กระเป๋า BAO BAO ISSEY MIYAKE

เปิดลิสต์ 3 รุ่นต้องมี! กระเป๋า BAO BAO ISSEY MIYAKE คอลเล็คชั่น AW 2020

Alternative Textaccount_circle
กระเป๋า BAO BAO ISSEY MIYAKE
กระเป๋า BAO BAO ISSEY MIYAKE

ลมหนาวพัดโชยมาเบาๆ แบบนี้ ก็ถึงเวลาที่สาวก กระเป๋า BAO BAO ISSEY MIYAKE จะต้องกรีดร้องดังๆ กันอีกแล้ว เพื่อต้อนรับคอลเล็คชั่นใหม่ล่าสุด AUTUMN WINTER 2020/21ที่มาพร้อมกับความเริ่ดแบบจัดเต็มไม่แพ้คอลเล็คชั่นก่อนๆ และเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร

ไม่ว่าจะเป็น ฟังก์ชั่นการใช้งานที่แสนจะสารพัดประโยชน์ ตอบโจทย์ ทุกความต้องการที่หลากหลาย ความใช้ง่าย ประยุกต์ได้หลายโอกาส ใช้ในชีวิตประจำวันก็ดี ใช้ไปทำงานก็เวิร์ค ใช้ไปเที่ยวก็เหมาะ ความอินเทรนด์ของดีไซน์ ซึ่งหยิบมาใช้เมื่อไหร่ก็ไม่ดูเอ้าท์ ความยืนหนึ่งเรื่องความทนทานและน้ำหนักเบา เพราะ BAO BAO ISSEY MIYAKE เลือกใช้วัสดุเกรดพรีเมียมในการผลิต

แน่นอนว่าความเริ่ดทั้งหมดนี้ จัดเต็มไว้ในคอลเล็คชั่น AUTUMN WINTER 2020 เรียบร้อยแล้ว แพรวดอทคอม จึงขอเรคคอมเมนด์ 3 รุ่นต้องมี! จากคอลเล็คชั่นนี้ให้กับสาวๆ กันค่ะ

เปิดลิสต์ 3 รุ่นต้องมี! กระเป๋า BAO BAO ISSEY MIYAKE คอลเล็คชั่น AW 2020

กระเป๋า BAO BAO ISSEY MIYAKE

กระเป๋า BAO BAO ISSEY MIYAKE

PLATINUM IRIDESCENT

รุ่นน่าสอยช้อยส์แรก ขอยกให้กับ PLATINUM IRIDESCENT กระเป๋ารูปทรงซิกเนเจอร์ของ BAO BAO ISSEY MIYAKE ที่สายกระเป๋าสามารถปรับสั้น-ยาวได้ 2 ระดับ ดีไซน์โดดเด่นด้วยกลิ่นอายความเฟสติวัล เทศกาลแห่งความสุข และสีสันเปล่งประกายสดใส ซึ่งเกิดจากการสะท้อนแสงของแผ่นสามเหลี่ยมคล้ายกระจกเหลือบรุ้ง และการเล่นกิมมิกไล่สี จำนวน 3 เฉดสี โดยแสงที่สะท้อนจะขึ้นอยู่กับมุมแสงแต่ละมุม ทำให้เกิดความสวยงามได้หลากหลายมิติ ถือเป็นกระเป๋าที่เหมาะกับบรรยากาศแห่งความสุข ความสนุกสนาน ที่จะเกิดขึ้นในซีซั่นนี้อย่างที่สุด

กระเป๋า BAO BAO ISSEY MIYAKE

กระเป๋า BAO BAO ISSEY MIYAKE

PRISM SAC

ชาวมินิมอลทั้งหญิงและชายต้องถูกใจรุ่นนี้ เพราะ PRISM SAC เป็นกระเป๋าแบบยูนิเซ็กส์ที่มาพร้อมกับความเรียบง่ายของวัสดุเนื้อแมตต์ แต่ให้ลุคสไตล์เก๋คูลแบบเต็มสิบไม่หัก โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่ใช้ง่าย ตอบโจทย์ทุกสถานการณ์ ฝาพับเปิด-ปิดเป็นแบบแม่เหล็ก จึงสามารถเปิด-ปิดกระเป๋าได้ด้วยการสัมผัสเบาๆ ฐานกระเป๋ากว้าง ทำให้สามารถจุของได้เยอะ ส่วนสายสะพายก็สามารถปรับความสั้น-ยาวได้ง่ายด้วยตัวล็อคสายด้านใน เรียกว่าใช้ง่าย ใช้ดี เหมาะจะเป็นกระเป๋าสำหรับเอเวอรี่เดย์ลุคของทั้งสาวๆ และหนุ่มๆ เลยทีเดียว

กระเป๋า BAO BAO ISSEY MIYAKE

กระเป๋า BAO BAO ISSEY MIYAKE

CRYSTAL GLOSS

ขอเอาใจสาวๆ ที่เลิฟความวิบวับกันต่อด้วยรุ่น CRYSTAL GLOSS ซึ่งมาพร้อมกับวัสดุเนื้อกลอสที่เคลือบลงยาในเฉดสีเมทัลลิก เสริมความหรูด้วยหูหิ้วและสายสะพายหนัง ช่วยอัพลุคสาวชิคที่ดูแพง โดดเด่นด้วยความ Functional สไตล์ BAO BAO ISSEY MIYAKE เพราะมีทั้งหูหิ้วและสายสะพายยาวมาให้ แถมสายสะพายยาวยังสามารถปรับระดับและถอดออกได้ จึงสามารถใช้งานได้หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น สะพายไหล่ ครอสบอดี้ หรือถือหูหิ้วสไตล์คุณหนู

เรียกว่าเริ่ดทุกรุ่น ดีงามทุกอณู เตรียมขึ้นแท่น It Bag ของสาวๆ ได้เลย ซึ่งใครที่กำลังเล็งกระเป๋าใบใหม่ เพื่อเป็นของขวัญให้กับตัวเองในช่วงเทศกาลแห่งความสุข หรือกำลังมองหาของขวัญให้กับคนที่รัก รับรองว่าต้องถูกใจ BAO BAO ISSEY MIYAKE ลิสต์นี้จากคอลเล็คชั่น AUTUMN WINTER 2020 อย่างแน่นอน

ตามไปสอย ลองถือ ลองสะพาย ใบที่เล็งไว้ได้เลยที่ BAO BAO ISSEY MIYAKE ทุกสาขา ราคาดีเหมือนบินไปซื้อเองที่ญี่ปุ่น พร้อมรับบริการหลังการขายที่รับประกันคุณภาพของกระเป๋าทุกใบนานถึง 1 ปีเต็ม

– สยามดิสคัฟเวอรี่ ชั้น G เบอร์โทร 02 021 2142

– ดิเอ็มควอเทียร์ ชั้น G เบอร์โทร 02 021 2177

– เซ็นทรัลชิดลม ชั้น 1 เบอร์โทร 02 655 7562

– เซ็นทรัลลาดพร้าว ชั้น 1 เบอร์โทร 02 541 1534

เทรนด์ใหม่มาแรง! ดูแลผิวยุค New Normal ต้องลอง Flaxseed Oil สารสกัดธรรมชาติ

พอเข้าสู่ยุค New Normal เรื่องความสะอาดต้องมาก่อนเสมอ ทำให้เกิดเทรนด์ใหม่ในการทำสะอาดผิวด้วยสารสกัดธรรมชาติอย่าง Flaxseed Oil มาเป็นตัวช่วยในการต่อสู้กับเชื้อแบคทีเรีย จะดีต่อผิว ดีต่อใจขนาดไหนมาดูกันเลยค่ะ

ตั้งแต่เชื้อโควิด-19 แพร่ระบาดไปทั่วโลก วิถีการใช้ชีวิตของเราก็เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างมาก หรือที่เรียกว่าการใช้ชีวิตแบบ New Normal ซึ่งสิ่งที่ผู้คนให้ความสำคัญมาเป็นอันดับต้นๆ ต้องยกให้เรื่องความสะอาด ปลอดเชื้อโรค และความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใส่มาสก์ตลอดเวลาที่ออกจากบ้าน พกสเปรย์แอลกอฮอล์เพื่อฆ่าเชื้อโรค ล้างมือบ่อยๆ ฯลฯ

พอกลับถึงบ้านก็ต้องอาบน้ำให้ร่างกายสะอาดที่สุด เพราะในแต่ละวันเราไม่รู้เลยว่าร่างกายไปสัมผัสหรือปนเปื้อนเชื้อโรคอะไรมาหรือไม่ ล่าสุดมีเทรนด์ใหม่ของการดูแลผิวยุค New Normal อย่างสารสกัดธรรมชาติตัวใหม่ ‘Flaxseed Oil’ (แฟลกซ์ซีด ออยล์) ที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องความสะอาด ปกป้องผิวจากแบคทีเรีย และเสริมสร้างความมั่นใจให้เราสามารถใช้ชีวิตในโลกภายนอกในแต่ละวันได้อย่างสบายใจ

ถ้าคุณเป็นสายสุขภาพจะรู้ดีว่า น้ำมันแฟลกซ์ซีดสกัดมาจากเมล็ดแฟลกซ์ (เมล็ดลินิน) มีกรดไขมันที่ดีหลายชนิด เช่น กรดไขมันโอเมก้า-3 เช่นเดียวกับน้ำมันปลา นอกจากจะดีต่อสุขภาพแล้วยังมีประโยชน์ในด้านช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันบนผิว โดยการเพิ่มปริมาณการผลิตเปปไทด์ต้านจุลชีพ หรือที่เรียกกันว่า AMPs  ให้เคลื่อนมามาอยู่บนผิวเพื่อช่วยปกป้องผิวให้แข็งแรงและสามารถต่อสู้กับเชื้อแบคทีเรียได้เองตามธรรมชาติ และยังคงความชุ่มชื้นให้ผิวสุขภาพดีขึ้นอีกด้วย

ซึ่งสารสกัดธรรมชาติที่ว่านี้มีอยู่ในสบู่ ใหม่! โพรเทคส์ ผสานแฟลกซ์ซีด ออยล์ ปกป้องผิวจากแบคทีเรีย นั่นเองค่ะ ถ้าใครอยากทำความรู้จักสารสกัดธรรมชาติแฟลกซ์ซีด ออยล์ว่าดีกับผิวขนาดไหน ตามมาพิสูจน์กันได้เลยค่ะ

สบู่โพรเทคส์ สูตรใหม่ ผสานสารสกัดธรรมชาติ ‘แฟลกซ์ซีด ออยล์’ เป็นการใช้นวัตกรรมใหม่ในการสกัดคุณค่าดีๆ ของแฟลกซ์ซีด ออยล์ออกมา ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันบนผิวของเราให้ต่อสู้กับแบคทีเรียตามธรรมชาติ สามารถปกป้องผิวจากแบคทีเรียได้ยาวนานถึง 12 ชั่วโมงหลังอาบน้ำ และยังช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียได้มากถึง 99.9% เชียวนะคะ ที่สำคัญยังพิสูจน์แล้วว่าอ่อนโยนต่อผิว

จริงๆ แล้ว โพรเทคส์ ผสานแฟลกซ์ซีด ออยล์ มีให้เลือกทั้งสบู่ล้างมือ สบู่ก้อน และครีมอาบน้ำ แต่วันนี้เราจะมาลองใช้ครีมอาบน้ำกันดูนะคะ สำหรับเนื้อครีมอาบน้ำมีความเข้มข้นมากนะคะ กดมานิดเดียวก็ได้ฟองครีมนุ่มๆ เวลาถูลงไปบนผิวรู้สึกถึงความสะอาด นุ่มละมุน และหอมมากๆค่ะ สามารถล้างออกได้ง่าย หลังอาบน้ำรู้สึกว่าผิวยังคงความชุ่มชื้น ผิวนุ่มนวล ไม่แห้งตึง และมีกลิ่นหอมอ่อนๆติดผิวให้รู้สึกสดชื่นดีค่ะ

ซึ่งหลังจากใช้สบู่โพรเทคส์สูตรใหม่ ที่มีส่วนผสมของแฟลกซ์ซีดออยล์ บนผิวหนังชั้นนอกแล้ว ร่างกายเราจะผลิตเพปไทด์ต้านจุลชีพ หรือชื่อย่อ AMPs ที่จะเคลื่อนมาอยู่บนผิวหนัง ทำหน้าที่ช่วยปกป้องผิวจากแบคทีเรียค่ะ 

สบู่โพรเทคส์สูตรใหม่เขาใช้วิธีสกัดเย็นทำให้ที่ยังคงรักษาคุณค่าดีๆ ของแฟลกซ์ซีด ออยล์ไว้ได้ ซึ่งน้ำมันนี้มีความอ่อนโยนต่อผิวมากๆ และยังมาจากวัตถุดิบที่ได้รับการยอมรับว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพผิว ช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้น และชุ่มชื้นขึ้น แถมยังไม่มีสารเคมีรุนแรงต่อผิวเหมือนสบู่ยี่ห้ออื่นอีกด้วยนะคะ

คราวนี้ไม่ว่าจะออกไปไหน ทำกิจกรรมอะไร หรือจะเผชิญมลภาวะขนาดไหนก็มั่นใจได้ทุกวันเลยค่ะว่า สบู่โพรเทคส์ ที่ผสานสารสกัดธรรมชาติ “แฟลกซ์ซีด ออยล์” ทำงานร่วมกับผิว ช่วยเสริมการปกป้องผิวจากแบคทีเรียตามธรรมชาติ และช่วยลดการสะสมของแบคทีเรีย 99.9% 

อาบน้ำด้วยสบู่โพรเทคส์ ที่ผสานสารสกัดธรรมชาติ “แฟลกซ์ซีด ออยล์” แล้วก็พร้อมลุยทุกสถานการณ์ได้ทุกวันเลยค่ะ! มีวางจำหน่ายแล้วที่ห้างสรรพสินค้าทั่วไป หรือสามารถชอปออนไลน์ได้ง่ายๆ ผ่านลิงค์ https://bit.ly/33c4ues

Ferrari California T

น้ำพักน้ำแรง! บูบี วารีนิธิ ให้รางวัลตัวเองถอย “Ferrari California T” 14 ล้านเบาๆ

account_circle
Ferrari California T
Ferrari California T

สวยและรวยมากจริงๆ ค่ะลูกสาว! วารีนิธิ กันท์ไพบูลย์ จ่ายสดถอยรถ “Ferrari California T” คันละ 14 ล้าน เป็นของขวัญวันเกิดให้ตัวเอง รางวัลจากน้ำพักน้ำแรงที่ทำงานเหนื่อยมาทั้งปี

ยกตำแหน่งเจ้าแม่ซูเปอร์คาร์ให้เลยจริงๆ สำหรับเซเลบสาวหน้าสวย บูบี วารีนิธิ กันท์ไพบูลย์ อย่างที่รู้กันว่าก่อนหน้านี้เธอได้ของขวัญจากว่าที่เจ้าบ่าว คุณ ‘บูม-ชาคริต เอื้อวิศาลสิง’ เป็นรถ Tesla Model X มูลค่า 6.5 ล้าน

แต่ล่าสุดนั้นสาวบูบีได้ถอยซูเปอร์คาร์คันใหม่ สมาชิกคันล่าสุดที่จะเข้าไปอยู่ในคอลเล็คชั่นรถเฟอร์รารี่ที่เธอสะสมไว้ โดยเฟอร์รารี่รุ่นนี้มีชื่อว่า “Ferrari California T” ซึ่งบูบีได้เล่าให้แพรวฟังว่า

Ferrari California T

“รีบมาก อยากได้มาก ยอมจ่ายสดไปเลยค่ะ พอดีใกล้จะถึงวันเกิดแล้วด้วย ปีนี้บีทำงานหนักมาทั้งปี เลยอยากซื้อของขวัญวันเกิดให้ตัวเองค่ะ บีเลือก Ferrari California T เพราะว่าขับง่าย เหมาะกับผู้หญิง มีที่ใส่ของเยอะ ส่วนความพิเศษของรุ่นนี้คือ เป็นหลังคาแข็งที่สามารถเปิดประทุนได้ ส่วนตัวเครื่องยนต์เป็น V8 Turbo ที่สำคัญคือนั่งได้ถึง 4 คน และจุของได้เยอะค่ะ สำหรับราคาคันนี้ 14 ล้านค่ะ ไม่มีทางตกไปกว่านี้แล้ว แต่ก็ไม่มีทางขึ้นเหมือนกัน”

Ferrari California T

ทั้งนี้น้องบียังได้เล่าแบบติดตลกอีกด้วยว่า เดือนนี้กินมาม่าวนไปค่ะ แต่เธอก็ภูมิใจในตัวเองเพราะรถคันนี้เป็นน้ำพักน้ำแรงที่เธอทำงานมาทั้งปี ซึ่งบูบียังบอกอีกด้วยว่า ไม่เคยซื้อของขวัญวันเกิดให้ตัวเองใหญ่ขนาดนี้มาก่อนเลย อายุก็จะเลขสามแล้ว ขอให้รางวัลตัวเองหน่อยนะคะ


CR : @bubee_k

บูบี วรานิธิ สุดเซอร์ไพรส์ บูม ชาคริตเปย์รถ Tesla 6.5 ล้าน เพราะอยากให้มีความสุข

บูบี-วารีนิธิ เผยโมเม้นต์ถูกขอแต่งงาน และ ดีเทลเรือนหอ คฤหาสน์สุดหรูกว่า 9 หลัก

น่ารักอีกแล้ว! Cartier “juste un clou” ของขวัญครบรอบขอแต่งงาน บูบี วารีนิธิ

 

อแมนด้า MUT2020

อแมนด้า MUT2020 เคลื่อนไหวหลังมีแฮชแท็ก #ทรงผมบังเพื่อน

Alternative Textaccount_circle
อแมนด้า MUT2020
อแมนด้า MUT2020

เมื่อไม่นานมานี้ ดร.วีระ แข็งกสิการ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ได้มาร่วมดีเบตในรายการ “ถามตรงๆ กับจอมขวัญ” ซึ่งได้ยกตัวอย่างเรื่องทรงผมออกมาพูด โดยข้อความที่ถูกนำมาแชร์ต่อในโลกทวิเตอร์และกลายเป็นประเด็นที่พูดถึงมากๆ เลยก็คือ  “ถ้าน้องจะทำผมยาวสักศอก คนที่เดือดร้อนคือ พ่อแม่ ที่ต้องซื้อยาสระผม มาสระให้นักเรียน เวลาเรามานั่งในห้องเรียน ผมที่ยาวเป็นศอก มันก็บังเพื่อนอยู่ด้านหลัง นี่คือความรู้สึกของคนอื่น” ซึ่งถ้อยคำดังกล่าวได้กลายเป็นไวรัลบนโลกโซเชียล ซึ่งมีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย  อแมนด้า MUT2020

ทั้งนี้ล่าสุด “อแมนด้า ชาลิสา ออบดัม” มิสยูนิเวิร์ส ไทยแลนด์ 2020 ได้ออกมาเคลื่อนไหวหลังมีแฮชแท็ก #ทรงผมบังเพื่อน กำเนิดขึ้น ซึ่งเธอก็ได้แสดงทัศนคติเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่ามันไม่ได้แย่อย่างนั้น เพราะเธอเองแม้จะไว้ผมยาวก็สามารถเรียนจบเกียรตินิยมจากแคนาดาได้เหมือนกัน 

อแมนด้า MUT2020

อย่างไรก็ตามอแมนด้าเคยศึกษาอยู่ที่โรงเรียนสตรีภูเก็ต จากนั้นต่อไฮสคูลจนจบเกรด 12 ที่โรงเรียนนานาชาติบริติช ภูเก็ต แล้วค่อยบินไปเรียนต่อปริญญาตรีที่ University Of Toronto มหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของประเทศแคนาดา โดยเธอยังคว้าเกียรตินิยมอันดับ 1 Bachelor Of Business Administration  (ปริญญาตรีด้านการจัดการและบริหารธุรกิจ) ได้สำเร็จอีกด้วย

รวมลุคผมยาวสลวยของ อแมนด้า MUT2020 (มิสยูนิเวิร์ส ไทยแลนด์ 2020)

อแมนด้า ชาลิสา ออบดัม

อแมนด้า มิสยูนิเวิร์ส ไทยแลนด์ 2020

อแมนด้า ชาลิสา ออบดัม

อแมนด้า MUT2020


ภาพจาก : IG @amanda.obdam

สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่ 

6 เรื่องรู้จัก อแมนด้า-ชาลิสา ออบดัม Miss Universe Thailand 2020

สวยไม่ได้จำกัดแค่ขาว Samina ขอพิสูจน์ ค่านิยมความงาม เปลี่ยนไปแล้วหรือยัง?

