสำหรับติด เตือนไว้ว่าอย่าใช้กาวเชียว เกิดแพ้ขึ้นมาจะไม่คุ้มกัน

102

“M.A.C” Pigment
“Benefit” Bling Brow“
“M.A.C” Mixing Medium


4

GALAXY FRECKLES

“กระกาแล็กซี” เมคอัพเทรนด์แนวฮิปสเตอร์ที่เรียกไลค์ได้กระจายบนไอจี สีสันเรนโบว์แบบโลกอนาคตที่มักเป็นกราฟิก อยู่บนเสื้อของเหล่าเด็กแนว พอมาเป็นเมคอัพยิ่งน่าสนใจ แม้ไม่ใช่ลุคที่จะนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน แต่ก็เก๋สะดุดตาจนได้ไลค์ไปรัวๆ ใช้อายแชโดว์สีพาสเทลสนุกๆ ไล่สีแบบแรนดอมบนใบหน้า แล้วแต้มดวงดาวสีขาวเล็กๆ เป็นการปิดท้าย ก็ได้มาแล้ว “ทางช้างเผือก” สวยๆ

103

“Kat Von D” Mi Vida Loca Remix Eyeshadow Palette
“NARS” Japonesque Kumadori Makeup Brush
“Urban Decay” XX Vintage Vice Lipstick


11

HOLOGRAPHIC NAILS

“เรียวเล็บสีเมแทลลิกวาววับเรียกไลค์ได้กระจาย” ยิ่งเมื่อโชว์ความเปล่งประกายในภาพเคลื่อนไหว การทาเล็บแบบ “Holographic” ทำได้โดยใช้สีทาเล็บแบบเจลลงพื้นเป็นสีเบสที่ต้องการ เข้าเครื่องอบเล็บให้แห้ง แล้วจึงทับด้วยผงพิกเมนต์พิเศษ “Hologram Nail Powder” ความท้าทายอยู่ที่การเลือกจับคู่สีเบสกับสีของผงพิกเมนต์ ให้ได้สีที่มีเอฟเฟ็คท์น่าสนใจ นอกจากสวยดึงดูดใจบนโลกออนไลน์แล้ว ยังอยู่ได้นานหลายสัปดาห์จนเบื่อเลยละ แต่หากไม่มีเวลาเข้าร้านทำเล็บ แนะนำสีทาเล็บที่มีเอฟเฟ็คท์แบบ “Hologram” ก็พอแก้ขัดได้

104

“CHANEL” Holographic Nail Polish
“Sally Hansen” Miracle Gel
“OPI” Holographic Nail Polish


12105

GLITTER LIPS

“ปากกลิตเตอร์” เป็นเทรนด์ที่ฮิตจากไอจีก่อนจะขึ้นไปเฉิดฉายบนรันเวย์ด้วยซ้ำ จนบัดนี้ทั้งเบลล่า, จีจี้ ฮาดิด หรือแม้แต่ขุ่นแม่เลดี้ กาก้า ยังขานรับกันเกรียวกราวด้วยเทคนิคทำง่ายแต่ได้เยอะ เริ่มต้นด้วยการกลบริมฝีปากด้วยรองพื้น หรือคอนซีลเลอร์แบบบางๆ เพื่อกลบให้สีที่ต้องการทาดูเด่นชัด และเติมร่องลึกบนริมฝีปาก ทำให้กลิตเตอร์ไม่หลุดร่วงง่ายจนเกินไป จากนั้นทาลิปสติกสีที่ต้องการ แล้วจึงแต้มริมฝีปากด้วยเจลเบสเพื่อเป็นเหมือนกาวเชื่อมติด ก่อนจะระบายกากเพชรลงไปให้วาววับ ทับอีกชั้นด้วยลิปกลอสใสให้ดูฉ่ำเยิ้มยิ่งสวยขึ้นกล้อง

107

“NARS” Triple X Lip Gloss
“NYX” Multitasker Mixing Medium
“Dior” Rouge Dior Lipstick


19
CREATIVE LIPS

ลองคิดธีมในใจเป็นไอเดียเจ๋งๆ แล้วเพ้นต์สร้างเป็นเรื่องราวบนเรียวปาก หรือจะเป็นลายแพตเทิร์นกราฟิกก็ดูเท่ แล้วถ่ายแบบ ซูมเน้นเฉพาะจุดให้เห็นความเป๊ะของฝีมือการเพ้นต์สีแบบชัดๆ ยิ่งมีอุปกรณ์เสริมเป็นกลิตเตอร์ หรือเพิ่มเท็กซ์เจอร์เก๋ๆ อย่างการทับเจลหยาดเยิ้มยิ่งสวยขึ้นกล้อง รับรองไลค์ไหลมาเทมา

106 “Make Up For Ever” Artistic Lip Ink Set
“Clarins” Instant Light Lip Comfort Oil
“Tarte” Tarteist Creamy Matte Lip Paint

อ่านเทรนด์แซ่บๆ ไว้ซ้อมแต่งตามต่อหน้า 2 นะจ๊ะ

คิ้ว

เลือกเลยดูดีทุกสไตล์! คิ้ว 5 แบบที่สาวเอเชียชอบเขียนบ่อยที่สุด

Alternative Textaccount_circle
คิ้ว
คิ้ว
ปัญหาบนใบหน้าของผู้หญิง ส่วนใหญ่คงหนีไม่พ้นเรื่อง คิ้ว อีกเช่นเคย ดังคำที่คุ้นชินหูกันดีว่า เพราะคิ้วคือมงกุฎของใบหน้า ใช่ค่ะ ขาดคิ้วไปเนี่ย ความมั่นใจหดหายแทบไม่อยากก้าวขาออกจากบ้านกันเลยทีเดียว หรือไม่ก็ต้องใส่แว่นกันแดดอำพราง ดูชีวิตยุ่งยากเข้าไปอีก
แต่เรื่องพวกนี้ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป เพราะเดี๋ยวนี้ก็มีแบบคิ้วออกมามากมายให้สาวๆ เลือกว่าแบบไหนเหมาะกับโครงหน้าตัวเอง อย่างวันนี้ แพรวดอทคอม ได้หยิบยกมาให้สาวๆ ลองเลือกดู 5 สไตล์ โดยคัดจากความนิยมของสาวเอเชียส่วนใหญ่ที่นิยมรูปคิ้วแบบต่างๆ ตามนิตยสาร ทีวี และไอดอลต่างๆ ฯลฯ

 #01 สีคิ้วกับสีผมคนละเฉด

ng-01

ตามที่เราทราบกันดีอยู่แล้วว่าสีผมและสีคิ้วควรจะเฉดเดียวกัน โดยสีคิ้วจะอ่อนกว่าสีผมแค่ 1 เฉดเท่านั้น เวลาเปลี่ยนสีผมก็มักจะขอให้ช่างทำผมย้อมสีคิ้วด้วยเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องเสียเวลามานั่งเขียนคิ้วใหม่ แต่ก็มีสายมั่นบางนางที่พร้อมพลีชีพสร้างความแตกต่างไม่ขอเหมือนใคร อยากทำแบบตามที่ใจเรียกร้อง จึงเกิดสีคิ้วกับสีผมโดดกันคนละเฉดชัดเจนแจ่มแจ้งแดงแจ๋กันไปเลยค่าาาาา #เอาใจสบายใจเลยแล้วกันนะจ๊ะ


#02 คิ้วหนาตรงทรงเกาหลีng-02bb5

บ่อเกิดแรกเริ่มของคิ้วทรงนี้ก็มาจากไอดอลเกาหลี ทำให้ทรงนี้เป็นทรงที่ฮิตมากถึงมากที่สุด แถมเป็นทรงที่ทำแล้วดูมีความแบ๊ว หน้าเด็กลงซะงั้น สาวๆ ส่วนใหญ่จึงไม่ปฏิเสธที่จะทำทรงนี้กันนัก วิธีการก็ง่ายแสนง่าย เห็นคิ้วบางๆ ในรูปชิมิ ลองวาดโครงคิ้วแบบตรง โดยที่วาดตรงหางคิ้วให้ส่วนล่างยาวกว่า จากนั้นก็ระบายสีลงในช่องว่างอย่างเบาๆ มือ แค่เนี๊ยะเองค่าาาา


#03 คิ้วโก่งเล็กน้อย โดยหัวและหางคิ้วอยู่แนวเดียวกัน

ng-03

ถ้าพูดถึงคิ้วโก่ง สาวๆ มักจะนึกถึงคิ้วสไตล์สาย ฝ. แน่เลยๆ เซย์โนววววค่ะ ทรงนี้ยังเป็นทรงที่สาวเอเชียชอบเหมือนกันลักษณะแทบแยกไม่ออกกับทรงตรง ใกล้เคียงกันมาก เพียงเขียนช่วงกลางคิ้วโก่งแค่เล็กน้อยเท่านั้น เพราะสาวๆ บางคนไม่เหมาะจะทำคิ้งทรงตรง จึงเลือกเขียนสไตล์นี้ โก่งนิดๆ แต่หัวกับหางยังอยู่แนวเดียวกัน


