วิตามินบีรวม

วิตามินบีรวมช่วยลดอาการชา ตัวช่วยบำรุงระบบประสาท

account_circle
วิตามินบีรวม
วิตามินบีรวม

อาการเหนื่อยล้า แขนขาชาโดยไม่มีสาเหตุ นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าร่างกายกำลังขาดสารอาหารสำคัญที่จำเป็นต่อการทำงานของระบบประสาทและการสร้างพลังงานของร่างกาย ตัวอย่างเช่น “วิตามินบีรวม” ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนอาหารให้เป็นพลังงานและช่วยบำรุงระบบประสาท การขาดวิตามินบีชนิดต่าง ๆ สามารถส่งผลให้เกิดอาการอ่อนล้า ชา และความผิดปกติของระบบประสาทได้ 

เราลองมาทำความรู้จักเพิ่มเติมกันว่าวิตามินบีรวมมีอะไรบ้าง และวิตามินบีรวมช่วยอะไร พร้อมแนะนำวิธีการทานว่าควรทานตอนไหนเหมาะที่สุด เพื่อประสิทธิภาพการทำงานของวิตามินได้อย่างเต็มที่ 

วิตามินบีรวมคืออะไร

ประโยชน์ของวิตามินบีรวม

วิตามินบีรวม (Vitamin B Complex) คือการรวมเอาวิตามินบีหลายชนิดเข้าด้วยกัน ซึ่งแต่ละชนิดจะมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมทำงานของร่างกายที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งวิตามินแต่ละชนิดมีประโยชน์ต่างกัน ดังนี้

  • วิตามินบี 1 (Thiamine)

วิตามินบี 1 มีประโยชน์ช่วยในการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต บำรุงระบบประสาทและกล้ามเนื้อหัวใจ ป้องกันโรคเหน็บชา

  • วิตามินบี 2 (Riboflavin)

วิตามินบี 2 มีประโยชน์ช่วยในการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง บำรุงผิวพรรณ และดวงตา รักษาสมดุลของฮอร์โมน

  • วิตามินบี 3 (Niacin)

วิตามินบี 3 มีประโยชน์ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล บำรุงระบบประสาท และช่วยในการเผาผลาญไขมัน

  • วิตามินบี 5 (Pantothenic acid)

วิตามินบี 5 มีประโยชน์ช่วยในการสร้างฮอร์โมน คอเลสเตอรอล และไขมัน ลดความเครียด และบำรุงผิวหนัง

  • วิตามินบี 6 (Pyridoxine)

วิตามินบี 6 มีประโยชน์ช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง การทำงานของสมอง และระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

  • วิตามินบี 7 (Biotin)

วิตามินบี 7 มีประโยชน์ช่วยบำรุงผิวพรรณ เล็บ และเส้นผม ช่วยในการเผาผลาญไขมันและโปรตีน

  • วิตามินบี 9 (Folic acid)

วิตามินบี 9 มีประโยชน์จำเป็นสำหรับการสร้างดีเอ็นเอ และอาร์เอ็นเอ ป้องกันความผิดปกติของทารกในครรภ์

  • วิตามินบี 12 (Cobalamin)

วิตามินบี 12 มีประโยชน์ช่วยในการสร้างเซลล์ประสาท สร้างเม็ดเลือดแดง และช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง

ข้อดีของวิตามินบีรวม มีอะไรบ้าง?

วิตามินบีรวมเป็นกลุ่มวิตามินที่มีบทบาทสำคัญในการรักษาและป้องกันโรคหลายชนิด แล้วข้อดีของวิตามินบีรวมช่วยเรื่องอะไรบ้าง? 

เริ่มตั้งแต่การรักษาโรคเหน็บชาที่เกิดจากการขาดวิตามินบี 1 โรคปากนกกระจอกจากการขาดวิตามินบี 2 และโรคPellagra หรือโรคเพลแลกราที่เกิดจากการขาดวิตามินบี 3 นอกจากนี้ยังช่วยรักษาโรคโลหิตจางที่เกิดจากการขาดวิตามินบี 9 และบี 12 รวมถึงบรรเทาอาการผิดปกติทางระบบประสาทเช่น อาการชา หรืออาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ วิตามินบีรวมยังมีส่วนช่วยในการรักษาโรคผิวหนังบางชนิด ปัญหาการนอนไม่หลับ ภาวะซึมเศร้า และความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร ในผู้สูงอายุ นอกจากนี้วิตามินบีรวมยังช่วยชะลอความเสื่อมของระบบประสาทและสมอง ลดความเสี่ยงของโรคสมองเสื่อมและอัลไซเมอร์ได้อีกด้วย

วิตามินบีรวมกินตอนไหนดี?

ช่วงเวลาในการรับประทานวิตามินบีรวมก็มีผลต่อประสิทธิภาพการดูดซึมและการนำไปใช้ของร่างกาย แล้ววิตามินบีรวมกินตอนไหนดีที่สุด? 

ช่วงเวลาที่เหมาะกับการกินวิตามินบีรวมจะเป็นช่วงเช้าหรือเที่ยง เพราะวิตามินบีจะช่วยในการเผาผลาญอาหารเป็นพลังงาน การรับประทานในช่วงเช้าจะช่วยให้ร่างกายมีพลังงานและความกระปรี้กระเปร่าตลอดวัน 

นอกจากนี้ ควรรับประทานหลังอาหารทันทีเพื่อช่วยเพิ่มการดูดซึม และลดอาการระคายเคืองกระเพาะอาหาร โดยทั่วไปแล้ววิตามินบีรวมไม่ควรกินก่อนนอนเพราะวิตามินบีบางชนิดโดยเฉพาะบี 6 และบี 12 อาจมีคุณสมบัติกระตุ้นสมองและระบบประสาท ทำให้นอนหลับยากหรือหลับไม่สนิท อย่างไรก็ตามหากมีความจำเป็นต้องรับประทานก่อนนอน ควรรับประทานอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมงก่อนเข้านอนเพื่อให้ร่างกายได้ดูดซึมและใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่

กินวิตามินบีรวมแล้วปัสสาวะเหลือง ปกติไหม?

หลังกินวิตามินบีรวมแล้วปัสสาวะมีสีเหลืองนั้นเป็นเรื่องปกติและไม่ต้องเป็นกังวลไป ที่ปัสสาวะมีสีเหลืองนั้นเกิดจากวิตามินบี 2 ซึ่งมีสีเหลืองตามธรรมชาติ เมื่อรับประทานเข้าไป ร่างกายจะดูดซึมวิตามินบีในปริมาณที่จำเป็นต่อการใช้งาน 

ส่วนที่เหลือซึ่งเป็นวิตามินที่ละลายในน้ำจะถูกขับออกทางปัสสาวะ ทำให้ปัสสาวะมีสีเหลืองเข้มกว่าปกติ โดยความเข้มของสีจะขึ้นอยู่กับปริมาณวิตามินบีที่กินและระดับการขับของเสียของร่างกาย หากดื่มน้ำมาก ๆ สีปัสสาวะจะจางลง 

การมีปัสสาวะสีเหลืองหลังรับประทานวิตามินบีรวมจึงเป็นเพียงสัญญาณบ่งบอกว่าร่างกายกำลังขับวิตามินส่วนเกินออกมา และแสดงให้เห็นว่าไตทำงานได้ดี ไม่ได้เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความผิดปกติหรืออันตรายใด ๆ

ทานวิตามินบีรวม บำรุงระบบประสาทและสมอง

วิตามินบีรวม VIBEE

วิตามินบีรวมเป็นวิตามินที่มีประโยชน์หลากหลาย ช่วยแก้ปัญหาอาการเหนื่อยล้าและอาการชา ซึ่งแต่ละชนิดจะมีคุณสมบัติเฉพาะเช่น บำรุงระบบประสาท บำรุงผิว และการสร้างเซลล์เม็ดเลือด ช่วยบรรเทาโรคต่าง ๆ เช่น เหน็บชา โลหิตจาง และผิวหนัง โดยควรรับประทานตอนเช้าหรือมื้อเที่ยงพร้อมอาหาร เพื่อให้ร่างกายซึมซับวิตามินได้ดีที่สุด

สำหรับใครที่กำลังมองหาวิตามินบีรวม VIBEE เป็นวิตามินบีรวม ยาบำรุงปลายประสาทที่อุดมไปด้วยวิตามินที่จำเป็นต่อเส้นประสาท เช่น วิตามินบี 1, 6 และ 12 ครบถ้วน ให้อาการชาดีขึ้น แต่ถ้าทานแล้วอาการชาไม่หาย ควรเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายและรักษาตามอาการของโรคต่อไป


เครื่องปั่นพกพาพลังแรง

Ninja Blast™ เครื่องปั่นพกพาพลังแรง ที่พร้อมลุยทุกไลฟ์สไตล์แบบไม่มีสะดุด

Alternative Textaccount_circle
เครื่องปั่นพกพาพลังแรง
เครื่องปั่นพกพาพลังแรง

Ninja (นินจา) แบรนด์เครื่องปั่นอันดับ 1 ในสหรัฐอเมริกาติดต่อกัน 4 ปีซ้อน สร้างปรากฏการณ์ใหม่ในตลาดประเทศไทย ด้วยการเปิดตัว Ninja Blast™  เครื่องปั่นพกพาพลังแรง รุ่นใหม่ล่าสุด ที่รวมพลังและประสิทธิภาพของเครื่องปั่นคุณภาพระดับรางวัลไว้ในรูปแบบไร้สายและพกพาสะดวก

เครื่องปั่น Ninja Blast™ โดดเด่นด้วยดีไซน์ทันสมัย น้ำหนักเบา และใช้งานแบบไร้สาย เหมาะอย่างยิ่งสำหรับไลฟ์สไตล์แอคทีฟ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไป-กลับจากยิม หรือออกทริปริมชายหาดกับเพื่อน ๆ มาพร้อมเทคโนโลยี BlastBlade™ ใบมีดสเตนเลสที่แข็งแรงและทนทาน สามารถปั่นน้ำแข็งและวัตถุดิบแช่แข็งได้อย่างง่ายดาย ให้พลังการปั่นแบบไร้สายที่ดีที่สุดในขนาดความจุ 470 มล. พร้อมการสลายเนื้อสัมผัสที่เหนือกว่าคู่แข่ง

“ด้วย Ninja Blast™ สามารถสร้างสรรค์เมนูเครื่องดื่มได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะเป็นสมูทตี้ผลไม้ มิลค์เชครสเนียนนุ่ม หรือแม้แต่น้ำสลัดรสจัดจ้าน ทุกอย่างเป็นไปได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส”

ดีไซน์ที่ไร้สาย ปราศจากความยุ่งยาก พร้อมฝาปิดกันรั่ว และแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนาน ปั่นได้สูงสุดถึง 10 ครั้งต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง นอกจากนี้ ฐานมอเตอร์ยังสามารถวางพอดีกับช่องวางแก้วในรถยนต์ สะดวกต่อการเดินทาง และเมื่อใช้งานเสร็จ ตัวฝาและภาชนะปั่นที่ปลอดสาร BPA สามารถล้างด้วยเครื่องล้างจาน หรือใช้ระบบล้างตัวเองด้วยการปั่นน้ำและน้ำยาล้างจานเพียง 30 วินาที ก็สะอาดพร้อมใช้ใหม่ ไม่ว่าคุณจะมีวันอันแสนวุ่นวายกับการออกกำลังกาย ประชุมตลอดวัน หรือเล่นกับลูกในสวน Ninja Blast™ คือผู้ช่วยที่ทำให้คุณใช้ชีวิตได้อย่างเต็มสปีด และมีให้เลือกทั้งหมด 4 สี 

พิเศษ! โปรโมชั่นช่วงเปิดตัวทาง Shopee ช้อป Ninja Blast™ ราคาพิเศษจาก 2,790 บาท เหลือเพียง 2,590 บาท เพียงกรอกโค้ด: SHARBLAST เพื่อรับส่วนลด 200 บาททันที และรับส่วนลดเพิ่มอีก 10% สำหรับสินค้าทุกรายการ เพียงใช้โค้ด: SHARK10 ไปช้อปกันได้ที่ https://shopee.co.th/sharkninjathailand

 

ความสูญเสีย

เมื่อหัวใจแตกสลาย จะมูฟออนจาก ความสูญเสีย ได้อย่างไร?

Alternative Textaccount_circle
ความสูญเสีย
ความสูญเสีย

ความสูญเสียไม่ว่ารูปแบบใด ย่อมทิ้งบาดแผลไว้ในใจเสมอ หลายครั้งที่เราจมดิ่งอยู่กับความเศร้าโศกเสียใจ จนรู้สึกราวกับว่าโลกทั้งใบพังทลายลงตรงหน้า การก้าวผ่านช่วงเวลาเหล่านี้ไปได้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจเส้นทางของการเยียวยาจิตใจ เรียนรู้ที่จะอยู่กับความเจ็บปวด และค้นพบหนทางที่จะ “มูฟออน” จากความสูญเสีย เพื่อกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างเข้มแข็งและมีความหวังอีกครั้ง

เมื่อสมองอยู่ในภาวะวิกฤติ ความรู้สึกของคุณจะท่วมท้น ทั้งเหงา ไม่มี ความหมาย ไม่มีความสุข ณ วินาทีนั้นเราอาจจะรู้สึกไม่อยากรับรู้เรื่องใด ๆ อีกต่อไป แต่รู้ไหมว่าร่างกายมีวิธีจัดการกับสิ่งเหล่านี้ได้ แค่ต้องฝืนตัวเองหน่อย 

วิธีเรียบง่ายที่จะทําให้คุณหยุดอยู่ในภาวะสู้หรือหนีคือการหายใจเข้าออกลึกๆ โดยหายใจเข้า 4 วินาที กลั้นไว้ 4 วินาที จากนั้นค่อยหายใจออก 4 วินาที บางครั้งคุณอาจคุมสมองของตัวเองยาก แต่คุณสามารถควบคุมการหายใจ ของตัวเองได้ การบังคับให้ปอดขยายตัวและหดตัวลงอย่างช้า ๆ จะส่งสัญญาณ ที่ช่วยคลายความกังวลไปยังอมิกดาลา ทําให้คุณใจเย็นลง

หรือจะลองวิธีการของสเตฟานี คาซิออปโป นักประสาทวิทยาผู้เชี่ยวชาญ ด้านความรักดูก็ได้ ตอนที่เธอสูญเสียสามี สเตฟานีทนทุกข์มาเป็นปี ๆ เธอบรรยาย สภาพชีวิตตัวเองในหนังสือเรื่อง Weird for Love ไว้ว่า เหมือนคนซังกะตาย เพื่อนคนหนึ่งแนะนําให้เธอออกไปวิ่ง ซึ่งขัดกับสภาพร่างกายและจิตใจในขณะนั้น สุด ๆ เพราะเธอทั้งโทรม อ่อนแอ ไม่อยากยอมรับความจริงว่าสามีจากไป พยายามเลี่ยงการพูดถึง แต่สเตฟานีก็ลุกออกจากบ้าน คว้ารองเท้าออกไปวิ่งในสวนและเมื่อวิ่งได้แค่ครึ่งทางเธอก็หอบและเหงื่อตก

วันถัดมาแม้ร่างกายจะเจ็บปวดขนาดไหน เธอก็ออกวิ่งอีกครั้ง เธอวิ่งทุกวัน ตามที่เพื่อนบอกและวิ่งติดต่อกันเป็นระยะเวลาหนึ่งปี จนทําให้ค้นพบข้อดีของ ฮอร์โมนนักวิ่ง เพราะเมื่อเราได้ขยับร่างกาย เอนดอร์ฟิน โดพามีน และโซโรโทนินจะแผ่ซ่านไปทั่วสมองและร่างกาย ช่วยบรรเทาความเศร้าได้ ขณะเดียวกันเธอเปลี่ยนวิธีการรับข้อมูลข่าวสารให้สมอง เช่น อ่านเรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจให้ชีวิต เพื่อให้โฟกัสกับเรื่องดี ๆ ปรับการกินให้ดีกับสุขภาพมากขึ้น วิธีการทั้งหมดนี้ ช่วยชีวิตเธอ สรุปแล้วมนุษย์เราสามารถรอดได้จากกลไกธรรมชาติในร่างกาย และอีกวิธีที่ได้ผลกับเธอมากคือการกรีดออกมา

สเตฟานีเล่าว่า หลังจากสามีเสียไปพักหนึ่ง เพื่อนเซอร์ไพรส์ด้วยการพาเธอ ไปกระโดดร่ม ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอกลัวเป็นอันดับต้น ๆ แต่ครูฝึกสั่งให้เธอกรีดร้อง การกรี้ดจะช่วยเลี่ยงภาวะพร่องออกซิเจน (คลื่นไส้ อาเจียน หายใจลําบาก) ทั้งยังช่วยจัดการกับความกลัว การกรีดร้องช่วยให้สมองยอมรับความเจ็บปวด เหมือนเวลาคุณโดนของแหลมบาด เมื่อคุณร้องโอ๊ย จะสังเกตว่าเราอดทนต่อ ความเจ็บได้มากกว่าการนั่งกัดฟันทนเจ็บต่อไป และการกรี๊ดยังช่วยให้คุณมีสมาธิกับเวลานั้นด้วย

สุดท้ายเมื่อสเตฟานีต้องกระโดดร่มลงมา เธอกรี๊ดดังที่สุดในชีวิต และรู้ว่านี่คือ 40 วินาทีที่ดีที่สุดในชีวิตนับจากที่สามีเสียไป เพราะเธอเข้าใจแล้วว่าความกลัว ถูกสังเคราะห์ขึ้นมาในสมองไม่ต่างจากความสุข เราอาจจะคุมมันไม่ได้ เหมือนที่เรา ไม่สามารถห้ามไม่ให้ใครตายได้ แต่เราเปลี่ยนความคิดได้ โดยเฉพาะการกล้ายอมรับ เผชิญหน้ากับความกลัวและการสูญเสีย ถ้าเธออยากนึกถึงสามีก็ต้องยอมรับว่า เขาจากไปแล้ว และเรียนรู้ที่จะเก็บเขาไว้ในจิตใจ

เมื่อเผชิญหน้ากับความกลัวจัง ๆ ที่สุดมนุษย์จะเรียนรู้และยอมรับได้

หญิง-กนกวรรณ

ชีวิตพลิกผัน! หญิง-กนกวรรณ ไม่ยอมแพ้ แม้กระดูกสันหลังหัก

Alternative Textaccount_circle
หญิง-กนกวรรณ
หญิง-กนกวรรณ

ชีวิตพลิกผันแต่ใจไม่ยอมแพ้ หญิง-กนกวรรณ ประสบอุบัติเหตุร้ายแรง กระดูกสันหลังหักทับเส้นประสาท จนแพทย์ชี้อาจเดินไม่ได้ตลอดชีวิต แต่เธอไม่ยอมจำนนต่อโชคชะตา และพร้อมพิสูจน์ให้เห็นว่าความหวังยังมีอยู่เสมอ

จากชีวิตที่กําลังลงตัวทั้งเรื่องงานและความรัก ทุกอย่างกลับดับมืดลง อุบัติเหตุรถชน เป็นเหตุให้กระดูกสันหลังหักทับเส้นประสาทและไขสันหลัง ข้อสรุปทางการแพทย์คือจะเดินไม่ได้และกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง แต่ หญิง-กนกวรรณ นาคนาม ไม่ยอมรับคําตัดสินนั้น

ทริปเปลี่ยนชีวิต

“หลังเรียนจบ (การจัดการการโรงแรมและการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์) หญิงช่วยงานค้าขายของที่บ้านควบคู่กับการดูแลตัวเอง ออก กําลังกายทุกวัน เพราะอยากรักษารูปร่างให้ดูดีไปตลอด จนรุ่นพี่ที่เล่นฟิตเนส ด้วยกันชวนให้เป็นนางแบบถ่ายโปสเตอร์โปรโมตฟิตเนสใหม่ของเขาที่กําลังจะ เปิดตัว ก่อนจะชวนทํางานดูแลสมาชิกแนะนําการใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ แล้วพัฒนา มาเป็นผู้นําคลาสออกกําลังกายตามจังหวะเพลง นอกจากนี้หญิงยังใช้ชีวิตไปกับ การท่องเที่ยวแทบจะทุกเดือน

