SIRIVANNAVARI

ความวิจิตรของผืนผ้าในแบรนด์ SIRIVANNAVARI ประดับสู่สาวงามจักรวาล

Alternative Textaccount_circle
SIRIVANNAVARI
SIRIVANNAVARI

พระองค์หญิงสิริวัณณวรีฯ ถ่ายทอดความวิจิตรของผืนผ้าในแบรนด์ SIRIVANNAVARI ประดับสู่สาวงามจักรวาลในชุดราตรีผ้าไหมไทย-ชุดว่ายน้ำ

เวทีประกวดสาวงามจักรวาลประจำปี 2018 นอกจากจะประดับประดาด้วยมวลหมู่ดาวทั้ง 95 ดวงจากทั่วทุกมุมโลกที่มีความสวย และความสามารถเปล่งประกายในแบบตนเองมารวมกันที่ประเทศไทยแล้ว ปีนี้ยังมีความงดงามที่ประเมินมูลค่าไม่ได้ แต่กลับมีคุณค่าทางใจมหาศาลต่อความรู้สึกคนไทยและคนต่างชาติอย่างพิเศษมากขึ้น เมื่อพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ หรือ เจ้าหญิงดีไซเนอร์ของคนไทย ได้ทรงตอบรับคำทูลเชิญของพอลล่าเอ็มชูการ์ต ประธานองค์กรมิสยูนิเวิร์สในการร่วมทรงออกแบบชุดราตรีผ้าไหมไทยให้สาวงามสวมใส่ในค่ำคืนงาน Thai Night และชุดว่ายน้ำ สำหรับสวมใส่ประกวดบนเวที Miss Universe 2018 ภายใต้แบรนด์ SIRIVANNAVARI ซึ่งนับเป็นพระกรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ และนับเป็นบทบาทสำคัญอันมีความหมายอย่างยิ่งต่อเวทีการประกวดนางงามจักรวาลในฐานะประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ

SIRIVANNAVARI

การรังสรรค์ความวิจิตรของผืนผ้าจะเริ่มเฉิดฉายสู่สายตาคนทั่วโลกในค่ำคืนงาน Thai Night วันที่ 5 ธันวาคม 2561 ที่ผู้เข้าประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2018 ทุกคนจะปรากฏกายด้วยชุดราตรีที่ตัดเย็บจากผ้าไหมมัดหมี่ของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โดยฝีมือ 19 ดีไซเนอร์ไทยในคอนเซ็ปต์ “มงคล” ไล่เรียงตามสีมงคลประจำวันของไทย จากวันจันทร์ไปจนถึงวันอาทิตย์ ได้แก่ สีเหลือง, สีชมพู,สีเขียว, สีส้ม, สีฟ้า, สีม่วง และสีแดง ซึ่งนับเป็นเกียรติอย่างยิ่งเนื่องจากพระองค์หญิงสิริวัณณวรีฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าประทานชุดแบรนด์ “SIRIVANNAVARI” ในคอลเล็คชั่นที่ทรงออกแบบพิเศษ และทรงออกแบบตัดเย็บชุดราตรีจากผ้าไหมไทยด้วยพระองค์ให้แก่ เดมี ลีห์เนล ปีเตอร์ส มิสยูนิเวิร์ส 2017 และ โศภิดา กาญจนรินทร์ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2018 ได้สวมใส่เพื่อแสดงถึงอัตลักษณ์ความเป็นไทยและประชาสัมพันธ์ประเทศไทยผ่านผ้าไหมไทย

SIRIVANNAVARI

สำหรับชุดราตรีผ้าไหมไทยที่ พระองค์หญิงสิริวัณณวรีฯทรงประทานให้ เดมี ลีห์เนล ปีเตอร์ส มิสยูนิเวิร์ส 2017 นับเป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง โดยได้แรงบันดาลใจมาจากฉลองพระองค์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 รังสรรค์มาในรูปแบบชุดไทยเกาะอกแบบสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯสไตล์ยุโรป โดยเลือกใช้ผ้าไหมเรียบและผ้าไหมแพรวา ดีไซน์โดยใช้เทคนิค Draping ตกแต่งและจัดวางผ้าบนหุ่นโดยเน้นการจับผ้าให้มีความพลิ้วไหวสวยงาม และดูสวยเป็นธรรมชาติ พร้อมการปักลงบนกระโปรงแนวกรีกให้ดูทันสมัยมากขึ้น ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างความเป็นไทยในชุดช่วงบนกับความเป็นสากลในชุดช่วงล่างออกมาได้อย่างลงตัว

แบรนด์ SIRIVANNAVARI

ด้านชุดราตรีผ้าไหมไทยที่ทรงประทานให้ โศภิดา กาญจนรินทร์ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2018 สวมใส่ในค่ำคืน Thai Night มาในชุดโทนสีฟ้า เค้าโครงมาจากชุดในคอลเล็คชั่นที่มีการออกแบบตัดเย็บชั้นสูง โดยได้แรงบันดาลใจมาจากฉลองพระองค์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เช่นเดียวกัน ซึ่งได้ใช้เทคนิคการร้อยและปักลูกปัดแบบ Haute Couture มีการใช้ผ้าไหมมัดหมี่และผ้าไหมแพรวามาผสมกัน ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งความท้าทายในการตัดเย็บผ้าไหมไทยโดยไม่ให้ความงดงามดั้งเดิมสูญเสียไป ทุกพื้นที่บนผืนผ้าของชุดยังได้ถ่ายทอดความเป็น “นกยูง” ซึ่งเป็นตราสัญลักษณ์ประจำแบรนด์ที่เปรียบให้เห็นว่า นกยูงเป็นสัตว์ที่สะท้อนถึงความสง่างามและความอ่อนโยนในแบบผู้หญิงที่มีความสวยงามและโดดเด่นในรูปแบบของตัวเอง สังเกตได้จากกระดุม 19 เม็ด ที่ประดับเรียงเป็นแถวบริเวณด้านหลังชุด โดยประทับตราสัญลักษณ์แบรนด์ทุกเม็ดกระดุม หรือชายกระโปรงลากยาวได้ออกแบบเสมือนปีกนกยูงที่กำลังรอรำแพน มีดอกดวงหรือแววมยุราที่เล่นดีเทลด้วยการตัดเย็บผ้าสีฟ้า สีน้ำเงินอยู่ในพื้นที่วงกลม ล้อมรอบด้วยเส้นไหมให้ดูราวขนปีกนกยูง ซึ่งนับเป็นผลงานที่รังสรรค์ทุกรายละเอียดด้วยความประณีตอย่างสูง

SIRIVANNAVARI

SIRIVANNAVARI

SIRIVANNAVARI

SIRIVANNAVARI

อีกหนึ่งบทบาทที่ถือเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเผยความมั่นใจให้แก่สาวงามในการประกวดนางงามจักรวาลนั่นคือ พระองค์หญิงสิริวัณณวรีฯ ยังได้ทรงออกแบบชุดว่ายน้ำให้แก่สาวงามจาก 95 ประเทศทั่วโลกได้สวมใส่ โดยแรงบันดาลใจในการออกแบบมาในคอนเซ็ปต์ “Across the Universe”

นำเสนอเรื่องราวการเดินทางข้ามไปยังจักรวาลดินแดนอันกว้างใหญ่ที่ไม่เคยรู้จัก เพื่อสำรวจเอกภพกลุ่มก๊าซที่ล่องลอยอยู่ในอวกาศประกอบกันจนเป็นความงดงามจากแสงที่ส่องประกายจากดาวฤกษ์ซึ่งเป็นส่วนประกอบอยู่ในเนบิวลา (Nebula) ทั้งหมดนี้ได้นำมาตีความผ่านสีสันบนชุดว่ายน้ำในโทนสีต่างๆได้อย่างพอดิบพอดี ไม่ว่าจะเป็นโทนสีส้ม โทนสีเขียว โทนสีเหลือง โทนสีแดง หรือโทนสีฟ้า ที่สะท้อนความงามของยูนิเวิร์สบนโลกใบนี้ที่มีความหลากหลายแต่แฝงไปด้วยเรื่องความเป็นเอกลักษณ์ของผู้เข้าประกวดที่ได้เดินทางมาจากหลากหลายประเทศทั่วโลก มารวมตัวกันเพื่อเข้าร่วมการประกวดครั้งนี้โดย “No Boundaries” และ “Unity” ยังเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ได้ผสมผสานการรังสรรค์ในการออกแบบชุดว่ายน้ำผ่านลวดลายบนผืนผ้า โดยสื่อให้เห็นถึงความเท่าเทียมสำหรับเวทีประกวดนี้ที่ไม่มีเส้นกั้นขอบเขตว่าใครมาจากที่ใดหรือเชื้อชาติใด นั่นหมายถึงอัตลักษณ์ของความเป็นเอกภาพและความกลมเกลียวที่สุดแสนจะแยบยล

โดยการออกแบบชุดว่ายน้ำครั้งนี้ยังคงไว้ซึ่งความเป็นสากลที่สอดคล้องกับเวทีระดับโลก โดยได้รังสรรค์ออกมาทั้งหมด 2 แบบ โดยผู้ชมจะได้ชื่นชมสาวงามสวมใส่ชุดว่ายน้ำทั้งแบบวันพีซและทูพีซ ที่สลับสับเปลี่ยนดูละลานตาโดยแต่ละชุดมีรายละเอียดพิเศษที่เติมแต่งให้ชุดว่ายน้ำมีความสวยงามและวิจิตรยิ่งขึ้น อาทิ กระดุมสีทองทรงกลมที่ประทับลายพิมพ์นูนรูป “นกยูง” อันเป็นตราสัญลักษณ์ประจำแบรนด์ หรือแม้แต่ผ้าคลุมชุดว่ายน้ำ (Scarf) ที่ลายผ้ายังคงคอนเซ็ปต์ “Across the Universe” ที่สอดคล้องไปกับชุดและสื่อถึงความงามของจักรวาลที่จะได้เห็นบรรดาสาวงามเดินออกมา เพื่ออวดโฉมบนเวทีด้วยท่วงท่าที่สง่างาม แต่แฝงไปด้วยความมั่นใจ พร้อมชมทักษะการจับคู่สีต่างกันของชุดว่ายน้ำในการพรีเซ็นต์ชุดและนำเสนอตัวเองบนเวทีประกวดนางงามจักรวาล ประจำปี 2018 นี้ ซึ่งทั้งหมดนี้นับเป็นความพิเศษที่จะทำให้ประวัติศาสตร์ไทยเต็มไปด้วยเรื่องราวอันมีคุณค่าที่จะอยู่กับคนไทยและคนต่างชาติไปตลอดกาล

SIRIVANNAVARI

SIRIVANNAVARI

SIRIVANNAVARI

SIRIVANNAVARI


 

ทีปิกา ปาทุโกณ นักแสดงบอลลีวู้ด สวยสง่าในชุดแต่งงาน 5 ชุด ตามแบบฉบับสาวภารตะ

account_circle

ทีปิกา ปาทุโกณ นักแสดงบอลลีวู้ด สวยสง่า อลังการ ในชุดแต่งงาน 5 ชุด ฉบับสาวภารตะในพิธีแต่งงานตามแบบฉบับของชาวอินเดีย ณ ทะเลสาบโคโม ประเทศอิตาลี

ได้ฤกษ์ลั่นระฆังวิวาห์อีกคู่แล้ว สำหรับนักแสดงระดับแนวหน้าของวงการบอลลีวู้ด ทีปิกา ปาทุโกณ และรันเวียร์ ซิงห์ ซึ่งทั้งคู่ได้จูงมือกันเข้าประตูวิวาห์ เมื่อวันที่14 และ 15 พฤศจิกายน 2561 ที่ผ่านมานี้เอง

ทีปิกา ปาทุโกณ

โดยพิธีแต่งงานของทั้งคู่นั้น จัดขึ้นสองวันที่ Villa del Balbianello ณ ทะเลสาบโคโม ประเทศอิตาลี เป็นงานแต่งงานที่สวยงาม และเต็มไปด้วยเอกลักษณ์ วัฒนธรรมของชาวอินเดีย

อันที่จริงแล้วเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ทั้งคู่ได้เข้าพิธีแลกแหวน หรือที่เรียกว่า พิธี Konkani Phool Muddi ซึ่งพิธีแบบดั้งเดิมนี้ พ่อเจ้าสาวจะออกมาต้อนรับครอบครัวของเจ้าบ่าว จากนั้นนาย Prakash Padukone พ่อของเจ้าสาว ก็จะมอบมะพร้าว ให้กับนายรันเวียร์ ซิงห์ ส่วนขั้นตอนต่อไปคือพิธีแลกแหวน

และอีกหนึ่งพิธีที่จะขาดไปไม่ได้เลย ในพิธีแต่งงานแบบชาวอินเดียคือ พิธีเมเฮนดี (Mehndi) โดยเจ้าสาวจะเพ้นท์ลวดลายต่างๆ ตั้งแต่บริเวณมือไปจนถึงข้อศอก ตามกฎแล้วหากขาดพิธีนี้ไปจะถือว่าเป็นการแต่งงานที่ไม่สมบูรณ์ เพราะมีความเชื่อว่าสีเฮนน่าน้ำตาลแดงที่นำมาเพ้นท์นั้น หมายถึงความมั่งคั่ง ร่ำรวย ที่เจ้าสาวจะนำมาสู่ครอบครัวของเจ้าบ่าว และอีกหนึ่งพิธีคือ Anand Karaj เป็นพิธีนี้สำหรับเจ้าบ่าวโดยเฉพาะ

สำหรับชุดแต่งงานของ ทีปิกา นั้นดูเหมือนจะเป็นไฮไลท์ที่สุดของงานแต่งงานสุดอลังนี้เลยก็ว่าได้ เพราะเธอจัดเต็มสำหรับพิธีวิวาห์นี้ถึง 5 ชุด ซึ่งแต่ละชุดนั้นสวยงาม เลอค่ามาก ราวกับเจ้าหญิงภารตะ โดยชุดแรกนั้นเป็นชุดที่เธอเข้าพิธีเมเฮนดี ชุดส่าหรีสีบลัชพิงค์ตามแบบชุดแต่งงานตามประเพณี ดีไซน์โดย นาย Sabyasachi Mukherji ดีไซเนอร์ชื่อดังของประเทศอินเดีย

พิธี Konkani Phool Mudd

ส่วนชุดสำหรับ พิธี Konkani Phool Muddi นั้น ทีปิกามาในชุดส่าหรีสีแดงทอง จากห้องเสื้อ The House of Angadi

อีกหนึ่งชุดเจ้าสาวที่สวยจนน้ำตาไหล ในพิธี Anand Karaj จากดีไซเนอร์ฝีมือดี คนเดิมคือ Sabyasachi Mukherji

หากคุณคิดว่าพิธีแต่งงานของคู่รัก นักแสดงบอลลีวู้ดจะจบเพียงแค่นี้ บอกเลยว่า โนจ้าาา เพราะยังมีงานเฉลิมฉลอง ต่อที่มุมไบ ประเทศอินเดีย บ้านเกิดของทั้งคู่ ซึ่งหลังจากที่แลนด์ดิ้งถึงเมืองภารตะ บ่าวสาวก็ได้มีการทักทายกับคนที่มาต้อนรับ ซึ่งทีปิกานั้นมาในชุดส่าหรีสีทอง คลุมด้วยผ้าสีแดง มีความแมทช์กับเจ้าบ่าว เป็นคู่ที่สวยหล่อ สมกับเป็นคนดังแห่งบอลลีวู้ดจริงๆ

สำหรับงานเลี้ยงวันแรกที่จัดขึ้นที่เมืองมุมไบ ประเทศอินเดียนั้น ทีปิกา เจ้าสาวคนสวยมาในชุดส่าหรีสีทอง จากห้องเสื้อ The House of Angadi ดีไซน์โดย K Radharaman

