สงบโดนใจ Veyla Natai Residences วิลล่าหรูริมทะเล โลเคชันลับหาดนาใต้ พังงา ที่ต้องปักหมุด

สงบโดนใจ Veyla Natai Residences วิลล่าหรูริมทะเล โลเคชันลับหาดนาใต้ พังงา ที่ต้องปักหมุด

Alternative Textaccount_circle
สงบโดนใจ Veyla Natai Residences วิลล่าหรูริมทะเล โลเคชันลับหาดนาใต้ พังงา ที่ต้องปักหมุด
สงบโดนใจ Veyla Natai Residences วิลล่าหรูริมทะเล โลเคชันลับหาดนาใต้ พังงา ที่ต้องปักหมุด

ในยุคที่การหนีเมืองคือสกิลติดตัวของมนุษย์ออฟฟิศ แพรว ขอชี้เป้าจุดหมายปลายทางใหม่ที่เงียบสงบแต่ถูกใจ Veyla Natai Residences วิลล่าหรูริมทะเลที่ตั้งอยู่บนหาดนาใต้ จ.พังงา ห่างจากสนามบินภูเก็ตเพียง 30 นาที แต่ความรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปอีกโลกหนึ่ง…โลกที่ไม่มีเดดไลน์ มีแต่อาหารเช้าอร่อยๆ กับเสียงคลื่นสุดชิลล์

สงบโดนใจ Veyla Natai Residences วิลล่าหรูริมทะเล โลเคชันลับหาดนาใต้ พังงา ที่ต้องปักหมุด

Veyla Natai วิลล่าหรูลุคโมเดิร์นมินิมอลสะอาดตา ที่แค่เปิดประตูมาก็รู้เลยว่า “ที่นี่มีดีไซน์” ไม่ใช่แค่ความเกลี้ยงเกลาแบบฝรั่งจ๋า แต่แอบหยอดดีเทลงานคราฟต์แบบไทยๆ ไว้ในทุกมุมอย่างมีชั้นเชิง สร้างบาลานซ์ระหว่างความละมุนกับความล้ำได้อย่างลงตัว ขอย้ำตรงนี้เลยว่า ถ้าคุณเป็นสายคาเฟ่ฮอปเปอร์ผู้คลั่งไคล้แสงธรรมชาติ ที่นี่คือสตูดิโอธรรมชาติขนาดยักษ์ เพราะแดดเช้าก็ดี แดดเย็นก็โดน วิวล่าที่ให้แสงธรรมชาติสวยกริบแบบไม่ต้องเปิดโหมด Portrait ก็ยังปัง

ทุกหลังมีสระว่ายน้ำส่วนตัว (ว่ายได้แบบไม่ต้องกลัวหลุดเฟรมคนอื่น) ห้องนั่งเล่นโล่งโปร่งติดทะเล และห้องนอนที่นุ่มเหมือนมีคนมากล่อมให้หลับด้วยเสียงคลื่น ใครขี้เกียจทำอะไรเองไม่ต้องห่วง เพราะมี villa manager กับ private chef ดูแลครบ จัดให้ตั้งแต่ข้าวต้มกุ้งยันดินเนอร์ใต้แสงเทียน (หรือจะให้เค้าจัดเซอร์ไพรส์คนรักก็ได้นะ)

หาดนาใต้ โลเคชันลับที่ควรค่าต่อการปักหมุด
บอกเลยว่าใครเคยเที่ยวภูเก็ตแล้วเบื่อความวุ่นวาย ลองขับมาแค่ครึ่งชั่วโมงจะเจอ “นาใต้” หาดลับที่ยังไม่ดังแต่ดีเกินต้าน ความรู้สึกเหมือนหลุดมาจาก Pinterest Board ว่าด้วย ‘Beach Escape’ ที่คนยังไม่แน่น น้ำทะเลใส ฟ้าสวย ทรายละเอียดนุ่มเท้าเดินเพลิน ยิ่งช่วงเย็นคือฟีลดีสุดๆ แดดอ่อน ลมดี เดินเล่นชิลๆ หรือจะพายคายัคจับมือคนข้างๆ ไปดูพระอาทิตย์ตกแบบฉบับโรแมนติกก็ได้ คะแนนเต็มสิบไม่หัก ยกเว้นใครมาคนเดียว…ก็แค่หักใจเอาเอง

กิจกรรมแน่น เที่ยวเล่นได้ทั้งวัน
สำหรับสายแอคทีฟที่อยากได้มากกว่าการนอนฟังคลื่น Veyla Natai ก็อยู่ใกล้จุดดำน้ำสวยๆ ทั้งแบบลึกและตื้น น้ำใสแจ๋วจนเห็นแนวปะการังได้ชัดแบบไม่ต้องพึ่งกล้องใต้น้ำ ใครอยากออกกำลังเบาๆ ก็มีเส้นทางเดินป่าในเขตพังงาให้ไปสูดอากาศดีๆ ถ่ายรูปกับต้นไม้ใหญ่ให้เต็มฟีด แล้วค่อยกลับมานวดในวิลล่ากับวิวทะเลเบา ๆ คือชีวิตบาลานซ์แบบดีสุดๆ แถมยังได้รูปสวยไว้เป็นแรงบันดาลใจทริปหน้าอีกต่างหาก

Veyla Natai ไม่ได้แค่ขายความหรูหรา แต่ขายโมเมนต์เงียบๆ ที่เราหลงลืมไปในชีวิตประจำวัน มันคือที่ที่เราได้อยู่กับตัวเอง หรือกับคนที่เรารัก…โดยไม่ต้องเช็กเมลทุก 5 นาที ใครที่กำลังมองหาสถานที่พักผ่อนที่มีทั้งดีไซน์ ความสงบ และการบริการแบบ 5 ดาว ที่นี่แหละคือคำตอบที่ควรปักหมุดไว้ในลิสต์ชีวิต

นอกจากนี้ ขอรวมสถานที่ท่องเที่ยว “นาใต้” จุดหมายปลายทางสุดคูลของพังงา ที่จะพาใจล่องลม ชมทะเล และสัมผัสเสน่ห์ของชุมชนที่มีชีวิตชีวา เริ่มต้นที่ “สะพานนาใต้” แลนด์มาร์กริมทะเลที่ไม่ใช่แค่สวย แต่ยังเป็นจุดตกปลายอดฮิต ดำน้ำก็ดี ชมพระอาทิตย์ตกก็เพลิน แถมมีอาหารทะเลสดๆ จากชาวบ้านในราคามิตรภาพให้เติมพลังกันแบบจัดเต็ม ถัดมาแวะ “วัดท่าไทร” วัดไม้สักริมทะเลสุดคลาสสิกกลางป่าสนที่เงียบสงบ สถาปัตยกรรมสวยงามแบบไทยผสมกลิ่นอายอินเดีย พร้อมพระพุทธรูปแกะสลักจากหยกขาวที่สวยจนต้องหยุดมองนานๆ ถ้าอยากได้ของฝากแบบรักษ์โลก ต้องไปที่ “กลุ่มภูตาล” ชุมชนที่เปลี่ยนต้นตาลธรรมดาให้กลายเป็นงานหัตถกรรมสุดเท่ เก๋แบบไทยแท้ และแน่นอนว่าไม่ควรพลาด “อุทยานแห่งชาติเขาลำปี–หาดท้ายเหมือง” ชายหาด 5 ดาวที่สวยนิ่งๆ แต่กินใจ ด้วยแนวสนเรียงตัวสุดโรแมนติก น้ำใสสะอาด และกิจกรรมเด็ดอย่างการชมเต่าวางไข่และปล่อยลูกเต่าลงทะเล ที่นี่มีซากเรือขุดแร่ลำแรกของไทยให้ชมแบบมีสตอรี่ ปิดท้ายด้วย “บ้านท่าดินแดง” ชุมชนมุสลิมกลางป่าโกงกางที่ยังคงใช้ชีวิตเรียบง่าย กลมกลืนกับธรรมชาติ และเปิดบ้านให้ได้เรียนรู้วิถีชุมชนแบบใกล้ชิด นาใต้ไม่ได้มีดีแค่ทะเล แต่เต็มไปด้วยเรื่องราว วิถีชีวิต และความงามที่รอให้ไปค้นพบด้วยตัวเอง


จากสนามลุยสู่รันเวย์ UNEEK PLT ก้าวใหม่ของ KEEN ที่แฟชั่นต้องเหลียวมอง

account_circle

ใครว่ารองเท้าสายลุยจะเป็นแค่เรื่องของสนามป่าเขา เมื่อ KEEN แบรนด์จากพอร์ตแลนด์ผู้เชี่ยวชาญด้านรองเท้า Outdoor ตัดสินใจเปิดเกมใหม่ในโลกแฟชั่น ด้วยการเปิดตัว UNEEK PLT Collection ที่ยกระดับโมเดล Iconic อย่าง UNEEK ให้กลายเป็นสตรีทไอเท็มสุดล้ำที่มี DNA ของทั้ง Performance และ High Fashion ในคู่เดียว

จากแนวคิด “Two cords and a sole” ที่ใช้เพียงเชือกสองเส้นถักทอเป็นโครงรองเท้าที่โอบรับรูปเท้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมดีไซน์ระบายอากาศดีเยี่ยม จนทำให้ UNEEK กลายเป็นไอเท็มคู่ใจของสายสตรีทและนักเดินทางทั่วโลก มาวันนี้ KEEN ไม่หยุดแค่ฟังก์ชัน แต่พาโมเดลนี้ขึ้นรันเวย์ Paris Fashion Week ร่วมกับดีไซเนอร์ Noir Kei Ninomiya ภายใต้ Comme des Garçons จนสร้างกระแสในหมู่แฟชั่นนิสต้าทั่วโลก

และใน Spring/Summer 2025 KEEN กลับมาพร้อมพัฒนาการล่าสุดในชื่อ UNEEK PLT (Platform) ที่ชัดเจนว่าไม่ใช่แค่รองเท้า “ใส่ลุย” แต่คือรองเท้า “ใส่แล้วลุคเฉียบ” กับ 3 รุ่นเด่นที่สะท้อนตัวตนหลากหลาย

  • UNEEK PLT – โมเดลหลักที่ยกระดับวัสดุและดีไซน์ให้ดูพรีเมียมและมินิมอลแบบร่วมสมัย
  • UNEEK PLT Mary Jane – เมื่อความเฟมินีนแบบคลาสสิกถูกจับคู่กับความลุย กลายเป็นรองเท้า Mary Jane สไตล์ใหม่ที่ทั้งน่ารักและเท่ในเวลาเดียวกัน
  • UNEEK PLT Tassel – แฟชั่นสายสตรีทต้องกรี๊ด กับดีเทลพู่สุดยูนีคที่ใส่แล้วสะดุดตาทุกย่างก้าว

งานเปิดตัวจัดเต็มความชิคที่ Keen Garage ชั้น 3 โซน Eden ศูนย์การค้า Central World พร้อมแขกพิเศษ เซเลบสายแฟ และเหล่าแบรนด์ดีไซเนอร์ชั้นนำ ที่มาร่วมอินเทรนด์รองเท้าสุดล้ำคู่นี้ไปพร้อมกัน

UNEEK PLT ไม่ได้เป็นแค่รองเท้าใหม่ แต่คือก้าวใหม่ของ KEEN ที่กล้าปรับลุค Outdoor ให้เฉิดฉายได้ทั้งบนทางดินและทางรันเวย์ และถ้าคุณกำลังมองหารองเท้าสายสตรีทที่ “แตกต่างอย่างมีดีเทล” บอกเลยว่าคอลเลกชันนี้คือคำตอบที่ต้องลองใส่เองถึงจะเข้าใจ


สัมผัส Ferrari กว่า 20 คัน ในงาน Ferrari Approved (Pre-owned) Festival 2025 พร้อมเปิดอาคารใหม่ สู่ประสบการณ์เหนือระดับ

account_circle
  • คาวาลลิโน มอเตอร์ ขนทัพม้าลำพองกว่า 20 คัน มาให้เลือกชม
  • พร้อมเปิดตัวอาคารใหม่ที่พร้อมมอบประสบการณ์เหนือระดับให้กับลูกค้าทุกท่าน
  • Ferrari Approved (Pre‑owned) Festival 2025 จะถูกจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23–25 พฤษภาคม 2568 ณ โชว์รูม คาวาลลิโน มอเตอร์