เพื่อนไม่คบ พ่อติดคุก! Asya Branch ชีวิตติดลบ พุ่งชนความฝันจนคว้ามงกุฎสำเร็จ

‘กำลังมีความรักหรือเปล่า เปลี่ยนใหม่ยังทันนะคะ’ ดูดวงรายวัน 25 พฤศจิกายน 2563

ดูดวงรายวัน 25 พฤศจิกายน 2563 #หมอปุ้ยพยากรณ์ เช็กทุกวัน เป๊ะปังทุกดวง ทั้งการงาน การเงิน ความรัก และสุขภาพ

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์

การงาน : สำหรับผู้ที่ทำงานหรือเกี่ยวข้องกับงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ เช่น งานโฆษณา ประชาสัมพันธ์ งานด้านสื่อสารมวลชน วงการบันเทิง นักร้องนักแสดง ดีไซเนอร์ ฯลฯ วันนี้หากคุณรู้สึกเบื่อหน่าย ทั้งบรรยากาศในออฟฟิศ เพื่อนร่วมงาน หรือเจ้านาย จนอยากลาออกไปให้พ้นๆ อยากให้อดทนไว้ก่อน เพราะเดี๋ยวผู้ใหญ่จะช่วยสนับสนุนส่งเสริม ส่วนเพื่อนร่วมงาน และเจ้านายก็เมตตาเอ็นดูคุณเป็นกรณีพิเศษ

การเงิน :  คุณมีความกังวลเรื่องเงินอยุ่ตลอด เพราะมีรายจ่ายเยอะ แต่ดวงคุณก็จะมีเงินใช้จ่ายตลอด มีผู้ช่วยเหลืออุปถัมภ์เลี้ยงดูอย่างดี มีโชคลาภ เช่น ได้มรดก

ความรัก : คุณเป็นคนมีเสน่ห์ทั้งกับเพศตรงข้ามและเพศเดียวกัน แม้ว่าคุณจะไม่ได้ปฏิบัติอะไรเป็นพิเศษ แต่หากคนจะหึงก็หึงได้หมด วันนี้จึงอาจต้องเหนื่อยกับการปรับความเข้าใจกัน  คนโสด  คุณมีเสน่ห์ มีมนุษย์สัมพันธ์ดี จึงมีทั้งหนุ่มและไม่หนุ่มมาจีบมากมาย วันนี้ขอสนับสนุนให้เลือกผู้ใหญ่ เพราะเขาสามารถให้ความรักและความอบอุ่นแก่คุณได้

สุขภาพ :  คุณเครียดง่าย จึงมีปัญหาทั้งระบบน้ำย่อย กระเพาะอาหาร รวมถึงปวดศีรษะไมเกรน จึงควรรักษาสุขภาพด้วยหลักโภชนาการบำบัด รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ที่สำคัญคือ ไม่เครียด

 

ผู้ที่เกิดวันจันทร์

การงาน : สำหรับผู้ที่ทำงานหรือเกี่ยวข้องกับงานศิลปะทุกแขนง รวมถึงงานทางด้านความสวยความงาม หากคุณเพิ่งได้รับการบรรจุเป็นพนักงานใหม่ วันนี้คุณอาจถูกกดดันให้เข้าสู่การแข่งขันอย่างดุเดือด ในเรื่องของผลประโยชน์และหน้าที่การงาน รวมถึงอาจถูกบีบบังคับให้ต้องทำงานให้เสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด แต่หากคุณสามารถเอาชนะปัญหาและอุปสรรคนี้ไปได้ ความสำเร็จและชื่อเสียงที่ได้รับกลับมาจะคุ้มค่าความเหนื่อย

การเงิน :  รายได้และชื่อเสียงมาจากการทำงาน จึงไม่ควรหลงทางไปกับเงินที่ได้มาอย่างไม่ถูกต้อง หรือทุ่มลงทุนในธุรกิจที่ยังไม่เห็นผลกำไร

ความรัก : คุณมีภาวะผู้นำในครอบครัวสูง ทั้งงานในบ้าน และงานนอกบ้านก็ส่งเสริมหน้าที่การงานของสามีเป็นอย่างดี เพราะฉะนั้นคุณจึงใช้ศักดิ์ศรีในตัวเองเต็มที่ อยากได้อะไรต้องได้ คนโสด  คุณมีเสน่ห์ ทั้งชื่อเสียงและเงินทอง เรียกว่า วันนี้ทั้งหนุ่มและไม่หนุ่มแย่งชิงตัวคุณกันหัวบันไดไม่แห้งเลยทีเดียว

สุขภาพ :  เอ็นจอยในการรับประทานอาหาร วันนี้ก็คงต้องหลีกเลี่ยงอาหารที่ปรุงไม่สุก เช่น ปูดิบ กุ้งดิบที่มีรสชาติแซ่บเว่อร์ เพราะจะทำให้คุณอาหารเป็นพิษ ได้รับพยาธิ์ จนเกิดอาการท้องเสียอย่างรุนแรง

 

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน :  หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจ วันนี้อาจได้เริ่มต้นงานใหม่ หรือนำโครงการเก่าที่มีอยู่เดิมนำขึ้นมาปรับปรุงใหม่ วันนี้คุณโดดเด่นในเรื่องของการติดต่อประสานงาน การเดินทาง ไปโน้นมานี่ตลอดๆ เช่น พนักงานขาย งานบริการต่างๆ งานสื่อสารมวลชน ฯลฯ ซึ่งผู้ใหญ่และคนรอบข้างก็ให้การสนับสนุนให้ได้ทำในสิ่งที่คุณตั้งใจ แต่ก่อนจะรับปากหรือเซ็นสัญญากับใคร ควรพิจารณาให้ดี เพราะคุณอาจเสียทั้งเงินและเครดิต

การเงิน :  คุณมีผู้ใหญ่และครอบครัวดูแลส่งเสริมเรื่องเงินทองไม่ขาด ไหนคุณเองก็สามารถหาเงินได้มาก แถมยังมีโชคลาภอีกต่างหาก หากคุณยึดหลักพอดีพอเพียง ตัดความหรูหรา ฟุ่มเฟือย โดยเฉพาะกับการเดินทางท่องเที่ยวไฮโซโบว์ใหญ่บ้าง คุณจะสามารถเก็บเงินได้อีกเยอะเลย

ความรัก :  คุณได้รับความรักและการดูแลเอาใจใส่จากครอบครัวอย่างดี ซึ่งคุณก็รักและทุ่มเทกับครอบครัวอย่างมากมายเช่นกัน แต่วันนี้คุณอาจเอาแต่ใจตัวไปนิดอยากทำอะไรก็ทำ อยากเปลี่ยนใจก็เปลี่ยน จนคนรอบข้างทำตัวไม่ถูก คนโสด  คุณอาจกำลังเตรียมพร้อมที่จะออกเรือนแล้ว แต่วันนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ เพราะใจของคุณไม่นิ่งเปลี่ยนใจไปมา

สุขภาพ : ระวังความเจ็บป่วยและอุบัติเหตุที่เกิดจาการเดินทางบ่อย อวัยวะที่ต้องดูแลเป็นพิเศษคือ กล้ามเนื้อขา หน้าแข้ง

 

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน :   คุณอาจตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะอาจถูกใส่ร้ายป้ายสี ให้ต้องรับผิดในความผิดที่คุณไม่ได้ก่อ หรืองานงอกในสิ่งที่ไม่ได้ตกลงกันไว้ โดยเฉพาะเรื่องเอกสารสัญญา หรือเงื่อนไขข้อตกลง อาจมีการกลั่นแกล้งจนงานสะดุดหยุดลงกลางคัน วันนี้คุณจึงควรเข้าหาผู้ใหญ่หรือปรึกษาคนใกล้ชิด เพราะเขาจะสามารถช่วยเหลือและส่งเสริมคุณให้ไปต่อได้

การเงิน :  ดวงดีในเรื่องการเงิน เพราะผู้ใหญ่จะให้การสนับสนุนอุปถัมภ์เรื่องเงินไม่ขาด ก็ไม่ควรหลงเชื่อคำพูดของคนอื่นที่จะมาชักชวนให้ลงทุนทำธุรกิจ หรือขอให้กู้เงิน หรือเซ็นค้ำประกันให้ เพราะเขาหวังผลประโยชน์จากคุณ

ความรัก : อาจมีบุคคลที่สามเข้ามาหลอกให้รัก เพื่อหวังผลประโยชน์ แล้วเมื่อเธอได้สมใจก็จากไป มีแต่คุณนี่ละที่ไม่สามารถตัดเยื่อใยความผูกพันจากกันได้ คนโสด  ก็ยังอยู่ที่อารมณ์แปรปรวน เอาแน่เอานอนอะไรกับคุณไม่ได้สักอย่าง แต่กระนั้นก็ไม่สามารถตัดขาดจากกันได้ค่ะ

สุขภาพ :  มีโอกาสเป็นโรคเลือด ดีซ่าน ฯลฯ ควรพักผ่อนให้เพียงพอ ดูแลรักษาสุขภาพให้มากกว่าการทำงาน เพราะกว่าจะรู้ตัวอาการก็อาจหนักเกินจะเยียวยาแล้ว

 

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี

การงาน : สำหรับผู้ที่เป็นนักธุรกิจหรือกำลังจะเริ่มต้นธุรกิจ วันนี้คุณมีความคิดและจินตนาการที่อ่อนไหว จึงควรทำงานที่เกี่ยวกับการใช้ความคิด และจินตนาการให้เป็นประโยชน์ อย่างงานศิลปะคุณสามารถทำได้หมดทุกประเภท รวมถึงงานทางด้านความสวยงาม ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามสิ่งที่คุณควรให้ความสำคัญอย่างมากคือ ยึดอยู่บนหลักของความพอดี พอเพียงและความถูกต้อง

การเงิน :  คุณอาจได้โชคลาภแบบฟลุ๊คๆ แต่ไม่สามารถดูแลรักษาเงินให้อยู่กับตัวได้นานๆ ระวังจะถูกหลอกถูกฉ้อโกงทุกชนิด ทั้งการขอกู้ยืมเงินและการค้ำประกัน

ความรัก :  คุณได้รับความรักและความอบอุ่นในครอบครัวอย่างดี ซึ่งคุณก็รักและทุ่มเทให้กับครอบครัวเป็นที่สุด แม้ตลอดมาคุณจะอยู่ด้วยความลังเลใจว่า วันไหนเขาจะหมดรักจากคุณ คนโสด อดีตแฟนเก่าจะกลับมาขอคืนดี ซึ่งคุณก็พร้อมจะไปใช้ชีวิตอยู่กับเขาแล้ว

สุขภาพ : อาจมีปัญหากับระบบหมุนเวียนเลือด ความดัน ระบบน้ำเหลือง ควรรับประทานผักและผลไม้ และวิตามินเสริม เพื่อช่วยในการบำรุงเลือด

 

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน :  หากคุณทำงานหรือเกี่ยวข้องกับการติดต่อประสานงาน การประนีประนอม นักประชาสัมพันธ์ ฝ่ายขาย นักโฆษณา และสื่อสารมวลชน ยังรวมถึงผู้ที่ต้องใช้ความรู้ความสามารถในการใช้ภาษา วันนี้การตกลงเจรจาอาจไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่คุณเรียก แม้ว่าคุณจะไฟล์ทก็เหนื่อยเปล่า เพราะอีกฝั่งมาแรง

การเงิน :  คุณอาจเสียเงินก้อนใหญ่ให้กับคนรักหรือคนใกล้ชิด ที่อาจเป็นมิจฉาชีพแฝงกายมาโดยที่คุณไม่รู้

ความรัก : ความรักเป็นพิษ ระวังจะทะเลาะกันอย่างรุนแรง จนอาจต้องแยกบ้านกันเลยทีเดียว ซึ่งวันนี้การงอนง้อก็คงไม่ได้ผล    คนโสด  คุณกำลังตกอยู่ในห้วงความรักหรือเปล่า หากใช่คนๆ นี้ก็คงไม่เหมาะกับคุณ เพราะเขาโกรธแรง หึงแรง ควรอยู่ห่างๆ จะดีกว่า

สุขภาพ :  เดินทางดีๆ ควรระวังทั้งทางบกและทางน้ำ เพราะอุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา หากประมาท

 

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน  :  หากคุณเป็นผู้บริหาร หรือทำหน้าที่บริหารภายในองค์กร วันนี้คุณอาจได้เข้าไปทำงานในส่วนของงานช่างฝีมือ งานประดิษฐ์ ค้นคว้าทดลอง ซึ่งจะเน้นสร้างประโยชน์ให้กับสังคมและประเทศชาติ งานนี้หากคุณทำดี มีโอกาสได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนจากเจ้านายผู้หญิงให้ได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งเลยทีเดียว

การเงิน :  คุณสามารถใช้เงินทำงานสร้างรายได้ที่สูงให้กับตัวเอง ไหนทางบ้านก็สนับสนุนให้ไม่ขาดอีก แต่วันนี้คุณอาจต้องจ่ายเงินล่วงหน้าในการทำงานไปก่อน เดี๋ยวงานเสร็จ คุณก็ได้กลับมาทั้งชื่อเสียงและเงินทองเป็นสิบเท่า

ความรัก :  ก็ยังอาจได้อยู่พร้อมหน้าครอบครัว ซึ่งวันนี้คุณทำหน้าที่ผู้นำ อาจมีการทำเซอร์ไพร์สอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า คนโสด หากคุณผิดหวังมาไม่ต่ำว่า 2 ครั้ง วันนี้มีแนวโน้มว่าจะเจอรักแท้นะคะ

สุขภาพ :  ควรให้ความสำคัญกับการขับถ่าย ไม่ควรกลั้นปัสสาวะติดต่อกันจนเคยชิน เพราะจะทำให้กรวยไตและกระเพาะปัสสาวะมีปัญหา ซึ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อในกระแสเลือด

 เช็กดวงย้อนหลังได้ที่นี่

อย่าใจอ่อน ยอมไปอยู่ด้วยกันก่อน เพราะคุณมีดวงเป็นที่สองสูง ดูดวงรายวัน 21 พฤศจิกายน 2563

รออีกนิด อาจได้พบกับหนุ่มน้อยสุดแสนเพอร์เฟ๊กท์ ดูดวงรายวัน 22 พฤศจิกายน 2563

รักมาก หวงมาก ยิ่งจะทำให้เขาไปจากคุณเร็วขึ้น ดูดวงรายวัน 23 พฤศจิกายน 2563

อย่ารักเพื่อต้องการพึ่งพา จะผิดหวังตั้งแต่ยังไม่เริ่มต้น ดูดวงรายวัน 24 พฤศจิกายน 2563

 

เปิดหน้าสด 10 นางแบบฮอลลีวู้ด ยังสวยมาก แม้ไม่ต้องพึ่งเมคอัพ

เปิดหน้าสด 10 นางแบบฮอลลีวู้ด ยังสวยมาก แม้ไม่ต้องพึ่งเมคอัพ

Alternative Textaccount_circle
เปิดหน้าสด 10 นางแบบฮอลลีวู้ด ยังสวยมาก แม้ไม่ต้องพึ่งเมคอัพ
เปิดหน้าสด 10 นางแบบฮอลลีวู้ด ยังสวยมาก แม้ไม่ต้องพึ่งเมคอัพ

ขึ้นชื่อว่าเป็นนางฟ้าบนรันเวย์ก็เป็นธรรมดาอยู่แล้วที่เสื้อผ้าหน้าผมต้องเป๊ะปัง แม้กระทั่งนอกเวลางานเดินแบบ ผู้หญิงทุกคนก็อยากดูดีเสมอ เพราะความสวยความงามเป็นสื่ออันดับแรกที่ส่งเสริมให้สาวๆ ดูสง่าขึ้น ฉะนั้นสาวๆ ส่วนใหญ่จึงต้องแต่งหน้าให้ดูสวยเริ่ดอยู่ตลอดเวลา แพรวดอทคอม จะพาไปส่องภาพนางแบบฮอลลีวู้ด หน้าสด กันบ้าง ลองดูสิว่าพอเหล่านางแบบชื่อดังไม่ได้อยู่บนรันเวย์ที่ต้องเมคอัพจัดเต็มโบกหนัก ผิวหน้าที่แท้จริงจะสวยใสขนาดไหน และงานนี้ใครจะรอดหรือร่วงบ้าง ตามมาดูเองเลยค่ะ บอกเลยว่าบางคนหน้าสดเยี่ยมไปเลย สวยกว่าตอนแต่งหน้าอีก น่าอิจฉาที่ซู้ดดด

