AquaPlus__HYA-8D-PLUS-Cover

ขั้นสุดแห่งการล็อคความชุ่มชื้น AquaPlus HYA 8D PLUS Revitalizing Skindrops

AquaPlus__HYA-8D-PLUS-Cover
AquaPlus__HYA-8D-PLUS-Cover

เซรั่มไฮยาลูรอนเข้มข้นสูตรผิวอิ่มฟู 8 มิติ ขั้นสุดแห่งการล็อคความชุ่มชื้นเติมน้ำให้ผิวหน้าได้อย่างล้ำลึกและยาวนาน ให้ผิวยืดหยุ่นและดูอ่อนเยาว์ บูสต์ผิวให้มีออร่าเต่งตึง ช่วยกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจน ชะลอการเกิดริ้วรอย ขจัดปัญญาผิวแห้งขาดน้ำด้วยพลังอัดแน่นของโมเลกุลสารไฮยาลูรอนมากถึง 8 ชนิด ได้แก่

  1. Hyaluronic Acid
  2. Hydrolyzed Hyaluronic Acid
  3. Potassium hyaluronate
  4. Hydrolyzed Sodium Hyaluronate
  5. Sodium Hyaluronate Crosspolymer
  6. Sodium Hyaluronate
  7. Hydroxypropyl Trimonium Hyaluronate
  8. Sodium Acetylated Hyaluronate

พร้อมคุณค่าบำรุงผิวจากโปรไบโอติกส์และวิตามิน B5 ที่จะช่วยปรับสมดุลผิวและสร้างเกราะภูมิต้านทานให้ผิวแข็งแรงมากขึ้นถึงระดับเซลล์ผิว ปกป้องผิวไม่ให้เสื่อมสภาพได้ง่ายจากสารอนุมูลอิสระ กักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิวฉ่ำเนียนนุ่ม และยังช่วยป้องกันการเกิดสิว ลดการอักเสบระคายเคืองได้อีกด้วย

ขั้นสุดแห่งการล็อคความชุ่มชื้น AquaPlus HYA 8D PLUS Revitalizing Skindrops

AquaPlus HYA 8D PLUS Revitalizing Skindrops  ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ไม่มีซิลิโคน ไม่มีสารพาราเบน  จึงมั่นใจในคุณภาพและความอ่อนโยนต่อทุกสภาพผิวได้เป็นอย่างดี      

วางจำหน่ายที่ร้าน Watsons และ Euphoria Shop ทุกสาขา หรือสอบถาม Customer Care  โทร. 02-7362280

และสั่งซื้อออนไลน์ได้ที่

Website : https://www.aquaplus.co.th/

Facebook : AquaPlus

Line : @AquaPlusThailand

Instagram : AquaPlus_Thailand

Lazada : AquaPlus

Shopee : AquaPlus Official Shop

JD Central : AquaPlus

Konvy : AquaPlus  

happymate cover

Q&A สาวออฟฟิศ 30 plus+ … งานหนัก หน้าโทรม กินอะไรให้ผิวสวย บอกที!

happymate cover
happymate cover

สวัสดีค่ะคุณผู้อ่าน ในเดือนสิงหาคมนี้ คอลัมน์ Be Happy, Be healthy จะกลับมาในนิตยสารแพรวและออนไลน์อีกครั้งนะคะ พร้อมกับคอนเซ็ปต์ Q&A สารพันปัญหาเรื่องสุขภาพ ใครมีอะไรอยากถาม สามารถ inbox หรือคอมเมนต์ใต้บทความนี้ได้เลยค่ะ
สำหรับครั้งนี้เราขอประเดิมปัญหาสุขภาพความงามของสาวๆ ออฟฟิศที่เจอมรสุมทั้ง งานหนัก นอนน้อย จนหน้าโทรม น้ำหนักขึ้น หลิงมีคำตอบค่ะว่าจะแก้ปัญหายังไงได้บ้าง 

Q : ทำงานหนัก เวลาพักผ่อนน้อย ใช้ชีวิตแบบไหนจึงจะตอบโจทย์

A : “สำหรับวัยทำงาน ต้องใช้สมองและอาจจะพักผ่อนไม่เพียงพอ ควรเน้นที่ คุณภาพมากกว่าปริมาณ เนื่องจากร่างกายเผาผลาญช้าลง ต้องเริ่มระวังเรื่องการกิน ลด – ละ – เลี่ยงอาหารจั๊งค์ฟู้ดลงบ้าง แล้วเติมพวกผักผลไม้ ซึ่งส่งผลต่อร่างกายอย่างมาก เนื่องจากในลำไส้มีจุลินทรีย์ทั้งชนิดที่ดีและไม่ดี ถ้าอยากเพิ่มจำนวน จุลินทรีย์ตัวดีก็ต้องกินอาหารที่มีไฟเบอร์ ขณะที่เนื้อสัตว์กับน้ำตาลจะเป็นแหล่งเพาะจุลินทรีย์ตัวร้ายซึ่งถ้ามีมากไปจะทำให้เสียสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้มีผลต่อสุขภาพหลายด้าน เช่น ขับถ่ายไม่ดี ส่งผลให้ลำไส้ไม่สะอาด สิวขึ้น แถมยังมีแก๊สเยอะทำให้ลมปราณวิ่งไม่ดี สุดท้ายจะเกี่ยวโยงไปถึงสุขภาพจิตอีกด้วย 

“ถ้าอยากให้เซลล์แข็งแรง ควรเลือกกินไขมันดี ไม่อิ่มตัวเน้นพวกโอเมก้า – 3  เช่น ถั่ววอลนัท เมล็ดแฟลกซ์ เมล็ดเจีย สำหรับความหวานควรมาจากธรรมชาติ เช่น น้ำผึ้ง น้ำตาลจากดอกมะพร้าว น้ำตาลทรายแดง น้ำตาลอ้อย อย่างโปรดักส์ล่าสุดของ HappyMate คือ น้ำตาลมะพร้าว Organic Coconut Flower Nectar ผลิตจากน้ำหวานจากช่อดอกมะพร้าวแท้ 100 เปอร์เซ็นต์ไม่ผสมน้ำตาลหรือสารให้ความหวาน มีให้เลือกทั้งแบบเกล็ดหรือแบบไซรัปควรเลี่ยงน้ำตาลทรายขาวหรือ น้ำตาลสังเคราะห์ที่มีส่วนทำให้ผิวแก่ อีกทั้งถ้าร่างกายใช้ไม่หมด มันจะกลายเป็นไขมันซึ่งหมายถึงความอ้วนนั่นเอง

“สุดท้ายคือ ออกกำลังกายเป็นประจำสำหรับหลิงถ้าไม่เล่นโยคะก็จะเดินเร็ว พอให้เหงื่อซึม ออกไปรับแสงแดดตอนเช้าบ้างส่วนการพักผ่อนถ้าทำได้ เข้านอนตอน 4 ทุ่มคือดีที่สุด หรือพยายามอย่าเกิน 5 ทุ่ม และควรนอนให้ได้ 7 – 8 ชั่วโมง เพราะการนอนส่งผลต่อผิวพรรณ การนอนหลับสนิทจะช่วยซ่อมแซมร่างกาย ในส่วนต่าง ๆ

Q : ทำไมท้องอืดบ่อย?

A : “สำหรับคนอายุ 30 ปีขึ้นไป ต้องระวังเรื่องระบบย่อยอาหาร เนื่องจากกระเพาะและลำไส้เป็นอวัยวะสำคัญที่ใช้ในการดูดซึมสารอาหาร แม้กินดีแค่ไหน แต่ถ้าดูดซึมไม่ดี ร่างกายก็จะไม่ได้รับสารอาหาร  หลิงเคยกินผักผลไม้หลังอาหาร แล้วสังเกตว่าท้องอืดบ่อย พอศึกษาศาสตร์ทั้งฝรั่งและจีนแนะนำให้กินผักผลไม้ ก่อนมื้ออาหารหลัก เพราะถ้ากินหลังมื้ออาหารเกิดการหมักบ่มจนมีแก๊ส ทำให้อึดอัดตัว เรื่องการดื่มน้ำก็สำคัญ ไม่ควรดื่มน้ำแก้วใหญ่แล้วตามด้วยอาหารทันที เพราะทำให้ระบบย่อยอ่อนแอ ถ้าดื่มน้ำแก้วใหญ่ ควรเว้นระยะอย่างน้อย ครึ่งชั่วโมงแล้วค่อยกินข้าว

“อีกเรื่องคือ ไม่ควรมีเมนูเนื้อสัตว์หลายอย่างในมื้อเดียวกัน อย่างปู ปลา เนื้อวัว หมู เนื่องจากกระเพาะจะยิ่งทำงานหนักขึ้นอีกหลายเท่า รวมไปถึงตับที่ต้องรับภาระในการขับของเสียอีก ยิ่งอายุ 50 ปีขึ้นไป ถ้ามื้อนั้นจะกินปลา ก็ควรจบแค่ปลาอย่างเดียวค่ะ”

Q : กินอะไรแล้วผิวจะสวยเปล่งปลั่งจากข้างใน ?

A : “อย่างแรกคือ ถั่วเหลืองที่นอกจากมีไฟเบอร์สูง ยังมีธาตุอาหารมากมาย ทั้งไอโซฟลาโวน ดีสำหรับฮอร์โมน กินได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย แถมยังช่วยให้ผิวสวย ถั่วดำกับถั่วแดง ก็ดีมาก เพราะเป็นโปรตีนที่มีไฟเบอร์สูงและไม่มีคอเลสเตอรอล เหมาะกับวัยผู้ใหญ่ที่ควรลดเนื้อสัตว์ลง ส่วนถั่วเปลือกแข็งอย่างแมคาเดเมีย หรืออัลมอนด์ ถือเป็นแหล่งไขมันดี มีวิตามินอีสูง ดีต่อผิว ช่วยให้ชุ่มชื้น แต่ไม่แนะนำให้กินเยอะ เดี๋ยวไขมันจะเกิน แนะนำให้กินแบบซอส อย่างครีมอัลมอนด์ของ HappyMate ที่นำเมล็ดอัลมอนด์ทั้งเปลือก บดลงไปด้วย จึงได้คุณค่าทางอาหารครบ

“อีกอย่างคืองาดำจัดเป็นแคลเซียมชั้นดี สำหรับใครที่ไม่กินเนื้อสัตว์และกลัวเรื่องกระดูกพรุน แนะนำ ให้กินงา 1 – 2 ช้อนโต๊ะทุกวัน และควรกินรูปแบบเนื้อครีม เพราะจะดูดซึมได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ถ้าเป็นงาเม็ด ๆ เราจะเคี้ยวได้ไม่ละเอียด”

“อีกสิ่งที่ส่งผลกับผิวพรรณคือ คาเฟอีน เพราะทำให้ผิวแห้ง หลิงไม่ใช่สาย กาแฟ แต่ชอบชา เมื่อก่อนติดมาก บางทีดื่มตอนกลางคืน ช่วงแรกไม่เป็นไรกระทั่งคืนหนึ่งนอนไม่หลับ ปวดหัวรุนแรง พอเลิกดื่มปรากฏว่าหาย เข้าใจว่าคงเพราะดื่มสะสมมานานแล้วเพิ่งส่งผลทุกวันนี้ ถ้าอยากดื่มชา หลิงจะกำหนดเวลาไว้ที่ก่อนบ่าย 2 เท่านั้นค่ะ”

แต่ละข้อทำตามได้ไม่ยากเลย ลองดูนะคะเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นและความสวยสดชื่นเปล่งปลั่งของผิวด้วยค่ะ

Paragon Cover

สยามพารากอน จัดงาน “SIAM PARAGON WATCH & JEWELRY EXPO 2022” มหกรรมงานแสดงนาฬิกาและเครื่องประดับครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี พร้อมข้อเสนอพิเศษ ระหว่างวันที่ 1-24 กรกฎาคม 2565

Paragon Cover
Paragon Cover

ศูนย์การค้าสยามพารากอน ร่วมกับ วอทซ์ แกลเลอเรีย พารากอน ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์  ตอกย้ำความเป็น WORLD CLASS SHOPPING DESTINATION จัดงาน “SIAM PARAGON WATCH & JEWELRY EXPO 2022” (สยามพารากอน วอทช์ แอนด์ จิวเวลรี่ เอ็กซ์โป 2022) มหกรรมงานแสดงนาฬิกาและเครื่องประดับครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี ภายใต้คอนเซ็ปต์ “THE TIMELESS ELEGANCE” ชวนสัมผัสช่วงเวลาแห่งความสง่างามผ่านเรือนเวลา จากหลากหลายแบรนด์ชั้นนำระดับเวิลด์คลาสกว่า 180 แบรนด์ และเครื่องประดับอันล้ำค่าจากแบรนด์ดัง พร้อมมอบข้อเสนอสุดพิเศษในรอบปี ระหว่างวันที่ 1-24 กรกฎาคม  2565 ณ ฮอลล์ ออฟ เฟม, เมนฮอลล์, แผนกนาฬิกา ชั้น M, แฟชั่น ฮอลล์ และแฟชั่น แกลลอรี่ ชั้น 1 ศูนย์การค้าสยามพารากอน

คุณจักรกฤษณ์ กีรติโชคชัยกุล ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส บริหารสินค้า บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด (Mr.Jakkrit  Keeratichokchaikun, Chief Executive Officer, The Mall Group Co., Ltd.) กล่าวว่าในฐานะที่วอทซ์ แกลเลอเรีย (WATCH GALLERIA) เดอะมอลล์ กรุ๊ป เป็น NO.1 OF WATCH DESTINATION เดสติเนชั่นของคนรักนาฬิกา จึงได้ร่วมกับสยามพารากอน จัดมหกรรมงานแสดงนาฬิกาและเครื่องประดับอัญมณีครั้งยิ่งใหญ่ “SIAM PARAGON WATCH & JEWELRY EXPO 2022” โดยได้รวบรวมนาฬิกาหรูจากทั่วทุกมุมโลก ส่งตรงจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทย ทั้งรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นหายากที่มาจำหน่ายเฉพาะในงานนี้ รวมถึงนาฬิกาคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดปี 2022 รวมกว่า 10,000 เรือน มาเผยโฉมให้นักสะสม และคนที่ชื่นชอบนาฬิกาได้เลือกสรรและสัมผัสความพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกากลุ่ม LUXURY, นาฬิกากลุ่ม TREND ที่รวบรวมไว้ภายในงานแบบครบครันที่สุด  พร้อมด้วยข้อเสนอสุดพิเศษในรอบปี ที่คนรักนาฬิกาต้องห้ามพลาด”

สยามพารากอน จัดงาน “SIAM PARAGON WATCH & JEWELRY EXPO 2022” มหกรรมงานแสดงนาฬิกาและเครื่องประดับครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี พร้อมข้อเสนอพิเศษ ระหว่างวันที่ 1-24 กรกฎาคม 2565

คุณธณพร ตันติยานนท์  ผู้บริหารหน่วยธุรกิจ สยามพารากอน (Ms.Thanaporn Tantiyanon,  Group Head Siam Paragon) กล่าวว่า “งาน SIAM PARAGON WATCH & JEWELRY EXPO 2022 ในปีนี้พร้อมให้การต้อนรับทั้งลูกค้าชาวไทยและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ซึ่งความพิเศษของการจัดงานในปีนี้ คือ การนำแบรนด์จิวเวลรี่ชั้นนำเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของงาน เพราะนวัตกรรมเรือนเวลาและงานจิวเวลรี่ล้วนอยู่ในกลุ่มสินค้าที่เหมาะแก่การสะสมและน่าลงทุน เราจึงตั้งใจนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคนรักนาฬิกา นักลงทุน นักสะสม ตลอดจนผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงาน เพื่อให้ทุกท่านได้สัมผัสกับที่สุดแห่งปรากฏการณ์ของโลกประติมากรรมเรือนเวลาและเครื่องประดับอันล้ำค่ารูปแบบใหม่ ที่มาพร้อมคอลเลคชั่นพิเศษ และรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นจากหลากหลายแบรนด์ชั้นนำระดับโลก ส่งตรงมาเปิดตัวครั้งแรก อีกทั้งยังมีจิวเวลรี่แบรนด์ชั้นนำ อาทิ Blue River, Der Mond, P&PJewelry, Scintilla, S.T.Diamond, Trez Jewelry เป็นต้นที่ร่วมนำเสนอผลงานเครื่องประดับอันล้ำค่าที่รังสรรค์ด้วยฝีมืออันประณีต ภายในครั้งนี้ด้วย”

ทั้งนี้ภายในงานได้คัดสรรที่สุดของนาฬิกา ที่มาพร้อมนวัตกรรมสุดสร้างสรรค์ และความพิเศษแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ได้แก่ กลุ่ม Luxury อาทิ  BOVET รุ่น The Virtuoso VIII Chapter Two จากคอลเลคชั่นVirtuoso VIII ที่ล้ำเลิศด้วยการทำงานของกลไกไขลานพร้อมจักรกล “Flying Tourbillon” ที่อวดให้เห็นและการตกแต่งอย่างชัดเจนทั้ง 2 ฝั่งกลไก ที่เรียกว่า “Double-face” อันเป็นลิขสิทธิ์ของ Bovet ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 8 เรือนเท่านั้นทั่วโลก และ มีเพียง 1 เรือนในประเทศไทย เช่นเดียวกับ Bovet รุ่น 19 Thirty Fleurier ที่มีเรือนเดียวในไทย ตัวเรือนสเตนเลสสตีล ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 42 มม. หน้าปัด Guilloché สีเทอร์คอยซ์ กลไกไขลาน Breitling (ไบร์ทลิ่ง) เฉลิมฉลองครบรอบ 70 ปีของ Navitimer นาฬิกานักบินในตำนานของ Breitling ที่มาพร้อมกับ Slide Rule (สไลด์ รูล์) แบบวงกลม, หลักชั่วโมงแบบแท่ง, หน้าปัดย่อยสำหรับบันทึกเวลาแบบ 3 วง และขอบหน้าปัดแบบหยักเพื่อการหมุนได้อย่างถนัดมือ

Carl F.Bucherer รุ่น Manero Flyback Signature มาในรูปลักษณ์นาฬิกาแบบสปอร์ตที่ผสมกับความซับซ้อนทางเทคนิคได้อย่างลงตัว ด้วยเครื่องกลไกแบบออโตมาติกที่พร้อมกับระบบ ‘Flyback’ ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญในฟังก์ชันโครโนกราฟ ผลิตด้วยจำนวนจำกัดเพียง 188 เรือนทั่วโลกและ 5 เรือนในไทย

TAG Heuer รุ่น Formula 1 X Red Bull Racing ดีไซน์ของเรือนเวลาถูกพัฒนาและสร้างสรรค์ด้วยโทนสีที่สอดคล้องกับสีประจำของทีมแข่ง Red Bulls Racing โดยมีการใช้พื้นฐานของนาฬิกาจับเวลารุ่นดังอย่าง F1 Chronograph, นาฬิกา Longines รุ่น Ultra-Chron Diver ได้รับแรงบันดาลใจจากนาฬิกาที่มีกลไกระดับอัลตรา-โครโนมิเตอร์เรือนแรกของโลกซึ่งเปิดตัวในปี ค.ศ.1963 โดยคาลิเบอร์ที่มีความแม่นยำระดับสูงของนาฬิการุ่นใหม่นี้นับเป็นตัวแทนของการตีความใหม่ครั้งแรกที่ทำให้ลองจินส์โดดเด่นและแตกต่างในฐานะ

ผู้บุกเบิกด้านการจับเวลาในการแข่งขันกีฬา จึงนับว่านาฬิกา Longines ULTRA-CHRON 2022 คือการสดุดีแด่นาฬิกาดำน้ำจากช่วงปี 1960s

ORIS รุ่น New York Harbor Limited Edition ลิมิเต็ด อิดิชั่น 2,000 เรือนทั่วโลก (50 เรือนในไทย) พร้อมหมายเลขประจำตัวเรือน บรรจุในกล่องแบบพิเศษ  Maurice Lacroix รุ่น Aikon Skeleton 39mm คือการผสมผสานคอนเซ็ปต์ของตัวนาฬิกาที่ถูกสร้างสรรค์เพื่อคนรุ่นใหม่ด้วยการนำความงดงามในเชิงสถาปัตยกรรมของตึกรามบ้านช่องในแบบ Urban Architecture ส่วน RADO เปิดตัวนาฬิการุ่น Captain Cook High-Tech Ceramic Diver ครั้งแรกในไทย กันน้ำได้ลึก 300 เมตร เข็มนาฬิกาและดัชนีของนาฬิกาสำหรับนักดำน้ำได้รับการเคลือบด้วย SuperLuminova® ที่ผ่านการรับรอง ISO 6425 เพื่อให้มองเห็นได้อย่างชัดเจนบนหน้าปัดสีฟ้าซันเรย์แบบเคลือบเงาด้วยแลกเกอร์ เช่นเดียวกับ MIDO รุ่น The Ocean Star 600 Chronometer Special Edition  นาฬิกาดำน้ำแบบมืออาชีพจากเทคโนโลยีสูงสุดของมิโด

ตัวเรือนเป็นสแตนเลสสตีลรมดำแบบดีแอลซี ทนทานต่อกาลเวลามาพร้อมสายสแตนเลสและสายสำรองเป็นยางสังเคราะห์ ให้คุณเปลี่ยนสายลุยไปได้ทุกที่

