เซเลบริตี้คุณแม่ยุคใหม่ เผยเคล็ดลับถนอมชุดโปรดให้สะอาด ไม่หวั่นแม้วันฝนตกหนัก!!

เซเลบริตี้คุณแม่ยุคใหม่ เผยเคล็ดลับถนอมชุดโปรดให้สะอาด ไม่หวั่นแม้วันฝนตกหนัก!!

ปัญหาหนักอกตลอดกาลของคุณแม่บ้านส่วนใหญ่ โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน คงหนีไม่พ้นการต้องผจญกับฟ้าฝนที่ไม่เป็นใจ จะนำเสื้อผ้าไปตากแดดก็แห้งยาก ทำให้เกิดกลิ่นอับหากแห้งไม่สนิทแต่ปัญหาเหล่านั้นจะหมดไป ด้วยตัวช่วยสำคัญที่มีฟังก์ชั่นดีๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แม่บ้านยุคใหม่ และทำให้การดูแลความสะอาดเสื้อผ้าไม่ใช่เรื่องที่น่าเบื่อ หรือยุ่งยากอีกต่อไป

เซเลบริตี้คุณแม่ยุคใหม่

ผ่านประสบการณ์ของสองสาวเวิร์คกิ้ง วูแมน อย่าง ปิยวรา ทีขะระ เนตรน้อย ผู้อำนวยการ พิพิธภัณฑ์ผ้า ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ และ ตะวันนา ธาราธนกุล ดีไซเนอร์ และเจ้าของแบรนด์ Thea by Thara ในฐานะตัวแทนแม่บ้านยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญในการคัดสรรผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนซึ่งลงตัวทั้งความสะดวกสบาย และตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ไปในตัว ร่วมแบ่งปันเคล็ดลับในการถนอมชุดโปรดให้มีอายุการใช้งานยาวนาน รวมทั้งวิธีการดูแลเสื้อผ้าของคนในครอบครัวให้สะอาด ปราศจากเชื้อโรค

ปิยวรา ทีขะระ เนตรน้อย ผู้มีความรู้ความชำนาญในเรื่องผ้าไทยเป็นพิเศษ เผยว่า “ที่ผ่านมาก็ใช้เครื่องอบผ้าอีเล็คโทรลักซ์มาตลอด ตั้งแต่สมัยไปเรียนต่างประเทศ เพราะที่นั่นไม่นิยมนำผ้ามาตากแดดเหมือนคนไทย ทั้งด้วยสภาพอากาศ และพื้นที่จำกัด อีกทั้งเพื่อความสะดวกสบาย จึงมักใช้เครื่องอบผ้าเป็นส่วนมาก ฉะนั้นพอกลับมาเมืองไทยก็เลยติดใจที่จะใช้เครื่องอบผ้ามากกว่านำผ้าไปตากแดด คือถ้าแดดแรงอย่างหน้าร้อน เวลาตากผ้ามีกลิ่นแดดก็หอมดี แต่ถ้าใช้เครื่องอบผ้าก็มีอุปกรณ์อื่นๆ ที่เป็นเครื่องหอมใส่เข้าไปในเครื่องอบพร้อมกับเสื้อผ้า ก็ทำให้ได้กลิ่นหอมเหมือนกัน”

ในฐานะคุณแม่มือใหม่ เธอจึงใส่ใจในเรื่องสุขอนามัยเพื่อลูกน้อยเป็นพิเศษ “การมีลูกก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้พิถีพิถันในการเลือกผลิตภัณฑ์ในการทำความสะอาดเสื้อผ้ามากเป็นพิเศษ เพราะเสื้อผ้าเด็กค่อนข้างบอบบาง และสัมผัสกับผิวลูกโดยตรง ซึ่งการตากผ้าเสี่ยงต่อการระคายเคืองผิวจากฝุ่นละออง และสิ่งสกปรกที่ปะปนอยู่ในอากาศที่อาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้ด้วย แต่การใช้เครื่องอบผ้าก็ช่วยให้สะอาดแน่นอน เพราะใช้ความร้อนสูง จึงช่วยฆ่าเชื้อโรคไปในตัว และทำให้เสื้อผ้าปราศจากเชื้อรา รวมทั้งปลอดกลิ่นอับชื้นอีกด้วย ที่สำคัญอีเล็คโทรลักซ์ยังมีระบบ Child Lock ที่ประตู ซึ่งเป็นระบบล็อคป้องกันเด็กเล่นเครื่อง ก็ช่วยให้คุณแม่บ้านรู้สึกปลอดภัยมากยิ่งขึ้น”

เซเลบริตี้คุณแม่ยุคใหม่

ปิยวรา กล่าวเสริมว่า เครื่องอบผ้านอกจากช่วยถนอมผ้าแล้ว ยังมีฟังก์ชั่นในการเลือกความร้อน และระยะเวลาในการอบผ้าให้เหมาะสมกับผ้าแต่ละประเภท “ปกติจะใส่ชุดผ้าไหม และผ้าฝ้ายค่อนข้างบ่อย อย่างผ้าไหมเป็นผ้าที่มีเส้นใยละเอียดอ่อน หากโดนความร้อนมากๆ ก็อาจเป็นอันตรายต่อเนื้อผ้าได้ จึงเลือกส่งร้านซักแห้งเป็นส่วนใหญ่ แต่ถ้าเป็นผ้าชนิดอื่นๆ เช่น ผ้าฝ้าย ที่ใส่ประจำก็สามารถนำเข้าเครื่องอบผ้าได้เลย โดยไม่ต้องกังวลว่าเนื้อผ้าจะหดตัวอย่างแน่นอน”

เธอบอกว่า เครื่องอำนวยความสะดวกอย่างเครื่องอบผ้า ช่วยให้ชีวิตสะดวกสบายขึ้น สามารถซักผ้าได้ทุกเวลาทั้งกลางวัน และกลางคืน รวมทั้งประหยัดเวลา ไม่ต้องรอให้ผ้าแห้ง เหมาะสำหรับไลฟ์สไตล์ของแม่บ้านยุคใหม่ที่ต้องบริหารจัดการเวลาแต่ละวันให้ลงตัวมากที่สุด “อย่างถ้าตอนกลางวันต้องไปทำงาน ก็สามารถนำผ้าใส่เครื่องอบไว้ได้ พอกลับมาตอนเย็นก็สามารถพับเก็บได้เลย ขณะเดียวกันถ้าเราไม่มีเครื่องอบผ้าตอนกลางวันอาจไม่มีเวลาตากผ้า หรือเสี่ยงเวลาตากผ้าไว้แล้วฝนตก จึงช่วยเพิ่มสะดวกสบายเพราะสามารถซักผ้า อบผ้าได้ตลอดเวลาทั้งวันตามความสะดวกของเรา อีกทั้งเครื่องอบผ้าบางรุ่นยังมีฟังก์ชั่นช่วยลดรอยยับ รีดง่าย สะอาด และนุ่มฟูอีกด้วย”

เซเลบริตี้คุณแม่ยุคใหม่

ด้าน ตะวันนา ธาราธนกุล ดีไซเนอร์ และเจ้าของแบรนด์แฟชั่นดัง เปิดใจว่า บางคนอาจเข้าใจว่าเมืองไทย แดดร้อน อาจไม่จำเป็นต้องมีเครื่องอบผ้า แต่ความจริงแล้วการตากผ้ากลางแดดจัด อาจทำลายเนื้อผ้า แถมยังมีฝุ่นละอองต่างๆ ติดผ้ามาด้วย การเลือกใช้
การอบผ้า จะช่วยถนอมเนื้อผ้าได้ดี และทำให้นิ่มขึ้น โดยเฉพาะเสื้อผ้าเด็กที่ต้องการความสะอาดมากเป็นพิเศษ นอกจากนี้เครื่องอบผ้า ยังช่วยให้การทำงานบ้านเป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบายมากขึ้น เพราะช่วยลดขั้นตอนต่างๆ พออบเสร็จ ก็สามารถพับเก็บเข้าตู้เสื้อผ้าได้เลย ทำให้รู้สึกว่าผ้าสะอาดมากกว่าการตากผ้าแบบเดิมๆ

“เมื่อสัปดาห์ก่อนเครื่องอบผ้าเพิ่งเสีย ทำให้ชีวิตยุ่งยากแบบสุดๆ เพราะพอซักผ้าเสร็จก็ต้องนำไปตาก ซึ่งใช้เวลามากกว่าการอบผ้า ที่เราสามารถแยกผ้าและนำไปอบซึ่งใช้เวลาไม่นานผ้าก็จะแห้งสนิทแล้ว และตอนนี้ก็เข้าสู่ฤดูฝนแล้ว ถ้าตากผ้าไม่แห้งสนิทจริงๆ ก็จะเกิดความอับชื้น ทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ การใช้เครื่องอบผ้าจึงเป็นตัวช่วยที่ตอบโจทย์ได้ดีที่สุดในช่วงที่ฝนตกวันเว้นวันแบบนี้” ตัวแทนแม่บ้านยุคใหม่บอกไลฟ์สไตล์ของเธอ

เซเลบริตี้คุณแม่ยุคใหม่

ดีไซเนอร์สาวยังแนะนำเทคนิคการดูแลถนอมเสื้อผ้าชุดโปรดให้คงสภาพ และสามารถใช้งานได้อย่างยาวนานว่า “ปกติถ้าเป็นเสื้อผ้าที่เป็นแบรนด์ไฮเอนด์จะมีฉลากแสดงวิธีการดูแลรักษาเสื้อผ้า เช่น วิธีการซัก ระดับความร้อนที่ใช้ในการรีดผ้า สามารถเข้าเครื่องอบผ้าได้หรือไม่  ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้มีความสำคัญมาก เพราะเป็นการดูแลเสื้อผ้าที่ถูกต้อง อย่างการตั้งเวลา อุณหภูมิที่ใช้ในการอบผ้า ให้เหมาะสมกับเนื้อผ้าแต่ละประเภท เพราะเป็นการถนอมเนื้อผ้าไปในตัว ยกตัวอย่างผ้าที่เป็นใยสังเคราะห์ประเภทต่างๆ ก็สามารถใช้เครื่องอบผ้าได้ แต่ถ้าเป็นผ้าใยธรรมชาติ เช่น ผ้าไหม หรือผ้าที่มีความบางมากๆ อย่างผ้าชีฟอง ต้องหลีกเลี่ยงการนำไปอบในเครื่องอบผ้า รวมถึงผ้ายืดที่มีส่วนผสมของสแปนเด็กซ์ เพราะความยืดหยุ่นในสแปนเด็กซ์จะทำปฏิกิริยากับความร้อน ส่งผลให้ผ้าหดตัวได้”

เพียบพร้อมไปด้วยข้อดีและคุณประโยชน์มากกว่าที่คิด สมเป็นผู้ช่วยอันชาญฉลาดที่ควรอยู่เคียงข้างแม่บ้านยุคใหม่จริงๆ

เรื่อง : แพรวดอทคอม

ภาพ : อีเลคโทรลักซ์

 

ติดตามอัพเดตเรื่องราวต่างๆจากนิตยสารแพรวให้สนุกยิ่งขึ้นได้ที่

www.facebook.com/praewmagazine

Instagram : @praewmag

และติดตามอ่าน แพรว E-Magazine ได้แล้ววันนี้เพียงดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น

  • Praew E-magazine
  • NaiinPann
  • Ookbee

 

ฉายเดี่ยวเที่ยว CROATLA (ตอนที่2)

7 ชั่วโมงครึ่งผ่านไป ฉันกะปลกกะเปลี้ยมาถึงทางเข้าอุทยานที่ 1 ทำลายสถิติ 4 ชั่วโมงที่เจ้าของโรงแรมคาดการณ์ไว้เกือบเท่าตัวตาก็สอดส่ายหาคิวรถแท็กซี่ตามคำแนะนำ ก่อนจะลากขาไปยังแท็กซี่แวนคันแรกที่จอดอยู่ที่ป้าย ยื่นหน้าเข้าไปเจรจากับคนขับ “พี่คะ มีรถไปเมืองสปลิต (Split) โทรเกียร์ (Trogier) หรือซาดาร์ (Zadar) บ้างไหมคะ” พี่คนขับทำหน้างงก่อนตอบว่า ตกลงจะไปเมืองไหนกันแน่ฉันต้องอธิบายว่าฉันเดินทางคนเดียว คงไม่มีปัญญาเหมาทั้งคันจึงต้องการหาคนอื่นมาร่วมทาง จะได้ขอรวมไปกับเขาด้วย

1

พี่แท็กซี่คิด ๆ แล้วบอกฉันว่า “ตอนนี้ยังไม่มี แต่ถ้าจะไปซาดาร์มีรถบัสผ่านตรงนี้ราว 17.23 นะ” ฉันเริ่มมีความหวังถามกลับเสียงสูง“แต่เมื่อวานที่โรงแรมโทรศัพท์เช็กให้แล้ว บอกว่าตอนเย็นไม่มีรถบัสวิ่งแล้ว” เขาบอกว่า “โอ๊ย! รถมีหลายบริษัท เช็กไม่หมดหรอก แต่เชื่อสิพี่จอดรอผู้โดยสารตรงนี้ทุกวัน เห็นหมดว่ามีรถบัสมาจอดนี่รอบกี่โมงจากไหนไปไหน” ฉันใจชื้นเป็นกอง เขายังบอกด้วยว่าฉันสามารถไปรอขึ้นรถที่ป้ายมุกคินเจแถวโรงแรมก็ได้ เพราะรถต้องผ่านอยู่แล้ว และไปจ่ายค่าโดยสารบนรถได้เลย

