การผันเปลี่ยนตำแหน่งใหญ่มาถึงเร็วกว่าที่คิด เมื่อ Peter Hawkings ลาออกจากครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ Tom Ford หลังจากรับตำแหน่งได้ไม่นาน
เริ่มต้นสัปดาห์ด้วยข่าวใหญ่จากวงการแฟชั่นกับการตัดตัดสินใจครั้งใหม่ของ Peter Hawkings ที่มีประกาศออกมาว่าเขาได้ลาออกจากหัวเรือใหญ่ ‘ครีเอทีฟไดเร็กเตอร์’ ของ Tom Ford เป็นที่เรียบร้อย หลังจากรับตำแหน่งต่อจาก ทอม ฟอร์ด ช่วงเดือนเมษายน 2023 ซี่งถือเป็นช่วงเวลาที่สั้นเกินความคาดคิดของหลายฝ่าย
โดยที่ Long John Silver’s คุณจะได้ลิ้มลองรสชาติอาหารทะเลที่มีคุณภาพจากแหล่งต้นกำเนิดชั้นเลิศ เพราะทางร้าน Long John Silver’s ได้นำเข้าซีฟู๊ดจากประเทศนิวซีแลนด์ และ รัฐอลาสก้า สองที่ที่โด่งดังเรื่องอาหารทะเลพร้อมปรุงรสอย่างเหนือชั้นด้วยแป้งสูตรลับ ของทางร้านยกความอร่อยจากทะเลอลาสก้ามาไว้ในถาด ในสไตล์บรรยากาศการตกต่างภายในโทน อบอุ่นและสนุกสนานเป็นจุดเช็กอินใหม่ เอาใจผู้ชื่นชอบอาหารทะเลส่งตรงจากอลาสก้า
โดยทางร้าน Long John Silver’s จะขอแนะนำ 4 เมนูที่ห้ามพลาดดังนี้
1. Bucket Shrimp หรือ กุ้งถัง LJS เป็นเมนูกุ้งที่ผ่านการปรุงรสด้วยเครื่องเทศและซอสปรุงพิเศษสูตรเฉพาะของ Long John Silver’s จุดเด่นของเมนูนี้คือซอสที่เคลือบทำให้รสชาติกลมกล่อมเข้ากับเนื้อกุ้งได้อย่างลงตัว 2. Fish Combo ปลาทอดกรอบนอกนุ่มใน เสิร์ฟพร้อมกับมันฝรั่งทอดกรอบ อร่อยลงตัวสุดๆ! 3. Chicken and Shrimp Combo การจับคู่ที่ลงตัวของไก่ทอดและกุ้งทอด เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งวาฟเฟิลกรอบๆ ใครที่ชอบทั้งไก่และกุ้งต้องจะถูกใจเมนูนี้อย่างแน่นอน 4. Creamy Pasta with Salmon พาสต้าครีมแซลมอน ความพิเศษของเมนูนี้คือ ซอสครีมหอมละมุนรสชาติกลมกล่อมเข้ากับเนื้อแซลมอนสดๆ
นอกจากนี้ยังมีหลากหลายเมนูที่ทางร้านรังสรรค์โดยทีมงานมืออาชีพที่ผ่านการฝึกฝนด้านเทคนิคการปรุงอาหารที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Long John Silver’s รวมถึงรักษามาตรฐานของการทอดทุกชิ้นให้กรอบอร่อยและยังคงรักษารสสัมผัสความสดของอาหารทะเล
ภาพด้านซ้าย: Mr. Say Ho Teoh (คุณเซย์ โฮ เต๊ะ) ตรงกลาง: คุณศุภศิริ ลีลาพรพินิจ และริมขวาสุด: Mr. Mulyadi Syariffudin (คุณมุลยาดี ไซยาริฟุดดิน)
สำหรับ Long John Silver’s เป็นร้านอาหารทะเลสไตล์อเมริกันชื่อดังที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1969 ที่รัฐเคนทักกี สหรัฐอเมริกา จากนั้นในช่วงปี 1970 ได้กลายเป็นเชนร้านอาหารทะเลที่มีชื่อเสียงและขยายตัวอย่างรวดเร็ว สำหรับแรงบันดาลใจที่ก่อตั้งสาขาในประเทศไทย Mr. Mulyadi Syariffudin (คุณมุลยาดี ไซยาริฟุดดิน) และ Mr. Say Ho Teoh (คุณเซย์ โฮ เต๊ะ) ผู้ร่วมก่อตั้งและสมาชิกคณะกรรมการบริหารของบริษัท ลอง จอห์น ซิลเวอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ทั้งสองคนเป็นชาวสิงคโปร์และมีโอกาสได้รู้จักแบรนด์นี้เนื่องจากไปเรียนที่สหรัฐอเมริกา และเห็นว่าแบรนด์นี้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
