แต่งสไตล์ที่ใช่ สวยสไตล์ที่ชอบกับ PONY

ตอนเขียนหนังสือก็ไม่ได้คิดว่าจะกลายมาเป็นหนังสือที่ขายดี เพียงแต่ว่าอยากจะเขียนหนังสือสอนแต่งหน้าเล่มหนึ่งที่มีสไตล์ที่แปลกและไม่เหมือนใคร

วันนี้เราจะพาสาวแพรวมารู้จักกับblogger สอนแต่งหน้าสาวสวยจากแดนกิมจินามว่าโพนี่ เธอมักจะแต่งหน้าและนำสเนอวิธีการแต่งหน้าขึ้นบล็อกของตัวเองเป็นงานอดิเรก

ใครจะรู้ว่าวันนึงจากblogger ที่โด่งดังแต่ในโลกโซเชียลจะกลายมาเป็นนักเขียนที่มีชื่อเสียงมากๆ ในเกาหลี เธอเป็นใครตัวตนของเธอเป็นอย่างไร และทำไมเธอถึงได้กลายมาเป็นนักเขียนที่มีชื่อเสียงโด่งดังด้านการแต่งหน้าไปทั่วเกาหลี เรามารู้จักเธอให้มากขึ้นกันดีกว่าค่ะ


ช่วยแนะนำตัวหน่อยค่ะ

สวัสดีค่ะ พักฮเยมินค่ะ ชื่อเล่น โพนี่ ในบล็อกหรือในหนังสือก็ใช้ชื่อโพนี่เหมือนกัน คนทั่วไปจะเรียกชื่อเล่นของฉันมากกว่า ฉันไม่ใช่นักเรียนเอกการแต่งหน้าหรือเรียนมาทางด้านเมคอัพเลย แต่เพราะความสนใจในศิลปะการแต่งหน้า จึงศึกษามาเรื่อยๆ

ทำไมคุณจึงกลายมาเป็น blogger ที่สอนการแต่งหน้า
ปกติเป็นคนชอบการแต่งหน้า เมื่อมีเวลาว่างก็เลยเขียนวิธีการแต่งหน้าลง Cyworld เป็นบล็อกส่วนตัวของฉันเป็นงานอดิเรก ตอนแรกแค่อยากจะสอนวิธีการแต่งหน้าและขึ้นในบล็อกของตัวเองไปเรื่อยๆ เท่านั้นเพราะคิดว่าเป็นพื้นที่ส่วนตัว แต่กลับกลายเป็นว่าคนที่ชอบฉันนำวิธีสอนการแต่งหน้าที่ฉันทำเอาไปแปะตามหน้าเว็บไซต์หรือแชร์ในเฟสบุ๊คของตัวเอง แชร์กันต่อไปเรื่อยๆ จนมีคนรู้จักว่าฉันคือ โพนี่ เมื่อเริ่มคิดว่ามีคนรู้จักตัวเองมากขนาดนี้คงจะไม่ใช่งานอดิเรกแล้ว มันกลายเป็นอาชีพของฉันแล้วนะ จึงกลายเป็นแรงบันดาลใจให้เขียนหนังสือสอนการแต่งหน้าขึ้นมา

รู้สึกอย่างไรที่หนังสือของตัวเองกลายเป็น Best Seller โด่งดังมากๆ ในเกาหลี
ตอนเขียนหนังสือก็ไม่ได้คิดว่าจะกลายมาเป็นหนังสือที่ขายดี เพียงแต่ว่าอยากจะเขียนหนังสือสอนแต่งหน้าเล่มหนึ่งที่มีสไตล์ที่แปลกและไม่เหมือนใคร แต่พอหนังสืออกไปกลับได้ผลตอบรับที่ดี รู้สึกภูมิใจมากๆ ค่ะ วิธีการแต่งหน้าที่ฉันสอนในหนังสือค่อนข้างละเอียดมากกกว่าหนังสือเล่มอื่นๆ ใช้ผลิตภัณฑ์อะไรรุ่นไหนไม่ปิดบอกหมดทุกอย่างและวิธีการอธิบายพยายามที่จะสอนให้กับคนที่จากไม่รู้วิธีอะไรเลยให้เข้าใจและสามารถแต่งหน้าตัวเองได้ พยายามอธิบายให้ชัดเจนที่สุดและรูปที่ถ่ายออกมาก็ชัดเจนสามารถดูและเข้าใจได้ง่ายทุกขั้นตอน

สาวไทยอยากประยุกต์การแต่งหน้าเป็นแบบสาวเกาหลีต้องทำอย่างไร
สาวเกาหลีชอบความมันวาว เน้นความชุ่มฉ่ำของผิวมากๆ แต่ถ้าจะแต่งแบบนี้ในเมืองไทยชั่วโมงเดียวคงหลุดแน่ๆ ถ้าอยากจะหน้าโกลวๆ แบบสาวเกาหลีล่ะก็ เพียงแค่ทาเบสเมคอัพและตรงไหนที่อยากจะเน้นก็ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำมัน อาจจะเป็นโอลีฟออยล์ก็ได้แตะตรงจุดที่ต้องการจะเน้นก็พอ อีกอย่างการบำรุงผิวจากภายในก็สำคัญฉะนั้นฉันจะชอบกินโอลีฟออยล์ตอนเช้าวันละช้อน แต่ต้องเป็น Extra Virgin โอลีฟออยล์ที่สกัดรอบแรกจากผลมะกอกนะเพราะจะไม่มีส่วนผสมของอย่างอื่น ให้ประโยชน์ทั้งสุขภาพและผิวพรรณด้วย

คุณมีไอดอลที่เป็นแรงบันดาลใจในการแต่งหน้าของคุณไหม
ฉันชอบ คังมินกยอง นักร้องเกาหลีวงดาวินชี่เพราะการแต่งหน้าของเธอจะเป็นแนววิ้งๆเน้นผิวที่ดูสดใสในแบบที่ฉันชอบ

ลุคไหนที่คุณชอบแต่งมากที่สุดในวันพักผ่อนสบายๆ
ปกติแล้ววันธรรมดาที่ต้องไปทำงานฉันจะไม่ติดขนตาปลอมเพราะฉันต้องใช้สายตาเยอะจึงทำให้เคืองตาง่าย แต่ว่าวันหยุดหรือวันพักผ่อนของฉันก็จะออกไปเที่ยวกับเพื่อนบ้าง ฉันจะติดขนตาปลอมเพราะว่าฉันชอบที่จะเน้นการแต่งตาเป็นพิเศษ

เวลาที่คุณแต่งหน้า คุณชอบเน้นแต่งส่วนไหนบนใบหน้าของคุณให้โดดเด่นที่สุด
ฉันชอบเน้นการแต่งหน้าที่ดวงตา เพราะการที่เราแต่งตาสวยทำให้ดูโดยรวมแล้วเราสวยเพิ่มขึ้น 80% เลยล่ะ

ลัคกี้อิเลิฟแอนด์ลัคกี้อินเกม

“เรื่องของงานถึงแม้เราจะไม่ได้เก่งอะไรมาก แต่เราก็เต็มที่กับงานทุกงาน”

สำหรับหนุ่มฮอต ตูมตาม เดอะสตาร์ เรียกว่าไปงานไหนก็มักจะมีแฟนคลับกองใหญ่ไปคอยท่ารอต้อนรับอย่างดีเสมอ มาเจอตูมตามครั้งนี้ชีวิตเป็นอย่างไรบ้าง

เจาะลึกเบื้องหลังอมตะนิยายรัก ‘โกโบริ-อังศุมาลิน’ ฉบับโมเดิร์นคลาสสิก

“ยังมีเรื่องยากที่สุดอีกอย่างคือ การแสดงเป็นคนญี่ปุ่น ผมต้องศึกษาประวัติศาสตร์ว่า สมัยนั้นคนญี่ปุ่นเป็นอย่างไร บุคลิกท่าทาง วัฒนธรรม ฉากที่มีบทพูดภาษาญี่ปุ่น ต้องใช้ความพยายามมาก อาศัยการซักซ้อมกับอาจารย์เยอะๆ แต่ก็มีบางฉากที่ยากมาก อย่างขี่ม้าและพูดภาษาญี่ปุ่นไปด้วยประมาณ5 นาที โอ้โฮทั้งขี่ม้า ทั้งจำบท และออกท่าทางกับน้ำเสียงให้เป็นคนญี่ปุ่น ขอพากย์เสียงใส่ทีหลังแล้วกัน (หัวเราะ)”

“คุณมีเหตุผลของคุณ ผมมีหัวใจของผมก็พอแล้ว” อาจจะเป็นประโยคคลาสสิคที่ทำให้ใครต่อใครเจ็บแทน โกโบริ มาหลายหน

แต่สำหรับ ‘คู่กรรม พ.ศ.2556’ ประโยคบอกเล่าสุดท้ายจากปากนายช่างชาวญี่ปุ่นที่จะทำให้คนดูเจ็บลึกยิ่งกว่าคือ “ผมรู้ว่าคุณพยายามไม่รักผม” และนั่นคือเรื่องราวความรักความผูกพันระหว่างโกโบริและอังศุมาลินที่ถูกนำมาถ่ายทอดเป็นภาพยนตร์อีกครั้งในแบบที่การันตีว่า แปลกใหม่ไม่ซ้ำเดิม

