น้ำพระทัย 'เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี' พระราชทานเจลแอลกอฮอล์ภายใต้แบรนด์ในพระองค์

น้ำพระทัย ‘เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี’ พระราชทานเจลแอลกอฮอล์ภายใต้แบรนด์ในพระองค์

Alternative Textaccount_circle
น้ำพระทัย 'เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี' พระราชทานเจลแอลกอฮอล์ภายใต้แบรนด์ในพระองค์
น้ำพระทัย 'เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี' พระราชทานเจลแอลกอฮอล์ภายใต้แบรนด์ในพระองค์

ซาบซึ้งในน้ำพระทัย สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา พระราชทานเจลแอลกอฮอล์ ซึ่งผลิตขึ้นภายใต้แบรนด์ SIRIVANNAVARI BANGKOK

วันนี้ (27 มีนาคม 2563) ทางเฟซบุ๊กเพจ HRH Princess Sirivannavari Nariratana Rajakanya ได้มีการเผยแพร่ข่าวว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงมีพระดำริที่จะพระราชทานเจลแอลกอฮอล์ล้างมือให้แก่แพทย์และพยาบาลทั่วประเทศไทย โดยทรงผลิตเจลแอลกอฮอล์ด้วยพระองค์เองภายใต้แบรนด์ SIRIVANNAVARI BANGKOK

อีกทั้งทางเฟซบุ๊กเพจ HRH Princess Sirivannavari Nariratana Rajakanya ยังได้โพสต์พระฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา พร้อมด้วยพระสหาย ขณะทรงกำลังควบคุมการผลิตเจลแอลกอฮอล์ล้างมือดังกล่าวด้วย

เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี

ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า หรือโรคโควิด-19 ในประเทศไทย ต้องยอมรับว่าทุกหน่วยงาน ตั้งแต่รัฐบาล ภาคเอกชน ไปจนถึงประชาชน ล้วนกำลังพยายามช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพื่อร่วมแรงร่วมใจฝ่าวิกฤตครั้งนี้กันอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น การบริจาคเงิน การบริจาคของใช้จำเป็น เช่น หน้ากากอนามัย เจลแอกอฮอล์ เครื่องมือทางการแพทย์ต่างๆ เป็นต้น

เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี

ดังนั้น น้ำพระทัยของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ในครั้งนี้ จึงนับเป็นอีกหนึ่งความประทับใจที่เกิดขึ้นจากวิกฤตการณ์นี้ ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี

เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี

เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี

เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี


 

ที่มา : HRH Princess Sirivannavari Nariratana Rajakanya

Cardi B ออกโรงต่อว่ารัฐบาล เรื่อง โควิด-19 ไหนบอกแค่ไข้หวัดธรรมดา!

account_circle

Cardi B นักร้องแร็ปเปอร์สาวชื่อดัง ระบายความในใจ ต่อว่ารัฐบาลเรื่อง โควิด-19 กับวิธีการแก้ปัญหาที่ล่าช้า หนำซ้ำตอนแรกรัฐบาลยังบอกอีกด้วยว่าเป็นแค่ ไข้หวัดธรรมดา

สถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโคโรน่า หรือ โควิด-19 ในสหรัฐอเมริกา ตอนนี้เรียกได้ว่าอยู่ในขั้นวิกฤตเลยก็ว่าได้ เพราะปัจจุบันตัวเลขผู้ติดเชื้อทะยานขึ้นสู่อันดับ 1 แซงหน้าประเทศจีน และ อิตาลีเป็นที่เรียบร้อย กับยอดผู้ป่วยสะสม 85,594 เสียชีวิตแล้ว 1,300 คน และมีท่าทีว่าจะมีผู้ติดเชื้อทยอยมากขึ้นในทุกๆ วัน

แม้ว่าในตอนนี้รัฐบาลสหรัฐจะออกมาประกาศภาวะฉุกเฉินในรัฐนิวยอร์ก และออกกฏให้ทุกคนกักตัวอยู่บ้านเพื่อลดอัตราการแพร่เชื้อ แต่ก็ไม่อาจลดความหวาดวิตกให้กับประชาชนลงได้ ชาวอเมริกันหลายคนต่างออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล ที่มีความล่าช้าต่อการแก้ปัญหา โควิด-19

 โควิด-19

นอกจากนี้ยังมีนักร้องแร็ปเปอร์สาวชื่อดังอย่าง Cardi B ที่ตอนนี้กำลังกักตัวอยู่ในบ้านมาเป็นเวลาหลายวัน ล่าสุดเธอได้ออกมาโพสต์คลิปผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว iamcardib โดย Cardi B ได้ออกมาวิจารณ์รัฐบาลของประเทศเธอเอง ชนิดที่ว่าเผ็ดร้อน แต่ฟังดูแล้วก็เข้ากับสำนวนที่ว่า “กว่าจะคิดได้ ก็สายเสียแล้ว”

 

ดูโพสต์นี้บน Instagram

 

โพสต์ที่แชร์โดย Cardi B (@iamcardib) เมื่อ

ทั้งนี้เพจ CardiB.Thailand ได้เรียบเรียงมาให้แฟนๆ ทุกคนฟังว่า…. สวัสดีทุกคน วันนี้จะมาขอบ่นหน่อย ยาวหน่อยนะคะวันนี้ พวกคุณควรที่จะได้รู้อะไรกันหน่อย บางทีฉันก็ไลฟ์เพ้อเจ้อ คุยกับแฟนๆ บ้างอะไรบ้าง คนก็มาต่อว่าฉันว่าบ้าบอ เพ้อเจ้ออะไรของมัน แต่ช่างเถอะค่ะฉันไม่สนใจ แต่ฉันจะขอบอกอะไรเกี่ยวกับสถานการณ์ไวรัสโคโรน่าในตอนนี้หน่อยนะว่า รัฐบาลทำประชาชนสับสนไปหมดแล้วที่ออกมาประกาศมาตราการต่างๆ โน่นนี่นั่น เพราะที่ออกมาประกาศกันก็คือ บอกประชาชนว่า ถ้าพวกคุณไม่มีอาการใดๆ ที่เสี่ยงต่อการติดไวรัสโคโรน่า ซึ่งก็คืออาการไอแห้ง มีไข้สูง หรืออะไรก็ตามไม่ต้องไปตรวจหาโควิด-19 เพราะน้ำยามันไม่พอเพื่อตรวจกับทุกคน”

แต่หากเกิดมีคนดังบอกว่า ฉันไม่มีอาการป่วยใดๆ นะ สบายดี แข็งแรงดี ไม่ได้เป็นอะไรเลย แต่อยากลองตรวจโควิด-19 ดู สรุปผลตรวจออกมาคือติดเชื้อจ้าา นั่นแหละที่ทำให้ประชาชนสงสัย ผู้คนต่างก็คิดว่า ฉันติดได้อย่างไร หรือ คิดว่าตัวเองติดหรือยัง ฉันไม่มีอาการนะ แต่ก็ออกไปที่นั่นที่นี่ ฉันอาจจะติดไปแล้วก็ได้ มันน่ากลัวมากนะ รอบข้างมีทั้งเด็กและคนแก่ แล้วฉันควรทำอย่างไร

ดิฉันจะบอกอะไรให้ฟังอย่าง ประชาชนที่ทำงานทั่วๆ ไปคนหาเช้ากินค่ำ เงินเดือนกลางๆ หรือแม้กระทั่งคนยากจน คนพวกนี้เขาไม่ได้รับการดูแลแบบคนรวยนะคะ เขาไม่ได้รับการดูแลแบบพวกคนดัง พวกเศรษฐี คนชนชั้นกลางไม่ได้รับการรักษาแบบเดี่ยวนั้นเลยอย่างพวกคนมีเงิน ไวรัสโคโรน่ามันเลยน่ากลัวมากขึ้น

อีกอย่างที่อยากจะบอกคือ สิ่งที่เกิดขึ้นตอนกักตัวอยู่บ้านใน 13 วัน แล้วมีอาการไข้ขึ้นมาจะไปโรงพยาบาลขอตรวจโควิด-19 พยาบาลบอกตรวจไม่ได้นะคะถ้ามีไข้มาไม่ถึง 8 วัน ง่ายๆ คือต้องมีไข้เกิน 8 วันในช่วงกักตัว 13 วันถึงจะให้ตรวจหาโควิด-19 แต่ถ้ากลุ่มผู้สูงอายุ 40 50 60 มีไข้ขึ้นมา เขาจะยอมตรวจให้แต่ต้องรอผล 4 วัน แล้วถ้าติดโควิด-19 ขึ้นมา เขาจะให้กลับไปกักตัวต่อที่บ้านถ้าไข้ไม่ได้สูงมากนัก แล้วค่อยกลับมาหาแพทย์ใหม่ถ้าไข้มันขึ้นสูงมาก ฉันรู้สึกว่ามันไม่ได้หรือเปล่า เพราะก็คือติดโควิด-19 ไปแล้ว แต่ไม่มีไข้ ไม่มีอาการไอ ให้คนไข้กลับบ้าน ไม่รู้สิให้กลับบ้านไปทำอะไร

ไม่ใช่ทุกคนนะคะที่จะมีห้องนอนใหญ่ๆ หรือบ้านหลังใหญ่ๆ ไว้กักตัวหลบผู้คน คุณคะ ความจริงคือผู้คนส่วนใหญ่อยู่ในห้องเช่าที่เล็กเท่ารูหนู แถมห้องเล็กๆ นั้นเขาอยู่ด้วยกันหลายคน ก็ถ้าคุณส่งฉันกลับบ้านไป ฉันต้องกลับไปแพร่เชื้อให้คนรอบข้างแน่นอน โดนทุกคนที่อยู่รอบตัว

ที่เหนือไปกว่านั้น พวกคนรวย คนดังต่างๆ เขามีเงินที่จ่ายค่าตรวจ ค่ารักษาแพงๆ นึกออกไหม แต่อีกหลายคนเขาไม่มีไง บางคนเขาไม่มีเงินทำประกันสุขกาพด้วยซ้ำ ฉันรู้สึกว่าค่าตรวจ ค่ารักษารัฐบาลจะต้องเป็นคนรับผิดชอบด้วยซ้ำ รัฐบาลควรมาดูแลประชาชนนะคะ และไม่ต้องมาคิดที่จะมาเก็บค่ารักษา เพราะตอนนั้นมันควรจะหยุดการระบาดได้ ตอนสองเดือนก่อนที่โรคระบาดใหม่ๆ ที่เริ่มขึ้นในประเทศจีน เพราะรัฐบาลโง่แบบนี้ถึงทำให้ระบาดกันหนักขนาดนี้ เราควรจะหยุดมันได้ตั้งแต่แรก จำได้ไหมที่พูดกันเดือนที่แล้ว ที่บอกว่าเป็นแค่ไข้หวัดธรรมดา ดูตอนนี้สิคะ นี่แหละคือสิ่งที่ฉันจะพูด


ขอบคุณข้อมูลจาก : CardiB.Thailand

ภาพ : iamcardib

แบรนด์รักษ์โลก Stella Mccartney

แบรนด์รักษ์โลก Stella Mccartney แปรรูปวัสดุจากพืชให้กลายเป็นสินค้า

แบรนด์รักษ์โลก Stella Mccartney
แบรนด์รักษ์โลก Stella Mccartney

Stella McCartney เปิดตัวแคมเปญสำหรับคอลเล็คชั่นฤดูร้อน 2020 ในเฟสที่ 2 “การออกแบบแฟชั่น ไม่จำเป็นต้องละทิ้งซึ่งสไตล์ เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมให้ยั่งยืน”

Stella McCartney เปิดตัวแคมเปญประจำคอลเล็คชั่นฤดูร้อน 2020 ในเฟสที่ 2 เพื่อเฉลิมฉลองให้กับพลานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพืชพันธุ์ธรรมชาติ แคมเปญในเฟสที่ 2 คือส่วนที่ต่อเนื่องมาจากแคมเปญที่ได้เปิดตัวไปก่อนหน้า ซึ่งจะมาบอกเล่าถึงขั้นตอนการผลิตเพื่อแปรรูปวัสดุจากพืชให้กลายเป็นสินค้าของแบรนด์ โดยจะเน้นให้เห็นถึงกระบวนการผลิตของแฟชั่นไอเท็มในคอลเล็คชั่นฤดูร้อน 2020 รวมถึงสินค้าที่ได้ใช้เส้นใยจากพืชเป็นส่วนประกอบหลัก

แบรนด์รักษ์โลก Stella Mccartney

ภาพถ่ายสำหรับแคมเปญในเฟสที่ 2 นี้ ได้ถ่ายทำขึ้น ณ Brunello โรงงานซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์ที่ได้ร่วมงานกับ Stella McCartney มาอย่างยาวนาน โดยได้รับเกียรติจาก Amber Valletta นักสิ่งแวดล้อมและเพื่อนคนสำคัญของแบรนด์ รวมถึงนางแบบชื่อดังอย่าง Achenrin Madit มาร่วมถ่ายทอดภาพเบื้องหลังในพื้นที่การผลิตต่างๆ ของโรงงาน อันเป็นที่มาของคอลเล็คชั่นฤดูร้อน 2020 ซึ่งนับเป็นคอลเล็คชั่นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุดเท่าที่แบรนด์เคยทำมา

โดยกว่า 75% ของเส้นใยที่ใช้ในการตัดเย็บนั้นมาจากวัสดุที่เป็นมิตรต่อโลก ฉากหลังของภาพนั้นจะสื่อให้เห็นถึงความจำเป็นของห่วงโซ่อุปทานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและวัสดุที่มาจากแหล่งผลิตที่ได้รับการรับรอง นอกจากนี้ Stella McCartney ยังได้เพิ่มอารมณ์ขันให้กับแคมเปญด้วยการถ่ายทอดภาพพนักงานที่ทำงานในโรงงาน ผู้ซึ่งสวมใส่เครื่องประดับจากคอลเล็คชั่นฤดูร้อน 2020 เพื่อให้คนได้เห็นอีกมุมหนึ่งของแบรนด์ Stella McCartney

Brunello ได้ร่วมงานกับ Stella มาตั้งแต่ปี 2001 อีกทั้งยังเป็นหุ้นส่วนสำคัญในการผลิตผ้าฝ้ายออแกนิกและเส้นใยวิสโคสธรรมชาติ โดยผ้าฝ้ายกว่า 90% ที่ใช้ในคอลเล็คชั่นฤดูร้อน 2020 นั้นเป็นผ้าฝ้ายออแกนิก ในขณะที่สูทและนิตแวร์ทั้งหมดนั้นถูกตัดเย็บขึ้นจากวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ โพลีเอสเตอร์รีไซเคิล เส้นใยวิสโคสธรรมชาติ ฝ้ายออแกนิก และเส้นใยวูลที่มาจากแหล่งผลิตที่ได้รับการรับรอง เพื่อเป็นการสานต่อความตั้งใจในการรักษาสิ่งแวดอย่างยั่งยืน ดังเช่นที่ได้ทำมาตลอดตั้งแต่เริ่มก่อตั้งแบรนด์ แคมเปญจากคอลเล็คชั่นฤดูร้อน 2020 จึงได้นำเสนอกระเป๋าดีไซน์ใหม่ที่ทำขึ้นจาก Eco Alter Nappa และ Alter Nappa ที่ผลิตขึ้นจากพืช

โดย Eco Alter Nappa คือวัสดุที่ปราศจาก PVC และทำขึ้นจากโพลีเอสเตอร์รีไซเคิลซึ่งมาจากพลากสติกใช้แล้ว Eco Alter Nappa ถูกเคลือบด้วยสารที่มาจากธรรมชาติ โดยกว่า 50% นั้นเป็นน้ำมันที่ได้จากพืช และมาจากแหล่งผลิตที่เกิดขึ้นใหม่ได้ ในขณะที่แว่นตานั้นจะถูกผลิตขึ้นจากไบโอแอซิเตท ซึ่งมาจากเนื้อไม้ วัสดุจากธรรมชาติ ปราศจากพทาเลท (phthalate) หรือสารเคมีอันตรายที่พบในหมึกพิมพ์ อีกทั้งยังสามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ


บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

แบรนด์ไทย NARONG ออกแบบหน้ากากอนามัย สวยแถมซักได้ในราคาหลักร้อย

ธุรกิจออนไลน์ต้องระวัง! กระเป๋า Hermes หลักล้าน ถูกโจรล่อซื้อและปล้นในฮ่องกง

สวยใจบุญ ‘ศรีริต้า’ แจกหน้ากากอนามัย 5 พันชิ้น ได้แรงสนับสนุนจากแบรนด์ไทย

ลุคเรียบง่ายแค่หลักพัน ‘ดัชเชสเคท’ เข้าเยี่ยมเจ้าหน้าที่สุขภาพในวิกฤต COVID-19

งดงามในชุดไทย ‘น้ำหวาน ซาซ่า’ เข้าพิธีแต่งงานเรียบง่ายกับ ‘กวาง เอบีนอร์มอล’

ศรีริต้า ปลื้มปีติ ได้รับพระราชทานของขวัญจากแบรนด์ SIRIVANNAVARI

ดีไซเนอร์ใจบุญ ‘แพร-วทานิกา’ ผลิตหน้ากากผ้าถวายแด่พระภิกษุสงฆ์

ไม่หลุดธีมเจ้าหญิง ‘ศรีริต้า’ สวยหรูในชุดแต่งงานแบรนด์ดัง หนักกว่า 20 กิโลฯ

โซ่ทองหนาจนต้องมอง! กระเป๋า Bottega Veneta ราคา 6 หลักของ ‘คุณนายบีเบอร์’

ขายหมดเกลี้ยง! กระเป๋า YSL ใบที่ ‘โรเซ่ Blackpink’ สะพายร่วมงานแฟชั่นวีค

สายแฟตัวจริง! ถอดสไตล์ นางแบบตัวแม่ ก่อนขึ้นรันเวย์ในแฟชั่นวีค

สีดำอมตะ! กระเป๋า Dior Ultra-Matte 3 ดีไซน์เดิม เพิ่มเติมความแมตต์ทั้งใบ

สร้อยคอทองคำที่ ‘เจ้าชายวิลเลียม’ มอบให้ ‘ดัชเชสเคท’ มีความหมายอะไรซ่อนอยู่

รวมลุคสวยหลังคลอด ฉบับคุณแม่ ‘เจนี่’ กับแฟชั่นเรียบง่ายในแบบที่เธอถนัด

 