สำหรับ TISSOT ส่งนาฬิกาคอลเลคชั่นใหม่ของ PRX ห้ารุ่นที่มีตัวเรือนเหล็กเคลือบซาตินขนาด 35 มม. ซึ่งขับเคลื่อนด้วยกลไกระบบควอตซ์ ตัวเรือนและสายเคลือบสีเหลืองทอง PVD และหน้าปัดสีเหลืองทอง คอลเลกชั่นนี้รวบรวมสาระสำคัญและขนาดที่แน่นอนของรุ่นออริจินัลปี 1978 ที่มีการออกแบบย้อนยุคของ PRX ได้อย่างลงตัว, เอ็กซ์คลูซีฟเพียง 20 เรือนเท่านั้นในไทยสำหรับ FREDERIQUE CONSTANT รุ่น FC-775 Highlife Perpetual Calendar Manufacture ตัวเรือนสแตนเลสสตีล สีเงิน ขนาดหน้าปัด 41 mm หน้าปัดสีน้ำเงินเทา กระจก sapphire crystal กันน้ำ 50 เมตร สำรองพลังงาน 38 ชั่วโมง สายสแตนเลสสตีลสีเงิน ลิมิเต็ดเพียง 1 เรือนเท่านั้น Grand Seiko รุ่น SLGA 015 (Evolution 9 collection) Exclusive launch ที่แรก

นอกจากนี้ยังมีนาฬิกากลุ่ม TREND อาทิ CASIO รุ่นG-SHOCK  VIRTUAL ARMOR II  GMW-B5000TVB-1DR  LIMITED MODEL (เพียง 50 เรือน) และรุ่น G-SHOCK  MR-G AO-ZUMI MRG-B5000BA-1DR EXCLUSIVE MODEL (เพียง 10 เรือน) และเปิดตัวครั้งแรกกับรุ่น G-SHOCK DW-5600NN-1DR  สำหรับ SEKIO เปิดตัวรุ่น King Seiko SJE087J โดยนำนาฬิกาที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากปี 1965 กลับมา Re edition ใหม่ มีจำนวนจำกัด 1700 เรือน ทั่วโลก และ 30 เรือน ในไทย และ CITIZEN นาฬิกา Eco-Drive รุ่น Citizen Tanabata (ซิติเซน ทานาบาตะ) Asia Limited Edition มีหน้าปัดที่มีเฉดสีฟ้าเพื่อแสดงความลึกและความกว้างใหญ่ของกาแลคซี่ โดดเด่นด้วยนาฬิกาสามเข็มพร้อมวันที่ กระจกแซฟไฟร์ สร้อยข้อมือสแตนเลสสีดำ และยังมีนาฬิกาไฮไลท์อื่นๆ อีกมากมายในงาน

พร้อมกันนี้ งาน SIAM PARAGON WATCH & JEWELRY EXPO 2022 ยังได้มอบความคุ้มค่ากับ 10 ข้อเสนอสุดพิเศษกับโปรโมชั่นและของสมนาคุณมากมาย  รับส่วนลดเคาน์เตอร์ปกติ 10-20%, สินค้า SPECIAL PRICE ลดสูงสุด 50%, สมาชิกบัตร M Card รับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 8%  และลดเพิ่มสูงสุด 12.5% เมื่อใช้คะแนน M Point แต่ไม่เกินยอดซื้อ  นอกจากนี้ยังรับส่วนลดเพิ่มอีก 500 บาท (เมื่อช้อปครบ 4,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ) โดยใช้คะแนน M Point 2,000 คะแนนแลก (จากปกติ 4,000 M Point) โดยกดรับสิทธิ์ผ่าน M Card Application, พิเศษ! รับ M Cash Coupon สูงสุด 30,000 บาท และบัตรจอดรถสยามพารากอน (เมื่อช้อปครบตามเงื่อนไข) สำหรับ 10 TOP SPENDERS เมื่อช้อปครบ 300,000 บาทขึ้นไป รับบัตรกำนัลห้องพัก  Cross Pattaya Pratamnak และนาฬิกา GARMIN รุ่น Enduro, Steel with Gray Loop Band มูลค่ารวมกว่า 319,900 บาท, รับสิทธิพิเศษ เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต Citi ตั้งแต่ 26,000 ขึ้นไป รับฟรี M Cash คูปองสูงสุด 30,000 บาท (เมื่อช้อปครบตามเงื่อนไข) สำหรับลูกค้าบัตรเครดิตชั้นนำที่ร่วมรายการพร้อมรับสิทธิพิเศษ ลดเพิ่ม/บัตรกำนัล/เครดิตเงินคืน สูงสุด 25%  และสามารถแบ่งชำระ 0% ทุกชิ้น สูงสุด 10 เดือน

พิเศษสำหรับลูกค้าที่ซื้อนาฬิกาภายในงาน เพียงแสดงใบเสร็จในการซื้อสินค้า ณ บริเวณ D Watch Café, Luxury Loft Well Being Pop Up Concept รับสิทธิพิเศษตรวจวัดความเที่ยงตรงของนาฬิกาด้วยเครื่อง “Watch Expert” Latest Equipment และปรึกษาวิธีการดูแลรักษานาฬิกากับ Watch Technician ได้ทันที และรับสิทธิ์ส่วนลดบริการติดฟิลม์นาฬิกาจาก The Shine Cover Film 20% ทันที (จำนวนจำกัด) เมื่อแสดงใบเสร็จการซื้อสินค้า ณ บริเวณ The Shine Pop Up Booth ชั้น 1 ระหว่างวันที่ 1-18 ก.ค.นี้เท่านั้น 

ร่วมสัมผัสช่วงเวลาแห่งความสง่างามผ่านเรือนเวลาจากหลากหลายแบรนด์ชั้นนำระดับเวิลด์คลาสกว่า 180 แบรนด์ในงาน SIAM PARAGON WATCH & JEWELRY EXPO 2022 งานแสดงนาฬิกาและเครื่องประดับสุดยิ่งใหญ่แห่งปี 2022 ระหว่างวันที่  1-24 กรกฎาคม 2565 ณ บริเวณ ฮอลล์ ออฟ เฟม, เมนฮอลล์, แผนกนาฬิกา ชั้น M และ แฟชั่น ฮอลล์, แฟชั่น แกลลอรี่ ชั้น 1 ศูนย์การค้าสยามพารากอน โดยการจัดงานครั้งนี้อยู่ภายใต้มาตรการด้านสุขอนามัยอย่างเคร่งครัด หรือสามารถเลือกซื้อสินค้าผ่าน Call & Shop บริการสุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับสมาชิก VIZ Card และ Platinum M Card เพียงโทร. 063-205-7989 หรือ 063-205-7974 หรือ Line @callandshop สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-610-8000 และนอกจากนี้ลูกค้ายังสามารถเลือกซื้อสินค้าผ่านบริการ M CHAT & SHOP
แชทมา ช้อปให้ จัดส่งถึงที่ เพียง ADD LINE @monlineTH หรือคลิก
https://tmg.click/MChatNShop, CALL TO ORDER บริการสั่งสินค้าทางโทรศัพท์ สาขาพารากอน โทร. 02-690-1000 รวมถึงช่องทางออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ Monline.com หรือคลิก https://monline.com/en/watches

Praew Knock Knock

แพรวรุกคอนเท้นต์ออนไลน์ ดันรายการใหม่ เสริมทัพความแกร่งครบทุกมิติ

Praew Knock Knock
Praew Knock Knock

ต้อนรับครึ่งปีหลัง 2565 แพรวยังคงเสริมทัพความแข็งแกร่งในฐานะสื่อนิตยสารหัวไทยที่ยังคงทำหน้าที่ผลิตคอนเท้นต์ ซึ่งอัดแน่นไปด้วยเรื่องราวสุดExclusive มาให้แฟนๆ มานานกว่า 43 ปี กระทั่งในวันนี้ได้สร้างสรรค์คอนเท้นต์สู่แพลตฟอร์มออนไลน์ให้ครอบคลุมทั้ง เว็บไซต์แพรวดอทคอม Facebook,Instagram,Youtube,Twitter

ล่าสุดแพรวเตรียมดันรายการใหม่ “PRAEW Knock Knock” สู่แพลตฟอร์มออนไลน์อีกครั้ง เพื่อขยายฐานคนดูให้เพิ่มมากขึ้น โดยได้พิธีกรหน้าใหม่ดีกรีนางสาวไทยปี 2565 นิต้า-มานิตา ดวงคำ ฟาร์เมอร์ มาเป็นพิธีกรดำเนินรายการ

Praew Knock Knock

สำหรับ PRAEW Knock Knock นั้นเป็นรายการทอล์ควาไรตี้ โดยเทปแรกที่จะออนแอร์ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2565 นี้ เวลา 13.00 น. พบกับแขกรับเชิญสุดฮา ป๋อมแป๋ม-นิติ ชัยชิตาทร ที่จะมาร่วมพูดคุย เผยเรื่องราวสุดพีคที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน งานนี้สาวนิต้าจะล้วงข้อมูลทั้งหมดมาได้ไหม จะฮาขนาดไหน ติดตามชมได้ทุกช่องทางออนไลน์ของแพรวที่เดียว

www.praew.com,Facebook@นิตยสารแพรว Youtube@Praewmagazine,Instagram@praewmag,Twitter@praewdaily

นิต้า มานิตา 

เปิดตัวตน “นิต้า-มานิตา” นางสาวไทยวิถีใหม่ เรียบร้อยก็ดี สายเอนเตอร์เทนก็ได้

Alternative Textaccount_circle
นิต้า มานิตา 
นิต้า มานิตา 

“นางสาวไทยต้องเรียบร้อยไหม” เป็นคำถามที่ “นิต้า-มานิตา ดวงคำ ฟาร์เมอร์” สาวงามลูกครึ่งอเมริกัน-ไทยผู้คว้ารางวัลนางสาวไทยประจำปี 2565 (คนที่ 53) ถกกับ แพรว พลางบอกว่าเป็นคำถามที่เธอได้มาจากนางสาวไทยรุ่นพี่อย่าง “บุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” อีกที

ซึ่งคำตอบโดยรวมสำหรับสังคมไทยมาแต่ดั้งเดิมคงเป็นอย่างนั้น คือเรียบร้อย แต่ยุคนี้คงไม่ได้แปลว่าเรียบร้อยแบบผ้าพับไว้ หากหมายถึงการวางตัวเหมาะสม ถูกกาลเทศะ โดยยังสามารถสวย สนุกสนาน และมีความคิดเป็นของตัวเองได้ด้วย ถึงจุดนี้ก็ไม่แปลกใจที่มงลงที่เธอ ยังไม่ต้องเชื่อ แพรว ก็ได้…คุณผู้อ่านค่อยตัดสินอีกทีหลังจากอ่านบทสัมภาษณ์นี้จบ

เปิดตัวตน “นิต้า-มานิตา” นางสาวไทยวิถีใหม่ เรียบร้อยก็ดี สายเอนเตอร์เทนก็ได้

ขอเริ่มที่คำถามภาคบังคับ ถ้าให้ย้อนกลับไปยังโมเมนต์ลุ้นระทึกตอนพิธีกรประกาศว่านิต้าได้ตำแหน่ง ตอนนั้นรู้สึกอย่างไรคะ

“ขอเริ่มจากตอนที่เหลือแค่ 2 คนสุดท้าย ตอนนั้นต้า จับมือลุ้นอยู่กับมุก (อัญพัชร์ ปิติประจักษ์วัชร – รองอันดับ 1) จำได้ว่ามุกบอกว่าถ้าได้ตำแหน่งแล้วอย่าร้องไห้นะ ต้าตอบ มุกว่าไม่ร้องหรอก แต่ถึงร้องก็ไม่เป็นไร เพราะใช้มาสคาราของ มิสทิน ยังไงก็ไม่ไหลเยิ้ม แล้วก็ขำกันเองว่ายังอุตส่าห์ขายของ (หัวเราะ)

“กระทั่งตอนประกาศมีบางกระแสบอกว่าต้าดูไม่ค่อย ดีใจเลยบนเวที ขออาศัยบทสัมภาษณ์นี้ตอบว่า ต้องดีใจ เบอร์ไหน (หัวเราะ) ความจริงคือกำลังข่มน้ำตาไม่ให้ร้องไห้หนักมาก คือเป็นนางงามก็ต้องสวยน่ะ ยิ่งตอนที่พี่เมย์ (ณัฐพัชร พงษ์ประพันธ์ นางสาวไทยปี 2563) นำมงกุฎมาสวมให้ ตอนนั้นถึงกับต้องสูดหายใจเข้าลึกๆ เป็นโมเมนต์ที่รู้สึกโล่งใจ ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เราอดทนทำมาตลอดนั้นส่งผลแล้ว จากนั้น พอมงลงปุ๊บ วิญญาณคนทำงานก็เข้าสิง รีบเรียกสติกลับมา คิดเลยว่าต่อไปเราต้องทำอะไรบ้าง บล็อกกิ้งต้องแม่น เดี๋ยว ต้องเดินไปตรงนั้น รับดอกไม้ รับคทา แล้วต้องหันออกมา แบบนี้ เพราะก่อนหน้านี้ซ้อมกันมาหนักมากว่าถ้ามงลงต้องมี สตินะ กระบวนการต่างๆ ที่ซ้อมไว้จึงกลับเข้ามาในหัวทันที”

นิต้า มานิตา 

แสดงว่ามีความมั่นใจ

“แอบมั่นใจอยู่ลึกๆ ค่ะ (ยิ้ม) อย่างที่บอกว่าต้าตั้งใจ มาประกวดเวทีนางสาวไทยมากๆ ผ่านการคุยกับพี่เลี้ยง ทีมภูเก็ตว่าเรามาที่นี่เพื่ออะไร คือการจะไปประกวดเวทีไหน ก็ตาม ต้องดูด้วยว่าตัวเราเหมาะกับบริบทของเวทีนั้นไหม ต้าเชื่อเรื่องจังหวะที่ ถูกที่ถูกเวลา ซึ่งพอดีว่าบริบทของการประกวดเวทีนางสาวไทยตรงกับเราที่โฟกัส เรื่องการศึกษา แล้วต้าเองเพิ่งกลับมาจากเป็นครูอาสาที่โรงเรียนวัดบางไผ่นารถ ในจังหวัดนครปฐม คือไปสอนมาตั้งแต่ก่อนประกวด ส่วนเรื่องทูตวัฒนธรรม ซึ่งเป็นอีกบริบทสำคัญของเวทีนี้ก็ตรงกับเราอีก ที่ชอบอะไรไทยๆ มาตลอด สมัยเด็กหยิบผ้าของคุณแม่มาห่มเป็นสไบ อยู่โรงเรียนก็เป็นนางรำ ยิ่งที่บ้านนี่ เหมือนพิพิธภัณฑ์ล้านนาเลย มีตู้และหีบเต็มไปหมด เพราะคุณแม่ชอบเดินงาน โอทอปและซื้อผลิตภัณฑ์ของไทยมาก ต้าเองตามคุณแม่ไปช็อปปิ้งตั้งแต่เด็ก จึงซึมซับความชอบนี้มาด้วย

“เมื่อมองว่าทุกอย่างลงตัวมากสำหรับเวทีปีนี้ จึงตัดสินใจเข้าประกวด ข้อดีคือทำให้มีเวลาไปเตรียมตัวในด้านอื่นๆ เพื่อให้เหมาะกับการเป็นนางงาม เพราะฉะนั้นเราจึงหวังมาตั้งแต่แรก พอได้ตำแหน่งมาจึงไม่ถึงกับเซอร์ไพร้ส์มาก แต่รู้สึกว่าเป็นการรับรางวัลและตำแหน่งที่เราตั้งใจมาก รู้สึกว่าตำแหน่งนี้เป็น ของฉัน เมื่อได้รางวัลมาจึงแฮ็ปปี้และโล่งใจมากค่ะ”

การจะคว้าตำแหน่งนางสาวไทยมาได้ ต้องเตรียมตัวหนักขนาดไหนคะ

“เล่าก่อนว่าก่อนจะมาประกวดเวทีนี้ ต้าเคยประกวดมาแล้ว 2 เวที เคยได้รองอันดับ 1 มิสแกรนด์ภูเก็ต 2017 และเข้ารอบ 12 คนสุดท้ายเวที มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2018 แต่ความที่ตอนนั้นยังเด็ก อาจจะยังไม่มีความรู้ ประสบการณ์ และความพร้อมมากเท่าตอนนี้ ประสบการณ์ทำให้ต้ารู้ว่าการเป็น นางงามก็เหมือนการสมัครงานที่ต้องมีวิธีวางตัว การสวัสดี การพูดจา การนั่ง ยืน เดิน ยิ้ม พูดง่ายๆ ว่าเป็นความรู้งาน อย่างก่อนหน้านี้ต้าไม่เคยเรียนการเดิน มาก่อนเลย แต่รอบนี้เตรียมตัวหนักมากว่าต้องยืนและเดินแบบไหน เอวต้องบิด ทิ้งสะโพก ฮึบหน้าท้องเข้า คอเชิด แขนและขาวางอย่างไร ขนาดนิ้วเท้ายังต้อง รู้วิธีเอียงให้ได้องศาเพื่อให้จังหวะการวางข้อเท้าสวยขึ้น

“เช่นเดียวกับเรื่องความสวย เราไม่สามารถตื่นมาแล้วสวยได้เลย ก็ต้อง ดูแลเป็นประจำ พบแพทย์บ้างนิดหน่อย เน้นเรื่องอาหารการกินและออกกำลังกาย เป็นประจำ หลายครั้งที่ภารกิจเยอะ ต้องไปฟิตติ้งทำนั่นทำนี่ กว่าจะถึงบ้าน ก็เหนื่อยมาก แต่ก็ต้องลุกมาออกกำลังกาย ไม่ไหวก็ต้องไหว ยิ่งช่วงประกวดนี่ หนักมาก ที่เห็นออกทีวีคือส่วนน้อย เบื้องหลังหนักกว่านั้นมาก ซ้อมเสร็จ อาบน้ำ นอนได้ไม่ถึง 3 ชั่วโมง ต้องตื่นมาแต่งหน้าใหม่ ซึ่งหลายคนบอกว่า งานอื่นก็เหนื่อยเหมือนกัน แต่งานอื่นเหนื่อยแล้วสามารถทำหน้าเหนื่อยได้ ส่วน นางงามนั้นจะขึ้นเวทีด้วยหน้าเหนื่อยๆ โทรมๆ ไม่ได้ (เน้นเสียง)

“ดังนั้นไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหนก็ต้องข่มใจอดทนไว้ แล้วแสดงออกมาว่า แฮ็ปปี้ เอนจอย เคล็ดลับเรื่องการนอนน้อยแต่ฟื้นมาให้หน้าสวยของต้าคือ ทุกเช้าจะใช้ขวดน้ำที่แช่เย็นไว้มาประคบหน้า นอกจากจะช่วยปลุกให้ตื่นมาสดชื่น แล้ว ยังช่วยลดอาการหน้าบวมน้ำ ระหว่างแต่งหน้าก็อัดวิตามินเม็ดฟู่ และ ช่วงทำกิจกรรมต่างๆ ก็ต้องคอยทำตัวแอ๊คทีฟเข้าไว้ ไว้ค่อยกลับไปเหนื่อยทีเดียว ตอนถึงบ้าน

“สุดท้ายคือการหาข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับการตอบคำถามกรรมการ เพราะ เราไม่มีทางรู้ว่าจะเจอคำถามอะไร บางวันอาจเป็นคำถามง่ายๆ ว่าวันนี้ใส่ชุดอะไร แต่บางวันอาจเป็นว่าคุณมีความคิดเห็นอย่างไรเรื่องการที่เด็กตั้งท้องโดยไม่พร้อม ถ้าไม่เตรียมไว้ก่อนก็อาจจะ ‘อะไรนะคะ’ การเก็บข้อมูลจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อ ให้สามารถดึงข้อมูลออกมาตอบได้ทันเวลา”

นิต้า มานิตา 

หนึ่งในสิ่งที่มาพร้อมมงกุฎคือน้ำหนักของความกดดันจากคำวิพากษ์วิจารณ์ โดยเฉพาะเรื่องรูปร่างหน้าตา

“เริ่มที่เรื่องรูปร่างก่อนแล้วกันนะคะ นี่เป็นเรื่องที่ต้าต้องต่อสู้มาตลอด อย่างที่ทราบกันว่าต้าเคยหนัก 90 กิโลกรัม ซึ่งตอนนั้นเป็นช่วงที่ต้าไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่อเมริกา ซึ่งอาหารที่โน่นจานใหญ่ ปริมาณมาก น้ำหนักจึงขึ้น แต่ก็ค่อยๆ ลดลงมาจนน้ำหนักโอเค กระทั่งไปประกวดเวทีใหญ่เวทีแรก ปรากฏว่าโดนไซเบอร์บูลลี่เรื่องหุ่นหนักมาก เหมือนคนโฟกัสแต่หุ่น จนไม่เห็นความสามารถอื่นที่เราทำเลย และด้วยความที่เราโครงใหญ่ สูงกว่า 170 เซนติเมตร ใส่รองเท้าเบอร์ 43 จะให้ตัวผอมบางเท่าสาวไทยตัวเล็กๆ คงไม่ได้ ประกอบกับเป็นเวทีแรกที่เข้าประกวด ต้ายังเด็กมาก ประสบการณ์ก็ไม่มี จึงเก็บมาคิดทุกคำพูด แล้วร้องไห้ว่าเราทำผิดอะไรขนาดนั้น เคยอยู่ในจุดที่ร้องไห้ตั้งแต่ 5 โมงเย็นถึงเที่ยงคืนเพราะเครียดมาก หลังจากนั้นก็ต้องหยุดประกวดและ เลิกเล่นโซเชียลมีเดียไปพักใหญ่ ต้าใช้เวลาปรับมายด์เซตอยู่เกือบ 2 ปีในการค่อยๆ กลับมารักและดูแลตัวเอง

“ซึ่งต้องบอกว่าพอเราให้เวลาก็ค่อยๆ ดีขึ้น ประกอบกับมีช่วงหนึ่งที่สังคม ให้ความสนใจเรื่องสุขภาพจิตและหยิบยกเรื่องปัญหาไซเบอร์บูลลี่มาพูดคุยกัน มากขึ้น รวมถึงให้ความสำคัญกับเรื่องความเชื่อมั่นในตัวเอง เราก็เข้าไปเสพข่าว หาความรู้บ่อยๆ จนวันหนึ่งก็ตกตะกอนและคิดได้ว่าจริงๆ แล้วเราไม่จำเป็น ต้องให้ค่าคำพูดแย่ๆ เหล่านั้น เพราะความจริงคนที่มาคอมเมนต์ไม่กล้าพูดแบบนี้ ต่อหน้าเราด้วยซ้ำ เคยมีคนพูดว่าให้นำคำพูดเหล่านี้มาเป็นแรงผลักดัน แต่ต้า คิดว่าถ้าเรานำคำด่ามาเป็นแรงผลักดัน นั่นเป็นการทำเพื่อคนอื่น ทำไมเรา ไม่พิสูจน์ให้เห็นด้วยการทำตามความต้องการของเราจริงๆ