#04 คิ้วเข้ม

ng-04

คิ้วสายเข้มที่สาวฝรั่งนิยมทำ เพราะดันเข้าใจผิดคิดว่าสาวเอเชียต้องคิ้วบางๆ สีอ่อนๆ เท่านั้น ไม่จริ๊งไม่จริงค่าาาา เถียงขาดใจ เพราะสาวเอเชียจำนวนไม่น้อย หันมานิยมเขียนคิ้วให้เข้มเฉี่ยวดีมีสไตล์กันมากขึ้น สาวๆ สายหวานบางคนไม่ต้องกังวลนะคะ ถึงแม้ขะเขียนคิ้วเข้มขึ้นแต่ความหวานไม่ลดลงแน่นอน เผลอจะแซ่บแบบหวานซ่อนเปรี้ยว สวยไปอีกแบบด้วยนะ


#05 คิ้วบางเหมือนไม่ได้เขียนคิ้ว

ng-05

เทรนด์นี้ค่อนข้างฮิตมากสำหรับสาวญี่ปุ่น เหตุเพราะว่าสาวๆ ที่นี่เค้ากำลังคลั่งเทรนด์โชว์ผิวแบบธรรมชาติขาวอมชมพู หน้าดูไม่แต่ง เน้นลงรองพื้นหรือคุชชั่นให้หน้าฉ่ำวาว จากนั้นปัดแก้มอมชมพู ปล่อยคิ้วโล่งๆ ตอกย้ำว่าเนี่ย ฉันหน้าสดนะย่ะ แต่ก็อย่าปล่อยให้คิ้วรกรุงรังนะคะ กันทรงคิ้วกันหน่อย ใช้แปรงปัดขนคิ้วให้เรียงเส้นแนวเดียวกันซะบ้าง สวยเก๋เท่ห์ระเบิด ทรงนี้ต้องมั่นของจริงเลยล่ะจะบอกให้

 

เรื่อง : PP_แพรวดอทคอม
Source : look-in


บทความบิวตี้อื่นๆ ที่น่าสนใจ
รีวิวกาวน้ำทำตาสองชั้นแบบอายแชโดว์ ตรุษจีนนี้สาวหมวยจะตาโตสวยรับอั่งเปา!
How To : สอนเขียน ‘คุชชั่นคิ้ว’ Laneige ติดทนเหมือนสักคิ้ว 6 มิติ!!
งานคิ้วไม่เคยจบ ล่าสุดโผล่ ‘แท่งเขียนคิ้ว’ วาดง่ายสวยได้รูปเป๊ะ (มีคลิป)
เร็วปรื๋อ Brow Stamp ปั๊มสิ!! ไม่ต้องเขียนคิ้วให้เปลืองเวลา

Malta

หลงมนตร์เสน่ห์ Malta ประเทศไซต์มินิที่มีเพียงเกาะ การันตีอากาศดีที่สุดในโลก (ตอนที่ 2)

Malta
Malta
ฉันได้ยินชื่อมอลตา (Malta) มาระยะหนึ่งแล้ว รู้สึกอยากไปเยือนสักครั้งเพื่อเติมความทรงจำให้ชีวิต และฉันก็ดั้นด้นไปถึงจนได้…

มอลตาเป็นประเทศเล็กๆ ในทวีปยุโรปที่คนไทยส่วนใหญ่อาจจะยังไม่ใคร่รู้จัก เป็นประเทศที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพราะเป็นเพียงเกาะเล็กๆ ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่ได้รับการจัดอันดับว่า เป็นประเทศที่อากาศดีที่สุดในโลก ถือเป็นไข่มุกของทะเลสีครามแห่งทวีปยุโรป โดยประกอบด้วยเกาะหลักเพียง 3 เกาะ คือ มอลตา (Malta) โกโซ (Gozo) และเคมนูนา (Kemnuna)

Malta
มหาวิหารมาดอนนา

หลังจากเดินชมเมืองหลวงวัลเลตตา (Valletta) ซึ่งถือเป็นเมืองหลวงที่เล็กที่สุดในโลกไปทั่วเมือง รวมถึงยังได้รู้ประวัติเรื่องราวเกี่ยวกับเมืองนี้กันไปเรียบร้อยเมื่อตอนที่ 1 (ย้อนอ่านได้ที่: หลงมนตร์เสน่ห์ Malta ประเทศไซต์มินิที่มีเพียงเกาะ การันตีอากาศดีที่สุดในโลก (ตอนที่ 1)) นาทีนี้ก็ไปช็อป ชิม ชิล ดูของกันหน่อย เพราะเงินในกระเป๋าสั่นรัวๆ แล้ว-ว-ว

ช็อป ชิม และชิล กันที่ Sliema

สำหรับเมืองสลีมา (Sliema) ตั้งอยู่ตรงเวิ้งอ่าวบูลลูตา ซึ่งเป็นเวิ้งอ่าวที่เว้าลึกเข้ามาในแผ่นดิน โดยมีโบสถ์อาวร์เลดี้ออฟเมาท์คาร์เมล (Our Lady of Mount Carmel) เป็นสัญลักษณ์ ถือเป็นย่านธุรกิจของมอลตา เป็นศูนย์รวมของการค้า แหล่งช็อปปิ้ง ร้านอาหาร และคาเฟ่ รวมทั้งเป็นเขตที่พักที่ประกอบด้วยโรงแรมหลากหลายรูปแบบ จึงเป็นศูนย์รวมของนักท่องเที่ยว เนื่องจากในเขตเมืองหลวงไม่มีโรงแรม

ถนนสายหลักของเมืองคือ ทริค อิท-ทอร์ริ (Triq It-Torri) เลียบทะเลเป็นระยะทางหลายกิโลเมตร กิจกรรมที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบมากคือ การเดินรอบเกาะ ตลอดสองข้างทางเต็มไปด้วยร้านอาหาร บาร์ คาเฟ่ สนามเด็กเล่น และสวนสาธารณะ ชาวมอลตาจึงมีวิถีชีวิตที่น่าอิจฉาเป็นอย่างยิ่ง เพียงก้าวขาออกจากบ้านไม่กี่ก้าวก็พบกับทะเลน้ำใสและสะอาดมาก ฉันทึ่งกับระบบการจัดการของที่นี่ ทั้งที่เวิ้งอ่าวเกือบทั้งหมดมีเรือยอช์ตนับพันลำเข้าจอด แต่กลับไม่มีมลพิษทางน้ำแต่อย่างใด

แม้ความเจริญคืบคลานเข้ามามากเพียงใด แต่ฉันยังคงพบเห็นวิถีชีวิตเดิมๆ ของที่นี่ โดยคนรุ่นเก่ายังคงออกเรือหาปลาด้วยเรือขนาดเล็ก แต่ละลำทาสีสันสวยงามสะท้อนในผืนน้ำยามเช้า ภาพที่คุ้นชินของที่นี่คือ หลังเลิกงานชาวมอลตาพากันออกมาเดินเล่นบนชายหาด และมีสาวๆ หุ่นดีใส่บิกินี่นอนอวดโฉมอย่างไม่แคร์สายตาใคร

ความโดดเด่นอีกอย่างหนึ่งของเมืองสลีมาคือ นักท่องเที่ยวนิยมมากินดื่ม ใช้ชีวิตค่ำคืนกันสุดเหวี่ยงกันที่วัลเลตตาวอเตอร์ฟร้อนท์ (Valletta Waterfront) ซึ่งเป็นเวิ้งอ่าวที่รายล้อมด้วยร้านอาหารและคาเฟ่มากมาย เพราะเมืองนี้เป็นเมืองท่าสำคัญ นอกจากนี้วิวมุมสูงของที่นี่ยังงดงามมาก เนื่องจากมีเกาะเล็กๆ รายล้อมท่ามกลางน้ำทะเลสีน้ำเงิน

Malta
มองจากอ่าวเห็นอาคารเก่าของกรุงวัลเลตตา

กิจกรรมยอดนิยมของที่นี่คือ การล่องเรือยอช์ต จุดจอดเรือยอช์ตที่สำคัญมี 3 จุด คือ สลีมาครีก (Sliema Creek), ลาซาเรตตาครีก (Lazaretta Creek) และมซิดาครีก (Msida Creek) รวมทั้งเป็นจุดให้บริการล่องเรือยอช์ตอีกด้วย นั่นแปลว่า ที่นี่เป็นที่รวมของเศรษฐีมากมายเช่นกัน ทำให้ค่าครองชีพที่มอลตาค่อนข้างแพง สำหรับค่าล่องเรือมีราคาไม่แพง มีอาหารเที่ยงให้มื้อหนึ่ง โดยเรือจะล่องไปรอบประเทศมอลตา หรือใครสนใจล่องเรือต่อไปยังเกาะซิซิลี ประเทศอิตาลี ก็ได้ ส่วนคนที่สนใจการดำน้ำ ความงามของท้องทะเลลึกที่นี่ก็ไม่แพ้ที่ใดในโลก มีบริการสอนดำน้ำลึกและบริการพาไปดำน้ำลึก ในช่วงหน้าร้อนที่นี่จะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวยุโรป ซึ่งนิยมมาอาบแดดด้วยระยะทางที่ไม่ไกลเกินไป และอากาศอบอุ่นกว่าประเทศอื่นในยุโรป