ยุนโฮ

ยุนโฮ ไอดอลหนุ่มวง TVXQ ออกแบบหน้ากากดื่มน้ำได้

Alternative Textaccount_circle
ยุนโฮ
ยุนโฮ

ยุนโฮ นักร้องหนุ่มรุ่นใหญ่ของวงการเคป๊อป วง TVXQ ได้ร่วมกับเพื่อนๆ นอกวงการ ออกแบบหน้ากากที่สามารถเปิดดื่มน้ำได้ โดยล่าสุดได้มีการขอจดสิทธิบัตรแล้ว

ยุนโฮ

ส่วนใหญ่เรามักได้เห็นศิลปิน-นักร้องได้ลิขสิทธิ์เกี่ยวกับเพลงและงานดนตรีเป็นส่วนใหญ่ แต่สำหรับนักร้องหนุ่มรุ่นใหญ่ของวงการเคป๊อป ยุนโฮ แห่งวง TVXQ นั้นค่อนข้างแตกต่างออกไป เพราะด้วยความชอบประดิษฐ์คิดค้น ทำให้หนุ่มคนนี้ถือสิทธิบัตรหลายอย่าง ซึ่งล่าสุดสื่อแดนโสมได้รายงานว่าลีดเดอร์วง TVXQ คนนี้ ได้ขอยื่นจดสิทธิบัตร หน้ากากแบบเปิดดื่มน้ำได้ เมื่อวันที่ 3 มีนาคม และได้รับการจดทะเบียนในวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลงานไอเดียต่อจากแก้วกาแฟที่วางขายในสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้คิดขึ้นตอนที่เขาอยู่ระหว่างการปฏิบัติภารกิจรับใช้ชาติ

ยุนโฮ
จดสิทธิบัตรแก้วกาแฟ

สำหรับหน้ากากนี้นักร้องหนุ่มออกแบบร่วมกับเพื่อนของเขา “โนชินฮยอน” โดยรูปแบบตรงส่วนที่ปิดปากจะเป็นพลาสติกมีรูสำหรับเปิด-ปิดได้ เพื่อให้ดูดหรือดื่มน้ำจากหลอดและขวดโดยไม่ต้องถอดหน้ากากออก

ยุนโฮ

ทั้งนี้ทางด้านต้นสังกัด SM Entertainment ยืนยันว่าเป็นความจริงที่นักร้องหนุ่มขอจดสิทธิบัตรหน้ากากนี้ ขณะที่เขายังได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อสั้นๆ ว่า “ผมเป็นคนที่ใส่หน้ากากบ่อยอยู่แล้ว และผมคิดว่าจะมีหนทางไหนไหมที่เราจะสามารถดื่มน้ำในขณะที่ใส่หน้ากากได้? และสุดท้ายผมก็ได้จดสิทธิบัตรครั้งนี้ครับ” (ข้อมูลจาก : korseries)

อย่างไรก็ตามสำหรับกรณีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ยุนโฮ ได้บริจาคเงินจำนวน 30 ล้านวอน (ประมาณ 8 แสนบาท) ให้กับ Community Chest of Korea เพื่อใช้ในการป้องกันและสกัดกั้นการแพร่ระบาดของไวรัสชนิดนี้ด้วย


สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

หล่อคมความคิด ยุนโฮ ไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยออมเงิน เพื่อเปิดโรงเรียนให้เด็กๆ

ดงบังชินกิ โด่งดังในหมู่ลูกเรือ เพราะพวกเขาพับผ้าห่มเก็บก่อนลงจากเครื่องบิน

ไทยดีไซเนอร์

ช้อปออนไลน์ได้แล้ว! ครั้งแรกของการรวมไอเท็มฝีมือ ไทยดีไซเนอร์ ไว้ด้วยกัน

ไทยดีไซเนอร์
ไทยดีไซเนอร์

ครั้งแรกของ ไทยดีไซเนอร์ ชั้นนำเมืองไทย  Milin, ASV, Vickteerut, TANDT, Patinya, Janesuda ส่งตรงคอลเล็คชั่นใหม่ถึงมือคุณที่ลาซาด้า

Lazada Thai Designer Club ศูนย์รวมแฟชั่นจากไทยดีไซเนอร์ชั้นนำของเมืองไทย ที่เป็นความร่วมมือระหว่างลาซาด้าและ Bangkok Fashion Society (BFS) หรือสมาคมแฟชั่นดีไซเนอร์กรุงเทพฯ นำแบรนด์แฟชั่นพรีเมียมจากไทยดีไซเนอร์แถวหน้าของเมืองไทยมาโลดแล่นบนออนไลน์แพลตฟอร์มครบวงจรอย่างลาซาด้า ให้แฟชั่นนิสต้าเลือกช้อปได้ง่ายๆ อยู่ที่บ้าน ทั้งยังการันตีได้ว่าสินค้าที่ได้รับเป็นสินค้าของแท้จากแบรนด์

Thai Designer Club บนลาซาด้า มีเป้าหมายผลักดันสินค้าแฟชั่นในกลุ่มพรีเมียมสู่ตลาดออนไลน์ ครบครันด้วยไทยแบรนด์ชั้นนำ เปี่ยมไปด้วยสไตล์และเอกลักษณ์เฉพาะตัวดังนี้

Milin แบรนด์โปรดของสาวซ่าผู้เต็มไปด้วยแอตติจูดที่ไม่เหมือนใครของสาวเก่งมากความสามารถ แถมพ่วงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการบริษัท Feline Agency มิลิน ยุวจรัสกุล

ไทยดีไซเนอร์

ASV แบรนด์น้องสาวแสนซุกซนของ ASAVA ทว่าคงไว้ซึ่งความเรียบหรูอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ โดยหมู-พลพัฒน์ อัศวประภา

Vickteerut แฟชั่นสำหรับสุภาพสตรีที่หลงใหลในความเรียบง่าย สไตล์มินิมอลแต่โก้หรู โดย อรประพันธ์ สุทธินรเศรษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของแบรนด์

TANDT แบรนด์ไทยเลือดใหม่ที่น่าจับตามอง อัดแน่นไปด้วยลูกเล่นอันสนุกสนานจาก ธนาวุฒิ ธนสารวิมล

Patinya แบรนด์เสื้อผ้าสุดเฟมินีนสำหรับสาวหวานที่ซ่อนด้วยความเซ็กซี่เล็กๆ จาก กีตาร์-ปฏิญญา เกี่ยวข้อง

Janesuda เสื้อผ้าดีไซน์เฉี่ยวสำหรับสาวยุคใหม่ จากนักแสดงชื่อดัง เจนสุดา ปานโต

Thai Designer Club เปิดให้ช้อปง่ายๆ แล้ววันนี้บนลาซาด้า อีคอมเมิร์ซรายแรกที่ได้จำหน่ายสินค้าแฟชั่นพรีเมียมจากดีไซเนอร์ไทยภายใต้สมาคม BFS พร้อมการันตีสินค้าของแท้จากแบรนด์โดยตรง ส่งฟรีทั่วประเทศ พร้อมส่วนลดถึง 60% แถมโปรโมชั่นสุดพิเศษเพียบ เข้าแอปลาซาด้าแล้วพิมพ์ชื่อแบรนด์โปรดในช่องค้นหาได้เลย และติดตามโปรโมชั่นดีๆ ได้ที่ https://bit.ly/33Lba2b


บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

แบรนด์ไทย NARONG ออกแบบหน้ากากอนามัย สวยแถมซักได้ในราคาหลักร้อย

ธุรกิจออนไลน์ต้องระวัง! กระเป๋า Hermes หลักล้าน ถูกโจรล่อซื้อและปล้นในฮ่องกง

สวยใจบุญ ‘ศรีริต้า’ แจกหน้ากากอนามัย 5 พันชิ้น ได้แรงสนับสนุนจากแบรนด์ไทย

ลุคเรียบง่ายแค่หลักพัน ‘ดัชเชสเคท’ เข้าเยี่ยมเจ้าหน้าที่สุขภาพในวิกฤต COVID-19

งดงามในชุดไทย ‘น้ำหวาน ซาซ่า’ เข้าพิธีแต่งงานเรียบง่ายกับ ‘กวาง เอบีนอร์มอล’

ศรีริต้า ปลื้มปีติ ได้รับพระราชทานของขวัญจากแบรนด์ SIRIVANNAVARI

ดีไซเนอร์ใจบุญ ‘แพร-วทานิกา’ ผลิตหน้ากากผ้าถวายแด่พระภิกษุสงฆ์

ไม่หลุดธีมเจ้าหญิง ‘ศรีริต้า’ สวยหรูในชุดแต่งงานแบรนด์ดัง หนักกว่า 20 กิโลฯ

โซ่ทองหนาจนต้องมอง! กระเป๋า Bottega Veneta ราคา 6 หลักของ ‘คุณนายบีเบอร์’

ขายหมดเกลี้ยง! กระเป๋า YSL ใบที่ ‘โรเซ่ Blackpink’ สะพายร่วมงานแฟชั่นวีค

สายแฟตัวจริง! ถอดสไตล์ นางแบบตัวแม่ ก่อนขึ้นรันเวย์ในแฟชั่นวีค

สีดำอมตะ! กระเป๋า Dior Ultra-Matte 3 ดีไซน์เดิม เพิ่มเติมความแมตต์ทั้งใบ

สร้อยคอทองคำที่ ‘เจ้าชายวิลเลียม’ มอบให้ ‘ดัชเชสเคท’ มีความหมายอะไรซ่อนอยู่

รวมลุคสวยหลังคลอด ฉบับคุณแม่ ‘เจนี่’ กับแฟชั่นเรียบง่ายในแบบที่เธอถนัด

ร่วมต้านโควิด-19

ร่วมต้านโควิด-19 Groupe Rocher เร่งผลิตเจลแอลกฮออล์ และหน้ากากแจกฟรี

Alternative Textaccount_circle
ร่วมต้านโควิด-19
ร่วมต้านโควิด-19

Groupe Rocher ผลิตเจลแอลกอฮอล์และหน้ากากอนามัยเร่งด่วน ร่วมต้านโควิด-19 ทุ่มกำลังผลิต ตั้งเป้าแจกจ่าย 20,000 ขวดภายในสัปดาห์เดียว!

เป็นที่ทราบกันดีว่าทั่วโลกกำลังประสบปัญหาครั้งใหญ่จากไวรัสโคโรน่า หรือ โควิด-19 ที่คุกคามไปทั่วโลกในขณะนี้ อีฟ โรเช่ จึงร่วมกับแบรนด์เสื้อผ้าเด็กในเครือ Petit Bateau (เปอติ บาโต) เริ่มผลิตเจลแอลกอฮอล์และผลิตหน้ากากอนามัยอย่างเร่งด่วน เพื่อมอบให้กับโรงพยาบาลในท้องถิ่น

และด้วยวิสัยทัศน์ของแบรนด์ที่ว่า Reconnecting People through Nature อีฟ โรเช่ แบรนด์ความงามอันดับหนึ่งของฝรั่งเศส จึงได้ดำเนินธุรกิจ โดยคำนึงถึงความเป็นอยู่ของมนุษย์และธรรมชาติอย่างเป็นรูปธรรมเสมอมา ไม่ว่าจะด้วยผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบให้ทำร้ายโลกน้อยที่สุด หรือจะเป็นโครงการ Plant for the Planet (แพลนท์ ฟอร์ เดอะ แพลนเน็ต) ที่ดำเนินการในนาม Yves Rocher Foundation (อีฟ โรเช่ ฟาวน์เดชั่น) เพื่อปลูกต้นไม้ให้ได้ถึง 100 ล้านต้นภายในปี 2020 นี้  ดังนั้นในวิกฤตระดับโลกครั้งนี้ อีฟ โรเช่ จึงขอเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้ร่วมช่วยเหลือเช่นกัน

ร่วมต้านโควิด-19ร่วมต้านโควิด-19

มิสเตอร์ ฌาคส์ โรเช่ ผู้บริหารแห่ง อีฟ โรเช่ กรุ๊ป และทายาทของผู้ก่อตั้งแบรนด์ ได้บอกว่า “ผมยังตอบไม่ได้ว่าเราจะผลิตได้มากแค่ไหน แต่ที่แน่ๆ คือมีคนที่ต้องการสิ่งเหล่านี้อยู่” โดยตั้งแต่วันจันทร์ที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา อีฟ โรเช่ กรุ๊ป ได้เริ่มดำเนินการเพื่อช่วยสนับสนุนการทำงานของโรงพยาบาลในท้องถิ่น ซึ่งรวมไปถึงการมอบวัตถุดิบสำหรับผลิตเจลแอลกอฮอล์ในห้องแล็บของโรงพยาบาล ทั้งยังเริ่มผลิตในโรงงานของอีฟ โรเช่ เอง และคาดการณ์ว่าภายในปลายเดือนมีนาคมนี้ จะสามารถแจกจ่ายขวดแอลกอฮอล์เจลขนาด 20 มล. ให้กับโรงพยาบาลได้ถึง 20,000 ขวด และจะยังคงมุ่งมั่นผลิตต่อไป เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในความร่วมมือร่วมใจเพื่อหยุดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า

นอกจากนี้ Petit Bateau อีกหนึ่งแบรนด์ในเครือ อีฟ โรเช่ กรุ๊ป ก็ได้เริ่มผลิตหน้ากากอนามัยแล้วเช่นกัน โดยทำงานร่วมกับผู้ผลิตผ้าและยางยืดในขณะนี้ เพื่อให้การทำงานเป็นไปได้อย่างถูกต้องปลอดภัยตามมาตรการ ช่างเย็บผ้าจำนวน 30 คนกำลังทำงานนี้อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลขององค์กรสุขภาพท้องถิ่น และเพื่อเร่งกำลังการผลิตให้เร็วยิ่งขึ้น บริษัทก็ได้เตรียมมอบเครื่องเย็บผ้าให้กับพนักงานที่อาสาจะช่วยผลิตหน้ากากอนามัยจากบ้านของตนเองอีกด้วย

ร่วมต้านโควิด-19 ร่วมต้านโควิด-19


 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

CLARINS ผลิต เจลแอลกอฮอล์ 14,500 ขวดแจกฟรีให้โรงพยาบาลต่างๆ ในฝรั่งเศส

ผลิตแล้ว เจลล้างมือ แจกฟรีที่หรูสุดของ LVMH เพื่อบริจาคสาธารณสุขฝรั่งเศส

บุคลากรทางการแพทย์ฝั่งยุโรป เผยรอยช้ำบนใบหน้า หลังต่อสู้ โควิด-19 ยาวนาน

จู่ๆ สูญเสียการรับกลิ่นหรือรสฉับพลัน อาจเสี่ยงติดเชื้อ โควิด-19 ให้เฝ้าระวัง

 

 

 

เจลแอลกอฮอล์

CLARINS ผลิต เจลแอลกอฮอล์ 14,500 ขวดแจกฟรีให้โรงพยาบาลต่างๆ ในฝรั่งเศส

Alternative Textaccount_circle
เจลแอลกอฮอล์
เจลแอลกอฮอล์

CLARINS ผลิต เจลแอลกอฮอล์ 14,500 ขวด แจกฟรีให้โรงพยาบาลต่างๆ ในฝรั่งเศส

เมื่อต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์ด้านสุขภาพอย่าง โควิด-19 ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และ คลาแรงส์ ก็เป็นแบรนด์ที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม นับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 1954 จึงดำเนินการเพื่อรับมือกับปัญหาความขาดแคลนผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด และฆ่าเชื้อสำหรับมือ ซึ่งมีผลกระทบต่อการบริการด้านสุขภาพของประเทศฝรั่งเศส

เรื่องสำคัญสิ่งแรก คือ เขตอุตสาหกรรมในฝรั่งเศสทั้งหมดของทาง คลาแรงส์ ได้ทำการผลิต และจัดส่งผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด และฆ่าเชื้อสำหรับมือจำนวน 14,500 ขวดขนาดใหญ่ให้กับโรงพยาบาลต่างๆ นี่เป็นขั้นตอนแรกในการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

โดยวัตถุประสงค์คือการผลิตผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อสำหรับมืออย่างต่อเนื่อง ตราบเท่าที่ยังมีความจำเป็นในการใช้ และเพื่อให้เพียงพอสำหรับสภาวะแห่งความปลอดภัย และการมีสุขภาพที่ดีของพนักงานทั้งหมดที่กำลังปฏิบัติงานในโรงงานทั้งหลายของแบรนด์ด้วย

ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแบรนด์สกินแคร์สัญชาติฝรั่งเศสที่ออกมาผลิต เจลแอลกอฮอล์ สำหรับล้างมือเพื่อแจกจ่ายให้กับกลุ่มคนที่มีความจำเป็นต้องใช้จริงๆ เหตุเพราะฝรั่งเศสเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างหนัก จนทำให้มีผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตหลายราย อีกทั้งยังขาดแคลนเจลแอลกอฮอล์อีกด้วย


 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ผลิตแล้ว เจลล้างมือ แจกฟรีที่หรูสุดของ LVMH เพื่อบริจาคสาธารณสุขฝรั่งเศส

ใช้สบู่ล้างมือ ฟรี! ที่ Lush ทุกสาขา โดยไม่จำเป็นต้องซื้อผลิตภัณฑ์ใดๆ ทั้งนั้น

รวมทุกข้อที่ควรรู้เกี่ยวกับการล้างมือในภาวะ โควิด-19 ระบาด

ล้างมือบ่อยจน ผิวแห้งกร้าน ลอง 4 สูตรบำรุงมือให้นุ่มนิ่มด้วยวิธีธรรมชาติ

“แบงค์ ณัฐดนัย” แชร์วิธีการเลี่ยงโควิด-19 สำหรับ เมคอัพอาร์ติสต์ โดยเฉพาะ

เหตุผลที่ควร มาส์กหน้า ทางลัดฟื้นฟูผิว หลังหลบอยู่ใต้หน้ากากอนามัยทั้งวัน!!

 

 

 

 

หวนคืนวงการบันเทิง! ดัชเชสเมแกน ประเดิมงานชิ้นแรก พากย์หนังสารคดีให้ ดิสนีย์

account_circle

หลังประกาศถอยจากการเป็นราชวงศ์ชั้นสูง เมแกน มาร์เคิล ดัชเชสแห่งซัสเซกส์ ก็ได้หวนคืนวงการบันเทิง รับงานพากย์หนังสารคดีให้กับค่าย ดิสนีย์ อย่างเรื่อง ELEPHANT

เดลี่ เมลล์ สื่อออนไลน์ของอังกฤษชื่อดังได้ออกมารายงานว่า เมแกน มาร์เคิล ดัชเชสแห่งซัสเซกส์ ประเดิมงานชิ้นแรกในวงการบันเทิงด้วยการพากย์หนังให้กับ ดิสนีย์ โดยเป็นหนังสารคดีเรื่อง ELEPHANT

 

ดูโพสต์นี้บน Instagram

 

Two new movies, two unforgettable journeys. Start streaming @Disneynature’s Elephant, narrated by Meghan, The Duchess of Sussex, and Disneynature’s Dolphin Reef, narrated by @NataliePortman, on April 3, only on #DisneyPlus.