“เช่น ถ้าอยากสวย เราต้องอยากสวยเพื่อตัวเอง เพราะถ้าคนอื่นบอกว่า ไม่เห็นจะสวยเลย เราก็จะดาวน์ แต่ถ้าเราทำทุกอย่างจากความพอใจของตัวเอง ว่าฉันอยากหุ่นดีเท่านี้ในแบบของฉัน โดยไม่ได้เทียบกับใคร อย่างต้ารู้ว่า โครงสร้างตัวเองใหญ่ ต่อให้ใครบอกว่าต้าสะโพกใหญ่หรือไม่ดีพอ แต่เรารู้ตัว ว่าลดกว่านี้ไม่ได้ เพราะติดกระดูกแล้ว เราก็จะแฮ็ปปี้กับตัวเอง คือเป็นฉันใน เวอร์ชั่นที่ดีที่สุด เปลี่ยนจากความไม่มั่นใจที่เราต้องรูปร่างเหมือนคนอื่นมาเป็น ความมั่นใจกับสิ่งที่มี และทำให้ดีที่สุดในแบบที่เราเป็น นี่คือมายด์เซตของนิต้า ในปัจจุบัน

“ซึ่งกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ก็ไม่ง่ายหรอกค่ะ แต่พอโตขึ้น จิตใจเข้มแข็งขึ้น มีประสบการณ์มากขึ้น ก็จะรับมือได้ดีขึ้น อย่างตอนสมัครประกวดนางสาวไทย ตอนแรกไม่ได้บอกคุณแม่นะคะ เพราะท่านเป็นห่วงเรื่องที่เราต้องไปรับคำพูดของ คนอื่นมาคิดมาก ตอนหลังจึงต้องบอกท่านว่าเราโอเคแล้ว เข้มแข็งขึ้นแล้ว และเราอยากทำเพื่อตัวเองจริงๆ แต่ขนาดคิดว่าตัวเองพร้อมแล้วทั้งมายด์เซต และร่างกาย ก็ยังมีบางวันที่เหนื่อยมากๆ อย่างวันหนึ่งต้องหิ้วถุงชุดสำหรับใส่ ประกวด 4-5 ถุง แล้วมีคนฝากถุงให้ถืออีก คือคล้องถุงขึ้นมาเต็มแขน หนักมาก นางงามเป็นนางแบก พอเข้ามาถึงห้องตัวเองเท่านั้นแหละ ปล่อยโฮ รู้สึกว่าทำไมฉันต้องเหนื่อยขนาดนี้ นอนก็น้อย ยังต้องขนของหนักอีก จำได้ว่าโทร.หาเพื่อนแล้วงอแงอยากให้เพื่อนมาหา แต่สักพักคิดได้ว่ากว่าเพื่อนจะมาถึง ต้องรออีก 1 ชั่วโมง เวลานอนก็จะน้อยลงไปอีก เลยบอกเพื่อนว่าไม่ต้องมาแล้ว ขอนอนก่อน พอตื่นขึ้นมาปรากฏว่าหาย ไม่เศร้าแล้ว คงเพราะคืนก่อนหน้านั้นนอนน้อย ใจเลยไม่แข็งแรง” (หัวเราะ)

รู้สึกอย่างไรที่นิต้าเป็นนางสาวไทยหน้าฝรั่งคนแรก

“มีคนพูดเยอะนะคะว่านางสาวไทยควรหน้าไทย แต่เนื่องจากต้าทำการบ้านกับทีมตั้งแต่ก่อนเข้าประกวดว่าถ้าเป็นลูกครึ่ง เวทีนี้จะโอเคไหม ถ้าต้ามาประกวด เพื่อให้ได้รองอันดับ 1 ต้าก็ไม่รู้จะมาทำไม ซึ่งปรากฏว่าพอสอบถามหาข้อมูลดูแล้ว ทางวชิราวุธไม่เคยมีข้อจำกัดว่านางสาวไทยต้องเป็นไทยแท้ ไม่รับลูกครึ่ง อะไรแบบนั้น เราจึงตกลงที่จะเข้าประกวด

“ส่วนตัวเองแม้จะหน้าฝรั่งเพราะเป็นลูกครึ่ง แต่ต้าเกิดและเติบโตที่ภูเก็ต เคยเรียนนานาชาติแค่ช่วงอนุบาล แต่หลังจากนั้นก็เรียนโรงเรียนไทยมาตลอด วัฒนธรรมความเป็นไทย การพูดการจาก็รู้หมดทุกอย่าง ศัพท์ภาษาใต้ก็เข้าใจ อู้คำเมืองก็พอได้ เพราะคุณแม่มาจากเชียงราย ซึ่งเรายังกลับไปทุกช่วงสงกรานต์ โตมากับการหักขาเขียดทอดกิน จกข้าวเหนียว ข้าวซอย น้ำเงี้ยว กินได้หมด ก็เลยรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนไทยมาตลอด แค่หน้าเราไม่ไทยเท่านั้นเอง ต้าบอก ทุกคนว่าหนูไปเข้าฝันแม่ในอดีตให้แม่เลือกสามีคนไทยไม่ได้ (หัวเราะ) เป็น อย่างเดียวที่ต้าเลือกเองไม่ได้จริงๆ อย่างเมื่อก่อนคนเห็นหน้าเราก็พูดภาษาอังกฤษใส่ก่อนเลย ต้าก็ได้แต่บอกว่าพูดไทยได้ค่ะ เป็นคนไทย

“แต่ยอมรับว่าก่อนเข้าประกวดยังพูดภาษาไทยไม่ชัด ไม่ใช่ว่าติดสำเนียง ฝรั่งนะคะ แต่ติดสำเนียงทองแดงแบบใต้ (หัวเราะ) คืออาจจะไม่ได้พูดภาษาใต้ คล่องขนาดนั้น แต่ติดสำเนียงที่ไม่ใช่ภาคกลาง ปรากฏว่าพอเข้าประกวดแล้ว ใครๆ ก็ชอบให้พูดภาษาใต้ให้ฟัง จึงต้องฝึกจนพูดได้คล่อง แล้วความที่ เราเป็นเด็ก ‘ตจว.’ เพิ่งเข้ามาเรียนกรุงเทพฯช่วงมหาวิทยาลัย บางทีก็ไม่รู้ว่า คำศัพท์ที่เราใช้พูดอยู่ไม่ใช่ภาษากลาง ก็จะเผลอพูดคำท้องถิ่นออกมาให้คนงง เช่น วันนี้รู้สึก ‘ยม’ มาก เป็นภาษาเหนือ แปลว่า เหนื่อย หรือเคยบอกเพื่อน ในกองประกวดว่าเติมหน้าหน่อยนะ ตอนนี้หน้า ‘แวว’ หรือหน้ามันแล้ว เรา ไม่รู้ว่าคนกรุงเทพฯไม่ใช้คำพวกนี้” (หัวเราะ)

ถ้าอย่างนั้นเล่าหน่อยว่าเด็กไทยหน้าฝรั่งคนนี้เติบโตมาอย่างไรคะ

“ต้าเป็นลูกครึ่งอเมริกัน-ไทย คุณพ่อคุณแม่เจอกันที่สิงคโปร์ แล้วมาปักหลักสร้างครอบครัวกันที่ภูเก็ต แต่ความที่คุณพ่อเป็นวิศวกรปิโตรเลียมที่ดูแล แท่นขุดเจาะน้ำมันกลางทะเล จึงไม่ค่อยอยู่บ้าน ต้องไปอยู่ทะเลทีละหลายๆ เดือน ดังนั้นต้าจึงโตมากับคุณแม่ ซึ่งเป็นแม่บ้านและดูแลบ้านเช่า จึงซึมซับความเป็นไทยมาเยอะอย่างที่บอก แล้วก็เรียนโรงเรียนไทยมาตลอด เพราะคุณแม่กลัวลูกพูดภาษาไทยไม่ได้

“สมัยเรียนต้าเป็นทั้งเด็กเรียนและกิจกรรม แต่ไม่ใช่เด็กเรียนจ๋า เพราะ ไม่ชอบอ่านหนังสือ ทำข้อสอบไม่เก่ง แต่พรีเซ้นต์เก่งมาก ยิ่งตอนอยู่มหาวิทยาลัยนี่ บุญหัวที่มีเพื่อนชอบทำรายงาน ส่วนเราพรีเซนต์แบบเล่นใหญ่ตระการตา ชอบ แสดงออกมาตั้งแต่เด็ก เพราะเป็นลูกคนเดียว คุณพ่อก็ไม่ค่อยอยู่ คุณแม่ ก็ไม่เล่นด้วย เพราะอายุห่างกันเยอะ (ห่างกัน 36 ปี) เราจึงต้องเป็นเด็กที่เอนเตอร์เทนตัวเองได้ (ยิ้ม) เด็ดดอกไม้ ระบายสี ดูละครจักรๆ วงศ์ๆ เล่น แอ๊คติ้งตาม หรือไม่ก็ดูนักร้องเพลงลูกทุ่งแล้วก็มาร้องเพลงอยู่คนเดียวในห้อง (หัวเราะ)

“แล้วที่ชอบมากอีกอย่างคือดูประกวดนางงามกับคุณแม่ ชี้ชวนกันดูว่าคนนั้นสวย คนนี้สวย แล้วคุณแม่ก็อยู่ในยุคที่นางสาวไทยเฟื่องฟูมาก สมัยก่อนชอบจับต้าดัดขาไม่ให้โก่งแล้วร้องเป็นเพลงว่า ‘ขาตรงๆ และเป็นนางสาวไทย’ เราได้ยินประโยคนี้มาตั้งแต่เด็ก จึงเหมือนกับถูกปลูกฝังมาตั้งแต่ตอนนั้น และถ้าประกอบเข้ากับที่ต้าชอบหยิบผ้าแม่มาห่มเป็นสไบถ่ายรูป…ก็ใช่เลยแหละ

“พอโตขึ้น ที่เริ่มเข้าประกวดเป็นปีแรก (มิสแกรนด์ภูเก็ต 2017) ก็เพราะได้ดูพี่อแมนด้าเข้าประกวดกับทีมภูเก็ต (ชื่อทีมพี่เลี้ยงนักปั้นนางงาม) แล้วรู้สึกว่าทีมนี้ดูแลนางงามดีจัง อยากมีทีมดีๆ คอยซัพพอร์ตแบบนี้บ้าง จึงเริ่มหาช่องทางดู จนได้เข้ามาอยู่ในทีมภูเก็ต ก็ยอมรับเลยว่าที่เข้าประกวดปีแรกเพราะเชื่อมั่นในทีม แต่ยังไม่มีความรู้หรือประสบการณ์ในด้านอื่นว่าต้องดูบริบทของเวทีนั้นด้วยนะ หรือต้องฝึกซ้อมอะไรมาด้วย เหมือนเข้าไปเก็บประสบการณ์มากกว่า แม้จะไม่ถึงฝัน แต่ก็โอเคค่ะ”

อะไรทำให้นิต้าเดินหน้าต่อ

“ต้ายังเชื่อมั่นในศักยภาพของตัวเองว่าไม่ได้มีแค่นี้ ฉันยังปล่อยพลัง ออกมาได้อีก ช่วงที่ยังไม่ได้เข้าประกวดเวทีไหน ต้าก็ยังไปดูการประกวดที่เวทีอื่นอยู่เรื่อยๆ ทุกครั้งที่ไปรู้สึกเหมือนได้เติมถ่านให้มีประกายไฟเล็กๆ ปะทุขึ้นมา รู้สึกสนุกและคิดตลอดว่าถ้าฉันได้ไปเต้นตรงนี้นะ…หรือถ้าฉันได้เดินไปพร้อมเพลงนี้นะ แล้วก็คอยลุ้นไปกับคำตอบของนางงามเวลาตอบคำถาม รู้สึกว่าการอยู่ บนเวทีทำให้จิตใจกระชุ่มกระชวย ดีต่อใจมากๆ จึงยังอยากไปประกวดอยู่ แม้จะยังไม่ได้ตำแหน่งที่ต้องการ แต่ทุกครั้งที่ได้ขึ้นเวทีเหมือนเราได้มอบความสุขให้คนดู โดยที่เราก็ไม่ได้กดดันตัวเองว่ากำลังประกวดหรือแข่งขันกับใคร แต่ เป็นความสุขที่ได้ยืนบนเวทีนี้ และฉันก็ส่งความสุขนี้ออกไปให้คนดู

“อีกอย่างที่ต้าประทับใจในการประกวดนางงามคือมิตรภาพที่ดี คนภายนอกมักมองว่าเวทีนางงามคือสงคราม ต้องร้าย ต้องต่อสู้แย่งชิง ความจริงคือเราไม่ได้แข่งกันทุกวัน แต่ทุกคนพยายามช่วยเหลือกันมาก คอยบอกว่าลิปติดฟันนะ ผมวันนี้ยังไม่ดี ใครมีกาวติดขนตาไหม ขาดเหลืออะไรเราจะช่วยเหลือกัน แม้อาจจะมีผิดหวังบ้างถ้าไม่ได้เข้ารอบต่อไป ซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่เราก็ดีต่อกัน”

มีบทเรียนไหนที่ได้เรียนรู้จากเวทีนางงามไหม

“การรับมือกับคำวิจารณ์และคำชมค่ะ อย่างที่บอกว่าเราเปรียบเหมือนสปอตไลท์ที่อยู่ตรงกลาง ถ้าเราเลือกฟังแต่เสียงด้านไม่ดีก็จะบั่นทอนจิตใจมาก กำลังใจจากคนรอบข้างจึงสำคัญ แต่ขณะเดียวกันหากเราไม่ระวังหรือไม่รู้วิธี รับมือให้ดี กำลังใจและคำชมจากคนรอบข้างก็อาจเป็นแรงกดดันเราได้เหมือนกัน

“อย่างการประกวดรอบนี้ต้องบอกว่านิต้ามาด้วยความพร้อมหลายด้าน แล้ว คนจึงเล็งเห็นเรามากขึ้น มีแม่ๆ แฟนคลับที่ตามกันมานานพิมพ์มาว่าดีใจ มากเลยที่มีคนเห็นและรักนิต้ามากขึ้น มีคนสนใจและเห็นศักยภาพในตัวเรา มากขึ้น ซึ่งแม้จะเป็นกำลังใจ แต่ต้าก็ต้องระวังที่จะไม่นำคำพูดหรือความ คาดหวังจากความรักนี้มาเป็นแรงกดดันตัวเอง เราจะรับความคาดหวังนี้มา ด้วยความขอบคุณ แล้ววางไว้ข้างๆ เรา ไม่นำมาใส่ตัว เพราะสิ่งที่เราทำอยู่นั้น เราทำเพื่อตัวเอง ไม่ใช่เพื่อใคร”

นิต้า มานิตา 

ในฐานะนางสาวไทย มีภารกิจไหนที่ตั้งใจอยากทำให้ได้

“อย่างแรกเลยคือการศึกษา อย่างที่บอกว่าเพราะเรามีประสบการณ์ตรงจากการไปเป็นครูอาสามา แล้วพบว่าหลักสูตรการศึกษาของไทยค่อนข้างล้าสมัยเกินไป ต้าเคยคุยกับ Bitkub ที่เป็นสปอนเซอร์นางสาวไทย เขาอยากให้มีวิชาการเงินสอนในโรงเรียน ซึ่งต้าเห็นด้วย เพราะส่วนตัวไม่เก่งเรื่องตัวเลขเลย ดูหุ้นก็ไม่รู้เรื่อง โรงเรียนสอนอย่างมากแค่ทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย ถ้าจะมีวิชาสอนด้านการเงินหรือเรื่องหุ้นตั้งแต่เด็กคงเป็นเรื่องดี ต้าเองเคยได้ทุน AFS ไปเรียนที่อเมริกา 1 ปี แล้วพบว่าหลักสูตรของเรากับเขาต่างกันมาก ที่นั่นนักเรียนสามารถเลือกวิชาเรียนเองได้ จะร้องเพลง ทำเครื่องปั้นดินเผา วิทยาศาสตร์ เคมี ฟิสิกส์ ชีวะ อวกาศ ดาราศาสตร์ หรือวิชาคณิตศาสตร์ก็เลือกเลเวลได้ว่าอยากเรียนแค่ไหน เอาแค่หาค่า X หรือ Y ก็พอ ไม่ต้องลอการิทึม (Logarithm – การดำเนินการทางคณิตศาสตร์ที่เป็นฟังก์ชันผกผันของฟังก์ชันเลขชี้กำลัง) ก็ได้ไหม ถ้าเราไม่ได้คิดจะใช้ในชีวิตประจำวัน คือต้าเข้าใจว่าเมืองไทยไม่ได้มีทุนพอจะทำอะไรขนาดนั้นได้ แต่ก็อยากให้เพิ่มทางเลือกและปรับหลักสูตรให้ทันสมัย หรือตามโลกนิดหนึ่ง อย่างเครื่องคิดเลข ทำไมถึงห้ามใช้ในห้องเรียนและห้องสอบ ทั้งๆ ที่ในชีวิตจริงเราก็กดเครื่องคิดเลขจากมือถือกัน

“หรือวิชาภาษาอังกฤษ คนไทยชอบสอนแบบเน้นแกรมม่า บังคับให้ท่องจำคำศัพท์ บอกเลยว่าในฐานะครูอาสาที่เข้าไปสอนภาษาอังกฤษ ณ จุดนี้ แกรมม่าเราก็ไม่คล่อง (หัวเราะ) ต้าว่าภาษาเป็นเรื่องของการใช้งานเพื่อสื่อสาร เวลาสอนนักเรียน ต้าจะพูดภาษาอังกฤษทั้งสำเนียงอเมริกันและสำเนียงไทย และบอกให้เขาพูดสำเนียงไหนก็ได้ ไม่ผิด ขอแค่ให้สื่อถึงคนฟังรู้เรื่องก็ใช้ได้แล้ว แม่ต้าอยู่กับพ่อมา 30 ปี สำเนียงภาษาอังกฤษของแม่คือชวนปวดหัวมาก แต่พ่อก็ยังเข้าใจที่แม่พูด ขอแค่ให้นักเรียนได้ฟังเยอะๆ และมีโอกาสได้พูดจริงๆ ได้ใช้งานจริง ไม่ใช่มัวแต่กลัวเลยไม่ได้พูดสักที”

เล่าประสบการณ์การเป็นครูอาสาให้ฟังหน่อยสิคะว่าไปทำอะไรมาบ้าง

“ต้าไปเป็นครูอาสาในฐานะครูพิเศษภาษาอังกฤษที่โรงเรียนวัดบางไผ่นารถ จังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นพื้นที่ขาดแคลน ตอนที่ไปเป็นช่วงโควิดระบาดจริงๆ โรงเรียนเปลี่ยนไปสอนออนไลน์แล้ว แต่ครูต้องเข้าไปเซ็นเอกสารว่าสอนออนไลน์ ก่อนตามระบบราชการ ซึ่งครูใหญ่บอกให้ต้าเข้าไปวันเดียวก็ได้ แต่ไหนๆ ไปแล้ว ก็เลยกะว่าอยู่สัก 1 เดือนแล้วกัน แต่กลายเป็นอยู่ยาวเกือบ 4 เดือน เพราะ ประทับใจบรรยากาศและความน่ารักของคุณครูที่นั่น

“โดยตลอด 4 เดือนนั้น ต้าพักอยู่กับคุณครูในบ้านพักซึ่งอยู่บริเวณ เดียวกับโรงเรียน ครูนอนบนเตียง ต้าปูผ้าห่มแทนฟูกนอนกับพื้น หมอน 1 ใบ พัดลม 1 ตัว ตื่นเช้ามาก็ดื่มกาแฟพลางฟังเสียงไก่บ้านข้างๆ ขัน ถ้าวันพระ ความที่โรงเรียนอยู่ติดกับวัด ลำโพงจากวัดจะหันเข้ามาในโรงเรียน หลวงพี่จะสวดมนต์ตั้งแต่ 7 โมงเช้า วันไหนฝนตก หลังโรงเรียนจะมีบรรดากบมาร้องเพลงให้ฟังอย่างเต็มที่ ส่วนการเรียนการสอน อย่างที่บอกว่าเป็นออนไลน์ แม้ครูยังต้องเข้าไปสอนในห้องเรียน แต่นักเรียนจะเรียนจากที่บ้าน ต้าไปสอน วันแรกตื่นเต้นมาก รีบออนไลน์รอ ปรากฏว่าไม่มีใครมาเลย! เพราะน้องๆ นักเรียนไม่มีคอมพิวเตอร์ ไม่มีโทรศัพท์มือถือ ไม่มีอินเทอร์เน็ต บางบ้าน อยู่กัน 4 คนมีมือถือเครื่องเดียว นั่นเป็นครั้งแรกที่ต้าตระหนักว่าการเรียนออนไลน์ จะไม่มีประสิทธิภาพถ้าเด็กไทยยังเข้าไม่ถึงเครื่องมือและอินเทอร์เน็ตจริงๆ

