The Em District “the Extraordinary Life”

หลังจากซุ่มเงียบมานาน ในที่สุดกลุ่มเดอะมอลล์ก็ผุดเมกะโปรเจ็คท์หมื่นล้าน ณ ใจกลางย่านสุขุมวิท เปิดประเด็นว่าไม่ใช่แค่การสร้าง “ศูนย์การค้า” ธรรมดาๆ แต่เป็นการเนรมิต “ย่าน” ช้อปปิ้ง และไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ ที่จะมาปลุกวิถีชีวิตคนเมืองให้ “อลังการ”สุดๆ

The New Diamond of Bangkok Midtown

หลังจากทำสยามพารากอน ดิฉันก็หยุดตัวเองไปเกือบ 2 ปีได้ เพราะคุณพ่อเสีย ตอนนั้นยอมรับว่าใจสลาย ไม่รู้ว่าตั้งใจทำงานไปเพื่อใครหากคุณพ่อไม่ได้เห็น กระทั่งวันหนึ่งรู้สึกว่า คู่แข่งเริ่มขยายตัวกัน จึงได้ลุกขึ้นมาคิดโปรเจ็คท์ใหม่ สิ่งแรกที่มองหาคือ ทำเล ซึ่งเราไม่หาพลอย จะหาเพชร เพราะเคยทำสยามพารากอน ซึ่งเป็นเพชรน้ำหนึ่งของเอเชียมาแล้ว ถ้าไม่ได้ทำเลเพชรก็ไม่ทำ จึงย้อนกลับมาที่สุขุมวิท เดิมทีย่านนี้เคยเป็นสุขุมวิทตอนปลาย พอมีเอ็มโพเรียมให้คนได้ใช้ชีวิตแฮงค์เอาท์จึงกลายเป็นย่านที่คึกคัก แถมยังมีรถไฟฟ้าและสวนเบญจสิริอยู่ข้างๆ เป็นโลเคชั่นที่ดีมาก แต่จะทำอย่างไรให้เอ็มโพเรี่ยมกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง จึงนำมาสู่คำตอบที่ว่า เราต้องไม่สร้างแค่ช้อปปิ้งเซ็นเตอร์ แต่ต้องสร้าง “ย่าน” โชคดีที่สามารถหาที่ได้อีก 2 แห่ง คือพื้นที่ตรงกันข้ามเอ็มโพเรี่ยมกับข้างสวนเบญฯ รวมแล้วเป็นที่ 3 แปลง ขนาดกว่า 50 ไร่ โอบล้อมสวนเบญจสิริไว้ สามารถทำเป็นย่านขึ้นมาได้ จึงเป็นที่มาของโครงการ “ดิ เอ็ม ดิสทริค” ที่จะเป็นการรวมเอา 3 ศูนย์การค้าใหญ่อย่าง ดิ เอ็มโพเรี่ยม, ดิ เอ็มควอเทียร์และดิ เอ็มสเฟียร์ มาไว้ด้วยกัน

‘The Em District’ ที่สุดแห่งวิถีชีวิตและแรงบันดาลใจ

ความโดดเด่นของ “ดิ เอ็ม ดิสทริค” คือ การเป็นศูนย์กลางไลฟ์สไตล์ที่ไม่ธรรมดา ทุกอย่างที่เราทำไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ สไตล์ ร้านค้า ต้องเด็ด ฮิป คูล โก้ หรูเริ่ด แตกต่างและเป็นตัวของตัวเอง โดยมีเอ็มควอเทียร์เป็นแลนด์มาร์คด้วยอาคารที่ถูกออกแบบให้ดูเป็นธรรมชาติและออร์แกนิค แผ่นกระจกทุกแผ่นที่นำมาวางบนผนังอาคารมีขนาดไม่เท่ากัน ส่วนไฮไลท์ภายในคือ ศูนย์รวมร้านอาหารและที่แฮงเอาท์ เราต้องการให้ที่นี่เป็นแหล่งพบปะสังสรรค์ที่มหัศจรรย์ ตัวอาคารจึงทำให้มีลักษณะเป็นเฮลิส (Helix) คือโค้งวนขึ้นไปเป็นเกลียวเหมือนกักเกนไฮม์มิวเซียม ซึ่งไม่มีใครทำมาก่อน อีกหนึ่งความอลังการที่ต้องพูดถึงคือ การยกสวนธรรมชาติมาไว้บนชั้น 6 เพื่อให้ทุกคนในย่านนี้มีที่เดินเล่นสูดอากาศกลางกรุง เรียกว่า “ควอเทียร์ วอเทอร์ การ์เดน” เป็นสวนที่เต็มไปด้วยแมกไม้นานาพรรณ และน้ำตกสูง 40 เมตรที่ลดหลั่นลงมา ดูมหัศจรรย์เหมือนต้องมนต์ พูดง่ายๆ ว่า เอ็มควอเทียร์จะเป็นที่ที่ให้ทุกคนได้มาใช้ชีวิต ทำงาน และพักผ่อน ถือเป็น All in one สำหรับคนสุขุมวิท ตบท้ายด้วยที่จอดรถระบบอัตโนมัติใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เก๋มากจนมีคนขอจองไปจัดแฟชั่นโชว์แล้วนะ (หัวเราะ) ที่เริ่ดไปกว่านั้นคือ เราได้ดีไซน์สถานีรถไฟฟ้าพร้อมพงษ์ใหม่ให้เข้ากับคอนเซ็ปท์ และจะเป็นสถานที่ของ EM District ส่วนเอ็มโพเรี่ยมเองก็มีการปรับปรุงใหม่ ทั้งศูนย์และห้างสรรพสินค้าให้โก้ หรู ดูไทม์เลสซึ่งทั้ง 2 แห่งน่าจะเสร็จปลายปีนี้

ด้านเอ็มสเฟียร์นั้น น่าจะเปิดตัวภายใน 2 ปี ด้วยคอนเซ็ปท์ตื๊ดๆ หน่อย (หัวเราะ) ได้อารมณ์สนุกสนาน มีร้านรวงแปลกตา ไม่ธรรมดา เพราะเราตั้งใจให้ที่นี่เป็น “ชีพจรและความเร้าใจแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ แบบที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน” ยกตัวอย่างในโซนอันเดอร์กราวด์จะมีร้านค้าและสินค้าแปลกๆ ที่หาไม่ได้จากที่อื่น ตั้งแต่ศิลปะ งานฝีมือ ยันร้านตัดขนสุนัข นอกจากนี้มีร้านอาหารเก๋ๆ และศูนย์รวม Pub, Bistro, Chill Out Club & Bars ซึ่งจะดึงนักท่องเที่ยวมาอย่างคึกคัก ที่ผ่านมาเรามองว่าเวลานักท่องเที่ยวมาเมืองไทย นอกจากวัดหรือวังแล้ว เราอยากให้มีสถานที่แฮงค์เอาท์ดีๆ มีคอนเซ็ปท์แปลกใหม่และโดดเด่นระดับเวิล์ดคลาสที่จะตอบโจทย์ตรงนี้ได้
นอกจากนี้เรายังได้รับความร่วมมือจากนักลงทุนและผู้ประกอบการโดยรอบ ทั้งโรงแรมอิมพีเรียล ควีนส์ ปาร์ค ที่พัฒนาตกแต่งใหม่ทั้งหมด หรือออฟฟิสและคอนโดใหม่อย่าง พาร์ค 24 ที่จะมาช่วยกันเนรมิตย่านนี้ให้สมบูรณ์แบบขึ้น รวมๆ แล้วเฉพาะศูนย์การค้าเราลงทุนไปประมาณ 20,000 ล้านบาท แต่ถ้ารวมสิ่งที่สร้างขึ้นมาในย่านนี้ทั้งหมดก็มีมูลค่าราว 50,000 ล้าน บอกเลยว่าเมื่อโปรเจ็คท์นี้เสร็จสุขุมวิทจะถูกยกระดับขึ้นมาเหมือนกับย่าน SOHO, Meatpacking ของ New York หรือ Midtown ที่ Tokyo เรียกว่าจะเป็นย่านที่ทั่วโลกต้องจับตามอง

Thailand, Always the Best Destination

ในตอนนี้ประเทศชาติอยู่ในสภาพบอบช้ำ เวลาเราไปเจรจากับใครมีแต่คนพูดว่าบ้านเมืองยังไม่ลงตัว แต่เราแย้งว่า หากดูในระยะยาว ประเทศไทยยังเป็นจุดหมายการท่องเที่ยวอันดับหนึ่งในเอเชียและจะเป็นไปตลอด บ้านเราไม่เคยมีสงคราม ไม่ชอบรบกัน เชื่อมั่นเถอะว่าประเทศเรามีดี

ด้วยอายุขนาดนี้แล้ว เราคงทำงานเพียงเพื่อเดอะมอลล์กรุ๊ปอย่างเดียวไม่ได้ ต้องทำเพื่อประเทศชาติด้วย เชื่อไหม สมัยทำเอ็มโพเรียมใหม่ๆ เคยไปติดต่อแบรนด์ไฮเอ็นด์แล้วเจอคำถามว่า “คนไทยถือกระเป๋าฉันด้วยหรือ”ตั้งแต่นั้นมาก็ตั้งใจว่าจะทำอะไรให้ประเทศชาติ ให้คนรู้จักเราให้ได้ ดิฉันเชื่อในเรื่องการให้มากกว่าการรับ ถ้าทำแล้วได้ให้อะไรกับบริษัท สังคม และประเทศชาติ ก็ถือเป็นความภูมิใจ เป็นแรงขับเคลื่อนให้เราทำจนถึงทุกวันนี้

ซึ่งแน่นอนว่ายังไม่หมดแค่นี้แน่ๆ

เรื่อง : โทมาลิน
ภาพ : กฤตธี
ที่มา : นิตยสารแพรวฉบับ 841 คอลัมน์ Wow stories

Central Embassy “The Infinite Luxury”

อภิมหาโปรเจ็คท์ของกลุ่มเซ็นทรัลที่สร้างปรากฏการณ์ตั้งแต่เมื่อครั้งซื้อที่ดินจากสถานทูตอังกฤษ ด้วยราคาสูงเป็นประวัติการณ์ในปี 2549 ก่อนจะเผยโฉม สร้างความฮือฮาระดับทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ อีกครั้งในปี 2557 นั่นคือ ศูนย์การค้าระดับโลก เซ็นทรัลเอ็มบาสซี

A World-Class Project

โปรเจ็คท์นี้เริ่มจากเราได้ที่ดินจำนวน 9 ไร่ ในโลเคชั่นที่ดีที่สุดของกรุงเทพฯ ทั้งยังอยู่ใกล้กับเซ็นทรัลชิดลมที่เป็นแฟล็กชิปสโตร์ของห้างเซ็นทรัล แม้ที่ดินจะราคาสูงลิบจนหลายคนตกใจว่าทำไมเรากล้าเสนอราคาขนาดนี้ การลงทุนให้คุ้มค่ากับที่ดินตรงนี้ นำมาสู่การสร้างศูนย์การค้าเซ็นทรัลเอ็มบาสซี ที่เราตั้งใจให้เป็น most unique and innovative แห่งหนึ่งของโลก เริ่มจากตัวอาคารที่เป็น Iconic Building มีดีไซน์แปลกใหม่โดดเด่น ลักษณะ infinity ต่อเนื่องกันหมด มีความโค้งมนรอบด้านเป็น 3 มิติ ส่วนผนังอาคารภายนอก เราได้แรงบันดาลใจจากแผ่นหลังคากระเบื้องเคลือบอุโบสถของวัดไทย เมื่อโดนแสงอาทิตย์จะเกิดเลื่อมระยิบระยับงดงาม จึงได้นำแนวคิดนี้มา โดยใช้อะลูมิเนียมกว่า 3 แสนแผ่นติดทั้งผนัง ซึ่งต้องวางให้ได้ตามองศาเพื่อให้โค้งมนไปตามรูปตึก เป็นงานที่ละเอียดและยากมาก ส่วนภายในดีไซเนอร์ออกแบบให้ใช้เสาน้อยๆ และตกแต่งแบบมินิมัลที่สุดเพื่อให้เห็นรูปทรงโค้งมนต่อเนื่องจากภายนอกมาสู่ภายในได้ทะลุปรุโปร่งทุกชั้น

สำหรับท่านที่ผ่านไปมาหน้าเซ็นทรัลเอ็มบาสซี คงสังเกตเห็น ‘เฟรดดี้ ฮอร์ส’ ประติมากรรมม้าบรอนซ์ขนาดใหญ่เกินจริง เป็นงานศิลปะแนวโบเตริสโม (Boterismo) สื่อถึงอารมณ์ขันของศิลปิน ซึ่งยุชอบมาก ความพิเศษคือ มีเพียง 2 ตัวในโลก เป็นผลงานของ ‘เฟอร์นานโด โบเตโร’ ศิลปินชื่อดังชาวโคลัมเบียน ที่มาของการเลือกม้าตัวนี้เพราะเราเปิดเซ็นทรัลเอ็มบาสซีในปีม้า ประกอบกับม้าเคยเป็นพาหนะในการเดินทางค้าขายของพ่อค้าสมัยก่อน สื่อถึงการนำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรือง นี่คือแนวคิดที่วางไว้ให้กับเซ็นทรัลเอ็มบาสซี ที่นอกจากจะเป็นศูนย์การค้าระดับโลกแล้ว ยังเป็นแลนด์มาร์คของงานศิลปะที่สร้างความสุขให้กับผู้มาเยือนด้วย

