Youtube ใจดีออกฟีเจอร์ใหม่ดูคลิปได้แบบไม่ต้องใช้เน็ต

ใครเป็นสาวก YouTube บ้างเอ่ย?

วันนี้จุ๊มีข่าวดีมาบอกต่อค่ะ ตอนนี้ YouTube ออกฟีเจอร์ใหม่เอาใจคนรักการชมคลิปวิดีโอให้สามารถเข้าชมได้โดยไม่ต้องใช้อินเทอร์เน็ตแล้วค่ะ แต่…อย่าเพิ่งดีใจไป เพราะ YouTube ออกฟีเจอร์ใหม่นี้สำหรับประเทศที่มีระบบอินเทอร์เน็ตช้าเพียง 3 ประเทศ ได้แก่ อินเดีย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย เท่านั้นค่ะ

วิธีการแก้ปัญหาสำหรับ YouTube ที่ดาวน์โหลดช้าก็คือ คุณสามารถกดดาวน์โหลดคลิปวิดีโอที่ต้องการชมจากแอพฯ มาเก็บไว้ในเครื่องได้ทันที รวมทั้งสามารถเลือกความละเอียดของวิดีโอได้ด้วย จากนั้นวิดีโอจะไปปรากฏในส่วน Offline ของแอพฯ และจะถูกบันทึกไว้เพียง 48 ชั่วโมงก่อนจะลบทิ้งออกไปเอง เพราะมีเรื่องลิขสิทธิ์ด้านวิดีโอ อย่างไรก็ตามการได้รับอนุญาตให้ดาวน์โหลดคลิปนั้นต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของคลิปก่อนนะคะถึงจะสามารถดาวน์โหลดได้ และสำหรับใครที่อยากลองใช้ล่ะก็ จุ๊แนะนำว่าอาจจะต้องบินข้ามประเทศไปลองใช้กันดูนะคะ แต่สำหรับประเทศไทยไม่ต้องเสียใจที่ไม่มี YouTube Offline Viewing เพราะอินเทอร์เน็ตของเราเร็วอยู่แล้ว จริงมั้ยคะ?

และเมื่อเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายปลายปีเช่นนี้ YouTube ได้มีการรวบรวมและจัดอัยดับวิดีโอออนไลน์ของโลก 10 อันดับ โดยเลือกคลิปที่มียอดไลค์ ยอดคอมเมนต์ และยอดแชร์สูงสุดโดยไม่รวมการคัฟเวอร์เพลง MV หรือมุขตลกต่างๆ ค่ะ
วันนี้จุ๊เลยนำ VDO Clip และ Viral Clip มาฝาก แต่ละคลิปจะน่าสนใจแค่ไหน มาชมกันเลยค่ะ

อันดับ 1 ได้แก่ คลิปวิดิโอสุนัขแต่งตัวเป็นแมงมุม มีจำนวนผู้เข้าชมถึง 113 ล้านครั้ง
อันดับ 2 ได้แก่ คลิปวิดิโอรวบรวมเหล่านักฟุตบอลดาวเด่นของ Nike
อันดับ 3 ได้แก่ ภาพยนตร์สั้นเรื่อง “จูบแรก”
อันดับ 4 ได้แก่ คลิปวิดิโอรอบ Blind Audition ของรายการเดอะ วอยซ์ ประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นการออดิชันของ คริสตินา ซูเซีย แม่ชีที่ภายหลังกลายมาเป็นผู้ชนะรายการดังกล่าว
อันดับ 5 ได้แก่ คลิปงอไอโฟน 6 อันลือลั่น
อันดับ 6 ได้แก่ คลิปของเด็กชาย 2 คนเข้าแข่งขันรายการบริทิช ก็อต ทาเลนต์ปี 2014
อันดับ 7 ได้แก่ โฆษณาของซูเปอร์โบลว์ รายการแข่งขันอเมริกันฟุตบอลขนาดใหญ่
อันดับ 8 ได้แก่ คลิปเด็กปิศาจ “เดวิล เบบี้ แอคแทก”
อันดับ 9 ได้แก่ คลิปวิดิโอแข่งขันแรประหว่างซูเปอร์แมนจากคอมิกอเมริกัน และโกคู จากการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องดราก้อนบอล
และอันดับสุดท้ายได้แก่ ภาพยนตร์สั้นเรื่อง 10 ชั่วโมงในการเดินของสาวคนหนึ่งในนิวยอร์คที่เป็นกระแสในช่วงเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา

พอดูแต่ละคลิปจบก็เข้าใจทันทีว่าทำไม 10 วิดีโอคลิปเหล่านี้ถึงได้รับกระแสตอบรับบนโลกออนไลน์อย่างท่วมท้น แล้วคุณล่ะชอบคลิปไหนกันบ้างเอ่ย มาแชร์กับจุ๊ได้เลยนะคะ และถ้าอยากอัพเดทเรื่องราวบนโลกออนไลน์สนุกๆ ติดตามเพิ่มเติมได้ที่ http://www.iamsorada.com เลยค่ะ

Credit: hitech.sanook.com,www.chicministry.com

blog โดย 

Moscow in memory

ต้องออกตัวก่อนเลยว่า ช่วงตั้งแต่เดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา ป่านเดินทางบ่อยมาก บางครั้งก็มีโอกาสเอามาเล่าให้เพื่อนๆ ฟัง บางครั้งก็เล่าไม่ทัน เพราะเดินทางจนตับไตไส้พุงกลับหัวกลับหางไปหมด เอาเป็นว่าเดือนที่ผ่านมาอยู่นิวยอร์กแค่สองอาทิตย์เท่านั้น เพราะไปดูไบกับรัสเซีย ระหว่างเขียนเรื่องนี้ ป่านก็กำลังอยู่บนเครื่องบินเดินทางไปไมอามี่ เพื่อเข้าร่วมเทศกาล Art Basel เหมือนกับปีที่ผ่านๆ มา ถ้ามีโอกาสจะมาเล่าให้ฟัง เอาเป็นว่าบล็อกนี้ขอหยุดบ่นแล้วพาเพื่อนๆ ท่องมอสโคว์ ประเทศรัสเซียกันดีกว่า


ช่วงสัปดาห์ที่แล้ว ป่านเบื่ออยู่นิวยอร์กมาก จึงตัดสินใจซื้อตั๋วไปรัสเซียแล้วเดินทางภายในสองวัน จริงๆ อยากไปยุโรป แต่เพื่อนที่ไปด้วยต้องขอวีซ่าซึ่งทำให้ตัดสินใจเดินทางแบบเร็วๆ ไม่ได้ ก็เลยไปรัสเซียละกัน พาสปอร์ตไทยไม่ต้องใช้วีซ่า

หลังจากเดินทาง พักเครื่อง และเดินทางต่อกว่าสิบหกช่วงโมงก็ถึงรัสเซียสักที ป่านตัดสินใจจองที่พักที่ Hotel Lotte Russia ซึ่งเป็นโรงแรมห้าดาวแนวธุรกิจ ป่านเป็นประเภทไม่ชอบวางแผนเวลาไปเที่ยว ขอเน้นกินดี นอนดีไว้ก่อน Sightseeing ต่างๆ นานา ไม่ชอบไปอยู่แล้ว Hotel Lotte Moscow จึงเหมาะมากเพราะห้องสวย อาหารดี ร้านอาหารในโรงแรมมีทั้งร้านญี่ปุ่นระดับห้าดาวที่มีหลายสาขาทั่วโลกอย่าง Megu หรือร้านอาหารฝรั่งเศสที่มี Tasting Menu สุดหรูอย่าง Les Menus

เอาเป็นว่าคืนแรกสลบไม่ได้ทานอะไร เพราะฝืนร่างกายไม่ไหว พอตอนเช้าระหว่างลงมาทานอาหารที่ห้องอาหารของโรงแรม ไม่รู้อะไรดลใจให้ป่านอาบน้ำ แต่งหน้าลงมาทานเข้า เพราะปกติทรงชุดนอนตลอดค่ะ ไม่เคยสนใจมนุษย์มนาที่ไหนจะว่าอย่างไร พอลงมาถึงห้องอาหาร ถือว่าคิดถูกจริงๆ ที่แต่งตัวแต่งหน้ามา เพราะนักธุรกิจใส่สูทนั่งเต็มไปหมด คิดสภาพถ้าใส่ชุดนอนมานี่คงอายเขาน่าดู อาหารเช้าของเขาหรูหรามาก ป่านไม่เคยกินอาหารโรงแรมไหนไฮโซแบบนี้มาก่อน พูดเลย ที่นี่มีทุกอย่างตั้งแต่อาหารเอเชีย ไข่ปลาคาร์เวียร์ ไปจนถึงอาหารเกาหลี ป่านพุ่งตรงไปจกอาหารเอเชียก่อนเลย ไม่ว่าจะอยู่เมืองนอกนานแค่ไหนก็อดทานอาหารเอเชียนไม่ได้สักที

หลังจากนั้นป่านมีโอกาสได้ไป Red Square ที่มีไซท์ซีอิ้งมีชื่อเสียงอย่าง St Basil Cathedral อยู่ บอกเลยไปถ่ายรูปลงอินตราแกรมอย่างเดียว เพราะหนาวมาก พอได้ช็อตที่ถูกใจก็วิ่งขี้นแท็กซีไปกินอาหารกลางวันต่อที่ร้านอาหารที่เพื่อนแนะนำมาคือ Cafe Pushkin เก๋ไก๋และอาหารอร่อยมาก ถ้าใครมีโอกาสมารัสเซียต้องลองมากิน

วันต่อมาป่านนอนทั้งวัน พูดเลยเจ็ตแล็กมาก ตื่นมาอีกทีก็มากินอาหารกลางวันที่โรงแรม โชคดีมีร้านอาหารญี่ปุ่นสุดเลื่องชื่ออย่าง Megu ซึ่งที่นี่รสชาติดีกว่าที่ป่านเคยกินที่นิวยอร์กมาก (ร้าน Megu ที่นิวยอร์กอยู่ห่างจากบ้านป่านไปสองบล็อก) ประทับใจสุดๆ เพราะรัสเซียไม่มีทางออกทะเล แต่อาหารที่ร้านนี้สดมากๆ ไม่รู้ทำอย่างไร พอทานเสร็จก็เดินห้างคะ ชีวิตมีอยู่แค่นี้ ไปเดินห้าง Tsum Moscow ร้านสุดเก๋ที่ขายของแบรนด์เนมกลางกรุงมอสโคว์


พอหมดวันก็กลับโรงแรม เพื่อกิน Tasting Menu ที่ร้านอาหารฝรั่งเศส Les Menus par Pierre Gagnaire ของโรงแรม ฟินสุดๆ เพราะเป็นคนชอบทานอาหารประเภทนี้้อยู่แล้ว การบริการที่ร้านก็ดีมากๆ ด้วย ถ้าเพื่อนๆ คนไหนมารัสเซียแล้วอยากกินดี อยู่ดี ราคาไม่แพงมาก แนะนำให้มาพักที่นี่กัน

วันรุ่งขี้นป่านไปชมพระราชวัง Kremlin วังขี้นชื่อของมอสโคว์ ด้วยความที่ทั้งป่านทั้งเพื่อนแต่งตัวเยอะเป็นทุนเดิม เดินไปแล้วนักท่องเที่ยวไม่เก็ตเยอะมาก โดนหัวเราะเยาะเยอะมาก บอกเลย