ชุดปิดท้ายของงานแต่งงานสุดงดงามนี้ เป็นชุดส่าหรีสีทอง ที่ดีเทลงานปักของชุดนี้นั้นเลอค่า สวยจับจิต จับใจมากกกกก

สวยหยดย้อย งามจับจิต สมกับเป็นเจ้าหญิงแห่งวงการบอลลีวู้ด และยิ่งสวยมากขึ้นเมื่อเธอเป็นเจ้าสาว ในวันสำคัญที่สุดของชีวิต เห้อออ ไอเราเห็นแล้วก็ได้อิจเบาๆ


ภาพ : deepikapadukone

 

Exclusive เฉพาะแพรว

Exclusive เฉพาะแพรว! การรวมตัวของคนดังบนปกนิตยสารที่หาดูได้ยาก

Exclusive เฉพาะแพรว
Exclusive เฉพาะแพรว

เปิดความพิเศษ Exclusive เฉพาะแพรว สำหรับเหล่าคนดังที่มารวมตัวกันขึ้นปก จนกลายเป็นปกที่หาดูได้ยากและแทบจะหาดูจากที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว งานนี้บอกเลยว่าแฟนๆ แพรวห้ามพลาดนะจ๊ะ

หากจะพูดถึงคำว่าครั้งแรก หลายๆ คนก็มักจะนึกถึงสิ่งที่มีความพิเศษอยู่ในตัว แต่ถ้ายิ่งเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวด้วยแล้ว ก็จะยิ่งทวีความเอ็กซ์คลูซีฟเข้าไปอีก เช่นเดียวกับแฟชั่นเซ็ตบนปกของนิตยสารแพรวที่เรานำมาให้ผู้อ่านได้ชมกันอีกครั้ง อาจจะเป็นปกที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อนก็เป็นไปได้ เพราะเราได้สืบค้นคลังข้อมูลไปจนถึงปี 2533 กันเลยทีเดียว นับว่าแฟชั่นบางปกที่คนดังมารวมตัวกันนั้น มีอายุเกือบ 30 ปีเลยก็ว่าได้ แบบนี้จะไม่เรียกว่าพิเศษสุดๆ ก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว

เราลองมาเช็คกันว่าหน้าตาของปกนิตยสารแพรวที่คุณคุ้นตาหรือปกในดวงใจของคุณผู้อ่านจะอยู่ในลิสต์ต่อไปนี้หรือเปล่า ถ้าพร้อมแล้ว…ก็มาส่องกันเลย

 

Exclusive เฉพาะแพรว! การรวมตัวของคนดังบนปกนิตยสารที่หาดูได้ยาก

 

ประเดิมกันที่ปกแรกด้วยนิตยสารแพรว ปีที่ 11 ฉบับที่ 260 เดือนมิถุนายน ปี 2533 ที่ทาบทาม 3 พระเอกดังในยุคนั้นอย่าง วิลลี่ แมคอินทอช , โอ-วรุฒ และ นก-ฉัตรชัย มาขึ้นปกประชันความหล่อ แถมภาพด้านในยังมีอีก 7 พระเอกชื่อดังมาร่วมเฟรมอยู่ในเล่มด้วย ส่วนตัวปกทั้ง 3 พระเอกมาในแฟชั่นมาดหนุ่มนักธุรกิจกับเสื้อเชิ้ตและเนคไท แต่ก็แฝงความขี้เล่นของหนุ่มๆ ด้วยการปล่อยให้ท่อนล่างมีเพียงบ๊อกเซอร์ตัวเดียว ถือเป็นแฟชั่นปกแบบซนๆ เท่ๆ ของพระเอกหนุ่มมาแรงในยุคนั้นจริงๆ

Exclusive เฉพาะแพรว

Exclusive เฉพาะแพรว

 

มากันที่ความพิเศษอีกหนึ่งปกของนิตยสารแพรว ในปีที่ 29 ฉบับที่ 690 เดือนพฤษภาคม ปี 2551 นั่นคือการรวมตัวกันของ 3 ทูตยูนิเซฟ ได้แก่  อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 18 ของไทย คุณอานันท์ ปันยารชุน ทูตยูนิเซฟประจำประเทศไทย และสองพระนางคู่ขวัญ เคน-ธีรเดช แอน ทองประสม ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นทูตพิเศษเพื่อเยาวชนขององค์การยูนิเซฟ ประจำประเทศไทย ปี 2551 และช่วงที่หนุ่มเคน สาวแอนมาถ่ายแบบแฟชั่นเซ็ตนี้ ก็เป็นช่วงที่ละครเรื่องสวรรค์เบี่ยงกำลังเปรี้ยงไปทั่วบ้านทั่วเมือง เรียกได้ว่าเป็นปกที่รวมความพิเศษแบบคูณสองเลยทีเดียว

Exclusive เฉพาะแพรว

Exclusive เฉพาะแพรว

รักประเทศไทย

 

ต่อด้วยนิตยสารแพรว ปีที่ 30 ฉบับที่ 697 เดือนกันยายน ปี 2551 เล่มพิเศษในวันเกิดของนิตยสารแพรวปีที่ 30 กะรัต ซึ่งได้ 3 คนดังอย่าง เบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย์ , แอน ทองประสม และอ้อม-พิยดา มาอยู่ในปกเดียวกัน โดยสถานที่ถ่ายแฟชั่นเช็ตนี้ ได้บินไปถ่ายกันถึงเกาะคิวชู ประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียว ทำให้แฟชั่นปกนี้มีกลิ่นอายของเมืองหนาว แต่เมื่อไหร่ที่ทั้งสามต้องมาร่วมเฟรมเดียวกัน ภาพที่ออกมาก็จะสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นในทันที เพราะเป็นความแอบอิงแนบชิดใกล้ ชนิดที่ใครๆ ก็ต้องอิจฉาสองสาวแน่ๆ

Exclusive เฉพาะแพรว

Exclusive เฉพาะแพรว

Exclusive เฉพาะแพรว

Exclusive เฉพาะแพรว

Exclusive เฉพาะแพรว

 

ต่อไปเป็นคิวของนิตยสารแพรว ปีที่ 31 ฉบับที่ 730 เดือนมกราคม ปี 2553 ที่ได้นักข่าวมากฝีมืออย่าง สรยุทธ สุทัศนะจินดา มาถ่ายแบบในสไตล์ชิลๆ สบายๆ กับหมีแพนด้าชื่อดัง หลินปิง และทันทีที่ปกนี้ออกไป ใครๆ ก็ต่างพูดชมปนแซวกันว่า “คุณพ่อกับลูกสาวหน้าคล้ายกันเลย” ถือเป็นโมเม้นต์ที่น่ารักอยู่ไม่น้อย และช่วงที่ถ่ายนิตยสารปกนี้ ถือเป็นจังหวะที่หมีแพนด้าจากเมืองจีนอย่างหลินปิงกำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก และตัวของสรยุทธเอง ก็เป็นที่จับตามองในวงการข่าวเช่นกัน ซึ่งความพิเศษที่มีฟีลอบอุ่นแบบนี้ คงหาดูที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว และถ้าจะบอกว่าเป็นนิตยสารแรร์ไอเท็มอีกหนึ่งเล่มของแพรวก็คงจะได้

Exclusive เฉพาะแพรว

Exclusive เฉพาะแพรว

Exclusive เฉพาะแพรว

Exclusive เฉพาะแพรว

 

เสิร์ฟความพิเศษต่อรัวๆ กับนิตยสารแพรวปีที่ 33 ฉบับที่ 769 เดือนกันยายน ปี 2554 เป็นเล่ม 33rd BIRTHDAY วันเกิดเลขสวยของหนังสือแพรว ที่ได้ 5 คนดังมาถ่ายแบบด้วยกันในแฟชั่นเซ็ตนี้ นำทีมโดยพระเอกสุดหล่อ ติ๊ก-เจษฎาภรณ์ ตามมาด้วยแก๊งนางเอกสุดฮ็ฮตอย่าง พลอย-เฌอมาลย์ , ชมพู่-อารยา , แอฟ-ทักษอร และ ญาญ่า-อุรัสยา ที่หนุ่มๆ เห็นแล้วต้องอิจฉาพี่ติ๊กแน่ๆ เพราะ 4 สาวนางเอกเล่นสาดความน่ารัก แถมยังเซ็กซี่ซะขนาดนี้ อีกทั้งในช่วงนั้นนางเอกแต่ละคนก็ดังจนฉุดไม่อยู่ ถือเป็นการรวมนางเอกตัวท็อปของวงการมาอยู่ในปกเดียวกันได้อย่างลงตัว และทุกวันนี้ก็ยังเป็นภาพที่หาดูได้ยากจริงๆ เพราะการที่ทั้ง 5 คนจะโคจรมาร่วมงานกันอีกครั้ง คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ

Exclusive เฉพาะแพรว

Exclusive เฉพาะแพรว

Exclusive เฉพาะแพรว

Exclusive เฉพาะแพรว

 

ปิดท้ายกันที่นิตยสารแพรวปีที่ 35 ฉบับที่ 827 เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2557 กับคอนเซ็ปต์รักประเทศไทย ต้อนรับเทศกาลวาเลนไทน์ โดยได้คู่รักนกหญิง นกชาย อย่างสินจัยและฉัตรชัย มาโพสต์ท่าถ่ายแบบคู่กันอีกครั้ง แต่ความพิเศษในเล่มนี้ ไม่ใช่เพียงแนะนำสถานที่ต่างๆ ในเมืองไทยเท่านั้น แต่ได้รวมความในใจถึงประเทศไทยจาก 9 คู่รักอีกด้วย เป็นเล่มที่อัดแน่นไปด้วยความรักจริงๆ และคู่รักสองนกยังมีภาพลักษณ์ที่สื่อถึงความรักต่อประเทศได้อย่างชัดเจน ผ่านงานละครที่ทั้งคู่ทำ เพราะแฝงไปด้วยแง่คิดของปัญหาต่างๆ ในสังคมไทย ที่สามารถแก้ไขได้ ถ้าทุกคนมีความรักอย่างจริงใจให้กับบ้านเกิดหลังใหญ่ของพวกเรา

Exclusive เฉพาะแพรว

Exclusive เฉพาะแพรว

 

ตุ๊ก-อุษณีย์

ตุ๊ก-อุษณีย์ พี่สาว กึ้ง-เฉลิมชัย เผยสเปกน้องสะใภ้ในดวงใจ “ต้องรักน้องเราจริง”

ตุ๊ก-อุษณีย์
ตุ๊ก-อุษณีย์

ไฮโซสาวเจ้าแม่ร้านขนม ตุ๊ก-อุษณีย์ พี่สาว กึ้ง-เฉลิมชัย เผยน้องชายมาปรึกษาเรื่องสาวๆ บ้าง พร้อมแย้มสเปกน้องสะใภ้ในดวงใจ “ต้องรักน้องเราจริง”

      ตุ๊ก-อุษณีย์ถือเป็นเจ้าแม่นำเข้าร้านขนมชื่อดังหลายๆ ร้าน เลยก็ว่าได้ สำหรับ ตุ๊ก-อุษณีย์ มหากิจศิริ ลีโอณีโอ พี่สาวสุดที่รักของไฮโซหนุ่ม กึ้ง-เฉลิมชัย มหากิจศิริ ที่ตอนนี้มีร้านขนมดังถึง 6 แบรนด์แล้ว ซึ่งที่คนไทยรู้จักกันดีก็มี ร้านโดนัทคริสปี้ ครีม (Krispy Kreme) ร้านแพนเค้กไอฮอป (IHOP) และอื่นๆ อีกมากมาย โดยคุณตุ๊กบอกกับ แพรวดอทคอม ว่าตอนนี้กำลังเตรียมแผนธุรกิจลุยด้านเดลิเวอรี่เพื่อรองรับกับไลฟ์สไตล์ของผู้หบริโภคที่กำลังเปลี่ยนไป เน้นสะดวกสบายมากขึ้น

“ตอนนี้กำลังเตรียมแผนในเรื่องเดลิเวอรี่ อยากเพิ่มเติมในส่วนของออนไลน์ เพราะคิดว่าตอนนี้ไลฟ์สไตล์ของคนมีการเปลี่ยนแปลงไป คนต้องการความสะดวกสบายเพิ่มมากขึ้น แล้วเราก็พยายามเข้าถึงลูกค้าให้เพิ่มมากขึ้นด้วย ตอนนี้เรากำลังประสานกับคนที่เขาทำออนไลน์อยู่แล้วว่าเราจะโคกันได้มากน้อยแค่ไหน นอกจากนี้ก็พยายามจะทำ 6 แบรนด์ให้ดีที่สุด และจะพยายามทำแบรนด์ใหม่ๆ ให้ดีที่สุด ซึ่งตอนนี้ก็มีแบรนด์ใหม่ๆ ติดต่อเข้ามาเยอะมากเลย ก็พยายามเลือกนิดนึงว่าจะเอาอะไรดี”

ตุ๊ก-อุษณีย์ลูกค้าค่อนข้างจับตามองเวลาคุณตุ๊กจะนำอะไรเข้ามา ส่วนใหญ่มักจะเป็นร้านดังๆ ในต่างประเทศ และได้กระแสตอบรับที่ดีหตลอดเวลามาเปิดในไทย

“ตอนนี้พยายามทำสิ่งที่ดีอยู่ ให้ดีที่สุด และก่อนที่จะเลือกอะไรเข้ามาก็อยากจะพิถีพิถันให้มากขึ้นด้วย”

ส่วนใหญ่ร้านที่นำเข้ามาเป็นอาหารหมดเลย

“ใช่ๆ เพราะเราชอบชิม ทุกวันนี้ชิมตลอด ชอบกิน ชอบหาอะไรใหม่ๆ รู้สึกว่าการกินอะไรที่อร่อยเหมือนเป็นความสุขที่รับรู้ได้ทันที เหมือนกว่าเรากจะซื้อกระเป๋าใบนึงต้องเก็บตังค์ตั้งหลายเดือน แต่ว่าอาหารมันแบบได้เลย แล้วพฤติกรรมผู้บริโภคก็มีการอัพเดทเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เราก็ต้องทำให้มันอินเทรนด์ให้มากที่สุด”

คุณตุ๊กก็เลยต้องเดินทางไปชิมอาหารที่ต่างประเทศอยู่เรื่อยๆ

“ก็ต้องนะคะ เพราะต้องอัพเดท ทำยังไงให้ของเราเองอัพเดทตลอดเวลาด้วย”

ตอนนี้ธุรกิจเริ่มลงตัวแล้ว

“โอเคขึ้นนะคะ มีทีมผู้บริหาร มีคนเข้ามาดูอย่างจริงจัง มีพนักงานเยอะไปหมด ค่อยๆ ดูกันไปค่ะ”

ตุ๊ก-อุษณีย์ช่วงนี้เลยมีเวลาดูแลลูกๆ อย่างเต็มที่

“ก็พยายามจะอยู่กับลูกๆ มากขึ้น พยายามจะบริหารเวลาให้ได้ เพราะว่าการเป็นแม่ก็สำคัญสำหรับลูก จะได้อยู่กับเรา จะได้คอยสอนเขา เขาก็เริ่มโตแล้ว”

ถามถึงน้องชายอย่างคุณกึ้งบ้าง ช่วงนี้เห็นตัวติดกับหลานๆ มาก

“ใช่ๆ เขาติดหลานๆ มาก เพราะเขายังไม่มีเป็นของตัวเอง หวังว่าเขาจะมีเร็วๆ นี้ สำหรับเราถ้าเขารักใครเราก็รักด้วย”

เขามีมาปรึกษาเรื่องสาวๆ บ้างไหม

“ก็มีบ้าง แบบว่าทำยังไงถึงจะรู้ว่าคนนี้ใช่ อะไรทำนองนี้ค่ะ เขาก็แบบถามโน่น นี่ นั่น”