The New Luxury Lifestyle Mall

อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ต้องพูดถึงคือ ไอคอนนิก แฟล็กชิปสโตร์ ที่มีถึง 7 แบรนด์ คือ Bottega Veneta, Chanel, Gucci, Hermes, Miu Miu, Prada และ Ralph Lauren แต่ละแบรนด์ยอมลงทุนอย่างมหาศาล เพื่อดีไซน์ร้านให้โดดเด่นด้วยแนวคิดใหม่และไม่เหมือนที่ไหนในโลก นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายแบรนด์ที่มาเปิดกับเราเป็นที่แรก เช่น Tom Ford, Maison Martin Margiela, Christian Louboutin, CH Carolina Herrera, Jil Sander, John Varvatos, Pomellato ฯลฯ ลูกค้าต่างชาติมาเห็นยังแปลกใจ เพราะรู้ว่าแบรนด์เหล่านี้ไม่มาเปิดง่ายๆ และที่เก๋กว่าใครเพราะมีที่นี่เพียงแห่งเดียวคือ SIWILAI เป็นคอนเซ็ปต์สโตร์ที่รวมแบรนด์แฟชั่นชั้นนำสุดฮิปจากดีไซเนอร์ไทยและต่างประเทศ ขณะเดียวกันเรายังมีแบรนด์ไทยที่มีชื่อเสียง เช่น Boyy, Sretsis, Matina Amanita และอีกมากมายให้ได้เลือกสรร

นอกจากนี้ ยังมีหลากหลายบริการจากร้านค้าต่างๆ ล้วนเป็นนิวคอนเซ็ปต์ไอเดีย ตกแต่งไม่เหมือนใคร เช่น ธนาคารต่างๆ อย่างแบงค์กรุงเทพ, ไทยพาณิชย์ และกสิกรไทยซึ่งล้วนออกแบบตกแต่งไม่เหมือนที่ไหน ด้านร้านอาหาร ก็รวบรวมสุดยอดร้านนานาชาติทุกประเภทจากทั่วโลกอย่าง Ippudo จากญี่ปุ่น Paul จากฝรั่งเศส และร้านอาหารชื่อดังที่ดีไซน์ใหม่อย่างแตกต่าง เช่น Water Library ใช้คอนเซ็ปท์เมืองปารีส ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งอยู่ใต้หอไอเฟล หรืออย่างสตาร์บัคส์ที่ตกแต่งพิเศษให้มีกลิ่นอายความเป็นไทย ยุว่าเป็นสาขาที่สวยที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา “และที่คนพูดถึงกันมากคือ Eathai ถือเป็นอาณาจักรอาหารไทยที่ดีที่สุดของทุกภาคมารวมอยู่ที่นี่ ในรูปแบบร้านอาหารเจ้าเด็ด พร้อมกับสตรีทฟู้ดเจ้าอร่อย อีกสิ่งหนึ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจคือ เรามีโรงภาพยนตร์ The Embassy Diplomat Screens ระดับอัลตร้า เฟิร์สคลาส จอภาพ Real D และระบบเสียงที่ดีที่สุด รวมถึงเลาจ์และบริการเทียบเท่าโรงแรม 6 ดาว เซ็นทรัลเอ็มบาสซี จึงถือเป็นนิวลักชัวรี่ ไลฟ์สไตล์ มอลล์ ประกอบกับเรามีเซ็นทรัลชิดลมอยู่ข้างๆ ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าในดวงใจของผู้คน เป็นเสมือนบ้านหลังที่สองที่มีความผูกพันกับคนไทยมายาวนาน คอยเติมเต็มให้กับเซ็นทรัลเอ็มบาสซี ไม่ว่าจะเป็นซูเปอร์มาร์เก็ต แผนกเครื่องสำอาง แผนกแฟชั่นหญิง-ชาย แผนกเด็ก แผนกบ้าน เครื่องกีฬา เซ็นทรัลชิดลมและเซ็นทรัลเอ็มบาสซีจึงช่วยเสริมซึ่งกันและกันให้เป็นบ้านที่ใหญ่ขึ้นและสมบูรณ์แบบมากขึ้น

“มั่นใจ” ฝ่าวิกฤต

ต้องยอมรับว่าในช่วงที่เราเปิดเซ็นทรัลเอ็มบาสซี บ้านเมืองค่อนข้างวุ่นวาย จึงทำงานอย่างยากลำบาก แต่ด้วยความเชื่อมั่นในประเทศไทย เรามีความตั้งใจพัฒนาต่อไปเหมือนอย่างที่คุณพ่อเคยทำสมัยสร้างเซ็นทรัลลาดพร้าว ซึ่งขณะนั้นเป็นการลงทุนศูนย์การค้าที่สูงที่สุดในประเทศ ทั้งยังเป็นช่วงสงครามเวียดนาม แต่ท่านมุ่งมั่นที่จะสร้างศูนย์การค้าที่ครบวงจรที่สุด เพื่อให้เกิดการขยายตัวของธุรกิจและพัฒนาประเทศ เช่นเดียวกับการที่เรายอมลงทุนในเรื่องของคุณภาพและดีไซน์ให้กับเซ็นทรัลเอ็มบาสซีขนาดนี้ ครอบครัวของเราภูมิใจในโปรเจ็คท์นี้มาก และอยากให้เป็นความภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศเช่นกัน ความภูมิใจนี้จะเกิดขึ้นได้ เมื่อเราได้สร้างความสุขและรอยยิ้มแก่ผู้มาเยือน

พร้อมกับนำพาชื่อเสียงมาสู่ประเทศของเรา

เรื่อง : โทมาลิน
ภาพ :กฤตธี
ที่มา : นิตยสารแพรวฉบับ 841 คอลัมน์ Wow stories

เปิดดูไอเท็มสุดหวง ของชมพู่ – อารยา

นอกจากเป็นนางเอกสุฮอตที่ไม่ว่าจะเล่นละครเรื่องใดก็ประสบความสำเร็จแล้ว ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ตก็ยังเป็นเจ้าแม่ที่นำเทรนด์อยู่เสมอ ตั้งแต่ตอนตุ๊กตาบลายธ์ จนมาวันนี้สาวชมก็มีไอเท็มใหม่ที่สุดแสนจะหวงมาให้ดูกันอีกแล้ว

“ตุ๊กตา Karlitoตัวนี้ ทาง Fendi ประเทศไทยส่งมาให้เป็นของขวัญวันเกิด วันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยส่งมาให้ล่วงหน้าก่อนประมาณหนึ่งเดือน บอกว่าอยากให้ชมได้ใช้ก่อนวันเกิดKarlitoตัวนี้เป็น 1 ใน 20 ตัวทั่วโลกที่ทำขึ้นในล็อตแรก ซึ่งทันทีที่เปิดกล่องออกมาเห็นว่าเป็น Karlitoดีใจมากค่ะ ยิ่งรู้ว่าทางแบรนด์ตั้งใจเลือกสีชมพูซึ่งเป็นสีโปรดของชมมาให้ ก็ยิ่งประทับใจส่วนมากชมจะห้อยKarlitoไว้ที่กระเป๋า ซึ่งชมจะเปลี่ยนกระเป๋าไปเรื่อยๆ แล้วแต่วัน ถือเป็นไอเท็มสุดหวงอีกหนึ่งชิ้นของชมค่ะ”

เรื่อง : Minim
ภาพ : เนาวพจน์
ที่มา : นิตยสารแพรวฉบับ 841 คอลัมน์ Wow stories

แพทย์หญิงของขวัญ ฟูจิตนิรันดร์ วินธุพันธ์ ‘Colorful of the year’

ยังเปรี้ยวไม่เคยเปลี่ยน ทั้งวิธีคิด วิธีใช้เงิน และวิธีใช้ชีวิต สำหรับหมอของขวัญ –เจ้าของไอเดียซื้อคอนโดฯเปิดแอร์ให้กระเป๋าแอร์เมสอยู่

ล่าสุดกับไอเดียและความชอบสุดล้ำ ที่เชื่อว่าใครเห็นก็ต้อง WOW ยกกำลังสาม เมื่อเธอถอยกระเป๋าเบอร์กิ้น Special Order สั่งตรงจากทุกช็อปแอร์เมสในหลายประเทศ รวมทั้งรุ่นหายากอย่าง Grey Himalayan ราคารวมแล้วเป็นเลข 8 หลัก กับรถเบนท์ลี่ย์คันละ 22 ล้าน แร็ปสีชมพูหวานแหวว โชว์โฉมครั้งแรกเพื่อ ‘แพรว’ ในคอนเซ็ปต์สีสันคัลเลอร์ฟูล เห็นแล้วมีความสุข สนุกสนานตามสไตล์หมอของขวัญทีเดียว

แร็ปรถสีชมพู เพราะ ‘อาเหลิม’

มีแต่คนถามว่า ที่แร็ปรถเป็นสีชมพู ได้ไอเดียมาจาก ‘ปารีส ฮิลตัน’ หรือเปล่า หมอบอกเลยว่าเปล่า ได้ไอเดียนี้มาจากร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุงค่ะ ในเมืองไทยมีรถคันเดียวที่ทำสีนี้ คือ รถคุณเฉลิม เป็นการทำสีมาจากโรงงานเบนท์ลีย์เลย เท่าที่รู้ตอนนี้ ในโลกมีรถแค่สองคันเท่านั้นที่เป็นสีชมพูจากเบนท์ลีย์ คือ รถของปารีส ฮิลตัน และคุณเฉลิม ทีนี้ถ้าคนรู้ว่าเป็นรถของอาเหลิม ใครจะกล้าแซง กล้าบีบแตร กล้าจอดขวาง กล้าไม่ให้ที่จอดรถ เพราะฉะนั้นเราก็สบาย (ทำเสียงชิลมาก) จึงเป็นที่มาของการแร็ปรถสีนี้ แต่ช่วงนี้อาจยังไม่เหมาะเอามาขับ คงต้องใช้คันสีม่วงแทนก่อน (หัวเราะ)

ที่เลือกซื้อรถเบนท์ลีย์คันนี้ เพราะเซลส์ขายรถบอกว่าเป็นซูเปอร์สปอร์ต รุ่นลิมิเต็ด ซึ่งคำว่าซูเปอร์สปอร์ตของเบนท์ลี่ย์คือ เอาทุกอย่างออกหมด เพื่อให้รถเบาขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเบาะปรับ 88 องศา ที่นั่งด้านหลังสองที่ และใส่โรลบาร์เข้าไปแทน ทำให้ดูเหมือนรถแข่ง จะได้ขับเร็วกว่าเบนท์ลีย์ทั่วไป และขายให้แพงขึ้น นี่คือความหมายของรถซูเปอร์สปอร์ตของเบนท์ลีย์ ซื้อคันนี้มา 22 ล้านบาท มีทุกอย่างยกเว้นความสบาย (หัวเราะ)

เหตุที่ตัดสินใจซื้อ เพราะต้องการรถซูเปอร์คาร์ที่มีแรงม้าเกิน 600 อยากได้รถที่ขับเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ เพราะความสามารถส่วนตัวที่เป็นนิสัยไม่ดี ห้ามลอกเลียนแบบ คือ ติดขับรถเร็วมาตั้งแต่อายุน้อย แต่ไม่ได้ขับตามท้องถนน ชอบขับในสภาพที่เขาจัดไว้ให้ สำหรับคนชอบขับรถเร็ว เช่น คาราวานซูเปอร์คาร์ สนามแข่งรถ

ตอนแรกจะซื้อรถลัมโบร์กินี ไม่ชอบเฟอร์รารี่ ฝังใจว่าเราไม่เหมาะกับเฟอร์รารี่ พอดูรถลัมโบร์กินีแล้ว เอ๊ะ…เราควรเป็นคนนั่ง ให้สามีขับหรือเปล่า โดยส่วนตัวแล้วจะ ‘นอยด์’ เรื่องรถเสียมาก เพราะเคยขับรถคันใหม่ จอดติดไฟแดงอยู่ดีๆ เครื่องดับกลางสี่แยกเลย เพราะฉะนั้นจะหงุดหงิด กลัวเรื่องรถเสียมาก ถ้ามีรถคันเดียว จอดแล้วสตาร์ทไม่ติด จะทำอย่างไร จึงคิดว่ามีรถสองคันดีกว่า ให้คันหนึ่งใหญ่หน่อย อีกคันจึงเลือกซื้อรถปอร์เช่
สีเหลือง คันนี้ราคาประมาณหกล้านบาท เอาไว้เปิดประทุน ขับไปเที่ยวต่างจังหวัด จะได้นั่งโล่งๆ ไม่อึดอัด

สเปเชี่ยลออร์เดอร์นี้เพื่อหมอของขวัญ (เท่านั้น)