ประกอบกับร้าน Long John Silver’s ในสิงคโปร์ก็มีหลายสาขาจึงมองเห็นถึงโอกาสที่จะนำแบรนด์นี้เข้าสู่ประเทศไทย พร้อมกับเผยถึงเหตุผลที่ต้องการนำแบรนด์นี้มาสู่ประเทศไทยเพราะสังคมไทยในปัจจุบันมีสภาวะที่รีบเร่งการเลือกซื้ออาหารที่สะดวกและรวดเร็ว จึงกลายมาเป็นอีกหนึ่งทางเลือก ส่งผลให้ อาหารสไตล์ฟาสต์ฟู้ดเป็นที่นิยมรวมถึงอาหารประเภทของทอดก็ยังได้รับความนิยมในตลาดไทย นอกจากนี้คนไทยยังชื่นชอบอาหารทะเลเป็นพิเศษซึ่งสามารถเห็นได้ตามเทศกาลหรือกิจกรรมสำคัญต่าง ๆ ที่มักจะมีอาหารทะเลเป็นส่วนหนึ่งของเมนูหลัก แต่ยังไม่มีร้านอาหารจานด่วนบนห้างไหนที่เน้นอาหารทะเลอย่างจริงจัง ด้วยความมุ่งมั่นที่จะนำ ประสบการณ์การรับประทานอาหารทะเลที่ดีที่สุดมาสู่ประเทศไทย
มาลั่นระฆังกัปตันให้ดังสนั่น แล้วคุณจะรู้ว่าความอร่อยและความสุขสามารถมาบรรจบกันได้ ที่Long John Silver’s เมกา บางนา
Being Bee แบรนด์เสื้อผ้าชั้นนำสัญชาติไทยแท้ที่เน้นสร้างสรรค์เสื้อผ้าสไตล์ Shapewear และเสื้อผ้าแฟชั่นสำหรับผู้หญิงยุคใหม่ เปิดตัวคอลเล็คชั่นแรก “Being Bee Being Different”
สำหรับคอลเล็คชั่นแรกของ Being Bee มีชื่อว่า “Being Bee Being Different” สะท้อนถึงการค้นหาตัวตนและความกล้าในการแตกต่าง เฉลิมฉลองความเป็นเอกลักษณ์ของผู้หญิงทุกคน โดยมุ่งเน้นความมั่นใจและความงามจากภายใน Being Bee เชื่อว่าผู้หญิงทุกคนมีความพิเศษในแบบของตัวเอง แบรนด์จึงมุ่งมั่นสร้างสรรค์เสื้อผ้าที่ช่วยให้ผู้หญิงมั่นใจในตัวเองและเปล่งประกายความงามออกมาได้อย่างเต็มที่ ในคอลเล็กชั่นแรกนี้ แบรนด์ Being Bee ได้รับเกียรติจากนางแบบกิตติมศักดิ์ ผู้ที่จะมาถ่ายทอดความงามในแบบฉบับของเป็นผู้หญิง Being Bee ได้แก่ คุณวาเลเรีย อัลโตเบลลี ( Valeria Altobelli) และ คุณฟ้าใส ปวีณสุดา ดรูอิ้น ผู้หญิงที่มากความสามารถในหลายด้านทั้งสอง
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป (หอศิลปเจ้าฟ้า) และ The Art Auction Center ชวนเสพความงามแห่งห้วงเวลาจากเรื่องเล่าในตำราและคำเล่าขานที่สืบต่อกันมาในนิทรรศการ 200 YEARS JOURNEY THROUGH THAI MODERN ART HISTORY ร้อยเรียงเรื่องราวกว่า 2 ศตวรรษของประวัติศาสตร์ศิลป์จากขรัวอินโข่ง (ราวรัชกาลที่ 4) ถึงปัจจุบัน คัดสรรงานศิลปะระดับประเทศที่หาชมยากกว่า 100 ชิ้นจากคอลเล็กชันของ คุณกรกมล และ คุณพิริยะ วัชจิตพันธ์ นักสะลมงานศิลปะ และผู้ก่อตั้ง The Art Auction Center บริษัทประมูลศิลปะอันดับ 1 ของประเทศไทย ที่รวบรวมผลงานศิลปะอันทรงคุณค่ามานับสิบปี ด้วยแนวคิด “พิพิธภัณฑ์ศิลปะเพื่อสาธารณะ” ก่อนจะเปิดโอกาสให้คนรักงานศิลป์ได้ชื่นชมผลงานศิลปะของศิลปินชั้นครูจนถึงศิลปินรุ่นใหม่ ที่ต่างก็สร้างชื่อเสียงให้ศิลปะไทยโด่งดังไกลในต่างแดน