“อีกอย่างที่พบคือสมัยนี้ครูหลายคนมีความพยายามที่จะพัฒนาการเรียน การสอนให้ความรู้ที่ดีขึ้น บางคนก็ทำคลิปสอนลง TikTok บ้าง บางคนก็ทำคลิปให้ความรู้ง่ายๆ ลงยูทูบบ้าง แต่การพัฒนาสภาพชีวิตครูก็ยังไม่ไปตามกัน อย่าง บ้านพักครูในโรงเรียนที่ต้าไปอยู่ เชื่อไหมว่าผนังในห้องนี่พิงไม่ได้นะ ยุบ…เพราะปลวกกินไปหมดแล้ว ต้าถามว่าทำผนังใหม่จากไม้เป็นปูนได้ไหม เขาบอกว่าได้ แต่ต้องไปทำเรื่องเอกสารสั่งรื้อถอนก่อนตามกฎของกระทรวง งงเลย แล้วครู งานเอกสารเยอะมาก ต้าโชคดีที่ทำแค่ใบงาน แต่ครูคนอื่นต้องมีแผนเตรียม การสอน ธุรการ พัสดุ บูรณะโรงเรียน ฯลฯ ใบอะไรไม่รู้เต็มไปหมด แล้ว ช่วงโควิดมีการสั่งทาสีโรงเรียน ห้องน้ำก็ต้องล้าง บ่อปลาก็ต้องขัด บ้านพักครู ก็ต้องเฝ้า ทั้งหมดนี้ครูทำหมดเลย แต่ต้าก็เต็มใจทำด้วย เพราะคุณครูที่นั่น น่ารักมากจริงๆ ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ต้าอยากช่วยพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของครูให้ดีขึ้น เดี๋ยวคงต้องดูว่าจะทำอะไรได้บ้างค่ะ ส่วนอีกเรื่องที่อยากพัฒนาคือ การท่องเที่ยวไทยค่ะ”

นิต้า มานิตา 

ในแง่มุมไหนคะ

“อยากโฟกัสเรื่องสถานที่มากขึ้น เนื่องจากต้าไม่มีรถ จึงพบว่าการเดินทาง ข้ามจังหวัดหรือแม้กระทั่งเดินทางในตัวจังหวัดของแต่ละที่ไม่ได้สะดวกสบาย คือต้องมีรถถึงจะขับไปไหนมาไหนได้ ระบบขนส่งมวลชนไม่ค่อยมี สมมติง่ายๆ อย่างเชียงใหม่มีรถสองแถวแดงนั่งไปไหนมาไหนได้ แล้วสถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่ จะอยู่ติดๆ กัน ในขณะที่เชียงรายที่ท่องเที่ยวอยู่ห่างกันมาก จากตัวเมือง ไปแม่สายก็เป็นชั่วโมง ไม่มีรถสองแถวให้นั่งด้วย นิต้าคิดว่าถ้าเราสามารถทำให้ ระบบการคมนาคมดีขึ้น การท่องเที่ยวก็น่าจะไปได้ไกลกว่านี้ และช่วยกระจาย ความหนาแน่นของนักท่องเที่ยวไม่ให้กระจุกอยู่ที่ใดที่หนึ่ง ปัญหาทรัพยากร ของการท่องเที่ยวก็จะลดลง

“อีกเรื่องคือวิถีชีวิต เราโตมากับการเป็นเด็กต่างจังหวัดที่ไปไหนก็ได้รับ การต้อนรับอย่างอบอุ่นจากญาติๆ และคนในท้องถิ่น จึงมองว่าการท่องเที่ยว ที่ได้สัมผัสกลิ่นอายความเป็นท้องถิ่นจริงๆ เป็นความรู้สึกที่ดีและน่ารักมากๆ สามารถรีชาร์จพลังให้เราได้ ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็มีชาวบ้านหลายคนพัฒนาธุรกิจขึ้นมา โดยต่อยอดจากการเกษตรมาเป็นโฮมสเตย์บ้าง แต่ปัญหาคือเขาไม่มีความรู้ ด้านธุรกิจ คนแห่ไปเที่ยวกันแป๊บๆ แล้วก็หายไป ซึ่งต้าคิดว่าต้องมีการให้ความรู้ พื้นฐานกับชาวบ้านจากผู้ใหญ่บ้านหรือ อบต. เพื่อให้เขามีความรู้ในการต่อยอด เพิ่มมูลค่าทั้งอาชีพและธุรกิจของเขา

“เรื่องนี้รวมไปถึงพวกผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของชาวบ้านด้วยนะคะ อย่างที่รู้กัน ว่าเรื่องฝีมือชาวบ้านเราเก่งอยู่แล้ว และสมัยนี้ก็มีเด็กรุ่นใหม่หรือแบรนด์ใหม่ๆ เข้าไปพัฒนาต่อยอดงานดีไซน์ให้ผลิตภัณฑ์ชาวบ้านดูทันสมัยขึ้นเยอะ ทั้งเรื่อง การให้สี งานดีไซน์ แพ็คเกจจิ้ง แต่ต้าว่าเรายังมีช่องว่างทางการตลาดอยู่ คือ งานฝีมือถ้าไม่ติดยี่ห้อแบรนด์ขายคนในเมืองจนแพงไปเลย ก็จะเป็นของชาวบ้าน ที่ราคาถูกไปเลย เพราะเขาขายในละแวกนั้น ถ้าแพงไปคนแถวนั้นก็ไม่ซื้อ มัน ขาดแก๊ปตรงกลาง ราคาที่กลุ่มลูกค้าคนทำงานสามารถเข้าถึงได้ในชีวิตประจำวัน เพราะฉะนั้นถ้าเราสามารถเพิ่มมูลค่าของเหล่านี้ ปรับราคาและเพิ่มแพลตฟอร์ม ที่ลูกค้าระดับกลางเข้าถึงได้ ก็จะช่วยขยายฐานสินค้าให้คนเข้าถึงมากขึ้น แล้ว ถ้าอยากซื้อราคาถูกจริงๆ ค่อยไปซื้อกับชาวบ้าน ซึ่งพอไปแล้วเขาก็ต้องไปกิน และท่องเที่ยวในย่านนั้น ก็จะช่วยเพิ่มรายได้ให้ชุมชนไปอีก”

ไหนๆ ก็เข้าเรื่องจริงจังแล้ว นิต้าว่าคุณค่าของผู้หญิงอยู่ที่ไหน

“ความพอใจในตัวเองและสิ่งที่ตัวเองมีค่ะ ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเรา รู้จักตัวเองให้มากพอ ต้าเคยอยู่ในจุดที่รู้จักตัวเองไม่มากพออย่างที่บอก อย่างเรื่องหุ่นที่พอโดนวิจารณ์ก็ทำให้ทุกข์ใจ ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งก็อยากจะบอกว่า อย่าเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น ถ้าคุณเป็นคนธรรมดา ไม่ใช่นางงาม ก็ไม่ต้องผอมให้เหมือนนางงาม ให้อยู่ในจุดที่ตัวเองพอใจและไม่กระทบสุขภาพ ส่วนต้า เป็นนางงาม แน่นอนว่าต้องมีคนคาดหวังให้เราสวยเท่านั้นเท่านี้ แต่เรายังต้อง กลับมาคิดอีกทีว่าเราอยากทำจริงๆ ไหม อย่างต้าเคยทำหน้าอกและลดเหนียงมา ซึ่งตอนแรกก็ไม่ได้อยากทำหน้าอก แต่ความที่สะโพกใหญ่ หมอบอกว่าถ้าเอว กับสะโพกเราเท่านี้ การมีหน้าอกขึ้นมาหน่อยจะช่วยบาลานซ์รูปร่างได้ ก็เลยทำ ขึ้นมาแบบน้อยมากๆ พอน่ารัก ขณะที่บางคนอาจขอใหญ่ๆ ไปเลย ก็แล้วแต่คน จะทำอะไรก็ตาม ขอให้มีความสุขกับมัน เพราะคุณจะต้องทนความเจ็บให้ได้ จะฉีดโบท็อกซ์ เลเซอร์ ไฮฟู่ อัลเทอร่า ถามว่าเจ็บไหม ก็มีจิกเบาะนะ แต่ถ้า ผลออกมาสวยแล้วเราชอบและทนได้ก็แฮ็ปปี้

“แต่กว่าจะตกผลึกได้ก็ต้องใช้ทั้งเวลาและประสบการณ์นะคะ ต้องมีวันที่ คุณลองผิดลองถูก ผิดหวัง ผิดพลาด แต่ให้พยายามเก็บสิ่งนั้นมาเป็นคลังข้อมูล เพื่อทำความรู้จักตัวเองให้ได้มากที่สุด รู้ว่าทำสิ่งนี้เราโอเคไหม ไม่ใช่เอาความผิด มาตอกย้ำตัวเอง ให้ทำความรู้จักตัวเองเหมือนว่ากำลังพยายามทำความรู้จัก ใครสักคน ซึ่งสำคัญนะคะ การรู้จักตัวเองจะทำให้เรารู้ทิศทางและเป้าหมาย ของชีวิต ไม่อย่างนั้นเราจะล่องลอยและถูกชักจูงไปในทางที่เราไม่ได้ต้องการ เหมือนตอนนั้นที่ต้ามัวแต่ไปฟังคนอื่นว่าฉันจะต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ แต่พอเรา รู้จักตัวเองแล้ว เราจะคอยเช็กตัวเองตลอดว่าโอเคอยู่ไหม คือพูดน่ะง่าย แต่ ตอนทำน่ะยาก เพราะฉะนั้นต้องให้เวลาตัวเองเยอะๆ ในการเรียนรู้ไป ทุกวันนี้ต้าก็ยังเรียนรู้อยู่ทุกวัน ค่อยๆ ใช้เวลาเติบโตไปกับมันค่ะ” (ยิ้ม)

ถ้าอย่างนั้นขอเคล็ดลับดูแลตัวเองอย่างสุขภาพจิตดีในแบบนิต้าหน่อยค่ะ

“ขอเริ่มที่เรื่องน้ำหนักตัวก่อน ถ้าใครอยากลดความอ้วน เทคนิคคือ อย่าหักโหม การลดน้ำหนักไม่ใช่สิ่งที่จะทำแล้วได้เลย มันจะโยโย่ เหนื่อย เพลีย สมองเบลอ ต้าผ่านการลดน้ำหนักมาทั้งวิธีที่ผิดและถูก เคยทั้งอดอาหาร ออกกำลังกายหนักชนิดสิงอยู่ในฟิตเนสทั้งวัน หรือกินคลีนสุดๆ มาแล้ว แต่ รอบนี้เรารู้แล้วว่าเดี๋ยวประกวดจะต้องเครียด มีเรื่องให้คิดเยอะและต้องทำอะไรมากมาย จึงจ้างเทรนเนอร์มาดูแล ซึ่งทำให้รู้ว่าที่เคยอัดออกกำลังกายทั้งวันนั้น ไม่จำเป็น แค่ออกกำลังกายขา 3 ท่า แขนหรือท้อง 2 ท่าพอ กินอะไรก็ได้ แค่เลือกหน่อย ไม่ใช่ลูกชิ้นทอด 3 มื้อต่อวัน เพราะเวลาประกวดเราเลือกอาหาร ไม่ได้ บางทีเจออาหารสปอนเซอร์ก็ต้องกิน แต่อาจจะลดข้าวลงหน่อย และใน กระเป๋าถือจะมีกล้วย 2 ลูกกับน้ำเต้าหู้ 1 ขวดติดไว้เสมอ (หัวเราะ) เผื่อหิวฉุกเฉิน เพราะนางงามต้องใช้สมอง ถ้าไม่กินอาจเบลอ จะได้มีพลังงานไปคิดต่อด้วย

“ส่วนความสวยงามทั่วไปต้องบอกว่าผมกับผิวนี่เป็นบุญกุศลที่ได้เส้นผม และสีผมมาจากคุณพ่อ และได้ผิวดีมาจากคุณแม่ จึงไม่มีปัญหาอะไร แต่ที่ทำ บ่อยทุกวันคือประคบหน้าอย่างที่บอก กับมีโรลหยกไว้นวดคลึงหน้า จริงๆ แล้ววิธีการไม่สำคัญเท่ากับมีวินัย คือทำให้ได้ทุกวัน ไม่ใช่ซื้อมาวางเก็บไว้ ส่วนเวลา แต่งหน้าต้ามีปัญหาจุดเดียวเลยคือใต้ตาที่ค่อนข้างคล้ำ เพราะเป็นภูมิแพ้ ปกติ คอนซีลเลอร์จะเอาไม่อยู่ ได้แค่แป๊บเดียวรอยดำก็จะทะลุกลับมาใหม่ เทคนิคคือ ใช้คอนซีลเลอร์ลงบริเวณหัวตา แล้วค่อยๆ แตะเกลี่ยให้ซึมเข้าผิว แล้วลงแป้งฝุ่นทับ จากนั้นแต่งหน้าที่เหลือให้เสร็จ แล้วกลับมาลงแป้งผสมรองพื้นโบกเข้าไปใต้ตาอีกรอบ ฉ่ำ สวย อยู่ทน ส่วนขนตาก็ใช้เซรั่มบำรุงขนตาหน่อยก็จะดีค่ะ

“สุดท้ายต้าเชื่อว่าต่อให้สวยแค่ไหนก็จะมีวันที่ผู้หญิงเรารู้สึกอึดอัดกับ ตัวเอง รู้สึกว่าวันนี้ไม่สวยเลย แต่งอะไรก็ไม่สวย เพราะฮอร์โมนในร่างกายเรา บางทีก็ไม่น่ารัก มีขึ้นมีลง บางวันก็กระซิบให้เรารู้สึกแย่เก่งมาก แต่เราอย่าปล่อย ไปตามนั้น ต้องพยายามลุกขึ้นมาแต่งสวย โฟกัสเรื่องดีๆ ของตัวเอง ต้าจะบอกว่าจริงๆ แล้วคนที่ใจร้ายกับเราที่สุดคือตัวเอง ต้องคอยตั้งสติ อย่างประกวด รอบนี้ตอนเดินโชว์ในชุดว่ายน้ำ ต้ารู้ตัวว่าไม่ค่อยพร้อม เพราะไม่มีเวลาเล่นเวต ฟิตหุ่น ตอนเดินรู้เลยว่าขาฉันสั่นกระเพื่อมสะเทือนหัวใจเว่อร์ จึงเตือนตัวเองว่าถ้ามัวแต่โฟกัสจุดที่ขาด เราจะไม่มั่นใจ ทุกอย่างอยู่ที่อินเนอร์ อย่าใจร้ายกับตัวเอง พอคิดได้ ต้าก็พลิกความคิดมาโฟกัสที่ฉันต้องสวย หน้าต้องมั่น ดูหน้าฉันนี่ ดูความมั่นใจของฉัน ก็ทำให้ความมั่นใจดีขึ้น”

สวยและมั่นใจขนาดนี้ มีแฟนหรือยังคะ

“มีแล้วค่ะ เขาเป็นนักรักบี้ บังเอิญเนอะ เพราะกีฬาประจำโรงเรียนวชิราวุธ คือรักบี้ แต่ต้าเจอกับเขาตั้งแต่ตอนประกวดครั้งก่อนโน้น ถ้าถามว่าเจอกันได้ ยังไง…บอกก่อนเลยว่าต้าเป็นผู้หญิงสมัยใหม่ที่สวย แต่ผู้ชายไม่กล้าจีบเพราะ กลัว แฟนทุกคนที่ผ่านมาคือเป็นฝ่ายจีบเองตลอด (หัวเราะ) ต้าคิดว่าเรื่อง ความรักถ้าอยากได้คนแบบไหน เราต้องกล้าเข้าไปเลือก เหมือนเวลาเราไป ช็อปปิ้ง เราก็ต้องเข้าไปลองดูลองถือ ถ้ามัวแต่ไม่กล้า เราก็จะได้ในสิ่งที่เรา ไม่อยากได้มาแทน

“ส่วนคนนี้ถ้าเล่าแล้วเขาอาจจะเขินนะ คือปกติเวลาคุยกับใครเราจะ เคยเจอตัวเห็นหน้ากันมาบ้างแล้ว แต่กับคนนี้ไม่เคยเจอกันมาก่อน ตอนแรกเขา แอดเฟรนด์มา แล้วตามกดไลค์รูปเราอยู่ 3 เดือน คือกดให้รู้ว่ากด ซึ่งต้าเห็น แล้วแหละ ก็รู้สึกว่าหน้าตาเขาตรงสเป็คประมาณหนึ่ง คือเราชอบผู้ชายหน้าเข้มๆ แบบผู้บ่าวไทย (หัวเราะ) ชอบแบบนี้ แต่เขาไม่คุยสักทีไง วันหนึ่งก็รู้สึกว่า อยากรู้จักแล้ว ก็เลยทักไปว่า ‘จะส่องอีกนานไหมคะ’ แล้วเราก็ดีลเองหมดเลย ชื่ออะไร อยากเจอกันไหม ก็สรุปว่าได้เจอกัน มารู้ทีหลังว่าพอทักไป เขาโทร.ไปหารุ่นพี่แบบตื่นเต้นมาก ทำตัวไม่ถูก”

นิต้า มานิตา 

นักกีฬากับนางงามไปกันได้ดีไหมคะ มีอะไรต้องปรับเข้าหากันบ้าง

“ต่างกันเยอะอยู่นะ ความที่เขาเป็นนักรักบี้แมนๆ ช่วงแรกจะไม่เข้าใจโลกนางงาม คิดว่าแค่สวยๆ ง่ายๆ สบายๆ แต่พอเขาได้มาดูเบื้องหลังว่านางงามต้องทำอะไรบ้าง เขาบอกว่าเหนื่อยกว่านักรักบี้อีก ที่เหลือก็อาจจะเป็นเรื่องภาษา เวลาคุยกัน เขาจะไม่เข้าใจศัพท์กะเทยหรือภาษาท้องถิ่นที่เราใช้ เพราะเขาเป็น คนภาคกลาง ต้าเคยคุยกับเขาอยู่แล้วบอกว่า ‘เดี๋ยวค่อยคุยกัน ตอนนี้ไฟไหม้’ เขาตกใจใหญ่เลย เป็นอะไร ไฟไหม้ที่ไหน ต้องเรียกรถดับเพลิงไหม โอ๊ย… (หัวเราะ) แต่ความที่เรารู้ว่าเขาอาจจะไม่เข้าใจโลกของเราเต็มที่ เวลาเราไปหา เพื่อนของเรา เราก็จะคอยเช็กกับเขาว่าโอเคไหม หรือถามก่อนเลยว่าอยากไป ด้วยไหม ถ้าไม่ไปก็ไม่เป็นไร ไม่โกรธ เช่นเดียวกันกับเวลาไปดูเขาแข่งกีฬา ต้าก็ปล่อยให้เขาไปนั่งคุยกับแก๊งเพื่อนผู้ชายของเขา ฉันนั่งอยู่ตรงนี้แหละ เราโอเค คุณก็คุยไป แต่ครั้งแรกที่ต้าไปเชียร์เขาที่สนามนะ ตลกมาก ด้วย ความที่แฟนนักรักบี้ส่วนใหญ่จะหน้าหมวยๆ ส่วนเราเป็นนางงาม แถมยังหน้าฝรั่ง อีก คนจึงหันมามองทั้งสนามเลย ถึงขั้นกรรมการในสนามชี้ขึ้นมาที่เราแล้วก็เมาท์ ความรู้สึกตอนนั้นคืออยากเดินไปถือไมค์แล้วยกมือขึ้นสวัสดี ขอแนะนำตัว อย่างเป็นทางการให้ทุกท่านที่กำลังนินทาดิฉันอยู่ ณ ตรงนี้ แต่ก็ไม่มีอะไรนะ ผ่านไปแบบขำๆ

“หลักๆ ต้าว่าอยู่ที่การสื่อสารเลยค่ะ คู่ต้าเองก็เคยมีช่วงที่ระหองระแหง คือแม้ต้าจะเป็นสาวสตรอง ทำทุกอย่างเองได้ สามารถเดินสำเพ็งแล้วแบกถุงใหญ่ๆ ขึ้นมอเตอร์ไซค์รับจ้างได้ แถมยังติดนิสัยแม่ศรีเรือนมาจากคุณแม่ มั่นใจว่าทำกับข้าวอร่อย ทำได้ทั้งอาหารไทย อาหารใต้ อาหารเหนือ และอาหารฝรั่ง เราดูแลเขาเต็มที่เหมือนคุณแม่ดูแลคุณพ่อ จนเขาน้ำหนักขึ้นสุด (หัวเราะ) ซึ่งเรา ก็มีความสุขที่ได้ทำให้เขา แต่เราก็ต้องการคนดูแลเอาใจใส่เหมือนกัน จนต้า ต้องคุยกับเขาว่าเราเป็นผู้ให้อย่างเดียวตลอดไม่ได้นะ มันจะมีวันที่ฉันแบตหมด เพราะฉะนั้นคุณต้องให้เรากลับด้วย ถ้าเราต่างคนต่างทำให้กัน ก็จะยิ่งมีความ กระชุ่มกระชวยในหัวใจเพิ่ม แล้วเราก็จะไปต่อได้ ซึ่งเขาก็ทำให้ค่ะ คอยซื้อข้าว ซื้อน้ำ ถือของให้ ยิ่งตอนประกวดนี้ยังมาช่วยเอาผ้าไปซักให้เลย เพราะเรายุ่ง มาก หรือบางทีเราอยากได้คำชมจากเขา แต่เขาจะมาแค่วันนี้สวยนะ เราก็จะ บอกเขาว่าไม่ ฉันต้องการอินเนอร์ที่สตรองกว่านี้ เขาก็น่ารักนะ พอฟังเสร็จ เขาก็ส่งข้อความเสียงกลับมาว่า ‘โอ้โฮ วันนี้เธอเดินสับแบบปั๊วะ แซ่บมาก’ (หัวเราะสนุก)

