ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป

เอาชนะความกลัวในยุคโควิด-19 ด้วย “ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป” ทางเลือกของผู้ป่วยโรคไต

Alternative Textaccount_circle
ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป
ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป

อุปสรรคของการใช้ชีวิตในช่วงเปลี่ยนผ่านจากโรคระบาดโควิด-19 ไปสู่โรคประจำถิ่น (Endemic) คือการที่มาตรการป้องกันต่างๆ เริ่มผ่อนคลาย เพื่อให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตใกล้เคียงปกติได้มากที่สุด ในขณะที่เชื้อไวรัสก่อโรคโควิด-19 สายพันธุ์ย่อยโอมิครอน BA.4 และ BA.5 ยังคงแพร่ระบาดอยู่ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ผู้ที่เคยติดเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด-19 แล้วก็กลับมาติดเชื้อซ้ำได้ การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 จึงยังคงมีความจำเป็นในการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัส เพื่อช่วยลดอาการเจ็บป่วยรุนแรงรวมไปถึงการเสียชีวิตที่อาจเกิดขึ้น

เอาชนะความกลัวในยุคโควิด-19 ด้วย “ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป” ทางเลือกของผู้ป่วยโรคไต

ในขณะเดียวกัน ก็ยังมีคนอีกกลุ่มที่มีภาวะเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยร้ายแรงจากโควิด-19 เนื่องจากพวกเขามีข้อจำกัดในการรับวัคซีน ประชากรเหล่านี้รวมถึงผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือด และผู้ป่วยมะเร็งอื่นๆ ที่ได้รับเคมีบำบัด ผู้ป่วยที่ต้องฟอกไต ผู้ป่วยที่ได้รับยากดภูมิหลังจากการปลูกถ่ายอวัยวะ หรือผู้ป่วยกลุ่มอื่นๆ ที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน ซึ่งผู้ป่วยเหล่านี้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอาการรุนแรงเมื่อติดเชื้อ โดยเฉพาะกับผู้ป่วยโรคไตกว่า 200,000 ราย ในประเทศไทย ที่มีอัตราการเสียชีวิตจากโควิด-19 สูงกว่าประชากรทั่วไป

ลดความกังวลของผู้ป่วยโรคไต

นายธนพลธ์ ดอกแก้ว นายกสมาคมเพื่อนโรคไตแห่งประเทศไทย เผยให้เห็นถึงปัญหาของผู้ป่วยโรคไตว่า “สำหรับผู้ป่วยโรคไตส่วนใหญ่ นอกจากจะมีภูมิคุ้มกันน้อยแล้ว ยังมีภาวะแทรกซ้อนของโรคต่างๆ ดังนั้นเมื่อไรที่ร่างกายรับเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด-19 เข้าไปอาจทำให้เกิดอาการรุนแรงกว่าคนทั่วไป โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ต้องฟอกเลือกด้วยเครื่องไตเทียม เนื่องจากหน่วยบริการล้างไตที่สามารถรองรับผู้ป่วยโรคไตที่เป็นโควิด-19 ได้มีไม่เพียงพอ จึงเกิดปัญหาตามมา ไม่ว่าจะเป็นของเสียคั่งหรือน้ำท่วมปอด ซึ่งของเสียพวกนี้ทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกายแย่ลง ส่งผลให้ติดเชื้อง่าย และนำไปสู่การเสียชีวิตในท้ายที่สุด”

สมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย จึงได้จัดงานเสวนาให้ความรู้เกี่ยวกับ LAAB (Long-acting Antibody) หรือ แอนติบอดีออกฤทธิ์ยาว ที่จะเข้ามาเป็นทางเลือกเพื่อลดความเสี่ยงในกลุ่มประชากรที่เปราะบางและมีปัญหาเรื่องภูมิคุ้มกันบกพร่องซึ่งอาจมีการตอบสนองต่อวัคซีนไม่เพียงพอ ถึงแม้จะได้วัคซีนเข็มกระตุ้นแล้วก็ตาม  ทั้งนี้ LAAB ไม่ได้เข้ามาแทนที่วัคซีน เพราะการรับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ยังคงเป็นมาตรการสำคัญที่จะช่วยลดอาการรุนแรงและการเสียชีวิตในประชากรหมู่มาก ดังนั้น LAAB จึงเป็นทางเลือกในการช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้กับผู้ป่วยที่ตอบสนองต่อวัคซีนได้น้อยกว่าคนทั่วไป

LAAB เป็นภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป ซึ่งเป็นส่วนผสมระหว่างแอนติบอดีสองชนิด ได้แก่ tixagevimab และ cilgavimab ใช้ฉีดเข้าบริเวณกล้ามเนื้อสะโพกทีละข้าง พร้อมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกายได้ทันทีหลังฉีด 6 ชั่วโมง เพื่อป้องกันก่อนการสัมผัสเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด-19 โดยยาแอนติบอดีออกฤทธิ์ยาวนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนตำรับยาแบบมีเงื่อนไขในประเทศไทย โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สำหรับใช้เพื่อการป้องกันก่อนการสัมผัสเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด-19 ในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 12 ปี และมีน้ำหนักอย่างน้อย 40 กก. ซึ่งสามารถลบล้างฤทธิ์เชื้อไวรัสสายพันธุ์ย่อยโอมิครอน BA.4 และ BA.5 ที่กำลังระบาดอยู่ได้[1]

ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป 1

เกณฑ์การรับยาสำหรับผู้ป่วย

สำหรับเกณฑ์การให้ยา LAAB นั้น ผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่ได้รับการบำบัดทดแทนไต ผู้ป่วยปลูกถ่ายอวัยวะ และผู้ป่วยปลูกถ่ายไขกระดูก คือ กลุ่มคนไข้เป้าหมายตามประกาศจากกระทรวงสาธารณสุขฉบับแรก ดังนั้นหากผู้ป่วยอยู่ในเกณฑ์การรับยา LAAB ก็สามารถแจ้งแพทย์เจ้าของไข้ ณ โรงพยาบาลต้นสังกัด เพื่อให้แพทย์เจ้าของไข้ได้ประเมินพร้อมแจ้งความจำนงไปทางกระทรวงสาธารณสุขเพื่อจัดสรรยา สำหรับผู้ป่วยกลุ่มอื่นๆ ที่ทางผู้เชี่ยวชาญจากสมาคมวิชาชีพมองว่าน่าจะได้รับประโยชน์จากยากลุ่มนี้ ได้แก่ ผู้ป่วยโรคมะเร็งทางโลหิตวิทยาที่กำลังได้รับการรักษาหรือเพิ่งหยุดการรักษาภายใน 6 เดือน, ผู้ป่วยโรคทางโลหิตวิทยาที่กำลังได้รับยากดภูมิคุ้มกัน, ผู้ป่วยโรคไตที่กำลังได้รับยากดภูมิคุ้มกัน และผู้ป่วยโรคข้ออักเสบและแพ้ภูมิตัวเองที่กำลังได้รับยากดภูมิคุ้มกัน ซึ่งยังอยู่ในกระบวนการพิจารณาและต้องรอประกาศจากกระทรวงฯ ต่อไป

ในทางปฏิบัติ ผู้ป่วยควรรับยาในวันที่ไม่ได้มีอาการผิดปกติ เช่น ไม่ได้อยู่ในระหว่างมีอาการป่วยหรือเพิ่งหายป่วย และควรเว้นระยะห่างในการฉีดยาปฏิชีวนะหรือการฟอกเลือดอย่างน้อย 2 ชั่วโมง หรือหากผู้ป่วยเพิ่งรับวัคซีนมาควรเว้นระยะ 2 สัปดาห์ขึ้นไป หลังได้รับยา LAAB ควรมีการสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดอย่างน้อย 1 ชั่วโมง เพื่อเฝ้าระวังอาการข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งจากการศึกษาวิจัย พบว่า LAAB มีผลข้างเคียงที่ยอมรับได้และไม่มีผลข้างเคียงที่ร้ายแรง ส่วนมากมักพบอาการปวดชั่วคราวบริเวณจุดที่ฉีดยาเท่านั้น*

ไม่เพียงเท่านั้น ผู้ป่วยปลูกถ่ายอวัยะ นับว่าเป็นอีกกลุ่มที่ควรให้ความสำคัญ เนื่องจากความจำเป็นที่ต้องรับประทานยากดภูมิอยู่เป็นประจำทำให้มีภูมิคุ้มกันต่ำ เมื่อฉีดวัคซีนภูมิจะไม่ขึ้น ซึ่งข้อมูลการฉีด LAAB แก่ผู้ป่วยปลูกถ่ายอวัยวะในต่างประเทศ ณ ปัจจุบันแสดงให้เห็นว่าไม่มีผลข้างเคียงรุนแรง รวมถึงไม่มีผลต่ออวัยวะที่ปลูกถ่าย ดังนั้นผู้ป่วยกลุ่มนี้จึงเป็นอีกกลุ่มที่เข้าเกณฑ์การรับยา LAAB เช่นกัน 

สำหรับผู้ป่วยโรคไต ผู้ดูแล รวมถึงประชาชนทั่วไปที่ประสงค์จะรับชมการเสวนาออนไลน์ดังกล่าวย้อนหลังเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป (LAAB) สำหรับป้องกันโควิด-19 ตั้งแต่แนวทางการใช้ยาในผู้ป่วยโรคไต ผู้ป่วยปลูกถ่ายอวัยวะ และผู้ป่วยที่ได้รับยากดภูมิ รวมถึงการปฏิบัติทั้งก่อนและหลังได้รับยา สามารถรับชมได้ผ่านเฟซบุ๊กสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย https://www.facebook.com/kidneythai/videos/758722868675856 และสมาคมเพื่อนโรคไตแห่งประเทศไทย https://www.facebook.com/watch/?v=426384412798817


ภาพ : Pexels

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

จากนางสาวไทยสู่คุณหมอมาดเท่ และล่าสุดกับบทบาทกรรมการของ PRAEW ICONIC BEAUTY 2021 หมอเจี๊ยบ-ลลนา ตัวแทนของความงามยุคใหม่ที่ไร้ขีดจำกัด