4. Girl With the Red Book มีเซียม ยิบอินซอย ศิลปินชั้นเยี่ยมคนแรกของประเทศไทย ได้สร้างสรรค์ภาพสีน้ำมันชื่อ “วัยรุ่น” ขึ้นมาราวทศวรรษ 2500 แสดงถึงภาพของหญิงสาววัยรุ่นในชุดสีขาวบริสุทธิ์สะอาดตา นอนอ่านหนังสือล้อไปกับแนวนอนของผืนผ้าใบ โลกของหญิงสาวเปิดออกอย่างสดใสร่าเริงเฉกเช่นหนังสือปกแดงในมือของเธอที่ถูกเปิดอ่าน ท่ามกลางดอกไม้และพืชพันธุ์ที่เบ่งบานรายล้อม มีเซียมเขียนภาพแบบทิ้งฝีแปรง
7. Memory House ผลงาน Memory House ของ อเล็กซ์ เฟส-พัชรพล แตงรื่น ศิลปินที่มีชื่อเสียงทั้งในประเทศไทยและระดับนานาชาติจากการออกแบบคาแร็กเตอร์เด็กหญิงสามตาในชุดกระต่าย ซึ่งเขาได้รับแรงบันดาลใจจากลูกสาว “น้องมาร์ดี” ตาที่สามสะท้อนมุมของศิลปินที่เฝ้ามองสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ลูกสาวกำลังจะเติบโตไปใช้ชีวิต ผลงานขนาดยักษ์ชิ้นนี้จัดแสดงครั้งแรกในนิทรรศการศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Bangkok Art Biennale 2020 ที่ศูนย์การเรียนรู้ของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยบ้านไม้หลังเก่าที่มีประติมากรรมรูปน้องมาร์ดีขนาดใหญ่อัดแน่นอยู่ภายใน สะท้อนความทรงจำของบ้านวัยเด็กของ Alex Face ภายในบรรจุผลงานจิตรกรรมที่สะท้อนถึงผลกระทบของผู้คนที่มีต่อแม่น้ำเจ้าพระยา
8. Cry Me A River ปรากฏการณ์ Crybaby ของ มอลลี่-นิสา ศรีคำดี สร้างกระแสโด่งดังเป็นพลุแตกให้กับวงการซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ของ Popmart ผลักดันให้มอลลี่ก้าวสู่การเป็นศิลปิน Art Toy ที่มีชื่อเสียงได้รับการยอมรับอย่างสูงไปทั่วโลก กระทั่งนำมาซึ่งการจัดนิทรรศการครั้งแรกในประเทศไทยของมอลลี่ช่วงกลางปี พ.ศ. 2565 ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูง ท่ามกลางผู้สนใจมาต่อคิวรอเข้าชมนิทรรศการยาวเหยียด ผลงานชิ้นนี้เป็นผลงานชิ้นสำคัญที่จัดแสดงในนิทรรศการครั้งนี้ โดยโผล่พ้นน้ำขึ้นมาคือส่วนศีรษะ แขนทั้งสองข้าง และขาทั้งสองข้างเท่านั้น กล่าวได้ว่าเป็นผลงานชิ้นหลักที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของนิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกในประเทศไทยของศิลปิน
นอกจากนี้ ภายในนิทรรศการยังมีผลงานอันทรงคุณค่าและหาชมยากให้เลือกชมนับร้อยชิ้น ชนิดที่หากคุณพลาดโอกาสนี้ก็อาจจะน่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง นิทรรศการ 200 YEARS JOURNEY THROUGH THAI MODERN ART HISTORY พร้อมเปิดให้เข้าชมระหว่างวันที่ 13 กรกฎาคม-31 สิงหาคม 2567 ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป (หอศิลปเจ้าฟ้า) ตั้งแต่เวลา 9.00-16.00 น. (ปิดทุกวันจันทร์และวันอังคาร)