“กลับกันเขาเคยเจอแต่ผู้หญิงที่ใช่แปลว่่าไม่ ไม่แปลว่าใช่ ไม่เป็นไร แปลว่าเป็น แต่เราเป็นผู้หญิงแมนๆ ไม่เป็นไรคือไม่เป็นไร ซึ่งมีช่วงที่เขา คิดว่าเราเป็น แล้วก็พยายามมาคุยถามต่อ จนเราต้องหยุดเขาแล้วบอกว่าไม่เป็นไรจริงๆ ฉันต้องการเวลาส่วนตัว แล้วเราก็เป็นผู้หญิงที่ไม่ต้องโทร. รายงานละเอียดทุกอย่าง เพราะรู้ว่าเขาต้องซ้อมกีฬาเยอะ บางทีเราขอแค่ ซ้อมเสร็จแล้วโทร.มาบอกหน่อยว่าเสร็จแล้ว กำลังจะกลับบ้าน แค่นี้ก็พอแล้ว หรือเวลาไปนั่งคาเฟ่ด้วยกันก็ไม่จำเป็นต้องคุยกันตลอดเวลา อาจจะจิบกาแฟ แป๊บหนึ่ง แล้วต่างคนต่างอยู่ในโลกส่วนตัวของตัวเองก็ได้ ซึ่งพอเราพูดคุย สื่อสารกันได้เข้าใจ ทุกอย่างก็ค่อยๆ โอเคขึ้นมา ตอนนี้ก็คบกันมาเกือบ 3 ปี แล้วค่ะ”

เล่าเรื่องคุณพ่อคุณแม่บ้างนะคะ ท่านภูมิใจแค่ไหนกับลูกสาวคนนี้

“ภูมิใจนะคะ แต่ทั้งคุณพ่อคุณแม่ขี้เขินมาก ไม่ค่อยชอบพูด ถ้าเจอคนที่ ไม่รู้จักกันท่านจะไม่พูด คุณแม่เคยไปดูต้าประกวดครั้งหนึ่ง แล้วพอมีนักข่าวมา สัมภาษณ์ต้า คุณแม่หายไปหลบอยู่ในมุม พอประกวดนางสาวไทยรอบนี้ คุณแม่ จึงไม่ยอมมาดูหน้าเวที เพราะไม่อยากออกสื่อ ขอดูทีวีที่บ้าน ต้ายังโทร.ไปแซวคุณแม่ก่อนขึ้นเวทีเลยว่าอยู่บ้านคนเดียว ถ้าจะดีใจก็เบาๆ นะ ค่อยๆ หายใจนะ (ยิ้ม) ซึ่งต้าโอเคนะ เรารู้ว่าเขารักและตื่นเต้นไปกับเรา แต่เขาอยากอยู่ในที่ที่ แสดงออกได้เต็มที่มากกว่า

“ส่วนคุณพ่อย้ายกลับไปอยู่ที่อเมริกาได้ 4-5 ปีแล้วค่ะ เพราะปัญหาสุขภาพ ท่านต้องกลับไปใช้สวัสดิการที่นั่น นี่ต้ายังไม่ได้โทร.ไปหาเลย เพราะภารกิจแน่นมาก แล้วเวลาที่โน่นกับเมืองไทยก็ห่างกัน 12 ชั่วโมง อินเทอร์เน็ตเมืองที่คุณพ่ออยู่ก็ดี๊ดี ภาษาใต้เรียกว่าอยู่ใน ‘หมง’ แปลว่าบ้านนอกไกลๆ อเมริกาไม่ได้มีแค่นิวยอร์กนะ (หัวเราะ) แต่คิดว่าท่านรู้แล้วว่าเราได้ตำแหน่ง เพราะคุณแม่ส่งวิดีโอ ไปให้ ก็คงดีใจ”

แรงบันดาลใจของนิต้ามาจากไหน

“ต้าไม่มีใครเป็นแรงบันดาลใจเฉพาะเจาะจง คนชอบถามว่าต้ามีนางงามคนไหนเป็นไอดอลในดวงใจไหม ต้าเลือกมองจุดเด่นของแต่ละคนแล้วดึงมาใช้เป็นเรื่องๆ ไปมากกว่า อย่างวิธีการทำงานอาจจะเป็นคนนี้ ชอบการวางสตอรี่ของคนนั้น ชอบการพูดการจาของคนนี้ ชอบการเดินของอีกคน อย่างเรื่องวางลุคต้าชอบของ แคท-แคทรีโอนา เกรย์ (มิสยูนิเวิร์ส 2018) ตอนที่มาไทย เสื้อผ้าเขามีกลิ่นอายความเป็นฟิลิปปินส์ เราก็เก็บของแต่ละคนมารวมๆ กันให้เป็นตัวเรามากกว่าค่ะ”

สิ่งที่อยากบอกคนรุ่นต่อไปที่กำลังเดินตามความฝัน

“ทำในสิ่งที่อยากทำและสนใจจริงๆ เพราะถ้าทำแล้วฝืน คุณก็จะไปต่อได้ ไม่สุด อย่างถ้าให้ต้าไปพูดเรื่องคณิตศาสตร์ เราคงทำไม่ได้ แต่ถ้าให้พูดขายของ ยังไงให้ขายได้ ก็พูดได้ไม่หยุด เพราะฉะนั้นแรงบันดาลใจและทุกสิ่งทุกอย่างนั้น ขอให้เกิดจากความสนใจและความตั้งใจของเราจริงๆ ซึ่งความสนใจนั้นจะเปลี่ยนแปลงไปได้ตามประสบการณ์ที่เราเจอ วันนี้คุณอาจจะสนใจเรื่องหนึ่ง เวลาผ่านไปอาจจะเปลี่ยนไปสนใจอีกอย่างก็ได้ อนาคตอาจเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ขอแค่ให้รู้จักตัวเอง แล้วค่อยๆ เติบโตไปกับมันค่ะ”

อยากให้คนจดจำนิต้าในแง่ไหน

“อยากให้เห็นความตั้งใจค่ะ อยากให้รู้ว่าเราตั้งใจกับทุกกิจกรรมจริงๆ คิดว่านางสาวไทยแต่ละคนก็มีบุคลิกไม่ซ้ำกันอยู่แล้ว ถ้าคนไม่รู้จักต้าจะคิดว่าเรานิ่ง เงียบ ดุ เข้าถึงยาก แต่พอรู้จักแล้วจะบอกว่าเหนือความคาดหมาย ไม่คิดว่าเราจะพูดเยอะขนาดนี้ (หัวเราะ)

“คนภายนอกอาจจะคิดว่านางงามต้องเรียบร้อย อ่อนน้อม สดใส ร่าเริง แต่ตัวตนของต้าจะมีหลายเวอร์ชั่น บางทีอาจจะหัวเราะเอิ๊กอ๊าก อีกวันอาจจะดูขรึม ซีเรียส แต่ความจริงเป็นคนสบายๆ แค่ตั้งใจเต็มที่กับทุกอย่าง ถ้ากิจกรรมไหนต้องสนุก เราก็ตั้งใจให้สนุก ถ้าต้องนิ่ง เราก็ตั้งใจฟังตามนั้น เราวางตัวเองให้ตรงกับทุกกิจกรรม แต่ไม่ได้เฟค แค่ตั้งใจและมีความสุขกับทุกกิจกรรมที่ทำ เราอยากให้คนภายนอกเห็นว่าเราไม่ได้มาประกวดแค่เพื่อมงกุฎหรือรางวัล แต่ อยากทำทุกอย่างให้ดี ให้สมกับตำแหน่งนางสาวไทยจริงๆ อย่างที่ต้าเคยพูดไว้ ตอนประกวดว่า ถ้าหากพี่ๆ ต้องการหานางงามที่พร้อมจะทำงานให้เวทีนางสาวไทย ต้าพร้อมที่จะเป็นตัวเลือกนั้น ก็หวังว่าตลอด 1 ปีในตำแหน่งนางสาวไทย คงจะได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ดีๆ ได้ลองทำอะไรที่แปลกใหม่ ไม่แน่ว่าอาจจะได้เห็นนางสาวไทยเดี่ยวไมโครโฟนก็ได้นะ” (ยิ้ม) 


ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 980

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Gucci Pet

เปย์สุดพลัง GUCCI Pet ไอเท็มหลักแสน ทาสจ๋า สู้ไม่สู้!

account_circle
Gucci Pet
Gucci Pet

ใครจะไปคิด!! ว่าแบรนด์สุดหรูระดับโลกอย่าง Gucci ที่ไม่ว่าปล่อยไอเท็มอะไรออกมา เหล่าสาวกก็กวาดเรียบ เก็บครบทุกคอลเล็คชั่น ล่าสุดหันมาเอาใจเหล่าบรรดาทาสหมาและทาสแมวสายแฟชั่น โดยการเปิดตัวคอลเล็คชั่นสำหรับสัตว์เลี้ยง ภายใต้ชื่อ “Gucci Pet Collection” มาให้ทุกคนได้ยลโฉม

เปย์สุดพลัง GUCCI Pet ไอเท็มหลักแสน ทาสจ๋า สู้ไม่สู้!

Gucci Pet
Gucci Pet

สำหรับ Gucci Pet Collection ของแบรนด์ Gucci ผลิตขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อสานต่อถึงซีเล็คชั่น Gucci Lifestyle และปล่อยไอเท็มแฟชั่นสำหรับสัตว์เลี้ยง พร้อมสีสันอันสดใสออกมาด้วยกัน 3 ประเภท ในแคมเปญที่ได้รับแรงบันดาลใจแนวย้อนยุค โดยใช้วัสดุรีไซเคิล ลดการใช้พลาสติก ไม่ว่าจะเป็นผ้าเส้นใยสังเคราะห์อย่าง Polyester หรือผ้าฝ้ายรีไซเคิล และ Demetra ซึ่งเป็นหนังเทียมคุณภาพสูงที่ผลิตขึ้นเองในสินค้าของแบรนด์ ชูความโดดเด่นด้านดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ไว้ได้อย่างชัดเจน

Gucci Pet
Gucci Pet

เริ่มตั้งแต่เสื้อผ้า, กระเป๋าใส่สัตว์เลี้ยงที่ปล่อยออกมาด้วยราคา 130,700 บาท ตลอดไปจนถึงจานชาม, ปลอกคอ และสายจูง อีกทั้งยังมีโซฟาที่แสนนุ่มอย่าง Geometric G pet bed หรือ Herbarium pet bed ในราคา 264,000 บาท โดยมีให้เลือกถึง 4 ลวดลาย ไม่ว่าจะเป็นลายโมโนแกรม สลักโลโก้ GG หรือแพทเทิร์นลายซิกเนเจอร์ของแบรนด์ก็ตาม หากน้องหมาและน้องแมวได้ใช้ได้นอนก็คงจะฟินน่าดูเชียวแหละ

Gucci Pet
Gucci Pet
Gucci Pet
Gucci Pet
Gucci Pet
Gucci Pet
Gucci Pet
Gucci Pet
Gucci Pet
Gucci Pet
Gucci Pet
Gucci Pet

ด้วยวิสัยทัศน์ของ Alessandro Michele ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของแบรนด์ พร้อมกับสไตล์การดีไซน์ที่แหวกแนวจากความเป็น Gucci แบบดั้งเดิม เขายึดคอนเซ็ปต์ที่เน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืน และพยายามตอกย้ำความเป็นแบรนด์แฟชั่นชั้นนำที่ได้กระแสตอบรับมากที่สุดในโลก ซึ่งคอลเล็คชั่นนี้บอกได้เลยว่า เห็นแล้วก็อยากให้ลูกๆ ของเราได้ใช้ จะรอช้าอยู่ทำไม กดเข้าเว็บไซต์ Gucci ด่วนๆ ตอนนี้แล้วสอยมาให้ครบเซ็ทไปเลยสิคะ!!!!


เรื่อง : iwspk
ข้อมูลและภาพ : Gucci

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ชาอึนอู

ล้างตารอชม! ยลโฉมหนุ่มหล่อเจ้าของฉายา เบ้าหน้าฟ้าประทาน ชาอึนอู

Alternative Textaccount_circle
ชาอึนอู
ชาอึนอู

ไม่ปล่อยให้แฟนๆคิดถึงนาน BE HEAR NOW KPOP (บีเฮียนาว เคป็อป) ผู้จัดน้องใหม่ไฟแรงมากความสามารถ คว้าตัวหนุ่มหล่อแห่งยุคอย่าง ชาอึนอู บิดลัดฟ้ามาเปิดการแสดงที่ประเทศไทยอีกครั้ง ตามเสียงเรียกร้องจากแฟนๆ

ในครั้งนี้เตรียมเปิดการแสดงแบบเต็มพิกัด ใน CHA EUN-WOO “JUST ONE 10 MINUTE” ” in Bangkok วันเสาร์ที่ 30 กรกฎาคมนี้ ที่ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี เปิดจำหน่ายบัตรพร้อมกันวันเสาร์ที่ 2 กรกฎาคม 2565 เวลา 12.00 น. ที่ไทยทิกเกอร์เมเจอร์ทุกสาขาและช่องทาง

CHA EUN-WOO เป็นขวัญใจชาวไทยทั้งจากผลงานเพลงที่ฝากไว้ และจากผลงานการแสดง โดยเขาได้ปรากฎในซีรีส์ชื่อดัง ในฐานะนักแสดงนำอย่าง “My ID is Gangnam Beauty’, ‘Rookie Historian Goo Hae-Ryung’, และซีรีส์สุดฮิตเรื่องล่าสุดอย่าง ‘True Beauty’ ที่กระชากใจผู้ที่ได้ชมซีรีส์เรื่องนี้ทุกคนจากการแสดงที่มีเสน่ห์และรอยยิ้มที่มีเอกลักษณ์

ชาอึนอู 01

แฟนๆ ชาวไทยห้ามพลาด มาครั้งนี้พระเอกหนุ่มเตรียมจัดเต็มเพื่อแฟนๆและโรฮ่า เตรียมการแสดงสุดฟินทั้งร้องและเต้น พร้อมโปรดักชั่นสุดอลัง ด้วยประสบการณ์ในวงการ ที่สะสมมาอย่างยาวนาน อึนอูพร้อมแล้วที่กระชากใจทุกคนที่ได้พบเห็น

เตรียมตัวให้พร้อมกดบัตรพร้อมกันในวันเสาร์ที่ 2 กรกฎาคมนี้ เที่ยงตรง บัตรราคาเริ่มต้นที่ 2,500 บาท พร้อมสิทธิพิเศษสุดฟิน ที่เรียกได้ว่างานนี้จัดเต็มมาให้แฟนๆ ชาวไทยได้ฟิน ชิดขอบเหมือนมีอึนอูมานั่งอยู่กลางใจ มีบัตรแล้วเตรียมมาเจอกัน แล้วมากรี๊ดกันให้สุดเสียงในวันเสาร์ที่ 30 กรกฎาคม 2565 เวลา 18.00 น. ที่ธันเดอร์โดม เมืองทางธานี

รายละเอียดเพิ่มเติมและข้อมูลสุดฟินเกี่ยวกับงานนี้อย่าลืมกดติดตามทุกช่องทางของ BE HEAR NOW KPOP เพื่อไม่ให้พลาดการอัพเดตข้อมูลข่าวสาร

ครีมกันแดด สำหรับผิวแพ้ง่าย

ใช้ผิดมีผิวพัง! ไกด์วิธีเลือกเครื่องสำอาง สกินแคร์ ครีมกันแดด สำหรับผิวแพ้ง่าย

Alternative Textaccount_circle
ครีมกันแดด สำหรับผิวแพ้ง่าย
ครีมกันแดด สำหรับผิวแพ้ง่าย

ถึงแม้ว่าหลายคนจะระมัดระวังการเลือกใช้สกินแคร์บำรุงผิวที่ปราศจากน้ำหอม สีสังเคราะห์ และแอลกอฮอล์ เพื่อเลี่ยงอาการแพ้ แต่ยังมีส่วนผสมอื่นที่ทำให้ผิวแห้งแบบเรื้อรัง หรืออุดตันเป็นสิว ส่งผลเสียในระยะยาว เช่น ผิวอ่อนแอ อักเสบ กระทั่งเกิดเป็นริ้วรอยก่อนวัยในที่สุด ไม่ว่าจะเป็น

ไกด์วิธีเลือกเครื่องสำอาง สกินแคร์ ครีมกันแดด สำหรับผิวแพ้ง่าย

โทนเนอร์ทำลายน้ำมันเคลือบผิว

คนที่ผิวหน้ามัน มักเช็ดด้วยโทนเนอร์หลังล้างหน้าเพื่อควบคุมความมัน บางยี่ห้อมีคุณสมบัติขจัดเซลล์ผิวเสื่อมสภาพ แต่อย่าลืมว่าส่วนผสมแอลกอฮอล์ในโทนเนอร์ ทำให้ผิวแห้งตึงอย่างเห็นได้ชัด แม้จะช่วยควบคุมความมัน แต่ผิวต้องการน้ำมันช่วยเคลือบเพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งระคายเคืองมาสัมผัสถูกผิว หากจำเป็นต้องใช้โทนเนอร์ ควรเลือกชนิดที่ปราศจากแอลกอฮอล์ เน้นให้ความชุ่มชื่น โดยไม่ทำลายน้ำมันเคลือบผิว

วิธีเลือกเครื่องสำอาง สกินแคร์ ครีมกันแดด

สบู่ + คลีนเซอร์ ทำให้หน้าแห้ง

ทุกคนรู้จักใช้สบู่ล้างหน้ามาตั้งแต่เด็ก เพื่อขจัดสิ่งสกปรกที่ติดตามผิวหนังให้หลุดออกด้วยฟองนุ่มบางเบาจนสะอาดหมดจด บางคนที่แต่งหน้าหรือใช้เครื่องสำอาง อาจใช้คลีนซิ่งโลชั่นเช็ดผิวก่อน แล้วล้างหน้าด้วยสบู่อีกรอบให้แน่ใจว่าสะอาดจริง แต่ผลเสียที่เกิดกับผิวคือ ความแห้งกร้าน เพราะสบู่มีความเป็นด่างสูง รวมทั้งแอลกอฮอล์ และสารแอนติแบคทีเรียที่ผสมอยู่ในคลีนซิ่งโลชั่นเป็นตัว
กระตุ้นให้ผิวระคายเคือง แต่กลับรู้สึกว่าผิวนุ่ม ซึ่งเป็นผลมาจากปิโตรเลียมที่ผสมอยู่ในคลีนซิ่งโลชั่นมีคุณสมบัติเคลือบผิวนั่นเอง

วิธีเลือกเครื่องสำอาง สกินแคร์ ครีมกันแดด

ครีมบำรุง

ก่อให้เกิดการอุดตัน ผู้หญิงเชื่อว่า ครีมบำรุงผิว คือสิ่งมหัศจรรย์ที่เปลี่ยนผิวให้ดีขึ้น มีความอ่อนนุ่ม เรียบเนียน และปราศจากริ้วรอย แต่ยังมีส่วนผสมอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับการบำรุง เช่น มิเนรัลออยล์ เพโทรลาทัม ซึ่งเป็นสาเหตุให้รูขุมขนอุดตัน เพราะผิวหนังไม่สามารถขับน้ำมันธรรมชาติและของเสียออกมาได้ตามปกติ รวมทั้งสารเคมีที่ทำให้เนื้อครีมเหนียวข้น อ่อนนุ่ม จนผู้ใช้เกิดความประทับใจนั้นอาจก่อให้เกิดอาการแพ้ได้เช่นกัน

ครีมกันแดด สำหรับผิวแพ้ง่าย

ครีมกันแดด สำหรับผิวแพ้ง่าย

รู้ไหมว่ารังสีอินฟราเรดนี้มีความร้ายกาจมากกว่ารังสียูวีเอ (UVA) และยูวีบี (UVB) ที่อาจทำให้ผิวดำคล้ำ เกิดฝ้า จุดด่างดำ ทำให้ผิวร้อน บวมแดงหลายเท่า เพราะรังสีอินฟราเรดมาแรงกว่านั้น! โดยมันสามารถทำร้ายชั้นผิวหนังได้ลึกและแทรกซึมเข้าสู่ผิวได้ในระดับเซลล์ กระตุ้นให้เกิดอนุมูลอิสระ ทำให้คอลลาเจนในชั้นผิวลดลง อันเป็นสาเหตุของความหย่อนคล้อย เหี่ยวย่น แก่ก่อนวัย ริ้วรอยร่องลึก ผิวหนังสูญเสียความยืดหยุ่น รวมถึงเกิดความหมองคล้ำ

ดังนั้น หากสาวๆ อยากจะเลือกซื้อ ครีมกันแดด สำหรับผิวแพ้ง่าย สักชิ้น เพื่อมาเป็นตัวช่วยในการปกป้องผิวแล้วละก็ อย่ามองหาแต่ครีมกันแดด สำหรับผิวแพ้ง่าย ที่มีค่าการปกป้องอย่าง SPF ที่ปกป้องรังสียูวีบี และ PA ที่ปกป้องรังสียูวีเอเท่านั้น แต่ต้องมองหาครีมกันแดดที่ปกป้องผิวจากรังสีอินฟราเรดได้ด้วย เช่น ครีมกันแดด สำหรับผิวแพ้ง่าย  ที่มีส่วนผสมของสารที่เป็น IR Block หรือ Infrared Block ผสมด้วย การปกป้องอย่างครอบคลุมมากยิ่งขึ้น นับว่าเป็นเรื่องง่ายๆ แต่สำคัญมากเลยทีเดียว

วิธีเลือกเครื่องสำอาง สกินแคร์ ครีมกันแดด

สุดท้าย ดูแลผิวอย่างฉลาด ผิวจะได้ไม่พัง!!