คาวาลลิโน มอเตอร์ ตัวแทนจำหน่าย และซ่อมบำรุงรถยนต์เฟอร์รารี่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ขอเชิญเหล่าแฟนพันธุ์แท้ม้าลำพองและผู้ที่ใฝ่ฝันถึงการเป็นเจ้าของซูเปอร์คาร์ในฝัน ร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟในงาน “Ferrari Approved (Pre‑owned) Festival 2025” ระหว่างวันที่ 23–25 พฤษภาคม 2568 ณ โชว์รูม คาวาลลิโน มอเตอร์ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ พร้อมต้อนรับการเปิดตัวอาคารใหม่ที่มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกระดับเวิลด์คลาส และในส่วนของศูนย์บริการซ่อมสีและตัวถัง (Body & Paint) มาตรฐานเฟอร์รารี่แบบครบวงจร ทั้งยังมีเครื่องผสมสีอัตโนมัติที่ทันสมัยที่สุดในโลก ที่มีเพียงไม่กี่เครื่องในประเทศไทย

พบกับรถ Ferrari Pre-owned หลากหลายรุ่นจากเจ้าของรถตัวจริงมาให้ได้เลือกชมแบบจุใจ ที่พร้อมให้คุณเป็นเจ้าของรถ เฟอร์รารี่ในฝันได้ง่ายขึ้น รวมถึงรถเดโมราคาสุดพิเศษหลากหลายรุ่น กว่า 20 คัน เช่น รุ่น 812 Superfast, Purosangue, SF90 Stradale, Roma , F8 Spider และรุ่นอื่นๆอีกมากมาย โดยมีรถที่ผ่านการรับรองคุณภาพจากโปรแกรม “Ferrari Approved” ซึ่งผ่านการตรวจเช็คอย่างละเอียดถึง 202 รายการ จากทีมช่างผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ยาวนานและได้รับมาตรฐานการอบรมจากโรงงานผู้ผลิตในประเทศอิตาลี เพื่อรับประกันความปลอดภัยสูงสุดและความอุ่นใจแก่เจ้าของที่ซื้อรถยนต์ Ferrari จึงมั่นใจได้ว่ารถเฟอร์รารี่ที่ผ่านการรับรองการตรวจเช็คจากคาวาลลิโน มอเตอร์ จะอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด

พบกับงาน “Ferrari Approved (Pre-owned) Festival 2025” ในวันที่ 23 – 25 พฤษภาคมนี้ ที่โชว์รูม คาวาลลิโน มอเตอร์ ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ เวลา 10.00 – 17.00 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่คาวาลลิโน มอเตอร์ โทร.02 319 6109 หรือ คุณจริยา (จิ๊บ) 065-240-8296  สำหรับช่องทางออนไลน์ Line OA : @cavallinomotors  


เปิดวาร์ป Porsche Centre Pattaya หมุดหมายใหม่แห่งความเหนือระดับ

account_circle

เปิดตัวพร้อมชวนทุกคนตามไปสัมผัสความเหนือระดับเรียบร้อยแล้ว สำหรับ Porsche Centre Pattaya โชว์รูมและศูนย์บริการระดับโลกแห่งใหม่บนถนนสุขุมวิท บางละมุง พัทยา บนพื้นที่กว่า 5,300 ตารางเมตร ซึ่งเนรมิตโดย บริษัท ไซม์ ดาร์บี้ ออโต้ สปอร์ต จำกัด โดย Porsche Centre Pattaya โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมใหม่ล่าสุด ภายใต้แนวคิด Destination Porsche เพื่อยกระดับประสบการณ์ลูกค้าในภาคตะวันออก

ส่วนหน้าของโชว์รูมภายนอกโดดเด่นด้วยการออกแบบในโทนสีแดงตัดกับสีเงินคลาสสิก ซึ่งสะท้อนถึงความหลงใหลและมรดกอันล้ำค่าของปอร์เช่ พร้อมสื่อถึงจิตวิญญาณแห่งนวัตกรรมอันไม่หยุดนิ่ง ซึ่งเป็นคุณค่าที่ฝังแน่นอยู่ในรถสปอร์ตทุกคันของปอร์เช่

อีกทั้งการออกแบบในเรื่องการประหยัดพลังงาน อาทิ หลังคา ผนัง และกระจกที่เป็นฉนวนกันความร้อนสูงเพื่อลดการได้รับความร้อนและทำให้ใช้พลังงานต่ำลง มีการนำระบบกักเก็บน้ำฝนมาใช้ร่วมกับ อุปกรณ์ประหยัดน้ำเพื่อลดการพึ่งพาแหล่งพลังงานที่ไม่สามารถหมุนเวียนได้ ทำให้สามารถลดการใช้น้ำได้มากถึง 50 เปอร์เซ็นต์ หรือมากกว่า 255,000 ลิตรต่อปี นอกจากนี้ ยังติดตั้งระบบผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์บนหลังคา ที่มีกำลังการผลิตสูงสุด 261 กิโลวัตต์ชั่วโมง ช่วยให้ผลิตไฟฟ้าได้มากถึง 50% ของการใช้ไฟฟ้าทั้งหมด 

ภายในโชว์รูมกว้างขวางทันสมัย มี ‘Racing Line’ พื้นที่จัดแสดงยนตรกรรมชั้นเลิศได้ถึง 8 คัน มีแสงธรรมชาติส่องผ่านเข้ามาช่วยทำให้รถโดดเด่นยิ่งขึ้น  นอกจากนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกด้านดิจิทัลมากมาย รวมถึง Porsche Car Configurator พื้นที่ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานได้หลากหลาย เช่น Co-working Space และการจัดกิจกรรมในโชว์รูม รวมถึงยังมีมุมคอลเล็คชั่นสินค้าไลฟ์สไตล์ของปอร์เช่ที่นำเข้าจากเยอรมนี ทั้งรถจำลอง เครื่องแต่งกาย และอุปกรณ์เสริมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ที่ช่วยให้ลูกค้าได้เติมเต็มจิตวิญญาณปอร์เช่ในทุกช่วงเวลา

ภายในศูนย์บริการครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและเครื่องมือเฉพาะทาง อาทิ ห้องซ่อมแบตเตอรี่ สำหรับปอร์เช่ EV แบตเตอรี่แบบโมดูลาร์ ห้องซ่อมเครื่องยนต์–ระบบส่งกำลัง ระบบทดสอบไฟหน้าพร้อมระบบกล้อง เครื่องถ่วงล้ออัตโนมัติที่จำลองแรงเสียดทานจริง รวมถึงการตั้งศูนย์ล้อ 3D แบบออนไลน์ และเครื่องเปลี่ยนยางแบบไร้คานงัด โดยเครื่องมือทั้งหมดได้รับการรับรองมาตรฐานสูงสุดเหมือนกับศูนย์บริการปอร์เช่ทุกแห่ง  นอกจากนี้มีการติดตั้งรอกยกแบบฝังใต้ดิน ทำให้สภาพแวดล้อมดูสะอาดตา และใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่า สามารถเข้าถึงช่วงล่างของรถและห้องโดยสารได้อย่างสะดวกสบาย โดยรอกแบบฝังใต้ดินนี้ยังปลอดภัยและมีความทนทานมากกว่าเมื่อเทียบกับรอกที่อยู่เหนือพื้นดิน บนชั้นสองของศูนย์บริการเป็นห้องทำสีและซ่อมตัวถังมาตรฐานโลกรับรองโดย VAS พร้อมห้องเชื่อมควบคุมอุณหภูมิ เพื่อการประมวลผลการซ่อมแซมตัวถังเหล็กและอลูมิเนียม นอกจากนี้ ยังมีห้องเตรียมสีแบบปิด 2 ห้อง พื้นที่ทำงาน และห้องพ่นสีทันสมัย 2 ห้องที่พร้อมดูแลซ่อมแซมปอร์เช่ทุกคัน อีกทั้งยังมีบริการเสริมหลากหลาย อาทิ การเคลือบสี ติดตั้งฟิล์มกันรอย (PPF) ฟิล์มกรองแสงสำหรับซันรูฟและมูนรูฟ งานตกแต่งภายใน และการดูแลเบาะหนัง

ทีมงานปอร์เช่ เซอร์วิส พัทยา รวบรวมทีมงานที่มีประสบการณ์สูงทั้งช่างเทคนิคที่มีทักษะและผู้เชี่ยวชาญด้านตัวถังและสีที่ได้รับการฝึกอบรมด้านการดูแลรักษารถยนต์ปอร์เช่โดยเฉพาะ ซึ่งพร้อมที่จะให้บริการลูกค้าปอร์เช่ทุกคนในภาคตะวันออกของประเทศไทย

ภายในงานเปิดตัว ปอร์เช่ เซ็นเตอร์ พัทยา เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2568 บริษัท ไซม์ ดาร์บี้ ออโต้ สปอร์ต จำกัด ได้เผยโฉมรถยนต์ที่เป็นไฮไลท์ ได้แก่ ปอร์เช่ 911 GTS T-Hybrid ซึ่งเพิ่งเปิดตัวในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2025 และ ปอร์เช่ 911 GT3 พร้อมชุดแต่งเพิ่มสมรรถนะ Manthey Performance Kit และ ปอร์เช่ 718 GT4 RS  สร้างความตื่นตาตื่นใจให้ผู้เข้าร่วมงานที่ได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด

นายแอนดรูว์ บาแชม กรรมการผู้จัดการ ไซม์ มอเตอร์ส กล่าวว่า “ความร่วมมืออันยาวนานระหว่างเรากับปอร์เช่ดำเนินมายาวนานกว่าทศวรรษ และครอบคลุมหลายประเทศ รวมถึงมาเลเซีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และปัจจุบันคือประเทศไทย เส้นทางความร่วมมือของเราเต็มไปด้วยความสำเร็จที่น่าจดจำ ตั้งแต่การก่อตั้งโรงงานประกอบรถปอร์เช่แห่งแรกนอกยุโรปที่เมืองอิโนโคม ไปจนถึงการผลิตรถปอร์เช่ คาเยนน์เพื่อส่งออกมายังประเทศไทย เรายังคงมุ่งมั่นที่จะรักษามาตรฐานระดับโลกพร้อมเดินหน้าพัฒนาขับเคลื่อนวงการยานยนต์ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นทั่วทั้งภูมิภาค”

นายฮานเนส รูออฟ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ปอร์เช่ เอเชีย แปซิฟิก เผยว่า “ปอร์เช่ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่องในประเทศไทย โดยปี 2567 ถือเป็นปีแห่งความสำเร็จที่โดดเด่น ตั้งแต่การนำเข้า Cayenne S E-Hybrid Coupé รุ่นแรกที่ประกอบในภูมิภาค ไปจนถึงการเปิด ปอร์เช่ ดีไซน์ ทาวเวอร์ แบงคอก และป๊อปอัพคอนเซ็ปต์ Curvistan Bangkok (เคอร์วิสตาน แบงคอก) และในวันนี้ เราก้าวไปอีกขั้นในการขยายเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายด้วยการเปิด Porsche Centre Pattaya แห่งใหม่ เพื่อส่งมอบประสบการณ์สุดพิเศษและความประทับใจที่ให้กับเจ้าของปอร์เช่ในภาคตะวันออกของประเทศไทย พร้อมเดินหน้าไปกับพันธมิตรทางธุรกิจของเราเพื่อสร้างความเป็นเลิศในการให้บริการ และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั่วภูมิภาค”

นายไมเคิล เวตเตอร์ กรรมการผู้จัดการ ปอร์เช่ ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า “ปอร์เช่ ประเทศไทย ภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับ ปอร์เช่ เซ็นเตอร์ แห่งที่ 4 เข้าสู่เครือข่ายของเรา ซึ่งบริษัท ไซม์ ดาร์บี้ ออโต้ สปอร์ต จำกัด ถือว่าเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่มีประสบการณ์อันยาวนานในวงการปอร์เช่ โดยลูกค้าและแฟนของปอร์เช่มั่นใจได้ว่า รถสปอร์ตในฝันของคุณจะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด ภายใต้บริการที่มีมาตรฐานระดับโลก”

นายอาร์นท์ เบเยอร์ กรรมการผู้จัดการ ไซม์ ดาร์บี้ ออโต้ สปอร์ต กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เปิดตัวปอร์เช่ เซ็นเตอร์ พัทยา ซึ่งเพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย พนักงานทุกคนผ่านการฝึกอบรมระดับสูงและใส่ใจในทุกรายละเอียด พวกเราพร้อมให้บริการระดับพรีเมียมและรอต้อนรับลูกค้าทั่วภูมิภาคตะวันออกของประเทศไทย ทั้งในชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด และพัทยา เข้าสู่ครอบครัวปอร์เช่”

ปอร์เช่ เซ็นเตอร์ พัทยา พร้อมต้อนรับลูกค้าและแฟนปอร์เช่ทุกท่านที่มีใจรักในนวัตกรรมและสมรรถนะของรถปอร์เช่ มาร่วมเดินทางเพื่อสัมผัสประสบการณ์ความตื่นเต้นของปอร์เช่ในรูปแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน เพลิดเพลินไปกับการต้อนรับสุดพิเศษ จาก Back to School Café ที่นำเสนอกาแฟระดับพรีเมียมอย่าง “911 roast” เมนูสูตรพิเศษที่ได้รับการรังสรรค์เพื่อลูกค้าที่มีรสนิยมเช่นคุณ พร้อมเมนูเครื่องดื่มเอ็กซ์คลูซีฟอื่นๆ ที่มีจำหน่ายเฉพาะที่โชว์รูมแห่งนี้เท่านั้น