เปิดหน้าสด 10 นางแบบฮอลลีวู้ด ยังสวยมาก แม้ไม่ต้องพึ่งเมคอัพ

Gigi Hadid

หน้าสด
ภาพ IG : gigihadid

Miranda Kerr

ภาพ IG : mirandakerr

Cara Delevingne

ภาพ IG : caradelevingne

Jessica Stam

ภาพ IG : jessicastamofficial

Candice Swanepoel

ภาพ IG : angelcandices

Adriana Lima

ภาพ IG : adrianalima

Alessandra Ambrosio

ภาพ IG : alessandraambrosio

Irina Shayk

ภาพ IG : irinashayk

Natalia Vodianova

ภาพ IG : natasupernova

Pia Wurtzbach

ภาพ IG : piawurtzbach

ข้อมูล : brightside.me

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ไม่เคยอดอาหาร! จีจี้ ฮาดิด กับสูตรไม่ลับฉบับหุ่นเพรียว แม้ชอบกินเบอร์เกอร์

ผิวดีออร่าจับ! สกินแคร์ชิ้นโปรด Emma Corrin นักแสดงสาวผู้รับบท เลดี้ ไดอานา

กำราบให้สิ้นซาก! ไอดอลเกาหลีบอกต่อ ทริคสู้ศึก สิวจากหน้ากากอนามัย

 

 

มิน พีชญา

ชีวิตรักลงตัวของ ‘มิน พีชญา’ ในวัยเลขสาม พูดได้เต็มปาก “พี่โอ๊ตเป็นคนดี”

Alternative Textaccount_circle
มิน พีชญา
มิน พีชญา

“ชีวิตตอนนี้คือช่วงเวลาที่มีความสุขมากที่สุดค่ะ” มิน พีชญา วัฒนามนตรี พูดถึงชีวิตในวัยเลข 3 ของเธอด้วยรอยยิ้ม ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน ความสุข ความสำเร็จ และความรัก ที่องค์ประกอบทุกอย่างรวมกันลงตัวพอดี

ชีวิตในปีนี้เปลี่ยนไปอย่างไรบ้างคะ

“มินรู้สึกว่าชีวิตตอนนี้เป็นยุคใหม่สำหรับมินเลยนะคะ เพราะตั้งแต่สถานการณ์โควิด-19 มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง จากที่หยุดพักเป็นเดือน ตอนนี้กลับมางานแน่นทุกวันแล้วค่ะ อย่างตอนนี้มินมีถ่ายภาพยนตร์กับละคร ซึ่งจะออกฉายปี 64 ปีหน้าจึงเหมือนเป็นปีแห่งความหวังที่ชีวิตน่าจะฟูขึ้นมาหน่อย ไม่เฉพาะกับมินนะ หลายคนก็น่าจะคิดแบบนี้ (ยิ้ม)

“เป้าหมายหลักในการทำงานของมินยังเหมือนเดิม คืออยากทำงานอย่างมีความสุข (ยิ้ม) เหมือนอย่างที่มาทำงานกับ แพรว วันนี้ก็แฮ็ปปี้มากๆ เพราะเราต้องทำงานทุกวัน ฉะนั้นความสุขสำคัญมากนะ อย่างมีวันหนึ่งเลิก 6 โมงเช้า กลับบ้านนอนแป๊บนึงถึง 11 โมงหรือเที่ยง แล้วออกจากบ้านประมาณบ่ายโมง เพื่อไปแต่งหน้าเตรียมไปงานอีเว้นต์ต่อ ซึ่งจริงๆ งานเริ่ม 6 โมงเย็น แต่เราก็ต้องไปซ้อมคิวก่อน จากนั้นเสร็จงานตอนค่ำๆ ก็กลับบ้านไปนอน แล้วพอ 6 โมงเช้าก็ตื่นไปถ่ายละครต่อ เป็นความรู้สึกแบบ…อาบน้ำไม่ทันนอน (หัวเราะ) คือทุกอย่างรีบไปหมด แต่ความที่เราอยู่วงการบันเทิงมาพักใหญ่แล้ว ทำให้มินพอจะเข้าใจความหมายของการทำงานอย่างมีความสุข (ยิ้ม) คือเราต้องรู้จักที่จะหาสมดุลในการทำงาน ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ว่าจะทำอาชีพอะไร เราก็ต้องมีสติและหาสมดุลในทุกๆ วันให้เจอ”

มิน พีชญาชีวิตการทำงานในวงการบันเทิงตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมา ถ้าเทียบเป็นกราฟจะเป็นแบบไหนคะ

“กราฟของมินจะเป็นแบบหยักๆ มีขึ้นมีลง แต่ภาพรวมคือขึ้นตลอดนะ เปรียบเหมือนการที่เราได้เรียนรู้ทุกๆ อย่างในชีวิต อาจจะมีข้อผิดพลาดบ้างในวัยเลข 1 เลข 2 และก็มีข้อดีที่เราได้พัฒนาตัวเองให้โตขึ้นใหญ่ขึ้น หรือในเรื่องการทำงาน เราก็ได้รู้ว่าเราชอบทำอะไร ไม่ชอบอะไร ซึ่งตอนแรกอาจจะคิดไปเอง แต่พอได้ทำซำ้ๆ หลายๆ ที ก็ทำให้เราเข้าใจและชัดเจนกับตัวเองมากขึ้น

มิน พีชญา

“อย่างล่าสุด มินอินกับการเล่นหนังมากๆ เล่นแล้วสนุก ไปกองถ่ายทุกวัน คือลัลลามาก เหมือนเรากำลังเห่อสิ่งนี้อยู่ เพราะมินชอบความท้าทายใหม่ๆ ชอบทำโจทย์ใหม่ๆ ไม่ค่อยชอบทำข้อสอบที่เคยทำแล้ว มันไม่ค่อยมีแรงบันดาลใจ แต่แน่นอนว่าเราจะเลือกทำงานที่ชอบทุกวันไม่ได้ ก็ต้องมีเวียนสลับกันไป

“หรือปีที่แล้วมินไปทำงานที่ต่างประเทศบ่อยมาก ทั้งงานที่คานส์ แล้วก็ยิงยาวอีกหลายๆ ประเทศ เหนื่อยนะ แต่สนุก ซึ่งมินไม่ได้ตั้งเป้าว่าตัวเองจะต้องเป็นไปถึงจุดนั้นจุดนี้นะคะ หรืออย่างมีคนถามว่ามินจะอยู่ในวงการนี้อีกนานไหม ก็ตอบได้เลยว่ามินไม่อยากออกจากวงการ เพราะมินรักการทำงานตรงนี้เหมือนลูก เป็นอาชีพที่เราสร้างมากับมือ ไม่ได้พึ่งพาครอบครัว ไม่ได้ขอเงินปะป๊า (สุพัฒน์ วัฒนามนตรี) ตรงกันข้าม ตอนนี้มินเป็นหุ้นส่วนธุรกิจกับคุณพ่อแล้ว และเป็นกำลังหลักของครอบครัว ทำให้มินรักอาชีพนี้ และรักอุตสาหกรรมนี้มาก อยากเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยยกระดับวงการบันเทิงไทยในอนาคต

มิน พีชญา

“อย่างละคร มินไม่เคยนับว่าเล่นมาแล้วกี่เรื่อง แต่ทุกเรื่องเหมือนลูก (หัวเราะ) เรารักตัวละครนั้นมาก กว่าจะคลอดออกมาเป็นละครหนึ่งเรื่องได้ มินจึงภูมิใจในทุกผลงานที่ทำ เพราะเราตั้งใจทำงานมาก ค่อนข้างเป็นเพอร์เฟ็กชันนิสต์เลย เรารู้ว่าเราเต็มร้อย ฉะนั้นทุกครั้งที่กลับไปดูผลงานเก่าๆ ก็จะอมยิ้มได้เสมอ” (ยิ้ม )

ชีวิตวัยเลข 3 ในมุมมองของมินเป็นอย่างไรคะ

“อืม…อ้วนง่ายขึ้นค่ะ (หัวเราะ) ปีนี้อายุ 31 แล้ว พูดจริงๆ นะ นี่เป็นสิ่งเดียวที่รู้สึกเลย เราทำงานไปเรื่อยๆ ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข รู้สึกถึงความรุ่งเรืองเต็มที่ แต่สิ่งเดียวที่สัมผัสได้ว่าเปลี่ยนไป คือเมื่อก่อนกินอะไรก็ไม่อ้วน แต่เดี๋ยวนี้ตื่นตอนเช้า จากที่เคยพุงแฟ่บหายไปได้ชั่วข้ามคืน ตอนนี้พุงยังอยู่ (หัวเราะ) จากที่ร่างกายเผาผลาญได้ 100 ตอนนี้อาจจะเหลือ 80 เศร้านะ จึงต้องดูแลสุขภาพตัวเองแบบจริงจังขึ้น คำว่าสุขภาพดีไม่ใช่การกินคลีน ออกกำลังกาย หรือนอนเร็วอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่หมายถึงทุกๆ อย่างของชีวิตต้องดี

มิน พีชญา

“อย่างช่วงนี้มินรู้ตัวเองว่าแต้มในการพักผ่อนน่าจะติดลบ เพราะนอนดึกนอนน้อย ก็จะไปเพิ่มแต้มในการกินกับการออกกำลังกาย คือกินดีอยู่ดี หมายความว่ากินผักผลไม้ให้ครบ จากเมื่อก่อนที่เขามีอะไรให้กินก็กินไปตามนั้น กลายเป็นว่าไม่ค่อยได้กินผักผลไม้ แถมยังรีบๆ กินเพื่อทำงานต่อ ทุกอย่างรีบไปหมด ซึ่งชีวิตที่รีบเกินไปหรือช้าไปไม่ดีหรอก เราต้องรู้ตัวเองแล้วว่าอะไรคือพอดีสำหรับเรา แล้วก็ต้องมีวินัยในการออกกำลังกาย อย่างเมื่อเช้าก็โยคะตอน 8 โมงแล้วค่อยมาทำงาน เดี๋ยวกลับบ้านไปก็ยืดเส้นอีกหน่อย ตัวจะได้ไม่ยึด ไม่ปวดไหล่ปวดคอ (ยิ้ม)

มิน พีชญา

“มินเป็นนักกีฬามาตั้งแต่เด็ก ทำให้พอรู้วิธีจัดการร่างกายตัวเองบ้าง แต่สุดท้ายก็ต้องมีเทรนเนอร์ช่วยนะคะ เพราะมินเชื่อว่าถ้าอยากเก่งเรื่องอะไร ให้คนเก่งมาสอนจะเป็นเร็ว ถ้างมเองอาจต้องใช้เวลา หรืออาจพบว่า อ้าว ทำผิดมาตลอด (หัวเราะ) มินเคยเล่นฟิตเนสเองแล้วกล้ามขึ้นผิดมุม สุดท้ายต้องละลายกล้าม คือปล่อยตัวแป๊บหนึ่ง แล้วเริ่มสร้างกล้ามใหม่ ฉะนั้นจึงต้องมีเทรนเนอร์ช่วยดูแล ทั้งโยคะ ฟิตเนส และเรื่องอาหารด้วยค่ะ โดยหลักๆ เล่นฟิตเนสกับโยคะสัปดาห์ละ 5-7 วัน เสริมด้วยวิ่งกับว่ายน้ำบ้าง”

ชีวิตรักลงตัวของ ‘มิน พีชญา’ ในวัยเลขสาม พูดได้เต็มปาก “พี่โอ๊ตเป็นคนดี”

อีกองค์ประกอบสำคัญของชีวิต “ความรัก” ตอนนี้เป็นอย่างไร คะ

“ดีค่ะ (ยิ้ม) มินเชื่อเรื่องหนึ่งนะว่า ความรักที่ดีจะต้องหนุนนำให้เราก้าวหน้า เพราะมินเป็นผู้หญิงทำงาน มีการวางแผนชีวิตตัวเองและครอบครัวมาตลอด ในอดีตอาจจะมีอะไรที่ดึงเราออกไปจากเส้นทางที่เราวางไว้ หรืออาจจะทำให้เราเซไปในลู่ทางอื่น เราก็เลือกไม่ไปต่อ แต่ปัจจุบันทุกอย่างลงตัวมากๆ ความรักเป็นอะไรที่ดี น่ารัก แล้วก็เรียบง่าย มินไม่เคยต้องกังวลว่าพี่โอ๊ต (พิทักษ์ สภาธรรม) จะไปไหน ทำอะไร เพราะค่อนข้างสบายๆ ซื่อสัตย์ และเป็นคนดีค่ะ ซึ่งพอคบกันแล้วไม่ต้องกังวลเรื่องพวกนี้ ก็ทำให้เรามีสมาธิในการทำงาน ไม่เคยต้องจู้จี้จุกจิก แล้วมินก็ไม่ใช่คนคอยตามอยู่แล้ว ฉะนั้นแค่รู้ว่าเขาปลอดภัย มินก็โอเค (ยิ้ม)

มิน พีชญา

“มินเป็นแฟนที่ค่อนข้างชิลมาก (หัวเราะ) และเราเป็นคนทำงานด้วยกันทั้งคู่ ฉะนั้นอะไรที่จะทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ เราจะไม่ทำ จริงอยู่ในช่วงปีแรกที่คบกันอาจมีทะเลาะกันบ้าง แต่ก็ผ่านไปแล้ว ตอนนี้คือช่วงที่ดีที่สุดเลยค่ะ (ยิ้ม) และมินได้เรียนรู้เกี่ยวกับความรักด้วยว่า ไม่มีหรอกคนที่สมบูรณ์พร้อมทุกอย่างบนโลกนี้ มันอยู่ที่การมองเห็นของเรา ซึ่งก็คือทัศนคติของเราที่เติบโตขึ้นในแต่ละวัน ฉะนั้นการศึกษาดูใจกัน คือการที่เราเรียนรู้กันและกันว่าคุณมีข้อดีอย่างไร มีอะไรที่ฉันจะซัพพอร์ตคุณได้ แล้วเราก็ให้เกียรติและมีเมตตาต่อกัน

มิน พีชญา

“เราจะไม่ตัดสินว่าเธอต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ฉันจึงจะรักเธอ มินมีมุมมองที่ค่อนข้างเปิดกว้างมานานแล้ว ไม่ได้ตั้งว่าแฟนฉันต้องเป็นแบบนี้ๆ จนวันหนึ่งได้มาเจอคนที่ดี เราก็ถามตัวเองนะว่า แล้วฉันดีพอที่จะมีใครสักคนในชีวิตหรือยัง ฉันเติบโตพอที่จะดูแลใครได้หรือยัง ฉันเข้าใจตัวเองมากพอที่จะเข้าใจผู้อื่นได้หรือยัง ซึ่งในบางเรื่องเราอาจจะไม่ได้ถูกร้อยเปอร์เซ็นต์ เขาก็ไม่ได้ถูกร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าเรารักกัน มันจะเยียวยากันเอง มินคิดว่า ไม่มีหรอก…อะไรที่แก้ไม่ได้ เพราะถ้าคนสองคนรักกันจริงๆ มันจะชนะทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นบุคคลที่สาม สี่ ห้า ถ้าทั้งสองฝ่ายมั่นคงพอก็จะเดินไปด้วยกันได้”

มิน พีชญา

เวลาอยู่กับแฟนหวานแค่ไหน

(หัวเราะ) “เพื่อนมินบอกว่าเวลามีแฟนมินจะขี้อ้อน ไม่เหมือนเวลาปกติ (หัวเราะ) แต่แม่ก็บอกนะว่ามินขี้อ้อน ชอบนอนตักแม่ ซึ่งมินคิดว่า เวลาที่เราอยู่กับคนที่ไว้ใจ เราสามารถปล่อยตัวได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ จนเราเป็นเหมือนลูกแมว (หัวเราะ) ส่วนเรื่องอนาคต มินไม่ได้ตั้งเป้าไว้ รู้แต่ว่าปัจจุบันดีมาก มินเชื่อว่าปัจจุบันที่ดีจะสร้างอนาคตที่ดีเช่นกันค่ะ”


ติดตามอ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้ที่ นิตยสารแพรว ฉบับ 963

ภาพเพิ่มเติม : minpechaya

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

นานๆ จะหวานที “มิน พีชญา” อวยพรวันเกิดแฟนหนุ่ม ไฮโซโอ๊ต พิทักษ์ สภาธรรม

มุมนักสะสมของ ‘มิน-พีชญา’ แฟนตัวยง Bvlgari สุดยอดแบรนด์เครื่องประดับ

มิน-พีชญา สวมเครื่องเพชร 100 ล้าน เดินพรมแดงคานส์ ในฐานะนักแสดงหนังจีน

สูตรคำนวณสินสอด ตอบคำถามชัดๆ ว่าต้องเตรียมไว้เท่าไหร่ดี

account_circle

เรียกได้ว่าเป็นเรื่องคาใจสำหรับฝ่ายชายฝ่ายหญิงที่กำลังจะแต่งงาน ด่านแรกที่ต้องเจอคือ “ค่าสินสอด” หลายคนถามว่าต้องเตรียมไว้เท่าไหร่ถึงจะดูดีและเหมาะสม แพรวเวดดิ้งเข้าใจปัญหานี้ดี จึงไปหา สูตรคำนวณสินสอด มาฝาก บวกลบคูณหารตามนี้ได้เลย

ถ้าพ่อตาแม่ยายบอกว่าขอให้เหมาะสม ลองมาใช้ สูตรคำนวณสินสอด ตามนี้ได้เลย ง่ายดี!

