"มินนี่ (G)I-DLE"

สวยสุดปัง “มินนี่ (G)I-DLE” ขึ้นแท่น ASIA AMBASSADOR คนแรกของแบรนด์ 3CE

Alternative Textaccount_circle
"มินนี่ (G)I-DLE"
"มินนี่ (G)I-DLE"

3CE STYLENANDA แบรนด์เครื่องสำอางสัญชาติเกาหลีที่โดดเด่นในเรื่องสีสันความงามอันเปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ พร้อมจุดประกายสไตล์สุดเทรนด์ดี้ ประกาศแต่งตั้ง “มินนี่ (G)I-DLE” ขึ้นแท่น ASIA AMBASSADOR คนแรกของแบรนด์ เพื่อเป็นตัวแทนหญิงสาวรุ่นใหม่ที่มาถ่ายทอดภาพลักษณ์ความงามอันทันสมัยจากนวัตกรรมแห่งสีสันในแบบฉบับของ 3CE ผ่านตัวตนอันมีชีวิตชีวาของ MINNIE เคป็อบไอดอลสาวคนดัง หนึ่งในสมาชิกคนสำคัญจากเกิร์ลกรุ๊ปวง (G)I-DLE ที่ได้รับการยกย่องจากผู้คนทั่วโลกกับความสามารถอันหลากหลายจากเส้นทางไอดอล รวมไปถึงตัวตนที่ไปด้วยจิตวิญญาณอิสระในเสียงดนตรี ถูกสะท้อนผ่านสไตล์แฟชั่นอันมีเอกลักษณ์ของเธอ เข้ากับความทันสมัยในสีสันความงามอันโดดเด่นไม่ซ้ำใคร ซึ่งตรงกับดีเอ็นเอของ 3CE โดยต่อจากนี้ MINNIE วง (G)I-DLE จะร่วมเริ่มต้นการเดินทางกับแบรนด์ 3CE ในฐานะ ASIA AMBASSADOR อย่างเป็นทางการ พร้อมเผยโฉมลุคเมกอัพและนำเสนอเคล็ดลับความงามในแบบฉบับของ 3CE ผ่านไลฟ์สไตล์ที่ชวนให้ ติดตามตั้งแต่ลุคเคป็อบไอดอลอันโดดเด่นในเบื้องหน้า จนถึงประกายความงามที่ตรึงตำจนถึงเบื้องหลังเวที

Photo: Courtesy of Brands


สัมผัสประสบการณ์ความหอมสงบแบบยูนีคกับ Aesop สาขาใหม่ Central World

สัมผัสประสบการณ์ความหอมสงบแบบยูนีคกับ Aesop สาขาใหม่ Central World

Alternative Textaccount_circle
สัมผัสประสบการณ์ความหอมสงบแบบยูนีคกับ Aesop สาขาใหม่ Central World
สัมผัสประสบการณ์ความหอมสงบแบบยูนีคกับ Aesop สาขาใหม่ Central World

หลังจากเปิดตัว Aesop Signature Store ณ ทองหล่อ Aesop แบรนด์สกินแคร์ชั้นนำระดับโลกจากประเทศออสเตรเลีย พร้อมเปิด สาขาใหม่ ณ ศูนย์การค้า Central World ที่ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกของ Aesop เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและบรรยากาศอันเงียบสงบในแบบฉบับของ Aesop

สัมผัสประสบการณ์ความหอมสงบแบบยูนีคกับ Aesop สาขาใหม่ Central World

ร้าน Aesop Central World บอกเล่าเรื่องราวผ่านการเคลื่อนไหวของแสงและเงาที่เปลี่ยนแปลงโดยสภาพแวดล้อม โดยพื้นที่ภายในร้านถูกจำลองให้เป็นสวนสวยที่ถูกปกคลุมด้วยร่มเงาที่แตกต่างไปตามประสบการณ์ในการรับรู้ของผู้คน เปรียบเสมือนการผสมผสานระหว่างร้าน Aesop อันเงียบสงบและผ่อนคลายซึ่งตั้งอยู่ภายในศูนย์การค้าที่คึกคักและเต็มไปด้วยผู้คน ผนวกกับการออกแบบที่ได้แรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมไทยอันงดงามและสอดคล้องกับสภาพอากาศของประเทศไทยได้อย่างเหมาะสม

บริเวณโดยรอบของร้าน บางส่วนถูกบดบังไว้ด้วยม่านบังแสงที่ทำจากไม้ในลักษณะ “กึ่งปิดกึ่งเปิด” ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน อีกทั้งยังได้กลิ่นหอมของน้ำหอม Aesop ที่กระจายกลิ่นและถูกซุกซ่อนอยู่หลังม่านไม้สัก เพื่อสร้างความสนใจให้ผู้มาเยือนได้ร่วมค้นหา และดื่มด่ำกับงานดีไซน์ทั้งบนผนัง พื้น และเคาน์เตอร์ของร้านที่ใช้วัสดุจากแร่ธาตุ นอกจากนี้ยังมีชั้นจัดวางผลิตภัณฑ์ที่มีแสงลอดผ่านสาดส่องไปยังขวดผลิตภัณฑ์สีอำพันที่เรียงราย จนถึงอ่างล้างมือที่ตั้งอยู่ใจกลางร้านดุจการค้นพบแหล่งน้ำธรรมชาติในผืนป่า เชื้อเชิญให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสถึงผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายของ Aesop อย่างใกล้ชิด

ร่วมสัมผัสประสบการณ์ของ Aesop สาขาใหม่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเรื่องราว พร้อมกลิ่นอายแห่งมนต์เสน่ห์ความหอม ได้แล้ววันนี้ ณ Aesop Central World ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

Photo: Courtesy of Brands


เครื่องประดับเจ้าสาว

ชี้เป้า เครื่องประดับเจ้าสาว จากดอกไม้ที่ชวนหลงรัก

Alternative Textaccount_circle
เครื่องประดับเจ้าสาว
เครื่องประดับเจ้าสาว

แพรว พารู้จัก FORL.FLORAL แบรนด์ที่เกิดจากความชื่นชอบในงานอดิเรกสู่การครีเอตดอกไม้เป็น เครื่องประดับเจ้าสาว ในวันสำคัญ ความโดดเด่นของ FORL.FLORAL กลายเป็นที่ชื่นชอบในวลาอันรวดเร็ว ด้วยผลงานทุกชิ้นล้วนสร้างสรรค์ไม่ซ้ำแบบตามสไตล์ความชอบของเจ้าสาว โดยมีซิกเนเจอร์คือการใช้ดอกไม้แห้งมาประดิษฐ์เป็นปักผม หวีสับ ต่างหู มงกุฎ เข็มกลัดติดหน้าอกเจ้าบ่าว โบไท เข็มกลัดสำหรับแขกผู้ใหญ่ ข้อมือเพื่อนเจ้าสาว

เครื่องประดับเจ้าสาว
เครื่องประดับเจ้าสาว
เครื่องประดับเจ้าสาว

FORL.FLORAL เครื่องประดับเจ้าสาว จากดอกไม้ที่ชวนหลงรัก

นอกจากนี้ยังมีความพิเศษตรงที่ลูกค้าสามารถรีเควสต์เลือกดอกไม้ที่ชอบและโทนสีได้ตามต้องการ โดยทางร้านจะออกแบบให้ดูก่อนเริ่มต้นทำชิ้นงาน นอกจากเครื่องประดับยังสามารถออกแบบสายมงคลแฝด พวงมาลัยบ่าวสาว พวงมาลัยสำหรับไหว้ผู้ใหญ่ รวมถึงชุดขันหมาก โดยสามารถเลือกเป็นดอกไม้แห้งหรือดอกไม้สดก็ได้ตามความต้องการ

เครื่องประดับเจ้าสาว
เครื่องประดับเจ้าสาว
เครื่องประดับเจ้าสาว
เครื่องประดับเจ้าสาว

ว่าที่บ่าวสาวสามารถตามไปชมผลงานสวยๆ ของ FORL.FLORAL ได้ที่อินสตาแกรม @forl.foral เลยค่ะ


ภาพ : @forl.foral

คอสตูมละลานตา! เปิดดีเทล 13 ชุดพิธีการโอลิมปิก ปารีสเกมส์ 2024

Alternative Textaccount_circle

กลายเป็นเรื่องน่าจับตามองในตอนนี้ เมื่อหลายประเทศเริ่มเปิดตัว ‘ชุดพิธีการ’ สำหรับโอลิมเกมส์ 2024 ณ กรุงปารีสที่กำลังจะมาถึง ซึ่งแต่ละประเทศได้ออกแบบคอสตูมให้สอดคล้องกับวัฒนธรรมของตนเอง โดยมีทั้งอาศัยฝีมือจากแฟชั่นแบรนด์ดังระดับโลกและดีไซเนอร์ท้องถิ่น แพรวจึงรวบรวมดีเทลคอสตูมจากหลากหลายประเทศมาให้ทุกคนได้อ่านไปพร้อมๆ กัน

ไทย

ชุดพิธีการ โอลิมปิก เกมส์ ปารีส 2024

สำหรับชุดพิธีการสำหรับนักกีฬาไทยนี้ ‘ธนา ไชยประสิทธิ์’ หัวหน้าคณะนักกีฬาไทย เปิดเผยว่าเป็นดีไซน์และตัดเย็บในแบบที่เรียกว่า “เสื้อชุดไทย” ซึ่งได้รับการรับรองให้เป็น ชุดแต่งกายประจำชาติไทย เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2523 โดยลักษณะเฉพาะคือ เป็นเสื้อคอตั้งสูงประมาณ 3.5-4 เซนติเมตร ตัวเสื้อเข้ารูปเล็กน้อยผ่าอกตลอดมีสาบกว้างประมาณ 3.5 เซนติเมตร ขลิบรอบคอและสาบอก ติดกระดุม 5 เม็ด กระดุมมีลักษณะเป็นรูปกลมแบน ทำด้วยวัสดุ หุ้มด้วยผ้าสีเดียวกัน ส่วนใหญ่ใช้ผ้าไทยตัดเย็บ ใส่คู่กับกางเกงสีสุภาพ หรือสีเดียวกับเสื้อ สำหรับชุดนี้ยังไม่ได้รับการเปิดเผยว่าใครเป็นผู้ออกแบบ และกระแสตอบรับที่ได้ค่อนข้างเป็นไปในทางลบ จนล่าสุดหัวหน้าคณะนักกีฬาทีมชาติไทยยกเลิกการใส่ชุดนี้ในพิธีเปิดเป็นที่เรียบร้อย โดยให้เหตุผลว่าอากาศของประเทศฝรั่งเศสตอนนี้ร้อนเกินไป

มองโกเลีย

Michel & Amazonka

สำหรับชุดพิธีการของมองโกเลีย ได้รับการยกย่องจากหลายประเทศว่าเป็นคอสตูมที่ดีที่สุดจากประเทศทั้งหมด โดยชุดดังกล่าวรังสรรค์ขึ้นโดยดีไซเนอร์ท้องถิ่นอย่าง Michel & Amazonka ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2015 เน้นการออกแบบที่สะท้อนให้เห็นถึงแก่นแท้วัฒนธรรมมองโกเลีย เช่นเดียวกับชุดนี้ที่ประดับด้วยสัญลักษณ์ประจำชาติ และสัญลักษณ์โอลิมปิก ธงขาว 9 ผืน คบเพลิงโอลิมปิก สัญลักษณ์โอลิมปิก ณ กรุงปารีส สัญลักษณ์ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และกัวมารัล (กวางในตำนาน) ซึ่งทั้งหมดถูกปักอย่างประณีตด้วยด้ายสีทอง ทั้งหมดนี้แบรนด์ยังเปิดโอกาสสำรวจความคิดเห็นจากประชาชนจำนวน 9,000 คน และความคิดเห็นจากนักกีฬาอีกด้วย

เฮติ

Stella Jean & Phillipe Dodard

มาถึงประเทศที่สองกับ ‘เฮติ’ ซึ่งฮ็อตไมาแพ้มองโกเลีย สำหรับชุดนี้เป็นผลงานของ Stella Jean ดีไซเนอร์ลูกครึ่งเฮติ – อิตาเลียน ซึ่งเธอร่วมมือกับ Phillipe Dodard ศิลปินท้องถิ่น เจ้าของลวดลาย ‘Passage’ มาจัดวางลงบนกางเกงและกระโปรงของนักกีฬา โดยฝั่งหญิงจะใส่คู่เสื้อชองเบรย์ที่ทอขึ้นตามขนบธรรมเนียมเดิม ทับด้วยเบลเซอร์แขนกุดที่ทำจากวัสดุรีไซเคิล ฝั่งชายสวมเสื้อแจ็กเก็ตที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรูปแบบเสื้อท้องถิ่นของเฮติที่เรียกว่า ‘Guayabera’ ชุดทั้งหมดที่เราเห็นอยู่นี้จะถูกนำไปจัดแสดงต่อที่ พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ หากใครอยากไปชมด้วยตาเนื้อ ไปเฮติแล้วอย่าลืมแวะไปนะคะ