ฉันฉีกยิ้มหวานถามต่อด้วยน้ำเสียงประจบ “ว่าแต่…พี่ขับไปส่งที่โรงแรมได้ไหม คือหนูเดินมา 7 ชั่วโมงกว่าแล้ว ปวดขามาก เดินกลับไปเองไม่น่าจะถึงโรงแรม พี่คิดค่าแท็กซี่เท่าไหร่คะ” เขาหัวเราะ “ขึ้นมาคิดราคาครึ่งหนึ่งของมิเตอร์แล้วกัน” ฉันรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายกระโดดขึ้นรถ จนเขามาส่งถึงที่หน้าโรงแรม

2

ก่อนลงจากรถเขากำชับอีกว่า “รถมารอบ 17.23 น. แต่สัก 17.10 น.ก็ออกมารอได้แล้ว เผื่อมาเร็ว เอาอย่างนี้ เดี๋ยวพี่กลับไปที่วินแล้วมีผู้โดยสารจะไปทางนั้นหลายคน พี่จะวนรถมาดูที่ป้ายรถแล้วกันว่าจะไปด้วยกันไหม แต่ถ้าไม่มี แล้วเราไม่ได้เจอกันอีกก็เดินทางดี ๆ ล่ะ”

เจ้าของโรงแรมทำหน้างงตอนที่ฉันเดินกลับเข้าไปตอนเกือบห้าโมงเย็น และฉันบอกว่าคิดว่าน่าจะมีรถบัสผ่านแถวนี้ตอนห้าโมงกว่าเพื่อไปซาดาร์ เขายืนยันว่าเมื่อวานเช็กให้แล้ว ไม่เห็นมีรถวิ่งรอบนั้น แล้วบอกฉันว่าเพิ่งอบเค้กช็อกโกแลตอัลมอนด์เสร็จ ให้ฉันนั่งพักและกินเค้กเอาฤกษ์เอาชัยไปก่อนระหว่างรอเขาไปเอากระเป๋าเสื้อผ้าที่ฝากไว้มาให้ตอนเดินไปส่งฉันท่หี น้าโรงแรมเขายังบอกว่า ถ้าเลยห้าโมงคร่งึ แล้วไม่มีรถก็เดินกลับมาตั้งหลักที่โรงแรมนะ

ฉันลากกระเป๋าออกไปยืนรอรถที่ศาลาไม้มุกคินเจคนเดียว ใจพองฟูทุกครั้งที่ได้ยินเสียงรถกำลังแล่นพ้นโค้งถนนมา แล้วก็ใจแฟ่บลงไปเมื่อเห็นว่าไม่ใช่รสบัสที่กำลังรออยู่ จนกระทั่งห้าโมงครึ่ง ฉันดีใจมากที่เห็นรสบัสสีฟ้าของบริษัทโครเอเชียบัสแล่นพ้นโค้งเข้ามาจอด…วิวสองข้างทางจากพลิตวิเซ่เลคส์ไปยังซาดาร์ช่วงโพล้เพล้นั้นสวยงามมาก ถ้านั่งรถรอบเที่ยงคืนฉันคงไม่ได้เห็น

ประตูเมืองแลนด์วาร์ดเกต (Landward Gate) ที่ซาดาร์ สังเกตว่าด้านบนจะมีสิงโตมีปีกซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเวนิสอยู่ด้วย
ประตูเมืองแลนด์วาร์ดเกต (Landward Gate) ที่ซาดาร์ สังเกตว่าด้านบนจะมีสิงโตมีปีกซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเวนิสอยู่ด้วย

ฉันใช้สัญญาณ Wi-Fi ที่ให้บริการฟรีที่สถานีรถบัสซาดาร์ จองโรงแรมผ่านแอพพลิเคชั่นในโทรศัพท์มือถือ คนขับแท็กซี่จากท่ารถบัสพาฉันมาส่งยัง Bed & Breakfast ที่เพิ่งจองมาสด ๆ ร้อน ๆ และช่วยโทรศัพท์ตามคุณป้าเจ้าของจากเบอร์ในเอกสารการจองให้ลงมารับถึงที่รถ คุณป้าบอกว่าเห็นว่าเพิ่งจะจองเข้ามาแบบปุบปับเมื่อกี้ คิดว่าต้องโผล่มาแบบหิวแน่ ๆ จึงทำแพนเค้กชีสรอไว้ให้

พรุ่งนี้เดินทางอีก 3 ชั่วโมงก็จะถึงสปลิต มีรถออกจากที่นี่ทุก 2 ชั่วโมง ที่ท่ารถบอกไม่ต้องจองล่วงหน้าให้วุ่นวาย มาถึงสถานีใกล้เวลารอบไหนค่อยซื้อตั๋วก็ได้

ฉันลากกระเป๋าเข้าไปยังห้องพักในซาดาร์ เมืองที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมาแวะ พลันนึกไปว่าตัวเองโชคดีแค่ไหนที่พบเจอแต่คนดี ๆ คอยช่วยเหลือตลอดทางที่ผ่านมา อย่างที่คุณยายที่เจอบนรถบัสตอนข้ามพรมแดนบอกไว้จริง ๆ

ซาดาร์ (Zadar) เมืองจิ๋วแต่แจ๋ว

เช้าวันรุ่งขึ้นคุณป้าเจ้าของโรงแรมให้แผนที่พร้อมอธิบายสถานที่เที่ยวในซาดาร์ จึงเห็นว่าโรงแรมที่ฉันพักแสนจะสะดวก เนื่องจากตั้งอยู่ริมกำแพงเมืองเก่าพอดี ดูจากแผนที่แล้วที่เที่ยวในเขตเมืองเก่าของซาดาร์อยู่ในระยะเดินถึงทั้งสิ้น พลิกหนังสือนำเที่ยวดูประวัติความเป็นมาก็พบว่าซาดาร์น่าสนใจไม่น้อยกว่าเมืองท่องเที่ยวอื่น มีความเป็นมาตั้งแต่สมัยโรมัน เคยเป็นเมืองท่าสำหรับค้าไม้และไวน์ เคยเป็นฐานที่มั่นของกองทัพเรือแห่งอาณาจักรไบแซนไทน์ในช่วงศตวรรษที่ 12 – 13 เคยเนื้อหอมขนาดอาณาจักรเวนิสและราชวงศ์ฮังการีต้องรบแย่งกัน ก่อนที่จะถูกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรเวนิสในยามรุ่งเรืองเมื่อราวศตวรรษที่ 14

โรมันฟอรั่มและโบสถ์แห่งนักบุญโดแนตในเขตกำแพงเมืองเก่าของซาดาร์
โรมันฟอรั่มและโบสถ์แห่งนักบุญโดแนตในเขตกำแพงเมืองเก่าของซาดาร์

ฉันเดินผ่านกำแพงเมืองเก่าเข้าไปอึดใจเดียวก็พบกับโรมันฟอรั่ม (Roman Forum) หรือลานกลางเมืองที่ชาวโรมันในอดีตสร้างไว้ โดยมีโบสถ์และพิพิธภัณฑ์เรียงรายโดยรอบ โบสถ์ที่ดูจะมีสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจที่สุดคือ โบสถ์นักบุญโดแนต (Church of St. Donat) เดิมชื่อว่า Holy Trinity ก่อนจะเปลี่ยนชื่อตามบิชอปโดแนต โบสถ์แห่งนี้เป็นตัวอย่างของสถาปัตยกรรมยุคไบแซนไทน์ที่ใหญ่ที่สุดในแคว้นดัลเมเชีย (Dalmetia) สร้างในช่วงศตวรรษที่ 9 ใช้หินจากโรมันฟอรั่มยามที่ชาวโรมันหมดอำนาจไปนานแล้ว ปัจจุบันใช้เป็นสถานที่จัดคอนเสิร์ตเนื่องจากมีระบบอะคูสติกที่ดีเยี่ยม

บรรยากาศภายในของโบสถ์แห่งนักบุญโดแนตซึ่งปัจจุบันใช้เป็นที่สำหรับจัดคอนเสิร์ต
บรรยากาศภายในของโบสถ์แห่งนักบุญโดแนตซึ่งปัจจุบันใช้เป็นที่สำหรับจัดคอนเสิร์ต

อากาศวันนั้นสดใส ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าเข้มตัดกับเมฆขาวบนฟ้า ฉันเดินเข้าโบสถ์นั้นออกโบสถ์นี้ เผลอนิดเดียวก็ทะลุอีกฝั่งของกำแพงเมืองเดินเลาะริมทะเลไปเรื่อย ๆ ก็เจอกับไฮไลท์อีกแห่งหนึ่งของเมืองซีออร์แกน (Sea Organ) พื้นที่ริมทะเลที่ออกแบบโดยนิโคลา เบสิก (Nikola Baši ) สถาปนิกมือรางวัลชาวโครเอเชีย ลักษณะเป็นขั้นบันไดหินทอดลงทะเล เป็นพื้นที่ริมน้ำสำหรับคนท้องถิ่นหรือแม้กระทั่งนักท่องเที่ยวอย่างฉันมานั่งเล่นในวันที่อากาศดีแบบนี้ แต่สิ่งที่ทำให้บันไดนี้มีความพิเศษคือใต้บันไดเจาะช่องไว้ เมื่อคลื่นและลมเคลื่อนตัวผ่านช่องนี้ก็จะเกิดเป็นเสียงดนตรีคล้ายหีบเพลง ขับกล่อมพื้นที่ริมทะเลของซาดาร์ด้วยบทบรรเลงจากธรรมชาติ

บรรยากาศในเขตเมืองเก่าของซาดาร์
บรรยากาศในเขตเมืองเก่าของซาดาร์

เย็นวันนั้นฉันนั่งรถบัสมุ่งสู่สปลิตที่เป็นจุดหมายถัดไป ทิ้งซาดาร์เมืองที่ได้พบกันโดยไม่คาดฝันไว้เบื้องหลัง คิด ๆ แล้วการเดินทางสอนให้ฉันรู้ว่า บางครั้งสิ่งที่ดูเหมือนจะไม่ได้เป็นไปตามที่เราคาดหวังหรือวางแผนไว้ก็พาเรามาสู่เส้นทางใหม่ ให้เราได้รู้จัก พบเจอ และเรียนรู้ได้ไม่แพ้กัน

(อ่านต่อฉบับหน้า)

TIPS
การเดินทางจากเวนิสไปยังเมืองต่างๆ ในแคว้นอิสเตรียของโครเอเชียที่สะดวกที่สุดคือเรือเฟอร์รี่เปิดให้บริการเฉพาะหน้าร้อนราวต้นเดือนพฤษภาคมถึงปลายเดือนมิถุนายนเท่านั้น ตารางวันเริ่มเดินเรือเปลี่ยนแปลงทุกปี ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศของปีนั้นๆ เช็กรอบและเวลาเดินเรือได้ที่ www.venezialines.comและในช่วงหน้าร้อนยังมีเรือเฟอร์รี่ของโครเอเชียที่วิ่งเชื่อมแต่ละเมืองริมฝั่งทะเลเอเดรียติกเข้าด้วยกันอีกด้วย www.jadrolinija.hr

โครเอเชียขึ้นชื่อเรื่องอาหารทะเลที่สดโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมืองที่อยู่ติดขอบทะเลอย่างโรวินจ์ อย่าพลาดร้านทิปิโก้ (Tipico) ร้านเล็กๆ อยู่บนถนนกริสเซีย ใจกลางเขตเมืองเก่าของโรวินจ์ กลางร้านจะมีโชว์ครัวเล็กๆ ให้เราเห็นพ่อครัวสาละวนปรุงอาหารที่ทำจากปลาสดๆ แบบต้นตำรับอิสเตรีย ทยอยออกมาเสิร์ฟให้แขกในร้านอย่างตั้งใจ

โครเอเชียคึกคักมากในช่วงฤดูร้อน (ตั้งแต่ปลายมิถุนายน – สิงหาคม) บริษัททัวร์หลายแห่งจะมีบริการ Excursion หรือทัวร์แบบไปเช้า – เย็นกลับไปยังอุทยานแห่งชาติพลิตวิเซ่เลคส์จากเมืองข้างเคียง ไม่ว่าจะเป็นซาเกร็บ(Zagreb) สปลิต (Split) หรือซาดาร์ (Zadar) แนะนำให้ค้างที่นี่สักคืนเพื่อดื่มด่ำกับธรรมชาติที่อุทยานนี้อย่างเต็มที่ขอแนะนำโรงแรม Villa Lika : Mukinje 63,53231 Plitvi ka jezera www.villa-lika.com อยู่ห่างจากป้ายรถบัสอึดใจเดียวเหมาะกับผู้ที่เดินทางด้วยรถบัส

แนะนำที่พัก Guest House Pegla : Bartola Kaši a 1, 23000 Zadar, Croatia เจ้าของเป็นคุณป้าที่ดูแลแขกอย่างอบอุ่น

ที่มา : คอลัมน์สารคดีท่องเที่ยว นิตยสารแพรว ฉบับที่ 863 ปักษ์วันที่ 25 สิงหาคม 2558

บทความนี้ถือเป็นทรัพย์สินของเว็บไซต์แพรว ห้ามผู้ใดนำไปคัดลอก ดัดแปลง หรือทำซ้ำ อนุญาตให้แชร์บทความนี้ได้จากลิ้งค์นี้เท่านั้น

 

สุนารี ราชสีมา มีของดี! มัดใจหนุ่ม ‘วาวเตอร์’ อยู่หมัด!

