แวะเช็คอินที่ Rocket Coffee bar คาเฟ่สุดฮิต สุขุมวิท49
ธุรกิจร้านอาหาร หรือร้านคาเฟ่ต่างๆ เป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงมาก จะอาศัยเพียงแค่รสชาติอาหารก็คงจะอยู่ยาก เพราะถ้าร้านไหนไม่มีเอกลักษณ์หรือจุดเด่นพอ ก็อาจถูกกลืนหายไปได้ง่ายๆ วันนี้เรามีหนึ่งร้านคาเฟ่น้องใหม่ ที่ถึงแม้เปิดมาได้ไม่นานแต่กลับเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่แวะเวียนมากันอย่างไม่ขาดสาย โดยเฉพาะเอกลักษณ์ทั้งเรื่องการตกแต่งร้านและรสชาติอาหารที่ใครๆ ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นคาเฟ่ที่ไม่ควรพลาดเลยทีเดียว นั่นก็คือร้าน Rocket Coffee bar
“เพราะชื่นชอบและหลงใหลในการปรุงรสชาติของกาแฟและเครื่องดื่ม ทำให้เกิดไอเดียอยากมีคาเฟ่เป็นของตัวเอง แต่แค่นั้นมันคงธรรมดาเกินไปนอกจากเครื่องดื่มแล้วก็น่าจะมีอาหารด้วย จึงรวบรวมเพื่อนๆ ที่อยากทำร้านคาเฟ่นี้ด้วยกัน ซึ่งก็มีทั้งหมด 4 คนที่เป็นหุ้นส่วนของร้านนี้ โดยแนวคิดก็มาจากการผสมผสานวัฒนธรรมระหว่างสไตล์สวีเดน ซิดนีย์ กับซานฟรานซิสโกเข้าไว้ด้วยกัน ให้กลายเป็นร้านคาเฟ่ที่บรรยากาศอบอุ่น ผ่อนคลาย อยากจะให้คาเฟ่นี้เป็นสถานที่พบปะสังสรรค์ของเพื่อนๆ ทั้งกลางวันในรูปแบบของออลเดย์เบรกฟาสต์และเครื่องดื่มอย่างกาแฟหลากหลายชนิด ส่วนกลางคืนนอกจากอาหารก็มีเมนูขนมหวานและค็อกเทลเข้ามาเสริมทัพ” คุณ Dannie Sorum หนึ่งในสี่ของหุ้นส่วนได้ให้สัมภาษณ์และเล่าถึงที่มาของร้าน Rocket Coffee bar
ในตอนเปิดร้านแรกๆ เมนูส่วนใหญ่ของทางร้านจะเป็นเมนูสำหรับคนรักสุขภาพ แต่ตอนนี้ก็มีเมนูหลากหลายมากขึ้น ก่อนที่เราจะไปก็เคยได้ยินชื่อเสียงของร้านนี้มาแล้วบ้างเหมือนกัน และพอไปถึงจริงๆ ก็ประทับใจกับบรรยากาศภายในร้านมากๆ ด้วยขนาดของร้านที่ไม่ใหญ่โตมาก กำลังพอดี เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ก็เน้นงานไม้ทำให้เข้าถึงคำว่าอบอุ่นได้ไม่ยาก ผนังสีขาวและผนังกระจกด้านหน้าร้านทำให้ร้านดูโปร่ง ไม่อึดอัด ทุกพื้นที่ผ่านการจัดสรรปันส่วนไว้หมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของบาร์ เคาน์เตอร์ และโซนที่นั่งที่มีถึง 3 โซนด้วยกัน ทั้งโซนภายในร้าน โซนเอ้าท์ดอร์ และโซนของชั้นลอย
จุดเด่นจะอยู่ตรงที่เคาน์เตอร์ ที่ใช้โคมไฟระย้าดีไซน์โมเดิร์นห้อยลงมาจากเพดาน ซึ่งมันตัดกันได้ดีกับผนังสีขาวและบาร์ที่ปูด้วยกระเบื้องหินอ่อนสีเทา แล้วไหนจะมีต้นไม้เล็กๆ สีเขียวเอาไว้ตกแต่งช่วยเพิ่มบรรยากาศให้สดชื่นภายในร้านอีกด้วย ถือเป็นมุมสุดฮิตที่ใครมาก็ต้องแชะภาพเอาไว้อัพลง IG เช็คอินเบาๆ ระหว่างที่รออาหาร