“ทริปหนึ่งหญิงกับเฟิส – แฟนที่ตอนนั้นคบกันได้ 3 เดือนแพลนเที่ยว จังหวัดน่าน ออกเดินทางจากบ้านที่มหาชัย จังหวัดสมุทรสาครประมาณสี่ทุ่ม เพื่อ ไปถึงน่านตอนเช้าแล้วจะได้เที่ยวเลย เราผลัดกันขับรถคนละครึ่งทาง พอถึงช่วงที่ หญิงได้พักจึงเอนเบาะลงนอน ปกติหญิงคาดเข็มขัดนิรภัยตลอดเวลา แต่ครั้งนี้พอเอนเบาะลงแล้วสายเข็มขัดนิรภัยมาพาดที่คอจึงปลดออก

“ตอนเกิดเรื่องประมาณตี 2 – 3 หญิงไม่รู้สึกตัวเลย จนเฟิลปลุกเรียกว่า รถชน ทราบภายหลังจากเขาว่าด้วยความมืดทําให้รถของเราชนท้ายรถพ่วงที่จอด อยู่ข้างทางแบบเต็ม ๆ ตัวหญิงไถลลงจากเบาะที่นั่งไปอยู่ที่พื้นในสภาพหมอบอยู่ กับเบาะที่นั่ง แฟนถามว่าลุกไหวไหม หญิงบอกว่าขยับขาไม่ได้ คงเพราะหัก หรือมีอะไรทับอยู่

“ตอนที่ตํารวจมาถึง สภาพของหญิงตอนนั้นคือไม่มีเลือดออก ไม่รู้สึกเจ็บ แค่มีอาการหลับ ๆ ตื่น ๆ แต่เฟิสมีแผลตามตัวและปวดท้องมากจนลงไปนอนกับ พื้นถนน เมื่อรถพยาบาลมาถึงจึงพาเขาไปก่อน ส่วนหญิง เจ้าหน้าที่กู้ภัยปรึกษากัน ว่าจะพาออกมาจากรถอย่างไรดี เพราะประตูเปิดไม่ได้ อาจต้องใช้อุปกรณ์ตัด – ถ่าง แต่สุดท้ายใช้วิธีเปิดประตูหลังแล้วเอนเบาะเพื่อสอดบอร์ดที่นอนเข้าไปแล้วพาหญิง ออกมาได้สําเร็จ ใส่ที่บล็อกคอให้เรียบร้อย ต้องขอบคุณพี่ๆ กู้ภัยที่ขนย้ายหญิง ออกมาอย่างดี เพราะส่วนใหญ่ความพิการจะมากขึ้นจากการขนย้ายผู้บาดเจ็บผิดวิธี

หญิง-กนกวรรณ

เผชิญความเจ็บปวด

“ตอนแรกไปโรงพยาบาลเล็ก ๆ ใกล้ที่เกิดเหตุ เมื่ออัลตราซาวนด์บริเวณท้อง ของหญิงพบว่ามีเลือดเต็มเลย อวัยวะภายในน่าจะมีปัญหา ส่วนเฟิสลําไส้ฉีกขาด จากเข็มขัดนิรภัย ซึ่งปกติต้องรัดอยู่ตรงสะโพก แต่เลื่อนขึ้นมารัดท้อง จึงต้อง ผ่าตัดทั้งคู่ โดยย้ายไปโรงพยาบาลอุตรดิตถ์ คุณหมอบอกว่าหญิงต้องผ่าตัดด่วนแต่ต้องมีคนเซ็นรับรอง จึงโทร.หาแม่เพื่อเล่าอาการ ยังบอกแม่ว่าไม่เป็นอะไรมาก ไม่ต้องเป็นห่วงนะสรุปเหตุเลือดออกในช่องท้องของหญิงคือตับกับม้ามฉีกขาด ตอนที่แม่ กับพ่อซึ่งรีบขับรถมาจากบ้านที่มหาชัยเห็นสภาพหญิงคงใจเสีย เพราะนอกจากดามคอยังมีสายระโยงระยางเต็มไปหมด ต้องให้สายออกซิเจนด้วย เพราะโดนเจาะปอดข้างหนึ่ง เนื่องจากซี่โครงหักทิ่มปอด

“ข่าวร้ายคือผลการตรวจเอ็มอาร์ไอพบว่ากระดูกสันหลัง T6 และ T7 หัก แล้วทับเส้นประสาทกับไขสันหลัง เรียกว่าเสียหายแบบ Complete คือไขสันหลัง บาดเจ็บทั้งหมด หมอให้นอนนิ่ง ๆ บนเตียงประมาณ 14 – 15 วันเพื่อให้แผลผ่าตัด ที่ท้องสมานกันดีประมาณหนึ่งก่อนที่จะผ่าตัดกระดูกสันหลังเพื่อดามเหล็ก ซึ่ง หลังจากนั้นต้องนอนคว่ําหน้า ถ้าแผลที่ท้องยังไม่หายดีอาจปริได้ “ตอนผ่าตัดกระดูกสันหลังใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง พอรู้สึกตัวหญิงรู้สึก ปวดมากจนต้องให้มอร์ฟีนทุก 4 ชั่วโมง แต่ยังไม่ถึง 4 ชั่วโมงก็ปวดจนร้องไห้แล้ว ตอนนั้นหญิงอยู่ห้องไอซียู ต้องใส่ท่อช่วยหายใจทางปาก เวลาสื่อสารใช้วิธีเขียน ลงกระดาษ ทรมานจนเขียนบอกพ่อกับแม่ว่า “หนูไม่อยากอยู่แล้ว” คืออยาก ออกไปจากความเจ็บปวดนั้น เรียกว่าต้องอาศัยมอร์ฟีนเป็นเดือนก่อนจะค่อย ๆ เปลี่ยนมาเป็นยาแก้ปวด ซึ่งค่าผ่าตัดและค่ารักษาพยาบาลจากทั้งสองโรงพยาบาล หญิงใช้สิทธิเบิกประกัน พ.ร.บ.รถยนต์

“ตอนนั้นพ่อแม่มาเช่าอพาร์ตเมนต์แถวโรงพยาบาล ส่วนเฟิลขับรถมาเยี่ยม ทุกเสาร์ – อาทิตย์ ทําให้หญิงรู้สึกว่าตัวเองเป็นภาระที่ทําให้ทุกคนลําบาก ขนาดหญิง เคยไล่เฟิสว่าอย่ามาจมอยู่อย่างนี้เลย ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ไม่อยากเป็น ตัวถ่วงในชีวิตเขา เฟสบอกว่าเหตุผลเดียวที่ทําให้เราเลิกกันคือหญิงไม่รักเขาแล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาช่วยเหลือทุกอย่าง ตั้งแต่เช็ดตัว ดูแลเรื่องขับถ่าย แม้แต่ เวลามีประจําเดือนเขาก็ดูแลทําความสะอาดให้โดยไม่รังเกียจ

“หญิงพยายามถามหมอว่าความเสียหายที่หลังและเส้นประสาทประมาณไหนแต่ไม่ได้คําตอบ เมื่อร่างกายเริ่มฟื้นตัวจึงเสิร์ชหาข้อมูล พบว่าการที่กระดูกสันหลัง หักอาจทําให้เป็นอัมพาตหรือพิการตลอดชีวิต หรืออาจเป็นภาวะ Spinal Shock ไขสันหลังสูญเสียการทํางานชั่วคราว แล้วจะกลับมาเดินได้ หรือถ้าแย่สุดก็ใช้ไม้เท้า ตอนนั้นรุ่นพี่ของเฟิสที่เรียนด้านกายภาพแนะนําให้ไปที่สถาบันสิรินธร เพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ เพราะมีอุปกรณ์ด้านกายภาพครบวงจรที่สุด ในประเทศ จึงตั้งใจว่าต้องดูแลร่างกายให้แข็งแรงเพื่อที่จะไปแอดมิตที่สถาบันสิรินธรฯให้ได้

“มาทราบภายหลังว่าคุณหมอด้านกระดูกบอกพ่อแม่ว่าต่อให้พาหญิงไป รักษาที่ต่างประเทศก็ไม่สามารถเดินได้อีก ต้องพิการตลอดชีวิต แล้วอาการต่าง ๆ จะตามมา ไม่ว่าจะซึมเศร้า แล้วอาจจะคิดสั้นฆ่าตัวตายได้ เพราะอายุยังน้อย”

ความจริงที่โหดร้าย

หญิงอยู่โรงพยาบาลอุตรดิตถ์เดือนกว่า ตัดสินใจย้ายไปรักษาต่อที่โรงพยาบาล สมุทรสาครซึ่งอยู่ใกล้บ้าน เพื่อพ่อแม่และเฟิสจะได้สะดวกในการมาเยี่ยมและดูแล “ตอนไปถึงโรงพยาบาล คุณหมออ่านบันทึกประวัติการรักษาแล้วบอกว่า คุณรู้หรือเปล่าว่าจะเดินไม่ได้ตลอดชีวิต” นาทีนั้นถือว่าได้รับรู้อาการตัวเองอย่างเป็น ทางการครั้งแรก แม้จะรู้สึกเหมือนฟ้าถล่มดินทลายไปต่อหน้า เราต้องนอนติดเตียงหรือ นั่งวีลแชร์ก็ยังไม่ได้ เพราะกระดูกสันหลังที่หักอยู่ตําแหน่งสูงจนไม่สามารถ พยุงให้ทรงตัวนั่งได้ แต่ยังมีหวังจากข้อมูลที่อ่านเจอ

“วันนั้นกว่าโรงพยาบาลจะรับแอดมิดก็ประมาณหกโมงเย็น ทําให้ไม่สามารถ หาห้องพิเศษได้ คืนแรกจึงต้องนอนห้องรวมที่วางเตียงค่อนข้างแน่น แม่ต้องนอน เฝ้าที่พื้น ส่วนเตียงข้าง ๆ เป็นสาวพม่าที่ถูกตัดขาไปข้างหนึ่งแล้วทะเลาะกับสามี ทําให้หญิงยิ่งเครียดหนักกว่าเดิมว่าทําไมต้องเจออะไรอย่างนี้ บวกกับรู้สึกว่า ตัวเองเป็นภาระ คิดวนเวียนว่าถ้าตายตั้งแต่ตอนอุบัติเหตุ พ่อแม่จะเสียใจแค่ ครั้งเดียวแล้วจบ แต่พอรุ่งขึ้นได้ย้ายไปห้องพิเศษ สภาพแวดล้อมดีขึ้น มีเพื่อน และญาติมาเยี่ยม ทําให้หญิงรับสภาพได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ สําหรับค่ารักษาพยาบาลที่นี่ หญิงใช้เคลมประกันรถยนต์และ พ.ร.บ.รถยนต์ ส่วนที่ต้องจ่ายเองคือค่าห้องพิเศษ เท่านั้น”

ตั้งหลักสู้

“หญิงเริ่มทํากายภาพด้วยการพลิกตัวซ้ายขวา ยกเวต ตั้งปณิธานว่าจะตั้งใจ ทํากายภาพให้รู้ว่าเราทําเต็มที่ทุกอย่างแล้ว สุดท้ายได้แค่ไหนก็จะยอมรับ ปรากฏว่า อยู่โรงพยาบาลประมาณ 2 สัปดาห์สามารถนั่งวีลแชร์ได้ ถือเป็นการปลดล็อกสิ่งที่ หมอพูดไว้อย่างน้อยเรื่องหนึ่งละ

“จากนั้นย้ายไปทํากายภาพที่โรงพยาบาลวัดเกตุมดีศรีวราราม ด้วยจํานวน ผู้ป่วยไม่มาก ทําให้นักกายภาพและนักกิจกรรมบําบัดมีเวลาให้เราเต็มที่ มีอุปกรณ์ ให้ได้พัฒนาตัวเองเยอะ นักกายภาพที่ดูแลชื่อน้องปอนด์ ให้หญิงนั่งเล่นบอล โยน บอลเพื่อฝึกการทรงตัว แขวนเชือกที่เตียงเพื่อให้แกว่งขา ประกอบกับคุณหมอ ด้านกระดูกแนะนําว่าผ่านไปสักระยะแล้วค่อยฝึกยืนหรือลงน้ําหนักที่เท้า หญิง ทํากายภาพอย่างนั้นประมาณ 6 เดือนเพื่อเตรียมตัวไปแอดมิตที่สถาบันสิรินธรฯ

“ระหว่างนั้นน้องปอนด์บอกว่าเวลานอนให้มองที่เท้าแล้วสั่งให้ขยับ เหมือน สะกดจิตตัวเอง หญิงทําอย่างนั้นทุกวัน แต่ไม่ขยับ จนเริ่มท้อ แล้วจู่ ๆ นิ้วเท้าก็ ขยับ หญิงเริ่มกลับมาเชื่อมั่นว่ามีโอกาสเดินได้ อย่างแย่ที่สุดถ้าต้องใช้ไม้เท้าค้ํายัน สองข้างก็ยอม

“พอได้คิวแอดมิตที่สถาบันสิรินธรฯ หญิงโชคดีได้เจอคุณหมอเจี๊ยบที่อธิบายอาการให้ฟังอย่างละเอียดว่าการบาดเจ็บไขสันหลังมีการประเมินระดับความรุนแรง ตาม ASIA Impaument Scale มีระดับ A B C D E ซึ่ง ASIA A เป็นอัมพาต สมบูรณ์ ไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อหูรูดทวารหนัก ASIA B เป็นอัมพาตเกือบ สมบูรณ์ แต่ยังรับรู้ความรู้สึกในทวารหนักและโดยรอบ แต่ไม่มีการทํางานของ ประสาทสั่งการในส่วนที่เป็นอัมพาต ASIA C ยังมีการทํางานของประสาทสั่งการ ส่วนที่ต่ากว่ารอยโรค มีกําลังกล้ามเนื้อน้อย ASIA D ยังมีการทํางานของประสาท สั่งการส่วนทีต่ากว่ารอยโรค มีกําลังกล้ามเนื้อมากกว่าระติบ C แถ ระดับ ASIA E ประสาทสังงาน ประสาทรับความรู้สึก และการขับถ่ายสามารถกลับฟื้นเป็นปกติ “หญิงอยู่ที่ระดับ B คุณหมอถามว่าเป้าหมายของการแอดมิตครั้งนี้คืออะไร หญิงตอบว่าอยากดูแลตัวเองให้มากที่สุด แต่ความจริงหญิงอยากมาฝึกเดินที่สถาบัน ที่ไม่กล้าบอกตามตรงเพราะกลัวว่าคุณหมอจะไม่รับแอดมิด คือข้อมูลจากรุ่นพี่ๆ ที่เคยแอดมิตบอกว่าถ้าเป้าหมายของเราเกินตัว ทางสถาบันอาจไม่รับ

“การแอดมิตครั้งแรก ช่วงเช้าฝึกด้านกายภาพ แรก ๆ ให้หญิงยกดัมบ์เบล อย่างเดียวเลย เพื่อให้แขนแข็งแรง เพราะต้องใช้กําลังแขนแทนขา ช่วงบ่ายฝึก นั่งวีลแชร์ ก่อนจะได้ยินเฟรมที่เป็นเครื่องช่วยดันสะโพกให้ยืนได้ ฝึกยืนทุกวัน ประมาณ 20 นาที พอจบหนึ่งเดือนเขาให้กลับบ้านไปพักประมาณ 2 สัปดาห์แล้ว ค่อยกลับมาแอดมิตใหม่ เพราะเห็นว่าหญิงสามารถพัฒนาได้ดี ระหว่างที่กลับบ้าน ก็ไปฝึกกายภาพต่อที่โรงพยาบาลวัดเกตุมดีศรีวราราม แล้วลองฝึกยื่นด้วยตัวเอง ปรากฏว่า นได้ ดีใจมากพอกลับไปที่สถาบันสิรินธรฯอีกครั้งก็ให้นักกายภาพดูคลิปว่าหญิงยืนได้แล้ว เขาจึงให้ฝึกยืนเลย พอกลับไปโรงพยาบาลเกตุมดีศรีวรารามก็ได้ลองเดิน พอหญิง สามารถยกขาก้าวได้จึงเริ่มก้าวเดินกับบาร์

“ตอนกลับมาสถาบันสิรินธราอีกรอบก็อัพเดตเขาว่าหญิงเริ่มฝึกเดินแล้วนะจึงได้ฝึกเดินด้วยการจับบาร์และวอล์กเกอร์ พยายามจะเดินด้วยไม้เท้า แต่ ไม่สามารถ เพราะอย่างที่บอกว่ากระดูกสันหลังข้อที่หักอยู่สูง ทําให้สะโพกไม่มีแรง พอที่จะพยุงตัวเดินได้ขนาดนั้น สรุปแล้วหญิงไปแอดมิดที่สถาบันสิรินธราประมาณ 7-8 ครั้ง เป็นคนไข้ไม่กี่คนที่สามารถแอดมิตได้เยอะขนาดนั้น ปกติให้แค่ 3 – 4 ครั้ง เพราะส่วนมากฝึกจนถึงจุดสูงสุดของร่างกายแล้วไม่สามารถฟื้นฟูต่อได้ “หลังจบการรักษาที่สถาบันสิรินธราแล้ว หญิงยังคงทํากายภาพที่โรงพยาบาล วัดเกตุมดีศรีวรารามอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ทําได้แค่เดินวอล์กเกอร์ประมาณ 30 – 40 เมตร น้องปาน นักกายภาพที่สถาบันสิรินธรฯเตือนสติว่า ท่ากายภาพก็ดี แต่อย่าลืม ใช้ชีวิตนะ” หญิงจึงเริ่มออกจากบ้านไปเที่ยวตามห้างสรรพสินค้าบ้าง แรก ๆ ไม่กล้า มองใคร จากที่เคยมั่นใจในตัวเองมาก ๆ กลายเป็นคิดวนเวียนว่าคนอื่นจะมองอย่างไร แต่สักพักก็คิดได้ว่าไม่มีใครสนใจหรอก ทําไมเราจะต้องแคร์ขนาดนั้น ควรโฟกัสทีคนใกล้ตัวดีกว่า

“จากนั้นก็เริ่มไปแคมปิ้งและเหี่ยวต่างประเทศ ครั้งแรกไปญี่ปุ่นแบบ 9 วัน 5 เมือง ก่อนไปพยายามดูข้อมูลจากรุ่นพี่ที่นั่งวีลแชร์ว่าเตรียมตัวอย่างไร แต่ไม่ค่อย มีข้อมูล โชคดีว่าจุดเด่นของญี่ปุ่นคือมีห้องน้ําคนพิการทุกที จนวันนี้หญิงไปเที่ยว ญี่ปุ่นมา 3 ครั้งแล้ว ไม่นับเกาหลี จีน ไต้หวัน เวียดนาม (ยิ้ม)

“หญิงเกิดความคิดว่าน่าจะมีคอนเทนต์เพื่อให้คนพิการดูเป็นวิทยาทาน เผื่อใครมาเห็นจะได้มีประโยชน์ จึงทําให้เกิด YouTube, IG และ TikTok : yooyingoopa

ไม่หยุดเรียนรู้ ไม่หมดหวัง 

“หญิงเห็นที่ต่างประเทศใช้หุ่นยนต์ฝึกเดินเสมือนจริง เหมือนที่เราเห็นในหนัง ไซไฟ ทําหน้าที่ช่วยพยุงในการเดินและทํางานทดแทนกําลังกล้ามเนื้อที่อ่อนแรง หรือเป็นอัมพาต ซึ่งที่สถาบันสิรินธรฯมีหุ่นยนต์ฝึกเดินแบบเดินบนลูก หรือลู่วิ่ง (Treadmill Training) โดยมีเครื่องช่วยพยุงน้ําหนักตัวของเรา และมีอุปกรณ์เสริม เป็นขาของหุ่นยนต์ประกบกับขาเรา โดยควบคุมการเคลื่อนไหวด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ให้เราเดินด้วยจังหวะและท่าทางที่ถูกต้องเป็นธรรมชาติ สามารถฝึกซ้ํา ๆ ได้ต่อเนื่อง เพื่อให้ร่างกายเรียนรู้การเคลื่อนไหวที่ถูกต้อง ทําให้สามารถพัฒนารูปแบบการเดินและ เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขา แต่การรักษานี้ไม่ได้อยู่ในสิทธิคนพิการ ถ้าจะใช้ ต้องจ่ายเอง ต่อครั้ง (40 นาที) ประมาณ 2,800 – 3,000 บาท หญิงปรึกษาหมอเจี๊ยบว่า อยากลองสักครั้ง หมอบอกว่าขอหมอพูดตรงๆ นะ คนที่จะใช้หุ่นยนต์ฝึกเดินได้ต้องเป็นระดับ ASIA C ขึ้นไป และต้องฝึกเดินมากกว่า 10-20 ครั้ง จะเห็นผล มากน้อยแล้วแต่เคส ซึ่งหมอมองว่าเกินความจําเป็น จึงต้องพับโครงการในใจไปก่อนจนเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2556 มีคลินิกกายภาพที่น่าเข้าหุ่นยนต์ฝึกเดิน รุ่นใหม่นี้ติดต่อมา เพราะเขาเห็นหญิงจากสื่อโซเชียลว่ารับงานรีวิวสินค้า เขาอยากให้ หญิงรีวิวหุ่นยนต์ฝึกเดินเสมือนจริงรุ่นนี้ โดยให้ทดลองใช้ 5 ครั้ง -วันแรกตื่นเต้นมากที่ได้ลองอะไรใหม่ ๆ แต่สิ่งสําคัญคืออยากหาคอนเทนต์ ให้คนรู้ว่ามีเทคโนโลยีแบบนี้ด้วย เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สามารถพัฒนาตัวเองหรือ ศักยภาพให้มากขึ้นไปอีก