ตุ๊ก-อุษณีย์แล้วคุณตุ๊กเองมีสเปกน้องสะใภ้ในดวงใจไหม ว่าต้องเป็นแบบไหน

“คือใครก็ได้ที่แบบว่า น้องรักใคร เราก็รักด้วย การแต่งงานมันต้องอยู่กับความรัก ถ้าเขารักใคร เราเป็นพี่เราก็รักด้วย แล้วก็อยากให้รักน้องเราด้วยค่ะ”

เขามีพามาแนะนำบ้างหรือยัง

“ยังเลยค่ะ ยังไม่เห็นใครเลย (หัวเราะ) ยังเงียบๆ อยู่ เห็นทำแต่งานค่ะ”

 

งานแต่งที่เนรมิตพิพิธภัณฑ์ประติมากรรมกลายเป็นงานแต่งของคุณยุพเรศ & คุณเสริมคุณ

account_circle

เนรมิตพิพิธภัณฑ์ประติมากรรมจัด งานแต่ง งาน พร้อมเหล่าคนดังร่วมยินดี

ช่วงปลายปีแบบนี้บรรดาคู่รักต่างตบเท้าเข้าสู่ประตูวิวาห์กันเป็นว่าเล่น แถมแต่ละคู่ก็งัดธีม งานแต่ง เด็ดๆ มาอวดกันมากมาย และล่าสุด แพรว wedding ก็ได้เจอกับงานแต่งสุดเจ๋งอีกหนึ่งงาน ที่เรียกได้ว่าเก๋ไก๋ไม่ซ้ำแบบใคร นั่นคืองานแต่งงานของคุณเสริมคุณ คุณาวงศ์ ซีอีโอของซีเอ็มโอ กรุ๊ป ผู้นำธุรกิจดีเว้น์ชื่อดัง ที่จูงมือคุณยุพเรศ เกษสาคร ผู้จัดการแบรนด์ผลิตภัณฑ์ Clé de PeauBeauté (เคลย์เดอโปโบเต้ ) ภายใต้บริษัท บริษัท ชิเซโด้ (ไทยแลนด์) เนรมิตพื้นที่ศูนย์ประติมากรรมกรุงเทพฯ เพื่อจัดงานแต่งงานในธีม “Love in The Museum” ท่ามกลางบรรยากาศงานศิลปะ

บรรยากาศของงานตกแต่งด้วยแสง เสียง และภาพอันสวยงามสุดอลังการ พร้อมมินิคอนเสิร์ตสุดเอ็กซ์คลูซีฟจาก โต๋-ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร ที่มาสร้างสีสันอย่างใกล้ชิดให้กับแขกที่มาร่วมงานให้ได้กรี๊ดกันอย่างสุดเสียง นอกจากสถานที่จะเจ๋งแล้ว งานนี้บ่าวสาวยังมีไฮไลต์เด็ดในช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี้ที่จัดเต็มทั้งแสงเสียง เหมือนยกคอนเสิร์ตขนาดย่อมมาให้แขกได้มันกันสุดเหวี่ยงจากการแสดงของวงดนตรี YENTED (เย็นเต็ด) และ 60 Miles เรียกได้ว่าเอาใจแขกสายตี๊ดกันเต็มที่

และแน่นอนว่าเจ้าบ่าวเป็นถึงมือหนึ่งด้านการจัดอีเว้นต์ เพราะฉะนั้นแขกที่มาร่วมงานจึงมีทั้งแขกผู้มีเกียรติจากแวดวงธุรกิจ แวดวงศิลปะ รวมไปถึงศิลปิน เซเลบริตี้มากมาย และเพื่อนพ้องน้องพี่คนสนิทในวงการออแกไนเซอร์ที่มาร่วมแสดงความยินดีอย่างคับคั่ง อาทิ ม.ร.ว. ปรีดิยาธร เทวกุล ประธานมูลนิธิหอศิลปะแห่งรัชกาลที่ 9, ทัตสึกิ นากาโอะ กรรมการผู้จัดการชิเซโด้ (ไทยแลนด์), “คุณแอ๊ว” ศุภลักษณ์ อัมพุช, “คุณแป๋ม” ชฎาทิพ จูตระกูล, ดร.ภูวนาทคุนผลิน และคุณจ๋า-อลิสาพันธุศักดิ์, กรกนก ยงสกุล, บอย โกสิยพงษ์, บรูซ แกสตัน, “คุณหนุ่ย” พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์, “คุณปลา” อัจฉรา บุรารักษ์,คุณหนึ่ง สุริยน, ดร.ประสาน ภีรัชบุรี, อภิรักษ์ โกษะโยธิน, ปัญญา วิจินธนสาร ศิลปินแห่งชาติประจำปี 2557 และ ศักดิ์วุฒิ วิเศษมณี ฯลฯ

เป็นอีกหนึ่งงานแต่งงานที่ช่วยสร้างสีสันให้กับงานวิวาห์ในปลายปีนี้ได้อย่างถึงใจและเจ๋งจริงๆ

เจมส์

ฝ่าดราม่าในวันที่มีแฟน เจมส์ จิรายุ ขอบคุณแฟนคลับที่เข้าใจ

Alternative Textaccount_circle
เจมส์
เจมส์

“ผมอยากบริสุทธิ์ใจกับการทำงาน บริสุทธิ์ใจกับการให้ความสุขทุกๆ คน” เจมส์ จิรายุ ให้สัมภาษณ์ฝ่าดราม่าในวันที่หัวใจถูกจับจอง

ถึงทุกวันนี้ศิลปิน-นักแสดงในวงการบันเทิง จะสามารถเปิดตัวแฟนและแฟนคลับก็เข้าใจได้แล้ว แต่ก็มีหลายคนที่ยังไม่สามารถเปิดตัวสาวคนพิเศษได้อย่างใจนึก โดยเฉพาะบรรดาพระเอกหนุ่มสุดฮ็อตขวัญใจสาวๆ การเปิดตัวแฟนถือเป็นเรื่องใหญ่มากๆ โชคดีแฟนคลับก็เข้าใจ โชคร้ายอาจจะต้องเสียฐานแฟนคลับไปเยอะ

โดยเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา พระเอกหนุ่มฮ็อตของช่อง 3 เจมส์ จิรายุ ตั้งศรีสุข ก็ตกเป็นประเด็นร้อน เมื่อมีการพบว่าเขากำลังคบหาดูใจกับสาวนอกวงการคนหนึ่งที่ชื่อโฟม และได้มีการพยายามสืบหาว่าเธอเป็นใคร และมีการเปิดเผยไอจีของเธอในที่สุด และได้นำภาพและคลิปของเธอออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างร้อนแรง กระทั่งมีกระแสแอนตี้เกิดขึ้น

เจมส์

ล่าสุดในงาน ประกาศรางวัลสุดยอดผลิตภัณฑ์ความงามแห่งปี แพรว Iconic Beauty 2018 ที่จัดขึ้น ณ ที่แฟชั่นฮอลล์ ชั้น 1 สยามพารากอน เจมส์ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ โดยเจมส์บอกว่า ให้หลังที่มีกระแส “โฟม”ก็มีเครียดบ้าง เพราะเธอเป็นคนปกติทั่วไป ก็คงไม่ชินกับการมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ แต่สักพักก็คงจะผ่านไป

กับเรื่องที่เกิดขึ้นเจมส์บอกว่าไม่ได้ห่วงแค่ความรู้สึกของสาวคนสนิทเท่านั้น แต่เขายังห่วงความรู้สึกของแฟนๆ ด้วย ว่าจะโมโหหรือเปล่า เพราะเจมส์เป็นคนแคร์ความรู้สึกของทุกคน อยากจะทำให้ทุกคนได้มีความรู้สึกดีๆ เท่านั้นเอง

ในช่วงท้ายของการสัมภาษณ์เจมส์ยังบอกอีกว่าสำหรับแฟนคลับก็มีทั้งที่ยินดีและไม่เห็นด้วย มันเป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งที่เจมส์กำลังจะทำคือ จะพยายามแสดงให้เขาเห็นว่า ในทุกครั้งที่เขามางาน มาเจอผม ได้ดูผลงานของผม ผมก็อยากจะสร้างรอยยิ้มให้เขากลับไป อยากให้ทุกคนโฟกัสในเรื่องงานที่เราได้ทำออกไปด้วย

อย่างไรก็ตามเจมส์ได้ทิ้งท้ายว่าสิ่งที่อยากจะสื่อสารออกไปก็คือ อยากบริสุทธิ์ใจกับการทำงาน บริสุทธิ์ใจกับการให้ความสุขทุกๆ คน อยากให้ยังรักกันอยู่แบบนี้ต่อไป

เจมส์

เจมส์

เจมส์


 

หม่อมหลวงปุญยนุช

ล้ำค่า! กระจกแอนทีคประดับอัญมณี รักแรกพบของหม่อมหลวงปุญยนุช

Alternative Textaccount_circle
หม่อมหลวงปุญยนุช
หม่อมหลวงปุญยนุช

เชื่อว่าทุกคนย่อมมีของรักของหวงประจำตัว ซึ่งจะเป็นอะไรนั้นก็แตกต่างกันไปตามความชื่นชอบหรือรสนิยม แต่สำหรับคุณดาว-หม่อมหลวงปุญยนุช เกษมสันต์ ดุลยจินดา เซเลบริตี้ผู้รักการสะสมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เธอยกตำแหน่งของรักของหวงให้กับกระจกแอนทีคประดับอัญมณีชิ้นงามที่หาชมได้ยากในปัจจุบัน ถึงขั้นต้องเก็บรักษาไว้ในตู้นิรภัยของธนาคารเลยทีเดียว แถมเธอยังบอกอีกว่านี่แหละคือรักแรกพบ ซึ่งกลายมาเป็นของล้ำค่าส่วนตัวที่ภาคภูมิใจมากๆ

“ผู้หญิงกับของสวยๆ งามๆ เป็นอะไรที่คู่กัน แต่สำหรับความงามที่ดิฉันชื่นชอบต้องเป็นความงามที่ย้อนเวลากลับสู่อดีตด้วย ดิฉันอาจเป็นคนโบราณในยุคใดยุคหนึ่งกลับชาติมาเกิดก็เป็นได้ จึงมักมีความรู้สึกคุ้นเคยกับของแอนทีค โดยเฉพาะของยุโรปเป็นพิเศษ แม้ไม่ค่อยมีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศเพื่อไปตามหาด้วยตัวเอง แต่ดิฉันเชื่อว่าอะไรที่เป็นของเรา ที่สุดแล้วจะเดินทางกลับมาหาเราเอง (ยิ้ม)

หม่อมหลวงปุญยนุช

“อย่างกระจกมือถือแอนทีคชิ้นนี้ เมื่อ 6 ปีที่แล้ว ดิฉันไปร่วมงานครบรอบของบิวตี้ เจมส์ ซึ่งมีการแสดงแฟชั่นโชว์เครื่องเพชร โดยมีไฮไลต์อยู่ที่น้องแต้ว-ณฐพร ในชุดราตรีสีแดงสด ดิฉันสะดุดตากระจกบานนี้ที่น้องแต้วถืออยู่ตอนเดินโชว์บนเวที เป็นกระจกส่องหน้า มีด้ามจับ ขนาดพอดีมือ ตกแต่งด้วยอัญมณีทั้งเรือน สวยงามมาก แม้จะเห็นอยู่ในระยะไกลๆ แต่ก็ทำให้ตะลึงได้ เรียกว่าตกหลุมรักเลยค่ะ

หม่อมหลวงปุญยนุช

“ตอนนั้นดิฉันก็รู้นะคะว่าเขานำมาเป็นแค่พร็อปส์โชว์ในรอบฟินาเล่เท่านั้น ไม่ใช่สินค้าสำหรับขาย พองานเลิกจึงขอคุยกับคุณหนึ่ง (สุริยน ศรีอรทัยกุล) ว่าอยากดูกระจกจังเลย ปรากฏว่าพอได้เห็นและสัมผัสใกล้ๆ ทำให้รู้ว่าเป็นงานแอนทีคที่มีความสวยงามและประณีตมากๆ ขนาดคิดเอาเองว่าอาจเป็นงานของฟาแบร์เช่ (Fabergè) เลย จึงลองถามคุณหนึ่งกึ่งเล่นกึ่งจริงว่า ขายไหมคะ

หม่อมหลวงปุญยนุช

“คุณหนึ่งบอกว่า ชิ้นนี้ยืมมาเพื่อเป็นพร็อปส์ประกอบให้เข้ากับธีมงาน แต่ความที่ดิฉันถูกใจมาก จึงขอให้ช่วยเป็นธุระติดต่อเจ้าของให้ด้วย ได้ความว่าคุณพ่อของคุณหนึ่งได้กระจกนี้มาจากเพื่อนสนิทที่ประมูลจากนิวยอร์ก ซึ่งทางสถานที่ประมูลให้ข้อมูลว่างานชิ้นนี้มาจากอังกฤษอีกที แต่รายละเอียดความเป็นมาของกระจกบานนี้ ทางผู้จัดประมูลก็ไม่ทราบแน่ชัด ดิฉันจึงปรึกษาจากผู้มีความรู้ ท่านคอมเมนต์ว่า ถ้าดูจากดีเทลลักษณะของงานน่าจะเป็นของราชวงศ์อิหร่าน เพราะด้านบนมีดีไซน์เป็นรูปรัศมีสุริยะ ตรงกลางมีทับทิมเม็ดใหญ่แทนดวงอาทิตย์ และมีแฉกของแสงที่ทำด้วยเพชร ซึ่งสัญลักษณ์นี้มักปรากฏในเครื่องใช้ของราชวงศ์หรือระดับขุนนางชั้นสูงเท่านั้น รอบๆ กระจกและด้ามจับมีดีไซน์เป็นกลุ่มดอกไม้และรูปโบอยู่ใต้ฐานกระจก ซึ่งรูปโบในสไตล์นี้เป็นงานออกแบบที่ชื่นชอบกันมากในยุคของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ประดับประดาด้วยอัญมณีสามสี ทั้งทับทิม มรกต และเพชร โดยใช้เทคนิค การฝังแบบมีหนามเตย สะกิดหนามเตย และงานฝังแบบไร้หนาม (Invisible) ซึ่งเทคนิคการฝังแบบไร้หนามนี้เกิดขึ้นในช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 18 จึงเชื่อว่ากระจกบานนี้น่าจะมีอายุเกินร้อยปีอย่างแน่นอน สันนิษฐานว่าคงเดินทางผลัดเปลี่ยนเจ้าของมาหลายประเทศแล้ว คงอย่างที่เขาพูดกันนะคะว่า สมบัติผลัดกันครอง หลังจากพูดคุยต่อรองราคาและเงื่อนไขกันอยู่สักพัก กระจกบานนี้ก็กลายมาเป็นของสะสมล้ำค่าที่ดิฉันรักมากและเก็บรักษาไว้ในตู้นิรภัยของธนาคาร

“จะหยิบนำมาใช้บ้างในโอกาสพิเศษสำหรับชาโตว์ เดอ ลา พอร์ซเลน (Chteau de la Porcelaine – บ้านของคุณดาว) เท่านั้นค่ะ”


 

ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 940

‘ทำงานจนไม่มีเวลาหาคู่ แต่ใครจะรู้ว่า จริงๆ แล้วคู่ก็อยู่ข้างตัวนั่นละ’ ดูดวงรายวัน 30 พฤศจิกายน 2561

ดูดวงรายวัน 30 พฤศจิกายน 2561 #ป้าเนาว์พยากรณ์ แม่นเป๊ะสายแข็ง ทั้งการงาน การเงิน ความรัก และสุขภาพ