สูตรคำนวณสินสอด

ก่อนจะไปดูสูตรคำนวณสินสอด อย่างแรกที่ฝ่ายชายควรทำคือ เข้าไปเรียนถามผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงเสียก่อนว่า คุณพ่อคุณแม่จะเรียกสินสอดทองหมั้นเท่าไหร่? เพราะบางครอบครัวก็ตั้งธงเรื่องจำนวนของมีค่าไว้ก่อนแล้ว ฝ่ายชายควรพิจารณาว่า ตัวเองมีพร้อมทุกอย่าง หรือมีส่วนไหนที่ขาดอยู่บ้าง แล้วจะหาทันไหม สู้ไหวหรือเปล่า หรืออาจต้องขอต่อรองกับทางผู้ใหญ่พร้อมอธิบายเหตุผลให้ท่านเข้าใจ

ปัญหาที่กวนใจหนุ่มๆ อยู่ตรงนี้ค่ะ บางครั้งผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงไม่ได้กำหนดจำนวนสินสอดที่ต้องการไว้ (หรืออาจตั้งไว้แต่ไม่บอก!) แล้วพูดว่า “ขอให้จัดมาตามความเหมาะสม” เอาล่ะสิ! ไอ้คำว่าเหมาะสมนี่แหละที่ไม่รู้ว่าจะถูกใจว่าที่พ่อตาแม่ยายหรือเปล่า อย่าเพิ่งวิตกกังวลอะไรไปล่วงหน้า ถ้าไม่รู้ว่าต้องเตรียมเท่าไร ลองมาใช้สูตรคำนวณค่าสินสอดดูก่อน จะได้รู้ว่าเตรียมมากแค่ไหนถึงเหมาะสม

สูตรคำนวณสินสอด

สูตรนี้ใช้ข้อมูลหลักคือ อายุ ระดับรายได้ต่อเดือน บวกกับปัจจัยอื่นๆ (ถ้ามี) และค่าคงที่ที่ถูกกำหนดมา 2 ค่า คือ 3.26 เป็นเลขมูลค่าของสินสอดที่เพิ่มขึ้นต่อรายได้ทุก 1 บาท และ 13,200 เป็นเลขมูลค่าของสินสอดที่เพิ่มขึ้นตามอายุของคู่แต่งงานทุก 1 ปี เมื่อนำตัวเลขมาใส่ในสูตรคำนวณจะได้ตามนี้

(3.26 x รายได้ต่อเดือน) + (13,200 x อายุ)

= ค่าสินสอด

ใครยังไม่เห็นภาพลองมาดูตัวอย่างการคำนวณได้เลย

ตัวอย่าง  นาวสาวชมพู่ อายุ 28 ปี เรียนจบปริญญาตรี ทำอาชีพเป็นพนักงานออฟฟิศเงินเดือน 15,000 บาท

(3.26 x 15,000) + (13,200 x 28) = 418,500 บาท

จากตัวอย่างข้างบน ค่าสินสอดที่ได้คือ 418,500 บาท ซึ่งจำนวนนี้อาจปรับลดหรือเพิ่มได้ตามปัจจัยอื่นๆ ที่ทั้งผู้ใหญ่และคู่รักเห็นสมควร บางคู่ก็คิดรวมปัจจัยรวมตัวไปด้วย เช่น หน้าที่การงาน, ระดับการศึกษ, ภาระทางครอบครัว, ภูมิลำเนา และลำดับการแต่งงานในจำนวนพี่น้อง ถ้าอยากใส่เงินเพิ่มเติมตรงไหนคงต้องเจรจากันให้ดีอีกที

สูตรคำนวณสินสอด

หลังจากนี้เมื่อฝ่ายชายเห็นตัวเลขแล้ว ก็ใช่ว่าจะตัดสินใจเอาจำนวนนี้แหละเป็นสินสอด อยากให้คิดก่อนว่า เงินก้อนนี้เรามีพร้อมแล้วหรือเปล่า หรือยังขาดแล้วต้องหาเพิ่ม และที่สำคัญอย่าลืมนะคะว่า เงินจำนวนนี้ยังไม่รวมของหมั้นที่แยกต่างหากเป็นเพชรนิลจินดา ทองคำ ของมีค่าอื่นๆ และค่าใช้จ่ายในวันแต่งงานอีกมากมาย ใครที่คิดว่าตัวเลขที่ได้มามันสูงไปหน่อย ขอปรับลดลงมาเพื่อไปเสริมส่วนอื่น แบบนี้คงต้องลองเจรจากับผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงดูก่อน

สิ่งสำคัญที่อยากให้ทุกคู่รักคิดเอาไว้เสมอคือ ตัวเลขเงินทองเป็นของนอกกาย ค่าของคนและความรักไม่สามารถตีเป็นราคาแน่นอนได้ อย่ายึดติดว่าต้องให้ตามที่ฝ่ายหญิงร้องขอหรือตามเลขที่คำนวณออกมาเป๊ะๆ อย่างนี้เห็นทีจะไม่ได้แต่ง เพราะสูตรนี้เป็นเพียงแค่การประมาณตามความเหมาะสม ใช่ว่าจะถูกต้องเสมอไป ขอให้ยึดความรัก ความเข้าใจ และความพร้อมของคู่รักเป็นหลัก จะได้เริ่มต้นชีวิตคู่อย่างราบรื่นไม่ติดขัด

ยังมีเคล็ดลับเตรียมงานแต่งแบบไทยๆ อีกมากมาย ตามไปอ่านกันได้เลย

ละครไทย

7 ละครไทย เรตติ้งไม่แย่ แต่ไหงกลับไม่ผ่านการรีเมคมากว่า 20 ปี

ละครไทย
ละครไทย

ละครไทย กับสังเวียนรีเมคเป็นของคู่กัน โดยศึกที่ต้องผจญเหมือนๆ กันในละครแทบจะทุกเรื่องก็คือกระแสการถูกจับเปรียบเทียบกับเวอร์ชั่นก่อนๆ และบ่อยครั้งก็จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ไปในทำนองที่ว่า เวอร์ใหม่พังไม่ปังเท่าเวอร์เก่า จนกลายเป็นปมปวดจิตของคนทำละครไป

จากสถิติที่ แพรว จับไว้ หากเป็นเรื่องของการจับละครเก่ามาปัดฝุ่น รีเมคใหม่ให้ผู้ชมได้ดูกันอีกครั้ง เฉลี่ยแล้วก็จะอยู่ในค่าประมาณ 10 ปี ยกตัวอย่างบทประพันธ์ดังๆ ที่ติดโผว่าได้รับการสร้างเป็นละครมากเป็นประวัติการณ์อย่าง บ้านทรายทอง สถิติที่วนกลับมาทำใหม่อีกครั้งคือ 15 ปี ขณะที่จำเลยรัก อยู่ที่ 11 ปี สวรรค์เบี่ยง 10 ปี คู่กรรม 9 ปี นางทาส  8 ปี และทัดดาว บุษยา 6 ปี

หรืออย่างปี 2017 ที่สองช่องหลักเจ้าละครประกาศปล่อยโผละครออกมา ข่าวว่าก็เพียบด้วยละครรีเมคกันแทบทั้งสิ้น อาทิ ช่อง 3 ที่มี เพลิงบุญ เหมือนคนละฟากฟ้า ราคนครา บ่วงบรรจถรณ์ เมียหลวง คมแฝก ช่อง 7 มีน้ำเซาะทราย เพลิงพระนาง สายโลหิต แม่อายสะอื้น พริ้งคนเริงเมือง และ ตุ๊กตาผี

ถึงตรงนี้น่าจะมีแฟนละครปักใจเชื่อว่า ไม่มีละครเรื่องไหนไม่เคยผ่านการรีเมคแน่ๆ แพรว เองตอนแรกก็เชื่อเช่นนั้น จึงได้ไปท้าทายตัวเองลองค้นหาละครดังในอดีต เอาแบบฟอร์มดี เรตติ้งเริ่ด แล้วก็พบเรื่องน่าประหลาดใจมากว่ายังมีละครไทยหลายเรื่องที่ไม่ผ่านการรีเมคมากว่า 20 ปี ว่าแต่จะมีเรื่องอะไรบ้าง เชิญไล่ดูจากลิสต์ด้านล่างนี้ได้เลย

7 ละครไทย เรตติ้งไม่แย่ แต่ไหงกลับไม่ผ่านการรีเมคมากว่า 20 ปี

แรงรัก : ออนแอร์ปี 2533 หรือ 27 ปีที่แล้ว

สร้างจากบทประพันธ์ของ กนกเรขา ซึ่งเป็นอีกนามปากกาหนึ่งของคุณหญิงวิมล ศิริไพบูลย์ หรือ ทมยันตี นักเขียนชื่อดัง เป็นละครรักฉบับครอบครัวที่พระเอก-นางเอกคือคุณนพพล โกมารชุน และคุณสินจัย เปล่งพานิช ถูกผู้ใหญ่จับคลุมถุงชนให้แต่งงานกัน แต่พระเอกมีคนรักอยู่แล้ว ขณะที่นางเอกก็เข้าฉบับคาแร็คเตอร์ทิฐิแรง ที่สุดก็แยกทางกัน

โดยพระเอกไม่รู้ว่านางเอกกำลังมีท้อง บลาๆ จุดพีคของละครเรื่องนี้คือ เจ้าลูกหมู ลูกพระเอกนางเอกนี่แหละ จำได้ช่อง 3 จับดาราเด็ก ตูมตาม-วศิน มีปรีชา มาแสดง โอย… คนหลงรักกันไปทั้งบ้านทั้งเมือง ขนาดแพรวยังอินถึงกับต้องเชิญตัวคุณพ่อตู่และคุณลูกตูมตามมาขึ้นปก กลายเป็นฉบับขายดีตลอดกาลมาจนถึงวันนี้

ที่ผ่านมามีกระแสข่าวว่าจะนำละครเรื่องนี้มารีเมคอีกครั้งอยู่หลายรอบ วางตัวนักแสดงโน่นนี่ แพรวเองเช็คล่าสุดก็ทราบว่าบทประพันธ์อยู่ในมือของคุณหน่อง-อรุโณชา ภานุพันธ์ บิ๊กบอสค่ายบรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น  มาหลายปีแล้ว แต่ก็ยังไม่มีข่าวผลิตเป็นจริงเป็นจังออกมาสักที เอาเป็นว่าแฟนๆ ละครฝากบอก สร้างสักทีเถอะจ้า

สองฝั่งคลอง ออนแอร์ปี 2535 หรือ 25 ปีที่แล้ว

ละครแนวพีเรียดดราม่าที่สร้างจากบทประพันธ์ของ ว.วินิจฉัยกุล หรือคุณหญิงวินิตา ดิถียนต์ โดยมีเนื้อเรื่องย้อนไปสมัยรัชกาลที่ 6 ที่บ้านเมืองไทยยังฉ่ำเย็นด้วยแม่น้ำลำคลอง  เล่าถึงตัวเอกคือทับทิม แสดงโดยคุณแหม่ม-จินตหรา สุขพัฒน์ หญิงสาวลูกผู้ดีตกยากแห่งบ้านคลองสาน ที่ใฝ่ดีเรื่องการศึกษา และใช้ชีวิตอย่างมีคุณธรรม งดงาม จนได้พบรักกับคุณลาน พระเอกซึ่งแสดงโดยคุณแซม-ยุรนันท์ ภมรมนตรี ชายหนุ่มที่สนใจความคิดความอ่านของผู้หญิงมากกว่าหน้าตา

จัดเป็นละครแนวยะเนิบดูแล้วอิ่มสุขเพราะจรรโลงใจ  จรรโลงสังคม ไม่ตลาดตบตีด่าทอ ชิงรักหักสวาทไรมาก และอาจจะเพราะสาเหตุนี้กระมังทำให้ไม่มีผู้จัดเจ้าไหนหยิบมารีเมคสักที ทว่าตอนนี้มันน่าจะถึงเวลาเบรคสังคมฟอนเฟะด้วยละครน้ำดีสักเรื่องแล้วไหม

โสมส่องแสง : ออนแอร์ปี 2537 หรือ 23 ปีที่แล้ว

ละครโทรทัศน์แนวแอ็กชั่น-โรแมนติก-ดราม่า ที่สร้างจากบทประพันธ์ของ โรสลาเรน ซึ่งเป็นอีกนามปากกาหนึ่งของทมยันตีเช่นกัน บทโทรทัศน์โดย เอื้องอรุณ สมิตสุวรรณ กำกับการแสดงโดย นพพล โกมารชุน ผลิตโดย บริษัท ยูม่า 99 จำกัด  นำแสดงโดย คุณนก-ฉัตรชัย เปล่งพานิช, คุณมาช่า วัฒนพานิช , คุณออฟ-พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง และคุณจอย-ศิริลักษณ์ ผ่องโชค แค่ชื่อนักแสดงนำ คงไม่ต้องบอกใช่ไหมว่านี่คือละครฟอร์มยักษ์ของช่อง และเท่าที่จำได้ กระแสของละครเรื่องนี้ก็ปังตลอดช่วงการออนแอร์ ถึงขนาดมีสาวๆ เดินเข้าร้านตัดผมทรงเดียวกับนางเอกมีร่า-มาช่า กันมากมาย

จวบจนวันนี้ที่ผ่านไป 26 ปี ละครเรื่องนี้กลายเป็นละครขึ้นหิ้งของแท้ เพราะหยิบมาสร้างครั้งเดียวและไม่เคยวนกลับมาอีกเลย ทั้งๆ ที่มีการเรียกร้องให้รีเมคเป็นระยะ โดยเฉพาะเมื่อคิดว่าทุนสร้างวันนี้น่าจะไม่ใช่เรื่องยากที่ช่องดังจะอำนวย แต่คำถามคือทำไม ทำไม และทำไม?

เสราดารัล : ออนแอร์ปี 2538 หรือ 22 ปีที่แล้ว

สร้างจากบทประพันธ์ของ กิ่งฉัตร นักเขียนที่การันตีเรื่องเรตติ้ง พล็อตออกแนวชวนฝันฟินจิกหมอนคุกรุ่นกับมู้ดแอนด์โทนรักระหว่างรบบ้างประปราย โดย 22 ปีที่แล้วช่อง 7 จับพระเอกตำนาน คุณลิขิต เอกมงคล มาประกบคู่กับคุณนุสบา ปุณณกันต์ ที่ตอนนั้นเธอถือว่าดาวรุ่งพุ่งแรงมาก และด้วยองค์ประกอบหลักที่ว่ามาคือ บทประพันธ์ดัง เนื้อหาเน้นความฟินของพระเอกนางเอก ซึ่งเท่ากับเป็นสูตรลัดให้ประสบความสำเร็จอยู่แล้ว

แต่การณ์กลับกลายเป็นว่าละครเรื่องนี้ทิ้งช่วงการสร้างใหม่มาถึง 22 ปี จะบอกว่าติดด้วยโปรดักชั่นข้อโลเกชั่นว่าเป็นบทประพันธ์ที่มีฉากอยู่ต่างแดน ก็ไม่น่าใช่ จึงลองสืบต่อ ทำให้รู้ว่าว่าลิขสิทธ์การทำละครตอนนี้ไปตกอยู่ในมือช่อง 3 แล้ว(เช่นกัน) คำถามคือ รออะไรคะ

พริกขี้หนูกับหมูแฮม : ออนแอร์ปี 2538 หรือ 22 ปีที่แล้ว

เรื่องนี้รักมากกก(ก.ไก่ล้านตัว) จริงๆ รักตั้งแต่เป็นเวอร์ชั่นภาพยนตร์ที่สร้างโดยไท เอนเตอร์เทนเม้นต์ เมื่อปี 2532 กำกับโดยคุณสมจริง ศรีสุภาพ ได้พระเอกมาดแบดบอย คุณขจรศักดิ์ รัตนนิสัย ประกบคู่กับนางเอกสายติสท์ผมฟู คุณตุ๊ก-จันทร์จิรา จูแจ้ง มาแสดงนำ ข่าวว่าทำรายได้หลายล้านบาท ซึ่งนับว่ามากสำหรับยุคนั้น พอมาเป็นเวอร์ฯละคร กำกับโดยคุณคิงคนเดิม แต่เปลี่ยนตัวเอกเป็นคุณก้อง-สหรัถ และคุณหมิว-ลลิตา

โอ้…บร๊ะเจ้า สุดยอดแห่งความใช่เก๋ แถมทำให้ซานฟรานซิสโกกลายเป็นเมืองในฝัน ถูกปักหมุดว่าต้องไปให้ได้ในใจใครหลายต่อหลายคน ประเด็นคือ 25 ปีแล้ว รีเมคใหม่ก็ไม่โกรธ (แม้จะหลงรักคู่จิ้นหมิว-ก้องมากมาย) เพราะฉะนั้นทำเถอะ พลีส…

สายรุ้ง : ออนแอร์ปี 2540 หรือ 20 ปีที่แล้ว

ละครแนวเมโลดราม่า รักเข้มข้น แค้นฝังลึก จากบทประพันธ์เจ้าดัง ทมยันตี โดย 20 ปีก่อนเคยสร้างเป็นละครมาแล้ว 2 ครั้ง ภายใต้ช่อง 3 อุปถัมภ์ ครั้งแรก ปี 2528 นำแสดงโดยคุณนพพล โกมารชุน และคุณมยุรา เศวตศิลา ปัดฝุ่นรีเมคอีกครั้ง 12 ปีให้หลัง โดยออนแอร์ช่วงวันที่ 15 ตุลาคม – 11 ธันวาคม 2540 นำแสดงโดยคุณจอห์นนี่ แอนโฟเน่ และคุณแอน ทองประสม ซึ่งถ้าสังเกตทั้งสองเวอร์จะพบว่าช่องใช้นักแสดงระดับแม่เหล็กสมค่ากับดีกรีเมโลดราม่าตามท้องเรื่องของละคร

คำถามคือนี่ใช่กำแพงการห้ามรีเมคไหม ไม่น่าใช่ เพราะดารารุ่นใหม่ฝีมือก็ฉกาจฉกรรจ์กันถ้วนหน้า น่าจะเอาอยู่กับโทนหนักหน่วงของเนื้อหาได้อยู่หรอก เอ… หรือจะเป็นเพราะธีมหลักของเรื่องที่บทนางเอกและคุณแม่นางเอกร่ำสุราเป็นอาจินต์  แล้วตอนท้ายนางเอกเป็นโรคอัลกอฮอลลิก พิษสุราเรื้อรัง จะมีเอี่ยว ถ้าเป็นแง่นี้ก็พอจะเข้าใจว่าผู้สร้างละครขี้เกียจเจอยาหม่องป้าย แหม… แต่ถ้าเทียบกับความสนุกของของเนื้อเรื่องแล้ว ขออุญาติแนะนำนะคะ ผู้สนใจสร้างลองหารือกับเจ้าของบทประพันธ์ เปลี่ยนอาการป่วยของนางเอกเป็นอย่างอื่นดูได้นะ ไม่ใช่อะไร คือเก๊าอยากดูน่ะ

ตามหัวใจไปสุดหล้า : ออนแอร์ปี 2540 หรือ 20 ปีที่แล้ว

ละครแนวพาฝันพ่อแง่แม่งอนในตำนานที่บรรจุองค์ประกอบพาปังทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นผู้จัดฝีมือจัดจ้านแห่งยุค 90s คุณไก่-วรายุฑ มิลินทจินดา นักแสดงสวยหล่อระดับตัวแม่ คุณวิลลี แมคอินทอช และคุณหมิว-ลลิตา รวมทั้งโลเกชั่นของละครที่พาคนดูไปขี่อูฐตะลุยทะเลทรายดูไบ เสื้อผ้า-หน้าผม ที่หากว่าได้ดูวิดีโอย้อนหลังคุณจะต้องอุทาน ว้าว…แฟชั่นนิสต้ามว้าก แล้วเหตุไฉนใยไม่มีใครจับมาปัดฝุ่นสร้างใหม่

ถ้าให้สันนิษฐาน อาจเป็นเพราะบทประพันธ์เรื่องนี้เป็นของฝรั่ง Daugther of Hussan เขียนโดย Penny Jordan และแปลโดย นิดา หรือคุณปราศรัย รัชไชยบุญ ก็ได้กระมัง ที่เป็นสาเหตุหลักที่ละครเรื่องนี้ถูกสร้างเมื่อปี 2540 ได้เพียงครั้งเดียว เฮ้อ… เสียดายจัง

