ฉายเดี่ยวเที่ยว CROATLA (ตอนที่2)

7 ชั่วโมงครึ่งผ่านไป ฉันกะปลกกะเปลี้ยมาถึงทางเข้าอุทยานที่ 1 ทำลายสถิติ 4 ชั่วโมงที่เจ้าของโรงแรมคาดการณ์ไว้เกือบเท่าตัวตาก็สอดส่ายหาคิวรถแท็กซี่ตามคำแนะนำ ก่อนจะลากขาไปยังแท็กซี่แวนคันแรกที่จอดอยู่ที่ป้าย ยื่นหน้าเข้าไปเจรจากับคนขับ “พี่คะ มีรถไปเมืองสปลิต (Split) โทรเกียร์ (Trogier) หรือซาดาร์ (Zadar) บ้างไหมคะ” พี่คนขับทำหน้างงก่อนตอบว่า ตกลงจะไปเมืองไหนกันแน่ฉันต้องอธิบายว่าฉันเดินทางคนเดียว คงไม่มีปัญญาเหมาทั้งคันจึงต้องการหาคนอื่นมาร่วมทาง จะได้ขอรวมไปกับเขาด้วย

1

พี่แท็กซี่คิด ๆ แล้วบอกฉันว่า “ตอนนี้ยังไม่มี แต่ถ้าจะไปซาดาร์มีรถบัสผ่านตรงนี้ราว 17.23 นะ” ฉันเริ่มมีความหวังถามกลับเสียงสูง“แต่เมื่อวานที่โรงแรมโทรศัพท์เช็กให้แล้ว บอกว่าตอนเย็นไม่มีรถบัสวิ่งแล้ว” เขาบอกว่า “โอ๊ย! รถมีหลายบริษัท เช็กไม่หมดหรอก แต่เชื่อสิพี่จอดรอผู้โดยสารตรงนี้ทุกวัน เห็นหมดว่ามีรถบัสมาจอดนี่รอบกี่โมงจากไหนไปไหน” ฉันใจชื้นเป็นกอง เขายังบอกด้วยว่าฉันสามารถไปรอขึ้นรถที่ป้ายมุกคินเจแถวโรงแรมก็ได้ เพราะรถต้องผ่านอยู่แล้ว และไปจ่ายค่าโดยสารบนรถได้เลย

ฉันฉีกยิ้มหวานถามต่อด้วยน้ำเสียงประจบ “ว่าแต่…พี่ขับไปส่งที่โรงแรมได้ไหม คือหนูเดินมา 7 ชั่วโมงกว่าแล้ว ปวดขามาก เดินกลับไปเองไม่น่าจะถึงโรงแรม พี่คิดค่าแท็กซี่เท่าไหร่คะ” เขาหัวเราะ “ขึ้นมาคิดราคาครึ่งหนึ่งของมิเตอร์แล้วกัน” ฉันรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายกระโดดขึ้นรถ จนเขามาส่งถึงที่หน้าโรงแรม

2

ก่อนลงจากรถเขากำชับอีกว่า “รถมารอบ 17.23 น. แต่สัก 17.10 น.ก็ออกมารอได้แล้ว เผื่อมาเร็ว เอาอย่างนี้ เดี๋ยวพี่กลับไปที่วินแล้วมีผู้โดยสารจะไปทางนั้นหลายคน พี่จะวนรถมาดูที่ป้ายรถแล้วกันว่าจะไปด้วยกันไหม แต่ถ้าไม่มี แล้วเราไม่ได้เจอกันอีกก็เดินทางดี ๆ ล่ะ”