สำหรับผู้ที่หลงใหลในการถ่ายภาพ จุดที่ถ่ายภาพสวยที่สุดที่ไม่ควรพลาดคือ เวิ้งอ่าวสลีมาครีก ซึ่งเป็นจุดจอดเรือยอช์ตสำคัญ โดยเป็นจุดที่สามารถถ่ายภาพกรุงวัลเลตตาได้แบบพานอรามา มีมหาวิหารเซนต์พอล แองกลิกัน ที่โดดเด่นมากที่สุด นอกจากนี้ยังเป็นจุดให้บริการล่องเรือชมเกาะมอลตาในรูปแบบ One Day Tour อีกด้วย

Malta
หาดเซนต์จอร์จ

ส่วนนักท่องเที่ยวที่ประสงค์จะมาเล่นน้ำทะเลหรืออาบแดด ต้องไม่พลาดชายหาดเล็ก ๆ ที่คุณภาพคับแก้ว คือ ชายหาดเซนต์จอร์จ (St. George Beach) ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณเซนต์จูเลียน (St. Julian) เป็นชายหาดที่มีระยะไม่กี่ร้อยเมตร แต่เต็มไปด้วยเม็ดทรายสีน้ำตาลสวยงาม น้ำทะเลใสสะอาด รอบหาดเต็มไปด้วยร้านอาหารและคาเฟ่ มีกิจกรรมทางน้ำมากมายให้สนุกสนาน และเขตนี้ยังเป็นย่านศูนย์การค้าและกาสิโนอีกด้วย

ย้อนเวลาหาอดีตที่เมืองเมดินา

วันรุ่งขึ้นฉันมีโปรแกรมไปชมเมืองเมดินา (Mdina) ซึ่งเป็นเมืองเก่ายุคกรีกโบราณ เคยเป็นเมืองหลวงเก่าของมอลตาในสมัยกลาง (Medieval Period) ตัวเมืองมีกำแพงล้อมรอบอย่างในอดีตและมีประชากรเพียง 300 คนเท่านั้น อยู่ทางเหนือของประเทศโดยนั่งรถบัสไปลงราบัต (ชาวมอลตาเรียกเมืองเมดินาว่า ราบัต) ใช้เวลาเดินทางราว 1 ชั่วโมง ตลอดเส้นทางผ่านภูมิประเทศที่หลากหลาย นอกเมืองมีทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ มองเห็นดอกป๊อปปี้สีแดงบานสุดหูสุดตา เป็นภาพที่งดงามมาก

Malta

รถบัสจอดด้านหน้าที่มีรถม้าจอดเรียงรายคอยให้บริการรถม้าชมเมือง ถือว่าได้บรรยากาศเมื่อหลายร้อยปีก่อน ทันทีที่ลอดซุ้มประตูเมืองเข้าไป ก็พบกับเมืองที่มีลักษณะเป็นเมืองเก่าโบราณที่มีสีเหลืองเป็นหลัก การเข้าชมฟรี ตึกเก่าเหล่านี้มีอายุนับร้อยปีขึ้น โดยยังคงใช้เป็นที่พักอาศัยของผู้คน จึงมีคำเตือนเรื่องมารยาทในการเดินชม

ภายในมีถนนที่ลดเลี้ยววกวน แต่เชื่อมกันหมด ถือเป็นเสน่ห์ของเมืองเมดินา ภายในประกอบด้วยโบสถ์คริสต์มากมาย โดยมหาวิหารเซนต์พอลเป็นโบสถ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด และต้องเสียค่าเข้าชม ติดกันคือพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ (National Museum of National History) มีคาเฟ่ ร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึก

ฉันเดินชมเมืองที่ส่วนใหญ่มีแต่ตึกเก่าสีเหลืองจนเย็นย่ำ แล้วจึงเดินทางกลับที่พักด้วยความอิ่มเอมใจ เป็นการจบโปรแกรมที่ประเทศเล็ก ๆ แต่น่ารัก ซึ่งจะอยู่ในความทรงจำของฉันไปอีกนาน

Malta

Tips

  • จากสนามบินนานาชาติมอลตา ใช้บริการรถบัสสาย XII เข้าเมืองโดยรถจะวิ่งผ่านเขตสลีมาจนถึงกรุงวัลเลตตาในราคา 8 ยูโร ใช้เวลา 1 ชั่วโมง
  • ที่พัก ที่นี่มีที่พักทุกรูปแบบในย่านสลีมา ตอบสนองนักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม สามารถจองได้ที่ www.booking.com และ www.hostelworld.com
  • เนื่องจากภูมิศาสตร์เป็นเกาะ และประเทศมีขนาดเล็ก ที่นี่มีบริการรถเมล์ 2 ยูโรในเวลา 2 ชั่วโมง สามารถขึ้นลงกี่เที่ยวก็ได้ และยังสามารถใช้บริการเรือเฟอร์รี่ เชื่อมระหว่างกรุงวัลเลตตากับสลีมาและถือเป็นการล่องเรือชมอ่าวมอลตาได้ด้วย
  • สำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย สามารถใช้บริการทัวร์ได้ ซึ่งทัวร์ที่น่าสนใจมากที่สุดคือ การชมเกาะโกโซ (Gozo)

ที่มา: นิตยสารแพรว ปักษ์ 891 เรื่องและภาพ black beauty

ไฮโซตายเกลื่อน! เมื่อเห็น 10 ชุดอยู่บ้านของ ทิปปี้-สุพรทิพย์ ช่วงรังษี

สุพรทิพย์ ช่วงรังษี ผู้หญิงที่มีส่วนผสมของเสน่ห์ของผู้หญิง ซึ่งประกอบด้วยสไตล์ บุคลิก รสนิยม ความเป็นตัวของตัวเอง อย่างครบถ้วน ไม่เคยจางหายในทุกครั้งที่พบเจอ

ครั้งหนึ่ง คุณทิปปี้-สุพรทิพย์ ช่วงรังษี เคยพูดถึงสไตล์ที่เธอเป็นว่ามาจากการบ่มเพาะตัวเองตั้งแต่เด็ก เรียกว่าถ้าไปโรงเรียน โบผูกผมกับขลิบถุงเท้าก็ต้องเป็นสีเดียวกัน ทั้งๆ ที่ขลิบที่ว่านั้นก็ไม่สามารถเอาออกโชว์ใครได้ เพราะผิดกฎโรงเรียน แต่เธอบอกว่าขอให้ได้ใส่ แม้จะต้องพับขลิบเข้าไปด้านใน แค่นั้นก็เป็นความสุขแล้ว

ภาพที่ชินตาผู้คนในแวดวงสังคมคือหญิงสาวสวยจัด รูปร่างสูงโปร่ง แต่งตัวโก้สะท้อนถึงคาแร็คเตอร์เฉพาะตัวที่ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร แต่ขณะเดียวก็เข้ากับคอนเซ็ปต์งานสุดๆ จนกล้าพูดได้ว่า ไม่มีงานไหนที่เธอปราฏฏกายแล้วจะไม่มีแสงแฟลชจับ  และทั้งหมดนี้มาจากอุปนิสัยชอบเตรียมพร้อม 

“ก่อนออกจากบ้านทิปจะคิดทุกครั้งว่าวันนี้ไปไหน ทําอะไร สําคัญที่สุดคือต้องเจอใคร เพราะสิ่งแรกที่ทําให้คนรู้ว่าเราให้เกียรติเขาคือการแต่งตัว ถ้าสถานที่เรียบร้อยก็ต้องแต่งตัวเรียบร้อย แต่ถ้างานที่ไปเป็นแฟชั่น เสื้อผ้าที่เลือกใส่ก็ต้องเข้ากัน

ด้วยประโยคนี้เองที่จุดประกายให้แพรวดอทคอมสงสัยว่า แล้วยามอยู่บ้านล่ะ สาวสังคมคนสวยคนนี้แต่งตัวยังไง สไตล์ไหน 

10 ลุคด้านล่างนี้คือคำตอบ

ทิปปี้-สุพรทิพย์

คุณทิปปี้ในชุดอยู่บ้าน เสื้อแขนกุดสีดำแมทช์กับกระโปรงยาวเล่นเทคนิคต่อผ้าระบายเป็นชั้นจากแบรนด์ Azzedine Alaia  