นอกจากบรรยากาศอบอุ่นที่เรียกคะแนนไปได้มากแล้ว ก็ยังรวมถึงเรื่องของรสชาติอาหารและเครื่องดื่มอีกด้วย เมนูแต่ละเมนูของที่นี่ผ่านการคิดมาอย่างสร้างสรรค์และใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ โดยจะเลือกใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นและออร์แกนิกเป็นหลัก เบเกอรี่ก็ต้องอบสดใหม่ทุกวัน แม้แต่เมนูเครื่องดื่มก็มีเมนูที่คิดกันขึ้นมาใหม่แทบทุกอาทิตย์ การันตีฝีมือเชฟจากประสบการณ์ทั้งโรงแรม และร้านอาหารระดับมิชลินมาแล้ว
อย่างวันที่เราไปก็ลังเลเลือกเมนูกันไม่ถูกเลยทีเดียว เลยขอให้ทางร้านจัดเมนูที่เด่นๆ มาให้ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นประเภทอาหารเช้าอย่าง Our Breads & Pastry หรือ Sandwiches และเพื่อความหลากหลาย เราก็มีเมนูที่เลือกเพิ่มมาเองจากที่แนะนำมาด้วย อย่างเช่น
Silky Tofu
เริ่มเสิร์ฟจานแรกกันที่เมนูเบาๆ อย่าง Silky Tofu เป็นเต้าหู้เย็นเนื้อเนียนนุ่มในน้ำซอสงา ทานคู่กับผักมิซูนา มะเขือเทศ มะเขือม่วงย่าง ใครที่อยู่ในช่วงไดเอท หรือทานมังสวิรัติ จานนี้เหมาะมากๆ รสชาติจะเค็มๆ หน่อย แต่เมื่อทานคู่กับเต้าหู้ก็กำลังพอดีเลยล่ะ ถือว่าเป็นการเสิร์ฟจานแรกด้วยความรู้สึกที่สดชื่นมากๆ พร้อมลุยต่อเมนูที่สองได้ทันที
Rocket’s Waldort
ส่วนใหญ่เมนูที่ขึ้นชื่อของร้านนี้ จะเป็นเมนูที่ค่อนข้างเฮลท์ตี้ เหมาะกับคนที่ดูแลสุขภาพ อย่างเมนูนี้ก็คือ Rocket’s Waldorf เป็นสลัดออร์แกนิกที่เอาไปคลุกเคล้ากับไก่หั่นฝอย และที่ชอบที่สุดก็คือโรยหน้าด้วยวอลนัทบดพอหยาบ แบบว่าให้มาเยอะมาก ไม่หวงของเลย ส่วนน้ำสลัดก็ใช้น้ำส้มสายชู และไวน์แดงเป็นส่วนประกอบ จานนี้รสชาติกลมกล่อมมาก กัดไปแล้วเจอทั้งความกรุบกรอบของผักสลัดและวอลนัทในคำเดียว
Grilled Chicken Thigh
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเมนูแนะนำ สำหรับ Grilled Chicken Thigh ก็คือเมนูขนมปังแบบโฮลวีทอบกันแบบสดใหม่ทุกวัน ทานคู่กับไก่ย่าง และต้นอ่อนทานตะวัน ที่คลุกเคล้ากับซอสเปรี้ยวๆ เผ็ดๆ เป็นรสชาติที่แปลกใหม่ดี เห็นแบบนี้อย่านึกว่าเป็นเมนูเบาๆ นะ เพราะอิ่มท้องใช้ได้ทีเดียว
Swedish Meatballs
นอกจากเมนูเฮลตี้ที่เลือกมาให้ทั้ง 3 จานแล้วก็มีเมนูหนักๆ ของคนที่ชอบทานเนื้ออีกด้วย ด้วยความที่เจ้าของร้านเป็นชาวสวีเดนก็ต้องมีอาหารสวีเดนในร้านด้วยแน่นอน อย่างเมนูนี้คือ Swedish Meatballs เป็นอาหารเช้าของชาวสวีเดน ประกอบไปด้วยมีทบอลหรือเนื้อบด ที่เสิร์ฟวางไว้บนมันฝรั่งบด ทานคู่กับซอส lingonberry รสชาติหวานอมเปรี้ยว ในถ้วยเล็กๆ ที่แยกมาให้นั่นก็คือน้ำเกรวี่เอาไว้ทานกับมันฝรั่งบด ดับความเลี่ยนด้วยแตงกวาดอง เมนูนี้ขอบอกว่าอร่อยมาก มีทบอลกัดแล้วฉ่ำเนื้อเน้นๆ มีกลิ่นหอมของเครื่องเทศอ่อนๆ ด้วย
Azdora
