ติ๊ก เจษฏาภรณ์-แอน ทองประสม…คู่เหนือความคาดหมาย

ก่อนจะหมดปี 2014 ไป เชื่อว่าหลายคนยังคงจดจำละครสุดฮอตช่วงกลางปีอย่างเรื่อง “อย่าลืมฉัน” กันได้แม่นยำ วันนี้พระนางของเรื่องอย่างติ๊กและแอน เลยมาเปิดใจส่งท้ายปีเก่ากับแพรว เพื่อตอกย้ำการเป็นคู่จิ้นซุปเปอร์สตารฺ์ ที่เวลาไม่สามารถทำอะไรพวกเขาได้ เพราะแม้จะโคจรมาเจอกันแค่เรื่องเดียว แต่ก็ทำให้ละคร ‘อย่าลืมฉัน’ เปรี้ยงจนกลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์เลยทีเดียว

“คู่ผมเป็น ‘คู่ขวัญเมื่อป่านนี้’ ใช่ไหมครับ” ติ๊ก เจษ เปิดใจที่ได้รับโหวตให้เป็นหนึ่งคู่ในใจผู้อ่านแพรวก่อนจะบอกต่อว่า “ผมน้อมรับด้วยความเต็มใจ อยากบอกว่า การที่ผลงานจะตราตรึงในใจคนดู ไม่ได้อยู่ที่เราคนเดียว ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายอย่าง ตั้งแต่ผู้ร่วมแสดง ทีมงาน ผู้เขียนบท ผู้กำกับ จนถึงสถานี โดยเฉพาะพี่ดา (หทัยรัตน์ อมตะวณิชย์) ผู้จัดที่มองตลาดออกว่า ช่วงไหนคนดูละครอยากดูอะไร จากองค์ประกอบเหล่านี้หล่อหลอมรวมกันทำให้ละครน่าสนใจ ก็ยังแปลกใจว่า หลังจากเรื่อง วนิดา แล้ว ผมหายไปจากละคร 4 ปี โผล่มาแค่รายการเนวิเกเตอร์ทุกวันหยุดนักขัตฤกษ์ แต่แฟนละครก็ยังให้โอกาสและติดตามผลงาน ผมไปงานประกาศรางวัลหรืออีเว้นท์ ก็ยังมีกลุ่มแฟนละครมาให้กำลังใจ แถมได้แฟนคลับเพิ่มขึ้นอีก อย่างล่าสุดไปงานรับรางวัลของสยามบันเทิง ด้วยกัน แฟนคลับละคร ‘อย่าลืมฉัน’ ทั้งผมและ ‘ทองประสม’ บวกกันเลยเยอะ ปกติของเขาเยอะอยู่แล้ว ของผมน้อยนิด เราก็มั่วด้วยเลย”

นางเอกซุปตาร์ หรือ ‘ทองประสม’ ของติ๊กรีบออกตัวว่า “แฟนคลับแอนส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอาวุโส คลาสสิกนิยม อายุรุ่นเดียวกับแม่แอน เป็นครูบาอาจารย์จะอยู่ในพื้นที่สงบ ไม่โฉ่งฉ่าง แต่แฟนคลับติ๊กแม้จะเป็นกลุ่มน้อย แต่พาวเวอร์เยอะในพื้นที่โซเชียล เมื่อแฟนคลับรักแอนก็รักติ๊กด้วย

“แอนก็รู้สึกเหมือนติ๊กนะ ดีใจที่อย่างน้อยเราอยู่วงการมา 25 ปี ทำงานละครออกมายังมีคนพูดถึง ให้ความสนใจ”

ติ๊กได้ทีจึงบอกว่า…“แปลกใจนิดเดียวเท่านั้น ทำไมเราเพิ่งมาเจอกันป่านนี้ ทองประสมเองก็ผ่านร้อนผ่านหนาวผ่านพระเอกมามากมาย ผมก็เช่นกัน เล่นละครกับนางเอกทั่วฟ้าเมืองไทย แต่ไม่เคยเจอทองประสม จำได้ว่าสมัยเด็กๆ เคยถ่ายแฟชั่นคู่กัน ย้อนกลับไปดู แต่ละคนหน้าตาแบ๊วสุดๆ (หัวเราะ) ตอนที่พี่ดาติดต่อให้เล่นละครเรื่องอย่าลืมฉัน ผมรับปาก ทั้งที่ตอนนั้นยังไม่มีนางเอก กระทั่งพี่ดามาบอกว่า นางเอกเรื่องนี้น่าจะเหมาะกับทองประสมที่สุด”