ทริปนี้ถือเป็นทริปสนุกสุดๆ และประสบความสำเร็จเรื่องกินอีกทริปหนึ่ง เพราะอาหารและที่พักดีมากๆ แต่ตัวเมืองมอสโคว์ไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่

ไว้ครั้งหน้าจะมาเล่าเรื่องไมอามี่ให้ฟังนะคะ ตอนนี้เวิร์ลทัวร์เหมือนบียอนเซ่มากๆ ถ้าไม่สลบกันไปข้างหนึ่งแล้วจะมาอัพเดทใหม่ แล้วเจอกันคะ






blog โดย 

ตระเวณเที่ยวดูไบ สวรรค์ของคนทุกไลฟ์สไตล์

We are back in the summer again คงเป็นคำจำกัดความในวันแรกที่ป่านมาถึง ดูไบ (สาธารณรัฐ อาหรับอิมิเรท ) ป่านหลงรักดูไบตั้งแต่ได้ดูภาพยนตร์เรื่อง sex and the city สาวๆ หลายคนคงปฏิเสธไม่ได้ว่า Carrie Bradshaw คือไอดอลของพวกเธอ ป่านเป็นคนนึงที่หลงรักเสน่ห์ของตัวละครตัวนี้ และตอนหนึ่งของภาพยนตร์ ที่ Carrie Bradshaw พาเพื่อนสาวของพวกเธอมาเที่ยวดูไบ มันทำให้ป่านเกิดแรงบันดาลว่าวันหนึ่งป่านจะต้องมาเป็นซินเดอเรลล่าดูไบให้ได้


และป่านก็ทำความฝันป่านให้เป็นจริงในวันที่นิวยอร์คอากาศหนาวจนติดลบป่านตัดสินใจจองตั๋วเครื่องบินของสายการบินอาหรับอิมิเรทจากนิวยอร์คไปดูไบครั้งแรกที่ป่านมาถึงดูไบป่านรู้สึกได้แต่เพียงว่าทุกสิ่งที่หลายล้อมป่านอยู่ตรงนี้ดูหรูหราและมีราคามากด้วยเมืองที่เนรมิตเหมือนสวรรค์มันทำให้ป่านคิดว่าช่วงเวลามีค่าที่ป่านได้มาพักผ่อนที่นี้ ป่านจะกลายเป็นซินเดอเรลล่าแห่งดูไบ

ป่านมาถึงดูไบ บ่ายแก่ เข้า check-in ที่โรงแรมอนันตราเดอะปาล์มรีสอร์ทแอนด์สปา ซึ่งเป็นโรงแรมไทยที่มีชื่อเสียงในเรื่องการเดินทางเข้าถึงสะดวกและบรรยากาศภายในตัวโรงแรมที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ครบทุกอย่าง เมื่อถึงห้องพักป่านทิ้งทุกอย่างและรีบเปลี่ยนชุดลงไปจิบคอคเทลเบาๆ ที่บาร์ริมสระน้ำของโรงแรม มันทำให้ป่านรู้สึกผ่อนคลายหลังจากที่ต้องนั่งเครื่องบินกว่า13 ชั่วโมง และลืมความหนาวที่นิวยอร์กเป็นปลิดทิ้ง เรียกได้ว่าอนันตราคือสถานที่ที่เหมาะสำหรับคนที่หลีกหนีความวุ่นวายและต้องการความสงบ เพราะไม่ว่าคุณจะเดินทางมาดูไบด้วยจุดมุ่งหมายใดก็ตาม อนันตรา จะช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลาย เหมือนกับอยู่บ้านในทันทีที่คุณก้าวเข้ามา

ตกค่ำ ป่านแต่งตัวสวมเดรสเตรียมไปปาร์ตี้ที่ Cavalli Club ไปถึงประมาณสามทุ่ม และถึงกับเซอไพร์ในความอลังการของการตกแต่งและประดับประดาด้วยโคมไฟสีต่างๆ ก่อนหน้านี้เคยได้ยินมาบ้างว่า Cavalli Club เป็นที่เหมาะสำหรับการ hang out แต่หลังจากที่ได้มาสัมผัสที่นี้ครั้งแรก ป่านบอกได้เลยว่ามันเป็นสถานที่ดีที่สุด ด้วยบรรยากาศของร้าน อาหาร เครื่องดื่ม เสียงเพลงแจ๊ซเบาๆ และผู้คนที่มาเที่ยวต่างเฟรนด์ลี่ ทำให้มันเป็นค่ำคืนหนึ่งที่ป่านประทับใจมาก รู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นซินเดอเรลล่าขึ้นมาจริงๆ

รุ่งเช้าป่านตื่นมาพร้อมอาการแฮงค์ แต่เมื่อลืมตาและพบกับ breakfast ที่อนันตราจัดเตรียมไว้ให้ มันทำให้อาการงัวเงียของป่านเปลี่ยนเป็นความสดชื่นในทันที ป่านรีบอาบน้ำแต่งตัว เพราะวันนี้มีโปรแกรมจะไปช๊อปปิ้งที่ The Dubai Mall


สิ่งแรกที่ป่านมองหาเมื่อไปถึงTheDubai Mall ก็คือรองเท้า ก็มันจริงนิที่คำจำกัดง่ายๆ ของผู้หญิงทุกคนก็คือ Shoes!! What more could a girl ask for… และ The Dubai Mall เป็นเหมือนสวรรค์สำหรับป่านจริงๆ เพราะที่นี้มี Level Shoes District มีภายในมีรองเท้าถึงกว่า 250 แบรนด์

จากนั้นป่านแวะไปเดินตลาด Souk MadinatJ ameirah ซึ่งเป็นตลาดใหม่ที่มีทั้งเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องหนัง และของที่ระลึกมากมายในราคาสบายกระเป๋าให้สามารถซื้อกลับไปเป็นของฝากได้ สุดท้ายป่านไม่ลืมที่จะซื้อน้ำหอมที่เป็นกลิ่นของป่านเองกลับไปเป็นที่ระลึกว่าครั้งหนึ่งได้มาเที่ยวดูไบแล้ว

จากนั้นช่วงบ่ายกิจกรรมแอดเวนเจอร์ของป่านก็เกิดขึ้น การผจญภัยกลางทะเลทรายกับรถโฟรวิลไดร์ฟขับเคลื่อน 4 ล้อไปบนดูนชมพระอาทิตย์ตกดิน เป็นสิ่งตื่นที่น่าตื่นเต้นมากสำหรับป่าน การได้สัมผัสกับชีวิตแบบเบดูอินขี่อูฐ และพักในกระโจมแบบอาหรับ ตกเย็นทานอาหารแบบบาร์บีคิว ซึ่งไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถทานอาหารกลางทะเลทราย แต่ดูไบสถานที่แห่งนี้ สามารถเนรมิตให้ป่านได้ทุกอย่างจริงๆ

ดูไบคือเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นสวรรค์แห่งทะเลทราย เป็นดินแดนมหัศจรรย์ที่สร้างโดยฝีมือมนุษย์ เป็นหนึ่งประสบการณ์ในไดอารี่ของป่าน ที่ทำให้ป่านมีความสุขถึงแม้จะเป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ แต่ป่านเชื่อว่า ทั้งหมดที่ดูไบให้กับป่าน มันมีค่ามากกว่าเม็ดทรายในดูไบซะอีก


blog โดย 

เมื่อ IT Girl เลือกแต่งตัวให้อุปกรณ์ชิ้นสำคัญ

จากความเดิมตอนที่แล้วจุ๊ได้เขียนถึง Application น่าใช้บนโทรศัพท์มือถือไปแล้ว คราวนี้มาชวนสาวๆ เลือกไอเท็มเด็ดอย่าง Accessories สำหรับโทรศัพท์มือถือกันค่ะ

ด้วยกระแสเทคโนโลยี ในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่แบบนี้ นับว่าสองแบรนด์ดังฝั่งอเมริกาและฝั่งเอเชียก็เข้าลู่ช่วงชิงพื้นที่การตลาดส่วนแบ่งโทรศัพท์มือถืออย่างไม่มีใครยอมใคร โดยเฉพาะแบรนด์ Apple ที่ปล่อย iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ที่อัพไซส์ใหญ่ขึ้นพ่วงด้วยฟีเจอร์ใหม่ๆ อีกมากมาย ขณะที่ฝั่งเอเชียแบรนด์ Samsung ก็ปล่อย Galaxy Note 4 ออกมาแข่งขันเช่นกัน อย่างเคสโทรศัพท์มือถือที่เปรียบเสมือนอาภรณ์ชิ้นงามที่หลายแบรนด์ต่างพากันออกมาเฉือดเฉือนด้วยดีไซน์สุดล้ำ เน้นนวัตกรรมการผลิตที่ต้องร้องว้าวเลยค่ะ วันนี้เรามาดูกันซิว่าเคสโทรศัพท์มือถือที่ว่านั้นมีดีไซน์และฟังก์ชั่นอะไรบ้าง เรามาเริ่มจาก iPhone ก่อนเลยค่ะ

3 ดีไซน์สุดล้ำที่เหล่าสาวก Apple ควรมีไว้ครอบครอง

จากการสรุปผล The Best iPhone 6 Cases จากเว็บไซต์ www.pocket-lint.com มีเคสที่น่าสนใจมากมายเลยค่ะ วันนี้จุ๊ขอเลือก 3 ชิ้นที่น่าจะโดนใจสาวก Apple มาให้เชยชมกัน

1.แบรนด์ X- Doria

ใครว่าเคสโทรศัพท์มือถือจะมีแต่กรอบสี่เหลี่ยมไร้ลวดลายธรรมดา ลองมาดูของแบรนด์ X-Doria ที่นำเสนอไอเดียเก๋ๆ เป็นดีไซน์ 3 มิติ ผ่านกระบวนการผลิตแบบ Multi-layers printing เหมาะกับสาวๆ ที่ชอบอะไรฟรุ้งฟริ้ง และผู้ที่ชอบสะสมงานดีไซน์เก๋ๆ ค่ะ และตัวขอบยังทำมาจากยางคุณภาพชั้นดีที่กันตัวเครื่องได้รอบด้าน และสำหรับรุ่นนี้มีวางจำหน่ายแล้วที่ช้อป X-doria ค่ะ
CR. X-Doria

2.แบรนด์ EXOvault

สำหรับอีกหนึ่งรุ่นที่มีดีไซน์เริ่ดไม่แพ้กันต้องยกให้กับแบรนด์ EXOvault เลยค่ะ เห็นแบบนี้มันถูกดีไซน์จากศิลปินกลุ่ม Brooklyn ผู้มีความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบโลหะ ซึ่งสำหรับคอลเล็กชั่นนี้มีการผสมของโลหะอะลูมิเนียม และเนื้อไม้ ให้ลุคเรียบหรู และคลาสสิคสุดๆ สำหรับใครที่สนใจสามารถสั่งซื้อได้แล้วนะคะ
CR.EXOvault

3.แบรนด์ Casetify

เชื่อเลยว่าใครเห็นแล้วต้องชอบแน่ๆ เพราะนอกจากจะเน้นดีไซน์แนวกราฟิคสวยเก๋แบบนี้แล้ว จุดขายสำคัญที่อยากแนะนำคือ คุณสามารถออกแบบเคสของคุณได้เอง ถ้าอยากใส่รูปของคุณหรือคนที่คุณรักก็ย่อมทำได้ค่ะ เหมาะสำหรับผู้ที่เต็มไปด้วยจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ และมีความเป็นตัวของตัวเองสูง ถ้าใครอยากได้ล่ะก็แนะนำเลยว่าเข้าไปที่ http://www.casetify.com/design# พื้นที่ที่จะให้คุณครีเอทเคสโทรศัพท์ได้อย่างสนุกสนานเลยค่ะ
CR.Casetify

หวังว่าจะถูกใจสาวกชาว Apple นะคะ เอาล่ะ มาต่อกันที่เคสโทรศัพท์มือถือ Samsung Galaxy Note 4 กันบ้างค่ะ บอกเลยว่าน่าสนใจไม่แพ้กัน

3 ดีไซน์เคสโทรศัพท์ที่ชาว Galaxy Note 4 ต้องโดน!