โพสต์ที่แชร์โดย Disney+ (@disneyplus) เมื่อ

ทั้งนี้มีการเผยอีกด้วยว่า โปรเจ็กต์นี้ดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกส์ได้มีการพูดคุยกับ บ็อบ อีเกอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท The Walt Disney  ตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิเมื่อปีที่แล้ว

ขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์ The Times ได้ออกมาเผยเช่นกันว่า ดัชเชสเมแกน ทรงเซ็นสัญญารับงานพากย์เสียงให้กับดิสนีย์ เพื่อแลกกับการที่ค่ายหนังอนิเมชั่นยักษ์ใหญ่ระดับโลกจะนำเงินไปบริจาคให้กับ Elephants Without Borders องค์กรการกุศลที่อุทิศตนเพื่ออนุรักษ์สัตว์ป่าและช่วยปกป้องสัตว์จากการลักลอบล่าสัตว์

 ดิสนีย์
เจ้าชายแฮร์รี่ ตรัสกับ บ็อบ อีเกอร์ ว่า เมแกน เป็นนักพากย์ได้

อย่างไรก็ตามการรับงานพากย์หนังของ ดัชเชสเมแกน ถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นเพราะเจ้าชายแฮร์รี่ทรงออกปากหางานให้กับพระชายา โดยเมื่อย้อนกลับไปในช่วงเดือนกรกฎาคม 2562 ที่ทั้งคู่ได้เสด็จไปชมภาพยนตร์เรื่องไลออน คิง เวอร์ชั่นไลฟ์-แอ็คชั่น รอบปฐมทัศน์ในกรุงลอนดอน ในครั้งนั้น TMZ สื่อบันเทิงของอังกฤษได้เผยแพร่คลิปขณะเจ้าชายแฮร์รี่ทรงตรัสกับ บ็อบ อีเกอร์ CEO ของ The Walt Disney ว่า  ‘คุณรู้หรือเปล่าว่าเธอเป็นนักพากย์ได้ คุณดูเหมือนประหลาดใจ แต่เธอสนใจจริงๆ นะ’  ด้าน บ็อบ อีเกอร์  ก็ดูตื่นเต้นและประหลาดใจไม่น้อย ซึ่งเขาก็ได้ตอบเจ้าชายแฮร์รี่ว่า ‘เราอยากที่จะลอง นั่นเป็นความคิดที่ดีมาก ‘

ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์อันดีของดิสนีย์กับดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกส์จะมีมาก่อนหน้านั้น โดยเมื่อครั้งที่ดัชเชสเมแกนให้การประสูติ อาร์ชี่ เมื่อเดือนพฤษภาคม 2562 ทางดิสนีย์ได้มอบชุดหนังสือการ์ตูนเรื่อง Winnie-the-Pooh ที่เขียนโดยสีน้ำ เพื่อฉลองการประสูติของพระโอรสองค์น้อย

 ดิสนีย์
ดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกส์ เสด็จไปชมภาพยนตร์เรื่องไลออน คิง เวอร์ชั่นไลฟ์-แอ็คชั่น รอบปฐมทัศน์ในกรุงลอนดอน

เดลี่ เมลล์ ยังได้กล่าวอีกว่า การเซ็นสัญญากับดิสนีย์บอกใบ้เกี่ยวกับแผนการอาชีพในอนาคตของเมแกน จะเห็นได้ว่าทั้งคู่ใช้ชื่อเสียงของพวกเขาเพื่อรับผลประโยชน์จากงานที่พวกเขาเลือก ซึ่งดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกส์จะลดบทบาทจากการเป็นราชวงศ์ชั้นสูงในวันที่ 31 มีนาคม 2563 เนื่องจากพวกเขา ‘ต้องการเป็นอิสระทางการเงิน’

ทั้งนี้ ไซมอน ฮุกค์ เจ้าของบริษัทประชาสัมพันธ์ Command Entertainment Group เผยว่าบริษัทของเขาถูกถาโถมด้วยข้อเสนอจำนวนมาก สำหรับ เมแกน มาร์เคิล และเขายังอ้างอีกด้วยว่า เธอสามารถทำเงินได้ถึง $100 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 3.2 พันล้านบาท หากเธอยอมรับข้อเสนอที่มีเข้ามาทั้งหมด

สำหรับหนังสารคดีเรื่อง ELEPHANT ที่ดัชเชสเมแกนได้ให้การพากย์เสียงนั้นจะลงฉายทางช่อง Disney Plus สตรีมมิ่งหนังคู่แข่ง Netflix พร้อมด้วยหนังสารคดีเรื่อง Dolphin Reef ให้การพากย์เสียงโดย นาตาลี พอร์ตแมน นักแสดงฮอลลีวู้ดชื่อดังในวันที่ 3 เมษายน 2563


ภาพ : Getty Image

 

 

 

 

ครอบครัวพลอย ชิดจันทร์

วิถีแม่สายโหด พลอย ชิดจันทร์ ดัดนิสัยลูก จับอยู่ดอย อดข้าว เพราะสบายจนเคยตัว

ครอบครัวพลอย ชิดจันทร์
ครอบครัวพลอย ชิดจันทร์

เห็นหน้าสวย เสียงหวานแบบนี้ แต่บทจะโหดก็ไม่เบา สำหรับคุณแม่ลูกสี่สุดสวย พลอย ชิดจันทร์ ที่ตอนนี้ถึงคราวต้องใจแข็ง เพื่อไม่ให้ลูกๆ ทั้งสี่เคยชินกับความสบายมากจนเกินไป โดยงานนี้ฟากสามีชาวฮ่องกงก็เห็นด้วยที่จะต้องให้ลูกต้องเจอความลำบากจริงๆ บ้าง

ครอบครัวพลอย ชิดจันทร์

ถึงจะรวยเข้าขั้นเป็นเศรษฐีเพราะสามีทำธุรกิจลำไยส่งออกนอก มีบ้านหลังใหญ่ มีอะไรก็ได้ที่อยากมี อีกทั้งก่อนหน้านี้ลูกๆ ทั้งสี่คนก็เพิ่งได้เงินคนละหนึ่งล้านบาทเมื่อช่วงตรุษจีนมานี้เอง เห็นแบบนี้บางคนอาจจะคิดว่าทั้งสาวพลอยและสามีต้องสปอยส์ลูกแน่นอน แต่กลับไม่เป็นอย่างนั้น เพราะล่าสุดในรายการ MomMe Chidjun สาวพลอยและสามีตัดใจพาลูกๆ ออกมาค้างคืนที่โฮมสเตย์บนดอย ที่ไม่มีทั้งน้ำและไฟฟ้า แถมอาหารที่เอามาก็มีแค่แครอทกับแตงกวาเท่านั้น เพื่อให้ลูกๆ ได้เห็นคุณค่าของสิ่งที่ตัวเองมีมากขึ้น และรู้จักการใช้ชีวิตที่แตกต่างจากเมื่อตอนที่อยู่บ้านสบายๆ

ครอบครัวพลอย ชิดจันทร์

วิถีแม่สายโหด พลอย ชิดจันทร์ ดัดนิสัยลูก จับอยู่ดอย อดข้าว เพราะสบายจนเคยตัว

ครอบครัวพลอย ชิดจันทร์
คุณแม่ซื้อมาแค่แตงกวากับแครอทจริงๆ

 

ครอบครัวพลอย ชิดจันทร์
เด็กๆ ยังชิลอยู่

 

ครอบครัวพลอย ชิดจันทร์
สองสาวน้อยช่วยกันทำอาหารมื้อเย็น

 

ครอบครัวพลอย ชิดจันทร์

เด็กๆ จะกินได้ไหมเนี่ยะ

 

ครอบครัวพลอย ชิดจันทร์
น้องชีโน่ ลูกชายคนโตดูจะสบายๆ กินได้ไม่บ่น

 

ครอบครัวพลอย ชิดจันทร์
ตกดึกเริ่มหิว งอแงกันแล้ว เพราะไม่ยอมกินมื้อเย็น

 

ครอบครัวพลอย ชิดจันทร์
คุณพ่อใจแข็งมาก แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้ลูกๆ ก็จะไม่รู้สักทีว่าอยู่บ้านสบายขนาดไหน

 

ครอบครัวพลอย ชิดจันทร์

นี่แค่คืนแรกเด็กๆ ก็จะไม่ไหวแล้ว คืนที่สองจะเป็นไง ต้องคอยติดตามที่ช่องMomMe Chidjun ของสาวพลอยทาง Youtube แต่เชื่อเลยว่าจบทริปนี้ ลูกๆ ทั้งสี่คน คงมีวินัยและรู้จักคุณค่าของชีวิตที่แสนจะโชคดีของพวกเขามากขึ้นแน่ๆ

 

อ่านข่าวอื่นๆ ต่อได้ที่นี่

ชุดอยู่บ้านก็แค่หลักหมื่น! ส่องเดรสหวาน พลอย ชิดจันทร์ ผู้หญิงเก่งที่น่าอิจฉา

เปิดบ้าน พลอย ชิดจันทร์ ชีวิตแม่ลูกสี่ ดินแดนสร้างสุขและทรัพย์ที่เชียงใหม่

ถ่ายทอดความอบอุ่นของครอบครัวพลอยชิดจันทร์ผ่านแฟชั่นสุดน่ารักจาก 4 ตัวน้อย

‘พลอย ชิดจันทร์’ ฟุ้งชีวิตลงตัว หันมาขายกระเป๋าก็รุ่งได้!

 

ความสำเร็จ

เปิดนิยามความสำเร็จ 8 Powerful Women แห่งยุค กล้าที่จะใช้ชีวิตเพื่อเป็นแรงบันดาลใจ

ความสำเร็จ
ความสำเร็จ

เจาะลึกตัวตนและแนวคิดสู่ความสำเร็จของ 8 Working Women ผู้หญิงเก่งแห่งยุค กับหลากหลายประสบการณ์ล้ำค่าที่นำไปสู่ความสุข ความภาคภูมิใจ รวมถึงถูกส่งต่อเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงทุกคน

หากคุณคือผู้หญิงที่มีคำว่า ‘ความสำเร็จ’ อยู่ใน Bucket List ที่อยากทำให้ได้ในชีวิตนี้ แพรวดอทคอม และ Tory Burch ขอแนะนำให้รู้จักกับเหล่าผู้หญิงเก่งทั้ง 8 คนนี้ ซึ่งมาจากหลากหลายวงการ หลากหลายสาขาอาชีพ แต่มีเป้าหมายเดียวกัน คือมุ่งสู่ความสำเร็จในแบบฉบับของตัวเอง เพื่อสานต่อแคมเปญ #EmbraceAmbition โดยเชื่อว่าประสบการณ์ล้ำค่าเหล่านี้ของพวกเธอ จะช่วยจุดประกายไฟแห่งความฝัน และสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงทุกคนกล้าที่จะเก่ง และก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นใจ เพื่อผลักดันตัวเองให้ไปถึง ‘ความสำเร็จ’ ได้ในเร็ววัน

ก้อย – รัชวิน วงศ์วิริยะ
นักแสดง

ความสำเร็จ

ประสบการณ์การวิ่งครั้งแรก

ถ้าพูดถึงการวิ่งครั้งแรกก็ต้องย้อนกลับไปนานมาก สนามแรกคือสมัย ป.3 ที่โรงเรียนมีแข่งวิ่งเปรี้ยว ซึ่งก้อยเป็นเด็กชอบทำกิจกรรมอยู่แล้ว ส่วนที่เริ่มวิ่งแบบจริงจังคือประมาณ 7 ปีที่แล้ว สสส. จัดงานวิ่งที่มีคอนเซ็ปต์ว่าวิ่งเปลี่ยนชีวิต ตอนนั้นก้อยไม่ได้ชอบวิ่งมาก่อน พี่ตูนเองก็เหมือนกัน งานนั้นเป็นครั้งแรกที่เราไปลงสนามวิ่งด้วยกัน คนที่มาชวนคือ ป๋าเต็ด ซึ่งก็ถือเป็นงานวิ่งที่เปลี่ยนชีวิตเราทั้งคู่ไปตลอดจริงๆ  

จำได้ว่าเช้าวันนั้น ประมาณตีห้า คนเยอะพอสมควร ตอนแรกก้อยเข้าใจว่า การที่แฟนชวนไปวิ่งคือวิ่งไปด้วยกัน 2 คน แบบชมนกชมไม้ไปเรื่อยๆ แต่ในความเป็นจริงคือพี่ตูนวิ่งนำไปเลย ด้วยความที่เขาเป็นนักกีฬาอยู่แล้ว เลยวิ่งเร็วกว่าเรา ซึ่งก้อยก็บอกเขาว่าไปเลย ไม่เป็นไร ไม่ต้องรอ แต่ความรู้สึกจริงๆ คือ ฉันมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ ตอน 7 โมงเช้า บนสะพานพระราม 8 แดดร้อนมาก ใจจริงคืออยากกลับตัวตลอดเวลา รู้สึกไม่อยากวิ่งแล้ว แต่ด้วยความที่เป็นคนที่เริ่มทำอะไรแล้ว จะไม่หยุดกลางคัน คือไม่ยอมแพ้กับอะไรง่ายๆ ก้อยก็เลยฮึบขึ้นมา พยายามวิ่งจนจบ 10 กิโล ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง ซึ่งนานมาก พอเข้าเส้นชัยได้ ความรู้สึกเหมือนได้เอาชนะใจตัวเองสำเร็จ เพราะเราต่อสู้กับตัวเองอยู่ข้างในตลอด พอทำได้ก็เลยเกิดความภูมิใจเล็กๆ ว่าฉันวิ่ง 10 กิโลได้นะ ฉันสามารถเอาชนะมารร้ายในใจตัวเองได้ 

สำหรับพี่ตูน การวิ่งครั้งนั้นทำให้เขาลุกขึ้นมาวิ่งอย่างจริงจัง ไปมาราธอน ไปไตรกีฬา ส่วนเราก็ไปเหมือนกัน แต่ไปรอที่เส้นชัย (หัวเราะ) เพราะเรารู้ตัวว่าไม่สามารถวิ่งได้ขนาดนั้น สิ่งที่ทำได้ก็คือไปรอเขาที่เส้นชัย เวลาที่ได้เห็นคนรักเข้าเส้นชัย ก็เหมือนเราได้รับชัยชนะนั้นไปด้วย ก้อยมีความสุขกับสิ่งที่ได้ทำในตอนนั้น แต่ก็ไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งเราจะได้ไปวิ่งอยู่กับเขาในสนาม

ก้าวแห่งแรงบันดาลใจ

มาถึงตอนนี้ก้อยก็มีมิชชั่นเดียวกับพี่ตูนแล้ว ซึ่งเริ่มมาจากโครงการก้าว ทีแรกแค่รู้สึกว่าอยากจะไปวิ่งข้างๆ คนที่เรารักให้ได้ โดยที่ไม่เป็นภาระให้เขา อยากคอยช่วยซัพพอร์ต คอยให้กำลังใจ ก้อยจึงคิดได้ว่าก่อนจะไปดูแลคนอื่นได้ เราก็ต้องดูแลตัวเองก่อน จึงเป็นจุดที่ทำให้ก้อยคิดว่า ฉันต้องแข็งแรง ซึ่งจากคนที่ไม่วิ่งมาก่อน พลังตรงนั้นทำให้เราอยากจะเป็น ก้อยรัชวิน ในเวอร์ชั่นที่ดีขึ้น เรียกว่ามาจากความรักล้วนๆ เลยแหละ 

พอก้อยได้ไปวิ่งข้างพี่ตูนจริงๆ กลายเป็นว่าจากจุดเริ่มต้นเล็กๆ นั้น สามารถส่งพลังไปให้คนอื่นได้ด้วย เหมือนเราช่วยจุดประกายไฟให้ผู้หญิงหรือเด็กน้อยที่ไม่เคยวิ่งมาก่อน ลุกขึ้นมาวิ่งได้ ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้คนที่คิดว่าการวิ่งมันยากเปลี่ยนใจได้ เพราะถ้าก้อยทำได้ เขาก็ทำได้ ก้อยจึงรู้ว่าความสุขจากการวิ่ง ไม่ใช่แค่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อคนอื่นๆ ด้วย ซึ่งมันสามารถส่งต่อไปได้ไกลเกินกว่าที่คิดเอาไว้มากๆ

ความสมบูรณ์แบบในมุมมองของ ก้อย – รัชวิน วงศ์วิริยะ

ก้อยมักคิดเสมอว่าตัวเองยังห่างไกลจากคำว่าสมบูรณ์แบบ เรายังมีข้อเสีย เรายังต้องพัฒนาตัวเอง ซึ่งก้อยเชื่อว่าทุกคนก็รู้จุดบกพร่องของตัวเอง และพยายามแก้ไขอยู่เช่นกัน โดยก้อยจะมีแฮชแท็กหนึ่งที่ใช้ประจำคือ #ก้อยไม่เก่งแต่ก้อยไม่หยุด คำนี้สะท้อนความเป็นตัวก้อยเลยว่า เราไม่ได้เก่ง เราไม่ได้เพอร์เฟ็กต์ เพราะถ้าเราคิดว่าตัวเองเก่ง เราก็จะไม่พัฒนาตัวเอง และจะไม่เกิดก้าวต่อไป

คำว่า กล้า’  น่าจะเป็นคำที่อธิบายตัวก้อยได้ดีที่สุด เพราะก้อยเป็นคนที่เวลาเจออุปสรรคอะไร ก็จะกล้าเผชิญกับมัน และพยายามมองหาข้อดีจากอุปสรรคที่เจอ เพื่อเปลี่ยนเรื่องร้ายๆ ให้กลายเป็นมุมมองที่ดี โดยคิดว่าปัญหาที่เจอเป็นครู เป็นบทเรียนที่สอนเรา ช่วยพัฒนาเราให้ดีขึ้น โตขึ้น ดังนั้นความกล้าจึงเป็นจุดสำคัญที่ทำให้ก้อยตัดสินใจทำสิ่งต่างๆ กล้าวางเป้าหมาย และกล้าลงมือทำให้สำเร็จ