“ช่วงแรกยอมรับเลยว่าเกร็ง เพราะรู้สึกว่าทองประสมคร่ำหวอดในวงการ เชี่ยวชาญและชำนาญงานสูง เป็นมืออาชีพ ขณะที่ผมยังเงอะๆ งะๆ เพราะห่างหายจากละครไปนานจึงประหม่า เกร็ง ผมถือว่ายังเป็นมือสมัครเล่น สำหรับบทดราม่าสุดๆ ก็ไม่สามารถร้องไห้ได้ทุกซีน ด้วยนิสัยผมไม่ขี้แย หรือร้องไห้ง่ายอยู่แล้ว ซึ่งไม่มีใครช่วยกันได้ แต่ละคนต้องสวมบทบาทของตัวเองให้ดีที่สุด อย่างเวลาเราคุยกับใครที่น่าสงสารก็จะรู้สึกเศร้าตามไปโดยอัตโนมัติฉันใดฉันนั้น การเศร้าไม่ได้หมายถึงต้องร้องไห้เสมอไป หากผู้กำกับดูในมอนิเตอร์แล้วรู้สึกว่า เศร้าไปตามบทก็ผ่าน แต่หากบทที่อารมณ์ถึงจริงๆ จึงจะร้องไห้ได้ พอมีคนถาม ผมชอบพูดเล่นว่า แอบหยิกก้นตัวเองอยู่” (หัวเราะ)

ขณะเดียวกันใครจะเชื่อว่า นางเอกระดับแนวหน้าก็แอบเกร็งไม่แพ้กัน ถึงขนาดเอาใจพระเอกนักเดินทางสุดๆ ด้วยการเตรียมเรื่องหมู หมา กา ไก่ มาคุยเพื่อละลายพฤติกรรม

“ทุกครั้งที่แอนเล่นละครต้องสนิทกับพระเอกก่อน เพราะหากไม่เคยเจอ ไม่เคยสนิทกัน แล้วต้องเล่นเป็นสามีภรรยา กอดจูบ หอมกัน สำหรับแอนต้องเชื่อใจกันมากพอนะ พอต้องเล่นกับติ๊กก็เช่นกัน แอนถูกเตือนและขู่เยอะมากว่า เขาเป็นคนนิ่ง ไม่เปิดใจรับใครง่ายๆ อย่าไปสร้างความรำคาญใจให้เขานะ ไม่อย่างนั้นปิดประตูใส่เราทันที พอเจอกันจึงเกร็ง ยิ่งแอนความจำไม่ค่อยดี ต้องใช้เวลาท่องบทนาน เรื่องนี้เคน ธีรเดชรู้ดี ความที่เราสนิทกันจึงรับกันได้ ก็กังวลว่าติ๊กจะรอเราได้ไหม จึงพยายามทำการบ้านอ่านบทมาก่อน ยิ่งเรื่องนี้ถือว่ายากนะ ตามบทสุริยงต้องหน้านิ่ง ห้ามใช้กล้ามเนื้อมัดหน้าเยอะ แต่ก็ต้องทำให้คนรู้ว่าเรากำลังหวั่นไหว จริงๆ แล้วแอนไม่สามารถเล่นได้ทุกฉาก ที่ทุกคนให้รางวัลหรือเสียงปรบมือ เป็นเพราะแอนผ่านการทุบเป็นกระท้อนมาเยอะ ทั้งผู้จัด ผู้กำกับ และเพื่อนร่วมงาน เช่นเรื่องนี้ต้องยกเครดิตให้ป้าแจ๋ว (ยุทธนา ลอพันธุ์ไพบูลย์) กับพี่ดาที่คอยประกบ อย่างฉากที่ติ๊กมาส่งแอนที่บ้าน แล้วแอนต้องต่อว่าติ๊ก ป้าแจ๋วพูดใส่ว. ว่าแอนเลยว่า เล่นได้ห่วยมาก ณ ตอนนั้นเสียใจจนน้ำตาจะทะลัก เพราะเราอยากเล่นให้ได้ดีไง ไม่อยากให้ผิดหวัง ติ๊กเล่นดีอยู่แล้ว แต่ต้องมาเทคซ้ำซากเพราะเรา”