“จากนั้นหญิงได้ลองใช้เพิ่มอีก 10 ครั้ง แล้วหยุดไปตั้งแต่เมษายน ปี 2537 กระทั่งต้นปีนี้มีโอกาสร่วมงานกับทางคลินิกอีก ซึ่งหุ่นยนต์ฝึกเดินเสมือนจริงทําให้ รู้สึกเหมือนกําลังเดินอยู่บนพื้นจริงๆ ช่วยให้เราได้หมุนบิดเอว สะโพก และข้อเข่า มีการเลี้ยงตัวอย่างเป็นธรรมชาติ ยิ่งเราเดินช้า ๆ ก็จะเป็นการสั่งให้สมองและร่างกาย จําว่าแบบนี้คือการเดินที่ถูกต้อง ทําให้หญิงเดินได้ไกลขึ้น ทรงตัวได้ดี และเดิน สวยขึ้น วันนี้หญิงสามารถฝึกยืนกับไม้เท้าค้ํายันด้วยขาของตัวเองได้แล้วค่ะ (ยิ้ม) “ทุกวันนี้หญิงบอกตัวเองว่าการที่เราไม่ตายในวันนั้นอาจเพราะเขาอยากให้เรากลับมาหาประโยชน์ให้ผู้อื่นหรือเปล่า และความพิการนี้ทําให้หญิงเป็นคนดีขึ้น สมัยก่อนใจร้อน โลกหมุนรอบตัวเอง ไม่สนใจว่าใครจะคิดอย่างไร พูดตรงๆ แรง ๆ และไม่ถนอมน้ําใจผู้อื่น แล้วไม่ค่อยอยู่กับพ่อแม่ ชอบออกไปเที่ยวข้างนอก แล้ว วันหนึ่งโลกหมุนเร็ว แต่เราต้องหยุดอยู่บนเตียง จะทําอะไรก็ต้องรอให้คนอื่นมาช่วย แม้กระทั่งจะหยิบน้ํายังทําไม่ได้ ทําให้วันนี้หญิงได้อยู่กับพ่อแม่เยอะขึ้น แล้วรู้ว่าไม่มีใครรักเราเท่ากับพ่อแม่

หญิงอยากทําคอนเทนต์ให้คนอื่นได้เห็นว่าแม้จะพิการ แต่ยังสามารถใช้ชีวิต ได้ ถ้าเราไม่สร้างข้อแม้กับชีวิตเยอะเกินไป เมื่อก่อนเวลาจะไปไหนหญิงต้องเช็คว่ามี ห้องน้ําผู้พิการหรือเปล่า แต่เดี๋ยวนี้คิดว่าช่างเถอะ เดี๋ยวค่อยว่ากัน ไปแก้ปัญหา ที่หน้างาน สุดท้ายก็ไปได้ ชีวิตคนเราสั้นนัก จะตายวันไหนก็ไม่รู้ หญิงเพิ่งเสีย เพื่อนสนิทที่เป็นมะเร็งเต้านม เขาเป็นคนบ้างาน แทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน กว่าจะ ยอมไปเที่ยวบ้างก็ตอนที่รู้ว่าเป็นมะเร็งสองปีก่อนจะเสียชีวิต

ชีวิตไม่แน่นอน มีอะไรเกิดขึ้นต้องไม่ยอมแพ้ เมื่อก่อนหญิงเคยบอกแม่ว่า ถ้าต้องพิการ ให้หมอฉีดยาให้ตายไปเลยนะ เพราะคงรับสภาพไม่ได้ แต่ทุกวันนี้ หญิงยังสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ไม่ได้โลกสวยนะคะ แต่หญิงอยู่กับปัจจุบัน ยอมรับในเหตุการณ์ที่เราไม่สามารถควบคุมได้ เวลาอาจช่วยได้ประมาณหนึ่ง แต่ สุดท้ายอยู่ที่ใจเราจะตั้งรับกับปัญหานั้นอย่างไร แล้วนํามาเป็นบทเรียนให้เรามูฟออนเพื่อตัวเองและคนที่เรารัก

“แม้วันนี้จะยังเดินไม่ได้ แต่ไม่หยุดที่จะหาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ให้ได้ทดลอง หญิง เชื่อในวิวัฒนาการทางการแพทย์ ในอนาคตอาจเจอการรักษาใหม่ ๆ ที่ทําให้กลับมา เดินได้ แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรเพราะตอนนี้หญิงอยู่ได้แล้วค่ะ”

เรื่อง กิดานันท์

ภาพ จีระวุฒิ ศริรจันทร์

‘เขา ไม่ใช่พระเอกของคุณคนเดียว!! ใช่คุณไหม?? ต้องเช็กแล้ว’ ดวงรายสัปดาห์ 9-15 มิถุนายน 2568

Alternative Textaccount_circle

‘เขา ไม่ใช่พระเอกของคุณคนเดียว!!’

ดวงรายสัปดาห์ 9-15 มิถุนายน 2568

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์          

การงาน  : ชาวอาทิตย์เริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ด้วยความแอคทีฟไปโน่นนี่ตลอดเวลา คุณมีโอกาสที่จะได้เข้าไปข้องเกี่ยวกับงานหรือธุรกิจที่เกี่ยวกับการติดต่อประสานงาน งานส่งเสริมการขาย หรืองานบริการต่างๆ ที่ต้องใช้ทักษะและความรู้ตรวจสอบข้อมูลข่าวสารตลอดเวลา หากคุณคาดหวังความสำเร็จอย่างแรงกล้า ก็ควรทำการบ้านให้หนักด้วย เพราะมีความเสี่ยงที่จะเกิดข้อผิดพลาดได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเอกสารทางราชการ หากยังไม่แน่ใจว่าสามารถทำได้ก็อย่าเพิ่งรับปาก เพราะมีโอกาสที่คุณจะผิดคำพูดแล้วจะถูกเปรียบเทียบปรับโดยอัตโนมัติ ทางที่ดีควรหาผู้ร่วมงานที่ไว้ใจได้ หรือปรึกษาผู้รู้ผู้มีประสบการณ์ด้วย

การเงิน  :  จริงๆ คุณมีโอกาสสร้างรายได้ที่มั่นคง ด้วยอำนาจและบารมีของตัวเอง แต่ก็มีโอกาสอีกเช่นกันที่จะหมดเงินไปกับสิ่งของหรูหราฟุ่มเฟือย เข้าสังคมเลี้ยงเพื่อนฝูง สัปดาห์นี้ห้ามค้ำประกันหรือให้กู้ยืมเงินเด็ดขาด เพราะมีความเสี่ยงที่คุณจะต้องรับผิดชอบแทน

ความรัก  :  เวลารักก็รักมาก แต่หากเบื่อก็อย่ามาให้เห็นหน้าเลยทีเดียว แต่ก็ยังนับว่าโชคดีที่สัปดาห์นี้มีโอกาสที่คุณจะได้ทำงานด้วยกัน แล้วคู่ครองก็เป็นฝ่ายสนับสนุนหน้าที่การงานคุณได้ดีด้วยสิ เพราะฉะนั้นจะเบื่อกันไปทำไม  คนโสด  มีโอกาสที่คุณจะได้พบกับเด็กรุ่นน้องที่ทำงานด้วยกัน ซึ่งคิดว่าคุณน่าจะจริงจังด้วยล่ะ เพราะเขาเป็นเด็กดีมีอนาคต  

สุขภาพ  :   จริงๆ คุณรักษาสุขภาพมาได้ดีเลยล่ะ แต่ก็อย่าประมาท พวกฝุ่นละอองในบ้าน ฝุ่น PM2.5 ที่จะทำให้คุณมีปัญหาทางระบบหายใจ จามบ่อย นอกจากนั้นยังมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจ หรือโรคที่เกี่ยวกับหัวใจด้วย

ผู้ที่เกิดวันจันทร์

การงาน  :  ชาวจันทร์เริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ด้วยความแอคทีฟ กระตือรือร้น  มีโอกาสที่ผู้ใหญ่หรือผู้มีบุญบารมีจะดึงคุณเข้าไปทำงานหรือดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวกับการติดต่อประสานงาน ประสานงาน งานส่งเสริมการขาย หรืองานบริการต่างๆ ที่ต้องใช้ทักษะและความรู้ตรวจสอบข้อมูลข่าวสาร เช่น การเงิน การธนาคาร การประกัน การบัญชี ซึ่งคุณก็ตั้งอกตั้งใจทำงานสมกับที่ผู้ใหญ่เชื่อใจอย่างมาก แต่ก็ต้องระวังก่อนที่คุณจะลงนามที่เกี่ยวข้องกับข้อตกลงหรือผลประโยชน์ ควรคิดอ่านให้รอบคอบ เพราะมีโอกาสผิดพลาด รวมถึงถูกคดโกงได้อย่างไม่น่าเกิดขึ้น

การเงิน  :  มีโอกาสที่ผู้ใหญ่จะให้ความช่วยเหลือ แต่ก็มีโอกาสที่จะหมดไปกับความหรูหราฟุ่มเฟือย แต่ก็อย่าลืมแบ่งไปทำบุญด้วยนะ

ความรัก  :  รักล่ะ ดูออก แต่สัปดาห์นี้ดูเหมือนคุณจะให้ความสำคัญและเวลากับผู้ใหญ่และการทำงานมากกว่าเรื่องอื่น ส่วนครอบครัวก็ดูแลกันไปก่อนนะ คนโสด  ก็เช่นกัน รักใครรักเลย แต่สำหรับสัปดาห์นี้ขอรักงานกับผู้ใหญ่ก่อนนะ เพราะท่านตามจี้อยู่

สุขภาพ  :   ปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจและภูมิแพ้ เด่นมากเลย จึงควรระวังเรื่องฝุ่นละอองในบ้าน และฝุ่น PM 2.5 นอกจากนั้นปัญหาทางด้านระบบย่อยอาหาร โรคกระเพาะ ลำไส้ จะมีอาการปวดเสียดท้อง

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน   สัปดาห์ใหม่ของชาวอังคารจะว่าดีก็ดี จะว่าอยู่ไม่สุขก็ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจทางด้านงานช่างทุกประเภท รวมถึงทางด้านมวลชน เช่น นักการเมือง นักวิทยาศาสตร์ นักประดิษฐ์ คิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม คุณมีโอกาสได้รับการสนับสนุนส่งเสริมจากผู้ใหญ่ให้ได้ทำในสิ่งที่ต้องการ แต่อย่างที่โบราณว่าไว้คือ ทำดี แต่อย่าเด่นจะเป็นภัย เพราะมีโอกาสที่คุณจะเกิดความอึดอัดคับข้องใจจนไม่อยากทำงานต่อ อยากลาออกวันละหลายๆ รอบเลย

การเงิน  :  สัปดาห์นี้เป็นไปได้ว่าคุณจะได้ทำงานเพื่อสังคมเสียเยอะ รายได้จึงหดหายไปจากเดิม คาดว่าคุณจะได้กลับมาจากผู้ใหญ่ แต่ก็ยังไม่พอกับรายจ่ายประจำวัน จนมีโอกาสร้อนเงิน ต้องหยิบยืมคนอื่น

ความรัก  :  หากคุณเป็นคู่ครองที่พยายามสร้างตำนานรักให้โลกจดจำแล้วล่ะก็ สัปดาห์นี้มีโอกาสที่คุณจะเอาแต่ใจตัวเองมากถึงมากที่สุด ก็ระวังคนข้างเคียงคุณจะเบื่อ จนเขาเริ่มมีพฤติกรรมที่ไม่เหมือนเดิมนะ คนโสด  เช่นกัน หากคุณกำลังพยายามจะสร้างตำนานรักให้โลกจดจำแล้วล่ะก็ อาจเหนื่อยเปล่า เพราะเขาไม่ใช่พระเอกของคุณคนเดียว

สุขภาพ  :   ออฟฟิศซินโดรมมาเยือนแล้ว หากต้องนั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ หรือมือถือนานๆ ก็ต้องระวังเส้นยืด ปวดไปหมดทั้งร่าง ก็ควรลุกขึ้นเปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ หรือไปหาหมอแพทย์แผนปัจจุบัน หรือแผนไทย ให้หมอนวดคลายเส้น บรรเทาอาการปวดเมื่อย   

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน  :   สัปดาห์ใหม่ของชาวพุธมีเทพพระพุธสถิต ซึ่งเป็นเทพประจำวันของคุณสถิตอยู่กับคุณ ส่งผลให้คุณเด่นทางด้านการเจรจาติดต่อประสานงานทั้งหลาย โฆษณา-ประชาสัมพันธ์  สื่อมวลชน สื่อสารองค์กร นอกจากนั้นคุณยังมีเทพพระจันทร์อยู่ด้วย นั่นหมายถึงคุณจะมีความคิดสร้างสรรค์เป็นยอด นับเป็นนิมิตรหมายที่ดีที่คุณจะประสบความสำเร็จในการทำงานหรือธุรกิจ ได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง

การเงิน  :  ก็ยังมีโอกาสได้เงินจากที่คุณสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับตัวเอง รวมถึงยังมีโอกาสได้รับลาภลอยด้วย แต่ก็อย่าใจอ่อนเด็ดขาด เพราะมีคนพร้อมจะดูดเงินคุณอยู่รอบตัว

ความรัก  :  เด่นมากเลยเรื่องจิตใจที่หวั่นไหว ไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้เด็ดขาด แม้ภายนอกคุณจะดูเข้มแข็ง เอาจริงเอาจังก็ตาม คนโสด  อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจรับรักใครโดยที่คุณยังรู้สึกไม่แน่ใจจริงๆ และอายุยังไม่ถึง 30 เพราะดวงแต่งงานยังไม่มา

สุขภาพ   :   ต้องระวังเรื่องกรวยไตและกระเพาะปัสสาวะ เพราะคาดว่าจะอั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือไม่ก็อั้นไว้มากจนเกิดอาการผิดปกติ นอกจากนั้นยังต้องระวังสุขภาพฟันด้วย

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี

การงาน  :  ชาวพฤหัสเริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ด้วยการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นการประมูล ประกวด หรือสอบแข่งขัน สอบเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งใดๆ ก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นผู้นำทีม หรือผู้นำโครงการด้วยแล้ว คุณจะปรารถนาที่จะประสบความสำเร็จอย่างแรงกล้า จนสามารถทำได้ทุกสิ่งโดยไม่คิดถึงความถูกต้องชอบธรรม แล้วคุณก็ทำได้เสียด้วยสิ เพราะมีดวงที่คุณจะได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง หรือได้เริ่มต้นงานใหม่ๆ แต่ก็ควรเปิดใจรับฟังความคิดเห็นของผู้ร่วมทีมด้วย ไม่เช่นนั้นแม้จะประสบความสำเร็จ แต่ก็ไร้ซึ่งความสามัคคี ยากที่ดำเนินงานไปด้วยกันได้อย่างราบรื่น  

การเงิน  :  มีโอกาสที่ได้เงินรางวัลตอบแทนจากการทำงาน นอกจากนั้นคุณก็ยังมีไหวพริบหาเงินได้ทุกรูปแบบ  แต่ก็ต้องระวังความใจอ่อนและความรับผิดชอบ ที่หามาได้เท่าไหร่คุณก็ให้คนอื่นหมด  

ความรัก  :  สัปดาห์นี้ชาวพฤหัสคาดว่าจะโดดเด่นด้วยตำแหน่งทางหน้าที่การงาน และก็ด้วยเสน่ห์ส่วนตัว ก็ต้องระวังคู่ครองที่จะเข้าใจผิด ซึ่งคุณก็ไม่ยอมลงให้ด้วย จึงมีโอกาสโต้เถียงกันอย่างรุนแรง  คนโสด  เสน่ห์ก็ยังมาเต็มๆ ด้วยบุคลิกและความรักสวยรักงามเป็นพิเศษ แล้วหากคุณเล็งใครไว้ก็ไม่พลาดเสียด้วย

สุขภาพ   :   ไม่ควรโหมงานหนัก เพราะมีความเสี่ยงที่จะล้มหมอนนอนเสื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภูมิแพ้สิ่งภายนอก เช่น สารเคมีที่มีพิษ หรือมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ต้องระวังให้มาก

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน  :   สำหรับชาวศุกร์ก็ยังมีโอกาสได้เริ่มต้นงานหรือธุรกิจใหม่ๆ อยู่นะคะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ต้องใช้ความสามารถทางวาทศิลป์ในการติดต่อประสานงาน โฆษณา-ประชาสัมพันธ์ สื่อมวลชน งานส่งเสริมการขายด้วยแล้ว สัปดาห์นี้เป็นไปได้ว่าคุณจะมีทั้งความท้าทายกับความนิ่งสงบอยู่ด้วยกัน เช่น แม้คุณจะได้ทำงานที่ท้าทาย มีการแข่งขันและผลตอบแทนสูง แต่คุณก็ยังมีธรรมาภิบาลสูง ทำงานแบบมีศีลมีธรรมด้วย

การเงิน  : สัปดาห์นี้ค่อนข้างมี 2 ภาคในตัวเอง ทั้งสมถะ แต่อีกใจก็ยังใช้ไหวพริบสร้างรายได้ให้กับตัวเองตลอดๆ แต่อย่างไรก็ตามความใจดีใจอ่อนก็อยู่กับคุณเต็มๆ ระวังจะเดือดร้อนจากความใจอ่อนของตัวเอง

ความรัก :   ก็เช่นกัน เหมือนมี 2 ร่างอยู่ในคนๆ เดียว เพราะอยู่กับคู่ครองคุณก็อยู่แบบปลง แต่พอไปข้างนอกคุณกลับตื่นเต้นที่ได้พบปะกับสังคมภายนอกอย่างน่าแปลกใจ คนโสด  ก็ยังมีโอกาสได้พบคนถูกใจ เพราะสัปดาห์นี้มีเสน่ห์ ใครเห็นก็อดสนใจไม่ได้ ซึ่งคุณก็พร้อมจะเปิดรับมิตรภาพใหม่ๆ อยู่แล้ว

สุขภาพ  :  ต้องระวังวัยทองจะมาเยือน พวกกระดูกพรุน ฟันผุ รวมถึงปัญหาที่มาจากภูมิแพ้สิ่งต่างๆ ภายนอก เช่น แพ้สารพิษ หรือแพ้สารเคมีที่มีส่วนประกอบของแอลกอฮอลล์ เป็นต้น

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน  :  สำหรับชาวเสาร์เริ่มต้นสัปดาห์ใหม่จะว่าโล่งก็ไม่ใช่ จะว่าเหนื่อยก็ไม่เชิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจที่ต้องใช้วาทศิลป์ในการติดต่อประสานงาน โฆษณา-ประชาสัมพันธ์ สื่อมวลชน สื่อสารองค์กร งานส่งเสริมการขาย ฯลฯ คุณมีโอกาสดีที่จะได้เริ่มต้นทำสิ่งใหม่ๆ ที่ท้าทายและแข่งขันสูง แต่ก็ได้ผลตอบแทนดีกว่าที่ทำอยู่ เป็นไปได้ว่าคุณจะมีอีโก้อย่างมากจนไม่สนใจรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นเลย จนที่สุดแล้วมีความเสี่ยงที่จะขัดแย้งกันใหญ่โต จากที่จะสำเร็จกลับกลายเป็นมีปัญหา