ถ้าสังเกตเห็นผิวเริ่มอ่อนแอ หรือมีอาการแพ้ง่าย ควรเปลี่ยนผลิตภัณฑ์โดยเลือกชนิดสำหรับผิวแพ้ง่าย ซึ่งมักมีเนื้อครีมบางเบา และปราศจากสารกันเสียที่อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียง ควรทาครีมในปริมาณพอเหมาะ ที่สำคัญศึกษาถึงส่วนผสมบางชนิดที่ยังไม่รู้จัก โดยสอบถามข้อมูลจากบริษัทผู้ผลิตหรือบริการ Call Center บนกล่องแต่ละแบรนด์ ที่สามารถให้รายละเอียดตามต้องการก่อนก็ดีนะ


เรื่อง : Primphy_praewnista
ภาพ : Pexels

บทความอื่นๆ ที่นาสนใจ

Pregskin Siampiwat Cover

PregSkin จับมือ สยามพิวรรธน์ ร่วมจัดงาน “PregSkin GO GREEN” มุ่งเป็นแบรนด์สกินแคร์ชั้นนำที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมตามแนวคิด “สวยไม่ทำร้ายโลก”

Pregskin Siampiwat Cover
Pregskin Siampiwat Cover

เพร็กสกิน (PregSkin) แบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์และให้นมบุตร ร่วมกับ สยามพิวรรธน์ (Siam Piwat) ในการจัดงาน “PregSkin GO GREEN” ณ สยามดิสคัฟเวอรี่ (Siam Discovery) บริเวณอีโคโทเปีย (Ecotopia) โดยมีแขกรับเชิญเป็นคุณมารีญา พูลเลิศลาภ ผู้ครองตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2560 และตัวแทนประเทศไทยในการประกวดนางงามจักรวาล 2560 รวมถึงเป็นผู้ก่อตั้งโครงการ SOS Earth ซึ่งให้ความสำคัญในการช่วยเหลือสิ่งแวดล้อม

PregSkin จับมือ สยามพิวรรธน์ ร่วมจัดงาน “PregSkin GO GREEN” มุ่งเป็นแบรนด์สกินแคร์ชั้นนำที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมตามแนวคิด “สวยไม่ทำร้ายโลก”

คุณน้ำหวาน-ภัทรมน เกิดลาภผล นักชีวเคมีผู้ก่อตั้งแบรนด์ PregSkin ได้กล่าวในงานพิเศษนี้ว่า การรักษ์โลกก็เหมือนกับการรักตัวเอง เพราะในยุคปัจจุบันที่มนุษย์เริ่มห่างไกลจากธรรมชาติมากขึ้น ผู้คนก็มักจะลืมว่าตัวเองกับธรรมชาตินั้นเป็นสิ่งที่แยกกันไม่ขาด ทุกสิ่งที่เราทำกับธรรมชาติ สุดท้ายก็จะล้วนกลับมาส่งผลกระทบกับตัวเราเอง ดังนั้น การใส่ใจสิ่งแวดล้อมควรเป็นสิ่งที่แบรนด์สกินแคร์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ควรให้ความสำคัญมากขึ้น รวมไปถึงการหาความสมดุลระหว่าง ลูกค้า สิ่งแวดล้อม และธุรกิจ โดยคุณน้ำหวาน ได้ทิ้งท้ายในงานว่า “It’s bettter to start small now than to start perfectly later.”

คุณมารีญา พูลเลิศลาภ ได้พูดถึงวิธีเลือกใช้สกินแคร์ โดยคำนึงถึงสุขภาพและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน โดยคุณมารีญา ยกตัวอย่าง PregSkinเป็นแบรนด์สกินแคร์ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและผู้บริโภค ตรงกับคอนเซปต์ “สวยไม่ทำร้ายโลก”

คุณเอ๋-วิชชุลดา ปัณฑรานุวงศ์ ศิลปินชื่อดังด้านสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงแรงบันดาลใจในที่ร่วมมือกับ PregSkin ใน
การออกแบบ PregSkin x WISHULADA’ Limited Edition Gift Set โดยใช้ผ้าที่ทอจากขวดพลาสติกใช้แล้ว รวมไปถึงการนำเสนอที่ผสมผสานระหว่างความอ่อนโยนของผู้หญิงและความเป็นนักวิทยาศาสตร์ของคุณน้ำหวาน ผ่านลวดลายบนกระเป๋าผ้า

รับชมบรรยากาศงานได้ที่ [https://bit.ly/3yrMmgs]

แต่กิจกรรมดี ๆ ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ มาพบกับ PregSkin ได้อีกครั้งที่งาน Amarin Baby & Kids Fair 2022 ครั้งที่ 21
ณ ไบเทคบางนา ตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย. 65 – 3 ก.ค. 65

ผู้ที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติม สามารถอ่านต่อได้ที่

Facebook: PregSkin https://bit.ly/3n2Yazh

LINE/IG: @pregskinth https://bit.ly/3OoamWU

Website: pregskin.com

LAZADA: https://www.lazada.co.th/shop/pregskin/ 

SHOPEE: https://shopee.co.th/pregskin 

โดยภายในเซ็ทจะประกอบด้วย กระเป๋าผ้า Limited Edition และผลิตภัณฑ์ PregSkin ทั้งสามตัว คือ

1) เซรั่ม Blemish Control Skin-Clearing Serum

2) มอยส์เจอร์ไรเซอร์บำรุงผิวหน้า Brightening Age-Defying Moisturizing Facial Cream

3) ครีมลดรอยแตกลาย Intensive Hydrating Stretch Mark Butter

หรือสามารถเลือกจัดเซ็ทของขวัญได้เองเพียงซื้อสินค้าใดก็ได้ครบ 3 ชิ้นก็จะได้รับกระเป๋าผ้าเป็นของขวัญ หรือผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/3OsOUQF และรับชมวีดีโอแคมเปญได้ที่ https://bit.ly/3HGrRjp

‘ลับเฉพาะคนรู้ใจ มีดวงรักลึกลับ แอบอุปถัมภ์ใครอยู่เงียบๆ’ ดวงรายวัน 30 มิถุนายน 2565

ดวงรายวัน   30  มิถุนายน 2565 #หมอปุ้ยพยากรณ์ เช็กทุกวัน แน่นๆ ทั้งการงาน การเงิน ความรัก และสุขภาพ

‘ลับเฉพาะคนรู้ใจ มีดวงรักลึกลับ แอบอุปถัมภ์ใครอยู่เงียบๆ ! ‘

ดวงรายวัน 30  มิถุนายน 2565

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์

การงาน  สำหรับผู้บริหาร ซีอีโอ เจ้าของธุรกิจ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ฯลฯ  หากคุณกำลังเริ่มต้นงานใหม่ หรือนำโครงการที่มีอยู่แล้วกลับมาพัฒนาและต่อยอดใหม่ แม้คุณจะมีพลังกายพลังใจในการทำงานอย่างมากมาย แต่ก็ต้องระวัง เพราะวันนี้มีโอกาสที่จะตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ต้องทำงานที่นอกเหนือจากที่ตกลงกันไว้ รวมถึงถูกใส่ร้ายป้ายสี ต้องรับผิดในสิ่งที่ไม่ได้กระทำ ทางที่ดีจึงควรเปิดรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นให้มากๆ  

การเงิน  :  จริงๆ แล้วคุณไม่ต้องทำงานหนักก็มีรายได้เข้ามาไม่ขาดอยู่แล้ว ซึ่งวันนี้มีโอกาสที่เงินที่ลงทุนไว้จะทำงานสร้างรายได้ที่สูงให้กับคุณ  แต่หากจะรับปากหรือเซ็นเอกสารสัญญาที่เป็นผลประโยชน์และเรื่องเงิน ก็ควรพิจารณาให้รอบคอบ เพราะมีความเสี่ยงที่จะเสียเปรียบ

ความรัก :  คาดว่าชีวิตคู่ของคุณวันนี้จะมีความสุขกันดี คู่คุณก็ตามใจ จะมีก็แต่คุณล่ะ ที่ซีเรียสไปเสียทุกสิ่งจนพลาดช่วงเวลาดีๆ ไปอย่างน่าเสียดาย คนโสด  เสน่ห์ของคุณอยู่ที่จริงใจ คบใครก็ให้ใจไปหมด หากที่ผ่านมายังไม่เจอคนที่ใช่ ก็เป็นไปได้ว่าวันนี้จะได้พบคนๆ นั้นแล้ว

สุขภาพ  :   ควรให้ความสำคัญกับการขับถ่าย ไม่ควรกลั้นปัสสาวะ เพราะมีโอกาสที่กรวยไตและกระเพาะปัสสาวะจะติดเชื้อ แล้วหากเชื้อเข้าสู่กระแสเลือดมีความเสี่ยงที่จะถึงชีวิตได้  

ผู้ที่เกิดวันจันทร์

การงาน  :   หากคุณยังหลงอยู่กับอีโก้จนไม่รับฟังความคิดเห็นของคนอื่นเลย วันนี้คาดว่าจะมีปัญหาและอุปสรรคต่างๆ รุมกระหน่ำซ้ำเติมเข้ามาจากทุกๆ ด้าน ที่น่าห่วงที่สุดคือปัญหาความขัดแย้ง เป็นไปได้ว่ากับผู้ใหญ่ผู้หญิงที่เคยสนับสนุนส่งเสริมคุณมาตลอด ซึ่งจะส่งผลให้คุณวิตกกังวล เป็นทุกข์ จนถึงขั้นท้อแท้ในการทำงานเลยทีเดียว ทางที่ดีควรใช้สติ สมอง และความหนักแน่นให้มากกว่าอารมณ์ เพราะหากงานผิดพลาดเสียหาย คุณก็ไม่แคล้วถูกซ้ำเติมอีกต่างหาก  

การเงิน :  จากที่ผู้ใหญ่ผู้หญิงเคยอุปถัมภ์คุณมาตลอด วันนี้เป็นไปได้ว่าเขาจะยุติการช่วยเหลือ ซึ่งจะส่งผลให้คุณร้อนเงินจนต้องหาเงินจากทุกๆ ช่องทาง รวมถึงเงินร้อนที่ได้มาอย่างไม่ถูกต้อง

ความรัก :   หากชีวิตคู่ของคุณอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าครอบครัวอย่างมีความสุข เป็นไปได้ว่าวันนี้จะมีมือที่สาม หรือเป็นไปได้ว่ากำลังคบใครในทางลับ ซึ่งมีโอกาสที่จะสั่นคลอนความรักความสัมพันธ์  คนโสด  วันนี้ลับเฉพาะคนรู้ใจจริงๆ เพราะเป็นไปได้ว่าคุณจะมีความรักแบบเปิดเผยไม่ได้ มีโอกาสที่จะอุปถัมภ์ใครอยู่เงียบๆ  

สุขภาพ :  วันนี้สุขภาพใจน่าเป็นห่วง เพราะเป็นไปได้ว่าความเครียดจากปัญหาต่างๆ จะส่งผลให้ปวดศีรษะ ไมเกรน จนถึงระบบย่อยอาหารที่จะท้องอึด ท้องเสีย ท้องผูก  ฯลฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเพิ่งผ่าตัดในช่องท้องหรือผ่าคลอด ระวังแผลจะอักเสบ

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน :    สำหรับผู้ที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจที่ต้องเดินทางไปโน้นนี่ตลอดเวลา เช่น โรงแรม ท่องเที่ยว โลจิสติกส์ เดลิเวอรี่ ไรเดอร์ รถยนต์ ฯลฯ เป็นไปได้ว่าคุณจะได้เดินทางไปประชุม อบรมสัมมนา หรือเรียนต่อ จนถึงขยายสาขายังต่างจังหวัด หรือต่างประเทศ บอกเลยว่าความสำเร็จไม่ได้มาด้วยความบังเอิญ แต่ต้องแลกด้วยพลังกายพลังใจที่แรงกล้า เพราะเป็นไปได้ว่าวันนี้คุณจะถูกใส่ร้ายป้ายสี เป็นแพะรับบาปในความผิดที่คุณไม่ได้กระทำ หรือต้องรับงานที่นอกเหนือจากที่ตกลงกันไว้   

การเงิน :  จริงๆ แล้วคุณไม่ต้องทำงานหนัก ก็ไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน แต่หากวันนี้ต้องเดินทางไปเจรจาธุรกิจหรือผลประโยชน์ ก็มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จจากวาสนาและบารมีของคุณ แต่ก็อย่าเชื่อคำพูดที่อ่อนหวานชักชวนให้ลงทุนในธุรกิจธุรกรรมใดๆ เพราะมีโอกาสตกเป็นเหยื่ออของมิจฉาชีพ

ความรัก :   วันนี้หากคุณตัดสินใจเดินทางโยกย้ายถิ่นฐาน ซึ่งจะมีคู่ไปด้วยหรือจะไปคนเดียว วันนี้คู่คุณยอมรับและให้เกียรติในการตัดสินใจของคุณ  คนโสด  หากวันนี้คุณเดินทางไกล มีโอกาสที่จะได้พบคนถูกใจ ซึ่งจะเป็นระดับผู้บริหาร หรือข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ แต่อายุน้อยก็ได้   

สุขภาพ :    แม้คุณจะดูแลสุขภาพร่างกายตัวเองเป็นอย่างดี แต่หากวันนี้คุณจะเดินทางก็ควรรับประทานอาหารที่ย่อยง่าย รสอ่อน เพื่อที่จะไม่ต้องนั่งปั่นป่วนมวนท้องไปตอลดทาง

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน  :   สำหรับบุคคลที่เป็นผู้นำ ไม่ว่าจะอยู่ในหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ กฎหมาย ธุรกิจ ฯลฯ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นงานในสายสาธารณะประโยชน์ สาธารณะกุศล มูลนิธิ จิตอาสา สังคมสงเคราะห์ ฯลฯ วันนี้คุณมีความฝันและทะเยอทะยานที่จะประสบความสำเร็จสูงมาก ซึ่งเป็นคุณสมบัติของผู้นำที่ดี แต่ก็ควรเตรียมใจไว้หน่อย เพราะคุณจะถูกลดบทบาทความสำคัญอย่างคาดไม่ถึง หรือเพื่อนร่วมอุดมการณ์ลาออกโดยไม่บอกกล่าวกันล่วงหน้า แม้จะเรียกร้องหรือร้องขอใดๆ เขาก็ไม่สนใจ

การเงิน :   สำหรับนักลงทุน วันนี้แม้คุณจะมีโชค แต่ก็ไม่ควรทุ่มลงทุนจนหมด เพราะคาดว่าคุณจะช่วยเหลือคนใกล้ชิดที่อยู่ในรูปมิจฉาชีพจนสูญเงินก้อนใหญ่

ความรัก  :  หากคุณร้องขอคู่ให้มีเวลาอยู่กับคุณให้มากขึ้น วันนี้มีโอกาสที่จะได้ตามนั้น ซึ่งก็ถึงเวลาที่ครอบครัวจะราบเรียบและราบรื่นเสียที   คนโสด   เป็นไปได้ว่าคนที่กำลังคบอยู่จะไม่เหมาะสมกับคุณทุกข้อ เพราะวันนี้คุณชอบถูกเอาใจและตามใจ แต่คนนั้นไม่เลย

สุขภาพ  :    มีโอกาสที่คุณจะเครียดกับการทำงาน ซึ่งเป็นไปได้ว่าจะไประบายออกกับการรับประทานอาหาร ก็ต้องระวังของมัน ของทอด ของหวาน นอกจากจะทำให้น้ำหนักขึ้นแล้วยังส่งผลไม่ดีต่อหัวใจ เส้นเลือดในหัวใจอุดตันด้วย  

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี

การงาน :   ก็ยังอยู่ในกลุ่มผู้ที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจสายเดินทางไปโน้นนี่ตลอดเวลา เช่น โรงแรม ท่องเที่ยว โลจิสติกส์ เดลิเวอรี่ รถยนต์ ฯลฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานที่ต้องใช้วาทศิลป์ในการติดต่อประสานงาน โฆษณา-ประชาสัมพันธ์ สื่อมวลชน งานขาย ฯลฯ เป็นไปได้ว่าคุณจะได้เดินทางไปประชุม อบรม สัมมนา หรือขยายสาขา ยังต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ ซึ่งเป็นจ็อบพิเศษที่ท้าทาย หากทำได้ก็นับเป็นการพิสูจน์ความสามารถของคุณด้วย

การเงิน  :  หากวันนี้คุณจะเดินทางไปเจรจาธุรกิจหรือผลประโยชน์ คาดว่าจะสำเร็จ แต่ก่อนที่จะรับปากหรือเซ็นเอกสารสัญญา ควรพิจารณาให้รอบคอบ เพื่อป้องกันการเพลี่ยงพล้ำเสียเปรียบ

ความรัก :  ก็ยังอยู่กับเรื่องของการเดินทางโยกย้ายที่อยู่อาศัย ซึ่งวันนี้คาดว่าอารมณ์คุณจะไม่มั่นคง เปลี่ยนใจกลับไปกลับมาเป็นร้อยรอบ จึงมีโอกาสที่จะตัดสินใจผิดและพลาดได้ง่ายๆ  คนโสด  ก็ยังมีโอกาสได้พบได้พูดคุยกับคนถูกใจระหว่างการเดินทาง ซึ่งวันนี้เป็นไปได้ว่า คุณจะตัดสินใจคบกันแบบงงๆ  แต่จะส่งผลให้ต้องมานั่งผิดหวังเสียใจภายหลัง

สุขภาพ  :  ฟันจะสร้างปัญหาใหญ่ให้คุณ วันนี้เป็นไปได้ว่าจะมีอาการในขณะเดินทาง จึงควรไปตรวจเช็กสุขภาพฟันอยู่เสมอ

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน  :   สำหรับผู้บริหาร CEO  เจ้าของธุรกิจ แม้คุณจะเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังกายพลังใจที่จะนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จ แต่วันนี้คาดว่าคุณจะได้เริ่มโครงการใหม่ หรือโยกย้ายเปลี่ยนแปลงไปยังหน่วยงานที่มั่นคงขึ้น ซึ่งเป็นไปได้ว่าคุณจะเครียดและกดดัน เพราะคาดหวังในความสำเร็จสูงมาก    

การเงิน  :  เป็นไปได้ว่าเงินจะทำงานสร้างรายได้ที่มั่นคงให้คุณ แต่ควรหลีกเลี่ยงที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเงินสินบน หรือการเสี่ยงโชค เพราะมีโอกาสที่จะล้มละลายได้ง่ายๆ   

ความรัก :   เป็นไปได้ว่าวันนี้คู่คุณจะอยู่คอยช่วยให้คำปรึกษาหรือคำแนะนำที่ดี แต่ก็มีโอกาสที่คุณจะซีเรียสและจริงจังกับทุกๆ เรื่อง โดยเฉพาะเรื่องที่ยังมาไม่ถึง จึงควรปล่อยวางและผ่อนคลาย ไม่อย่างนั้นจะทำให้บรรยากาศตึงเครียดกันเปล่าๆ  คนโสด  มีโอกาสที่คุณจะยังไม่ตกลงปลงใจกับใคร มีความสุขกับการแต่งตัวสวยหว่านเสน่ห์ไปเรื่อยๆ  

สุขภาพ  :  ควรให้ความสำคัญกับการขับถ่าย ไม่ควรกลั้นปัสสาวะ เพราะมีโอกาสที่กรวยไตและกระเพาะปัสสาวะจะติดเชื้อ หากในกรณีติดเชื้อรุนแรงมีโอกาสจะเข้าสู่กระแสเลือดได้

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน :   สำหรับผู้ที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจสายศิลปะ ศิลปิน ความสวยความงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งอยู่ในสายงานบริการ เช่น โรงแรม ท่องเที่ยว สินค้าหรือบริการที่เกี่ยวกับเด็ก หากเป็นแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จมีชื่อเสียงโด่งดังอยู่แล้ว วันนี้เป็นไปได้ว่า คุณจะถูกลดบทบาทความสำคัญ หรือเพื่อนร่วมทีมคนสำคัญลาออกโดยไม่บอกกล่าวกันล่วงหน้า แม้คุณจะเรียกร้องหรือร้องความเห็นใจใดๆ เขาก็ไม่สนใจ  

การเงิน    : หากคุณเสียเงินก้อนใหญ่ให้กับคนใกล้ชิดอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ วันนี้เป็นไปได้ว่า คุณจะได้รับโชคชดเชยจากเด็กๆ หรือมีเด็กมาอุปถัมภ์

ความรัก  :   หากบรรยากาศในชีวิตคู่มีแต่ความเมินเฉย เย็นชา แม้คุณจะพยายามงอนง้อแล้วแต่ก็ไม่ดีขึ้น วันนี้มีโอกาสที่คุณจะเปลี่ยนตัวเองใหม่ ดูแลทั้งงานในบ้านและงานนอกบ้าน รวมถึงลูก ก็นับว่าเป็นทางออกที่สวยงาม คนโสด  วันนี้คุณมีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้ามสูงมาก  ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างมะรุมมะตุ้มรุมรักคุณ แต่หากจะคบกับใคร ควรใจเย็นๆ เพราะมีโอกาสที่คุณจะคบกับคนที่ไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง

สุขภาพ  :   เป็นไปได้ว่าคุณจะเอ็นจอยกับการออกเดท จนมีปัญหากับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น แต่ขณะเดียวกันคุณมีความเสี่ยงที่จะขาดสารอาหารและวิตามินบางตัว จึงควรให้ความสำคัญกับการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ถูกต้องตามหลักโภชนาการด้วย  

The Blue Whisper ทาสปีศาจ

งานดีไม่แพ้พระเอก เปิดวาร์ปสามผู้หล่อ จาก “The Blue Whisper ทาสปีศาจ” 

account_circle
The Blue Whisper ทาสปีศาจ
The Blue Whisper ทาสปีศาจ

นอกจาก พระ – นางอย่าง “ตี๋ลี่เร่อปา” และ “เหริน เจียหลุน” จาก “The Blue Whisper ทาสปีศาจ” จะสวยหล่อเกินต้านแล้ว เหล่านักแสดงคนอื่นๆ ของเรื่องนี้ก็งานดีไม่แพ้กัน ทำเอาหลายคนโดนตกไปตามๆ กัน ว่าแต่จะมีใครบ้างไปดูกัน

งานดีไม่แพ้พระเอก เปิดวาร์ปสามผู้หล่อ จาก “The Blue Whisper ทาสปีศาจ” 

เริ่มที่นักร้องและนักแสดงชาวจีน “เซียวซุ่นเหยา”  เกิดวันที่ 23 มีนาคม 1988 เมือง ซีหนิง มณฑลชิงไห่ ในเรื่องนี้ รับบทเป็น หลินเฮ่าชิง หรือ เจ้าหุบเขาน้อย ลูกชายของเจ้าหุบเขาหมื่นบุปผาเป็นพี่ชายบุญธรรมของจี้อวิ๋นเหอ เป็นคนฉลาดหลักแหลม จิตใจอ่อนโยน ภายนอกเขาเป็นคู่อริกับ จี้อวิ๋นเหอ แต่ภายในเขากลับตรงกันข้าม เขาหวังดีต่อเธอเสมอและทำทุกอย่างเพื่อที่จะปกป้องอวิ๋นเหอ