สเปน

Joma

มาถึงประเทศที่ 4 กับ ‘สเปน’ ว่ากันว่าคาร์เนชั่นเป็นดอกไม้ประจำชาติ Joma จึงเลือกสัญลักษณ์ดังกล่าวและสีธงชาติอย่างเหลือง – แดง มาเป็นแรงบันดาลใจในการรังสรรค์ชุด ซึ่งแบรนด์ได้นำวัสดุรีไวเคิลโพลิเอสเตอร์และผ้าฝ้ายออแกนิกมาผสมผสานร่วมกันอีกทั้งยังนึกถึงชีวิตความเป็นจริง ใช้เทคโนโลยีผ้าสัมผัสเย็นมาระบายอากาศให้นักกีฬาสวมใส่แล้วรู้สึกสบายตัว

เบลเยียม

caroline biss

ต่อมาเกือบสลัดคราบลุคนักกีฬาออกจนหมดกับคอสตูมประจำประเทศเบลเยียม ออกแบบโดยแฟชั่นแบรนด์ ‘caroline biss’ ซึ่งได้ครีเอทออกมาหลายลุคเพื่อให้เขากับนักกีฬาแต่ละคนอยอย่างฝ่ายชายจะมีทั้งสูททางการและแจ็กเก็ตหนังีดำ ส่วนผู้หญิงจะประกอบไปด้วย 2 สีอย่าง เหลืองและส้ม มีทั้งเบลเซอร์ มินิเดรส แม็กซี่เดรส และกางเกง เรียกว่าทำเผื่อให้นักกัฬาเลือกแบบที่มั่นใจได้เลย

เกาหลีใต้

MUSINSA STANDARD

กลับมาฝั่งเอเชียกันบ้างกับชุดพิธีการประจำประเทศ ‘เกาหลีใต้’ เป็นอีกลุคที่ปฏิเสธความคูลไม่ลงจริงๆ ซึ่งชุดนี้ได้รับการออกแบบโดย MUSINSA STANDARD แบรนด์สุดมินิมอลที่ออกแบบมาในลายเซ็นของตัวเอง ถอดแบบมาจากชุดประเพณีราชสำนักเกาหลี และเลือกใช้เฉดสีฟ้าในการนำเสนอเพราะเป็นตัวแทนที่สื่อถึงจิตวิญญาณของเยาวชน อีกทั้งด้านในเบลเซอร์ยังประดับด้วยลวดลายสังคโลกอีกด้วย ดีเทลเขาแน่นทุกอณูจริงๆ

ไอร์แลนด์

LW Pearl

ประเทศต่อมาคือไอร์แลนด์ สร้างสรรค์ยูนิฟอร์มโดย LW Pearl ซึ่งเขาได้สร้างสมดุลระหว่างประเพณีและความร่วมสมัยเอาไว้ด้วยกันผ่านแจ็กเก็ตและกางเกงสีขาว อีกทั้งยังเป็นอีกหนึ่งประเทศที่เนื้อผ้าทำมาจากพลาติก เรียกว่าแต่ละประเทศใช้วัสดุรีไซเคิลกันสุดฤทธิ์ ความพิเศษมากกว่านั้นในแจ็กเก็ตแต่ละตัวจะปักชื่อของนักกีฬาเอาไว้เพื่อเป็นของที่ระลึกให้พวกเขาหลังจากจบภารกิจสำคัญ

โปแลนด์

BIZUU

ประเทศที่ 8 คือ โปแลนด์ ดูเหมือนกระแสตอบรับของชุดพิธีการนี้ก็เป็นที่ชื่นชอบของใครหลายคน โดยแบรนด์ BIZUU เป็นผู้ออกแบบ โดยคำนึงให้มีทั้งความทางการและสามารถสวมใส่ในชีวิตประจำวัน โดดเด่นด้วยลายพิมพ์พืชพรรณและดอกไม้ต่างๆ เช่น ข้าวไรย์ แบล็คเบอร์รี่ โคลท์ฟุต ดอกป๊อปปี้ คอร์นฟลาวเวอร์ เดซี่ และนกกระจอก

ฝรั่งเศส

Berluti

สำหรับชุดพิธีการของนักกีฬาเจ้าภาพในปีนี้ออกแบบโดย Berluti ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ไม่ว่าจะเป็น ทักซิโด้ เสื้อเชิ้ต เข็มขัด ผ้าพันคอหรือผ้าเช็ดหน้า และรองเท้า โดยชุดทั้งหมดจะถูกบรรจุอยู่ในกระเป๋าที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ ชุดสูทสีน้ำเงินเข้มตัดเย็บจากผ้าวูล ขณะที่ปกทักซิโด้ลวดลายสีน้ำเงิน และสีแดงตัดเย็บจากผ้าฝ้ายผสมผ้าไหม ชุดอันสง่างามนี้ได้แรงบันดาลใจมาจาก “ธงชาติฝรั่งเศส” อีกหนึ่งดีเทลเล็กๆ ที่เมซงให้ความสำคัญคือ กระเป๋าสูท และผ้าพันคอที่ทำจากเศษผ้าที่เหลือจากการตัดเย็บ เรียกได้ว่าเป็นชุดพิธีการที่เต็มไปด้วยสไตล์ ความสง่างาม ความยืดหยุ่น และความสบาย

สหรัฐอเมริกา

Ralph Lauren

นับเป็นเวลา 9 ปีแล้วที่ Ralph Lauren ออกแบบชุดพิธีการเปิด และปิดให้กับนักกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิก และสำหรับโอลิมปิกฤดูร้อนในปีนี้ แบรนด์ได้นำแฟชั่นสไตล์อเมริกันและชุดกีฬาสไตล์เรียบหรู มาสู่กรุงปารีส โดยทาง Ralph Lauren เผยว่าคอลเล็คชั่นนี้ได้แรงบันดาลใจมาจาก “เมืองเจ้าภาพที่เต็มไปด้วยพลังและมีชีวิตชีวา” แต่ยังคงไว้ซึ่งจิตวิญญาณรักชาติที่สะท้อนออกมาในเฉดสีแดง ขาว และน้ำเงินอันเป็นเอกลักษณ์” โดยนักกีฬาสวมเสื้อเบลเซอร์สีกรมท่า ดีไซน์คลาสสิคที่มีรายละเอียดสีแดงและสีขาว จับคู่กับเสื้อเชิ้ตอ็อกซ์ฟอร์ดลายทาง เน็คไทถักสีกรมท่า และกางเกงยีนส์ผ้าเดนิมสีอ่อนทรงสอบ

ศรีลังกา

เป็นอีกประเทศที่ดีเทลละเอียดไม่แพ้กัน รังสรรค์โดย LOVI Ceylon ซึ่งเสื้อผ้าทำจากผ้าไหม เป็นงานปักมือและประดับตกแต่งด้วยลูกปัด ซึ่งทั้งหมดได้รับแรงบันดาลใจจากเครื่องแต่งกายของเจ้าชายนีลาเมและเจ้าหญิงมานิเกในราชสำนักตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 19

ออสเตรเลีย

Sportscraft
(Photo by Matt King/Getty Images)

ชุดพิธีการของประเทศออสเตรเลียในปีนี้ออกแบบโดย Sportscraft ดีไซน์ของชุดได้รับแรงบันดาลใจจาก ฝรั่งเศส เมืองหลวงแห่งแฟชั่นของโลก โดยมีลวดลายพิมพ์สีออมเบรในโทนสีเขียวและทองที่ได้รับแรงบันดาลใจจากพระอาทิตย์ตกในเมืองปารีส และเป็นครั้งที่ 10 แล้วที่ชุดพิธีการของนักกีฬาออสเตรเลียได้รับการออกแบบโดย Sportscraft ที่ร่วมกับคณะกรรมการโอลิมปิกออสเตรเลีย รวมถึงรองเท้าได้สั่งทำพิเศษจาก Volley

แคนาดา

อีกหนึ่งประเทศที่เปิดตัวชุดพิธีการ และได้รับความสนใจเป็นอย่างมากคือ แคนาดา โดยปีนี้นักกีฬาจะได้สวมชุดจากแบรนด์ Lululemon ซึ่งจะเป็นสปอนเซอร์ตั้งแต่ชุดพิธีเปิด ชุดขึ้นโพเดียม ชุดสื่อมวลชนไปจนถึงดีไซน์พิธีปิดที่ได้รับแรงบันดาลใจจากแสงเหนือ แบรนด์ได้พัฒนาผ้าแจ็คการ์ดชนิดใหม่ โดยทอเส้นใยทั้งหมดเป็นชิ้นเดียวสำหรับชุดกีฬาโอลิมปิกโดยเฉพาะ ผ้าแจ็คการ์ดได้รับการออกแบบให้ระบายอากาศ และระบายเหงื่อได้ดี ขณะที่แจ็คเก็ตพิธีเปิดของทีมแคนาดามาในโทนสีแดงสดทอลวดลายใบเมเปิ้ลสัญลักษณ์ของแคนาดา


เปิดตัว found & found กับคอนเซ็ปต์ “SIMPLE. EASY. EVERYSKIN.” มิติใหม่ของเฮลท์แอนด์บิวตี้รีเทล ใน พีทีที สเตชั่น และ Community Mall

account_circle

บริษัท โออาร์ เฮลท์ แอนด์ เวลเนส จำกัด หรือ ORHW ในเครือของ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือOR จัดงานเปิดตัว found & found ร้านค้าปลีกด้านสินค้าสุขภาพและความงาม ณ พีทีที สเตชั่น บรมราชชนนี 97 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “SIMPLE. EASY. EVERYSKIN.” หลังจากเปิดบริการไปแล้ว 2 สาขา ได้แก่ สาขา EnCo ณ ศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ อาคาร B และ สาขา พีทีที สเตชั่น สายไหม 56 ภายในงานได้รับเกียรติจาก คุณรวิศ หาญอุตสาหะ กรรมการ ORHW พร้อมด้วย คุณดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร OR คุณสุชาติ ระมาศ ผู้อำนวยการใหญ่ OR คุณณัฐพล ชูจิตารมย์ กรรมการผู้จัดการ ORHW และผู้บริหาร OR รวมทั้งพันธมิตรทางธุรกิจ อาทิ คุณคัทซึโนริ สุกิอุระ ผู้แทนประธานกรรมการบริหารและผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท สุกิ โฮลดิ้งส์ จำกัด และคุณคิงก้วย หวง กรรมการผู้บริหารสูงสุดและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท คอนวี่ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด นอกจากนี้ยังมีเซเลบบริตี้อย่าง เซย่า-ณิชฏา, มิย่า-พิชชา, โรเตอร์-ไพชยนต์ ทองเจือ และ วุ้นเส้น-วิริฒิพา ภักดีประสงค์ รวมถึงเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ คนดังมาร่วมงานฉลองเปิดร้านใหม่อย่างคับคั่ง

คุณดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร OR กล่าวว่า“OR มุ่งมั่นสร้างทางเลือกสำหรับการดำเนินชีวิตแบบครบวงจร เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตทุกรูปแบบ พร้อมเสริมความแข็งแกร่งด้านไลฟ์สไตล์ และขยายพอร์ตโฟลิโอสู่ธุรกิจที่นอกเหนือจากน้ำมันให้ครอบคลุมความต้องการที่หลากหลายโดยเฉพาะการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มที่ใส่ใจสุขภาพและความงาม ซึ่งประเทศไทยเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกอบกับเทรนด์ด้านสุขภาพและความงามกำลังเป็นที่นิยมสำหรับผู้บริโภคในปัจจุบัน เพราะผู้บริโภคหันมาใส่ใจดูแลตัวเองมากขึ้น”

คุณณัฐพล ชูจิตารมย์ กรรมการผู้จัดการ ORHW กล่าวว่า “เพราะ found & found เชื่อว่าการดูแลตัวเองเป็นเรื่องง่ายและเข้าถึงได้ จึงเป็นที่มาของคอนเซ็ปต์ “SIMPLE. EASY. EVERYSKIN.” เราตั้งใจนำเสนอผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงามจาก ไทย ญี่ปุ่น และเกาหลี ที่ทันสมัย มีคุณภาพ และเหมาะกับทุกสภาพผิว ทุกเพศสภาพ และทุกวัย ผ่านเครือข่าย พีทีที สเตชั่น รวมถึง Community Mall ทั่วประเทศ เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงไลฟ์สไตล์การดูแลตัวเองแบบใหม่ที่เรียบง่ายและสะดวกสบายยิ่งขึ้น