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์

การงาน : ยังอยู่ในโหมดทำงานหนัก ครุ่นคิดอยู่กับเรื่องงานจนไม่คิดถึงเรื่องอื่นใดเลย เพราะวันนี้เกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์ ที่ต้องใช้อารมณ์ในการถ่ายทอด เช่น งานเขียน งานบันเทิง และงานที่เกี่ยวกับความสวยงาม นอกจากท่านจะคิดงานของตัวเองแล้วก็ยังต้องไปช่วยคนอื่นคิดด้วย

การเงิน :  จะหมดกับของสวยๆ งามๆ นอกจากซื้อให้ตัวเองแล้วก็ยังซื้อฝากพี่ป้าน้าอาด้วย

ความรัก : ช่วงนี้ท่านงานยุ่ง ทำแต่งานจนไม่สนใจตัวเองและครอบครัว ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแม่ หรือพี่สาว หรือคนสนิทที่เป็นผู้หญิง คนโสด ขอทำงานก่อน ไม่แน่ความรักอาจเกิดจากความช่วยเหลือ หรือความสนิทสนมขณะทำงานก็ได้

สุขภาพ : ระวังอาจเป็นไข้หวัดเล็กๆ ปอดบวม หรือเลือดจาง

 

ผู้ที่เกิดวันจันทร์         

การงาน : อาจได้ทำงาน 2 ที่ในเวลาเดียวกัน เพราะวันนี้อาจถูกขอร้องให้เข้าไปช่วยดูแธุรกิจในครอบครัว ซึ่งกำลังมีปัญหาภายใน งานนี้ต้องใช้กำลังกาย กำลังใจอย่างหนัก เพื่อช่วยสะสางปัญหาต่างๆ ติดต่อกันเป็นเวลานาน แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าและได้ผลตอบแทนที่ดี

การเงิน :  ต้องทำงานหนักจึงจะได้เงิน เพราะฉะนั้นหากได้มาเปล่าๆ ก็ต้องพิจารณาว่า ได้มาอย่างถูกต้องหรือเปล่า

ความรัก : ท่านอาจถูกผู้หวังดีใส่ร้ายว่ากำลังมีกิ๊ก ทำให้ช่วงนี้ทะเลาะกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง คนโสด  เป็นนักรักตัวยง ตัดสินใจรวดเร็วมาก รักใครก็จูงมือไปอยู่ด้วยกันเลย

สุขภาพ : ยังอยู่ในโหมดรับประทาน งดของแซ่บเว่อร์ เพราะอาจเกิดอาหารเป็นพิษ ท้องเสีย และลำไส้อักเสบ

 

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน  :  ท่านรับอาสาจากเจ้านายไปปฏิบัติภารกิจที่เสี่ยงต่อความผิดพลาดสูง ท่านจึงต้องใช้ความรู้ความสามารถ และทักษะความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน วันนี้ควรเปิดใจรับฟังความคิดเห็นที่ต่าง นำมาวิเคราะห์โดยปราศจากอคติ ก็จะทำให้งานผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

การเงิน : อาจได้รับเงินตอบแทนหรือได้จ็อบพิเศษ

ความรัก : ท่านค่อนข้างจริงจังกับครอบครัวมาก ติดอยู่ในกรอบของขนบธรรมเนียมประเพณี และความเหมาะสมของสังคม ไม่เปิดเผยความรู้สึกแท้จริงของตัวเอง จนลูกอาจขอแยกไปอยู่ตามลำพัง คนโสด รักง่ายหน่ายเร็ว ยังไม่เจอตัวจริงเสียที แต่หากไม่มีก็ขออยู่คนเดียวดีกว่า

สุขภาพ : หากท่านเป็นนักดื่มก็งดๆ ลงบ้าง เพราะกระเพาะและระบบย่อยอาหารจะมีปัญหา ทำให้มีอาการท้องอืดท้องเฟ้อ

 

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน  :  อย่าเพิ่งทุ่มหมด ดูท่าทีก่อน  เพราะภายในองค์กรมีการปรับโครงสร้างภายใน รวมทั้งเนื้อหางานที่ท่านรับผิดชอบก็มีการเปลี่ยนแปลง ทำให้ท่านเครียด หาทางออกไม่เจอ ต้องการการตัดสินใจอย่างเร่งด่วน งานนี้ต้องดูทีมด้วย เพราะทีมท่านแข็งสามารถทำให้งานไปต่อได้

การเงิน : ขึ้นลง เข้าออกมือซ้ายมือขวาตลอดเวลา สิ่งที่หวังว่าจะได้ก็ได้แค่ครึ่งเดียว

ความรัก : ควรเดินสายกลาง ไม่ควรจู้จี้ขี้บ่นหรือเอาแต่ใจ คาดหวังกับคู่มาก งานนอกบ้านก็เหนื่อยแล้วยังมาเครียดกับคนในบ้านอีก เดี๋ยวจะเครียดกันไปใหญ่  คนโสด อาจถูกกดดันให้ไปเดท เพื่อเตรียมแต่งงาน แม้เจอแล้วท่านอาจตกหลุมรักเลย แต่ป้าคิดว่ายังไม่ถึงเวลา

สุขภาพ :  ระวังโรคที่เกี่ยวข้องกับอวัยวะช่วงขาและข้อต่างๆ เช่น โรคเก๊า อัมพฤกษ์ หรือเส้นเอ็นฉีกขาดตึงยึด

 

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี

การงาน  : วันนี้ถือว่าปล่อยได้ หากท่านทำงานประจำที่เกี่ยวกับการเขียน งานบันเทิง หรือความสวยงามสามารถชิลได้ เพราะทีมงานดี ผู้บังคับบัญชาก็สนับสนุน

การเงิน :  อาจตัดสินใจไปเรียนต่อทางด้านความสวยงามเพิ่มเติม

ความรัก :  อาจถูกผู้ใหญ่ให้แต่งงานกันด้วยความเหมาะสมหลายๆ ด้าน เพราะฉะนั้นจึงต้องใช้เวลาปรับตัวกันเยอะ แม้จะมีทัศนคติที่ไม่ตรงกันอยู่เรื่อย แต่ท่านก็สามารถประคับประคองจนผ่านไปได้ทุกครั้ง คนโสด จากความใกล้ชิด ช่วยเหลืองานทำให้ความรักเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว

สุขภาพ : อากาศเปลี่ยน ทำให้โรคประจำตัวกลับมากำเริบใหม่ เช่น เป็นหวัดหรือปอดบวม จนถึงน้ำในหูไม่เท่ากัน

 

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน  : วันนี้หากท่านกำลังคิดที่จะทำงานที่แปลกและสร้างสรรค์ของตัวเอง โดยเฉพาะงานด้านสื่อสารมวลชน อยากให้พักไว้ก่อน เพราะอาจไม่เวิร์ค ถูกปิดจ็อบตั้งแต่ยังไม่เริ่มต้นเลย

การเงิน : โชคลาภ ทั้งที่เป็นทรัพย์มรดก ที่ดิน หรือลาภลอย วันนี้อดหมดเลยค่ะ

ความรัก : จากครอบครัวที่เคยเอาใจใส่ดูแลอย่างดี วันนี้เหมือนคำพูดท่านคำเดียวทำให้วง

แตก ปิดจ็อบกันได้เลยทีเดียว เพราะฉะนั้นก่อนพูดอะไรขอให้ตั้งสติให้ดี คนโสด วันนี้อาจต้องปิดจ็อบกับคนที่คบกันมานาน

สุขภาพ : วันนี้ไม่สบายต้องไปหาหมอนะคะ เพราะอาการอาจหนักขึ้นได้

 

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน :  ท่านสามารถเรียนรู้งานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ วันนี้จึงแบ่งภาคเข้าไปช่วยงานของครอบครัวด้วยอีกอย่างสบายๆ ชิลๆ ทำได้ยาวนานด้วย

การเงิน : จะมีรายจ่ายเข้ามาแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว ทำให้เสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์

ความรัก :  ท่านไม่ค่อยแสดงความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองสักเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะยังฝังใจกับความรักสมัยปั๊บปี้เลิฟ จึงต้องใช้เวลาในการปรับตัวเข้าหากัน  คนโสด อย่าเพิ่งใจเร็วด่วนไปอยู่ด้วยกันเลย เพราะเป็นแค่อารมณ์ ไม่ใช่ความรัก

สุขภาพ : มีปัญหาเรื่องระบบหมุนเวียนเลือด ทำให้มีอาการอ่อนเพลีย หน้ามืด ตาลาย เวียนศีรษะ ซึ่งอาจเกิดจากการขาดสารอาหาร

ปาเต็ก ฟิลิปป์

มีเงินก็ซื้อไม่ได้! เจาะลึกความพิเศษ “ปาเต็ก ฟิลิปป์ นอร์ติลุส 7014” จากปากผู้ครอบครองหนึ่งเดียวในไทย

Alternative Textaccount_circle
ปาเต็ก ฟิลิปป์
ปาเต็ก ฟิลิปป์

มีเงินก็ซื้อไม่ได้! เจาะลึกความพิเศษ “ปาเต็ก ฟิลิปป์ นอร์ติลุส 7014” จากปากผู้ครอบครองหนึ่งเดียวในไทย… นอกจากเพชรนิลจินดาแล้ว เครื่องประดับล้ำค่าที่หลายคนชื่นชอบมากที่สุด ก็เห็นจะเป็นนาฬิกา ซึ่งบอกเลยว่ามูลค่าของนาฬิกาบางเรือนนั้นมหาศาลไม่แพ้บรรดาอัญมณีเลยทีเดียว อีกทั้งการจะได้นาฬิการุ่นท็อปของแบรนด์ดังมาครอบครองนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อย่าง “ปาเต็ก ฟิลิปป์ นอร์ติลุส 7014” เรือนนี้ของคุณธัญญรัตน์ รุ่งเรืองมีดี แฟนพันธุ์แท้ปาเต็ก ฟิลิปป์ ซึ่งเธอเล่าว่าการจะได้เป็นเจ้าของนาฬิการุ่นดังของแบรนด์โปรดในดวงใจนั้น มีเงินแค่อย่างเดียวหรือต่อให้รวยล้นฟ้า ก็ใช่ว่าอยู่ดีๆ จะซื้อกันได้เลย

ปาเต็ก ฟิลิปป์
คุณธัญญรัตน์ รุ่งเรืองมีดี กับนาฬิกาปาเต็ก ฟิลิปป์ นอร์ติลุส 7014

“ดิฉันชื่นชมแบรนด์ปาเต็ก ฟิลิปป์ มากว่า 20 ปี สะสมไว้เกือบ 50 เรือน จนโรงงานที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เชิญไปเยี่ยมชมการผลิตเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีโอกาสไปดูช่างผลิตแบบแฮนด์เมด บางเรือนใช้เวลาเกือบปีกว่าจะเสร็จ ประณีตมาก

“ในทริปนี้ดิฉันตั้งใจแล้วว่าจะสั่งจองนอร์ติลุส 7014 ซึ่งเป็นรุ่นพิเศษ ไม่ใช่ว่ามีเงินแล้วจะครอบครองได้ คุณต้องเป็นลูกค้าที่มีประวัติการซื้อมาอย่างยาวนานเท่านั้น เมื่อประวัติของดิฉันผ่าน ทางปาเต็ก ฟิลิปป์ ก็ส่งนาฬิการุ่นนี้มาเมืองไทย โดยระบุชื่อตรงกล่องว่าเป็นของดิฉันเท่านั้น นั่นหมายถึงทางช็อปไม่สามารถขายให้คนอื่นได้ เรียกว่าเป็นคนแรกและคนเดียวในเมืองไทยที่มีสิทธิพิเศษนี้

“ความพิเศษของนอร์ติลุส 7014 อยู่ตรงหน้าปัดที่บอกตำแหน่งตัวเลข และตัวเรือนประดับด้วยเพชรทรงบาแกตต์ (Baguette) หรือทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ทุกเม็ดต้องมีขนาดและเรียบเนียนเสมอกัน ตัวเรือนทำด้วยทองคำขาว ไซส์เหมาะกับข้อมือของผู้หญิง ราคาอยู่ที่ 8 ล้านบาท

ปาเต็ก ฟิลิปป์
นาฬิกาปาเต็ก ฟิลิปป์ Lady รุ่น 49486-010

“อีกเรือนที่ดิฉันซื้อเก็บไว้คือ Lady รุ่น 49486-010 ซึ่งตระกูลนี้คนไทยไม่ค่อยนิยม เพราะราคาสูง ความพิเศษอยู่ตรงตัวเรือนล้อมด้วยเพชร ส่วนหน้าปัดทำจากมุกแท้ มีสัญลักษณ์บอกข้างขึ้นข้างแรม สายหนังจระเข้สีดำ ประดับเพชรตรงตัวล็อกสายนาฬิกา ราคา 2.2 ล้านบาท

“ทุกครั้งที่ได้มองนาฬิกาสวยๆ เหมือนตัวเองถูกดึงดูด ดิฉันไม่ได้คิดเรื่องเก็งกำไร ซื้อด้วยความชอบและใช้จริง”


 

ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 940

นักท่องเที่ยวดวงจันทร์คนแรกของโลก

มหาเศรษฐีญี่ปุ่น “ยูซาคุ มาเอะซาวะ” ว่าที่นักท่องเที่ยวดวงจันทร์คนแรกของโลก

Alternative Textaccount_circle
นักท่องเที่ยวดวงจันทร์คนแรกของโลก
นักท่องเที่ยวดวงจันทร์คนแรกของโลก

มหาเศรษฐีญี่ปุ่น “ยูซาคุ มาเอะซาวะ” ว่าที่ นักท่องเที่ยวดวงจันทร์คนแรกของโลก… บอกเลยว่าหมดยุคที่มนุษย์จะเป็นได้แค่กระต่ายหมายจันทร์แล้วล่ะค่ะ เพราะอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ SpaceX บริษัทกิจการขนส่งอวกาศภาคเอกชนของอีลอน มัสก์ จะส่งนักท่องเที่ยวอวกาศขึ้นไปชมดวงจันทร์เป็นคนแรกของโลก ซึ่งผู้โชคดีคนนั้นคือชาวญี่ปุ่นที่มีนามว่า “ยูซาคุ มาเอะซาวะ” (Yusaku Maezawa)

นักท่องเที่ยวดวงจันทร์คนแรกของโลก
ยูซาคุ มาเอะซาวะ

เป็นถึงว่าที่นักท่องเที่ยวอวกาศที่จะได้ไปชมดวงจันทร์ในระยะประชิดเป็นคนแรกของโลก เชื่อว่าต้องเป็นคนที่ไม่ธรรมดาแน่นอน เพราะทัวร์นี้มีค่าใช้จ่ายมหาศาล ถ้ากระเป๋าไม่หนักจริงๆ ก็คงหมดสิทธิ์ แล้วก็เป็นไปตามคาด เพราะ “ยูซาคุ มาเอะซาวะ” ขึ้นทำเนียบมหาเศรษฐีพันล้านดอลลาร์ ซึ่งปัจจุบันนิตยสาร Forbes (ฟอร์บส์) นิตยสารชื่อดังของสหรัฐฯจัดอันดับให้เขาเป็นบุคคลร่ำรวยเป็นอันดับที่ 18 ของญี่ปุ่น และอันดับที่ 822 ของโลก โดยมีมูลค่าทรัพย์สินรวมทั้งหมด 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 97,000 ล้านบาท

นักท่องเที่ยวดวงจันทร์คนแรกของโลก
ยูซาคุ มาเอะซาวะ และ อีลอน มัสก์

หลายคนคงเริ่มสงสัยกันแล้วว่า ผู้ที่จะเป็นนักท่องเที่ยวดวงจันทร์คนแรกของโลกคนนี้ เขาเป็นใคร? ร่ำรวยมาจากไหน? ถึงได้มีเงินถุงเงินถังมาซื้อทัวร์เที่ยวชมดวงจันทร์