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือนัดเข้ารับบริการและปรึกษาส่วนตัวได้ที่ โทร. 038 239 911 หรือ Line OA: @porschepattaya หรือ Email: [email protected]


ประสบการณ์กล้องไฮบริด บอย-สุเมธ แห่ง Mug Wedding ค้นพบภาพสุดสร้างสรรค์สะท้อนมุมมองใหม่

account_circle

เปิดผลงานดั่งศิลปะ บอย-สุเมธ บุญอำนวยลาภ แห่ง Mug Wedding กับประสบการณ์กล้องไฮบริด Canon EOS R5 Mark II ที่ทำให้ ค้นพบภาพสุดสร้างสรรค์สะท้อนมุมมองใหม่

ภาพบางภาพสร้างมาเพื่อให้เราจดจำว่าใคร ทำอะไร ที่ไหน ขณะที่ภาพบางภาพสามารถทำให้เราย้อนนึกถึง เรื่องราวเก่าๆ ความรู้สึกเก่าๆ ที่ไม่ว่าจะกลับมาดูกี่ครั้ง ยังจดจำได้ทุกรายละเอียด เช่นเดียวกับผลงานของ คุณบอย-สุเมธ บุญอำนวยลาภ แห่ง Mug Wedding ช่างภาพเวดดิ้ง สาย Cinema ที่ถนัดการถ่ายภาพออกมาให้ได้อารมณ์ภาพยนตร์ ที่เก็บทุกความประทับใจ  มีความหมายดี และความรักอบอวลอยู่เต็มงาน เป็นความทรงจำที่จะอยู่กับคุณไปจนชั่วชีวิต

จุดเริ่มต้น 16 ปี ของเส้นทางช่างสายภาพเวดดิ้ง

“ผมเป็นช่างภาพเวดดิ้งมาประมาณ 16 ปีแล้วครับ จริงๆ จุดเริ่มต้นคือผมเป็นคนที่ชอบดูฟุตเทจ ผมเอนจอยกับการได้ดูภาพสวยๆ หลังจากดูบ่อยๆ ก็เริ่มศึกษาเกี่ยวกับการถ่ายภาพ อยากได้ภาพมุมแบบนี้ ต้องใช้เลนส์อะไร ปรับค่ากล้องยังไง จนกลายเป็นความหมกมุ่น แต่มันก็ทำให้ได้เรียนรู้เรื่องนี้อย่างจริงจัง ผมเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการเป็นผู้ช่วยช่างภาพเวดดิ้งหลายปี และผันตัวเองมาเป็นช่างภาพหลักและผลิตผลงานที่เป็นสไตล์ตัวเองจริงๆ”

“ด้วยความที่ผมหลงใหลในงานสไตล์ซีเนมาลุค เพราะมีมิติและลุ่มลึก เน้นการจัดองค์ประกอบที่ใช้แสงเงาอย่างมีศิลปะ ช่วยสื่อถึงอารมณ์ และเรื่องราวได้อย่างชัดเจน ยิ่งพอทำออกมาเป็นพรีเซนเตชัน  ลูกค้าหลายคนบอกว่าเหมือนกับฉากในหนัง มีทั้งความดราม่า ความโรแมนติก ความตื่นเต้น แต่ก็ยังดูเรียบเป็นธรรมชาติ นั่นทำให้กลายเป็นซิกเนเจอร์ของ Mug Wedding

“หลังจากที่ผันตัวมาเป็นช่างภาพหลักได้ระยะหนึ่ง ผมรู้สึกมันแตกต่างกันเลยเพราะต้องแสดงศักยภาพมากขึ้น ต้องรู้ชัดเจนว่าจะนำเสนออะไร ต้องควบคุมทุกอย่าง แม้จะเป็นงานที่หนักแต่เราก็สนุกมากขึ้น สนุกไปกับการได้คอนโทรลทุกอย่าง”

การถ่ายภาพออกมาให้ได้อารมณ์ภาพยนตร์

“สำหรับคนรักภาพยนตร์ ผมเลือกใช้กล้องไฮบริด EOS R5 Mark II ทำให้การถ่ายที่สนุก และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในทุกๆชิ้นงานที่ต้องใส่ใจในเรื่องการเลือกวัตถุ, อารมณ์, ลำดับการเล่าเรื่อง, มุมภาพ, องค์ประกอบ, การไล่สี และการใช้แสง โดยเฉพาะเรื่องการใช้แสง ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญ สำหรับการถ่ายภาพให้ได้อารมณ์ภาพยนตร์”

“โดยโหมดที่ใช้จากกล้องไฮบริด EOS R5 Mark II สำหรับการถ่ายออกมาเป็นให้เป็นสไตล์ซีเนมาลุค คือการถ่ายแบบ Super Slow motion ที่ถ่ายสโลว์โมชันได้ถึง FHD/240p ซึ่งทำให้ฟุตเทจที่ออกมามีมูฟเม้นท์และไม่น่าเบื่อจนเกินไป ไม่ว่าจะเป็นฉากหมุนแหวน ฉากโยนแหวนลงบนชุดเจ้าสาวเพิ่มความหมาย และความน่าสนใจให้กับงานมากยิ่งขึ้น”

“รวมถึงซีนตัดเค้ก ซึ่งเป็นซีนที่ค่อนข้างยากเพราะความมืด ช่างภาพหลายคนเสียเวลากับตรงนี้นานมาก แต่ด้วยฟีเจอร์การบันทึกวิดีโอด้วย Canon Log 2 ของกล้อง EOS R5 Mark II นี้ สามารถถ่ายช่วงไดนามิกเรนจ์ได้กว้างขึ้น ทำให้คงรายละเอียดในส่วนที่สว่างและส่วนเงาได้มากขึ้น เราไม่ต้องกังวลเรื่องการถ่ายแสงในบริเวณเดียวกันที่จะสว่างหรือมืดเกินไป เพราะกล้องสามารถเกลี่ยสีทำให้เก็บรายละเอียดได้อย่างครบถ้วน”

EOS R5 Mark II : Register People Priority (ระบบออโต้โฟกัสจดจำใบหน้าเฉพาะบุคคล)

     EOS R5 Mark II : Slow Motion Recording 240P (บันทึกวีดีโอความละเอียดสูงสุด 2K / 240P)

EOS R5 Mark II : Pre-Recording (บันทึกวดีโอก่อนกดบันทึกล่วงหน้า)

กล้องที่ช่างภาพสายไฮบริดต้องมี

“ย้อนไปเมื่อ 17 ปีที่แล้ว Canon ออกกล้องมา 1 ตัวชื่อ Canon EOS 5D Mark II เป็นกล้องตัวแรกที่ผมชอบมากเพราะใช้ความละเอียดสูง และผมเป็นสายถ่ายวิดีโอ Cinema อยู่แล้ว จึงชอบรุ่นนี้เป็นพิเศษ พอมีข่าวว่า แคนนอนออกกล้องรหัสเดิม EOS R5 Mark II ออกมา มันเหมือนเป็นการกลับมาอีกครั้ง ทำให้รู้สึกพลาดไม่ได้ ”

“หลังจากที่ผมใช้กล้อง Canon EOS R5 Mark II ผมรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ยกตัวอย่าง หนึ่งเลยคือจำนวนคนในการทำงาน ยิ่งทีมงานเยอะลูกค้าก็ยิ่งเกร็ง ประหม่า สั่น  ดูแล้วไม่เป็นตัวของตัวเอง ซึ่งทำให้ขาดความเป็นธรรมชาติ  แต่พอได้มาใช้กล้อง Hybrid ตัวนี้ จากที่เคยทีม 5-6 คน เพื่อเก็บภาพตามจุดต่างๆ ให้ครบถ้วน ก็เหลือทีมงานเพียง 3 คนเท่านั้น ทำให้เรากับลูกค้ารู้สึกใกล้ชิดและสื่อสารกันได้มากขึ้น ลดความเกร็งระหว่างการถ่าย เจ้าบ่าว-เจ้าสาวสามารถแสดงความเป็นตัวเองออกมาได้ดี ทำให้ภาพมีชีวิตชีวามากกว่าเมื่อก่อน”

EOS R5 Mark II : Dual Shooting Still & Movie (บันทึกวีดีโอพร้อมถ่ายภาพในเวลาเดียวกัน)

EOS R5 Mark II : Dual Shooting Still & Movie (บันทึกวีดีโอพร้อมถ่ายภาพในเวลาเดียวกัน)

“ขณะเดียวกันแม้จำนวนบุคลากรลดลง แต่ผลงานที่ออกมาไม่ได้ด้อยคุณภาพเลยเพราะโหมด Dual Shooting ซึ่งเหมาะกับการบันทึกภาพสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว แต่กลับได้ผลลัพธ์คุณภาพสูงทั้งสองรูปแบบไม่ว่าจะเป็นวิดีโอหรือภาพนิ่ง”

“อีกหนึ่งคุณสมบัติที่ตอบโจทย์สำหรับช่างภาพสายเวดดิ้งคือ รุ่นนี้ทนความร้อนสูงด้วยพัดลมระบายความร้อน รุ่น CF-R20EP ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพฟังก์ชันระบายความร้อนของกล้องเป็นพิเศษ ทั้งยังมีแถบวัดระดับบอกว่ากล้องจะตัดเมื่อไหร่ โดยที่เราไม่ต้องคาดคะเนเอง เป็นฟังก์ชันที่ช่วยการทำงานให้ง่ายขึ้น คือแต่ก่อนเราไม่สามารถเปิดกล้องแช่ทิ้งไว้นานๆ ได้ เพราะกังวลว่ากล้องจะร้อนเกินไป แต่ Canon EOS R5 Mark II สามารถทำให้ตอนที่ผมถ่ายงานอยู่วางแผนการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเปิดกล้องแช่ทิ้งไว้ได้โดยไม่ต้องกังวล พร้อมบันทึกทุกโมเม้นต์  ถ้าให้เปรียบเทียบก็เหมือนกับการวางแผนการเดินทาง เราต้องรู้ว่าในถังน้ำมันเท่าไหร่ และต้องเติมน้ำมันตอนไหนถึงจะเดินทางไปถึงจุดหมายได้ตามที่กำหนด”

การลงทุนกับกล้อง

“สำหรับผมการเลือกลงทุนกับกล้องสักตัวหนึ่ง ผมจะดูจากคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญ ถ้ามองแบบทั่วไปการถ่ายภาพเวดดิ้งในปัจจุบันหลายคนมองว่าอาจจะไม่ต้องใช้ความละเอียดสูงเพราะลูกค้าส่วนใหญ่ใช้โพสต์ทางโซเชียลมีเดีย Facebook, Instagram, TikTok, และ YouTube แต่งานที่ผมขายจริงๆ คืองานขายไฟล์ภาพ ฉะนั้นเรื่องคุณภาพต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง ต้องเป็นไฟล์ที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ในขณะนั้นเพื่อในอนาคตลูกค้าอาจจะนำไปใช้ในโปรเซสอื่นได้”

“เพราะ EOS R5 Mark II เป็นกล้องไฮบริดที่ตอบโจทย์ในเรื่องนี้ เพราะสามารถบันทึกวิดีโอภาพไฟล์ ที่ความละเอียดสูง 8K/ 60p ซึ่งช่วยให้ครอปภาพ, ปรับแก้มุมภาพ, ตัดต่อภาพวิดีโอในขั้นตอนหลังการผลิต และปรับความเร็วในการเล่นวิดีโอได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งไฟล์ SRAW ใหม่ล่าสุดยังคงรักษาความลึกสีและรายละเอียดของไฟล์ RAW ที่มีความกว้างของเฉดสี 12 บิต ทำให้ภาพที่ออกมาให้อารมณ์ภาพยนตร์ ตามแนวที่ถนัดได้”

EOS R5 Mark II : 8K/ 60P RAW Internal Recording (บันทึกวิดีโอความละเอียดสูง 8K/ 60P RAW ในตัวกล้อง)

ความสุขของอาชีพ

“16 ปี ของการเป็นช่างภาพเวดดิ้งมันมีแต่เรื่องดีๆ จนทุกวันนี้ไม่ได้รู้สึกว่าทำเป็นอาชีพ เพราะเรารู้สึกสนุกและเอนจอยทุกครั้งที่ไปทำงานทำให้มุมมองการถ่ายภาพแต่งงานเปลี่ยนไป จากการทำเพื่อความสุขของตัวเอง กลายเป็นทำให้ลูกค้ามีความสุข รู้สึกคุ้มค่ากับการที่ได้จ้างเราและได้ผลงานที่มีคุณภาพ”