ไบรท์ – พิชญทัฬห์ จันทร์พุ
ผู้ประกาศข่าว

ความสำเร็จ

จุดเริ่มต้นของการเป็นผู้ประกาศข่าว

เริ่มจากตอนเรียนหนังสือที่เป็นพิธีกรของโรงเรียน ตอนเรียนมหาวิทยาลัยก็ได้รับหน้าที่นี้อีก เพราะทุกคนอาจจะเห็นว่าทำได้ก็เลยให้ทำ จากนั้นก็ได้เข้ามาทำงานเป็นผู้ประกาศข่าว ซึ่งจริงๆ แล้วก็ไม่ใช่อาชีพในฝันซะทีเดียว ไบรท์เคยอยากเป็นหมอ อาจารย์ และอาชีพอื่นๆ จนกระทั่งวันหนึ่งตอนนั่งกินข้าวดูทีวีอยู่ ก็เจอโครงการของไอทีวีที่เขาให้นักศึกษาได้เข้าไปอ่านข่าวในช่วงสั้นๆ คุณแม่เลยชวนให้ลองไปสมัคร ซึ่งเราก็คิดว่าตัวเองทำได้ แล้วปรากฏว่าก็ได้ไปทำ นั่นจึงกลายเป็นจุดเริ่มต้น 

จากนั้นก็ต่อยอดไปเป็นพิธีกรรายการทีวี ได้อ่านข่าวกีฬา ข่าวทั่วไป และได้อ่านข่าวหลายช่อง ระหว่างนั้นก็มีโทรศัพท์มาจากทีมงานของรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ถามว่าเราสนใจร่วมงานกันไหม ตอนนั้นกำลังหอบของเข้าออฟฟิศ พอได้ยินว่าเป็นรายการเรื่องเล่าเช้านี้เท่านั้นแหละ ก็รีบวางของเลย แล้วตอบเขาไปว่าสนใจ ยินดีมากค่ะ จากนั้นเขาก็นัดให้ไปพบกับพี่ยุทธ (สรยุทธ สุทัศนะจินดา) และทีมงาน พอเทสต์ผ่านก็เลยได้เป็นผู้ประกาศข่าวในรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ยังจำได้แม่นเลย วันที่ 3 มกราคม 2554  เป็นวันแรกของไบรท์กับการทำงานที่นี่ 

ความสุขในแบบฉบับของ ไบรท์ – พิชญทัฬห์ จันทร์พุ

การใช้ชีวิตให้มีความสุข ไบรท์คิดว่าควรเริ่มจากตัวเอง เพราะความสุขควรเกิดขึ้นจากใจเราก่อน เราต้องเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราจะเพิกเฉยกับปัญหาสังคมที่เกิดขึ้น หรือเราจะไม่มีส่วนร่วมกับสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมเลย แต่เราต้องตั้งก่อนว่าความสุขเกิดขึ้นจากตัวเรา อย่าเอาความสุขของตัวเองไปยึดกับคนอื่นหรือสิ่งอื่น เพราะมีอยู่ 2 อย่าง ที่ทำให้เกิดความทุกข์ได้ นั่นคือยึดและอยาก พอเราอยากนู่นอยากนี่ก็เอาตัวเองไปยึดกับคนอื่น ไบรท์เชื่อว่าตนเป็นที่พึ่งแห่งตนดีที่สุด

ไอเดียในการสร้างพลังบวก

ไบรท์จะพยายามคิดหรือทำอะไรที่เป็นบวกอยู่เสมอ เพราะความบวกจะถูกดึงเข้าหากันเอง ถ้าเราคิดลบ สิ่งลบๆ ก็จะกลับมาหาเรา หรือหากเรากำลังเจอเรื่องลบๆ ก็ต้องพยายามตัดมันออกไป โดยไบรท์จะใช้สตินำทาง เพื่อสร้างพลังที่แข็งแกร่งให้กับตัวเอง ซึ่งจากนั้นเราก็จะสามารถส่งต่อพลังบวกของเราไปยังคนรอบข้างได้อีกด้วย

แนวคิดสู่ความสำเร็จ

สำหรับไบรท์ ความสำเร็จมีหลายแง่มุม ทั้งความสำเร็จในอาชีพ ความสำเร็จในชีวิตส่วนตัว หรือความสำเร็จในมุมของครอบครัว ซึ่งการจะประสบความสำเร็จได้นั้น ก็มีอยู่ไม่กี่อย่างที่ประกอบกัน อันดับแรกก็ต้องถามตัวเองก่อนว่าชอบสิ่งนั้นไหม ถ้าชอบก็ลุยเลย เพราะถ้าเราทำอะไรด้วยความชอบแล้วล่ะก็ ต่อให้เจออุปสรรค ต่อให้ท้อแท้ เราก็จะพยายามไปต่อจนได้ ซึ่งความตั้งใจ ความมุ่งมั่น และความทุ่มเท จะทำให้ผลลัพธ์ที่ออกมาทำให้เรารู้สึกภูมิใจในตัวเอง และในวันหนึ่งที่ได้มองย้อนกลับไป ก็จะรู้สึกว่าคุ้มมากที่ได้ทำ 

จ๋า – ยศสินี ณ นคร
ผู้จัดละคร

ความสำเร็จ

ความสำเร็จในานะผู้จัดละคร

จ๋าเป็นผู้จัดละครมา 15 ปีแล้ว ละครแต่ละเรื่องของจ๋าตอบโจทย์ความสำเร็จต่างกัน อย่างเรื่องที่กระแสดี เรตติ้งสูง คนพูดถึงเยอะ คือจำเลยรัก ซึ่งเป็นละครเรื่องที่ 4 คือถ้าพูดถึงจำเลยรัก ทุกคนก็จะรู้จัก และจ๋ามองว่าการที่ละครไทยจะสามารถขึ้นไปแตะเพดานเรตติ้ง 21 นั้นยากมาก แต่สำหรับละครบางเรื่องที่กระแสและเรตติ้งไม่ได้สูงเหมือนจำเลยรัก จ๋าก็มองว่าเป็นความสำเร็จอีกมุมหนึ่งของเราเหมือนกัน เพราะ ณ วันนี้ที่ยังไม่สำเร็จเท่าไหร่ มันอาจจะพาเราไปถึงความสำเร็จในรูปแบบอื่นก็ได้ 

ความจริงแล้วการทำละครก็วัดความสำเร็จได้ค่อนข้างยาก เพราะเป็นการทำงานที่ต้องเริ่มต้นใหม่ทุกครั้ง อย่างถ้าเรื่องนี้จบไปแล้วเรตติ้งดี ก็ไม่สามารถถ่ายโอนเรตติ้งจากเรื่องนี้ไปให้กับเรื่องอื่นได้ ยิ่งหากเราทำเรื่องนี้ไว้เรตติ้งสูงเท่าไหร่ เรื่องต่อไปก็จะเหนื่อยกว่าเดิม เพราะคนดูก็จะยิ่งคาดหวังสูงขึ้น อย่างตอนจำเลยรักจบ จ๋ารู้เลยว่าเรื่องต่อไปต้องเหนื่อยแน่นอน ซึ่งสิ่งนี้ช่วยสอนให้จ๋ารู้ว่าการเป็นผู้จัดละครไม่สามารถยึดติดกับความสำเร็จอะไรได้เลย คือถ้าเรื่องไหนจบแล้วดี ก็จงอิ่มเอมกับความสำเร็จนั้นให้เต็มที่ จากนั้นก็ต้องทลายมันออกไป แล้วเริ่มกันใหม่ตั้งแต่ต้น 

สไตล์การทำงานของผู้จัดละครไฟแรง

ทำงานกับจ๋าต้องอดทน และต้องรู้หน้าที่ของตัวเอง อย่างบางคนจะมีปัญหาที่ว่า ลูกน้องโพสต์สเตตัสหยาบคาย สำหรับจ๋าไม่ได้สนใจปัญหาแบบนี้เลย กลับชอบด้วยซ้ำ (หัวเราะ) เพราะจ๋ามองว่าคุณสามารถเป็นตัวของตัวเองได้เลย แต่จงรู้หน้าที่เมื่อถึงเวลาทำงาน 

คนที่จะทำงานกับจ๋าได้อีกอย่างคือโลกคุณต้องกว้าง เพราะงานนี้เป็นการเล่าเรื่องต่างๆ ในมุมมองของเราให้คนดู เพราะฉะนั้นถ้าลูกน้องของจ๋าคนไหนจะลาไปเที่ยวเมืองนอก จ๋าให้ตังค์เลย เพราะจ๋ารู้สึกว่าการที่เขาเก็บเงินไปเที่ยวได้คือดีนะ ซึ่งสิ่งที่เขาจะได้กลับมาก็เป็นประโยชน์ทั้งกับตัวเขาเอง และกับงานด้วย จ๋าชอบคนที่ไม่หยุดอยู่กับที่ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องทำงานให้ดี ทำในสิ่งที่ควรจะทำ รู้จังหวะ มีมารยาท ซึ่งจ๋ามองว่าส่วนนี้สำคัญมาก อย่างเรื่องความรู้หรือความชำนาญ จ๋าว่าสอนกันได้

ความสมบูรณ์แบบในมุมมองของ จ๋า – ยศสินี ณ นคร

จ๋ามองว่าตัวเองไม่ได้เพอร์เฟ็กต์เลยแม้แต่นิดเดียว ยังห่างไกลจากคำนั้นมาก แต่จ๋ามีความสุขมากกว่า ซึ่งก็โอเคกับตัวเองมากนะ เพราะจุดด้อยทำให้จ๋าเป็นตัวเองจริงๆ ลองคิดดูว่าถ้าทุกคนเพอร์เฟ็กต์เหมือนกันหมดร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็จะไม่มีใครโดดเด่น แต่จ๋าเลือกที่จะมีจุดด้อยเพื่อเป็นตัวของตัวเอง ในขณะเดียวกันจ๋าก็จะรู้ตัวเองเสมอว่ากำลังทำอะไรอยู่ และรู้ว่าเรามีศักยภาพแค่ไหน 

ถ้าให้เลือกจากคำว่า สวย เก่ง กล้า มั่นใจ จ๋าขอเลือกคำว่า กล้า เพราะจ๋ามองว่าเราต้องกล้าที่จะลดตัวเองลงมาบ้าง ต้องกล้าที่จะไม่สวย ต้องกล้าที่จะลดทอนความมั่นใจ และกล้าที่จะไม่เก่งบ้าง เพื่อยอมรับโจทย์หรือลองสิ่งใหม่ๆ

จูน – สาวิตรี โรจนพฤกษ์
พิธีกร

ความสำเร็จ

เส้นทางสายพิธีกร

เส้นทางการเป็นพิธีกรของจูนเริ่มแบบเด็กสยาม คือไปเดินสยามแล้วมีแมวมองมาชวนเข้าโมเดลลิ่ง ซึ่งจริงๆ แล้วจูนมีโมเดลลิ่งติดต่อมาตั้งแต่ช่วงเรียนมัธยม แต่ที่บ้านไม่อยากให้ทำ เพราะเขารู้สึกว่าเราไม่ใช่คนเรียนเก่ง ถ้าไปทำอย่างอื่นเดี๋ยวจะเอ็นทรานซ์ไม่ติด จนกระทั่งเข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่จุฬาฯ ช่วงปี 2 ปี 3 ด้วยความที่อยากทำ ก็เลยแอบแม่ไปแคสติ้งงานโฆษณา พอถ่ายโฆษณาอยู่ 2-3 เดือน ก็ไปประกวดหนุ่มสาวแพรว ซึ่งตกรอบค่ะ ได้แค่ 10 คนสุดท้าย ยังไม่ทันได้พูดสัมภาษณ์อะไรเลย แต่บังเอิญว่ามีรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยไปดู พอเขาเห็นว่าเราเป็นรุ่นน้อง ก็เลยเรียกไปทำพิธีกรรายการหนึ่งชื่อว่า IZENE ทั้งๆ ที่เขายังไม่รู้เลยว่าเราพูดจาเป็นยังไง ก็ถือว่าเป็นรายการแรกในชีวิตเลย ซึ่งจูนประทับใจกับการทำงานพิธีกรครั้งแรกมากๆ

ต้องขอเล่าให้ฟังด้วยว่า จูนเป็นคนที่เชื่อเรื่องความประทับใจแรกในการทำงาน อย่างตอนที่ถ่ายโฆษณาชิ้นแรกในชีวิต ก็ประทับใจในการทำงานของทีมงาน แต่พอไปทำงานชิ้นอื่นๆ ก็เจอที่ไม่โอเคอยู่บ้าง จูนเลยรู้สึกว่าถ้าเราเจออะไรที่ไม่ดีตั้งแต่ครั้งแรก เราคงไม่ประทับใจ และไม่อยากทำมันต่อ แต่จูนโชคดีที่การทำงานครั้งแรกออกมาดีเสมอ

ตัวตนของ จูน – สาวิตรี โรจนพฤกษ์

จูนคิดว่าเราควรเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุด ดีทั้งในแง่ของจิตใจ และในแง่ที่ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน คืออะไรที่เราทำตามใจ ถ้ามันกระทบคนอื่นก็อย่าทำ เพราะสุดท้ายแล้วผลลัพธ์จะย้อนกลับมาหาเราอยู่ดี ขณะเดียวกันถ้าเราทำตามใจคนอื่นเสมอ โดยไม่ดูใจตัวเอง เราก็คงไม่โอเคเหมือนกัน เพราะฉะนั้นยึดหลักทางสายกลางคือดีที่สุด 

จูนมักถูกถามถึงข้อดีของตัวเองมาตลอดตั้งแต่เริ่มทำงาน อึกอักมาก ไม่รู้จะตอบว่าอะไรดี บางคนก็บอกว่าก็ตอบไปสิ เป็นคนร่าเริง พูดเก่ง อะไรทำนองนี้ แต่จูนรู้สึกว่าเราไม่สามารถตอบแบบนี้ได้ เพราะจูนเชื่อว่าคนเรามีความโน้มเอียงที่จะมองตัวเองในแง่ดีเสมอ ดังนั้นจูนจึงไม่สามารถบอกได้ว่าตัวเองเป็นคนยังไง ต้องให้คนรอบข้างบอก ทุกครั้งจูนเลยจะตอบว่า จูนตอบไม่ได้ บอกได้แค่ลักษณะภายนอกที่เห็นกัน เช่น  เป็นคนพูดเยอะ เป็นคนอารมณ์ร้อน 

พลังบวกในการทำงาน

ความชอบและความสุขเท่านั้นเลย เพราะถ้าเราทำอะไรที่ชอบและมีความสุข ก็จะไม่ต้องพยายามจนกลายเป็นความฝืนใจ และเราก็จะไม่มีความรู้สึกว่าวันรุ่งขึ้นไม่อยากไปทำงาน อย่างจูนทุกๆ เช้าที่ตื่นขึ้นมา ก็จะคิดเสมอว่าเราจะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพราะถ้าจูนไม่ได้ทำงานพิธีกร ก็คงไม่มีความรู้ในเรื่องต่างๆ เยอะขนาดนี้ โดยเฉพาะเรื่องที่ไกลตัวเรามากๆ จูนรู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนฟันเฟืองสุดท้าย ซึ่งทำหน้าที่ถ่ายทอดความรู้ต่างๆ ออกไป จูนก็เลยมีความสุขกับการทำงาน

นิยามความสำเร็จ

  ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่นถ้าถามว่าจูนมีมุมมองยังไงเกี่ยวกับคำพูดนี้บ้าง จูนคิดว่าแต่ละคนเติบโตมาด้วยบริบทที่แตกต่างกัน ทั้งนิสัยและพื้นฐานชีวิต เด็กทุกคนไม่ใช่ผ้าขาว เราเกิดมาพร้อมกับลักษณะนิสัยบางอย่างที่เป็นตัวเราอยู่แล้ว พ่อแม่ การศึกษาก็อาจจะมีส่วนสำคัญ แต่เราก็มีนิสัยเฉพาะของตัวเอง ดังนั้นคำพูดนี้อาจจะเหมาะสำหรับบางคน แต่ไม่เหมาะกับจูน เพราะจูนเป็นคนที่ไม่ชอบความรู้สึกล้มเหลว ถ้าจูนทำอะไรแล้วไม่ได้ดีก็จะเสียใจ พอเสียใจก็จะไม่สามารถควบคุมความรู้สึกตัวเองได้ แล้วก็จะทำสิ่งนั้นได้ไม่ดี ไม่มีความสุขในการทำ เหมือนจูนรู้ตัวว่าสิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองทำได้ และก็จะไม่ทำ จูนเชื่อในสิ่งที่เราสามารถทำได้ดี โดยที่ไม่ต้องพยายามจนเหนื่อยเกินไป แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะต้องละทิ้งความพยายามทั้งหมด ความพยายามเป็นสิ่งที่ดีและควรมี แต่ก็ต้องเลือกใช้อย่างเหมาะสม 

ตาม – ชุดารี เทพาคำ
Top Chef Thailand Season 1

ความสำเร็จ

จุดเริ่มต้นการทำอาหาร 

ตามรู้สึกว่าตัวเองโตมากับอาหาร เพราะครอบครัวของตามถือเป็นครอบครัวที่ช่างกิน แต่ช่างกินมากกว่าช่างทำนะคะ คือชอบออกไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันนอกบ้าน และชอบคอมเม้นต์รสชาติกัน ดังนั้นตอนแรกตามก็ไม่ได้รักการทำอาหารหรอก รักการกินมากกว่า แต่ที่บ้านจะมีคุณยายที่ทำอาหาร ซึ่งเวลาที่ตามได้ไปกินข้าวที่บ้านคุณยาย ก็จะแฮ็ปปี้มาก เพราะอร่อยมาก

ตามเริ่มทำอาหารตอนอายุประมาณ 14-15 ปี เป็นความบังเอิญค่ะ เพราะช่วงนั้นอินกับเรื่องสุขภาพ ชอบอ่านหนังสือเกี่ยวกับโภชนาการ การกีฬา ว่าต้องกินอะไรถึงจะดีต่อสุขภาพ ก็เลยเริ่มซื้อของมาทำอาหารเอง เพราะอยากทานอาหารเพื่อสุขภาพ 

จากนั้นตามไปเรียนด้านโภชนาการที่อังกฤษ พอเรียนจริงจัง จึงเริ่มคิดว่าเราต้องทำอาหารมากขึ้น และอยากไปฝึกงานในครัว พอเรียนจบก็เลยกลับมาเมืองไทย เพื่อฝึกงานในครัว พอได้เข้าครัวเท่านั้นแหละ ก็รู้เลยว่านี่คือสิ่งที่ชอบ สิ่งที่อยากทำ แล้วจึงไปเรียนคอร์สทำอาหารแบบสั้นๆ ที่นิวยอร์ก 