“โชคดีที่ไปถ่ายทำที่สวิสฯ จากการที่ต้องไปสมบุกสมบันทำให้เรายิ่งสนิทกัน ติ๊กเป็นคนที่เข้าใจชีวิต ขณะที่แอนก็โตแล้ว ชีวิตจึงง่ายไปหมด เขากินง่ายอยู่ง่าย ชวนคุย พูดล้อเล่นก็รับมุกได้ ไม่โกรธ ไม่เหวี่ยง ไม่เห็นเหมือนกับที่ขู่เลย จนกระทั่งภูเขาน้ำแข็งค่อยๆ ทะลายไปโดยไม่รู้ตัว

“ขนาดแอนยังไม่เชื่อว่าจะคลิกกันได้ เพราะดูจากเคมีกับรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว หนุ่มลุยป่า กับสาวบ้างาน ไม่น่าจะคุยกันรู้เรื่อง ติ๊กคุยแต่เรื่องป่า…ป่าเต็งรัง แอนเคยไปไหม เราก็งง ป่าอะไร อย่างนี้ฉันต้องไปหาข้อมูลเกี่ยวกับหมูหมากาไก่มาคุยกับเขาแล้วละ พยายามทำการบ้านนะ แต่แอ๊บได้ไม่นานก็หลุด เปลี่ยนเป็นแนวล้อเล่น แดกดัน เสียดสี ตลกไป พยายามไม่แตะเรื่องป่าเต็งรัง”

“ก็เขาคุยกันแต่เรื่องคนในวงการบันเทิง เราไม่รู้จะคุยอะไรด้วย” ติ๊กแซวพร้อมเสียงหัวเราะ “พอผมพูดถึงป่าเต็งรัง หวังดึงริต้า (ศรีริต้า เจนเซ่น) ให้สนใจธรรมชาติ เผื่อจะอยากไปเที่ยวกับผม ปรากฏวงแตก ริต้าเดินหนี ขณะที่ทองประสมเสนอตัว แต่ผมไม่ชวน เพราะกลัวเขาเดินไม่ไหว (หัวเราะ) สมกับที่เขาบอกจริงๆ ว่า เมื่อคิดให้ดีโลกนี้ประหลาด สิ่งที่ต้องการกลับไม่ได้ สิ่งที่ไม่อยากได้กลับมา”

แอนหัวเราะก่อนอำกลับว่า “ตลอดเวลา 7-8 เดือนติ๊กเจอแอนตลอดเวลา สนิทได้เท่านี้ ผลลัพธ์ที่ออกมาแอนถือว่าดีนะ เขาได้เรียนรู้ชีวิตไปกับแอนเยอะ โดนตบไปก็หลายที (หัวเราะ) เพราะเวลาเล่นละคร ทุกคนรู้ดีว่าแอนตบจริง เจ็บจริง ตบกระหน่ำเลย เคนโดนจนชินแล้ว แต่พอวันหนึ่งที่เราบอกว่าอยากเลิกตบจริงแล้ว สงสารเพื่อนร่วมงาน พวกก็เดินมาบอกว่า ช่วยตบจริงได้ไหม ไม่งั้นไม่ส่งอารมณ์ เราก็ได้ ตบจริง เทไข่ราด ทุกอย่างจริงหมด อย่างฉากที่คุณเขมชาติมาง้อสุริยงที่บ้าน คุกเข่าไม่ยอมไปไหน ฉากนั้นแอนต้องขับรถชนเขา เพื่อขู่ให้เขาออกจากบ้าน หากเป็นเรื่องรถแอนค่อนข้างมั่นใจในจังหวะของตัวเอง แต่ติ๊กไม่แน่ใจ เห็นชัดเลย เพราะจะขยับลุกหนีก่อนรถจะมาถึง ผู้กำกับสั่งหลายเทคมาก จนต้องบอกเขาว่า ติ๊กเชื่อแอนนะว่า แอนไม่ทำให้ติ๊กเจ็บหรอก ตอนนั้นเขาออกตัวว่า ลูกยังไม่คลอดเลย (หัวเราะชอบใจ)