ต้องบอกว่า เป็นการเปิดโฉมครั้งแรกของกระเป๋าเบอร์กิ้นแอร์เมส รุ่นสเปเชี่ยลออร์เดอร์ของหมอที่นำมาวันนี้ แค่ 8 ใบ และมีรุ่นหายากอย่าง ‘เกรย์หิมาลายัน’ หนึ่งใบ รวมมูลค่าแล้วประมาณเลขแปดหลัก เพิ่งได้มาเมื่อต้นปี ทุกใบเป็นสีพิเศษหมด โดยเราเลือกสั่งได้ตามชอบ เช่น หนังสีนี้กับด้ายสีนั้น หรือถ้าเราไอเดียแปลกไป หรือมิกซ์แอนด์ไม่แมทช์ เขาอาจท้วงประมาณว่า สีนี้จะดีเหรอ หรือบางครั้งเขาก็จะแนะนำว่า สีชมพูควรอยู่กับสีม่วง หรือสีดำ เพราะฉะนั้นกระเป๋าจึงเป็นรุ่นลิมิเต็ด ที่เป็นของเราไปตลอดกาลนาน ชั่วชีวิต สุดท้ายการตัดสินใจจึงอยู่ที่เราจะออร์เดอร์แบบไหน อย่างไร ซึ่งหมอสั่งสเปเชี่ยลไปหลายสิบใบเลย มีทั้งกระเป๋าเคลลี่และเบอร์กิ้น

เหตุที่หมออยากได้กระเป๋ารุ่นนี้ เพราะที่เขามาทั้งหมด เรามีแล้ว หมอจึงอีเมล์ไปถามช็อปแอร์เมสในประเทศต่างๆ ไม่ว่าเกาหลี ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส อเมริกา ว่า เราอยากสเปเชี่ยลออร์เดอร์ ต้องทำอย่างไร ช็อปแอร์เมส ก็จะบอกให้เราเดินทางไปช่วงนี้ช่วงนั้น ซึ่งเป็นช่วงที่ทางโรงงานเปิดรับสเปเชี่ยลออร์เดอร์ แค่เขาบอกมาเท่านี้ เราโปรมากพอที่จะรู้แล้วว่าต้องทำอย่างไร คือ ถ้าเรามีความสัมพันธ์ที่ดี ทำให้เขาเห็นว่าเราเป็นลูกค้าชั้นเยี่ยม ด้วยการทำตัวเป็นมาดามฟรอมไทยแลนด์ เดินเข้าไปในช็อป เลือกซื้อถ้วยไหจานชาม รองเท้าบู๊ท นาฬิกา ให้เขาจัดมาเป็นเซ็ตเลย

เพราะคำว่า ‘First come First Serve’ ไม่มีจริงในโลกใบนี้หรอก ลองคิดเปรียบเทียบดูก็ได้ว่า ระหว่างคนหนึ่งที่พร้อมจะซื้อกระเป๋าใบนี้ ในราคาสองล้านบาท กับอีกคนที่พร้อมจะซื้อกระเป๋า และถ้วยไหจานชามอีกสองล้านบาท คิดว่าทางร้านจะขายใคร อย่างเราเป็นคนแต่งตัวอยู่แล้ว รองเท้าบู๊ทของแอร์เมสคู่ละแสน ถามว่าแพงไหม แพงมาก แต่ในเมื่อเราต้องการกระเป๋า และเราเป็น End User จึงคิดว่าโอเค. เป็นการซัพพอร์ตซึ่งกันและกัน เพราะเรารู้ว่านี่คือธุรกิจและการตลาดที่แอร์เมสทำมาตั้งแต่แรก จากนั้นเขาจะเก็บเรคคอร์ดที่เราซื้อของไว้ และพร้อมที่จะเปิดให้เราออร์เดอร์ ซึ่งถ้าเราสเปเชี่ยลออร์เดอร์ได้จากช้อปนี้ ต่อไปเราก็จะสเปเชี่ยลออร์เดอร์ได้จากช็อปอื่นไปเรื่อยๆ

ฉันไม่ใช่ End User ตรงไหน?

แถมท้ายด้วยข่าวเม้าท์ ที่กระจิบกระจอกข่าวได้ยินมาว่า –หมอของขวัญไม่ได้ซื้อแอร์เมสไปใช้จริง แต่ซื้อเพื่อไปขายต่อ ประเด็นนี้ความจริงเป็นอย่างไร ฟังจากปากเธอเลยดีกว่า

สมมุติว่าเรามีกระเป๋าแอร์เมสอยู่ในสต็อกสองร้อยใบ และซื้อเพิ่มสิบใบ เป็นสองร้อยสิบใบ และขายสิบใบออกไป เพื่อให้เหลือสองร้อยใบ โดยที่ในสต็อกไม่เคยลดลงต่ำกว่าสองร้อยใบ อันนี้เรียกว่าเป็นเอ็นด์ยูสเซอร์ (End User) หรือเปล่า กับคนที่ซื้อสามใบ และใช้อยู่แค่สามใบนั้นน่ะ อันไหนเรียกว่าเอ็นด์ยูสเซอร์ และถามว่าถ้ากระเป๋าที่หมอขาย เป็นกระเป๋าที่เราไม่เห็นค่า แต่มีคุณค่ามากสำหรับอีกคนหนึ่ง ถึงเก็บไว้ ก็ไม่ได้มีคุณค่าในสายตาเรา แต่ถ้าเอากระเป๋าสองสามใบมารวมกัน แล้วได้กระเป๋าใบใหม่ที่เราชอบมากกว่า เหตุผลอะไรที่เราต้องเก็บสิ่งที่ไม่ชอบไว้ เพียงเพื่อให้คนพูดว่าเราไม่เคยขาย เพราะฉะนั้นคำว่าเอ็นด์ยูสเซอร์ ของเขาคืออะไร ถ้าจะพิสูจน์คำครหานี้ ง่ายมากคือ นัดกันเลยวันหนึ่ง โดยไม่ต้องบอกว่าวันไหน ถ่ายรูปกระเป๋าทั้งหมดที่มีเดี๋ยวนั้น วัดกันที่จำนวนเลยก็ได้ ไม่ต้องวัดกันที่ราคา

ถามว่าคนที่เม้าท์เรื่องนี้ได้อะไร ต้องการซื้อของต่อจากเรา หรือต้องการเอาของมาขายเรา หรืออยากรู้เรื่องของเรา ประเด็นคืออะไร ใครที่รู้จักหมอดีย่อมรู้ว่า มีวันไหนที่หมอไม่ถือเบอร์กิ้นบ้าง และคนที่ซื้อกระเป๋ามาใช้จริง กับ คนที่ซื้อมาแล้วไม่ใช้จริงคืออย่างไร ทุกวันนี้ ถ้าใช้กระเป๋าได้วันละสามใบ หมอใช้ไปแล้ว แต่เพราะเวียนใช้ไม่ทัน กระเป๋าหลายใบซื้อมาครึ่งปีแล้ว ยังไม่ได้ใช้ ถ้าเป็นแบบนี้ไม่เรียกว่าเอ็นด์ยูสเซอร์ ยังมีคนที่เอ็นด์กว่านี้อีกเหรอ ขอดูหน้าหน่อย

หมอถูกเม้าท์มาหมดแล้วทุกเรื่อง เช่น สวยแต่โง่ ชอบอวด หรือไม่ก็จับผู้ชาย เมื่อเราได้ยินสิ่งที่ร้ายจากปากของคนๆ หนึ่ง เราคงต้องย้อนกลับไปดูว่า เขาพูดเพื่อจุดประสงค์อะไร และที่เขาพูดจาอย่างนั้น เราเสียหายอะไรไหม

“ถ้าเราไม่ได้เป็นอย่างที่เขาพูด คนพูดๆแล้วรู้สึกดี ก็ยินดีด้วย เพราะเรากลายเป็นคนของประชาชน ถือว่าได้บุญอย่างหนึ่ง หมอแค่นั้นเอง ไม่จำเป็นต้องแคร์”

เรื่อง : ดั่มดั๊มพ์
ภาพ : โยธา รัตนเจริญโชค
ที่มา : นิตยสารแพรวฉบับ 841 คอลัมน์ Wow srories

เรือยอช์ตสุดหรูลำเดียวในไทย ของ กรกนก ยงสกุล

เล็กผูกพันกับเรือและกิจกรรมทางน้ำมาตั้งแต่เด็ก เพราะครอบครัวทำธุรกิจนำเข้าเรือยอช์ตแบรนด์ Princess สัญชาติอังกฤษที่มีประวัติมายาวนานกว่า 50 ปี มีจุดเด่นด้วยดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ เรียบ หรู โก้ แต่ไม่โฉบเฉี่ยวเกินไป มีความลักชัวรี่และคลาสสิก

ความพิเศษของเรือยอช์ต Princess Lady M ลำนี้คือ มีเพียงลำเดียวในประเทศไทย เป็นรุ่น Classic M Class ที่ออกมาเมื่อปี ค.ศ. 2009 ราคาประมาณ 55 ล้านบาท ทันที่ที่เห็นคุณพ่อก็รีบซื้อทันที เพราะด้วยขนาด และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เหมาะมากสำหรับการเป็นเรือของครอบครัว

เรือลำนี้มีความโดดเด่นและแตกต่างจากลำอื่นตรงที่วัดขนาดเป็นเมตร (เรือยอช์ตส่วนใหญ่วัดขนาดเป็นฟุต) มีขนาดใหญ่กว่าเรือยอช์ตทั่วไปด้วยความยาวถึง 21 เมตร หรือ 71.5 ฟุต ภายในครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ทั้งห้องนั่งเล่น ครัว เคาน์เตอร์บาร์ ห้องน้ำ และห้องนอนถึง 4 ห้อง ตกแต่งด้วยสไตล์คลาสสิก หรูหรา อีกทั้งมีเครื่องที่สามารถเปลี่ยนน้ำเค็มให้เป็นน้ำจืดได้ ทำให้สามารถออกเรือได้นานโดยไม่ต้องแวะพักเป็นสัปดาห์ ครอบครัวของเราออกทริปล่องเรือไปยังเกาะต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ตอยู่เป็นประจำ มีครั้งหนึ่งที่ประทับใจเป็นพิเศษคือ เราไปที่เกาะแห่งหนึ่ง ไม่ไกลจากภูเก็ตนัก เป็นเกาะส่วนตัวที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก เพราะไม่อนุญาตให้คนทั่วไปเข้า ต้องเป็นเรือส่วนตัวเท่านั้น บนเกาะมีร้านอาหาร ที่สามารถนั่งชมวิวท้องทะเลได้แบบเอกซ์คลูซีฟสุดๆ เรือลำนี้จึงเหมือนช่วยเติมความพิเศษให้เรา

เสน่ห์ของการล่องเรือไปตามที่ต่างๆ ส่วนหนึ่งคือ การได้นอนบนเรือ เราจะได้เห็นวิวของท้องทะเลทุกช่วงเวลาทั้งตอนนอนและตอนตื่น ได้อยู่กับธรรมชาติจริงๆ ส่วนเป้าหมายหรือ Dream Destination ที่เล็กอยากไปสักครั้งในชีวิต คือหมู่เกาะนิโคบาร์ ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของมหาสมุทรอินเดีย ต้องใช้เวลาออกทริปเป็นเดือน เติมน้ำมันหลายครั้ง ผ่านน่านน้ำที่อันตราย ซึ่งคุณพ่อเล่าว่า ท่านเคยไปมาครั้งหนึ่งเมื่อสมัยวัยรุ่น เป็นหมู่เกาะที่สวยมากและอยากกลับไปอีกสักครั้ง อีกอย่างคือ เล็กชอบดำน้ำมาก และที่เกาะนี้จะได้เห็นปลาฉลามหรือปลาตัวใหญ่ๆ อย่างใกล้ชิด เป็นการดำน้ำในกระแสน้ำที่ค่อนข้างแรง ซึ่งเป็นความท้าทายอยากหนึ่งที่อยากทำค่ะ

“เล็กคิดว่าเรือยอช์ตเป็นพาหนะที่สามารถพาเราไปที่ไหนก็ได้ตามต้องการ เรือลำนี้จึงเปรียบเสมือนบ้านหลังที่ 2 ของเล็กค่ะ”

เรื่อง : Minim
ภาพ : กฤตธี
ที่มา : นิตยสารแพรวฉบับ 841 คอลัมน์ Wow stories

ใหม่ ดาวิกา นางเอกข่าวเยอะ

ขยันเป็นข่าวได้ทุกวันจริงๆ สำหรับนางเอกลูกครึ่งหน้าหวาน ‘ใหม่-ดาวิกา โฮร์เน่’ หลังมีกระแสข่าวว่าเธอเตรียมฉีกสัญญาชิ่งต้นสังกัดวิก 7 สีแล้ว แถมยังมีภาพสวีทหวานควงแขนหนุ่มไปดูหนังรอบดึกที่ห้างดัง พอเจ้าตัวได้ยินข่าวลือทั้งหลายทั้งมวล ก็รีบส่ายหน้าปฏิเสธทันควัน

โบวี่ สวยเข้าตา ขึ้นแท่นแบรนด์แอมบาสเดอร์ทีมฟุตบอลอังกฤษ

ต้องบอกว่าฮ็อตจริงๆ สำหรับสาวเซ็กซี่ ‘โบวี่-อัฐมา ชีวนิชพันธ์’ เพราะนอกจากจะมีผลงานละครที่จ่อคิวรอหลายเรื่องแล้ว สาวโบวี่ยังได้รับเลือกให้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ทีมฟุตบอลอังกฤษอีกด้วย