คู่กรรม 2556=หนังรักวัยรุ่น
ผู้กำกับคนเก่ง‘เรียว – กิตติกร เลียวศิริกุล’ ผู้ตั้งใจปลุกปั้นนิยายรักระดับคลาสสิกให้เป็นภาพยนตร์รักสมัยใหม่ เล่าถึงมุมมองในการสร้างผลงานโบแดงชิ้นใหม่ของตนเอง “ผมไม่เคยทำหนังจากวรรณกรรมมาก่อน แถมพอหยิบชิ้นแรกก็เป็นหนังรัก ย้อนยุค บทสนทนาเยอะ ทุกอย่างดูไกลตัวไปหมด ขณะเดียวกันก็ท้าทายมาก คนที่รู้จักจะรู้ว่า ผมไม่เคยทำหนังแนวเดิมกับที่เคยทำอยู่แล้ว ประกอบกับส่วนตัวชอบประวัติศาสตร์และเรื่องราวเกี่ยวกับสงคราม จึงตัดสินใจเลือก คู่กรรม แต่ทำออกมาในสไตล์และมุมมองที่เราสนใจ ซึ่งก่อนหน้านี้ผมเคยค้นคว้าข้อมูลทำหนังประวัติศาสตร์เก็บไว้เยอะ แต่ไม่เคยทำเป็นชิ้นเป็นอัน เพราะมันยาก จึงนำข้อมูลทั้งหมดมาประมวลใช้ในเรื่องนี้แล้วเจาะรายละเอียดให้ลึกขึ้น
“คู่กรรมฉบับนี้จะมีความทันสมัยและเป็นวัยรุ่นมากกว่าภาคก่อนๆ ไม่ใช่เพราะเราคิดเองเออเอง แต่มาจากการตีความและเทียบเคียงกับสภาพแวดล้อม ยุคสมัย ประวัติศาสตร์ ให้ใกล้ความจริงที่สุด อย่างตัวโกโบริยังเรียนไม่จบ ก็ต้องอยู่ช่วงวัยรุ่น ส่วนอังศุมาลินยิ่งแล้วใหญ่เพิ่งปีหนึ่งเอง นอกจากสิ่งที่ระบุอยู่ในบทประพันธ์หลังจากวิเคราะห์ตัวละครยังพบว่า สองคนนี้รักกันแบบวัยรุ่น นั่นคือรักแบบไม่ค่อยได้คิด มีแต่ความดื้อดึง ยึดมั่นถือมั่น แล้วมีสงครามเป็นอุปสรรคขวากหนาม ซึ่งผมมองว่าสงครามเป็นแฟชั่นที่เราไม่ได้ซาบซึ้งแล้วในยุคสมัยนี้ จริงๆ แล้วอุปสรรคของความรักอยู่ที่ภาวะจิตของหญิงกับชายมากกว่า เพราะฉะนั้นการตีความทำได้มากมายมหาศาล อยู่ที่ว่าเราจะนำเสนอออกมาอย่างไร และอยากให้โกโบริของเราเป็นอย่างไร หลังจากนั้นก็ปรึกษากับโปรดิวเซอร์- เอมี่ ถึงขั้นตอนการผลิต”

ว่าด้วยเรื่องของ ‘โกโบริ-ณเดชน์’
“คำว่า คู่กรรม ของเราหมายถึง โกโบริ หากหาโกโบริเจอก็ได้ทำ แต่ถ้าหาไม่เจอก็จบ แต่โชคดีที่เจอและเป็นการเจอแบบแจ็คพอตด้วย (ยิ้ม)”

‘เอมี่ – จันทิมา เลียวศิริกุล’ โปรดิวเซอร์ภาพยนตร์ของค่าย M39 เกริ่นก่อนเล่าต่อ

‘จอมขมังเวทย์’ ผู้พลิกชีวิตคนนับพันด้วยเบอร์โทรศัพท์

“เกมส์ไม่ใช่หมอดู แต่เป็นกูรูที่เกิดมาเพื่อสิ่งนี้”

ขึ้นชื่อเรื่องมาขนาดนี้ อาจทำให้ใครหลายคนคาใจ พร้อมกับตั้งคำถามเสียงสูง สีหน้าสงสัย ประมาณว่า “แค่เบอร์โทรศัพท์ จะสามารถพลิกชีวิตผู้คนนับพันให้เปลี่ยนได้จริงหรือ จะเป็นไปได้อย่างไร”

แต่เราอยากบอกว่า ที่เอ่ยมาทั้งหมดนี้ ผ่านการทดสอบและท้าพิสูจน์ด้วยตัวเขาเอง และดารานักแสดง ทั้งพระเอก-นางเอก เซเลบริตี้มากมาย ที่จ่อคิวขอให้เขาเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ เพื่อให้พบความสำเร็จ ทั้ง ‘รวย รัก เริด’ แบบจัดเต็ม จัดหนัก

บทสัมภาษณ์ชิ้นนี้ จึงไม่อยากพูดพล่ามทำเพลง นอกจากชวนคุณไป ซ.ต.พ. (ซึ่งต้องพิสูจน์)

คู่รักแบบฉบับ 2013

“เราไม่มีช่วงที่ตกลงเป็นแฟนเลยค่ะ รู้แค่ว่ารัก โดยไม่ได้ป่าวประกาศที่ไหน คบกันมา 2 ปี จนถึงวันที่เขามาขอแต่งงาน ช็อกมาก”

“ถ้าแฟนคุณมีกิ๊ก คุณจะตัดหรือไม่ตัดครับ” คำถามเด็ดโดนใจนี้ เป็นบทสนทนาแรกที่ “ปลื้ม” ถาม “ทับทิม” ในรายการ VRZO เมื่อสองปีก่อน และคำตอบของฝ่ายหญิงเป็นจุดพัฒนาความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ที่คุยกันถูกคอ

จนมาเป็นพิธีกรคู่กันในรายการยอดฮิตในโลกเน็ตเวิร์ค และกลายเป็นไอดอลคู่รักวัยรุ่นสุดฮ็อต ที่ตัดสินใจแต่งงานเร็วสายฟ้าแล่บ!

มิสเตอร์ แอนด์ มิสซิส สกิดใจ

“ผมสงสารเอ๋มาก เห็นแล้วทรมานแทน รู้สึกรักแม่ขึ้นด้วย ยังโทรศัพท์ไปคุยกับท่านว่า ตอนท้องผมแม่ต้องเหนื่อยขนาดนี้เลยหรือ ผมได้คำตอบเลยว่า สายใยความผูกพันของแม่กับลูกเกิดขึ้นในช่วงนี้เอง เป็นเวลา 9 เดือนที่สุดยอดมาก”

หนึ่งคำถามที่คุณอาจได้คิดต่อจากบทสัมภาษณ์นี้คือ ความรักของเราเป็นแบบไหน สำหรับ ‘ป๋อ-เอ๋’ รักของทั้งคู่ไม่ได้โรแมนติก หรูหรา หรือสวยหวานตลอดเวลา ตรงกันข้าม ตลอดเส้นทางที่ทอดผ่านงานวิวาห์ไปแล้ว เป็น ‘รักธรรมดา’

ที่มีเสียงหัวเราะ รอยน้ำตา และเรื่องวุ่นวายสารพัด แต่รักธรรมดาแบบนั้นเองที่ ‘สะกิดใจ’ ให้ทั้งสองคนได้เรียนรู้จักหัวใจของกันและกันอย่างแท้จริง จนกลายเป็นความรักที่สวยงามในแบบฉบับของตัวเอง

ถามถึงสมาชิกใหม่ที่กำลังจะลืมตาดูโลกก่อน คุณพ่อคุณแม่เห่อลูกชายแค่ไหนครับ

อาเล็กงานก็ฟิต หุ่นก็เฟิร์ม

“เล็กเป็นคนกินเก่งครับ ถ้ามีเวลาว่างก็จะรีบไปออกกำลังกายเลย เพราะเล็กรู้สึกว่าการออกกำลังกายเนี่ยมันได้ทุกอย่างเลย อย่างวิ่งเสร็จจะรู้สึกว่าผิวจะดีขึ้น ใสขึ้น สุขภาพก็ดีขึ้น”

พระเอกคิวทอง อาเล็ก ธีรเดช เมธาวรายุทธ แม้งานจะรัดตัวแค่ไหน หากมีเวลาว่างต่างจับตัวพ่อหนุ่มหล่อล่ำคนนี้มารับบทในจอแก้วอย่างไม่ขาดสาย วันนี้ praew.com จึงให้หนุ่มอาเล็กมาอัพเดทผลงานกันหน่อย

“ตอนนี้ผมมีถ่ายละครอยู่ 2 เรื่องครับ เรื่องทรายสีเพลิงกับ ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล แต่มีปิดกล้องไปแล้ว 1 เรื่องคือนางร้ายซัมเมอร์ครับ นอกจากนี้ก็จะมีอีเว้นท์ มีถ่ายมิวสิควีดีโอ มีถ่ายนิตยสารบ้าง”

บทบาทในแต่ละเรื่องที่ได้รับก็แตกต่างกันออกไป “เรื่องทรายสีเพลิงนี่ได้รับบทบาทเป็นสถาปนิกครับ เพิ่งจบมาใหม่ๆ มีคู่หมั้นอยู่แล้ว แต่ว่าคู่หมั้นของเราเนี่ยเป็นคนหัวโบราณ เก็บเนื้อเก็บตัว แตะเนื้อต้องตัวไม่ได้เลยและก็มีพี่ชม (ชมพู่ อารยา) เข้ามายั่วเลยทำให้ตามไปง่ายๆ