เส้นทางสู่ Top Chef Thailand Season 1

ตามตัดสินใจเข้าแข่งขันในรายการ Top Chef Thailand เพราะมีรุ่นพี่คนหนึ่งมาชวน ซึ่งสมัยเรียนตามก็ชอบดูรายการนี้ของอเมริกาอยู่แล้ว บวกกับพอดีว่าช่วงนั้นรู้สึกเคว้งๆ เพราะทำอาหารมาสักพักหนึ่งแล้ว อยากลองประสบการณ์ใหม่ๆ บ้าง ก็เลยลองสมัครไป ซึ่งตอนนั้นตามไม่ได้คาดหวังอะไรเลย แค่อยากได้ประสบการณ์ชีวิต แอบคิดว่าขออย่าตกรอบแรกก็พอ ดังนั้นพอชนะก็เลยช็อคค่ะ (หัวเราะ) เพราะไม่ได้คาดหวังเลยจริงๆ 

Powerful Women ในแบบฉบับของ ตาม – ชุดารี เทพาคำ   

ตามคิดว่าต้องเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่ง มีเป้าหมาย และมีจุดยืนของตัวเอง ซึ่งก็เหมือนกับคอนเซ็ปต์ในชีวิตของตาม เพราะตามเป็นคนที่หัวแข็งอยู่นิดหนึ่ง ตามมีทัศนคติของตัวเองที่จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาหรือประสบการณ์ต่างๆ แต่ตามจะรู้เสมอว่าตัวเองยืนอยู่จุดไหน และตามไม่เคยกลัวที่จะแสดงออกหรือแสดงความคิดเห็นในแบบของตัวเอง 

แจมมี่ – ปรัตถจริยา ชลายนเดชะ
กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจ.วอลเตอร์ ธอมสัน ประเทศไทย

ความสำเร็จ

หญิงแกร่งแห่งวงการโฆษณา

แจมมี่ทำงานในวงการโฆษณามา 25 ปีแล้ว กำลังเข้าสู่ปีที่ 26 โดยทำงานสายนี้มาตั้งแต่แรกโดยที่ไม่ได้เปลี่ยนเลย อีกทั้งยังอยู่ในองค์กรเดียวมาตลอดด้วย หลายคนสงสัยว่าการเป็นผู้หญิงส่งผลต่อการทำงานด้านนี้ไหม สำหรับแจมมี่และองค์กรนี้ การเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายไม่ได้มีผลในแง่ของความยาก หรือหากผู้หญิงได้ขึ้นไปในตำแหน่งที่สูงกว่าแล้วจะไม่ได้รับการยอมรับ สำหรับองค์กรนี้ไม่มีเลย แต่การเป็นผู้หญิงกลับดีตรงที่เราจะมีวิธีการคิดที่ละเอียดอ่อนกว่า มีวิธีไปถึงเป้าหมายในแบบของผู้หญิง ซึ่งช่วยให้การทำงานในวงการนี้ราบรื่นขึ้น  

ความหินของเส้นทางสายโฆษณา

ความยากของการทำงานในวงการนี้ คงต้องยกให้กับการพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ เพื่อพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ เพราะปัจจุบันโลกเปลี่ยนไปเยอะมาก อย่างการเข้ามาของดิจิตอลเมื่อหลายปีที่แล้ว มันไม่ใช่แค่การเข้ามา แต่มันทำให้พฤติกรรมของคนเปลี่ยน โลกเปลี่ยน จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะมั่นใจในประสบการณ์ที่ยาวนานของตัวเอง แจมมี่คิดเสมอว่าเราจำเป็นต้องพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา ต้องทำตัวเหมือนน้ำไม่เต็มแก้ว โดยด้านหนึ่งเราสามารถมั่นใจในความแข็งแรงด้วยประสบการณ์ของตัวเองได้ แต่อีกด้านหนึ่งเราก็ต้องทำตัวให้เหมือนเด็ก ป.1 ที่เพิ่งเริ่มเข้าเรียน เพื่อพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงและสิ่งใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นตลอดในวงการนี้

Powerful Women ในแบบฉบับของ แจมมี่ – ปรัตถจริยา ชลายนเดชะ

Powerful Women สำหรับแจมมี่ หมายถึงคนที่ทำสิ่งดีๆ โดยไม่จำเป็นต้องคำนึงว่าเป็นเพศไหน หมายถึงคนที่เชื่อมั่นในตัวเอง แล้วทำตามความเชื่อมั่นนั้นอย่างดีที่สุด และขณะเดียวกันก็ช่วยเหลือสังคมด้วย แจมมี่รู้สึกชื่นชมคนแบบนี้นะ รู้สึกว่าเขาสู้มาก เพราะเขาสามารถทำเพื่อตัวเองสำเร็จด้วย และสามารถคืนสิ่งดีๆ สู่สังคมได้ด้วย   

ใบเตย – ภัทราภา พันาภรณ์
ที่ปรึกษากฎหมาย บริษัท วีระวงค์, ชินวัน์ และพาร์ทเนอร์ส จำกัด

ความสำเร็จ

ผู้หญิงบนเส้นทางนักฎหมาย

ด้วยความที่ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก เพราะคุณพ่อเป็นนักกฎหมาย ส่วนพี่ชายก็เป็นผู้พิพากษา เตยจึงสนใจด้านนี้เป็นพิเศษ เพราะรู้สึกว่าน่าสนุกและท้าทาย จำได้ว่าตอน ป.1 ก็เริ่มเขียนใส่กระดาษแล้วว่าอยากเป็นผู้พิพากษา ทั้งที่ยังไม่รู้หรอกว่าคืออะไร แต่คุณพ่อก็จะคอยอธิบายให้เราเข้าใจว่าผู้พิพากษาคือใคร ทำหน้าที่อะไร พอเข้าเรียนมหาวิทยาลัยจึงตั้งใจจริงจัง เลือกเรียนด้านกฎหมาย ถึงตอนนี้ก็ทำงานด้านกฎหมายได้ 6 ปีแล้ว

คนส่วนใหญ่มักคิดว่า งานด้านกฎหมายเป็นงานที่ท้าทาย ต้องมีความแข็งแกร่ง จึงเข้าใจกันว่าผู้ชายจะทำได้ดีกว่า แต่จริงๆ แล้วผู้หญิงก็ทำได้ดีเช่นกัน เตยคิดว่าขึ้นอยู่กับความตั้งใจมากกว่า ถ้าเรามุ่งมั่นตั้งใจ ไม่ว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่ ก็จะสามารถทำออกมาได้ดีมากแน่นอน ซึ่งปัจจุบันผู้หญิงหันมาสนใจงานด้านนี้กันเยอะขึ้น และสามารถทำได้ดีทีเดียว

แนวคิดสู่ความสำเร็จ

สำหรับเตย การจะเป็นนักกฎหมายที่ประสบความสำเร็จได้ ต้องมีหลายๆ อย่างประกอบกัน ไม่ว่าจะเป็น ความมุ่งมั่นตั้งใจ ความรับผิดชอบ ความตรงต่อเวลา ซึ่งทั้งหมดนี้จำเป็นต้องมีตั้งแต่ตอนเรียนแล้ว เพราะต้องอ่านหนังสือเยอะมาก พอทำงาน สิ่งที่สำคัญอีกอย่างคือไหวพริบ เราต้องสามารถประยุกต์ใช้กฎหมายกับชีวิตประจำวันได้ เพราะจริงๆ แล้วกฎหมายเปลี่ยนแปลงอยู่ทุกวัน ดังนั้นเราจึงต้องตามให้ทัน และปรับใช้ให้เป็น เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อตัวเอง และสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้ต่อไป

Powerful Women ในแบบฉบับของ ใบเตย – ภัทราภา พันาภรณ์

เตยคิดว่าหมายถึงผู้หญิงเก่งที่มีความฝัน และไม่หยุดฝัน เช่น คนที่อยากทำอะไรสักอย่างหนึ่งให้ประสบความสำเร็จ จึงทุ่มเทและพยายามกับมันให้ถึงที่สุด จนสามารถทำออกมาได้ดี และความสำเร็จนั้นสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงคนอื่นๆ ได้ อย่างเตยเองก็รู้สึกภูมิใจเล็กๆ ที่ความสำเร็จของเราสามารถเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับรุ่นน้องในสายงานด้านนี้ได้ 

เล็ก – กรกนก ยงสกุล
CEO บริษัท อาร์ บี แอล เทรนนิ่ง จำกัด

ความสำเร็จ

จุดเริ่มต้นของ RBL Training Academy

สำหรับบริษัท อาร์ บี แอล เทรนนิ่ง จำกัด เราทำเกี่ยวกับการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรให้กับองค์กรหรือบริษัทต่างๆ ทั่วประเทศไทย ตอนนี้เล็กสวมหมวกอยู่ 3 ใบ หนึ่งคือเป็น CEO ของบริษัท ทั้งก่อตั้งและบริหารงาน สองคือเป็นผู้ให้คำปรึกษากับผู้บริหารขององค์กรต่างๆ และสามคือเป็น Exclusive Coach ในบางหลักสูตรที่เล็กลงมือสอนเอง 

ธุรกิจนี้เกิดจากการที่เล็กเห็นว่าคนบ้านเรายังขาดศักยภาพอยู่อีกเยอะ เลยกลายเป็นเป้าหมายว่าจะทำอย่างไรให้เกิดการพัฒนา จึงเกิดเป็นแรงบันดาลใจที่อยากจะพัฒนาศักยภาพของคน อยากช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับเขา เพื่อทำให้เกิดการพัฒนาขึ้น ซึ่งเล็กมองว่าธุรกิจนี้เป็นการช่วยเหลือสังคมด้วย เพราะเมื่อเราพัฒนาคนได้ เขาก็สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีคุณค่ามากขึ้น ก็เท่ากับช่วยยกระดับประเทศได้ด้วย   

บ่อยครั้งที่เล็กได้รับพลังแห่งความสุขและความประทับใจจากการทำงานตรงนี้ เพราะผลของสิ่งที่เราทำไปมันสะท้อนกลับมา บางคนกลับมาบอกเราว่าสิ่งที่เขาได้รับไปจากเรา เขานำกลับไปทำนะ แล้วผลลัพธ์มันดีขึ้นจริงๆ อย่างบางคนก็บอกว่าช่วยให้ยอดขายของเขาดีขึ้น หรืออย่างบางคนที่ไม่ได้มองเรื่องเงินเป็นหลัก ก็บอกว่าเขารู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่ามากขึ้น ซึ่งนั่นทำให้เขามีความสุขกับตัวเองมากขึ้นตามไปด้วย 

แนวคิดสู่ความสำเร็จ

เล็กนับถือคติของคุณพ่ออยู่เสมอ เพราะคุณพ่อเป็นนักธุรกิจมาประมาณ 30 ปีแล้ว โดยคุณพ่อจะสอนลูกๆ เสมอว่า a winner never quits, a quitter never wins ซึ่งหมายความว่า คนที่ประสบความสำเร็จ หรือคนที่เป็นผู้กำชัยชนะใดๆ ก็ตาม เขาจะไม่มีวันยอมแพ้ เพราะคนที่ยอมแพ้ง่ายๆ จะไม่มีทางทำอะไรแล้วประสบความสำเร็จ เล็กจึงถือคตินี้มาตลอด สมมติว่าครั้งนี้เรายังทำไม่ได้ แสดงว่าเรายังเก่งไม่มากพอ ความรู้เรายังไม่มากพอ เราก็ต้องหาความรู้เพิ่ม ต้องพัฒนาศักยภาพตัวเอง ในที่สุดเดี๋ยวเราก็จะทำได้ เล็กเชื่อว่าเราสามารถพัฒนาตัวเองได้อยู่เสมอ และเราสามารถออกแบบชีวิตของตัวเองได้ 

Powerful Women ในแบบฉบับของ เล็ก – กรกนก ยงสกุล

ในมุมของเล็กเชื่อว่า ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงชาติไหน มีวัฒนธรรมแบบไหน หรืออายุเท่าไหร่ ก็สามารถเป็น Powerful Women ได้ ขอเพียงแค่ต้องเป็นผู้หญิงที่รู้จักตัวเอง รู้ว่าต้องการอะไร คิดอะไร หรือทำอะไรอยู่ และสามารถวิเคราะห์ตัวเองได้ สรุปง่ายๆ ก็คือต้องเป็นผู้หญิงที่รู้ตัวเองอยู่เสมอ สามารถบริหารทักษะความฉลาดของตัวเองได้ และสามารถปรับตัวได้กับทุกสถานการณ์ รับมือกับทุกอย่างได้ ไม่ว่าจะเป็นบทบาทใดก็แล้วแต่ คุณแม่ ลูกสาว หัวหน้า ลูกน้อง เพื่อนสนิท เจ้าของธุรกิจ คือต้องเป็นคนที่ครบเครื่องรอบด้านแบบ 360 องศานั่นเอง

โอ๊ต มาร์ติน

โพสต์บริจาค 250,000 เหลือจริง 500! โอ๊ต มาร์ติน ชี้แจงถูกฝ่ายการเงินฉ้อโกง

Alternative Textaccount_circle
โอ๊ต มาร์ติน
โอ๊ต มาร์ติน

จากกรณียอดเงินบริจาคไม่ตรงปก! 250,000 เหลือ 500 บาท ของดีไซเนอร์ชื่อดัง โอ๊ต มาร์ติน ล่าสุดเจ้าตัวออกมาชี้แจงถึงเรื่องนี้แล้วว่าที่แท้ถูกฝ่ายการเงินฉ้อโกง

จากกรณียอดเงินบริจาคไม่ตรงปก! 250,000 เหลือ 500 บาท ของดีไซเนอร์ชื่อดัง โอ๊ต มาร์ติน ล่าสุดเจ้าตัวได้ออกมาชี้แจงถึงเรื่องนี้แล้วว่าที่แท้ถูกฝ่ายการเงินฉ้อโกง

โอ๊ต มาร์ติน

เป็นประเด็นร้อนไฟลุกในวงการแฟชั่นเมืองไทยเลยทีเดียว เมื่อดีไซเนอร์ชื่อดัง โอ๊ต มาร์ติน ซึ่งเคยมีผลงานดีไซน์ชุดต่างๆ ให้กับนางเอกระดับแม่เหล็ก ถูกวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการบริจาคเงินไม่ตรงปกให้กับโรงพยาบาลต่างๆ โดยเรื่องนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อโอ๊ตได้โพสต์ผ่านโซเชียลมีเดียว่าเขาได้บริจาคเงินให้กับโรงพยาบาลธรรมศาสตร์มีระบุว่ายอดบริจาค 250,00 บาท แต่เมื่อนำไปสแกนดูก็พบว่า ยอดเงินที่แท้จริงคือ 500 บาท  เช่นเดียว ยอดเงินบริจาคให้โรงพยาบาลศิริราช 500,000 บาท เหลือ 1,000 บาท และ มูลนิธิรามาธิบดี 350,000 เป็น 1,000 บาท  ซึ่งไม่เหมือนข้อความที่โพสต์ไปเลย จึงทำให้ถูกชาวโซเชียลตำหนิอย่างแรง

โอ๊ต มาร์ติน

ล่าสุดดีไซเนอร์ชื่อดังได้ออกมาชี้แจงถึงกรณีนี้แล้ว โดยระบุว่าเขาถูกฝ่ายการเงินฉ้อโกง “จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ เนื่องจากฝ่ายการเงินของข้าพเจ้าได้ทำการฉ้อโกงเงินบริจาคของข้าพเจ้า จำนวน 1,050,000 บาท ด้วยการโอนยอดเงินไม่ตรงกับความเป็นจริงเพื่อหลอกให้ข้าพเจ้าเข้าใจผิดและโพสต์ไปในไอจี-เฟซบุ๊กของข้าพเจ้า โดยการปลอมแปลงสลิปโอนเงินให้ข้าพเจ้า เป็นเหตุให้เกิดความวุ่นวายและเสียชื่อเสียงให้กับตัวข้าพเจ้านั้น ตอนนี้ข้าพเจ้าได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายของข้าพเจ้าดำเนินการ และข้าพเจ้าจะโอนเงินตามยอดที่แจ้งไว้ทั้งหมดเพื่อเป็นการแสดงเจตนาบริสุทธิ์ของข้าพเจ้าที่ตั้งใจจะทำบุญช่วยเหลือโรงพยาบาลต่างๆ จึงเรียนมาเพื่อทราบ”

โอ๊ต มาร์ติน

อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 26 มี.ค.2563 ดีไซเนอร์คนดังได้โพสต์สลิปใหม่ระบุบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือ 2 โรงพยาบาลคือ  โรงพยาบาลศิริราช จำนวน 500,000 บาท  โรงพยาบาลธรรมศาสตร์อีก 350,000 บาท และมูลนิธิรามาธิบดีฯ ซึ่งจากการตรวจสอบยอดเงินตรงตามจริง

โอ๊ต มาร์ติน

โอ๊ต มาร์ติน


ข้อมูลจาก : twitter @DgafSense

สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

เปิดไทม์ไลน์พนักงานเสิร์ฟ ติดเชื้อไวรัส โควิด-19 อาร์ม & น้ำฝน ขอโทษผู้ร่วมงาน

‘วันนี้รักจริงจัง แต่พรุ่งนี้อาจเปลี่ยนใจอย่างง่ายดาย’ ดูดวงรายวัน 27 มีนาคม 2563

ดูดวงรายวัน 27 มีนาคม 2563 #หมอปุ้ยพยากรณ์ เช็กทุกวัน เป๊ะปังทุกดวง ทั้งการงาน การเงิน ความรัก และสุขภาพ

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์

การงาน : วันนี้ทุกอย่างสามารถเปลี่ยนแปลงได้หมด จนคุณเครียด เพราะจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่ที่แน่ๆ คุณต้องแบกรับความรับผิดชอบไว้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็ยังโชคดีที่มีผู้ใหญ่เห็นใจ คอยช่วยเหลือสนับสนุน เพื่อนร่วมงาน และผู้บังคับบัญชาก็เมตตาเอ็นดูคุณเป็นพิเศษ

การเงิน :  สามารถหาเงินได้มากจากการทำงาน แต่จะเข้ามือซ้ายออกมือขวาอย่างรวดเร็ว เก็บเงินไม่ได้ เพราะคุณใช้เงินเก่ง รวมถึงชอบสงเคราะห์ช่วยเหลือญาติสนิทมิตรสหาย