Alternative Textaccount_circle

ใครอาจจะมองว่าสาวเท่กับเรื่องของเครื่องสำอางไม่น่าจะเกี่ยวกัน แต่กับหมอเจี๊ยบ-แพทย์หญิงลลนา ก้องธรนินทร์ ด้วยประสบการณ์ในวงการบันเทิงกว่า 17 ปี ทำให้เธอคลุกคลีกับแวดวงเครื่องสำอางกับสกินแคร์มาไม่น้อย แม้จะเป็นปีแรกในฐานะกรรมการของ Praew Iconic Beauty แต่บอกเลย ทุกชิ้นที่หมอเจี๊ยบให้คะแนนผ่านการตรึกตรองมาแบบถี่ถ้วนแล้วว่านี่แหละของดีจริง

จากสาวเท่สู่กรรมการทางด้านความงาม

“ก่อนอื่นต้องบอกว่า ตื่นเต้นมาก…ก ที่ได้เป็นกรรมการ Beauty Iconic เจี๊ยบเคยเห็นภาพโปรโมทจากปีก่อนๆ รู้สึกว่า เจ๋งจัง ดีใจที่เลือกเจี๊ยบมาเป็นส่วนหนึ่งของโปรเจคต์นี้ แม้ดูภายนอกเจี๊ยบอาจจะดูเหมือนไม่สนใจความงาม แต่อย่าลืมนะ ว่าเจี๊ยบผ่านการการันตีด้วยตำแหน่งนางสาวไทยมาแล้ว (ยิ้ม) มีความเชี่ยวชาญพอสมควร เพราะฉะนั้นถ้าถามว่าหนักใจไหมในฐานะกรรมการ ตอบเลยว่า ไม่ อย่างเมคอัพก็เคยฟาดตาสีฟ้ามาตั้งแต่อายุ 18 จนตอนนี้เจี๊ยบอายุ 35 แล้ว ค่อนข้างรู้ว่า โปรดักส์ตัวไหนดีหรือไม่ดี

“ประสบการณ์ทำงานในวงการ 10 กว่าปี เป็นบทเรียนสอนให้เราเลือกที่ดีที่สุดให้ตัวเอง เคยผ่านทั้งจุดที่พลาดและถูกมาหมด อย่างสมัยเด็กเจี๊ยบเคยยืมครีมของคุณแม่มาทา ปรากฏ วันรุ่งขึ้นสิวเต็มหน้า เพราะเนื้อครีมไม่เหมาะกับอายุของเรา นับจากนั้นก็ปรับวิธีการเลือกครีมให้เหมาะกับตัวเอง”

ผิวใสแบบหมอเจี๊ยบ

“เจี๊ยบไม่ชอบแต่งหน้า ที่ผิวยังดีจนถึงตอนนี้เพราะทาครีมบำรุงมาตั้งแต่เด็ก ทั้งเช้าและก่อนนอน ไม่เคยมีวันไหนที่รู้สึกขี้เกียจ ไม่อยากทาครีมเลย เรียกว่าเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตไปแล้ว ซึ่งการดูแลผิวต้องอาศัยความสม่ำเสมอ ไม่ใช่ว่า ทาคืนนี้ตื่นเช้าแล้วจะผิวดี เจี๊ยบเชื่อถ้าไม่ได้เริ่มดูแลตั้งแต่เด็ก ป่านนี้อาจจะไม่รอดก็ได้นะ

“สำหรับการทาครีม ไม่เน้นหลายขั้นตอน ขอแค่ให้ชุ่มชื้น เลือกชนิดที่เข้ากับสภาพผิวของเรามากที่สุด เพื่อป้องกันอาการแพ้ อย่างทุกวันนี้พออายุเยอะขึ้นเริ่มแพ้แดด ต่างจากสมัยเด็กๆ ไม่ว่าตากแดดนานขนาดไหนก็ไม่เป็นอะไร จึงต้องทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง วิธีการเลือกโปรดักส์จะอ่านส่วนผสมบ้าง เพราะอย่างครีมบางตัว เขาอาจจะมีส่วนผสมของน้ำหอม ทำให้ผิวระคายเคืองได้ จึงเลือกที่ไม่มีกลิ่นผสมเยอะ เน้นให้สารบำรุงผิว อีกข้อคือ ถ้าใช้ครีมหลายตัวควรดูว่าส่วนผสมตีกันหรือเปล่า เช่น ถ้าเราใช้ครีมตัวหนึ่งที่มีสารสกัดจากพืช แต่อีกตัวมีส่วนผสมของกรดวิตามินซี ทาด้วยกันส่วนผสมอาจจะหักล้างกัน ไม่เห็นผล”

อย่าเอา Beauty Standard มาวัดความสุข

เจี๊ยบคิดว่า เทรนด์มาแล้วก็ไป แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ ขึ้นกับว่าคุณชอบอะไร ทุกวันนี้เราเป็นตัวเองได้มากขึ้น ที่จริงอินกับเทรนด์บ้างก็ได้ แค่ขอให้ดึงตัวตนของคุณออกมาด้วย เจี๊ยบคิดว่า โปรดักส์บิวตี้ที่ดีต้องสามารถเปลี่ยนคนนั้นให้เป็นตัวเองได้ดีในเวอร์ชันที่เขาต้องการ อย่างเจี๊ยบชอบแต่งแบบธรรมชาติให้เหมือนไม่แต่ง เพราะรู้สึกว่า สไตล์นี้เป็นตัวของตัวเอง

“ตอนที่เข้าประกวดนางสาวไทย คนมักจะบอกว่า เจี๊ยบไม่สวยเลย เป็นนางงามได้ยังไง ก็รู้สึกแย่ จนรู้สึกว่าตัวเองน่าเกลียด ขาดความมั่นใจ เวลาแต่งหน้าแต่งตัวออกงาน แล้วต้องฟาดขนตา 2 ชั้น ทาตาสีฟ้า ดัดผมลอน ไปจนถึงสไตล์ของเสื้อผ้า เจี๊ยบรู้สึกว่า ไม่ใช่ตัวเอง แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร คิดมาตลอดว่า ฉันทำอะไรตรงนี้ ไม่ชอบตัวเอง

“จนกระทั่งวันหนึ่งที่เจี๊ยบหาตัวเองเจอ พบว่า ฉันชอบแต่งหน้าน้อยๆ เป็นธรรมชาติ บางครั้งก็ไม่แต่งเลย แต่ก็ยังรู้สึกว่าดูดีได้ ฉันเป็นแบบนี้แหละ ต่างจากเจี๊ยบคนเก่า ที่เคยรู้สึกว่า การไม่แต่งหน้าออกงาน คนคงรับไม่ได้ พอเราเริ่มเปลี่ยนตัวเอง โพสต์รูปไม่ได้แต่งหน้า ไม่เซ็ตผมลงอินสตราแกรม ปรากฏว่าคนชอบ จึงเข้าใจว่า เราไม่ต้องสวยตาม Beauty Standard กล้าที่จะไม่ปัดมาสคาร่า แล้วผลลัพธ์ก็ยังออกมาดูดี ที่สำคัญคือ เข้ากับไลฟ์สไตล์ของเจี๊ยบด้วย เพราะง่ายและสะดวก

The Infinity ความสวยไร้ขอบเขต

“เจี๊ยบทำงานเจอคนเยอะ บางคนอายุ 60 – 70 แต่ก็ยังดูดีในแบบของ ซึ่งเกิดจากการดูแลตัวเองให้ดี อย่างปล่อยให้โทรม ทุกคนก็จะมีเสน่ห์ในช่วงอายุของตัวเอง และเชื่อว่าความสวยที่ไม่มีวันสิ้นสุด ไม่จำเป็นว่า ฉันต้องหน้าตาเหมือนนางเอกหรือพระเอกคนไหน อย่าไปตีกรอบว่าต้องสวยเหมือนใคร ถ้าคุณมีสไตล์ของตัวเอง มั่นใจสิ่งที่เป็น ก็เป็นคุณไปเลย บางคนเจ้าเนื้อหน่อย เขาก็น่ารักในแบบของเขา บางคนอาจจะไม่สูงถึง 170 เป็นคนร่างเล็ก แต่ก็ตะมุตะมิน่ารักในแบบของตัวเองได้ บางทีการมีส่วนสูง 170 หรือมีหน้าเล็กเรียวบาง อาจจะไม่เข้ากับตัวเองก็ได้ ขอแค่คุณเข้าใจแล้วรู้ว่า คุณเป็นอย่างไร มีจุดยืนของตัวเอง

เจี๊ยบเชื่อว่าทุกคนสามารถหาตัวเองเจอและน่ารักในแบบของคุณได้

ติดตามความเคลื่อนไหวของ Praew Iconic Beauty 2022 ‘THE INFINITY’ ได้ที่

  • IG: @praewmag
  • Facebook: นิตยสารแพรว
  • และ Website: www.praew.com

พร้อมงานประกาศผลอย่างยิ่งใหญ่ในวันที่ 10 ตุลาคม 2565

#PraewIconicBeauty2022 #PraewIcionicBeautyTheInfinity #PraewMag #นิตยสารแพรว

เครดิต

เสื้อผ้า

  • Pitnapat officials
  • Fabrique.co
  • Privé couture
  • Calista

เครื่องประดับ

  • Swan
  • Jittrakar

URUS Cover

Lamborghini Urus S สู่มาตรฐานใหม่แห่งซูเปอร์เอสยูวีสายไลฟ์สไตล์ สัมผัสสุดยอดสมรรถนะ ดีไซน์ภูมิฐานและการขับขี่อเนกประสงค์ในหนึ่งเดียว