ทั้งนี้สำหรับ “ยูซาคุ มาเอะซาวะ” วัย 43 ปี เกิดเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ค.ศ. 1975 ที่จังหวัดชิบะ ประเทศญี่ปุ่น ปัจจุบันมีสถานะโสด ชนิดที่ไม่เคยผ่านการแต่งงานมาก่อน แต่คงต้องเรียกว่าเป็นความโสดที่ไม่ค่อยสนิทสักเท่าไหร่ เพราะต้องควบตำแหน่งพ่อของลูกๆ 3 คน ที่เกิดจากผู้หญิง 2 คนด้วย

นักท่องเที่ยวดวงจันทร์คนแรกของโลก

ในด้านการศึกษานั้น “ยูซาคุ มาเอะซาวะ” นับเป็นอีกคนหนึ่งที่ไม่มีใบปริญญา แต่ประสบความสำเร็จด้วยความรวยระดับพันล้านดอลลาร์ โดยเขาไม่ได้เข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัย เพราะตัดสินใจตามแฟนสาวไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ตอนอยู่ที่นั่นเขาเริ่มสะสมซีดีและแผ่นเสียงของวงดนตรีที่ชื่นชอบ ซึ่งเขามีพื้นฐานความชอบด้านดนตรีมาตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว สมัยเรียนมัธยม เขาเคยตั้งวงดนตรีกับเพื่อนๆ ด้วย โดยเขารับหน้าที่เป็นมือกลอง

หลังจากนั้นเมื่อเขากลับมาที่ญี่ปุ่น เขาเริ่มต้นทำธุรกิจนำเข้าซีดีและแผ่นเสียง ซึ่งเป็นการซื้อขายผ่านทางไปรษณีย์ ธุรกิจดังกล่าวดำเนินไปได้ด้วยดีจนถึงขั้นก่อตั้งเป็นบริษัท Start Today และหลังจากนั้นก็ประสบความสำเร็จยิ่งขึ้นไปอีก ด้วยการขยับขยายเป็นธุรกิจออนไลน์ ซึ่งรวมถึงการค้าปลีกเสื้อผ้าด้วย จนนำมาสู่การก่อตั้งเว็บไซต์ขายสินค้าแฟชั่นออนไลน์ Zozotown ที่ประสบความสำเร็จถล่มทลายในปัจจุบัน

นักท่องเที่ยวดวงจันทร์คนแรกของโลก

ก่อนจะขึ้นแท่นว่าที่นักท่องเที่ยวดวงจันทร์คนแรกของโลก “ยูซาคุ มาเอะซาวะ” เคยสร้างปรากฏการณ์ความร่ำรวยจนโลกตะลึงมาแล้ว ด้วยการชนะการประมูลภาพเขียนของศิลปินชื่อดัง Jean-Michel Basquiat (ฌอง-มิเชล บาสเกียท์) ที่มูลค่า 110.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3.6 พันล้านบาท ซึ่งนับว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์สำหรับการประมูลผลงานศิลปะของศิลปินชาวอเมริกัน ทั้งนี้เพราะเขามีความชื่นชอบและสนใจในงานศิลปะเป็นการส่วนตัว ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจึงมุ่งมั่นสะสมผลงานศิลปะ และกว้านซื้อผลงานดังๆ ไว้เพียบ เรียกว่าเป็นนักสะสมตัวยงเลยทีเดียว

นักท่องเที่ยวดวงจันทร์คนแรกของโลก
ยูซาคุ มาเอะซาวะ กับผลงานของฌอง-มิเชล บาสเกียท์ ที่ประมูลมาในราคา 110.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ด้วยความที่เขาเป็นนักสะสมผลงานศิลปะนี้เอง ในการเดินทางไปท่องเที่ยวยังดวงจันทร์ครั้งนี้ ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 2023 “ยูซาคุ มาเอะซาวะ” จึงจะพาเพื่อนร่วมทางที่เป็นศิลปินในแขนงต่างๆ ไปด้วย 6-8 คน เพื่อร่วมกันทำโปรเจ็กต์ Dear Moon ซึ่งจะถ่ายทอดแรงบันดาลใจจากความงดงามของดวงจันทร์สู่ผลงานศิลปะชิ้นโบแดง

งานนี้บอกได้คำเดียวว่า อลังการงานสร้างดาวล้านดวงแน่นอน คงต้องรอชมอย่างใจจดใจจ่อ ทั้งการเดินทางไปท่องเที่ยวดวงจันทร์ และผลงานศิลปะที่จะถ่ายทอดออกมา เพราะคนธรรมดาๆ อย่างชาวเรา คงต้องเฝ้าชมดวงจันทร์จากบนโลกใบนี้ เฉกเช่นกระต่ายหมายจันทร์กันต่อไป


 

ภาพ : @yusaku2020

กึ้ง-เฉลิมชัย

เปิดกระเป๋าสตางค์ “กึ้ง-เฉลิมชัย” ไฮโซไม่ติดแบรนด์ การเงินไม่ต้องเป๊ะ แต่หาได้และใช้เป็น

Alternative Textaccount_circle
กึ้ง-เฉลิมชัย
กึ้ง-เฉลิมชัย

“กึ้ง-เฉลิมชัย มหากิจศิริ” ผู้ชายมากเสน่ห์ที่สาวๆ หลายคนแอบหลงรัก นอกจากเขาจะเป็น President & CEO บริษัท Thoresen Thai Agencies PLC แล้ว ความคิดเรื่องบริหารจัดการเงิน ทั้งหาเงินใช้เงินของเขายังน่าลองทำตาม วันนี้ แพรวดอทคอม จึงจะพาไปเปิดกันครั้งแรกกับกระเป๋าสตางค์ของไฮโซหนุ่มคนนี้ พร้อมแนวคิดในการบริหารจัดการเงินที่ใครๆ ก็สามารถนำไปปรับใช้กับตัวเองได้

Custom-made กระเป๋าสตางค์ใช้เอง

“ผมเพิ่งใช้กระเป๋าสตางค์ใบนี้ไม่นาน เนื่องจากเพื่อนสนิทชอบกระเป๋าสตางค์แบนๆ เหมือนกัน จึงคุยกันว่าอยากทำกระเป๋าสตางค์ใช้เอง เป็นสีน้ำเงินกากี ซึ่งเป็นสีที่ผมชอบ แต่กว่าจะได้กระเป๋าสตางค์ใบนี้มา ใช้เวลาสองปีนับตั้งแต่วันที่เริ่มคุยกัน เพราะกว่าเพื่อนจะหาหนังจระเข้ได้สีถูกใจ แล้วส่งไปตัดเย็บที่สิงคโปร์กับช่างเย็บกระเป๋าที่มีประสบการณ์มายาวนาน ค่อนข้างใช้เวลาพอสมควร จึงเป็นกระเป๋าสตางค์ที่มีความประณีตสูง

กึ้ง-เฉลิมชัย

“กระเป๋าใบนี้ผมใช้ใส่เครดิตการ์ดสองใบ บัตรประชาชน Amex Card สำหรับเดินทาง เพราะผมเดินทางไปต่างประเทศบ่อย กับพกเงินสดประมาณ 20,000 บาท แต่กระเป๋าก็ยังดูไม่หนามาก และที่ผมเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์ตลอดคือ รูปครอบครัวครบ 5 คน เป็นรูปสมัยผมแสดงละครเมื่อสิบห้าปีที่แล้ว ยอมรับว่าสไตล์ผมเป็นแบบโอลด์สกูล คือสมัยก่อนคนส่วนใหญ่มักติดรูปในกระเป๋าสตางค์แทบทุกคน ไม่เหมือนสมัยนี้ที่เก็บรูปในโทรศัพท์มือถือ แต่สำหรับผมการเก็บภาพถ่ายไว้ในกระเป๋าสตางค์ทำให้รู้สึกอุ่นใจ เพราะครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญ

“สมัยก่อนผมใช้กระเป๋าสตางค์ที่เก็บได้แต่เครดิตการ์ดอย่างเดียว 4-5 ใบ เพราะถ้าใส่ทั้งเงินและการ์ด กระเป๋าจะดูหนามาก บวกกับผมชอบเก็บกระเป๋าสตางค์ไว้ที่กระเป๋ากางเกงด้านหน้า เนื่องจากเห็นด้วยกับที่มีคนบอกว่ากระเป๋าสตางค์ใส่ธนบัตรซึ่งมีพระบรมสาทิสลักษณ์ ไม่ควรนั่งทับ พอใส่ไว้กระเป๋ากางเกงด้านหน้า ผมไม่ชอบให้กระเป๋าดูตุงๆ หนาๆ จึงต้องมีกระเป๋าสะพายอีกใบสำหรับเก็บเงินสดและการ์ดอื่นๆ แต่พอได้กระเป๋าสตางค์ใบนี้มา ถึงไม่ค่อยได้ใช้กระเป๋าสะพายก็มีเงินสดพอไว้ใช้จ่ายได้ยามฉุกเฉิน”

ใช้เงินไม่ต้องเป๊ะ แต่ไม่เกิน 5 – 10 เปอร์เซ็นต์ ที่หาได้

“ผมไม่เคยคำนวณว่าใช้เงินสดเดือนละหรือสัปดาห์ละเท่าไร ไม่ได้มีระเบียบกับการใช้เงินขนาดนั้น แต่อย่างน้อยในกระเป๋าต้องมีเงินสดติดตัวตลอดเวลา สามารถซื้อของได้ จึงจะอุ่นใจ เพราะเงินสดก็สำคัญ ถามว่าพกเงินสดวันละเท่าไร คงขึ้นอยู่กับว่าช่วงนั้นมีเงินเยอะหรือน้อย (หัวเราะ) อย่างกระเป๋าใบนี้ผมใส่ไว้ 20,000 บาท

“ส่วนจะใช้จำนวนนี้ได้นานแค่ไหน ขึ้นอยู่กับสัปดาห์นั้นๆ ว่ามีอะไร ถ้านัดเพื่อนกินข้าวนอกบ้านอาจหมดเร็ว แต่ถ้าไม่ได้ไปไหน ไม่ได้ช็อปปิ้ง ก็จ่ายแค่ค่ากาแฟวันละสองแก้ว เพราะผมชอบนั่งร้านกาแฟใหม่ๆ ชอบดูเทรนด์ว่ามีอะไรใหม่ๆ ไปนั่งคิดงานบ้าง ทำให้ได้บรรยากาศและไอเดียใหม่ๆ

“แต่โดยหลักการใช้เงินและหาเงินของผมคือ พยายามหาให้ได้มากกว่าจ่าย และต้องมีเงินออมกับเงินสำหรับลงทุนด้วย ผมไม่ได้ช็อปปิ้งหรือใช้จ่ายเยอะ จึงรู้ว่าเราสามารถใช้เงินได้เท่าไรจากจำนวนเงินที่หามาได้ เราเห็นตัวเลขในบัญชีธนาคารซึ่งออนไลน์อยู่แล้ว และการใช้เครดิตการ์ดก็จะลิงก์มาในบัญชีเราเสมอ ทำให้ดูได้ว่าเงินเพิ่มขึ้นหรือลดลงแค่ไหน เมื่อไหร่ผมใช้จ่ายเยอะเกินกว่า 5-10 เปอร์เซ็นต์ของเงินที่หามาได้ ก็ต้องหาสมดุลให้ตัวเองด้วยการใช้เงินในเดือนต่อไปให้น้อยลง

กึ้ง-เฉลิมชัย

“นอกจากนี้ผมแบ่งเงินด้วยว่าค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันน่าจะอยู่ที่ 10-15 เปอร์เซ็นต์ นอกนั้นควรเป็นเงินออมสำหรับลงทุนธุรกิจที่น่าสนใจ และคงต้องมองว่าเรามีทรัพย์สินอะไรบ้าง ทรัพย์สินใดสร้างรายได้ ทรัพย์สินใดไม่สร้างรายได้ ทำให้ต้องบริหารจัดการทรัพย์สินนั้นให้ดี เช่นเดียวกับวิถีเศรษฐกิจพอเพียง ที่เราต้องมีกระแสเงินสดเป็นบวกมากกว่าลบ หรือรายรับมากกว่ารายจ่าย จึงจะช่วยให้มีเงินออม และเงินออมเหล่านั้นจะกลับมาเป็นกระสุนให้เราสามารถเสี่ยงในการลงทุนต่อและสร้างรายได้เพิ่มขึ้น สิ่งที่ต้องทำวันนี้คือ หาวิธีทำอย่างไรให้กระแสเงินสดเป็นบวกทุกเดือน เพื่อจะได้มีเงินเพิ่มขึ้นสำหรับออมหรือไว้ใช้จ่ายในอนาคต ถ้าแต่ละเดือนบริหารจัดการเงินสดเป็นลบ เท่ากับสร้างหนี้ให้ตัวเองตลอดเวลา และหนี้ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จะยิ่งยากในการหามาคืน เพราะต้องกู้เงิน ทำให้ต้นทุนเงินเพิ่ม ยิ่งเหนื่อยมากขึ้นทวีคูณ ฉะนั้นถ้าเดือนไหนหาได้น้อย อาจเพราะลงทุนผิดพลาด ก็ต้องนำเงินออมออกมาช่วย ถ้าถามว่าลงทุนอะไรบ้าง ผมลงทุนทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะหุ้น พันธบัตร อสังหาริมทรัพย์

“ดังนั้นเรื่องการใช้ชีวิต เงินออม เงินลงทุน จึงมีความสำคัญ สมมติว่าถ้าหาเงินได้เดือนละ 1 ล้านบาทแล้วใช้ชีวิตสบายๆ ไม่มีเงินเก็บ ไม่มีเงินลงทุน ก็คงได้แค่ความสุขไปวัน ๆ ซึ่งผม มองว่าความสุขของคนเราไม่จำเป็นต้องใช้เงินขนาดนั้น เรากินข้าว วันละสามมื้อ ซื้อของที่ชอบได้ตามงบประมาณที่มี ไม่จำเป็นต้อง ซื้อของทุกวัน ไม่ต้องเที่ยวทุกวันหรือทุกเดือน ที่เหลือคือแค่ต้อง รู้จักบริหารจัดการ ถ้าในสามเดือนเราสามารถเก็บเงินออมได้มาก ก็เป็นสิทธิ์ของเราที่จะนำเงินออมนั้นมาใช้ในสิ่งที่ต้องการเพิ่มขึ้น”

รู้จักรอคอย

“คุณพ่อ (คุณประยุทธ มหากิจศิริ) สอนผมเรื่องการใช้เงินมาตั้งแต่ยังเด็ก จนเดี๋ยวนี้รู้สึกแย่เหมือนกันที่เวลาหลานอยากได้อะไรแล้ว ผมซื้อให้ทันที เพราะรักหลานเกินไป ขณะที่รุ่นผมมีสิทธิ์ได้ของอย่างมากปีละสามชิ้น พ่อจะซื้อของให้ต่อเมื่อสอบได้เกรดเฉลี่ยดีปีละสองครั้งกับของขวัญวันเกิด ส่วนในโอกาสอื่น ไม่ต้องหวังว่าจะได้