1. Montblanc Collection X Samsung Galaxy Note 4
สิ่งที่เพิ่มเข้ามาจากการเปิดตัว Samsung Galaxy Note 4 ก็คือการเข้าไปลุยตลาดแฟชั่นมากยิ่งขึ้น Samsung เลือก Montblanc ซึ่งเป็นที่รู้จักมาทั่วโลก โดยการออกปากกาเพื่อใช้งานกับ Samsung Galaxy Note โดยเฉพาะ โดยออกปากกามา 2 รุ่นคือ Pix และ e-StarWalker ซึ่งใช้ทดแทนปากกา S-Pen ได้เลยทันที สามารถใช้ลูกเล่นของปุ่มกด Air Command และการกดปากกาในระดับต่างกันได้เหมือนกับ S-Pen ได้ตามปกติ แต่เป็นงานออกแบบโดย Montblanc ที่สวยหรูเกินคาด นอกจากนั้นยังมีเคสหนัง 2 รุ่น คือ Extreme และ Soft Grain ซึ่งเป็นเคสที่ออกแบบพื้นผิวต่างกัน เพิ่มความหรูหราบน Galaxy Note 4 ได้สวยงามขึ้นมา อุปกรณ์ทั้งสองแบบนี้มีขายในร้านของ Montblanc อย่างเป็นทางการเร็วๆ นี้ค่ะ
CR.Montblanc

2.แบรนด์ Spigen รุ่น Slim Armor
เคส Samsung Galaxy Note4 รุ่น Slim Armor จาก Spigen เป็นเคสที่มีขนาดบางและแข็งแรง ออกแบบมาเพื่อป้องกันตัวเครื่องรอบด้าน แถมยังมี Kickstand สำหรับตั้งเครื่องในแนวนอน เคสจาก Spigen รุ่นนี้ถูกจัดทำแบบ Double Layer ที่ให้การป้องกันตัวเครื่องถึงสองชั้น เน้นความเท่หรูในแบบมินิมัลสไตล์ มีให้เลือกถึง 6 สี ได้แก่ สีขาว สีมิ้นต์ สีแชมเปญโกลด์ สีแดง สีเมทัลสเลท และ สีฟ้าอิเล็กทริค เหมาะกับผู้ที่มีไลฟ์สไตล์เท่ๆ และ มีความคูลอยู่ในตัวเอง ใครชอบเคสสไตล์นี้บ้างคะ
CR.Spigen

3. แบรนด์ UAG Urban Armor Gear รุ่น Marverick
เป็นอีกรุ่นหนึ่งที่น่าสนใจมากสำหรับ Samsung Galaxy Note 4 ที่เน้นความปลอดภัยระดับสูง กันกระแทกด้วย Amor Shell ด้านนอก และ Softcore แบบอ่อนด้านใน มีน้ำหนักเบา และมีปุ่มนูนออกมาด้านข้างเพื่อความสะดวกในการกดปุ่มเครื่อง ซึ่งเคสของ UAG นี้ ผ่านการทดสอบ Military Grade DROP TEST ทนทานเกินพิกัด เหมาะกับผู้ที่ต้องการความปลอดภัยระดับสูง และชอบดีไซน์เก๋ๆ ใคร

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ ได้เคสที่ถูกใจสำหรับโทรศัพท์มือถือสุดล้ำแล้วหรือยัง ยังไงแล้วก็เลือกเคสโทรศัพท์ให้เหมาะกับตัวเราและเหมาะกับกาละเทศะนะคะ สำหรับจุ๊ก็มีเคสโทรศัพท์มือถือมีไว้ในใจแล้วเหมือนกันค่ะ

ติดตามเรื่องราวบนโลกออนไลน์สนุกๆได้เพิ่มเติมที่ http://www.iamsorada.com

Credit : dooddot.com

blog โดย 

Unionpool ศูนย์รวมฮิปสเตอร์ย่านนิวยอร์ก ซิตี้

ถ้าจะให้พูดถึงย่านฮิปที่สุดในนิวยอร์กซิตี้คงเป็นย่านไหนไปไม่ได้นอกจากบรูคลิน(Brooklyn)

ย่านบรูคลิน นี้ได้ชื่อว่าเป็นย่านหนึ่งที่รวมเหล่า hipster ของนิวยอร์กซิตี้เลยก็ว่าได้ ทั้งบาร์ ร้านอาหารที่ฮิปส์เตอร์ใช้เป็นแหล่งแฮงค์เอ้าท์ หรือจะเป็น street art ที่เหล่าศิลปินมักจะสร้างผลงานดีๆ ให้ได้ชมกันทุกมุมถนนของบรูคลิน ไม่ว่าจะเป็นกราฟฟิตี้ที่พ่นตามกำแพง หรือ Brooklyn Night Bazaar ที่ใช้สถานที่เป็นโกดังเก่า ให้เหล่าศิลปินมาโชว์ผลงานกันแบบฟรีสไตล์

ถ้าเรานั่งรถไฟจากแมนฮัตตัน วิ่งหน้าเข้าสู่บรูคลิน สาย L เป็นสายรถไฟที่เราสามารถเห็น Brooklyn’s hipster ที่มีสไตล์แตกต่างทั้งรอยสักเต็มตัว ทรงผมแปลกประหลาด หรือการแต่งตัวที่ไม่แคร์สายตาคนมอง แค่เห็นก็รู้แล้วว่าพวกเขาเป็น Brooklyners ซึ่งจากเพียง 4 สถานีรถไฟจากแมนฮัตตัน เข้าสู่บรูคลินก็จะถึงสถานี Lorimer St. ขึ้นจากสถานีมา เดินไปเพียงไม่กี่บล็อคจะเจอทั้งร้านอาหาร บาร์ ร้านขายแผ่นเสียงและร้านขายของเก่า แต่ที่เห็นจะโดดเด่น ในย่าน Brooklyn มากที่สุดคงจะเป็น Union Pool ซึ่งเป็นบาร์ที่ตั้งอยู่มุมถนน ใกล้สะพาน Williamsburg เป็นแหล่งแฮงค์เอ้าท์ของฮิปสเตอร์ โดยเฉพาะในคืนวันศุกร์ เสาร์ ที่ต้องรอไลน์เข้าบาร์กันยาวเกือบเป็นชั่วโมงกันเลยทีเดียว

ความมีเสน่ห์ของบาร์ unionpool นี้คงเป็นตัวบรรยากาศของสถานที่ และคนที่มาทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลาย เวลาที่คุณได้นั่งชิลดื่มเบียร์เย็นๆ ฟังเพลงเพราะๆ ยุค 50s -60s และได้นั่งคุยกับเพื่อน บรรยากาศรอบข้างนี้แหละ ที่เขาเรียกกันว่า good company โดยถ้าเดินไปข้างหลังก็จะเจอลานเบียร์ มีโต๊ะยาว ไว้ได้นั่งกันอย่างสบาย มี taco truck คันใหญ่ ขายอาหารทานเล่นแบบ Mexican food มีทั้ง Mexican corns หรือจะเป็นทาโก้หลายรสไว้ให้เลือกทาน และราคาไม่แพงประมาณ 5$ ไว้ซื้อเป็นของทานเล่นคู่กับเบียร์เย็นๆ

ทุกวันศุกร์และวันเสาร์ Unionpool ยังเป็นสถานที่จัดคอนเสิร์ตโดยจะมีวงอินดี้ local ของนิวยอร์กประมาณ เป้ เสลอ หรือ อพาร์ทเม้นต์คุณป้าบ้านเรา มาเล่นที่นี้ ค่าบัตร 10$ ถือว่าคุ้มมาก เพราะวงที่มาเล่นล้วนแต่เล่นดีกันหมด

และสิ่งที่เห็นจะเป็นกิมมิคของ union pool คงเป็นตู้ photo booth เล็กๆ ที่ตั้งอยู่ตรงทางเข้าห้องน้ำ โดยเสน่ห์ของตู้สติ๊กเกอร์นี้คงอยู่ที่การรอรูปที่ถ่าย เพราะหลังจากถ่ายเสร็จ ต้องใช้เวลาประมาณ 10 นาที กว่าเราจะได้เห็นภาพ เพราะใช้ฟิล์มจริงในการถ่ายซึ่งรูปที่ออกมาเป็นขาวดำ มีความคลาสสิคของภาพ ส่วนใหญ่ทุกคนที่มาที่นี้จะถ่ายเก็บไว้ พอถ่ายเสร็จก็จะไปแปะตามผนังร้านไว้เป็นที่ระลึกว่าเคยมาที่นี่แล้ว

Union pool จัดเป็นสถานที่แฮงค์เอ้าท์สุดฮิปย่านบรูคลินของเหล่าฮิปสเตอร์ ถ้าใครที่ชอบดูไลฟ์สไตล์คนเก๋ ๆ มีสไตล์แนวบรูคลิน ผู้ชายสวมเสื้อตัวใหญ่ๆ กางเกงขาสั้น รองเท้าแตะ ผู้หญิงสวมเสื้อเชิ้ต กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบ

คุณสามารถพบ Brooklyn’s hipster ที่ union pool ได้อย่างแน่นอน

blog โดย 

Mobile Application คือ ความสะดวกสบาย และความสวยงามที่เราคู่ควร

ต้องขอบคุณเจ้าเทคโนโลยีทั้งหลายที่เกิดขึ้นมา และทำให้ชีวิตของเราสะดวกสบายมากขึ้น โดยเฉพาะ Mobile Application ที่เกิดขึ้นมามากมายในทุกๆ ชั่วโมง และด้วยคุณประโยชน์อันเลอค่า เจ้า Application เหล่านี้ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์ยุคดิจิตอลไปแล้ว จริงมั้ยคะ

สำหรับตัวจุ๊เองก็จัดว่าเป็นคนที่เล่น Application หรือเรียกย่อๆว่า Apps เยอะคนหนึ่งเลยค่ะ ไม่ใช่เพราะจะต้องการอัพเดทเทรนด์ออนไลน์อย่างเดียวเท่านั้น หากแต่ต้องการศึกษาวิธีการเข้าถึง และมองให้ลึกลงไปยังก้นบึ้งของ Application เหล่านั้นว่ามีจุดประสงค์แท้จริงอะไรบ้าง และสิ่งที่จุ๊สัมผัสได้มี 3 อย่างด้วยกันค่ะ

1.Apps ทำให้ไลฟ์สไตล์เปลี่ยนไป : แต่ในที่นี้เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นนะคะ เพราะมันทำให้ชีวิตของเราสะดวกสบายขึ้น ทุกฟังก์ชั่นการใช้งานล้วนตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้ได้อย่างครบถ้วน เช่น คุณอยากจะแต่งรูปที่ถ่ายมาแล้วโพสต์ขึ้นเฟสบุ๊คเดี๋ยวนั้นก็ย่อมทำได้ หรืออยากตัดต่อวิดีโอสั้นๆก็มี App มากมายให้เลือกสรร หรือ ถ้าอยากแปลภาษา จัดตารางงาน หรือนับวันประจำเดือนมาก็มีให้บริการเช่นกัน เรียกได้ว่าชีวิตของเราสะดวกสบายขึ้นมากจริงๆ