“ตอนนี้กำลังถ่ายละครเรื่อง ‘เทพบุตรสุดเวหา’ เล่นเป็นนกฟีนิกซ์ ออกแนวแฟนตาซี กับเรื่อง ‘สะใภ้จ้าว’ เป็นละครย้อนยุค คาแร็คเตอร์ที่เล่นจะล้อเลียนการแสดงในยุค 60’s ตัวละครค่อนข้างโอเว่อร์แอ๊คติ้ง สังเกตว่าบทบาทที่เล่นแต่ละเรื่องจะแตกต่างกันเลย เพราะโบชอบเล่นคาแร็คเตอร์ที่หลากหลาย ไม่ซ้ำกับที่เคยเล่นมาก ทำให้เรามีไฟ และรู้สึกสนุกทุกครั้งในการรับงานนั้นๆ ค่ะ
“นอกจากนี้ยังได้รับเลือกให้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับทีมฟุตบอลชื่อ Reading ซึ่งคนไทยไปซื้อต่อมา เป้าหมายคือเพื่อผลักดันให้ทีมได้ไปเล่นในลีกที่สูงขึ้น ก็ไม่รู้เหตุผลเหมือนกันว่าทำไมถึงเลือกโบ เข้าใจว่าคงชื่นชอบผลงานเราอยู่บ้าง ตื่นเต้นมากค่ะ นับเป็นอีกหนึ่งงานที่แปลกใหม่ ต้องบินไปดูการแข่งขันฟุตบอล แล้วก็ทำความรู้จักกับทีมนักฟุตบอล ถ่ายรูปลงสื่อต่างๆ
“ช่วงนี้เป็นช่วงสบายๆ รับงานละคร กับงานอีเว้นท์บ้าง ต่างจากที่ผ่านมาทำงานเยอะมาก ทั้งละคร ซิทคอม พิธีกร ด้วยความงกเลยรับหมด แต่มาหลังๆ เริ่มรู้สึกอิ่มตัว พยายามเลือกเฉพาะงานที่อยากทำจริงๆ เพื่อจะได้มีเวลาเที่ยวพักผ่อนมากขึ้น ล่าสุดเพิ่งไปยุโรปต่อด้วยอังกฤษ และกำลังจะไปฮ่องกง ช่วงระหว่างนี้ก็มีไปต่างจังหวัด ไปลาว เรียกว่าว่างเมื่อไหร่เป็นต้องหาทริปลง เหมือนไปชาร์จพลังเพื่อกลับมาลุยงานต่อ เพราะตอนนี้โบกำลังจะเปิดตัวธุรกิจสุขภาพความงาม กับผลิตภัณฑ์ที่ชื่อว่า 4 sense ด้วยค่ะ

“ฝากติดตามด้วยนะคะ”
เรื่อง : apinya

สุดยอดมรกตน้ำหนึ่ง อันดับสองของโลก

มนต์ขลังแห่งอัญมณีเหนือกาลเวลาไม่ว่าใครก็ต่างต้องการครอบครอง ยิ่งอัญมณีชิ้นเลอค่าสุดยอดแห่งน้ำเอก ยิ่งเป็นที่ต้องการของนักสะสม สำหรับโอกาสพิเศษในวาระครบรอบวันเกิดแพรว คุณหนึ่ง สุริยน ศรีอรทัยกุล นักธุรกิจใหญ่แห่งวงการอัญมณีเมืองไทย เปิดเซฟส่วนตัว เผยมรกตเม็ดงาม ความสวยหยดอันดับสองของโลก ที่แรกที่เดียวเอ็กซคลูสีฟเพื่อแพรวโดยเฉพาะ

“มรกตชิ้นนี้จากประเทศโคลัมเบีย ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องเหมืองมรกตดีที่สุดในโลก เป็นของมีค่าที่ตกทอดมาจากคุณลุงของผม ท่านชอบสะสมพลอยและอัญมณีมีค่า และก็ตกทอดมาสู่ผม เรียกได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่าของบิวตี้ เจมส์ ที่ภาคภูมิใจมากและไม่เคยเปิดโชว์ที่ไหน มรกตเม็ดนี้น้ำงามมีความใสบริสุทธิ์ประกายเหมือนเพชร จนผมเรียกว่า Diamond Emerald น้ำหนักกว่าร้อยกะรัต ทรงหยดน้ำหรือ Pear Shape สี Vivid Green ความเพอร์เฟ็คท์ของมรกตเม็ดนี้ ในสายตาผมที่เห็นมรกตเม็ดใหญ่มาทั้งชีวิต ผมประเมินได้ว่าเป็นรองเม็ดอันดับหนึ่งของโลก ที่โชว์ในงาน Basel World มีคนเคยมาเสนอซื้อแต่ผมไม่ขาย มูลค่าถ้าจะให้ประเมิน คงต้องบอกว่าประเมินค่าไม่ได้…”

เรื่อง : Lilyblossoms
ที่มา : นิตยสารแพรวฉบับ 841 คอลัมน์ Wow stories

นิว นภัสสร รับมีปัญหากับ เป๊ก-เปรมณัฐ

หลังจากคบหาดูใจมานานกว่า 2 ปี แต่ล่าสุด มีข่าวว่านักร้องสาวสวย ‘นิว – นภัสสร’ แห่งวงนิวจิ๋ว กับแฟนหนุ่ม ‘เป๊ก – เปรมณัฐ’ กำลังส่อเค้ามีปัญหากันซะแล้ว

พลตำรวจเอกสันต์ ศรุตานนท์ เจ้าของถ้วยชา ‘ชุดจักรี’ สุดยอดชุดกระเบื้องไทย

เป็นที่รู้กันในหมู่นักสะสมของเก่าว่า หนึ่งในสุดยอดของโบราณของไทย ที่ได้ชื่อว่าทั้งหายาก และหาดูได้ยาก เพราะมีเพียงไม่กี่ชิ้นในเมืองไทย มักตกอยู่กับอดีตผบ.ตร.ที่มีของเก่ามากที่สุดในประเทศ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ‘ชุดจักรี’ชุดถ้วยชาที่น้อยคนจะได้เป็นเจ้าของ และไม่ค่อยมีใครได้เห็น

‘ชุดจักรี’ — สุดยอดของสะสมโบราณที่นักสะสมอยากได้ (แต่) ไม่ได้

“คนที่สะสมชุดกระเบื้องไทยส่วนมาก มักเริ่มจากสะสมชุดเบญจรงค์ก่อน จากนั้นจึงเป็นชุดถ้วยน้ำชาจปร. ซึ่งผมมีครบทุกลาย ทั้งลายทับทิม ลายอีแปะ ฯลฯ และชุดหายากที่สุด ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสุดยอดของการสะสมชุดกระเบื้องของไทยคือ ‘ชุดจักรี’ ซึ่งแบ่งออกเป็นชุดกระเบื้องหลายแบบ ได้แก่ ‘ชุดจักรีถ้วยสี่’ ‘ชุดจักรีชีโบ’ ‘ชุดเจ้าฟ้า’ (เป็นชุดเล็กพิเศษ) และ ‘ชุดของเล่นเจ้าฟ้า’ (ทำด้วยทองคำแท้) มีทั้งหมด 7 สี ได้แก่ สีขาว ดำ ชมพู แดง เขียว เหลือง น้ำเงิน ส่วนสีพิเศษหายาก ไม่รวมอยู่ในเจ็ดสี คือ ‘สีทอง’ และ ‘สีเงิน’

“พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงสั่งทำชุดถ้วยชาเหล่านี้จากโรงงานแซฟว์ ประเทศฝรั่งเศส เดิมทีไม่ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะสั่งทำเป็นชุดเจ้าฟ้า และชุดของเล่นเจ้าฟ้า แต่เป็นเพราะพระองค์ท่าน เสด็จพระราชดำเนินไปประเทศอังกฤษ ทรงทอดพระเนตรเห็นของสะสมชิ้นเล็กๆ ของสมเด็จพระราชินีนาถวิคตอเรีย แล้วทรงชื่นชอบ ทุกวันนี้ของสะสมชิ้นเล็กๆเหล่านั้น ถูกเก็บไว้ที่พระราชวังวินด์เซอร์ เมื่อพระองค์ท่านเสด็จฯกลับเมืองไทย จึงโปรดเกล้าฯ ให้ช่างทองไทยทำของชิ้นเล็กๆ ขึ้น และพระราชทานแด่สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี หรือสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ (สมเด็จพระพันปีหลวง) มีตราประจำพระองค์ทุกชิ้น เป็นพระนามาภิไธยย่อของสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรีฯ หรือสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ จึงกลายเป็นชุดของเล่นเจ้าฟ้า (ชุดเจ้าฟ้าชุดเล็ก เป็นของฝีมือช่างไทยทำ)

“หลังจากนั้น พระราชโอรสที่ทรงรักมากที่สุดพระองค์หนึ่ง คือ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าศิริ
ราชกกุธภัณฑ์ ประชวรหนัก และสิ้นพระชนม์ ในหลวงรัชกาลที่ 5 ทรงมีพระราชดำริว่า ขนาดลูกของผู้มีอำนาจร่ำรวยที่สุดในแผ่นดิน ยังรักษาชีวิตไว้ไม่ได้ ถ้าเป็นลูกชาวบ้าน จะทำอย่างไร จึงโปรดเกล้าฯให้สร้างโรงพยาบาลศิริราชขึ้น เพื่อทรงอุทิศเป็นพระราชกุศลแด่พระราชโอรสพระองค์นี้

“ทำให้ชุดถ้วยชาที่ทรงสั่งจากฝรั่งเศสทั้งหมด ต้องกลายเป็นของที่ระลึกในงานออกพระเมรุ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์ พระราชทานแก่พระบรมวงศานุวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ และเหล่าข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ที่มาร่วมงานออกพระเมรุท้องสนามหลวงแทน ชุดถ้วยชาที่พระองค์ท่านทรงสั่งทำเหล่านี้ จึงไม่เคยถูกนำมาใช้เลย แต่กลับนำมาแจกในงานพระศพพระราชโอรสแทน

แต่ละชุดราคาหลักล้าน

“การเก็บสะสมชุดจักรีของผม พยายามสะสมให้ครบสีทั้งหมด แต่ไม่ได้หมายความว่าแต่ละแบบมีครบสี เพราะผมเชื่อว่า มีเงินพันล้าน ก็ไม่สามารถหาของเล่นเจ้าฟ้าได้ครบทุกสี ของพวกนี้ไม่ใช่ว่าอยากมี แล้วมีได้ เวลานี้ร้านค้าของเก่าทั้งตลาด ไม่มีขายสักชุด เพราะเก็บอยู่ตามบ้านหมด ผมได้ของเหล่านี้มา ก็ต่อเมื่อมีใครยอมขายให้เท่านั้น ซึ่งคนที่มีชุดพวกนี้ ส่วนใหญ่ไม่มีใครร้อนเงิน

“ราคาของชุดจักรีถ้วยสี่ อยู่ราวๆ 800,000-1,000,000 บาท ขณะที่ชุดจักรีชีโบ ไม่มีกาน้ำชา แต่ใช้ถ้วยเป็นกาแทน หายากกว่า ราคาอยู่ที่ประมาณ 1,500,000 – 1,800,000 บาท ถ้าถามว่าทั้งตู้นี้ ที่ผมเก็บสะสมชุดจักรีทั้งหมดมูลค่าเท่าไหร่ ตอบตามตรงว่าผมไม่เคยรวมมูลค่า ราคาซื้อขายแต่ละสี ก็ไม่เท่ากันอีก

“สีชมพูกับสีแดงแพงที่สุด เพราะสีสวย ไม่ค่อยมีใครขาย หาได้น้อย ส่วนสีขาวกับสีดำ ถูกที่สุด ส่วนสีพิเศษราคาแพงที่สุดคือ สีเงิน ซึ่งผมหาไม่ได้ ส่วนสีทอง ซื้อมาราคาสองล้านกว่า การเก็บสะสมของผมจึงเรียกว่าเกือบสมบูรณ์จริงๆ ขาดแค่สีเงินสีเดียว ของที่แตกๆหรือต้องซ่อม ผมไม่เลือก เพราะด้วยอายุของสะสมเหล่านี้ ร้อยกว่าปีแล้ว และเนื้อกระเบื้องบางมาก น้ำหนักเบา จึงมีโอกาสแตกง่าย แต่ตั้งแต่ซื้อมา ดูมาก็เยอะ ยังไม่เคยเจอคราบการใช้งานเลย จึงถือเป็นชุดถ้วยชา ที่ไม่เคยมีใครเอามาใช้จริง

“ของแบบนี้มีโอกาสอยู่ในสภาพสมบูรณ์น้อย แต่ของผมทุกชุดอยู่ในสภาพที่เรียกว่าสมบูรณ์มาก จึงถือเป็นของสะสมที่น้อยคนจะได้มีโอกาสครอบครอง”