“มีครั้งหนึ่งผมดีใจมากจนยังจำเหตุการณ์นั้นได้ ผมเรียน ป. 3 เพื่อนๆ มีปากกา Rotring ด้ามละ 100 บาท ซึ่งผมอยากได้มาก แต่ตอนนั้นผมได้เงินไปโรงเรียนวันละสิบบาท คงเก็บเงินซื้อปากกาเองไม่ได้แน่ๆ ต้องรอเรียนจบปลายเทอมให้ได้เกรดดีๆ ถึงจะได้ปากกาแท่งนั้น จนวันหนึ่งแม่ใจดีให้ของขวัญ นอกเหนือจากรางวัลการเรียน ผมตื่นมาตอนเช้า เปิดกล่องดินสอ เห็นปากกา Rotring สีเหลืองอยู่ในนั้น ดีใจแทบตาย ทำให้เรารู้สึกถึงคุณค่าของของที่ได้รับ ซึ่งต้องขอบคุณคุณพ่อคุณแม่ที่สอนให้รู้คุณค่าของเงินและคุณค่าของของแต่ละชิ้น ซึ่งได้มายาก และกลายเป็นที่มาที่ทำให้ผมมองว่าของบางอย่างไม่จำเป็นต้องซื้อเพื่อความสวยงามหรือสนองความต้องการตัวเอง ไม่จำเป็นต้องใส่เสื้อผ้าแบรนด์ เพราะถ้าของแพง เวลาใช้ต้องถนอม ไม่ค่อยกล้าใช้ ถ้าเสื้อแพงมาก เราต้องอยากใส่หลายครั้ง สู้ใช้ของราคาถูกลงหน่อย แต่เปลี่ยนได้บ่อยๆ ดีกว่า สนุกกว่า ซึ่งเด็กเทรนด์ใหม่จะเป็นแบบนี้ คือรู้จักวิธีใช้ชีวิตและใช้เงินคุ้มค่ามากขึ้น”

กึ้ง-เฉลิมชัย

ชีวิตไม่ติดแบรนด์

“ผมชอบอะไรที่ง่ายๆ สบายๆ ไม่ค่อยเนี้ยบ เน้นลุยๆ จึงไม่ติดแบรนด์ แต่ผมจะใช้เงินไปกับของเล่นจำพวกที่เป็นแก็ดเจ็ตต่างๆ ตามแพสชั่นของตัวเองในเวลานั้น เพราะผมชอบเรียนรู้ ชอบลองทำกิจกรรมต่างๆ อย่างแก็ดเจ็ตที่เป็นเทคโนโลยีเกี่ยวกับกีฬา ถ้ามีของใหม่มาก็ซื้อเรื่อยๆ ถ้าถามนิสัยใช้เงินของครอบครัวเรา พี่สาวผม (คุณอุษณีย์) เป็นผู้หญิงชอบแต่งตัว เพราะฉะนั้นอาจใช้ไปทางแฟชั่นมากหน่อย ส่วนผมไม่แฟชั่นเลย แต่ชอบแก็ดเจ็ต มีโทรศัพท์มือถือรุ่นไหนมาต้องเปลี่ยนใหม่ ส่วนน้องสาว (คุณอุษณา) ชอบซื้อที่ดิน สามคนชอบคนละแบบ

“นอกจากนี้ผมชอบซื้อไม้กอล์ฟ เพราะชอบตีกอล์ฟ เวลามีของใหม่มาก็ซื้อเก็บ อีกอย่างคือผมแพ้คำว่า ‘ลิมิเต็ด’ (ยิ้ม) ถ้ามีคนบอกว่านาฬิกาเรือนนี้ดีนะ เป็นลิมิเต็ดน่าเก็บ ผมก็จะซื้อไว้ กล้องถ่ายรูปก็เป็นอีกอย่างที่ผมใช้เงินเยอะ อย่างรถสปอร์ตผมก็ใช้ แต่ไม่ได้ซื้อเพื่อลงทุน เพราะถ้าลงทุนก็จะขับได้น้อย จึงซื้อเพื่อใช้ ไม่ได้ซื้อเพื่อขาย”

โชคลาภ เฮงๆ ปังๆ

“ถ้าถามว่าเชื่อถือเรื่องโชคลางไหม เอาเป็นว่าผมไม่ลบหลู่ อย่างในกระเป๋าใบใหญ่ของผมมียันต์ของเซียนท่านหนึ่งที่เชื่อว่าจะนำโชคดีมาให้ ผมคิดว่าอะไรที่เราไม่ได้ทำให้คนอื่นเดือดร้อน มีติดตัวไว้ เพื่อความอุ่นใจก็ไม่เสียหาย”


 

นิตยสารแพรว ฉบับ 940

เสิร์ฟม็อกเทลแสนเก๋ ในวันวิวาห์แสนสุขของคุณ

account_circle

เครื่องดื่ม “ม็อกเทล” นั้นถือเป็นตัวเลือกของเครื่องดื่มยอดฮิตสำหรับงานฉลองของใครหลายคน เพราะนอกจากรสชาติที่ดีงาม และสีสันที่สดสวยแล้วนั้น ม็อกเทล ยังไม่มีแอลกอฮอล์ให้เป็นที่กังวลใจของหลายคน สูตรการชงนั้นก็มีให้เลือกหลากหลายละลานตา ไม่ว่าจะสูตรไหนก็เรียกความสนุกและสดชื่นให้งานฉลองของคุณได้ทั้งนั้น ไม่เชื่อลองมาดู 8 สูตรที่ แพรว wedding นำมาฝากกัน

 

1.ม็อกเทลทับทิมโซดาโฮมเมด

ม็อกเทล

เติมความรู้สึกสดชื่นได้ง่าย ๆ แค่เพียงใส่น้ำเชื่อมกลิ่นทับทิมลงไปในแก้วตามด้วยโซดา จากนั้นคนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันชิมรสตามชอบใจ แล้วเติมเม็ดทับทิมลงไปอีกเล็กน้อยก็ได้ เพื่อความสวยงามชวนดื่ม

2.ม็อกเทลสีแดงสดใส

ม็อกเทล

ม็อกเทลแสนอร่อยที่ได้จากการนำน้ำกับน้ำตาลทรายไปตั้งไฟ แล้วใส่อบเชย ขิงสไลซ์ และผงเครื่องเทศออลสไปส์ (Allspice) เล็กน้อย ตั้งไฟเรื่อย ๆ จนกระทั่งน้ำเดือด แล้วยกออกจากเตาแล้วนำส่วนผสมมาคนรวมกับดอกกระเจี๊ยบแห้ง จากนั้นผิดฝาแล้วตั้งทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วนำน้ำมากรองกากออกทั้งหมด จากนั้นลองชิมรสชาติ หากยังไม่ได้ตามที่ต้องการก็เพิ่มน้ำตาลหรือน้ำเลมอนลงไป เสร็จแล้วก็เติมน้ำแข็งใส่แก้ว พร้อมเสิร์ฟ

3.ม็อกเทลแตง 2 สหาย

ม็อกเทล

เนรมิตม็อกเทลสีสวย กลิ่นหอม ๆ แบบนี้ได้ โดยการนำแตงโมแกะเม็ดออก หั่นเต๋ารวมกับแตงกวาไปปั่นรวมกัน นำมาแยกกากเอาเฉพาะน้ำไปผสมกับน้ำเลมอนและน้ำผึ้ง จากนั้นชิมรสชาติตามที่ต้องการ

4.ม็อกเทลแบล็คเบอร์รี่

ม็อกเทล

ลิ้มรสชาติเปรี้ยว ๆ และสีสันสดใสของแบล็คเบอร์รี่ได้อีกหนึ่งรูปแบบ โดยการนำน้ำตาลทรายใส่ลงไปในน้ำเดือดแล้วรอจนน้ำตาลละลายทั้งหมด จากนั้นบดใบเสจแล้วใส่ตามลงไปในหม้อ แช่ทิ้งไว้ ประมาณ 15 นาที จากนั้นจึงนำใบเสจออกมา เสร็จแล้วก็นำน้ำเชื่อมที่ได้มาผสมกับน้ำแบล็คเบอร์รี่ คนให้เข้ากันแล้วตกแต่งด้วยใบเสจกับผลแบล็คเบอร์รี่ก่อนนำไปเสิร์ฟ

5.ม็อกเทลซิตรัส แซงเกรีย

ม็อกเทล

สำหรับม็อกเทลสูตรนี้ได้มาจากสไลซ์แอปเปิลกับส้มใส่ลงไปในเหยือก พร้อมกับน้ำตาลทราย จากนั้นเติมน้ำองุ่นขาวหรือองุ่นแดงและน้ำแข็งตามลงไป แล้วรอจนกระทั่งเครื่องดื่มเย็นจึงค่อยเทใส่แก้วก่อนนำไปเสิร์ฟ

6.ม็อกเทลฮอตสไปส์ไซเดอร์

ม็อกเทล

เก๋ไก๋สุด ๆ กับม็อกเทลในผลแอปเปิล โดยหลังจากที่คุณฝานขั้วและแกะเนื้อแอปเปิลออกมาจนเกือบหมดแล้ว หลังจากนั้นก็นำน้ำผลไม้ผสมกับน้ำตาลทรายแดง เสร็จแล้วก็นำอบเชย กานพลู และเครื่องเทศออลสไปซ์ใส่ลงในถุงชาแล้วแช่ลงในน้ำผลไม้ที่ผสมน้ำตาลไว้เมื่อครู่ จากนั้นนำไปต้มให้เดือดประมาณ 10 นาที จึงค่อยนำถุงสมุนไพรออก ก่อนจะเทลงในผลแอปเปิลและนำไปเสิร์ฟ

7.ม็อกเทลบลูเบอร์รี่มิ้นท์

ม็อกเทล

สูตรนี้เริ่มจากนำบลูเบอร์รี่มาทุบให้แตกเล็กน้อย จากนั้นไปใส่ลงในเหยือกแล้วเทตามด้วยน้ำมะนาว สปาร์กกิ้ง หรือโซดา และใบสะระแหน่สับ จากนั้นคนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน ก่อนจะเทใส่แก้วพร้อมกับแต่งด้วยใบสะระแหน่

8.ม็อกเทลแอปเปิลไซเดอร์

ม็อกเทล

แก้วเดียวได้ครบทุกรส แถมยังมีประโยชน์กับร่างกายด้วยสำหรับสูตรนี้ เพราะเต็มไปด้วยส่วนผสมที่ดีต่อสุขภาพทั้งนั้น โดยเริ่มจากนำน้ำแอปเปิลมาผสมกับน้ำขิง เมื่อคนจนได้ที่แล้วก็นำน้ำที่ได้มาผสมกับน้ำส้มสายชูแอปเปิล อบเชย น้ำผึ้ง และน้ำเปล่า พร้อมกับคนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันอีกครั้ง ลองชิมรสชาติก่อนนำไปเสิร์ฟ

เป็นยังไงบ้างคะกับสูตรม็อกเทลง่ายๆที่คุณเองก็สามารถทำตามได้ ถือเป็นไอเดียเครื่องดื่มสำหรับงานฉลองที่ทั้งมีประโยชน์และปลอดภัยกับผู้ที่ต้องขับรถกลับบ้านเองอีกด้วย ดีงามสุดๆ

ติดตามไอเดียและคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ข้อมูลและภาพ : Scaling Back Blog, Simply Recipes, Jayme Designs, BHG, 52 Kitchen Adventures, food.com, chowstatic.com, vogue.com

กลับไปเรียนแล้วครับ! น้องสกาย-ธฤต (ลูกใจเริง) แข็งแรง สดใส เพิ่มเติมคือหล่อมาก

account_circle

น้องสกาย-ธฤต หนุ่มน้อย จากบทโจ ลูกชายใจเริง ในละครเรื่องเพลิงบุญ กลับมาแข็งแรง สดใส ร่าเริง แถมยังหล่อขึ้นเป็นกอง เอาใจป้าไปเลยลูก

น้องสกาย-ธฤต

แข็งแรงขึ้นทุกวันเลย สำหรับน้องสกาย เพราะหลังจากที่หนูน้อยคนนี้ต้องเข้ารับการรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะที่ 4 เมื่อช่วงปี 2017 ที่ผ่านมานั้น และต้องเข้าทำการผ่าตัดด่วน เนื่องจากในช่วงแรกนั้นแพทย์ได้ทำการตรวจพบก้อนเนื้อในกระดูกสันหลัง และมะเร็งต่อมน้ำเหลืองยังลามเข้าไปสมอง รวมถึงน้องมีภาวะอาการแทรกซ้อนหลายอย่างจากการให้คีโม ซึ่งอาการในช่วงนั้นเรียกได้ว่าเข้าขั้นวิกฤตเลยก็ว่าได้ ทำเอาแฟนคลับรวมพลังส่งกำลังใจส่งไปให้น้อง รวมถึงแฟนละครบางส่วนยังช่วยสมทบทุนค่าใช้จ่ายในการรักษา เพราะต้องบอกเลยว่าเคสของน้องสกายมีค่าใช้จ่ายในการรักษาสูงมาก

แต่เหมือนกับปาฎิหาริย์เลยก็ว่าได้ เมื่อการรักษาอาการโรคมะเร็ง ของน้องสกายนั้นดีขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาคุณแม่ธัญญลักษณ์ ธัญสม ได้แจ้งข่าวดีผ่านอินสตาแกรม ว่าตอนนี้น้องได้กลับมาพักฟื้นที่บ้านแล้ว และเมื่อกลางปีที่ผ่านมาคุณแม่ก็ได้รับข่าวดีคูณสอง เมื่อผลการตรวจร่างกายของน้องสกายไม่พบเชื้อมะเร็งแล้ว นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากจริงๆ

“ไปโรงเรียนแล้วครับ”

หน้าตาตอนแม่มารับกลับ เจ้าเล่ห์มากมาย

ปัจจุบันนี้น้องสกายกลับมาแข็งแรงขึ้นมาก เด็กน้อยดูสดใส ร่าเริง และกลับไปเรียนได้ตามปกติแล้ว ซึ่งคุณแม่ได้อัพเดทผ่านอินสตาแกรม โดยลงรูปน้องสกายใส่ชุดนักเรียน พร้อมกับแคปชั่นว่า “ไปโรงเรียนแล้วครับ” ซึ่งดูเหมือนว่าน้องสกายจะแฮปปี้มากที่ได้กลับไปเรียน เพราะถึงขั้นต้องเร่งคุณแม่ทุกวัน เพื่อให้ไปทันเคารพธงชาติ ส่วนตอนคุณแม่ไปรับกลับจากโรงเรียน ก็ยังแอบทำหน้าทะเล้น แบบนี้หายเป็นปลิดทิ้งแล้วแน่นอนใช่ไหมครับสกาย

นอกจากนี้น้องสกายยังได้ร่วมทำกิจกรรมกับทางโรงเรียน โดยล่าสุดที่ผ่านเมื่อวันลอยกระทง น้องสกายและเพื่อนๆ ได้ใส่ชุดไทย เพื่อให้เข้ากับเทศกาล ออเจ้าว่าอย่างไรบ้าง ท่านขุนน้อยคนนี้หล่อไม่เบาเลยใช่ไหมคะ

เห็นความน่ารัก สดใส ของน้องสกายแล้ว ต้องบอกเลยว่า น้องเป็นนักสู้มาก สำหรับเด็กวัย 3 ขวบที่ต้องเผชิญกับโรคร้าย ที่รุมเร้า แต่น้องก็ยังอดทนและสู้จนตอนนี้น้องแข็งแรง และกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ บอกเลยว่าหนูเก่งและใจสู้มากๆ ครับน้องสกาย!

ภาพ : tarit_sky


หนูน้อยนักสู้ น้องสกาย ชีวิตเข้มแข็งเพราะทุกที่มีแต่คนให้กำลังใจ

 

 

PRAEW ICONIC BEAUTY 2018 WINNER ANNOUNCEMENT

PRAEW ICONIC BEAUTY 2018 

WINNER ANNOUNCEMENT

และแล้วก็ถึงวันสิ้นสุดการลงคะแนนของทีมคณะกรรมการที่ต่างเกทับกันไปมาอย่างเข้มข้นตลอดระยะเวลาของการทดลอง งานนี้ทีมกรรมการไม่มีใครแพ้ชนะมีแต่ผิวที่เปล่งปลั่ง แถมยังหน้าแน่นขึ้นเห็นๆ หลังได้ลองเล่นกับอาวุธลับทางความงามหลายร้อยชิ้นในคอนเซ็ปท์ ‘THE SECRET WEAPON’ อย่างจริงจังเพื่อเปรียบเทียบทั้งผลลัพธ์ เนื้อสัมผัส เม็ดสี กลิ่น จนครบทุกองศาของการเป็นเครื่องสำอางที่ดีเยี่ยม

อาวุธลับทางความงามชิ้นที่ทรงอานุภาพที่สุดแห่งปี 2018 พร้อมแล้วที่จะได้รับการประกาศก้องฉลองชัย

ไต้หวัน สวรรค์ของนักกิน ปักหมุดร้านอาหารในตำนาน ถ้าได้มาต้องลองสักครั้ง

account_circle

ไต้หวัน เมืองแห่งสีสัน สวรรค์ของนักกิน แพรวดอทคอม พาปักหมุดร้านอาหารในตำนาน ถ้าได้มาต้องลองสักครั้ง นาทีนี้เลิกคิดถึงเรื่องน้ำหนักไปได้เลยค่ะ!