เจ้าของโรงแรมทำหน้างงตอนที่ฉันเดินกลับเข้าไปตอนเกือบห้าโมงเย็น และฉันบอกว่าคิดว่าน่าจะมีรถบัสผ่านแถวนี้ตอนห้าโมงกว่าเพื่อไปซาดาร์ เขายืนยันว่าเมื่อวานเช็กให้แล้ว ไม่เห็นมีรถวิ่งรอบนั้น แล้วบอกฉันว่าเพิ่งอบเค้กช็อกโกแลตอัลมอนด์เสร็จ ให้ฉันนั่งพักและกินเค้กเอาฤกษ์เอาชัยไปก่อนระหว่างรอเขาไปเอากระเป๋าเสื้อผ้าที่ฝากไว้มาให้ตอนเดินไปส่งฉันท่หี น้าโรงแรมเขายังบอกว่า ถ้าเลยห้าโมงคร่งึ แล้วไม่มีรถก็เดินกลับมาตั้งหลักที่โรงแรมนะ

ฉันลากกระเป๋าออกไปยืนรอรถที่ศาลาไม้มุกคินเจคนเดียว ใจพองฟูทุกครั้งที่ได้ยินเสียงรถกำลังแล่นพ้นโค้งถนนมา แล้วก็ใจแฟ่บลงไปเมื่อเห็นว่าไม่ใช่รสบัสที่กำลังรออยู่ จนกระทั่งห้าโมงครึ่ง ฉันดีใจมากที่เห็นรสบัสสีฟ้าของบริษัทโครเอเชียบัสแล่นพ้นโค้งเข้ามาจอด…วิวสองข้างทางจากพลิตวิเซ่เลคส์ไปยังซาดาร์ช่วงโพล้เพล้นั้นสวยงามมาก ถ้านั่งรถรอบเที่ยงคืนฉันคงไม่ได้เห็น

ประตูเมืองแลนด์วาร์ดเกต (Landward Gate) ที่ซาดาร์ สังเกตว่าด้านบนจะมีสิงโตมีปีกซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเวนิสอยู่ด้วย
ประตูเมืองแลนด์วาร์ดเกต (Landward Gate) ที่ซาดาร์ สังเกตว่าด้านบนจะมีสิงโตมีปีกซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเวนิสอยู่ด้วย

ฉันใช้สัญญาณ Wi-Fi ที่ให้บริการฟรีที่สถานีรถบัสซาดาร์ จองโรงแรมผ่านแอพพลิเคชั่นในโทรศัพท์มือถือ คนขับแท็กซี่จากท่ารถบัสพาฉันมาส่งยัง Bed & Breakfast ที่เพิ่งจองมาสด ๆ ร้อน ๆ และช่วยโทรศัพท์ตามคุณป้าเจ้าของจากเบอร์ในเอกสารการจองให้ลงมารับถึงที่รถ คุณป้าบอกว่าเห็นว่าเพิ่งจะจองเข้ามาแบบปุบปับเมื่อกี้ คิดว่าต้องโผล่มาแบบหิวแน่ ๆ จึงทำแพนเค้กชีสรอไว้ให้

พรุ่งนี้เดินทางอีก 3 ชั่วโมงก็จะถึงสปลิต มีรถออกจากที่นี่ทุก 2 ชั่วโมง ที่ท่ารถบอกไม่ต้องจองล่วงหน้าให้วุ่นวาย มาถึงสถานีใกล้เวลารอบไหนค่อยซื้อตั๋วก็ได้

ฉันลากกระเป๋าเข้าไปยังห้องพักในซาดาร์ เมืองที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมาแวะ พลันนึกไปว่าตัวเองโชคดีแค่ไหนที่พบเจอแต่คนดี ๆ คอยช่วยเหลือตลอดทางที่ผ่านมา อย่างที่คุณยายที่เจอบนรถบัสตอนข้ามพรมแดนบอกไว้จริง ๆ