#Canon #EOSR5MarkII  #youRrthenextgen #HybridHighResolution #HighCreativityWedding #ที่สุดของการสร้างสรรค์ไม่สิ้นสุด #PraewWeddingXCanonEOSR5MarkII

เซ็กซี่ VS สวยละมุน 2 ลุค “ญาญ่า อุรัสยา” ก่อนร่วมชมโชว์ Louis Vuitton Cruise 2026

Alternative Textaccount_circle

2 ลุคก่อนโชว์เริ่ม! “ญาญ่า อุรัสยา” เสิร์ฟความเซ็กซี่ และสวยละมุน พร้อมเตรียมตัวร่วมชมโชว์ Louis Vuitton Cruise 2026

เมื่อซีซั่นคอลเล็คชั่น Cruise 2026 กำลังจะมาถึง เหล่าแฟชั่นนิสต้าทั้งหลายก็เตรียมเกาะขอบรอชมไว้ให้ดีว่า เทรนด์การแต่งตัวที่ปรากฏอยู่บนรันเวย์จะมาในทิศทางไหน แน่นอนว่าโชว์สำคัญแบบนี้ยังเต็มไปด้วยเหล่าแอมบาสเดอร์ของแบรนด์เช่นเคยที่ได้รับเชิญให้ไปร่วมเป็นแขกฟร้อนต์โรว์ เหมือนกับ “ญาญ่า อุรัสยา” Ambassador ประจำ Louis Vuitton ที่ได้รับเชิญให้บินไปยังฝรั่งเศส ประเทศที่จะจัดโชว์ในครั้งนี้เช่นกัน

ก่อนโชว์เริ่มก็ต้องวอร์มอัพลุคสวยๆ กันสักหน่อย ซึ่ง ญาญ่า ปรากฏตัวในลุคสวยหวาน เสื้อถักคอจีบ แมตช์เข้ากับกระเป๋าเดนิท Liv Pochette สี Washed Pink แม้จะเป็นลุคสบายๆ แต่เต็มไปด้วยความคลาสสิก เรียกว่าสาวๆ สามารถนำลุคนี้ไปแต่งตามในทริปต่างประเทศได้เลย รับรองว่าทั้งคล่องแคล่ว และสวยชิคแน่นอน

ส่วนลุคที่สอง ทำให้ฝรั่งเศสกลายเป็นเมืองร้อนไปเลย เมื่อญาญ่ามาพร้อมกับบิกินี่ตัวจิ๋วลายโมโนแกรมซิกเนเจอร์ประจำ Louis Vuitton สีดำ ที่ดูเหมือนบนเว็บไซต์จะ Sold Out เป็นที่เรียบร้อย

สำหรับแฟชั่นโชว์คอลเล็คชั่น Cruise 2026 จาก Louis Vuitton จะจัดขึ้น ณ Palais des Pepes ในช่วงเช้าวันที่ 23 พฤษภาคม เวลา 02.00 น. ตามเวลาไทย ซึ่งญาญ่าจะปรากฏตัวในลุคไหน รอติดตามไปพร้อมกันค่ะ!


ภาพ: Instagram @urassayas

YVMIN x CHARLES & KEITH ร่วมรังสรรค์แคปซูลคอลเลคชั่นเครื่องประดับลุคสดใหม่ด้วยแรงบันดาลใจจากสีสัน และเสน่ห์ของผลไม้สุก

account_circle

CHARLES & KEITH จับมือ YVMIN แบรนด์เครื่องประดับสไตล์อาว็อง-การ์ดจากกรุงปักกิ่ง รังสรรค์แคปซูลคอลเลคชั่นที่ได้รับแรงบันดาลใจความงาม และความหมายแฝงของผลไม้สุกงอม ถ่ายทอดออกมาผ่านจิตวิญญาณแห่งฤดูร้อนในรูปแบบของงานศิลปะที่สวมใส่ได้ เสน่ห์ของผลไม้สุกจึงไม่ได้ปรากฏแค่ลวดลายประจำฤดูกาลเท่านั้น แต่ยังสื่อถึงอารมณ์ ความคิดถึง และความเยาว์วัย สะท้อนออกมาผ่านเส้นสาย และรูปทรงอย่าง คอลเลคชั่นนี้เป็นการเดินทางทางประสาทสัมผัส ออกสำรวจความปรารถนา ความเพลิดเพลินรื่นรมย์ และการแสดงออกถึงตัวตนในรูปแบบ “สดใหม่” ที่สุด ผ่านรูปทรงของเครื่องประดับ

คอลเลคชั่นนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากผลไม้ฤดูร้อน สัญลักษณ์แห่งการเติบโต การตระหนักรู้ และการเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปด้วยสีสัน ซึ่งบรรจงถ่ายทอดออกมาผ่าน ดีไซน์กระเป๋า และจี้ 5 สไตล์ ผลงานเหล่านี้ผสมผสานสไตล์มินิมัลลิสต์ของ CHARLES & KEITH เข้ากับการตีความศิลปะอันเป็นเอกลักษณ์ของ YVMIN เล่าขานเรื่องราวของผลไม้จากห่ามสู่สุกงอมได้อย่างลงตัว

จาง เสี่ยวอวี๋ ดีไซเนอร์จาก YVMIN (ยูมิน) เล่าถึงแรงบันดาลใจว่า “ภาพของผลไม้ที่ห้อยอยู่บนกิ่งไม้ทำให้ฉันหลงใหลเป็นอย่างมาก มันถูกห่อหุ้ม รอคอย และกำลังหลุดร่วง มันเป็นช่วงเวลาแสนเปราะบางก่อนจะสุกงอม และจำนนต่อแรงโน้มถ่วง แต่เมื่อมันหลุดจากขั้ว มันไม่เพียงแค่ร่วงหล่น แต่มันกำลังเอื้อมหาหวังว่าจะมีใครสักคนมารับมันไว้ เหมือนกับการไขว่คว้าหาความสัมพันธ์ที่มีความหมาย โดยไม่คาดหวังอะไร” คอลเลคชั่นนี้กลายเป็นบทเพลงแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในชีวิตผู้หญิง สะท้อนความงดงามของการเติบโต ความตึงเครียดที่มาพร้อมการเปลี่ยนแปลง และความเป็นอิสระในการแสดงออกถึงตัวตน ผ่านดีไซน์สดใส สนุกสนาน ที่ช่วยปลุกความเยาว์วัยภายในให้กลับมาฉายแสงอีกครั้ง

คอลเลคชั่นนี้ โดดเด่นด้วยสีสันสดใส สะท้อนจิตวิญญาณแห่งฤดูร้อนผ่านการจับคู่สีตัดกันอย่างเหนือความคาดหมาย และการจัดองค์ประกอบที่ท้าทายกรอบแบบเดิมๆ อย่างกระเป๋า Ally Ruched Slouchy Knotted Bag สี Mint Sorbet โทนพาสเทล ที่ให้ความรู้สึกไหลลื่นแต่ก็เป็นแบบแผนไปในคราวเดียวกัน

นอกจากนี้เครื่องประดับผลไม้ผิวมันวาว เปิดโอกาสให้ผู้สวมใส่ปรับแต่งได้อย่างไร้ขีดจำกัด สามารถใช้ประดับกระเป๋า หรือใช้เป็นเครื่องประดับผม ต่างหู หรือจี้ แต่ละชิ้นบอกเล่าเรื่องราวที่แตกต่างกันออกไป อย่างเช่น แอปเปิลเขียวลายเส้นพลิ้วไหว ดั่งลมเอื่อยประจำฤดูใบไม้ผลิ แอปเปิลแดงพื้นผิวเมทัลลิก เปล่งประกาย ราววัยสาวเปี่ยมชีวิตชีวา สตรอเบอร์รี่ผิวสัมผัสชวนหวนนึกถึงความทรงจำอันหอมหวาน พวงองุ่นประดับอัญมณี ระยิบระยับราวต้องแสง สะท้อนถึงความอิสระจากพันธนาการ เชอร์รี่ทรงโดดเด่น ผิวเงาวาว มาพร้อมลวดลายหมีในสไตล์ป็อปอาร์ต เป็นการตีความฤดูร้อนที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปให้สนุกสนาน เครื่องประดับเหล่านี้สะท้อนถึงหัวใจของความร่วมมือนี้ เฉลิมฉลองให้กับรูปแบบอันหลากหลายที่ผู้หญิงสามารถแสดงออกถึงสไตล์ของตัวเองได้

ทุกรายละเอียดในดีไซน์ออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน ให้การเปิดกล่องของขวัญกลายเป็นประสบการณ์ทางประสาทสัมผัส ลวดลายแอปเปิลที่ลงสีด้วยมือโดดเด่นบนบรรจุภัณฑ์ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ ขณะที่ถุงตาข่ายสีเขียวชวนให้นึกถึงผลไม้สุกที่ซ่อนอยู่ท่ามกลางกิ่งไม้ เห็นแล้วรู้สึกอบอุ่นและสุขใจในทันที

แคปซูลคอลเลคชั่น YVMIN x CHARLES & KEITH จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 6 พฤษภาคม 2025 และจะวางจำหน่ายในร้านค้า CHARLES & KEITH เฉพาะสาขาที่ร่วมรายการ และเว็บไซต์ CHARLESKEITH.CO.TH


GUERLAIN เปิดป๊อปอัพสโตร์ “ABEILLE ROYALE YOUTH WATERY OIL SERUM” ถ่ายทอดนวัตกรรมความงามสุดล้ำ ณ คิง เพาเวอร์ สนามบินสุวรรณภูมิ

GUERLAIN เปิดป๊อปอัพสโตร์ “ABEILLE ROYALE YOUTH WATERY OIL SERUM” ถ่ายทอดนวัตกรรมความงามสุดล้ำ ณ คิง เพาเวอร์ สนามบินสุวรรณภูมิ

Alternative Textaccount_circle
GUERLAIN เปิดป๊อปอัพสโตร์ “ABEILLE ROYALE YOUTH WATERY OIL SERUM” ถ่ายทอดนวัตกรรมความงามสุดล้ำ ณ คิง เพาเวอร์ สนามบินสุวรรณภูมิ
GUERLAIN เปิดป๊อปอัพสโตร์ “ABEILLE ROYALE YOUTH WATERY OIL SERUM” ถ่ายทอดนวัตกรรมความงามสุดล้ำ ณ คิง เพาเวอร์ สนามบินสุวรรณภูมิ

คิง เพาเวอร์ ร่วมกับ GUERLAIN เปิดตัวป๊อปอัพสโตร์ “ABEILLE ROYALE YOUTH WATERY OIL SERUM” ครั้งแรกในเอเชียแปซิฟิก ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ถ่ายทอดนวัตกรรมการบำรุงผิวอันทรงคุณค่า ด้วยเซรั่มสูตรเข้มข้นที่รังสรรค์จากน้ำผึ้งดำคุณภาพเยี่ยม 3 ชนิด จากฝรั่งเศส ไอร์แลนด์ และนอร์เวย์ มอบผลลัพธ์แห่งผิวอ่อนเยาว์ กระชับ เรียบเนียน และเปล่งประกายตั้งแต่หยดแรกที่ใช้ ภายใต้การออกแบบพื้นที่แรงบันดาลใจจากรวงผึ้ง ถ่ายทอดเรื่องราวแห่งการฟื้นบำรุงอย่างล้ำลึกด้วยเทคโนโลยีเอกสิทธิ์ของ GUERLAIN

ภายในงานมีกิจกรรมพิเศษให้สัมผัสเนื้อเซรั่มออยล์บางเบาแต่ทรงประสิทธิภาพ พร้อมบริการนวดมือสุดผ่อนคลาย และรับของที่ระลึกสุดเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะที่ คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ เท่านั้น พบกับประสบการณ์เหนือระดับนี้ได้ตั้งแต่วันนี้ – 30 พฤษภาคมนี้ ที่ฝั่ง West Side พร้อมติดตามสิทธิพิเศษอื่น ๆ ได้ที่ www.kingpower.com และ KING POWER แอปพลิเคชัน หรือสอบถามเพิ่มเติมที่ 1631


ทำไม “หลิงหลิง คอง” ถึงกลายเป็นต้นแบบใบหน้าที่คนอยากศัลยกรรมตามมากที่สุดในยุคนี้

ทำไม “หลิงหลิง คอง” ถึงกลายเป็นต้นแบบใบหน้าที่คนอยากศัลยกรรมตามมากที่สุดในยุคนี้

Alternative Textaccount_circle
ทำไม “หลิงหลิง คอง” ถึงกลายเป็นต้นแบบใบหน้าที่คนอยากศัลยกรรมตามมากที่สุดในยุคนี้
ทำไม “หลิงหลิง คอง” ถึงกลายเป็นต้นแบบใบหน้าที่คนอยากศัลยกรรมตามมากที่สุดในยุคนี้