มาถึงเมนูเส้นกันบ้างกับ Azdora เชื่อแล้วว่าร้านนี้เขาเอาใจทุกคนจริงๆ มีตั้งแต่เมนูสุขภาพยันเมนูของคนที่ไม่ใช่สายเฮลท์ตี้อย่างเราก็มีให้เลือกนะ ไหนๆ ก็แนะนำเมนูสุขภาพไปเยอะแล้ว เลยขอจัดหนักหน่อยละกันกับพาสต้าครีมซอสเห็ด โรยด้วยชีสข้างบน ทานแบบร้อนๆ ตอนที่ชีสกำลังเยิ้มๆ ขอบอกว่าฟินมาก ถามว่าเลี่ยนไหมยอมรับว่าเลี่ยนนะ แต่มันก็อร่อยมากจริงๆ ใครที่ชอบทานชีสจะเข้าใจว่าเลี่ยนแต่อร่อยมันเป็นยังไง ต้องจัดนะจานนี้
Mokaya
ทานของคาวไปแล้วก็ทานของหวานล้างปากกันซะหน่อย กับเมนู Mokaya เป็นเมนูขนมหวานที่ขึ้นชื่อของที่ร้าน ผสมผสานรสชาติได้อย่างลงตัว ใครที่ชอบช็อกโกแลตคงจะถูกใจกับจานนี้ไม่ใช่น้อย เพราะมีทั้งไอศกรีมช็อกโกแลต มูสช็อคโกแลตอยู่ในจานเดียวกัน โรยด้วยอัลมอนด์ ส้มสด และมีแผ่นคาราเมลกรอบๆ ให้ทานคู่กันอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นก็คือต้องชมว่าหน้าตาของเมนูนี้น่ารักเอามากๆ ถ้าใครมัวแต่ถ่ายรูประวังไอศกรีมจะละลายไปก่อนไม่รู้ด้วยนะ
Hot Cocoa
เมนู Hot Cocoa เป็นเมนูที่มีลูกเล่น น่าสนุกดี วิธีทำก็คือต้องนำโกโก้อัดแท่งมาละลายกับนมร้อนในถ้วยนี้ ค่อยๆ คนให้โกโก้ละลาย กว่าจะได้ทานนมก็หายร้อนอุ่นกำลังดี ปกติไม่ค่อยเห็นเมนูนี้ทานกับวิปครีม แต่ร้านนี้เขาให้วิปครีมมาด้วยในแก้วเล็กๆ เป็นวิปครีมที่อร่อยมาก เพราะมีกลิ่นหอมของมะพร้าว กลบความเลี่ยนไปได้มากทีเดียว
Coffee Latte
ของคาวไปแล้ว ของหวานไปแล้ว ก็ถึงคราวเครื่องดื่มกันบ้าง ที่นี่เครื่องดื่มเขาขึ้นชื่อใช่เล่นเลยนะ โดยเฉพาะ Coffee Latte เย็น เขาบอกว่าเมล็ดกาแฟที่นี่เลือกมาเป็นอย่างดี รสชาติกาแฟเลยกลมกล่อมได้กลิ่นหอมของนมและกาแฟมากๆ
Black Lemon
เมนูสุดท้ายของวันนี้ก็คือเมนูเครื่องดื่ม Black Lemon ถ้าใครไม่ชอบดื่มกาแฟที่นี่ก็มีน้ำผลไม้ให้เลือกเยอะแยะ ส่วน Black Lemon คือชาที่ผสมกับน้ำมันเปลือกมะกรูด ทำให้มีกลิ่นหอม เพิ่มรสชาติเปรี้ยวของน้ำมะนาวลงไปด้วย ทำให้รู้สึกสดชื่น
นอกจากเมนูที่เราแนะนำมานี้ก็ยังมีอีกหลายเมนูที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ถ้าใครอยากลองมาชมบรรยากาศหรือลิ้มรสอาหารก็มาได้เลย ร้านหาไม่อยาก ตั้งอยู่ที่โครงการพิมาน 49, ซอยสุขุมวิท 49 (BTS ทองหล่อ หรือ BTS พร้อมพงษ์) เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา: 07:00 น. – 23:00 น.
เรื่อง : แพรวดอทคอม
ภาพ : วาระ สุทธิวรรณ
ติดตามอัพเดตเรื่องราวต่างๆจากนิตยสารแพรวให้สนุกยิ่งขึ้นได้ที่
www.facebook.com/praewmagazine
Instagram : @praewmag
และติดตามอ่าน แพรว E-Magazine ได้แล้ววันนี้เพียงดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น
- Praew E-magazine
- NaiinPann
- Ookbee