มินิเซ็กซี่ซัมเมอร์

“เมื่อก่อนมี่หมกมุ่นกับการช้อปปิ้ง ดูเสื้อผ้า แพลนชุดที่จะใส่ล่วงหน้ามาก ขนาดที่ตอนเรียนอยู่ลอนดอน เส้นทางรถเมล์เวลากลับบ้านต้องผ่านย่านช้อปปิ้งทุกวัน เราก็ขอลงรถเดินวนดูเสื้อผ้าทุกวัน”

เมื่อแพรวเจอกับคุณมีมี่ ดีไซเนอร์ฮ็อตที่ขึ้นชื่อเรื่องความเซ็กซี่ ได้อัพเดทสไตล์แฟชั่น งานและไลฟ์สไตล์ ทำให้เราดีดนิ้วสรุปได้ว่า สาวร่างเล็กคนนี้ฮ็อตตั้งแต่ข้างในถึงข้างนอกจริงๆ

“หากใครถามว่า หน้าร้อนของมี่คือที่ไหน กระบี่ เป็นคำตอบแรกและคำตอบสุดท้ายเสมอ เพราะมีครบทั้งวิวทะเลสวย น้ำทะเลใส อาหารอร่อย และเวลาที่เดินช้ากว่าปกติ หน้าร้อนนี้มี่แพลนว่าจะเป็นหัวหน้าแก๊งนำทีมเพื่อนสาวคนสนิท ไปเที่ยวกระบี่กันอีกครั้ง ใช้เวลาพักผ่อนฟื้นฟูความสดใส ที่ขาดไม่ได้คงเป็นชุดว่ายน้ำที่มีกลิ่นของวินเทจเล็กๆ แมทช์กับเสื้อผ้าออกมาเป็นลุคชิลแบบสวยๆ หรือเดรสพลิ้วเล่นกับลม แค่คิดก็อยากให้การเดินทางมาถึงไวๆ ”

สาวสวยสุดเปรี้ยวคุยด้วยแววตาสดใส ก่อนพูดต่อถึงความเปลี่ยนแปลงที่เป็นผลจากประสบการณ์และวัยที่โตขึ้น

รักที่ลงล็อคของ… ‘บุญชัย เบญจรงคกุล’

“ผมเจอเรื่องราวโลกแตกมาเยอะ มีหุ้นส่วนคนหนึ่งเคยไปเที่ยวรอบโลกด้วยกัน เขาเป็นโรคหัวใจ วันหนึ่งโทรมาหาผมบอกว่า อยากฟังเรื่องตลก ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยจะได้สบายใจ ผมก็เล่าให้ฟัง เขาหัวเราะชอบใจใหญ่ พอวางสายไป ชั่วโมงต่อมาเลขาฯ เขาโทรมาบอกว่า ท่านรองตายแล้วนะคะ”

ตั้งแต่ปลายปีก่อนต่อเนื่องถึงวันนี้ ข่าวที่ได้รับความสนใจทุกครั้งที่มีการพูดถึงคงหนีไม่พ้นความรักของเจ้าสัวหมื่นล้าน ‘บุญชัย เบญจรงคกุล’ กับนักแสดงสาว ‘ตั๊ก- บงกช คงมาลัย’

ตั้งแต่ปลายปีก่อนต่อเนื่องถึงวันนี้ ข่าวที่ได้รับความสนใจทุกครั้งที่มีการพูดถึงคงหนีไม่พ้นความรักของเจ้าสัวหมื่นล้าน ‘บุญชัย เบญจรงคกุล’ กับนักแสดงสาว ‘ตั๊ก- บงกช คงมาลัย’ นับจากวินาทีที่ประกาศแต่งงาน ชีวิตของเขาก็โดนสปอร์ตไลท์ส่องเข้ามาอย่างจัง เรื่องราวชีวิตส่วนตัว ความรัก ครอบครัว ถูกยกขึ้นมาพูดอีกครั้ง ณ ตอนนี้ไม่ว่าชีวิตของผู้ชายคนนี้จะดำเนินไปถึงบทไหนก็ตาม แต่สิ่งที่รับรู้ได้ตลอดการสัมภาษณ์คือ สีสันการใช้ชีวิตที่จัดจ้าน ชัดเจน ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเรื่องความรักของเขาเลย


ถ้าให้คุณบุญชัยวิเคราะห์ชีวิตที่ผ่านมา ช่วงไหนถือเป็นจุดเปลี่ยนของตัวเองบ้างคะ
เมื่อก่อนผมเป็นคนอวดเก่ง อวดรู้ ชอบเถียงพ่อ เป็นลูกเศรษฐี เรียนอยู่เมืองนอก 8 ปี มีรถสปอร์ตขับ มีบ้านอยู่ ใช้เงินอย่างเดียว เเต่พอกลับมาเมืองไทยพ่อเคี่ยวเข็ญให้สู้ชีวิต จำได้ว่าท่านส่งผมไปขายประกันครั้งแรกตอนอายุ 24 ปี รู้เลยว่า ขายระบบสื่อสาร ขายมือถือง่ายกว่าการขายประกันเยอะ (หัวเราะ) แต่ทำให้ได้เรียนรู้ทักษะการเจรจา แต่ตอนนั้นไม่เข้าใจว่าทำไมต้องให้ไปขายประกัน จึงประชดด้วยการหนีออกจากบ้าน ครั้งแรกผมไปเช่าอพาร์ทเมนท์เดือนละ 3,000 บาท อยู่แถวคลองเตย ตอนนั้นทำงานกับพ่อได้เงินเดือนละ 7,000 บาท ขึ้นรถเมล์ไปทำงานทุกวัน จากที่เคยอยู่สุขสบาย พอเจอสภาพแบบนั้นก็ทนไม่ได้ ไหนจะค่ารถเมล์ ค่าข้าว ซึ่งเฉพาะค่ากินอย่างเดียวก็ปาเข้าไปสามพันบาทแล้วอยู่ได้ 2 เดือน จึงตัดสินใจกลับไปอยู่บ้านดีกว่า

ครั้งที่สองผมยังไม่หายดื้อ ออกไปซื้อบ้านอยู่คนเดียว ราคาหลังละ 3 แสนบาท พื้นที่ 45 ตารางวา ผ่อนเดือนละ 3,000 บาท 15 ปี ทุกเช้าขึ้นรถเมล์ไปทำงาน ผมอยู่บ้านหลังนั้นเป็นปี จนพ่อป่วยหนักเป็นมะเร็งตับขั้นที่ 3 -4 จึงได้กลับไปอยู่กับท่าน และนั่นทำให้ผมรู้ว่าท่านต้องแบกรับภาระ และเจอกับอะไรบ้าง พอพ่อป่วย ธุรกิจทรุด กิจการหลายอย่างพลอยย่ำแย่ตาม จากที่เคยมีกำไรกลายเป็นขาดทุน เจ้าหนี้บางคนก็มาทวงหนี้กับผม วันนี้แบงค์จะฟ้อง รุ่งขึ้นจะโดนโชคร้ายอะไรก็ไม่รู้ แต่ละวันผมแทบไม่อยากตื่น เพราะไม่รู้จะมีอะไรอีก คู่แข่งทางการค้ามองเราเป็นลูกเสือ กินเสียตอนนี้จะง่ายกว่า บางครั้งก็ถูกข่มขู่เอาชีวิตสารพัด คิดในใจ ขนาดนี้เชียวหรือ เราไม่เคยรู้ ไม่เคยเห็นมาก่อน

มีอยู่วันหนึ่งตื่นเช้ามาทำงาน เจอกองปราบกับกรมศุลกากรเกือบ 10 คน สั่งปิดบริษัทไม่ให้ใครเข้าออกแล้วมาค้นเอกสารที่ห้องทำงานผม ที่หนักคือเขาวางปืนกลบนโต๊ะแล้วจับให้ผมเซ็นรับข้อหาว่า ค้าขายกับคอมมิวนิสต์ ตอนนั้นงงมากว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอตั้งสติได้ก็นึกออกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของเมื่อ 27 ปีที่แล้ว รัฐบาลสนับสนุนชนกลุ่มน้อยที่ตะเข็บชายแดนให้ต่อสู้ จึงซื้ออุปกรณ์สื่อสารทหารจากบริษัทผม แล้วเอาไปให้ชนกลุ่มน้อยใช้ วันดีคืนดีรัฐบาลไปทลายเขา แล้วเจออุปกรณ์สื่อสารของผม ซึ่งมีแต่บุญชัยคนเดียวที่นำเข้า สรุปว่าต้องขึ้นโรงขึ้นศาลวุ่นวาย ทำให้วิถีชีวิตผมถูกหล่อหลอมให้ใช้ชีวิตแบบวันต่อวัน เป็นคนที่ไม่นึกถึงอนาคต เพราะกลัวไปไม่ถึง