ความรัก : คุณทำงานหนัก เพราะต้องเป็นหลักให้กับครอบครัว วันนี้อาจมีผู้ใหญ่มาอยู่ด้วย คุณจึงเอาใจใส่รายละเอียดของสมาชิกในบ้านทุกเม็ด ขณะเดียวกันก็กดดันและคาดหวังคู่สูงมาก จึงอาจอยู่กันไม่ค่อยเป็นสุขเท่าไหร่ คนโสด คุณอาจผิดหวังกับความรักมาตลอด จึงเลือกที่จะทำงานหนักเพื่อให้ลืมเธอ ซึ่งคุณก็สามารถเริ่มต้นใหม่ได้เสมอเช่นกัน วันนี้อาจมีผู้ใหญ่เข้ามาเป็นที่ปรึกษา

สุขภาพ :  ระวังหกล้มหรือบาดเจ็บกล้ามเนื้อ กระดูก หรือเส้นเอ็นต่างๆ โดยเฉพาะช่วงขาและหลัง จนไปถึงเป็นเก๊า และอัมพฤกษ์ ด้วย

 

ผู้ที่เกิดวันจันทร์

การงาน :  งานประจำที่คุณคิดว่าน่าจะวางมือได้แล้ว วันนี้อาจมีการแข่งขันกันนำเสนอผลงาน หรือประมูลงาน ซึ่งคุณปรารถนาความสำเร็จเป็นจริงเป็นจัง สามารถทำได้ทุกอย่างโดยไม่คิดถึงความถูกต้องชอบธรรม ก็ต้องระวังเรื่องข้อตกลงหรือสัญญา ไม่ว่าเป็นลายลักษณ์อักษร หรือสัญญาใจ เพราะอาจผูกมัดคุณให้ไปทำงานที่อื่นไม่ได้เลย

การเงิน : คุณอาจได้เงินพิเศษจากงานพิเศษเข้ามาไม่ขาดมือ แต่ก็ต้องระวังอาจถูกหลอก ถูกโกงจากมิจฉาชีพ ทำให้เสียเงินเป็นจำนวนมาก

ความรัก : อาจมีบุคคลที่สามเข้ามาวุ่นวายกับครอบครัวคุณ อาจใช่กิ๊ก หรือไม่ใช่ก็ได้ แต่ที่แน่ๆ เธอมาเพื่อหวังผลประโยชน์อย่างเดียวเลย แล้วเมื่อสมใจก็ตีจาก โดยไม่สนใจว่าคุณกับคู่จะทะเลาะกันบ้านแตกขนาดไหน คนโสด คุณถูกบ่วงรักพันธนาการไว้จนไม่ยอมทำอะไรเลย นอกจากพยายามเอาชนะใจ เพื่อให้เขามาเป็นแฟนของคุณให้ได้

สุขภาพ : ปกติคุณแข็งแรง จึงไม่ค่อยใส่ใจกับสุขภาพมากนัก แต่วันนี้ไม่ได้แล้ว เพราะสุขภาพแข็งแรง ไม่ใช่ว่าไม่มีโรค เพียงแต่อาจยังไม่แสดงอาการ แต่พอแสดงอาการก็อาจรักษายากแล้ว จึงควรเช็กสุขภาพเป็นประจำ อย่าโหมงานหนักจนร่างกายรับไม่ไหว

 

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน  : คุณอาจเดินทางไปบุกเบิกเริ่มต้นธุรกิจของครอบครัว ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับงานบริการ หรือการเดินทางท่องเที่ยว แม้ว่าตอนนี้อาจไม่ใช่เวลาเหมาะสมที่จะเดินทางไปต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ แต่ก็สามารถทำงานทางออนไลน์ได้ทุกช่องทาง โดยคุณจะได้รับการส่งเสริมสนับสนุนช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ และคนใกล้ตัวก็สนับสนุนให้คุณได้เดินตามความฝัน

การเงิน : ฐานะที่บ้านคุณไม่เดือดร้อน มีเงินใช้จ่ายอย่างคล่องมือ ไม่ขัดสน แต่ก็ไม่ควรหลงเชื่อคำพูดที่อ่อนหวานที่ชวนให้คุณลงทุนในธุรกิจหรือธุรกรรมทางการเงิน เพราะอาจถูกหลอก

ความรัก  : คุณอาจอยู่ในช่วงเพิ่งเริ่มต้นชีวิตคู่แบบข้าวใหม่ปลามัน แม้ยังอยู่ในช่วงสวีตกิ๊วก๊าวกันอยู่ แต่วันนี้อารมณ์คุณไม่นิ่ง เปลี่ยนใจไปมา เอาแน่อะไรกับคุณไม่ได้ คนข้างตัวจึงอาจหงุดหงิด เพราะเอาใจยากเดาใจลำบาก  คนโสด คุณอาจกำลังถูกใจใครบางคนแบบหัวปักหัวปำ จนอยากไปร่วมชีวิตด้วย แต่ควรรอให้ผ่านวันนี้ไปก่อนดีกว่า เพราะภายในวันเดียวคุณก็เปลี่ยนใจไม่รู้จักกี่รอบแล้ว

สุขภาพ : ระบบหมุนเวียนเลือดอาจมีปัญหา โลหิตจาง หรือเซลล์เม็ดเลือดมีความผิดปกติ มีอาการอ่อนเพลีย หน้ามืด ตาลาย เวียนศีรษะ ควรรับประทานอาหาร ผัก ผลไม้ที่มีสรรพคุณในการบำรุงเลือด หรือวิตามินเสริม

 

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน :  ก็ยังอยู่ที่การใช้วาทศิลป์ในการทำงาน เช่น งานออร์กาไนซ์ หรือพีอาร์ประชาสัมพันธ์ ซึ่งถูกยกระดับให้เป็นงานสำคัญขององค์กร เพราะฉะนั้นความสำเร็จจึงไม่สามารถรอแบบค่อยเป็นค่อยไปได้แล้ว วันนี้คุณจึงอาจถูกเจ้านายกดดันให้ต้องใช้ความรู้ ความสามารถอย่างเต็มที่ ก็ไม่ควรผลัดวันประกันพรุ่ง เพราะเขาสามารถให้คุณให้โทษคุณได้ในชั่วพริบตา

การเงิน : แม้ห้างปิด แต่คุณก็สามารถช็อปออนไลน์ได้ วันนี้จึงอาจเสียเงินกับความสวยความงาม หรือสินค้าฟุ่มเฟือยราคาแพง ก็ไม่ควรหวังรวยทางลัด ด้วยการรับเงินที่ไม่ถูกต้อง หรือเงินใต้โต๊ะ สินบนต่างๆ

ความรัก : ทุกครั้งที่คุณมีเรื่องไม่สบายใจ คุณก็หันหน้าปรึกษาคู่ เพราะเขาสามารถแนะนำแนวทางการดำเนินชีวิตที่ถูกต้องให้คุณได้ แต่วันนี้อารมณ์คุณยังไม่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ  เพราะฉะนั้นควรอยู่กับตัวเองก่อนดีกว่า เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ คนโสด  คุณค่อนข้างอินดี้ มีโลกส่วนตัวสูง เพราะฉะนั้นการจะเริ่มต้นความสัมพันธ์กับใครสักคนก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป อาจไปถึงอายุ 35-40 โน้นแน่ะ หากยังไม่ได้แต่งงาน ก็อยู่กันไปเลย

สุขภาพ : ไม่ควรโหมงานหนักจนไม่สนใจสุขภาพ รับประทานอาหารไม่ตรงเวลา พักผ่อนไม่เต็มที่ จะทำให้เป็นโรคกระเพาะ หรือลำไส้ หากทิ้งไว้นานอาจเป็นแบบเรื้อรัง

 

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี

การงาน :  วันนี้งานก็ยังไม่จบ คุณยังต้องใช้ความรู้ ความสามารถ และเทคนิคเฉพาะบุคคลแก้ปัญหาเป็นรายวัน พร้อมกับการริเริ่มทำในสิ่งใหม่ๆ ซึ่งคุณไม่ควรยึดแต่ความคิดเห็นของตัวเอง ควรเปิดใจยอมรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นด้วย งานจึงจะสามารถปิดจ็อบได้

การเงิน :  ปกติคุณจัดสรรและบริหารการเงินเป็นอย่างดี แต่วันนี้อาจสะดุดตรงที่มีญาติพี่น้องมายืมเงิน หรือลงทุนทำธุรกิจผิดพลาด แต่ก็เป็นเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ

ความรัก : ก็ยังยึดติดอยู่ที่ขนบธรรมเนียม ประเพณี วันนี้อาจเพิ่มคำว่าศักดิ์ศรีเข้ามาด้วย จึงทำให้บรรยากาศในบ้านตึงเครียดอยู่ตลอด ไม่ผ่อนคลาย คนโสด คุณมีเสน่ห์ มีความรู้ ความสามารถ และมีบารมี จนผู้ชายเกรงใจไม่กล้ามาจีบ ซึ่งคุณก็ทำใจแล้ว จึงพร้อมที่จะเปิดใจรับคนใหม่เสมอ

สุขภาพ : อาจมีปัญหาเรื่องระบบย่อยอาหาร ต่อมทอนซิลอักเสบ หรือหลอดลมอักเสบ เป็นต้น

 

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน :  คุณอาจได้ทำงานที่เกี่ยวกับงานบุญงานกุศล หรือจิตอาสาทำประโยชน์ให้กับสังคม ซึ่งเป็นโครงการใหญ่ขององค์กรเลยทีเดียว ซึ่งการทำงานใหญ่ จำเป็นต้องแสวงหาความร่วมมือจากสังคม เพื่อนร่วมงาน รวมถึงผู้บังคับบัญชา ซึ่งวันนี้คุณอาจยังไม่ได้รับความร่วมมือนั้นก็ได้

การเงิน : คุณอาจเสียเงินเพราะความไว้วางใจ เพราะฉะนั้นจึงควรแบ่งเงินไปทำบุญทำกุศลบ้าง

ความรัก : คุณอาจแต่งงานเข้ามาอยู่ในครอบครัวที่มีกฎระเบียบ พิธีการ และขั้นตอนที่ตึงเป๊ะ แล้วช่วงนี้ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาด้วยแล้ว คุณจึงอาจขอแยกตัวออกไปอยู่คนเดียว แต่วันนี้คุณไม่ได้รับสิทธิ์นั้น คนโสด คนที่คุณหมายปองอยู่ ดูแล้วไม่น่าจะผ่านด่านครอบครัวคุณได้

สุขภาพ :  ภูมิแพ้มาแล้ว ต้องระวังเรื่องฝุ่นละอองขนาดเล็ก กับอากาศ เพราะอาจทำให้คุณหายใจไม่สะดวก จนเป็นไซนัส หรือเยื่อบุโพรงจมูกอักเสบ

 

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน  : ก็ยังอยู่ที่สายงานการเกษตร เรือกสวนไร่นา ออกแบบภูมิสถาปัตย์ หรือผลิตภัณฑ์โอท็อป วันนี้ยังรวมถึงบ้านที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจโรงแรมด้วย หากคุณตั้งใจจะทำอะไรแล้ว ใครก็ขวางไม่ได้ ซึ่งวันนี้คุณมีลางสังหรณ์ที่แม่นยำ เพราะฉะนั้นหากคิดจะทำอะไร ควรเชื่อใจตัวเอง แต่ก็ควรอยู่ภายใต้สติ ไม่ควรใช้อารมณ์เด็ดขาด

การเงิน : อาจได้เงินจากการซื้อขายที่ดิน หรืออสังหาริมทรัพย์ แต่ก็ดูให้ดี เพราะอาจได้เงินไม่ครบ ทำให้คุณต้องหมุนเงินจ่ายไปก่อน

ความรัก : ก็ยังคงได้รับความรักและดูแลเอาใจใส่จากครอบครัวอย่างดี แต่อาจติดตรงที่คุณไม่ชอบถูกจำกัดความคิดและอิสรภาพ หรือภายใต้กฏระเบียบเงื่อนไข จึงอาจทำให้คุณหงุดหงิดกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง คนโสด คนที่คุณหมายปอง เขาก็จริงใจกับคุณนะ แล้วมีการงานหลักฐานบ้านช่องมั่นคงด้วย ก็ถือว่าคุณโชคดี

สุขภาพ : หลีกเลี่ยงอาหารที่ปรุงไม่สุก ไม่สดสะอาด รสจัด เพราะต้องระวังอาหารเป็นพิษ ท้องเสีย จนถึงมีพยาธิ์เข้าสู่ร่างกาย

เช็กดวงย้อนหลังได้ที่นี่

มีต่างชาติมาจีบ แต่ก็ต้องลุ้นอีกว่า มองหญิงหรือเปล่า ดูดวงรายวัน 21 มีนาคม 2563

เจ็บแล้วจำ แต่ยังไม่จบ เพราะเขากลับมาขอคืนดี ดูดวงรายวัน 22 มีนาคม 2563

ไม่ชอบขัดขืน จึงไม่ควรอยู่กันสองต่อสอง ดูดวงรายวัน 23 มีนาคม 2563

สามในสี่มีดวงเป็นนารีอุปถัมภ์ เกิดอะไรขึ้น ดูดวงรายวัน 24 มีนาคม 2563

คนรักเก่าขอคืนดีแบบลับๆ ก็อย่าลับกับเขาด้วยเลย ดูดวงรายวัน 25 มีนาคม 2563

ช้ำรักมาตลอด วันนี้ก็ยังถูกซ่อนเร้นอีก ดูดวงรายวัน 26 มีนาคม 2563

โควิด-19

3 ข้อคิดดีๆ ในวันที่ต้องเผชิญการแพร่ระบาด โควิด-19 จาก พระไพศาล วิสาโล

Alternative Textaccount_circle
โควิด-19
โควิด-19

3 ข้อดีของโควิด-19 จาก พระไพศาล วิสาโล

ล้อมวงธรรม ณ สวนทำ เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นโดย We Oneness หรือ โครงการขับเคลื่อนสังคมแห่งการตื่นรู้สู่หนึ่งเดียวกัน โดยมูลนิธิสหธรรมิกชน ภายใต้การสนับสนุนของ สํานักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ในแผนระบบสื่อและวิถีสุขภาวะทางปัญญา ที่นำพา ธนญชัย ศรศรีวิชัย หรือ ต่อ ฟีโนมีน่า ผู้กำกับโฆษณาชื่อดัง กับ พระไพศาล วิสาโล มาพบปะเพื่อสนทนาพูดคุย ตอบข้อสงสัยของทางโลกด้วยทางธรรม ส่งต่อข้อคิดดีๆ แก่สังคมไทยในวันที่ต้องเผชิญการแพร่ระบาดของโรค โควิด-19

ข้อคิดสำคัญของการสนทนาธรรมครั้งนี้ คือการแสดงให้เห็นถึงข้อดีของ โควิด-19 อีกด้านหนึ่งของสถานการณ์อันวิกฤต ที่หลายคนอาจไม่เคยนึกถึง

พระไพศาล วิสาโล

  1. โอกาสเรียนรู้…ยอมรับความเป็นจริง

“ข้อดีของโควิด-19 คืออะไรครับ?” ธนญชัย เปิดบทสนทนา

พระไพศาล วิสาโล ตอบว่า “แต่ก่อนเราคิดว่าเราเอาชนะโรคติดเชื้อได้แล้ว เพราะเรามียาปฏิชีวนะ เรามีวัคซีน ไข้ทรพิษก็สูญพันธุ์ไปแล้ว ต่อไปโรคอื่นก็จะสูญพันธุ์ไปด้วย เช่น โปลิโอ วัณโรค มาลาเรีย ตอนนี้เราไม่มีความทะเยอทะยานอย่างนั้นแล้ว เรายอมรับความเป็นจริงว่าโรคติดเชื้อมันจะอยู่คู่กับมนุษย์ไปตลอด เพียงแต่ว่ามันจะมาในรูปแบบไหนเท่านั้นเอง”

  1. โอกาสฝึกฝน…เจริญสติ

“แต่ก่อนนี้เราเอามือแตะใบหน้า เช็ดถู ลูบคลำ เกา ตอนนี้เราทำแบบนั้นไม่ได้แล้ว จะทำแบบนั้นได้ก็ต้องล้างมือก่อน แบบนี้มันก็ทำให้เราระมัดระวังมากขึ้น ในขณะเดียวกันมันก็ทำให้เรามีสติในการดำเนินชีวิต จากเดิมที่เราเคยเกา สัมผัสใบหน้า ชั่วโมงละ 15-20 ครั้ง ตอนนี้เราก็มีสติมากขึ้น เป็นโอกาสที่จะได้เจริญสติ ตอนนี้ข่าวทะเลาะเบาะแว้งระหว่างประเทศก็น้อยลง อเมริกา-อิหร่านก็เลิกทะเลาะกัน ในเมืองไทยข่าวการเมืองน้อยลงไปเยอะ พรรคฝ่ายค้าน พรรครัฐบาล ทะเลาะกันไม่มีใครสนใจแล้ว ตอนนี้มันตกใจจนจะประสาทอยู่แล้ว ประมาทก็ไม่ดี ประสาทก็ไม่ถูก”

พระไพศาล วิสาโล

  1. โอกาสแสดงความเอื้อเฟื้อ…ให้แก่กันและกัน

“มันไม่ได้มีแค่เชื้อโคโรน่าไวรัสที่ระบาด โควิด-19 มันก็แค่เป็นภัยต่อร่างกายเรา แต่ความกลัวมันบั่นทอนจิตใจ เป็นอันตรายต่อจิตใจ ถึงขั้นสามารถทำลายความเป็นมนุษย์ของเราได้ เห็นแก่ตัว รังเกียจเหยียดหยามผู้คนที่เราระแวงว่าจะติดเชื้อ กวาดต้อนซื้อยา หน้ากากอนามัย ทั้งที่อาจจะไม่จำเป็นสำหรับคนที่ไม่ป่วย ตอนนี้หน้ากากขาดตลาด จนกระทั่งคนป่วยวัณโรค ปอดบวม ไข้หวัดใหญ่ คนดูแลผู้ป่วยไม่มีหน้ากาก ร้ายกว่านั้นคือหมอพยาบาลไม่มีหน้ากากใช้ เขาถึงเตือนในอเมริกาว่าคนที่ไม่ป่วยอย่ากวาดซื้อหน้ากาก เพราะคนที่จำเป็นจริงๆ จะไม่ได้ใช้

ถ้ามองในแง่นี้เชื้อโควิดน่ากลัวน้อยกว่าความกลัวเชื้อโควิด ดังนั้นสิ่งที่เราควรทำก็คือทำอย่างไร นอกจากระวังไม่ให้เชื้อโควิดเข้าสู่ร่างกายเราแล้ว ต้องระวังไม่ให้ความกลัว ตื่นตระหนก มันเข้าสู่จิตใจเราด้วย ตรงนี้ต้องช่วยกันทำ”