ในยุคที่โลกออนไลน์หล่อหลอมภาพจำของความสวยผ่านเรฟเฟอเรนซ์จากดาราและอินฟลูเอนเซอร์ “หลิงหลิง คอง” กลายเป็นชื่อที่ถูกพูดถึงอย่างล้นหลามในวงการศัลยกรรมความงาม ไม่ใช่แค่ในไทย แต่ยังรวมถึงในเอเชีย โดยเฉพาะในแวดวงความงามที่กำลังนิยมแนวคิด “Golden Ratio Face” หรือใบหน้าทองคำ ซึ่งหมายถึงใบหน้าที่มีสัดส่วนสมดุลทั้งความยาว ความกว้าง และระยะระหว่างองค์ประกอบต่าง ๆ บนใบหน้า และหลิงหลิงคือหนึ่งในบุคคลต้นแบบที่เข้าใกล้สัดส่วนนั้นอย่างน่าทึ่ง

กระแสความนิยมนี้เริ่มต้นจากการที่ภาพของเธอถูกแชร์บน TikTok และ Instagram ไปในบริบท “ใบหน้าที่คนอยากทำศัลยกรรมตามมากที่สุด” โดยคนที่อยากมีใบหน้าสวยเหมือนเธอเลือกนำภาพของเธอไปเป็นตัวอย่าง ทั้งจากโครงหน้าที่ได้รูป หน้าผากเนียน จมูกโด่งปลายพุ่ง ดวงตาทรงอัลมอนด์คมแต่หวาน ไปจนถึงริมฝีปากที่ได้รูปอย่างเป็นธรรมชาติ เมื่อรวมกับอินเนอร์สงบนิ่งแบบเจ้าหญิงและลุคที่ดูแพง เธอจึงกลายเป็นนิยามของความงามยุคใหม่ที่ผสมผสาน “เฟมินีน – ฟาด – เป็นธรรมชาติ” ได้ในคนเดียว

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางกระแสนี้ หลิงหลิง คอง ได้ออกมาเตือนแฟนคลับด้วยความจริงใจว่า “ไม่อยากให้ทุกคนรู้สึกว่าต้องสวยเหมือนใคร อย่าตัดสินคุณค่าของตัวเองจากรูปลักษณ์ภายนอก ความมั่นใจควรเริ่มจากอินเนอร์ข้างใน” เธอย้ำว่าแม้จะรู้สึกเป็นเกียรติที่คนชื่นชอบใบหน้าของเธอ แต่ความสวยในแบบที่มั่นใจและรักตัวเองจากภายใน คือสิ่งที่มีคุณค่ากว่าสิ่งใด

Photo: linglingkwong


เติมเต็มรูทีนผิวด้วย Lucent Facial Refiner จาก Aesop มาส์กผลัดเซลล์ผิว เนื้อเจลครีมที่อ่อนโยน แต่บำรุงล้ำลึกทุกมิติ

เติมเต็มรูทีนผิวด้วย Lucent Facial Refiner จาก Aesop มาส์กผลัดเซลล์ผิว เนื้อเจลครีมที่อ่อนโยน แต่บำรุงล้ำลึกทุกมิติ

Alternative Textaccount_circle
เติมเต็มรูทีนผิวด้วย Lucent Facial Refiner จาก Aesop มาส์กผลัดเซลล์ผิว เนื้อเจลครีมที่อ่อนโยน แต่บำรุงล้ำลึกทุกมิติ
เติมเต็มรูทีนผิวด้วย Lucent Facial Refiner จาก Aesop มาส์กผลัดเซลล์ผิว เนื้อเจลครีมที่อ่อนโยน แต่บำรุงล้ำลึกทุกมิติ

หากผิวช่วงนี้เริ่มหมองคล้ำ ไม่เรียบเนียนเหมือนเคย อาจไม่ใช่แค่ความเหนื่อยสะสม แต่เป็นสัญญาณว่า…ผิวกำลังต้องการการผลัดเซลล์อย่างอ่อนโยน Lucent Facial Refiner มาส์กผลัดเซลล์ผิว ตัวใหม่จาก Aesop มาพร้อมสูตรละมุนอ่อนโยนเจลครีมที่ผสาน BHA และ PHA ช่วยผลัดเซลล์เสื่อมสภาพอย่างนุ่มนวล ไม่ทำร้ายผิว พร้อมเติมเต็มด้วยวิตามินและสารบำรุงเข้มข้นที่ช่วยปลอบประโลมผิวให้กลับมาเนียนนุ่ม เปล่งปลั่ง และดูมีชีวิตชีวาอีกครั้ง

กลิ่นหอมจากกำยาน ไม้จันทน์ และกลีบกุหลาบ ถูกออกแบบให้ช่วยปลุกประสาทสัมผัสระหว่างมาส์กหน้า ให้การดูแลผิวกลายเป็นการพักใจอย่างแท้จริง เหมาะกับผู้ที่ต้องการเวลาเงียบๆ กับตัวเองหลังวันวุ่นวายลงในรูทีนประจำ 1–2 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยมาส์ก ผลัดผิวเบาๆ ทิ้งไว้ 15 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น หลังทำความสะอาดผิว แล้วตามด้วย Lucent Facial Concentrate เซรั่มที่มอบความชุ่มชื้นอย่างล้ำลึก ผิวจะค่อยๆ ฟื้นตัวอย่างละมุน จนเผยประกายความแลกระจ่างใสในแบบที่ไม่ต้องพยายามมากเกินไป เพราะความงาม…มักเริ่มต้นจากการดูแลตัวเองอย่างเข้าใจที่สุด


สองผู้นำวงการแฮร์โปรฯ ร่วม Collab X ADAYSALON สู่มิติใหม่ของ Lifestyle Salon ที่เหล่าคนดังเลือกปักหมุด

สองผู้นำวงการแฮร์โปรฯ ร่วม Collab X ADAYSALON สู่มิติใหม่ของ Lifestyle Salon ที่เหล่าคนดังเลือกปักหมุด

Alternative Textaccount_circle
สองผู้นำวงการแฮร์โปรฯ ร่วม Collab X ADAYSALON สู่มิติใหม่ของ Lifestyle Salon ที่เหล่าคนดังเลือกปักหมุด
สองผู้นำวงการแฮร์โปรฯ ร่วม Collab X ADAYSALON สู่มิติใหม่ของ Lifestyle Salon ที่เหล่าคนดังเลือกปักหมุด

ครั้งแรกของเอเชีย สองแบรนด์แฮร์โปรเฟสชั่นแนลระดับโลก Schwarzkopf Professional และ Shiseido Professional ผนึกกำลังร่วมกับ ADAY SALON ยกระดับนิยามของ Lifestyle Salon สู่ประสบการณ์ใหม่ที่ครบครัน ทั้งด้านนวัตกรรม ความเชี่ยวชาญ และงานฝีมือเหนือระดับ นำโดย คุณโอ๋ อารตี จันทร์เกตุ ในบทบาท House of Thailand Schwarzkopf Professional & Shiseido Professional Ambassador ผู้เป็นต้นแบบของแนวคิด “เส้นผมคือศิลปะที่ต้องออกแบบให้เหมาะกับตัวตน”

สองผู้นำวงการแฮร์โปรฯ ร่วม Collab X ADAYSALON สู่มิติใหม่ของ Lifestyle Salon ที่เหล่าคนดังเลือกปักหมุด

จากแรงบันดาลใจที่ผสานวิสัยทัศน์ของ Global Brands เข้ากับความเข้าใจในไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ADAY SALON จึงกลายเป็นต้นแบบแห่งแรกของเอเชียที่สร้างสรรค์บริการด้วยคอนเซ็ปต์ Best of Both สะท้อนความพิถีพิถันในทุกดีเทล พร้อมพัฒนา 4 Signature Services โดยมีไฮไลต์คือ Sublimic Color Rejuvenation Program โปรแกรมดูแลเส้นผมหลังการทำสีที่ผสานศาสตร์และศิลป์ของการบำรุงเข้าไว้ด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ

ADAY SALON มิติใหม่ของซาลอน ทุกเรื่องราวของหนังศรีษะและเส้นผมจะถูกตอบโจทย์จากไลฟ์สไตล์เพื่อคนรุ่นใหม่ที่ชั้น 3 อาคาร Neighbor24 ซอยสุขุมวิท24


'TERRACOTTA LE TEINT GLOW' รองพื้นโกลว์ในตำนานจาก GUERLAIN กับสูตรใหม่ ปลุกผิวสวยฉบับสาวปารีเซียง

‘TERRACOTTA LE TEINT GLOW’ รองพื้นโกลว์ในตำนานจาก GUERLAIN กับสูตรใหม่ ปลุกผิวสวยฉบับสาวปารีเซียง

Alternative Textaccount_circle
'TERRACOTTA LE TEINT GLOW' รองพื้นโกลว์ในตำนานจาก GUERLAIN กับสูตรใหม่ ปลุกผิวสวยฉบับสาวปารีเซียง
'TERRACOTTA LE TEINT GLOW' รองพื้นโกลว์ในตำนานจาก GUERLAIN กับสูตรใหม่ ปลุกผิวสวยฉบับสาวปารีเซียง

TERRACOTTA LE TEINT GLOW ในตำนานจาก GUERLAIN กลับมาอีกครั้งในเวอร์ชัน “โกลว์” พร้อมเนื้อสัมผัสบางเบา สบายผิว แต่ให้การปกปิดเรียบเนียนแนบสนิท ราวกับเป็นผิวจริง

จุดเด่นของรุ่นนี้คือส่วนผสมจากธรรมชาติ 95% ผสานเม็ดแป้งกระจายแสง พร้อม Active Skincare Water และ Argan Oil ที่ช่วยบำรุงผิวไปพร้อมๆ กับการแต่งหน้า ผลลัพธ์คือผิวดูชุ่มชื้น อิ่มฟู เปล่งปลั่งแบบธรรมชาติ ติดทนนานตลอดวัน มีให้เลือกถึง 8 เฉด 3 โทน (Neutral, Cool, Warm) ตอบโจทย์ทุกสีผิว ยิ่งใช้คู่กับ “แปรงคาบูกิ” ที่ออกแบบมาเฉพาะ ยิ่งช่วยให้เกลี่ยรองพื้นได้เนียนกริบทุกองศา

ในงานเปิดตัวยังมี Justina Sim เมคอัพอาร์ติสต์ระดับโลก มาร่วมแชร์เคล็ดลับงานผิวหน้าร้อนว่า ต้องเริ่มจากการบำรุงด้วย Abeille Royale Youth Watery Serum เพื่อผิวอิ่มน้ำ รองพื้นจะติดแน่น ฟินิชลุคดูโกลว์แต่ไม่มัน เหมาะกับทุกวันโดยเฉพาะอากาศร้อนๆ แบบนี้

รองพื้นตัวนี้ไม่ใช่แค่แต่งผิวให้สวย แต่ยังฟื้นบำรุงในระยะยาว ถ้าใช้ต่อเนื่อง 4 สัปดาห์ ผิวจะดูเรียบเนียนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเป็น “รองพื้นที่สกินแคร์ก็ชิดซ้าย”


รักที่สัมผัสได้ “rati” ผุดผลิตภัณฑ์ Personal Care พร้อมเปิด “rati Space” อย่างเป็นทางการ

รักที่สัมผัสได้ “rati” ผุดผลิตภัณฑ์ Personal Care พร้อมเปิด “rati Space” อย่างเป็นทางการ

Alternative Textaccount_circle
รักที่สัมผัสได้ “rati” ผุดผลิตภัณฑ์ Personal Care พร้อมเปิด “rati Space” อย่างเป็นทางการ
รักที่สัมผัสได้ “rati” ผุดผลิตภัณฑ์ Personal Care พร้อมเปิด “rati Space” อย่างเป็นทางการ

rati (รติ) แบรนด์ Personal Care สัญชาติไทย เดินหน้าส่งต่อความ รักที่สัมผัสได้ ผ่านผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายจากธรรมชาติ ที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด ตั้งแต่แนวคิด วัตถุดิบ ไปจนถึงงานออกแบบ ภายใต้แคมเปญ “Shine Yourself” เพื่อส่งต่อแรงบันดาลใจให้ทุกคนกล้าเปล่งประกายในแบบของตัวเอง ด้วยความมั่นใจในทุกจังหวะของชีวิต พร้อมเปิดตัว rati Space อย่างเป็นทางการ ณ ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ ชั้น 1 