โดยสินค้าที่จัดจำหน่ายภายในร้านครอบคลุมถึงเครื่องสำอาง สกินแคร์ อาหารเสริม และวิตามิน โดย ORHW ได้จับมือกับพันธมิตรชั้นนำเพื่อนำเสนอสินค้านวัตกรรมใหม่ ๆ ได้แก่ บริษัท SUGI Holdings หนึ่งในผู้นำด้านธุรกิจเครือข่ายร้านขายยาและผู้นำด้านแพลตฟอร์มนาโนเทคโนโลยีรายใหญ่ที่สุดจากญี่ปุ่น ด้วยการนำเข้าแบรนด์คุณภาพที่เป็น Exclusives at found & found อาทิ Prieclat U, S-Select, Method, T3 เป็นต้น และ บริษัท Konvy ที่เป็นผู้นำด้านบิวตี้อีคอมเมิร์ซอันดับ 1 ของประเทศไทย ซึ่งเป็นพันธมิตรที่สำคัญในการบริหารจัดการสินค้าระบบ Supply Chain ระบบคลังสินค้า และนำเสนอสินค้าที่มีโดยหนึ่งในขอบข่ายการร่วมมือคือการนำเสนอสินค้าคุณภาพจากแบรนด์ดัง อาทิ Skintific, COSRX, Anua, Mediheal เป็นต้น

found & found ได้จัดวางรูปแบบและสินค้าให้ลูกค้าสามารถค้นพบสินค้าที่ต้องการได้อย่างสะดวกสบาย และสามารถเข้าถึงการดูแลตัวเองง่าย ๆ ด้วยการจัดวางสินค้าตามการดูแลผิว 5 ขั้นตอน ได้แก่ 1.การทำความสะอาดผิว Cleanse 2.การเตรียมผิว Prep 3.การบำรุงผิว Treat 4.การเติมผิวให้ชุ่มชื้น Moisturize และ 5.การป้องกันผิว  Protect พร้อมมี Beauty Advisor (BA) ให้คำปรึกษาเฉพาะบุคคล นอกจากนี้ found & found ยังมีระบบ CRM ที่เชื่อมต่อกับระบบสมาชิก blueplus+ บนแอปพลิเคชัน xplORe เพื่อมอบโปรโมชันและสิทธิพิเศษตามประวัติการซื้อ

ภายในงานได้เหล่าคนดังอย่าง เซย่า-ณิชฏา, มิย่า-พิชชา, โรเตอร์-ไพชยนต์ ทองเจือ ร่วมพูดคุยกับพิธีกร ดาร์ลิ่ง อารดา – อารยวุฒิ เกี่ยวกับเคล็ดลับการดูแลตัวเองและการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิว พร้อมเผยเคล็ดลับให้ผิวเนียนใสอย่างเป็นธรรมชาติ และดูแลผิวตั้งแต่อายุยังไม่มาก เพื่อรักษาความอ่อนเยาว์ของผิวไว้ให้นานที่สุด บอกลาความยุ่งยาก สู่ผิวสุขภาพดีได้ง่าย ๆ

ปักหมุดช้อปความดูดีเฮลตี้ใกล้บ้านที่ร้าน found & found ใน พีทีที สเตชั่น บรมราชชนนี 97 และอีก 2 สาขาที่ พีทีที สเตชั่น สายไหม 56 และ สาขา EnCo อาคาร Energy Complex B found & found เปิดให้บริการทุกวัน ยกเว้นสาขา EnCo ปิดวันเสาร์ -อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ โดยลูกค้าสามารถสมัครเป็นสมาชิกและติดตามข่าวสาร สิทธิพิเศษ กิจกรรม และโปรโมชันต่าง ๆ ได้ทาง Line: @foundnfound https://bit.ly/foundnfound-line

Set and Serve Catering ผู้ให้บริการจัดเลี้ยงแบบครบวงจรในรูปแบบ One Stop Service

account_circle

บริษัท เซ็ตแอนด์เสิร์ฟ แคทเทอริ่ง จำกัด ให้บริการจัดเลี้ยงนอกสถานที่ในทุกรูปแบบและทุกประเภทอาหารโดยเน้นในเรื่องของคุณภาพและการสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับแขกของคุณ ทีมเชฟมีความพิถีพิถันในการรังสรรค์เมนูและรสชาติอาหารเป็นอย่างมากตามความต้องการ และสามารถแนะนำเมนูอาหารที่ตอบโจทย์งานได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นประเภทของอาหารหรือการตกแต่งอาหารให้เข้ากับธีมงาน ทีมบริการมีความละเอียดถี่ถ้วนในเรื่องการบริการและดูแลแขกของท่านให้มีความสะดวกสบายและความพึงพอใจที่สุดระหว่างงาน อีกทั้งปราณีตและสร้างสรรในการตกแต่งสถานที่ให้บริการให้เข้ากับธีมงานที่ต้องการ

บริษัท เซ็ตแอนด์เสิร์ฟ แคทเทอริ่ง จำกัด คือผู้ให้บริการจัดเลี้ยงแบบครบวงจรในรูปแบบ One Stop Service กับงานทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นงานทำบุญ การประชุม สัมมนา งานแต่งงาน งานเปิดตัวสินค้า งานเลี้ยงองค์กร ด้วยอาหารหลากหลายรูปแบบตั้งแต่ Snack box, Premium meal box, Cocktail, Buffet, Food stall จนถึง Sit down dinner และอาหารหลากหลายประเภทไม่ว่าจะเป็นอาหารไทยหรืออาหารต่างชาติต่างๆ

และเพื่อเป็นการให้บริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากขึ้น บริษัท เซ็ตแอนด์เสิร์ฟ แคทเทอริ่ง จำกัด จึงได้เพิ่มการให้บริการอาหารจีนอีกหนึ่งทางเลือกที่กำลังเป็นที่นิยม โดยทางเรามีเชฟอาหารจีนจากร้านอาหารจีนชั้นนำ ซึ่งภูมิใจนำเสนอชุดอาหารจีนในราคาที่คุ้มค่าเป็นอย่างมากทั้งเรื่องคุณภาพวัตถุดิบและรสชาติ เมนูชุดอาหารที่ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีประกอบไปด้วย สลัดกุ้งค็อกเทลผลไม้ ออเดิร์ฟร้อน 4 ชนิด ซุปเสฉวน เป็ดปักกิ่ง (เนื้อทำได้อีก 1 เมนู) เต้าหู้ทอดราดซอสเห็ดทรัฟเฟิล ปลากะพงนึ่งซีอิ๊ว ผัดหมี่ฮ่องกง และโอวหนี่แปะก๊วย ทั้งหมดนี้ในราคาและคุณภาพที่หาที่ไหนไม่ได้

เรามีชุดอาหารจีนที่ตอบโจทย์ความต้องการให้เลือกหลายระดับราคาตั้งแต่ชุดละ 6,500.- บาทเป็นต้นไปสำหรับ 10 ท่าน เพื่อให้ลูกค้าสามารถกำหนดและควบคุมค่าใช้จ่ายได้ นอกจากนี้ เรามีเมนูให้เลือกอย่างเพียงพอในแต่ละประเภทซึ่งจะช่วยตอบสนองความต้องการของแขกได้อย่างทั่วถึงอีกด้วย เช่น ประเภทซุป เรามีซุปเสฉวน ซุปเต้าหู้ทะเลเนื้อปู ซุปเห็ดรวมมิตรกุ้งสับ กระเพาะปลาเนื้อปู หรือประเภทเป็ดก็จะมีเป็ดปักกิ่ง เป็ดน้ำแดงซีฟู้ด เป็นกีตาร์ เป็ดย่างหมูแดง ประเภทกุ้งเช่นกุ้งผัดซอสเอ๊กซ์โอ กุ้งผัดซอสพริกเซี่ยงไฮ้ กุ้งผัดแปะก๊วย ประเภทปลาเช่นปลากะพงนึ่งซีอิ๊ว ปลากะพงขาวนึ่งบ๊วย ปลากะพงขาวนึ่งพริกมะนาว ประเภทข้าวหรือเส้นเช่นข้าวผัดหยางโจว บะหมี่ผัดฮ่องกง เป็นต้น และที่พิเศษที่สุดคือทางเราสามารถจัด Chef table ให้ท่านได้ทั้งที่บ้านหรือสถานที่ของท่าน หรือจะเป็นที่ห้องรับรองของบริษัท เซ็ตแอนด์เสิร์ฟ จำกัด ซอยศูนย์วิจัยที่สามารถตกแต่งสถานที่ได้ตามที่ท่านต้องการ

หากสนใจใช้บริการ ท่านสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมและขอใบเสนอราคาพร้อมเมนูอาหารได้ที่ 02-120-4564 หรือทางไลน์ @setandserve และอีเมล [email protected]

สวยฉ่ำ ไม่ยม ไม่เยิ้ม! แชร์วิธีรับมือกับ 'ปัญหาผิวหน้า' ที่ต้องเผชิญช่วงฤดูฝน

สวยฉ่ำ ไม่ยม ไม่เยิ้ม! แชร์วิธีรับมือกับ ‘ปัญหาผิวหน้า’ ที่ต้องเผชิญช่วงฤดูฝน

Alternative Textaccount_circle
สวยฉ่ำ ไม่ยม ไม่เยิ้ม! แชร์วิธีรับมือกับ 'ปัญหาผิวหน้า' ที่ต้องเผชิญช่วงฤดูฝน
สวยฉ่ำ ไม่ยม ไม่เยิ้ม! แชร์วิธีรับมือกับ 'ปัญหาผิวหน้า' ที่ต้องเผชิญช่วงฤดูฝน

อากาศช่วงฤดูฝนมักเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทั้งร้อนอบอ้าวและมีความชื้นในอากาศสูง นอกจากจะทำให้รู้สึกไม่สบายผิวแล้ว อากาศที่ชื้นหากรวมกับสิ่งสกปรก เหงื่อ และฝุ่นละอองที่จับตัวบนผิว ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ส่งผลให้ผิวเสื่อมโทรมและส่งผลให้เกิด ปัญหาผิวหน้า ต่างๆ ตามมา แพทย์หญิงปณิชา ภูสิริธนาโชติ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและความงาม จึงแนะวิธีรับมือกับ ปัญหาผิวหน้า ที่ต้องเผชิญในช่วงหน้าฝนว่า “ช่วงหน้าฝนสภาพอากาศมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ถึงแม้ว่าจะมีอากาศที่ชุ่มฉ่ำเย็นสบาย แต่ความจริงแล้วความชื้นในอากาศสามารถทำร้ายผิวได้ โดยสภาพอากาศก่อนฝนตกจะเกิดความกดอากาศ ทำให้รู้สึกร้อนอบอ้าว ส่งผลให้เกิดปัญหาผิวต่างๆ ตามมา อาทิ

  • ผิวแห้ง อักเสบและระคายเคือง สภาพอากาศร้อนชื้นช่วงก่อนและหลังฝนตก ส่งผลให้ผิวขาดสมดุลความชุ่มชื้น มีทั้งความแห้งและความมัน อาจมีผดผื่นร่วมด้วย ส่วนผู้ที่มีผิวแพ้หรือเป็นโรคผิวหนัง อาจกระตุ้นให้อาการกำเริบได้ เช่น โรคเซ็บเดิร์ม หรือโรคผื่นผิวหนังอักเสบ
  • สิวและผดผื่น ช่วงแรกที่ฝนตกแบบปรอยๆ หากน้ำฝนสัมผัสโดนผิวหน้าก็อาจจะก่อให้เกิดสิวอักเสบ สิวอุดตัน และผดผื่นได้ เนื่องจากในน้ำฝนจะมีมลภาวะและสิ่งสกปรกเจือปนอยู่มากมาย
  • ผิวหมองคล้ำ อีกหนึ่งปัญหาที่มักพบเจอบ่อยช่วงหน้าฝน มักเข้าใจผิดว่าฟ้าครึ้มๆ นั้นไม่มีแดด จริงๆ แล้วรังสี UV สามารถทะลุผ่านชั้นบรรยากาศลงมาทำร้ายผิวได้ ก่อให้เกิดปัญหาผิวหมองคล้ำ และเสี่ยงต่อการเกิดฝ้ากระและจุดด่างดำได้