URUS Cover
URUS Cover
  • Lamborghini Urus S ใหม่เพิ่มกำลังเครื่องยนต์สูงสุดถึง 666 แรงม้าเทียบเท่ากับ Urus Performante ที่โดดเด่นด้านสมรรถนะ
  • เครื่องยนต์ 4.0 liter V8 Twin-turbo ให้แรงบิดสูงถึง 850 นิวตันเมตร
  • มอบอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.5 วินาที และทำความเร็วสูงสุดที่ 305 กม./ชม.
  • มาพร้อม 6 โหมดการขับขี่ และโหมด EGO เพื่อมอบประสบการณ์ซูเปอร์เอสยูวีแนวสปอร์ตที่ขับขี่สบายและใช้งานได้อเนกประสงค์ในทุกสถานการณ์
  • Urus S พลิกโฉมดีไซน์ใหม่ให้แมตช์กับสมรรถนะที่เหนือขั้น หากยังคงความหรูหราภูมิฐานในแบบฉบับซูเปอร์เอสยูวี
  • 2 รุ่นใหม่ทั้ง Urus S และ Urus Performante ร่วมเติมเต็มกลุ่มผลิตภัณฑ์ยานยนต์ซูเปอร์เอสยูวีของลัมโบร์กินีให้สมบูรณ์แบบ

ออโตโมบิลิ ลัมโบร์กินี (Automobili Lamborghini) สุดยอดแบรนด์ซูเปอร์สปอร์ตคาร์หรูระดับโลกสัญชาติอิตาลี ประกาศเปิดตัว Urus S สุดยอดยานยนต์สานต่อความสำเร็จของ Urus รุ่นเดิมที่เคยสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในนิชมาร์เก็ตของซูเปอร์เอสยูวีระดับหรู มาพร้อมการเพาเวอร์อัปกำลังเครื่องและฟังก์ชั่นอเนกประสงค์เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ที่เหนือระดับในแบบฉบับซูเปอร์เอสยูวีจากลัมโบร์กินีเคียงคู่กับ Urus Performante ใหม่สำหรับนักขับที่ต้องการสัมผัสยนตรกรรมแนวสปอร์ตอันเร้าใจ

“รถยนต์ตระกูล Urus ได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าสามารถตอบโจทย์กลุ่มนักขับที่ต้องการสุดยอดเอสยูวีที่ผสานการขับขี่แนวสปอร์ตที่สนุกเร้าใจเข้ากับการใช้งานที่สะดวกสบายในทุกวัน เราจึงนำเสนอ Urus S คู่กับ Urus Performante ใหม่เพื่อมอบอีกหนึ่งความสมบูรณ์แบบแห่งดีไซน์สุดหรู สมรรถนะขั้นสุดยอด และฟังก์ชั่นอเนกประสงค์ครบครัน” สเตฟาน วิงเคิลมันน์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ออโตโมบิลิ ลัมโบร์กินี กล่าว “ความสำเร็จของรถยนต์ตระกูล Urus ซึ่งมียอดการผลิตมากกว่า 20,000 คัน คือบทพิสูจน์แห่งความโดดเด่นในฐานะต้นฉบับแห่งซูเปอร์เอสยูวีที่แท้จริง และ Urus S ตอกย้ำความสำเร็จของเราให้เด่นชัดยิ่งขึ้น”

Lamborghini Urus S สู่มาตรฐานใหม่แห่งซูเปอร์เอสยูวีสายไลฟ์สไตล์ สัมผัสสุดยอดสมรรถนะ ดีไซน์ภูมิฐานและการขับขี่อเนกประสงค์ในหนึ่งเดียว

สุดยอดสมรรถนะ พร้อมรูปลักษณ์ที่ภูมิฐานและการใช้งานอเนกประสงค์

เครื่องยนต์ Twin-turbo V8 มอบกำลังเครื่องยนต์ให้สูงถึง 666 แรงม้า เทียบเคียงกับรุ่น Urus Performante มอบอัตราส่วนน้ำหนักต่อกำลังเครื่องยนต์ดียิ่งขึ้นที่ 3.3 กิโลกรัม/แรงม้า เช่นเดียวกับอัตราเร่งเต็มพลังที่ได้รับการอัปเกรดใหม่ จาก 0-100 กม./ชม. ใน 3.5 วินาที และ 0-200 กม./ชม. ใน 12.5 วินาที โดยมีความเร็วสูงสุดที่ 305 กม./ชม. ซึ่ง Urus S สามารถเบรกจากระดับความเร็ว 100 กม./ชม. จนรถหยุดนิ่งได้ในระยะทางเพียง 33.7 เมตรเท่านั้น เครื่องยนต์ Twin-turbo ยังมอบสุดยอดแรงบิดสูงสุดถึง 850 นิวตันเมตรที่ 2,300 รอบต่อนาทีถึง 6,000 รอบต่อนาที ระบบท่อไอเสียที่ได้รับการปรับแต่งใหม่ในสไตล์ซูเปอร์เอสยูวีจากลัมโบร์กินี มอบพลังเสียงกระหึ่มอย่างมีเอกลักษณ์นับตั้งแต่เริ่มสตาร์ตและให้เสียงที่คมชัดแตกต่างไปในแต่ละโหมดการขับขี่

โครงแชสซีของ Urus ติดตั้งระบบช่วงล่างถุงลมแบบ adaptive เพื่อมอบการขับขี่แนวสปอร์ตที่ตื่นเต้นเร้าใจแต่ยังสามารถขับขี่ได้อย่างราบรื่นบนท้องถนนทั้งในโหมด STRADA, SPORT, CORSA และ EGO พร้อมการตอบสนองแรงบิดที่ฉับไวและการรักษาความเสถียรของตัวรถได้อย่างดีเยี่ยมเพื่อให้เหมาะกับการขับแบบออฟโร้ดทั้งในโหมดTERRA, NEVE และ SABBIA ด้วยการคาลิเบรตระบบส่งกำลังแบบเดียวกับ Urus Performante ทำให้ Urus S มอบการตอบสนองและสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมตามโหมดที่ใช้งาน พร้อมสัมผัสการควบคุมที่หรูหราภูมิฐานเพื่อมอบสุนทรียภาพในการขับขี่ประจำวันจากแชสซีที่ได้รับการปรับแต่งมาอย่างดีเยี่ยมในทุกรายละเอียด ด้วยภาพลักษณ์อันโดดเด่นที่ครอบคลุมทุกรูปแบบการใช้งานบนทุกสภาพการขับขี่ ทำให้ Urus S คือซูเปอร์เอสยูวีแนวไลฟ์สไตล์ที่เหนือระดับอย่างแท้จริง

สุดยอดดีไซน์และภาพลักษณ์ที่พร้อมสะกดทุกสายตา

Urus S ยกระดับงานออกแบบยานยนต์อันเป็นเอกลักษณ์และภูมิฐานในทุกมุมมอง โดยเน้นรูปลักษณ์แนวสปอร์ตหากยังคงความหรูหราของยานยนต์ไลฟ์สไตล์ไว้อย่างกลมกลืนเพื่อมอบความโดดเด่นที่แตกต่างจากเอสยูวีรุ่นอื่น ๆ อย่างชัดเจน ด้วยออปชั่นการปรับแต่งใหม่มากมายทั้งในเรื่องโทนสี อุปกรณ์เสริม ล้อ แพ็คเกจการตกแต่ง และรายละเอียดพิเศษอื่น ๆ ที่แสดงตัวตนของเจ้าของรถได้อย่างชัดเจนครอบคลุมทั้งความหรูหราภูมิฐานไปจนถึงสัมผัสที่สนุกสนานเร้าใจในแบบสปอร์ต

งานออกแบบกันชนหน้าผนวกเส้นสายอันละเอียดอ่อนเข้ากับการเคลือบผิวแผ่น Skidplate สแตนเลสสตีลสีดำด้านรูปแบบใหม่มาเป็นมาตรฐาน เสริมด้วยเส้นสายสีดำดูภูมิฐานของส่วนตะแกรงหน้า มาพร้อมออปชั่นการตกแต่งถึง 5 รูปแบบที่ผสมผสานทั้งโทนสีตัวรถ การเคลือบสีดำเงา และชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งแบบเงาและด้านอย่างสมดุล ทำให้คุณตกแต่ง Urus S ให้สะท้อนถึงสไตล์ที่แตกต่างได้อย่างตรงใจที่สุด ส่วนฝากระโปรงคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบารุ่นใหม่มาพร้อมช่องระบายอากาศสีดำด้าน ซึ่งสามารถเลือกออปชั่นสีดำเงาแบบ Gloss Black รวมถึงสีตัวรถหรือชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์ก็สามารถเลือกได้ทั้งแบบเงาและด้านตามต้องการ พร้อมนำเสนอออปชั่นเด่นคือหลังคาคาร์บอนไฟเบอร์ที่จะเติมเต็มความหรูหราแนวสปอร์ตขั้นสุดให้แก่ Urus S รุ่นใหม่นี้

ส่วนกันชนหลังยังได้รับการออกแบบใหม่ให้มีความกลมกลืนและขับเน้นความหรูหราในทุกองศา ส่วนล่างได้รับการเคลือบสีดำด้านที่ติดตั้งกับท่อไอเสียคู่ดีไซน์ใหม่พร้อมทำผิว Brushed steel ให้เป็นแบบมาตรฐาน โดยมีออปชั่นสีดำด้านหรือดำเงาได้ตามต้องการไปจนถึงการตกแต่งแบบ Ad Personam ในสีโครเมียมโทนสว่าง นอกจากล้อขนาด 21 นิ้วแบบมาตรฐาน ยังนำเสนออุปกรณ์ตกแต่งใหม่อื่น ๆ ทั้งล้อ Nath ขนาด 22 นิ้วแบบ Titanium Matt และ Diamond Polish หรือล้อ Taigete ขนาด 23 นิ้วที่เลือกได้ทั้งสี Bronze และ Diamond Polish

การตกแต่งห้องโดยสารของ Urus S ได้รับการออกแบบโทนสีและส่วนตกแต่งใหม่ทั้งหมดโดยออปชั่น Bi-color Sportivo และ Bi-color Sophisticated แนวใหม่นำเสนอรูปแบบตะเข็บที่สวยหรูเหมือนกับของ Urus Performante โดยการตกแต่งแบบ Bi-color Sportivo จะให้บรรยากาศที่สปอร์ตและดุดัน ในขณะที่ Bi-color Sophisticated จะมอบความหรูหราภูมิฐานและการตกแต่งด้วยโทนสีเฉพาะอย่างมีสไตล์ โดดเด่นด้วยการใช้หนังสีดำเนื้อละเอียดมาจับคู่กับโทนสีใหม่ที่ตัดกันอย่างงดงามร่วมกับสี Blu Leandro และ Verde Aura ที่พัฒนาใหม่ ควบคู่ไปกับสีแทน ครีม และน้ำตาลอย่างลงตัว ยิ่งไปกว่านั้น Urus S ยังมอบโอกาสพิเศษแก่นักขับให้สามารถปรับแต่งรถยนต์ในฝันให้โดนใจที่สุดด้วยโทนสีและอุปกรณ์ตกแต่งใหม่อีกมากมายที่จะช่วยเน้นภาพลักษณ์อันเปี่ยมพลังและคงไว้ซึ่งความงดงามภูมิฐานที่พร้อมสะกดทุกสายตาบนท้องถนน