เรื่อง : ดั่มดั๊มพ์
ที่มา : นิตยสารแพรวฉบับ 841 คอลัมน์ Wow stories

คลัชต์จูดิธ ลีเบอร์…Limited Edition 5 ใบในโลก…

ของขวัญชิ้นงามสูงค่าของ “วริษา ประธานราษฎร์นิกร” ทายาทพานาโซนิค (ไทยแลนด์) ได้รับมาจากญาติผู้ใหญ่ที่เคารพรัก ในฐานะหลานที่ชื่นชอบแฟชั่นที่สุดในบรรดาหลานทั้งหมด

บ้านปายเป็นครอบครัวใหญ่ ญาติบางท่านแต่งงานแล้วไม่มีลูก มีแต่หลาน 12 คน ผู้หญิง 9 คน ผู้ชาย 3 คน บางครั้งช็อปปิ้งมาก็จะแจกหลานที่ท่านเห็นว่าเหมาะสม วันหนึ่งท่านเรียกปายไปทานข้าวที่บ้าน ขณะที่กำลังเดินไปที่โต๊ะอาหาร เห็นคลัชต์สีชมพูวางอยู่ตรงตำแหน่งที่ปายจะนั่ง เซอร์ไพร์สมาก ยิ่งรู้ว่าเป็นอีฟนิ่งคลัชต์ของจูดิธ ลีเบอร์ (Judith Leiber) หนึ่งในคอลเล็คชั่น Fall-Winter 2012 รุ่น เจลลี่บีน (Jelly Bean) ที่ดีไซน์ขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองวาระโอกาสที่ จูดิธ ลีเบอร์ ครบรอบ 50 ปี หนังจระเข้ขัดมัน มี 5 ใบ 5 สี คือแดง ชมพู เหลือง น้ำเงิน และดำ ตัวล็อคประดับด้วยเพชรแท้ของพี่หนึ่ง ‘สุริยน ศรีอรทัยกุล’ เรียกว่าเป็นลิมิเต็ทอิดิชั่น 5 ใบในโลก หนึ่งใบอยู่ที่บริษัทจูดิธ ฝรั่งเศส หนึ่งใบอยู่ที่จูดิธ ไทยแลนด์ อีกสามใบอยู่ที่ลูกค้าไทย หนึ่งในนั้นคือญาติปาย ท่านเห็นปายชอบแต่งตัวจึงมอบให้เป็นของขวัญวันเกิด มูลค่าไม่สำคัญเท่ากับคุณค่าทางจิตใจ

“ถือเป็นของขวัญที่สูงค่า เพราะได้จากญาติที่เคารพรัก และเป็นสีประจำวันเกิดด้วย”

เรื่อง : Gornpat
ภาพ : วรสันต์ ทวีวรรธนะ
ที่มา : นิตยสารแพรวฉบับ 841 คอลัมน์ Wow stories

จ๊ะ-วรวุฒื เจ้าของ Ferrari รุ่นรักชาติ

รถเฟอร์รารี่คันนี้สร้างความฮือฮาในหมู่ลูกค้าคาลวาลิโน่อย่างมากไม่ใช่เพราะเป็น รุ่น 458 Special ล่าสุดและเป็นคันแรกในประเทศไทย หรือด้วยตัวเลขราคาหลายสิบล้าน แต่เป็นเพราะมีลวดลายธงชาติไทยที่พาดยาวตลอดคัน พอถามหาเจ้าของ ทุกคนให้คำตอบเดียวกันว่า เป็นของคุณจ๊ะ-วรวุฒิ ภิรมยํภักดี

“รถ Ferrari รุ่น 458 Speciale เป็นคันแรกที่นำเข้ามาในเเมืองไทย ผมได้รับในวันคล้ายวันเกิดเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน ที่ผ่านมา ซึ่งความพิเศษของรถคันนี้คือคุณค่าทางจิตใจมากกว่า เพราะผมชอบรถมาตั้งแต่เด็กและเฟอร์รารี่ก็เป็นความใฝ่ฝัน พอมีโอกาสได้เปิดธุรกิจ Ferrari Importer กับคุณเฉลิม อยู่วิทยานำเข้ารถเฟอร์รารี่ 458 เมื่อ 5 ปีที่แล้วซึ่งทำให้ผมประสบความสำเร็จจนทุกวันนี้ นอกเหนือจากนั้นผมแข่งรถ ก็เริ่มต้นด้วยรถเฟอร์รารี่ 458 เราจึงมีเรื่องราวดีๆ ด้วยกันมาตลอด

“ความพิเศษของตัวรถเฟอร์รารี่ 458 Speciale ต่างจากรุ่น 458 ปกติคือ เครื่องยนต์เร็วกว่า ใหญ่กว่า และได้นำเทคโนโลยีของรถเฟอร์มูล่า วัน เข้ามาใช้มากขึ้น เพราะทุกวันนี้ผู้ผลิตรถยนต์ต่างคำนึงถึงเรื่องสิ่งแวดล้อม ทำให้เครื่องยนต์ต้องลดขนาดซี.ซี. ลงมา ซึ่งเฟอร์รารี่รุ่นต่อไปที่จะมาแทนรุ่น 458 ขนาดเครื่องยนต์จะเล็กลง และจะติดตั้งระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ ซึ่งไม่ใช่เครื่องยนต์ล้วนๆ อันเป็นเสน่ห์ของเฟอร์รารี่ ผมคิดว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นรุ่นสุดท้ายที่เฟอร์รารี่จะทำเครื่องยนต์ลักษณะนี้

“ความพิเศษที่สำคัญที่สุดที่ใช่สำหรับผมคือ มีลายธงประเทศไทยติดอยู่ แม้จะเป็นความบังเอิญแต่ทันทีที่เห็น ผมตัดสินใจซื้อทันที ซึ่งก็เป็นเหตุผลเดียวกับที่คนไทยหัวใจรักชาติจับจองไปทั้งหมด 14 คัน สนนราคาเริ่มต้นที่ 32 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับออฟชั่นต่างๆ

“ส่วนคันแรกในประเทศไทยคันนี้ 35 ล้านบาท”

ที่มา : นิตยสารแพรวฉบับ 841 คอลัมน์ Wow stories

ตะลึงซากแมมมอธ และไข่นกที่ใหญ่ที่สุดในโลก

คุณหมอปราเสิรฐร่วมฉลองวันเกิดแพรวแบบไม่เหมือนใคร ด้วยการส่งส่วนหนึ่งของสะสมมาเซอร์ไพรส์ นั่นคือซากแมมมอธ และฟอสซิลไข่นกยักษ์!

“เริ่มจากว่า ผมมีโครงการทำพิพิธภัณฑ์ช้างโลก ซึ่งคนทั่วไปมักรู้จักแค่ช้างอัฟริกัน กับช้างเอเชีย ความจริงยังมีอีกมาก หนึ่งในนั้นคือช้างแมมมอธ (Mammoth) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ที่อาศัยอยู่ในยุคน้ำแข็งเมื่อกว่า 20,000 ปีก่อน มีงายาวโค้งได้ถึง 13 ฟุต หรือ 4 เมตร มนุษย์ล่าพวกมันเพื่อเอาเนื้อเป็นอาหาร หนังและไขมันเป็นเครื่องสร้างความอบอุ่น

คลังมหาเศรษฐี CEO บ.ออสสิริส เจ้าของมรดกงานฝีมือแห่งรัตนโกสินทร์

เปิดกรุทองคำสุดอลังการ งานฝีมือทรงคุณค่าแห่งยุครัตนโกสินทร์ของคุณบุญเลิศ สิริภัทรวณิช – CEO บริษัท ออสสิริส กรุ๊ป จำกัด

เครื่องทองคำชุดนี้เป็นงานฝีมือที่สร้างสรรค์ขึ้นใหม่ตามแบบฉบับของเครื่องทองคำในยุครัตนโกสินทร์ ซึ่งมาจากความชอบส่วนตัวของผมที่หลงใหลในเสน่ห์และความสวยงามของงานช่างทองสมัยก่อน ในชุดนี้ประกอบด้วย กระเป๋าถือ ผอบ และเครื่องประดับทองคำ มูลค่ารวมกว่า10 ล้านบาท ทำจากทองคำแท้ 99.9% และ 96% ทุกขั้นตอนสร้างสรรค์ด้วยมือจึงมีเพียงชิ้นเดียวในโลก เป็นงานฝีมือชั้นสูงอันทรงคุณค่าที่สืบทอดเทคนิคการทำจากรุ่นสู่รุ่นมาจากกลุ่มช่างทองวังหลวงในสมัยอยุธยา

เครื่องทองชุดนี้ใช้เทคนิค การตอกลาย หรือ ดุนลาย เป็นหลัก ผสมผสานกับการถักทอและลงยา ซึ่งมีขึ้นในช่วงรัตนโกสินทร์ตอนต้น รูปทรงมีการประยุกต์ให้เข้ากับการใช้งานจริง เนื่องจากเป็นยุคที่ได้รับอิทธิพลจากต่างประเทศค่อนข้างเยอะ อันจะเห็นได้จากกระเป๋าถือในชุดนี้ที่มีดีไซน์แบบตะวันตกแต่ใช้เทคนิคการทำแบบตะวันออกคือ การตอกลาย แต่ละใบสร้างสรรค์ขึ้นจากทองคำหนัก 23 บาท 99.9% ใช้เวลาทำนาน 1 เดือน คิดเป็นค่าช่างฝีมือ 100,000 บาท มูลค่ากระเป๋าจึงสูงถึงใบละ 400,000 บาท และเนื่องจาก ทองคำเป็นวัสดุที่มีค่าสูง ในสมัยก่อนจึงใช้ทำเป็นเครื่องราชูปกรณ์ของพระราชาในพิธีสำคัญเท่านั้น อย่างเช่น ผอบ หรือ เชี่ยนหมาก ช่างทองคนเดียวต้องทำทุกขั้นตอนตั้งแต่การหลอมทอง ไปจนถึงขึ้นรูป ลงสี จึงต้องใช้ประสบการณ์และความชำนาญเป็นอย่างมาก เนื่องจากปัจจุบันมีช่างฝีมือเพียงไม่กี่คนในประเทศไทยจึงเป็นงานฝีมือที่หาได้ยากในปัจจุบัน

เรื่อง : Minim
ภาพ : วรสันต์
ที่มา : นิตยสารแพรวฉบับ 841 คอลัมน์ Wow stories

สุมณี คุณะเกษม สง่างามในชุดจักรพรรดินีโบราณ ประดับหยกโบราณมูลค่าหลักล้านเพื่อแพรว

อันว่าทรัพย์สมบัติของคุณสุมณีนั้น เข้าข่ายถามหาอะไรก็มีหมด แต่หนนี้เธอมาเหนือ ด้วยการสวมชุดจักรพรรดินีโบราณ พร้อมโชว์เซ็ทหยกอลังการ มูลค่าหลักล้าน

“ดิฉันได้หยกชุดนี้มากว่า 10 ปีแล้ว ตอนนั้นไปเที่ยวที่ตลาดหยกเซี่ยงไฮ้ เห็นครั้งแรกแล้วชอบเลยเพราะมีทั้งสร้อย แหวน กำไล ต่างหูครบ เป็นหยกเนื้อดี เนื้อเขียวใสมาก ซื้อเลยในราคาล้านกว่าๆ ถ้าเป็นสมัยนี้มูลค่าคงเพิ่มขึ้นอีกหลายล้าน ความที่มีแต่หยกอย่างเดียวดูเรียบไป ดิฉันจึงออกแบบใหม่ เติมทองเข้าไปตรงส่วนที่เป็นมังกร ใช้เวลาในการทำนานประมาณ 8 เดือน เพราะช่างต้องทำแม่พิมพ์มาให้ตรวจก่อนและแก้แบบกันหลายครั้ง โดยเฉพาะตรงส่วนของมังกรถือว่าทำยากมากที่จะทำให้อ่อนช้อยสวยงาม รวมค่าแรงและค่าหยกในสมัยนั้นถือว่าแพงเอาเรื่องเหมือนกัน นั่นคือประมาณกว่าสามล้านบาท

“ส่วนชุดจักรพรรดินีนี้ ได้มาตั้งแต่เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ตอนนั้นดิฉันไปเที่ยวปักกิ่ง เจอร้านขายเสื้อจีน สายตาเหลือบไปเห็นเสื้อโชว์ในตู้กระจก เป็นงานปักละเอียดสวยงามมาก พอถามราคาถึงกับอึ้ง กว่า 2 แสนบาท แต่ในที่สุดกัดฟันซื้อมา เพราะถูกใจงานฝีมือปักไหมดิ้นทองที่ละเอียดมาก คิดว่าถ้าเทียบกับราคาก็ถือว่าถูก ดิฉันไม่เคยเห็นฝีมืองานปักแบบนี้อีกเลย วันนั้นจึงตัดสินใจซื้อชุดจักรพรรดิอีก เพราะเป็นชุดมาคู่กัน ราคาก็กว่าแสนบาทค่ะ

“ถ้าเป็นตอนนี้ก็หลักล้านแล้ว”

เรื่อง : ณัฐกฤตา, ปาจรีย์
ภาพ : โยธา
ที่มา : นิตยสารแพรวฉบับ 841 คอลัมน์ Wow stories