ฉะนั้น การทำความสะอาดผิวหน้าจึงเป็นสิ่งคัญอย่างยิ่งสำหรับช่วงฤดูฝน นอกจากจะเป็นการขจัดสิ่งสกปรกตกค้างแล้วยังเป็นการเตรียมผิวให้พร้อมก่อนรับการบำรุงอีกด้วย การล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ไม่เหมาะสม อาจเป็นการทำร้ายผิวหน้าโดยไม่รู้ตัว ก่อนการล้างหน้าควรเช็ดทำความสะอาดเครื่องสำอางด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเครื่องสำอางออกให้หมด เพื่อป้องกันการอุดตันและระคายเคืองผิว จากนั้นล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าที่อุณหภูมิห้อง ไม่ควรใช้น้ำอุ่นจัดหรือน้ำร้อนล้างหน้า เพราะน้ำที่มีอุณหภูมิสูงเกินไปจะชะล้างไขมันตามธรรมชาติที่ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันผิว ทำให้ผิวเสียสมดุล ก่อให้เกิดผิวแห้งลอก ผิวบาง หรือแสบร้อนได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มีผิวแห้ง แล้วตามด้วยผลิตภัณฑ์ล้างหน้า โดยนวดวนไปตามแนวรูขุมขน ประมาณ 15-20 วินาที เพื่อให้น้ำและสารทำความสะอาดชะล้างไขมัน คราบสกปรก และคราบเครื่องสำอางที่หลงเหลือให้หลุดออกแล้วค่อยล้างน้ำเปล่าเป็นขั้นตอนสุดท้ายเนื่องจากสภาพผิวของแต่ละคนมีความแตกต่างกัน

การกระตุ้นการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพด้วยการสครับผิวหน้าอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง จะช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม กระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ ควรเลือกผลิตภัณฑ์สครับชนิดที่มีความอ่อนโยนต่อผิว ตามด้วยการปรับสภาพผิวและกระชับรูขุมขนก่อนการทาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวด้วยการใช้โทนเนอร์เช็ดผิวทุกครั้งหลังการล้างหน้า และเสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง ด้วยผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มอบความชุ่มชื้น อุดมไปด้วยสารอนุมูลอิสระ (Anti-oxidant) อย่าง Rice callus culture extract ช่วยลดการอักเสบและการระคายเคือง Shea Butter และ Organic Evening Primrose ช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม ชุ่มชื้น Rice Bran Oil ที่อุดมด้วยวิตามิน อี (Gamma Oryzanol) ทำหน้าที่เป็นสารแอนตี้ออกซิเดนซ์ ทรงประสิทธิภาพ และช่วยรักษาสมดุลความชุ่มชื้นให้ผิวแข็งแรง รวมถึงทาผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดที่มีค่าป้องกันแดด SPF30 PA+++ ขึ้นไปอย่างสม่ำเสมอ แม้ในวันที่ฟ้าครึ้มหรือฝนตก เพราะรังสี UVA สามารถซึมทะลุชั้นบรรยากาศลงมาทำร้ายผิวได้แม้ไม่มีแสงแดด

นอกจากการบำรุงผิวภายนอกแล้ว อีกสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ การดูแลตัวเองจากภายในควบคู่ไปด้วย ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ปลาทะเล ผัก ผลไม้ ธัญพืช ผลไม้ตระกูลเบอรี่ และชาเขียว รวมถึงการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพราะจะช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด และระบบการทำงานต่างๆ ภายในร่างกาย เพราะการดูแลตัวเองที่ถูกต้องควรจะใส่ใจให้ครบทุกด้าน

Photo: Pexels


ส่องแฟชั่นนอกคอร์ทลูกขนไก่ ‘ปอป้อ ทรัพย์สิรี’ นักแบดมินตันทีมชาติไทย

Alternative Textaccount_circle

เทสต์ที่เธอสร้าง VS ร่างที่เราเป็น ส่องแฟชั่นนอกคอร์ทลูกขนไก่ ‘ปอป้อ ทรัพย์สิรี’ นักแบดมินตันทีมชาติไทย

กลายเป็นประเด็นฮ็อตของสองวงการทั้ง ‘กีฬา’ และ ‘แฟชั่น’ เมื่อประเทศไทยปล่อยรูปชุดพิธีการของนักกีฬาทีมชาติที่ใช้ในโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่ครั้งนี้ได้ ‘ปอป้อ ทรัพย์สิรี‘ มาเป็นโมเดลถ่ายแบบให้ หลังจากที่รูปได้รับการเผยแพร่ลงบนโซเชียลก็ถูกกระแสตีกลับมาทันทีว่า “ให้ปรับปรุงชุดที่ใช้โดยด่วน เพราะเทียบกับประเทศอื่นแล้ว ประเทศไทยไม่สามารถสู้ได้เลย” อีกทางเสียงหนึ่งก็บอกว่า “นี่ขนาดนักกีฬาหน้าตาดีนะเนี่ย”

แน่นอนว่าเมื่อเกิดกระแสเช่นนี้ ‘ปอป้อ’ ก็ได้รับความสนใจไปโดยปริยาย เราจึงจะมาเปิดประวัติคร่าวๆ และส่องแฟชั่นนอกคอร์ทลูกขนไก่กันสักหน่อยว่า ถ้าอยู่ในลุคธรรมดาเขาจะเป็นอย่างไร

‘ปอป้อ’ หรือ ‘ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย’ นักกีฬาแบดมินตันคู่ผสม ปัจจุบันสังกัด SCG Badminton Academy และยังมีดีกรีเป็นอดีตนักเรียนทุน SCG Sharing The Dream โดยเขาได้ผ่านการแข่งขันมาหลายสนาม คว้ารางวัลมากมายทั้งแชมป์โลกและแชมป์เอเชีย เหลืออีกเพียงหนึ่งชัยชนะที่ต้องคว้าให้ได้คือเหรียญโอลิมปิกเกมส์ในครั้งนี้

หากให้ตามชีวิตประจำวันของเธอผ่านอินสตาแกรม จะเห็นว่านอกจากการซ้อมและแข่งขัน เขายังมีอีกพาร์ทที่แตกต่างออกไปอย่างภาพลักษณ์ในวงการแฟชั่น ที่เขามักได้รับเชิญจากแบรนด์ระดับโลกอย่าง GUCCI, Versace, Off-White ให้เป็นแขกคนสำคัญในงานอีเวนต์ หรือเป็นโมเดลโปรโมทไอเท็มสำหรับคอเล็คชั่นใหม่

นอกจากนี้ลุคปกติที่เขามิกซ์แอนด์แมตช์เสื้อผ้าเองก็สามารถรู้ได้เลยว่า ปอป้อเป็นคนที่มีเทสต์การแต่งตัวดีไม่แพ้กัน เรียกว่าสลัดคราบนักสู้ลูกขนไก่ออกแล้วก็กลายเป็นแฟชั่นนิสต้าได้ทันที


ภาพ: Instagram @popor_sapsinee

ชุดพิธีการ โอลิมปิก เกมส์ ปารีส 2024

จากตำนานเสื้อฮิตระดับชาติสู่ ชุดพิธีการ โอลิมปิก เกมส์ ปารีส 2024

Alternative Textaccount_circle
ชุดพิธีการ โอลิมปิก เกมส์ ปารีส 2024
ชุดพิธีการ โอลิมปิก เกมส์ ปารีส 2024

เปิดที่มา ชุดพิธี โอลิมปิก เกมส์ ปารีส 2024 ของนักกีฬาจากไทยแลนด์ อดีตฮ็อตไอเท็มตำนานเสื้อฮิตระดับชาติ จนกลายเป็นชุดแต่งกายประจำชาติไทย

ทยอยเปิดตัวกันไปหลายประเทศ สำหรับชุดพิธีการ ของบรรดานักกีฬาทีมชาติต่างๆ ที่จะสวมใส่ในพิธีเปิดการแข่งขันมหกรรมกีฬา โอลิมปิก ปารีส 2024 (2024 Olympics Paris 2024) ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในวันที่ 26 กรกฎาคม 2024 ซึ่งหากนับเวลาถอยหลัง เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่วันที่จะมีการเปิดฉากอย่างเป็นทางการ

ล่าสุดเกิดประเด็นร้อน เมื่อมีการเผยภาพชุดพิธีการของนักกีฬาไทย (ที่มาภาพจาก stadium th ) ซึ่งทันทีก็มีฟีดแบ็คที่ค่อนข้างร้อนแรง โดยส่วนใหญ่ได้เสนอว่า “ให้มีการปรับปรุงให้ดูทันสมัยมากกว่านี้” ขณะที่มีการแสดงความคิดเห็น เช่น เสียดายมีดีไซน์เนอร์คนไทยเก่งๆ มากมาย, คือไม้แขวนดียังแบกไม่ไหว,เชยแบบสงสารคนใส่,ผู้ใหญ่บ้านถูกใจสิ่งนี้, สวยแบบเบาๆ สวยแบบกระซิบ ฯลฯ

ชุดพิธีการ โอลิมปิก เกมส์ ปารีส 2024
ชุดพิธีการ โอลิมปิก เกมส์ ปารีส 2024
ชุดพิธีการ โอลิมปิก เกมส์ ปารีส 2024

ที่มาตำนานเสื้อฮิตระดับชาติสู่ ชุดพิธีการ โอลิมปิก เกมส์ ปารีส 2024

สำหรับชุดพิธีการสำหรับนักกีฬาไทยนี้ ธนา ไชยประสิทธิ์ หัวหน้าคณะนักกีฬาไทย เปิดเผยว่าเป็นดีไซน์และตัดเย็บในแบบที่เรียกว่า “เสื้อชุดไทย”

ขณะที่ข้อมูลจาก กรมศิลปากร ได้อธิบายถึงความน่าสนใจของ “เสื้อชุดไทย” ว่าได้รับการรับรองให้เป็น ชุดแต่งกายประจำชาติไทย เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2523

โดยลักษณะเฉพาะคือ เป็นเสื้อคอตั้งสูงประมาณ 3.5-4 เซนติเมตร ตัวเสื้อเข้ารูปเล็กน้อยผ่าอกตลอดมีสาบกว้างประมาณ 3.5 เซนติเมตร ขลิบรอบคอและสาบอก ติดกระดุม 5 เม็ด กระดุมมีลักษณะเป็นรูปกลมแบน ทำด้วยวัสดุ หุ้มด้วยผ้าสีเดียวกัน ส่วนใหญ่ใช้ผ้าไทยตัดเย็บ ใส่คู่กับกางเกงสีสุภาพ หรือสีเดียวกับเสื้อ

ต่อมาหลังจากการรับรองจึงมีมติรับรองให้เป็นเครื่องแบบข้าราชการและใช้แทนเสื้อสากลได้ ทั้งนี้เพื่อเป็นการประหยัดและเหมาะสมกับสภาพอากาศของประเทศไทย นอกจากนั้นให้ถือเป็นเครื่องแต่งกายที่สุภาพเช่นเดียวกับเครื่องแต่งกายแบบสากลนิยมและมอบให้กระทรวงศึกษาธิการและสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้ร่วมกันพิจารณากำหนดรายละเอียดในเรื่องสีของผ้าและการประดับเครื่องหมายของทางราชการ ซึ่งได้ตกลงให้ชื่อเสื้อไทยพระราชทานนี้ว่า “เสื้อชุดไทย”

ชุดแต่งกายประจำชาติไทย

อย่างไรก็ตามเพื่อให้สอดคล้องยังมีการระบุว่าชนิดของผ้า ควรเป็นผ้าที่ทำในประเทศไทย สามารถดีไซน์ได้ 3 แบบ

  • 1.ชุดไทยแขนสั้น ใช้สีอ่อนหรือมีลวดลายสุภาพ สวมใส่ในโอกาสธรรมดาทั่วไปหรือในการปฏิบัติงาน หรือในงานพิธีการกลางวัน และอาจใช้สีเข้มได้ ในพิธีการเวลากลางคืน
  • 2.ชุดไทยแขนยาว ใช้สีอ่อนหรือมีลวดลายสุภาพ ในโอกาสพิธีการเวลากลางวัน และอาจใช้สีเข้มในโอกาสพิธีเวลากลางคืน
  • 3.ชุดไทยแขนยาวคาดเอว ใช้ในโอกาสพิธีการที่สำคัญ ถือเป็นแบบเต็มยศ

อย่างไรก็ตามจากดราม่าชุดพิธีการของนักกีฬาไทย ที่ถูกทัวร์ลงฉ่ำ ท่ามกลางคำเสนอแนะ “ให้มีการปรับปรุง” ล่าสุด ธนา ไชยประสิทธิ์ หัวหน้าคณะนักกีฬาไทย ได้เผยกับผู้สื่อข่าวไทยรัฐว่า ด้วยอากาศร้อนของประเทศฝรั่งเศสในตอนนี้ อาจไม่ได้ให้นักกีฬาทีมชาติไทยใส่ชุดนี้ในพิธีเปิดแล้ว ทั้งนี้จะมีการประชุมกันอีกครั้งถึงการเลือกชุดที่จะใส่ในพิธีเปิด