ดูเหมือนคุณบุญชัยเป็นคนค่อนข้างปล่อยวางนะคะ
ผมเรียนรู้แล้วว่าชีวิตคนเราไม่แน่นอน อย่างตัวผมเองก็เจอกับเหตุการณ์เฉียดตายหลายครั้ง ที่จำได้ขึ้นใจคือ ผมไปโรงงานห้องเย็นของคุณแม่ ขึ้นลิฟท์ที่ทำจากรอกไฟฟ้าแล้วเกิดขัดข้องร่วงลงมา โชคดีที่โซ่ผ่อนลงไปไม่หมดจึงไม่กระแทกพื้น แต่กระแทกอากาศ วันนั้นกระดูกทรุดสามข้อ หัวแตก สลบไปเลย ฟื้นอีกทีตอนกำลังเย็บหนังศีรษะ ซึ่งก่อนหน้านี้ผมเคยบอกทุกคนแล้วว่าอันตราย ไม่ควรใช้รอกไฟฟ้ามาทำลิฟท์ สุดท้ายผมก็ต้องกลายเป็นเหยื่อสังเวย เพื่อเปลี่ยนแปลงมัน

โอ้ย…ผมเจอเรื่องราวโลกแตกมาเยอะ มีหุ้นส่วนคนหนึ่งเคยไปเที่ยวรอบโลกด้วยกัน เขาเป็นโรคหัวใจ วันหนึ่งโทรมาหาผมบอกว่า อยากฟังเรื่องตลก ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยจะได้สบายใจ ผมก็เล่าให้ฟัง เขาหัวเราะชอบใจใหญ่ พอวางสายไป ชั่วโมงต่อมาเลขาฯ เขาโทรมาบอกว่า ท่านรองตายแล้วนะคะ นอนฟุบอยู่หน้าคอม ปรากฏว่าหัวเราะจนตาย ผมต้องรีบไปโรงพยาบาล มีโอกาสแต่งศพให้ด้วย เชื่อไหมชีวิตนี้ผมแต่งตัวให้ศพมาเจ็ดศพแล้ว พ่อ แม่ ลุง อา เพื่อนรุ่นน้อง ย่า และเพื่อนอีกคน

ติดตามอ่านเพิ่มเติมได้ที่นิตยสารแพรวฉบับ 807 วันที่ 10 เมษายน 2556 คอลัมน์

อลังการงานสร้างกรุกระเป๋าไฮแบรนด์ของ คุณนภัสนันท์ สมบูรณ์ทรัพย์ “ไม่รวย ไม่เริ่ดจริงทำไม่ได้”

“เมืองกาญจน์จะเสียนิดหนึ่งคือร้อนมาก จึงต้องเปิดแอร์ให้กระเป๋าทุกวัน อากาศช่วงเช้าค่อยยังชั่ว จึงเปิดตั้งแต่ประมาณเที่ยงๆ จนถึงราวห้าโมงเย็น เพื่อรักษาคุณภาพหนังให้สีสวยยาวนาน”

แม้โลกแฟชั่นจะหมุนเวียนเปลี่ยนไปแค่ไหน แต่หนึ่งไอเท็มที่ยังคงยึดครองเป็นชิ้น The Must ของสาวๆ คงไม่มีชิ้นใดเกินหน้าเกินตา ‘กระเป๋าใบสวย’

และเธอคนนี้เป็นอีกหนึ่งสาวที่หลงรักจนถึงขั้นสร้างอาณาจักรตู้ดิสเพลย์เฉกเช่นร้านแบรนด์ดัง สำหรับกระเป๋าซูปเปอร์ไฮแบรนด์ใบโปรดกว่า 200 ใบ

“เป็นคนช็อปปิ้งในเมืองไทย กล้าพูดได้ว่าทุกแบรนด์รู้จักดิฉันหมด” คุณนิ ภรรยาคนสวยของคุณตูน สมบูรณ์ทรัพย์ คอลเล็คเตอร์พระชื่อดัง และผู้บริหารบริษัท ซี เอ็ม วาย เค จำกัด ผู้รับผลิตสินค้าให้กับผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มชั้นนำ ได้เกริ่นถึงไลฟ์สไตล์การจับจ่ายขณะพาไปชมห้องคลอเซ็ทสุดอลังการ ที่สาวหลายคนอยากเป็นเจ้าของ

ทันทีที่ถึงจุดหมาย เสียง ‘ว้าว’ ของทีมงานดังขึ้นพร้อมกันแบบไม่ได้นัดหมาย เพราะภาพตรงหน้าคือห้องขนาดสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาว ตลอดผนังด้านข้างเป็นชั้นวางกระเป๋าจำแนกตามแบรนด์เนมดัง ส่วนโถงกลางบิลท์อินตู้สำหรับแอ็กเซสซอรี่ส์ที่หรูระยับไม่แพ้กัน
“ห้องนี้ถือเป็นห้องโปรด เพราะของรักของหวงอยู่ในนั้นหมด ตอนออกแบบบอกอินทีเรียร์ว่า ทำยังไงก็ได้ที่จะสามารถเก็บกระเป๋ากว่า 200 ใบได้ และขอให้ห้องเป็นสีขาวล้วน เพราะต้องการโชว์กระเป๋าให้เห็นชัดและเพื่อง่ายต่อการหยิบ พอตกแต่งเสร็จใช่เลย… จะชอบเข้าไปนั่งเล่นอยู่ในนี้ ได้เห็นกระเป๋าใบโปรดแล้วแฮปปี้”

‘Diorissimo’ is NUMBER 1
“ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนรักกระเป๋า มีเยอะทุกแบรนด์ ตั้งแต่แอร์เมส ชาเนล ดิออร์ หลุยส์ วิตตอง ซีลีน และแบรนด์อื่นๆ ถ้าเห็นแล้วชอบ คิดว่าเหมาะกับตัวเอง ยิ่งเป็นรุ่นลิมิเต็ดจะซื้อเลย แต่ที่มีเยอะสุด คือ ดิออร์ ทั้งรุ่นเลดี้ดิออร์และดิออร์ริสซิโม ซึ่งรุ่นหลังมีหมดทุกสี หลงรักตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ลองถือ คิดว่านี่คือตัวฉันเลย จำได้ใบนั้นเป็นสีส้ม สีสดโดนใจอย่างที่ชอบอยู่แล้ว จะสังเกตได้บนชั้นวางจะไม่เห็นกระเป๋าใบไหนมีสีอ่อนเลย และอีกอย่างเป็นคนทำเล็บตลอด จึงชอบกระเป๋าที่เปิดสะดวก หยิบของง่าย ซึ่งรุ่นนี้ตอบโจทย์ทั้งรูปทรงและฟังก์ชั่นใช้งาน แถมยังเข้าได้กับเสื้อผ้าลุคกลางวันทุกสไตล์ ดูเรียบง่ายแต่ทันสมัย จับคู่กับชุดทางการหน่อย หรือชุดลำลอง อย่างยีนส์ หรือแฟชั่นชุดทหาร ที่กำลังฮิตขณะนี้ก็ได้ จึงทยอยซื้อไล่สีมาเรื่อยๆ

“ดิออร์ริสซิโม บางคอลเล็คชั่นเข้ามาแค่ใบเดียว เคยครั้งหนึ่งมีคนซื้อไปก่อน แต่อยากได้จริงๆ จึงต้องใช้พลังของจีเอ็มช่วยสั่งให้ (หัวเราะ) บางใบเป็นลิมิเต็ดไม่มีเข้ามาขายในเมืองไทย ก็ต้องออร์เดอร์ให้ร้านช่วยจัดให้ ช็อปจนได้เป็นอีลีท ‘Elite’ ลูกค้าระดับต้นของดิออร์ ซึ่งเมื่อปลายปีที่ผ่านมาทางเขาก็ส่งสโนว์บอล มาให้เป็นของขวัญคริสต์มาส โดยทางดิออร์ฝรั่งเศสจะเป็นคนคัดสรรรายชื่อและส่งต่อไปยังดิออร์ทั่วโลก เพื่อมอบให้ลูกค้าอีลีทของตัวเอง

“ดิฉันชอบอัพเดทไอเท็มข้าวของจากนิตยสาร ซึ่งดิฉันก็เป็นแฟนคลับ ‘แพรว’ บางทีเห็นของในคอลัมน์แล้วโดนใจ ก็โทรสั่งที่ช็อปเลย อย่างน้องๆ ที่ดิออร์น่ารักมาก บางครั้งดิฉันไม่มีเวลา เขาก็จะเดินทางมาส่งของด้วยตัวเองถึงที่บ้านกาญจนบุรี เมืองกาญจน์จะเสียนิดหนึ่งคือร้อนมาก จึงต้องเปิดแอร์ให้กระเป๋าทุกวัน อากาศช่วงเช้าค่อยยังชั่ว จึงเปิดตั้งแต่ประมาณเที่ยงๆ จนถึงราวห้าโมงเย็น เพื่อรักษาคุณภาพหนังให้สีสวยยาวนาน”

คุณนิ เล่าต่อถึงความเป็นคนเชื่อในโชคลางและมีผลต่อการเลือกซื้อกระเป๋า “ดิฉันเกิดปีมะโรง จึงไม่ใช้สัตว์ประเภทเดียวกัน ประเภทมีเกล็ดหรือสัตว์เลื้อยคลาน เช่น จระเข้ งู ตะกวด แต่ถ้าเป็นหนังนกกระจอกเทศ หนังวัว หนังแกะ โอเค ครั้งหนึ่งเคยมีโอกาสจะได้กระเป๋าหนังจระเข้รุ่นลิมิเต็ด ที่ใครต่อใครว่าหายาก ยังปฏิเสธ ใครจะว่าโง่ ไม่เคยแคร์”