หากผู้อ่านมี ละครไทย เรื่องใดที่คิดถึงเพราะห่างหายไปนาน และอยากให้นำกลับมารีเมคอีกครั้ง ก็ส่งความคิดเห็นกันมาได้นะคะ

หมายเหตุ : ผู้เขียนได้พยายามหาภาพจากละครแล้ว แต่ด้วยอายุละคร 20 ปีอัพ ทำให้ยากยิ่งนัก จึงขออภัยรวมทั้งขอขอบคุณเจ้าของภาพทุกภาพ มา ณ ที่นี้


ที่มาข้อมูล www.wikipedia.org

เฟิร์น-อัญชสา มงคลสมัย

เปิดกระเป๋า ส่องของคู่ใจนักแสดงสาวสายลุย ใบเฟิร์น-อัญชสา มงคลสมัย

Alternative Textaccount_circle
เฟิร์น-อัญชสา มงคลสมัย
เฟิร์น-อัญชสา มงคลสมัย

ถ้าพูดถึงดาราสาวสายลุย แอคทิวิตี้แน่น หนึ่งในนั้นต้องมีชื่อของสาว ใบเฟิร์น-อัญชสา มงคลสมัย นักแสดงสาวมากความสามารถที่รักการท่องเที่ยว ชอบเดินทางเป็นชีวิตจิตใจ และมักจะแชร์ไลฟ์สไตล์ต่างๆ ลงในโซเชียลมีเดีย แถมยังมีเพจท่องเที่ยวของตัวเองที่มีชื่อว่า “Bivoyage – ใบบันทึกเดินทาง” แชร์ประสบการณ์  การท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ ให้คนที่ติดตามได้ชมกัน

นอกจากจะได้เห็นมุมสวยๆ ของสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว ใบเฟิร์นยังจัดเต็มทั้งเรื่องหน้าและผิวสวยๆ หุ่นสุดปังกับแฟชั่นสุดเก๋อีกด้วย และไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหนจะเที่ยวลุคสวยๆ หรือเที่ยวแบบลุยๆ เราก็มักเห็นสาวใบเฟิร์นสะพายกระเป๋าใบโปรดอยู่บ่อยๆ มาตามดูกันว่าสาวใบเฟิร์นเค้าพกอะไรใส่ไว้ในกระเป๋าบ้างถึงได้เป๊ะ! ปัง!  ไปซะทุกทริปขนาดนี้

อัญชสา มงคลสมัย

เปิดกระเป๋า ส่องของคู่ใจนักแสดงสาวสายลุย ใบเฟิร์น-อัญชสา มงคลสมัย

1.อย่างแรกเลยที่ขาดไม่ได้ คือพกติดตัวไว้ตลอด เอาไว้เติม ซับหน้าระหว่างวัน เพื่อไม่ให้ผิวหน้ามัน และให้หน้าดูสดใสตลอดทั้งวัน

แป้งตลับ แบบไม่ผสมรองพื้น

2.Power Bank ปกติใบเฟิร์นจะใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกแทบจะทั้งวัน ต้องทำงานออกกองถ่ายเกือบทุกวัน และต้องใช้มือถือทำงานตลอดเวลา ทั้งคุยงาน เช็คการตัดต่อคลิปต่างๆ เลยจำเป็นต้องมี power bank ติดตัวอยู่ตลอดเพื่อความสะดวก

เปิดกระเป๋า เฟิร์น-อัญชสา

3.กระเป๋าสตางค์ เฟิร์นจะเป็นคนชอบกระเป๋าสตางค์ใบเล็กๆ ที่มีเฉพาะช่องใส่บัตรและเหรียญเท่านั้น เพราะส่วนตัวไม่ค่อยใช้เงินสด ส่วนมากจะใช้เป็นบัตรและการโอนเงิน เพราะรู้สึกว่าสะดวกกว่า เดี๋ยวนี้หลายๆ ร้านก็รองรับการจ่ายแบบ QR Code และที่สำคัญไม่ต้องเสี่ยงต่อการทำเงินหายด้วย ที่สำคัญกระเป๋าสตางค์จะมีพวงกุญแจรูปกล้องเล็กๆ ห้อยเอาไว้ แล้วก็มีพวงกุญแจตัวอักษรจีนนำโชคเรื่องการเงิน การงาน ที่มีผู้ใหญ่ ที่นับถือให้มาด้วย

กระเป๋าสตางค์ CHANEL

4.หูฟังบลูทูธ เป็นหูฟังสีเรียบๆ ที่เข้าได้กับทุกชุด ได้มาเป็นของขวัญวันเกิดในช่วงปีที่แล้ว ชอบพกติดตัวอยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่แค่ใช้รับสายโทรเข้า-ออกเท่านั้น แต่ยังใช้คอยฟัง คอยเช็คงานการตัดต่อคลิปต่างๆ ได้แบบไม่ต้องรบกวนคนรอบข้าง

เปิดกระเป๋า เฟิร์น-อัญชสา

5.โลชั่น ที่เป็นได้ทั้งครีมบำรุงผิว และน้ำหอม อันนี้คือสำคัญมาก ขาดไม่ได้เลย ส่วนตัวเป็นคนที่ชอบให้ตัวมีกลิ่นหอมตลอดเวลา ด้วยไลฟ์สไตล์ของเราที่ค่อนข้างแอคทีฟ และการทำงานที่ต้องพบปะผู้คนอยู่ตลอดเวลา ใบเฟิร์นจะพกโลชั่นน้ำติดตัวไว้ตลอด เพราะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้เราได้อย่างง่ายๆ แถมยังช่วยสร้างประทับใจให้กับคนที่เราพบเจออย่างแน่นอน

เฟิร์น-อัญชสา มงคลสมัย


ข้อมูลจาก : IG @bifern   MoonA House

สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

สิบล้อยังต้องหักหลบ “ใบเฟิร์น-อัญชสา” นางเอกถึงลูกถึงคน พูดตรงแต่ไม่ใช่คนแรง

5 บิวตี้ไอเท็มทรงโปรดของ “เจ้าหญิงไดอานา” ที่ยังคงฮิตถึงทุกวันนี้

แชร์เทคนิค ใส่แมสก์ยังไงไม่ให้เป็นสิว แถมได้ผิวลุคฉ่ำวาวแบบกลาสสกิน

 

แต่งงานเดือนพฤศจิกายน ช่วงยอดฮิตสละโสดของคู่รัก

account_circle

พอเข้าสู่ช่วงปลายปีมักจะมีข่าวดีจากคนรอบตัวว่าจะสละโสดกันหลายคู่ พอมาสังเกตดูแล้วจะเห็นได้ชัดเลยว่า คนไทยนิยม แต่งงานเดือนพฤศจิกายน มากกว่าเดือนอื่นๆ หลายคนสงสัยว่าทำไมคู่รักจึงมากระจุกตัวแต่งกันในเดือนนี้จนตัวเองได้ซองสีชมพูมาหลายซอง เอาเป็นว่า แพรวเวดดิ้งมีคำตอบมาฝากกันค่ะ

คนไทยเลือก แต่งงานเดือนพฤศจิกายน เพราะว่าฤกษ์ดีหรือบรรยากาศเป็นใจกันแน่!

แต่งงานเดือนพฤศจิกายน

จากการค้นหาข้อมูลในหลายๆ แหล่ง พูดตรงกันว่า เพราะเดือนพฤศจิกายนเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว บรรยากาศดีไม่ร้อนจนเกินไป แถมยังเตรียมตัวไว้ให้มีคู่นอนกอดกันหนาวได้ด้วย

แต่ถ้ามองในแง่มุมวัฒนธรรมประเพณีไทย เรื่องฤกษ์ยามเป็นสิ่งสำคัญ คนนิยมแต่งงานกันเดือนคู่ ซึ่งในปฏิทินไทยเดือนพฤศจิกายนเป็นเดือนสิบสอง ลงเลขคู่พอดีเป๊ะ หรือถ้าอิงเหตุผลตามสภาพสังคมในสมัยก่อน ปลายปีอย่างนี้ชาวบ้านนิยมจัดงานบุญ เนื่องจากออกพรรษาแล้ว สามารถจัดงานมงคลได้เต็มที่ อีกทั้งยังเป็นช่วงหลังฤดูหว่านไถ ข้าวออกรวงสวยงามเรียบร้อย บางครอบครัวได้กำหนดเกี่ยวข้าวไว้กินและขาย มีเงินไปสู่ขอและจัดงานแต่งให้ลูกหลาน

แต่งงานเดือนพฤศจิกายน

อีกหนึ่งเหตุผล คือ ในอดีตมีความเชื่อว่าต้อง “บวชก่อนเบียด” ชายไทยส่วนใหญ่จึงนิยมบวชให้ทันก่อนเข้าพรรษา เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์เป็นเวลา 3 เดือน เรียนรู้และกล่อมเกลาจิตใจเตรียมพร้อมเป็นสามีและผู้นำครอบครัวที่ดี พอครบกำหนดออกพรรษาก็ลาสิกขา จากนั้นจึงได้ฤกษ์แต่งงานเริ่มต้นชีวิตครอบครัวใหม่ เป็นไปตามขนบโบราณของผู้ชายบ้านเรา

ตัดมาที่ชีวิตในโลกปัจจุบันกันบ้าง ความนิยมแต่งงานช่วงพฤศจิกายนยังไม่หายไปไหน หลายคนเชื่อกันว่า ช่วงปลายปีเป็นเวลาเหมาะสมในหลายๆ ด้าน เช่น หากใครขอแต่งงานกันตอนต้นปี จะได้มีเวลาให้เตรียมงานกันแบบไม่รีบร้อน บ้างก็ว่าเป็นช่วงหลังจากฤดูโยกย้ายตำแหน่งราชการ เป็นช่วงปลายปีงบประมาณ และหลายคนพร้อมใช้จ่ายเพราะกำลังจะได้โบนัส (เผื่อว่าบ่าวสาวจะได้ซองหนาขึ้นอีกนิด!)

แต่งงานเดือนพฤศจิกายน

ช่วงวันหยุดก็มีส่วนในการตัดสินใจเลือกวันจัดงานแต่ง โดย 3 เดือนสุดท้ายของปีมีวันหยุดเยอะ ไล่มาตั้งแต่ ตุลาคม พฤศจิกายน และธันวาคม แต่หลายคู่รักเลือกวันมงคลในเดือนพฤศจิกายนมากที่สุด เป็นเพราะว่าเดือนตุลาคมฝนยังไม่ทิ้งช่วงดีนัก การจัดงานแต่งงานคงไม่สะดวกเท่าไหร่ ครั้นจะรอไปถึงเดือนธันวาคม หลายคนคงเตรียมตัวเที่ยวหรือไปฮันนีมูนส่งท้ายปีกันแล้ว ดังนั้นช่วงกลางระหว่างสองเดือนนี้คือ พฤศจิกายน จึงเหมาะสมมากที่สุด เพราะตอบโจทย์ทั้งฤกษ์ดีและฤกษ์สะดวก

เอาล่ะค่ะ คู่รักคู่ไหนกำลังแพลนจะแต่งงานในปีหน้าแล้วได้ฤกษ์ดีมาเป็นตอนปลายปี เห็นทีต้องเริ่มจองสถานที่ก่อนเป็นอย่างแรก รีบโทรเช็กวันว่างจากโรงแรมหรือสถานที่ในฝัน ไม่เช่นนั้นคิวเต็ม เดี๋ยวจะไม่ได้แต่งนะจ๊ะ

ว่าที่บ่าวสาวคนไหนกำลังมองหาฤกษ์งามยามดีไว้จัดงานแต่งงานในปีหน้า แล้วยังหาวันไม่ได้ รีบไปดูปฏิทินแต่งงานกันได้เลย

 

ฟิล์ม รัฐภูมิ

ฟิล์ม รัฐภูมิ แมว 9 ชีวิต มองเห็นสัจธรรมต่ำสุดจนถึงสูงสุด

account_circle
ฟิล์ม รัฐภูมิ
ฟิล์ม รัฐภูมิ

ฟิล์ม รัฐภูมิ เล่าประสบการณ์แมว 9 ชีวิต มองเห็นสัจธรรมต่ำสุดจนถึงสูงสุด พร้อมเปิดใจครั้งแรกเกือบได้เล่นหนังกับทางฮอลลีวู้ด

ถูกยกให้เป็นแมว 9 ชีวิตในวงการบันเทิง หลังพระเอกดัง ฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ เจอมรสุมรุมเร้า จนเข้าใจสัจจะธรรมชีวิต มีขึ้น ย่อมมีลง เผยชีวิตตนจากเป็นตัวประกอบกลายมาได้เป็นซุป’ตาร์มีรายได้นับไม่ถ้วน แต่ในวันที่อยู่ในขาลงก็ต้องอยู่ให้ได้ หากคิดว่าตัวเองเป็นซุปตาร์ก็มีแต่รอตาย เพราะความไม่เคยท้อและถอยของ ฟิล์ม ที่มาเล่าประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาแบบทุกซอกทุกมุมในรายการ ต้มยำอมรินทร์ ผลิตโดย CHANGE2561 ช่วงที่ไปอยู่ต่างแดนเกือบจะได้เป็นดาราฮอลลีวู้ดแล้ว แต่ตอนนี้กลับมาอยู่ไทยเจ้าตัวก็ได้สานฝันอีกครั้งสร้างวงดนตรีที่ตัวเองรักขึ้นมาใหม่ในชื่อวง The Circus และปล่อยเพลง โอ้วแม่สาวน้อย ออกมาเป็นที่เรียบร้อย

หายจากวงการเพลงไปนานมาก 5 ปี แต่ดูโตขึ้น ฟิล์ม ดูนิ่งขึ้นเกี่ยวไหมเพราะว่าเราเจออะไรมาเยอะในช่วงชีวิตที่ผ่านมา

ฟิล์ม : จริงๆ อาจจะเกี่ยวเพราะโตตามวัยด้วย แล้วบวกกับว่าประสบการณ์ต่างๆ หนาแน่นขึ้นตามวัย

ช่วงที่มีข่าวเยอะๆ ตอนนั้น เหมือนกับสูงสุดคืนสู่สามัญเลย เพราะต้องบอกว่าตอนนั้น ฟิล์ม เป็นหนึ่งในตัวท็อปเลยนะ รับมือยังไงบ้างในเหตุการณ์ครั้งนั้น

ฟิล์ม รัฐภูมิ

ฟิล์ม : สำหรับผมไม่ได้ผ่านอะไรมาก และยากเลยเพราะทางคุณพ่อ คุณแม่ ครอบครัว ผู้มีพระคุณหรือว่าเฮียฮ้อ เขาก็สอนให้เราเป็นคนธรรมดาอยู่แล้ว ไม่เคยที่จะไปหลงระเริงอะไรเลย แล้วอยู่วันหนึ่งเราไม่มีงานทำเลย เพราะผมถูกต้นสังกัดบอกให้ต้นสังกัดของผมไม่ให้งาน 2  ปี พอกลับมาเป็นคนปกติไม่มีงานทำสองปี คิดถึงแฟนๆ เท่านั้นเองเพราะเคยเจอทุกวัน ร้องเพลงทุกวันเพราะเช้าละคร เย็นคอนเสิร์ตเป็นแบบนี้เกือบ 10 ปี แต่พอมาเป็นแบบนี้เราคิดถึงเขามากกว่า แต่มันก็ทำให้เราได้มีเวลาอยู่กับตัวเอง ทำให้เราค้นพบอะไรบางอย่างว่าเราทำแบบนี้ก็ได้ ช่วงที่ผมหายไปตอนนั้นก็ไปอยู่ต่างประเทศส่วนใหญ่ ที่ไปตอนนั้นด้วยความที่ผมไปบวชมาแล้วไม่มีผม แล้วถูกพักงานด้วย จะไปแอบรับงานก็ไม่ดี

เฮียฮ้อ เลยบอกว่า ฟิล์ม ไปต่างประเทศไหมไปเรียนไหม เราก็โอเค เพราะเป็นอีกหนึ่งความฝันของเราด้วยที่เราอยากไปอยู่ต่างประเทศอยู่แล้ว เลยได้ไปอยู่ พอไปอยู่แล้วก็คำนวณว่าเราจะอยู่กันยังไงเพราะสองปีผมเอาแม่ไปด้วยเพราะ แม่ กับ ผมอยู่ด้วยกันตลอด เพราะปกติที่ผ่านมาผมจะเป็นเสาหลักของครอบครัว แล้วสองปีไม่มีเงินที่เราหามาได้เราต้องใช้เงินเก่าบวกกับเราต้องไปอยู่ เราเลยต้องจัดการเรื่องเงินให้ดี ตอนนั้นก็ไปสมัครเป็นคนล้างจานในร้านอาหารไทยครับ คือ หกเดือนแรกผมล้างจานอย่างเดียวเพราะว่ายังพูดภาษาอังกฤษไม่คล่อง จำเมนูไม่ได้ แต่พอเราได้ใช้เวลาเรียนรู้เราก็ได้เลื่อนขึ้นมาเป็นพนักงานบริการ

ตอนนั้นคนที่เห็นเราก็เริ่มตกใจ ร้านก็ขายดีมากขึ้น แฟนๆ จะคิดถึงเรา มาหาเราแล้วก็ถ่ายรูป ทำให้เราได้เรียนรู้ว่ามันเป็นแบบนี้ เงินมันหายากมากเลยนะ คือ เมื่อก่อนตอนเป็นศิลปินไปยืนไม่นานก็ได้เป็นแสนๆ แล้ว เราก็รู้สึกว่าต้องทำธุรกิจต่อยอดเราต้องทำนั้นทำนี่ต่อยอดนะ แล้วถ้ามันเกิดวิกฤตแบบนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคตผมจะได้ไม่ต้องไปกลัวอะไรที่คนข้างหลังจะลำบาก เพราะผมดันวางแผนชีวิตที่ผิดไปตอนแรกตอนที่เราเข้าวงการใหม่ให้ครอบครัวเราหยุดงานเดี๋ยวเลี้ยงเอง เพราะทั้งชีวิตที่เราเกิดมา เราเห็นแต่น้ำตาของพวกเขาเพราะไม่มีเงิน ทำให้เรารู้สึกว่าเราเห็นพวกเขาลำบากมาทั้งชีวิตแล้ว พอเราทำงานแล้วมีเงินเราเลยบอกให้ทุกคนหยุดไม่ต้องทำอะไรแต่สิ่งที่ได้กลับมาคือ เขาแก่ เขาเบื่อ เพราะไม่ได้ทำอะไร แต่พอเราเจอช่วงวิกฤตในชีวิตเราแทบประคองพวกเขาแทบไม่ไหว เมื่อผ่านตอนนั้นมาได้ ผมเลยเริ่มต้นชีวิตใหม่ ตอนนี้ก็ให้เขาปลูกผัก หากิจกรรมทำกัน