“หากป้าแจ๋วไม่ห้าม เขาคงชนผมไปแล้ว เพราะใกล้มาก ผมกลัวว่า เขาอาจเอาจริง เพราะพออยู่ในบท อารมณ์อาจพลุ่งพล่าน เหมือนบทตบ เขาบอกว่า ขอโทษนะ แอนจะตบติ๊กเบาๆ โอ้โฮ เต็มเหนี่ยว ก็เข้าใจนะว่า พอถ่ายจริงแล้วอารมณ์มา ผมพยายามหาโอกาสแก้แค้น พยายามพูดเสียดสีตลอดเวลา จนเขาบอกว่าจะลาออกจากวงการบันเทิง เพราะคงหาพระเอกมาเล่นคู่ไม่ได้แล้ว ใจผมอยากร่วมงานกับแอนอีก เพราะสนุก เหมือนทำงานกับคนที่มีประสบการณ์ชีวิต ไม่ต้องเกร็ง หรือเขินอายกันแล้ว พูดกันนิดหน่อยก็เข้าใจ อย่างฉากเลิฟซีน ตอนแรกไม่แน่ใจว่า จะเขินเราหรือเปล่า แต่ผิดคาด ทองประสมสู้สุดฤทธิ์ เต็มที่ ชอบแซวเขานะว่า ตอนผมเล่นละครเรื่องสิงห์ ของพี่อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ กับน้องมิว นิษฐา รู้สึกเหมือนเป็นพ่อลูก (หัวเราะ) ไม่เหมือนเล่นกับทองประสมเลย”

“ฉะนั้นเธอต้องรักฉันให้มากๆ เพราะฉันทำให้เธอดูดีนะจ๊ะ” น้ำเสียงแอนเป็นต่ออยู่ในทีก่อนจะบอกว่า “พูดอวดตัวไปอย่างนั้นละ จริงๆ แล้วเพราะเราล้ำกว่าไง เขาจึงดูดีมาก ดูสง่า หล่อ แต่หากไปเล่นกับน้องมิว หรือคิมเบอรี่ เขาจะดูผู้ใหญ่มาก ขู่ไป เขาก็ยอมรับ แต่หากถามแอนในฐานะผู้จัดต้องบอกเลยว่า ยิ่งใกล้ยิ่งเจ็บ เหมือนเราสนิทกับเคน แม้จะอยากได้เขามาเล่นละครมากแค่ไหน แต่ไม่กล้า ไว้เรื่องที่เหมาะกับเขาจริงๆ ดีกว่า ติ๊กก็เหมือนกัน เขาเป็นพระเอกที่มีความขลังในตัว อบอุ่น ฆ่าเขาไม่ตายหรอก อย่างไรต้องมีพื้นที่ละครสำหรับวัยอย่างติ๊กให้ได้เฉิดฉายบ้าง เราจึงไม่อยากให้เขามาด้วยความเกรงใจ อยากให้มาเพราะรักในละครของเรา จึงต้องคิดเยอะ แต่ยังบอกไม่ได้ว่าเมื่อไหร่ เพราะแอนทำหมือนงานโฮมเมด ปีละ 1-2 เรื่อง ปีนี้ก็ยังไม่ได้เสนอช่องเลย”

“ตอนนี้แอนมีละครเรื่องแอบรักออนไลน์ เป็นละครเบาๆ โรแมนติก ในยุคที่ใช้สื่อโซเชียลเน็ตเวิร์คค่อนข้างเยอะ แล้วมีดาราการ์ตูน ซึ่งจะปรับเป็นรายการแก๊งรักเด็ก รายการของครอบครัว เยี่ยมบ้านดาราที่มีลูกมีครอบครัวแล้ว มีมิก บรมวุฒิ กับเบนซ์ พรชิตา เป็นพิธีกร เราไม่เจาะประเด็นพ่อแม่เลย อยากรู้แค่ว่าเลี้ยงลูก สอนลูกอย่างไร ผิดพลาดกับลูกอย่างไร เป็นรายการสนุกๆ ตามคาแรกเตอร์ของมิกกับเบนซ์ กับอิงลิชออนทัวร์ที่ทำมา 8 ปีแล้ว