สุนารี ราชสีมา มีของดี! มัดใจหนุ่ม ‘วาวเตอร์’ อยู่หมัด!

ตอนนี้ชีวิตดี๊ดีสุดๆ ลัคกี้อินเกมแล้วยังลัคกี้อินเลิฟอีกด้วยสำหรับสาว ‘ สุนารี ราชสีมา ‘ กับ  ‘วาวเตอร์’ แฟนหนุ่มวัยละอ่อนชาวเนเธอร์แลนด์ ถึงอายุจะห่างกันถึง 20 ปี แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคกับความรักครั้งนี้แต่อย่างใด

สุนารี ราชสีมาอายุเป็นเพียงตัวเลข เพราะถ้าคนจะคู่กันแล้วก็ไม่แคล้วกันหรอก แม้ทั้งคู่จะอายุห่างกันถึง 20 ปี แต่นักร้องรุ่งทุ่งชื่อดังการันตีมาว่า แฟนหนุ่มชาวเนเธอร์แลนด์ไม่ได้เด็กอย่างที่คิด ตรงกันข้ามเลย เพราะค่อนข้างเข้าใจโลก มีความชอบที่คล้ายๆ กัน แล้วที่สำคัญคือเข้ากับลูกของนางได้เป็นอย่างดี สุนารี ราชสีมา สุนารี ราชสีมา สุนารี ราชสีมา สุนารี ราชสีมา

เรื่อง : แพรวดอทคอม

ภาพ: sunareelam

 

ติดตามอัพเดตเรื่องราวต่างๆจากนิตยสารแพรวให้สนุกยิ่งขึ้นได้ที่

www.facebook.com/praewmagazine

Instagram : @praewmag

และติดตามอ่าน แพรว E-Magazine ได้แล้ววันนี้เพียงดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น

  • Praew E-magazine
  • NaiinPann
  • Ookbee

มุมหล่อของหนุ่ม ‘วาวเตอร์’ ที่มัดใจลูกทุ่งสาว ‘สุนารี’ อยู่หมัด!

ตอนนี้ชีวิตดี๊ดีสุด สำหรับลูกทุ่งสาวชื่อดัง “สุนารี ราชสีมา” หลังเปิดตัวคบหากับแฟนหนุ่มวัยละอ่อนชาวเนเธอร์แลนด์ ที่อายุห่างกันถึง 20 ปี อย่าง “วาวเตอร์” ถึงแม้อายุจะห่างกันเพียงใด แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรค เพราะความรักของทั้งคู่เรียกได้ว่า รักหวานน้ำตาลเรียกพี่สุดๆ

เวอร์ชั่นล่าสุดของนาฬิกาจับเวลาสุดคลาสสิกเพื่อสืบสานตำนานแห่ง ไทม์เม็กซ์

เผยโฉมเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด ไทม์เม็กซ์ เดอะ วอร์เทอร์บิวรี่ โครโนกราฟ บลู และ ไทม์เม็กซ์ เดอะ วอร์เทอร์บิวรี่ โครโนกราฟ โกลด์ ที่ถูกรังสรรค์ความงดงามขึ้นด้วยดีไซน์ย้อนยุคอันทรงคุณค่าบนตัวเรือนสเตนเลสสตีล ขนาด 42 มิลลิเมตร พร้อมแป้นกดกับเม็ดมะยมแบบดั้งเดิม จับคู่มากับสายหนังแท้เส้นหรู สง่างาม ด้วยหน้าปัดดีไซน์คลาสสิกในรูปแบบทูโทน  ออกแบบให้วงหน้าปัดจับเวลาเป็นสีขาวตัดกับพื้นหน้าปัดสีเข้มอย่างลงตัว พร้อมติดตั้งแท่งหลักชั่วโมงโลหะสุดคลาสสิก เสริมความโดดเด่นด้วยปลายเข็มจับเวลาสีส้มและเพิ่มเข็มแสดงวินาทีขนาดเล็กปลายเข็มสีส้มเช่นกันเหนือตำแหน่ง 6 นาฬิกา ประสิทธิภาพการทำงานด้วยกลไกควอตซ์คุณภาพสูง พร้อมฟังก์ชั่นแสดงวันที่ผ่านช่องหน้าต่าง ฟังก์ชั่นโครโนกราฟจับเวลา และระบบแสงสว่างหน้าปัด อินดิโกล ไนท์-ไลต์ ที่ให้แสงสว่างนวลตาสำหรับอ่านค่าเวลาได้อย่างชัดเจนในความมืด ตัวนาฬิกาสามารถป้องกันน้ำได้ถึงระดับ 50 เมตร

1

  • ไทม์เม็กซ์ เดอะ วอร์เทอร์บิวรี่ โครโนกราฟ บลู ความงามสง่าในตัวเรือนสีเงิน หน้าปัดสีน้ำเงิน เข็มและหลักชั่วโมงสีเงิน คู่กับสายหนังแท้สีน้ำเงิน (TW2P75400) ราคา 7,500 บาท
  • 2ไทม์เม็กซ์ เดอะ วอร์เทอร์บิวรี่ โครโนกราฟ โกลด์ ความงามหรูในตัวเรือนเคลือบทอง หน้าปัดสีดำ เข็มและหลักชั่วโมงสีทอง คู่กับสายหนังแท้สีน้ำตาล (TW2P75300) ราคา 8,000 บาท

ไทม์เม็กซ์ (TIMEX) มีนาฬิกาหลากหลายรุ่น หลายสไตล์ ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน และตรงกับไลฟ์สไตล์ของคนในยุคนี้ พร้อมให้คุณเลือกสรรแล้ววันนี้ทีเคาน์เตอร์ ไทเม็กซ์ ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ

เรื่อง : แพรวดอทคอม

ภาพ : TIMEX

 

ฉายเดี่ยวเที่ยว CROATLA (ตอนที่1)

1-1

ใจหายใจคว่ำ ข้าม 3 พรมแดน

ฉันออกเดินทางครั้งนี้เพียงคนเดียวเริ่มต้นการเดินทางที่เวนิส (Venice) อิตาลีโดยเลือกนั่งรถบัสจากบริเวณที่จอดรถของท่าเรือทรองเกตโต้ (Tronchetto) มุ่งสู่เมืองตรีเอสเต (Trieste) เลาะขอบชายแดนฝั่งตะวันออก-เฉียงเหนือของอิตาลี ผ่านพรมแดนสโลวีเนียเข้าโครเอเชีย

การเดินทางจากอิตาลีไปโครเอเชียทางรถต้องแล่นผ่านเขตประเทศสโลวีเนียก่อน เมื่อรถแล่นเข้าพรมแดนโครเอเชีย คุณยายใจดีที่คุยกับฉันมาตลอดทางด้วยใจเมตตาถามฉันว่าจะไปเที่ยวไหนบ้าง มีที่นอนหรือยัง พร้อมกับบอกกับฉันก่อนจะลงจากรถที่ป้ายก่อนฉันว่า“ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวหนูก็จะเจอคนใจดีที่พูดภาษาอังกฤษได้คอยช่วยหนู ไม่ต้องห่วง ขอให้เที่ยวให้สนุกนะ”

Rovinj…เกาะที่ไม่เป็นเกาะ

รถแล่นเข้ามาถึงที่หมายแรกของฉันคือ โรวินจ์ (Rovinj) หรือที่คนอิตาลีเรียกว่าโรวินโญ่ (Rovigno) เมืองท่าสมัยโบราณในแคว้นอิสเตรีย (Istria) ของโครเอเชีย เป็นเมืองการประมงที่สำคัญแห่งหนึ่งในแถบเมดิเตอร์เรเนียน ในอดีตโรวินจ์เคยมีชื่อเสียงด้านการต่อเรือและเป็นเมืองท่า มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับเวนิส ซึ่งมีสถานะเป็นเมืองการค้าที่มีอิทธิพลมาแต่โบราณ คนที่นี่ส่วนใหญ่จึงพูดทั้งภาษาโครแอทและภาษาอิตาลี

ท่าเรือของโรวินจ์
ท่าเรือของโรวินจ์

ในอดีตนั้นโรวินจ์มีสัณฐานเป็นเกาะ จนกระทั่งช่วงศตวรรษที่ 17 เมื่อขนาดประชากรเพิ่มขึ้นในยุคที่เมืองเฟื่องฟู จึงค่อย ๆ ถมดินขึ้นมาจนมีอาณาเขตติดต่อกับแผ่นดินใหญ่ในที่สุด ปัจจุบันโรวินจ์มีลักษณะเหมือนแหลมที่ยื่นลงไปในทะเลเอเดรียติก

ฉันเดินลากกระเป๋าผ่านพื้นหินสีขาวของถนนคาร์เรร่า (Carrera) ถนนเส้นหลักของเมืองไปยังโรงแรมที่จองไว้ อย่างที่คุณยายบอกเอาไว้ฉันเจอคนใจดีระหว่างทางที่เสนอตัวเข้ามาช่วยอธิบายทิศทางไปโรงแรมอยู่เป็นระยะ

คาร์เรร่า ถนนเส้นหลักของโรวินจ์
คาร์เรร่า ถนนเส้นหลักของโรวินจ์

เช้าวันรุ่งขึ้นฉันเดินเลียบทางเดินริมทะเลที่เงียบสงบ ผ่านตลาด Farmer’s Market ขนาดย่อมที่ชาวบ้านนำผักผลไม้สดและผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น เช่น น้ำผึ้ง มาวางขาย จมูกตามกลิ่นหอมของขนมปังที่อบใหม่ ๆ ไปยังท้ายตลาด ต่อคิวซื้อขนมปังที่ร้านหนึ่ง ก่อนจะถือครัวซองต์อุ่น ๆ ติดมือออกมานั่งกินริมน้ำรับแดดอยู่สักพัก ถึงค่อย ๆ เดินผ่านประตูเมืองบาลบี (Balbi Arch) ไต่เนินขึ้นไปในเขตเมืองเก่าทางถนนกริสเซีย (Grisia) เส้นแคบ ๆ ปูหินก้อนเล็กอัดกันแน่นมาตั้งแต่โบราณ รายรอบด้วยอาคารบ้านเรือนที่สร้างทับซ้อนกันในช่วงต่างยุคต่างสมัย ผสมผสานศิลปะจากหลากหลายยุค ไม่ว่าจะเป็นกอทิก เรอเนสซองซ์ บาโรกจนถึงนีโอคลาสสิก ภายในบ้านเรือนสองข้างทางถนนกริสเซียนั้นเต็มไปด้วยแกลเลอรี่ที่ศิลปินท้องถิ่นนำงานออกมาแสดงไว้ตามหน้าร้านเดินดูงานศิลปะพลางค่อย ๆ ไต่เนินชันขึ้นไปเพลิน ๆ อึดใจเดียวก็ถึงโบสถ์นักบุญยูฟีเมีย (Church of St. Euphemia) อยู่บนเนินสูงสุดของเขตเมืองเก่า มองลงไปเบื้องหน้าเป็นผืนน้ำสีเขียวใสของทะเลเอเดรียติกกว้างไกลออกไปสุดหูสุดตา

มุมมองจากท่าเรือของโรวินจ์มองไปยังเขตเมืองเก่า
มุมมองจากท่าเรือของโรวินจ์มองไปยังเขตเมืองเก่า

ขากลับเดินลงเนินเลาะแนวกำแพงเมืองเก่ามายังท่าเรือด้านนอกกำแพง ฉันเลี้ยวเข้าไปยังพิพิธภัณฑ์โบทาน่าเฮ้าส์ (Botana House) ที่จัดแสดงวิถีของชาวโรวินจ์สมัยโบราณที่ผูกพันกับการต่อเรือและการทำประมง ไฮไลท์ของพิพิธภัณฑ์นี้อยู่ที่เรือโบทาน่า ซึ่งเป็นเรือหาปลาท้องแบน ถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเรือจากโรวินจ์

หลังจากอิ่มท้องจากหนึ่งในบรรดาร้านอาหารที่เรียงรายกันอยู่ริมน้ำในยามบ่าย ฉันเช่าจักรยานขี่เลียบริมน้ำไปเรื่อย ๆ สิ้นสุดที่พุนตาคอร์เรนเต้ฟอเรสต์ปาร์ค (Punta Corrente Forest Park) พื้นที่ป่าขนาดย่อมรายรอบด้วยน้ำทะเลใสแจ๋ว เหมาะเป็นที่นั่งปิกนิกหรือหาที่นอนอ่านหนังสือสักเล่ม หรือหลบแดดนอนกลางวันเป็นที่สุด