ทิปปี้-สุพรทิพย์

ใครที่กำลังคิดว่าผู้หญิงคนนี้ต้องไม่เคยใส่เสื้อผ้าซ้ำแน่ๆ ขอให้ดูลุคนี้ “ทิปมีใส่ซ้ำนะ แต่คนอื่นอาจไม่รู้ เพราะเรามิกซ์แอนด์แมทช์จนดูเปลี่ยน” กับเสื้อแขนกุดสีดำตัวเดิม แต่คราวนี้แมทช์กับกระโปรงพิมพ์ลาย และรองเท้าแพลตฟอร์มสีดำ ทั้งหมดเป็นของแบรนด์ Dolce&Gabbana

ทิปปี้-สุพรทิพย์

คุณทิปปี้ในชุดอยู่บ้าน เดรสยาวแขนลูกไม้ตัวนี้จากแบรนด์ Prada ส่วนกระเป๋าแดงไซส์มินิที่วางอยู่ด้านข้างเป็นของแบรนด์ Hermès

 ทิปปี้-สุพรทิพย์

คุณทิปปี้ในชุดอยู่บ้าน เสื้อขาว กางเกงสกินนี่พิมพ์ลาย Blue Majolica ไอเท็มฮิตปังแห่งแบ รนด์ Dolce&Gabbana ที่สาวๆ แฟชั่นต้องมีในครอบครอง เข้ากันสุดๆ กับรองเท้าแตะหูคีบคอลฯเดียวกัน ส่วนกระเป๋าสีฟ้าเห็นปุ๊ปรู้ปั๊บ Kelly Hermès แว่นตาทรงกลมสะดุดตานั่นก็แบรนด์ Chanel

ทิปปี้-สุพรทิพย์

ยังคงรักเหนียวหนึบกับ Dolce&Gabbana เดรสสั้นตัวนี้เป็นอีกหนึ่งชิ้นในคอลเล็คชั่นฮิต Blue Majolica ส่วนรองเท้าสีเงินเมทัลลิคเป็นของแบรนด์ Prada

อ่านต่อหน้า 2

เรียกแม่สิลูก! เปิดศึกประชันความเผ็ดของ เมนเทอร์ The Face Thailand Season 3

สงครามนางงามระดับจักรวาลจบลง ศึกนัดใหม่ยิ่งใหญ่หลวงนัก อย่างสงครามรันเวย์ก็มาต่อทันที! “แพรวดอทคอม” ชวนคุณมาเลือก “ขุ่นแม่” ก่อนนับถอยหลังรายการ The Face Thailand Season 3 ออนแอร์เย็นนี้!

 

สิ้นสุดการรอคอยจริงๆ ซะที กับความแซ่บทะลุจอแก้วที่เคยชัตดาวน์อินเทอร์เน็ตมาแล้ว กับรายการ The Face Thailand Season 3 นำทัพด้วยเมนเทอร์ที่ต้องกราบ เพราะแม่ก็คือแม่ “ลูกเกด-เมทินี กิ่งโพยม”, เมนเทอร์สุดจี๊ดตัวจริงแชมป์เก่าจากซีซั่นที่แล้ว “บี-น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์” และเมนเทอร์น้องใหม่ แต่เป็นแม่ทุกสถาบันมาทุกยุคสมัย “มาช่า วัฒนพานิช” ที่ได้กฤกษ์เปิดศึก วันเสาร์ที่ 4 กุมภาพันธ์นี้ เวลา 17:25 น. ช่อง 3 งานนี้พร็อปส์จัดเต็ม ใครอยากเป็นลูกทีมขุ่นแม่คนไหน ใส่เสื้อ T-shirt ประกาศดีเอ็นเอกันไป!

อะๆ แต่ก่อนความแซ่บจะมาเสิร์ฟหน้าจอ “แพรวดอทคอม” จัด 3 เมนเทอร์มาประชันความเผ็ชช-ช! เป็นตัวช่วยให้ลูกทีมที่ยังไม่ปักใจเลือกแม่ ได้คิดใหม่อีกรอบ!!

The Face Thailand Season 3

#TeamLukkade

เมนเทอร์ที่ต้องกราบ เพราะแม่ก็คือแม่ “ลูกเกด-เมทินี กิ่งโพยม” ขุ่นแม่วัย 44 ปีที่ยังเป๊ะทุกสัดส่วน แม้ “เมนเทอร์ลูกเกด” จะปล่อยรังสีอำมหิต ดูน่าเกรงขามจนลูกทีมอาจเกิดอาการกลัวขุ่นแม่ แต่ขอบอกว่า อยู่ทีมนี้แล้วนอกจากจะได้หัวเราะจนขนหัวลุกน้ำตาเล็ด! ยังเป็น ทีมที่มีสถิติโดนคัดออกน้อยที่สุดตั้งแต่ซีซั่น 1-3 นะขอบอก!

lukekade1

lukekade2

lukekade3


#TeamBee

เมนเทอร์สุดจี๊ดตัวจริงแชมป์เก่าจากซีซั่นที่แล้ว “บี-น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์” แม้จะเป็นเมนเทอร์วัย 34 ปี รุ่นน้องที่สุดในกลุ่มเมนเทอร์ แต่ถ้าคุณเป็นลูกทีม “ขุ่นแม่บี” บอกเลย ไม่ต้องกลัวใคร เพราะแม่คือตัวจริงเรื่องกลยุทธ์ศึก กุนซืออยู่นี่แล้ว ลูกๆ จะกลัวอะไร! 

b3

b5

b4


#TeamMarsha

ถึงจะเป็นเมนเทอร์หน้าใหม่สดๆ ร้อนๆ แต่ฮ็อตยิ่งกว่าไฟเออร์ ดีกรี 46 กะรัตนี้มีผลงานมาทุกแขนง และอยู่ยงมาทุกยุคทุกสมัยอย่าง “มาช่า วัฒนพานิช” ลูกๆ ที่ร้องหาแม่ ไม่ต้องมองหาที่ไหน เคยได้ยินไหม “มาช่า แม่ทุกสถาบัน” 

marsha2

marsha1

marsha5

#TeamMarsha #TheFaceThailandSeason3 #Kantana65thAnniversary #SuperFandom

A video posted by Marsha Vadhanapanich (@marshairis) on

เรื่อง : Red Apple_แพรวดอทคอม
ภาพ : IG@marshairis | IG@beenamthipofficial | IG@metinee | IG@thefacethailand

ชีวิตราวกับละครหลังข่าวของ “คุณตุ้ย” ดีไซเนอร์ชื่อดังกับเหตุการณ์ที่เตือนใจให้ทุกคนควรมี “สติ”

เรื่องที่ท่านกำลังจะอ่านต่อไปนี้ เข้มข้นไม่แพ้หนังแอ๊คชั่น เศร้าสะเทือนใจไม่ผิดกับละครหลังข่าว เตือนสติได้เป็นอย่างดี เพราะมาจากเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นกับ “คุณตุ้ย” ดีไซเนอร์และเจ้าของห้องเสื้อ Present ที่วันนี้เขาอยากแบ่งปันกับผู้อ่านแพรว

“ประมาณปี 2552 เราเริ่มสังเกตตัวเองว่าทุกครั้งที่เดินเข้าร้าน จะไอและจาม พร้อมกับมีผื่นขึ้นตามตัวเร็วมาก ไปเช็กเลือดจึงรู้ว่า เป็นภูมิแพ้ 60 ชนิด หนึ่งในนั้นคือ แพ้สารเคมีในผ้าอย่างรุนแรง ซึ่งสะสมอยู่เป็นเวลานาน พอ ๆ กับระยะเวลาของธุรกิจที่ทำอยู่ ทุกครั้งที่ภูมิคุ้มกันต่ำลง อาการจะกำเริบและหนักขึ้นเรื่อย ๆ เวลาที่แพ้จะคันมาก และมีผื่นขึ้นทั้งตัวรวมถึงใบหน้า ยอมรับว่าเสียความมั่นใจ ที่กวนใจสุดก็คือ ไม่รู้ว่าจะแพ้เมื่อไหร่ หมอแนะนำว่าให้หลีกเลี่ยงพฤติกรรม ที่จะทำให้ร่างกายถูกกระตุ้น ทั้งห้ามเรื่องอาหารที่แพ้ ห้ามยุงกัด ห้ามสูบบุหรี่ รวมถึงงดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์