ต่อมานักแสดงหนุ่มหน้าคม  “ฉือซา” หรือชื่อเต็ม ว่าจี๋อูฉือซา  เกิดที่เมือง จิ่งซาน มณฑลเสฉวน เป็นคนเชื้อสายเผ่าอี๋ชนกลุ่มน้อยของจีน เกิดวันที่  3 พฤษภาคม 1997 สัญชาติจีน สำหรับเรื่องนี้เขารับบทเป็น หลีซู เซียนรับใช้ของเสวี่ยซานเยว่ องค์ชายเผ่าแมวภูเขา ตัวสีดำ สัตว์เทพในตำนานลู่อู่ จิตใจอ่อนโยน และรักเสวี่ยซานเยว่มากจนยอมทำทุกอย่างให้เธอ

ปิดท้ายกับนักแสดงหนุ่มหน้าเท่มากความสามารถ หวังจื่อเถิง เกิดวันที่ 23 มีนาคม 1994 ณ กรุงปักกิ่ง จบการศึกษาจากวิทยาลัยภาพยนตร์ปักกิ่ง โดยเรื่องนี้เขารับบทเป็น คงหมิง เซียนปัดเป่า มีหลักกาปรุงยาล้ำเลิศไม่มีใครเทียบได้ เคยเป็นศิษย์ในจวนราชครู แต่ภายหลังทรยศหนีออกมาและต่อต้านราชครู 


สวยแซ่บสะท้านฟ้า! 5 สาว ไอซ์-นท-แพทริเซีย-ติซ่า-คาริสา กับแฟชั่นชุดว่ายน้ำสุดเริ่ด

account_circle

เล่นเอาสะท้านฟ้า สะท้านแดด เมื่อ 4 ดาราสาวสุดเซ็กซี่ ไอซ์ อภิษฎา, แพทริเซีย กู๊ด, นท พนายางกูร, คาริสา และ ติช่า พร้อมใจกันใส่ชุดว่ายน้ำของ AB. Angelys Balek โพสในอินสตาแกรมส่วนตัว ทำเอาแฟนๆ ใจละลายกับหุ่นแสนเฟอร์เฟค

สวยแซ่บสะท้านฟ้า! 5 สาว ไอซ์-นท-แพทริเซีย-ติซ่า-คาริสา กับแฟชั่นชุดว่ายน้ำสุดเริ่ด

งานนี้ สาว ไอซ์-อภิษฎา เครือคงคา น่ารัก สดใส ในชุดว่ายน้ำวันพีชสีส้มตัดกับหาดทรายสีขาว น้ำทะเลสีคราม ด้านสาวอาร์ต นท พนายางกูร ขอออกเรือ ท่องมหาสมุทรในชุดวันพีชเกาะอก โทนสีส้ม ลายพิมพ์รูปแมว ตัดกับสีผิวน้ำผึ้งของสาวนท เรียกว่าเซ็กซี่ น่าหลงใหลสุดๆ

ด้านนางเอกสาว แพทริเซีย กู๊ด ที่ลักกี้อินเลิฟและลักกี้อินเกม เพราะละคร ปมเสน่หา กระแสดีสุดๆ ไม่พลาดปล่อยลุคแฟชั่นน่ารักสดใสมาให้สาวๆ ได้เก็บเป็นเรฟกันรัวๆ เริ่มลุคชิลออนเดอะบีช ด้วยชุดว่ายน้ำ ทูพีช เกาะอก สีม่วง จับคู่กับกางเกงขาสั้นสีฟ้า และบิกินี สีเหลือง สายคล้องคอแต่งระบายช่วงอก จับคู่กับกางเกงลายกราฟิกฃ

ส่วน 2 สาว จากเวที The Face Thailand อย่าง คารีสา สปริงเก็ตต์ และ ติช่า กันติชา ชุมมะ ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะฟาดความเซ็กซี่กันรัวๆ โดย สาวคารีสา แซ่บสะท้านใจในชุดบิกินี่สีฟ้า ลายดอกทานตะวัน น่ารัก น่าเลิฟมากๆ  ด้าน สาวติช่า ก็จัดเต็มกับคลิปว่ายน้ำในสระน้ำที่ฮอตปรอทแตกกับบิกินี่ตัวจิ๋ว และ ท่าโพสแสนเซ็กซี่โดนใจแฟนๆ กันไปเลย


AP I am Power Cover

‘เอพี ไทยแลนด์’ เผยความสำเร็จโครงการ ‘เพราะฉันคือ…ฉัน #IamPower’ จุดเริ่มต้นเอ็มพาวเวอร์ผู้พิการ มอบโอกาสการเรียนรู้ที่ไม่สิ้นสุด

AP I am Power Cover
AP I am Power Cover

เป็นที่น่าชื่นชมและจับตามอง เมื่อบริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) องค์กรระดับผู้นำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของประเทศ ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพ ‘คน’ อย่างแท้จริง ได้ก้าวเข้ามาเอ็มพาวเวอร์บัณฑิตและเยาวชนผู้พิการเพื่อให้สามารถมีชีวิตดีๆ ที่เลือกเองได้ โดยร่วมกับ 4 พันธมิตรหลัก ในโครงการ ‘เพราะฉันคือ…ฉัน #IamPower’ โดยมีเจตจำนงสำคัญในการมอบโอกาสผู้พิการในการเข้าถึงทักษะใหม่ๆ ที่ใช้งานได้จริง เตรียมความพร้อมเข้าสู่ชีวิตการทำงาน รวมถึงการเข้าถึงตลาดงานคุณภาพเทียบเท่ากับบุคคลทั่วไป

นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การศึกษาเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดทางสังคม ที่สะท้อนคุณภาพชีวิตและสุขภาวะของประชาชนในประเทศ ซึ่ง เอพี ไทยแลนด์ ได้ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาศักยภาพคนทุกคนมาอย่างต่อเนื่อง ผ่านองค์ความรู้ มุมมอง และทักษะใหม่ๆ ที่นำมาซึ่งนวัตกรรมที่ช่วยส่งเสริมให้ผู้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งในปีนี้เราได้ต่อยอดการพัฒนาศักยภาพคนไปสู่เยาวชนและบัณฑิตผู้พิการ ภายใต้โครงการ ‘เพราะฉันคือ…ฉัน #IamPower’ เพื่อเอ็มพาวเวอร์บัณฑิตและเยาวชนผู้พิการ ให้สามารถมีชีวิตดีๆ ที่เลือกเองได้ ประกอบด้วย 2 กิจกรรมใหญ่ ได้แก่ IW-Inclusive Workplace ปีที่ 2 เพื่อเตรียมพร้อมเพื่อก้าวสู่โลกการทำงาน โดยมีบัณฑิตและเยาวชนผู้พิการกว่า 100 คน จาก 21 มหาวิทยาลัยทั่วประเทศเข้าร่วม ด้วยหลักสูตรพิเศษเสริมสร้างทักษะความรู้ก่อนเข้าสู่ตลาดงานจริง  และล่าสุดกับงานสัมมนาครั้งใหญ่ของประเทศอย่าง AP-SEAC presents Creative Talk Conference 2022 (CTC 2022) ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 25-26 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา ที่ได้มอบโอกาสแก่เยาวชนผู้พิการ ได้เข้าร่วมกว่า 240 ท่าน จากสถาบันอุดมศึกษาทั่วประเทศทั้งในรูปแบบ On Ground และ Online”

‘เอพี ไทยแลนด์’ เผยความสำเร็จโครงการ ‘เพราะฉันคือ…ฉัน #IamPower’ จุดเริ่มต้นเอ็มพาวเวอร์ผู้พิการ มอบโอกาสการเรียนรู้ที่ไม่สิ้นสุด

การจัดงานครั้งนี้มีการดีไซน์พื้นที่เป็นพิเศษในรูปแบบ Universal Access เป็นครั้งแรกของประเทศเพื่อรองรับผู้พิการได้อย่างครอบคลุมที่สุด ทั้งผู้พิการทางสายตา ทางการเคลื่อนไหว และการได้ยิน ให้สามารถร่วมงานรับองค์ความรู้ได้อย่างสะดวก อาทิ การพิมพ์อักษรเบรลล์ในบัตรเข้าร่วมงาน มีช่องลงทะเบียนที่มีความกว้างเป็นพิเศษรองรับผู้พิการที่นั่งวีลแชร์ ตลอดจนมีล่ามภาษามือบนเวที เพื่อให้เข้าใจในสิ่งที่วิทยากรบรรยาย เข้าถึงองค์ความรู้และทักษะแห่งอนาคตที่นำไปใช้ได้จริง เช่นเดียวกันกับผู้ร่วมงานท่านอื่น ให้พร้อมกับโอกาสดีๆ ที่กำลังจะเข้ามา บริษัทฯ หวังว่างาน AP-SEAC presents Creative Talk Conference 2022 ในปีนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการเปิดกว้างทางความรู้ให้กับน้องๆ เยาวชนและบัณฑิตผู้พิการ รวมถึงยังเป็นการเซ็ตมาตรฐานใหม่ให้กับการจัดงานสัมมนาต่อไปของประเทศ เพื่อมอบโอกาสที่ให้กับทุกคนในสังคมในการเข้าถึงองค์ความรู้ใหม่ๆ” นายวิทการ กล่าว

นายวิทการ กล่าวเพิ่มเติมว่า “จากการพูดคุยกับน้องๆ ผู้พิการ หลายคนเดินทางมาจากต่างจังหวัด อาทิ เชียงใหม่ ด้วยความตั้งใจอย่างเปี่ยมล้นที่จะเก็บเกี่ยวความรู้ต่างๆ ซึ่งเขาไม่เคยได้เข้าร่วมมาก่อน นอกจากนี้ ยังมีหลายๆ คนที่มีตั้งใจมาฟังประสบการณ์และไอเดียจากวิทยากร เพื่อเข้าถึงเทรนด์ต่างๆ และสานฝันอาชีพในอนาคต ไม่ว่าจะเป็น YouTuber, Content Creator, Interior Design และนักสังคมสงเคราะห์ ซึ่งเอพี ไทยแลนด์ มีความภูมิใจ และยินดี ที่ได้ร่วมส่งต่อพลังบวกไปถึงทุกคน ให้ทุกคนมีกำลังใจทำตามความฝัน โดยเฉพาะกับบัณฑิตและเยาวชนผู้พิการ เราอยากให้ทุกคนมองไปข้างหน้า ไม่หยุดยั้งที่จะพัฒนาและเชื่อในศักยภาพตัวเอง ซึ่งเอพี ไทยแลนด์และพันธมิตรพร้อมสนับสนุนให้ทุกคนเดินตามความฝันอย่างเต็มที่ ด้วยการมอบโอกาสในการเข้าถึงทักษะแห่งอนาคตที่ใช้งานได้จริง ด้วยความรู้ที่ทันยุคสมัย เพื่อทะลายทุกข้อจำกัดชีวิต ให้ทุกคนสามารถสร้างเส้นทางเพื่อเดินสู่เป้าหมายให้สำเร็จ ด้วยพลังในตัวของทุกคน”

ความสำเร็จครั้งนี้มาจากพาร์ตเนอร์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านทั้ง 4 องค์กร ได้แก่ SEAC (ซีแอค) ผู้นำด้านการพัฒนาผู้บริหาร บุคลากรและองค์กร ที่มุ่งเสริมสร้างการเรียนรู้ตลอดชีวิต, VULCAN COALITION (วัลแคน โคอะลิชั่น) องค์กรที่ดำเนินธุรกิจเพื่อสังคม โดยมีภารกิจหลักในการสร้างงานและรายได้ให้กับผู้พิการ, CREATIVE TALK (บริษัท ครีเอทีฟทอล์ค จำกัด) ผู้ริเริ่มจัดงาน Creative Talk Conference ขึ้นในไทย และมูลนิธินวัตกรรมทางสังคม ซึ่งเป็นองค์กรสำคัญที่สนับสนุนให้คนพิการมีอาชีพและลดช่องว่างของการจ้างงาน รวมถึงอาสาสมัครกว่า 200 คน ที่ทำงานอย่างสุดพลัง ส่งผลให้การจัดงานครั้งนี้ประสบความสำเร็จได้เป็นอย่างดี

บมจ. เอพี ไทยแลนด์ ได้ร่วมสนับสนุนการจัดงาน Creative Talk มาอย่างต่อเนื่อง มีผู้เข้าร่วมงานจากหลักสิบมาเป็นหลักหมื่นในปัจจุบัน ทั้งนี้ เพื่อช่วยเอ็มพาวเวอร์ความคิดสร้างสรรค์และจุดประกายไอเดียให้กับผู้ประกอบการ รวมถึงผู้เข้าร่วมงาน และมีส่วนสรรค์สร้าง Creative Economy ให้กับเมืองไทย และในฐานะบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของประเทศ สิ่งหนึ่งที่เอพียึดถือปฏิบัติมาเป็นเวลายาวนานในมิติด้านสังคม คือ ความมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมสร้างสรรค์และพัฒนาคุณภาพชีวิตคนในสังคมให้ดียิ่งขึ้น โดยมีเป้าหมายหลักในการเป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพคนด้วยการสร้างทักษะแห่งอนาคต เพื่อสนับสนุนให้ทุกคนมีชีวิตดีๆ ที่เลือกเองได้  

ด้านนางสาวเมธาวี ทัศนาเสถียรกิจ หนึ่งในผู้ก่อตั้ง บริษัท วัลแคน โคอะลิชั่น จำกัด หนึ่งในพันธมิตรของโครงการ ‘เพราะฉันคือ…ฉัน #IamPower’กล่าวว่า “ปกติการเข้าร่วมอีเวนต์ต่างๆ ของน้องผู้พิการไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าไม่ได้ออกแบบให้ผู้พิการเข้าถึงได้ ยกตัวอย่างเช่น กลุ่มน้องหูหนวก ถ้าไม่มีล่ามภาษามือแปล เขาจะไม่สามารถเข้าใจในสิ่งที่วิทยากรพูดเลย หรือจะเป็นกลุ่มผู้พิการทางสายตา ถ้าไม่มีอาสาสมัครที่มีความเข้าใจในการพาเดิน อธิบายสิ่งต่างๆ รวมถึงผู้พิการทางการเคลื่อนไหวที่ใช้วีลแชร์หากทางเดินแคบ ก็จะค่อนข้างลำบากในการไปยังจุดต่างๆ ซึ่งงาน CTC 2022 นี้ มีการออกแบบรองรับการเข้าร่วมงานของผู้พิการทุกประเภท รวมถึงได้ร่วมกิจกรรมในบูธต่าง ๆ อย่างของเอพี ไทยแลนด์ ที่ผู้พิการสามารถร่วมกิจกรรมผ่านแอปพลิเคชัน เพื่อทำเทสต์ว่าตัวเขามีจุดแข็งในด้านใด ซึ่งแอปพลิเคชันของเอพี รองรับระบบ accessible ของโทรศัพท์มือถือ สามารถเปิดประสบการณ์ที่ดีให้กับน้องๆ ได้มีส่วนร่วมได้อย่างเท่าเทียม”

หนึ่งในผู้พิการทางการมองเห็น นางสาวธนัญชกร สันติพรธดา เล่าถึงความรู้สึกทีได้เข้าร่วมงาน CTC 2022 นี้ว่า “ประทับใจมากเนื่องจากมี Inclusive Design เข้ามา ทำให้ตนเองและเพื่อนๆ สามารถเข้าร่วมงานได้เต็มที่ เป็นการเปิดโลกทรรศน์ให้เรารับรู้เทรนด์ต่อจากนี้ว่าจะเป็นไปในทิศทางใด ทำให้มีไอเดียไปต่อยอดให้กับตัวเอง สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าเราจะเก็บเกี่ยวความรู้จากงานนี้ไปมากแค่ไหน ถ้าไม่ลงมือทำ ก็จะไม่สามารถทำให้ตัวเราพัฒนาได้ งานนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เพื่อให้เราก้าวทันโลกในปัจจุบันรวมถึงอนาคต ขอขอบคุณเอพี ไทยแลนด์ ซึ่งสัมผัสได้ถึงความตั้งใจจริงที่มีการเตรียมความพร้อม เพื่อให้เรามีส่วนร่วมได้จริง สนุกไปกับงานนี้ เป็นส่วนหนึ่งของงานได้จริง”

นายธาม บันลือธัญลักษณ์ ผู้พิการทางออทิสติก กล่าวว่า “เป็นครั้งแรกที่มีโอกาสได้เข้าร่วมงาน Conference ระดับประเทศ ทำให้เราได้เรียนรู้ในสิ่งที่เราไม่เคยได้เรียนรู้ คือ ทักษะชีวิต และเปิดประสบการณ์ที่ไม่มีในโรงเรียน ต้องขอขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีทุกท่าน ทั้งเอพี และบริษัทต่างๆ ที่ทำให้ผมและเพื่อนๆ ผู้พิการ ได้มาเรียนรู้เกี่ยวกับแนวคิด และวิธีการต่างๆ ที่ทำให้เพิ่มทักษะให้กับตัวเองได้”

นางสาวกมลวรรณ กระถินทอง ผู้พิการทางการเคลื่อนไหว เปิดเผยว่า “ผู้พิการแต่ละคนมีต้นทุนทางชีวิตไม่เท่ากัน แต่มีโอกาสในการเรียนรู้ได้เหมือนกัน อย่างเช่นงาน CTC 2022 ครั้งนี้ ได้จุดประกายและกระตุ้นพลังบวกในตัวเอง ให้ไม่หยุดที่จะเรียนรู้ และพร้อมที่จะก้าวเดินต่อไปอย่างมีความสุข ที่ผ่านมาตนเองเมื่อจบการศึกษาได้สมัครงานไปหลายแห่ง พอถึงขั้นตอนการไปสัมภาษณ์ พบว่าเรานั่งวีลแชร์ บางแห่งก็ปฏิเสธทันทีโดยไม่ได้เปิดโอกาสในการพูดคุยใดๆ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันองค์กรใหญ่ๆ หลายแห่งเปิดกว้าง และรับผู้พิการเข้าทำงาน ให้ได้สานฝันทำงานที่เรารัก สำหรับตนเองมองว่าในอนาคตนอกเหนือจากการทำงานที่ตรงกับวิชาชีพแล้ว ยังอยากที่จะทำงานด้านสังคมเพื่อสร้างประโยชน์ให้กับเพื่อนๆ ผู้พิการด้วยเช่นกัน”

ล่ามู่หยางจื่อ

ฉีกกฎความสวยฉบับ ล่ามู่หยางจื่อ นางเอกเจ้าเนื้อจากมเหสีป่วนรัก สวยไม่ง้อสแตนดาร์ด

ล่ามู่หยางจื่อ
ล่ามู่หยางจื่อ

ใครเป็นคอซีรีส์จีน คงไม่พลาด มเหสีป่วนรัก ซีรีส์เรื่องใหม่ที่เพิ่งออกอากาศมาไม่กี่วัน แต่นางเอกของเรื่อง หลิวจินเฟิ่ง ที่แสดงโดยนักแสดงสาว ล่ามู่หยางจื่อ กำลังเป็นประเด็นร้อนแรงทีเดียวเรื่องที่แคสต์นักแสดงมาได้ตรงตามบทประพันธ์เป๊ะ แต่อาจไม่ตรงกับบรรทัดฐานความงามดั้งเดิมล่ามู่หยางจื่อ หรือชื่ออังกฤษ แจ็คกี้ ลี (Jackie Li) คือดาราสาวเจ้าเนื้ออายุ 26 ปีที่พกความน่ารักและมั่นใจ

ล่ามู่หยางจื่อ

มาเต็มเปี่ยม ยิ้มทีโลกสดใส เธอเป็นที่จดจำพอสมควรจากผลงานชิ้นก่อนๆ เช่น คีตาแห่งวสันต์ ในบทสะใภ้ใหญ่ A Year Without A Job ในบทตัวเอกของเรื่อง และถ้าใครเคยดู รัชศกเฉิงฮว่าปีที่สิบสี่ ก็ต้องเคยพบหน้าเธอเช่นเดียวกัน กับบทเจ้าของร้านอาหาร

เธอเป็นคนที่เรียกได้ว่ามีความงามอย่างคลาสสิก ถ้าใครเคยดูรูปวาดสาวงามจีนโบราณมาบ้าง ก็คงจะเห็นด้วยว่าเหมือนเธอคนนี้มาก ทั้งแก้มอิ่ม ตาชั้นเดียว และหุ่นอวบอั๋นแบบสาวสวยมีอันจะกิน แต่ถ้าใครยังไม่เห็นภาพ ก็มีรูปเทียบให้ดู เถียงไม่ออกแน่นอน

ล่ามู่หยางจื่อ

โมเดิร์นขึ้นมาหน่อยก็เอาอยู่ ลามู่หยางจื่อแต่งตัวเก่งมาก นับว่าเป็นแฟชั่นนิสต้าคนหนึ่ง หน้าม้าเต่อและเสื้อผ้าคัลเลอร์ฟูลที่เธอชอบใส่ทำให้เธอมีลุคชิคๆ 

ล่ามู่หยางจื่อ

จะเปรี้ยวก็ได้เหมือนกัน หลายครั้งที่สาวคนนี้ฟาดปากแดงและใส่เดรสเซ็กซี่ สะกดสายตา ใครจะต้านจริตชี

ล่ามู่หยางจื่อ

ใครได้ดูเรื่องนี้แล้ว มักมองว่าเธอน่ารักและมีสเน่ห์กันทั้งนั้น นั่นเป็นเพราะเธอเป็นนักแสดงที่ดีที่ทำให้ผู้คนเข้าถึงบทบาทได้ เรียกว่าสวยทะลุกรอบ