 ตอนนั้นเรามีความรู้สึกอึดอัดลังเลกับการที่เราต้องลงไปล้างจาน หรือ เสิร์ฟ อาหารบ้างไหม

ฟิล์ม รัฐภูมิ

ฟิล์ม : ไม่รู้สึกเลยครับ เพราะตอนที่อยู่ที่บ้านผมเป็นคนที่ล้างจานอยู่แล้ว แต่ผมจะรู้สึกอึดอัดกับคนที่มาดูถูกมากกว่าเพราะในบางครั้งมีผู้ชายมากับผู้หญิง แล้วผู้หญิงมากรี๊ดเราแล้วเราเสิร์ฟเขาก็จะพูดจากับเราไม่ดี อย่างเวลาผมไปร้องเพลงกลางคืน ตอนเสาร์ อาทิตย์ (เพราะตอนนั้นเราต้องหารายได้ทุกช่องทางเท่าที่ทำได้)

ตอนเช้าผมเรียนหนังสือ ตอนเย็นมาเสิร์ฟ ตอนกลางคืนไปร้องเพลง ก็ร้องเพลงไทยทั่วๆ ไป และบางทีผมก็ไปยืนขายตั๋วฟุตบอล เพราะร้านอาหารไทยที่ผมทำเขาอยู่ติดกับสนามฟุตบอลแล้วเขาก็ได้สปอนเซอร์ ได้บัตรฟรีมา (เขาบอกว่าเขาดูจนเบื่อแล้ว) ผมเลยขอบัตรเขามาแล้วเอาไปขายต่อ แล้วบางทีคนไทยเขาไม่เข้าใจไงครับว่าซุป’ตาร์ทำไมมายืนขายตั๋ว แต่เพราะความอยู่รอดของผม ผมเลยไปยืนขายและสิ่งที่ผมได้จากการขายบัตรที่สุด คือ จากคนไทยเพราะเวลาเขาไปแล้วเขาไม่มีตั๋ว ตอนไปยืนขายก็มีคนดูถูกเรานะครับ ว่าทำไมมายืนขายแบบนี้

 พอมีคนดูถูกที่เราไปยืนขายตั๋ว เรามีความลังเลไหมที่จะเลิกขาย

ฟิล์ม : ไม่มีความลังเลนะครับ เพราะแม่ผมมีความสามารถทำคิ้ว ทำผม เขายังนั่งรถเมล์ไปทำคิ้วให้คนไทยบ้าง ไปอยู่กับแวดวงคนไทยบ้าง แล้วผมเห็นแม่ผมซึ่งพูดภาษาอังกฤษไม่เป็นเลย แต่ต้องนั่งรถเมล์ไป พอผมเห็นภาพแบบนั้นผมเลยไม่รู้สึกเหนื่อยด้วยซ้ำในการใช้ชีวิตอยู่

แล้วเคยคิดไหมว่าเราจะเป็น ฟิล์ม รัฐภูมิ แบบนี้ถึงเมื่อไหร่ และเราจะได้กลับไปเป็น ฟิล์ม รัฐภูมิ ที่แค่ยกมือขึ้นคนก็กรี๊ดแล้ว

ฟิล์ม : มันมีสิ่งหนึ่งถ้าเกิดว่าย้อนกลับไปได้ผมจะกลับไปทำ และ ไม่เคยเล่าที่ไหนด้วยผมไปแคส แล้วผมไปติดหนังโฆษณาหนังใหญ่ของฮอลลีวู้ด เรื่อง โรนินแฟลก ตอนนั้นเขาหาคนที่หน้าจีน ญี่ปุ่น ไปเป็น 1 ใน 47 โรนินแฟลกพอดี พี่สาวผมเป็นคนเห็นป้ายประกาศนี้เขาบอกผมว่าไปแคส เราก็จะบ้าเหรอ แต่ใจจริงคือ ไปอยู่แล้ว เพราะเราไม่กลัวอยู่แล้วพวกแบบนี้เลย พอไปแคสเขาก็ให้เราขี่ม้า ร้องไห้ เราทำได้ทุกอย่างจนเขารู้สึกว่าทำไมเราเก่งแบบนี้ เพราะเขาไม่รู้ว่าเราเป็นใคร แต่ในใจเราตอนนั้นไม่ได้หรอก เพราะภาษาเราก็ไม่ได้

พอเรากลับถึงบ้านก็มีอีเมล์มาทันทีเลยว่า โอเคนะ แล้วมาเป็นแพลนเลยว่า 4 ปีนี้ทำอะไรบ้าง คือ เรียนการแสดง 2 ปี ยิงธนูฟันดาบ 2 ปี ถ่ายอีก 2 ปี แต่เขาจะมาตารางมาให้ ปีแรกได้กี่บาท ปีที่สองได้กี่บาท ปีสามได้กี่บาท และปีสุดท้ายได้กี่บาท ทุกปีที่เราเรียน ฝึกคือ เราได้เงิน 4 ปี เป็นเงินสองล้านบาท ก็ตกเดือนละ 3-4 หมื่นบาท ใช้เวลาหนึ่งวัน 5-6 ชั่วโมง แต่มันก็ไม่ใช่ 3-4 หมื่นไปทุกเดือนนะครับ แต่มันก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆแต่ว่าผมมาวิเคราะห์แล้วก็โทรปรึกษาเฮีย ว่าเอาไงดี นี่คือฝันของเลยนะ ผมอยากคว้าสิ่งนี้มา เลยปรึกษากันไปมาเลยตกลงว่าไม่รับ เพราะว่าผมเลี้ยงชีวิตผมไม่ได้ แล้วผมยังมีคนที่ผมยังต้องดูแลอยู่ แล้วพอผมกลับมาประเทศไทย มีงานทำ แล้วผมมองย้อนกลับไปผมก็อยากทำตรงนั้นอยู่ แต่โอกาสนั้นมันไม่สามารถกลับมาได้อีกแล้ว

ถึงจะห่างหายจากวงการบันเทิงไปแต่สิ่งหนึ่งเลยที่ฟิล์ม รัฐภูมิ ไม่เปลี่ยนไปเลยคือ ความหล่อ คงเหมือนเดิมไม่เคยได้ทำศัลยกรรมเพราะเป็นโรคกลัวเข็ม

ฟิล์ม : ก็ต้องบอกว่าไม่มีผ่าตัดไม่มีอะไรเลยเพราะแม่ปั้นมาทรงนี้  คือ ผมไม่ได้กลัวเข็มแต่ผมกลัวเจ็บ เพราะผมเคยไปโบท็อกซ์เมื่อนานๆ มากๆ แล้ว คือ ตอนนั้นผมฉีดแล้วยิ้มไม่ได้ แล้วเจ็บผมเลยรู้สึกว่าทำไมมันน่ากลัวแบบนี้เลยไม่ทำ

กลัวขนาดนี้ ฟิล์ม ปักหมุดเลยไหมว่าชีวิตนี้จะไม่ยุ่งกับการทำศัลยกรรมเลย

ฟิล์ม รัฐภูมิ

ฟิล์ม : ไม่ขนาดนั้นนะครับ ผมไม่ได้ต่อต้าน แต่เราไม่จำเป็นต้องทำ แล้วที่ผ่านมาคือ ผมเล่นแต่ละครตลกไม่จำเป็นต้องหล่ออะไร แต่ละครเรื่องล่าสุดที่มาเล่นกับอมรินทร์ เรื่องตะวันตกดิน ผมก็ช็อคมาก เพราะผมเพิ่งออกมาเป็นอิสระ เพิ่งออกมาจากบ้านเรา เพิ่งมารับละครเรื่องแรกเลย แล้วผมมาเจอกับ พี่ฉอด ครั้งแรกที่เจอกันเลยผมถ่ายภาพนิ่งอยู่ แล้วพี่ฉอด เรียก ฟิล์ม มานี่หน่อยผมก็เดินมา (พี่ฉอดพูดว่าพี่ว่าต้องฉีดนะ เหนียงต้องเก็บ) ผมเลยถามว่าขนาดนั้นเลยเหรอครับ เพราะในบทมีคนรวย มีผู้หญิง ต้องหล่อ เลยเพิ่งไปฉีดมา

ทำไมถึงพูดถึงแต่ละครตลก ไม่ชอบดราม่า

ฟิล์ม : เพราะผมเคยเล่นแล้วมันเครียดเกินไปพอกลับไปที่บ้านเราต้องไปจมอยู่กับความทุกข์ อ่านบทแล้วแบบว่าจะเล่นยังไง ต้องทำการบ้านแบบไหน บทก็ต้องจำให้เป๊ะ !! ที่ผ่านมาเราเจอแบบนั้น ไม่ใช่บทละครไม่ดี แต่เราไม่อยากเล่นแบบนั้น แต่เราขอเล่นแบบ ตลกๆนะ

แต่ทำไมรับเรื่อง ตะวันตกดิน เพราะเรื่องนี้ดราม่าแน่ๆ

ฟิล์ม : เพราะผมชอบละครเรื่องนี้ พออ่านบทแล้วผมรู้สึกว่า เป็นละครเรื่องแรกในชีวิตของผมเลยนะที่รู้สึกเล่นเป็น มนุษย์ เรื่องนี้ คือ มีการอิจฉา ริษยา พยายามให้ได้มา หลงระเริง คือมันคบหมดตามชื่อเลย ตะวันตกดิน คือ มีขึ้นสว่างสดใส แล้วก็ตกมืดไม่มีใครสนใจ เป็นแรกเลยที่ผมรู้สึกว่าน่าเล่นมากๆ เป็นนักร้องเราก็รอเพลงดีๆเหมือนกัน และ เราออกมาเป็นนักแสดงอิสระเราก็อยากได้บทดีๆเหมือนกัน ต้องขอบคุณ พี่ฉอด มากๆนะครับ

ส่วนอีกเรื่องในส่วนตัวของ ฟิล์ม ที่ใครที่ตามติดในอินสตาแกรมส่วนตัวจะเห็นว่า ฟิล์ม สะสมรถเยอะมาก

ฟิล์ม : ปกติชอบรถคลาสสิคอยู่แล้ว แล้วเก็บสะสมมาโดยตลอดอยู่แล้ว ซึ่งคนมารู้ว่าเราวสะสมมากๆ ช่วงโควิด เพราะตอนนั้นคือ เราทำอะไรกันไม่ได้ แล้วเราเปิดบริษัทโปรดักชั่น ผมเลยไลฟ์คุยเรื่องรถที่ผมสะสมปรากฏว่าคนชอบทำให้มีรายได้กลับมา แล้วได้ทำ ได้พูดในสิ่งที่เราชอบด้วย แล้วพอรายการออกไปคือ คนมาขอซื้อรถจากผมเยอะมาก ตอนนี้เลยกลายเป็นธุรกิจขายรถคลาสสิคโดยตรง คือ เอารถเก่าที่แทบจะพังแล้วนำกลับมาทำใหม่ให้ใช้ได้เหมือนเดิม

เรื่องรถประสบความสำเร็จไปแล้ว แล้วเรื่องความรักเป็นยังไงบ้าง

ฟิล์ม : ผมไม่ค่อยมองเรื่องนี้ครับ คือ ไม่ใช่ไม่มีเข้ามาเป็นเราไม่ได้สนใจมากกว่า เพราะผมมองว่าอยากให้น้องๆ แฟนๆ ที่ดูผมเป็นแบบอย่าง คือ ได้เห็นถึงการทำงาน ดูแลคุณพ่อคุณแม่ ส่วนเรื่องมุมความรักของผมไม่ใช่ไม่อยากให้มองนะ แต่มันไม่มีอะไรน่ามองมากกว่า เพราะเดี๋ยวรักๆเลิกๆ มันเลยไม่รู้จะมองมุมไหน ในวันที่มีความสุขใครๆก็รู้สึกดี ใครไม่อยากมีโมเมนต์จับมือ กอดแฟน ลงโซเชียลบ้างแต่ถ้าเลิกกันก็มารุมด่ากันอีก ผมเลยรู้สึกว่ามันไม่จำเป็นเลย แต่สิ่งที่ผมอยากให้ทุกคนเห็นผมคือ สู้ชีวิตทำงาน ไม่เคยท้อ ส่วนเรื่องความรักผมมองว่ามันไม่จำเป็นเลย เราไม่เห็นว่าเราจะเอามุมนี้ไปให้ใครมอง

 แปลว่าถ้า ฟิล์ม มีแฟนคือ จะไม่เปิดเผยแล้ว

ฟิล์ม : ใช่ครับ คือ ผมมองว่ามันไม่ใช่เรื่องที่เราจะหยิบมาพูดเอาให้มันแน่นอนก่อนดีกว่า แต่ในชีวิตจริงผมให้เกียรติเขา ผมก็รักเขา แล้วผมก็ดูแลเขาดี

ตอนนี้มีใครมาดูแลหัวใจไหม

ฟิล์ม : ตอนนี้ผมก็ยังว่างๆ อยู่ครับ

แล้วเคยมอง อนาคตตัวเองไหมว่าจะเป็น สามี เป็นคุณพ่อ

ฟิล์ม : ผมคิดมาตลอดอยู่แล้วครับ อยากมีมาตบอกอยู่แล้ว เพราะผมเคยเลี้ยงเด็ก ผมว่าคือชีวิตผม ผมอยากจะเติมเต็มอะไรบางอย่างที่ผมไม่มีในวัยเด็กก็จะใส่ไปให้ลูกในอนาคตถ้ามีนะครับ


 

แมท-ภีรนีย์ พูดความในใจ

จมน้ำตา 2 ปี แมท-ภีรนีย์ พูดความในใจ ความรักที่กลายเป็นเรื่องคนของทั้งประเทศ

Alternative Textaccount_circle
แมท-ภีรนีย์ พูดความในใจ
แมท-ภีรนีย์ พูดความในใจ

คู่รักหลายคู่อาจคิดว่าความรักเป็นเรื่องของคนสองคน แต่ในความเป็นจริงปฏิเสธไม่ได้ว่าคนรอบตัวก็มีส่วนสำคัญที่จะทำให้ความรักเดินหน้าหรือถอยหลัง โดยเฉพาะกับคนบันเทิงยิ่งลำบาก เพราะยิ่งดังก็ยิ่งถูกจับตามอง เหมือนกับคู่ของนางเอกสาว แมท-ภีรนีย์ คงไทย กับ สงกรานต์ เตชะณรงค์ ความรักของพวกเขากลายเป็นวาระแห่งชาติที่ไม่มีใครไม่พูดถึง โดยตั้งแต่มีข่าวว่าทั้งคู่กำลังศึกษาดูใจกัน ก็โดนทัวร์ลงอย่างหนัก โดยเฉพาะกับนักแสดงสาวซึ่งเคยเป็นที่ชื่นชอบของแฟนๆ ในเวลานั้นกลับเป็นคนที่ไม่ถูกรักอีกต่อไป แถมยังต้องเผชิญหน้ากับแอนตี้แฟนเต็มไปหมด กระทั่งทุกวันนี้ก็ยังมี แมท-ภีรนีย์ พูดความในใจ

และเมื่อไม่นานมานี้นางเอกสาว แมท-ภีรนีย์ คงไทย ได้ออกมาเปิดใจเป็นครั้งแรก ผ่านรายการ Thairath Talk ถึงเรื่องความรักที่กลายเป็นเรื่องคนของทั้งประเทศ จนทำให้เธอจมกับน้ำตามานานถึง 2 ปี

จมน้ำตา 2 ปี แมท-ภีรนีย์ พูดความในใจ ความรักที่กลายเป็นเรื่องคนของทั้งประเทศ

แมท-ภีรนีย์ พูดความในใจ

 ช่วงเวลา 2 ปี คุณอยู่กับภาวะแบบนี้ ตั้งรับอารมณ์เช่นนี้ได้อย่างไร?

“ ตอนแรกก็เขวค่ะ ก็เขวอย่างที่เห็น เชื่อว่าทุกคนก็เห็น ว่ามันเป็นอะไรที่แบบ เหมือนพูดง่ายๆ แรงมา เราก็แรงกลับอะไรแบบนี้ น้ำเชี่ยวเราก็เอาเรือไปขวาง ซึ่งได้รับบทเรียน ได้เรียนรู้ อาจจะเพราะเราโชคดี ที่เราค่อนข้าง ไม่ได้ถึงกับศึกษาธรรมะ เราค่อนข้างเข้าใจความเป็นไปของโลกมนุษย์นี้ได้ง่ายๆ เมื่อเรามองเห็นแล้วว่าต้นเหตุของทุกข์มันคืออะไร เราเห็นว่าสาเหตุมันเป็นแบบนี้ ผลจึงเป็นแบบนี้ โอเคเมื่อเรารับรู้แล้ว เราก็หยิบมันวางลง พอวางลง เราก็ไม่หนัก”

เขาร้องไห้ วันนั้นแค่วันเดียว แต่คุณร้องไห้มา 2 ปี?

“ใช่ แต่ว่าก็เอาเป็นว่าแมทเข้าใจดีกว่า แมทเข้าใจเพราะว่า จริงๆ แล้วเขาก็ได้รับข้อมูลที่ผิดมา จริงๆ แมทคิดว่าเขาไม่ได้มีเจตนาที่จะทำร้าย แต่ด้วยความอิน หรือด้วยความที่เขาอาจจะชอบดู ชอบติดตามเรา มันก็เลยทำให้เขาเข้าใจผิด”

ที่ผ่านมาที่เกิดเรื่องราว มีสักวินาทีไหมที่เรารู้สึกว่า น่าจะเป็นที่ฉันบ้างแหละ สัก 5% 10% มีบ้างไหม?