ติดตามอ่านเพิ่มเติมได้ที่นิตยสารแพรวฉบับ 808 วันที่ 25 เมษายน 2556 คอลัมน์

ความรักฉบับเต็ม

“เขามีรายละเอียดที่เราไม่คาดฝันเยอะมากค่ะ ไม่ใช่แค่ตำรวจ อย่างสมัยก่อนเขาเคยเจาะหู ไว้ผมยาวทำเดทร็อค ยังนึกภาพไม่ออกเลยว่าเป็นอย่างไร”

กลายเป็นตำรวจที่ถูกจับตามองมากที่สุด ณ ตอนนี้ สำหรับ ‘สารวัตรหมี’ หรือ ร.ต.อ.ศักดิ์สุนทร เปรมานนท์ นับตั้งแต่วินาทีที่เขาก้าวเข้ามาในชีวิตของนางเอกสาวแถวหน้าของเมืองไทยอย่าง ‘แพนเค้ก-เขมนิจ จามิกรณ์’

การพูดคุยต่อไปนี้เป็นบทสัมภาษณ์คู่รักที่แม้ไม่มีคำว่ารักอยู่ในเนื้อหา มีแต่เรื่องราวดีๆ ที่คุณคงพอเดาได้ว่าเขารักกันขนาดไหน

อันดับแรกต้องแสดงความยินดีกับหมวดหมี ที่ตอนนี้ต้องเรียกว่า สารวัตหมีแล้วใช่ไหมครับ
“ใช่ครับ ขอบคุณมากๆ ครับ (ยิ้ม) เพิ่งได้เลื่อนยศเป็นสารวัตร สังกัดกองงบประมาณ เมื่อสิ้นปีที่แล้วนี่เองครับ”

ก่อนหน้าจะรับราชการ ทราบมาว่าสารวัตรเข้าวงการบันเทิงมาก่อนแพนเค้กเสียอีก
สารวัตรหมีหัวเราะ “เรียกว่าสัมผัสวงการดีกว่า ก่อนรับราชการเป็นตำรวจ ผมเติบโตมาโดยมีความคิดว่าอยากทำงานศิลปะ เป็นช่างภาพ จำได้เลยว่าตอนเด็กๆ คุณพ่อซื้อกล้องฟิล์ม Olympus ให้ผมจึงมุ่งมั่นอยากทำงานสายนี้ พอเรียนจบมัธยมต้นก็ไปศึกษาต่อไฮสคูลที่สหรัฐอเมริกา แล้วเลือกเรียนกราฟิกดีไซน์และถ่ายภาพที่มหาวิทยาลัย National University ใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกาถึง 11 ปี พอกลับมาเมืองไทยได้แค่ 3 วัน ก็เดินเข้าไปสมัครงานที่ตึกแกรมมี่เลย และได้ทำงานกับพี่ภิญโญ รู้ธรรม ตำแหน่งโปรดิวเซอร์ให้บริษัททีนทอล์ค สมัยนั้นมีรายการ E for Teens และรายการ Wake Club ทำมาเรื่อยๆ จนมาถึงรายการสุดท้ายคือ Small Talk เป็นเกมโชว์ พอทำไปสักพักก็ผันตัวเองไปทำงานให้ต่างชาติอยู่ระยะหนึ่ง จากนั้นโยกตัวเองเข้าไปอยู่ BEC TERO ทำอยู่ประมาณ 3-4 ปี

แพนเค้กช่วยเสริม “เขามีรายละเอียดที่เราไม่คาดฝันเยอะมากค่ะ ไม่ใช่แค่ตำรวจ อย่างสมัยก่อนเขาเคยเจาะหู ไว้ผมยาวทำเดทร็อค ยังนึกภาพไม่ออกเลยว่าเป็นอย่างไร แพนขอดูรูปแต่เขายังไม่ให้ดูค่ะ คงเขิน (หัวเราะ) เขายังมีเกร็ดชีวิตจากประสบการณ์ที่เคยผ่านโลกมาเล่าให้แม่ ให้น้องฟังเยอะ ซึ่งเป็นเรื่องใหม่สำหรับแพน เพราะเราอยู่แต่ในโลกของการทำงาน ดังนั้นพอฟังเรื่องเขา ก็ทำให้เราได้รู้ ได้เห็นมากขึ้น พี่หมีเป็นผู้ใหญ่ที่มีมุมมองหลายอย่างสามารถสอนเราได้เยอะ

เคยถามคุณหมีไหมว่าช่วงที่เขาเรียนอยู่อเมริกา ฮ็อตแค่ไหน
แพนเค้กหัวเราะ “ไม่น่าถามนะแพนว่า แต่ก็มีแอบถามประมาณว่า อยู่ที่นั่นเป็นอย่างไร ที่ผ่านมามีเรื่องหรือเจออะไรบ้าง

คล้ายๆ สืบราชการลับหรือเปล่าครับ
ไม่ใช่ค่ะ แพนถามเพื่อเก็บข้อมูลมากกว่า (หัวเราะ) แต่เราทั้งคู่คิดตรงกันว่า ทุกคนเคยมีอดีตทั้งนั้น แต่สิ่งสำคัญคือ ปัจจุบันที่เราจะเจอ และมีเรื่องราวดีๆ ที่จะทำด้วยกันมากกว่า

แล้วเจอกับแพนเค้กได้อย่างไรครับ

นักจัดดอกไม้ไฮโซแห่งมหานครแคลิฟอร์เนีย

ปูเคยจัดดอกไม้ในปาร์ตี้เปิดตัวรถ Ferrari แต่งร้านอาหารของสุดยอดเชฟ Charlie Palmer แต่งช็อปให้ Valentino มีส่วนในงานเปิดตัวหนัง Twilight จนถึงการดูแลทุกเรื่องเกี่ยวกับดอกไม้ให้กับ ‘Pelican Hill’ โรงแรมอันดับต้นๆ ของสหรัฐอเมริกา

เราทำอะไรกับชีวิตได้มากน้อยแค่ไหนนี่คือ ‘คำถาม’ ที่คุณอาจได้ ‘คำตอบ’ จากบทสัมภาษณ์ ‘Nisie Vorachard’ หรือ ‘ปู-นิศากร’ สาวไทยคนเก่งที่ไปสร้างชื่อยังสหรัฐอเมริกา ด้วยฝีมือการจัดดอกไม้ระดับลักซ์ชัวรี่

เราทำอะไรกับชีวิตได้มากน้อยแค่ไหนนี่คือ ‘คำถาม’ ที่คุณอาจได้ ‘คำตอบ’ จากบทสัมภาษณ์ ‘Nisie Vorachard’ หรือ ‘ปู-นิศากร’ สาวไทยคนเก่งที่ไปสร้างชื่อยังสหรัฐอเมริกา ด้วยฝีมือการจัดดอกไม้ระดับลักซ์ชัวรี่

โลกสวยด้วย ‘เพลง’

“ปกติเพลงจะช็อปปิ้งเสื้อผ้ากับคุณแม่ แต่ถ้าวันไหนฉายเดี่ยวก็จะใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพชุดที่ชอบแล้วส่งไปให้คุณแม่ช่วยคอนเฟิร์ม”

แม้แพรวจะไม่ได้พบเจอกับ ‘เพลง’ บ่อยครั้งนัก ล่าสุดในงานเปิดตัวรอบปฐมทัศน์ภาพยนตร์เรื่อง คู่กรรม ที่สยามพารากอน สาวน้อย 18 ในชุด Little Black Dress ต้องยอมรับว่าเธอสวยวันสวยคืนจริงๆ

“ปกติเพลงจะช็อปปิ้งเสื้อผ้ากับคุณแม่ แต่ถ้าวันไหนฉายเดี่ยวก็จะใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพชุดที่ชอบแล้วส่งไปให้คุณแม่ช่วยคอนเฟิร์ม อย่างชุดนี้ซื้อกับคุณแม่ที่ร้าน Cloud 9 จำแบรนด์ไม่ได้ ข้างหลังเว้าเป็นรูปถัง ซึ่งค่อนข้างกว้างและลึก แต่ด้วยเนื้อผ้าและคัตติ้งที่ดีมากๆ ทำให้ไหล่ไม่หลุด เพลงว่าชุดเปิดหลังกลายเป็นซิกเนเจอร์ประจำตัวไปแล้ว กระเป๋าคลัชต์ Jil Sander ใบนี้ซื้อกับคุณแม่ เรียกว่าเป็นของกลาง ใช้ด้วยกันแม่ลูก รองเท้าคู่โปรด Christian Louboutin เข้ากับทุกชุด แม้ส้นค่อนข้างสูงแต่ใส่สบาย ช่วยให้ขาดูยาวขึ้น กำไล Bvlgari เหมาะกับวัยของเพลง ดูไม่เยอะจนเกินไป”

พบกันครั้งนี้เพลงมีข่าวดีมาอัพเดท เพิ่งเข้าเป็นนิสิตน้องใหม่ คณะนิเทศศาสตร์ (อินเตอร์ฯ) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แม้มีเวลาอ่านหนังสือไม่ได้เต็มที่ เเพราะเริ่มตามรอยเท้าคุณแม่ ก้าวสู่วงการบันเทิง นอกจากงานเดินแบบแล้ว กำลังถ่ายละครเพลงซีรี่ส์ทางช่อง 9 เรื่อง My Melody 360 องศารัก ได้ข่าวว่ามีแฟนคลับตัวน้อยวัยไม่เกิน 10 ขวบคอยตามกรี๊ดกับเขาเหมือนกัน