CP LAND สร้างปรากฏการณ์แห่งใหม่ พร้อมแล้วกับ LUXRIVA RESIDENCES บ้านเดี่ยวสุดหรูในนครศรีธรรมราช

account_circle

บริษัท ซี.พี. แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ CP LAND บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย สร้างปรากฏการณ์ใหม่แห่งเมืองนครศรีธรรมราช พร้อมแล้วกับเปิดตัว LUXRIVA RESIDENCES (ลักซ์ริวา เรสซิเดนเซส) บ้านเดี่ยวลักซ์ชัวรีสุดหรูบนทำเลศักยภาพนครศรีธรรมราช โครงการแรกของ CP LAND หลังการรีเฟรชแบรนด์ในรอบ 40 ปี สัมผัสประสบการณ์เหนือระดับแห่งการใช้ชีวิตกับบ้านเดี่ยวที่ผสมผสานความทันสมัยเข้ากับกลิ่นอายวัฒนธรรมท้องถิ่นใต้ได้อย่างลงตัว มุ่งเจาะกลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังซื้อสูง (High-Net-Worth Individuals: HNWIs) นักธุรกิจ บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ประกอบการท้องถิ่น หรือ Local Achiever  ราคาเริ่มต้น 14 – 25 ล้านบาท* จำนวน 115 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 1,800 ล้านบาท

นายกีรติ ศตะสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซี.พี. แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ CP LAND เปิดเผยว่า CP LAND พร้อมแล้วกับการสร้างปรากฏการณ์ใหม่ เปิดตัวแบรนด์โครงการบ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรีโครงการแรก ภายใต้ชื่อ LUXRIVA RESIDENCES จำนวน 115 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 1,800 ล้านบาท ภายใต้แนวคิด ‘Modern-Tropical Luxury Living นิยามใหม่ เหนือระดับแห่งการใช้ชีวิต’  ชูดีไซน์การออกแบบผสมผสานเอกลักษณ์ระหว่างศิลปวัฒนธรรมไทย วัฒนธรรมท้องถิ่นของภาคใต้ ให้เข้ากับความร่วมสมัย เพื่อสร้างคุณค่าสะท้อนการใช้ชีวิตและตัวตนของผู้อยู่อาศัย รวมทั้งการออกแบบบ้านที่เข้ากับสภาพอากาศในประเทศเขตร้อนชื้น เริ่มตั้งแต่การออกแบบที่คำนึงถึงทิศทางของแดด ลม ฝน ความปลอดโปร่ง ส่งผลให้กระแสลมพัดผ่านง่าย ทำให้ความร้อนในอากาศถูกระบายออกได้ดี ให้ความรู้สึกเป็น บ้านร่มเย็น แม้ในวันที่อากาศร้อน ผนวกกับความหรูหราของดีไซน์บ้าน ที่พร้อมจะนิยามใหม่ สู่ชีวิตที่เหนือระดับมากยิ่งขึ้น

การเปิดตัวในครั้งนี้เป็นก้าวย่างที่สำคัญของ CP LAND หลังจากการรีเฟรชแบรนด์ในรอบ 40 ปี โดย CP LAND ได้ขยายสู่ตลาดบ้านเดี่ยวลักซ์ชัวรีหรูในส่วนภูมิภาค CP LAND ได้พลิกโฉมโปรดักต์ใหม่ทั้งหมด ทั้งในแง่การเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพตอบโจทย์ความลักซ์ชัวรี การออกแบบดีไซน์บ้านเดียวทั้งภายในและภายนอก พื้นที่ส่วนกลาง สภาพแวดล้อมและบรรยากาศโดยรอบ ภาพลักษณ์  และแบรนด์ดิ้งใหม่ทั้งหมด ตลอดจนการยกระดับการบริการก่อนและหลังการขาย ที่สำคัญตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์กลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังซื้อสูง (High-Net-Worth Individuals) นี่จึงเป็นอีกความตั้งใจ ที่ CP LAND ตั้งใจจะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าในส่วนภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง และเป็นการสร้างความเจริญให้กับชุมชนโดยรอบ ตามแนวคิดของ CP LAND คือ คุณภาพเพื่อทุกชีวิต หรือ Accessible Communities for Life

นายดำรงศักดิ์ ถุงเงิน ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายขายและการตลาดโครงการ บริการหลังการขายและลูกค้าสัมพันธ์ CP LAND กล่าวว่า สำหรับโครงการ LUXRIVA RESIDENCES  ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพรายล้อมด้วย Mixed-Use Community บน ถ.พัฒนาการคูขวาง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช นำเอาความหรูหรามาผสานกับเอกลักษณ์เฉพาะของจังหวัดนครศรีฯ ผ่านการสัมภาษณ์ เพื่อทำความเข้าใจทัศนคติ และพฤติกรรมเกี่ยวกับการอยู่อาศัยของชาวนครศรีธรรมราช รวมถึงการศึกษาค้นคว้าอัตลักษณ์ วัฒนธรรม ประเพณี และศิลปะท้องถิ่นที่เป็นแรงบันดาลใจสำคัญในการพัฒนาโครงการ จึงเกิดเป็น LUXRIVA RESIDENCES บ้านเดี่ยวลักซ์ชัวรีที่มีความเป็นส่วนตัว (Privacy) อยู่ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติขนาดใหญ่  มีพื้นที่ปรับเปลี่ยนได้ตามฟังก์ชันการใช้งาน (Flexible Area) ด้วยดีไซน์แบบ Modern-Tropical ที่ออกแบบจากทีมผู้เชี่ยวชาญทั้งภายในและนอกพื้นที่ ให้ความรู้สึกเป็น บ้านร่มเย็น

นอกจากนี้ CP LAND ยังได้นักออกแบบฝีมือดีอย่างคุณศุภชัย แกล้วทนงค์ ศิลปินชาวนครศรีธรรมราชนักออกแบบผู้พาภูมิปัญญาท้องถิ่นภาคใต้ของไทยออกไปให้โลกรู้จัก  มาร่วมเป็น Art & Culture Design Consultant นำความเป็นพื้นบ้านของลวดลายผ้ายกจังหวัดนครศรีฯ มาสื่อสารให้มีความร่วมสมัย กลายเป็นพื้นที่ศิลปะภายในโครงการ ทั้งประติมากรรมวงเวียนโครงการ ลวดลายทางข้าม ทางม้าลาย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์กลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังซื้อสูง (HNWIs) สะท้อนวิถีชีวิตของผู้อยู่อาศัยที่มีลักษณะเป็น Local Achiever หรือประสบความสำเร็จในชีวิต เรียบง่ายแต่แฝงด้วยความสมบูรณ์แบบ การใช้ชีวิตท่ามกลาง ‘ธรรมชาติ’ และ ‘สุนทรียภาพ’ ความงดงามสะท้อนการใช้ชีวิตเหนือระดับ ทุกรายละเอียดรังสรรค์มาจากความเข้าใจ ถูกถ่ายทอดอย่างพิถีพิถัน พร้อมต่อยอดสู่เรื่องราวบทใหม่ ที่ยกระดับคุณภาพชีวิตของครอบครัวด้วยสภาพแวดล้อมที่ดีและปลอดภัย เดินทางความสะดวก เพราะอยู่ใกล้ห้างสรรพสินค้า สถาบันการศึกษา โรงพยาบาล สำนักงาน CP Tower และโรงแรมแกรนด์ ฟอร์จูน นครศรีธรรมราช

LUXRIVA RESIDENCES มีเนื้อที่รวมประมาณ 44 ไร่ จำนวน 115 ยูนิต โดยมีประเภทของบ้าน 3 แบบ ได้แก่

  1. Type A: Ashley – แอชลีย์ ขนาดพื้นที่ใช้สอย 285 ตร.ม. เนื้อที่ดินเริ่มต้น 82 ตร.ว.
  2. Type B: Berkley – เบิร์กลีย์ ขนาดพื้นที่ใช้สอย 360 ตร.ม. เนื้อที่ดินเริ่มต้น 100 ตร.ว
  3. Type C: Clara – คลาร่า ขนาดพื้นที่ใช้สอย 465 ตร.ม. เนื้อที่ดินเริ่มต้น 128 ตร.ว

การออกแบบดีไซน์แสดงออกถึงความเป็นธรรมชาติของโครงการที่มีจุดเด่น คือ เพดานบ้านสูง (Double Volume)
6.6 เมตร บริเวณ Living Area ทุกหลัง อากาศหมุนเวียน ถ่ายเทสะดวก ให้ความรู้สึกปลอดโปร่ง โล่งสบาย กว้าง
ขวาง สว่าง สง่างาม และโดดเด่น โถสุขภัณฑ์แบบ Smart Toilet ที่จอดรถกว้างสามารถจอดได้สะดวก อ่างอาบนํ้าใน
ห้องนอน Master Bedroom รับประกันโครงสร้างบ้าน 10 ปี* เป็นโครงการแรก ครอบคลุมทั้งเรื่องโครงสร้างอาคาร
การรั่วซึมของหลังคา การรั่วซึมของระบบท่อและไฟฟ้า การใช้งานของประตูและหน้าตา

พื้นที่ส่วนกลางอย่าง Clubhouse มี THE COMMON ที่เป็น Co-Kitchen ลูกบ้านสามารถมาใช้พื้นที่สำหรับทำอาหาร
จัดงานเลี้ยงปาร์ตี้สังสรรค์ มีห้อง RIVA LOUNGE ที่เป็น Co-Working Space หรือ Living Area ใช้สำหรับนั่งเล่น นั่ง
ทำงาน ประชุมงาน มีห้อง ACTIVE SPACE ที่เป็น Gym และYoga Studio สระว่ายนํ้ากลางแจ้ง ขนาด Half
Olympic กว้างถึง 5 เมตร ยาว 25 เมตร พร้อม Sunbathe และพื้นที่ Outdoor Lounge พื้นที่สีเขียวสวนขนาดใหญ่
กว่า 3 ไร่ พร้อม Sunken Seat, Amphitheater, Children’s Playground Zone และ Jogging Area

นอกจากนี้  LUXRIVA RESIDENCES ยังมี Welcome Home Club by CP LAND หน่วยงานด้านลูกค้าสัมพันธ์ที่
ให้การบริการงานรับประกัน และดูแลสุขภาพบ้านของคุณอย่างต่อเนื่องโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญตั้งแต่วันแรก เริ่มจากให้
คำปรึกษาและข้อมูลด้านสินเชื่อ การโอนกรรมสิทธิ์ การตรวจรับมอบห้องชุด/บ้าน การรับประกันและงานแจ้งซ่อม รวม
ถึงบริการ Premium Care ที่พร้อมให้บริการหลังการขาย เพื่อให้ลูกบ้านอยู่สบาย และใช้ชีวิตได้อย่างไร้กังวล

ติดตามข้อมูลข่าวสารและสอบถามรายละเอียดของโครงการเพิ่มเติมได้ที่โทร 02-088-0999 

Website: www.LUXRIVARESIDENCES.com

แอดไลน์สอบถามข้อมูล https://bit.ly/3OwNCWF 

Facebook: LUXRIVA RESIDENCES Nakhon Si Thammarat

Instagram: LUXRIVA RESIDENCES

'เต่าบิน' ส่งเมกะแคมเปญสะเทือนปฐพี 'แผนลับเต่าบิน แจกล้านสะท้านตู้' จัดหนักทุกเดือน

‘เต่าบิน’ ส่งเมกะแคมเปญสะเทือนปฐพี ‘แผนลับเต่าบิน แจกล้านสะท้านตู้’ จัดหนักทุกเดือน

Alternative Textaccount_circle
'เต่าบิน' ส่งเมกะแคมเปญสะเทือนปฐพี 'แผนลับเต่าบิน แจกล้านสะท้านตู้' จัดหนักทุกเดือน
'เต่าบิน' ส่งเมกะแคมเปญสะเทือนปฐพี 'แผนลับเต่าบิน แจกล้านสะท้านตู้' จัดหนักทุกเดือน

เต่าบิน” คาเฟ่อัตโนมัติ 24 ชั่วโมงด้วยระบบหุ่นยนต์สุดอัจฉริยะ (Robotic Barista) เจ้าแรกในไทย ส่งเมกะแคมเปญสะเทือนปฐพี! “แผนลับเต่าบิน แจกล้านสะท้านตู้” ชวนคนไทยกินเครื่องดื่มเต่าบินลุ้นรางวัลใหญ่รวมมูลค่ากว่า 5.9 ล้านบาท รวม 3,693 รางวัล อาทิ รถไฟฟ้า Tesla Model 3, BYD ATTO 3 รุ่น Premium, Ora Goodcat Pro, iPhone 15 128GB, ทองคำ, ตั๋วหนัง, กิฟต์การ์ดเต่าบิน จัดหนักจัดเต็มทุกเดือน ยิ่งกินยิ่งลุ้นรางวัลจุกๆ ตั้งแต่วันนี้ – 31 มกราคม 2568

‘เต่าบิน’ ส่งเมกะแคมเปญสะเทือนปฐพี ‘แผนลับเต่าบิน แจกล้านสะท้านตู้’ จัดหนักทุกเดือน