หากนึกถึงประเทศไต้หวัน ก็คงอดไม่ได้ที่จะนึกถึงอาหารอร่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นอาหารท้องถิ่น หรือสตรีทฟู้ดริมทางที่มีให้เลือกมากมายในตลาดชื่อดังของเมืองไทเป และที่ขาดไม่ได้เลยคือ ชานมไข่มุก เครื่องดื่มสุดฮิตที่คนไทยชื่นชอบ เรียกได้ว่าตอนนี้เป็นเครื่องดื่มอันดับ 1 ในใจของใครหลายๆ คนไปแล้ว

ซึ่งทริปนี้เราจะพาทุกคนบินลัดฟ้าไปไต้หวัน โดยสายการบิน China Airline เครื่องดี อาหารอร่อย ที่สำคัญราคาโดนใจไม่แพงอย่างที่คิด เอ้าาา เริ่มไปลุยกันเลยจ้า….

สำหรับร้านแรกในทริปนี้ที่เราจะพาทุกคนไปปักหมุดกัน คือร้านอาหารจีนตำรับกวางตุ้ง ที่ภัตตาคาร MING YUE XUAN ซึ่งที่นี่เขามีเมนูขึ้นชื่ออย่าง เป็ดปักกิ่ง ทานกับแผ่นแป้งนุ่มๆ รสชาติดีมาก, ปลานึ่งซีอิ๊ว เนื้อสด หวาน รสชาติซอสไม่เค็มเกินไป และปลาหมึกทอดกระเทียม หน้าตาอาจจะดูธรรมดา แต่รสชาติต้องยกนิ้วให้ ทานเล่นๆ เผลอแปบเดียวหมด

ไต้หวัน
เป็ดปักกิ่งหนังกรอบ เนื้อนุ่ม ทานกับแผ่นแป้งนุ่มๆ ฟินสุดๆ
เนื้อปลาสดมาก เนื้อเด้ง หวาน
ปลาหมึกทอดกระเทียม สั่งเป็นออเดิร์ฟ ทานเพลินๆ ได้เว่อร์

ร้านที่สองที่เราจะพาไปปักหมุดกันต่อนั้น เราจะพาทุกคนออกนอกเมืองไปกันที่ ทะเลสาบสุริยันจันทรา  (Sun Moon Lake ) แหล่งท่องเที่ยวยอดฮิต ที่นี่สวยมาก อีกทั้งยังขึ้นชื่อว่าเป็นสวิตเซอร์แลนด์แห่งไต้หวัน ซึ่งที่นี่มีภัตตาคารขึ้นชื่อย่านทะเลสาปคือ ภัตตาคารปลาประธานาธิบดี ชื่อร้านก็บอกถึงเมนูเด็ดที่ห้ามพลาดอยู่แล้ว ใครมาแล้วไม่ได้ลองถือว่าพลาด สำหรับ เมนูปลาประธานาธิบดี เมนูในดวงใจของ ท่านประธานาธิบดีเจียงไคเช็ก ไต้หวัน

เมนูปลาประธานาธิบดี ต้องบอกเลยว่าเป็นเมนูที่ขึ้นชื่อมาก เนื้อปลามีความสดหวาน เพราะเป็นปลาที่อยู่ในธรรมชาติ และด้วยเคล็ดลับของร้าน จึงทำให้ปลาไม่มีกลิ่นคาวเลย อีกทั้งเมื่อนำมานึ่งกับซีอิ๊วสูตรพิเศษของทางร้านที่มีความหอมหวน น้ำซีอิ๊วเมื่อรับประทานพร้อมกับเนื้อปลาแล้วเรียกว่าเป็นอาหารในตำนานเลยก็ว่าได้จ้า

เมนูปลาประธานาธิบดี เมนูขึ้นชื่อของทะเลสาบสุริยันจันทรา

อีกหนึ่งเมนูของร้านนี้ที่เราอยากแนะนำ คือ เมนู ขาหมูสูตรลับเคี้ยวทั้งกระดูก นั่น ขาหมูอะไรจะเคี้ยวได้ทั้งกระดูก พูดไปจะหาว่าโม้ แต่ที่นี่เขาทำได้จริง นอกจากจะอร่อยแถมยังไม่มันเกินไป สาวๆ ที่กลัวอ้วน หายกลัวไปได้เลยนะจ๊ะ ด้วยสูตรลับที่สืบทอดต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น จึงทำให้ขาหมูที่นี่เคี้ยวได้ทั้งกระดูก ทานกับน้ำซอสและผักนานาชนิดที่ผ่านการเคี่ยวมาอย่างดี จึงทำให้เมนูกลายเป็นอีกหนึ่งเมนูขายดี ที่ใครได้มาต้องสั่ง

อิ่มท้องกันแล้ว เราจะไปเดินย่อยกันที่ วัดเหวินอู่ วัดศักดิ์สิทธิ์อีกแห่งของไต้หวัน ภายในจะเป็นที่ประดิษฐานรูปปั้นของศาสดาขงจื้อ และเทพกวนอู  ซึ่งเป็นที่นับถือของชาวจีนและไต้หวัน มาที่นี่ต้องมาสักการะและขอพรด้านการศึกษานะจ๊ะ เพราะองค์ท่านเป็นเทพเจ้าแห่งปัญญา และเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์  ซึ่งตามความเชื่อที่สืบทอดกันมาหลายพันปี หากเราได้บูชาเทพเจ้ากวนอู จะทำให้ประสบพบแต่ความซื่อสัตย์ มีคนจงรักภักดีต่อผู้ที่บูชา ปราศจากคนปองร้ายและเชื่อว่าจะสามารถฝ่าฟัน หรือต่อสู้กับอุปสรรคต่างๆ ในชีวิตไปได้ด้วยดี คิดการวางแผนหน้าที่การงานใดๆ ก็จะประสบความสำเร็จ

เดินขอพรจนเมื่อยตุ้ม แถมยังต้องนั่งรถเข้าเมืองอีกหลายชั่วโมง จะเกิดอะไรขึ้น หิวสิคะ! สำหรับมื้อนี้เราพาไปปักหมุดกันต่อที่ TAIHODIEN (ภัตตาคารชาบูชาบูไต้หวันไท่เทยเตี้ยน) สายชาบูเชิญมุง เราไม่อยากให้พลาดร้านนี้เลย อย่างที่รู้กันว่า  ชาบูถือเป็นอาหารยอดนิยมของประเทศไต้หวัน ใครที่เคยมาคงจะรู้ว่าที่นี่ร้านชาบูเยอะพอกับร้านชานมไข่มุกเลยล่ะ มาทั้งทีจะไปร้านธรรมดา โนค่ะโน ร้านที่เราจะพาไปนั้น เป็นร้านชาบูระดับพรีเมียมที่คนดังและเซเลบยังต้องยอมต่อคิว

สำหรับชาบูร้านนี้จะเสิร์ฟมาในหม้อที่แบ่งออกเป็น 2 น้ำซุป ได้แก่น้ำ ซุปหมาล่า ที่มีกลิ่นหอมเครื่องเทศ  รสชาติเผ็ดร้อน จัดจ้าน  ซ่าที่ปลายลิ้น จาก “ฮวาเจียว” ซึ่งเป็นส่วนประกอบหนึ่งในน้ำพริกหมาล่า อีกหนึ่งน้ำซุปคือน้ำ ซุปกระดูกหมู  เมื่อซดไปจะได้มีกลิ่นหอมขึ้นจมูกหน่อยๆ ผสมผสานกับเนื้อปลาป่นที่ช่วยเพิ่มความหอมให้กับน้ำซุปมากยิ่งขึ้น

MARBLE BEEF
MARBLED PORK

นอกจากน้ำซุปจะเด็ดแล้ว เนื้อที่นี่ก็ดีงามไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็น “MARBLED PORK”  เนื้อหมูลายหินอ่อน ที่มีไขมันแทรกอยู่ในชั้นเนื้อ เมื่อนำมาลวกกับน้ำซุป จะได้สัมผัสที่นุ่ม จนแทบละลายในปาก อร่อยไม่แพ้เนื้อวัวเลยล่ะ นอกจากนี้ยังมี PRIME FATTY BEEF และเนื้อวัวเกรดพิเศษ MARBLE BEEF เนื้อนุ่ม ละมุนลิ้น เอาใจคนรักเนื้อ ยังไม่หมดเพีงแค่นี้ ยังมีวัตถุดิบสดใหม่ระดับพรีเมียมอีกมากมาย อาทิ  เกี๊ยวปลา เกี๊ยวกุ้ง ลูกชิ้นปลา ผักสดต่างๆ เป็นต้น

สำหรับใครที่มาไต้หวัน แล้วไม่มาที่นี่ บอกเลยว่าคุณพลาดมากกกกกกกกกก สำหรับ หมู่บ้านโบราณจิ่วเฟิ่น เมืองเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรม และของกินขึ้นชื่อ ไม่ว่าจะเป็นขนมและอาหารต่างๆ โดยเฉพาะขนมเฉพาะสูตรเมืองจิ่วเฟิ่นเช่น บัวลอยเผือก เต้าหู้เหม็น ขนมโมจิ และไอศกรีมถั่วตัดผักชีแบบไต้หวัน รวมถึงที่นี่ยังมีโรงน้ำชาที่เป็นอาคารไม้ตั้งเรียงรายลดหลั่นกันไปเหมือนกับในรูปภาพที่สวยงามจนเป็นแรงบันดาลใจให้กับภาพยนตร์ Animation เรื่องดังจากค่าย Studio Ghibli เรื่อง Spirited Away การ์ตูนในดวงใจของใครหลายๆ คน มาที่นี่รับรองเดินเพลินจนไม่อยากกลับเลยล่ะ

กินต่อไม่รอแล้วนะ ปักหมุดร้านต่อไปกันเลย สำหรับร้านที่เราจะพาไปลิ้มลองกันเป็นภัตตาคารซีฟู้ดกุ้งมังกร  ที่สไตล์อาหารจะเป็นแบบซีฟู้ดท้องถิ่น ถึงบรรยากาศร้านแบบธรรมดาๆ แต่โดดเด่นด้วยวัตถุดิบคุณภาพดี สด ใหม่ สำหรับเมนูขึ้นชื่อของทางร้าน คือ “ กุ้งมังกรนึ่ง ” กุ้งมังกรที่สดบวกกับการนึ่งในเวลาที่พอดี  ทำให้ได้กุ้งมังกรนึ่งรสหวาน  ไม่แข็งกระด้าง ทานกับเส้นอุด้ง เหนียวนุ่ม เข้ากันได้ดีมาก

“สลัดกุ้งมังกร” รับประทานคู่กับผลไม้สด เข้ากันได้เป็นอย่างดี  รับประทานแล้วรู้สึกสดชื่น  นอกจากนี้ยังมีเมนูที่น่าสนใจอีก เช่น “ซุปปู” และ “ปลาทอด” นำเนื้อปลามาแล่เป็นชิ้นบางๆ แล้วนำไปทอดจนเป็นสีทอง เหลืองกรอบ

กินกันต่อแบบไม่ต้องให้ท้องได้หยุดพัก สำหรับร้านนี้ที่เราจะพาไปหาของอร่อยทานนั้นตั้งอยู่ที่ ตึกไทเป 101 หนึ่งใน Landmark หลักของเมืองไทเป กับร้านติ่มซำขึ้นชื่อ ที่มีสาขาในบ้านเราด้วยนะ อย่างร้าน ติ่น ไท ฟง  ( DIN TAI FUNG ) ที่มีเมนูยอดฮิตคือ “เสี่ยวหลงเปา” เนื้อแป้งเนียนนุ่ม บางใส ด้านในมีซุปร้อนๆ ซึ่งมีให้เลือกรับประทานหลากหลายไส้ ทั้งไส้หมู ไส้ปู ไส้กุ้ง

อีกเมนูที่ห้ามพลาดคือ เกี๊ยวไส้ผัก เกี๊ยวไส้กุ้ง ซุปขึ้นชื่อของ  ติ่น ไท ฟง คือ “ซุปไก่” ซึ่งทางร้านที่คัดสรรเฉพาะไก่มีคุณภาพ ตุ๋นนานถึง 6 ชั่วโมง จนได้รสชาติน้ำซุปอ่อนๆ ตามธรรมชาติ โดยไม่ต้องใส่เครื่องยาจีน

ปิดท้ายมื้อสุดอร่อยของทริปนี้ เราจะพาทุกคนไปลิ้มลอง อาหารระดับมิชลิน 2 ดาว ณ ภัตตาคาร THE GUEST HOUSE ที่โรงแรมเชอราตัน แกรนด์  ไทเป ซึ่งถือว่าเป็นไฮไลท์เด็ดของทริปนี้เลย โดยจุดเด่นของร้านอยู่ที่ความเชี่ยวชาญของเชฟกับการรังสรรค์เมนู ดูสวยงามน่าทาน มีรสชาติและรสสัมผัสดีเยี่ยม

เมนูส่วนใหญ่เป็นอาหารจีนหูหนานและเสฉวน แต่สอดแทรกความเป็นไต้หวันเข้าไป เมนู signature ได้แก่ ซุปกระเพาะปลาตุ๋น ล๊อบสเตอร์นึ่งซอสพริก เป๋าฮื้อและปลิงตุ๋นกับต้นหอม เป็ดกรอบหนังบาง เนื้อในนุ่มชุ่มฉ่ำ ข้าวมันไก่ใส่น้ำมันงาหอมกลิ่นเหล้าจีนตัดเลี่ยนได้ดีด้วยขิง

สำหรับเมนูของหวานหารับประทานได้ยากยิ่ง “Sweetened Hasma Soup with Crystal Sugar and Pear” ไขมันที่อยู่ในตัวกบ ที่คนไทยนิยมเรียกกันว่า  ไข่กบในน้ำเชื่อมเสิร์ฟคู่น้ำตาลคริสตัลและลูกแพร โดยเมนูของหวานนี้จะถูกเสิร์ฟเฉพาะที่ภัตตาคารจีนระดับสูงเท่านั้น

อิ่มจนไม่รู้จะอิ่มยังไงแล้วจ้า สำหรับทริปนี้ กินกันจนไม่ลืมหู ลืมตา เที่ยวเพลิน ช้อปสนุก บอกเลยว่าเป็นเอ็กซ์คลูซีฟทริปเฉพาะ สมาชิกบัตร M Card เท่านั้น หากใครสนใจสามารถติดตามข่าวสารและกิจกรรมดีๆ แบบนี้ได้ผ่านทาง  Facebook: mcardforall,  www.mcardshop.com หรือโทรสอบถามได้ที่ M Card Call Center 02-789-5555 ประสบการณ์ดีๆ แบบนี้ มีเฉพาะสมาชิก บัตร  M Card เท่านั้นนะจ๊ะ

 

ดีไซเนอร์คนแรกของโลก

ต้นกำเนิดแฟชั่นโอต์ กูตูร์! เผยโฉมผลงาน ‘ดีไซเนอร์คนแรกของโลก’ เมื่อร้อยกว่าปีก่อน