คำถามนี้แพรวถามแทนใจหนุ่มๆ ถึงเรื่องราวความรักของสาววัย 18 คนนี้
“ไม่มีค่ะ จนคุณยายเป็นห่วงเคยถามว่า จะขึ้นคานไหมนี่”

ใครอยากรู้ว่าคุณพ่อเอ๋-ชนม์สวัสดิ์ หวงลูกสาวแค่ไหน น้องเพลงคอนเฟิร์มว่า “ที่สุดค่ะ หนุ่มๆ ห้ามจีบ” โปรดทราบโดยทั่วกัน

Credit ภาพ :

เปลือยหัวใจ ‘นางสิงห์จอมอึด’ แห่ง Songland

“ยอมรับว่าตอนนั้นเรายังเด็ก อายุไม่ถึงสามสิบ ชีวิตไม่เคยเจออะไรแบบนี้ เพ็ญอาจไม่ใช่ลูกมหาเศรษฐีหมื่นล้านพันล้าน แต่ชีวิตไม่ได้ลำบาก ไม่เคยมีหนี้สิน จู่ๆ แค่คืนเดียว ชีวิตเปลี่ยนทิศไปเลย”

ไม่ว่าภาพของเธอที่ปรากฏสู่สายตาและการรับรู้ของผู้คนโดยทั่วไปจะเป็นเช่นไร…เป็นผู้หญิงสุดเว่อร์ ที่มีคำติดปากว่า ‘Oh! my god’ ตลอดเวลา เป็นเซเลบริตี้ตัวแม่ ที่ปรากฏกายงานไหน ต้องจัดเต็ม ถ้าไม่ ‘เว่อร์’ ไม่ใช่ ‘เพ็ญ’

เป็นสาวนักช้อป (กระจาย) ที่หลายคนยอมยกธงขาว …ไม่กล้ารูดปรื๊ดๆ แบบเธอ หรือแม้กระทั่งเป็นสาวทำงาน ดีลธุรกิจระดับพันล้าน

แต่ครั้งนี้เราอยากชวนคุณไปเปลือยหัวใจเธอให้ถึงแก่นความเป็น ‘เพ็ญ สุขสมบูรณ์วงศ์’ นางสิงห์ผู้ไม่แพ้แห่ง Songland เจ้าของโปรเจ็คท์อสังหาริมทรัพย์ระดับพันล้าน

หลังจากปิดจ็อบสุดท้ายของค่ำคืนนั้น ด้วยภาพถ่ายคุณเพ็ญสวมเดรสยาวสีดำเข้ารูปสุดเซ็กซี่ของ Vatanika โดยเธอนอนแช่น้ำในอ่างจากุชชี่ บนชั้นสูงสุดของคอนโดมิเนียมสุดหรูริมทะเล มองออกไปไกลเห็นเส้นขอบฟ้าตัดกับทะเลพัทยารอบด้าน

เธอขอเวลาทำความสะอาดเนื้อตัวให้เรียบร้อย ก่อนตามมาสมทบเพื่อพูดคุยกับเราอย่างออกรสชาติอีกครั้งในชุดเดรสยาวผ้าบางเบาสีส้มที่เห็นชัดว่าข้างใต้โนบรา ส่วนใบหน้าก็ปราศจากเครื่องสำอางแต่งแต้ม เผยให้เห็นผิวขาวอมชมพู ยิ่งส่งให้เธอดูเหมือนเด็กสาวรูปร่างผอมบาง มากกว่าจะเป็นคุณแม่ของเด็กชายธาดา ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนวัยสิบขวบ หรือนักธุรกิจพันล้านแต่งหน้าเข้ม แรงเว่อร์ ที่เป็นภาพคุ้นตาของสื่อและผู้เสพสื่อ จนเราอดเอ่ยปากชมไม่ได้

เธอยิ้มรับ ก่อนแซวกลับว่า “พูดอย่างนี้หมายความว่าเพ็ญแต่งหน้าแล้วดูแก่ใช่ไหม” พร้อมกับหัวเราะร่วน จากนั้นบทสนทนาระหว่างเรา จึงเริ่มขึ้นแบบตรงไปตรงมา

“ถามตรงๆ ได้เลย เพ็ญเป็นคนตรงๆ อยู่แล้ว” เธอบอก

“คุณเพ็ญทำอะไรถึงรวยได้ขนาดนี้” เรายิงคำถามเข้าเป้าทันที
“ โอ๊ย …เพ็ญยังไม่รวยหรอก แต่ถ้าคำว่า ‘รวย’ หมายถึง เพ็ญได้ทุกสิ่งทุกอย่างมาได้อย่างไร หรือกลับมาสู่แวดวงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างไร ต้องบอกว่าบริษัท Songland ที่เพ็ญตั้งขึ้นเพื่อทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีรายได้จากการซื้อขายที่ดิน และเก็งกำไรพร็อพเพอร์ตี้ต่างๆ แต่โปรเจ็คท์ที่ทำให้มีรายได้มากที่สุด คือ ช่วงซื้อขายที่ดินที่ภูเก็ต อย่างที่ทราบดีว่าปี 1997 ช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ แบงค์หยุดปล่อยกู้ ไม่มีการลงทุนใดๆ ทั้งสิ้น ทุกอย่างหยุดหมด เพ็ญใช้วิธีเก็บเงินทีละเล็กละน้อยทยอยซื้อที่ดินเก็บทีละสามไร่ ห้าไร่ สิบไร่ ซื้อมาขายไป แปลงใหญ่สุดที่ซื้อคือกว่า 250 ไร่ วางแผนกับหุ้นส่วนนักธุรกิจจากดูไบ กะว่าจะร่วมพัฒนาที่ดินด้วยกัน แต่เกิดเหตุการณ์ประท้วงทางการเมืองในบ้านเราเสียก่อน จนไม่มีใครกล้าลงทุนในไทย ทุกอย่างหยุด เพ็ญจึงขายที่ดินให้เขาเกือบหมด เขาก็จ่ายค่าที่ดินให้ ส่วนเราเหลือหุ้นเล็กน้อย ทุกวันนี้ที่ดินแปลงนี้ก็ยังปล่อยให้ว่างเปล่า ไม่ได้ทำอะไร คงต้องรอดูหุ้นส่วนใหญ่อีกทีว่าเขามีแผนจะพัฒนาอะไรต่อ

ติดตามอ่านเพิ่มเติมได้ที่นิตยสารแพรวฉบับ 810 วันที่ 25 พฤษภาคม 2556 คอลัมน์ Style exclusive

สบายสไตล์ศรัยฉัตร

“ครอบครัวของหนิงชอบเที่ยวทะเลมาก เรามีคอนโดอยู่ที่หัวหินจึงเป็นแกมบังคับว่าต้องไปดูแล แถมยังใกล้กรุงเทพและเดินทางง่ายอีกด้วย”

ชาวแพรวหลายคนคงคุ้นหน้าคุ้นตากับผู้หญิงมากความสามารถคนนี้ คุณหนิง-ศรัยฉัตร กุญชร ณ อยุธยา จีระแพทย์ พิธีกรสาวคนเก่งจากงานอีเวนท์ต่างๆ

ปกติเราเห็นเธอเป็นสาวสังคมใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในเมือง แต่คุณผู้อ่านทราบไหมคะว่า คุณหนิงมีมุมที่ต่างออกไป วันนี้ praew.com พาคุณผู้อ่านมารู้จักกับไลฟ์สไตล์ของเธอให้มากขึ้น


YOUR LIFESTYLE

“ด้วยความที่เป็นพิธีกรเป็นอาชีพอิสระ แต่ละวันของหนิงจึงไม่เหมือนกันเลย แต่สิ่งที่ให้ความสำคัญมากที่สุดคือครอบครัว ตอนนี้หนิงเลยต้องเปิดปฏิทินหาวันหยุดยาว แล้ววางแผนกันว่าจะพาลูกไปเที่ยวที่ไหนดี อาจจะเป็นในประเทศบ้าง ต่างประเทศบ้าง วันจันทร์ – วันพฤหัสส่วนใหญ่แล้วจะทานข้าวที่บ้าน ส่วนวันศุกร์-วันอาทิตย์จะเปลี่ยนบรรยากาศออกมาทานอาหารข้างนอก หรือพี่โบ๊ท(คุณจามร จีระแพทย์)จะทำอาหารให้ทาน สิ่งหนึ่งที่หนิงกับพี่โบ๊ทตั้งใจทำเป็นพิเศษคือการออกกำลังกายด้วยการใช้ดีวีดีเวิร์คเอาท์ (Insanity) ใช้เวลาเพียง 45 นาทีเท่านั้น ที่สำคัญสามารถออกกำลังกายที่บ้านได้เลย ไม่ต้องไปฟิตเนสให้เสียเวลา แถมคุณหนิงยังกระซิบอีกว่าเดทแรกของเธอกับสามีก็เป็นการออกกำลังกายด้วยเช่นกัน”