การเงิน  :   มีความสามารถที่จะหาเงินได้มากจากไหวพริบของตัวเอง แต่คาดว่าสัปดาห์นี้จะมีรายจ่ายเข้ามาจนคุณชักหน้าไม่ถึงหลัง ดังนั้น ควรเก็บเงินไว้บ้าง

ความรัก  :  เป็นไปได้ว่าสัปดาห์นี้เสน่ห์ของคุณมาจากความสามารถในการทำงาน และตำแหน่งหน้าที่ แต่ขณะที่คนข้างเคียงของคุณกลับไม่รู้สึกแบบนั้น กลับไปชื่นชมยินดีกับคนอื่น จึงทำให้คุณรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจจนอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ง่ายมาก คนโสด  อย่าเพิ่งคลั่งใครง่ายๆ นะคะ เพราะคาดว่าคุณจะตกไปอยู่ในโลกใบที่สองของเขา

สุขภาพ   :   ต้องระวังอาการแพ้จากสิ่งต่างๆ ภายนอก เช่น สารพิษ หรือสารเคมีที่มีส่วนประกอบของแอลกอฮอลล์ เป็นต้น นอกจากนั้นยังต้องระวังโรคประจำตัวที่เคยสงบมานานจะส่งสัญญาณเตือน

เจาะลึกซีรีส์ “GOOD BOY” ผ่านมุมมอง 3 นักแสดง พัคโบกอม-คิมโซฮยอน-อีซังอี

Alternative Textaccount_circle

“GOOD BOY” ซีรีส์เกาหลีที่ผสมผสานความ คอมเมดี้ – แอ็คชั่น – สืบสวน ไว้ด้วยกัน บอกเล่าผ่าน เรื่องราวการรวมตัวกันของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เคยเป็นนักกีฬาเจ้าของเหรียญรางวัล เพื่อโค่นอำนาจที่อยู่เบื้องหลังองค์กรอาชญากรรมขนาดใหญ่ นำทีมโดย ยุนดงจู (พัคโบกอม) อดีตนักมวยเหรียญทอง ถูกลดขั้นหลังจากการมีเรื่องชกต่อยกับเพื่อนร่วมงานที่ทุจริต ในระหว่างสืบสวนคดีชนแล้วหนีที่เพื่อนของเขาเข้าไปพัวพัน เขาได้พบกับเจ้าหน้าที่ ฮันนา (คิมโซฮยอน) และจงฮยอน (อีซังอี) ที่กำลังสืบสวนคดีเดียวกัน ด้วยเหตุนี้ทีมเฉพาะกิจที่ประกอบด้วยอดีตนักกีฬา 5 คนซึ่งปัจจุบันผันตัวมาเป็นตำรวจจึงถูกก่อตั้งขึ้น โดยมีหัวหน้าทีม มันซิก (ฮอซองแท) และแจฮง (แทวอนซอก) เข้าร่วมทีมด้วย การต่อสู้กับอำนาจมืดในเมืองของพวกเขากำลังจะเริ่มต้นขึ้น

เกริ่นมาขนาดนี้แล้ว! แพรว อยากให้ทุกคนได้ดำดิ่งและเข้าใจซีรีส์ “GOOD BOY” มากขึ้น จึงขอเป็นตัวแทนส่ง 5 คำถามให้ถึงมือ 3 นักแสดงนำ พัคโบกอม-คิมโซฮยอน-อีซังอี มาฝากกัน

“GOOD BOY” เป็นซีรีส์ที่มี ทั้งคอเมดี้ แอ็กชั่น และสืบสวน ถ้าเปรียบอารมณ์ในซีรีส์เป็นเมนูอาหาร คุณจะเปรียบเป็นเมนูอะไร?

พัคโบกอม: ส่วนตัวแล้ว ผมคิดว่ามีรสชาติของ “ต้มยำกุ้ง” ครับ ถ้าได้ลองกินต้มยำกุ้งแล้ว จะเจอทั้งเห็ด ไหนจะมีผักอีก มีกุ้งด้วย มีผักหลากหลายชนิด เรียกว่าเป็นอาหารที่รวมมิตรทุกอย่างไว้ด้วยกันได้ไหมนะครับ (ยิ้ม) เมื่อวัตถุดิบหลากชนิดมารวมกันได้อย่างลงตัวกลายเป็นอาหารที่อร่อย คิดว่าต้มยำกุ้งเป็นอาหารแบบนั้นครับ ดังนั้น GOOD BOY จึงเป็นเหมือน ต้มยำกุ้ง ที่ทั้งสนุก สดชื่น และถึงใจครับ

คิมโซฮยอน: เมื่อสักครู่คุณโบกอมได้พูดถึงอาหารไทยไปแล้ว ฉันเลยขอเลือกอาหารเกาหลี “บิบิมบับ” ค่ะ ทุกคนรู้จักกันใช่ไหมคะ บิบิมบับมีทั้งผักหลายชนิด เนื้อ ไข่ รวมอยู่ด้วยกัน ละครของพวกเราก็มีทั้งคอมเมดี้ แอ็กชัน สืบสวน โรแมนซ์ใช่ไหมคะ แต่ละส่วนผสมกันอย่างลงตัวเหมือนกับบิบิมบับที่อร่อยค่ะ

อีซังอี: GOOD BOY เป็นเหมือนกับมังคุดครับ เพราะได้ยินว่าตอนนี้เป็นหน้ามังคุดครับ ผลงานที่เหมาะกับการรับชมที่สุดในอากาศแบบนี้ ในช่วงเวลานี้ ก็คือ GOOD BOY ครับ

พัคโบกอม: ถ้าแบบนั้นให้ทุกคนทานบิบิมบับเป็นจานหลักนะครับ ตามด้วยซดซุปอย่างต้มยำกุ้ง เสร็จแล้วก็ทานมังคุดเป็นของหวานได้เลยครับ

ตัวละครของทั้งสามมีฉากแอ็คชันที่ต้องใช้ร่างกายเยอะ คุณมีการฝึกฝนอะไรเป็นพิเศษไหม? รวมถึงต้องมีการฝึกฝนตามประเภทกีฬาของตัวละครของคุณอย่างไรบ้าง?

พัคโบกอม: สำหรับผมรับบท “ยุนดงจู” อดีตนักมวยเหรียญทอง ผมผ่านการฝึกซ้อมมวยมากกว่า 6 เดือนครับ และนอกจากซ้อมมวยแล้วก็มีเวทเทรนนิ่งไปด้วย เพื่อสร้างความแข็งแรงของร่างกายครับ สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากการแสดงเป็นดงจูคือ เขาเป็นคนที่กระตือรือร้นและร่าเริง แต่ในขณะเดียวกัน ภายในก็มีจิตใจที่อบอุ่นและอ่อนโยน ที่สำคัญเขาเป็นคนที่มีทักษะทางกีฬาที่ดีมาก ทำให้ตอนนี้ผมกลายเป็นคนที่มีปฏิกิริยาตอบสนองเร็วขึ้นกว่าเมื่อก่อนครับ

คิมโซฮยอน: สำหรับฉัน “ฮันนา” เป็นนักกีฬายิงปืน ฉันก็เลยได้ฝึกยิงปืนเยอะค่ะ ซึ่งการฝึกยิงปืนต้องใช้ความอดทนอย่างมาก หลังจากที่ฉันได้มาเป็นตำรวจและได้ยิงปืนเวลาออกปฏิบัติจริง ส่วนตัวรู้สึกว่าทำให้อดทนกับเสียงดังได้ดีและช่วยเพิ่มความกล้าหาญ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะทำอะไร ก็จะไม่ค่อยกลัว รู้สึกว่าความหวาดกลัวหายไปค่อนข้างเยอะเลยค่ะ

อีซังอี: สำหรับ “จงฮยอน” เป็นนักกีฬาฟันดาบ ผมได้เรียนฟันดาบประมาณ 6-7 เดือนครับ และที่สำคัญประเภทที่ผมเล่นคือเซเบอร์ครับ ก็เลยได้เรียนเซเบอร์เยอะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร จงฮยอนเป็นคนที่ใช้สมองคิดนำ วางแผน และตัดสินก่อนเสมอ ช่วงนี้ผมก็ยังคงพยายามที่จะเป็นเหมือนจงฮยอนในมุมนี้อยู่ครับ

ระหว่างทางการถ่ายทำมีเหตุการณ์ หรือเรื่องราวอะไรที่ประทับใจบ้าง?

พัคโบกอม: ผมประทับใจฉากโรงงานสี ในซีเควนซ์สุดท้ายของตอน 1 ตอนนั้นถ่ายทำไป 2 วัน ตอนที่ได้อ่านบทครั้งแรก ผมรู้สึกประทับใจมากและอยากจะแสดงฉากนี้ออกมาให้ดี ได้เจอกับผู้กำกับและเตรียมฉากนี้ร่วมกับผู้กำกับแอ็กชัน พวกเราทุ่มเทและตั้งใจทำมันออกมามาก ๆ ครับ เป็นการถ่ายทำที่คุ้มค่ามาก พอได้ดูฉากนี้เลยรู้สึกภูมิใจครับ

คิมโซฮยอน: ฉันเองก็ประทับใจแอ็กชันเหมือนกันค่ะ โดยเฉพาะแอ็กชันของฉันในตอน 1 เป็นการถ่ายทำในช่วงต้น ๆ ของซีรีส์เลย ตอนนั้นยังไม่ค่อยมีเซนส์ทางแอ็กชัน ไม่ค่อยมีเทคนิคเท่าไหร่ แต่พอลองเล่นดู ก็รู้สึกว่าสนุกและยากกว่าที่คิด แต่ก็ยังรู้สึกเสียดายอยู่ด้วยค่ะ ก็เลยมอนิเตอร์ดู ทำให้รู้ว่า “อ๋อ ตรงนี้ควรทำแบบนี้จะดีกว่าสินะ” เริ่มสั่งสมเทคนิค การแสดงแอ็กชันของฉันจะดีขึ้นเรื่อย ๆ ในเรื่อง ฝากทุกคนรอติดตามด้วยนะคะ ถึงแม้จะเป็นฉากที่มีจุดที่รู้สึกเสียดายไปบ้าง แต่ก็มีความหมายมากเพราะเป็นฉากแอ็กชันแรกที่แสดงให้ทุกคนได้เห็นกัน ก็เลยประทับใจเป็นพิเศษค่ะ

อีซังอี: ทั้งสองท่านพูดถึงแอ็กชั่นไปแล้ว สำหรับผมอยากพูดถึงฉากห้องทำงานของทีมสืบสวนพิเศษครับ แต่ละคนมาจากคนละที่ มารวมตัวเป็นทีมเดียวกัน และค่อย ๆ สร้างทีมเวิร์คที่ดี ในห้องทำงานจะมีสงครามประสาทซ่อนอยู่ด้วย บางทีพวกเราก็ต้องกลั้นหัวเราะด้วย เลยอยากให้รอติดตามภาพของพวกเราในห้องทำงานครับ

คิดว่าถ้าตัวละครที่รับบทบาทไม่พลิกเส้นทางชีวิตมาเป็นตำรวจ ตอนนี้จะกำลังทำอะไรอยู่?

พัคโบกอม: ทั้งตัวละครของผมและนักแสดงทุกท่านเป็นอดีตนักกีฬาทีมชาติที่ต้องใช้ร่างกายมาก่อนเลยคิดว่าน่าจะยังอยู่ในทีมชาติในฐานะนักกีฬา หรือไม่ก็อาจจะช่วยฝึกสอนรุ่นน้องในฐานะโค้ช อีกอย่างคือดงจูเป็นตัวละครที่มองแต่ฮันนาคนเดียว เลยคิดว่าน่าจะเป็นบอดี้การ์ดมืออาชีพให้ฮันนาครับ (ยิ้ม)

อีซังอี: ผมก็เห็นด้วยครับว่าน่าจะเป็นแบบนั้น น่าจะดีถ้าทุกคนรอติดตามเนื้อหาต่อไปในอนาคตครับ สำหรับจงฮยอน เหมือนกับที่คุณพัคโบกอมพูดไปเมื่อสักครู่ กีฬาฟันดาบมีความหมายกับจงฮยอนมากเลยคิดว่าเขาน่าจะเป็นนักกีฬาฟันดาบเช่นกันครับ

คิมโซฮยอน: ฮันนาก็น่าจะเหมือนกันค่ะ ตอนเป็นนักกีฬา เธอใช้ชีวิตแบบไม่ค่อยมีอิสระและมีข้อจำกัดหลายด้าน เลยคิดว่าถ้าตอนที่เพิ่งเลิกอาชีพนักกีฬา น่าจะไปเที่ยวต่างประเทศค่ะ ไปเที่ยว ไปสัมผัสกับอะไรใหม่ ๆ อย่างเป็นอิสระ ได้ลองเปิดประสบการณ์ทำสิ่งต่าง ๆ และหลังจากนั้นก็คงกลับไปสู่การยิงปืนเช่นเคยค่ะ

ถ้าให้แลกบทบาทกันหนึ่งวัน แต่ละคนอยากสลับกับบทของนักแสดงฮอซองแท หรือนักแสดงแทวอนซอก และเพราะอะไรคะ?

พัคโบกอม: ถ้าจากมุมมองของดงจู เขาเป็นคนที่ชอบกินมาก ๆ ถ้าต้องสลับบทบาทกันแค่หนึ่งวัน ผมอยากลองใช้ชีวิตเป็นตัวละครแจฮง ของนักแสดงแทวอนซอกครับ ตัวละครแจฮง ของนักแสดงแทวอนซอกเป็นมังสวิรัติครับ

คิมโซฮยอน: ฉันอยากลองเล่นบทตัวละครหัวหน้าทีมโกมันชิก ของนักแสดงฮอซองแทค่ะ เพราะว่าเขาต่างกับฮันนาโดยสิ้นเชิงเลย ฮันนาเป็นตัวละครที่ค่อนข้างสำรวม แต่หัวหน้าทีมโกมันชิกเป็นคนที่วิ่งวุ่นอยู่ตลอดเวลา มีโดนตีบ้าง เป็นตัวละครที่มีจุดสนุก ๆ อยู่ในตัวเยอะ ก็เลยอยากจะลองสลับดูสักครั้งค่ะ

อีซังอี: คำถามให้เลือกระหว่างตัวละครของนักแสดงแทวอนซอกหรือฮอซองแท แต่ผมอยากลองเล่นบทจีฮันนาของนักแสดงคิมโซฮยอนดูครับ อยากจะลองสัมผัสเสน่ห์ของการยิงปืนดูสักครั้ง และน่าจะขยับตัวน้อยกว่าฟันดาบด้วย ก็เลยอยากลองดูสักครั้งครับ

หลังจากอ่านบทสัมภาษณ์ของนักแสดงทั้งสามคนแล้ว เป็นอย่างไรบ้างคะ? ถ้าอยากดำดิ่งไปกับความเข้มข้นของ “GOOD BOY” ให้มากกว่านี้ ก็ต้องกดดูซีรีส์ใน Prime Video พิสูจน์ความสนุกนี้ด้วยตัวเองกันแล้วค่ะ


ข้อมูลและภาพ: Prime Video

Beneunder เสิร์ฟไลฟ์สไตล์เอาท์ดอร์ให้คนเมือง ใช้ชีวิตแบบมีสไตล์

account_circle

Beneunder (เบเนอันเดอร์) แบรนด์ไลฟ์สไตล์ชั้นนำจากประเทศจีนที่ผสมผสานเทคโนโลยีและแฟชั่นอย่างลงตัว พร้อมตอบโจทย์การใช้ชีวิตกลางแจ้งในทุกรูปแบบ ด้วยภารกิจที่ต้องการส่งเสริมให้ผู้คนออกไปใช้เวลากับครอบครัวและเพื่อนฝูงอย่างเป็นธรรมชาติและไร้ความกังวล

Beneunder เสิร์ฟไลฟ์สไตล์เอาท์ดอร์ให้คนเมือง ใช้ชีวิตแบบมีสไตล์

ล่าสุด Beneunder ได้จัดงาน “Beneunder Thailand Grand Opening Event” ณ ลาน Central Court ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อเฉลิมฉลองการเปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ภายใต้แนวคิดที่ว่า “ทุกวันคือการเดินทางรูปแบบใหม่” ที่ทุกคนสามารถออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านได้อย่างสบายใจในสไตล์ของตัวเอง

ร้าน Beneunder ตั้งอยู่ที่ชั้น 2 โซน Beacon ของศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ โดยเป็นสาขาแรกในไทยที่ให้ผู้บริโภคได้สัมผัสกับนวัตกรรมเสื้อผ้าเอาท์ดอร์อย่างใกล้ชิด ภายในงานเปิดตัวมีการเนรมิตพื้นที่ใจกลางเมืองให้กลายเป็นสนามหญ้าจำลอง สื่อถึงการเชื่อมโยงระหว่างธรรมชาติกับเทคโนโลยี

งานนี้ยังได้รับเกียรติจากแขกรับเชิญสุดพิเศษ อาทิ ฟอส–จิรัชพงศ์ ศรีแสง นักแสดงหนุ่มสายสปอร์ต, บี้–ธรรศภาคย์ ชี ศิลปินมากความสามารถและคุณพ่อสุดอบอุ่น, รวมถึงเคมีคู่ใหม่อย่าง โอม–สาริศ ทินราช และ เฟิร์ส–ฉลองรัฐ นอบสำโรง สองนักแสดงหนุ่มที่หลงใหลการท่องเที่ยวกลางแจ้ง มาร่วมถ่ายทอดไลฟ์สไตล์สุดลุยที่ทุกคนเข้าถึงได้

ไฮไลต์ของงาน ได้แก่ Fashion Presentation ที่นำเสนอไอเท็มเด่นของแบรนด์ ทั้งหมวกหลากทรงและแว่นกันแดดพับได้สุดคูล ที่สามารถมิกซ์แอนด์แมตช์เข้ากับเสื้อผ้าน้ำหนักเบา สวมใส่สบาย และระบายอากาศได้ดี เสริมด้วยเทคโนโลยี UPF ป้องกันรังสี UVA และ UVB เสมือนเกราะกันแดดในตัว พร้อมดีไซน์ที่เรียบง่ายแต่ทันสมัย ใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ยังมีโชว์พิเศษจาก บี้–ธรรศภาคย์ ที่มาร่วมสร้างโมเมนต์สุดประทับใจภายในงาน

Beneunder พร้อมเติมเต็มทุกกิจกรรมเอาท์ดอร์ให้สนุกและไร้ข้อจำกัด ด้วยเสื้อผ้าและอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อใช้ได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นทะเล ป่า เขา ออกกำลังกาย หรือใส่ในชีวิตประจำวัน ก็สามารถตอบโจทย์ได้อย่างครบถ้วน

พบกับนวัตกรรมแฟชั่นกลางแจ้งจาก Beneunder ได้แล้ววันนี้ที่ชั้น 2 โซน Beacon ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และติดตามข่าวสารหรืออัปเดตคอลเลกชันใหม่ ๆ ได้ทาง Instagram: @beneunder_th และ @beneunder_official


Rolex

Rolex & The Art of Cinema เมื่อเรือนเวลาร่วมสร้างประวัติศาสตร์แห่งภาพยนตร์

account_circle
Rolex
Rolex

Rolex (โรเล็กซ์) เฉลิมฉลองความสำเร็จของมนุษย์ ด้วยการยกย่องเส้นทางที่เต็มไปด้วยความท้าทายและอารมณ์ความรู้สึก ที่นำไปสู่ช่วงเวลาแห่งความสำเร็จจากการตัดสินใจเลือกเส้นทางเดินของตัวเอง ที่ไม่ใช่เพียงแค่รางวัล เป็นเวลากว่าครึ่งศตวรรษแล้วที่ โรเล็กซ์ ได้ร่วมมือกับศิลปินผู้เปี่ยมความสามารถและสถาบันทางวัฒนธรรมชั้นนำ เพื่อเฉลิมฉลองความเป็นเลิศและส่งเสริมการถ่ายทอดมรดกทางศิลปะ สร้างความเชื่อมโยงระหว่างอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ผ่านโครงการ Rolex Perpetual Arts Initiative ซึ่งครอบคลุมงานศิลปะหลากแขนง ทั้งด้านสถาปัตยกรรม ภาพยนตร์ การร่ายรำ วรรณกรรม ดนตรี ละครเวที และทัศนศิลป์ โรเล็กซ์ ยืนหยัดในความมุ่งมั่นระยะยาวของแบรนด์ที่มีต่อวัฒนธรรมในระดับสากล ในทุกความพยายามเหล่านี้ โรเล็กซ์ ได้สนับสนุนความเป็นเลิศทางศิลปะและการถ่ายทอดองค์ความรู้ไปสู่คนรุ่นใหม่ ซึ่งจะเป็นผู้ส่งต่อมรดกทางวัฒนธรรมของโลกต่อไป

Rolex & The Art of Cinema เมื่อเรือนเวลาร่วมสร้างประวัติศาสตร์แห่งภาพยนตร์

The live ABC telecast of the 96th Oscars® at the Dolby® Theatre at Ovation Hollywood on Sunday, March 10, 2024.