Urus S มาพร้อมระบบการเชื่อมต่อออนไลน์ที่ครบครันทั้งระบบการนำทาง ระบบความปลอดภัยและบริการควบคุมมากมายจากภายในตัวรถ โดยสามารถใช้งานได้ผ่านการเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟน รวมถึงการควบคุมจากสมาร์ตวอชต์ อาทิ ฟังก์ชั่น Virtual Car Key

cover

จดลงลิสต์! 6 ดีไซน์กระเป๋าสีชมพู ความน่ารักแบบไม่ซ้ำคาแร็คเตอร์

Alternative Textaccount_circle
cover
cover

หลายคนอาจติดภาพว่ากระเป๋าสีชมพูมักจะเหมาะกับคนที่มีคาแร็คเตอร์ อ่อนหวาน และดูน่ารัก แต่จริง ๆ แล้วไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไป ถึงแม้สีนี้จะเป็นอีกหนึ่งสีที่แสดงถึงความสดใสก็ตาม แต่เมื่อรวมเข้ากับของดีไซน์แต่ละแบรนด์ที่เป็นเอกลักษณ์ก็จะสามารถสร้างลุคที่แตกต่างกันได้อย่างไม่ซ้ำกัน ที่ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้หญิงสไตล์ไหนก็สามารถมีกระเป๋าสีชมพูที่เข้ากับตัวเองได้ไม่ยากค

Praew Survey วันนี้ ขอมาเอาใจสาว ๆ ที่ชื่นชอบสีชมพูเป็นพิเศษ ด้วยกระเป๋าสุดคิ้วท์จากทั้ง 6 แบรนด์ ที่ถึงสีจะคล้ายกันแต่เอกลักษณ์ของแบรนด์ จึงทำให้เกิดความแตกต่างในคาแร็คเตอร์ของแฟชั่นไอเท็มชิ้นนี้

เริ่มต้นกันที่ใบแรกจากแบรนด์ MIU MIU – Miu Wander matelassé nappa leather mini hobo bag กระเป๋าบุหนัง สี Begonia Pink ขนาดกะทัดรัด 20x6x17 cm พร้อมติดอะไหล่สีทองสัญลักษณ์ประจำแบรนด์ ด้วยดีไซน์ของกระเป๋าใบนี้อาจทำให้เหมาะกับสาว ๆ ที่ไม่ได้ต้องการความเป็นผู้ใหญ่มากนัก แต่อยากได้ลุคที่ดูน่ารัก สดใส และซุกซน เพราะ MU MIU เป็นอีกแบรนด์ที่เหมาะกับวัยรุ่นได้เป็นอย่างดี

3
MIU MIU – Miu Wander matelassé nappa leather mini hobo bag

ใบที่สองกับ Small Moon Cut Out bag in leather จาก GIVENCHY สี BLUSH PINK ดีไซน์สุดเก๋ ที่ถึงจะมาในสีชมพูพาสเทล แต่ก็เหมาะกับสาวที่ต้องการความเฟียส เท่ และทันสมัย โดยมีที่อะไหล่โซ่สีเงินที่ทำให้ทำให้กระเป๋าใบนี้พิเศษมากยิ่งขึ้น

5
GIVENCHY – Small Moon Cut Out bag in leather
ราคา 66,000 บาท

ต่อมากับกระเป๋าสุดฮิตจาก PRADA อย่าง Prada Cleo brushed leather mini bag สี Alabaster Pink ที่ต้องบอกว่าเป็นกระเป๋าที่เหมาะสำหรับหลายลุค ด้วยดีไซน์ของกระเป๋าที่น่ารัก และชิคในเวลาเดียวกัน ซึ่งความคุ้มค่าที่มากกว่านั้นคือ สามารถใช้ได้ทั้งเป็น shoulder bag หรือ handbag

1
PRADA – Prada Cleo brushed leather mini bag

ขยับราคามาอีกนิดกับแบรนด์ GUCCI – Jackie 1961 mini shoulder bag กระเป๋าของผู้หญิงอ่อนหวานที่รักความวินเทจ ด้วยดีไซน์กระเป๋าที่ผสมผสานกันระหว่างผ้ายีนส์และหนังสีชมพูที่เข้ากันอย่างลงตัว พร้อมด้วยเพิ่มความน่ารักจากลายปักดอกไม้บนลายโฮโลแกรมของแบรนด์

2
GUCCI – Jackie 1961 mini shoulder bag
ราคา 114,000 บาท

ใบต่อไปบอกเลยว่าสาวสายหวาน ลูกคุณหนูต้องห้ามพลาดกับ Micro Lady Dior Bag – Antique Pink Patent Cannage Calfskin จาก DIOR กระเป๋าใบเล็กน่ารักที่เอามาถือเป็นพร็อพก็แสนเก๋ และด้วยดีไซน์สุดหรูหรา หากได้ถือรับรองว่าจะกลายเป็นผู้ดีท่านหนึ่งอย่างแน่นอน

6
Micro Lady Dior Bag – Antique Pink Patent Cannage Calfskin
ราคา 130,000 บาท

ถ้ากระเป๋าใบก่อนเป็นคุณหนูผู้อ่อนหวาน ใบนี้คงเป็นคุณหนูที่มีความแก่น เปรี้ยวซ่า กับแบรนด์ CHANEL รุ่น Classic ในผ้าทวีตเอกลักษณ์ประจำแบรนด์ สีชมพูเข้มแสบตา ใบบรรดากระเป๋าทั้ง 6 แบรนด์ที่เลือกมา ขอยกให้กระเป๋าใบนี้ที่สีสันเจ็บที่สุด บอกเลยว่าสะพายแล้วคนต้องมองอย่างแน่นอน!

4
CHANEL – Classic
ราคา 329,500 บาท
โนอิ้ง บุดด้า เปิดตัวหอมนสิการ Cover

โนอิ้ง บุดด้า เปิดตัวหอมนสิการ แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมรูปแบบใหม่แห่งแรกของไทยและของโลก

โนอิ้ง บุดด้า เปิดตัวหอมนสิการ Cover
โนอิ้ง บุดด้า เปิดตัวหอมนสิการ Cover

“หอมนสิการ” สถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมรูปแบบใหม่แห่งแรกของไทยและของโลก

สักการะพระบรมสารีริกธาตุ 18 พระองค์ ตื่นตากับพระพุทธรูปพระบรมโลกนาถ

ปิดทองคำแท้เนื้อสัมฤทธิ์ หนึ่งเดียวในโลกกับ ภาพปักพระบรมโลกนาถศิลปะงานปักมือ 651,000 ฝีเข็ม

หอมนสิการ แหล่งท่องเที่ยวใหม่เชิงวัฒนธรรม จังหวัดสระบุรี ตั้งอยู่เบื้องหน้าเขาพระพุทธบาทน้อย อำเภอแก่งคอย สร้างโดยมูลนิธิ โนอิ้ง บุดด้า เพื่อการปกป้องพระพุทธศาสนา ใช้เวลาก่อสร้างถึง 5 ปี พร้อมเปิดให้นักท่องเที่ยวและพุทธศาสนิกชนเข้าชม มีวัตถุประสงค์เพื่อการสืบสานวัฒนธรรมและปกป้องพระเกียรติพระบรมศาสดา และปลุกจิตสำนึกที่ดีงามให้แก่ปวงชน

โครงการ “หอมนสิการ” เกิดขึ้นตามดำริของอาจารย์อัจฉราวดี วงศ์สกล ประธานมูลนิธิ โรงเรียนแห่งชีวิตประธานมูลนิธิโนอิ้ง บุดด้า เพื่อการปกป้องพระพุทธศาสนา ตั้งอยู่ในอ.แก่งคอย  ริมเทือกเขาพระพุทธบาทน้อยอันงดงามตระการตา

หอมนสิการมีขนาด 7.4  ไร่ ใช้เวลาก่อสร้าง 5 ปี นอกจากหอมนสิการจะมีฉากหลังเป็นทัศนียภาพที่งดงามากแล้ว ยังมีนิทรรศการจำลองเส้นทางเดินของพระพุทธเจ้าในรูปแบบนิทรรศงานร่วมสมัยที่จะดึงผู้เข้าชมให้เหมือนย้อนเวลาไปที่อินเดียเมื่อ 2,500 ปีก่อน ที่ด้านในสุดของหอเรียกว่าหอจตุรัสประดิษฐานสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อการสักการะ ที่จะทำให้ผู้มาเยือนเดินทางกลับไปแบบไม่ว่างเปล่าแต่จะได้ข้อคิดในหลักการดำรงชีวิต เป็นเมล็ดพันธุ์แห่งปัญญาที่พระพุทธเจ้าได้ทรงชี้ทางไว้ และยังมีสถานที่เรียนรู้ฝึกสมาธิเบื้องต้นแบบไม่มีพิธีรีตอง เป็นสมาธิชิมลองเพื่อให้สัมผัสความสงบใจงานทุกส่วนของมนสิการมีสองภาษากำกับเพื่อรองรับทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ ประสบการณ์ทั้งหมด จะนำมาสู่การไตร่ตรองอย่างแยบคายในหลักการดำเนินชีวิตอย่างมีศีลธรรม การไตร่ตรองโดยแยบคายคือคำแปลของคำว่า “มนสิการ

โนอิ้ง บุดด้า เปิดตัวหอมนสิการ แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมรูปแบบใหม่แห่งแรกของไทยและของโลก