YOUR TRIP

“ครอบครัวของหนิงชอบเที่ยวทะเลมาก เรามีคอนโดอยู่ที่หัวหินจึงเป็นแกมบังคับว่าต้องไปดูแล แถมยังใกล้กรุงเทพและเดินทางง่ายอีกด้วย”


YOUR RECOMMEND

“ครอบครัวของหนิงชอบไปพักผ่อนที่หัวหินหรือไม่ก็พัทยา หากเป็นหัวหิน จะพักที่คอนโดของตัวเอง แต่ถ้าเป็นพัทยาจะพักอยู่สองที่คือ โรงแรมฮิลตัน และเซ็นทาราแกรนด์มิราจบีชรีสอร์ทเพราะว่าทั้ง 2 ที่นี้มีครบทุกอย่าง จึงรู้สึกว่าได้พักผ่อนอย่างเต็มที่”

3 ZAP TEAM เวอร์ เปรี้ยว แซบ

“ดิฉันคิดว่า เราเป็นทีมที่ลงตัวมาก กับแมร์นี่หายห่วง เพราะเคยร่วมงานกันตั้งแต่รายการฉันไปค้างคืนกับซุปตาร์’ มารายใหม่จึงคลิกกันทันที โยนมุกรับส่งกันได้สบาย หลายมุกไม่มีในสคริปต์ด้วยซ้ำ เราเล่นสดๆ กันเองบนเวที ชมพู่เองก็หัวไว ทำงานด้วยแล้วสนุก เข้าขากันดีทั้งที่ไม่เคยร่วมงานกัน”

3 คำนั้น คือบทสรุปของ ‘3 แซบ’ ทอล์คโชว์น้องใหม่ที่ออกตัวแรงตั้งแต่ความฮ็อตของ 3 พิธีกรสาวที่มีฝีปากจัดจ้านไม่แพ้กัน ต่อด้วยฉากสุดอลังการ เสื้อ ผ้า หน้า ผม ทั้งของพิธีกรและแขกรับเชิญ ที่ไม่มีคำว่าเบาๆ เพราะเขาจัดใหญ่ จัดเต็มทุกเทป

ชมพู่กับกาละแมร์ยกให้อรนภา พี่ใหญ่ประจำแก๊งเล่าก่อน “รายการนี้แซบตั้งแต่เสื้อผ้าของพิธีกร เวอร์จนใส่ลำบาก แค่เทปแรกก็ลากราตรียาวหางปลาแล้ว ต่อด้วยชุดคอร์เสต ใส่สวยแต่แน่นเปรี๊ยะ แล้วยังต้องแบกเครื่องหัวที่ใหญ่และหนัก เวลานั่งต้องหลังตรง ไม่สามารถงอตัวได้ เกร็งไปหมด แขกรับเชิญตกใจว่า แต่งกันขนาดนี้เลยหรือ อยากบอกว่า พวกเราไม่มีทางเลือก ขึ้นหลังเสือแล้วลงไม่ได้ (หัวเราะทั้งวง)”

ชมพู่เม้าท์ต่อทันควัน “บางเทปใช้เวลาแต่งตัวนานกว่าอัดรายการอีก แล้วถ้าแขกรับเชิญคนไหนทำการบ้านมาดีก็จะจัดเต็มมาสู้ อย่างพลอย-เฌอมาลย์ นางลงทุนจ้างสไตลิสต์ส่วนตัว ติดโบผมใหญ่เบิ้ม พอไม่มีใครยอมกัน ทำให้รายการสนุกไปด้วย นอกจากนี้เราก็หยิบเรื่องที่คนดูสนใจมาคุย เช่น ศัลยกรรม เทปนั้นเรตติ้งดีมาก มีคนพูดถึงเยอะ”
กาละแมร์เล่าบ้าง “แมร์ชอบเทป สองพี่นก สินจัย-ฉัตรชัย เปล่งพานิช ที่มาพูดเรื่องการดูแลครอบครัว และมุมหวานๆ ที่ไม่เคยเล่าให้ใครฟัง แถมยังมีลูกๆ ทั้ง 3 คน ถือเค้กกับช่อดอกไม้มาเซอร์ไพรส์คุณพ่อคุณแม่ สร้างบรรยากาศให้เหมือนงานแต่งงานอีกครั้ง วันนั้นเราได้เห็นภาพน่ารักๆ ของครอบครัวแบบพร้อมหน้าพร้อมตาจนน้ำตาซึมไปด้วย”

ชมพู่แอบกระทุ้งให้กาลาแมร์เล่าถึงเบื้องหลังที่ชวนลูกๆ ของสองนกมาร่วมรายการได้ “แมร์โทรศัพท์ไปหาน้องกันต์ (สิทธิโชค เปล่งพานิช) ตอนแรกน้องบอกว่า ติดโน่นนี่นั่น อาจไปไม่ได้ครับ แต่พอเราบอกว่า มีค่าขนมให้นะ เท่านั้นแหละ กันต์โทรตามน้องๆ มากันหมดบ้าน (หัวเราะ)”
อรนภาชวนน้องๆ คุยถึงการทำงานร่วมกัน “ดิฉันคิดว่า เราเป็นทีมที่ลงตัวมาก กับแมร์นี่หายห่วง เพราะเคยร่วมงานกันตั้งแต่รายการฉันไปค้างคืนกับซุปตาร์’ มารายใหม่จึงคลิกกันทันที โยนมุกรับส่งกันได้สบาย หลายมุกไม่มีในสคริปต์ด้วยซ้ำ เราเล่นสดๆ กันเองบนเวที ชมพู่เองก็หัวไว ทำงานด้วยแล้วสนุก เข้าขากันดีทั้งที่ไม่เคยร่วมงานกัน”
ชมพู่ทำท่ากระซิบแต่ตั้งใจพูดดังๆ “คุณแม่ (สรรพนามที่ชมพู่เรียกพี่ม้า) อาจจำไม่ได้ว่าเคยแต่งหน้าให้ชมเมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นคุณแม่ยังบอกว่า ใต้ตาหนูแย่มากนะ…. (อรนภาหัวเราะเสียงดัง แล้วทำท่าจำไม่ได้ว่า เคยพูดแบบนั้น) ช่วงแรกๆ ชมจึงแอบเกร็งว่า ถ้าแซวอะไรจะดูไม่น่ารักไหม จะโดนคุณแม่ดุหรือเปล่า แต่พอได้ทำงานด้วยแล้วสบายใจ คุณแม่น่ารักมาก และส่วนใหญ่เราก็ชอบโยนมุกสดบนเวที จริงๆ ดีกว่าเตี๊ยมแล้วเกิดอารมณ์เกรงใจ ทำให้ไม่สนุก”

ติดตามอ่านเรื่องราวของ 3 แซบได้ที่นิตยสารแพรวฉบับ 810 วันที่ 25 พฤษภาคม 2556 คอลัมน์ Live Stories

เรื่อง อรสา, อรวรรณ

Pee Mak Teams

“บอมบ์เขามาสายหล่อครับ มีฉากที่ต้องเล่นเป็นกระหัง เพราะรู้ว่าจะต้องถอดเสื้อ มีแอบไปวิดพื้นด้วยนะ ปั๊มกล้ามใหญ่เลย”

ไม่ใช่พระเอกแถวหน้า ไม่ใช่นักร้องคนดัง แต่นาทีนี้ไม่มีใครไม่รู้จักแก๊ง 4 เกรียนนำทีมโดย ฟรอยด์-ณัฏฐพงษ์ ชาติพงศ์, เผือก-พงศธร จงวิลาส, เชน-อัฒรุต คงราศรี และบอมบ์-กันตพัฒน์ เพิ่มพูนพัชรสุข ในฐานะ ‘เพื่อนพี่มาก’

ด้วยคาเเร็คเตอร์ที่เป็นเอกลักษณ์และความจี๊ดที่ไม่เป็นรองใคร เมื่อมารวมตัวกันจึงมีแต่คำว่าฮา

ในฐานะผู้อาวุโสสุดของกลุ่ม ‘เผือก’ ขอพูดก่อน “ผมเป็นรุ่นพี่ที่คณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่เดียวกับฟรอยด์ เจอกันในงานรับน้อง ภาพแรกที่เห็นคือ เขายืนแก้ผ้าหน้าไม่อาย แล้วพอได้มาร่วมงานกันในหนังเรื่อง 4 แพร่ง ต่อด้วย 5 แพร่ง ยันเรื่อง พี่มากพระโขนง เขาก็ยังชอบแก้ผ้าจนกลายเป็นเรื่องธรรมดามากเวลาอยู่ในกองถ่าย
บอมบ์ช่วยซ้ำ “เปิดก้นหมดเลยครับ พวกผมเห็นจนเบื่อ แต่พวกทีมงานคอสตูมผู้หญิงที่เข้ามาใหม่จะไม่ชิน พอเห็นฟรอยด์แก้ผ้าก็ตกใจวิ่งหนีเตลิดเปิดเปิง หรืออย่างพวกช่างแต่งหน้าทำผมจะโดนฟรอยด์ไล่ปล้ำตลอด”
ฟรอยด์ยิงมุกไม่สะทกสะท้าน “ความจริงปกติตอนนี้ผมก็ต้องแก้แล้วนะ (ฟรอยด์แกล้งทำท่าจับจะรูดซิปกางเกง)”
เชนรีบเบรค “เดี๋ยวสัมภาษณ์เสร็จก่อนแล้วค่อยโชว์นะ”