2.Apps ทำให้เกิดช่องทางการสื่อสารที่ให้คุณค่ามหาศาลแก่ธุรกิจ : นอกจากสื่อกระแสหลักในการโปรโมตสินค้าแล้ว อีกช่องทางหนึ่งที่บรรดาสินค้าต่างๆให้ความสนใจคือ การใช้ Application และช่องทางออนไลน์ในการสร้าง Awareness และรองรับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคมากขึ้น เช่น คุณสามารถร่วมเล่นกิจกรรมสนุกๆของสินค้าต่างๆเพื่อชิงรางวัลผ่านทางโทรศัพท์มือถือ หรือ คุณสามารถสแกน QR Code เพื่อสั่งซื้อของออนไลน์และมีบริการจัดส่งถึงบ้านได้ทันที ซึ่งนับว่าหลายแบรนด์ดังต่างเทความสนใจและเทเม็ดเงินมาทุ่มให้กับการสื่อสารทางออนไลน์มากขึ้น และเชื่อเถอะว่าเจ้า Apps เหล่านี้จะกลายมาเป็นสื่อหลักอย่างเต็มรูปแบบเทียบเท่าสื่อกระแสหลักในไม่ช้าแน่นอนค่ะ

3.Apps กลายมาเป็นเพื่อนสนิทในชีวิตประจำวัน : ต้องออกตัวก่อนว่าด้วยความที่จุ๊ทำงานเกี่ยวกับสื่อดิจิตอล จึงไม่แปลกนักหากจะต้องเล่น Apps เกือบทุกอย่างเพื่อศึกษาฟังก์ชั่นของมัน แต่หากได้สังเกตคนรอบข้างตัวอยู่บ่อยครั้ง พวกเขาต่างก็พึ่งพา Apps เหล่านี้กันมากขึ้น เช่น อย่างเวลาน้องๆที่ทำงานจะออกไปประชุมข้างนอก บางคนไม่มีรถก็จะเรียกใช้บริการแท็กซี่จาก Apps ซึ่งสะดวกสบายมากๆ แค่เรากดว่าขณะนี้เราอยู่ที่ไหน และจุดหมายของเราจะไปที่ไหน เพียงเท่านี้ก็ได้ใช้บริการแท็กซี่แบบไม่ต้องยืนรอให้เสียเวลาแล้วค่ะ ยกตัวอย่าง Uber ก็แล้วกันค่ะ

Uber เป็นบริการเรียกรถแท็กซี่ผ่าน Application โดยรถบริการของ Uber จะมีค่าบริการที่ราคาถูกกว่ารถแท็กซี่ทั่วไป และที่สำคัญไม่มีปฏิเสธผู้โดยสารหรือหนีไปเติมแก๊สอย่างแน่นอน หรือหากใครที่อยากจะเช่ารถ Camry หรือรถลีมูซีนหรูๆก็มีให้บริการเช่นกันค่ะ หากใครที่สนใจ App นี้ล่ะก็ Search คำว่า “Uber Taxi” บน App store หรือ Play store ได้เลยนะคะ

หรืออย่าง Apps อื่นๆที่จุ๊ใช้หลักๆ ก็มี VSCO Cam กับ SCB Up2ME ค่ะ

สำหรับใครที่ชืนชอบการถ่ายรูปและตกแต่งรูปล่ะก็ จุ๊แนะนำเลยว่า VSCO Cam นี่เป็นหนึ่งในสุดยอด App การแต่งรูปบนระบบ iOS แล้วค่ะ จุดเด่นอยู่ที่มันสามารถแยกจุดโฟกัสกับจุดวัดแสงออกจากกันได้ แถมตอนแต่งรูปยังมีเครื่องมือแก้ไขรูปที่มีครบทุกฟังก์ชันและจัดเต็มด้วยฟิลเตอร์มากมายด้วย และหากอยากแชร์ภาพไปตามโซเชียลมีเดียต่างๆอย่าง Instagram,Facebook,Google+ ก็สามารถทำได้โดยไม่ต้องอัพโหลดใหม่ค่ะ

ส่วน SCB Up2Me นั้นเป็นบริการธนาคารออนไลน์รูปแบบใหม่จากธนาคารไทยพาณิชย์ที่คุณสามารถจ่าย โอนหรือทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆผ่านระบบออนไลน์ได้อย่างครบวงจร แถมยังอำนวยความสะดวกได้อย่างครบครัน ซึ่ง SCB Up2Me นี้เป็นอีกโปรเจ็คท์หนึ่งที่ทาง Brilliant&Million ของจุ๊ ทำหน้าที่เป็นผู้ออกแบบและดูแลระบบให้กับทาง SCB ด้วยค่ะ

เห็นด้วยกับจุ๊หรือยังคะว่า Mobile Applications นั้น เป็นสิ่งที่ช่วยในเรื่องความสะดวกสบาย และ ความสวยงาม (สำหรับภาพถ่าย) มาให้ชีวิตเรามากมาย ถ้าเรารู้จักเลือกและรู้จักหยิบมาใช้ให้เป็นประโยชน์ก็จะเกิดประโยชน์กับตัวเราและสังคมได้อย่างไม่น่าเชื่อเชียวล่ะ

ติดตามเรื่องราวบนโลกออนไลน์สนุกๆได้เพิ่มเติมที่ http://www.iamsorada.com

blog โดย 

5 ข้อที่พึงตระหนักก่อนโพสต์บนโซเชียลมีเดีย

ใครจะรู้บ้างว่าเรื่องของโซเชียลมีเดียเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ไม่อยากให้เกิดปัญหาต้องคำนึงถึง 5 ข้อนี้

จากความเดิมตอนที่แล้วที่จุ๊เคยบอกไว้ว่าบนโลกโซเชียลมีเดียนั้นเป็นโลกของ เหรียญสองด้าน แฝงไปด้วยเรื่องเชิงบวก และเชิงลบ เห็นได้จากบนหน้าหนังสือพิมพ์ก็ดี บนโลกออนไลน์ที่แชร์ต่อๆกันก็ดี ทั้งเรื่องส่วนตัว คลิปฉาว ปัญหาสังคม และปัญหามากมายจิปาถะ หรือแม้กระทั่งเพียงคำพูดประโยคเดียวก็ชวนให้มโนได้ต่างๆนานา ซึ่งล้วนแต่มาจากการใช้สื่อดิจิตอลในทางที่ผิด โดยที่ผู้ใช้เองอาจจะยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่า เอ…บนโลกโซเชียลมีเดียนั้นมีอันตรายด้วยหรือ?

แหม…แล้วถ้าจุ๊จะบอกว่าอันตรายเสียยิ่งกว่าเสือสิงห์กระทิงในป่า คุณจะเชื่อกันไหมคะ?

ประเด็นสำคัญที่จุดประกายปัญหาบนโลกออนไลน์คือ การขาดจริยธรรมในการใช้สื่อดิจิตอล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของความรอบคอบก่อนการโพสต์ ง่ายๆ เลยเห็นได้จากเฟรนด์บนเฟซบุ๊คของจุ๊ค่ะ มาทั้งรูปภาพและตัวอักษรที่ไม่ควรเผยแพร่สู่สาธารณะ แต่ก็ยังดันทุรังโพสต์จนเกิดการพูดถึงแบบปากต่อปาก และที่สำคัญเกิดภาพลักษณ์ในเชิงลบอีก เห็นไหมล่ะคะว่ามีแต่เสียกับเสีย ดังนั้นจุ๊เลยมีทิปส์ดีๆ ‘5 ข้อที่คุณพึงตระหนักก่อนโพสต์’ มาฝากค่ะ

T- Is it true?
สิ่งที่โพสต์ต้องอยู่บนพื้นฐานของความจริงและไม่กลับมาทำร้ายคุณในภายหลัง
ถึงสิ่งที่คุณโพสต์จะผ่านไปนานแล้ว หรือคุณจะลบโพสต์นั้นไปแล้ว แต่คุณจะแน่ใจได้หรือไม่ว่าไม่มีใคร Capture สิ่งที่คุณโพสต์ได้ คุณจะแน่ใจได้อย่างไรว่าอีกหลายเดือนต่อมาสิ่งที่คุณโพสต์จะไม่กลับมาเป็นประเด็นอีกครั้ง

H-Is it hurtful?
สิ่งที่โพสต์ต้องไม่กระทบใจผู้อื่น

สำคัญมากเลยค่ะ เพราะภาพที่คุณโพสต์นั้นอาจจะไปกระทบใจของใครหลายคน ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อนฝูง เจ้านาย เพื่อน หรือแฟน เพราะฉะนั้นก่อนจะลงภาพควรเช็คให้ดีก่อนว่าการกระทำของคุณไม่กระทบต่อความรู้สึกของคนอื่นแน่ๆ

I-Is it illegal?
สิ่งที่โพสต์ต้องเป็นสิ่งที่ถูกต้องตามลิขสิทธิ์ กฎหมาย และไม่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของผู้อื่น
ไม่ว่าจะโพสต์รูปภาพ ข้อความหรือแชร์ข้อมูลใดๆ สิ่งสำคัญคือ คุณต้องตระหนักให้ดีว่าข้อมูลที่คุณจะโพสต์นั้นถูกกฎหมายและไม่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของผู้อื่น รวมถึงเรื่องของหลักจริยธรรมและศีลธรรมด้วย เช่น คุณแน่ใจใช่หรือไม่ว่าข้อมูลที่คุณจะโพสต์นั้นไม่ใช่การเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต, ข้อความแสดงการหมิ่นประมาทที่อาจนำไปสู่การฟ้องร้องคดีความ หรือเรื่องเซนซิทีฟต่อความรู้สึกของผู้อื่น ดังนั้นก่อนจะโพสต์ทุกครั้ง คุณต้องพึงตระหนักอย่างรอบคอบว่าข้อความเหล่านั้นจะไม่กระทบต่อคุณ คนรอบข้าง สังคม และประเทศอย่างแน่นอน

N – Is it necessary?
สิ่งที่โพสต์ต้องเป็นสิ่งที่คำนึงถึงช่วงเวลาของผู้อื่น
อันนี้ห้ามเด็ดขาดเลยนะคะ โดยเฉพาะคนทำงาน และเป็นสิ่งที่จุ๊จะสอนลูกน้องเสมอว่า เวลาออกไปประชุมข้างนอก หากเหลือเวลาไปทานอาหาร ‘อย่าโพสต์รูปอาหารอร่อยๆหรือรูปที่แสดงถึงความสุขมากนัก’ เพราะเรายังอยู่ในช่วงเวลางาน แต่เพื่อนคนอื่นไม่ได้ทานแบบเรา ดังนั้นต้องนึกถึงใจเขาใจเราให้มากที่สุด