ซาดาร์ (Zadar) เมืองจิ๋วแต่แจ๋ว

เช้าวันรุ่งขึ้นคุณป้าเจ้าของโรงแรมให้แผนที่พร้อมอธิบายสถานที่เที่ยวในซาดาร์ จึงเห็นว่าโรงแรมที่ฉันพักแสนจะสะดวก เนื่องจากตั้งอยู่ริมกำแพงเมืองเก่าพอดี ดูจากแผนที่แล้วที่เที่ยวในเขตเมืองเก่าของซาดาร์อยู่ในระยะเดินถึงทั้งสิ้น พลิกหนังสือนำเที่ยวดูประวัติความเป็นมาก็พบว่าซาดาร์น่าสนใจไม่น้อยกว่าเมืองท่องเที่ยวอื่น มีความเป็นมาตั้งแต่สมัยโรมัน เคยเป็นเมืองท่าสำหรับค้าไม้และไวน์ เคยเป็นฐานที่มั่นของกองทัพเรือแห่งอาณาจักรไบแซนไทน์ในช่วงศตวรรษที่ 12 – 13 เคยเนื้อหอมขนาดอาณาจักรเวนิสและราชวงศ์ฮังการีต้องรบแย่งกัน ก่อนที่จะถูกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรเวนิสในยามรุ่งเรืองเมื่อราวศตวรรษที่ 14

โรมันฟอรั่มและโบสถ์แห่งนักบุญโดแนตในเขตกำแพงเมืองเก่าของซาดาร์
โรมันฟอรั่มและโบสถ์แห่งนักบุญโดแนตในเขตกำแพงเมืองเก่าของซาดาร์

ฉันเดินผ่านกำแพงเมืองเก่าเข้าไปอึดใจเดียวก็พบกับโรมันฟอรั่ม (Roman Forum) หรือลานกลางเมืองที่ชาวโรมันในอดีตสร้างไว้ โดยมีโบสถ์และพิพิธภัณฑ์เรียงรายโดยรอบ โบสถ์ที่ดูจะมีสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจที่สุดคือ โบสถ์นักบุญโดแนต (Church of St. Donat) เดิมชื่อว่า Holy Trinity ก่อนจะเปลี่ยนชื่อตามบิชอปโดแนต โบสถ์แห่งนี้เป็นตัวอย่างของสถาปัตยกรรมยุคไบแซนไทน์ที่ใหญ่ที่สุดในแคว้นดัลเมเชีย (Dalmetia) สร้างในช่วงศตวรรษที่ 9 ใช้หินจากโรมันฟอรั่มยามที่ชาวโรมันหมดอำนาจไปนานแล้ว ปัจจุบันใช้เป็นสถานที่จัดคอนเสิร์ตเนื่องจากมีระบบอะคูสติกที่ดีเยี่ยม

บรรยากาศภายในของโบสถ์แห่งนักบุญโดแนตซึ่งปัจจุบันใช้เป็นที่สำหรับจัดคอนเสิร์ต
บรรยากาศภายในของโบสถ์แห่งนักบุญโดแนตซึ่งปัจจุบันใช้เป็นที่สำหรับจัดคอนเสิร์ต

อากาศวันนั้นสดใส ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าเข้มตัดกับเมฆขาวบนฟ้า ฉันเดินเข้าโบสถ์นั้นออกโบสถ์นี้ เผลอนิดเดียวก็ทะลุอีกฝั่งของกำแพงเมืองเดินเลาะริมทะเลไปเรื่อย ๆ ก็เจอกับไฮไลท์อีกแห่งหนึ่งของเมืองซีออร์แกน (Sea Organ) พื้นที่ริมทะเลที่ออกแบบโดยนิโคลา เบสิก (Nikola Baši ) สถาปนิกมือรางวัลชาวโครเอเชีย ลักษณะเป็นขั้นบันไดหินทอดลงทะเล เป็นพื้นที่ริมน้ำสำหรับคนท้องถิ่นหรือแม้กระทั่งนักท่องเที่ยวอย่างฉันมานั่งเล่นในวันที่อากาศดีแบบนี้ แต่สิ่งที่ทำให้บันไดนี้มีความพิเศษคือใต้บันไดเจาะช่องไว้ เมื่อคลื่นและลมเคลื่อนตัวผ่านช่องนี้ก็จะเกิดเป็นเสียงดนตรีคล้ายหีบเพลง ขับกล่อมพื้นที่ริมทะเลของซาดาร์ด้วยบทบรรเลงจากธรรมชาติ