รูป: Weibo 辣目洋子

Davikha

เปิดลิสต์สนีกเกอร์ Gucci 5 คู่แบรนด์โปรดของ “ใหม่ ดาวิกา”

account_circle
Davikha
Davikha

ช่วงหลังมานี้แฟชั่นไอคอนอย่าง นางเอกสาวใหม่-ดาวิกา โฮร์เน่ มักจะปรากฏตัวให้เราเห็นในลุคสาวเอวบางร่างน้อย กับเสื้อครอปตัวจิ๋ว ตามสไตล์ของเธอที่แอบซ่อนความเซ็กซี่แบบเปรี้ยวจี๊ด แต่ก็ยังเผยลุคในวันสบายๆ แนวสตรีทที่มาพร้อมกับแฮชแท็ก #ดาวินักท่องเที่ยว ในฐานะ Friend of Gucci เธอจึงสวมใส่สนีกเกอร์ของแบรนด์ Gucci ไปเที่ยวด้วยบ่อยครั้ง แต่คู่ไหนจะเป็นคู่โปรดนั้น แพรวจะพาทุกคนไปส่องไอเท็มสนีกเกอร์ของเธอกัน

เปิดลิสต์สนีกเกอร์ Gucci 5 คู่แบรนด์โปรดของ “ใหม่ ดาวิกา”

เริ่มกันด้วยคู่แรกที่เธอใส่และอัพรูปลงในอินสตาแกรม @davikah บ่อยที่สุด ก็เห็นจะเป็นรุ่น Women’s Gucci Tennis 1977 sneaker รองเท้าผ้าใบแบบหนังสีขาว ทำจากผ้าแคนวาส เพิ่มลวดลาย Polkadot พร้อมกับโลโก้ Double G แบบมีเท็กซ์เจอร์ที่พื้นรองเท้า แต่ที่เราเห็นนั้นสาวใหม่ก็นำไปแมตช์กับกางเกงขาสั้น ทำให้ลุคสบายๆ กลายเป็นเท่ขึ้นมาทันที ด้วยราคา 27,500 บาท

Davikha
Davikha
Davikha
sneaker

มาต่อกันที่ลุคสาวเอิร์ธโทนกับสนีกเกอร์รุ่น Women’s GG Gucci Tennis 1977 sneaker สีเบจผสมน้ำตาลแบบคลาสสิก เสริมด้วยแถบสีเขียวและสีแดงด้านข้าง คู่นี้มาในราคาเบาๆ เพียง 22,700 บาทเท่านั้น นอกจากความน่ารักสดใสของเธอแล้ว ไม่ว่าสาวใหม่จะใส่อะไรก็ดูจะเข้ากั๊น เข้ากันจริงๆ ค่ะ

Davikha
Davikha
sneaker

คราวนี้มาดูอีกคู่กับ Women’s Gazelle sneaker ซึ่งเป็นรองเท้าสีน้ำตาลผสมเบจเช่นกัน ทำจากผ้าแคนวาส เพิ่มดีเทลแถบสีขาวด้านข้าง 3 แถบ โดดเด่นด้วยลายพิมพ์ Gucci Trefoil Adidas ออกมาเป็นลุคไฮบริดที่หลากหลาย แมตช์กับชุดแนวสปอร์ตสีชมพูหวานๆ แบบเท่ๆ ในคอลเล็กชั่น Adidas x Gucci โดยคู่นี้ปล่อยออกมาในราคา 26,200 บาท

Davikha
Davikha
sneaker

สำหรับคู่ที่ 4 เป็นรองเท้ารุ่น Women’s GG Gucci Tennis 1977 sneaker ผ้าเดนิมสีดำผสมสีงาช้าง มีกลิ่นอายย้อนยุค แต่ทันสมัย โดดเด่นด้วยลวดลาย GG แบบนูนตรงพื้นรองเท้า และราคาอยู่ที่ 25,700 บาท ส่วนเสื้อเชิ้ตสีขาวที่เธอนำมาแมตช์กันนั้น ก็ได้ลุคคุณหนูไปอีกหนึ่งสไตล์

Davikha
Davikha
sneaker

มาถึงคู่สุดท้ายที่เธอใส่กับชุดเซ็ทสีดำในลุค Sport Girl แบบสวยเฉียบ!! หรือเสื้อสเวตเตอร์ถักแบบน่ารักๆ เป็นรุ่นยอดฮิตในตำนานอย่าง Women’s Rhyton Gucci logo leather sneaker รองเท้าหนังสีขาวงาช้าง พื้นรองเท้ามีความหนาและใหญ่ สลักโลโก้ Gucci แบบวินเทจ สไตล์ย้อนยุค 80’s ซึ่งคู่นี้ราคา 37,500 บาท

Davikha
Davikha
sneaker

สนีกเกอร์ 5 คู่โปรดที่เธอใส่ให้เราเห็นกันบ่อยๆ นั้น นางเอกสาวก็นำมาแมตช์ได้หลากหลายลุค ทั้งใส่เที่ยวกับยีนส์เท่ๆ ก็เก๋ไปอีกแบบ และไม่ว่าจะใส่คู่ไหนก็สวย โดนใจ แฟนๆ ต้องตามกดไลก์รัวๆ เพราะใครที่ได้เห็นเป็นต้องตกหลุมรักเธอกันทั้งนั้น


เรื่อง : iwspk
ข้อมูลและภาพ : Gucci, @davikah

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เปิดผลโหวต คนดังเกาหลี ที่ชาวเน็ตยี้ไม่อยากให้กลับสู่วงการบันเทิง

account_circle

นอกจากโพลคนดังสวยหล่อจะมีมาให้ชาวเน็ตเกาหลีได้โหวตกันเป็นประจำแล้ว ล่าสุดเว็บไซต์ koreaboo ได้เผยผลโหวตของ Real Research Korea ในหัวข้อที่ว่า “คนดังเกาหลี ที่เคยมีเรื่องอื้อฉาว และไม่ควรให้กลับเข้าวงการบันเทิง”

โดย Real Research Korea ได้ทำการโหวตระหว่างวันที่ 9 ถึง 16 พฤษภาคม ซึ่งผลถูกเปิดเผยต่อสาธารณะชนเมื่อไม่นานที่ผ่านมา ทั้งนี้ 2 อันดับแรกมีผลโหวตเท่ากันคือ 66.4% คือ ซึงรี BIGBANG และ โกยองอุค

เปิดผลโหวต คนดังเกาหลี ที่ชาวเน็ตยี้ไม่อยากให้กลับสู่วงการบันเทิง

สำหรับเรื่องราวของ ซึงรี BIGBANG เป็นที่รู้จักกันดีในคดีอื้อฉาวที่ใหญ่ที่สุดในวงการบันเทิงของเกาหลีใต้ “Burning Sun” ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อปี 2019

ทั้งนี้ในเดือนสิงหาคม ปี 2021  ศาลทหารได้พิจารณาโทษจำคุก 3 ปี และปรับเป็นเงิน 1,156 ล้านวอน ใน 9 ข้อหา การยักยอกทรัพย์,การละเมิดกฎหมายสุขาภิบาลอาหาร,การล่วงละเมิดทางเพศ, การถ่ายทำกล้องที่ผิดกฎหมาย, การชักชวนให้ค้าประเวณี, การเล่นการพนันที่ผิดกฎหมายเป็นนิสัย, การโอนเงินต่างประเทศที่ผิดกฎหมาย และ การทำร้ายร่างกาย ไม่นานหลังจากการพิพากษาครั้งแรกของศาล ตัวแทนทางกฎหมายของซึงรีได้ยื่นอุทธรณ์ในเดือนตุลาคมปี 2021 อย่างไรก็ตาม ซึงรีได้ยอมรับผิดทั้งหมด ศาลสูงจึงพิจารณาว่าจำเลยยอมรับในข้อกล่าวหาจึงปรับคำพิพากษาลดโทษ เหลือ จำคุก 1 ปี 6 เดือน

สำหรับ โกยองอุค อาจจะไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังเท่า ซึงรี แต่ในด้านชื่อเสียนั้น โกยองอุคมีคดีอาชญากรรมที่เลวร้ายพอๆ กัน โดยโกยองอุคถูกตัดสินในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้เยาว์ 3 คนระหว่างปี 2010 ถึง 2012 และถูกตัดสินจำคุก 2 ปีครึ่งในปี 2013 นอกจากนี้เขายังต้องสวมกำไลข้อเท้าสำหรับเฝ้าติดตามเป็นเวลา 3 ปี อย่างไรก็ตามเขาถูกปล่อยตัวในปี 2015

อันดับต่อไปคือ สตีฟ ยู หรือ ยูซึงจุน ศิลปินเดี่ยวที่ได้รับความนิยมในปี 1990 และต้นทศวรรษ 2000 ซึ่งได้รับคะแนน 55.8% จากการผลสำรวจนี้ ส่วนเหตุผลที่ทำให้ชาวเน็ตต่อต้านเขาขนาดนี้ เนื่องจาก เขาเลี่ยงการรับราชการทหาร หลายครั้ง ซึ่งการเกณฑ์ทหารจำเป็นสำหรับชายชาวเกาหลีทุกคนที่มีอายุระหว่าง 18 ถึง 35 ปี ภายหลังเขาได้สัญชาติสหรัฐฯ เพื่อหนีการรับราชการทหาร ทำให้เขาถูกเนรเทศออกจากเกาหลีใต้ และ ห้ามเข้าประเทศอย่างถาวร

อันดับที่ 4 G.Na ผู้หญิงคนเดียวในลิสต์นี้ด้วยคะแนน 40.8% ทั้งนี้ในปี 2559 เธอถูกเปิดเผยว่ามีส่วนในเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการค้าประเวณี โดยเธอถูกกล่าวหาว่าได้รับเงินประมาณ 35 ล้านวอนเพื่อมีเพศสัมพันธ์กับ นักธุรกิจที่ไม่ปรากฏชื่อในสหรัฐอเมริกา ภายหลัง G.Na ได้ยอมรับในข้อกล่าวหาทั้งหมด

คนสุดท้ายในลิสต์นี้คือ นักร้อง MC Mong ตามมาด้วยคะแนน 37.6% เช่นเดียวกับ สตีฟ ยู เขาถูกกล่าวหาว่าพยายามหนีรับราชการทหารด้วยการถอนฟันออกหลายซี่ หลังจากเลื่อนการเกณฑ์ทหารไปเป็นเวลาเจ็ดปี ด้วยเหตุนี้เขาจึงถูกตัดสินจำคุกหกเดือน


ที่มา : www.koreaboo.com

เคลียร์ข้อสงสัย UVA / UVB แตกต่างยังไง อะไรเป็นรังสีที่ทำร้ายผิวได้มากที่สุด

เคลียร์ข้อสงสัย UVA / UVB แตกต่างยังไง อะไรเป็นรังสีที่ทำร้ายผิวได้มากที่สุด

Alternative Textaccount_circle
เคลียร์ข้อสงสัย UVA / UVB แตกต่างยังไง อะไรเป็นรังสีที่ทำร้ายผิวได้มากที่สุด
เคลียร์ข้อสงสัย UVA / UVB แตกต่างยังไง อะไรเป็นรังสีที่ทำร้ายผิวได้มากที่สุด

เวลาไปซื้อครีมหรือโลชั่นกันแดด เชื่อว่ามีหลายคนแอบสงสัยหรืองงมากว่า UVA / UVB แตกต่างกันยังไง แล้วตัวไหนร้ายกว่ากัน หรือร้ายทั้งคู่ แล้วทำร้ายผิวยังไงบ้าง แล้วเวลาเลือกซื้อครีมหรือโลชั่นกันแดดควรเลือกยังไงถึงจะป้องกันผิวได้ดีที่สุด เราจะพามาเคลียร์ข้อสงสัยระหว่าง UVA / UVB กันค่ะ

เคลียร์ข้อสงสัย UVA / UVB แตกต่างยังไง

เคลียร์ข้อสงสัย UVA / UVB แตกต่างยังไง อะไรเป็นรังสีที่ทำร้ายผิวได้มากที่สุด

UVA ต้นตอของผิวแก่ก่อนวัยและมะเร็งผิวหนัง

UVA หรือ Ultraviolet A เป็นรังสีที่มีความยาวคลื่น 320 – 400 nm ซึ่งมีอยู่ในแสงแดดมากถึง 95 เปอร์เซ็นต์ นางคือรังสีร้ายที่สามารถทะลุกระจกเข้ามาทำร้ายผิวแม้จะอยู่ในที่ร่มหรือตัวอาคาร สามารถเข้าทำร้ายลงลึกถึงชั้นหนังแท้ (Demis) โดยกดภูมิต้านทานของผิว จนทำให้เกิดการแพร่กระจายเป็นมะเร็งผิวหนัง

เรื่องของผิวแก่ก่อนวัย ภัยที่สาวๆ สงสัยนักหนาว่าทาผลิตภัณฑ์แอนไทเอจจิ้งไปเท่าไร ผิวก็ยังมีริ้วรอยก่อนวัยอยู่ดี เรื่องนี้นอกจากไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตและกรรมพันธุ์ ก็ต้องโทษ เจ้า UVA นี่แหละที่ก่อให้เกิดริ้วรอยและจุดด่างดำได้

เคลียร์ข้อสงสัย UVA / UVB แตกต่างยังไง

ส่วนค่าที่ใช้บอกความสามารถในการป้องกันรังสี UVA ก็คือ ค่า PA หรือ Protection Grade of UVA เป็นค่าการป้องกัน UVA ริเริ่มโดยสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องสำอางประเทศญี่ปุ่น ในปี ค.ศ. 2006 โดยมีประสิทธิภาพดังต่อไปนี้

  • PA+ มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA เริ่มต้น
  • PA++ มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA กลาง
  • PA+++ มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA สูง
  • PA++++ มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA สูงสุด

สำหรับสภาพอากาศสุดฮ็อต แดดแรงขนาดเมืองไทย ยิ่งถ้าต้องออกเอ๊าต์ดอร์ก็เลือกกันแดดที่มีค่า PA สูงเข้าไว้จะดีที่สุด (PA++++ มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA สูงสุด)

เคลียร์ข้อสงสัย UVA / UVB แตกต่างยังไง

UVB ตัวการทำผิวไหม้ หมองคล้ำ

UVB คือ Ultraviolet B รังสีที่มีความยาวคลื่น 290 – 320 nm ซึ่งมีประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ในแสงอาทิตย์ ตัวนี้เป็นรังสีที่ไม่สามารถทะลุกระจกเข้ามาทำร้ายผิวได้หากเราอยู่ในที่ร่ม แต่ถ้าออกกลางแจ้ง รังสีนี้คือตัวการก่อให้เกิดผิวไหม้ เกรียม หมองคล้ำ ซึ่งถ้ารับมากเกินไปก็ทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้เช่นกัน

ค่า SPF (Sun Protection Factor) จึงเป็นตัวบอกค่าการดูดซับรังสีของ UVB นี่เอง โดยค่า SPF จะบอกให้รู้ระยะเวลาที่จะท้าทายแสงแดดอยู่ได้โดยไม่ทำให้ผิวไหม้หลังทากันแดดนั้นๆ ตัวอย่างเช่น ถ้าเราอยู่กลางแดด 10 นาทีแล้วผิวเริ่มแดง นั่นคือผิวเราทนได้แค่ 10 นาที หากทากันแดดที่มี SPF 15 ผิวเราจะทนแดดได้นาน 10 × 15 = 150 นาที หรือประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง โดยที่ผิวไม่แดงไหม้นั่นเอง และหากจะเทียบค่า SPF กับปริมาณการดูดซับรังสี UVB พบว่า

  • ค่า SPF 2 จะดูดซับ UVB ได้ 50%
  • ค่า SPF 4 จะดูดซับ UVB ได้ 75%
  • ค่า SPF 8 จะดูดซับ UVB ได้ 87.5%
  • ค่า SPF 15 จะดูดซับ UVB ได้ 93.3%
  • ค่า SPF 20 จะดูดซับ UVB ได้ 95%
  • ค่า SPF 30 จะดูดซับ UVB ได้ 96.7%
  • ค่า SPF 45 จะดูดซับ UVB ได้ 97.8%
  • ค่า SPF 50 จะดูดซับ UVB ได้ 98%

จะเห็นว่าค่า SPF ที่สูงมากจนถึงขีดสุดนั้นให้ผลแทบจะไม่แตกต่างกัน แถมยังต้องเสี่ยงกับอาการแพ้และความเหนอะหนะจากสารกันแดดที่มีค่า SPF สูงมากจนเกินไปอีกด้วย อีกประการคือมีปัจจัยที่ทำให้ประสิทธิภาพการกันแดดต้องแปรเปลี่ยนไป ทั้งการสัมผัสเหงื่อ น้ำ แสงแดด ฯลฯ ที่ทำให้สารกันแดดเสื่อมประสิทธิภาพลงจนต้องทาซ้ำอยู่ดี ค่า SPF ที่สูงเกินไปจึงไม่จำเป็น

เคลียร์ข้อสงสัย UVA / UVB แตกต่างยังไง

สรุปง่ายๆ ก็คือ ทั้ง UVA / UVB ร้ายทั้งคู่ แต่ร้ายต่างกัน ฉะนั้น จึงควรป้องกันเสมอ ทาครีมกันแดดทุกวัน และเลือกตามที่ไกด์ไลน์ไปนะคะ


ข้อมูล : นิตยสารแพรว ฉบับ 969
ภาพ : Pexels

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ระบบเผาผลาญพัง

7 เหตุผลที่ทำให้คน 90% ล้มเหลวในการทำ IF ซ้ำพาระบบเผาผลาญพัง

Alternative Textaccount_circle
ระบบเผาผลาญพัง
ระบบเผาผลาญพัง

ยังมีหลายคนที่เสาะแสวงหาวิธีดูแลรูปร่างต่างกัน และวิธีที่ยังคงได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ คือ Intermittent Fasting (IF) เป็นการลดน้ำหนักโดยการควบคุมแคลอรี่และจำกัดเวลาในการกินอาหาร โดยมีหลากหลายวิธีในการปฏิบัติ แต่วิธีที่ได้รับความนิยมก็คือจำกัดเวลาทานอาหาร 8 ชั่วโมง และอดอาหาร 16 ชั่วโมง

ยกตัวอย่างสะดวกกินอาหารช่วงเช้าเช่น 6:00-15:00 น. นั่นหมายความว่าหลังจาก 15:00 เป็นช่วงงดอาหาร ดื่มได้เพียงแต่น้ำเปล่า หรือกาแฟ ชา ที่ไม่ใส่น้ำตาล (งดเว้นสารให้ความหวานแทนน้ำตาล ในช่วงอดอาหาร เพราะจะกระตุ้นให้เกิดความหิวและอยากน้ำตาลได้) แต่กลับมีบางคนทำแล้วสำเร็จ และบางคนล้มเหลว เพราะอะไรมาหาคำตอบกันค่ะ

7 เหตุผลที่ทำให้คน 90% ล้มเหลวในการทำ IF ซ้ำพา ระบบเผาผลาญพัง

ระบบเผาผลาญพัง 2

เรื่องของการทำIF ต้องบอกเลยว่าสามารถช่วยดูแลร่างกายของผู้ที่ทำได้อย่างดีให้สามารถเผาผลาญไขมัน ลดโรคเรื้อรังได้แต่ก็มักจะมีหลายคนบอกว่าทำแล้วมันทำไม่ได้ ทำแล้วมันลำบาก ทำแล้วมันติดนู่นติดนี่ ซึ่งมี 7 สาเหตุที่ทำให้คน 90% ทำIF ไม่สำเร็จ ระบบเผาผลาญพัง

1. เปลี่ยนแปลงเวลากินเร็วไป หรือตั้งใจทำเกินไป ผู้เริ่มต้นทำIF เริ่มจากหยุดขนม อาหารว่าง เริ่มที่ 12/12 14/10 16/8 ค่อยๆ ไล่ระดับ

2. คิดว่า IF เท่ากับการลดน้ำหนัก ก็ลดได้แน่นอน แต่การทำIF คือไลฟ์สไตล์ ทำให้เป็นชีวิตปกติไม่ทุกข์ทรมาน การตั้งเป้าว่าทำเพื่อลดน้ำหนักมักจะไม่สำเร็จ ลองเปลี่ยนมาตั้งเป้าเพื่อสุขภาพที่ดีจะดีกว่า

3. กินน้อยไป ควรกินให้อิ่มทุกมื้อ กิน 2-3 มื้อก็ต้องอิ่มทุกมื้อ เลือกอาหารให้ถูก แนะนำนำ low carb and kitogenic diet

4. กินแป้งและน้ำตาลมากไป ทำให้อินซูลินในร่างกายสูงขึ้น เมื่ออินซูลินสูงจะหิวง่าย

5. กินโปรตีนมากเกินไป ควรกินมื้อละ 1 ฝ่ามือ โปรตีนจากธรรมชาติดีกว่าแบบผง

6. กินอาหารที่มีไขมันมากเกินไป การกินไขมันเพื่อใช้เป็นพลังงาน ฉะนั้น กินแบบพอเหมาะ พออิ่ม

7. เครียดมากไป ฮอร์โมนคอร์ติซอล หรืออีกชื่อหนึ่งคือ ฮอร์โมนแห่งความเครียด เป็นฮอร์โมนที่สร้างจากต่อมหมวกไตและจะหลั่งออกมาเมื่อร่างกายเกิดความเครียดหรือความกดดัน แม้จะฟังดูไม่ดีแต่ฮอร์โมนชนิดนี้มีหน้าที่ที่สำคัญต่อร่างกายมากมาย ไม่ว่าจะช่วยในกระบวนการเผาผลาญพลังงาน รักษาระดับความดันโลหิต รวมถึงปรับระดับน้ำตาลในเลือด จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเวลาเราเครียดเราถึงอยากกินขนมหรือของหวานต่างๆ

และทั้งหมดนี้คือ 7 เหตุผลที่บางคนทำ IF ไม่สำเร็จ รู้แล้วแบบนี้แล้ว ลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดูนะคะ


ข้อมูล YouTube : Doctor Top (นพ.นันทพล พงศ์รัตนามาน ศัลยแพทย์หลอดเลือด)
ภาพ : Pexels

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

keyboard_arrow_up