“เราจึงตัดปัญหาด้วยการเลิกออกไปสังสรรค์โดยเลือกทำงานอยู่กับบ้าน ที่บ้านมี 4 ชั้น ใช้ชีวิตอยู่แต่ในห้องนอนบนชั้น 4 อ้อสิ่งที่เราแพ้ ทั้ง 60 ชนิดนั้นเป็นส่วนประกอบของอาหารทั้งสิ้น จึงกินได้เฉพาะข้าวกับผักใบเขียว เนื้อหมูนิดหน่อย ตามที่หมอแนะนำ ชีวิตวนเวียนอยู่แค่ ตื่นมากินข้าว กินยาแล้วนอน อึดอัดมาก ถูกห้ามหลายสิ่งหลายอย่าง สบู่ แชมพู ต้องเปลี่ยนเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก เปลี่ยนผ้าห่มกับ ผ้าปูที่นอนทุกวัน น้ำยาปรับผ้านุ่มก็ใช้ไม่ได้ ต้องใส่ถุงมือนอน เพราะ กลัวหลับแล้วเผลอเกาหน้าหรือลำตัว ซึ่งจะทำให้เกิดแผลและหายยากมาก นั่นยังไม่ทรมานใจเท่ากับต้องแยกจากสุนัขที่เคยนอนด้วยกัน ประมาณ 5 – 6 ตัว ถือว่าที่สุดในชีวิตแล้ว และด้วยความที่รักพวกเขามาก เราก็จะพยายามไม่สูบในบ้าน แม้ติดบุหรี่ขนาดไหนก็ตาม จะออกไปสูบที่ด้านนอกตรงระเบียงห้องนอน เพราะเกรงใจหมา ๆ

“ความที่อยู่บ้านนานมาก ไม่ได้ออกไปไหน ผมที่เคยต้องทำสี ก็ทำไม่ได้ เพราะแพ้สารเคมี น้ำยาเปลี่ยนสีผมก็ต้องไปหาแบบไม่มีสารเคมี วันหนึ่งได้ทำสีผม ขณะเดียวกันอยากสูบบุหรี่ด้วย กลัวยุงกัดก็กลัว เลยให้แม่บ้านไปซื้อเจลทากันยุงมา เราก็นุ่งผ้าเช็ดตัวนั่งขัดสมาธิบนพื้น บนศีรษะสวมหมวกอาบน้ำที่หมักสีผมอยู่ ความที่ไม่เคยทาเจล กนยุง หยิบปุ๊บก็บีบเจลใส่มือ ทาตัว ทาขา ประหนึ่งทามอยส์เจอร์ทีเดียว กระทั่งหน้าก็ไม่เว้น โดยไม่ได้อ่านวิธีใช้ข้างกล่อง จากนั้นใช้ปลายนิ้วคีบบุหรี่โดยที่นิ้วยังเลอะเจลอยู่ พอจุดไฟแช็กเท่านั้นละ เปลวไฟวิ่งใส่มือผ่านหน้า แล้วก็วิ่งไปตามแขนและมือ และยังหยดลงไปที่ขา จากนั้นเปลวไฟก็วาบไปทั่วตัว เราใช้ผ้าเช็ดตัวตบ ๆ และรีบดึงผ้าห่ม ในห้องมาตบเข้าที่หน้า พอลุกขึ้นยืนรู้สึกขาร้อนผ่าว เห็นไฟวิ่งผ่านขาจึง ใช้ผ้าตบที่ขาก่อนห่อตัวแล้วรีบวิ่งเข้าห้องน้ำ ส่องกระจกเห็นคิ้วไหม้ กับผมไหม้บางส่วน หน้าแดงน่ากลัว จึงพยายามล้างยาย้อมผมออกด้วย ความยากลำบาก เพราะต้องระวังไม่ให้โดนหน้า แล้วปล่อยให้น้ำผ่านตัว

“จากนั้นขับรถไปโรงพยาบาล ระหว่างที่รอหมอ พยายาม ส่องกระจกดูหน้าตัวเอง เห็นแค่สีผิวที่เริ่มแดงและร้อนผ่าว ๆ ถาม พยาบาลว่า จะเกิดอะไรขึ้นกับหน้าเราบ้างเพราะอย่างน้อยจะได้ทำใจ ยอมรับเสียตั้งแต่เนิ่น ๆ พยาบาลบอกว่า อาจบวมหรือพอง คืนนั้นหลับด้วยฤทธิ์ยานอนหลับ รุ่งเช้าพยาบาลเดินเข้ามาพร้อมแก้วน้ำใส่หลอด พอจะลุกขึ้นนั่ง ขาตึง ขยับตัวยากมาก ทันทีที่พยาบาลหยิบแก้วน้ำส่งให้ พอเห็นเงาหน้าตัวเองที่สะท้อนออกมาจากแก้วน้ำแล้วแทบไม่เชื่อสายตา เพราะบริเวณริมฝีปากบนบวมขึ้นไปชิดปลายจมูก ส่วนริมฝีปากล่าง บวมใหญ่จนถึงปลายคาง เจ็บมาก การบังคับริมฝีปากที่บวมให้ออกแรง ดูดน้ำเป็นสิ่งที่ทรมานมาก น้ำตาไหล พยายามพูด แต่ก็ไม่มีเสียง กินข้าวไม่ได้ เพราะพออ้าปาก มุมปากก็ฉีก หากใช้หลอดก็ไม่มีแรง ดูดอีก น้ำหนักลดฮวบ นั่นยังไม่เท่ากับสิ่งที่เรากลัวที่สุดกำลังจะเป็นจริง ใจเสีย เขียนบอกพยาบาลว่าให้ช่วยหากระดาษปิดกระจกในห้องให้หมด พร้อมกับสั่งเลขาฯว่า ห้ามบอกใครทั้งสิ้น ไม่อยากเจอใคร นอนร้องไห้ ทำไมต้องเป็นแบบนี้ พออยากเข้าห้องน้ำ ความที่เป็นคนขี้อาย อายพยาบาล คิดว่าตัวเองน่าจะเดินไหว จึงไม่กดเรียกพยาบาล แต่ก้มมอง ที่ขาตัวเอง โอ้โฮ บริเวณขาพับบวมทั้งด้านในและด้านนอก แค่ขยับก็ ปวดแสบปวดร้อน ราวกับแผลจะปริแตกออกจากกัน แต่เราพยายาม พยุงตัวเองให้ยืนโดยแนบหลังกับส้นเท้าชิดกำแพงที่สุดแล้วค่อย ๆ ถัดตัว ไปทีละก้าวจนถึงห้องน้ำ พยาบาลเห็นร้องห้ามแทบไม่ทัน กลัวแผลฉีก ระหว่างที่รักษาตัวที่โรงพยาบาลนั้น ใช้แก้วน้ำแทนกระจกคอยสังเกตหน้าตัวเอง ถึงวันที่ 4 ยิ่งชัดว่าบวม รวมถึงแผลที่ถูกไฟลวกตามแขนขา เริ่มบวมเป็นถุงน้ำ จิตตก พอเริ่มพูดได้บ้างก็ถามหมอทุกวันว่า ขั้นตอนการรักษาเป็นอย่างไรต่อไป

untitled-1

“ที่รับสภาพตัวเองไม่ได้มาก ๆ คือ ทุกครั้งที่พยาบาลมารับไปรักษา แผลไฟไหม้ ซึ่งแยกอยู่คนละตึก ต้องนั่งรถเข็นออกจากห้องเข้าลิฟต์ ไปตามทาง กลัวจะมีคนที่รู้จักมาเห็นเราในสภาพหน้าบวมแดงนั่งอยู่บนรถเข็น เริ่มงอแง จนหมอยอมขนเครื่องมือมารักษาถึงห้อง ประมาณ 15 วัน กระทั่งหน้าและปากยุบพอกินอาหารอ่อน ๆ ได้ ขณะที่แผลที่ขา เริ่มตกสะเก็ด ตึงจนงอขาไม่ได้ เดินไม่ได้ ขาลีบจนเห็นได้ชัด ต้องเข้าสู่ขั้นตอนการทำกายภาพ คุณหมอจึงให้กลับมารักษาตัวต่อที่บ้าน

“จากนั้นเริ่มเข้าสู่กระบวนการปรับสภาพผิวหน้าที่ไหม้ด้วยการ ทำเลเซอร์ จากที่เคยพองแดงกลายเป็นสีดำ ขรุขระ ทรมานใจมาก ไม่มีใครบอกได้ว่าผิวหน้าจะกลับมาเหมือนเดิมหรือเปล่า แม้กระทั่งหมอ เรานอนร้องไห้ทุกวัน เพราะเราไม่เคยมีตัวอย่างให้เห็น จึงคิดไปเรื่อย ได้แต่ปลอบตัวเองว่า อย่ากดดันตัวเอง ที่สุดแล้วคนที่ทุกข์ใจคือเราวันแล้ววันเล่าที่ขับรถไปทำเลเซอร์ กลับบ้านส่องกระจกดูหน้าตัวเองทุกวัน บางวันแดง บางวันดำ สลับกันอยู่อย่างนี้ ประกอบกับเป็นภูมิแพ้ ทำให้ร่างกายได้สารอาหารไม่ครบหมู่ ก็ยิ่งทำให้ร่างกายฟื้นฟูช้า