โดนคนแปลกหน้าดุ

จากโรวินจ์ฉันขึ้นรถบัสมุ่งหน้าไปอุทยานแห่งชาติพลิตวิเซ่เลคส์ (Plitvice Lakes National Park) อยู่ลึกเข้าไปใจกลางประเทศ ดูเส้นทางแล้วไม่มีรถบัสวิ่งตรงจากโรวินจ์ไปถึงเขตอุทยาน จำต้องนั่งรถไปลงที่เมืองคาร์โลวัค (Karlovac) เมืองที่เป็นแหล่งผลิตเบียร์คาร์โลวัค เบียร์ยี่ห้อดังของโครเอเชีย เพื่อเปลี่ยนรถอีกคันต่อไปยังพลิตวิเซ่เลคส์ ฉันเอาใบจองโรงแรมให้คนขับรถทัวร์ดู ขอลงรถที่ป้ายชื่อมุกคินเจ (Mukinje) ตามที่โรงแรมบอกไว้ล่วงหน้า

ท่าเรือซาดาร์
ท่าเรือซาดาร์

เมื่อรถเข้ามาถึงเขตพลิตวิเซ่เลคส์ จึงพบว่ามุกคินเจที่ลงรถที่โรงแรมบอกไม่ใช่สถานีใหญ่โตอะไร แต่เป็นศาลารอรถเมล์แบบศาลาไม้ริมถนนหลวงแบบบ้านเรานี่เอง เจอคุณน้าผู้หญิงคนหนึ่งที่ป้ายมาส่งลูกสาวขึ้นรถคันที่ฉันเพิ่งโดยสารมา คุณน้าเห็นฉันลากกระเป๋าลงจากรถก็หันมาทักอย่างใจดีว่า “หนูจะไปไหน ไปโรงแรมถูกรึเปล่า จองโรงแรมมารึยัง” พอฉันบอก แกก็ว่าอยู่ใกล้นิดเดียว เดินเข้าหมู่บ้านไปนิดหน่อยก็ถึง ฉันจึงถามต่อว่า “ขากลับจากพลิตวิเซ่เลคส์นี่ ถ้าหนูจะขึ้นรถไปเมืองสปลิต (Split) ก็มารอรถที่ป้ายนี้เหมือนกันใช่ไหมคะ” แกบอกว่าใช่ แต่พอรู้ว่าฉันจะมารอขึ้นรถตอนเที่ยงคืนเพื่อไปถึงสปลิตตอนเช้ามืด แกหน้าเครียดคิ้วขมวดและติงว่า “เป็นผู้หญิงคนเดียวจะออกมายืนรอรถมืด ๆ ตอนเที่ยงคืนริมถนนหลวงแบบนี้ได้ยังไง แต่ก็ตามใจฉันไม่แนะนำหรอกนะ” ว่าแล้วก็เดินจากไป ปล่อยให้ฉันเดินคอตกลากกระเป๋าเข้ามาเช็กอินที่โรงแรมแบบจ๋อยๆ รู้สึกเหมือนเพิ่งโดนแม่ดุ

ริมฝั่งทะเลโรวินจ์ในวันอากาศดี
ริมฝั่งทะเลโรวินจ์ในวันอากาศดี

เมื่อถึงโรงแรมพยายามปรึกษาพี่เจ้าของโรงแรมเพื่อแก้ปัญหาเรื่องรอบรถทัวร์ เขากุลีกุจอโทรศัพท์เช็กรอบรถทัวร์ให้ แล้วบอกว่าช่วงเวลานี้ยังไม่เข้าช่วงซัมเมอร์ซึ่งเป็นฤดูท่องเที่ยว รอบรถทัวร์ที่ให้บริการจึงมีไม่ถี่มาก รถรอบกลางวันรอบสุดท้ายที่ออกจากพลิตวิเซ่เลคส์ไปยังสปลิตคือรอบบ่ายสองโมงครึ่ง ซึ่งเร็วเกินไปที่ฉันจะมีเวลาเที่ยวพลิตวิเซ่เลคส์ซึ่งเป็นอุทยานขนาดใหญ่ได้ทั่ว แต่แนะนำว่าพรุ่งนี้พอเทรคกิ้ง (Trekking) เสร็จ ให้ลองเดินไปที่ประตูเข้าอุทยานที่ 1 จะมีแท็กซี่จอดรอบริการอยู่ด้านหน้า ถ้ามีผู้โดยสารหลายคนต้องการเดินทางไปจุดหมายเดียวกันก็รวมกันเหมาแท็กซี่ไป ค่าโดยสารถัวเฉลี่ยเมื่อหารกันออกมาแล้วราคาไม่แพงกว่านั่งรถทัวร์สักเท่าไหร่ ถ้าไม่สำเร็จก็กลับมาว่ากันใหม่ที่โรงแรม

พระอาทิตย์ยามเย็นที่โรวินจ์
พระอาทิตย์ยามเย็นที่โรวินจ์

Plitvice Lakes…สวรรค์บนดิน

หลังอาหารเช้าฉันเช็กเอ๊าต์และฝากกระเป๋ากับทางโรงแรมแล้วพี่เจ้าของโรงแรมก็อธิบายเส้นทางการเดินชมอุทยานแห่งชาติพลิตวิเซ่เลคส์ซึ่งมีหลายเส้นทางให้เลือก ขึ้นอยู่กับเวลาและสังขารของแต่ละคน พร้อมบอกฉันว่า Route H ที่เขาแนะนำน่ะ เจ๋งสุดแล้ว เห็นไฮไลท์ของอุทยานครบทุกอย่าง โดยใช้เวลาเทรคกิ้งจากประตูเข้าอุทยานที่ 2 ที่อยู่ใกล้ตัวโรงแรม เดินตามเส้นทาง H ก็น่าจะไปสิ้นสุดยังประตู 1 ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง มากสุดไม่เกิน 6 ชั่วโมง ถ้าเราแวะพักหรือหยุดถ่ายรูปบ่อย

อุทยานแห่งชาติพลิตวิเซ่เลคส์ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อค.ศ. 1949 ไม่กี่ปีหลังจบสงครามโลกครั้งที่ 2 อยู่ใจกลางของประเทศครอบคลุมพื้นที่ถึงกว่า 300 ตารางกิโลเมตร เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรก ๆ ของโลกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของยูเนสโก มีไฮไลท์คือทะเลสาบสีเขียวมรกตน้อยใหญ่แทรกตัวอยู่ท่ามกลางพื้นที่ป่าโดยรอบถึง 16 แห่ง นอกจากนี้ยังเป็นสวรรค์ของผู้ที่รักการดูนก เนื่องจากมีนกถึง 160 สายพันธุ์ที่ได้รับการจดบันทึกว่าอาศัยอยู่ในผืนป่าแห่งนี้

สะพานไม้ในอุทยานแห่งชาติพลิตวิเซ่เลคส์
สะพานไม้ในอุทยานแห่งชาติพลิตวิเซ่เลคส์

ฉันเดินออกจากโรงแรม มุ่งหน้าลึกเข้าไปยังหมู่บ้านเพื่อตรงไปยังทางเข้าอุทยานที่ 2 เส้นทางจากโรงแรมไปถึงอุทยานเป็นทางดินที่แผ้วถางเป็นทางเดินชัดเจน หากแต่มองไปสองข้างทางแล้ว รอบตัวคือป่าโปร่งดี ๆ นี่เอง ใช้เวลาเดินร่วม 40 นาทีก็ถึงทางเข้าอุทยาน จ่ายเงินค่าเข้าชม (ซึ่งรวมค่ารถบัสและเรือที่ใช้เดินทางในทะเลสาบ) แล้วก็นั่งรอรถชัตเทิลบัสซึ่งวิ่งทุก 20 นาที รับ – ส่งนักท่องเที่ยวไปยังสถานีที่อยู่ตอนบนของทะเลสาบหรืออัปเปอร์เลคส์ (Upper Lakes) เพื่อเริ่มเส้นทางการเดิน

ฉันลงจากรถที่สเตชั่นที่ 4 ที่เรียกว่าอัปเปอร์เลคส์ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นเส้นทางการเทรคกิ้งครั้งนี้ ทางเดินไม่ได้ยากหรือซับซ้อน มีแค่รองเท้าผ้าใบที่ไม่ลื่นก็ใช้ได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องมีรองเท้าเดินป่าอย่างที่แอบกลัวตอนแรก ทางเดินส่วนใหญ่ทางอุทยานทำเป็นสะพานไม้ เห็นเป็นเส้นทางชัดเจนให้อยู่แล้ว ถ้าเดินอยู่บนสะพานไม้ รับรองไม่มีหลงทัศนียภาพสองข้างทางสวยงามเหนือคำบรรยายจนต้องหยุดถ่ายรูปทุก 30 วินาที ในใจนึกว่าถ้าป่าหิมพานต์มีจริงคงหน้าตาแบบนี้

ทะเลสาบสีมรกตที่ขึ้นชื่อของอุทยานแห่งชาติพลิตวิเซ่เลคส์
ทะเลสาบสีมรกตที่ขึ้นชื่อของอุทยานแห่งชาติพลิตวิเซ่เลคส์

ฉันเดินเลาะตามเส้นทาง H ที่มีป้ายบอกเป็นระยะมาเรื่อย ๆ จนถึงทะเลสาบคอซจัค (Kozjak) เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในเขตอุทยานนี้มีความยาวราว 4 กิโลเมตร ทะเลสาบแห่งนี้เป็นตัวเชื่อมระหว่างอัปเปอร์เลคส์และโลเวอร์เลคส์ ตามแผนที่อยู่ด้านล่างของอุทยานระหว่างที่นั่งเรืออ้อยอิ่งข้ามไปอีกฟากหนึ่งของทะเลสาบก็โล่งใจ เมื่อพบร้านอาหารที่ทางอุทยานจัดเตรียมไว้บริการในอาคารไม้ด้านหน้า

ที่มา : คอลัมน์สารคดีท่องเที่ยว นิตยสารแพรว ฉบับที่ 863 ปักษ์วันที่ 25 สิงหาคม 2558

บทความนี้ถือเป็นทรัพย์สินของเว็บไซต์แพรว ห้ามผู้ใดนำไปคัดลอก ดัดแปลง หรือทำซ้ำ อนุญาตให้แชร์บทความนี้ได้จากลิ้งค์นี้เท่านั้น

หล่อคงกระพัน ‘ติ๊ก เจษฎาภรณ์’ โชว์กล้ามบึก…ฮือฮาทั้งสวนสัตว์!

IMG_9718 copyปกติอุ้มแต่ลูกชายน้องเต็นท์ พอต้องมาอุ้มตัวโคอาลาเลยเกิดอาการเกร็งเป็นพิเศษ

IMG_9786 copyเรื่องสัตว์กับเข้าป่าขอให้บอก พระเอกเราพร้อมลุย ขนาดตอนถ่ายแบบยังต้องหยิบกล้องมาถ่ายสัตว์ด้วยความสนอกสนใจ สมแล้วที่ทำรายการเนวิเกเตอร์

 

IMG_9736 copy“ทางของชาย” ติ๊ก-เจษฎาภรณ์กล่าวไว้ โพสนี้นายแบบเลยขอครีเอทเองเลยจ้า

 

IMG_9759 copyพ่อหนุ่มเนื้อหอม ขนาดจิงโจ้ยังต้องยอมสยบIMG_9763 copyภาพ : นิตยสารแพรว

11 ดีไซเนอร์ BFS ผนึกพลังเผย 6 เทรนด์หลัก A/W 2015

1-1

ตัวงานจัดที่บริเวณ ควอเทียร์ ซีนีอาร์ต ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ ชั้น 4  ด้วยการสนับสนุนจาก QURATOR “The Ultimate Thai Designer Showcase” EMQUARTIER, ควอเทียร์ ซีนีอาร์ต, ชลาชล แบงค็อก, เครื่องสำอาง M.A.C  และบริษัท ตือ จำกัด โดยมีการสร้างสรรค์รูปแบบของการถ่ายทอดเรื่องราวแนวความคิดทางแฟชั่นให้อยู่ในรูปแบบภาพยนตร์สั้นผ่านจอแก้วขนาดยักษ์ ตบท้ายด้วยมินิแฟชั่นโชว์ที่เหล่าแฟชั่นนิสต้าจะได้สัมผัสนิยามของคำว่า ”แฟชั่นไทยแบรนด์” ได้ครบทุกอรรถรส  จาก11 แบรนด์ไทยชั้นนำที่รวมตัวผนึกพลังเผยเทรนด์ผ่านภาพยนตร์สั้นที่นำเสนอสไตล์แฟชั่นแบบแตกต่าง หากแต่ยังคงมีกลิ่นอายที่สอดคล้องกันอยู่ โดยสามารถจัดเป็นหมวดหมู่ แบ่งออกเป็น 6 เทรนด์หลักดังนี้