นอกจาก 3 ข้อดีของโควิด-19 ซึ่งเป็นคำแนะนำสำหรับการดูแลสุขภาพใจแล้ว พระไพศาล วิสาโล ก็ยังย้ำให้ทุกคนดูแลสุขภาพกายของตนเอง โดยปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์และทางการอย่างเคร่งครัด

พระไพศาล วิสาโล

รับชมคลิปวิดีโอฉบับเต็มความยาว 3.36 นาที ได้ที่ https://youtu.be/qcq6P2FR5Lw

ติดตามความเคลื่อนไหวของโครงการได้ที่ www.weoneness.com และ www.facebook.com/WeOneness


บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

บุคลากรทางการแพทย์ฝั่งยุโรป เผยรอยช้ำบนใบหน้า หลังต่อสู้ โควิด-19 ยาวนาน

กินแล้วดี! ประโยชน์ของอาหาร 5 สี ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ต้าน COVID-19

ทำงานอยู่บ้าน ระวังน้ำหนักขึ้น ลอง Fitness at home เสมือนมีเทรนเนอร์สอนข้างๆ

รวมทุกข้อที่ควรรู้เกี่ยวกับการล้างมือในภาวะ โควิด-19 ระบาด

 

 

 

ข้าวของอะไรบ้างที่ว่าที่สะใภ้จีนต้องเตรียมไว้ห้ามขาดในพิธีแต่งงานจีน

account_circle

พิธีแต่งงานจีน เป็นอีกหนึ่งพิธีแต่งงานที่มีความยุ่งขิงไม่แพ้พิธีแต่งงานไทย แถมยังมีการแต่งเข้าบ้านสามีคล้ายๆ กับธรรมเนียมไทยอีกด้วย แต่อาจจะมีรายละเอียดมากกว่าตรงที่ว่า สะใภ้จีนจะไม่สามารถเดินตัวเปล่าเข้าบ้านได้แบบชิลๆ นะจ๊ะ เพราะใน พิธีแต่งงานจีน เจ้าสาวจะต้องเตรียมข้าวของตามธรรมเนียนติดตัวเข้าไปด้วย ส่วนจะต้องเตรียมอะไรบ้างนั้น ไปดูกัน

1. กล่องใส่ของหรือเซฟสีแดง ตามธรรมเนียมจีน เจ้าสาวจะต้องเตรียม ‘สินเดิม’ หรือสิ่งของติดตัวตามฐานะเข้าบ้านสามีด้วย ซึ่งต้องเก็บไว้ในกล่องหรือเซฟสีแดง เช่น เครื่องประดับที่เป็นมรดกตกทอดหรือของขวัญจากพ่อแม่ พร้อมเสื้อผ้าชุดใหม่เพื่อใส่ในบ้านใหม่ที่เจ้าสาวจะเข้าไปอยู่ (หรือก็คือบ้านสามีนั่นแหละ)

พิธีแต่งงานจีน

2. ของใช้สำหรับเจ้าสาว ที่ต้องเป็นของใหม่เอี่ยมสีแดงหรือสีชมพูติดตัวเข้าไปด้วยอย่างละคู่ ไม่ว่าจะเป็น ถังน้ำ, กะละมัง, กระโถน, กระจก, กรรไกรตัดผ้า, ไม้วัด, เข็ม, ด้าย, ถาดใส่ของ, หมอนหนุนและหมอนข้าง, ผ้าปูที่นอนและผ้าห่ม,พัดสีแดงไว้ถือตอนส่งตัว, หวีอีก 4 อัน, รองเท้าเกี๊ยะสีแดง

3. เอี๊ยมแต่งงานสีแดง ปักลายกิเลน มังกร หรือหงส์ และอักษรจีน ‘แป๊นี้ไห่เล่า’ ที่แปลว่า อยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า ซึ่งถ้าหากบ้านเจ้าสาวมีฐานะสักหน่อยจะเตรียมสายคล้องเอี๊ยมทองคำหนัก 4 บาทไปเลยก็ได้ เพราะชาวจีนถือกันว่าเลข 4 คือเลขมงคล โดยในเอี๊ยมจะต้องประกอบไปด้วยสิ่งของดังต่อไปนี้

– ธัญพืช 5 ชนิด (โหงวเจ๊งจี้) คือ ข้าวเปลือก, ข้าวสาว, ถั่วเขียว, ถั่วดำ และสาคู ที่ห่อไว้ในกระดาษสีแดง เพราะมีความเชื่อที่ว่าเพื่อให้ครอบครัวและลูกหลานของบ่าวสาวเจริญรุ่งเรืองงอกงาม

– ต้นชุงเฉา เป็นต้นไม้มงคล หมายถึงการมีเกียรติ

เหรียญกิมเล้ง หรือเหรียญทองลายมังกร เพื่ออวยพรให้ร่ำรวย

– ปิ่นทองยู่อี่ โดยจะมีคำว่า ยู่อี่ อยู่ปลายปิ่น มีความหมายว่าให้ทุกสิ่งสมปรารถนา เสียบไว้ที่ปากกระเป๋าเอี๊ยม

หรือบางครอบครัวใส่เงินเพิ่มเติมลงไปด้วย เพื่อถือเคล็ดให้ร่ำรวยมีเงินมีทองตลอดปี พร้อมกันนี้ให้วางสำลี 2 คู่ สื่อความหมายว่าบ่าวสาวจะอยู่ร่วมกันจนแก่เฒ่า และอาจมีเมล็ดแป้งจีน 2 ห่อที่สื่อความหมายว่าเงินทองเฟื่องฟูลงไปด้วย 

4. ส้มเช้ง ติดอักษร ‘ซังฮี้’ ทุกลูก โดยต้องเตรียมไว้เป็นจำนวนเลขคู่ และสามารถปนส้มสีทองจำนวน 4 ลูกลงไปได้

5. ชุดหัวใจหมู ให้มีปอดและตับติดอยู่ด้วย (สามารถสั่งให้ร้านทำให้ได้เป็นพิเศษ โดยแจ้งว่าใช้สำหรับพิธีหมั้น)

6. ชุดต้นซุงเฉา, น้ำตาลทรายแดง และเชือกแดง ในพิธีแต่งงานแบบจีนใช้ต้นชุงเฉ้าจำนวน 2 ต้น แต่ให้ความหมายว่าเป็นเมียเพียงคนเดียว ถ้ามองเผินๆ อาจคิดว่าเป็นต้นไม้ในห่อ แต่จริงๆ แล้วในห่อกระดาษแก้วสีแดงนั้นบรรจุน้ำตาลทรายแดงที่มัดด้วยเชือกแดงไว้ เมื่อเสร็จพิธีนิยมนำน้ำตาลทรายแดงมาปรุงอาหารทานได้

7. ขนมถั่วดำคลุกน้ำตาล นิยมใช้ทั้งหมด 7 คู่

8. เผือก หรือโอวเท้า เตรียมไว้ในจำนวนเลขคู่ ในภาษาจีนมีความหมายว่าความอุดมสมบูรณ์

9. ใบทับทิม หรืออังฮวย สำหรับใส่ประดับไว้ในทุกถาด ซึ่งจะต้องเป็นถาดที่ฝ่ายชายจะนำกลับ

10. เม็ดสาคู ใช้สำหรับโรยของต่างๆ เพื่อเป็นเคล็ดให้คู่รักรักกันเหนียวแน่นกลมเกลียวเหมือนเม็ดสาคู

11. ใบทับทิม เชื่อว่ามีไว้เพื่อความเป็นสิริมงคลและช่วยปัดเป่าชำระสิ่งชั่วร้ายไปให้หมด บ่าวสาวจึงต้องเตรียมไว้สำหรับประดับของทุกถาด

12. ชุดน้ำชาและกาเหล้าสีแดง จะใช้สำหรับพิธียกน้ำชาแก่ญาติผู้ใหญ่ พร้อมกับการเเนะนำตัวแก่ญาติทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งพิธีนี้ถือเป็นการแสดงความเคารพแก่ญาติผู้ใหญ่ของบ่าวสาว ขาเทียนหรือเชิงเทียนรูปซังฮี้ ใช้ในช่วงก่อนถึงฤกษ์ส่ง ตัวที่เจ้าสาวต้องทานอาหารมงคล 10 อย่างพร้อมครอบครัวและใช้ไหว้ฟ้าดินเมื่อถึงบ้านเจ้าบ่าว

13. ตะเกียง หมายถึง เเสงสว่างในชีวิตและการมีทายาทคนแรกเป็นผู้ชาย ชาวจีนจึงถือเคล็ดว่าตะเกียงนี้ห้ามผูกโบหรือติดของตกเเต่งให้ดูเป็นผู้หญิงเด็ดขาด

14. ไข่ต้ม ย้อมเปลือกเป็นสีแดง จัดเตรียม เป็นจำนวนคู่ สื่อความหมายให้มีลูกหลานมากๆ

15. ชุดลำไยแห้ง 2 ชุด

16. ของขวัญ สำหรับมอบให้พ่อแม่และญาติ ฝ่ายชาย

รูอย่างนี้แล้วก็รีบเตรียมข้าวของเอาไว้ให้พร้อมนะจ๊ะคุณเจ้าสาว จะได้สร้างความประทับใจให้กับคุณพ่อคุณแม่เจ้าบ่าวเพื่อเอาฤกษ์เอาชัย

>> ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับพิธีแต่งงาน และความเชื่อในเรื่องงานแต่งเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย! <<

จักรกฤษณ์ อนันตกุล แม้ชีวิตจะประสบความสำเร็จ แต่เขากลับเป็นโรคซึมเศร้า

account_circle

Book relieve me…  จักรกฤษณ์ อนันตกุล หรือเหนือ เจ้าของ Helloiamjkstudio ที่เป็นที่รู้จักในฐานะกราฟิกดีไซเนอร์ชาวไทยผู้สร้างผลงานไปไกลระดับโลก มีผลงานทั้งในนิตยสารต่างๆ รวมถึงออกแบบงานอาร์ตให้กับ Facebook, google จนคว้ารางวัล Designer of the years สาขา Illustration design

แม้ชีวิตจะประสบความสำเร็จ แต่เขากลับเป็นโรคซึมเศร้า จนกระทั่งได้เปิดหนังสืออ่านอีกครั้ง ชีวิตจึงพบคำตอบ

อ่านต้านซึมเศร้า 

“หลายปีก่อนผมเป็นโรคซึมเศร้า สาเหตุหนึ่งอาจจะเกิดจากการที่ผมตั้งคำถามในชีวิตเสมอว่า เกิดมาเพื่ออะไร ผมเคยคิดว่า เมื่อมีชื่อเสียงและเงินทอง ชีวิตคงจะพบคำตอบทุกอย่าง แต่กลับไม่ใช่ เพราะพอประสบความสำเร็จ มีทุกอย่าง แต่ภายในใจของผมยังคงว่างเปล่า ผมปิดตัวเอง และเคยทำร้ายตัวเองด้วยการกรีดข้อมือเพื่อให้เกิดความเจ็บปวดบนร่างกายมากกว่าในใจ  เคยคิดด้วยว่า ถ้าตายไปเลยก็คงจะดี แต่สุดท้ายก็ไม่กล้าลงมือจริงๆ เพราะผมไม่อยากให้คนที่รักผมอย่างพ่อแม่ หรือแฟนต้องเสียใจ

“ตอนนั้นผมหันเข้าหาหนังสือ อ่านหลายเล่มมาก แต่เล่มที่เปลี่ยนชีวิตผมจริงๆ คือ ไบเบิล เพราะผมเชื่อในพระเจ้าและอยากเข้าใจคำสอนให้มากขึ้น จนกระทั่งได้เจอกับประโยคที่ว่า ‘เมื่อเราได้รับชีวิตจากพระเจ้าแล้ว ให้เราใช้ชีวิตเพื่อคนอื่น’ ประโยคนั้นช่วยเปลี่ยนชีวิตและทำให้ความเศร้าของผมหายไป พร้อมกับได้คำตอบว่า  เราควรใช้ชีวิตเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่คนอื่นด้วย ผมจึงพยายามหาคำตอบว่า อาชีพนักวาดภาพประกอบจะทำประโยชน์เพื่อคนอื่นได้อย่างไรบ้าง บังเอิญว่าแถวบ้านผมเป็นชุมชน ที่มีแก๊งเด็กเกเรอยู่เยอะ ผมจึงคิดเรื่องการสอนศิลปะโดยไม่คิดสตางค์  เริ่มจากดูว่าเด็กๆ สนใจเรื่องอะไรเป็นพิเศษ แล้วพยายามสอนให้เขากล้าแสดงออกผ่านทางผลงาน ให้เขามองหาสิ่งดีๆ จากผลงานของตัวเอง จากเด็กที่เคยเกเรก็ค่อยๆ ดีขึ้น ด้วยศิลปะบำบัด

จากนั้นผมก็มีโอกาสทำงานร่วมกับทางโบสถ์ เพ้นต์รูปที่ช่วยสร้างกำลังใจในสถานพินิจ  เพื่อให้เด็กๆ มีความหวังมากขึ้น ซึ่งผมยังทำทั้งสอนด้านจนถึงทุกวันนี้”

จักรกฤษณ์ อนันตกุล

อ่านเปิดโลก

“ที่จริงชีวิตผมผูกพันกับหนังสือตั้งแต่เด็ก เพราะสมัยนั้นยังไม่มีคอมพิวเตอร์ ให้เล่น จึงหยิบหนังสือของแม่มาอ่าน ซึ่งท่านมีหนังสือหลายประเภท และการที่ผมมีอาชีพนักวาดภาพประกอบได้ ส่วนหนึ่งก็เพราะเคยได้อ่านเรื่องราวของอาชีพนักวาดภาพประกอบ  เช่น พี่โอ่ง กงพัฒน์ ศักดาพิทักษ์  ทำให้ผมรู้ว่า มีอาชีพอย่างนี้ด้วยนะ ตอนนั้นไม่รู้หรอกครับ ว่าผมอยากเป็นนักวาดภาพประกอบหรือเปล่า แต่การอ่านก็เหมือนเปิดโลกให้กับเรา ยิ่งอ่านมากก็เหมือนการสั่งสมข้อมูล

“สำหรับอาชีพการวาดภาพประกอบนั้นเกี่ยวข้องกับการอ่าน 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะทักษะที่สำคัญคือต้องอ่านและจับใจความสำคัญจากตัวหนังสือออกมาเป็นภาพให้ได้ การอ่านเยอะๆ จะช่วยให้เราพัฒนาการเข้าใจหัวใจของการสื่อสารได้ดียิ่งขึ้น”

หนังสือ…เบื้องหลังความสำเร็จ

“แฮร์รี่ พอตเตอร์ เป็นหนังสือที่ทำให้ผมมีจินตนาการในสมองเยอะขึ้น ทำให้ผมกล้าที่จะจินตนาการถึงสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้ออกมาเป็นรูปธรรม ซึ่งอาจารย์ที่สอนศิลปะผมเคยบอกว่า สมองคนเราจะพัฒนาขึ้นได้ด้วยการอ่าน

“ผมชอบอ่านเรื่องการจัดการความคิดและจินตนาการ ตอนนี้กำลังอ่านเรื่อง ‘จดโน้ตแบบนี้สมองชอบจัง’  ของ โคนิชิ ชื่อเรื่องดูอาจฟังดูไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับศิลปะ แต่จริงๆ มันสอนเรื่องการจัดการข้อมูลได้ดีมาก เพราะในฐานะคนทำงานศิลปะ หนังสือเล่มนี้ช่วยให้เรารู้จักแปลงข้อมูลที่เป็นตัวอักษร ให้กลายเป็นรูปภาพได้ง่ายและมีระบบมากขึ้น

“นอกจากหนังสือด้านศิลปะแล้วผมยังอ่านอีกหลากหลายประเภท ทั้งปรัชญาชีวิต รวมถึงเรื่องการเงิน เพราะผมทำธุรกิจด้านดีไซน์  อย่างตอนนี้ผมอ่านเรื่อง ‘พระเจ้าเป็นเจ้าของบริษัท’ ของสแตนลี แทม ที่เล่าถึงชีวิตของเจ้าของธุรกิจคนหนึ่ง เขายกหุ้นบริษัทครึ่งหนึ่งให้พระเจ้าดูแล ซึ่งผมรู้สึกว่า เป็นแนวคิดที่แปลกดี  หนังสือเล่มนี้สอนให้ผมไม่โฟกัสถึงความสำเร็จ แต่ให้เราคิดถึงการทำงาน หรือการทำธุรกิจอย่างซื่อสัตย์ และจะทำอย่างไรให้คนอื่นได้รับสิ่งที่ดีที่สุดจากการทำงานของเรา และอีกเล่มที่ผมยังอ่านทุกวันก็คือ ไบเบิลครับ เพื่อช่วยสอนและขัดเกลาชีวิตให้ดีขึ้น”

ทำไมต้องอ่าน

“การอ่านทำให้ได้รับความรู้มาพัฒนาตัวเอง อีกอย่างคือ ทำให้มีสมาธิ

เพราะถ้าหมกมุ่นอยู่ในความคิดจะฟุ้งซ่าน แต่การที่ได้จดจ่อกับการอ่านทำให้สมาธิไม่หลุดออกนอกกรอบ และที่สำคัญมากคือ ฝึกจินตนาการ เพราะหนังสือไม่มีภาพ อย่างเวลาอ่านแฮร์รี่ พอตเตอร์ แม้จะอ่านเรื่องเดียวกัน แต่ภาพความคิดของเรากับเพื่อนอาจไม่เหมือนกัน  ทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์สิ่งที่แตกต่างและหลากหลายยิ่งขึ้น”

เพราะเหตุนี้หนังสือจึงเป็นองค์ประกอบสำคัญของชีวิตครับ

จักรกฤษณ์ อนันตกุล

สถานการณ์ที่คู่รักต้องรับมือแต่งงานช่วง COVID 19 ว่าที่บ่าวสาวจะไปต่อหรือรอก่อน!?

account_circle

แต่งงานช่วง COVID 19 ไปต่อหรือรอก่อน!!