“โห เป็นที่แมทเลยค่ะ ไม่ใช่ 5% อย่างที่บอกว่าสัมภาษณ์ครั้งแรก แน่นอนสิ ฉันไม่ได้ทำ อยู่ดีๆ มาว่าฉันเสียๆ หายๆ ว่าพ่อว่าแม่แบบนี้ ใครจะไปยอม โอเคพอครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 รู้ละอย่างที่แจ้งว่าน้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือเข้าไปขวาง ปล่อยให้น้ำมันสงบลงก่อน แล้วค่อยชี้แจงหรืออะไรก็ว่าไป ก็อย่างที่บอกแหละค่ะ เรียนผูกต้องเรียนแก้เองค่ะ”

“ที่บัลลังก์ศาลท่านถามมทเหมือนกันว่า อ้าวคุณเป็นดารา คุณรับคำวิจารณ์ไม่ได้เหรอ มทตอบกลับศาลท่านไปว่า ใช่ค่ะ มททำอาชีพเป็นดาราก็จริง แต่ถ้าวิจารณ์มทในเรื่องผลงาน ว่ามทเล่นละครไม่ดีเลยเรื่องนี้ เล่นไม่สนุกเลย เดินไม่สวย ไม่ชอบ ถ้ามทฟ้องศาล อันนั้นก็ว่าไปอย่าง มทยินดีรับความชอบหรือวิจารณญาณจากท่านผู้ชมอยู่แล้ว เพราะว่าอย่างหนึ่งที่มันมีประโยชน์ คือเขาบอกเราหลังค่อม เรามาเดินให้หลังตรงขึ้น อันนั้นคือสิ่งที่มีประโยชน์และไม่ได้ทำร้ายต่อตัวมทหรือใครเลย”

“แต่ครั้งนี้มันน่าเสียใจอย่างหนึ่งตรงที่มันไม่ได้ทำร้ายเราเพียงอย่างเดียว มันทำร้ายคนรอบข้างไปหมดเลย ทุกๆ คำพูดที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มันไม่ได้เป็นการสนับสนุนใครเลย มันเป็นการทำร้ายทุกคน ทุกฝ่ายอย่างย่อยยับไปหมดเลย”

“อย่างที่บอกเมื่อกี้ว่าส่วนของครอบครัวมทก็โอเค อันนั้นเป็นตัวอย่างที่มทอยากแชร์ แต่ไม่เป็นไร เพราะเรียนผูกก็ต้องเรียนแก้เอง และครอบครัวมทจัดการเองได้ไม่เป็นไร แต่อย่างที่บอกว่าคนอื่นที่เขาไม่สมควรโดน เช่น พอเรารับละคร ผู้จัดโดนว่า พระเอกโดนติไปด้วย เราก็รู้ว่า เฮ้ยไม่ใช่ละ เราทนไม่ไหว ใจเราไม่แข็งพอที่จะไปทำงานอยู่ในสังคมที่เราเป็นต้นเหตุที่ทำให้เขาได้รับผลกระทบไปด้วย อันนี้คือสิ่งที่มทจัดการไม่ได้ ถ้ามทโดนกับตัวเอง เสียใจไหมเสียใจ ร้องไห้ก็จบ แต่สิ่งหนึ่งที่ยอมไม่ได้คือคนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ หรือคนที่ไม่เกี่ยวข้องต้องมาโดนไปด้วย มันไม่ได้ ไม่ถูกต้อง และไม่ยอมให้เกิดขึ้น”

มีมุมมองคำว่าคนสาธารณะอย่างไรบ้าง ในฐานะที่เราเป็นดารา คนชอบตีตราว่าเราเป็นบุคคลสาธารณะแล้วต้องรับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ได้ทุกอย่าง?

“คำว่าพอดีมันใช้ได้กับทุกอย่างเลย พี่เรย์สังเกตสิ มันใช้ได้กับทุกอย่างบนโลกใบนี้ อะไรที่มากไปไม่ดีแน่นอน และอะไรที่น้อยไปก็ไม่ดีแน่นอน เพราะฉะนั้นทุกคนมีสิทธิ์วิจารณ์ในคนอย่างนี้ หรือจะพูดว่าเราเป็นคนของประชาชน เป็นดารา แต่ว่าต้องมีขอบเขตนิดหนึ่ง ต้องมีความพอดีนิดหนึ่ง”

แสดงว่าติดเพื่อก่อยังสามารถทำได้?

“การเป็นนักแสดง เราเป็นตัวเอง เราไม่ได้มองเข้ามาเห็นตัวเอง แต่คนรอบๆ ตัวเรานั่นแหละที่จะให้ประโยชน์แก่ตัวเรา เขาอาจจะบอกกับเราว่าเราพูดช้าไป พูดเร็วไป หลังค่อมไปแบบนี้ สิ่งนี้เป็นประโยชน์อย่างมากและเราต้องการด้วยค่ะ แมทเชื่อว่านักแสดงที่เขาอยากพัฒนาตัวเอง เขาต้องการได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์เหล่านี้เพื่อมาพัฒนาตัวเอง”

“แมทว่าอย่าเข้าใจผิดและอย่าเพิ่งไปตั้งแง่ว่าด่าไม่ได้เหรอ พูดไม่ได้เหรอ นี่ไง ทุกคนเห็นแมทเป็นตัวอย่างแล้ว แมทไม่ได้อยากเป็นนักเคลื่อนไหวอะไรแบบนั้น แต่แค่อยากเป็นตัวอย่างให้เห็นว่าทุกคนทุกฝ่ายต้องใจเย็นๆ”

อยากจะบอกอะไรกับแฟนๆ คุณบ้าง และคุณยังไม่ได้บอกตลอดระยะเวลาที่อยู่ในวงการมา 20 ปี?

“จริงๆ คนที่เป็นแฟนคลับมท จะมีกลุ่มและจะพูดคุยแชร์ประสบการณ์กันเรื่อยๆ อย่างเรื่องนี้มทก็เกรงใจมากๆ เราเกรงใจคนที่รักและหวังดีที่เขาคอยสนับสนุน มทรู้สึกว่าเราทำให้เขาผิดหวังหรือเปล่า มทก็จะพูดกับพวกเขาตลอดว่าไม่อยากทำให้ผิดหวัง อยากให้ความมั่นใจว่าคุณยังสนับสนุนคนที่คุณเลือกถูกนะ อะไรแบบนี้ค่ะ เพราะว่าทุกอย่างในการทำงานในวงการก็ตั้งใจ อยากจะทำให้มันดี อยากจะทำให้คนชอบ อย่างที่บอกว่าจะพยายามทำตัวเองให้เป็นคนที่อยู่ในวงการบันเทิงให้ดีที่สุด เพราะว่าไม่มีใครมาบังคับเรา เพราะเราเป็นคนเลือกที่จะอยู่ตรงนี้ เราต้องทำให้มันดี ไม่ให้ใครมาว่าเราได้”

หลายคนก็มีหน้าที่การงานที่ดีมากก็มาคอมเมนต์ มาบอกเจตนาว่าพลั้งเผลอไป มีใจอ่อนบ้างไหม?

“ใจอ่อนตลอด แต่ก็ต้องหักห้าม ห้ามใจอ่อน คือไม่ใช่ว่าไม่มีเมตตานะคะ เมตตาทางใจก็มีให้เต็มๆ 100% อย่างที่ยืนยันไป แต่มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างหนักมาก ถ้าเกิดแมทให้เขาผ่านเรื่องนี้ไปได้ง่าย โดยที่ไม่ได้รับบทลงโทษ มันก็จะไม่มีตัวอย่างสำหรับคนทั่วๆ ไปอีกเยอะๆ ที่จะโดนโจมตี”

“อย่างที่บอกว่ามทเข้าใจ เข้าใจจริงๆ ว่าจะให้มันตามหาว่าจริงไม่จริง มันก็คงยากถูกไหมคะ แต่มทว่าต้นตอ คือสื่อหลายๆ แขนง มทว่าน่าจะมีความพอประมาณ เท่าที่มทตามดูทุกช่องทาง ถ้าเกิดเป็นข่าวเรามันก็จะมีกดอีโมติคอนที่เยอะ แชร์ที่เยอะมากกว่าปกติไปหลายเท่า เข้าใจว่ามันเป็นอะไรที่หอมหวาน ที่โลกออนไลน์ตรงนี้มันกำลังเป็นไปอยู่ แต่ว่าอย่าไปเป็นทาสของมัน ต้องมีวิจารณญาณนิดหนึ่ง”

“สื่อก็เป็นดาบ 2 คม เราจะไม่รู้ว่าสิ่งที่เขานำเสนอนั้นมันจะจริงหรือไม่จริง สื่อบันเทิงแมทเข้าใจ จะมานั่งคำนวณวิทยาศาสตร์มันก็ไม่ใช่ มันก็เสพเป็นความสนุก เอาไปเม้าท์กับเพื่อนเป็นการผ่อนคลายในชีวิต เหมือนเราดูละคร ก็เอาแบบพอประมาณ และอย่าอินเกินในสิ่งที่เรายังพิสูจน์ไม่ได้”

2 ปีที่แมทสูญเสียโอกาสไปมากมายมหาศาล แต่แมทมองเห็นข้อดีของการหยุดงานในวงการบันเทิงไปของเราบ้างไหม?

“ในสิ่งที่เสียไปมันก็ได้อะไรกลับมาอยู่เหมือนกันนะคะ มันก็ไม่ได้เป็นอะไรที่แย่ขนาดนั้น ก่อนหน้านี้เมื่อนานมากแล้ว ตอนแมทอายุ 20 กว่า แมทรู้สึกอิ่มตัว รู้สึกอิ่มตัวในวงการ คือเรารู้สึกว่าเรา Handle การเป็นดาราได้ไม่ดีเท่าที่ควร เรารู้จักแค่ที่จะเล่นละคร แสดงละคร และเรารู้สึกเราทำได้ดี เรามีพัฒนาการ เราพอใจในผลงานตัวเองและทุกคนก็ชื่นชอบ แต่ถามว่าการเป็นดาราที่ไม่ใช่นักแสดง อันนั้นมันเป็นเรื่องยากสำหรับแมท”

แมท-ภีรนีย์ พูดความในใจ

หลังจากนี้ก็จะทำให้ดีขึ้น?

“แน่นอนค่ะ ก็จะทำให้ดีขึ้น ก็ไม่ถึงกับคิดผิดนะคะ แต่เราก็คิดว่าเราตัดสินใจถูกประมาณหนึ่งที่เราอยู่นิ่งๆ อยู่นิ่งๆ ของเราหน่อยดีกว่าก็ออกไปทบทวนตัวเอง หลายๆ คนอาจจะมองว่า วันนี้แมทมาออก รายการหลายๆ คนอาจจะเซอร์ไพร้ส์ เพราะแมทเป็นนักแสดงสังกัดช่อง 3 และนี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่แมทตัดสินใจมา เพราะว่าอย่างที่บอกว่าแมทพยายามปรับตัวให้อยู่ได้ เป็นดาราด้วย เป็นนักแสดงด้วยให้ได้ดีที่สุด”

“เมื่อก่อนตอนที่เราเป็นเด็กน้อย เราจะรู้สึกว่าก็เราเป็นแบบนี้แหละ เราไม่ต้องสร้างภาพ แต่เมื่อโตมาเราได้เรียนรู้ว่า ถ้าภาพที่เราสร้างมันเป็นภาพที่ดี มันก็ควรทำไว้บ้าง เพราะว่ามีคนข้างนอกนั้นที่อาจจะชื่นชมหรือมองเราเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับใคร พอพูดอย่างนี้เราก็รู้สึกว่า เราน่าจะไปทำคุณค่าให้กับใครไม่มากก็น้อย”


ข้อมูลจาก : Thairath Talk

สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

จุดเริ่มต้นเกิดที่ฟิตเนส ‘สงกรานต์’ รับเต็มปากคบ ‘แมท ภีรนีย์’

หวานเข้ม! แมท – สงกรานต์ คู่รักที่แข็งแกร่ง ออกงานคู่อย่างเปิดเผยครั้งแรก

เปิดใจครั้งแรก! “แมท ภีรนีย์” ถูกใจ “สงกรานต์” ให้โอกาสไปพิสูจน์ตัวเอง

กระเป๋าแบรนด์ COACH HOLIDAY CAMPAIGN

ก่อนสิ้นปีต้องมีสักใบ! กระเป๋าแบรนด์ COACH รุ่นใหม่ คอนเฟิร์มสวยทุกแบบ

กระเป๋าแบรนด์ COACH HOLIDAY CAMPAIGN
กระเป๋าแบรนด์ COACH HOLIDAY CAMPAIGN

เปิดตัว กระเป๋าแบรนด์ COACH กับแคมเปญ  “Holiday Is Where You Find It”  ประจำฤดูกาลฮอลิเดย์ปี 2020 นำทีมโดย Face of Coach อย่าง เจนนิเฟอร์ โลเปซ (Jennifer Lopez) และไมเคิลบี จอร์แดน (Michael B. Jordan) พร้อมทั้งแอมบาสเดอร์ของโค้ช (Coach)  กิโกะ มิซูฮาระ (Kiko Mizuhara) และเจเรมี ลิน (Jeremy Lin) รวมถึงบุคคลสำคัญใน Coach Family อีกมากมาย

กระเป๋าแบรนด์ COACH HOLIDAY CAMPAIGN

กระเป๋าแบรนด์ COACH HOLIDAY CAMPAIGN

ก่อนสิ้นปีต้องมีสักใบ! กระเป๋าแบรนด์ COACH รุ่นใหม่ คอนเฟิร์มสวยทุกแบบ

แคมเปญเกิดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลประจำปีที่ทุกคนรอคอยของปี 2020 โดยเน้นย้ำถึงความเชื่อของโค้ชในแง่บวกค้นหาความสุขในสิ่งเล็กน้อยและแสวงหาความสะดวกสบายในการอยู่ร่วมกันและเทศกาลที่คุ้นเคย “HOLIDAY IS WHERE YOU FIND IT” จะเปิดตัวเป็นชุดที่หลากหลาย และภาพของเหล่า Coach Family ที่จะได้เห็นการเฉลิมฉลองเทศกาล โดยเน้นย้ำวันหยุด ว่าเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึง ไม่ว่าคุณจะฉลองปีนี้อย่างไร

กระเป๋าแบรนด์ COACH HOLIDAY CAMPAIGN

กระเป๋าแบรนด์ COACH HOLIDAY CAMPAIGN

แคมเปญนี้สะท้อนให้เห็นถึงยุคสมัยใหม่ Coach Family ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวของ เจนนิเฟอร์ โลเปซ (Jennifer Lopez) , Guadelupe Lopez และลูกๆ Emme และ Max Muñiz หรือจะไมเคิลบี จอร์แดน ถ่ายภาพร่วมกับเพื่อนสนิทและครอบครัว ได้แก่ Chad Easterling , Leo Volcy , Jove Edmond , Sterling Brim , René Spellman , Vince Bryant , Bryce Sheldon และ Corey Calliet ส่วนกิโกะ มิซูฮาระ (Kiko Mizuhara) ปรากฏตัวพร้อมกับน้องสาวของเธอ ยูกะ มิซูฮาระ(Yuka Mizuhara) และแมวของเธอที่ชื่อว่า Chiccho และ Bambi

กระเป๋าแบรนด์ COACH HOLIDAY CAMPAIGN

กระเป๋าแบรนด์ COACH HOLIDAY CAMPAIGN

กระเป๋าแบรนด์ COACH HOLIDAY CAMPAIGN กิโกะ

กระเป๋าแบรนด์ COACH HOLIDAY CAMPAIGN กิโกะ

กระเป๋าแบรนด์ COACH HOLIDAY CAMPAIGN กิโกะ

กระเป๋าแบรนด์ COACH HOLIDAY CAMPAIGN กิโกะ

แคมเปญ Coach นี้มีชีวิตชีวาขึ้นมาได้ ด้วยการร่วมกันของกลุ่มครีเอทีฟระดับโลก รวมถึงช่างภาพและผู้กำกับ Ryan McGinley, Renell Medrano , Hao Zeng, Brad Ogbonna , Takako Noel , Gen Yoshida , Fan Xin , DJ Furth , Zhangmeng, Jian LV และ Christelle de Castro

กระเป๋าแบรนด์ COACH สะพายหลัง

กระเป๋าแบรนด์ COACH

กระเป๋าแบรนด์ COACH

“Holiday Is Where You Find It” จะเน้นไปที่กระเป๋าสะพาย Beat ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากทัศนคติของคนในเมืองนิวยอร์ก รวมถึงกระเป๋าเป้ Hitch และ Belt Bag สำหรับผู้ชาย วิดีโอพิเศษจะเน้นไปที่ Swinger Bag ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากกระเป๋าดั้งเดิมของ Coach ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกยุค 80s กลับมาทำใหม่อีกครั้ง


ภาพ : COACH

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

สวยฟาดมาก กระเป๋าแบรนด์ SAINT LAURENT ลายโมโนแกรม 3 ดีไซน์ที่น่าลงทุน

ข้าวกล่องไฮเอนด์! กระเป๋าแบรนด์ BALENCIAGA รุ่น LUNCH BOX สะพายแล้วเก๋

ไขข้อสงสัย กระเป๋าแบรนด์เนม Lady Dior และ Lady D-lite ต่างกันยังไง?