จิรายุส ตั้งศรีสุข-ราณี แคมเปน…คู่พีเรียดไม่มีวันตาย

ความแรงของ ‘คุณชายหมอกับสาวกรองแก้ว’ จนกระทั่งผุด ‘คลับจิราณี’ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปร่วมปี ก็ยังไม่ตกกระแส ตรงกันข้ามมีแต่จะแรงขึ้น จนติดอันดับหนึ่งในคู่โหวตของแพรว

“ดีใจ ที่คู่เราติดหนึ่งในคู่โหวตของแพรว” เจมส์ จิ เริ่มต้นอย่างเป็นงานเป็นการ “เขาเป็นผู้หญิงคนแรก (ในวงการบันเทิง) ของผมครับ เป็นผู้หญิงที่สวยมาก (ย้ำ) จากเรื่องนี้ทำให้ผมต้องเรียกว่า เบลล่า ทั้งที่เขาอายุมากกว่า เพราะในเรื่องคุณชายพุฒิภัทร เขาเล่นเป็นกรองแก้วเด็กสาวอายุ 20 ปีส่วนผมเป็นคุณชายหมออายุ 30 ปีตอนนั้นผมมาจากพิจิตรเพิ่งเข้ากรุงเทพฯ ใหม่ๆ เลย แล้วมาเล่นละคร ทำเวิร์คช็อปร่วมกัน เรียนทั้งแอ๊คติ้ง และมีคลาสเปิดใจ เพื่อทำลายกำแพงของเราสองคน ผมจึงรู้สึกว่าเขาเป็นเพื่อนคนแรกในวงการที่ไว้ใจที่สุด แต่ความเป็นเด็กใหม่ บทก็ยากมาก พอตื่นเต้น สมาธิเลยหลุดกระจาย จนถูกป้าแจ๋ว (ยุทธนา ลอพันธุ์ไพบูลย์) กับพี่แหม่ม (ธิติมา สังขพิทักษ์) ดุ เบลล่าก็พยายามซ้อมให้ ต่อบทด้วยกันนอกฉากบ่อยๆ ต้องชื่นชมเขาเลยว่า ใจเย็น มีความอดทนกับผมสูงมาก อย่างซีนที่ผมต้องร้องไห้ ร้องเท่าไหร่ก็ไม่ได้ เทคแล้วเทคอีก เพราะฉะนั้นเบลล่าก็ต้องร้องไห้ซ้ำๆ กว่าจะผ่านได้แทบตาย”

‘เบลล่า’ นางเอกเปิดซิงในวงการบันเทิงของเจมส์ยิ้มก่อนเสริมว่า “เหมือนกันค่ะ ตอนแรกที่เบลล่ารู้ว่าจะได้เล่นเรื่องนี้ ก็ลุ้นว่าว่าพระเอกคือใคร จนมาถึงวันฟิตติ้ง เจอเจมส์ ตกใจเลย เพราะหน้าละอ่อนมาก เราต้องสู้นิดหนึ่ง (หัวเราะ) เพราะในบทเราเด็กกว่าต้องโดนคุณชายหมอข่ม จึงบอกเขาว่าไม่ต้องเรียกพี่หรอก เป็นเพื่อนร่วมงานกัน ไม่อย่างนั้นจะรู้สึกเกรงใจโดยอัตโนมัติ

“ขนาดเบลล่าเล่นละครมาก่อนยังยอมรับเลยว่า เรื่องนี้ยาก มีหลายอารมณ์หลายระดับ ต้องพลิกคาแรคเตอร์จากที่เล่นเป็นสาวสมัยใหม่มีความมั่นใจใน ‘รอยมาร’ มาเป็นเด็กบ้านนอกชีวิตรันทด เข้ากรุงเทพฯ มาประกวดนางงามเพื่อนำเงินไปรักษาพ่อ หนำซ้ำยังโดนพี่เลี้ยงหลอกอีก ป้าแจ๋วแนะนำว่า ให้กดความฉลาดลง อย่ารู้ทันคน ให้ดูการแสดงจากพี่แอ๊ฟ ทักษอร ในเรื่อง ‘วนิดา’ ว่าหญิงไทยสมัยก่อน มีจริต น่าทะนุถนอมต้องทำอย่างไร แล้วกับเจมส์ซึ่งเล่นเป็นเรื่องแรก จึงต้องทำเวิร์คช็อปด้วยกันค่อนข้างเยอะ เพื่อให้สนิทสนมคุ้นเคย เวลาเข้าฉากด้วยกันจะได้ไม่เขิน ไม่เกร็ง เบลล่าชอบคลาสบำบัดจิต (หัวเราะ) มีเราเรียนกันสองคน เขาจะดูว่าชีวิตก่อนหน้านี้เราเป็นอย่างไร หรือมีปัญหาทางการแสดง หรือการแสดงออกตรงไหนไหม เรามีปมด้อยตอนเด็กไหม จากการเปิดใจในคลาสทำให้กล้าที่จะคุยเรื่องอื่นนอกรอบ เจมส์ก็เพิ่งเข้ากรุงเทพฯ เรียนมหาวิทยาลัยปี 1 ด้วย ยังไม่มีเพื่อน เบลล่าจึงถือโอกาสเป็นที่ปรึกษา ทั้งเรื่องบทจนถึงเรื่องเที่ยว”

“เราใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเป็นปี แล้วแทบจะทุกวัน เรียกว่าเห็นหน้ากันจนเบื่อ” เจมส์แซวอย่างอารมณ์ดี “ยิ่งเรื่องนี้ส่วนใหญ่ไปถ่ายทำที่สุพรรณบุรี ตีสี่รถตู้ไปรับที่ที่พักของผมกับเบลล่า ไปส่งที่กองถ่าย เลิกกองประมาณ 4 ทุ่ม กว่าจะกลับถึงที่พักตี 2 นอน 2 ชั่วโมง รถตู้มารับอีกแล้ว ช่วงนั้นเหมือนมีบ้านไว้เพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วกลับไปเจอกันอีกแล้ว เขาน่ารักให้ความช่วยเหลือหลายอย่าง เพราะตอนนั้นผมยังไม่ค่อยรู้ทาง เวลาที่เขาบอกว่า วันนี้จะไปเรียนนะ ผมฉวยโอกาสถามเลยว่า ผ่านหน้าบ้านหรือเปล่า แล้วให้เขาแวะรับ คืออาศัยหน้าด้านเข้าว่า (หัวเราะ)

“หลังจากละครคุณชายพุฒิภัทร ชีวิตผมเปลี่ยนไป งานเยอะขึ้น ได้ไปทำงานหลายที่ มีมุมมองใหม่ๆ มากขึ้น ผมชอบเรียนรู้และพยายามค้นหาทุกอย่างรอบตัวว่า เกิดจากอะไร พยายามหาเหตุผลให้ได้ ไม่รู้เหมือนกันนะครับว่า เหนื่อยหรือเปล่า ชอบหรือไม่ เพราะไม่ยึดติด รู้แต่ว่าทำแต่ละวันให้มีความหมายก็พอ แม้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ที่กองถ่ายละคร แต่ก็มีเรื่องสนุก ใหม่ๆ ทุกวัน แฟนคลับเยอะมาก มีกลุ่มที่อินกับบทละคร อินกับคุณชายหมอกับกรองแก้ว จนตั้งเป็นกลุ่มแฟนคลับชื่อจิราณี มาจากจิรายุกับราณี รวมทั้งแฟนคลับผม ที่ไม่ว่าแสดงคู่กับใคร เขาก็รักด้วย”

“ใช่ค่ะ กระแสตอบรับเกินคาด” เบลล่าเสริม “เพราะตอนที่เล่น รู้สึกว่ายากเหลือเกินกว่าจะผ่านไปได้แต่ละฉาก ด้วยความที่ป้าแจ๋วละเอียด มีหลายอย่างให้ต้องโฟกัส รวมทั้งมีข้อจำกัดในเรื่องสถานที่ที่เป็นละครพีเรียด ทำให้วันหนึ่งถ่ายทำได้ค่อนข้างน้อย เพราะฉะนั้นเมื่อเทียบกับกระแสตอบรับจึงถือว่าคุ้มค่ามากกับความเหนื่อย รวมถึงครั้งนี้เบลล่าดีใจนะ ที่คู่เราได้รับการโหวตจากผู้อ่านแพรว เพราะแต่ละคู่ดังๆ ทั้งนั้น แสดงว่าผู้อ่านยังนึกถึงเรา”

“เพราะหลังจากคุณชายจบแล้ว ผมกับเบลล่าก็ไม่ได้แสดงละครด้วยกันอีกเลยเนอะ” ท้ายประโยคเจมส์ถามเบลล่า เธอจึงอธิบายว่า “ได้เจอกันตามงาน แชทคุยกันบ้างในกลุ่มไลน์ของเทพบุตรจุฑาเทพ มีข่าวดีว่าเร็วๆ นี้เราจะโคจรมาเจอกัน ต่อจากละคร ‘หนึ่งในทรวง’ ชื่อเรื่อง ‘ปดิวรัดา’ เป็นละครพีเรียดของพี่คิง สมจริง ศรีสุภาพ เบลล่าเสริมว่า “‘ปดิวรัดา’ แปลว่าภรรยาที่ซื่อสัตย์กับสามี มาจากพระนามของพระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา ทรงเข้ารับราชการฝ่ายในเป็นพระอรรคชายาเธอในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เรื่องนี้เป็นละครพีเรียดในยุคสมัยรัชกาลที่ 5 ตั้งแต่เบลล่าเล่นละครเรื่องแรกมีผู้ใหญ่สอนว่า ให้ไหว้ขอพรพระพิฆเนศวร์ และครูบาอาจารย์ให้งานราบรื่นสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี หากไปถ่ายนอกสถานที่ก็ไหว้ขอขมาเจ้าที่เจ้าทาง ยิ่งตอนเปิดกล้องละครเรื่องลูกทาส ได้มีโอกาสไปสักการะพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระปิยมหาราชที่วัดใกล้ๆ หอประชุมกองทัพเรือ แล้วก่อนทำงานทุกวันเบลล่าจะตั้งจิตระลึกถึงพระองค์ท่านว่า ลูกเล่นละคร ไม่ตั้งใจลบหลู่ หากทำอะไรผิดพลาดไป ขอพระองค์ท่านยกโทษให้ คาดว่าเรื่องนี้คงต้องไปสักการะพระองค์เช่นกัน

เจมส์เปิดใจว่า “ไม่ว่าแสดงคู่กับใคร ยอมรับเลยว่า ไม่สนิทเหมือนเบลล่า เพราะตอนเล่นคุณชายหมอมีเวลาอยู่ด้วยกันมาก แต่ไม่เคยถามกันนะว่า รสนิยมแต่ละคนเป็นอย่างไร ชอบอะไรบ้าง เท่าที่สังเกตุตอนอยู่ด้วยกัน ก็ไม่ตีกันเท่าไหร่นะ คงมีอะไรชอบเหมือนกันบ้าง”

“อย่างน้อยก็ที่นี่ละ” เบลล่ารีบบอก “มาถ่ายแบบวันนี้รู้เลยว่า เจมส์ต้องชอบที่นี่มากแน่ เขาชอบวินเทจ เบลล่าก็ชอบเหมือนกัน แต่ไม่เท่าเจมส์ที่มีแว่นกับกล้องวินเทจ

“555 รู้จริง” เจมส์หัวเราะถูกใจ “ใช่ครับ ผมชอบของวินเทจมาก เท่ดี เป็นของที่มีเรื่องราว ก็มีเท่านั้นละครับ ไม่มีชิ้นใหญ่หรอก เพราะไม่ทราบจะซื้อที่ไหน ก่อนจากกันอยากฝากผู้อ่านทุกท่านติดตามคลับ ‘จิราณี’ ของเราด้วย รักจิรายุ กับเบลล่า นานๆ อยากให้ผู้อ่านมีความสุขครับ”

เจมส์ อ้อนก่อนปิดบทสนทนาอย่างสวยงาม

เรื่อง : Gornpat
ภาพ : โยธา เจริญรัตนโชค
ที่มา : นอตยสารแพรวฉบับ 841 คอลัมน์ LIVE STORIES

ปริญ สุภารัตน์-คิมเบอร์ลี่ แอน เทียมศิริ…คู่แซ่บไม่ตกกระแส

เป็นคู่พระนางที่ร่วมกันบ่อย และเป็นข่าวคู่กันถี่ จนเกิดกระแสแฟนคลับ MK (Mak-Kim) และความรักนอกจอ เพราะฉะนั้นครั้งนี้จึงไม่หลุดโผโหวตแน่นอน

“ขอบคุณผู้อ่านนะครับที่ช่วยโหวตให้เราได้ทำงานด้วยกัน ดีใจมากที่ได้ร่วมงานกับแพรวอีกครั้ง จากกระแสละครที่เราเล่นด้วยกันหลายเรื่องก็เกิดเป็นฐานแฟนคลับ MK ขึ้น ที่ผ่านมาคู่เราโดนข่าวเยอะ ยอมรับว่าเครียด แต่เราพยายามไม่คุยกันเรื่องนี้ หากสื่อถามก็จะขอ ปล่อยให้เงียบหายไปดีกว่า อยู่กับปัจจุบัน เราก็มีความสุขดี” หมาก ปริญ ออกตัวก่อนย้อนถึงวันแรกที่ได้เจอกับนางเอกของเขา “ละครเรื่องแรกคือ สี่หัวใจแห่งขุนเขา” ยังเด็กมากเลยครับ เพิ่งเข้าวงการใหม่ๆ ไม่ได้สังเกตคนรอบข้างมากนัก เจอคิมครั้งแรกวันแคสติ้ง ไม่กล้าคุยกับเขามาก ถามคำตอบคำ”