โรเล็กซ์ สนับสนุนวงการภาพยนตร์ นับตั้งแต่จุดเริ่มต้นของการสร้างสรรค์ จวบจนวินาทีแห่งการรับรางวัลอันทรงเกียรติ ภาพยนตร์คือการผจญภัย เส้นทางอันเต็มไปด้วยความท้าทายที่ก้าวผ่านพ้นไปด้วยความมุ่งมั่นไม่ย่อท้อและความหลงใหล ภาพยนตร์แต่ละเรื่องล้วนสร้างแรงบันดาลใจให้กับโลก และในขณะที่นาฬิกาโรเล็กซ์ มีบทบาทอยู่บนข้อมือของตัวละครในระดับตานานมากมาย โรเล็กซ์ยังได้ร่วมมือกับสถาบันชั้นนาและบุคคลที่มีชื่อเสียงโด่งดังในวงการภาพยนตร์ เพื่อส่งเสริมและเชิดชูความสาเร็จด้านเทคนิคและงานศิลป์ และเขียนประวัติศาสตร์ครั้งใหญ่ของการสร้างภาพยนตร์

นอกจากนี้ โรเล็กซ์ ยังสนับสนุนการอนุรักษ์และถ่ายทอดศิลปะการผลิตภาพยนตร์ เชิดชูความเป็นเลิศ และเฉลิมฉลองความก้าวหน้าด้วยการร่วมมือกับบุคคลระดับตำนานที่ยังมีชีวิตตลอดจนคนรุ่นใหม่ที่มีพรสวรรค์ผ่านบรรดา Testimonee (Martin Scorsese, James Cameron, Jia Zhang-Ke และ Leonardo DiCaprio) พร้อมทั้งการเป็นผู้สนับสนุนของ Academy of Motion Picture Arts and Sciences (สถาบันฯ รางวัลต่าง และพิพิธภัณฑ์แห่งภาพยนตร์ในลอสแองเจลิส) และผ่านการสนับสนุนมูลนิธิ The Film Foundation ของ Martin Scorsese และ National Film and Television School ในลอนดอน

ความมุ่งมั่นนี้ยังสะท้อนผ่านความร่วมมือกับหลากหลายองค์กรชั้นนำ อาทิ Academy of Motion Picture Arts and Sciences ซึ่งดูแลทั้งตัวสถาบัน รางวัลออสการ์® และพิพิธภัณฑ์ Academy Museum of Motion Pictures ในลอสแองเจลิส, มูลนิธิ The Film Foundation ของมาร์ติน สกอร์เซซี และ National Film and Television School ในลอนดอน

ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักแสดงที่มีฝีมือที่สุดในยุคของเขา ด้วยการแสดงที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และความลึกซึ้ง ไม่ว่าจะเป็นบทบุคคลในประวัติศาสตร์หรือคาแรกเตอร์ที่ซับซ้อน เขายังพิสูจน์ความสามารถผ่านบทบาทหลากหลายตั้งแต่ดราม่า ทริลเลอร์ ไปจนถึงคอมเมดี้ ขณะเดียวกัน เขายังทุ่มเทให้กับการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการอนุรักษ์ธรรมชาติ ทำให้เขาเป็นบุคคลผู้ทรงอิทธิพลทั้งในและนอกวงการ

เจี่ย จางเคอ เป็นที่รู้จักจากภาพยนตร์ที่สะท้อนชีวิตอันเรียบง่ายของผู้คนธรรมดาในบริบทของการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของจีนในยุคใหม่ ผลงานของเขาได้รับเสียงชื่นชมในระดับนานาชาติ และภาพยนตร์เรื่องล่าสุด Caught by the Tides ก็ได้ฉายรอบปฐมทัศน์ในสายประกวดหลักของเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ปี 2024

มาร์ติน สกอร์เซซี คือปรมาจารย์แห่งวงการภาพยนตร์ ผู้สร้างผลงานกว่า 27 เรื่องตลอดช่วงเวลาครึ่งศตวรรษ ที่สะกดผู้ชมทั่วโลก เขาคือบุคคลที่เดินบนเส้นทางของตนเองอย่างแน่วแน่ และมีส่วนสำคัญในการผลักดันศิลปะภาพยนตร์ไปข้างหน้า ความร่วมมือกับ Rolex ตั้งแต่ปี 2017 คือภาพสะท้อนของความหลงใหลในคุณภาพ ความเที่ยงตรง และความทุ่มเทต่อภาพยนตร์ในทุกรายละเอียด

เจมส์ คาเมรอน คือผู้กำกับที่รวมศาสตร์แห่งความฝัน การผจญภัย และเทคโนโลยีเข้าไว้ด้วยกัน ความหลงใหลในโลกใต้น้ำตั้งแต่วัยเด็กนำเขาไปสู่เส้นทางของทั้งการสำรวจและการสร้างภาพยนตร์ เขาเป็นทั้งนักเล่าเรื่อง ผู้สร้างมาตรฐานใหม่ด้านเทคนิค และนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะท้องทะเล คาเมรอนเป็น Rolex Testimonee ตั้งแต่ปี 2012

โรเล็กซ์ และโลกภาพยนตร์

สองเหตุการณ์สำคัญในปี 2017 ที่ได้ยกระดับความสัมพันธ์ระหว่าง Rolex และอุตสาหกรรมภาพยนตร์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น คือการที่มาร์ติน สกอร์เซซี เข้าร่วมเป็น Rolex Testimonee เคียงข้างเจมส์ คาเมรอน และ การที่ Rolex ลงนามเป็นพันธมิตรอย่างเป็นทางการกับ Academy of Motion Picture Arts and Sciences โดยเป็นนาฬิกาอย่างเป็นทางการของสถาบันฯ ผู้สนับสนุนหลักของงานประกาศรางวัลออสการ์® และผู้สนับสนุนเพียงรายเดียวของ Governors Awards รวมถึงยังเป็นผู้ร่วมก่อตั้งและผู้สนับสนุนหลักของ Academy Museum of Motion Pictures ซึ่งเปิดในลอสแองเจลิสเมื่อเดือนกันยายน ปี 2021

ด้วยวิสัยทัศน์ที่สอดคล้องกัน Rolex และ Academy ต่างให้ความสำคัญกับความเป็นเลิศ การศึกษา การอนุรักษ์ศิลปะภาพยนตร์ และการส่งเสริมคนรุ่นใหม่ สะท้อนให้เห็นถึงพันธกิจร่วมในการเฉลิมฉลองความงดงามของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ถ่ายทอดมรดกนี้สู่คนรุ่นต่อไป และจุดประกายแรงบันดาลใจให้กับผู้ชมทั่วโลกผ่านความหลงใหลที่มีต่อศิลปะแห่งการเล่าเรื่อง


Thailand Pavilion ดัน Soft power ไทยดังไกลระดับโลก ในงาน EXPO 2025 OSAKA, KANSAI, JAPAN

account_circle

ไทยแลนด์ พาวิลเลี่ยน ในงาน EXPO 2025 OSAKA, KANSAI, JAPAN ได้รับความสนใจจากชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติ รวมทั้งจากสื่อนานาประเทศเป็นอย่างมาก ทำให้ยอดผู้เข้าชมอาคารนิทรรศการไทยทะลุ 450,000 คนแล้ว และคาดว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่ว่าใครที่ได้มาเห็นอาคารที่มีความสวยงาม โดดเด่นสะดุดตา ต่างพากันชื่นชมและให้ความสนใจเพราะมีการออกแบบที่นำองค์ประกอบไทยประยุกต์ นำคตินิยม และอัตลักษณ์มาออกแบบร่วมกับแนวคิดสมัยใหม่ผสมผสานลงตัว โดดเด่นด้วยการใช้ผนังกระจกขนาดใหญ่ขนาบข้างอาคารยาวตลอดแนวเป็นการสร้างเทคนิคภาพสะท้อนทำให้เกิดเป็นรูปทรงของสถาปัตยกรรมของไทยอันสมบูรณ์ สะท้อนให้เห็นถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทยอันแสนงดงาม ไม่ว่าใครที่ได้เห็นจะต้องหยุดมองและดึงดูดให้เข้าไปชมด้านใน ในส่วนนิทรรศการ ที่แบ่งการจัดแสดงออกเป็น 7 โซนหลัก แสดงถึงการเชื่อมโยงภูมิปัญญาไทย ตั้งแต่ 1 หมุดหมายสุขภาพ ไปจนถึง 1 ล้านรอยยิ้ม พร้อมนำเสนอให้คนทั้งโลกได้เห็นว่า ประเทศไทยมีระบบนิเวศแห่งการเยียวยาทั้งร่างกายและจิตใจที่พรั่งพร้อม ไม่ว่าจะเป็น ธรรมชาติ, อาหาร, อากาศ รวมไปถึงผู้คนที่โอบอ้อมอารี มีน้ำใจ สิ่งเหล่านี้สะท้อนออกมาเป็นภาพรวมของ “สุขภาวะแบบไทย” ทั้งหมดนี้จัดแสดงผ่านเทคโนโลยี Immersive, Interactive และ การเล่าเรื่องอย่างสร้างสรรค์ เพื่อดึงดูด ผู้เข้าชมทุกกลุ่มอย่างมีส่วนร่วมซึ่งได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม

ไทยแลนด์ พาวิลเลี่ยนในครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงแค่การนำเสนอภูมิปัญญาไทยทางด้านการแพทย์ที่สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพด้านสาธารณสุขของไทยให้คนทั่วโลกได้เห็น แต่ยังนำซอฟต์พาวเวอร์ (Soft power) ไทย ไม่ว่าจะเป็น สินค้า, อาหาร, นวดไทย, สถานที่ท่องเที่ยว รวมทั้ง การแสดงศิลปวัฒนธรรมไทยร่วมสมัย มานำเสนอบนเวทีโลก โดยเฉพาะ อาหารไทย ที่ได้จัดสรรพื้นที่ส่วน Open kitchen Experience โชว์ทำอาหารที่คัดสรรอาหารไทยยอดนิยม อาทิ ส้มตำไทย, ต้มยำกุ้ง, ข้าวเหนียวไก่ย่าง, แกงเขียวหวานไก่, แกงมัสมั่นไก่, ผัดไทยกุ้งสด, ข้าวมันไก่, ข้าวซอยไก่, ต้มข่าไก่, ข้าวกระเพราไก่, แกงพะแนงหมู และ ข้าวผัดกุ้ง มาสลับเปลี่ยนหมุนเวียนให้ชาวต่างชาติได้สัมผัสและลิ้มลองอาหารไทยตลอดการจัดงาน  นอกจากนี้ยังมีไฮไลท์สำคัญที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเห็นได้จากจำนวนผู้ให้ความสนใจที่มาต่อแถวเพื่อรอเข้ารับบริการอย่างเนืองแน่น คือ นวดไทย จากหมอนวดที่มีความเชี่ยวชาญ ซึ่งผ่านการอบรมและฝึกทักษะเพื่อการดูแลรักษาใน 7 กลุ่มอาการ เช่น ออฟฟิศซินโดรม คอ บ่า ไหล่ หัวไหล่ติด นิ้วล็อก เป็นต้น รวมทั้งการสาธิตบริหารท่าฤาษีดัดตน และการสอนท่าบริหารเพื่อสุขภาพ ได้เสียงตอบรับจากผู้เข้าชมงานเป็นอย่างดี ซึ่งผู้เข้าร่วมงานชาวญี่ปุ่นให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก รองลงมา คือ จีน และยุโรป สำหรับ นวดไทย เป็นศาสตร์การดูแลสุขภาพที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) ให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ทำให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก การได้มาจัดการสาธิตในครั้งนี้ นับเป็นการยกระดับจากภูมิปัญญาท้องถิ่นไปสู่อุตสาหกรรมระดับโลก อีกทั้งถือเป็นโอกาสอันดีของประเทศไทยในการก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางสุขภาพโลกในอนาคตอันใกล้นี้

อีกหนึ่งกลยุทธ์ ซอฟต์พาวเวอร์ (Soft power) สำคัญที่ทำให้ ไทยแลนด์ พาวิลเลี่ยน มีผู้ให้ความสนใจและเข้าชมงานอย่างต่อเนื่อง คือ การแสดงศิลปวัฒนธรรมไทยร่วมสมัย ที่นำมาจัดแสดงบนเวทีบริเวณด้านหน้าอาคาร เพื่อดึงดูดผู้เข้าชมงานให้เข้ามาร่วมชมด้านในพาวิลเลี่ยน สำหรับแนวคิดหลักที่นำมาใช้ในเพื่อรังสรรค์ศิลปการแสดงในครั้งนี้ คือ ยิ้มสยามงามสู่สังคมโลก เผยแพร่วัฒนธรรม ประเพณี และเสน่ห์ที่หลากหลายผ่านการแสดงที่สลับหมุนเวียนกันไปในแต่ละวัน สร้างความสนุกและประทับใจให้แก่ผู้มาเข้าชมทั่วโลก

การแสดงกิจกรรมประจำวัน หมุนเวียนให้ชมในแต่ละวันจำนวน 5 ชุดการแสดงต่อวันตลอด 6 เดือนเต็ม ดังนี้

เดือนมิถุนายน – กรกฎาคม 2568 ภายใต้แนวคิด ไทยวิถี ได้แก่ การแสดงรำเกี่ยวข้าว, การแสดงมวยคาดเชือก, การแสดงผีตาโขน, การแสดงประชันเปิงมางคอก และการแสดงฟ้อนเก็บใบชา

เดือนสิงหาคม – ตุลาคม 2568 ภายใต้แนวคิด ไทยประยุกต์ ได้แก่ การแสดงทวิภพภูมิ, การแสดงนาฏมวยไทยประยุกต์, การแสดงภูมิดีสี่ภาค, การแสดง Percussion อาหาร และการแสดงล่องใต้

นอกจากนี้ยังมีการแสดงกิจกรรมพิเศษโอกาสต่างๆ ได้แก่

วันที่ 3 มิถุนายน 2568           วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ

                                                พระบรมราชินี 

                                                การแสดงเทพอวยพร

วันที่ 28 กรกฎาคม 2568       วันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหา

                                                วชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว 

                                                การแสดงระบำสี่ภาคเทิดไท้องค์ราชัน

วันที่ 12 สิงหาคม 2568         วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ

                                               พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

                                               การแสดงระบำผ้าไทย

วันที่ 26 กันยายน 2568         วันฉลองครบรอบความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่น 138 ปี

                                                การแสดงหุ่นละครเล็กของไทยและบุนรากุของญี่ปุ่น และการแสดงการเดินทาง 

                                                แห่งมิตรภาพ เป็นการแสดงที่ผสมผสานวัฒนธรรมของทั้งสองประเทศ ออกมา 

                                                เป็นกระบวนท่านาฏศิลป์ที่สอดประสานกันได้อย่างกลมกลืน 

วันที่ 13 ตุลาคม 2568           วันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดช

                                               มหาราช บรมนาถบพิตร

                                               การแสดงขับเสภามหาราชาภูมิพล

รวมถึงการแสดงแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมร่วมกับประเทศต่างๆ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ประเทศไทยกับนานาประเทศจะเห็นได้ว่า ไม่ว่าจะเป็น สถาปัตยกรรมไทยอันงดงามโดดเด่นที่ถ่ายทอดผ่านอาคารไทยแลนด์ พาวิลเลี่ยน การนำเสนอภูมิปัญญาแพทย์แผนไทยผ่านนิทรรศการ อีกทั้ง อาหารไทย นวดไทย และศิลปการแสดงร่วมสมัย นั้น ล้วนเป็นองค์ประกอบ สำคัญที่สามารถสร้างกระแสได้ให้ไทยแลนด์ พาวิลเลี่ยน ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากทำให้ผู้ที่มาเข้าชมงานจากทั่วทุกมุมโลก ต่างพากันพูดว่าถ้ามาแล้วต้องไม่พลาดไปชมไทยแลนด์ พาวิลเลี่ยน สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าอิทธิพลของ soft power ไทย ไม่เพียงแค่ทำให้ Thailand Pavilion ได้รับความสนใจเท่านั้น แต่ยังทำให้ประเทศไทยได้รับความสนใจจากผู้คนทั่วโลกในหลากหลายมิติ ทั้งด้านการท่องเที่ยว เศรษฐกิจ รวมถึงการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

ขอเชิญชวนทุกท่านมาเยี่ยมชมอาคารนิทรรศการไทย (Thailand Pavilion) ในงาน EXPO 2025 OSAKA, KANSAI, JAPAN ตั้งแต่วันนี้ ถึง 13 ตุลาคม 2568 ณ นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น  สามารถติดตามข้อมูลข่าวสาร และความเคลื่อนไหวได้ที่ Website : Thailand Pavilion 2025 และทุกช่องทางโซเชียลมีเดียของ Thailand Pavilion World Expo 2025


ชวนจิบน้ำชายามบ่าย Alice in Wonderland Afternoon Tea Set สร้างสรรค์โดย Café Claire x Journal

account_circle

เปิดตัวนิยามใหม่ของน้ำชายามบ่าย ที่สะท้อนทั้งรส กลิ่น และจินตนาการ กับชุดน้ำชายามบ่าย Alice in Wonderland Afternoon Tea Set ที่สร้างสรรค์โดย คาเฟ่ แคลร์ โรงแรมโอเรียนเต็ล เรสซิเดนซ์ กรุงเทพฯ ร่วมกับแบรนด์น้ำหอมบ้านสุดพรีเมียม Journal เพื่อต้อนรับฤดูแห่งกลิ่นหอมและความละมุนใจ ด้วยแนวคิดการจับคู่ “รสชาติ” และ “กลิ่น” ที่เปี่ยมด้วยเรื่องราว และแรงบันดาลใจจากโลกของอลิซในแดนมหัศจรรย์ การจับมือครั้งพิเศษ ที่ร้อยเรียงรสชาติและกลิ่นหอมเข้าด้วยกันอย่างมีศิลป์

ทุกเมนูของชุดน้ำชานี้ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถัน โดยมีแรงบันดาลใจจากตัวละครและฉากในเรื่อง Alice in Wonderland พร้อมเชื่อมโยงเข้ากับกลิ่นหอมซิกเนเจอร์ 3 กลิ่นจาก Journal ที่จะทำให้ทุกสัมผัสของแขกเต็มไปด้วยความหอมรัญจวนและเรื่องเล่าเหนือจินตนาการ ได้แก่

1. First Love กลิ่นของลูกแพร์ ลาเวนเดอร์ และชาเอิร์ลเกรย์ มอบความหอมสดชื่นและอ่อนหวานดุจดอกไม้แรกแย้ม สะท้อนความเบาสบายของ เอแคลร์เฮเซลนัต “Eat Me”, ความสดใสของ มาการองมะพร้าว-มะนาว “Wonderland Grove”, และความหอมซ่าชื่นใจของ เลมอนเนด “Drink Me”

2. Promise ความสดชื่นของส้มโอและเกรปฟรุตสีชมพูผสานความหวานละมุนอย่างลงตัว เข้ากันอย่างสมบูรณ์แบบกับความหรูหราของ พัฟเป็ด “Queen’s Croquet”, ความเปรี้ยวหวานของ ทาร์ตสตรอว์เบอร์รี “Queen of Hearts”, และความซับซ้อนของ เค้กมูสยุสุ “Card Soldier’s Yuzu Surprise”