“ปกติเราไม่ใช้เครื่องสำอางอะไรนอกจากพวกผลิตภัณฑ์บำรุงผิว กับทาแป้งเด็ก กลายเป็นว่าต้องซื้อรองพื้นมาแปะปิดบริเวณที่หน้าดำเพื่อ ให้สีผิวเสมอกันให้มากที่สุด ความมั่นใจเหลือศูนย์ ไม่ออกพบปะผู้คน ผ่านไป 6 เดือนหมดค่ารักษาไป 3 ล้านบาท แต่แผลก็ยังไม่หายสนิท จนคุณเยลหลี เพื่อนสนิทเคยรักษากับแพทย์แผนจีนที่ร้านเกรียงฟ้าโอสถ เขาแนะนำให้ลองรักษาด้วยวิธีกินยาจีน แนะนำให้ไปพบหมอ หลังจาก ลองกินยาจีนได้ประมาณ 3 เดือน สังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลง บนใบหน้า ผิวหน้า และผิวตัวค่อย ๆ ดีขึ้น แม้จะขมมากและต้องสู้กับราคายาที่ค่อนข้างสูงเฉลี่ยวันละ 1,000 บาท แต่ก็ทำให้มีกำลังใจที่จะดื่ม ทุกวันติดต่อกันประมาณปีครึ่ง เชื่อหรือไม่ว่า นอกจากแผลเป็นหายแล้ว ภูมิแพ้ยังหายอีกด้วย เราสามารถกลับเข้ามาทำงานที่ร้านพร้อม ๆ กับเริ่มกลับมากินอาหารได้ปกติ

“จากบทเรียนครั้งนั้นทำให้ก่อนหยิบจับอะไรมาใช้ จะต้องอ่านวิธีใช้ และคำเตือนข้างกล่องสินค้าอย่างละเอียดว่ามีส่วนผสมอะไรบ้าง จึงได้พบว่ามีแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสมหลักของเจลทากันยุง ที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุโดยไม่คาดคิด 3 ปีผ่านไป วันหนึ่งที่ร้านจัดงานเลี้ยงพนักงาน ตอนนั้นประมาณ 5 – 6 โมงเย็น เราอยากเข้าห้องน้ำซึ่งอยู่ด้านนอกร้าน สมองก็สั่งว่าไหน ๆ จะเดินออกไปห้องน้ำแล้ว หยิบของฝาก ให้น้องชายที่รถเลยก็แล้วกัน ขณะที่ใจคิด มือซ้ายผลักประตูร้านซึ่งเป็น กระจกแล้วก้าวออกไป ขณะที่มือขวาตบกระเป๋ากางเกง จึงรู้ว่าไม่ได้เอา กุญแจรถมา เท้าไวกว่าความคิด เราหันหลังกลับเพื่อเข้าไปหยิบกุญแจรถ โดยลืมว่าประตูปิดกลับมาแล้ว ทันใดนั้นเสียงดังราวกับระเบิด ตัวเรา ปะทะกระจกอย่างแรงในระยะประชิด โดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น ตามมาด้วยเสียงกระจกร่วงกราว ท่ามกลางเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจของคนที่อยู่ในร้าน เหตุการณ์ต่อจากนั้นต้องเรียกว่าวินาทีต่อวินาที เข่าเราทรุดลงบนพื้นที่เต็มไปด้วยเศษกระจก โดยที่ข้อเท้ายังคาอยู่ตรงกรอบประตู

capture-20170203-181350

“ท่ามกลางเศษกระจกที่แตกซ้อนกันอยู่ ด้วยแรงดึงดูดโลกทำให้ ตัวเราล้มลงไปอีก เข่ากระแทกลงไปที่กองเศษกระจกอีกครั้ง ก่อนที่หน้าจะทิ่มตามลงไป ด้วยสัญชาตญาณเรากำมือแน่น เสี้ยววินาทีนั้นต้อง เลือกเลยว่าจะให้ตัวเองอยู่หรือตาย สั่งตัวเองว่าพยายามให้มือโดนกระจกอย่างเบาที่สุด ไม่อย่างนั้นถูกกระจกที่แตกแหลมบาดขาดแน่ แล้วให้ดันมือส่งตัวเองขึ้นอย่างเร็วที่สุด ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่ากำลังภายในมีจริง แรงจากข้อเท้าส่งตัวเราให้หงายหลังกลับ ทันใดนั้นภาพที่ปรากฏตรงหน้า เป็นภาพที่ชีวิตนี้คงไม่มีวันลืม กระจกที่แตกแหลมเป็นฟันฉลามจ่ออยู่ ด้านบนเหนือศีรษะ ไหนจะกระจกด้านข้างที่แตกทิ่มคาอยู่ข้างตัวอีก วินาทีนั้นรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง เราอยู่ในสภาพคุกเข่าและงอแขน ทั้งสองข้างไว้ กำมือแน่น ปากก็ตะโกนว่า อย่าเข้ามาใกล้เด็ดขาด มีแต่เศษกระจก แล้วขอน้ำแข็งด่วน น้องที่อยู่ใกล้ที่สุดยื่นผ้าขนหนูพาดมือ แล้วเทน้ำแข็งลงบนผ้า เรางอแขนประคองผ้าห่อน้ำแข็งไว้ บอกลูกน้อง ให้พาไปส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ขณะที่พูดมีเลือดกระเซ็นออกมา เปรอะผ้าขนหนูไปหมด เลือดมาจากตรงไหนบ้างก็ไม่รู้ เริ่มห่วงหน้า ตัวเองว่า เพิ่งผ่านมาแค่ 3 ปีจะเกิดอะไรอีก ณ ตอนนั้นยังไม่กล้าดูแขน ตัวเอง นั่งนิ่ง ๆ ไปตลอดทาง ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีถึงโรงพยาบาลเรารีบเดินไปที่ห้องฉุกเฉิน เลือดหยดลงพื้นไปตลอดทางรายงานตัวกับ คุณหมอว่าผมเป็นคนป่วย เดินทะลุกระจกมาครับ บอกด้วยว่าเช็กประสาทมือด่วนผมเป็นนักออกแบบ คุณหมอค่อย ๆ เปิดผ้าขนหนูออก ภาพข้อมือด้านในกับบริเวณนิ้วโป้งทั้งสองข้างถูกกระจกบาดจนเป็นแผลฉกรรจ์ คุณหมอบอกแผลลึกนะ ต้องเย็บไล่ตั้งแต่ชั้นผิวหนังด้านใน ออกมาเลย แต่ไม่ต้องตกใจ ไม่โดนเส้นประสาท ส่วนหน้าไม่มีบาดแผล เลือดที่ออกจากปากเกิดจากฟันกระแทกกับเหงือก ได้ยินอย่างนั้นเราไม่กลัวอะไรแล้ว แม้ต้องทนเจ็บกับการฉีดยาชาเข็มต่อเข็มตลอดการเย็บ ทั้ง 96 เข็มก็ตาม ภายในเวลาเกือบ 3 ชั่วโมง เราพยายามผ่อนคลาย ทั้งตัวเองและคุณหมอ ชวนคุณหมอคุยบอกว่าผมเป็นช่างเสื้อ ที่ร้าน เย็บเสื้อสวยมาก เพราะฉะนั้นคุณหมอก็อย่าเย็บให้แพ้ร้านผมนะครับ

“เราต้องนอนรักษาตัวไม่มีกำหนดว่าจะต้องอยู่กี่วัน รุ่งขึ้นรู้สึก ปวดแผลมาก ต้องพึ่งมอร์ฟีนระงับปวดติดต่อกันเป็นอาทิตย์ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย แม้กระทั่งเดิน เพราะที่ขามีแผลจากกระจกบาดด้วย คราวนี้อายพยาบาลไม่ได้แล้ว เรานอนโรงพยาบาล 2 เดือนแล้วกลับมา พักฟื้นที่บ้าน ชีวิตเปลี่ยนหมด เข้าใจคนที่ไม่มือเลยว่าจะใช้ชีวิตยาก ลำบากขนาดไหน เศร้า จากที่ดูแลตัวเองมาตลอดต้องกลายเป็นภาระของคนอื่น ตั้งแต่แปรงฟัน เข้าห้องน้ำ อาบน้ำ แต่งตัว กินข้าว โดยที่พยายามทำตัวไม่ให้เป็นภาระมาก พยายามเลือกอาหารอ่อน ๆ และกิน ให้น้อยลง จนน้ำหนักลดฮวบอีกครั้ง