“คิมก็เหมือนกันค่ะ” นางเอกคนแรกของหมากเปิดใจ “ตอนนั้นไม่รู้จักใครเลย เป็นเด็กใหม่ในวงการ หมากเขาเป็นกันเอง ชวนคุยก็คุย เริ่มทำงานกันตั้งแต่สี่หัวใจฯ ต่อด้วยเรื่อง สามหนุ่มเนื้อทอง ปัญญาชนก้นครัว ต้นรักริมรั้ว จนถึง แอบรักออนไลน์ เป็นเรื่องที่ 5 ไม่ได้ห่างกันไปไหนเลย เร็วๆ นี้คิมมีโอกาสดู ปัญญาชนก้นครัว ที่กลับมาออนแอร์ใหม่ เห็นแล้วรู้สึกว่า เราทั้งคู่เปลี่ยนไปเยอะ ทั้งแอ๊คติ้ง รูปร่างหน้าตาก็ดูใหญ่ ดูบวมทั้งคู่เลย (หัวเราะ)”

หมากเสริมว่า “พอเล่นละครด้วยกันมากขึ้น เจอกันบ่อย ก็ยิ่งรู้จักตัวตนเขามากขึ้นว่า จริงๆ แล้วเป็นเด็กผู้หญิงธรรมดาๆ คนหนึ่งที่หน้าตาดีมากๆ” หมากยิ้มเขินก่อนอธิบายว่า “พูดง่าย เข้าใจง่าย เรียกว่าไม่ต้องพูดก็รู้ใจ ส่งผลไปถึงการทำงาน เพราะรู้สึกว่าเล่นแล้วรับส่งกันค่อนข้างดี ขณะที่ผมเล่นกับนางเอกคนอื่นมีบางจังหวะที่ต้องศึกษากันใหม่ ผมชอบเรื่อง ‘ต้นรักริมรั้ว’ ที่สุด รู้สึกว่าเป็นตัวเอง เป็นธรรมชาติ เหมือนตัวละครนั้นมีตัวตนอยู่จริง ”

คิมอมยิ้มก่อนเสริมว่า “รู้สึกเหมือนกันค่ะว่า เล่นกับหมากแล้วเข้าขาที่สุด เรียกว่าแค่มองตาก็รู้แล้วว่า เขากำลังพูดผิดแล้วพยายามแถ สำหรับคิมชอบทุกเรื่อง เพราะเหนื่อยมาก โดยเฉพาะปัญญาชนก้นครัว ไม่น่าเชื่อว่าเหนื่อยสุด พอดีช่วงนั้นคิมรับละคร 2 เรื่อง ทำงานทั้ง 7 วัน 4 วัน เล่นเรื่องปัญญาชนก้นครัว เป็นแนวคอมเมดี้ อีก 3 วันเล่นเรื่องแรงปรารถนา ดราม่าสุดๆ ต้องร้องไห้สลับกันจนเหนื่อย หมากก็ช่วยแหย่ให้ขำไม่ได้ เพราะตามบทต้องนิ่ง แต่จะเป็นพี่อ้น ศรีพรรณ กับตั๊ก บริบูรณ์ มากกว่า เล่นกี่ครั้งก็ไม่เหมือนกันเลย บางฉากคิมฮาหลุดจนกล้องจับหน้าไม่ได้เลย

“สำหรับเรื่อง แอบรักออนไลน์ แม้จะเล่นคู่กันอีก แต่ความรู้สึกคงไม่เหมือนเดิม เป็นความรู้สึกของคนดูนะครับ” หมากรีบออกตัว “เพราะเรื่องที่ผ่านมาเป็นบทที่เรารู้จักกันมาก่อน แล้วค่อยแสดงความรัก ขณะที่เรื่องนี้ตามบทไม่เคยรู้จักกันแล้วมาเจอกัน ได้มารับรู้ถึงตัวตนของกันจริงๆ แล้วจึงรักกัน ก็จะมีฉากกุ๊กกิ๊กคนละแบบกับเรื่องที่ผ่านมา แต่ไม่เครียดๆ (ยิ้มเขิน) นอกจากนั้นก็มีเล่นกับเบลล่า ราณี เรื่อง ‘พบรัก’ ปีหน้ามีละครของพี่ตู่ ปิยะวดี เล่นกับแพทริเซีย ส่วนตัวผมชอบเรื่อง ตะวันเดือด มากที่สุด ได้เล่นเป็นคาวบอย ตอนนั้นยังทำได้ไม่ดี เพราะยังเด็ก หากมีตะวันเดือด 2 ก็อยากแก้มือ”

“ถึงวันนี้ต้องชมหมากเลยว่า เก่งขึ้นเยอะมากๆ (เน้นเสียง) อาจเพราะเป็นเด็กผู้ชายจึงไม่ค่อยตั้งใจกับการทำงานมากเท่าไหร่ แต่พอโตขึ้นยิ่งมีการพัฒนา ทำการบ้าน รับผิดชอบงานได้ดีมาก ขณะที่คิมให้คะแนนตัวเอง 6 เต็ม 10 ยังต้องพัฒนาอีกเยอะ ก็ฝากเรื่องแอบรักออนไลน์ด้วยนะคะ จะได้เห็นเราเล่นคู่กันอีก เป็นเรื่องสบายๆ ไม่เครียด เอ… เครียดหรือเปล่านะ” ท้ายประโยคคิมหันไปถามพระเอก

“เอาเป็นว่าเราเครียด แต่คนดูไม่เครียดแน่นอน”

เรื่อง : Gornpat
ภาพ : นวพจน์ โพธิเกษม
ที่มา : นิตยสารแพรวฉบับ 841 คอลัมน์ LIVE STORIES

ติ๊ก เจษฏาภรณ์-แอน ทองประสม…คู่เหนือความคาดหมาย

ก่อนจะหมดปี 2014 ไป เชื่อว่าหลายคนยังคงจดจำละครสุดฮอตช่วงกลางปีอย่างเรื่อง “อย่าลืมฉัน” กันได้แม่นยำ วันนี้พระนางของเรื่องอย่างติ๊กและแอน เลยมาเปิดใจส่งท้ายปีเก่ากับแพรว เพื่อตอกย้ำการเป็นคู่จิ้นซุปเปอร์สตารฺ์ ที่เวลาไม่สามารถทำอะไรพวกเขาได้ เพราะแม้จะโคจรมาเจอกันแค่เรื่องเดียว แต่ก็ทำให้ละคร ‘อย่าลืมฉัน’ เปรี้ยงจนกลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์เลยทีเดียว

“คู่ผมเป็น ‘คู่ขวัญเมื่อป่านนี้’ ใช่ไหมครับ” ติ๊ก เจษ เปิดใจที่ได้รับโหวตให้เป็นหนึ่งคู่ในใจผู้อ่านแพรวก่อนจะบอกต่อว่า “ผมน้อมรับด้วยความเต็มใจ อยากบอกว่า การที่ผลงานจะตราตรึงในใจคนดู ไม่ได้อยู่ที่เราคนเดียว ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายอย่าง ตั้งแต่ผู้ร่วมแสดง ทีมงาน ผู้เขียนบท ผู้กำกับ จนถึงสถานี โดยเฉพาะพี่ดา (หทัยรัตน์ อมตะวณิชย์) ผู้จัดที่มองตลาดออกว่า ช่วงไหนคนดูละครอยากดูอะไร จากองค์ประกอบเหล่านี้หล่อหลอมรวมกันทำให้ละครน่าสนใจ ก็ยังแปลกใจว่า หลังจากเรื่อง วนิดา แล้ว ผมหายไปจากละคร 4 ปี โผล่มาแค่รายการเนวิเกเตอร์ทุกวันหยุดนักขัตฤกษ์ แต่แฟนละครก็ยังให้โอกาสและติดตามผลงาน ผมไปงานประกาศรางวัลหรืออีเว้นท์ ก็ยังมีกลุ่มแฟนละครมาให้กำลังใจ แถมได้แฟนคลับเพิ่มขึ้นอีก อย่างล่าสุดไปงานรับรางวัลของสยามบันเทิง ด้วยกัน แฟนคลับละคร ‘อย่าลืมฉัน’ ทั้งผมและ ‘ทองประสม’ บวกกันเลยเยอะ ปกติของเขาเยอะอยู่แล้ว ของผมน้อยนิด เราก็มั่วด้วยเลย”

นางเอกซุปตาร์ หรือ ‘ทองประสม’ ของติ๊กรีบออกตัวว่า “แฟนคลับแอนส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอาวุโส คลาสสิกนิยม อายุรุ่นเดียวกับแม่แอน เป็นครูบาอาจารย์จะอยู่ในพื้นที่สงบ ไม่โฉ่งฉ่าง แต่แฟนคลับติ๊กแม้จะเป็นกลุ่มน้อย แต่พาวเวอร์เยอะในพื้นที่โซเชียล เมื่อแฟนคลับรักแอนก็รักติ๊กด้วย

“แอนก็รู้สึกเหมือนติ๊กนะ ดีใจที่อย่างน้อยเราอยู่วงการมา 25 ปี ทำงานละครออกมายังมีคนพูดถึง ให้ความสนใจ”

ติ๊กได้ทีจึงบอกว่า…“แปลกใจนิดเดียวเท่านั้น ทำไมเราเพิ่งมาเจอกันป่านนี้ ทองประสมเองก็ผ่านร้อนผ่านหนาวผ่านพระเอกมามากมาย ผมก็เช่นกัน เล่นละครกับนางเอกทั่วฟ้าเมืองไทย แต่ไม่เคยเจอทองประสม จำได้ว่าสมัยเด็กๆ เคยถ่ายแฟชั่นคู่กัน ย้อนกลับไปดู แต่ละคนหน้าตาแบ๊วสุดๆ (หัวเราะ) ตอนที่พี่ดาติดต่อให้เล่นละครเรื่องอย่าลืมฉัน ผมรับปาก ทั้งที่ตอนนั้นยังไม่มีนางเอก กระทั่งพี่ดามาบอกว่า นางเอกเรื่องนี้น่าจะเหมาะกับทองประสมที่สุด”

“ช่วงแรกยอมรับเลยว่าเกร็ง เพราะรู้สึกว่าทองประสมคร่ำหวอดในวงการ เชี่ยวชาญและชำนาญงานสูง เป็นมืออาชีพ ขณะที่ผมยังเงอะๆ งะๆ เพราะห่างหายจากละครไปนานจึงประหม่า เกร็ง ผมถือว่ายังเป็นมือสมัครเล่น สำหรับบทดราม่าสุดๆ ก็ไม่สามารถร้องไห้ได้ทุกซีน ด้วยนิสัยผมไม่ขี้แย หรือร้องไห้ง่ายอยู่แล้ว ซึ่งไม่มีใครช่วยกันได้ แต่ละคนต้องสวมบทบาทของตัวเองให้ดีที่สุด อย่างเวลาเราคุยกับใครที่น่าสงสารก็จะรู้สึกเศร้าตามไปโดยอัตโนมัติฉันใดฉันนั้น การเศร้าไม่ได้หมายถึงต้องร้องไห้เสมอไป หากผู้กำกับดูในมอนิเตอร์แล้วรู้สึกว่า เศร้าไปตามบทก็ผ่าน แต่หากบทที่อารมณ์ถึงจริงๆ จึงจะร้องไห้ได้ พอมีคนถาม ผมชอบพูดเล่นว่า แอบหยิกก้นตัวเองอยู่” (หัวเราะ)

ขณะเดียวกันใครจะเชื่อว่า นางเอกระดับแนวหน้าก็แอบเกร็งไม่แพ้กัน ถึงขนาดเอาใจพระเอกนักเดินทางสุดๆ ด้วยการเตรียมเรื่องหมู หมา กา ไก่ มาคุยเพื่อละลายพฤติกรรม