แคมปัส คัลเลอร์ (Campus Colour)

1

 

การใช้สีในคอลเลกชั่นนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสีสันของชุดยูนิฟอร์มนักเรียนมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ อาทิ สีน้ำเงิน, สีเลือดหมู, สีเขียว, สีเหลือง, สีขาว, สีดำ ซึ่งแบรนด์ที่ค่อนข้างเด่นในการใช้สีเหล่านี้ ได้แก่ ‘เกรฮาวด์ ออริจินัล’ (Greyhound Original), ‘อาซาว่า’ (ASAVA), ‘เพนคิลเลอร์’ (Painkiller), ‘คลอเส็ท’ (Kloset), ‘เพลย์ฮาวด์ บาย เกรฮาวด์’ (Playhound by Greyhound) และ ‘วิคธีร์รัฐ’ (Vickteerut)

ทรี ไดเมนชันนัล อาร์ท (3 Dimensional Art)

2

เป็นการใช้เทคนิคในการตัดเย็บที่ทำให้เสื้อผ้าเกิดความมีมิติขึ้นมา ทั้งจากการสร้างวอลลุ่ม การจัดโบว์ ซึ่งจะเห็นได้ชัดในแบรนด์ ‘คูเรเตด บาย เอก ทองประเสริฐ’ (Curated by Ekthongprasert), ‘วิคธีร์รัฐ’ (Vickteerut)  รวมไปถึงในเรื่องของรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่น การปักเลื่อมเข้าไป ซึ่งแบรนด์ที่เห็นได้ชัด ได้แก่ ‘คลอเส็ท’ (Kloset) และ ‘มิลิน’ (Milin)

เจนเดอร์เลส เจ็น (Genderless Gen)

3

เสื้อผ้าสำหรับผู้หญิงที่ชอบการแต่งตัวสไตล์มาสคิวลีน เช่น การใส่สูท ใส่เสื้อเชิ้ตกับกางเกงสแลค สวมแจ็คเก็ตเพิ่มความเท่ ซึ่งแบรนด์ที่โดดเด่นในเทรนด์นี้ ได้แก่ ‘วิคธีร์รัฐ’ (Vickteerut), ‘อาซาว่า’ (ASAVA) และ ‘เกรฮาวด์ ออริจินัล’ (Greyhound Original)

ทเว็นตี้โฟว์ เซเว่น กาว์น (24/7 Gawn)

4

ชุดที่มีความหรูหรา เสริมภาพลักษณ์ให้ผู้สวมใส่ดูดีอยู่ตลอดเวลา แต่ยังสวมใส่ได้ในชีวิตประจำวัน อาทิ การใส่กางเกงขายาวปิดเท้า กระโปรงยาวกรุยกราย ที่จะเพิ่มความหรูหราเป็นพิเศษกว่าชุดธรรมดาทั่วไป ในเทรนด์นี้จะค่อนข้างเห็นชัดในทุกแบรนด์

แมททีเรียล ลิซึม (Material-ISM)

5

 

ในคอลเลกชั่นนี้แต่ละแบรนด์ได้มีการนำวัสดุที่แปลกใหม่มาใช้ในการตัดเย็บกันมากเป็นพิเศษ เช่น กระโปรงผ้าลูกฟูกที่จะได้เห็นในแบรนด์ ‘มิลิน’ (Milin) ผ้าใยสังเคราะห์ฉลุเป็นลวดลายของแบรนด์ ‘คูเรเตด บาย เอก ทองประเสริฐ’ (Curated by Ekthongprasert) หรือการใช้ผ้าลูกไม้ในแบรนด์ ‘ตุ๊ดตี้ แอนด์ ตุ๊ดตี้ ฟรุตตี้’(Tutti & Tutti Frutti)

สปอร์ตโหมด/สปอร์ต ซินโดรม (Sport Mode/Sport Syndrome)

6

เทรนด์นี้ถูกออกแบบขึ้นมาสำหรับผู้ชายโดยเฉพาะ เน้นที่ความเป็นสปอร์ต ซึ่งแบรนด์ที่เพิ่มความสปอร์ตเข้าไปในการออกแบบอย่างเห็นได้ชัดคือ ‘คูเรเตด บาย เอก ทองประเสริฐ’ (Curated by Ekthongprasert) ที่สไตล์ในครั้งนี้จะมีความเป็นแอฟริกัน แต่ก็เพิ่มกางเกงทรงสปอร์ตเข้าไป กับรองเท้าผ้าใบเท่ๆ ที่ให้มีกลิ่นของลุคสปอร์ตเข้ามา

ชอบเทรนด์ไหนก็อย่าลืมไปอุดหนุน เพราะนี่คืองานของคนไทยด้วยกันเองทั้งนั้น

 

 

PREAW CLICK : แจก Gift set Sheba

1. ตอบคำถามว่า : คุณมีวิธีเลือกอาหารแมวที่คุณรักอย่างไร? และใส่ #praewselected #แพรวดอทคอม ลงในComment กิจกรรมนี้ พร้อมกด also post on facebook เพื่อแชร์กิจกรรมนี้ให้ขึ้นที่หน้า Facebook ของคุณ (ตั้งค่าเป็นสาธารณะ)
2. กดไลค์เพจ Praew magazine https://www.facebook.com/praewmagazine?ref=tn_tnmn

คัดเลือกเพื่อหาผู้โชคดีทั้ง 10 รางวัล จากผู้ที่ตอบคำถามได้โดยใจที่สุด และทำถูกต้องตามกติกา รับ Gift set จาก Sheba มูลค่ารางวัลละกว่า 1,310 บาท ( 1 set ประกอบไปด้วยหมอน 1 ใบ + 2 Multipack + Pouch 6 ซอง)

Sheba Pillow Limited Edition – 800 บาท

1

Sheba Can Multipack 2 รส – 372 บาท

2

Sheba Pouch 6 ซอง – 138 บาท

3

*หมดเขตร่วมกิจกรรมวันที่ 9 กันยายน 2558 ประกาศรายชื่อผู้โชคดีวันที่ 10 กันยายน 2558

แวะเช็คอินที่ Rocket Coffee bar คาเฟ่สุดฮิต สุขุมวิท49

แวะเช็คอินที่ Rocket Coffee bar คาเฟ่สุดฮิต สุขุมวิท49

ธุรกิจร้านอาหาร หรือร้านคาเฟ่ต่างๆ เป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงมาก จะอาศัยเพียงแค่รสชาติอาหารก็คงจะอยู่ยาก เพราะถ้าร้านไหนไม่มีเอกลักษณ์หรือจุดเด่นพอ ก็อาจถูกกลืนหายไปได้ง่ายๆ วันนี้เรามีหนึ่งร้านคาเฟ่น้องใหม่ ที่ถึงแม้เปิดมาได้ไม่นานแต่กลับเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่แวะเวียนมากันอย่างไม่ขาดสาย โดยเฉพาะเอกลักษณ์ทั้งเรื่องการตกแต่งร้านและรสชาติอาหารที่ใครๆ ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นคาเฟ่ที่ไม่ควรพลาดเลยทีเดียว นั่นก็คือร้าน Rocket Coffee bar

Rocket Coffee bar“เพราะชื่นชอบและหลงใหลในการปรุงรสชาติของกาแฟและเครื่องดื่ม ทำให้เกิดไอเดียอยากมีคาเฟ่เป็นของตัวเอง แต่แค่นั้นมันคงธรรมดาเกินไปนอกจากเครื่องดื่มแล้วก็น่าจะมีอาหารด้วย จึงรวบรวมเพื่อนๆ ที่อยากทำร้านคาเฟ่นี้ด้วยกัน ซึ่งก็มีทั้งหมด 4 คนที่เป็นหุ้นส่วนของร้านนี้ โดยแนวคิดก็มาจากการผสมผสานวัฒนธรรมระหว่างสไตล์สวีเดน ซิดนีย์ กับซานฟรานซิสโกเข้าไว้ด้วยกัน ให้กลายเป็นร้านคาเฟ่ที่บรรยากาศอบอุ่น ผ่อนคลาย อยากจะให้คาเฟ่นี้เป็นสถานที่พบปะสังสรรค์ของเพื่อนๆ ทั้งกลางวันในรูปแบบของออลเดย์เบรกฟาสต์และเครื่องดื่มอย่างกาแฟหลากหลายชนิด ส่วนกลางคืนนอกจากอาหารก็มีเมนูขนมหวานและค็อกเทลเข้ามาเสริมทัพ” คุณ Dannie Sorum หนึ่งในสี่ของหุ้นส่วนได้ให้สัมภาษณ์และเล่าถึงที่มาของร้าน Rocket Coffee bar

Rocket Coffee barในตอนเปิดร้านแรกๆ เมนูส่วนใหญ่ของทางร้านจะเป็นเมนูสำหรับคนรักสุขภาพ แต่ตอนนี้ก็มีเมนูหลากหลายมากขึ้น ก่อนที่เราจะไปก็เคยได้ยินชื่อเสียงของร้านนี้มาแล้วบ้างเหมือนกัน และพอไปถึงจริงๆ ก็ประทับใจกับบรรยากาศภายในร้านมากๆ ด้วยขนาดของร้านที่ไม่ใหญ่โตมาก กำลังพอดี เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ก็เน้นงานไม้ทำให้เข้าถึงคำว่าอบอุ่นได้ไม่ยาก ผนังสีขาวและผนังกระจกด้านหน้าร้านทำให้ร้านดูโปร่ง ไม่อึดอัด  ทุกพื้นที่ผ่านการจัดสรรปันส่วนไว้หมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของบาร์ เคาน์เตอร์ และโซนที่นั่งที่มีถึง 3 โซนด้วยกัน ทั้งโซนภายในร้าน โซนเอ้าท์ดอร์ และโซนของชั้นลอย

Rocket Coffee barจุดเด่นจะอยู่ตรงที่เคาน์เตอร์ ที่ใช้โคมไฟระย้าดีไซน์โมเดิร์นห้อยลงมาจากเพดาน ซึ่งมันตัดกันได้ดีกับผนังสีขาวและบาร์ที่ปูด้วยกระเบื้องหินอ่อนสีเทา แล้วไหนจะมีต้นไม้เล็กๆ สีเขียวเอาไว้ตกแต่งช่วยเพิ่มบรรยากาศให้สดชื่นภายในร้านอีกด้วย ถือเป็นมุมสุดฮิตที่ใครมาก็ต้องแชะภาพเอาไว้อัพลง IG เช็คอินเบาๆ ระหว่างที่รออาหาร

Rocket Coffee barนอกจากบรรยากาศอบอุ่นที่เรียกคะแนนไปได้มากแล้ว ก็ยังรวมถึงเรื่องของรสชาติอาหารและเครื่องดื่มอีกด้วย เมนูแต่ละเมนูของที่นี่ผ่านการคิดมาอย่างสร้างสรรค์และใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ โดยจะเลือกใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นและออร์แกนิกเป็นหลัก เบเกอรี่ก็ต้องอบสดใหม่ทุกวัน แม้แต่เมนูเครื่องดื่มก็มีเมนูที่คิดกันขึ้นมาใหม่แทบทุกอาทิตย์ การันตีฝีมือเชฟจากประสบการณ์ทั้งโรงแรม และร้านอาหารระดับมิชลินมาแล้ว

Rocket Coffee barอย่างวันที่เราไปก็ลังเลเลือกเมนูกันไม่ถูกเลยทีเดียว เลยขอให้ทางร้านจัดเมนูที่เด่นๆ มาให้ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นประเภทอาหารเช้าอย่าง Our Breads & Pastry หรือ Sandwiches และเพื่อความหลากหลาย เราก็มีเมนูที่เลือกเพิ่มมาเองจากที่แนะนำมาด้วย อย่างเช่น

Silky Tofu
Rocket Coffee bar
เริ่มเสิร์ฟจานแรกกันที่เมนูเบาๆ อย่าง Silky Tofu เป็นเต้าหู้เย็นเนื้อเนียนนุ่มในน้ำซอสงา ทานคู่กับผักมิซูนา มะเขือเทศ มะเขือม่วงย่าง ใครที่อยู่ในช่วงไดเอท หรือทานมังสวิรัติ จานนี้เหมาะมากๆ รสชาติจะเค็มๆ หน่อย แต่เมื่อทานคู่กับเต้าหู้ก็กำลังพอดีเลยล่ะ ถือว่าเป็นการเสิร์ฟจานแรกด้วยความรู้สึกที่สดชื่นมากๆ พร้อมลุยต่อเมนูที่สองได้ทันที

Rocket’s Waldort
Rocket Coffee bar
ส่วนใหญ่เมนูที่ขึ้นชื่อของร้านนี้ จะเป็นเมนูที่ค่อนข้างเฮลท์ตี้ เหมาะกับคนที่ดูแลสุขภาพ อย่างเมนูนี้ก็คือ Rocket’s Waldorf เป็นสลัดออร์แกนิกที่เอาไปคลุกเคล้ากับไก่หั่นฝอย และที่ชอบที่สุดก็คือโรยหน้าด้วยวอลนัทบดพอหยาบ แบบว่าให้มาเยอะมาก ไม่หวงของเลย ส่วนน้ำสลัดก็ใช้น้ำส้มสายชู และไวน์แดงเป็นส่วนประกอบ จานนี้รสชาติกลมกล่อมมาก กัดไปแล้วเจอทั้งความกรุบกรอบของผักสลัดและวอลนัทในคำเดียว