“หากโอกาสแอนอยากทำงานกับติ๊กอีก ก่อนที่แอนจะแก่กว่านี้ หากเล่นละครอีกทีคงเป็นแม่ณเดชน์-ญาญ่า ขณะที่ติ๊กยังเล่นเป็นพระเอกอยู่ เพราะอายุงานนางเอกจะสั้นกว่า เจออีกทีไม่ต้องกุ๊กกิ๊กกันก็ได้ เล่นเป็นเจ้าพ่อเจ้าแม่ เชือดเฉือน ยิงกันตูมตาม แอนไม่เกี่ยง”

นางเอกปิดท้ายอย่างสวยงาม มาถึงพระเอกที่มอบสิ่งพิเศษสำหรับแพรว ยอมแง้มเรื่องลูกชาย ‘น้องเต๊นท์’ ที่ตอนนี้อายุย่าง 7 เดือน ให้กับแฟนแพรวแฟนคลับแทนคำขอบคุณ

“ชีวิตผมวันนี้มีสถานะใหม่เพิ่มขึ้นคือ เป็นพ่อ เขาเลี้ยงไม่ง่ายไม่ยากตามประสาเด็ก เวลาร้องก็ต้องดูว่า ต้องการอะไร ลองผิดลองถูกกันไป เพราะเราเลี้ยงกันเอง ผมพยายามให้เวลากับเขาอย่างดีที่สุด หากต้องไปทำงานหลายวัน อย่างน้อยก็แน่ใจว่า แม่เขายังอยู่ ไหนจะญาติพี่น้องของทั้งสองบ้าน เพราะเขาเป็นหลานชายคนแรก เป็นสมาชิกใหม่ที่มาสร้างความสุขให้กับทุกๆ คน”

“ผมไม่อยากเรียกว่า เห่อ เรียกว่าเป็นความประทับใจแบบผูกพันดีกว่า เราอุ้มเขาทุกวันๆ หากวันไหนไม่ได้อุ้มก็จะคิดถึงว่า ยังไม่ได้อุ้มไอ้เด็กคนนี้เลย ยังเสียดายอยู่เลยว่า คือ ณ ตอนนั้นทั้งผมและแฟนต่างก็ทำงาน รู้สึกว่ายังไม่พร้อม จึงคุมไว้ประมาณ 3 ปี ทั้งที่มีคนบอกว่า ติ๊กพร้อมตั้งนานแล้ว แต่ไม่ยอมมีเอง ก็จริงอย่างที่เขาบอก ช่วงหลังจึงปล่อย คิดว่าหากจะมาก็มาตามธรรมชาติ ผมวางแผนไว้แค่ตอนนี้ อยากให้เขาเติบโตใช้ชีวิตเป็นเด็กธรรมดาคนหนึ่งที่ติดดินเหมือนผม ไม่อยากให้มองว่า นี่คือลูกของเจษฏาภรณ์ ผลดี หากไม่มีใครรู้เลยยิ่งดี อยากให้เขาเป็นตามธรรมชาติของเด็กดีกว่า ผมเชื่อว่า หากเราปูพื้นฐานแบบไหน เขาก็จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่แบบนั้น ซึ่งเราอยากให้เขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ ใจดี มีความคิดที่ดี ต่อไปจะทำงานรูปแบบไหนก็ได้”

“มีอีกแน่นอนครับ แต่ขอให้น้องเต๊นท์โตกว่านี้หน่อย อยากมีแฝด เพราะได้เล่นกับเฮเดน-โจชัว ฟิชเชอร์ ที่เล่นเป็นไก่ไข่ในอย่าลืมฉันแล้วชอบ”

“แม้ต้องทำกิ๊ฟท์ก็ยอม”

เรื่อง : Gornpat
ภาพ : วรสันต์ ทวีวรรธนะ
ที่มา : นิตยสารแพรวฉบับ 841 คอลัมน์ LIVE STORIES

Praew Recommend

keyboard_arrow_up