นางสาววทันยา อมตานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟอร์ท เวนดิ้ง จำกัด กล่าวว่า “จากไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่ชอบความแปลกใหม่อยู่ตลอดเวลาและเบื่อความจำเจ เต่าบินจึงนำวิสัยทัศน์ ‘เสิร์ฟความอร่อยพร้อมคุณภาพให้ทุกคนได้ทุกที่ทุกเวลา’ มาสร้างสรรค์กิจกรรมให้คนไทยรู้สึกสนุกทุกครั้งเมื่อซื้อเต่าบินทาน พร้อมเพลิดเพลินไปกับรสชาติของเครื่องดื่มแสนอร่อยกว่า 180 เมนู ตอกย้ำการเป็นผู้นำหนึ่งเดียวด้านนวัตกรรมหุ่นยนต์บาริสต้าในตลาดตู้กดสินค้าอัตโนมัติ (Vending Machine) ในประเทศไทย โดยใช้อินไซต์คนไทยที่ชอบเสี่ยงดวงลุ้นรางวัลมาเป็น กิมมิกหลัก ส่งเมกะแคมเปญ “แผนลับเต่าบิน แจกล้านสะท้านตู้” ประกาศคืนกำไรให้ลูกค้า แจกของรางวัลโดนใจคนไทยแบบจัดหนักทุกเดือน รวมมูลค่ารางวัลกว่า 5.9 ล้านบาท ซึ่งเป็นโปรโมชั่นใหญ่ที่สุดที่เต่าบินเคยมีมา โดยทุ่มงบประมาณกว่า 10 ล้านบาท ในการสร้างเอนเกจเมนต์กับสมาชิกเต่าบินกว่า 10 ล้านคน และกระตุ้นยอดขาย ซึ่งแคมเปญนี้มีที่มาจากไอเดียสนุก ๆ เป็นความลับของมนุษย์เต่าบินที่กำลังโดนแฉว่าแท้จริงแล้วมีคนอยู่ข้างในตู้ เลยหาทางเบี่ยงเบนความสนใจ ด้วยการออกโปรโมชั่นแจกรางวัลว้าว ๆ ให้สาวกเต่าบินหันไปสนใจร่วมสนุกชิงรางวัล โดยใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียเป็นหลักในการโปรโมทกิจกรรมผ่านทีเซอร์โฆษณาและอินฟลูเอนเซอร์เพื่อเพิ่มการรับรู้”

“เต่าบินขอเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มความตื่นเต้นให้กับคนไทย ร่วมลุ้นของรางวัลกับแคมเปญ “แผนลับเต่าบิน แจกล้านสะท้านตู้” ยิ่งกินมากยิ่งมีสิทธิ์ลุ้นมาก กับของรางวัลสุดโดนใจรวม 3,693 รางวัล โดยมีของรางวัลใหญ่อย่าง รถไฟฟ้า Tesla Model 3, BYD ATTO 3 รุ่น Premium, Ora Goodcat Pro และของรางวัลเอาใจชาวเต่าบินที่ยกขบวนกันมาแจกหนักจัดเต็มทุกเดือน ซึ่งการลุ้นรางวัลทุกเดือนจะเป็นการสร้างความตื่นเต้นให้ลูกค้ามาร่วมสนุกกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าจะได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากแฟนๆ เต่าบินให้มาอร่อยกับเครื่องดื่มสุดพิเศษพร้อมๆ กับเอนจอยกับการลุ้นรางวัลตลอดปี เพื่อผลักดันให้เต่าบินก้าวเป็นผู้นำในวงการตู้กดสินค้าอัตโนมัติในระดับภูมิภาค”

สาวกเต่าบินสามารถร่วมสนุกกับกิจกรรม “แผนลับเต่าบิน แจกล้านสะท้านตู้” ได้ง่าย ด้วยการสะสมสิทธิ์เมื่อซื้อเครื่องดื่มผ่านตู้เต่าบินทุกชนิดตั้งแต่ 15 บาทขึ้นไป จะได้รับ 1 สิทธิ์ ในการลุ้นรางวัล (ทุก ๆ มูลค่า 15 บาท จะได้รับ 1 สิทธิ์) ไม่จำกัดจำนวนสิทธิ์ในการลุ้นรางวัล เพื่อลุ้นรับรางวัลมูลค่ากว่า 5.9 ล้านบาท จำนวน 3,693 รางวัล ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้า Tesla Model 3 มูลค่า 1,604,000 บาท จํานวน 1 รางวัล / BYD ATTO 3 รุ่น Premium มูลค่า 949,900 บาท จํานวน 1 รางวัล / Ora Goodcat Pro มูลค่า 799,000 บาท จํานวน 1 รางวัล / iPhone 15 128GB มูลค่า 28,200 บาท จํานวน 10 รางวัล รวมมูลค่า 282,000 บาท / ทองคํา 2 สลึง มูลค่า 18,416 บาท จํานวน 30 รางวัล รวมมูลค่า 552,480 บาท / ตั๋วหนัง Major 2 ใบ มูลค่า 480 บาท จํานวน 3,550 รางวัล รวมมูลค่า 1,704,000 บาท / กิฟต์การ์ดเต่าบิน มูลค่า 300 บาท จํานวน 100 รางวัล รวมมูลค่า 30,000 บาท สะสมสิทธิ์ลุ้นรางวัลได้ง่าย ๆ เพียงลงทะเบียนสมาชิกเต่าบินที่ LINE OA @taobin อร่อยกับเครื่องดื่มเต่าบินแล้วเก็บสะสมสิทธิ์ลุ้นรางวัลผ่านเพจ Facebook TAO BIN เต่าบิน และ LINE OA @taobin ร่วมสนุกได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 มกราคม 2568


ลิน 

ลิน เปิดตัว มาร์กี้ – ราศี ในฐานะ Friend of LYN พร้อมคอลเล็คชั่น Fall 2024 

account_circle
ลิน 
ลิน 

เมื่อไม่นานมานี้ LYN (ลิน) แบรนด์แฟชั่นแอคเซสเซอรี่ได้จัดงาน “Fall 2024 Collection Preview” เปิดรับฤดูกาลแฟชั่นล่าสุดด้วยไอเท็มกระเป๋า รองเท้าและแอคเซสซอรี่สุดหรู พร้อมเผยโฉม Friend of LYN คนล่าสุด มาร์กี้ – ราศรี บาเล็นซิเอก้า จิราธิวัฒน์ ที่จะมาถ่ายทอดไลฟ์สไตล์ของผู้หญิงที่เปี่ยมไปด้วยรสนิยม และสะท้อนหัวใจหลักของแบรนด์ Sophisticated, Trendy และ Elegant ได้อย่างลงตัว ด้วยไลน์สินค้าที่หรูหรามีระดับที่เหมาะกับสาวลิน

LYN เปิดตัว มาร์กี้ – ราศี ในฐานะ Friend of LYN พร้อมคอลเล็คชั่น Fall 2024 

โดยได้เนรมิตร้าน LYN ดีไซน์ล่าสุดที่ชั้น 2 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ภายใต้บรรยากาศที่อบอุ่นเป็นกันเอง สำหรับการพูดคุยของของสองสาว มาร์กี้ – ราศรี Friend of LYN คนล่าสุด และ เดียร์น่า ฟลีโป Friend of LYN ของซีซั่นซัมเมอร์ 2024 เกี่ยวกับประสบการณ์ในฐานะ Friend of LYN ทำหน้าที่ส่งต่อพลังความมั่นใจให้กับสาวๆ ทุกคน ผ่านเทคนิคการแมตซ์กระเป๋าและรองเท้าที่สวยงาม หรูหรา และลงตัวกับทุกไลฟ์สไตล์

ทั้งนี้ มาร์กี้ – ราศรี ได้นำเสนอนิยามความแกลมผสมความเซ็กซี่มั่นใจตามแบบฉบับผู้หญิงของ LYN ผ่านแคมเปญ Margie Presents LYN Fall 2024 Collection ที่ดึงเสน่ห์ของเทรนด์แฟชั่นในฤดูใบไม้ร่วงที่สะท้อนออกมาผ่านกระเป๋าสุดเก๋ดีไซน์ พร้อมนำมาตีความและถ่ายทอดร่วมกับคาแรคเตอร์ที่มีความเฉพาะตัวของมาร์กี้ กลายเป็นส่วนผสมที่น่าค้นหาและมีเสน่ห์เย้ายวนอย่างที่ยังไม่มีใครเคยได้สัมผัส ด้วยความแกลมที่ถือเป็นหัวใจของคอลเลกชั่นนี้ กระเป๋าทั้งสามรุ่นเลือกสะท้อนเสน่ห์ของผู้หญิงยุคใหม่ในแบบที่แตกต่างตามวาระโอกาสและรสนิยมเฉพาะตัว

เริ่มจากกระเป๋ารุ่น “Finery” ที่มาร์กี้ยกให้เป็น Must Have ของซีซั่นที่เป็นการจับคู่ความแกลมเข้ากับความเซ็กซี่ ถ่ายทอดผ่านดีไซน์ครึ่งวงกลมอันเย้ายวนและอิสระ โดยมีสายสะพายไหล่ทรงโค้งแบบเข็มขัดประดับฮาร์ดแวร์ขึ้นเงามาบรรจบให้สมบูรณ์แบบ พร้อมตัวเลือกของสีและรายละเอียดที่แตกต่าง ตอบโจทย์การเป็น Everyday Bag ไปจนถึง Party Bag ด้วยฟังก์ชันซิปบนและความจุที่ลงตัวกะทัดรัดสำหรับตัวเลือกที่มีความหรูหราและสะท้อนรสนิยมสาวๆ

ต่อมาเป็นกระเป๋ารุ่น “Anderson” ที่มาในซิลลูเอ็ตแบบคางหมู รูปทรงอมตะเหนือกาลเวลา นอกจากเค้าโครงที่ให้ความรู้สึกเรียบหรูและแข็งแกร่ง ตัวกระเป๋ายังโดดเด่นด้วยดีไซน์พับหน้าที่สอดรับกับสายคาดประดับฮาร์ดแวร์ขึ้นเงา และหูหิ้วบนที่มาพร้อมแท็กหนังตกแต่ง ซึ่งนอกจากมาร์กี้จะสามารถหิ้วกระเป๋าใบนี้เพื่อคอมพลีตลุคที่ดูทางการและยังสามารถเลือกสะพายเป็นกระเป๋าครอสบอดี้เพื่อเสริมความเท่และสง่างามให้กับลุคแคชชวลได้อีกด้วย

ในส่วนของกระเป๋าใบสุดท้าย “Rexha” เป็นการผสมผสานของรายละเอียดสุดคลาสสิกที่เป็นที่รักของสาวๆ ทุกยุคทุกสมัยอย่างตัวหนังบุลายควิลท์ ภายใต้รูปทรงกระเป๋าซิลลูเอ็ตโค้งมน พร้อมโลโก้แบรนด์สไตล์วินเทจชุบทองที่มาบรรจบกับตัวฮาร์ดแวร์โซ่อันหรูหราอย่างลงตัว ให้ลุคเฟมินีนแกลมในมิติที่ทั้งหวานและเท่น่าหลงใหล ตัวกระเป๋ามาในสีเดียวกันทั่วทั้งใบ ซึ่งนอกจากสีดำที่เป็น Must Have แล้ว ยังมีเฉดสีที่คัดมาเพื่อเพิ่มชีวิตชีวาให้กับฤดูใบไม้ร่วงทั้งสีเขียวอ่อน สีฟ้าสดและสีเบจโทนอุ่น ซึ่งสำหรับมาร์กี้แล้ว Rexha คือแอคเซสเซอรี่ที่เข้ามาเพิ่มความเย้ายวนให้กับเดรสลุคในโอกาสพิเศษได้อย่างดี


อนันต์ อัมบานี

ซูมอิน นาฬิกา Audemars Piguet รุ่นลิมิเต็ด 3.7 ล้าน ของขวัญเพื่อนเจ้าบ่าว อนันต์ อัมบานี

account_circle
อนันต์ อัมบานี
อนันต์ อัมบานี

สุดในทุกๆ ด้านจริงๆ สำหรับงานวิวาห์พันล้านของ “อนันต์ อัมบานี” ซึ่งจัดต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนมีนาคม งานนี้มีคนดังมาร่วมงานกันอย่างล้นหลาม

ซูมอิน นาฬิกา Audemars Piguet รุ่นลิมิเต็ด 3.7 ล้าน ของขวัญเพื่อนเจ้าบ่าว อนันต์ อัมบานี