Grilled Chicken Thigh
Rocket Coffee bar
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเมนูแนะนำ สำหรับ Grilled Chicken Thigh ก็คือเมนูขนมปังแบบโฮลวีทอบกันแบบสดใหม่ทุกวัน ทานคู่กับไก่ย่าง และต้นอ่อนทานตะวัน ที่คลุกเคล้ากับซอสเปรี้ยวๆ เผ็ดๆ เป็นรสชาติที่แปลกใหม่ดี เห็นแบบนี้อย่านึกว่าเป็นเมนูเบาๆ นะ เพราะอิ่มท้องใช้ได้ทีเดียว

Swedish Meatballs
Rocket Coffee bar
นอกจากเมนูเฮลตี้ที่เลือกมาให้ทั้ง 3 จานแล้วก็มีเมนูหนักๆ ของคนที่ชอบทานเนื้ออีกด้วย ด้วยความที่เจ้าของร้านเป็นชาวสวีเดนก็ต้องมีอาหารสวีเดนในร้านด้วยแน่นอน อย่างเมนูนี้คือ Swedish Meatballs เป็นอาหารเช้าของชาวสวีเดน ประกอบไปด้วยมีทบอลหรือเนื้อบด ที่เสิร์ฟวางไว้บนมันฝรั่งบด ทานคู่กับซอส lingonberry รสชาติหวานอมเปรี้ยว ในถ้วยเล็กๆ ที่แยกมาให้นั่นก็คือน้ำเกรวี่เอาไว้ทานกับมันฝรั่งบด ดับความเลี่ยนด้วยแตงกวาดอง เมนูนี้ขอบอกว่าอร่อยมาก มีทบอลกัดแล้วฉ่ำเนื้อเน้นๆ มีกลิ่นหอมของเครื่องเทศอ่อนๆ ด้วย

Azdora
Rocket Coffee bar
มาถึงเมนูเส้นกันบ้างกับ Azdora เชื่อแล้วว่าร้านนี้เขาเอาใจทุกคนจริงๆ มีตั้งแต่เมนูสุขภาพยันเมนูของคนที่ไม่ใช่สายเฮลท์ตี้อย่างเราก็มีให้เลือกนะ ไหนๆ ก็แนะนำเมนูสุขภาพไปเยอะแล้ว เลยขอจัดหนักหน่อยละกันกับพาสต้าครีมซอสเห็ด โรยด้วยชีสข้างบน ทานแบบร้อนๆ ตอนที่ชีสกำลังเยิ้มๆ ขอบอกว่าฟินมาก ถามว่าเลี่ยนไหมยอมรับว่าเลี่ยนนะ แต่มันก็อร่อยมากจริงๆ ใครที่ชอบทานชีสจะเข้าใจว่าเลี่ยนแต่อร่อยมันเป็นยังไง ต้องจัดนะจานนี้

Mokaya
Rocket Coffee bar
ทานของคาวไปแล้วก็ทานของหวานล้างปากกันซะหน่อย กับเมนู Mokaya เป็นเมนูขนมหวานที่ขึ้นชื่อของที่ร้าน ผสมผสานรสชาติได้อย่างลงตัว ใครที่ชอบช็อกโกแลตคงจะถูกใจกับจานนี้ไม่ใช่น้อย เพราะมีทั้งไอศกรีมช็อกโกแลต มูสช็อคโกแลตอยู่ในจานเดียวกัน โรยด้วยอัลมอนด์ ส้มสด และมีแผ่นคาราเมลกรอบๆ ให้ทานคู่กันอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นก็คือต้องชมว่าหน้าตาของเมนูนี้น่ารักเอามากๆ ถ้าใครมัวแต่ถ่ายรูประวังไอศกรีมจะละลายไปก่อนไม่รู้ด้วยนะ

Hot Cocoa
Rocket Coffee bar
เมนู Hot Cocoa เป็นเมนูที่มีลูกเล่น น่าสนุกดี  วิธีทำก็คือต้องนำโกโก้อัดแท่งมาละลายกับนมร้อนในถ้วยนี้ ค่อยๆ คนให้โกโก้ละลาย กว่าจะได้ทานนมก็หายร้อนอุ่นกำลังดี ปกติไม่ค่อยเห็นเมนูนี้ทานกับวิปครีม แต่ร้านนี้เขาให้วิปครีมมาด้วยในแก้วเล็กๆ เป็นวิปครีมที่อร่อยมาก เพราะมีกลิ่นหอมของมะพร้าว กลบความเลี่ยนไปได้มากทีเดียว

Coffee Latte
Rocket Coffee bar
ของคาวไปแล้ว ของหวานไปแล้ว ก็ถึงคราวเครื่องดื่มกันบ้าง ที่นี่เครื่องดื่มเขาขึ้นชื่อใช่เล่นเลยนะ โดยเฉพาะ Coffee Latte เย็น เขาบอกว่าเมล็ดกาแฟที่นี่เลือกมาเป็นอย่างดี รสชาติกาแฟเลยกลมกล่อมได้กลิ่นหอมของนมและกาแฟมากๆ

Black Lemon

Rocket Coffee barเมนูสุดท้ายของวันนี้ก็คือเมนูเครื่องดื่ม Black Lemon ถ้าใครไม่ชอบดื่มกาแฟที่นี่ก็มีน้ำผลไม้ให้เลือกเยอะแยะ ส่วน Black Lemon คือชาที่ผสมกับน้ำมันเปลือกมะกรูด ทำให้มีกลิ่นหอม เพิ่มรสชาติเปรี้ยวของน้ำมะนาวลงไปด้วย ทำให้รู้สึกสดชื่น

นอกจากเมนูที่เราแนะนำมานี้ก็ยังมีอีกหลายเมนูที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ถ้าใครอยากลองมาชมบรรยากาศหรือลิ้มรสอาหารก็มาได้เลย ร้านหาไม่อยาก ตั้งอยู่ที่โครงการพิมาน 49, ซอยสุขุมวิท 49 (BTS ทองหล่อ หรือ BTS พร้อมพงษ์) เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา: 07:00 น. – 23:00 น.

เรื่อง : แพรวดอทคอม

ภาพ : วาระ  สุทธิวรรณ

 

ติดตามอัพเดตเรื่องราวต่างๆจากนิตยสารแพรวให้สนุกยิ่งขึ้นได้ที่

www.facebook.com/praewmagazine

Instagram : @praewmag

และติดตามอ่าน แพรว E-Magazine ได้แล้ววันนี้เพียงดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น

  • Praew E-magazine
  • NaiinPann
  • Ookbee

แต่งตัวยังไงให้แซ่บกว่าใครในงานปาร์ตี้ตอนรับซีซั่นใหม่

Block Party
1
ก่อนอื่นเลยสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการแต่งตัวให้ถูกธีม พูดง่ายๆคือ ใช่ทั้งสไตล์ และยังถูกที่ ถูกเวลา หรือตรงตามกาลเทศะ แต่หากไม่ได้มีการเฉพาะเจาะจงมาจากเจ้าของงาน ธีมเก๋ตลอดกาลอย่าง color block ก็ดูจะเป็นอีกสไตล์ที่หยิบใช้ง่ายและดูเหมาะกับงานเลี้ยงสังสรรค์ โดยเลือกการจับคู่สีสดใสเข้ากับโทนสีเข้มอย่างเทาดำจะช่วยทำให้รูปร่างคุณดูผอมเพรียวบางขึ้นได้ ในขณะเดียวกันก็จะช่วยสร้างลุคที่มีสีสันซึ่งช่วยเพิ่มความโดดเด่นเป็นจุดสนใจให้กับคุณได้อย่างง่ายดาย

Black is King

2สีดำเนี่ย น่าจะเป็น Solution ตลอดกาลของทุกงานปาร์ตี้ไปจนถึงเข้ากันได้ดีกับทุกสีผิวและรูปร่าง แต่จะให้ใส่เป็น Women in Black แบบหัวจรดเท้าแบบสาวนิวยอร์คเกอร์ไปทุกงานก็อาจทำให้มองแล้วน่าเบื่ออยู่เหมือนกัน เนื่องจากคุณจะดูกลมกลืนกันไปหมดกับคนอื่นๆที่เลือกจะเพลย์เซฟ ดังนั้นขนบรรดาเครื่องประดับและเหล่าแอกเซสซอรีที่มี มาลองสไตล์ลิ่งดูหน้ากระจก แถมท้ายด้วยการจับคู่สีรองเท้าและกระเป๋าที่ดูเก๋กับสีดำในซีซั่นนี้อย่างเขียวฟอเรสท์และน้ำเงินน้ำทะเลเพียงแค่นี้คุณก็จะได้กลิ่นอายแบบโมเดิร์นและเทรนดี้ เอาไว้ไฮไลท์เอาท์ฟิตแก้เบื่อได้แล้ว

Fit n’ Flare

3เพราะเคล็ดลับของสาวที่เซ็กซี่ที่สุดในโลก อย่าง มาลิรีน มอนโร คือการโชว์เฉพาะส่วนที่ดีที่สุดของคุณ ดังนั้นเดรสทรงเอไลน์พองบานกับทรงเสื้อรัดรูปสไตล์ 50’s นั้น จึงเป็นอะไรที่คลาสซี่ไร้กาลเวลาสำหรับสาวๆมาจนถึงทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นข้อดีที่ช่วยเน้นรูปร่างส่วนโค้งเว้าให้คุณดูสวยหุ่นดีและเซ็กซี่อย่าบอกใครแล้ว ยังดูเก๋และชิคไม่เหมือนใครในงานปาร์ตี้ที่แนะนำว่าขอสีสดใสมาใส่สู้ความแปรปรวนของสภาพอากาศช่วงปลายฝนต้นหนาวแบบนี้

Shine On
4จะมีอะไรที่สร้างจุดเด่น และเรียกความสนใจตั้งแต่ก้าวแรกที่คุณเดินเข้ามาในงาน ได้เท่ากับไอเท็มประดับเลื่อม ความวับแวววาวจับตานี่ล่ะที่จะทำให้หนุ่มๆไม่สามารถจะละสายตาจากคุณไปได้ แต่เคล็ดลับคือการเลือกแค่เพียงไอเท็มเดียวที่ส่องประกายวับแวมมามิกซ์แอนด์แมทช์กับเท็กสเจอร์อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเดนิม หนัง หรือผ้าฝ้ายดิบที่ให้ความรู้สึกที่ขัดแย้งกัน เพื่อทำให้คุณดูเก๋มากกว่าเหมือนว่ากำลังจะขึ้นโชว์ในคอนเสิร์ต ปิดท้ายด้วยการแต่งหน้าแบบสโมคกี้อายและริมฝีปากสีนู้ด เพื่อให้ความระยิบระยับจับตาดูเบลนด์เข้ากับลุคเท่ๆ กรันจ์ๆ ได้อย่างลงตัว

Credit

zoechinaka.blogspot.com, www.pinterest.com, www.goodhousekeeping.com, www.lipstiq.com, www.lyst.com

 

ฟ้าหลังฝนของซิงเกิ้ลมัมใจเด็ด ‘บีม วรานิษฐ์’ หลังคลอด ‘น้องโซร’ ชีวิตเปลี่ยน…

Screen Shot 2015-08-27 at 12.12.53 AM copy Screen Shot 2015-08-27 at 12.13.17 AM copy Screen Shot 2015-08-27 at 12.14.05 AM copy Screen Shot 2015-08-27 at 12.16.57 AM copy Screen Shot 2015-08-27 at 12.17.25 AM copyเรียกได้ว่าเป็นซิงเกิ้ลมัมอีกคนหนึ่งที่เข้มแข็งสุด ๆ ยืนหยัดที่จะเลี้ยงลูก รับผิดชอบเองทุกอย่าง แม้ทุกวันนี้จะเหนื่อย ได้นอนมากสุดแค่ 2 ชั่วโมงต่อวัน เพราะลูกตื่นบ่อย แล้วต้องกินนมแม่ตลอด แต่ด้วยความเป็นแม่ สาวบีมสู้ตาย เข้มแข็ง พยายามดูแล และให้ความรักกับลูกมากที่สุดจ้า

ขอเป็นกำลังใจให้คุณแม่ป้ายแดงสู้ๆ นะคะ

เรื่อง : แพรวดอทคอม

ภาพ : beam_sunbeam

 

ใครมีปัญหาริ้วรอยฟังทางนี้…กูรูบิวตี้มีของดีมาแนะนำ!