จุดกำเนิดของ rati เริ่มจากแนวคิดเรียบง่ายแต่มากด้วยความหมาย จากการทำของชำร่วยในงานแต่งของ ฝน – รติรส และ ป๊อง – รุจจิ์ จุลชาต (Founder & Brand Director) ที่ต้องการถ่ายทอดความเป็นตัวเองและมอบความรักให้แขกผู้ร่วมงาน จึงร่วมกันรังสรรค์สเปรย์ระงับกลิ่นกายจากสารส้มธรรมชาติ ซึ่งเชื่อมโยงภูมิปัญญาไทยเข้ากับธุรกิจเคมีและแร่ธาตุของครอบครัว ด้วยความตั้งใจมอบของขวัญที่ปลอดภัย ใช้ได้จริง และมีคุณภาพระดับ Food Grade จนได้รับกระแสตอบรับดีเกินคาด และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของแบรนด์ rati (รติ) ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากชื่อของฝน “รติรส” ที่หมายถึง “ความรัก” พร้อมเจตนารมณ์ในการผลิตสินค้าด้วยความรัก และส่งต่อสิ่งนี้สู่ทุกคน

ด้วยความตั้งใจที่จะยกระดับวัตถุดิบไทยให้ดู “เท่” และร่วมสมัย rati เลือกใช้ส่วนผสมธรรมชาติที่ปลอดภัยต่อผิว ผสานกับการออกแบบที่สะท้อนแนวคิด “Modern Thai” ซึ่งทั้งสวยงาม ใช้งานง่าย และเข้ากับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ โดยคำนึงถึงความอ่อนโยนและไม่ก่อให้เกิดการแพ้หรือระคายเคือง เพื่อให้ทุกคนออกไปใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจ

แม้สารส้มเคยถูกมองว่าเป็นของล้าสมัย แต่ rati ได้นำกลับมาเล่าใหม่ในรูปแบบที่ทันสมัย ผ่านบรรจุภัณฑ์ใช้งานง่าย ดีไซน์เรียบหรู เหมาะกับทุกเพศทุกวัย พร้อมพัฒนาหัวสเปรย์ให้ละอองละเอียด แห้งไว และตอบโจทย์การใช้งานจริง โดยมีผลิตภัณฑ์หลักอย่าง rati Natural Deodorant Spray สเปรย์ระงับกลิ่นกายจากสารส้มธรรมชาติ ผสานสารสกัดจากว่านหางจระเข้ เปปเปอร์มิ้นออร์แกนิค เปลือกมังคุด ใบฝรั่ง และน้ำแร่ธรรมชาติจากป่าเชียงใหม่ ปราศจากแอลกอฮอล์ น้ำหอม และสารเคมีสังเคราะห์ เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย ไม่ทิ้งคราบเหลืองหรือกลิ่นรบกวน

อีกหนึ่งไอเท็มยอดนิยมคือ rati Happy Feet สเปรย์ระงับกลิ่นเท้าและรองเท้าสูตรธรรมชาติ ที่ผสานคุณค่าจากสารส้ม น้ำแร่ธรรมชาติ ชาดำ และเปปเปอร์มิ้น ช่วยยับยั้งแบคทีเรียซึ่งเป็นสาเหตุของกลิ่น โดยไม่ทำลายเนื้อรองเท้า พร้อมช่วยบำรุงส้นเท้าให้เนียนนุ่ม ไม่แห้งแตก

ปีนี้ rati ยังเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่น่าจับตามองอย่าง rati Multi-Purpose Dry Oil น้ำมันบำรุงผิวเนื้อบางเบาจากธรรมชาติ ใช้ได้ทั้งผิวหน้า ผิวกาย และเส้นผม ซึมไว ไม่เหนอะหนะ เหมาะกับสภาพอากาศเมืองไทย มอบสัมผัสพิเศษของการบำรุงอย่างล้ำลึกโดยไม่ทิ้งความมันส่วนเกิน อุดมด้วยน้ำมันออร์แกนิคจากธรรมชาติ 10 ชนิด และน้ำมันจากตำรับไทยโบราณ

Dry Oil นี้มาพร้อม 2 กลิ่นหอมจากธรรมชาติที่ปลอดภัยต่อผิวคือ No Traffic Jam กลิ่นสดชื่นจากน้ำมันผิวส้มเขียวหวานปลูกแบบยั่งยืนในเชียงราย ผสานกลิ่นเปลือกและใบส้มโอออร์แกนิคจากนครชัยศรี ซ้อนด้วยกลิ่นดอกพุด ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในสวนส้มยามเช้า และ Meet me on the rooftop กลิ่นหอมหวานลุ่มลึกจากใบกระวาน (Bay Leaves) ผสานอำพัน (Amber) และไม้สน (Fir Needle) เติมความสดชื่นด้วยกลิ่นส้ม หอมละมุนแต่ไม่เลี่ยน ให้ความรู้สึกอบอุ่นและมั่นใจในทุกวัน


เซอร์ไพรส์ 'เจบี GOT7' ควักลิปไทยทาปากฉ่ำ หล่อแบบสุขภาพดี ริมฝีปากอิ่มฟู

เซอร์ไพรส์ ‘เจบี GOT7’ ควักลิปไทยทาปากฉ่ำ หล่อแบบสุขภาพดี ริมฝีปากอิ่มฟู

Alternative Textaccount_circle
เซอร์ไพรส์ 'เจบี GOT7' ควักลิปไทยทาปากฉ่ำ หล่อแบบสุขภาพดี ริมฝีปากอิ่มฟู
เซอร์ไพรส์ 'เจบี GOT7' ควักลิปไทยทาปากฉ่ำ หล่อแบบสุขภาพดี ริมฝีปากอิ่มฟู

ใครจะคิดบ้างว่าหนุ่มไอดอลผู้มาพร้อมออร่าความหล่อระดับทำลายล้างอย่าง อิม แจบอม หรือ เจบี GOT7 จะมีโมเมนต์มุ้งมิ้ง ควักลิปสติกแบรนด์ไทยมาเติมความปังให้ริมฝีปาก แต่ภาพที่เหล่าอากาเซ่ทั่วโลกแห่กันแชร์หลังจบ “2025 GOT7 CONCERT < NESTFEST > in BANGKOK” มันฟ้องชัดเจนยิ่งกว่า HD โมเมนต์ที่ลีดเดอร์สุดคูลหยิบไอเท็มลับออกมาจากกระเป๋ากางเกงนั้นก็คือ Baby Bright Rejulight Jelly Tint เบอร์ 01 Rosy Cheeked! ลิปทินท์เนื้อเจลลี่ฉ่ำวาวจากแบรนด์ไทยที่เราคุ้นเคยกันดี

โมเมนต์สั้นๆ แต่ทำเอาใจละลาย พี่เจเหมือนรู้ใจแฟนๆ ว่ามุมไหนก็ต้องเป๊ะ แม้จะอยู่หลังเวทีก็ตาม เลยหยิบลิปสีชมพูระเรื่อมาแต้มเบาๆ บนริมฝีปาก ผลลัพธ์คือปากดูอิ่มเอิบ สุขภาพดี แบบที่กล้องซูมแค่ไหนก็รอด ฉ่ำวาวสะท้อนแสงไฟได้แบบสิบเต็มสิบ บอกเลยว่านี่ไม่ใช่ลิปธรรมดา แต่มันคือออร่าในแท่ง!

และลิปแท่งนั้น! Baby Bright Rejulight Jelly Tint เบอร์ 01 Rosy Cheeked! ไม่ต้องสงสัยเลยค่ะว่าทำไมริมฝีปากของเจบีถึงได้ดูดี มีออร่าจับขนาดนี้ ลิปในตำนานที่ทาแล้วปากดูดีขึ้นสามระดับ เนื้อเจลลี่บางเบาสบายปาก แต่สีสันสวยตะโกน มงลงให้กับแบรนด์ไทยอย่าง Baby Bright แบบไม่ต้องสงสัย!

ต้องยอมใจ Baby Bright จริงๆ ที่คว้าใจไอดอลระดับโลกได้ การันตีความปังด้วยปากของพี่เจบีที่ดูดีแบบไม่ต้องพยายาม แถมยังช่วยแบรนด์ไทยโกอินเตอร์แบบมีคลาส งานนี้อากาเซ่ทั่วโลกเตรียมล่าให้ไว เพราะของแบบนี้ไม่ได้มีให้เห็นบ่อย ๆ นะจ๊ะ ใครอยากปากสวย ออร่าแบบเจบี รีบตำด่วนๆ ก่อน Sold Out


ลาซาด้า x YSL Beauty เปิดแฟลกชิปสโตร์บนอีคอมเมิร์ซ LazMall Luxury สัมผัสความงามไฮเอนด์ง่ายแค่ปลายนิ้ว

Alternative Textaccount_circle

ลาซาด้า ประเทศไทย จับมือ YSL Beauty แบรนด์เครื่องสำอางระดับไฮเอนด์ เปิดตัวแฟลกชิปสโตร์อีคอมเมิร์ซ แบบเอ็กคลูซีฟแห่งแรกกับ LazMall Luxury นำเสนอไลน์อัพผลิตภัณฑ์ ทั้งน้ำหอม เมคอัพ และสกินแคร์ พร้อมมอบประสบการณ์ช้อปปิ้งสุดพิเศษสะท้อนเอกลักษณ์ของแบรนด์ไฮเอนด์ระดับโลกอย่างเต็มรูปแบบ เปิดร้านออนไลน์อย่างเป็นทางการที่ลาซาด้า พร้อมช้อปข้อเสนอสุดพิเศษฉลองเปิดร้าน ตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคม นี้ 2 ทุ่มเป็นต้นไป

ลาซาด้า x YSL Beauty เปิดแฟลกชิปสโตร์บนอีคอมเมิร์ซ LazMall Luxury สัมผัสความงามไฮเอนด์ง่ายแค่ปลายนิ้ว

เหล่านักช้อปสายบิวตี้เตรียมสัมผัสกับผลิตภัณฑ์ความงามที่ถ่ายทอดเอกลักษณ์อันเปี่ยมมนต์เสน่ห์และสไตล์ที่โดดเด่นตามแบบฉบับของ YSL Beauty โดยมีไฮไลท์อย่างน้ำหอมระดับไอคอนิกจากตระกูล LIBRE, Y และ MYSLF รวมไปถึงลิปออยล์กลอสรุ่นใหม่ล่าสุดจากคอลเลกชัน YSL LOVESHINE ที่มอบสัมผัสแวววาว ช่วยให้ริมฝีปากดูอวบอิ่มและเปล่งประกายอย่างเป็นธรรมชาติ หรืองานผิวชื่อดังอย่าง TOUCHE ÉCLAT GLOW PACT คุชชันเนื้อบางเบามอบผิวโกลว์อย่างเป็นธรรมชาติ และ LE CUSHION ENCRE DE PEAU คุชชั่นสูตรแมตต์ ในตลับหนังดีไซน์หรู ตลอดจนสกินแคร์สำหรับทุกความต้องการอย่างครบครัน

ความร่วมมือในครั้งนี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของ YSL Beauty ในศักยภาพของ LazMall Luxury ในฐานะช่องทางอีคอมเมิร์ซชั้นนำที่ผสานประสบการณ์แบรนด์ระดับพรีเมียมเข้ากับนวัตกรรม เพื่อเข้าถึงนักช้อปในยุคดิจิทัล โดยลาซาด้ามุ่งยกระดับประสบการณ์การช้อประดับพรีเมียมกับสินค้าแท้จากแบรนด์ระดับโลก เพื่อมอบคำนิยามใหม่สำหรับสินค้าลักชูรี ที่มาพร้อมความหรูหราบวกกับความสะดวกสบายไร้รอยต่อ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่อย่างลงตัว

สัมผัสประสบการณ์ความงามเหนือระดับกับแฟลกชิปสโตร์ YSL Beauty เฉพาะที่ลาซาด้า พร้อมช้อปข้อเสนอสุดพิเศษฉลองเปิดร้าน YSL BEAUTY SUPER GRAND OPENING รับคูปองส่วนลดสูงสุด 10% และของขวัญมูลค่าสูงสุด 5,500 บาท พร้อมรับกระเป๋า YSL ตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคม 2568 ตั้งแต่ 20.00 น. ถึง 26 พฤษภาคม 2568 ได้ที่ https://www.lazada.co.th/shop/ysl-beauty


เทมากิซูชิ

จุดเริ่มต้นของร้านแฮนด์โรลบาร์ อาหารญี่ปุ่นแบบ เทมากิซูชิ

Alternative Textaccount_circle
เทมากิซูชิ
เทมากิซูชิ

ปัจจุบันคนไทยส่วนใหญ่มีความเร่งรีบ ต้องการความสะดวก และรวดเร็ว แม้แต่การรับประทานอาหารก็เช่นกัน แล้วอะไรที่จะตอบโจทย์ผู้บริโภคได้มากที่สุด 3 พี่น้อง “กอบกุลสุวรรณ” ได้แก่ เบ๊นซ์-ปณิธาน, โบ๊ท-ปณิธิ และเพลน-ปวิตรา กอบกุลสุวรรณ จึงมองหาสิ่งที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค และบวกกับครอบครัวมีความชื่นชอบอาหารญีปุ่นอยู่แล้ว จึงเป็นจุดเริ่มต้นของร้านแฮนด์โรลบาร์ อาหารญี่ปุ่นแบบ เทมากิซูชิ ซึ่งถือว่าเป็น Original Number 1 Hand roll bar ในไทยครั้งแรก! ในปี 2566 ภายใต้ชื่อ KANORI Hand roll bar