3. Galanga กลิ่นของมะนาว ตะไคร้ และสมุนไพรสด ให้ความรู้สึกสดชื่นและฟื้นฟูทั้งร่างกายและจิตใจ กลิ่นหอมลึกติดทนนี้เข้ากันอย่างงดงามกับ ทาร์ตเห็ดป่าชีสบรี “March Hare”, โทสต์แซลมอนรมควัน “Cheshire’s Garden”, และ สโคนคลาสสิกเนยหอม

นอกจากนี้ยังมีของขวัญหอมละมุนสำหรับแขกทุกท่านที่สั่งชุดน้ำชา Alice In Wonderland (ราคาชุดน้ำชา 1,590++ บาท สำหรับ 2 ท่าน) จะได้รับ Journal Diffuser (มูลค่า 890 บาท) กลับบ้าน เพื่อให้กลิ่นหอมจากวันพิเศษนี้ยังคงอยู่กับคุณต่อไป ตามมาดื่มด่ำได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 สิงหาคม 2568 เวลา 14.30 – 17.30 น. ณ โอเรียนเต็ล เรสซิเดนซ์ กรุงเทพฯ


6 ปีไม่เคยหยุดนิ่ง เปิดเบื้องหลังอาณาจักรเพชรแฟนซี “Gemholic” ของ ปัน-รมย์มนันท์ ติรณศักดิ์กุล

account_circle

ขอปรบมือดังๆ ให้กับ “ปัน – รมย์มนันท์ ติรณศักดิ์กุล” กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจมฮอลิค จำกัด ที่สามารถเปลี่ยนความหลงใหลใน “เพชรสี” ให้กลายเป็นอาณาจักร Gemholic ใจกลางกรุงเทพมหานคร ที่สร้างภาพจำด้วยเอกลักษณ์ ความพิถีพิถัน และความจริงใจในการส่งต่ออัญมณี

Truly Yours

“ย้อนไปเมื่อ 6 ปีก่อน ต้องยอมรับว่าความรู้เรื่องเพชรสีสำหรับคนไทยยังไม่แพร่หลาย คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าเพชรมีแค่สีขาว แต่ความจริงเพชรที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติมีหลายสีสัน ไม่ว่าจะเป็น เหลือง เขียว ฟ้า ชมพู ไปจนถึงสีแดง โดยเพชรเหล่านี้มีมูลค่าสูงกว่าเพชรขาว เพราะเป็นเพชรหายาก หากเทียบตามอัตราการขุด ถ้าเจอเพชรขาว 3,000 กะรัต จะมีเพชรสีอยู่แค่ 1-2 กะรัตเท่านั้น ฉะนั้นราคาจึงแพงกว่าไปโดยปริยาย อย่างเพชรสีแดงเป็นเพชรราคาสูงที่สุด นั่นคือ 100 ล้านบาทต่อ 1 กะรัต และไม่สามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาด  แต่ต้องประมูลแข่งกันในงานโชว์เคสอัญมณีหายาก แม้กระทั่งเพชรสีฟ้า และสีชมพูที่หายากรองลงมา คนมักคิดว่าจะซื้อได้ในราคา 200,000 บาท ต่อ 1 กะรัตเท่าเพชรขาว แต่ความจริงมูลค่าสูงกว่านั้น

“ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา Gemholic จึงเน้นให้ความรู้เกี่ยวกับเพชรสีผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียของตัวเอง ทั้งบทความบนเว็บไซต์ รวมถึงโพสต์ต่างๆ บนแพลตฟอร์มอินสตาแกรม และเฟซบุ๊ค โดยคอนเทนต์ทั้งหมดปันเป็นคนเขียน และเรียบเรียงเองกับมือ ซึ่งเราเน้นเนื้อหาให้กลับมาอ่านได้อยู่เสมอ เช่น เพชรแฟนซีคืออะไร สิ่งที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับเพชรสี และระดับความเข้มของสีของเพชรแฟนซีตามมาตรฐาน GIA มีกี่ระดับ ทำให้จากเมื่อก่อนที่เพชรแฟนซีไม่เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในเมืองไทย กลับกลายเป็นที่รู้จัก และเป็นที่นิยมในวงกว้างพอๆกับเพชรสีขาว ซึ่งถือเป็นความสำเร็จของเราค่ะ” (ยิ้ม)

“นอกจากให้ความรู้เกี่ยวกับเพชรสีแล้ว Gemholic มีปณิธานที่แน่วแน่ว่าจะไม่มุ่งเน้นเพื่อปิดการขายอย่างเดียว แต่เราจะให้ลูกค้าทำความเข้าใจก่อน เช่น บางคนอาจไม่มีความรู้เรื่องเพชรสีเลย เราก็จะให้เวลาเขาศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลทั้งจากเว็บไซต์ของแบรนด์หรือแหล่งที่น่าเชื่อถือต่างๆ เพื่อให้เขาเข้าใจอย่างแท้จริงว่า สินค้าที่กำลังจะได้มาแลกกับเงินที่จ่ายไปนั้นคุ้มค่าจริงๆ สิ่งนี้จึงทำให้ Gemholic เป็นรายชื่ออันดับต้นๆของประเทศไทยที่คนนึกถึงว่า ซื้อเพชรสีจากที่นี่แล้วสบายใจ”

คุณภาพควบคู่ดีไซน์

“เพชรสีของเราส่วนใหญ่มีใบรับรองจากสถาบัน GIA (Gemological Institute of America) ดังนั้นคุณสมบัติต่างๆ และคุณภาพของเพชรได้ถูกการันตีโดย GIA ทำให้ลูกค้าสามารถวางใจได้ว่าจะได้คุณภาพตามที่กำกับไว้อย่างชัดเจน”

“ในกรณีที่ลูกค้าไม่ต้องการซื้อสินค้าในราคาสูง เราก็มีเพชรที่ไม่มีใบรับรองเช่นกัน ซึ่งทั้งหมดเป็นเพชรธรรมชาติ ไม่ใช่เพชร CVD (Chemical Vapor Deposition) หรือเพชร Lab-Grown ที่ถูกสร้างขึ้นในห้องปฏิบัติการ รวมถึงเพชร HPHT (High Pressure High Temperature) ที่ผ่านความร้อน และแรงดันสูงเพื่อปรับปรุงคุณภาพ และสี โดยส่วนใหญ่เพชรของ Gemholic จะถูกขุดมาจากแหล่งประเทศในทวีปแอฟริกา และออสเตรเลีย ก่อนถูกส่งมาเจียระไนที่เบลเยียม อิสราเอล และอินเดีย”

“ส่วนเรื่องการขึ้นตัวเรือน Gemholic ให้ความสำคัญในเรื่องนี้มาก มาตรฐานการขึ้นตัวเรือนของเรานั้นเป็นระดับสากล ระดับเดียวกับแบรนด์จิวเวลรี่ระดับโลก ตัวเรือนต้องหนา แต่ไม่เทอะทะ แต่ก็ต้องไม่บางจนให้ความรู้สึกก๊องแก๊ง สัมผัสต้องรู้สึกหรูหรา ที่สำคัญดีเทลต้องละเอียด ละมุน และงานต้องเรียบร้อย นอกจากนี้ดีไซน์ยังมีความแปลกใหม่ ไม่ซ้ำใคร และเน้นความอลังการ”

กุญแจความสำเร็จ

“เรื่องธรรมดาของการทำธุรกิจคือ มันมีทั้งวันที่ขายดี และมีวันที่ขายไม่ดี สถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในโลกไม่ว่าจะเป็น โรคระบาด สงครามกลางเมือง สงครามการค้า ความไม่แน่นอน และการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ล้วนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และความมั่นใจของผู้บริโภค หลายคนที่เจอเหตุการณ์เหล่านี้อาจถอดใจจนปิดตัวธุรกิจแล้วรอให้สถานการณ์ดีขึ้นแล้วค่อยกลับมาทำใหม่เพราะไม่ต้องการแบกรับค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน ในทางกลับกันปันกลับมองว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จะดีหรือร้าย ความสม่ำเสมอ และการไม่หยุดพยายามเป็นสิ่งที่จะทำให้ธุรกิจของเราได้ไปต่อ ในวันที่ขายดี หาเงินได้ก็อย่าเอาเงินไปใช้นอกระบบ ใช้เท่าที่จำเป็น เก็บเงินไว้เผื่อวันที่ขายของไม่ได้ ส่วนในวันที่ขายของไม่ได้ก็อย่าตกใจ และอย่าถอดใจ ทำงานให้หนักยิ่งกว่าเดิม ที่สำคัญต้องรู้จักคิดบวก และเรียนรู้ที่จะรักษาหัวใจตัวเองเวลาเจออุปสรรค และเดินหน้าต่ออย่างเดียว หากเราถอดใจ และถอยหลังกลับในวันที่เราเจอปัญหา อีกปีสองปีเศรษฐกิจกลับมาดีตอนนั้นเราจะกลับมายากแล้ว มีคนมาแทนที่เราแล้ว ธุรกิจมันคือเกมๆ หนึ่งที่ต้องเดินกันยาวๆ ไม่มีพื้นที่ให้คนอ่อนแอ”

อาณาจักร Gemholic

“ร้านเพชรไม่ใช่กิจการของครอบครัวที่ส่งต่อจากคุณพ่อคุณแม่ แต่เป็นธุรกิจที่เราเริ่มจากความฝันที่อยากประสบความสำเร็จ บวกกับการเห็นช่องว่างของวงการจิวเวลรี่ในประเทศไทยที่ยังไม่ค่อยคนรู้จักเพชรแฟนซี และในตอนนั้นยังไม่มีคู่แข่งมากนัก เราจึงเริ่มจากการขายออนไลน์ เน้นซื้อมาขายไป จากนั้นเก็บหอมรอมริบจนครบหนึ่งปีก็ขยับขยายมาเปิดหน้าร้านใจกลางสุขุมวิท – อโศก ที่ศูนย์การค้า Terminal 21 แต่ด้วยความทะเยอทะยาน ปันจึงไม่อยากหยุดอยู่ตรงนี้ เราวางเป้าหมายใหม่อีกครั้งว่า อยากมีตึกเพชรแฟนซีบนที่ดินของตัวเอง จนผ่านมาได้สี่ปีที่มีหน้าร้าน และทุกอย่างเริ่มลงตัว เราก็ลุยแผนที่วางไว้ทันที เริ่มหาจากทรัพย์ธนาคารที่ลงประกาศขาย ตระเวนขับรถไปหลายที่ จนมาเจอตึกที่สุขุมวิท 71 เป็นธนาคารเก่าที่กำลังรื้อถอน ด้วยโลเคชั่นติดถนนใหญ่ เดินทางสะดวก และไม่อยู่นอกเมืองเกินไป จึงจัดสินใจซื้อทันที และสร้าง Flagship Store ของ Gemholic ขึ้นมาภายในระยะเวลาหนึ่งปีกว่า

“แน่นอนว่า อุปสรรคระหว่างการก่อสร้างเกิดขึ้นเยอะมาก แต่เรื่องที่ปันกังวลเป็นพิเศษคือ เราเป็นผู้อาศัยใหม่ในละแวกนี้ ขณะที่เพื่อนบ้านอยู่กันมาหลายสิบปีแล้ว ฉะนั้นเราต้องเข้าหาเขาอย่างอ่อนโยน และละมุนละม่อม อย่างก่อนเริ่มก่อสร้าง ปันซื้อขนมมาฝากลุง ป้า น้า อาที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียง พร้อมขอโทษ และบอกพวกเขาล่วงหน้าไว้เลยว่า จะมีการก่อสร้างตึกเกิดขึ้น อาจมีเสียงดังรบกวน ถ้าผู้รับเหมามีการกระทบกระทั่งสามารถบอกเราได้ทันที ทุกอย่างจึงผ่านไปอย่างราบรื่น”

“ปัจจุบัน Flagship Store ของ Gemholic เปิดให้บริการมาได้ 6 เดือน หากเทียบกับหน้าร้านที่ Terminal 21 แล้ว ที่นี่มีความเป็นส่วนตัว และพื้นที่รับรองมากกว่า ลูกค้าที่มาก็จะได้รับความสะดวกสบาย ขณะเดียวกันเราก็ต้องดูแลเรื่องความปลอดภัยเป็นพิเศษ เช่น หากลูกค้าอยากเข้ามาชมเพชร ต้องนัดเวลาล่วงหน้า พร้อมแจ้งรายละเอียดของรถ และเลขทะเบียนรถเอาไว้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยการดูแลอย่างรัดกุม”

“แม้ตึกนี้เป็นความภาคภูมิใจที่ Gemholic ก้าวไปอีกขั้น แต่เราก็ยังคอยมองหาโอกาสการเติบโตตลอด ในอนาคตก็มีแพลนสำหรับจัดงานโชว์เคสเพชรแฟนซีสีร่วมกับคู่ค้าจากต่างประเทศ เหมือนเป็นการขยายตลาดเพชรสีให้ใหญ่ และเข้าถึงง่ายมากขึ้น”

Another Side…

“สำหรับความสำเร็จที่ Gemholic เติบโตมาขนาดนี้ ขอยกเครดิตส่วนหนึ่งให้คุณพ่อ ซึ่งเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ท่านจึงปลูกฝังตั้งแต่เด็กว่าการบริหารธุรกิจมักมีอุปสรรคให้คอยแก้ปัญหาตลอด จงอดทน อย่ายอมแพ้ แล้วทุกอย่างจะผ่านไป

“อีกคนที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ สามี คุณซี – นพ.กุรุวินท์ ลิ้มสมุทรเพชร (รังสีแพทย์ประจำ รพ.บำรุงราษฎร์) ด้วยนิสัยส่วนตัว เขาเป็นคนอ่อนโยน เวลาที่มีเรื่องร้อนใจ เขาจะให้คำปรึกษาอย่างใจเย็น ซึ่งเป็นวิธีที่ทำให้เราสบายใจมากขึ้น”

คุณซีเสริม “ฟังดูแล้วอาจดูเหมือนเราต่างกัน อย่างเขาเป็นคนเร็ว ผมอาจทำอะไรช้าหน่อย แต่เรามีหลายอย่างที่เหมือนกันมาก ทั้งชอบไปเที่ยว ตระเวนหาร้านอาหารรสเด็ด ที่สำคัญเราค่อนข้างเรียบง่ายครับ เหมือนงานแต่งงานในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เราให้โจทย์กับออแกไนเซอร์ว่าธีมงานเป็นสีขาว ผสมความแวววาว ที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์เพชรสีซึ่งธุรกิจของคุณปัน จำได้ว่าครั้งแรกที่เห็นแบบ เราสองคนชอบและตอบตกลงทันที ไม่มีแก้เลยครับ” (หัวเราะ)

คุณปันเสริมต่อ “พวกเราเรียบง่ายแม้กระทั่งพิธีการค่ะ เรากระชับเวลางานให้สั้นที่สุด ไม่มีเพื่อนเจ้าบ่าวและเจ้าสาว เราอยากให้ทุกคนมาเป็นแขก แล้วร่วมสนุกด้วยกันมากกว่า พิธีโยนดอกไม้ก็เปลี่ยนเป็นจับฉลากแจกเพชร 3 รางวัลให้กับแขกในงาน ถือเป็นกิจกรรมสร้างความตื่นเต้นภายในงาน ส่วนชุดเจ้าสาว ปันมีเพียงหนึ่งชุดค่ะ เป็นชุดที่ได้มาจากห้องเสื้อดีไซเนอร์ชาวอินโดนีเซีย เราเห็นว่าผลงานของเขาเป็นงานปักที่มีความละเอียด อลังการ และไม่เหมือนใคร ที่สำคัญปันชุดเจ้าสาวปันสีฟ้าค่ะ”

“ในวันที่เครียดก็มีเขาอยู่ข้างๆ ซึ่งอนาคตก็อยากให้เขาเป็นหน่วยซัพพอร์ตจิตใจแบบนี้ต่อไป ไม่คาดหวังให้เขามาแบ่งเบาปัญหาในธุรกิจ เพราะแต่ละคนก็มีความถนัดที่แตกต่างกัน เขาเป็นคุณหมอเราก็อยากให้เขาประสบความสำเร็จ และไปให้สุดในสายอาชีพของเขา แค่คอยอยู่เคียงข้าง เป็นกำลังใจ คอยมาแชร์วันสนุกๆ ด้วยกันก็เพียงพอแล้ว” (ยิ้ม)


One Bangkok, One Pride

เตรียมพบกับ แอลม่อน- โปรเกรส ในงาน “One Bangkok, One Pride” @One Bangkok

Alternative Textaccount_circle
One Bangkok, One Pride
One Bangkok, One Pride

วัน แบงค็อก ร่วมเฉลิมฉลองเดือน Pride Month กับงาน “One Bangkok, One Pride” ที่จะจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ตลอดเดือนมิถุนายน 2568 นี้ ภายใต้แนวคิด “Uniting Hearts, Celebrating Diversity” เปิดพื้นที่กว้างเพื่อส่งเสริมการแสดงออกถึงตัวตนอย่างแท้จริง พร้อมเชื่อมโยงทุกหัวใจให้กลายเป็นหนึ่งเดียว

เตรียมพบกับ แอลม่อน- โปรเกรส ในงาน “One Bangkok, One Pride” @One Bangkok วันที่ 6 มิถุนายนนี้

วรวรรต ศรีสอ้าน รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โครงการ วัน แบงค็อก กล่าวถึงงานครั้งนี้ว่า “วัน แบงค็อก พัฒนาขึ้นด้วยความเข้าใจถึงความต้องการของผู้คน ตามแนวคิด People-Centric เราจึงให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมและหลากหลายมาโดยตลอด งาน ‘One Bangkok, One Pride’ จัดขึ้นภายใต้ความร่วมมือกับ Thailand Pride Organization และพันธมิตร พร้อมเนรมิตพื้นที่ต่าง ๆ ภายในโครงการฯ ให้เต็มไปด้วยสีสันและความสุขพร้อมกิจกรรมสร้างสรรค์มากมาย สร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนกล้าที่จะเป็นตัวเอง มาผสานรวมกันเป็นพลังอันยิ่งใหญ่”

โดยตลอดเดือนมิถุนายน 2568 จะมีพิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 6 มิถุนายน 2568 ตั้งแต่เวลา 15:00 น. เป็นต้นไป พบกับกิจกรรมไฮไลต์ One Pride Celebration ขบวนพาเหรด LGBTQIAN+ จากกลุ่ม Thailand Pride ร่วมเดินขบวนไปพร้อมกับกลุ่ม อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง อาทิ รัศมีแข ฟ้าเกื้อล้น, หมอเจี๊ยบ ลลนา, นัท นิสามณี, เขื่อน ภัทรดนัย, ภูเขา พิชฌ์พสุภัทร และ บุญรอด อารีย์วงษ์

พร้อมโชว์เปิดงานจากศิลปินมากความสามารถ หวาย ปัญญริสา โดยขบวนเคลื่อนจาก One Bangkok Boulevard สู่ The Storeys Square เพื่อมารวมพลังกัน จากนั้นพบกับการแสดงสุดตระการตา นำโดยศิลปินเสียงทรงพลังอย่าง แก้ม วิชญาณี ตามด้วยมินิคอนเสิร์ตจากนักแสดงชื่อดัง แอลม่อน ภูมิสุวรรณ และโปรเกรส ภาสวิชญ์ พร้อมปิดท้ายด้วยอาฟเตอร์ปาร์ตี้กับเสียงเพลงสุดมันส์จาก DJ พบกับงาน “One Bangkok, One Pride”  ตั้งแต่ 6-30 มิถุนายน 2568 นะคะ


เปิดเส้นทางนักออกแบบ “Jonathan Anderson” ผู้กุมบังเหียน Dior คนล่าสุด

Alternative Textaccount_circle

สำหรับ “Jonathan Anderson” ถือเป็นชื่อที่เลื่องลือในวงการแฟชั่น ด้วยฝีมืออันเก่งกาจจากแนวทางการออกแบบที่เป็นดั่งนวัตกรรม และเต็มไปด้วยความไร้ขีดจำกัดทางเพศ ทำให้เขาได้รับรางวัลการันตีมานับไม่ถ้วน อีกทั้งยังได้ร่วมงานกับคนดังมามากมาย แต่กว่าที่เขาจะเดินทางมาถึงตำแหน่งผู้กุมบังเหียน Dior ที่ดูแลทั้งเสื้อผ้าสำหรับสุภาพบุรุษ, สตรี และโอต์ กูตูร์ เขาผ่านอะไรมาบ้าง แพรวรวบรวมเส้นทางมาให้อ่านกันค่ะ