ฟรอยด์ ยังให้เหตุผลต่อ
“ที่ผมทำก็เพื่อทุกคนนะครับ อยากให้สนุกกัน เพราะเท่าที่ร่วมงานกันมา 5 ปี ผมว่าพี่มากพระโขนงหนักสุด แต่ละคิวล้วนทรหดอดทนทั้งนั้น”
เชนพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ๆ หนักสุด เพราะส่วนมากเป็นคิวกลางคืน จึงต้องอดหลับอดนอน ถ่ายกันจนถึงตี 4 เหนื่อยมาก ทุกคนมักจะอยู่ในสภาพแบตใกล้หมดเต็มที มีฟรอยด์นี่แหละยังคงยืนหยัดอยู่ได้คนเดียว แล้วคอยมาชาร์จพลัง แบบผมกำลังจะหลับ ก็มาปลุกซะงั้น”
เผือกแทรกมาแบบนิ่งๆ “คือผมนอนห้องเดียวกับเชน เสร็จงานมาเหนื่อยๆ ฟรอยด์ยังตามมาป่วนถึงห้อง มาขอนั่งดูทีวีอะไรไปเรื่อยเปื่อย แล้วยังมาถามอีกว่า พี่รำคาญผมหรือเปล่า พี่ยังไม่นอนใช่ไหม (หัวเราะทั้งวง) จะบอกว่ารำคาญมาก หรือจะนอนแล้วก็ดูใจดำ ต้องฝืนพูดไปว่า ตามสบาย (เผือกกัดฟัน) อยู่กับฟรอยด์ในกองถ่ายเดือนกว่า ผมเห็นเขาด่าคนโน้นคนนี้ไปทั่ว โดนกันทั้งกองครับ ชอบอำ ชอบแซว แล้วบางทีดึกๆ ก็ชอบมากระซิบถามผมว่า พี่ว่าคนในกองเกลียดผมหรือเปล่า ผมก็บอกว่ามีบ้างแหละ…นิดๆ มั้ง”

ฟรอยด์รีบแก้ตัว “แต่ผมไม่ได้เล่นพร่ำเพรื่อนะ ถ้าพี่จะนอนจริงๆ ผมก็ไม่แกล้ง แค่ไม่อยากให้ทุกคนหงอยครับ เพราะเวลาถ่ายออกมาทุกคนจะดูงัวเงีย ไม่เต็มที่ไม่มีพลัง ผมจึงเป็นตัวกระตุ้น แหย่บ้าง เล่นกับเขาบ้างให้บรรยากาศสนุกเฮฮา เพราะเรื่องนี้โหดจริง คิดดูนัดกอง 3-4 โมงเย็น ถ่ายกันยันเช้า แล้วถึงได้นอน พอบ่าย 3 ตื่นมาถ่ายต่อ เวลาจะงงไปหมด ให้อารมณ์เหมือนอยู่อเมริกา เจ็ตแล็กไปช่วงหนึ่ง แล้วบางทีพอกลับไปเช้าเจอแสงแยงตานอนไม่หลับอีก ดังนั้นตอนถ่ายจึงพยายามเล่นเต็มที่ ให้ร่างกายเหนื่อยสุดๆ จะได้หลับสนิทไปเลย”
บอมบ์เสริมเรื่องส่วนตัว “ผมต้องกินยาระบาย เพราะระบบรวนไปหมด”
เผือกบอกว่าฟรอยด์มีเว่อร์ชั่นหงอยด้วย “วันไหนฟรอยด์แบตหมด บรรยากาศในกองถ่ายจะเงียบ ดูเหี่ยวเฉาทันที อย่างมีฉากหนึ่งในศาลาวัดที่เรา 4 คนโดนมัดสายสิญจน์ วันนั้นเรียกว่าเลยจุดเหนื่อย เพื่อนๆ ทุกคนนิ่งไปนาน ทีแรกฟรอยด์พยายามฝืนอยู่ สุดท้ายพอเขาฟิวล์ขาดปุ๊บกองถ่ายเงียบทันที”

ฟรอยด์ทำหน้านึกได้ “ใช่ นิ่งไปเกือบชั่วโมง ตาลอย มองเพดานวัด เหนื่อยมากจริงๆ ร้อนก็ร้อน แล้วทุกคนตัวเหม็นมาก เหม็นเหงื่อทั้งของตัวเอง และของเพื่อน”
เผือกเล่าไปขำไป “ทีแรกเรากลัวกันว่า เดี๋ยวพอใหม่ (ดาริกา โฮร์เน่) เข้าฉากด้วยแล้วจะคิดว่าเราตัวเหม็นหรือเปล่า แต่ที่ไหนได้สไบของนางก็เหม็นเหมือนกัน เพราะใส่ซ้ำไปซ้ำมาตลอด”
ฟรอยด์มุ่งประเด็นไปที่บอมบ์บ้าง “แต่คนที่โชคดีที่สุดคือ บอมบ์ เป็นคนเดียวที่รอดไม่ต้องทาตัวดำ เพราะผิวดำอยู่แล้ว ไม่ต้องทำอะไรมาก แค่โดนถีบตกน้ำอย่างเดียว ขณะที่คนอื่นโดนทาตัวดำ หรืออย่างฉากที่ผมโดนผึ้งต่อย ต้องแปะซิลิโคนให้หน้าดูบวม ถ่ายอยู่ 8 ชั่วโมง สิวขึ้นเต็มหน้าเลย”
เผือกร่วมวงถล่มบอมบ์ “บอมบ์เขามาสายหล่อครับ มีฉากที่ต้องเล่นเป็นกระหัง เพราะรู้ว่าจะต้องถอดเสื้อ มีแอบไปวิดพื้นด้วยนะ ปั๊มกล้ามใหญ่เลย (ลากเสียงยาว)”
เชนได้ทีร่วมด้วยช่วยเม้าท์ “เขาไปเล่นฟิตเนสมาเพื่อฉากนี้โดยเฉพาะเลยนะ”

ติดตามเรื่องราวของเดอะแก๊งเพื่อนพี่มากต่อได้ที่นิตยสารแพรวฉบับ 810 วันที่ 25 พฤษภาคม 2556 คอลัมน์ Live Stories

ภาพจาก

Suriyon’s Lifestyle

“ผมเป็นคนที่ชอบอะไรลุยๆ เพราะฉะนั้นสไตล์การแต่งตัวของผม ต้องทำกิจกรรมได้ทั้งวันไม่ว่าจะไปทำงาน เที่ยว หรือแม้กระทั่งออกกำลังกาย ถ้าไปทำงานผมจะเพิ่มแจ็คเก็ตสูทเข้าไปให้ดูเหมาะกับกาลเทศะมากขึ้น เมื่อออกกำลังกายก็เปลี่ยนกางเกงเท่านี้ก็สามารถทำกิจกรรมได้ทั้งวันแล้วครับ”

เวลานี้หนุ่มที่มาแรงไม่แพ้ใคร เห็นจะเป็นอาจารย์ชินกร จากละครชุดชื่อดัง “สุภาพบุรุษจุฑาเทพ” หรือเดี่ยว-สุริยนต์ อรุณวัฒนกูล หนุ่มมาดเท่ขวัญใจสาวๆ ทั้งหลาย ปัจจุบันรับหน้าที่ทั้งพิธีกร นักแสดง และนายแบบไม่มีหยุด

เมื่อได้พบกันก็อดไม่ได้ที่ praew.com จะถามไถ่เรื่องราวไลฟสไตล์ของเขาสักหน่อย

YOUR LIFESTYLE

“ผมเป็นคนที่ชอบอะไรลุยๆ เพราะฉะนั้นสไตล์การแต่งตัวของผม ต้องทำกิจกรรมได้ทั้งวันไม่ว่าจะไปทำงาน เที่ยว หรือแม้กระทั่งออกกำลังกาย ถ้าไปทำงานผมจะเพิ่มแจ็คเก็ตสูทเข้าไปให้ดูเหมาะกับกาลเทศะมากขึ้น เมื่อออกกำลังกายก็เปลี่ยนกางเกงเท่านี้ก็สามารถทำกิจกรรมได้ทั้งวันแล้วครับ”

YOUR TASTE

“ผมชอบทานอาหารทะเลเพราะผมเป็นคนจังหวัดสมุทรสาครจึงได้ทานมาตั้งแต่เด็กๆ และคิดว่าคนส่วนใหญ่นั้นก็ชอบอาหารทะเลเช่นกัน เพราะอาหารชนิดนี้มีให้ทานหลากหลายไม่ว่าจะเป็น กุ้ง หอย ปู ปลา แถมยังนำมาปรุงได้หลายรสชาติและอร่อยด้วย”


YOUR RECOMMEND
“ร้านอาหารที่ชอบไปทานอยู่ละแวกบ้านของผมในซอยวัดพันท้ายนรสิงห์ ชื่อว่าครัวต้นเตยมีอาหารทะเลหลากหลายให้เลือกทาน ส่วนร้านที่ใกล้ๆ กรุงเทพฯอยู่แถวพระรามลอย หรือถนนพระราม 2 ซอย 100 ร้านนี้จะมีทั้งอาหารทะเล ปลาน้ำจืดให้เลือกทานมากมาย ถ้าชาวแพรวได้มีโอกาสผ่านไปละแวกนั้น ผมขอแนะนำร้านนี้เลยครับ”


Credit ภาพ

keyboard_arrow_up