ด้วยสภาวะการณ์แบบนี้อาจทำเอาหลายคู่ที่กำลังจะแต่งงานถึงกับช็อกทำอะไรไม่ถูกหากต้อง แต่งงานช่วง COVID 19 บางคู่อาจได้ฤกษ์ดีมาเลยไม่อยากเลื่อนงานแต่งออกไป เพราะกว่าจะได้ฤกษ์ดีฤกษ์ใหม่ก็อาจต้องรอนานอีกเป็นปี แต่ถ้าดันทุรังจะจัดต่อก็ต้องพร้อมรับมือกับความเสี่ยงหลายๆ อย่างที่จะตามมา ไม่ว่าจะเป็น เสี่ยงต่อการติดโรค และเสี่ยงต่อการที่จะไม่มีแขกกล้ามาร่วมงาน แถมการเดินทางข้ามพื้นที่ยังมีความลำบาก เอาเป็นว่าแทนที่ว่าที่บ่าวสาวจะตื่นตระหนกไปกับเหตุการณ์โรคระบาดและงานแต่งงานของตัวเอง แพรวเวดดิ้งขอให้รวบรวมสติแล้วมาวางแผนกันใหม่ดีกว่าว่าเราจะรับมือกับสถานการณ์นี้ยังไง และมีวิธีไหนที่จะช่วยบรรเทาความเครียดและความวิตกกังวลนี้ลงได้บ้าง แล้วจะมีวิธีการอย่างไรที่จะทำให้งานแต่งงานครั้งนี้อาจไม่ต้องเลื่อน!

1. ว่าที่บ่าวสาวต้องหยุดการดำเนินการใดๆ ก่อน

หากกำหนดการงานแต่งงานของว่าที่บ่าวสาวจะเริ่มต้นในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า เราขอให้คุณหยุดการดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับงานแต่งงานของคุณลงก่อน ไม่ว่าจะเป็น การพิมพ์การ์ดแต่งงาน ของชำร่วย แล้วรีบปรึกษากับผู้จัดงาน เวดดิ้งแพลนเนอร์ โดยเฉพาะสถานที่จัดงานแต่งงาน หรือโรงแรมที่บ่าวสาวจะจัดงานแต่ง เพื่อหารือกันว่าจะเลื่อนหรือยกเลิกไปก่อน

ซึ่งถ้าหากเป็นการเลื่อนงานแต่งงานออกไปแต่ยังใช้เป็นสถานที่เดิม ว่าที่บ่าวสาวต้องสอบถามถึงกำหนดการใหม่ว่าสถานที่ว่างวันไหนบ้าง เพราะอย่าลืมว่าอาจจะไม่ใช่แค่คู่คุณคู่เดียวที่จะเลื่อนงานแต่งงานและเปลี่ยนวันจัดงานใหม่

และหากว่าที่บ่าวสาวพิมพ์การ์ดเชิญและสั่งทำของชำร่วยไปแล้วก็ไม่ต้องตกใจว่าต้องทิ้งแล้วต้องสั่งทำใหม่ทั้งหมด ตราบใดที่ยังไม่ได้ร่อนการ์ดแต่งงาน แพรวเวดดิ้งขอแนะนำให้ทำสติ๊กเกอร์วันจัดงานใหม่แปะทับวันเดิมไปเลย ถึงจะดูไม่สวยงามเท่าไหร่ แต่ก็ประหยัดงบได้นะคะ

2. ว่าที่บ่าวสาวต้องแจ้งผู้ที่เกี่ยวข้องในงานแต่งงานให้ทราบ

หากว่าที่บ่าวสาวตัดสินใจเลื่อนการจัดงานแต่งงานออกไป และได้วันแต่งงานใหม่พร้อมสถานที่เป็นที่เรียบร้อย อย่าลืมแจ้งผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในงานแต่งงานของคุณทุกฝ่าย เพื่อแจ้งการเลื่อนหรือยกเลิกไปก่อน แล้วค่อยทำการนัดหมายใหม่อีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็น ช่างภาพ ช่างวิดีโอ ช่างแต่งหน้า ช่างทำผม แคเทอริ่ง วงดนตรี ฯลฯ โดยเฉพาะหากคู่ไหนจ้างช่างภาพ ช่างแต่งหน้า และช่างผมชื่อดังที่จองคิวยากยิ่งต้องรีบแจ้งกำหนดการใหม่ด่วนๆ (หากมี)

เรื่องชุดแต่งงานก็เป็นเรื่องที่ว่าที่บ่าวสาวไม่ควรมองข้าม เพราะถ้าหากคุณมีแผนที่จะเลื่อนงานแต่งงานออกไปช่างอาจจะต้องนัดให้ว่าที่บ่าวสาวไปฟิตติ้งใหม่อีกครั้งเพื่อความพอดีของชุด ฉะนั้นว่าที่บ่าวสาวควรแจ้งกำหนดการใหม่ให้ทางร้านได้ทราบไว้ด้วย

3. ว่าที่บ่าวสาวต้องดูเอกสารการเซ็นสัญญาการจ่ายเงินใหม่

ในกรณีที่ว่าที่บ่าวสาวต้องเลื่อนกำหนดการจัดงานแต่งงานออกไป สิ่งสำคัญที่สุดคือการเซ็นสัญญากับผู้ที่มีความเกี่ยวข้องใหม่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น สถานที่จัดงานหรือโรงแรม เวดดิ้งแพลนเนอร์ แคเทอริ่ง ช่างภาพและช่างวิดีโอ ร้านชุดแต่งงาน ฯลฯ หรือผู้ที่มีความเกี่ยวข้องอื่นๆ นอกเหนือจากนี้ที่ว่าที่บ่าวสาวได้เซ็นสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรเอาไว้ เพื่อแก้ไขหรือเพิ่มเติมข้อมูลจากสัญญาเดิม หรือการรับประกันเรื่องอื่นๆ เป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อความเข้าใจที่ตรงกันของทั้งสองฝ่าย โดยจะต้องลงข้อมูลอย่างละเอียดถึงสาเหตุการเลื่อน กำหนดการใหม่ และจำนวนเงินมัดจำที่จ่ายไปแล้ว รวมถึงจำนวนเงินที่ยังคงเหลือจ่ายว่าจะมีการเลื่อนกำหนดจ่ายจากวันเดิมออกไปหรือไม่ หรือต้องจ่ายค่าปรับตามสัญญาอย่างไรบ้าง อย่าลืมอ่านให้ละเอียดก่อนเซ็นใหม่กันด้วยนะคะ

4. ว่าที่บ่าวสาวอย่าลืมแจ้งให้แขกทราบ

หากว่าที่บ่าวสาวตกลงกันอย่างชัดเจนแล้วว่าจะเลื่อนงานแต่งงานออกไป อย่าลืมแจ้งให้แขกทุกคนที่บ่าวสาวเชิญให้มาร่วมงานได้ทราบ โดยเฉพาะแขกที่อาจจะต้องเดินทางมาจากพื้นที่อื่นที่จองห้องพักเอาไว้เพื่อมาร่วมงานแต่งงานของคุณเพื่อที่แขกจะได้มีเวลาในการจัดการยกเลิกแผนการเดินทางและห้องพักที่จองไว้ และอย่าลืมแจ้งกำหนดการใหม่และสถานที่ให้แขกได้ทราบด้วย งานนี้ทั้งเจ้าบ่าว เจ้าสาว ครอบครัวของทั้งสองฝ่าย และบรรดาเพื่อนๆ อาจจะต้องช่วยกันกระจายข่าวกันหน่อยนะจ๊ะ ไม่ว่าจะด้วย การประกาศผ่านหน้าเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม การยกหูโทรหา หรือวิธีใดๆ ก็ตามที่จะทำให้แขกทราบการเปลี่ยนกำหนดการวันแต่งงานได้เร็วที่สุด

5. ว่าที่บ่าวสาวที่ตัดสินใจจะจัดงานแต่งงานต่อ!

หากว่าที่บ่าวสาวมีความจำเป็นต้องจัดงานแต่งงานจริงๆ และวางแผนไว้ว่าจะมีทั้งงานหมั้นและงานฉลองมงคลสมรส และสถานที่จัดงานหรือโรงแรมไม่มีปัญหาใดๆ งานนี้ว่าที่บ่าวสาวและครอบครัวของทั้งสองฝ่ายอาจจะต้องมานั่งคุยกันอย่างจริงจังถึงการปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดงาน เช่น ลดขนาดของสถานที่จัดงานแต่งงาน และงดการจัดอาฟเตอร์ปาร์ตี้เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อโรค

โดยเฉพาะการลดจำนวนแขกให้เหลือน้อยที่สุด ซึ่งแขกที่มาร่วมงานจะต้องเป็นแขกที่มีความสำคัญจริงๆ เท่านั้น และว่าที่บ่าวสาวจะต้องเตรียมความพร้อมในการจัดงานให้ดี ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ

  • การคัดกรองแขกที่จะมาร่วมงานว่าเคยไปพื้นเสี่ยงหรือไม่
  • มีการวัดไข้ของผู้ที่จะเข้างาน
    ** หากแขกคนใดเคยไปยังพื้นที่เสี่ยง และมีไข้เกินที่กำหนด ว่าที่บ่าวสาวอาจจะต้องขออนุญาตให้แขกคนนั้นงดเข้างาน
  • มีจุดแอลกอฮอล์ล้างมือไว้ตามที่ต่างๆ
  • ดูแลความสะอาดของอาหารและเครื่องดื่มที่จะเตรียมให้แขก
  • จัดให้มีการฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อก่อนวันแต่งงาน
  • การรักษาระยะห่าง Social distancing

แต่หากตัดใครไม่ลงแพรวเวดดิ้งขอให้ลองพิจารณาเลื่อนงานแต่งงานออกไปก่อนจะดีที่สุดนะคะ

ส่วนคู่ไหนที่ต้องเดินทางไปจัดงานแต่งงานที่ต่างจังหวัดอาจจะต้องมีความจำเป็นในการเลื่อนงานแต่งงานออกไปก่อนแทนที่จะดื้อรั้นยืนยันจัดงานแต่งงานต่อไปนะคะ แพรวเวดดิ้งทราบว่าเป็นเรื่องยากที่หลายคู่จะต้องรับมือ และยากที่จะคาดการณ์ว่าจะอีกนานเท่าไหร่สถานการณ์ถึงจะเข้าสู่สภาวะปกติ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อความปลอดภัยในการเดินทางของทั้งตัวบ่าวสาวและแขกที่จะมาร่วมงานด้วย

สุดท้ายนี้แพรวเวดดิ้งขอให้ว่าที่บ่าวสาวทำใจให้ดี รักษาสุขภาพ และคิดบวกเข้าไว้นะคะ อดทนอีกนิด รักษาสุขภาพให้แข็งแรงเมื่อสถานการณ์ต่างๆ คลี่คลายเมื่อไหร่จะได้มีแรงกำลังมาลุยจัดงานแต่งงานกันได้อย่างเต็มที่ แพรวเวดดิ้งขอเป็นกำลังใจให้ทุกคู่รักนะคะ

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับการวางแผนจัดงานแต่งงานและดูไอเดียงานแต่งเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย <<

ติดเชื้อไวรัส โควิด-19

เปิดไทม์ไลน์พนักงานเสิร์ฟ ติดเชื้อไวรัส โควิด-19 อาร์ม & น้ำฝน ขอโทษผู้ร่วมงาน

Alternative Textaccount_circle
ติดเชื้อไวรัส โควิด-19
ติดเชื้อไวรัส โควิด-19

คู่รักคนดัง  อาร์ม-พิพัฒน์ & น้ำฝน-พัชรินทร์ ขอโทษผู้ร่วมงานแต่งงาน ภายหลังพนักงานเสิร์ฟน้ำถูกตรวจพบว่า ติดเชื้อไวรัส โควิด-19

ติดเชื้อไวรัส โควิด-19

หลังจากที่คู่รักคนดัง “อาร์ม-พิพัฒน์ วิทยาปัญญานนท์” และ “น้ำฝน-พัชรินทร์ ศรีวสุภิรมย์” จัดงานแต่งงานไปเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2563 ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของ ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 ล่าสุดได้มีการเปิดเผยว่าพนักงานเสิร์ฟที่โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล ถูกพบว่า ติดเชื้อไวรัส โควิด-19 ซึ่งทั้งคู่เองไม่ได้นิ่งนอนใจ นอกจากจะออกมาประกาศว่าจะกักตัวเป็นเวลา 2 สัปดาห์แล้วก็ยังขอความร่วมมือให้แขกที่มาร่วมงานสังเกตอาการของตัวเองด้วย

“อาร์ม-พิพัฒน์ ” เปิดเผยผ่านไอจีส่วนตัวระบุว่า “โดยเนื่องด้วยตอนนี้มีข่าวว่า มีนักศึกษาฝึกงานมาเสิร์ฟเครื่องดื่มในงานแต่งงานของอาร์มกับฝน และ มีการตรวจเจอว่า น้องเป็นโควิด โดยน้องได้ไปตรวจเจอที่โรงพยาบาลในชัยภูมิ (วันที่ 25 มีนาคม 2563) ทางผมและฝนก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เมื่อได้ทราบข่าวจึงได้ตรวจสอบไปทางโรงแรม และทาง โรงแรมได้แจ้งยืนยันกลับมาว่า เบื้องต้น น้องคนดังกล่าวได้มาทำงานในวันนั้นจริง (วันที่ 20 มีนาคม) ในหน้าที่ ช่วยเก็บจานชามและแก้วเครื่องดื่มที่ทานเสร็จแล้วออกจากงาน และ ทางโรงแรมมีกฏที่เคร่งครัดในการออกมาเจอแขกในงานทุกครั้ง ว่าต้องสวมใส่หน้ากาก และ ไม่สัมผัสใกล้ชิดกับคนในงาน”

ติดเชื้อไวรัส โควิด-19

“แต่ทั้งนี้ผมและฝนต้องกราบขอโทษ ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น และตอนนี้ผมและฝน ได้โทรสอบถามญาติผู้ใหญ่ และ ผู้มาร่วมงาน เบื้องต้นยังไม่มีท่านใดมีอาการแต่อย่างใด แต่เพื่อความปลอดภัย เบื้องต้นตอนนี้ผ่านมาแล้ว 7 วัน ผมและฝนจะกักตัวเองอีกเป็นเวลา 7 วัน เพื่อให้ครบเป็นเวลา 14 วัน เพื่อความปลอดภัยและความสบายใจของทุกๆคน และต้องขอรบกวนพี่ๆ เพื่อนๆ ทุกท่าน ที่มาร่วมงานกักตัวเอง เพื่อดูอาการ หากมีไข้สูง มากกว่า 37.5 ติดต่อกัน สามถึงสี่วัน มีอาการไอ มีเสมหะ ปวดเมื่อยตามเนื้อตัว หายใจถี่ หอบ หายใจไม่ทัน กรุณาไปตรวจและรบกวนฝากแจ้งกลับมาที่ผมและฝนด้วยนะครับ เพื่อความปลอดภัยของทุกท่าน ..กราบขออภัยมา ณ ที่นี้ครับ และสำหรับผู้ที่ไปงานหากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือไม่สบายใจติดต่อผมกับฝนได้ตลอดนะครับ”

ติดเชื้อไวรัส โควิด-19


ภาพจาก : armpipat

สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

เจ้าสาวละมุนมาก! น้ำฝน พัชรินทร์ สวยหวานโทนชมพูในพิธีแต่งงานแบบไทย

5 ลุคจากดีไซเนอร์คนสนิท! เผยดีเทลและราคาชุดแต่งงาน ‘น้ำฝน พัชรินทร์’

ไม่ต้องบอกรักแต่หวานมาก น้ำฝน พัชรินทร์ & อาร์ม พิพัฒน์  จดทะเบียนสมรส

นับถอยหลังงานมงคล วันแห่งความสุข! อาร์ม พิพัฒน์ &  น้ำฝน พัชรินทร์

เนย-วรัฐฐา

เนย-วรัฐฐา จากเด็กที่ไม่ชอบอ่าน กลายมาเป็นหนอนหนังสือตัวยง

Alternative Textaccount_circle
เนย-วรัฐฐา
เนย-วรัฐฐา

เนย-วรัฐฐา อิมราพร วง JNP เผยเรื่องราวในวัยเยาว์ จากเด็กที่ไม่ชอบอ่านหนังสือ แต่ตอนนี้กลายมาเป็นหนอนหนังสือตัวยง

 เนย-วรัฐฐา

ย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว เนยวรัฐฐา อิมราพร ไม่ใช่คนที่ชอบอ่านหนังสือแม้แต่น้อย จนกระทั่งเธอเจอเรื่องที่ทุกข์ใจ จึงเดินเข้าร้านหนังสือเพื่อเลือกหนังสือดีๆ สักเล่มมาอ่าน นิตยสารแพรว ได้พูดคุยกับเธอ ถึงประโยชน์ของการอ่านว่าช่วงสร้างสรรค์และให้ประโยชน์อย่างไรกับเธอบ้าง

“สมัยเด็กเนยไม่ชอบอ่านหนังสือเลยค่ะ จนกระทั่ง 5 ปีที่แล้วเจอเรื่องแย่ในชีวิต จึงตัดสินใจเข้าร้านหนังสือ อยากหาเรื่องดีๆ อ่านสักเล่ม ก็ได้เจอกับหนังสือของ Osho เป็นนักปราชญ์ชาวอินเดีย ที่เขียนเกี่ยวกับปรัชญาในด้านต่างๆ มีเล่มหนึ่งที่พูดถึง การหาความสุขให้กับตัวเอง พออ่านจบรู้สึกดีขึ้น จึงตามอ่านงานของเขามาโดยตลอด และเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เนยเริ่มอ่านหนังสือมาตั้งแต่นั้น

เนย-วรัฐฐา

“อีกเล่มที่ชอบคือ ‘อยากได้ดีให้โกหก’ หนังสือแนวจิตวิทยาช่วยบริหารสมอง ช่วยให้เราเข้าใจการทำงานสมองมากขึ้น และฝึกให้เราโกหกกับสมองของตัวเองได้ในยามที่จิตใจแปรปรวน เช่น อย่างเวลาเราอารมณ์เสีย โมโห สมองจะลั่งสารบางอย่างออกมา เราต้องไม่ปล่อยให้สมองควบคุมชีวิต แต่ต้องรู้จักควบคุมอารมณ์ตัวเองให้เย็นขึ้น เมื่อเรารู้เท่าทัน ก็จะใจเย็นลง

“แม้ทุกวันนี้เราจะเสิร์ชหาข้อมูลจาก Google ได้ก็ตาม แต่สุดท้ายเนยว่า การอ่านทำให้เรามีสมาธิมากขึ้น ช่วยฝึกให้เราโฟกัสกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้นาน ผลพลอยได้อีกอย่างคือ การอ่านจะช่วยส่งเสริมและฝึกให้เรารู้จักเรียบเรียงคำพูดได้ดี ที่สำคัญคือ ยิ่งอ่านมากยิ่งรู้อะไรเยอะ เวลาพูดอะไรก็ตามจะดูดีมีชั้นเชิง”


 

keyboard_arrow_up