วัยเยาว์

Jonathan Anderson เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1984 ณ Northern Ireland ในเมือง Magherafelt มีคุณพ่อกัปตันทีมรักบี้ไอร์แลนด์ และคุณแม่เป็นคุณครูสอนภาษาอังกฤษ ท่านทั้งสองพยายามสนับสนุนให้โจนาธานเดินตามความฝันของตัวเองให้ถึงที่สุด ถึงขั้นจำนองบ้านหลังใหม่เพื่อส่งเขาเรียนการแสดงที่ Washington DC ในตอนอายุ 18 ปี แม้สุดท้ายเขาจะค้นพบว่าไม่ใช่ตัวตน จนย้ายกลับมาทำงานในห้างสรรพสินค้า Brown Thomas ที่ Dublin และนี่ก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่เขาเริ่มสนใจเรื่อง “แฟชั่น”

เส้นทางสายแฟชั่น

หลังจากเขาเริ่มรู้สึกถึงความหลงใหลแฟชั่นที่มีอยู่ในตัว โจนาธานจึงเริ่มสมัครเรียนอีกครั้ง และได้เข้าเรียนที่ London College of Fashion เมื่อจบการศึกษาเขาจึงเดินหน้าปลุกปั้นแบรนด์แฟชั่น “JW Anderson” ในปี 2008 ซึ่งได้นายทุนยักษ์ใหญ่อย่าง LVMH มาร่วมเป็นหุ้นส่วนด้วย จากนั้นในปี 2013 เขาจึงได้รับตำแหน่งครีเอทีฟไดเรกเตอร์ประจำ LOEWE

แน่นอนว่าการเข้ามาของโจนาธาน ทำให้ตัวเลขของ LOEWE เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ภายในปี 2023 รายได้ของแบรนด์พุ่งทะยานสูงถึง 200 ล้านยูโร หรือ 60% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยหนึ่งในไอเท็มไอคอนิกประจำโลเอเว่จากโจนาธาน คงหนีไม่พ้น Puzzle กระเป๋าใบแรกที่เขาออกแบบขึ้นในปี 2015 ด้วยแรงบันดาลใจจากศิลปะการพับกระดาษ ผสมผสานกับความซับซ้อนทางเทคนิคในการรื้อออก และการประกอบขึ้นใหม่ของกระเป๋าทรงลูกบาศก์ ซึ่งในแต่ละซีซั่นกระเป๋าใบดังกล่าวก็ได้รับการพัฒนาให้มีหลากหลายสีสัน และวัสดุ กลายเป็นที่จดจำในที่สุด

ไม่เพียงเท่านั้น ถนนแห่งแฟชั่นของเขาเต็มไปด้วยรางวัลการันตีมากมาย เช่น  Designer of the Year จากงาน The Fashion Awards ที่เขาได้รับอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 2 ปี ทั้งในปี 2023 และ 2024

ครีเอทีฟไดเรกเตอร์คนใหม่ประจำ Dior

เป็นไปตามที่สื่อแฟชั่นคาดไว้ว่า Jonathan Anderson จะเป็นผู้คุมบังเหียน Dior คนถัดไป ซึ่งนับตั้งแต่ก่อตั้ง มงซิเออร์ดิออร์เป็นคนเดียวที่เคยดำรงตำแหน่งครีเอทีฟไดเรกเตอร์ ในคอลเล็คชั่นโอต์ กูตูร์ ไปจนถึงเสื้อผ้าสำหรับสุภาพบุรุษ และสตรี ฉะนั้นจึงถือเป็นครั้งแรกที่ House of Dior ได้ “โจนาธาน แอนเดอร์สัน” เข้ามาดำรงตำแหน่งควบรวบในทุกแผนก

โดยเราจะได้ชมผลงานแรกในฐานะครีเอดีฟไดเรกเตอร์ประจำ Dior ในคอลเล็คชั่นเครื่องแต่งกายผู้ชายประจำฤดูร้อน 2026 ณ กรุงปารีส วันที่ 27 มิถุนายน 2025

เส้นทางใหม่ของ “Jonathan Anderson” จะเป็นอย่างไร มารอติดตามไปด้วยกันค่ะ!


ข้อมูล: theguardian.com และ fluxurymagazine.com

ภาพ: LOEWE และ Instagram @jonathan.anderson

Lululemon

Lululemon ฉลอง 10 ปี Align™ ณ The Corner House กรุงเทพฯ

account_circle
Lululemon
Lululemon

จากโยคะยามเช้าท่ามกลางแสงแดดอ่อน ดนตรีฮีลใจ และการอ่านออร่าแบบจัดเต็ม ไปจนถึงคาเฟ่สุดชิลพร้อมดีเจเซ็ต Lululemon เปิดพื้นที่ให้แขกผู้เข้าร่วมได้ “เคลื่อนไหวในแบบของตัวเอง” เพื่อร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปีของไอเท็มระดับไอคอนอย่าง Align™

เฉลิมฉลองหนึ่งทศวรรษของคอลเล็กชัน Align™ ที่ขึ้นชื่อเรื่องความเบาสบายและดีไซน์ที่คิดมารอบด้าน Lululemon ได้จัดงาน Mindful Movement เต็มวัน ณ The Corner House ย่านตลาดน้อย สถานที่สุดเก๋ที่อบอวลด้วยกลิ่นอายประวัติศาสตร์กลางเมืองกรุง งานนี้รวมตัวเหล่าอินฟลูเอนเซอร์สายเฮลท์ตี้ ครีเอเตอร์สายแฟ และแฟนพันธุ์แท้ของแบรนด์ เพื่อร่วมซึมซับประสบการณ์แห่งการ “mindful movement” ในบรรยากาศสุดผ่อนคลาย

ภายในงานมีคลาสมากถึง 9 เซสชัน ที่ออกแบบมาให้บาลานซ์ทั้งร่างกายและจิตใจ ไม่ว่าจะเป็น Sunrise Yoga Party ที่เปิดเช้าอย่างสดใสโดย Maiko Kurata ครูโยคะจากญี่ปุ่น และอดีตแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ Lululemon พร้อมบีตจาก DJ Satoshi Miya ตามด้วย Flow in Motion และ Dance Meditation ที่ปลุกอารมณ์ให้ลื่นไหลแบบไร้กรอบ ก่อนปิดท้ายค่ำคืนด้วย Elemental Flow: String and Steel คลาสโยคะผสานเสียงไวโอลินสด สร้างบรรยากาศเหนือจริง ก่อนส่งท้ายด้วยปาร์ตี้ DJ Dance Movement โดย DJ Patra ที่ให้ทุกคนปล่อยใจไปกับจังหวะอย่างเต็มที่

ภายในงานยังมีการเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ล่าสุด Align No Line™ รุ่นที่ตัดเย็บแบบไร้ตะเข็บด้านหน้า เพิ่มความกลมกลืนและความเบาสบายไปอีกขั้น นับเป็นการพัฒนาล่าสุดจาก 10 ปีแห่งการออกแบบ ทดสอบ และปรับปรุงอย่างพิถีพิถัน รวมถึงซิกเนเจอร์ “V-shaped back seam” ที่ถูกปรับโครงสร้างมาแล้วถึง 12 ครั้ง เพื่อให้ได้ทรงที่ดูดีและพอดีกับทุกสรีระ

การเฉลิมฉลองครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่า Lululemon ยังคงเดินหน้าสร้างสรรค์ดีไซน์ที่ทั้งคิดลึกและเคลื่อนไหวได้จริง เพื่อสนับสนุนผู้หญิงให้ใช้ชีวิตอย่างมั่นใจ ไม่ว่าจะในสตูดิโอ หรือระหว่างทาง


divana ร่วมเฉลิมฉลองความหลากหลายในงาน Love with Pride 2025 ภายใต้ธีม “The Power of Sunrise: Awaken with Pride”

account_circle

ในช่วงเดือนแห่งความภาคภูมิใจ หรือ Pride Month ปีนี้ divana แบรนด์ผู้นำด้านสปาและผลิตภัณฑ์น้ำมันหอมเพื่อสุขภาพของไทย ได้เข้าร่วมเฉลิมฉลองความหลากหลายทางเพศอย่างเต็มรูปแบบ ในงาน Love with Pride 2025 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ โดยนำเสนอแนวคิด “The Power of Sunrise: Awaken with Pride” ซึ่งสะท้อนถึงการเริ่มต้นใหม่ที่เปี่ยมพลัง ความกล้าหาญในการยืนหยัดในตัวตน และความงามของความแตกต่างอย่างไม่มีเงื่อนไข

divana เชื่อมั่นว่า Wellness ไม่ใช่สิ่งหรูหราสำหรับใครบางคนเท่านั้น แต่คือสิทธิพื้นฐานที่ทุกคนควรได้รับอย่างเท่าเทียม โดยเฉพาะในสังคมที่กำลังเปิดรับความหลากหลายทางความคิด เพศ และรสนิยม การเข้าร่วมในงาน Pride ปีนี้จึงไม่ใช่เพียงการเฉลิมฉลอง หากแต่เป็นการแสดงจุดยืนว่าแบรนด์พร้อมจะเป็นหนึ่งในพื้นที่ปลอดภัย (Safe Space) ที่ต้อนรับทุกความแตกต่างด้วยหัวใจที่เปิดกว้าง

ภายในงาน divana ได้จัดกิจกรรม “Rainbow Catwalk” ร่วมกับเหล่าศิลปิน เซเลบริตี้ และกลุ่ม LGBTQ+ Allies อาทิ ไอ๋ – พิมชยาภา พหลโยธิน, มิริน – ภูวดล ยามใส, ไหม – ปรางค์เนตร ถาใจ, จูน – พัณณ์นิกา คุ้มแก้ว นำทีมสร้างสีสันในขบวนและบนเวที

นอกจากนี้ยังมีทีม “นางฟ้าอ่าวไทย” ที่มาร่วมส่งพลังบวก ได้แก่ นิว – พีรญา โอบอ้วน, อาร์ท – รมิดา อำมาตย์มณี, ร็อคกี้ – อดิศร หาญเสนา, ตูมตาม – กัญญ์วรา ภูพนาแสง, นัท – พีรดา โรจน์เสน และเบนดี้ – พัชร์ธีรัตน์ วิชัยศรี พร้อมกันนี้ยังมี Influencers ชื่อดังที่เข้าร่วมแสดงพลังแห่งการสนับสนุนความหลากหลาย ได้แก่ เมลินดา ทองดี, เตชินี – กฤษฏิ์ณัชชา ชัยธนทัศน์พล, สุกาญจนา แซ่อื้อ และ วรษา คาฮีลล์ ที่มาร่วมสะท้อนถึงจุดยืนของดีวานาในการส่งเสริมความหลากหลายและเท่าเทียมในสังคมไทย

พร้อมจัดโซนพิเศษสำหรับการทดลองกลิ่น Perfume Oil กลิ่น Sunrise ซึ่งถือเป็นผลิตภัณฑ์เรือธงของแคมเปญในปีนี้ โดยกลิ่นหอมของ Grasse Jasmine, Indian Sandalwood และ Wild Black Pepper ได้รับการออกแบบมาเพื่อปลุกสัมผัสทั้ง 7 จุดประกายความมั่นใจจากภายใน และเสริมพลังใจให้ผู้ใช้ได้เชื่อมโยงกับความเป็นตัวเองอย่างลึกซึ้ง

พัฒนพงศ์ รานุรักษ์ หนึ่งในกรรมการผู้บริหารของ Divana กล่าวว่า “Love with Pride สำหรับเราคือการเฉลิมฉลองชีวิตทุกแบบ ตัวตนทุกแบบ อย่างไม่มีข้อแม้ เราอยากใช้กลิ่น Sunrise เป็นสัญลักษณ์ของการตื่นรู้ในใจทุกคน ให้กล้าภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองเป็น” ขณะที่อีกหนึ่งผู้บริหาร  ธเนศ จิระเสวกดิลก เสริมว่า “ผลิตภัณฑ์ของเราไม่ใช่แค่น้ำหอมหรือเครื่องหอม แต่คือพลังใจในรูปแบบของกลิ่น ที่สามารถเปลี่ยนวันธรรมดาให้เป็นจุดเริ่มต้นของความมั่นใจและความเข้าใจตนเองได้”

อีกหนึ่งไฮไลต์ของงาน คือการปรากฏตัวผ่านคลิปพิเศษของสองนักแสดงขวัญใจมหาชน และเป็น Brand Muse คู่แรกของ divana “ซี-พฤกษ์” และ “นุนิว-ชวรินทร์” ได้ส่งข้อความแห่งกำลังใจและความเข้าใจผ่านแคมเปญ “Empower with Scent” โดยทั้งสองกล่าวว่า Pride ไม่ใช่แค่เทศกาลแห่งการเฉลิมฉลอง แต่คือการแสดงออกถึงการยอมรับ เคารพ และเข้าใจในตัวตนของกันและกันอย่างแท้จริง

divana ยังได้จัดมุม Pride Affirmation Wall เปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานได้เขียนข้อความแห่งความภาคภูมิใจในตัวเอง สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการเป็นแบรนด์ที่ไม่เพียงแต่ให้ความสำคัญกับสุขภาพกาย แต่ยังเข้าใจและสนับสนุนสุขภาพใจในทุกมิติ ภายใต้แนวคิด #Diversity #WellnessForAll #ThePowerOfSunrise

สำหรับ Divana แล้ว กลิ่นไม่ใช่เพียงแค่ความหอม แต่คือเครื่องมือในการเยียวยา เชื่อมโยง และสร้างความมั่นใจให้ทุกคนได้เป็นตัวของตัวเองในแบบที่ภูมิใจที่สุด เพราะทุกตัวตนล้วนมีคุณค่า และควรได้รับการดูแลอย่างอ่อนโยน และเท่าเทียม

ผู้สนใจสามารถติดตามกิจกรรมและแคมเปญต่อเนื่องจาก Divana ได้ผ่านทางโซเชียลมีเดีย พร้อมร่วมแชร์พลังบวกแห่งความหลากหลายผ่านแฮชแท็ก: #PrideMonth #ThePowerOfSunrise #DivanaxZeeNunew #CelebrateDiversity #DivanaForAll #SpaForEveryone


มรดกล้ำค่า 3 คอสตูม “โอปอล สุชาตา”แรงบันดาลใจจาก สมเด็จพระพันปีหลวง

Alternative Textaccount_circle

ส่งต่อความงามล้ำค่าจาก สมเด็จพระพันปีหลวง ผ่าน 3 คอสตูมของ “โอปอล สุชาตา” Miss World 2025

ช่วงนี้คงไม่มีอะไรเป็นกระแสไปมากกว่าชื่อ โอปอล – สุชาตา ช่วงศรี สำหรับความภาคภูมิใจหลังจากสามารถคว้าตำแหน่ง Miss World 2025 ไปครองได้สำเร็จ อีกทั้งยังเป็นมงกุฎฟ้าแรกของประเทศไทย เธอจึงกลายเป็นที่น่าจับตามองจากทั่วมุมโลก โดยภารกิจแรกสำหรับสัมภาษณ์สื่อหลังจากรับตำแหน่ง เธอปรากฏตัวในเดรสสีขาว-ฟ้า จาก RAMET ซึ่งชุดนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก ฉลองพระองค์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ปารเมศ เปเหล่าดา จาก ห้องเสื้อ RAMET กล่าวว่า “แรงบันดาลใจในการออกแบบชุดนี้มาจาก ฉลองพระองค์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ซึ่งทรงสวมใส่ในการเสด็จฯ เยือนงานสำคัญทั้งในและต่างประเทศ ทุกชุดที่ทรงเลือกไม่ว่าจะเป็นชุดสากลหรือชุดใด ล้วนสะท้อนถึงกลิ่นอายความเป็นไทยอย่างชัดเจน ด้วยเหตุนี้ชุดดังกล่าวจึงได้นำ รูปทรงของฉลองพระองค์ที่ประยุกต์มาจากชุดไทยดุสิตมาปรับให้เข้ากับยุคสมัยและความเป็นสากล ทำให้ดูเรียบง่ายทว่ายังคงความประณีต และไม่ทิ้งเอกลักษณ์ความเป็นไทยอันงดงาม”

ไม่เพียงแค่ลุคนี้แต่ยังมีอีกหลายชุดที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากพระพันปีหลวง ไม่ว่าจะเป็นเดรสคอวีสีขาว-เหลือง ที่นำซิลลูเอตของชุดไทยดุสิตมาประยุกต์ให้เข้ากับยุคสมัย ซึ่งเป็นดีไซน์ที่เสริมทรวงทรงให้เข้ารูป และสวยงาม

ลุคสุดท้ายได้รับแรงบันดาลใจมาจากพระราชดำรัสของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ว่า “คนไทยมีสายเลือดช่างฝีมืออยู่ในตัว ไม่ว่าจะประกอบอาชีพใด อยู่แห่งหนใด ขอเพียงได้เรียนรู้และฝึกฝน ก็จะแสดงออกมาให้เห็นได้” แบรนด์จึงนำคำกล่าวที่สะท้อนรากเหง้าแห่งศิลป์ไทย มาสร้างสรรค์ชุดนี้จาก ผ้าไหมมัดหมี่ทอมือของแม่ ถ่ายทอดด้วยหัวใจ เพื่อสืบสานภูมิปัญญาไทยอย่างสง่างาม


รูปภาพ: RAMET และ Instagram @suchaaata

ข้อมูล: RAMET

รวมตัวช่วยลับ อัปผิวโกลว์ ตั้งแต่แป้งเบลอผิว บลัชบ่มแดด ลิปฉ่ำวาว ไปจนถึงไฮไลต์สุดหรู

รวมตัวช่วยลับ อัปผิวโกลว์ ตั้งแต่แป้งเบลอผิว บลัชบ่มแดด ลิปฉ่ำวาว ไปจนถึงไฮไลต์สุดหรู

Alternative Textaccount_circle
รวมตัวช่วยลับ อัปผิวโกลว์ ตั้งแต่แป้งเบลอผิว บลัชบ่มแดด ลิปฉ่ำวาว ไปจนถึงไฮไลต์สุดหรู
รวมตัวช่วยลับ อัปผิวโกลว์ ตั้งแต่แป้งเบลอผิว บลัชบ่มแดด ลิปฉ่ำวาว ไปจนถึงไฮไลต์สุดหรู

#PraewSurvey #ItemsOfTheWeek ในยุคที่ความโกลว์ไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่กลายเป็นไลฟ์สไตล์ของสายบิวตี้ เมคอัพลูกรักของเราต้องทำได้มากกว่าการปกปิด! วันนี้ขอเปิดกรุ “Face Pop” รวมไอเท็มเด็ดที่ผสานเมคอัพและสกินแคร์ไว้ในหนึ่งเดียว ไม่ว่าจะเป็น Kosas Cloud Set แป้งเบลอผิวขั้นเทพพร้อมสเปรย์ล็อกเมคอัพที่ไม่ทำให้ผิวแห้ง, Maybelline Sunkisser บลัชโกลว์ละมุนดุจบ่มแดด, 3CE Glazy Lip Glow ลิปบาล์มเนื้อฉ่ำเหมือนเติมน้ำให้ริมฝีปากสดชื่นชุ่มชื้นตลอดวัน, Dior Forever Glow Luminizer ไฮไลท์โกลว์หรูฉ่ำสไตล์สาวซัมเมอร์ และ NARS Blush (The Beauty Transformed Collection) บลัชปัดแก้มละมุนที่สวยแบบไม่ต้องพยายาม บอกเลยว่าใครรักผิวและอยากเป๊ะตลอดวันต้องมี!