โดดเด่นด้วยการทำแฮนด์โรลที่สดใหม่ จากหน้าเคาท์เตอร์บาร์พร้อมเสิร์ฟถึงมือแบบคำต่อคำ ด้วยวัตถุดิบพรีเมียมที่คัดสรรพิเศษ ข้าวปั้นที่ปรุงด้วยสูตรเฉพาะของทางร้าน ห่อด้วยสาหร่ายที่มีความกรอบพิเศษ ด้วย 3 องค์ประกอบซึ่งเป็นหัวใจหลักสำคัญ พร้อมบรรยากาศที่อบอุ่น สบายตา เป็นบาร์สไตล์ญี่ปุ่นที่เสิร์ฟแบบ โอมากาเสะคำต่อคำ จึงทำให้ KANORI ได้รับความนิยมจากกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่นโดยเฉพาะซูชิเลิฟเวอร์ ในปัจจุบันมีทั้งหมด 4 สาขา ได้แก่ สาขาสุขุมวิท 49 กับบรรยากาศสบายตาท่ามกลางธรรมชาติ, สาขาเอ็มควอเทียร์ ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนทำงานในเมืองที่ต้องการความรวดเร็ว, สาขาเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ด้วยบรรยากาศสบาย ๆ ดูไม่อึดอัดท่ามกลางวิวใจกลางเมือง, และล่าสุด สาขาไอคอนสยาม นอกจากบาร์แล้ว ที่นี่ยังมีห้องสำหรับลูกค้าที่ต้องการความเป็นส่วนตัวขนาด 5 – 6 ที่นั่งให้บริการด้วย

เทมากิซูชิ

KANORI Hand roll bar ส่งเซ็ต Premium Five ความอร่อยเซ็ตใหม่ เสิร์ฟทั้งหมด 5 โรล เริ่มต้นเปิดต่อมรับรสสัมผัสความพรีเมียมด้วย Ankimo โรลสาหร่ายกรอบกับมูสตับปลาอังกิโมะ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นฟัวกราส์จากท้องทะเล ซึ่งจัดอยู่อันดับที่ 32 ใน 50 อาหารชั้นเยี่ยมที่ดีที่สุดในโลก โดยผลสำรวจจากซีเอ็นเอ็น ห่อด้วยสาหร่ายกรอบพิเศษตัดกับความละมุนของมูสจึงทำให้โรลนี้ลงตัวที่สุด ต่อด้วยคำที่ 2 Madai Plum โรลปลามาได (ปลากระพงแดงญี่ปุ่น) เนื้อนุ่ม รสชาติหวาน เสิร์ฟด้วยซอสบ๊วยและใบโอบะ ทำให้โรลนี้สดชื่น หอม ติดเปรี้ยวเล็ก ๆ ตัดเลี่ยนได้ดี เสิร์ฟต่อด้วยโรลแบบจัดเต็มกับ KANORI Roll ซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ของทางร้าน (+290 บาท) เพื่อเพิ่มความพรีเมียมด้วย ล็อบสเตอร์ (Lobster), ไข่หอยเม่น (Uni), ทูน่าบดผสมกับต้นหอม (Negitoro) และ ไข่ปลาแซลมอน (Ikura) เรียกว่าโรลนี้เป็นโรลที่คัดสรรวัตถุดิบจากอาหารทะเลไว้ในคำเดียว แต่ถ้าลิ้มรสอาหารทะเลยังไม่จุใจ สามารถไปต่อโรลที่ 4 Awabi โรลหอยเป่าฮื้อ วัตถุดิบชั้นเลิศที่ราดด้วยซอสตับหอยเป่าฮื้อที่มีความเข้มข้นจึงทำให้คำนี้ได้รสชาติของหอยเป่าฮื้อไปแบบเต็มคำ และปิดท้ายด้วยเมนูใหม่ล่าสุด The Unagi โรลปลาไหลน้ำจืด ที่ทำจากปลาไหลสด ๆ นำมาแล่แล้วย่างจนหนังกรอบ หอมกลิ่นเบิร์นชวนรับประทาน พร้อมความหวานของเนื้อปลาไหล ราดด้วยซอสสูตรพิเศษของคาโนริ บวกกับความกรุบกรอบของสาหร่ายจึงทำให้โรลนี้เป็นคำที่ส่งท้าย Premium Five ด้วยความฟิน

ร่วมลิ้มลองความพรีเมียมสุดพิเศษกับเซ็ต KANORI Premium Five ในราคา ที่ร้าน KANORI Hand roll bar ทุกสาขา ได้แก่ สุขุมวิท 49, เอ็มควอเทียร์ ชั้น G อาคาร B, เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ชั้น 5 และ ไอคอนสยาม ชั้น G โซน The Veranda และติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Website: www.kanorihandroll.com, Facebook: Kanori, IG: kanorihandroll

เปิดวาร์ป 4 นักแสดง ไทย – เกาหลี THE BANGKOK BOY SERIES

account_circle

เปิดวาร์ป 4 นักแสดง สองสัญชาติ ไทยและเกาหลี “เทป, โจชีฮยอน, ท็อป และ ชเว” จากซีรีส์ THE BANGKOK BOY SERIES

กำลังเข้มข้นสุดๆ สำหรับ “THE BANGKOK BOY SERIES” ที่นำแสดงโดย 4 นักแสดงไทยและเกาหลีใต้ “เทป-วรชัย ศิริคงสุวรรณ , โจชีฮยอน , ชเวซึงโฮ และ ท็อป – ปิยวัฒน์ พงศ์คณิตานนท์

เทป & โจชีฮยอน

อะไรคือความท้าทายของ เทป และ ชีฮยอนค ในการเล่นซีรีส์วายครั้งแรกคะ

เทป     “ตอนแรกผมก็แอบเกร็งว่าคาแร็คเตอร์ ‘ซัน’ ค่อนข้างแตกต่างจากตัวผมพอสมควร เพราะซันเป็นคนจริงจัง แต่ผมขี้เล่น ชอบคุย จึงต้องปรับบุคลิกให้นิ่งขึ้น ซึ่งหลังจากแคสท์ติ้งผ่าน ผมต้องกลับไปทำการบ้าน ดูซีรีส์วายเพิ่มเติม เพื่อศึกษาว่าในฐานะผู้ชมเขารู้สึกอย่างไร ชอบความรู้สึก ชอบซีนแบบไหน เพื่อนำมาปรับใช้กับการแสดงของตัวเอง ซึ่งบางฉากก็ดูแล้วเขินจริงๆ นะครับ (ยิ้ม) ซึ่ง THE BANGKOK BOY SERIES ตัวละครอาจจะไมได้หวาน มุ้งมิ้งมาก แต่จะมีความโรแมนติกดราม่า และแอ็คชั่นผสมผสาน เป็นความสนุกอีกรูปแบบหนึ่งครับ”

ชีฮยอน          “ตอนแรกผมตัดสินใจจะมาพักผ่อนที่ประเทศไทยประมาณ 1 เดือน แต่ ‘ซึงโฮ’  เพื่อนของผมที่แสดงเรื่องนี้ชวนให้ผมมาแคสติ้งซีรีส์เรื่องนี้ ปรากฏว่าผมแคสติ้งผ่าน จากที่จะมาเที่ยวแค่ 1 เดือนตามแผนเดิม กลายเป็นว่าทำงานที่ประเทศไทยต่ออีก 8 – 9 เดือน การใช้ชีวิตที่ไทยของผม ถึงจะทำงานเป็นหลัก ไม่ค่อยได้ไปเที่ยว แต่ผมสัมผัสได้ว่าทุกคนใจดีมาก (ยิ้ม) ถ้ามีโอกาสก็อยากมาเที่ยวเมืองไทยอีกหลายๆ ที่ครับ

“ส่วนการทำงานที่ไทย ทางทีมจะเขียนบทให้ผมเป็นภาษาเกาหลี เพื่อให้ผมเข้าใจอารมณ์ของตัวละคร จากนั้นผมจะต้องท่องบทเป็นภาษาไทย เพราะในเรื่องต้องพูดภาษาไทย ซึ่งเป็นอะไรที่ท้าทายและต้องใช้ความพยายามมากครับ และเป็นครั้งแรกที่ได้ถ่ายเลิฟซีนกับผู้ชายด้วยครับ”  

เทป และ ชีฮยอน  จำวันแรกที่ร่วมงานกันได้ไหม เป็นอย่างไรบ้างคะ

เทป     “วันแรกที่รู้ว่าต้องร่วมงานกับนักแสดงเกาหลี ผมถามทีมงานก่อนเลยว่า ชีฮยอนพูดภาษาไทยได้ไหม ซึ่งทีมงานบอกว่า ไม่ได้เลย ผมก็กังวลนะว่าเราจะสื่อสารกันอย่างไร เพราะภาษาไทยมีความซับซ้อน แต่พอได้เวิร์คช็อปและเรียนแอ็คติ้งด้วยกัน ถามว่าภาษาเป็นอุปสรรคมากไหม ก็ไม่ขนาดนั้นครับ เราเน้นการสื่อสารทางอารมณ์และผมพยายามคุยภาษาอังกฤษกับน้องเพื่อละลายพฤติกรรม ทำให้ทำงานได้ง่ายขึ้นครับ”

ชีฮยอน            “ผมค่อนข้างกังวลเรื่องภาษา เพราะกลัวจะสื่อสารกันไม่ได้ แต่พอทำเวิร์คช็อปก็รู้สึกว่าพี่เทปเป็นคนดีมาก ช่วยเหลือกันจนผ่านสถานการณ์ต่าง ๆ มาได้ ทำให้การถ่ายทำทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี นี่ถ้าผมสามารถคุยและสื่อสารภาษาเดียวไทยได้ พี่เทปคงเป็นเพื่อนสนิทที่สุดคนหนึ่งเลยครับ”

จากวันแรกที่รู้จักกัน คิดว่าอีกคนเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง

ชีฮยอน            “พี่เทปใจดีมากครับ ผมเคยนะว่ามีคนใจดีขนาดนี้เลยเหรอ ใจดีตั้งใจวันแรกที่เจอกันจนถึงวันนี้” (ยิ้ม)

เทป     “วันแรกที่เจอเขา จำได้ว่าเขาเครียดเรื่องบทมาก ผมก็พยายามไม่ไปกวนสมาธิเขา อยากให้เขาโฟกัสการทำงานมากที่สุด แต่พอเห็นว่าเขาเครียด ก็จะคอยตบไหล่ให้กำลังใจเขา ให้เขาค่อย ๆ ท่องไปทีละนิด ผมเข้าใจว่ายากมาก เราคนไทยยังลืมบทเลย ซึ่งพอเลิกงาน พอเขาคลายความกังวลลง เขาเป็นคนน่ารัก อัธยาศัยดีมาก สบาย ๆ มองโลกในแง่ดีครับ”

อะไรคือสิ่งที่คุณประทับใจในการทำงาน THE BANGKOK BOY SERIES คะ 

ชีฮยอน           “ผมภูมิใจกับงานทุกซีนเลยครับ ผมคาดหวังว่าผลงานจะออกมาดี และตัวผมเองก็จะดูผลงานตัวเอง เพื่อพิจารณาการและพัฒนาตัวเองต่อไปในอนาคตครับ”

เทป     “ผมทั้งชอบและประทับใจที่ครั้งหนึ่งเราได้เล่นซีรีส์วายกับนักแสดงชาวเกาหลีใต้ มีเพื่อนร่วมงานเป็นชาวต่างชาติ เหมือนเราได้ก้าวการทำงานไปอีกขั้นหนึ่ง ผมชอบที่ได้ทำงานและได้พัฒนาตัวเองอยู่ตลอดครับ”

ซีนที่ยากและท้าทายที่สุด

ชีฮยอน           “ฉากแอ็คชั่นยากมากครับ ผมกลัวว่าจะทำให้พาร์ทเนอร์ที่เข้าฉากด้วยกันบาดเจ็บ ถ้าต้องเกิดเรื่องแบบนี้ผมขอเป็นคนโดนเองจะดีกว่าครับ ซึ่งผมโดนบ่อยมากเลยนะครับ” (หัวเราะ)