K – Is it kindful?
สิ่งที่โพสต์สามารถบอกสถานะและสิ่งที่คุณกำลังทำแก่คนรอบข้างได้
ข้อนี้เป็นสิ่งที่จุ๊ค่อนข้างสนับสนุนค่ะ เพราะด้วยการทำงานที่มีเวลาค่อนข้างจำกัด เราไม่สามารถบอกทุกคนได้ว่าเรายุ่งแค่ไหน และกำลังทำอะไรอยู่ แนะนำเลยว่าตั้งสเตตัส และเช็คอินเถอะค่ะ อย่างน้อยคนที่เขารอคุณอยู่ที่บ้านจะได้ไม่กังวล เพราะฉะนั้นเลือกใช้โซเชียลมีเดียให้เป็นประโยชน์นะคะ

เห็นไหมล่ะคะว่าเรื่องของโซเชียลมีเดียนั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องนึกถึงใจเขาใจเราก่อนโพสต์ จะได้ไม่เกิดปัญหาตามมาภายหลังค่ะ

อัพเดทเรื่องราวบนโลกดิจิตอลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.iamsorada.com ค่ะ

blog โดย 

Milan Fashion Week 3

มาต่อตอนสุดท้าย Milan Fashion Week กันนะคะ ไม่คิดว่าจะเลทขนาดว่าต้องมาเขียนเรื่องนี้ขณะที่กำลังอยู่ที่ดูไบ

วันต่อมาโชว์แรกที่ป่านไปดูคือ Giamba ซึ่งเป็น line ราคา Contemporary ของ Giambattista Valli สถานที่จัดอยู่ในสวน แถมฝนตกอีกต่างหาก ไปมาค่อนข้างจะลำบาก หลังจากจบ ก็มีเวลาพักช่วงใหญ่ๆ ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปทำงานแบ็กสเตจของ Versace (เมืองไทย Versace มีขายที่ Central Embassy) ตื่นเต้นสุดๆ เพราะมีโอกาสได้สัมภาษณ์ Make Up Artist อันดับต้นๆ ของโลกอย่าง Pat McGarth ด้วย ซีซันนี้เวอร์ซาเช่ทำต่างออกไปจากซีซันก่อนๆ ไม่ใช่คอลเล็กชั่นโปรดของป่านอย่างเคย แต่ยังไงก็ยังชอบ Donatella เหมือนเดิม

หลังจากจบ Versace ก็มุ่งหน้าสู่ Phillip Plein ซึ่งเป็นโชว์ที่เละสุดๆ ของที่นี่ คนแย่งที่นั่งกันเต็มไปหมด ท้ายที่สุดป่านต้องนั่งบนพื้นเพื่อดูโชว์ เนี่ยแหละฟร้อนโรว์ของจริง หลังจากนั้น ปิดท้ายวันกันด้วยงานปาร์ตี้เปิดตัวน้ำหอมของ Ferragamo

วันต่อมาเรียกว่าวันฝันเป็นจริง เป็นครั้งแรกที่ได้ไปดูโชว์ของทั้ง Roberto Cavalli และ Pucci by Peter Dundas ที่ Pucci เอาแต่นางแบบตัวแม่มาเดิน ไม่ว่าจะเป็น Naomi Campbell, Joan Smalls, Jamie Bochert, Kendall Jenner ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปงานกาลา Amfar ต่อ

วันสุดท้าย เริ่มต้นโชว์แรกด้วยโชว์ของ Ferragamo ต่อด้วยการไปเดินเล่นตลาด Marni Flower Market ซึ่งเป็นงานฉลองครบรอบยีสิบปีของแบรนด์มาร์นี่ ไฮไลท์ที่สุดของทริปนี้เลยก็ว่าได้คือการได้มีโอกาสไปชมโชว์ของ Dolce and Gabbana เรียกได้ว่าน้ำตาแทบร่วงกันเลยทีเดียว ขนลุกขนพองไปหมดขณะที่กำลังชมอยู่ ถือว่ามามิลานคราวนี้คุ้มมาก

วันสุดท้ายก่อนเดินทางไปปารีสมีโอกาสได้ไปเดินห้าง La Rinascente ตรง Duomo ซึ่งเป็นห้างที่มีเจ้าของเป็นคนไทย เป็นห้างเครือเซ็นทรัลนั่นเอง เห็นแล้วก็แอบภูมิใจว่า คนไทยเก่งไม่แพ้ชาติใดในโลกจริงๆ หากใครมีโอกาสได้ไปมิลาน อย่าลืมชมความสำเร็จของคนไทยที่ ห้าง La Rinascente กันนะคะ

ครั้งหน้าจะมาเล่าเรื่องปารีสให้ฟัง (หรืออาจจะเป็นเรื่องดูไบไม่รู้ ขอติดไว้ก่อน เพราะตอนนี้ก็กำลังมาทำงานที่ดูไบ อยากเล่าให้เพื่อนๆ ฟังบรรยากาศเหมือนกัน) แล้วไว้เจอกันใหม่นะคะ

blog โดย 

โลกโซเชียลมีเดียมีอะไร ‘มากกว่า’ แค่การติดต่อสื่อสารกันเท่านั้น

สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านชาวแพรวทุกท่าน ก่อนอื่นต้องขอแนะนำตัวก่อนนะคะ ดิฉัน “จุ๊ – โศรดา ศรประสิทธิ์ ” เจ้าของดิจิตอล เอเยนซี่ บริษัท Brilliant & Million จำกัด ขอมาเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวกับโลกออนไลน์ ทั้งจากประสบการณ์ทั้งจากการทำงานกับให้บริษัทใหญ่ๆ ในประเทศไทย หรือจากเรื่องราวต่างๆ รอบๆ ตัว ทั้งสุดประทับใจ สุดตกใจ สุดตื่นเต้น.. ที่เก็บไว้คนเดียวไม่ไหว ต้องมาเล่าสู่กันฟังค่ะ

สำหรับเรื่องแรกที่จุ๊อยากประเดิมเลยต้องขอพูดถึงการสื่อสารบนโลกออนไลน์กันหน่อยดีกว่า เรื่องราวที่จุ๊อยากให้คุณรู้และนึกถึงมันเสมอๆ ก่อนจะเริ่มมีส่วนร่วมกับโลกออนไลน์
แน่นอนว่าทุกวันนี้เราติดต่อสื่อสารกันผ่านโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต และอินเทอร์เน็ตแทบจะทุกมิติของชีวิตราวกับว่าโซเชียลมีเดียกลายเป็นอวัยวะที่ 33 ของชีวิตไปโดยปริยาย ว่าแต่ว่า App หรือโปรแกรมบนโซเชียลมีเดียที่คุณใช้ตอนนี้มีอะไรบ้างคะ?

Facebook, LINE , Twitter, Instagram ,WhatsApp, Pinterest , Youtube, Google+ และสารพัด APPLICATION อีกมากมายเลยใช่ไหมคะ

หากไม่นับรวมเรื่องของกระแสและความอินเทรนด์แล้วล่ะก็ คุณเคยตั้งคำถามกับตัวเองกันไหมคะว่า เราใช้ ‘เครื่องมือเหล่านี้เพราะอะไร?’

คำตอบแรกที่ได้ ร้อยทั้งร้อยคงจะหนีไม่พ้น “ความสะดวกสบาย และการติดต่อสื่อสารถึงกันได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังทำให้ได้รับทราบเรื่องราวของกันและกันเสมอๆ”

แต่นั่นเป็นสิ่งที่เราจะได้จากฟังก์ชั่นการใช้งานเป็นหลัก หากมองลึกลงไปถึงระดับจิตใจแล้ว โซเชียลมีเดียนี่แหละคือ Tools ชิ้นสำคัญที่เสิร์ฟฟังก์ชั่นการเชื่อมต่อความสัมพันธ์ของคนไกลให้เข้าใกล้กันมากขึ้น ได้รับรู้ข่าวสารของอีกคนผ่านเฟซบุ๊ค ได้เห็นเรื่องราวชีวิตของเขามากขึ้น หรือแม้กระทั่งจู่ๆ เพื่อนสมัยอนุบาลทัก LINE มาคุยด้วยความคิดถึง (ดิฉันเพิ่งประสบมากับตัวเลยค่ะ) ยิ่งทำให้เกิดความรู้สึกทึ่ง และประหลาดใจมากว่า…โอ้โห! อานุภาพความสัมพันธ์ของโซเชียลมีเดียนี่ทำได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ?! สิ่งนี้ช่วยเชื่อมให้เราเข้าถึงกันได้ขนาดนี้
การใช้ social media ให้ถูกทางนั้นจะเกิดผลดีมาก ในการ broadcast ให้ผู้คนรอบๆตัวเรานั้น รู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ มีปัญหาอะไร ต้องการความช่วยเหลือเรื่องอะไร อีกทั้งมีความเข้าใจอันดีระหว่างกันมากขึ้น..

แต่อย่างไร เหรียญย่อมมีสองด้าน เสมอ … ใช่ว่าโซเชียลมีเดียจะไม่มีอันตรายนะคะ จะว่าไปในเชิงลบก็มีอานุภาพรุนแรงไม่แพ้กันเลย แต่เราจะมีวิธีการสื่อสาร ป้องกัน และรับมือกับการสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดียให้รู้เท่าทันมันอย่างไร จุ๊ขออนุญาตมาเล่าให้ฟังครั้งหน้า รับรองว่าคุณจะได้เห็นโลกกว้างของโซเชียลมีเดียมากขึ้นแน่นอนค่ะ

อัพเดทเรื่องราวบนโลกดิจิตอลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.iamsorada.com ค่ะ

blog โดย ” จุ๊ โศรดา

5 คำแนะนำสำหรับการไปฟิตเนสครั้งแรก

สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาวแพรวออนไลน์ วันก่อนเปิ้ลไปฟิตเนสมาแล้วตอนที่วิ่งอยู่ก็ระลึกความหลังเมื่อหลายปีก่อนที่เปิ้ลเข้าฟิตเนสตอนแรก จำตอนนั้นได้ดีเลยค่ะ ตอนนั้นรู้สึกงงมากเลย ทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้จะเล่นอะไรดี เล่นนานเท่าไร เครื่องแต่ละอย่างใช้อย่างไรก็ไม่รู้ ออกแนวกลัวฟิตเนสนิดๆเลยก็ว่าได้ คืออยากจะออกกำลังกายแต่ก็กลัวๆทำตัวไม่ค่อยถูก เลยคาดว่าอาจจะมีเพื่อนๆที่กำลังตัดสินใจจะเข้าฟิตเนสเป็นครั้งแรกกำลังมีความรู้สึกคล้ายๆกัน เลยเป็นแรงบัลดาลใจให้เขียนบล็อกนี้ขึ้นมาค่ะ

วันนี้เปิ้ลมีคำแนะนำสั้นๆ 5 ข้อมาฝากเพื่อนๆที่ยังกล้าๆกลัวๆฟิตเนส ว่าไปครั้งแรกจะทำอะไรบ้างดี จะได้ช่วยให้หายกังวลกันนะคะ ทั้ง 5 ข้อนี้เปิ้ลเขียนตามประสบการณ์ของเปิ้ลและรู้สึกว่าได้ผลดีทำให้ไม่กลัวฟิตเนสอีกต่อไป อยากให้เพื่อนๆลองอ่านกันดูนะคะ

1. ไปครั้งแรกไม่ต้องฟิตมากก็ได้

นี่คือสิ่งแรกที่อยากจะบอกเพื่อนๆเลยค่ะ ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องวิ่งให้ได้เร็ว ออกกำลังกายเป็นชั่วโมง โดยเฉพาะเพื่อนๆที่ไม่ได้ออกกำลังกายมานานหลายปี ร่างกายเราไม่ได้ออกกำลังกายมานานเดี๋ยวจะไม่ชินค่ะ ค่อยๆปรับตัว เอาที่เราพอไหวก่อนก็ได้ค่ะ