สถาปัตยกรรมและการออกแบบภายใน

หอประดิษฐานพระบรมโลกนาถ พระพุทธรูปองค์สีทอง ขนาดหน้าตัก 30 นิ้ว ตลอดจนพระบรมสารีริกธาตุที่เสด็จมาต่างวาระ 18 พระองค์ และภาพปักพระบรมโลกนาถ รูปแบบสถาปัตยกรรมแรกเริ่มทั้งภายนอกและภายใน ออกแบบโดยอ.อัจฉราวดี โดยต้องการให้ตัวอาคารมีความร่วมสมัย ไม่เป็นแนวประเพณีจนเกินไป ยอดหลังคาได้แรงบันดาลใจมาจากโบสถ์วัดพุทธไธศวรรย์จ.อยุธยา เป็นศิลปะอยุธยาตอนต้นผสมผสานศิลปะแบบขอม ด้านหน้าอาคารมีกันสาดมีลวดลายอาคารแบบนีโอคลาสสิก ทางเดินด้านในช่วงนิทรรศการเป็นอุโมงค์โค้งมนแบบอุโมงค์ทางเดินริมฝั่งแม่น้ำ Arno ด้านหน้าของ Uffizi Museum ที่ฟลอเรนซ์ อิตาลี จากนั้นได้เชิญคุณนาคนิมิตร สุวรรณกูฏซึ่งเป็นทายาทของศิลปินชั้นครูระดับตำนานคุณไพบูลย์สุวรรณกูฏผู้เป็นศิษย์รุ่นแรกและใกล้ชิดกับศาสตราจารย์ศิลป์พีระศรีมาต่อยอดรับหน้าที่เป็นศิลปินและผู้ออกแบบลวดลายสถาปัตยกรรมและให้คำปรึกษาตกแต่งภายในคุณนาคนิมิตรผูกลวดลายตัวอาคารให้มีความเป็นสากลโดยการผสมผสานลวดลายสไตล์อินเดีย สไตล์วิกตอเรียและสุโขทัย เพื่อให้มีรูปแบบเฉพาะของมนสิการ
ทุกขั้นตอนของโครงการ ตั้งแต่แนวคิด รูปแบบ ไปจนถึงวัสดุการก่อสร้าง ดีไซน์ ทั้งภายนอกและภายใน ผ่านการพิจารณาอย่างละเอียดและเข้มงวด รวมทั้งเดินทางไปดูสถาปัตยกรรม โบราณสถานที่เมืองชัยปุระ ประเทศอินเดีย

ทางเดินนิทรรศการเส้นทางเดินของพระพุทธเจ้า (The Buddha’s Path: An Exhibition Passageway)

จุดแรกที่ผู้มาเยือนจะได้สัมผัสคือ ทางเดินนิทรรศการ “เส้นทางเดินของพระพุทธเจ้า” นิทรรศการร่วมสมัย “Journey to the Life of Buddha” วิถีแห่งความเสียสละกว่าที่พระพุทธองค์จะทรงบรรลุเป็นพระพุทธเจ้าที่จะปลุกจิตสำนึกในธรรมแท้ผ่านการจัดแสดงแบบInteractive อันเป็นครั้งแรกในประเทศไทยด้วยงานศิลปะร่วมสมัยภาพแสงสีเสียงบรรยายและวิดีโอสื่อผสมระดับภาพยนตร์ให้ได้ซึมซับผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 นำพาผู้เข้าชมย้อนสู่ครั้งพุทธกาลบอกเล่าเรื่องราวของเจ้าชายสิทธัตถะที่ทรงกำเนิดมาอย่างสมบูรณ์พร้อมแต่กลับปรารถนาค้นหาหนทางแห่งการพ้นจากความทุกข์ส่วนที่น่าสนใจอย่างมากคือห้องพุทธกาลช่วงที่ 5 ที่กล่าวถึงการ “หนี” จากพระราชวังเพื่อออกผนวชบำเพ็ญเพียรค้นหาทางรอดจากกงล้อแห่งวัฏสงสารกับช่วงที่ 6 “การทรมานร่างกายครั้งประวัติศาสตร์” ที่จัดแสดงหุ่นขี้ผึ้ง (เสมือนจริง) พระพุทธองค์ทรงบำเพ็ญทุกรกิริยาตามความเชื่อในแบบลัทธิดั้งเดิมจนพระวรกายผ่ายผอมเพื่อค้นหาธรรมแห่งการพ้นไปและช่วงที่ 7 “การค้นพบทางหลุดพ้นและความจริงอันสูงสุดของสรรพสิ่ง”

กราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุพระพุทธรูปและภาพปักพระบรมโลกนาถ

ณหอจตุรัสอันศักดิ์สิทธิ์และงดงามอร่ามด้วยสีทองตัดกับผ้าไหมสีแดงที่ตกแต่งอย่างละเอียด ประณีตเป็นที่ประดิษฐาน “พระบรมโลกนาถ” พระพุทธรูปขนาดหน้าตัก 30 นิ้วปิดทองคำบริสุทธิ์งดงามผุดผ่องโดยหนึ่งในมวลสารที่ใช้หล่อพระพุทธรูปคือมวลสารดินจากกุสินาราและทองคำบริสุทธิ์เป็นมวลสารหลักซึ่งพิธีเททองหล่อพระจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ณบริเวณหน้าหอมนสิการองค์พระบรมโลกนาถนั้นเป็นพระพุทธรูปศิลปะแบบอินเดียที่มีลักษณะเสมือนจริงกับมนุษย์เพื่อให้ผู้บูชาสามารถน้อมจิตได้ใกล้ชิดพระพุทธองค์ในแบบกายเนื้อมนุษย์มากยิ่งขึ้น

ภายในหอยังเป็นที่ประดิษฐานองค์พระบรมสารีริกธาตุที่เสด็จมาด้วยพุทธปาฏิหาริย์ใน 3 วาระรวมทั้งสิ้น18พระองค์และยังมีภาพปักพระบรมโลกนาถที่ปักโดย สุวลักษณ์ เสนานุช มีขนาดความกว้าง 67.2 ซม. สูง 85.6 ซม. จำนวนฝีเข็มกว่า 651,000 ฝีเข็ม ใช้ไหมทั้งหมด 49 สี

นิทรรศการ “Spiritual Life” เพื่อความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องต่อพระพุทธศาสนา

ด้านนอกหอมนสิการมีอาคารจัดแสดงนิทรรศการ “Spiritual Life” เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องต่อพระพุทธศาสนาซึ่งถูกรังสรรค์ขึ้นมาเพื่อให้ความรู้ในหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าหลักการประพฤติปฏิบัติที่ถูกต้องต่อพระบรมศาสดาและพระพุทธสัญลักษณ์ และมีอาคารสอนและปฏิบัติสมาธิโดยอาจารย์สอนสมาธิจัดสอนฝึก นั่งสมาธิเบื้องต้นให้กับผู้ที่สนใจ

หอมนสิการจะเปิดให้เข้าชมในวันที่ 30 กันยายน 2565  เป็นต้นไป

เปิดบริการ

อังคาร – ศุกร์ : 10.00 – 17.00 น.

เสาร์ – อาทิตย์ : 09.30 – 18.00 น.

(หยุดทุกวันจันทร์)

ค่าเข้าชม คนไทย 20 บาท คนต่างชาติ 50 บาท

เด็ก นักเรียน นักศึกษา ผู้สูงวัยผู้พิการ นักบวช เข้าฟรี*ค่าเข้าชมนี้เพื่อช่วยสนับสนุนค่าน้ำค่าไฟ

หอมนสิการ : 63/3  หมู่ 10  ต.สองคอน อ.แก่งคอย จ.สระบุรี

โทรศัพท์ :  095 7600885  

แผนที่เดินทาง : https://maps.app.goo.gl/8EcesozVyF8E8efr8?g_st=ic

ฝ่ายประชาสัมพันธ์สื่อมวลชน  : คุณมลธิรา โยธี  โทร : 085 175 1411  Email: [email protected]

Email : [email protected] | FB : manasikarn.hallI website :  www.manasikarn.com

Davines Hair Show 2022 REGENERATION Cover

ดาวิเนส แบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมระดับโลก จัดแฮร์โชว์ “Davines Hair Show 2022 REGENERATION“ / LET’S GROW THE FUTURE

Davines Hair Show 2022 REGENERATION Cover
Davines Hair Show 2022 REGENERATION Cover

เพราะตระหนักถึงคุณค่าของ “ความงาม” ที่ต้องควบคู่ไปกับ “ความยั่งยืน” ด้วยการรับผิดชอบต่อสังคมและโลกที่เราอาศัย อันจะนำไปสู่ความงดงามที่ยั่งยืนของโลกใบนี้ต่อไป

เพื่อสะท้อนแนวคิดความงามอย่างยั่งยืน (Sustainable Beauty) ที่ยึดมั่นการอยู่ร่วมกันของมนุษย์ และธรรมชาติ บริษัท อีไอจี เดอร์มอลเวลเนส (ไทย) จำกัด ผู้จัดจำหน่าย Davines (ดาวิเนส) แบรนด์ผลิตภัณฑ์เพื่อเส้นผมระดับโลกจากประเทศอิตาลี และเป็นแบรนด์แรกในไทยที่ให้ความสำคัญเรื่องการฟื้นฟูและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ร่วมจัดแฟชั่นโชว์ “Davines Hair Show 2022 REGENERATION / LET’S GROW THE FUTURE” บนเวทีแฟชั่นระดับโลก Siam Paragon Bangkok International Fashion Week 2022 (BIFW2022) โดยมี มร.ร๊อดเดอริก เชียง ประธานบริหาร บริษัท อีไอจี เดอร์มอล เวลเนส กรุ๊ป  ร่วมพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องราวของแบรนด์ และไอเดียสุดบรรเจิดในการจัดแฮร์โชว์สุดพิเศษ ภายใต้คอนเซปท์ ‘DISRUPTION FROM NATURE’ รวมถึงความร่วมมือสนับสนุนการจัดงานแฟชั่นวีค BIFW2022 ครั้งนี้ เมื่อเร็ว ๆ นี้ ณ พาร์ค พารากอน สยามพารากอน

ดาวิเนส แบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมระดับโลก จัดแฮร์โชว์ “Davines Hair Show 2022 REGENERATION“ / LET’S GROW THE FUTURE

 