หนึ่งในความพิเศษของงานนี้ นอกจากงานแต่งงานที่ถูกจัดขึ้นอย่างอลังการ มีศิลปินระดับโลกอย่าง ริฮานนา, จัสติน บีเบอร์ และ เคธี เพอร์รี่ มาเล่นคอนเสิร์ตฉลองก่อนงานแต่งงาน งานนี้เจ้าบ่าวยังมอบนาฬิกาแบรนด์หรู Audemars Piguet รุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่น มูลค่า 20 ล้านรูปี หรือประมาณ 3.7 ล้านบาทให้กับบรรดาเพื่อนเจ้าบ่าวจำนวน 10 คน รวมมูลค่ากว่า 37 ล้านบาท

ทั้งนี้มีรายงานจากสื่อต่างประเทศว่า นาฬิกาเรือนนี้ไม่มีวางจำหน่าย เพราะเป็นนาฬิการุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่นที่ผลิตขึ้นเป็นพิเศษ ซึ่งมีเพียง 25 เรือนในโลกที่ อนันต์ อัมบานี สั่งทำขึ้นเพื่องานนี้โดยเฉพาะ

ขณะที่อินสตาแกรม Insane Luxury อธิบายว่า “นาฬิกาเรือนดังกล่าวเป็นนาฬิการุ่น Royal Oak Perpetual Calendar ที่ทำจากทองคำ 18 กะรัต ชื่อว่า Luminary Edition หน้าปัดพิงค์โกลด์และหน้าปัดย่อยสีดำ…”

ตัวเรือนทำมาจาก พิงค์โกลด์ 18K ขนาด 41 มม. ที่มีความหนา 9.5 มม. และเม็ดมะยมแบบขันสกรู หน้าปัดสีเดียวกันนี้มีลวดลาย Grande Tapisserie เครื่องหมายบอกชั่วโมงทำมาจากพิงค์โกลด์ และเข็มแบบ Royal Oak กระจกทำมาจากแซฟไฟร์ เคลือบสารเรืองแสงที่เครื่องหมายบอกชั่วโมงและเข็มนาฬิกา ไม่เพียงเท่านี้ นาฬิกาเรือนนี้ยังกันน้ำได้ลึก 20 เมตรอีกด้วย


ที่มา : hindustantimes.com

คิง เพาเวอร์ ร่วมกับ LA MER จัดทริปสุดเอ็กซ์คลูซีฟ “LA MER BLUE HEART” มอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้าคนสำคัญ

Alternative Textaccount_circle

คิง เพาเวอร์ ร่วมมือกับแบรนด์แห่งการปรนนิบัติผิวระดับโลก “LA MER” จัดทริปสุดเอ็กซ์คลูซีฟ เชิญสมาชิกคิง เพาเวอร์ CROWN และ VEGA ร่วมสัมผัสประสบการณ์การเดินทางสุดพิเศษ ภายใต้แคมเปญ “LA MER BLUE HEART” กิจกรรมเพื่อรักษาระบบนิเวศและรณรงค์การดูแลท้องทะเล พร้อมสัมผัสผลิตภัณฑ์สุดพิเศษ “LA MER BLUE HEART CREME” รุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่น ที่มีจำหน่ายเฉพาะคิง เพาเวอร์ เท่านั้น!

คิง เพาเวอร์ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของนักเดินทาง พร้อมพาสมาชิกร่วมสัมผัสกับประสบการณ์การเดินทางสุดเอ็กซ์
คลูซีฟสำหรับสมาชิก CROWN และ VEGA เดินทางสู่เมืองภูเก็ต เมืองท่องเที่ยวอันสวยงามทางตอนใต้ของไทย นับเป็นเมืองที่ช่วยบูสต์เอนเนอร์จี้ทั้งกายและใจ ท่ามกลางการพักผ่อนอย่างเป็นส่วนตัวที่ COMO POINT YAMU PHUKET


ก่อนเข้าสู่ช่วงเวลาสำคัญของกิจกรรม แคมเปญ “LA MER BLUE HEART” ตามแนวคิด ‘TAKE THE OCEAN TO HEART’ พาสมาชิกคิง เพาเวอร์ ร่วมเดินทางไปสัมผัสประสบการณ์สุดล้ำค่ากับ LA MER BLUE HEART EVENT เพื่อทำความรู้จักกับผลิตภัณฑ์ทั้งในแง่ของการฟื้นบำรุงผิว และการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมแบบยั่งยืน พร้อมพบกับกิจกรรมให้คำปรึกษาแบบเฉพาะเฉพาะบุคคล และสัมผัสเทคนิคการนวดปรนนิบัติผิวโดยผู้เชี่ยวชาญจาก LA MER เมื่อผิวหน้าได้รับการดูแลและปลอบประโลม พร้อมออกไปสัมผัสสายลมและแสงแดดอ่อนๆ ยามเย็น ณ จุดชมพระอาทิตย์ ลาลับเส้นขอบฟ้า ณ ห้องอาหาร LA SIRENA บริเวณสระน้ำวิวอ่าวพังงา ท่ามกลางบรรยากาศปาร์ตี้บาร์บีคิวอาหารทะเลแบบเป็นกันเอง

ทักทายภูเก็ตในเช้าวันที่สองกับกิจกรรม “เก็บขยะริมชายหาดเพื่ออนุรักษ์ท้องทะเล แหลมมายู” บริเวณชายหาดด้านหน้าโรงแรม COMO POINT YAMU PHUKET เพื่อให้ทุกท่านได้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมบริเวณริมชายหาด รวมทั้งรณรงค์ลดผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตในน้ำและระบบนิเวศ จากนั้นเดินทางไปรับประทานอาหารกลางวัน พร้อมผ่อนคลาย และชมวิวเมืองภูเก็ตแบบพาโนรามาที่ร้าน THREE MONKEYS RESTAURANT ร้านอาหารที่รายล้อมด้วยต้นไม้ที่มีอายุกว่า 100 ปี อิ่มเอมกับธรรมชาติกันจนใจฟูแล้ว ถึงเวลาเอาใจสายช้อปฯ กันที่ คิง เพาเวอร์ ภูเก็ต โดยทุกท่านจะได้เพลิดเพลินกับการเลือกช้อปผลิตภัณฑ์เอ็กซ์คลูซีฟที่เคาน์เตอร์ LA MER ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยปลดล็อคให้ผิวดูเปล่งประกาย แลดูมีออร่า โดยเฉพาะรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นที่บรรจุอยู่ในกระปุกดีไซน์สุดคิวท์ เพื่อสนับสนุนการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแบบยั่งยืน เริ่มต้นเป็นสาวลาแมร์ด้วยตัวนี้ไม่มีผิดหวัง และปิดท้ายวันที่สวยงามด้วยกันที่ VANILLA SKY BAR & GASTRO PUB สัมผัสเสน่ห์ทะเลสีดำ (ทะเลยามค่ำคืน) พร้อมจิบเครื่องดื่ม และร่วมรับประทานอาหารท่ามกลางบรรยากาศสุดโรแมนติก

วันสบายๆ ส่งท้ายทริปกับการรับประทานอาหารมื้อพิเศษที่ ‘ร้านวันจันทร์’ ร้านอาหารต้นตำรับพื้นเมืองภาคใต้
การันตีมิชลินไกด์ จากนั้นเข้าสู่โปรแกรมส่งท้ายทริป คิง เพาเวอร์ X LA MER BLUE HEART กับกิจกรรมเสริมสิริมงคลให้กับชีวิต ด้วยการกราบสักการะเจ้าแม่กวนอิม ณ ศาลเจ้าปุดจ้อ หรืออ๊ามปุดจ้อ ศาลเจ้าเก่าแก่อายุ 100 ปี สถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นที่เคารพของคนไทยเชื้อสายจีนในเมืองภูเก็ต เป็นการเติมเต็มทริปสุดเอ็กซ์คลูซีฟ เพื่อส่งต่อความสุขและความประทับใจมอบให้กับลูกค้า คิง เพาเวอร์


HARNN Heritage Spa

account_circle

กรุงเทพฯ เมืองที่ได้รับการขนานนามให้เป็น “City of Angles” ดินแดนที่เต็มไปด้วยเสน่ห์เอกลักษณ์เฉพาะตัว ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ที่เกิดจากการผสมผสานความเป็นไทยเข้ากับวัฒนธรรมต่างชาติอันหลากหลาย เมืองที่เต็มไปด้วยสีสัน และชีวิตชีวาแห่งนี้ จึงเป็นแรงบันดาลใจที่ก่อให้เกิด หาญ เฮอริเทจ สปา กรุงเทพขึ้น โดยมีการผสมผสานองค์ความรู้ด้านการบำบัดและการดูแลสุขภาพจากหลากหลายวัฒนธรรม เกิดเป็นสปาแบบร่วมสมัยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพื่อการผ่อนคลายประสาทสัมผัสทั้ง 5 อย่างแท้จริง

HARNN Heritage Spa Krungthep ประกอบด้วยห้องทรีทเม้นท์ทั้งหมด 10 ห้อง แบ่งเป็นห้องเดี่ยว 8 ห้อง และห้องคู่ 2 ห้อง พร้อมบริการนวดเท้าอีก 6 ที่ โดดเด่นด้วยการตกแต่งอันเป็นเอกลักษณ์ที่ถ่ายทอดกลิ่นอายของโลกตะวันออกในทุกรายละเอียด ผ่านการตีความแบบร่วมสมัย ผนวกกับเทคนิคการตกแต่งหลากหลายอย่างปราณีต โดยนำแรงบันดาลใจหลักมาจากความงดงามของวังเพ็ชรบูรณ์ ซึ่งเดิมตั้งอยู่ที่เซ็นทรัลเวิลด์ในปัจจุบันซึ่งเป็นเรือนไม้ไทยโบราณ นำมาถ่ายทอดกับวัสดุหลากหลายที่ให้อารมณ์ร่วมสมัยทั้งเหล็ก และกระจกสีเขียวศิลาดลของอาคารเล็กในวังเพ็ชรบูรณ์ เติมความมีชีวิตชีวา และให้ความรู้สึกสงบผ่อนคลาย ทางเดินประดับด้วยจิตรกรรมลายดอกพุดตาน ลายไทยแบบดั้งเดิมที่มักปรากฏอยู่ในผลงานงานศิลปกรรม และจิตรกรรมฝีมือเหล่าช่างสิบหมู่ กระดิ่งที่แขวนประดับชายคาเรือนไทย นำมาสร้างสรรค์ใหม่ด้วยวัสดุร่วมสมัยอย่างคริสตัลประดับไฟ

HARNN Heritage Spa มีทรีตเมนต์เอาใจคนเมืองที่ต้องเผชิญสารพัดปัจจัยและส่งผลให้ร่างกายกับจิตใจสูญเสียสมดุล ในเดือนกรกฎาคม 222567 ได้มีทรีทเม้นท์ ‘Bangkok Retreat’ ที่ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อด้วยเทคนิคกดจุด Muscle De-Stress Massage และลูกประคบบริเวณคอ บ่า ไหล่ และน่องขา เป็นเมนูประจำฤดูกาลที่มีให้บริการเพียง 3 เดือนเท่านั้น

ความพิเศษคือเราได้คัดเอาออยล์กลิ่นยอดนิยมอย่าง Lemongrass & Lavender มาผสมผสานกับ Black Pepper Massage Balm เพื่อให้คุณรีแล็กซ์ขั้นสุด รู้สึกโล่งสบาย พร้อมใช้ชีวิตแอคทีฟในวันถัดไป

  • ‘Bangkok Retreat’ 90 นาที ราคา 2,890 บาท

สำรองบริการสปาและสอบถามเพิ่มเติมกับเรา ได้ที่

HARNN Heritage Spa, เซ็นทรัล ทาวเวอร์ ชั้น 12M ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ โทร.02-2525725

ช่องทางออนไลน์ :

#HARNNHeritageSpa

#HARNNWellnessAndHospitality

#HARNN

#TANACHIRA

MR-G B2100

G-SHOCK เผยโฉม MR-G B2100 พบกับ “คิกุมิ”บนหน้าปัดดีไซน์ซีรีส์ 2100 

account_circle
MR-G B2100
MR-G B2100

CASIO G-SHOCK เผยโฉม MR-G B2100 ที่สุดของความแข็งแกร่งผสานศาสตร์งานศิลป์ “คิกุมิ” (Kigumi) ครั้งแรกของบนหน้าปัดดีไซน์ซีรีส์ 2100 สนนราคา 175,000 บาท

G-SHOCK MR-G B2100 นาฬิการุ่นใหมล่าสุดของตระกูล MR-G มาพร้อมกรอบตัวเรือนทรงแปดเหลี่ยมและดีไซน์ที่มีสไตล์ โดดเด่นด้วยหน้าปัดลายตาข่ายสามมิติ ซึ่งบริเวณหน้าปัดของรุ่นนี้ ได้รับแรงบันดาลใจจากความงามในการใช้งานของศิลปะการต่อไม้แบบญี่ปุ่นดั้งเดิมที่เรียกว่า คิกุมิ (Kigumi) ซึ่งเป็นเทคนิคการก่อสร้างและงานไม้แบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น ซึ่งใช้สำหรับงานต่อไม้โดยไม่ต้องใช้ตะปูหรือโลหะยึด