2. เริ่มต้นกับสิ่งที่เราชอบก่อน
เพื่อนๆเห็นโปรแกรมออกกำลังกาย 1 เดือน 3 เดือน อะไรแบบนั้นเยอะแยะเลยใช่ไหมค่ะ แล้วมีกี่ครั้งคะที่ลองไปแล้วไม่กี่ครั้งก็เลิก คือเปิ้ลเองบางทีก็ลองแล้วเลิกเหมือนกันนะคะ เพราะรู้สึกว่าไม่ชอบมันขนาดนั้นก็เลยหยุด การไปฟิตเนสเองก็เป็นแบบนั้นค่ะ คือถ้าเราเริ่มเล่นอะไรที่เราไม่ค่อยชอบมันก็จะไม่สนุก ไม่ติด ไม่กลับไปเล่นอีก แต่ถ้าเราเริ่มจากอะไรที่เราโอเค ครั้งแรกๆไม่ต้องหักโหมมากแล้วค่อยเพิ่มความยากเข้าไป จะทำให้เรารู้สึกอยากกลับไปเล่นอีกบ่อยๆค่ะ ที่ฟิตเนสเดี๋ยวนี้มีทั้งเครื่องออกกำลังกายแบบใหม่ๆ คลาสสนุกๆเต็มไปหมด ลองอ่านรายละเอียดของฟิตเนสเราแล้วเลือกสิ่งที่เราสนใจมาลองดูกันนะคะ

3. มีพนักงานที่ฟิตเนสคอยสอนเราเสมอ
ข้อนี้ไม่ได้หมายความว่าจะต้องจ้างเทรนเนอร์นะคะ แต่หมายความว่าเราสามารถถามพี่ๆเทรนเนอร์ได้เสมอว่าแต่ละเครื่องเล่นอย่างไร เพราะฟิตเนสแต่ละที่เองก็มีเครื่องคนละแบบ คนละยี่ห้อ คนละรุ่น ไม่มีใครหรอกค่ะที่รู้ทันทีตั้งแต่วันแรกเลยว่าแต่ละเครื่องเล่นอย่างไร ถามได้ตามสบายเลยค่ะว่าอยากลดพุง ลดขา ลดแขน ต้องเล่นเครื่องไหน ไม่ต้องอายนะคะ ถามได้เลยค่ะ

4. ไม่มีใครหุ่นดีตั้งแต่วันแรก
หุ่นดีๆเฟริ์มๆ เชื่อเปิ้ลนะคะว่าใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะได้มา อย่ากังวลเรื่องหุ่นตัวเองจนอายไม่กล้าไปนะคะ เพราะถ้าเราสม่ำเสมอ มีวินัย หุ่นเฟริ์มไร้พุง อาจจะใช้เวลานิดนึงแต่ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอนค่ะ

5. มีเพื่อนไปด้วย สนุกคูณสอง
เปิ้ลโชคดีที่ตอนเปิ้ลไปครั้งแรกมีเพื่อนไปด้วย ทำให้กล้าลอง กล้าถาม และเริ่มคุ้นเคยกับฟิตเนส ทำให้การไปฟิตเนสไม่น่ากลัวอย่างที่ตอนแรกเคยคิดไว้

เพื่อนๆอย่าลืมนะคะว่าแค่เริ่มต้นก็ชนะไปกว่าครึ่งแล้ว เพราะฉะนั้นใครยังกล้าๆกลัวๆฟิตเนสอยู่ ไม่ต้องกลัวแล้วนะคะ พรุ่งนี้ไปออกกำลังกายกันดีกว่า

ถามคำถามเรื่องสุขภาพอะไรเพิ่มเติมได้ที่:
Facebook.com/healthylivingbyaraya
IG @Healthylivingbyaraya

รูปจาก pinterest

blog โดย Araya

Milan Fashion Week Day 2

สวัสดีคะ กลับมาเจอกันอีกครั้งคราวนี้จะพยายามสรุปมิลานให้จบภายในตอนสองตอนนี้ แล้วจะได้เอาเรื่องพีคๆ อย่างปารีสแฟชั่นวีคมาเล่าให้ฟังกันต่อ

สวัสดีคะ กลับมาเจอกันอีกครั้งคราวนี้จะพยายามสรุปมิลานให้จบภายในตอนสองตอนนี้ แล้วจะได้เอาเรื่องพีคๆ อย่างปารีสแฟชั่นวีคมาเล่าให้ฟังกันต่อ

หลังจากจบ DSQUARED ดินเนอร์ ป่านกลับมาถึงโรงแรมแล้วหลับเป็นตายกว่าสิบสองชั่วโมง ตื่นมาอีกทีหนึ่งเพิ่งรู้ตัวว่าพลาดโชว์ไปแล้วหนึ่งโชว์ แต่ถ้าไม่ได้หลับ เชื่อว่าป่านคงไม่เหลือสภาพมนุษย์มาเดินในวันต่อไปแน่นอนคะ

วันนี้เริ่มต้นด้วย Backstage ที่ Just Cavalli ถ้ามีโอกาสได้ติดตามบล็อกโพสของป่านเมื่อสองสามปีที่แล้ว เพื่อนๆ จะรู้ว่า Cavalli เป็นแบรนด์โปรดที่สุดในชีวิตของป่าน เรียกได้ว่าเกิดและตายได้เพื่อ Cavalli เลยทีเดียว ตอนนี้เมืองไทยก็มีมาเปิดแล้วที่ Central Embassy ถ้าอยากจะรู้ว่าทำไมป่านถึงชอบ ก็ลองเดินเข้าไปดูกันได้ เพราะฉะนั้นป่านค่อนข้างที่จะตื่นเต้นมากที่ได้ไปดูโชว์นี้

พอจบโชว์ Cavalli ก็รีบวิ่งไปดู DSQUARED ต่อ DSQUARED เป็นโชว์ที่ดีมากโชว์หนึ่งเลย นอกจากเสื้อผ้าจะเก๋แล้ว ตัวโชว์เองก็ยังทำให้ผู้ชมรู้สึกสนุกอยากเต้นตามไปด้วย

หลังจากจบโชว์ DSQUARED ป่านกับเพื่อนก็วิ่งรอกไปกันต่อที่ Costume National แต่เนื่องจากมิลานไม่ได้เรียกแท็กซี่ได้ง่ายๆ ตามถนน ต้องโทรเรียกกัน แถมต้องพูดภาษาอิตาเลียนอีกต่างหาก แล้วกว่าจะเรียกได้ก็ไปโชว์กันแทบไม่ทัน พอวิ่งไปถึงโชว์ก็เริ่มขี้นแล้ว เลยต้องยืนดูข้างๆ เหล่าตากล้อง อย่างที่บอก น้อยๆ มินิมัลลิสไม่ใช่แนว ก็เลยค่อนข้างเฉยๆ กับโชว์นี้

ที่สุดของที่สุดก็คงเป็นโชว์ Prada ที่ตั้งตาคอยมานาน เพราะเคยติดตามความอลังการและความสวยงามของเสื้อผ้าผ่านอินตราแกรมอยู่นานนับปี พอเดินเข้าไปสิ่งแรกที่เห็นคือกองทรายสีม่วงขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางรันเวย์ ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าแรงบันดาลใจของคอลเล็กชั่นนี้จะเป็นทะเลทรายหรือเปล่านะ

ท้ายสุด สุดท้ายของวันก็คงเป็นโชว์ของ Moschino ซึ่งเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของงานนี้ ป่านเคยทำงานให้กับบริษัทที่เป็นเจ้าของ Moschino มาก่อน พอไปถึงจึงเหมือนได้กลับบ้านเก่า แปลกใจที่สุดเมื่อเห็นพี่ๆ สื่อชาวไทยมากมาย เพราะไม่รู้มาก่อนว่า Moschino มีช็อปที่ Central Embassy แล้ว Jeremy Scott ผู้อำนวยการสร้างสรรค์ของแบรนด์พาเหล่าบาร์บี้แบบต่างๆ ออกมาโลดแล่นบนรันเวย์ เรียกเสียงฮือฮาจากผู้ชมได้มากเลยทีเดียว

ครั้งหน้าจะมาเล่าต่อสัญญาว่าจะพยายามจบในตอนหน้า หรือถ้าไม่จบก็จะพยายามไม่หายไปนานแล้วเจอกันใหม่นะคะ

Moschino

Praew.com : Celeb Story
Praew.com : Celeb Story
Praew.com : Celeb Story
Praew.com : Celeb Story
Praew.com : Celeb Story
Praew.com : Celeb Story
Praew.com : Celeb Story
Praew.com : Celeb Story
Praew.com : Celeb Story
Praew.com : Celeb Story
Praew.com : Celeb Story
Praew.com : Celeb Story
Praew.com : Celeb Story

Prada


Praew.com : Celeb Story
Praew.com : Celeb Story
Praew.com : Celeb Story
Praew.com : Celeb Story
Praew.com : Celeb Story
Praew.com : Celeb Story
Praew.com : Celeb Story
Praew.com : Celeb Story


Just cavalli


Prada



Moschino



blog โดย ป่าน ณิชาภัทร

รู้ลึกเรื่อง “ข้าวโอ๊ต”

เชื่อว่าข้าวโอ๊ตเป็นหนึ่งในอาหารที่เพื่อนๆที่รักสุขภาพชอบทานกันบ่อยๆ แต่เวลาไปซื้อข้าวโอ๊ตแต่ละที เคยปวดหัวกันบ้างไหมคะ เพราะมีข้าวโอ๊ตให้เลือกตั้งหลายแบบ เพราะฉะนั้นวันนี้เรามาไขเคล็ดลับเรื่อง “ข้าวโอ๊ต” กันดีกว่าค่ะ มารู้จักเจ้าข้าวโอ๊ตกันว่า มีกี่แบบและแตกต่างกันอย่างไร

เชื่อว่าข้าวโอ๊ตเป็นหนึ่งในอาหารที่เพื่อนๆที่รักสุขภาพชอบทานกันบ่อยๆ แต่เวลาไปซื้อข้าวโอ๊ตแต่ละที เคยปวดหัวกันบ้างไหมคะ เพราะมีข้าวโอ๊ตให้เลือกตั้งหลายแบบ เพราะฉะนั้นวันนี้เรามาไขเคล็ดลับเรื่อง “ข้าวโอ๊ต” กันดีกว่าค่ะ มารู้จักเจ้าข้าวโอ๊ตกันว่า มีกี่แบบและแตกต่างกันอย่างไร

ข้าวโอ๊ตทำมาจากเมล็ดธัญพืชที่นำไปคั่ว (toasted) เพื่อให้เก็บรักษาได้นาน ข้าวโอ๊ตหลากหลายประเภทที่ขายอยู่ในซุปเปอร์แตกต่างกันหลักๆตรงวิธีการแปรรูป (processed) ซึ่งไอเดียหลักๆก็คือ ถ้าเมล็ดข้าวโอ๊ตยิ่งบางก็จะยิ่งสุกเร็วและเวลาสุกจะให้สัมผัสที่นุ่มนิ่มมากขึ้นด้วยค่ะ