Kosas Cloud Set
เซ็ตลูกรักของสายเมคอัพที่หลงใหลในสกินแคร์ รวมพลังแป้งฝุ่นเนื้อเบา Translucent Loose Setting + Blurring Powder ที่ช่วยเบลอผิวให้เนียนกริบ พร้อมล็อกเมคอัพให้ทนนานคู่กับ Airy Setting + Smoothing Mistสเปรย์บางเบาสดชื่น ที่ให้ฟีลผิวดีขึ้นทันทีหลังฉีด ไม่แห้ง ไม่ตึง เติมความชุ่มชื้นเหมือนลงสกินแคร์ เซ็ตนี้ไม่ใช่แค่ให้เมคอัพติดทน แต่ช่วยให้ผิวดูสุขภาพดีเหมือนใส่ฟิลเตอร์ผิวใสตลอดวัน

3CE Glazy Lip Glow
ลิปบาล์มเนื้อฉ่ำให้ฟินิชโกลว์สุขภาพดีด้วยสูตร Melting Formula ที่ทั้งเบา ชุ่มชื้น และไม่เหนียวเหนอะหนะ ผสมน้ำมันมะพร้าวเข้มข้นถึง 84% ฟื้นบำรุงปากให้นุ่มเนียนตลอดวัน มาในหัวลิปทรงโดนัทสุดเก๋ ทาได้แม่นเหมือนมือโปร มีให้เลือกถึง 10 เฉด ตั้งแต่นู้ดละมุนไปจนถึงพลัมเข้ม เติมสีสันได้ทุกอารมณ์

MAYBELLINE Sunkisser Multi-use Liquid Blush and Bronzer, Face Makeup
บลัชสุดเซ็กซี่ ณ บัดนาว! Maybelline Sunkisser บลัชแก้มโกลว์เนื้อครีม 2-in-1 ที่รวมทั้งเมคอัพและบำรุงไว้ในหลอดเดียว เติมวิตามิน E ให้ผิวนุ่มฉ่ำ ละลายลงผิวแบบแนบสนิท เบลนด์ง่าย ฟินิชสวย จะโกลว์สายฝ. หรือแมตต์สายเกา ก็เลือกได้ถึง 10 เฉดสีโกลว์สุดแซ่บ ติดทน 12 ชม.เต็ม สวยแก้มโกลว์เหมือนโดนแดดจูบ

DIOR Forever Glow Luminizer #004 Coral Glow (Limited Edition)
ไฮไลท์รุ่นลิมิเต็ดจากคอลเล็คชัน Dioriviera Summer 2025 ตลับสวยลาย Toile de Jouy พร้อมเนื้อไฮไลท์โทนคอรัลทองดูโอโครม ให้ผิวโกลว์ฉ่ำแบบซัมเมอร์เกิร์ล ผสานกรดไฮยาลูรอนิกเพิ่มความชุ่มชื้น แถมติดทนนานไม่หลุดง่าย เหมาะกับสายผิวแทนหรือใครที่ชอบลุคอุ่นๆ เปล่งประกาย ยังมีสต๊อกบน dior.com ช้าหมดอดนะ

NARS Blush (The Beauty Transformed Collection)
บลัชใหม่จากคอลเล็คชัน The Beauty Transformed มาพร้อมลวดลายผีเสื้อลิมิเต็ดสุดละมุนที่ไม่ได้มีดีแค่หน้าตา แต่ยังเติมความระเรื่อให้แก้มสวยแบบมีมิติ 2 เฉดสีใหม่ เนื้อเนียนนุ่ม เบลนด์ง่าย ให้พวงแก้มดูสดใส มีเสน่ห์แบบไม่พยายาม เปล่งประกายอย่างสง่างามเหมือนผีเสื้อที่โบยบินอย่างเป็นอิสระ


‘อินเลิฟ ครั้งเดียวไม่พอต้องขอซ้ำ ใครกันคือผู้โชคดี?? เช็กเลย!!’ ดวงรายสัปดาห์ 2-8 มิถุนายน 2568

Alternative Textaccount_circle

‘อินเลิฟ ครั้งเดียวไม่พอต้องขอซ้ำ’

ดวงรายสัปดาห์ 2-8 มิถุนายน 2568

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์          

การงาน  :  แม้จะเริ่มต้นเดือนใหม่ สัปดาห์ใหม่ แต่อีโก้ของชาวอาทิตย์ก็ไม่แผ่วลงเลย  โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจที่ต้องใช้เทคนิคในการเจรจา ไม่ว่าจะเพื่อการต่อรอง ไกล่เกลี่ย หรือประนีประนอม หรือหากใครที่กำลังส่ายหน้าว่าคงไม่ใช่ฉันแน่ เพราะไม่ได้ทำงานสายนี้ แต่ในช่วงสัปดาห์นี้คุณมีโอกาสได้เข้าไปข้องเกี่ยวกับการเจรจา ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม จะอย่างไรก็ตามไม่ควรหน้ามืดตามัวหลงอยู่กับอีโก้ตัวเองจนไม่เปิดรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น ทางที่ดีควรใช้ความรู้ ความสามารถและประสบการณ์ เพราะจะนำความสำเร็จมาให้อย่างแท้จริง  

การเงิน  :  ยังคงตึงไม่เลิกรา ยิ่งสัปดาห์นี้คาดว่าคุณจะมีรายจ่ายที่มาจากการเดินทางท่องเที่ยว การเข้าสังคม จนเรียกว่าหมุนเงินจนตัวตึงไปหมด กระทั่งเข้าสู่ช่วงปลายสัปดาห์นั่นล่ะจึงจะลงตัว เข้าที่เข้าทาง

ความรัก  :  มีโอกาสที่คุณกับคู่ครองจะเกิดความเคลือบแคลงสงสัยในพฤติกรรมของกันและกัน กำลังอยู่ในช่วงจับผิดว่าแอบซ่อนใครอยู่หรือเปล่า แต่ด้วยความจำเป็นทางสถานะสังคมทำให้คุณต้องดูรักกันตลอดเวลา คนโสด  ก็ยังคงมีคนที่คุณสามารถร่วมแชร์ทุกเรื่อง ทุกความรู้สึกอยู่ข้างๆ ตัว แต่คุณก็ยังคงไม่มั่นใจในความซื่อสัตย์ของเขาอยู่ดี แล้วสัปดาห์นี้ก็มีโอกาสสูงเสียด้วยว่าสิ่งที่คุณคิดจะเป็นจริง  

สุขภาพ  :   จริงๆ คุณพลังเยอะ ไม่ค่อยเจ็บป่วยกับใครเขาหรอก แต่ก็อย่าประมาทใช้งานร่างกายหนัก ในช่วงสัปดาห์นี้มีความเสี่ยงที่คุณจะปวดขาตั้งแต่สะโพกลงมา ด้วยโรคข้อและเอ็นเสื่อม คาดว่าจะมาจากการเดินทาง นอกจากนั้นทางด้านจิตใจก็สำคัญ  

ผู้ที่เกิดวันจันทร์

การงาน  :  สำหรับชาวจันทร์ผู้น่าเห็นใจ แม้จะขึ้นเดือนใหม่ สัปดาห์ใหม่แล้ว แต่คุณก็ยังมีโอกาสที่จะอยู่กับความอึดอัด คับข้องใจ กับการทำงานหรือธุรกิจที่ไม่ได้รัก ไม่ได้ชอบ และไม่ถนัด แต่ที่ต้องทำเพราะความจำเป็นบังคับ ไม่เพียงแค่นั้น คุณยังมีโอกาสที่จะตกอยู่ในภาวะแก่งแย่งแข่งขันดิ้นรนชิงดีชิงเด่น ทั้งในเรื่องผลประโยชน์และตำแหน่งหน้าที่การงานอย่างบ้าคลั่งอีก ซึ่งมีความเสี่ยงสูงมากที่จะเกิดการขัดแย้งกันอย่างรุนแรง จนส่งผลให้งานหรือธุรกิจเสียหายได้ แต่ใดๆ ก็ตาม ขอให้คุณเข้มแข็ง อดทน มีสติและกำลังใจที่ดี เพราะยังมีโอกาสที่คุณจะประสบความสำเร็จจากความพยายามของตัวเอง   

การเงิน  :  มีโอกาสที่จะได้ทำงานที่มั่นคง มีผลตอบแทนสูง แต่ขณะเดียวกันคุณก็มีความเสี่ยงที่จะถูกมิจฉาชีพหลอกลวงเช่นกัน เพราะฉะนั้นก่อนจะลงทุนอะไรควรพิจารณาและหาข้อมูลให้ละเอียดว่า ได้รับผลประโยชน์เป็นเหตุเป็นผลหรือเปล่า

ความรัก  :   มีโอกาสที่คุณจะตกลงกันไม่ได้ในเรื่องของทรัพย์สินที่เป็นเจ้าของร่วมกัน ไม่ว่าจะบ้าน รถ หรือแม้กระทั่งลูก สัตว์เลี้ยง จนมีความเสี่ยงที่จะใช้ถ้อยคำที่รุนแรงแบบไม่เคยใช้มาก่อน  คนโสด  สัปดาห์นี้มีโอกาสที่คุณจะตัดขาดจากความสัมพันธ์เก่าๆ ให้จงได้ แม้จะต้องใช้ไม้แข็งก็ตาม เพราะคุณมีความหวังใหม่เป็นเด็กหนุ่มอนาคตไกลแล้วล่ะ  

สุขภาพ  :  จริงๆ คุณก็พยายามดูแลตัวเองได้ดีมาตลอด แต่อุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นก็อย่าประมาทควรคุมสติให้ดี ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ยวดยานพาหนะ หรือการทะเลาะเบาะแว้ง

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน   ชาวอังคารเริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ในเดือนใหม่กับเทพพระอังคาร เทพประจำวันที่มาสถิตอยู่กับคุณในช่วงสัปดาห์นี้ คุณจะรู้สึกว่าตัวเองขยันเป็นพิเศษ แล้วก็เหนื่อยมากเป็นพิเศษด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ทำงานหรืออยู่ในสายงานที่ต้องใช้สติปัญญาและความสามารถส่วนตัวมาปฏิบัติงาน เช่น นักบริหาร นักการเมือง นักปกครอง เจ้าของกิจการ ฯลฯ มีโอกาสที่คุณจะได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็นหัวหน้าทีมรับผิดชอบโครงการสำคัญ ก็ยังมีโอกาสโกอินเตอร์อยู่

การเงิน  :  อิทธิพลของเทพอังคารจะส่งผลให้คุณมีโอกาสเข้าไปเกี่ยวข้องกับเงินเทาๆ ก็ควรหลีกเลี่ยง เพราะจะทำให้คุณเสียเวลาโดยใช่เหตุ หากจะว่าไปด้วยความขยันของคุณมีโอกาสหาเงินได้มากกว่านั้นอีก

ความรัก  :   หากสิ่งใดที่ยังไม่เข้าที่เข้าทาง เป็นไปได้ว่าสัปดาห์นี้คุณจะจัดการสิ่งเหล่านั้นให้ดำเนินไปตามขนบธรรมเนียมประเพณีที่ถูกต้อง คนโสด  สัปดาห์นี้เป็นไปได้ว่าคุณจะเป็นนักรักที่ดุเดือด อยากได้ใครก็จะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มา มีโอกาสที่หนึ่งในนั้นจะเป็นต่างชาติด้วยนะ

สุขภาพ  :  สำหรับนักรัก นักเที่ยว นักดื่ม ก็ต้องระวังตัวด้วยนะคะ อย่าประมาท ดื่มแล้วไม่ควรขับขี่ยานพาหนะกับสุขภาพจะทรุดโทรมเร็วกว่าที่ควรจะเป็น นอกจากนั้นคุณยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดความเครียด จนปวดศีรษะ ไมเกรนมาเยี่ยมเยือนแล้ว

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน  :   เปิดเดือนใหม่สัปดาห์ใหม่ของชาวพุธเด่นมากเลย เรื่องการผิดใจ ทรยศ การขัดแข้งขัดขากัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณอยู่ในสายงานหรือธุรกิจที่ต้องใช้วาทศิลป์ในการติดต่อสื่อสาร การประสานงาน การโฆษณา-ประชาสัมพันธ์ สื่อสารองค์กร สื่อสารมวลชน และงานส่งเสริมการขายทุกประเภท ฯลฯ ด้วยแล้ว เพราะมีโอกาสสูงมากที่คุณจะถูกเลื่อยขาเก้าอี้ หรือแทงข้างหลัง เพราะฉะนั้นต้องขยันขึ้นเป็น 2 เท่า อย่างน้อยเมื่อคุณทำงานเก่ง มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ใครก็เชิญคุณลงจากเก้าอี้ไม่ได้

การเงิน  :  จริงๆ คุณมีดวงที่จะได้เงินจากความสามารถของตัวเอง และก็มีการบริหารจัดการบัญชีส่วนตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย แต่ก็ต้องระวังเรื่องการขัดแย้งทางธุรกิจ ตกลงผลประโยชน์ไม่ลงตัว ถูกขโมยทรัพย์สิน

ความรัก  :  หากใครที่กำลังเผชิญปัญหามือที่สาม หรือกำลังสงสัยว่าคู่คุณจะมีโลกใบใหม่ เป็นไปได้ว่าจะสร้างความรบกวนใจให้คุณมากมาย ที่แย่กว่านั้นก็คือ คุณต้องเก็บซ่อนสิ่งเหล่านั้นให้อยู่ภายใต้บุคลิกที่เรียบเฉย แต่ไปส่งผลที่อารมณ์ให้ขึ้นๆ ลงๆ เหวี่ยงวีนได้ง่ายมาก  คนโสด  หากช่วงนี้กำลังถูกใจใครอยู่ก็อย่าเพิ่งรีบฟันธง เพราะคาดว่าเขาไม่น่าจะมีคุณคนเดียว

สุขภาพ   :   จริงๆ คุณพลังเยอะ ไม่ค่อยเจ็บป่วยกับใครง่ายๆ แต่ก็อย่าประมาท เพราะไม่ป่วยใช่ว่าจะไม่มีโรค สัปดาห์นี้มีความเสี่ยงที่จะแสดงอาการที่สะสมไว้นานขึ้นมาให้เห็น อย่าลืมสังเกตตัวเองดูล่ะ

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี

การงาน  :  เป็นไปได้ว่าชาวพฤหัสจะเริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ด้วยความอึดอัด กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ตกเป็นแพะรับบาป ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ไม่ได้ทำ หรือนอกเหนือจากที่ตกลงกันไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณทำงานหรือดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการติดต่อประสานงาน การโฆษณา-ประชาสัมพันธ์ สื่อมวลชน หรือผู้ที่เชี่ยวชาญทางด้านภาษา  ทั้งการพูด อ่าน เขียน ในช่วงสัปดาห์นี้คุณมีโอกาสได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับงานบุญ งานกุศล จิตอาสาที่ทำงานเพื่อสังคม ก็ควรเปิดใจรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นด้วย จึงจะทำให้งานหรือธุรกิจดำเนินต่อไปได้ด้วยดี

การเงิน  :  จริงๆ คุณไม่ต้องทำงานก็มีเงินมีทองใช้อย่างไม่เดือดร้อน สัปดาห์นี้มีโอกาสที่คุณจะใช้เงินกับการทำบุญและการบริจาคการกุศลมากเป็นพิเศษ กับรายจ่ายที่เกิดจากความรัก เช่น ช้อปปิ้งเสื้อผ้า หรือเข้าคลินิกเสริมความงาม เพื่อทำสวยเตรียมออกเดท หรือเตรียมเป็นเจ้าสาว  

ความรัก  :  ก็ยังอยู่ในโหมดความรักกระหนุงกระหนิง ดูแลกันอย่างดี พร้อมกันนั้นคุณก็เริ่มที่จะแสดงความเป็นเจ้าของออกมาอย่างชัดเจน   คนโสด  ก็ยังอยู่ในห้วงแห่งความรัก ซึ่งสัปดาห์นี้คุณมีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้ามด้วยสิ แล้วหากได้คุยกับคุณครั้งเดียวไม่พอ ต้องขอซ้ำ ซึ่งคุณก็กำลังอยากหาคนกอดอยู่พอดี

สุขภาพ   :   ความรักชื่นมื่น มีเดทรัวๆ ก็ต้องระวังน้ำหนักด้วยล่ะ หากใครที่มีภาวะเบาหวาน ความดัน โรคหัวใจอยู่แล้ว ยิ่งต้องหลีกเลี่ยงจากน้ำตาล น้ำอัดลม ของหวานทั้งปวงเลย เพราะตอนนี้ไม่ต้องรับประทานอะไร เบาหวานก็ขึ้นหัวใจแล้ว

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน  :   สำหรับชาวศุกร์มาเริ่มต้นใหม่กับเดือนใหม่และสัปดาห์ใหม่ด้วยความสำเร็จกันดีกว่า หากใครที่อยากจะทำงานอิสระหรือมีธุรกิจของตัวเองเล็กๆ ที่บ้าน ตลอดจนถึงแม่บ้าน โอกาสนั้นมาถึงแล้ว ซึ่งคุณมีความคิดสร้างสรรค์ที่ดี มีความฝันและทะเยอทะยานที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตค่อนข้างสูง ดังนั้น งานหรือธุรกิจที่เหมาะสมควรเป็นงานที่ต้องใช้สติปัญญาและสมอง ความรู้ ความสามารถและความเชี่ยวชาญสูง ทางด้านอสังหาริมทรัพย์ การบัญชี การเมือง การปกครอง  

การเงิน  : คุณพยายามทุกวิถีทางที่จะสร้างรายได้ด้วยตัวเอง แล้วเป็นไปได้ว่าคุณก็จะได้มาอย่างง่ายๆ ด้วย แต่ก็มีโอกาสที่จะหมดอย่างง่ายดายเช่นกัน จากการใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือยนะ

ความรัก :   เป็นไปได้ว่าสัปดาห์นี้หากใครที่กำลังเป็นช้างเท้าหน้า มีโอกาสที่คุณจะเพิ่มบทบาทมาเป็นช้างเท้าหลังด้วยนะคะ เพราะด้วยเหตุปัจจัยเรื่องเงินทำให้คุณต้องประหยัด ซึ่งคุณก็ทำได้ดีทั้งหน้าบ้านและหลังบ้าน คนโสด  มีโอกาสที่คุณจะได้พบเจอคนที่ถูกใจมาก จนยอมเป็นทั้งช้างเท้าหน้าและเท้าหลัง  

สุขภาพ  :  หากคุณกำลังหักโหมทำงานจากที่เป็นอยู่ ก็ต้องระวังโรคภัยที่จะตามมาด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบทางเดินหายใจ หลอดเลือด และหัวใจ

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน  :  สำหรับชาวเสาร์เริ่มต้นสัปดาห์ใหม่พร้อมกับความคิดและจินตนาการที่กว้างไกลเลยทีเดียว ก็ต้องเตรียมทำใจไว้หน่อยว่า ไอเดียของคุณอาจไม่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นเอกฉันท์ และมีโอกาสที่จะเป็นไปได้ว่าคุณจะต้องปรับตัวรับกับปฏิกิริยาที่จะเกิดขึ้น และก็เป็นไปได้อีกว่าคุณจะรู้สึกเหมือนถูกต้อนให้จนมุม ไปต่อก็ไม่ได้ ถอยหลังก็หลังชนฝาแล้ว ทางที่ดีควรเข้าหาผู้ใหญ่ผู้หญิง เพราะนอกจากเธอจะหาทางออกให้กับคุณได้แล้ว ยังพร้อมที่จะสนับสนุนส่งเสริมให้คุณได้มีช่องทางดีๆ อีกด้วย   

การเงิน  :   ผู้ใหญ่ผู้หญิงก็ยังคงสนับสนุนช่วยเหลือคุณอยู่ แต่ก็ต้องระวังความใจดี ใจอ่อนของตัวเองที่จะนำมิจฉาชีพมาอยู่ใกล้ๆ ตัว

ความรัก  :   ก็ยังมีโอกาสที่คุณจะได้อยู่ท่ามกลางญาติสนิทมิตรสหาย ทั้งผู้ใหญ่ ผู้น้อย จนถึงลูกเล็กเด็กแดงมากันเต็มบ้านเลย หรือคุณจะได้สมาชิกใหม่  คนโสด  ก็ยังมีโอกาสได้พบกับคนที่ใช่ โดยที่คุณก็จะคลั่งเขาอย่างมากเลยทีเดียว

สุขภาพ   :  ก็ยังอยู่กับการผ่าตัดอวัยวะในช่องท้อง หรือผ่าคลอด พยายามรักษาเนื้อรักษาตัวให้มากเป็นพิเศษ เพราะมีโอกาสที่แผลจะอักเสบ นอกจากนั้นยังต้องระวังเรื่องขา ข้อ และเส้นเอ็นที่จะอักเสบจนมีความเสี่ยงที่จะเดินผิดปกติ

keyboard_arrow_up