นอกจากนี้ภายในงานยังมีเสวนาเรื่องการปรับตัวของธุรกิจความงามเพื่อความยั่งยืน โดย สกุลทิพย์ กิรติพันธวงศ์ เลขาธิการสมาคม Social Value Thailand & B Corp Thailand Movement Leader, ฐิติภูมิ วงศ์เกียรติขจร General Manager EIG Dermal Wellness Thai, กษิด์เดช สุวรรณาภิรมย์ และ อธิชนัน ศรีเสวก นักแสดงสาว ร่วมพูดคุย

พร้อมตื่นตากับแฮร์โชว์สุดตระการตา สะท้อนคอนเซปท์ Disruption from Nature เมื่อธรรมชาติบุกรันเวย์และการผสมผสานกันอย่างลงตัวของโลกแห่งแฟชั่นที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ควบคู่ไปกับเรื่องราวของธรรมชาติและการดูแลโลกให้ยั่งยืน เพื่อความสมดุลที่ลงตัวระหว่างวิวัฒนาการและธรรมชาติ สร้างสรรค์โดย 5 สไตลิสต์ชื่อดัง นพาพร ปืนขุนทด จากร้าน Beaute De Salon, สิทธิพงษ์ เชื้อวิวัฒน์ จากร้าน KG Salon Inter, วิพุธ จารุธรรมากร, วรัญญา พุกผาสุข, พุฒิพงศ์ จำเริญสมบัติ จากร้าน ROOFHAIR Salon และอลงกรณ์ อนิลหงษ์ จากร้าน CABIN139  และทีม Davines Education Thailand โดยโจทย์ของสีผมได้รับแรงบันดาลใจจากดอกไม้ในเขตร้อนชื้นตระกูล exotic flower โดยในโชว์ของสไตลิสท์แต่ละเซ็ท จะมีการผสมผสานทั้งสีผมที่เป็นธรรมชาติ แทรกด้วยความสนุกสนานของสีจาก exotic flower อย่างกลมกลืนและลงตัว สร้างสรรค์จากผลิตภัณฑ์ดาวิเนส ที่ตอบโจทย์ทั้งความคิดสร้างสรรค์ในงานแฟชั่น และความเป็นธรรมชาติเพื่อความงามที่ยั่งยืน    

มร. ร๊อดเดอริก เชียง ประธานบริหาร บริษัท อีไอจี เดอร์มอล เวลเนส กรุ๊ป กล่าวถึงพันธกิจของแบรนด์ Davines (ดาวิเนส) ที่ต้องการสร้างความตระหนักในเรื่องการรับผิดชอบ และตอบแทนสังคมเสมอมา ว่า “ดาวิเนส ในฐานะผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่ใส่ใจและเคารพต่อสิ่งแวดล้อม ที่ได้รับการรับรองจาก Certified B Corporation ได้เปิดตัวโครงการริเริ่มทางสังคมและสิ่งแวดล้อมครั้งแรก ภายใต้ชื่อ We Sustain Beauty ที่เป็นดั่งพันธะสัญญาของเรา สำหรับการเคลื่อนไหวเรื่องของการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ และเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของเราที่จะผสมผสานความงาม และการเกษตรอินทรีย์ปฏิรูปที่เพาะปลูกจากแหล่ง Slow Food Presidium เข้าด้วยกัน โดยคัดสรรส่วนผสมที่มีคุณภาพจากธรรมชาติ และเลือกใช้เทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อรับประกันความปลอดภัยของผู้บริโภค โดยวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์กว่า 90 ประเทศทั่วโลก ซึ่งโครงการ We Sustain Beauty ถือเป็นพันธกิจของดาวิเนส ที่สะท้อนความมุ่งมั่นด้านสิ่งแวดล้อมในการเป็นผู้บุกเบิกในเรื่องความยั่งยืนที่หยั่งรากลึกของแบรนด์”  

โดยในงานมีเสวนาเรื่องการปรับตัวของธุรกิจความงามเพื่อความยั่งยืน โดย สกุลทิพย์ กิรติพันธวงศ์ เลขาธิการสมาคม Social Value Thailand & B Corp Thailand Movement Leader กล่าวถึงแนวโน้มเทรนด์ Sustainability ของทั่วโลกในปัจจุบัน ว่า “ทุกวันนี้หลายคนคงประจักษ์แล้วถึงความรุนแรงของสภาวะโลกร้อน หรือ Climate change ซึ่งผู้นำโลกกว่า 193  ประเทศให้ความสำคัญและลงนามสนธิสัญญาร่วมกันในการกอบกู้โลกในอีก 8 ปีข้างหน้าในปี 2030 โดยมีเป้าหมายในการบรรลุการพัฒนาความยั่งยืน 17  ข้อ เพื่อหยุดยั้งสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับโลกของเราซึ่งจะส่งผลกระทบถึงเจเนอเรชั่นต่อไป ซึ่ง Climate change ที่ทุกท่านกำลังจะเผชิญอีกไม่เกิน 7 ปีข้างหน้านี้ จะมีความรุนแรงไม่ต่ำกว่า 5 เท่า ผู้คนจะล้มตายไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านคน ประมาณ 50% ของประชากรโลกจะได้รับผลกระทบจากการไม่มีที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในฐานล่างของสังคม หรือ Bottom of pyramid และเป็นเทรนด์ที่ไม่ใช่เฉพาะภาครัฐ แต่ต้องเป็นการรวมพลังจากทุกคนในทุกภาคส่วนของสังคมที่ต้องช่วยกันกอบกู้โลก และต้องขอชื่นชมภาคธุรกิจ อย่างดาวิเนส ซึ่งเป็นลีดเดอร์แบรนด์ที่ตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน และเป็นแรงบันดาลให้ธุรกิจอีกหลาย ๆ แบรนด์ ที่มีเป้าหมายในการทำธุรกิจโดยไม่ได้หวังผลกำไรเพียงอย่างเดียว แต่มีส่วนร่วมในการรับผิดชอบต่อโลกใบนี้อีกด้วย

ด้าน ฐิติภูมิ วงศ์เกียรติขจร General Manager EIG Dermal Wellness Thai กล่าวถึงจุดยืนของ
แบรนด์ ดาวิเนส ว่า “ดาวิเนส ให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปการพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยใช้เทคโนโลยี ตลอดจนส่วนผสมต่าง ๆ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และลดการใช้สารเคมี รวมทั้งรับผิดชอบในเรื่องของแพคเกจจิ้ง ที่เป็นกล่องทำจากกระดาษรีไซเคิล ส่วนพลาสสติกก็สามารถย่อยสลายได้ และมีการรับคืนมารีไซเคิล อีกทั้งยังเชื่อมโยงอุตสาหกรรมแฟชั่นให้เอื้อเข้ากับการเกษตรแบบอินทรีย์ที่นำมาใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ  นอกจากนี้ยังมีแคมเปญต่าง ๆ ที่ร่วมกับผู้บริโภค และร้านซาลอนชั้นนำ เพื่อเป็นการลดปริมาณขยะ ไม่ว่าจะเป็น รณรงค์ในการนำแพคเกจจิ้งที่เป็นขวดพลาสติกและหลอดสี ส่งกลับมาคืนเพื่อนำไปเข้าสู่กระบวนรีไซเคิล หรือทำลายอย่างถูกวิธี

“สำหรับก้าวต่อไปของดาวิเนส ก็เป็นเป้าหมายเดียวกับสหประชาชาติที่ต้องการสผลักดันเรื่อง Net zero emissions ในปี 2030 ซึ่งเราได้นำมาเป็นนโยบายในการดำเนินธุรกิจของดาวิเนสที่มุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่รักษาสิ่งแวดล้อม สำหรับก้าวต่อไปของดาวิเนส ก็เป็นเป้าหมายเดียวกับสหประชาชาติที่ต้องการผลักดันเรื่อง Net zero emissions ซึ่งเราได้นำมาเป็นนโยบายในการดำเนินธุรกิจของดาวิเนสที่มุ่งมั่นในการสร้างความงามที่ยั่งยืนให้แห่โลกของเรา”  

ในขณะที่ กษิด์เดช สุวรรณาภิรมย์ ในฐานะเจ้าของธุรกิจร้านซาลอนเผยถึงการเป็นส่วนหนึ่งของการรักษาสิ่งแวดล้อม ว่า “ในฐานะช่างผมที่ต้องสัมผัสสารเคมีอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ถือเป็นเรื่องใกล้ตัวที่เปรียบเหมือนเราทำร้ายตัวเองในทุกวัน  เพราะกว่าจะได้สีผมสวย ๆ เราต้องฟอกและย้อมสีผมให้ลูกค้าซ้ำแล้วซ้ำอีก และมีช่างผมช่างทำสีผมจำนวนมากที่ประสบปัญหาสุขภาพที่มีสาเหตุจากการสัมผัสสารเคมีต่อเนื่องเป็นเวลานาน ซึ่งการฟอกย้อมผมแต่ละครั้ง จำเป็นต้องใช้น้ำจำนวนมากกว่าจะได้สีตามที่ต้องการ ซึ่งสารเคมีที่ถูกชะล้างไปกับน้ำนั้นจะมีไขมันที่ไม่ย่อยสลาย และอาจไปอุดทันในท่อระบายน้ำได้อีกด้วย ฉะนั้นควรให้ความสำคัญในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ย่อยสลายได้ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งต้องตระหนักถึงผลกระทบที่จะส่งผลต่อสุขภาพของเราต่อเนื่องไปถึงสิ่งแวดล้อม ดังนั้นจึงต้องอาศัยความร่วมมือกันของทุกฝ่าย ตั้งแต่เจ้าของร้าน ช่างผม และลูกค้า ในการเลือกใช้ผลิคภัณฑ์เพื่อความงามที่ยั่งยืน ไม่ทำลายสุขภาพ  และดีต่อสิ่งแวดล้อม”