ข้าวโอ๊ตมี 4 ประเภทดังนี้

1. Steel-cut oats (Irish oats) – เมล็ดข้าวโอ๊ตจะถูกแยกออกเป็นชิ้นเล็กๆ ใช้เวลาต้มนานที่สุด
2. Old-fashioned and rolled oats – เมล็ดข้าวโอ๊ตจะถูกนำไปนึ่ง (steamed) รีดให้แบน (rolled) และตากให้แห้ง (dried)
3. Quick-cooking oats – เมล็ดข้าวโอ๊ตจะถูกนำไปรีดให้แบนยิ่งกว่า old-fashioned oats ทำให้สุกเร็วกว่า
4. Instant oats – เป็นแบบที่ถูกรีดให้แบนแบบบางที่สุด และเป็นแบบที่นิ่มที่สุดด้วยค่ะ

เพราะฉะนั้นเพื่อนๆคนไหนที่อยากได้ข้าวโอ๊ตแบบที่ผ่านการแปรรูปน้อยที่สุด เปิ้ลแนะนำแบบ steel-cut เลยค่ะ แต่ถ้าใครรีบๆใช้แบบ instant ก็ไวดีค่ะแถมนิ่มมากๆด้วย ขอสารภาพว่าที่บ้านเปิ้ลมีทุกแบบเพราะว่าในเช้าแต่ละวันรีบไม่เท่ากัน ถ้าเสาร์อาทิตย์ก็จะมีเวลามากหน่อยเลยต้มแบบ steel-cut หรือ old-fashioned ได้ แต่ถ้าวันไหนตื่นสายมากก็จะใช้แบบ quick หรือ instant เลยค่ะ

ส่วนใครที่ยังไม่แน่ใจว่าจะซื้อแบบไหนดี อยากให้เพื่อนๆลองดูหลายๆแบบก่อน จะได้รู้จักรสสัมผัสที่ชอบที่ใช้ระยะเวลาต้มเหมาะกับไลฟสไตล์ตัวเองมากที่สุดค่ะ

ถามคำถามเรื่องสุขภาพอะไรเพิ่มเติมได้ที่:
Facebook.com/healthylivingbyaraya
IG @Healthylivingbyaraya

รูปและข้อมูล แปลและเรียบเรียงจาก thekitchn.com (http://bit.ly/ZeUu0R)

blog โดย Araya.

มันฝรั่งแฮสเซลแบล็ค Hasselback Potato

Hasselback เป็นชื่อของร้านอาหารที่ประเทศสวีเดน ร้านซึ่งเป็นผู้ให้กำเนิดรูปแบบของมันฝรั่งสูตรนี้ มันฝรั่งแฮสเซลแบล็คมีลักษณะคล้ายเครื่องดนตรีแอกคอร์เดียนโดยทั่วไปใช้มันฝรั่งที่มีลักษณะเป็นทรงรียาวซอยให้เป็นแว่นๆ แต่ไม่ขาดอบกับเนยและโรยเกลือพริกไทย ผลที่ได้คือเนื้อที่นุ่มด้านในและมีความกรอบที่บริเวณขอบๆ ผมดัดแปลงวิธีการอบให้เร็วขึ้นเล็กน้อยโดยการใช้ฟรอย์ดห่อในการอบช่วงแรกเพื่อช่วยให้มันฝรั่งสุกเร็วขึ้นแล้วจึงค่อยอบต่อโดยให้มันฝรั่งได้สัมผัสกับความร้อนโดยตรงในช่วงหลัง

ผมเสิร์ฟมันฝรั่งแฮสเซลแบล็คกับครีมเปรี้ยวและเบคอนถ้าไม่ชอบก็สามารถเปลี่ยนหรือไม่ใส่ก็ได้เช่นกัน

ส่วนประกอบ
• มันฝรั่ง 3 หัว
• เบคอน 6 เส้น
• เนย 2 ช้อนโต๊ะ
• กระเทียม 1 กลีบ
• เกลือ

Milan Fashion Week Day 1

ช่วงปีที่ผ่านมานี้เมืองไทยมีการนำเข้าแบรนด์ใหม่ๆ ดังๆ จากเมืองนอกหลายแบรนด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ห้าง Central Embassy เพิ่งเปิด ตัวป่านเองยังไม่ได้มีโอกาสกลับไทยก็เลยไม่ได้ไปเดินสักที แต่ดีใจที่แบรนด์เก๋ๆ ดีไซเนอร์ดังๆ ได้มีโอกาสมาให้สาวช็อปกันถึงที่่ ตั้งแต่ BCBG Maxazria, Herve Leger, Proenza Schouler, Michael Kors, G-Star Raw นี่ยังไม่รวมถึงแบรนด์จากฝั่งอิตาลีหรือฝรั่งเศสตั้งแต่ Isabel Marant, Maje, Sandro, Isabel Marant, Margiela, APC, Givenchy, Vivienne Westwood, St. Laurent หรือแบรนด์สุดโปรดของป่านอย่าง Roberto Cavalli

แอบอยากเล่าเรื่องนิวยอร์กแฟชั่นวีค แต่รู้สึกว่าอาจจะเลทไปเลยเอาเรื่องมิลานแฟชั่นวีคมาเล่าดีกว่า ซีซันนี้เป็นซีซันแรกที่ป่านมีโอกาสมามิลานแฟชั่นวีค บอกกันตามตรงว่าเมืองมิลาน ป่านไม่ชอบมากนัก แต่แบรนด์โปรดของป่านทุกแบรนด์ ตั้งแต่ Dolce and Gabbana, Versace, Roberto Cavalli จัดโชว์ที่นี่กันหมด จึงเรียกได้ว่าฟินสุดๆ กันเลย

ตั้งแต่นาทีแรกที่เครื่องลง ป่านวิ่งจากแอร์พอร์ทเข้าตัวเมืองมิลานด้วยกระเป๋าสามใบ ตอนแรกกะว่าจะนั่งแท็กซี่ แต่เพื่อนๆ ที่อยู่ที่มิลานบอกว่านั่งแท็กซี่ไม่มีทางทัน ก็เลยลากสังขารทุลักทุเล หอบกระเป๋าใบใหญ่สามใบขี้นรถไฟมาลงที่ Central Station ก่อนจะนั่งแท็กซี่ไปที่พักต่อ พอถึงที่พัก ป่านเก็บกระเป๋า วิ่งผ่านน้ำ และรีบวิ่งไปดูโชว์ Gucci ทันที ไปถึงแบบหวุดหวิดแต่ก็ยังมีโอกาสได้ดู พอหลังจากนั้นก็ไปดูโชว์ Alberta Ferretti, No.21, Fausto Puglisi ต่อ กระซิบบอกนิดนึงว่าป่านไม่ได้นอนมาเกือบหนึ่งวันเต็มเพราะเป็นคนไม่หลับบนเครื่อง เรียกได้ว่าไปแต่ละโชว์แบบลากสังขารกันจริงๆ แถมคืนนั้นดันมีดินเนอร์กับ Dean and Dan Caten จาก DSQUARED อีกต่างหาก ตอนแรกกะว่าจะไม่ไป เพราะสังขารไม่ไหวจริงๆ แต่ท้ายที่สุด ด้วยหน้าที่บังคับ ก็ต้องไปแบบงงๆ ง่วงๆ กันเลย แอบบอกนิดนึงว่าถ้าไม่ไปเสียใจแย่ เพราะเป็นงานที่เล็กมากๆ ได้คุยกับ Dean and Dan ตัวเป็นๆ แบบใกล้ชิดกันเลยทีเดียว

ก่อนที่จะหมั่นไส้กันไปมากไปกว่านี้ ป่านขอตัวมาเล่าให้ฟังต่อครั้งหน้านะคะ สัญญาว่าจะไม่นานเหมือนคราวนี้กับคราวที่แล้ว


Gucci

Praew.com : Celeb Story

Praew.com : Celeb Story
Praew.com : Celeb Story
Praew.com : Celeb Story
Praew.com : Celeb Story
Praew.com : Celeb Story
Praew.com : Celeb Story


Alberta Ferretti

Praew.com : Celeb Story

Praew.com : Celeb Story
Praew.com : Celeb Story
Praew.com : Celeb Story
Praew.com : Celeb Story
Praew.com : Celeb Story
Praew.com : Celeb Story

Fausto Puglisi


Praew.com : Celeb Story

Praew.com : Celeb Story

Praew.com : Celeb Story

Praew.com : Celeb Story

Praew.com : Celeb Story

Praew.com : Celeb Story

blog โดย ป่าน ณิชาภัทร.

กุ้งพันอ้อย (จ๋าวโตม) Prawn Cake on Sugarcane (Chao Tom)

กุ้งพันอ้อย เมนูอาหารเวียดนามยอดนิยม เสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้มแครอทและเส้นหมี่ลวกพร้อมด้วยน้ำมันต้นหอม รับประทานกับผักสมุนไพรหลากหลายตามความต้องการ กุ้งพันอ้อยที่เราคุ้นเคยนั้นจะมาในลักษณะที่นำไปทอด สำหรับคนที่ต้องการหลักเลี่ยงการทอด สามารถนำไปย่างในกระทะหรือในเตาอบ โดยใช้โปรแกรมย่างก็ได้เช่นกัน

กุ้งพันอ้อย เมนูอาหารเวียดนามยอดนิยม เสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้มแครอทและเส้นหมี่ลวกพร้อมด้วยน้ำมันต้นหอม รับประทานกับผักสมุนไพรหลากหลายตามความต้องการ กุ้งพันอ้อยที่เราคุ้นเคยนั้นจะมาในลักษณะที่นำไปทอด สำหรับคนที่ต้องการหลักเลี่ยงการทอด สามารถนำไปย่างในกระทะหรือในเตาอบ โดยใช้โปรแกรมย่างก็ได้เช่นกัน

กุ้งพันอ้อย
• กุ้งขาว (แกะเปลือก) 450 กรัม
• มันหมูแข็ง 60 กรัม
• ต้นหอม (ซอย)

4 ไอเท็มที่ขาดไม่ได้สำหรับการเดินทางโดยเครื่องบินแบบเฮลตี้

สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาวแพรวออนไลน์ ช่วงนี้เปิ้ลต้องเดินทางบ่อยทั้งในและนอกประเทศและรู้สึกว่าเวลาเดินทางโดยเครื่องบินในแต่ละครั้งเรามักจะเผลอทำเรื่องที่ไม่ดีต่อสุขภาพนัก โดยเฉพาะการดื่มน้ำน้อยและการรับประทานอาหารไม่ครบหมู่ วันนี้เลยเอาลิสต์ดีๆมาฝากค่ะ เป็น 4 สิ่งที่เปิ้ลพกติดกระเป๋าเวลาเดินทางทุกครั้งจะได้เที่ยวสนุกแบบไม่เสียสุขภาพด้วยค่ะ

สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาวแพรวออนไลน์ ช่วงนี้เปิ้ลต้องเดินทางบ่อยทั้งในและนอกประเทศและรู้สึกว่าเวลาเดินทางโดยเครื่องบินในแต่ละครั้งเรามักจะเผลอทำเรื่องที่ไม่ดีต่อสุขภาพนัก โดยเฉพาะการดื่มน้ำน้อยและการรับประทานอาหารไม่ครบหมู่ วันนี้เลยเอาลิสต์ดีๆมาฝากค่ะ เป็น 4 สิ่งที่เปิ้ลพกติดกระเป๋าเวลาเดินทางทุกครั้งจะได้เที่ยวสนุกแบบไม่เสียสุขภาพด้วยค่ะ