ขอบตัวเรือนด้านบนผลิตจากโคบาเรียน (COBARION) ซึ่งเป็นโลหะผสมที่มีความแข็งประมาณ 4 เท่าของไทเทเนียมบริสุทธิ์ และมีความแวววาวเทียบได้กับแพลตตินัม ข้อต่อสายผลิตจาก DAT55G ซึ่งเป็นโลหะผสมไทเทเนียมที่มีความแข็งประมาณ 3 เท่าของไทเทเนียมบริสุทธิ์ มีความสามารถในการปรับเปลี่ยนรูปทรงได้หลากหลาย ด้วยการใช้โลหะผสมที่มีความแข็งแกร่งเป็นพิเศษ และมีความแวววาวเมือเปรียบเทียบกับตัวแพลตตินัม ผสานกับเทคโนโลยีการเคลือบ DLC หรือ diamond-like carbon (DLC) ที่ทำให้มีความทนทานต่อรอยขีดข่วนที่ดีมากขึ้น

ชิ้นส่วนภายนอกได้รับการขัดเงาทีละชิ้นโดยช่างฝีมือชั้นยอด จากนั้นจะได้รับการประกอบเข้าด้วยกันอย่างพิถีพิถันเฉกเช่นเดียวกับงานไม้ คิกุมิ ซึ่งพัฒนาขึ้นในญี่ปุ่น CASIO จึงประสบความสำเร็จในการออกแบบตัวเรือนภายนอกที่ได้รับการรับประกันทั้งความแข็งแกร่งและความสวยงาม ขณะที่ตัวเรือน ฝาหลัง และปุ่มกดต่างๆ ได้รับการผลิตจากโลหะผสมไทเทเนียม Ti64 แบบพิเศษ 

ตัวโครงสร้างของตัวเรือนประกอบจากชิ้นส่วนมากถึง 27 ชิ้น โดยแต่ละชิ้นจะได้รับการขัดแต่งอย่างสวยงามก่อนที่จะประกอบลงบนตัวเรือน แสดงให้เห็นถึงความปราณีตของงานฝีมือเชิงศิลปะ 

พื้นผิวหน้าปัดได้รับการออกแบบให้เป็นลอนคลื่นพร้อมช่องเปิดเล็ก ๆ ที่ซับซ้อน เพื่อสร้างลวดลายเรขาคณิตที่สื่อถึงโลกทัศน์ของงานโครงตาข่ายคุมิโกะ (Kumiko) ได้อย่างสวยงาม ลวดลายนี้ไม่เพียงแต่เป็นดีไซน์ที่โดดเด่นเท่านั้น แต่ช่องเล็ก ๆ ที่ประณีตเหล่านี้ยังช่วยให้แสงผ่านเข้าไปเพียงพอเพื่อผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์ได้ด้วยฟังก์ชัน Tough Solar

นาฬิการุ่นใหม่นี้เป็นเรือนแรกของซีรีส์ 2100 ในตระกูล MR-G ซึ่งซีรีส์ 2100 ได้เปิดตัวครั้งแรกไปเมื่อปี 2562 ด้วยดีไซน์ที่ผสมผสานระหว่างดิจิทัลและแอนะล็อก ซึ่งนำเสนอสไตล์โมเดิร์นแฝงกลิ่นอายของ G-SHOCK รุ่นแรกสุดอย่าง DW-5000C อีกทั้งยังมาพร้อมกรอบตัวเรือนทรงแปดเหลี่ยมอันโดดเด่นและดีไซน์เพรียวบาง ซีรีส์ 2100 จึงได้รับความนิยมไปทั่วโลก

นาฬิการุ่นนี้ยังมาพร้อมกับฟังก์ชันที่ทันสมัยและครบครัน เช่น ระบบการเชื่อมต่อ Bluetooth เพื่อการปรับตั้งเวลาอัตโนมัติ  ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ที่ช่วยให้ไม่ต้องกังวลเรื่องการเปลี่ยนแบตเตอรี่ รวมถึงการกันน้ำลึกถึง 200 เมตร และการทนต่อแรงกระแทกที่เป็นเอกลักษณ์ของ G-SHOCK ทำให้นาฬิการุ่นนี้เป็นที่น่าประทับใจและเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความทนทานและสไตล์ที่โดดเด่น จึงนับเป็นการผสมผสานระหว่างความงามอันประณีตของโลหะกับความแข็งแกร่งทนทานอันเป็นเอกลักษณ์ของ G-SHOCK จนกลายเป็นดีไซน์ที่คู่ควรกับชื่อของ MR-G อย่างแท้จริง

นอกจากนี้ G-SHOCK ยังมอบความพิเศษขั้นสุดในการเปิดตัวเพื่อให้ทุกท่านได้มีโอกาสชมและสัมผัสเอกลักษณ์และประวัติศาสตร์ของ G-SHOCK ตระกูล MR-G ด้วยการนำนาฬิการุ่น MR-G ทั้งหมด ที่ปัจจุบันถูกจัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ที่ประเทศญี่ปุ่น มาไว้ในงานนี้ ซึ่งจะถือเป็นการจัดแสดงนอกประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกอีกด้วย


Sahred Toy

เที่ยวแบบใหม่สุดล้ำในงาน American Tourister Curio Unbox The Journey ผ่านกระเป๋าเดินทาง Curio ใบยักษ์ รูปแบบ Immersive Art 4 ภาคทั่วไทย โดย ศิลปิน Sahred Toy

Alternative Textaccount_circle
Sahred Toy
Sahred Toy

American Tourister ชวนทุกคนออกไปสัมผัสการเที่ยวรูปแบบใหม่เที่ยวชม 4 ภาคของประเทศไทยผ่านกระเป๋าเดินทาง รุ่น Curio ใบยักษ์ ในรูปแบบ Immersive Art สุดอลังการ โดยศิลปิน Sahred Toy ที่มาใน Concept : “Curio Unbox The Journey” ที่จะทำให้ทุกคนสนุกสนานและตื่นตาตื่นใจกับประสบการณ์แปลกใหม่ที่ไม่เหมือนใคร

ภายในงาน American Tourister Curio Unbox The Journey จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ อัดแน่นไปด้วยห้องจัดแสดงถึง 5 ห้อง 5 ธีม ได้แก่

  • ห้อง Walking into the forest : เป็นห้องที่สื่อสารถึงความสวยงามของป่าภาคเหนือ และน้องแม้ว พาทุกคนท่องเที่ยวในโลกแห่งนี้
  • ห้อง Sparking Twinkle : ห้องสื่อสารถึงกรุงเทพมหานคร เมืองที่เต็มไปด้วยแสงสี และการเคลื่อนไหว แต่เต็มไปด้วยวัฒนธรรม และความสวยงาม นำเสนอผ่านวิวแม่น้ำเจ้าพระยา และสะพานพระราม 8 ที่มีแสงดาว ตกกระทบแม่น้ำ ส่องประกายทั่วทั้งห้อง
  • ห้อง Whisper from the sea : ห้องที่สื่อสารถึงความสวยงาม สงบ และลึกลับของทะเลภาคใต้บ้านเราที่มีเรือกอและ เป็นผู้พาทุกคนดำดิ่งสู่โลกใต้ทะเล
  • ห้อง Moving in Rhythm : ห้องที่นำเสนอสีสัน ความสนุกของภาคอีสาน รวบรวมจุดเด่นประเพณีของภาค สะท้อนออกมาในงานศิลปะลูกบอลไฟยักษ์ ที่เป็นตัวแทนของลูกไฟแห่งภาคอีสาน
  • ห้อง Unbox The Journey ห้องที่นำเสนองานศิลปะที่รวมทุกสีสัน ความสนุกของการเดินทางทั่วประเทศไทย มาจัดแสดงผ่านกระเป๋าเดินทาง American Tourister รุ่น Curio Book Open

และอีกหนึ่งไฮไลต์สุดยิ่งใหญ่ที่เราภูมิใจนำเสนอและทำต่อเนื่องจากปี 2023 ได้ทำ Street Art ทั้ง 4 ภาค โดยผลงานของทางศิลปิน Sahred Toy พร้อมกับผลตอบลัพธ์ที่ดีและเหล่าแฟนคลับชื่นชอบตัวศิลปะและ character ต่างๆ จนเป็นกระแส Check in จุด Street Art ทั้ง 4 ภาค ดังนั้นปี 2024 American Tourister กลับมายิ่งใหญ่กว่าเดิมเพื่อเอาใจแฟนคลับสาย Art โดยมาใน Campaign “American Tourister x SahredToy Curio Unbox The Journey”

ยกประเทศไทยทั้ง 4 ภาค มาจัดแสดงในรูปแบบ Immersive Art ตอกย้ำภาพของผู้นำกระเป๋าเดินทางที่เข้าใจประสบการณ์การท่องเที่ยวในแบบคนรุ่นใหม่ ซึ่งแคมเปญนี้ได้มี insight ที่น่าสนใจและเจาะลึกถึงกลุ่มผู้บริโภคโดยเฉพาะกลุ่มGen-Z ที่มีความชอบและ lifestyle ในรูปแบบ Hybrid experience นำความโดดเด่นของแบรนด์ที่เข้าใจเรื่องพฤติกรรมการท่องเที่ยวของคนรุ่นใหม่มาผสมผสานกับความชื่นชอบที่หลากหลายของกลุ่มเป้าหมาย โดยมีแกนในการสร้างภาพจำของแบรนด์ที่คงไว้ด้วย identity ที่ครบถ้วนYoung/ Fun/ Colorful ที่ทุก Touchpoint คือ ความสนุก และสีสันของการเดินทางสำหรับคนรุ่นใหม่ออกแบบเรื่องราวสุดสนุกในการเดินทางให้ทุกคนได้มาสัมผัสในแบบ immersive art และยังได้รวมประสบการณ์ท่องเที่ยวทั่วประเทศไทยต่อยอดจากแคมเปญก่อน Curio Bring Back Bigger Story ที่รวบรวมเรื่องราว และวัฒนธรรมของประเทศไทยท้องถิ่นในแต่ภูมิภาคมาสร้างเป็นงาน Exhibition พร้อมออกแบบ Sticker Limited Wonder Tour Collection มาให้ทุกคนได้สุ่มกันในรูปแบบกล่องสุ่มลาย Sticker จากศิลปิน SahredToy จับ insight ของ Target คนรุ่นใหม่ได้อย่างครบถ้วน และกลมกล่อม พร้อมกันนั้นยังมี ตัวแทนของกลุ่มคนรุ่นใหม่อย่างสาวๆวง 4EVE ที่มาถ่ายทอดความสนุก ของการเดินทางแต่ละภาคในรูปแบบของแต่ละคนผ่านสีสันของกระเป๋าเดินทาง American Tourister รุ่น Curio Book Open นอกจากนั้นชวนกลุ่มคนรุ่นใหม่ Y2Z Trainee ร่วมสร้างความสนุกไปด้วยกัน

สำหรับใครที่อยากไปสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษนี้สามารถเข้าชมงานได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 กรกฎาคม 2567 ที่ RIVER CITY ชั้น 1 โซน


ส่งตรงความ Cute แบบเกินต้าน! PiXXiE แฟชั่นเซ็ตสุดน่ารัก

account_circle

พร้อมเสิร์ฟ #PraewXPiXXiE ความน่ารักแบบเกินต้านของ PiXXiE “มาเบล, พิมมา และอิงโกะ”

นับจากเปิดตัวเพลง เด็ด PiXXiE ก็กลายเป็นวงทีป๊อปเบอร์ต้นของประเทศ ที่มีแฟนเพลงฮิตมากมาย พร้อมด้วยแฟนคลับหนาแน่นทั้งในและนอกประเทศ และวันที่ 31 ส.ค. นี้ พวกเธอจะมีคอนเสิร์ตเต็มรูปแบบครั้งแรกในชื่อว่า PiXXiE Tales Concert : Welcome to PiXXiE Land ที่ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี

ซึ่งนอกจากเพลงที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง เส้นทางชีวิตของทั้ง 3 คน ก็เติบโต และก้าวต่อไปอย่างมีคุณภาพเช่นกัน

อ่านบทสัมภาษณ์เรื่องราว การเติบโต ของทั้ง 3 คน ได้ในคอลัมน์ The Focus นิตยสารแพรว ก.ค. 67

  • ช่างภาพ : Vorason Dvi-vardhana
  • สไตล์เอดิเตอร์ : A.Y.Styled
  • แต่งหน้า : t_tormakeup
  • ทำผม : Sarun Uparamana
  • ผู้ช่วยสไตลิสต์ : จันทร์จิรา วังอาจ
  • เรื่อง : Fai

keyboard_arrow_up