เทป     “ความท้าทายคือ การได้หลุดออกจากกรอบการทำงานเดิม ๆ ครับ ที่ผ่านมาผมเคยเล่นแต่บทวัยรุ่นใสๆ แต่ใน THE BANGKOK BOY SERIES ผมได้เล่นซีนอารมณ์ ดราม่า และก่อนหน้านี้ผมไม่เคยเล่นเลิฟซีนเลย นี่เป็นครั้งแรก ก็เลยค่อนข้างท้าทายตัวเองเยอะมากครับ”  

ในชีวิตจริง ถ้าเรารักคนที่ไม่ควรรักเหมือน ซัน และ พีท ในเรื่องนี้ เราจะทำอย่างไร

ชีฮยอน           “คงต้องปล่อยเขาไป ต้องตัดใจครับ”

เทป     “ปล่อยเขาไปเหมือนกันครับ ถ้าผมรักมากพอ ผมก็ต้องปล่อยเขาไป แต่ถ้าผมปล่อยเขาไป แล้วเขาอยู่ไม่ได้ เราก็คงต้องดูแลกันและกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกันครับ”

ในฐานะที่เป็นพาร์ทเนอร์ในการทำงาน อยากบอกอะไรกันและกัน

ชีฮยอน “ขอบคุณพี่เทปมากครับ ผมประทับใจมาก พี่เทปเป็นคนดีมากๆ ผมไม่เคยเห็นพี่เทปโกรธใครเลย ถ้าไม่ใช่พี่เทป ผมอาจจะทำงานนี้ไมได้ก็ได้ครับ”

เทป     “ตอนแรกที่รู้สึกว่าต้องทำงานกับชาวต่างชาติ ผมคิดว่าน่าจะยากมากๆ แต่พอได้ทำงานกับเขา เขามีความตั้งใจมาก แต่ก็ไม่ได้ซีเรียสเกินไป เขาดูแลความรู้สึกทีมงานได้ดีมาก ถึงแม้ว่าเขาจะเหนื่อย เพราะช่วงหลังบทเขายาวมาก แต่เขาทำได้สำเร็จ ผมชื่นชมเขามากครับ อยากให้มีแฟนๆ รักและสนับสนุนเขาไปเรื่อยๆ ครับ”

ชื่อ : เทป-วรชัย ศิริคงสุวรรณ
วันเกิด :  3 ตุลาคม 2535
สีที่ชอบ : ดำ ขาว
เมนูโปรด : ขนมจีนน้ำเงี้ยว ก๋วยเตี๋ยว ยำ ส้มตำ หมูกะทะ
Hobby : ตีกลอง ฟังเพลง ดูหนัง
ชื่อ : โจชีฮยอน
วันเกิด : 7 พฤษภาคม 1995
สีที่ชอบ : white black navy purple
อาหารที่ชอบ : ข้าวที่แม่ทำให้,กุ้ง, คอหมูย่าง ,หมูกระทะ, โซจู
งานอดิเรก : เล่นเสิร์ฟ, Carver สเก็ตบอร์ด,เดิน

ท็อป & ซึงโฮ

ความท้าทายของ ท็อป และ ซึงโฮ ในการแสดงซีรีส์ THE BANGKOK BOY SERIESo

ซึงโฮ    “การที่ต้องพูดภาษาไทยในซีรีส์เป็นความท้าทางของผมมากครับ ซึ่งที่ผมตัดสินใจเรียนภาษาไทย เพราะถ่ายซีรีส์เรื่องนี้ เผื่อว่าในอนาคตอาจจะได้เจอแฟนคลับ หรือต้องใช้ภาษาไทยทำงาน ภาษาจึงท้าทายสุดๆ ครับ”  

ท็อป    “เป็นซีรีส์ที่ต้องเล่นบู๊เรื่องแรกของผม จึงค่อนข้างกดดันและท้าทายมาก ผมกลัวจะพลาดไปโดนนักแสดงคนอื่นบาดเจ็บ ส่วนตัวผมเองก็มีผิดคิวต่อยโดนกำแพงด้วยครับ เป็นซีนที่ผมต้องบู๊ในที่แคบ เราต้องเล็งแบบเฉียด ๆ ไม่ให้โดนสตั๊นท์แมนครับ แต่ผมดันพลาดไปโดนกำแพง กำแพงร้าวเลย ล้อเล่นครับ (หัวเราะ) มือผมแตก เลือดออก แต่พอทำแผลเสร็จก็ถ่ายต่อได้ ไม่เป็นไรครับ” (ยิ้ม)

จำวันแรกที่มาร่วมงานกันได้ไหม

ซึงโฮ    “วันแรกที่เจอกันท็อป น่าจะเป็นวันที่งานอะไรสักอย่าง ผมเห็นเขามีแฟนคลับเยอะมาก” (ยิ้ม)

ท็อป    “ซึงโฮหล่อครับ (ยิ้ม) พูดไทยเก่งมาก มีทักษะการแสดงที่ดี ผมเจอเขาตั้งแต่วันเวิร์คช็อปก็รู้สึกเลยว่า เขาตั้งใจมาก และตอนแสดงเขาเท่มากครับ ยิ่งเวลาปะทะอารมณ์กับพี่เทป เท่มากๆ ครับ”

นิยามถึงตัวตนของกันและกัน

ซึงโฮ    “ท็อปเป็นมองโลกในมุมบวกครับ มีพลังเต็มเปี่ยม อย่างนักแสดงคนอื่นเวลาเหนื่อย เอเนอจี้จะตกเลย แต่ท็อปไม่ลดลงเลยครับ”

ท็อป    “หล่อครบรสครับ ทั้งหน้าตาหล่อ บุคลิก ความสูง สมบูรณ์แบบ และเขาสามารถเล่นได้หลายบทบาท หลายรสชาติ ไม่ว่าจะร้าย โกรธ หรือ เศร้า เขาทำได้หมดครับ”

สิ่งที่ประทับใจจากการแสดงเรื่องนี้

ซึงโฮ    “ผมประทับใจที่สามารถถ่ายทำซีรีส์จนปิดกล้องได้อย่างเต็มที่ และดีใจที่ได้แนะนำให้เพื่อนสนิทอย่าง ชีฮยอน ได้มาเล่นเรื่องนี้ด้วยกันครับ”  

ท็อป    “ซีรีส์เรื่องนี้ เรราต้องเล่นบู๊จริงจัง ผมภูมิใจที่ทำมันออกมาได้ดีครับ” (ยิ้ม)

เรื่องท้ายทายที่สุด

ซึงโฮ    “การสื่อสาร การพูด ท้าทายผมมากๆ ครับ จริง ๆ เวลาทำงานผมอยากสื่อสารกับผู้กำกับและทีมงานโดยตรง แต่ด้วยข้อจำกัดด้านภาษา ตอนแรกกก็กดดันนะครับ แต่ก็พยายามใจเย็นและขอความช่วยเหลือล่าม ทำให้ผ่านไปได้ครับ”

ท็อป    “ความท้าทายคือ การได้พัฒนาทักษะการแสดงของตัวเอง ซีรีส์เรื่องนี้เปิดโลกการแสดงผมมากๆ และทำให้ผมได้พัฒนาตัวเองไปอีกขั้น”

ถ้าให้ ซึงโฮ แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในเกาหลีกับท็อป จะแนะนำสถานที่ไหน และ ท็อป อยากแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในไทยที่ไหนให้กับ ซึงโฮ

ซึงโฮ    “ผมอยากแนะนำให้ไป คังวอนโด ในฤดูหนาว เพราะที่ไทยมีแต่ฤดูร้อน แต่ที่นั่นหนาวมาก มีกีฬาสกีและสโนว์บอร์ด ผมอยากให้คนที่มีเอเนอจี้เยอะอย่างท็อปไปเที่ยว เขาคงจะเอ็นจอยกับการเล่นกีฬาที่นั่นมากครับ” (ยิ้ม)

ท็อป    “ตลาดพลูครับ เพราะของกินเยอะ ของหวานก็อร่อย ซึงโฮเล่นกล้าม ผมอยากให้เขาได้ชิมอาหารอร่อยเยอะๆ  (หัวเราะ) ตอนผมไปยังรู้สึกอยากกินไปทุกอย่างเลย แล้วซึ่งโฮ เขาเป๊ะเรื่องกินมาก อยากให้เขาลองไปครับ”

ในฐานะที่ทำงานด้วยกัน มีอะไรอยากบอกกันและกันคะ

ซึงโฮ    “ถ้ามีโอกาสอยากเล่นซีรีส์วายกับท็อปแบบเต็ม ๆ อีกสักเรื่อง เพราะเขามีเสน่ห์ และเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีมากครับ”

ท็อป    “ซึงโฮตั้งใจทำงานมาก ถึงแม้เราจะคุยกันรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง แต่เวลาเจอกันเรายิ้มแย้มกันตลอด เขาเเฟรนด์ลีย์ และมีความพยายามในการทำงานมาก เขาพยายามฝึกภาษาไทยตลอด ยิ่งช่วงหลังเราคุยกันมากขึ้น สนิทกันมากขึ้น และเขาพูดไทยชัดขึ้นเยอะเลยครับ” (ยิ้ม)

ชื่อ : ท็อป – ปิยวัฒน์ พงศ์คณิตานนท์
วันเกิด : 19 มี.ค. 2539
สีที่ชอบ : น้ำเงิน ,ดำ
เมนูโปรด : กระเพราหมูกรอบ ,ส้มตำ
งานอดิเรก :  ดูซีรีย์ , เล่นบอล , ร้องเพลงเล่นกีต้าร์ แต่ตอนนี้กำลังอินกับการเต้นมากครับ
ชื่อ : ชเวซึงโฮ
วันเกิด : 6 มีนาคม 1996
สีที่ชอบ : สีดำ, สีแดง
เมนูโปรด : เนื้อ
งานอดิเรก : ออกกำลังกาย (ฟิตเนส,เตะบอล ฯลฯ)

บุกตลาดไทย! K Booster นวัตกรรมสกินแคร์ฟื้นฟูผิวจากเกาหลีใต้

account_circle

“ซนวอนอิก” หนุ่มฮ็อตจากเรียลลิตี้ Single’s Inferno 3 ร่วมแชร์โมเมนต์สุดพิเศษในงาน K BOOSTER Grand Launch Event เปิดตัวผลิตภัณฑ์บำรุงผิวจากเกาหลีใต้

K Booster แบรนด์สกินแคร์ชื่อดังที่พัฒนาโดยแพทย์ผิวหนังจากเกาหลีใต้ เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย พร้อมเขย่าวงการ K-Beauty ให้คึกคักยิ่งขึ้น ในงาน K BOOSTER Grand Launch Event ณ RARIN Riverside Venue ราษฎร์บูรณะซอย 11

บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยเหล่าอินฟลูเอนเซอร์และเซเลบริตี้ชื่อดังที่มาร่วมสัมผัสประสบการณ์ดูแลผิวแนวใหม่ โดยมี Dr. Kwon Hye-Seuk ผู้ก่อตั้งและ CEO ของแบรนด์ ร่วมกับแพทย์ผิวหนังชั้นนำของไทยอย่าง คุณหมอขนม – ดร.พญ.ภัทรชนน อัศววรฤทธิ์ และคุณหมออุ๋ม – พญ.สุรสวรรณ มาร่วมถ่ายทอดความรู้และแนวคิดเกี่ยวกับการดูแลผิวอย่างลึกซึ้ง

ไฮไลต์ของงานคือการปรากฏตัวของหนุ่มหล่อขวัญใจสาวๆ “ซนวอนอิก” จากรายการเรียลลิตี้สุดฮิต Single’s Inferno 3 ที่บินตรงจากเกาหลีใต้เพื่อร่วมงานนี้ ซึ่งการมาเยือนของเขาไม่เพียงแต่สร้างความฮือฮา แต่ยังเป็นการตอกย้ำถึงความไว้วางใจและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ K-Booster ในฐานะแบรนด์ที่ได้รับความนิยมจากคนดัง

K Booster โดดเด่นด้วยผลิตภัณฑ์ที่มุ่งเน้นการฟื้นฟูผิวล้ำลึก โดยเฉพาะการเสริมสร้าง ECM (Extracellular Matrix) องค์ประกอบสำคัญของโครงสร้างผิว ช่วยให้ผิวแข็งแรง เปล่งปลั่งจากภายใน เหมาะสำหรับผู้ที่ใส่ใจสุขภาพผิว โดยเฉพาะหลังทำหัตถการความงาม ด้วยเทคโนโลยีและสูตรผสมที่คิดค้นอย่างพิถีพิถัน

การเปิดตัวในไทยครั้งนี้ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของ K Booster ในการขยายตลาดสกินแคร์คุณภาพสูงที่มีรากฐานจากวิทยาศาสตร์การแพทย์ สู่กลุ่มผู้บริโภคที่มองหาการดูแลผิวอย่างตรงจุดและยั่งยืน


keyboard_arrow_up