ขวดน้ำ
หนึ่งในปัญหาที่เปิ้ลเจอบ่อยที่สุดบนเครื่องคือการดื่มน้ำน้อย เพราะต้องรอให้แอร์แจกน้ำให้ เปิ้ลเลยแก้ปัญหาโดยพกขวดน้ำไว้ในกระเป๋าค่ะ ใส่ขวดเปล่าไว้ในกระเป๋าก่อนขึ้นเครื่อง พอขึ้นเครื่องก็รบกวนแอร์ขอเติมน้ำให้เต็มขวดเลย เวลาอยากดื่มน้ำจะได้ไม่ต้องรอค่ะ จะได้สุขภาพดีตลอดการเดินทางค่ะ

กราโนล่าบาร์
ถ้าต้องขึ้นไฟลท์สั้นๆแบบไม่เสริฟอาหาร เปิ้ลจะพกของว่างแบบกราโนล่าบาร์ติดตัวไปด้วยค่ะ จะได้ไม่ทานอาหารขยะ อย่าลืมเลือกกราโนล่าบาร์แบบน้ำตาลน้อยและไม่ใส่วัตถุกันเสียหรือสิ่งเจือปนนะคะ

วิตามินรวม
เปิ้ลรู้สึกว่าบางทีอาหารบนเครื่องมักจะเป็นอาหารที่ไม่ครบหมู่มากนัก อาจจะมีผักและผลไม้น้อยไปนิดนึง ยิ่งเวลาต้องนั่งไฟลท์ยาวๆ (โดยเฉพาะนิวยอร์ค-กรุงเทพฯ รวมแล้ว 20 กว่าชั่วโมง) รู้สึกขาดสารอาหารมากๆเลยค่ะ ในเมื่อเราไม่รู้ว่าเราจะได้ทานอะไรบนเครื่อง เปิ้ลเลยจะพกวิตามินรวมติดตัวไว้เพื่อที่อย่างน้อยในวันนั้นเราจะได้รับสารอาหารครบถ้วนจะได้ไม่ป่วยง่ายๆระหว่างเดินทางค่ะ

เจลล้างมือ
และสิ่งสุดท้ายที่ขาดไม่ได้เลยคือเจลล้างมือค่ะ ทั้งสนามบินและเครื่องบินมีคนเยอะมากมาย เราไม่รู้เลยว่าคนไหนสบายดีคนไหนไม่สบาย เพราะฉะนั้นกันไว้ดีกว่าแก้ค่ะ ใช้เจลล้างมือบ่อยๆจะได้ฆ่าเชื้อโรคและเดินทางแบบเฮลตี้สุขภาพดีกันค่ะ

ถามคำถามเรื่องสุขภาพอะไรเพิ่มเติมได้ที่:
Facebook.com/healthylivingbyaraya
IG @Healthylivingbyaraya

blog โดย Araya.

Hamburger In New York City

สวัสดีคะชาวแพรวดอทคอม วันนี้จะชวนชาวแพรวมาหิวด้วยกัน กับเรื่องของแฮมเบอร์เกอร์ ที่เป็นอาหารยอดนิยมของนิวยอร์กคะ

สวัสดีคะชาวแพรวดอทคอม วันนี้จะชวนชาวแพรวมาหิวด้วยกัน กับเรื่องของแฮมเบอร์เกอร์ ที่เป็นอาหารยอดนิยมของนิวยอร์กคะ

อย่างที่รู้กันดีว่า นิวยอร์กเป็นเมืองที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่สุดเมืองหนึ่งของโลก มีคนจากทั่วโลกย้ายมาอยู่ที่นี่

เรื่องอาหารการกินในนิวยอร์กจึงไม่ต้องพูดถึงคะ มีให้เลือกหลากหลายเยอะแยะมากมายจากทั่วโลก อาหารไทยของเราเองก็เป็นที่นิยมมากๆ ที่นี่คะ แต่ถ้าพูดถึงอาหารที่เป็นสัญลักษณ์ของอเมริกา ที่เป็นที่นิยมของคนทุกเพศทุกวัยก็คงจะหนีไม่พ้น Hamburger คะ

แฮมเบอร์เกอร์มีต้นกำเนิดมาจากประเทศเยอรมัน มีรากศัพท์มาจากคำว่า ฮัมบูร์ก ซึ่งเป็นเมืองหนึ่งในเยอรมัน มาเป็นที่นิยมในอเมริกาจากผู้อพยพชาวเยอรมัน เมื่อเข้ามาในอเมริกาแล้วก็ได้มีการปรับปรุงสูตรต่างๆ หลากหลายสไตล์

วันนี้ก็มีเมนูป่านมีเมนูแฮมเบอร์เกอร์อร่อยๆ จากร้านยอดฮิตในนิวยอร์กมาแนะนำให้ชาวแพรวได้รู้จักกัน
แน่นอนว่าแต่ละร้านก็มีเอกลักษณ์แตกต่างกันออกไป บางร้านมีประวัติความเป็นมายาวนาน บางร้านก็เป็นร้านอาหารฟิวชั่นที่เอาแฮมเบอร์เกอร์มาผสมกับอาหารประจำชาติของแต่ละชาติ ได้รสชาติใหม่ๆ

Praew.com : Celeb Story


BURGER HEAVEN

เป็นร้านสไตล์ Diner ที่เปิดให้บริการมากว่า 70 ปีแล้ว โดยคงคอนเซปต์ Family business
ปัจจุบันเป็น Generation ที่ 4 แล้ว โดยยังคงรักษาคอนเซปต์ของเบอร์เกอร์ว่าจะต้องใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ ปรุงได้รวดเร็ว อร่อย และ ราคาเหมาะสม

BURGER HEAVEN BURGER ซิคเนเจอร์เบอร์เกอร์ของทางร้านที่ประกอบไปด้วย คาราเมลหอมแดง ซอสโฮมเมดสูตรพิเศษ อเมริกันชีส มะเขือเทศ ผักกาด เสิร์ฟคู่กับ เฟรนช์ฟรายและ Cole Slaw แนะนำให้สั่งเบคอนเพิ่มเข้าไป อร่อยสุดๆไปเลยคะ

การันตีความเป็นอมตะของร้านนี้โดย Truman Capote’s ในหนังสือเรื่อง Breakfast at Tiffany’s ด้วยคะ

Praew.com : Celeb Story


21 CLUB

ร้านอาหารสไตล์อเมริกันสุดหรู ที่ถือเป็น First Haute Burger ร้านนี้ก็มีความเป็นมายาวนานเช่นกัน
เมื่อก่อนการจะมากินร้านนี้ได้จะต้องแต่งตัวตาม Dress Code ผู้ชายต้องผูกไทด์ แต่ตอนนี้เป็น Optional แล้วคะ แต่ถ้าใส่ Jean,Sneaker มา เข้าไม่ได้นะคะ

Praew.com : Celeb Story


‘21’ Burger เป็นเบอร์เกอร์จานเด็ดของที่นี่ ใช้บันแบบพิเศษ คือ challah bun เข้ากันได้ดีกับเนื้อนุ่มๆ เครื่องแน่นๆ ของที่นี่คะ

Praew.com : Celeb Story


GUST ORGANIC

สำหรับคนรักสุขภาพ ก็มีเบอร์เกอร์จากร้านอาหารออแกนิคส์คะ แนะนำ Mole Jalapeno Burger ที่ใช้บันที่ทำมาจากธัญพืช ประกบด้วยเนื้อที่ย่างแบบพอดี อโวคาโด้ ผักกาด มะเขือเทศ หัวหอม ราดด้วย Mole sauce และ Jalapeno Chesse อร่อยแบบสุขภาพดีคะ



Praew.com : Celeb Story

BAR GOGI

ร้านไก่ทอดเกาหลี ที่มิกซ์เอาไก่ทอดมาใส่ในเบอร์เกอร์ เมนู Korean Fried Chicken Burger ที่นี่ อร่อยมากคะ เอาไก่ทอดเกาหลี หอมแดง ผักกาด มาประกบด้วยบันนิ่มๆ กินคู่กับกิมจิ ได้ฟิวอาหารฟิวชั่นเผ็ดนิดๆ


EL TORO MEXICAN GRILLED

ร้านอาหารแมกซิกัน ที่มี Cinco De Mayo Burger เป็นตัวเด็ดของร้าน ประกอบด้วย เนื้อย่างหนานุ่ม
แมกซิกันชีส,Guacamole,ท๊อปด้วยChipotle Mayo แล้วประกบด้วย Brioche Bun ที่หนานุ่มอีกชั้น อร่อยแบบแมกซิกันสไตล์คะ

Praew.com : Celeb Story

Praew.com : Celeb Story


JG MELON

ร้านเบอร์เกอร์อเมริกันสไตล์ที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 1972 และยังคงขายดีต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ตกแต่งสไตล์old school preppies ให้ความรู้สึกย้อนยุคนิดๆ เมนูที่ขายดีที่สุดคงหนีไม่พ้นชีสเบอร์เกอร์ แต่เบคอนเบเกอร์ก็อร่อยไม่แพ้กันนะคะ
ใช้เนื้อวัวมาทำเบอร์เกอร์ขายถึง 300 pounds ต่อวัน เป็นร้านที่ขายเบอร์เกอร์เป็นหลัก

นักชิมจากนิวยอร์กไทม์บอกว่า ใครที่จะมาเบอร์เกอร์ทัวร์ในนิวยอร์ก ถ้ายังไม่มาลองที่ JG MELON ก็เหมือนยังมาไม่ถึง

เป็นไงกันบ้างคะ กับเมนูแฮมเบอร์เกอร์ในนิวยอร์ก ชาวแพรวดอทคอม ถ้าใครได้มีโอกาสแวะมานิวยอร์กต้องมาลองชิมดูนะคะ

หรือใครมีไอเดียดีๆ อาจจะลองทำแฮมเบอร์เกอร์ฟิวชั่นสไตล์ไทยๆ ดู ก็น่าอร่อยดีค่ะ

blog โดย ป่าน ณิชาภัทร.

ฟูโตมากิ

ฟูโต (Futo) มีความหมายสื่อถึงใหญ่หรือหนา ฟูโตมากิจึงเป็นซูชิที่มีขนาดชิ้นที่ใหญ่ด้วยไส้ที่หลากหลายถึงเจ็ดชนิด ซึ่งตัวเลขเจ็ดนั้นเป็นตัวเลขมงคลของคนญี่ปุ่นเนื่องจากเทพของญี่ปุ่นมี7 องค์ด้วยกันตัวไส้ก็จะแตกต่างกันไปตามสูตรถ้าหาส่วนประกอบใดไม่ได้สามารถทดแทนด้วยส่วนประกอบอื่นๆตามที่ต้องการได้ไม่ว่ากัน

ฟูโต (Futo) มีความหมายสื่อถึงใหญ่หรือหนา ฟูโตมากิจึงเป็นซูชิที่มีขนาดชิ้นที่ใหญ่ด้วยไส้ที่หลากหลายถึงเจ็ดชนิด ซึ่งตัวเลขเจ็ดนั้นเป็นตัวเลขมงคลของคนญี่ปุ่นเนื่องจากเทพของญี่ปุ่นมี7 องค์ด้วยกันตัวไส้ก็จะแตกต่างกันไปตามสูตรถ้าหาส่วนประกอบใดไม่ได้สามารถทดแทนด้วยส่วนประกอบอื่นๆตามที่ต้องการได้ไม่ว่ากัน

ข้าวซูชิ
ข้าวญี่ปุ่น 250 กรัม
น้ำส้มสายชูข้าว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือ

keyboard_arrow_up