บรรยากาศในเขตเมืองเก่าของซาดาร์
บรรยากาศในเขตเมืองเก่าของซาดาร์

เย็นวันนั้นฉันนั่งรถบัสมุ่งสู่สปลิตที่เป็นจุดหมายถัดไป ทิ้งซาดาร์เมืองที่ได้พบกันโดยไม่คาดฝันไว้เบื้องหลัง คิด ๆ แล้วการเดินทางสอนให้ฉันรู้ว่า บางครั้งสิ่งที่ดูเหมือนจะไม่ได้เป็นไปตามที่เราคาดหวังหรือวางแผนไว้ก็พาเรามาสู่เส้นทางใหม่ ให้เราได้รู้จัก พบเจอ และเรียนรู้ได้ไม่แพ้กัน

(อ่านต่อฉบับหน้า)

TIPS
การเดินทางจากเวนิสไปยังเมืองต่างๆ ในแคว้นอิสเตรียของโครเอเชียที่สะดวกที่สุดคือเรือเฟอร์รี่เปิดให้บริการเฉพาะหน้าร้อนราวต้นเดือนพฤษภาคมถึงปลายเดือนมิถุนายนเท่านั้น ตารางวันเริ่มเดินเรือเปลี่ยนแปลงทุกปี ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศของปีนั้นๆ เช็กรอบและเวลาเดินเรือได้ที่ www.venezialines.comและในช่วงหน้าร้อนยังมีเรือเฟอร์รี่ของโครเอเชียที่วิ่งเชื่อมแต่ละเมืองริมฝั่งทะเลเอเดรียติกเข้าด้วยกันอีกด้วย www.jadrolinija.hr

โครเอเชียขึ้นชื่อเรื่องอาหารทะเลที่สดโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมืองที่อยู่ติดขอบทะเลอย่างโรวินจ์ อย่าพลาดร้านทิปิโก้ (Tipico) ร้านเล็กๆ อยู่บนถนนกริสเซีย ใจกลางเขตเมืองเก่าของโรวินจ์ กลางร้านจะมีโชว์ครัวเล็กๆ ให้เราเห็นพ่อครัวสาละวนปรุงอาหารที่ทำจากปลาสดๆ แบบต้นตำรับอิสเตรีย ทยอยออกมาเสิร์ฟให้แขกในร้านอย่างตั้งใจ

โครเอเชียคึกคักมากในช่วงฤดูร้อน (ตั้งแต่ปลายมิถุนายน – สิงหาคม) บริษัททัวร์หลายแห่งจะมีบริการ Excursion หรือทัวร์แบบไปเช้า – เย็นกลับไปยังอุทยานแห่งชาติพลิตวิเซ่เลคส์จากเมืองข้างเคียง ไม่ว่าจะเป็นซาเกร็บ(Zagreb) สปลิต (Split) หรือซาดาร์ (Zadar) แนะนำให้ค้างที่นี่สักคืนเพื่อดื่มด่ำกับธรรมชาติที่อุทยานนี้อย่างเต็มที่ขอแนะนำโรงแรม Villa Lika : Mukinje 63,53231 Plitvi ka jezera www.villa-lika.com อยู่ห่างจากป้ายรถบัสอึดใจเดียวเหมาะกับผู้ที่เดินทางด้วยรถบัส

แนะนำที่พัก Guest House Pegla : Bartola Kaši a 1, 23000 Zadar, Croatia เจ้าของเป็นคุณป้าที่ดูแลแขกอย่างอบอุ่น

ที่มา : คอลัมน์สารคดีท่องเที่ยว นิตยสารแพรว ฉบับที่ 863 ปักษ์วันที่ 25 สิงหาคม 2558

บทความนี้ถือเป็นทรัพย์สินของเว็บไซต์แพรว ห้ามผู้ใดนำไปคัดลอก ดัดแปลง หรือทำซ้ำ อนุญาตให้แชร์บทความนี้ได้จากลิ้งค์นี้เท่านั้น

 

Praew Recommend

keyboard_arrow_up