ส่วน “ไอซ์” อธิชนัน ศรีเสวก นักแสดงสาวสวยที่ใส่ใจในเรื่องสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงส่วนร่วมในภาคประชาชน ว่า  “การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมดูเหมือนเป็นเรื่องใหญ่ที่ไกลตัว แต่จริง ๆ เป็นเรื่องใกล้ตัวมาก อย่างน้อยการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ที่ใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อม เราในฐานะลูกค้าก็ได้เป็นส่วนหนึ่งในการรักษ์โลกไปด้วย อย่างผลิตภัณฑ์ดาวิเนสที่ตอบโจทย์การดูแลเส้นผมควบคู่ไปกับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งเราสามารถใช้ได้ในชีวิตประจำวัน และเป็นเรื่องง่าย ๆ ที่เริ่มได้จากตัวเอง แล้วค่อย ๆ ขยายไปสู่คนรอบตัวของเรา ซึ่งสุดท้ายการเปลี่ยนแปลงของเราเพียงน้อยนิด อาจจะช่วยคงความสวยงามของใบโลกนี้ไว้ให้แก่ลูกหลานของเราได้ในอนาคต”  

พร้อมกันนี้ดาวิเนส ได้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเส้นผมและผิวกาย WE STAND/ for regeneration ที่เป็นผลิตภัณฑ์ตัวแรกที่เป็นการร่วมมือกับศูนย์เกษตรอินทรีย์ปฎิรูปสถาบันโรเดล-ดาวิเนสแห่งสหภาพยุโรป ที่ตอบโจทย์ทั้งการดูแลเส้นผมและผิวกาย ควบคู่ไปกับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ที่ตอกย้ำภารกิจของดาวิเนส ภายใต้แนวคิดความงามอย่างยั่งยืน และไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม โดยได้รับการพัฒนาและวิจัยสูตรพิเศษด้วยส่วนผสมที่สามารถย่อยสลายตามธรรมชาติได้ถึง 94.2% และสารสกัดหลักจากธรรมชาติสูงถึง 81.8%, สามารถย่อยสลายทางชีวภาพได้ถึง 97.4%, บรรจุภัณฑ์สามารถรีไซเคิลได้, ได้รับการรับรองพลาสติกเป็นศูนย์โดย Plastic Bank, บรรจุภัณฑ์ห่อด้วยกระดาษรีไซเคิล ปราศจากพลาสติก 100%, ปราศจากส่วนผสมที่มาจากสัตว์, ปราศจากซิลิโคน ซัลเฟต สารกันเสีย สารฟอกขาว ไม่ทำให้น้ำปนเปื้อนและไม่ทำร้ายสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเล

ทั้งนี้ แบรนด์ดาวิเนส ได้ร่วมมือกับโครงการ 1 % for the Planet โดยบริจาคเงินจำนวน 50,000 ยูโร เพื่อสนับสนุนกิจกรรมต่าง ๆ ของสถาบันโรเดล เพื่อสนับสนุนการเกษตรอินทรีย์แบบปฏิรูป และมูลนิธิ Slow Food เพื่อสนับสนุนความหลากหลายทางชีวภาพ และในประเทศไทยจะนำรายได้ส่วนหนึ่งจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ WE STAND/for regeneration และดาวิเนส เอสเซนเชี่ยล แฮร์แคร์ 5% ร่วมสมทบทุนให้กับโครงการพัฒนาและปรับปรุงพื้นที่ดินมูลนิธิชัยพัฒนา จังหวัดนครสวรรค์

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งมอบการดูแลเส้นผมด้วยความงามที่ยั่งยืน เพื่อให้โลกที่สวยงามยังคงอยู่กับเราตลอดไป รายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.wesustainbeauty.com หรืออัพเดตกิจกรรมและผลิตภัณฑ์ดาวิเนส ได้ทาง www.facebook.com/davinesthailand

‘มีดวงสุขกับการเป็นมือที่สาม แม้จะหลอกตัวเองว่าไม่ใช่ แต่ความจริงก็คือความจริง ! ‘ ดวงรายวัน 30 กันยายน 2565

‘มีความสุขกับการเป็นมือที่สาม แม้จะหลอกตัวเองว่าไม่ใช่ แต่ความจริงก็คือความจริง ! ‘

ดวงรายวัน 30 กันยายน 2565

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์

การงาน  :   สำหรับผู้ที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจที่ต้องใช้ความสามารถทางวาทศิลป์ในการติดต่อประสานงาน โฆษณา ประชาสัมพันธ์ สื่อมวลชน หรืองานส่งเสริมการขายทุกชนิด หากคุณเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ มีความรับผิดชอบที่ดี ที่สำคัญมีความคิดฝันและความทะเยอทะยานที่จะประสบความสำเร็จอย่างสูงแล้วล่ะก็ วันนี้เป็นไปได้ว่าคุณจะพอใจกับการทำในสิ่งที่เป็นอยู่ให้ดีที่สุด

การเงิน  :  หากคุณเป็นนักลงทุน วันนี้มีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จ แต่ก็ควรพอใจในสิ่งที่เป็นอยู่ อย่าเพิ่ม เพราะยิ่งได้มาก คุณก็จะใช้มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันนี้จะหมดกับการซื้อเครื่องประดับราคาแพง  

ความรัก  :  เป็นไปได้ว่าคุณจะเน้นเหตุผลและความเหมาะสมของการมีคู่ เพื่อสร้างอนาคตที่ดีของครอบครัวมากกว่าความรัก แต่วันนี้อารมณ์คุณมีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงได้ง่าย จนมาสุดที่ความปลงกับทุกๆ เรื่องที่อยู่รอบตัว รวมถึงชีวิตคู่ด้วย  คนโสด  เป็นไปได้ว่าคุณจะเริ่มปลงกับความรัก ซึ่งคำว่า ‘มีรักก็มีทุกข์’ ของคุณในวันนี้คือ การไม่ได้ดังใจ  

สุขภาพ  :   เป็นไปได้ว่าโรควัยทอง หรือโรคผู้สูงอายุที่เก็บสะสมมานาน วันนี้จะปรากฏอาการส่งสัญญาณเตือน  เช่น อัลไซเมอร์ กระดูกพรุน กระดูกเสื่อม จึงควรรับประทานอาหารและวิตามินที่บำรุงกระดูกและฟัน รวมถึงสมอง

ผู้ที่เกิดวันจันทร์

การงาน  :  สำหรับผู้ที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจในสายการติดต่อประสานงาน การโฆษณา-ประชาสัมพันธ์ สื่อมวลชน รวมถึงผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านภาษา วันนี้หากจะรับงานชิ้นใหม่ หรือนำงานหรือโครงการเก่าๆ ขึ้นมาพัฒนาปรับปรุงใหม่ ก็ต้องพิจารณาให้ดี มีความเสี่ยงสูงที่คุณจะตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะเป็นไปได้ว่าจะเป็นงานที่งอกขึ้นมาจากที่ตกลงกันไว้ จนถึงมีโอกาสที่คุณจะตกเป็นแพะรับบาป ต้องรับผิดในสิ่งที่ไม่ได้กระทำ

การเงิน  :   จริงๆ แล้ววันนี้คุณไม่ต้องทำงานหนักก็มีเงินเข้ามาให้ใช้จ่ายอยู่ตลอด แต่ก่อนที่จะเซ็นสัญญาหรือรับปากตกลงกับคนรัก หรือลูกหลานในครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องเงินและผลประโยชน์ ควรพิจารณาให้ดี ไม่เช่นนั้นคุณมีโอกาสตกเป็นผู้เสียเปรียบ  

ความรัก  :   หากคุณเพิ่งแต่งงานหรืออยู่ในช่วงข้าวใหม่ปลามัน วันนี้เป็นไปได้ว่าความรักหวานมันฉันคือเธอ คนโสด  คุณมีเสน่ห์มากกมาย หากยังไม่มีแฟน วันนี้ต้องได้แล้วล่ะ  

สุขภาพ  :    ภูมิแพ้มาแล้วจ้า เป็นไปได้ว่าคุณจะแพ้ทั้งฝุ่นละอองขนาดเล็ก ฝุ่นผงในบ้าน ซึ่งเกิดจากการหมักหมมและความชื้น ซึ่งจะส่งผลให้มีปัญหากับทางเดินหายใจ จามบ่อย ดังนั้น สุดสัปดาห์นี้จึงควรบิ๊กคลีนนิ่งบ้านที่สุด

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน  :   สำหรับผู้บริหาร CEO ข้าราชการขั้นผู้ใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอยู่ในสายงานอสังหาริมทรัพย์ บ้าน ที่ดิน อาคารสำนักงาน สิ่งปลูกสร้าง ต้นไม้ แม้คุณเต็มเปี่ยมด้วยพลังที่จะนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จ แต่วันนี้ไม่ควรวู่วาม หรือตัดสินใจลงทุนอย่างกล้าหาญชาญชัย เพราะมีความเสี่ยงที่จะเกิดความผิดพลาดในภาพใหญ่

การเงิน  :  มีโอกาสที่คุณจะได้เงินจากการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ทั้งรายย่อยและรายใหญ่ แต่ก็ไม่ควรทุ่มลงทุนมากกว่านี้ เพราะมีความเสี่ยงสูง     

ความรัก  คาดว่าวันนี้คุณจะจริงจังกับเรื่องอสังหาริมทรัพย์ บ้าน ที่ดิน ต้นไม้ จนกลายเป็นซีเรียสไปหมดทุกเรื่อง นอกจากนั้นคุณยังยึดที่เหตุผลและความถูกต้องของตัวเองเป็นหลัก คนโสด  เป็นไปได้ว่าวันนี้คุณอารมณ์โรแมนติก วาดฝันถึงความรักไว้ว่า อยากหาคนมาเติมเต็มเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างครอบครัว บ้าน ที่ดิน คาดว่าจะได้พบคนนั้น

สุขภาพ  :  ไม่ควรกลั้นปัสสาวะ เพราะจะทำให้กรวยไตและกระเพาะปัสสาวะติดเชื้อ หากในกรณีรุนแรงมีความเสี่ยงที่เชื้อจะเข้าสู่กระแสเลือดได้