“หลังจากแผลหายสนิท ยังต้องทำกายภาพบำบัด โดยการฝึก บีบลูกบอล เราอาจลืมนึกว่า แม้ประสาทมือใช้ได้ แต่การจะฝึกให้นิ้วโป้ง ที่ถูกกระจกบาดลึกมีแรงและหายจากอาการเสียวนั้นยากมาก แค่รวบนิ้วมาบีบลูกบอลให้ได้ก็ว่ายากแล้ว แล้วเราเป็นทั้งเจ้าของร้านและนักออกแบบด้วย หากนิ้วไม่สามารถสเก็ตช์ภาพได้จะดำเนินกิจการอย่างไร จึงพยายามเร่งตัวเอง ฝึกบีบลูกบอลทุกวัน กว่าจะสามารถกำดินสอได้ ใช้เวลาเป็นปี ยิ่งกว่านั้นทั้งที่สเก็ตช์แบบเสื้อมายี่สิบปี ต้องกลับมาเริ่มต้น ฝึกสเก็ตช์ภาพใหม่ ไม่ท้อนะ เพราะลูกค้าเข้าใจและเป็นกำลังใจ สามารถทำงานได้โดยใช้การพูดแล้วให้ลูกน้องถ่ายทอดเป็นภาพ หรือไม่ก็หาแบบเสื้อจากแมกกาซีนให้เลือก หมอบอกว่า สิ่งที่จะติดอยู่กับเราชั่วชีวิต คือ ประสาทบริเวณนิ้วโป้งทั้งสองข้างที่จะไวต่อความรู้สึกมาก แค่ถูกเบา ๆ ก็เจ็บแล้ว ทุกวันนี้เราเรียนรู้และปรับตัว จากที่เคยชอบใช้กระเป๋าโอเวอร์ ไซส์ใส่ของได้เยอะ ล้วงหยิบของซ้ายทีขวาที กลายต้องเป็นกระเป๋าที่ใช้ง่าย เพราะหากล้วงแล้วกระแทกถูกบริเวณนิ้วโป้งทั้งสองข้าง แม้จะแค่พวงกุญแจ แต่เจ็บแปลบเหมือนถูกของแหลมทิ่มลงไปถึงกระดูกทีเดียว

“จากวันนั้นจนถึงทุกวันนี้เรารู้แล้วว่าสิ่งที่เราต้องมีอยู่ตลอดเวลา คือสติเราไม่จำเป็นต้องทำอะไรพร้อมกันก็ได้ ขนาดประตูร้านเปิด – ปิด ทุกวันวันละหลายครั้งติดต่อกันเป็นสิบปีก็ยังพลาด ตอนนี้เปลี่ยนมาใช้ กระจกนิรภัย เมื่อเปิดออกแล้วต้องแน่ใจว่าปิดด้วยมือตัวเองทุกครั้ง ขณะที่หากไปที่อื่นจะดูให้ดีว่าประตูกระจกเลื่อนเปิดสุดหรือยัง จะไม่พรวดอีกแล้ว ไม่คุ้ม ยังถือว่าโชคดีที่สามารถครองสติและกลับมาช่วยตัวเองได้ทันสามารถรอดชีวิตมาบอกตัวเอง เพื่อน ๆ และเล่าให้ผู้อ่าน แพรว ได้ว่า

“จะทำอะไรก็ตามขอให้มีสติ อย่าประมาท ชีวิตเราอาจไม่โชคดีแบบนี้ได้บ่อยครั้ง แม้จะมีเพียง 1 วินาที หากเรามีสติ เราก็จะสามารถ ช่วยชีวิตตัวเองเอาไว้ได้”

ที่มา : คอลัมน์ครั้งหนึ่ง ในนิตยสารแพรวฉบับที่ 897

10 นาทีฟิต! ออกกำลังกายแบบไม่ต้องไปยิม ด้วย App Fitness Trainer ใหม่ล่าสุด

สิ้นสุดกันทีกับข้ออ้างเรื่องไม่มีเวลาออกกำลังกาย วันนี้ “แพรวดอทคอม” จัด App Fitness Trainer ตัวใหม่ล่าสุดมาเสิร์ฟให้สาวๆ แพรวหุ่นเซี๊ยะสวยแซ่บ ฟิตแอนด์เฟิร์มถึงที่

เรียกว่า บรรลุถึงเป้าหมายในการออกกายกำลังได้ ด้วยคำแนะนำการออกกำลังกายที่ปรับตามความเหมาะสม ของแต่ละคน โดยไม่ต้องไปยิม หรือจ้างเทรนเนอร์ให้เสียทรัพย์ ในแอพพลิเคชั่น FitStar Personal Trainer โฉมใหม่ล่าสุด ที่เปิดตัวในงาน CES 2017 ที่ ลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา ที่ผ่านมา

 

สำหรับ App FitStar Personal Trainer โฉมใหม่นี้ จะมีการเพิ่มท่าบริหารใหม่ กับเพลงประกอบที่สามารถปรับได้ตามใจชอบ ช่วยเพิ่มแรงบันดาลใจให้คุณไปถึงเป้าหมายในการออกกำลังกายได้ดียิ่งขึ้น ตอบสนองทุกความต้องการและช่วยผลักดันให้การออกกำลังกายเห็นผลลัพธ์เร็วยิ่งขึ้น

นอกจากนี้โปรแกรมการออกกำลังกายได้รับการคัดสรรและปรับเปลี่ยนรูปแบบที่เหมาะสมกับคนๆ นั้น โดยอ้างอิงจากกิจกรรมการใช้ชีวิตและออกกำลังกายของแต่ละคน พร้อมแนะวิธีออกกำลังกายตามสไตล์ฟิตบิท เพื่อการออกกำลังกายที่ฟิตยิ่งขึ้น

10 นาทีฟิต! ออกกำลังกายแบบไม่ต้องไปยิม ด้วย App Fitness Trainer ใหม่ล่าสุด

ออกกำลังได้ทุกที่ ทุกเวลา ไม่ว่าจะที่บ้าน หรือนอกบ้าน 

แอพพลิเคชั่นนี้จะประมวลการออกกำลังของคุณในแต่ละวัน มาปรับเพื่อสร้างรูปแบบการบริหารร่างกายให้เหมาะสมกับระดับความฟิตและพละกำลั

แอพพลิเคชั่นใหม่นี้ ประกอบด้วยโปรแกรมการออกกำลัง 4 แบบ ที่มาพร้อมกับท่วงท่าการออกกำลังมากมายกว่า 100 ท่า รวมทั้งรูปแบบการออกกำลังแบบฟรีสไตล์ อาทิ “10-Minute Abs” และ “Traveler 10” ซึ่งเหมาะที่จะนำไปผสมผสานกับท่าออกกำลังกายประจำวันของคุณเพื่อผลลัพธ์ที่เห็นผลทันตา ซึ่งข้อมูลของฟิตสตาร์ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงประสิทธิภาพของการออกกำลังแบบนี้แล้วว่าร้อยละ 85 ของผู้ที่ใช้แอพพลิเคชั่น FitStar Personal Trainer มาอย่างน้อย 5 เซสชั่นนั้นเห็นผล ทำให้มีสุขภาพที่ดีและแข็งแรงขึ้นกว่าเดิม

fitstar-personal-trainer4

รูปแบบการออกกำลังที่วัดจากการประมวลผลกิจกรรมต่างๆ ในแต่ละวัน เก็บบันทึกอยู่ในอุปกรณ์ฟิตบิท และส่งผ่านข้อมูลไปยังแอพพลิเคชั่น Fitbit และ FitStar Personal Trainer ของคุณ โดยผู้ใช้ฟิตบิทจะได้เห็นรูปแบบการออกกำลังกายเหล่านี้ที่แท็บ “Guidance” ที่จะถูกเพิ่มในแอพพลิเคชั่น Fitbit ผู้ใช้ฟิตสตาร์จะสามารถค้นหารูปแบบการออกกำลังเหล่านี้ได้ใน Recommended Workouts Section บน Dashboard ของแอพฯ FitStar Personal Trainer

เช่น กรณีที่ผู้ใช้ฟิตบิทวิ่งมาแล้ว 5 ไมล์ คุณลักษณะพิเศษของฟิตสตาร์ จะช่วยแนะนำรูปแบบการออกกำลังที่เหมาะสมให้ในแอพฯ  FitStar Personal Trainer ช่วยให้ผู้ใช้ได้พักการออกกำลังที่ขา แล้วมาออกกำลังส่วนหน้าท้องและแขนทั้งสองข้างแทน