 

Untitled-2
Chanel Sublimage La Crème 50 มล. 13,400 บาท

ด้วยผลลัพธ์ที่ไว้วางใจได้อยู่แล้วของ ‘Chanel’ ที่ให้ทั้งผิวเปล่งปลั่ง ลดเลือนริ้วรอย เพิ่มความตึงกระชับและช่วยผลัดเซลล์ผิวใหม่อย่างล้ำลึก ด้วยคุณค่าจากดอกและผลวานิลลาจากมาดากัสการ์ ควบคู่ไปกับสุนทรียภาพจากเนื้อครีมนุ่มละมุนให้สัมผัสเบาบางเหมือนใครใช้ ‘ขนนก’ มาไล้ไปมาบนผิวเลยทีเดียว นับเป็นชิ้นหนึ่งที่จะช่วยยกระดับบิวตี้รูทีนให้กลายเป็นเวลาอันแสนสุขทาเสร็จแล้วรู้สึกปลาบปลื้มอิ่มเอมทุกครั้งเลยทีเดียว

 

Untitled-11Guerlain Orchidée Impériale The Longevity Concentrate 22,600 บาท

 

Untitled-2Vichy Liftactiv Supreme 50 มล. 1,950 บาท

 

Untitled-4L’oréal Revitalift Magic Blur 50 มล. 899 บาท

Untitled-6Seed in Seed Core Seed Purifying Essence จาก The Face Shop 60 มล. 949 บาท

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่เวลาโพสภาพลงโซเชียลทีไร ต้องเข้าแอพฯ ไปปรับปุ่ม ‘Brightness’ เพิ่มความมั่นใจ แม้ดูดีสวยใสได้แค่ในจอก็ยังดี ลองมาขาวกระจ่างใสแบบ ‘Real Life’ ด้วยสกินแคร์จากธรรมชาติของ The Face Shop ตัวนี้  เอสเซ้นส์เพื่อความกระจ่างใสที่คัดสรรส่วนผสมจากตัวอ่อนของเมล็ดถั่วป่าที่ดีที่สุดในช่วงเดือนตุลาคม เก็บความเป็นธรรมชาติลงไว้ในขวดสีเขียวสมกับชื่อ ‘Seed in Seed’ ทำให้ได้เอสเซ้นท์ที่ไม่ระเคืองคายต่อผิว ปราศจากสาร GMO และการันตีความเป็นธรรมชาติที่อัดแน่น เอสเซ้นส์เข้มข้น แต่เนื้อบางเบา ซึบซาบสู่ผิวอย่างง่ายดายเพียงแค่ตบเบาๆ ช่วยปรับสภาพผิวให้ชุ่มชื่น ยืดหยุ่น กระชับรูขุมขนให้เนียนเป๊ะ

 

Untitled-9Estée Lauder Revitalizing Supreme Global Anti-Aging Creme 50 มล. 3,600 บาท

 

Untitled-5Eucerin Anti-Age Volume-filler Concentrate Booster Serum 30 มล. 3,500 บาท

Untitled-4Crytal Jemmy Whitening Essence 30 มล. 3,900 บาท

 

Untitled-1Shiseido Bio-Performance Super Corrective Serum 30 มล. 3,800 บาท

 

Untitled-8Clinique Clinique Smart Custom-Repair Serum 30 มล. 3,000 บาท

 

เรื่อง : แพรวดอทคอม

COACH ‘ Wild Beast’ จัดป่าเข้าเมือง เทรนด์เจิดของสาวแฟชั่น

ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋า ผ้าพันคอ รองเท้า และเสื้อผ้า ซึ่งให้ความรู้สึกทั้งโมเดิร์นและแคชชวล ขณะเดียวกันด้วยตัวลายพริ้นท์ก็ดูโดดเด่นสะดุดตามากมาย เมื่อผสานกับกลิ่นอายของรูปแบบกระเป๋าสไตล์ COACH สุดคุ้นเคย ทั้งหมดนี้จึงสร้างสรรค์นิยามใหม่ของความคลาสสิคในรูปลักษณ์ที่ทันสมัย ไม่เหมือนใคร

Wild Beast Crosby - 22,500 THB
Wild Beast Crosby – 22,500 THB
Wild Beast Rhyder- 19,900 THB
Wild Beast Rhyder- 19,900 THB
Wild Beast Cosmetics Case - 4500 THB
Wild Beast Cosmetics Case – 4,500 THB
Wild Beast Knit Wrap - 17,500 THB
Wild Beast Knit Wrap – 17,500 THB

coach5พบกับ ‘COACH WILD BEAST’ ได้ที่ COACH Flagship Store, Groove at CentralWorld, Emquartier และห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป

 

แวมไพร์สาวหล่อ Kristen Stewart กับแฟชั่นโชว์เรียวขาที่เห็นแล้วต้องอิจฉา

แวมไพร์สาวหล่อ Kristen Stewart  กับแฟชั่นโชว์เรียวขาที่เห็นแล้วต้องอิจฉา

แน่นอนว่ามีดารานางแบบหลายคนทั้งไทยและต่างประเทศที่สูงยาวเข่าดี ขาสวยจนทำให้เราต้องอิจฉา แต่วันนี้เราจะมาพูดถึงนางเอก แวมไพร์สาวหล่อ Kristen Stewart ที่ตอนนี้ถึงแม้เธอจะกลายเป็นสาวหล่อไปแล้ว แต่ความสวยของเรียวขาคู่นั้นก็ยังทำให้เราได้อิจฉาอยู่บ่อยๆ

ถ้าถามว่าทำไมถึงต้องเป็น Kristen Stewart นั่นก็เพราะวันนี้เราไม่ได้มาพูดในฐานะของนางแบบที่ขาสวย แต่เราพูดถึงนักแสดงหรือใครก็ตามที่มีเรียวขาน่ามอง โดยไม่ได้เน้น หรือมีหลักเกณฑ์ว่าจะต้องเป็นเรียวขาที่ยาว ขาว หรือขาเล็กอะไรประมาณนั้น แต่ขาสวยของเราวันนี้หมายถึงขาที่ดูสุขภาพดี ถึงไม่ใช่ขาที่เรียวยาวแต่ก็โดดเด่น ไม่อ้วนไม่ผอมเกินไป สมส่วนน่ามอง ซึ่งหลายๆ คนก็ชมเป็นเสียงเดียวกันว่า เรียวขาของ Kristen Stewart นี่แหละ คือเรียวขาที่ตอบโจทย์ที่สุด และมันเหมือนเป็นซิกเนเจอร์ ของเธอไปซะแล้วเพราะไม่ว่าจะไปงานไหน Kristen Stewart ก็จะมาในลุคเดรสสั้น หรือชุดที่อวดเรียวขาของเธอตลอด

ถึงแม้ว่าพักหลังๆ นี้ตั้งแต่เธอมีแฟนสาวเป็นตัวเป็นตน จนทำให้ส่วนใหญ่เราจะเห็นเธอในลุคมาดแมนบอยๆ ใส่กางเกงยีนส์ ออกงานทีถึงจะแต่งตัวเป็นสาวสวย วันนี้เรามีลุคหวานๆ ที่โชว์เรียวขาของ Kristen Stewart มาให้แฟนๆ ได้ดูแก้คิดถึงกัน ไปดูกันดีกว่าว่าแฟชั่นโชว์เรียวขาของเธอจะสวยสมคำร่ำลือแค่ไหน

แวมไพร์สาวหล่อ Kristen Stewart
ขา Kristen Stewart สวยจริงๆ ดูเรียบเนียนแล้วก็สุขภาพดีมากๆ
แวมไพร์สาวหล่อ Kristen Stewart
เอามาให้ดูว่าขาเธอสวยทั้งข้างหน้า ข้างหลัง จริงๆ นะ ไม่อยากจะใช้คำว่าเฟอร์เฟค เดี๋ยวจะหาว่าอวยกันเกินไป
แวมไพร์สาวหล่อ Kristen Stewart
แม้แต่ท่ามกลางฝูงชน ออร่าของเรียวขา Kristen Stewart ก็สว่างจ้าโดดเด่นขึ้นมา กว่าใครเพื่อนเลย
แวมไพร์สาวหล่อ Kristen Stewart
มาดูมุมอื่นๆ นอกจากท่ายืนกันบ้าง นี่ขนาดท่านั่งธรรมดาๆ ขาของเธอก็ยังดึงความสนใจจากเราไปได้เลยนะ
แวมไพร์สาวหล่อ Kristen Stewart
อะ แถมให้กับมุมน่ารักๆ และเรียวขาสวยๆ ที่อยากจะขอสัมผัสซะเหลือเกิน
แวมไพร์สาวหล่อ Kristen Stewart
โอ๊ยยย ผู้หญิงอะไรคมเข้ม แถมยังเท่ขนาดนี้ ผู้ชายเห็นลุคเท่ๆ ของ Kristen Stewart แล้วยังอาย บอกเลย!
แวมไพร์สาวหล่อ Kristen Stewart
ยืนคนเดียวมันก็ต้องเด่นอยู่แล้วสิ คิดแบบนี้ใช่ไหม? งั้นมาดูตอนยืนคู่กับคนอื่นบ้าง สวยแย่งซีนคนข้างๆ ขนาดนี้ยอมรับเลยว่ามองขา Kristen Stewart ก่อนที่จะมองหน้าซะอีก
แวมไพร์สาวหล่อ Kristen Stewart
ลุคนี้น่าจะถูกใจ Kristen Stewart นะ ลุคขาวดำกับใบหน้านิ่งๆ แบบนี้มีเสน่ห์มาก!
แวมไพร์สาวหล่อ Kristen Stewart
มุมสดใสก็มีให้เห็นนะจ๊ะ ชุดกางเกงหรือกระโปรงสั้นนี่งานถนัดของเธอเลยล่ะ

เรื่อง : แพรวดอทคอม
ภาพ : www.gettyimages.com

 

ติดตามอัพเดตเรื่องราวต่างๆจากนิตยสารแพรวให้สนุกยิ่งขึ้นได้ที่

www.facebook.com/praewmagazine

Instagram : @praewmag

และติดตามอ่าน แพรว E-Magazine ได้แล้ววันนี้เพียงดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น

  • Praew E-magazine
  • NaiinPann
  • Ookbee

วิธีสร้างมิติให้ใบหน้า ด้วยไฮไลท์และคอนทัวร์

วิธีสร้างมิติให้ใบหน้า ด้วยไฮไลท์และคอนทัวร์

หลายๆคนที่ชอบเปิดดูคลิป Make Up Tutorials ต่างๆบน Youtube คงจะต้องเคยเห็นผ่านตากันมาบ้างแล้ว สำหรับเทคนิคการไฮไลท์หรือคอนทัวร์เพื่อปรับแก้ไขรูปหน้า ไปจนถึง วิธีสร้างมิติให้ใบหน้า ที่เหมาะเป็นอย่างยิ่งกับสาวเอเชียโดยเฉพาะสาวๆในบ้านเรา ที่พื้นเพโครงหน้าอาจจะไม่ชัดเจนเท่ากับฝรั่ง

การมีเทคนิคแต่งหน้าใหม่ๆ จึงช่วยให้สาวเอเชียมีรูปหน้าที่ชัดขึ้น โดยวิธีการนั้นที่ทำกันเป็นประจำก็คือการไฮไลท์แบ่งเป็นการไฮไลท์ด้วยอิลูมิเนเตอร์แบบต่างๆไม่ว่าจะเป็นชนิดครีม หรือชนิดฝุ่น ไปจนถึงการคอนทัวร์ที่หลายๆคนอาจเรียกกันว่าเฉดดิ้งซึ่งอาจใช้ชิมเมอร์บรอนเซอร์เนื้อวาวและเนื้อแมตต์ในรูปแบบของบลัชออน แป้งอัดแข็ง หรือครีมก็ได้ทั้งนั้น

โดยมีความต่างกันตรงที่การฮไลต์จะช่วยทำให้ผิวหน้าสว่างเปล่งประกายขึ้นและช่วยทำให้ส่วนที่ดีที่สุดของใบหน้าดูโดดเด่นออกมา ในขณะที่คอนทัวร์จะช่วยสร้างมิติภาพลวงตาให้โครงหน้าดูเรียวเล็กสมบูรณ์แบบได้รูปสวยมากยิ่งขึ้น

โดยขั้นตอนแรกเริ่มนั้นเริ่มจากการแต่งหน้าปกติซึ่งจะเป็นการลงรองพื้นสำหรับคนที่ต้องการการปกปิดที่เรียบเนียน ไปจนถึงการลงไพรมเมอร์สำหรับคนที่ไม่ต้องการปกปิดมากนัก แต่อยากโชว์ผิวที่สว่างสดใสดู Glow โดยปัดทับด้วยแป้งฝุ่นแบบโปร่งใสหรือ Translucent Powder เบาๆให้ทั้งใบหน้า ก่อนจะเริ่มต้นการคอนทัวร์ไล่ที่กรอบใบหน้า บริเวณข้างจมูกทั้งสองข้างเพื่อให้รูปจมูกดูโด่งเป็นสันได้รูป และบริเวณใต้โหนกแก้มทั้งสองข้างเพื่อให้ได้ใบหน้าที่ดูมีมิติไปจนถึงบริเวณขากรรไกร และปัดเป็นรูปตัว C บริเวณขมับเริ่มที่ปลายคิ้วเรื่อยไปจนถึงไรผมข้างหน้าผาก แล้วเบลนด์ให้เข้ากันอย่างกลมกลืนอีกครั้งด้วยแป้งฝุ่น