 

หญิงแม้น เผย ตั้งใจคลอดธรรมชาติ โยคะมีส่วนช่วยให้ราบรื่น

account_circle

กำลังเป็นคุณแม่ลูกอ่อนที่ตอนนี้กำลังวุ่นดูแลน้องสกาย ลูกชายหัวแก้ว หัวแหวนที่เพิ่งลืมตาดูโลก สำหรับ หญิงแม้น หม่อมราชวงศ์แม้นนฤมาส ยุคล แต่จะวุ่นแค่ไหนก็ยังหาเวลาดูแลตัวเอง พร้อมกับแชร์ประสบการณ์ให้กับว่าที่คุณแม่เกี่ยวกับวิธีคลอดของเธอ

หญิงแม้น
ที่มาของชื่อน้อง “สกาย” เพราะคุณพ่อชื่อซัน และคำว่า”มาส” ในชื่อจริงแม้นนฤมาส แปลว่าพระจันทร์ค่ะ

อย่างที่รู้กันว่าการคลอดธรรมชาตินั้น เป็นการกำเนิดลูกน้อยที่แม่ๆ หลายคนหากร่างกายพร้อมและไม่เสี่ยงอันตรายใด ก็จะเลือกวิธีนี้กันมากที่สุด เพราะฟื้นตัวง่าย และไม่เกิดแผลเป็นใดๆ ที่หน้าท้อง ซึ่งหญิงแม้นเองก็ตั้งใจเลือกวิธีนี้เป็นอันดับแรกเช่นกัน โดยเธอเผยว่าถึงโมเม้นต์นี้ว่า

หญิงแม้น เผย ตั้งใจคลอดธรรมชาติ โยคะมีส่วนช่วยให้ราบรื่น

หญิงแม้น

ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกว่าอยากจะคลอดธรรมชาติ ด้วยเหตุผลอะไรหลายๆ อย่าง ปฏิกิริยาแรกที่ได้รับจากทุกคนคือ “เก่งมาก” โดยส่วนตัวไม่ค่อยเห็นด้วยว่ามันเก่งตรงไหน เพราะรู้สึกว่าธรรมชาติสร้างร่างกายผู้หญิงมาแบบนี้ การที่จะเบ่งลูกออกมาเองก็เป็นเรื่องธรรมดา ที่ใครๆ ก็สามารถทำได้ และทำกันมานานมากๆแล้วด้วย (แต่ส่วนใหญ่คนจะกลัวว่าเจ็บ อยากจะบอกว่าผ่าคลอดก็เจ็บจ้าาา ไม่มีอะไรไม่เจ็บหรอก ต่างกันตรงเจ็บก่อน เจ็บหลังเท่านั้นเอง)

คำแนะนำสำหรับคุณแม่ที่อยากจะคลอดธรรมชาติจริงๆและตั้งใจทำให้สำเร็จนะคะ

หญิงแม้น

อันดับแรกคือการเลือกหมอ แม้นคิดว่าเรื่องนี้สำคัญที่สุด ถ้าเราอยากคลอดธรรมชาติแต่ดันไปฝากท้องกับคุณหมอชื่อดังที่ถนัดผ่า โอกาสที่เราจะคลอดธรรมชาติได้แทบจะไม่มีเลย ก่อนอื่นเราต้องศึกษาให้ดีตอนเลือกหมอว่าเป็นคุณหมอที่สนับสนุนการคลอดธรรมชาติหรือเปล่า คือหมอต้องมีเวลาให้เราเยอะ ไม่ใช่หมอที่รับเคสแน่นๆทั้งวัน

หญิงแม้น

ส่วนตัวแม้นเลือกคุณหมอเทวินทร์ เดชเทวพร รพ.สมิติเวช สุขุมวิท แล้วไม่ผิดหวังจริงๆค่ะ หลายครั้งที่แอบเอนเอียงไปผ่าคลอด โดยเฉพาะช่วงไตรมาสสุดท้ายที่เพื่อนพี่น้องหลายคนที่ท้องใกล้ๆกัน (ผ่า) คลอดไปหมดแล้ว เราอยากจะรู้วันเวลาที่น้องมาเกิดมากก เป็นคนใจร้อน การคลอดธรรมชาติคือเตรียมตัวไม่ถูกเลย ไม่รู้น้องจะมาวัน เวลาไหน แต่คุณหมอเทวินทร์ก็ทำให้เรามั่นใจว่าเราจะสามารถคลอดธรรมชาติได้ และตลอดการตั้งครรภ์คือคุณหมอเน้นให้เรามีความสุข ไม่เครียด ไม่ทำให้วิตกกังวลเลย ออกจะสบายๆ เกินไปจนเรางงด้วยซ้ำ

หญิงแม้น

อีกคนคือสามี @torsvasti ที่ยืนยันอยากให้คลอดธรรมชาติจริงๆ เพราะอยากให้น้องได้กินนมแม่ตั้งแต่วันแรก สามีเป็นกำลังใจให้ตลอดเวลาว่าเราทำได้ และเชื่อมั่นในตัวเราที่สุด แม้เราจะงอแงขอเปลี่ยนใจกี่ครั้งก็ตาม

หญิงแม้น

การดูแลตัวเองค่ะ แม้นเป็นคนกระตือรือร้นมาก ยังขับรถเองจนวันสุดท้ายก่อนคลอด และตั้งแต่ท้องคือแทบจะไม่มีการนอนเปื่อยๆ อยู่บ้านเลย ยิ่งพอตั้งใจว่าจะคลอดธรรมชาติ ตอนครบ 15 สัปดาห์ก็ไปเริ่มเล่นโยคะกับครูหนู-ชมชื่น สิทธิเวช ตามคำแนะนำของพี่ๆ และเล่นมาตลอดจนวันสุดท้ายก่อนคลอด

อยากจะบอกว่ามันดีมากกกจริงๆ ค่ะ ตลอดเวลาของการตั้งครรภ์ไม่เคยแขน ขา หรือเท้าบวมเลย ตะคริวตอนกลางคืนก็แทบไม่เป็น และเห็นผลสุดๆ โดยเฉพาะในวันคลอด ทั้งเรื่องการหายใจ และกล้ามเนื้อส่วนล่างของเราคือพร้อมเบ่งน้องออกมาด้วยตัวเองจริงๆ ค่ะ รู้เลยว่าถ้าไม่ได้เล่นโยคะกับครูหนูมา อาจจะคลอดธรรมชาติไม่สำเร็จด้วยซ้ำ ร่างกายเราคงไม่พร้อมขนาดนี้ค่ะ

ช่วงไตรมาสสุดท้ายแม้นดื่มน้ำอินทผลัมของ @mommybooster วันละขวด บำรุงมดลูกให้แข็งแรงค่ะ ช่วงหลังๆ มีเพิ่มน้ำหัวปลีอีกขวดด้วยผลคือน้ำนมมาตั้งแต่วันแรก และรู้สึกว่ามดลูกฟื้นตัวเร็วมากจริงๆ ค่ะ แต่เอาจริงๆ คิดว่าไม่ได้เกิดจากการกินน้ำ หรือทำอะไรสักอย่างเดียวแล้ว things magically fall into place นะคะ อยู่ที่ความตั้งใจทุกๆ อย่างรวมกัน ถ้าเราเชื่อมั่นว่าเราทำได้ เราก็จะสามารถทำมันได้ค่ะ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันมีเหตุและปัจจัยอีกหลายอย่างมากๆ ในการที่จะทำให้สำเร็จ แม่อาจจะร่างกายพร้อม ใจพร้อม แต่น้องเขาไม่พร้อม มันไม่ได้แปลว่าคุณล้มเหลวนะคะ ขอเป็นกำลังใจให้แม่ๆ ทุกคนค่ะ สุดท้ายแล้วไม่ว่าน้องจะเกิดมาด้วยวิธีไหนก็ไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือคุณแม่และน้องปลอดภัยก็พอค่ะ


CR : @yingmann

ราชนิกูลหญิงผู้ใช้ชีวิตหรูหรา เปลี่ยนมาเซอร์ติดดิน อะไรทำให้เธอเปลี่ยนได้ขนาดนี้

คุณแม่มือใหม่ ‘หญิงแม้น’ ม.ร.ว.แม้นนฤมาส กว่าจะได้เบบี๋หนุ่มน้อยเล่นเอาเหนื่อย!

งามสง่าสมเป็นราชนิกุล “หญิงแม้น” ในลุคเจ้าสาว สวมเครื่องทองโบราณสมัยรัชกาลที่ ๕

หัวหิน แจ๊ส เฟสติวัล 2020

สุนทรีย์ที่สุดแห่งปี ! “หัวหิน แจ๊ส เฟสติวัล 2020” เทศกาลดนตรีนานาชาติ 4-5 ธ.ค. นี้

หัวหิน แจ๊ส เฟสติวัล 2020
หัวหิน แจ๊ส เฟสติวัล 2020

ต้อนรับลมหนาวในเดือนธันวาคมนี้ ให่มาสัมผัสปรากฏการณ์แห่งดนตรีแจ๊สที่ดีที่สุดแห่งปีอีกครั้งใน ‘หัวหิน อินเตอร์เนชันแนล แจ๊ส เฟสติวัล 2020’ เทศกาลดนตรีแจ๊สนานาชาติประจำปี 2563 พร้อม ‘แจ๊สกันให้สนั่นหาด’ เบื้องหน้าความงดงามของชายหาดหัวหินส่งท้ายปลายปี

หัวหิน แจ๊ส เฟสติวัล 2020
COAST Beach Bar & Bistro Hua Hin

 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์บีชรีสอร์ทและวิลลา หัวหิน ร่วมกับ เทศบาลเมืองหัวหิน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และแจ๊ส อะไลฟ์ โชว์บิส ออแกไนซ์เซอร์ชื่อดังด้านการจัดงานแสดงดนตรีและความบันเทิง ขอเชิญทุกท่านเตรียมตัวร่วมสัมผัสปรากฏการณ์แห่งดนตรีแจ๊สที่ดีที่สุดแห่งปีอีกครั้งใน ‘หัวหิน อินเตอร์เนชันแนล แจ๊ส เฟสติวัล 2020’ (Hua Hin International Jazz Festival 2020) ระหว่างวันที่ 4-5 ธันวาคม 2563 เทศกาลดนตรีแจ๊สนานาชาติประจำปีที่จะกลับมาคืนความสุขพร้อมสร้างสีสันแห่งเสียงดนตรีเบื้องหน้าทัศนียภาพอัดงดงามของทะเลและท้องฟ้าสีครามของชายหาดหัวหิน ตลอดบริเวณหน้าโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ฯ หนึ่งในผู้สนับสนุนหลักของเทศกาลดนตรีแจ๊สหัวหินในทุกๆปี เพื่อมอบความสนุกเคล้าเสียงดนตรีให้ทุกท่านอีกครั้ง

หัวหิน แจ๊ส เฟสติวัล 2020

พบกับหลากหลายชุดการแสดง เต็มที่ 2 วัน 2 เวที กว่า 30 คอนเสิร์ต ทั้งจากเวทีหลักริมหาด ‘เมน สเตจ’ (Main Stage) และเวทีรอง ‘ฟิวชัน สเตจ’ (Fusion Stage) สุดคึกคักจากขบวนศิลปินชั้นนำแถวหน้าของวงการเพลง อาทิ โก้ มิสเตอร์ แซกแมน, บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์, สินเจริญ​ บราเธอร์ส, ปั่น ไพบูลย์เกียรติ, 3 หนุ่ม ทริปเปิล-เจ (Triple J), ซิดนีย์ แอนด์ เฟรนด์ส (Sydney & Friends) รวมถึงศิลปินนานาชาติชื่อดังอย่าง คีธ โนแลน (Keith Nolan), สตีฟ แคนนอน (Steve Cannon), จูเลียน แครี่ (Julian Cary) และทีมงานเพลงมากความสามารถกว่าอีก 100 ชีวิต ที่จะมารวมตัว ‘แจ๊สกันให้สนั่นหาด’ เพื่อถ่ายทอดมนต์เสน่ห์แห่งเพลงแจ๊สในแบบฉบับของตัวเอง เนรมิตให้ทั้งบริเวณเป็นเมืองริมหาดแห่งดนตรีแจ๊ส สร้างความเพลิดเพลินและมอบสุนทรีย์แห่งการพักผ่อนเหนือระดับ โดยทุกท่านสามารถเข้าร่วมงานได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น เพื่อตอกย้ำความเป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยวระดับนานาชาติอย่างแท้จริง

หัวหิน แจ๊ส เฟสติวัล 2020

เทศกาลดนตรีแจ๊สนานาชาติหัวหิน หรือ หัวหิน อินเตอร์เนชันแนล แจ๊ส เฟสติวัล 2020 (Hua Hin International Jazz Festival 2020) จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 4 – 5 ธันวาคม 2563 ตั้งต่เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป ณ ชายหาดหัวหินด้านหน้า โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์บีชรีสอร์ทและวิลลา หัวหิน โดยทุกท่านสามารถเข้าร่วมงานได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น และถึงแม้ว่างานดังกล่าวจะเป็นการจัดกิจกรรมแบบกลางแจ้ง ผู้เข้าร่วมงานจะต้องปฏิบัติตามมาตรการการเว้นระยะห่างทางสังคม หรือ Social Distancing (โซเชียล ดิสแทนซิ่ง) อย่างเคร่งครัด โดยทางผู้จัดงานมีความเข้มงวดในการเว้นระยะห่างทางสังคมแบบหมู่คณะ รวมทั้งผู้เข้าร่วมงานทุกคนจะได้รับการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายก่อนเข้าพื้นที่ ต้องสแกนคิวอาร์โค้ดผ่านแอพพลิเคชั่น “ไทยชนะ” ซึ่งได้แบ่งหมวดพื้นที่อย่างละเอียดครบถ้วนเพื่อให้ทุกท่านสามารถสแกนเข้า-ออกได้อย่างถูกต้องแม่นยำ มีการจัดเจลแอลกอฮอล์ล้างมือไว้ให้บริการและที่สำคัญที่สุดคือการเน้นย้ำการสวมหน้ากากอนามัยของผู้เข้าร่วมงานอย่างเคร่งครัด

หัวหิน แจ๊ส เฟสติวัล 2020

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  0 3251 2021 หรืออีเมลล์ [email protected]

“เมืองไทยประกันภัย” จัดงาน Partner of Pride ‘เชื่อมสายใย หัวใจสีฟ้า’ เปิดเวทีเผยกลยุทธ์ แนวทางการดำเนินธุรกิจตัวแทน เตรียมพร้อมรุกดันยอดขายภายในปี 2564

บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ MTI จัดงานสัมมนา Partner of Pride “เชื่อมสายใย หัวใจสีฟ้า” เปิดเวทีให้ความรู้แก่ตัวแทนด้านการขายแบบหมดเปลือก และเผยกลยุทธ์แนวทางในการดำเนินธุรกิจสำหรับช่องทางตัวแทนที่จะเกิดขึ้นในปี 2564 เตรียมความพร้อมดันยอดขายให้มีกำไรเหนือการเติบโต เพื่อรองรับยุค New Normal หรือการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคหลังเกิดเหตุการณ์วิกฤตโควิด-19 และมุ่งเน้นการทำงานผสมผสานระหว่างคนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่ ในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2563  ณ แกรนด์ บอลรูม 1 ชั้น 3 โรงแรม ดิ เอ็มเมอรัล รัชดา

นางนวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ MTI เปิดเผยว่า “ช่วงปี 2563 ที่ผ่านมาประเทศไทยได้เจอกับภาวะวิกฤตโควิด-19 ระบาดอย่างหนัก จนส่งผลกระทบไปถึงภาวะเศรษฐกิจของประเทศมีการชะลอตัว ถือได้ว่ามีความผันผวนสูงและไม่อาจจะฟื้นตัวได้อย่างเร็ววัน ซึ่งโค้งสุดท้ายในปีนี้มีความตั้งใจและเป็นห่วงใยพี่น้องตัวแทนขายทุกช่องทางของบริษัทฯ โดยได้จัดงานสัมมนา Partner of Pride “เชื่อมสายใย หัวใจสีฟ้า” นี้ขึ้นมาเพื่อให้ตัวแทนทุกคนได้รับความรู้ด้านการดำเนินธุรกิจที่ต้องปรับเปลี่ยนไปตามพฤติกรรมของผู้บริโภค และรับทราบถึงกลยุทธ์ด้านแนวทางในการดำเนินธุรกิจในปี 2564”

สำหรับแนวทางการดำเนินธุรกิจที่จะเกิดขึ้นในปี 2564 จากความไม่แน่นอนของสถานการณ์โควิด-19 ทำให้หลายๆ ธุรกิจเกิดการแข่งขันทางด้านราคา ซึ่งส่งผลกระทบต่อผลกำไรภาพรวมของธุรกิจ และคาดว่าปี 64 ยอดขายในส่วนของรถยนต์อาจจะเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย ซึ่งประกันสุขภาพอาจจะเข้ามาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของผู้บริโภค จึงเล็งเห็นความสำคัญในการให้ความรู้แก่ตัวแทนแบบรอบด้านที่เกี่ยวข้องกับการทำงานโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Personal Data Protection Act (PDPA) พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล การใช้ระบบ Enterprise Resource Planning (ERP) ที่เข้ามาช่วยจัดการและวางแผนการทำบัญชีให้สะดวกมากยิ่งขึ้น และให้ข้อมูลเกี่ยวกับเป้าหมายและทิศทางของผลิตภัณฑ์ทั้ง Motor และ Non-Motor รวมไปถึงแนะนำการใช้ระบบ Click to Sale หรือการซื้อขายผ่านช่องทางออนไลน์

และสำหรับแนวทางในการบริหารงานด้านการทำงานของตัวแทนในปีต่อๆ ไป ทางเมืองไทยประกันภัยมุ่งเน้นการทำงานแบบผสมผสานระหว่างคนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่ ซึ่งต้องยอมรับว่าทุกวันนี้สังคมโลกได้ถูก Disrupt แทบทุกด้าน ดังนั้น ทุกคนทุกวัยจะต้องปรับตัวเข้าหากันให้มากขึ้น จึงให้ความสำคัญกับตัวแทนทุกกลุ่ม ทั้งกลุ่มที่เป็นคู่ค้าของเมืองไทยประกันภัยมาอย่างยาวนาน บางท่านได้ส่งอาชีพไปถึงรุ่นลูก และอีกกลุ่ม คือ กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ได้เติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยี มีความคิดแบบใหม่ๆ และประกอบกับพฤติกรรมของผู้บริโภคมีแนวโน้มใช้ดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น เมืองไทยประกันภัย จึงได้มุ่งเน้นการพัฒนาและเตรียมความพร้อมในการนำเทคโนโลยีมาใช้ เพื่ออำนวยความสะดวกทุกด้าน ทั้งในด้านการขายและการบริการของตัวแทน ในโอกาสนี้จึงอยากจะมอบโอกาสที่ดีในการส่งต่ออาชีพการขายประกันภัย ที่คอยทำหน้าที่ช่วยเหลือผู้คนในเวลาเกิดภัย ด้วยความภาคภูมิใจที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเมืองไทยประกันภัย” นางนวลพรรณ กล่าวเพิ่มเติม

สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา

สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ เสด็จพระราชดำเนินเยือนเพชรบุรี เป็นการส่วนพระองค์

Alternative Textaccount_circle
สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา
สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา
เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2563 เวลา 15.30 น. สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปยังอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี เป็นการส่วนพระองค์
สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา
ในการนี้ ทรงตรวจเยี่ยมการดำเนินงานโครงการร่วมพัฒนาพื้นที่กองบัญชาการตรวจตระเวนชายแดน เพื่อดำเนินงานตาม “หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” ซึ่งเป็นการดำเนินการร่วมพัฒนาพื้นที่ 8-1-48 ไร่ในพื้นที่ค่ายนเรศวร
สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา
โดยการบูรณาการหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มาประยุกต์ให้เหมาะสมกับพื้นที่ พัฒนาเป็นศูนย์การเรียนรู้แก่เกษตรกร ในการศึกษาดูงานและทดลองปฏิบัติ อันจะก่อให้เกิดประโยชน์ และส่งเสริมด้านการเกษตรต่อไป ณ กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตรวจตระเวนชายแดน (ค่ายนเรศวร)
สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา

สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา ฯ เสด็จพระราชดำเนินเยือนเพชรบุรี เป็นการส่วนพระองค์

สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา
จากนั้น เสด็จพระราชดำเนินไปยังโครงการอ่างเก็บน้ำหุบกระพง เพื่อทรงทอดพระเนตรและรับฟังการถวายบรรยายสรุป โครงการอ่างเก็บน้ำหุบกะพง อ่างเก็บน้ำห้วยทราย-หุบกระพง และอ่างเก็บน้ำห้วยแก้ว ในพื้นที่อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี โดยรองอธิบดีกรมชลประทาน เป็นผู้ถวายบรรยายสรุป
สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา
สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา
สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา
สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา
สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา

keyboard_arrow_up