ดีไซเนอร์คนแรกของโลก
ดีไซเนอร์คนแรกของโลก

เปิดผลงานระดับโอต์ กูตูร์ ของชาร์ลส์ เฟรเดอริก เวิร์ธ (Charles Frederick Worth) ดีไซเนอร์คนแรกของโลก ที่ถือเป็นผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมแฟชั่น มาตั้งแต่ปี 1858 

ทุกวันนี้มีหลากหลายแบรนด์เสื้อผ้าเกิดขึ้นมากมาย และดีไซเนอร์ชื่อดังระดับโลกที่คนในแวดวงแฟชั่นให้การยอมรับก็มีอยู่ไม่น้อย เพราะด้วยฝีมือการครีเอทอันมีเอกลักษณ์ทำให้แบรนด์เหล่านั้นเป็นที่สนใจของแฟชั่นนิสต้าทั่วโลก และตัวดีไซเนอร์ก็มีชื่อเสียงตีคู่มากับแบรนด์ของตัวเอง เป็นที่รู้จักของหลายๆ คน บางครั้งก็มีอิทธิพลในวงการแฟชั่นอย่างมาก ไม่ว่าจะออกแบบไอเท็มชิ้นไหนก็ขายหมดเกลี้ยง เพราะผู้คนต่างเชื่อถือในฝีมือ แต่ก่อนอาชีพดีไซเนอร์จะมาถึงยุคที่เฟื่องฟู ก็ต้องมีบุคคลที่เริ่มต้นอาชีพนี้มาก่อน

หากจะถามว่าใครคือคนริเริ่มทำให้วงการแฟชั่นแพร่หลายมาจนถึงทุกวันนี้ ก็คงต้องยกความดีความชอบให้แก่ ชาร์ลส์ เฟรเดอริก เวิร์ธ (Charles Frederick Worth) นักออกแบบชาวอังกฤษ หรือจะเรียกว่าเป็นดีไซเนอร์คนแรกของโลกเลยก็ว่าได้ เพราะแนวคิดที่มีการออกแบบเสื้อผ้าทุกๆ 6 เดือน เป็นสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน จนกระทั่งชาร์ลส์ เฟรเดอริก เวิร์ธ เป็นผู้เริ่มต้นทำให้มันเกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 1858 และในปัจจุบันอุตสาหกรรมแฟชั่นก็ใช้มาตรฐานนี้ในการออกคอลเล็คชั่นใหม่ๆ

ดีไซเนอร์คนแรกของโลก
ชาร์ลส์ เฟรเดอริก เวิร์ธ (Charles Frederick Worth) นักออกแบบชาวอังกฤษ

 

ป้ายของห้องเสื้อ House of Worth

โดยเส้นทางดีไซเนอร์ของชาร์ลส์ เฟรเดอริก เวิร์ธ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในปี 1860 เพราะสมเด็จพระจักรพรรดินี เออเชนี เดอ มองติโค (ยูเจนี แห่งฝรั่งเศส) ได้มาเป็นหนึ่งในลูกค้าของเขา ทำให้ห้องเสื้อ House of Worth ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงปารีส มีชื่อเสียงโด่งดัง จนเกิดกลุ่มลูกค้าขาประจำอย่างเหล่าราชวงศ์ในยุโรปและสตรีชั้นสูง โดยเสื้อผ้าที่มาจากฝีมือของชาร์ลส์ เฟรเดอริก เวิร์ธ นับว่าเป็นผลงานระดับโอต์ กูตูร์ก็ว่าได้ เพราะเป็นศิลปะการตัดเย็บชั้นสูง งานประณีต แฝงไปด้วยความหรูหราและมีเอกลักษณ์ ไม่ซ้ำใคร นอกจากนี้เขายังเสนอแนวทางใหม่ๆ ในการสร้างสรรค์เครื่องแต่งกายมากมาย ด้วยความชำนาญด้านการตัดเย็บของเขา ทำให้ภายในทศวรรษที่ผ่านมา การออกแบบของชาร์ลส์ เฟรเดอริก เวิร์ธ ได้รับการยอมรับในระดับสากลและเป็นที่ต้องการสูง

ดีไซเนอร์คนแรกของโลก
สมเด็จพระจักรพรรดินี เออเชนี เดอ มองติโค (ยูเจนี แห่งฝรั่งเศส)

 

ต่อไปเรามาชมผลงานการออกแบบของ ชาร์ลส์ เฟรเดอริก เวิร์ธ (Charles Frederick Worth) กันบ้าง

ดีไซเนอร์คนแรกของโลก
เดรสสไตล์ Ball gown

 

ดีไซเนอร์คนแรกของโลก
เดรสสไตล์ Ball gown

 

เดรสสีแดงก่ำ

 

เครื่องแต่งกายแฟนซี

 

เดรสสไตล์ Ball gown

 

เดรสแฟนซี

 

ชุดแต่งงาน

 

Zoom in ชุดแต่งงาน

 

ชุดราตรี

 

ดีเทลของชุดราตรี

 

ชุดราตรีแขนกุดสีทอง

 

ดีเทลของการปัก

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

7 ผลงานสุดเก๋ จากปู่ “คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์” แฟชั่นไอคอนที่โลกต้องกราบ

 รู้จักกระเป๋าถือ เมแกน มาร์เคิล ผลงานดีไซเนอร์อายุน้อยที่กำลังต่อสู้กับอาการป่วย

รวม 9 ไอเท็มสุดฮ็อตตลอดกาลจาก Kate Spade หลังดีไซเนอร์ดังเสียชีวิต

สูญเสียในรอบสิบปี! 5 ดีไซเนอร์ชื่อดังผู้ล่วงลับ แต่ยังทรงอิทธิพลในวงการแฟชั่น

เรียบแต่เด่น! ดัชเชสเมแกน กับ เดรสสีเหลือง ผลงานดีไซเนอร์ประจำตัว เลดี้ กาก้า

เผ็ดมากสาจ๋า! แพร-วทานิกา ดีไซเนอร์แบรนด์ดัง นาทีนี้แซ่บไม่มีใครเกิน

ตอนแรกก็ฟาดดราม่าแล้ว! รายการเรียลลิตี้ตามติดชีวิตดีไซเนอร์ดัง THIS IS ME VATANIKA

พาส่อง คอสตูมจากดีไซเนอร์ไทย ครีเอทลุค ‘เจ้าหญิงอลิซ’ แห่งลิขิตรัก


ภาพและที่มา : www.metmuseum.org

กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ตอกย้ำแนวคิด #โลกต้องการคนแรก ที่ขึ้นอันดับหนึ่ง Twitter ผ่านโฆษณาสร้างจากเรื่องจริงลูกค้า กับพันธกิจหลักแบรนด์เพื่อให้ทุกคนมีชีวิตที่ดี มีความมั่นใจในการใช้ชีวิต

กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ นำโดย คุณณญาณี เผือกขำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล เซอร์วิสเซส จำกัด สร้างปรากฏการณ์อีกครั้ง หลังจากเปิดตัวแคมเปญกระตุ้นจิตสำนึก “โลกต้องการคนแรก” และได้รับการตอบรับจากสังคมอย่างน่าประทับใจ  เป็นที่พูดถึงกระแส social กับ #โลกต้องการคนแรก ที่ขึ้นอันดับหนึ่ง Twitter ที่มีการ Retweet มากกว่าแสนครั้งในไม่กี่ชั่วโมง ยอดวิวก็ทะลุหลักสิบล้านบนเฟซบุ้คและทวิตเตอร์

พร้อมตอกย้ำพันธกิจหลักของแบรนด์ เพื่อให้ทุกคนมีชีวิตที่ดี คำนึงถึงความต้องการของลูกค้า (Customer Centric)  ด้วยผลิตภัณฑ์ “บัตรเฟิร์สช้อยส์ แคร์” ผ่านภาพยนตร์โฆษณาอีกเรื่องหนึ่ง ที่สร้างจากเรื่องจริงของ ผู้ถือบัตร ที่ประสบอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซต์ชนอย่างไม่คาดคิด และมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย ขณะนั้นลูกค้าไม่มีเงินติดตัวกระเป๋าเงินที่เทออกมาต่อหน้านางพยาบาลนั้น มีแค่เพียงเศษเหรียญ บัตรประชาชน และบัตรอีกเพียง 2-3 ใบ ด้วยความฉุกเฉินจึงไม่มีเงินจ่ายค่ารักษาในวันที่ต้องออกจากโรงพยาบาล

ในวันนั้น ลูกค้ารู้สึกขอบคุณและโชคดีที่มีบัตรกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ แคร์ ติดตัว จึงอยากร่วมถ่ายทอดความประทับใจในครั้งนี้ วงเงินคุ้มครองจากบัตรที่ช่วยได้จริงและใช้ได้ในทันทีทำให้เขาไม่ต้องกังวลเรื่องการหาเงินมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลในช่วงเวลาที่ยากลำบากนั้น โดยส่วนท้ายของเรื่องจะหักมุมมาเล่าถึงความจริงที่อยู่เบื้องหลังของทีมกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ว่าทำไมถึงเลือกทำการตลาดด้วยวิธีนี้ ความคุ้มครองที่บัตร  “กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ แคร์” มอบให้แก่ผู้ถือบัตร ได้พิสูจน์แล้วว่าสามารถช่วยเหลือผู้ถือบัตรของเราในยามคับขันได้จริงๆ แคมเปญ “โลกต้องการคนแรก” #YouAreMyFirst

บัตร “กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ แคร์”  เป็นบัตรกดเงินสดรายแรกของไทยเป็นบัตรกดเงินสดรายแรกของไทยที่กล้าให้ความคุ้มครองประกันอุบัติเหตุ วงเงินประกันภัยสูงสุด 1 แสนบาทฟรี 1 ปี สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งต่อปี โดยไม่ต้องสำรองจ่าย ได้สูงสุด 3,000 บาทต่ออุบัติเหตุ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆแก่สมาชิกบัตรใหม่ โดยหวังให้คนไทยเข้าถึงความคุ้มครองขั้นพื้นฐานได้ง่ายขึ้น  และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ได้ใช้เวลาและทรัพยากรต่างๆในชีวิตเพื่อการทำมาหากินและดูแลครอบครัว และมีความมั่นใจว่าหากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็มีประกันภัยอุบัติเหตุที่กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ทำให้คุ้มครองอยู่ ซึ่งในขณะเดียวกัน การที่ลูกค้าทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นก็จะส่งผลดีกลับมาที่กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ เรายังได้ความประทับใจจากลูกค้าที่มั่นใจและนึกถึงบัตรกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์เป็นคนแรก

โดยบัตรสินเชื่อ “กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ แคร์” ได้มอบวงเงินความคุ้มครองอุบัติเหตุให้แก่ผู้ถือบัตรไปแล้วกว่า 75,000 รายตลอด 1 ปีผ่านมา ตั้งแต่ออกผลิตภัณฑ์สู่ตลาด ทั้งนี้กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ ได้เตรียมส่งผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ตลอดปี 2562 เพื่อให้ลูกค้าทุกคนมีชีวิตที่ดีขึ้นและมีความมั่นใจในการใช้ชีวิตมากขึ้น พร้อมช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ภายใต้แนวคิด #โลกต้องการคนแรก…คนแรกที่คิดถึงผู้อื่น…และลงมือทำ… #YouAreMyFirst

รายละเอียดเพิ่มเติม www.firstchoice.co.th

หล่อ คมเข้ม! เหว่ย ซิน นักกีฬาบาสเกตบอลทีมชาติ ดาวรุ่งของพม่า

account_circle

เหว่ย ซิน หล่อ คมเข้ม ร่างสูง หุ่นเฟิร์ม พ่วงดีกรีนักกีฬาบาสเกตบอลดาวรุ่งของประเทศพม่า อีกทั้งยังเคยผ่านการประกวดรอบออดิชั่น รายการ The Face Men Thailand Season 2 มาแล้ว

เห็นแล้วใจมันอ่อนระทวยจริงๆ เพราะดิฉันแพ้ความหล่อของหนุ่มหน้าเข้มคนนี้ค่ะ อาจจะคุ้นหน้าคุ้นตากันมากรุบกริบบ้างแล้ว สำหรับหนุ่มคนนี้ เหว่ย ซิน จากรายการ The Face Men Thailand Season 2 ในรอบออดิชั่น

บอกเลยว่าดีกรีพ่อหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดานะจ๊ะ เพราะฮีเป็นถึงนักกีฬาบาสเกตบอลดาวรุ่งของประเทศพม่า อีกทั้งยังเป็นนายแบบสุดฮ็อตที่มาพร้อมความ สูง 187 เซนติเมตร ส่วนงานไม่ต้องพูดถึงกำลังชุกเชียวล่ะ ถึงแม้จะไม่ได้ติดตัวจริงในรายการเดอะเฟซเมนไทยแลนด์ก็ตามที

เป็นถึงนักกีฬาก็แล้ว นายแบบก็แล้ว ความสามารถทางด้านภาษาก็ต้องยกให้เลย เพราะพ่อหนุ่มเหว่ยซินพูดได้ถึง 5 ภาษาค่ะคู้ณณณ ไม่ว่าจะเป็น Burmese (พม่า), Chinese (จีน), English(อังกฤษ), Rakhine (ยะไข่),  Shan (ฉาน ไทยใหญ่), Hindi (ฮินดี),  Bengali (เบงกาลี) จัดเต็มครบเครื่องขนาดนี้ สาวๆ มีหรือจะไม่กรี๊ด

เพราะความหล่อ คมเข้ม หุ่นแซ่บ ของหนุ่มเหว่ย ซิน ล่าสุดจึงไปเตะตา BJ JEANS แบรนด์แฟชั่นยีนส์สัญชาติไทย คุณภาพระดับอินเตอร์เข้า ฮีเลยได้มาเป็นพรีเซ็นเตอร์คนล่าสุด วันนี้เราจะพาสาวๆ ไปส่องแฟชั่นสไตล์ยีนส์แบบเซอร์ๆ ของหนุ่มคนนี้กันจ้า

เหว่ย ซิน

ลุคแรก สำหรับสำหรับหนุ่มๆ ที่อยากได้ลุคสตรีทแบบเท่ๆ เข้มๆ ชวนมอง เสื้อลายสก็อตมิกซ์แอนด์แมทช์กับเสื้อแจ็กเก็ตยีนส์สีเข้มดีไซน์สวย ใส่คู่กับกางเกงยีนส์ทรงขากระบอกเล็กสีเดียวกับเสื้อแจ็กเก็ต เพิ่มความเท่ด้วยการใส่แว่นตากันแดด

งานยีนส์ก็มาสำหรับลุคนี้ ยีนส์ทับยีนส์ ใส่ยังไงให้เก๋มาดูกัน เชิ้ตยีนส์สีเข้มแมทช์กับแจ็กเก็ตยีนส์สีอ่อน และใส่คู่กับกางเกงยีนส์ขาเดฟสีเดียวกับเสื้อแจ็กเก็ต แต่ถ้าอยากได้ลุคที่ดูเซอร์ๆ ก็สามารถเลือกกางเกงยีนส์ขาเดฟที่มีรอยขาดที่เข่าเล็กน้อย

อีกหนึ่งลุคที่ออกแนวสตรีท กับเสื้อลายสก็อตตัวยาว ใส่คู่กับกางเกงยีนส์ทรงขากระบอกเล็ก เรียกว่าเป็นลุคหนุ่มเซอร์ที่เก๋มากๆ

ปิดท้ายด้วยลุคคลีน ดีเทลไม่เยอะ เสื้อยืดตัวยาว กับยีนส์ตัวโปรด คือจบ อ่ะแถมหมวกอีกใบเพื่อเพิ่มความเท่

 

 

 

keyboard_arrow_up