ทั้งนี้ไม่ว่าผู้ใช้จะเคยบันทึกการออกกำลังไว้ในอุปกรณ์ฟิตบิทหรือไม่ ก็จะได้รับคำแนะนำในการออกกำลังกายจากแอพพลิเคชั่นทั้งสองแบบ โดยแอพฯ จะประเมินจากรูปแบบการออกกำลังของคนในกลุ่มเพศและวัยใกล้คียงกัน

fitstar-personal-trainer3

แอพพลิเคชั่น FitStar Personal Trainer ประกอบด้วย:
รูปแบบการออกกำลังที่แนะนำ: ฟิตสตาร์จะแนะนำรูปแบบการออกกำลังต่าง ๆ โดยวัดจากกิจกรรมในแต่ละวันของคุณที่บันทึกไว้ในอุปกรณ์ฟิตบิทในแท็บ “Guidance” โดยให้คำแนะนำการออกกำลังที่เหมาะสมสำหรับแต่ละคน เพื่อช่วยให้คุณได้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ได้ดียิ่งขึ้น
ครูฝึกที่ได้รับการรับรองถึง 2 คน: พบกับเอเดรียนและลีอา ที่จะมาช่วยแนะนำการออกกำลังให้กับคุณไปตลอด คุณจึงเลือกได้ว่าใครเหมาะกับคุณที่สุด และสามารถสลับเลือกใช้ครูฝึกทั้งสองได้ตามความต้องการ
วิทยุฟิตสตาร์: เลือกเพลงฟังระหว่างการออกกำลังได้ตามใจชอบจากวิทยุฟิตสตาร์ ที่มีให้เลือกหลายสถานี ไม่ว่าจะเป็นเพลงป๊อบ หรือฮิปฮอป เพื่อให้การออกกำลังของคุณสนุกเพลิดเพลินยิ่งขึ้น
รูปลักษณ์ใหม่เพื่อความรู้สึกใหม่: รูปโฉมใหม่นี้ช่วยเพิ่มความกระปรี้กระเปร่าและสร้างความมุ่งมั่นในการออกกำลังกายได้ดียิ่งขึ้น คุณสามารถเลือกดูข้อมูลได้บนสมาร์ทโฟน หรือบนจอโทรทัศน์ความละเอียดสูง
มีท่าออกกำลังมากขึ้น: แหล่งรวมท่าออกกำลัง ทั้งแบบเสริมกล้ามเนื้อหรือการออกกำลังกายแบบคาดิโอ ในทุกระดับความเข้มข้น และมีการอัพเดทท่าใหม่ ๆ เข้ามาอยู่ตลอดการใช้งาน

แอพพลิเคชั่น FitStar Personal Trainer เปิดให้ใช้งานได้แล้วทั่วโลก ทั้งในภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน โปรตุเกส และสเปน สามารถทำงานผ่าน Wi-Fi บนอุปกรณ์ระบบ iOS หรือโทรศัพท์มือถือระบบแอนดรอยด์ และทางออนไลน์ได้ และรองรับการใช้งานกับ Chromecast และ Airplay Fitstar Personal Trainer Premium โดยมีค่าธรรมเนียม 279 บาทต่อเดือน หรือ 1400 บาทต่อปี

ส่วน Fitstar Personal Trainer Basic ให้คุณเข้าถึงรูปแบบการออกกำลังกายแบบ “Get Moving” ที่ปรับให้เหมาะกับคุณเป็นรายสัปดาห์ พร้อมการออกกำลังแบบฟรีสไตล์บางรูปแบบ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นนี้ได้ฟรีจาก App Store และ Google Play หรือสามารถใช้งาน online บนเว็บไซต์ฟิตบิท

fitstar-personal-trainer2

เรื่อง : Red Apple_แพรวดอทคอม
ภาพ : Fitbit

น้ำหอม

น้ำมันพรายหลบไป! 7 น้ำหอมแบรนด์ดัง กลิ่นละมุน เร้าใจรับวาเลนไทน์

Alternative Textaccount_circle
น้ำหอม
น้ำหอม
อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันวาเลนไทน์ วันแห่งความรักของใครหลายคน วันสำคัญแบบนั้นไม่ว่าจะสาวโสดหรือไม่โสดก็ต้องขยันบริหารเสน่ห์กันนิดนึงนะคะ นอกจากแต่งหน้า ทำผม ทำเล็บ บลาๆ ฯลฯ เพื่อความสวยแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่สาวๆ ห้ามลืมเลยคือ น้ำหอม ที่มีกลิ่นหอมละมุน เรียบหรู ไม่ฉุน ไว้เติมเสน่ห์ให้หนุ่มติดใจ แพรวดอทคอม จึงจัด 7 น้ำหอม แบรนด์ดังมาให้สาวๆ เลือกฉีดเสริมความมั่นกันค่ะ

nd-33567

VIVA LA JUICY Rosé EDP 
(100 มิลลิลิตร / 4,900 บาท)

โรแมนติกด้วยกลิ่นจากกุหลาบ Rose De Mai กล่อมให้กลิ่นดูคล้ายน้ำผึ้งหวาน เข้ากันกับดอกพีโอนีสีขาวและมะลิลา ส่งกลิ่นหอมสะพรั่ง และ Viva La Juicy Rosé ได้ฉาบความธรรมดาด้วยสีสันอันสุดหวือหวาผ่านขวดในสไตล์ La Juicy ที่เตะตาตั้งแต่แรกเห็น ความวับวาวของชิมเมอร์ ไล่สีจากชมพูสดตาไปยังสีทองอร่าม


narciso

NARCISO Eau de Parfum Poudrée
(90 มิลลิลิตร / 4,600 บาท)

กลิ่นหอมที่พร้อมหลอมรวมกับผิวกายอิสตรี เพื่อทวีเสน่ห์เย้ายวนชวนให้หลงใหลในทันที หัวน้ำหอมกลิ่นมัสก์ผสมผสานหัวน้ำหอมสกัดจากกลีบมะลิขาวกับกุหลาบบัลแกเรีย หลอมรวมกันอยู่บนฐานโครงสร้างกลิ่นไม้อันทรงเอกลักษณ์ซึ่งอาศัยเวติแวร์ และซีดาร์ดำกับขาว กลิ่นหอมหวานเย้ายวนใจ ทรงอานุภาพ สะกดทุกห้วงอารมณ์ให้ตราตรึง


valentina-poudre-edp

VALENTINA Poudre EDP
(80 มิลลิลิตร / 5,100 บาท)

ดีไซน์ขวดน้ำหอมดูเรียบหรูมีระดับ สีชมพูหวานโรแมนติกเหมาะกับหญิงสาว กลิ่นหอมของ Valentina Poudre ที่ไม่ใช่เพียงแค่ให้กลิ่นหอม แต่กลิ่นหอมนั้นจะกลมกลืนกับผิวราวกับเป็นกลิ่นกายของหญิงสาวเอง ผ่านกลิ่นหอมละมุนจากดอกไอริส กุหลาบ วานิลลา และแซนดัลวูด แนวกลิ่น Creamy Floral สัมผัสได้ถึงความเป็นธรรมชาติ


jo-malone-basil-neroli-cologne

JO MALONE Basil & Neroli Cologne
(100 มิลลิลิตร / ราคา 5,100 บาท)

เหมาะกับสาวๆ ที่ชอบความเป็นอิสระ ชอบความสนุกสนาน หอมละมุนอ่อนๆ ด้วยกลิ่นฟลอรัลของ Neroli ที่ไม่ธรรมดา และกลิ่นชวนลิ้มลองของใบเบซิล สะท้อนหัวใจหลักของความเป็นบริติช ร่าเริงสนุกสนานทุกช่วงเวลา และเต็มไปด้วยการผจญภัย


miss-dior-cherie-blooming-bouquet

MISS DIOR Cherie Blooming Bouquet
(100 มิลลิลิตร / 4,050 บาท)

ดูอ่อนหวานละมุนละไมเหมาะกับหญิงสาวมาก กลิ่นหอมอ่อนๆ ชวนสดชื่น มัดใจหนุ่มด้วยเสน่ห์ตราตรึง ความหอมอ่อนนุ่มเป็นพิเศษล้ำลึกสร้างสรรค์จากโน้ตของสารสกัดจากดอกไม้พีโอนี และสารสกัดจากส้มซิซิเลียนแมนดาริน พร้อมกับกลิ่นความเป็นผู้หญิงจากดอกกุหลาบ Velvety และมัสก์ขาว


issey-miyake-leau-dissey-pure

ISSAY MIYAKE L’Eau D’Issey Pure
(90 มิลลิลิตร / 4,800 บาท)

ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของน้ำหอมอิซเซ่ กลิ่นที่แสนหอมตราตรึงสะท้อนคอนเซ็ปต์ธรรมชาติ กลิ่นอ่อนๆ ใสๆ ขับกล่อมให้รู้สึกสดชื่น สดใส เพราะเป็นน้ำหอมที่สกัดกลิ่นอายของทะเล สายน้ำแสนบริสุทธิ์ ผสานความสดชื่นจากดอกส้มและกลีบดอกไม้สีขาว


chloe-eau-de-parfum

Cholé Eau de Parfum
(75 มิลลิลิตร / 4,900 บาท)

โบสีครีมดูเรียบหรู กลิ่นหอมอ่อนๆ ให้ความรู้สึกหรูหรา สะอาด สดชื่น เปรียบดั่งหญิงสาวผู้สง่างามด้วยพลังของความเซ็กซี่ที่แสนเย้ายวน ด้วยกลิ่นอายความหอมละมุนของมวลดอกไม้นานาพรรณให้ติดตรึงใจไม่รู้คลาย


เรื่อง : PP_แพรวดอทคอม

keyboard_arrow_up