วิธีสร้างมิติให้ใบหน้า

โดยการคอนทัวร์นั้นจะต้องมีลักษณะเนื้อสีที่เข้มกว่าผิวจริงเล็กน้อยเพื่อสร้างมิติให้กับใบหน้าโดยเล่นกับการหักเหของแสงเพื่อให้เกิดภาพลวงตาเพื่อให้ใบหน้าดูได้รูปสวยยิ่งขึ้น โดยจะเลือกใช้เป็นรองพื้นแบบสติ๊คในเฉดสีเข้มกว่าผิวจริง หรือจะเลือกแบบคอนซีลเลอร์เนื้อสีเข้มกว่าใบหน้า 1 เฉด ในกรณีที่ต้องการความเรียบเนียนสม่ำเสมอของเนื้อแม็ตต์ที่จะให้ลุคสุดเป๊ะที่เหมาะกับการแต่งหน้าในวันสำคัญต่างๆเพื่อให้ถ่ายรูปออกมาดูสวยไม่ดูเรียบแบน แต่ในกรณีที่เป็นวันสบายๆที่ไม่ได้ต้องการความสมบูรณ์แบบมากนัดแนะนำแบบชิมเมอร์ที่ให้เนื้อเป็นประกายทั้งแบบครีมและแบบฝุ่นที่มีขายทั่วไปเพื่อให้ลุคแบบผิวบ่มแดดเป็นธรรมชาติเหมาะกับสภาพอากาศร้อนๆของบ้านเราเป็นอย่างดี

และในส่วนของการไฮไลท์นั้น จะเข้ามาเพิ่มความสว่างกระจ่างใสให้กับผิวหน้าในส่วนที่เราต้องการเน้นให้ดูโดดเด่นอย่างสันจมูก ที่หลังจากการคอนทัวร์ด้วยสีเข้มที่ข้างจมูกแล้วก็มาถึงขั้นตอนไลต์ด้วยอิลูมินิเตอร์บริเวณสันจมูกเรื่อยมาเป็นเส้นตรงฟุ้งๆบางๆตั้งแต่บริเวณดั้งลงมาถึงปลายหยดน้ำที่จะมอบจมูกใหม่ที่โด่งสันเหมือนกับเพิ่งไปทำศัลกรรมมายังไงยังงั้น

วิธีสร้างมิติให้ใบหน้า

นอกจากบริเวณจมูกแล้วช่างแต่งหน้ายังนิยมไฮไลท์ส่วนที่สูงที่สุดของใบหน้าอื่นๆอย่างบริเวณโหนกแก้มทั้งสองข้างและบริเวณกึ่งกลางใบหน้าอย่างกึ่งกลางหน้าผากและใต้ริมฝีปาก ไปจนถึงกึ่งกลางริมฝีปากบนเพื่อเน้นรอยหยักให้ริมฝีปากดูเอิบอิ่มและเซ็กซี่ขึ้น ซึ่งก็เช่นเดียวกันกับเทคนิคการคอนทัวร์ การไฮไลท์ก็เป็นเทคนิคการแต่งหน้าที่มีพื้นฐานอยู่ที่การหักเหของแสงเพื่อสร้างภาพลวงตาของใบหน้าให้ดูสมบูรณ์แบบแต่ควรระวังในเรื่องของปริมาณการใช้เนื้องจากเนื้อที่มันวาวเกินไปอาจให้ลุคของหน้าที่มันเยิ้มได้ จึงควรหลีกเลี่ยงและระมัดระวังปริมาณของไฮไลท์บริเวณหน้าผากและคางที่เดิมทีผิวก็มีความมันส่วนเกินตามธรรมชาติอยู่แล้ว

วิธีสร้างมิติให้ใบหน้าซึ่งหลังจากการเพิ่มมิติและปรับโครงหน้าให้สมบูรณ์แบบด้วยการไฮไลท์และคอนทัวร์แล้ว สาวๆก็จะรู้สึกได้ทันทีว่าหน้าดูมีกรอบที่ชัดเจนซึ่งสามารถทำให้การแต่งแต้มสีสันและการแต่งหน้าในขั้นตอนต่อไปนั้นเป็นไปได้อย่างง่ายดายและสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ผิวที่ผ่านการไฮไลท์และการเฉดดิ้งหรือคอนทัวร์นั้นจะดูสวยกระจ่างใส ไร้ที่ติกว่ามากจนแทบไม่ต้องพึ่งเครื่องสำอางอื่นๆเลยแต่อย่างใด เพราะเป็นการปกปิดจุดบกพร่องและขับเน้นส่วนที่ดีที่สุดของใบหน้าให้เห็นได้อย่างเด่นชัดขึ้นเพียงเท่านั้น แถมขั้นตอนก็ไม่ยุงยากเกินไปด้วย หวังว่าสาวๆคงจะลองไปปรับใช้กับการแต่งหน้าประจำวันกันดูบ้าง แล้วรับรองว่าจะได้เห็นถึงความแตกต่างอย่างแน่นอน

วิธีสร้างมิติให้ใบหน้า

Credit

www.socialmoms.com

www.jcinstitute.com

herbeauty.co

diybeautycorner.com

wefollowpics.com

blog.makeupforyourday.com

makeupforlife.net

bebeauties.blogspot.com

theluxchronicles.wordpress.com

apopofcolour.com

www.dfwbeautyguide.com

 

ติดตามอัพเดตเรื่องราวต่างๆจากนิตยสารแพรวให้สนุกยิ่งขึ้นได้ที่

www.facebook.com/praewmagazine

Instagram : @praewmag

และติดตามอ่าน แพรว E-Magazine ได้แล้ววันนี้เพียงดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น

  • Praew E-magazine
  • NaiinPann
  • Ookbee

แบรนด์แฟชั่น สร้างชื่อเสียงจากช่องทางโซเชียลมีเดียอย่างไร?

แบรนด์แฟชั่น สร้างชื่อเสียงจากช่องทางโซเชียลมีเดียอย่างไร?

เคยสังเกตมั้ยคะ ในปัจจุบันนี้บนสังคมออนไลน์มีบุคคลที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาจากโซเชียลมีเดียมากขึ้น ซึ่งบุคคลเหล่านี้จะสร้างคอนเทนต์บนโลกออนไลน์ผ่านความสนใจของตัวเองเป็นหลัก หรือ เรียกง่ายๆ ว่า ‘บล็อกเกอร์’ เช่น  Fashion Blogger ,Beauty Blogger ,Food Blogger เป็นต้น

และเมื่อมีผู้ติดตามบนโลกโซเชียลจำนวนมาก ก็ทำให้พวกเขาเริ่มเป็นที่สนใจของสังคม และเกิดการสร้างแบรนด์ของตัวเองตามมา วันนี้จุ๊ขอนำเสนอแบรนด์แฟชั่นที่สร้างชื่อเสียงให้ตัวเองจนโด่งดังและผลิตแบรนด์เป็นของตัวเอง มาดูกันว่าจะมีแบรนด์ไหนบ้าง และเขามีเทคนิคการสื่อสารบนโลกออนไลน์ได้ประสบความสำเร็จอย่างไร

จุ๊ขอยกตัวอย่างแบรนด์แฟชั่น 3 แบรนด์ที่สร้างความสำเร็จอย่างเห็นได้ชัด ได้แก่ MR Porter, Kurt Geiger และ MATCHES  ทั้ง 3 แบรนด์นี้สามารถสร้างชื่อเสียงและสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้คนได้เป็นอย่างดี บวกกับการใช้ภาษาเขียนที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพจนสามารถดึงดูดผู้คนให้เข้ามาติดตามผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Instagram, Pinterest, Tumblr และในเว็บไซต์ของแบรนด์เอง

MR PORTER
Link Website :  http://www.mrporter.com/

แบรนด์แฟชั่นแบรนด์แฟชั่น

Kurt Geiger
Link Website : http://www.kurtgeiger.com/

แบรนด์แฟชั่น แบรนด์แฟชั่น

แบรนด์แฟชั่น

MATCHES
Link Website : http://www.matchesfashion.com/intl/

แบรนด์แฟชั่นแบรนด์แฟชั่นการสร้างแบรนด์และทำให้แบรนด์มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองสูงได้นั้นมีความยากพอสมควร แต่ไม่ได้ยากเกินกว่าที่เราจะไม่สามารถทำได้ เพราะเป็นงานละเอียดประณีต ต้องมีความครีเอทีฟสูง สามารถควบคุมปัจจัยต่างๆ และหาวิธีเพื่อช่วยส่งเสริมในการดึงผู้คน เช่น วิดีโอคลิปที่สื่อถึงเรื่องราวเกี่ยวกับแฟชั่น , Hashtag ที่บ่งบอกความเป็นแบรนด์และสินค้า หรือแม้แต่การนำสไตล์ของเหล่าเซเลบริตี้มาเล่าก็ต้องใส่ใจมากเช่นกัน

จุ๊ขอสรุปเลยแล้วกันนะคะ การที่แบรนด์จะมีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมได้นั้น  จำเป็นต้องมีกลยุทธ์และรู้จักรวมทุกอย่างเข้าด้วยกันได้อย่างแนบเนียน แต่กลยุทธ์นี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยค่ะ ถ้าขาดองค์ประกอบสำคัญๆ ต่อไปนี้

  1. การมีทีมนักเขียนที่แข็งแกร่ง สามารถกระจายคอนเทนต์ไปตามที่ต่างๆ ได้อย่างกว้างขวางและเหมาะสม
  2. ความรู้สึกเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละแบรนด์ หมายถึงโทนของภาพและภาษาที่ใช้ รวมถึง Hashtag ที่ใช้จะเสมอต้นเสมอปลายตลอด เพราะนั่นคือการบอกถึงคาแรคเตอร์ของแบรนด์ได้ชัดเจน

อ่านแล้วพอจะเห็นภาพคร่าวๆ แล้วใช่มั้ยคะ จุ๊หวังว่าจะเป็นประโยชน์ได้โดยเฉพาะผู้ที่มีความฝันอยากจะเป็นบล็อกเกอร์ หรือใครที่เป็นบล็อกเกอร์อยู่แล้ว และอยากพัฒนาต่อยอดงานของตัวเองให้ดียิ่งขึ้นค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพจาก https://econsultancy.com/blog/66796-how-three-fashion-brands-became-the-most-socially-engaged/

ติดตามเรื่องราวของจุ๊เพิ่มเติมได้ที่  http://www.iamsorada.com ค่ะ

 

ติดตามอัพเดตเรื่องราวต่างๆจากนิตยสารแพรวให้สนุกยิ่งขึ้นได้ที่

www.facebook.com/praewmagazine

Instagram : @praewmag

และติดตามอ่าน แพรว E-Magazine ได้แล้ววันนี้เพียงดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น

  • Praew E-magazine
  • NaiinPann
  • Ookbee

 

 

สูตรเด็ดทำมือสวยรอสวมแหวนแบบเชิดๆ

account_circle

 

ผู้หญิงร้อยทั้งร้อยต่างก็อยากสวยเลิศที่สุดในวันแต่งงานของตัวเอง แต่หลายคนต้องตกม้าตายเพียงเพราะจุดเล็กๆ ที่มองข้ามไปอย่างมือของคุณ จนเป็นเหตุให้มือนั้นหยาบกร้าน  เรียกได้ว่าสวยแต่หน้าก้มมองที่มือจบข่าวหมดสวยกันเลยทีเดียว  ถ้าเช่นนั้นอย่าได้รอช้ามา ทำมือสวย รอสวมแหวนแบบเชิดๆ เริดๆ ไปพร้อมกับเรากันเลยดีกว่า
สูตรเด็ดเคล็ดไม่ลับที่จะมาบอกกันในวันนี้ใช้ของใกล้ตัวที่สาวๆ หาได้ตามร้านสะดวกซื้อ เเถมมีราคาไม่เเพงอีกด้วย นั่นก็คือ โยเกิร์ต หลายคนอาจถามว่า “แค่โยเกิร์ต เนี่ยนะ!” ขอบอกเลยค่ะว่าโยเกิร์ตมีสรรพคุณมากมาย อาทิ จุลินทรีย์แลคโตบาซิลลัส และมีวิตามินบีที่สามารถช่วยป้องกันโรคต่างๆ นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ในด้านความสวยความงามตั้งเเต่หัวจรดเท้า รวมไปถึงมืออันหยาบกร้านของคุณด้วย
วิธีทำก็ง่ายๆ เพียงแค่นำ โยเกิร์ต พอกที่มือทิ้งไว้ หรือถ้าสาวๆ อยากให้มือเนียนนุ่มแบบยกกำลัง 2 ก็เติม น้ำตาล เข้าไปเเล้วถูวนๆ 15 นาที น้ำตาลจะช่วยสครับเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป ส่วนโยเกิร์ตจะช่วยเติมสารอาหารและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับมือของคุณ หากทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง รับรองว่ามือของคุณจะเนียนนุ่ม เตรียมพร้อมรอสวมแหวนเพชรเม็ดโตแน่นอน คอนเฟิร์ม !

เรื่อง : กวินทรา

ภาพ : www.weddingecorateidea.com

keyboard_arrow_up