เปลือยหัวใจ ‘นางสิงห์จอมอึด’ แห่ง Songland

“ยอมรับว่าตอนนั้นเรายังเด็ก อายุไม่ถึงสามสิบ ชีวิตไม่เคยเจออะไรแบบนี้ เพ็ญอาจไม่ใช่ลูกมหาเศรษฐีหมื่นล้านพันล้าน แต่ชีวิตไม่ได้ลำบาก ไม่เคยมีหนี้สิน จู่ๆ แค่คืนเดียว ชีวิตเปลี่ยนทิศไปเลย”

ไม่ว่าภาพของเธอที่ปรากฏสู่สายตาและการรับรู้ของผู้คนโดยทั่วไปจะเป็นเช่นไร…เป็นผู้หญิงสุดเว่อร์ ที่มีคำติดปากว่า ‘Oh! my god’ ตลอดเวลา เป็นเซเลบริตี้ตัวแม่ ที่ปรากฏกายงานไหน ต้องจัดเต็ม ถ้าไม่ ‘เว่อร์’ ไม่ใช่ ‘เพ็ญ’

เป็นสาวนักช้อป (กระจาย) ที่หลายคนยอมยกธงขาว …ไม่กล้ารูดปรื๊ดๆ แบบเธอ หรือแม้กระทั่งเป็นสาวทำงาน ดีลธุรกิจระดับพันล้าน

แต่ครั้งนี้เราอยากชวนคุณไปเปลือยหัวใจเธอให้ถึงแก่นความเป็น ‘เพ็ญ สุขสมบูรณ์วงศ์’ นางสิงห์ผู้ไม่แพ้แห่ง Songland เจ้าของโปรเจ็คท์อสังหาริมทรัพย์ระดับพันล้าน

หลังจากปิดจ็อบสุดท้ายของค่ำคืนนั้น ด้วยภาพถ่ายคุณเพ็ญสวมเดรสยาวสีดำเข้ารูปสุดเซ็กซี่ของ Vatanika โดยเธอนอนแช่น้ำในอ่างจากุชชี่ บนชั้นสูงสุดของคอนโดมิเนียมสุดหรูริมทะเล มองออกไปไกลเห็นเส้นขอบฟ้าตัดกับทะเลพัทยารอบด้าน

เธอขอเวลาทำความสะอาดเนื้อตัวให้เรียบร้อย ก่อนตามมาสมทบเพื่อพูดคุยกับเราอย่างออกรสชาติอีกครั้งในชุดเดรสยาวผ้าบางเบาสีส้มที่เห็นชัดว่าข้างใต้โนบรา ส่วนใบหน้าก็ปราศจากเครื่องสำอางแต่งแต้ม เผยให้เห็นผิวขาวอมชมพู ยิ่งส่งให้เธอดูเหมือนเด็กสาวรูปร่างผอมบาง มากกว่าจะเป็นคุณแม่ของเด็กชายธาดา ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนวัยสิบขวบ หรือนักธุรกิจพันล้านแต่งหน้าเข้ม แรงเว่อร์ ที่เป็นภาพคุ้นตาของสื่อและผู้เสพสื่อ จนเราอดเอ่ยปากชมไม่ได้

เธอยิ้มรับ ก่อนแซวกลับว่า “พูดอย่างนี้หมายความว่าเพ็ญแต่งหน้าแล้วดูแก่ใช่ไหม” พร้อมกับหัวเราะร่วน จากนั้นบทสนทนาระหว่างเรา จึงเริ่มขึ้นแบบตรงไปตรงมา

“ถามตรงๆ ได้เลย เพ็ญเป็นคนตรงๆ อยู่แล้ว” เธอบอก

“คุณเพ็ญทำอะไรถึงรวยได้ขนาดนี้” เรายิงคำถามเข้าเป้าทันที
“ โอ๊ย …เพ็ญยังไม่รวยหรอก แต่ถ้าคำว่า ‘รวย’ หมายถึง เพ็ญได้ทุกสิ่งทุกอย่างมาได้อย่างไร หรือกลับมาสู่แวดวงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างไร ต้องบอกว่าบริษัท Songland ที่เพ็ญตั้งขึ้นเพื่อทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีรายได้จากการซื้อขายที่ดิน และเก็งกำไรพร็อพเพอร์ตี้ต่างๆ แต่โปรเจ็คท์ที่ทำให้มีรายได้มากที่สุด คือ ช่วงซื้อขายที่ดินที่ภูเก็ต อย่างที่ทราบดีว่าปี 1997 ช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ แบงค์หยุดปล่อยกู้ ไม่มีการลงทุนใดๆ ทั้งสิ้น ทุกอย่างหยุดหมด เพ็ญใช้วิธีเก็บเงินทีละเล็กละน้อยทยอยซื้อที่ดินเก็บทีละสามไร่ ห้าไร่ สิบไร่ ซื้อมาขายไป แปลงใหญ่สุดที่ซื้อคือกว่า 250 ไร่ วางแผนกับหุ้นส่วนนักธุรกิจจากดูไบ กะว่าจะร่วมพัฒนาที่ดินด้วยกัน แต่เกิดเหตุการณ์ประท้วงทางการเมืองในบ้านเราเสียก่อน จนไม่มีใครกล้าลงทุนในไทย ทุกอย่างหยุด เพ็ญจึงขายที่ดินให้เขาเกือบหมด เขาก็จ่ายค่าที่ดินให้ ส่วนเราเหลือหุ้นเล็กน้อย ทุกวันนี้ที่ดินแปลงนี้ก็ยังปล่อยให้ว่างเปล่า ไม่ได้ทำอะไร คงต้องรอดูหุ้นส่วนใหญ่อีกทีว่าเขามีแผนจะพัฒนาอะไรต่อ

ติดตามอ่านเพิ่มเติมได้ที่นิตยสารแพรวฉบับ 810 วันที่ 25 พฤษภาคม 2556 คอลัมน์ Style exclusive

Praew Recommend

keyboard_arrow_up