“ทุกครั้งที่แอนเล่นละครต้องสนิทกับพระเอกก่อน เพราะหากไม่เคยเจอ ไม่เคยสนิทกัน แล้วต้องเล่นเป็นสามีภรรยา กอดจูบ หอมกัน สำหรับแอนต้องเชื่อใจกันมากพอนะ พอต้องเล่นกับติ๊กก็เช่นกัน แอนถูกเตือนและขู่เยอะมากว่า เขาเป็นคนนิ่ง ไม่เปิดใจรับใครง่ายๆ อย่าไปสร้างความรำคาญใจให้เขานะ ไม่อย่างนั้นปิดประตูใส่เราทันที พอเจอกันจึงเกร็ง ยิ่งแอนความจำไม่ค่อยดี ต้องใช้เวลาท่องบทนาน เรื่องนี้เคน ธีรเดชรู้ดี ความที่เราสนิทกันจึงรับกันได้ ก็กังวลว่าติ๊กจะรอเราได้ไหม จึงพยายามทำการบ้านอ่านบทมาก่อน ยิ่งเรื่องนี้ถือว่ายากนะ ตามบทสุริยงต้องหน้านิ่ง ห้ามใช้กล้ามเนื้อมัดหน้าเยอะ แต่ก็ต้องทำให้คนรู้ว่าเรากำลังหวั่นไหว จริงๆ แล้วแอนไม่สามารถเล่นได้ทุกฉาก ที่ทุกคนให้รางวัลหรือเสียงปรบมือ เป็นเพราะแอนผ่านการทุบเป็นกระท้อนมาเยอะ ทั้งผู้จัด ผู้กำกับ และเพื่อนร่วมงาน เช่นเรื่องนี้ต้องยกเครดิตให้ป้าแจ๋ว (ยุทธนา ลอพันธุ์ไพบูลย์) กับพี่ดาที่คอยประกบ อย่างฉากที่ติ๊กมาส่งแอนที่บ้าน แล้วแอนต้องต่อว่าติ๊ก ป้าแจ๋วพูดใส่ว. ว่าแอนเลยว่า เล่นได้ห่วยมาก ณ ตอนนั้นเสียใจจนน้ำตาจะทะลัก เพราะเราอยากเล่นให้ได้ดีไง ไม่อยากให้ผิดหวัง ติ๊กเล่นดีอยู่แล้ว แต่ต้องมาเทคซ้ำซากเพราะเรา”

“โชคดีที่ไปถ่ายทำที่สวิสฯ จากการที่ต้องไปสมบุกสมบันทำให้เรายิ่งสนิทกัน ติ๊กเป็นคนที่เข้าใจชีวิต ขณะที่แอนก็โตแล้ว ชีวิตจึงง่ายไปหมด เขากินง่ายอยู่ง่าย ชวนคุย พูดล้อเล่นก็รับมุกได้ ไม่โกรธ ไม่เหวี่ยง ไม่เห็นเหมือนกับที่ขู่เลย จนกระทั่งภูเขาน้ำแข็งค่อยๆ ทะลายไปโดยไม่รู้ตัว

“ขนาดแอนยังไม่เชื่อว่าจะคลิกกันได้ เพราะดูจากเคมีกับรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว หนุ่มลุยป่า กับสาวบ้างาน ไม่น่าจะคุยกันรู้เรื่อง ติ๊กคุยแต่เรื่องป่า…ป่าเต็งรัง แอนเคยไปไหม เราก็งง ป่าอะไร อย่างนี้ฉันต้องไปหาข้อมูลเกี่ยวกับหมูหมากาไก่มาคุยกับเขาแล้วละ พยายามทำการบ้านนะ แต่แอ๊บได้ไม่นานก็หลุด เปลี่ยนเป็นแนวล้อเล่น แดกดัน เสียดสี ตลกไป พยายามไม่แตะเรื่องป่าเต็งรัง”

“ก็เขาคุยกันแต่เรื่องคนในวงการบันเทิง เราไม่รู้จะคุยอะไรด้วย” ติ๊กแซวพร้อมเสียงหัวเราะ “พอผมพูดถึงป่าเต็งรัง หวังดึงริต้า (ศรีริต้า เจนเซ่น) ให้สนใจธรรมชาติ เผื่อจะอยากไปเที่ยวกับผม ปรากฏวงแตก ริต้าเดินหนี ขณะที่ทองประสมเสนอตัว แต่ผมไม่ชวน เพราะกลัวเขาเดินไม่ไหว (หัวเราะ) สมกับที่เขาบอกจริงๆ ว่า เมื่อคิดให้ดีโลกนี้ประหลาด สิ่งที่ต้องการกลับไม่ได้ สิ่งที่ไม่อยากได้กลับมา”

แอนหัวเราะก่อนอำกลับว่า “ตลอดเวลา 7-8 เดือนติ๊กเจอแอนตลอดเวลา สนิทได้เท่านี้ ผลลัพธ์ที่ออกมาแอนถือว่าดีนะ เขาได้เรียนรู้ชีวิตไปกับแอนเยอะ โดนตบไปก็หลายที (หัวเราะ) เพราะเวลาเล่นละคร ทุกคนรู้ดีว่าแอนตบจริง เจ็บจริง ตบกระหน่ำเลย เคนโดนจนชินแล้ว แต่พอวันหนึ่งที่เราบอกว่าอยากเลิกตบจริงแล้ว สงสารเพื่อนร่วมงาน พวกก็เดินมาบอกว่า ช่วยตบจริงได้ไหม ไม่งั้นไม่ส่งอารมณ์ เราก็ได้ ตบจริง เทไข่ราด ทุกอย่างจริงหมด อย่างฉากที่คุณเขมชาติมาง้อสุริยงที่บ้าน คุกเข่าไม่ยอมไปไหน ฉากนั้นแอนต้องขับรถชนเขา เพื่อขู่ให้เขาออกจากบ้าน หากเป็นเรื่องรถแอนค่อนข้างมั่นใจในจังหวะของตัวเอง แต่ติ๊กไม่แน่ใจ เห็นชัดเลย เพราะจะขยับลุกหนีก่อนรถจะมาถึง ผู้กำกับสั่งหลายเทคมาก จนต้องบอกเขาว่า ติ๊กเชื่อแอนนะว่า แอนไม่ทำให้ติ๊กเจ็บหรอก ตอนนั้นเขาออกตัวว่า ลูกยังไม่คลอดเลย (หัวเราะชอบใจ)

“หากป้าแจ๋วไม่ห้าม เขาคงชนผมไปแล้ว เพราะใกล้มาก ผมกลัวว่า เขาอาจเอาจริง เพราะพออยู่ในบท อารมณ์อาจพลุ่งพล่าน เหมือนบทตบ เขาบอกว่า ขอโทษนะ แอนจะตบติ๊กเบาๆ โอ้โฮ เต็มเหนี่ยว ก็เข้าใจนะว่า พอถ่ายจริงแล้วอารมณ์มา ผมพยายามหาโอกาสแก้แค้น พยายามพูดเสียดสีตลอดเวลา จนเขาบอกว่าจะลาออกจากวงการบันเทิง เพราะคงหาพระเอกมาเล่นคู่ไม่ได้แล้ว ใจผมอยากร่วมงานกับแอนอีก เพราะสนุก เหมือนทำงานกับคนที่มีประสบการณ์ชีวิต ไม่ต้องเกร็ง หรือเขินอายกันแล้ว พูดกันนิดหน่อยก็เข้าใจ อย่างฉากเลิฟซีน ตอนแรกไม่แน่ใจว่า จะเขินเราหรือเปล่า แต่ผิดคาด ทองประสมสู้สุดฤทธิ์ เต็มที่ ชอบแซวเขานะว่า ตอนผมเล่นละครเรื่องสิงห์ ของพี่อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ กับน้องมิว นิษฐา รู้สึกเหมือนเป็นพ่อลูก (หัวเราะ) ไม่เหมือนเล่นกับทองประสมเลย”

“ฉะนั้นเธอต้องรักฉันให้มากๆ เพราะฉันทำให้เธอดูดีนะจ๊ะ” น้ำเสียงแอนเป็นต่ออยู่ในทีก่อนจะบอกว่า “พูดอวดตัวไปอย่างนั้นละ จริงๆ แล้วเพราะเราล้ำกว่าไง เขาจึงดูดีมาก ดูสง่า หล่อ แต่หากไปเล่นกับน้องมิว หรือคิมเบอรี่ เขาจะดูผู้ใหญ่มาก ขู่ไป เขาก็ยอมรับ แต่หากถามแอนในฐานะผู้จัดต้องบอกเลยว่า ยิ่งใกล้ยิ่งเจ็บ เหมือนเราสนิทกับเคน แม้จะอยากได้เขามาเล่นละครมากแค่ไหน แต่ไม่กล้า ไว้เรื่องที่เหมาะกับเขาจริงๆ ดีกว่า ติ๊กก็เหมือนกัน เขาเป็นพระเอกที่มีความขลังในตัว อบอุ่น ฆ่าเขาไม่ตายหรอก อย่างไรต้องมีพื้นที่ละครสำหรับวัยอย่างติ๊กให้ได้เฉิดฉายบ้าง เราจึงไม่อยากให้เขามาด้วยความเกรงใจ อยากให้มาเพราะรักในละครของเรา จึงต้องคิดเยอะ แต่ยังบอกไม่ได้ว่าเมื่อไหร่ เพราะแอนทำหมือนงานโฮมเมด ปีละ 1-2 เรื่อง ปีนี้ก็ยังไม่ได้เสนอช่องเลย”

“ตอนนี้แอนมีละครเรื่องแอบรักออนไลน์ เป็นละครเบาๆ โรแมนติก ในยุคที่ใช้สื่อโซเชียลเน็ตเวิร์คค่อนข้างเยอะ แล้วมีดาราการ์ตูน ซึ่งจะปรับเป็นรายการแก๊งรักเด็ก รายการของครอบครัว เยี่ยมบ้านดาราที่มีลูกมีครอบครัวแล้ว มีมิก บรมวุฒิ กับเบนซ์ พรชิตา เป็นพิธีกร เราไม่เจาะประเด็นพ่อแม่เลย อยากรู้แค่ว่าเลี้ยงลูก สอนลูกอย่างไร ผิดพลาดกับลูกอย่างไร เป็นรายการสนุกๆ ตามคาแรกเตอร์ของมิกกับเบนซ์ กับอิงลิชออนทัวร์ที่ทำมา 8 ปีแล้ว

“หากโอกาสแอนอยากทำงานกับติ๊กอีก ก่อนที่แอนจะแก่กว่านี้ หากเล่นละครอีกทีคงเป็นแม่ณเดชน์-ญาญ่า ขณะที่ติ๊กยังเล่นเป็นพระเอกอยู่ เพราะอายุงานนางเอกจะสั้นกว่า เจออีกทีไม่ต้องกุ๊กกิ๊กกันก็ได้ เล่นเป็นเจ้าพ่อเจ้าแม่ เชือดเฉือน ยิงกันตูมตาม แอนไม่เกี่ยง”

นางเอกปิดท้ายอย่างสวยงาม มาถึงพระเอกที่มอบสิ่งพิเศษสำหรับแพรว ยอมแง้มเรื่องลูกชาย ‘น้องเต๊นท์’ ที่ตอนนี้อายุย่าง 7 เดือน ให้กับแฟนแพรวแฟนคลับแทนคำขอบคุณ

“ชีวิตผมวันนี้มีสถานะใหม่เพิ่มขึ้นคือ เป็นพ่อ เขาเลี้ยงไม่ง่ายไม่ยากตามประสาเด็ก เวลาร้องก็ต้องดูว่า ต้องการอะไร ลองผิดลองถูกกันไป เพราะเราเลี้ยงกันเอง ผมพยายามให้เวลากับเขาอย่างดีที่สุด หากต้องไปทำงานหลายวัน อย่างน้อยก็แน่ใจว่า แม่เขายังอยู่ ไหนจะญาติพี่น้องของทั้งสองบ้าน เพราะเขาเป็นหลานชายคนแรก เป็นสมาชิกใหม่ที่มาสร้างความสุขให้กับทุกๆ คน”

“ผมไม่อยากเรียกว่า เห่อ เรียกว่าเป็นความประทับใจแบบผูกพันดีกว่า เราอุ้มเขาทุกวันๆ หากวันไหนไม่ได้อุ้มก็จะคิดถึงว่า ยังไม่ได้อุ้มไอ้เด็กคนนี้เลย ยังเสียดายอยู่เลยว่า คือ ณ ตอนนั้นทั้งผมและแฟนต่างก็ทำงาน รู้สึกว่ายังไม่พร้อม จึงคุมไว้ประมาณ 3 ปี ทั้งที่มีคนบอกว่า ติ๊กพร้อมตั้งนานแล้ว แต่ไม่ยอมมีเอง ก็จริงอย่างที่เขาบอก ช่วงหลังจึงปล่อย คิดว่าหากจะมาก็มาตามธรรมชาติ ผมวางแผนไว้แค่ตอนนี้ อยากให้เขาเติบโตใช้ชีวิตเป็นเด็กธรรมดาคนหนึ่งที่ติดดินเหมือนผม ไม่อยากให้มองว่า นี่คือลูกของเจษฏาภรณ์ ผลดี หากไม่มีใครรู้เลยยิ่งดี อยากให้เขาเป็นตามธรรมชาติของเด็กดีกว่า ผมเชื่อว่า หากเราปูพื้นฐานแบบไหน เขาก็จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่แบบนั้น ซึ่งเราอยากให้เขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ ใจดี มีความคิดที่ดี ต่อไปจะทำงานรูปแบบไหนก็ได้”

“มีอีกแน่นอนครับ แต่ขอให้น้องเต๊นท์โตกว่านี้หน่อย อยากมีแฝด เพราะได้เล่นกับเฮเดน-โจชัว ฟิชเชอร์ ที่เล่นเป็นไก่ไข่ในอย่าลืมฉันแล้วชอบ”

“แม้ต้องทำกิ๊ฟท์ก็ยอม”

เรื่อง : Gornpat
ภาพ : วรสันต์ ทวีวรรธนะ
ที่มา : นิตยสารแพรวฉบับ 841 คอลัมน์ LIVE STORIES

keyboard_arrow_up