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน  :  สำหรับผู้ที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจทางการเกษตร ตั้งแต่เกษตรกร นักออกแบบสวน  ศิลปวัฒนธรรม งานโอท็อป ฯลฯ หากงานคุณกำลังดำเนินไปได้ด้วยดี วันนี้ต้องระวังคนใกล้ชิดจะแอบแทงข้างหลัง หรือเลื่อยขาเก้าอี้ เพื่อหวังเสียบงานแทน แม้จะรู้ แต่วันนี้ยังไม่ควรกระโตกกระตาก ควรอดทนและรอคอยโอกาสและจังหวะที่จะมาถึง แล้วค่อยเช็กบิลจะดีกว่า   

การเงิน  :  หากคุณมีรายได้จากการให้เช่าหรือขายที่ดินทางการเกษตร วันนี้คาดว่าจะมีการขัดผลประโยชน์ หรือเก็บค่าเช่าไม่ได้ จนคุณขาดเงินส่วนนี้ไป  

ความรัก  :   หากคุณกำลังมีความสุขอยู่ท่ามกลางการดูแลใส่ใจอย่างดีของครอบครัว วันนี้เป็นไปได้ว่าความสุขนั้นจะถูกสั่นคลอนด้วยมือที่สามที่เข้ามาปั่นป่วนหัวใจเสียแล้ว และไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่สามารถจะปรับความเข้าใจกันได้  คนโสด  วันนี้เป็นไปได้ว่าคุณกำลังมีความสุขกับการเป็นมือที่สาม แม้พยายามจะหลอกใจตัวเองว่าไม่ใช่ แต่ความจริงก็คือความจริง  

สุขภาพ  :   ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารสุกๆ ดิบๆ ไม่สดสะอาด ไม่ถูกสุขลักษณะ เพราะด้วยสภาพอากาศที่ชื้นแฉะมีผลต่อคุณภาพอาหาร ที่นอกจากจะทำให้อาหารเป็นพิษได้ง่ายแล้ว ยังเสี่ยงกับการมีพยาธิ์ด้วย

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี

การงาน  :   สำหรับผู้ที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บ้าน ที่ดิน ต้นไม้ อาคารสำนักงาน สิ่งปลูกสร้างต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นสินทรัพย์ของครอบครัว หรือของคนรู้จัก วันนี้เป็นไปได้ว่าคุณจะมีความคิดสร้างสรรค์ที่เป็นของตัวเองมาก ซึ่งความเชื่อมั่นในตัวเองที่มากเกินไปจะมีโอกาสตกลงกันไม่ลงตัว

การเงิน  :   ก็ยังอยู่ที่เงินปันผลจากธุรกิจของครอบครัว วันนี้น่าจะเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งคุณก็มีโอกาสช่วยเหลือญาติสนิทมิตรสหายที่เดือดร้อน จนตัวเองเดือดร้อนไปด้วย

ความรัก :   หากคุณแต่งงานกันรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ เพียงเพราะได้พบคนที่คิดว่าจะมาเติมเต็มชีวิตให้คุณได้ แต่วันนี้เป็นไปได้ว่าคุณจะมีความคิดของตัวเองอัดแน่นเต็มพื้นที่แล้ว จึงจำเป็นต้องขยายพื้นที่เพื่อให้ความคิดของเธอกับฉันอยู่รวมกันได้ คนโสด  ก็ยังอยู่ที่ได้พบคนที่สามารถเติมเต็มหัวใจที่ยังว่างอยู่ให้งดงามขึ้นได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นวันนี้เป็นไปได้ว่าคุณยังไม่อยากจบลงที่เธอ ยังอยากจะพบปะผู้คนอื่นอยู่  

สุขภาพ  :  วันนี้นอกจากเลือดลมคุณจะทำงานไม่เต็มร้อย มีความเสี่ยงที่จะเป็นลม ล้มวูบหน้ามืดโดยไม่รู้ตัวแล้ว ยังมีโอกาสที่สภาพร่างกายจะเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพอากาศ เป็นหวัด หรือภูมิแพ้ จนถึงความดันกำเริบ  

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน  :   สำหรับเจ้าของธุรกิจ SMEs ผู้ประกอบอาชีพอิสระ จนถึงพ่อค้าแม่ขายที่เปิดบ้านทำการค้า สตรีทฟู้ดส์ ฯลฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านออนไลน์ แอพพลิเคชั่น เว็บไซต์ รวมถึงอุปกรณ์และเครื่องมือสื่อสารไฮเทคโนโลยี ดิจิทัล วันนี้นับว่าคุณโชคดี มีผู้ใหญ่และคนใกล้ชิดให้การส่งเสริมและสนับสนุนให้คุณทำงานที่ตั้งใจไว้ แต่ก็ควระวังในเรื่องของการวางตัวหรือความสนิทสนม เพราะมีโอกาสที่คุณจะถูกเด็กๆ หรือลูกน้องตัดสินใจข้ามหน้าข้ามตาไปอย่างไม่ทันรู้ตัว

การเงิน  :   ไหลมาเทมาเลยทีเดียว ไม่ว่าจับอะไรก็เป็นเงินเป็นทองไปหมด ไหนจะได้ผู้ใหญ่ส่งเสริมและสนับสนุนด้วย แต่วันนี้คุณก็ใช้เงินแรงอย่างกับพายุเช่นกัน

ความรัก :  จริงๆ แล้วคุณรักเดียวใจเดียว เป็นแม่บ้านแม่เรือนที่ดี แต่หากแต่งงานกันมานานๆ ก็มีโอกาสที่จะเหม็นเบื่อกันบ้างเป็นธรรมดา เพราะฉะนั้นวันนี้เป็นไปได้ว่าคุณจะขอทำในสิ่งที่ตัวเองมีความสุขบ้างน้า   คนโสด  คุณรักเดียวใจเดียว แต่วันนี้อาจเดี๋ยวเดียว เพราะคุณเลือกที่จะทำในสิ่งที่ตัวเองมีความสุขที่สุด

สุขภาพ  :  เป็นไปได้ว่าจะมีอาการวิงเวียนศีรษะ หน้ามืด เป็นลม อันมีสาเหตุมาจากการขาดสารอาหารบางอย่าง ดังนั้น จึงควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์กับร่างกาย

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน :    สำหรับผู้ที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจทางด้านการเดินทาง เช่น โรงแรม ท่องเที่ยว การค้า รถยนต์ ฯลฯ หากคุณเคยเสนองานหรือโครงการอะไรไปแล้ว แต่ยังไม่ผ่านการพิจารณาเสียที วันนี้เป็นไปได้ว่าคุณจะต้องใช้ความรู้ ความสามารถ และบารมีจากตำแหน่งหน้าที่การงาน เพื่อดันโครงการนี้ให้สำเร็จ และก็มีความเป็นไปได้ว่าในเร็วๆ นี้คุณจะได้เดินทางไปประชุม อบรม สัมมนา จนถึงขยายสาขายังต่างจังหวัดหรือต่างประเทศด้วย

การเงิน  : หากคุณกำลังเดือดร้อนเรื่องเงินหรือเข้าไปเกี่ยวข้องกับเงินร้อน วันนี้มีโอกาสที่คุณจะสามารถบริหารจัดการทรัพย์สินได้ดี เจรจาผลประโยชน์ได้ลงตัว แต่ก็ยังไม่ควรเชื่อคำพูดยกยอปอปั้น เพราะจะทำให้คุณตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ  

ความรัก   :  หากคุณกำลังหลงอยู่กับบางสิ่งบางอย่าง หรือบางคนจนไม่เป็นอันทำอะไรเลย วันนี้เป็นไปได้ว่าคุณจะกลับมาเป็นตัวเองอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าวีคเอ็นท์นี้จะมีดวงเดินทางกับครอบครัวด้วย  คนโสด  มีโอกาสที่คุณจะได้พบคนถูกใจจากการเดินทาง ซึ่งคุณจะหลงใหลเขาอย่างไม่ลืมหูลืมตาเลยทีเดียว

สุขภาพ  :   จริงๆ แล้วคุณพลังเยอะ ไม่ค่อยเจ็บไข้ได้ป่วยง่ายๆ แต่วันนี้หากจะเดินทางควรให้ความสำคัญกับการรับประทานอาหาร เพราะจะมีผลต่อการกระเพาะอาหาร ลำไส้ และระบบย่อยอาหาร ทำให้ท้องอืด ท้องเฟ้อได้ง่าย

กรณ์ ริต้า

โฮมทัวร์เอ็กซ์คลูซีฟ! บ้านณรงค์เดช “กรณ์ – ริต้า” พายลโฉมพื้นที่แห่งความทรงจำและคุณค่า

Alternative Textaccount_circle
กรณ์ ริต้า
กรณ์ ริต้า

เป็นหนึ่งในแฟนคลับที่ติดตามความน่ารักของครอบครัวนี้มาตลอด แพรว มีโอกาสเป็นแขกรับเชิญที่บ้านณรงค์เดช งานนี้ กรณ์ ณรงค์เดช และ ริต้า – ศรีริต้า เจนเซ่น ณรงค์เดช พร้อมด้วย น้องกวิณท์ จึงพาโฮมทัวร์ทุกซอกทุกมุมแบบเอ็กซ์คลูซีฟ

โฮมทัวร์เอ็กซ์คลูซีฟ! บ้านณรงค์เดช “กรณ์ – ริต้า” พายลโฉมพื้นที่แห่งความทรงจำและคุณค่า

หลังจากการต้อนรับอย่างอบอุ่นเป็นกันเอง คุณกรณ์พา แพรว มานั่งที่ห้องรับแขก พร้อมเล่าถึงที่มาของบ้านหลังนี้ว่า

กรณ์ ริต้า

“ช่วงนี้งานค่อนข้างยุ่งครับ เพราะด้วยตำแหน่ง CEO บริษัทไรมอน แลนด์ จำกัด จึงมีหลายอย่างที่ต้องดูแล ซึ่งตั้งแต่แต่งงาน ผมจะไปๆ มาๆ ระหว่างคอนโดที่อยู่กับภรรยาและลูกกับบ้านหลังนี้ ซึ่งเป็นเทคนิคสำหรับคู่ข้าวใหม่ปลามัน (ยิ้ม) เพราะเมื่อแต่งงานแล้ว การที่เรามีพื้นที่ส่วนตัว ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน 2 คน ช่วยให้เราได้เรียนรู้กันเพิ่มขึ้นเยอะเลยครับ

กรณ์ ริต้า

“แต่ขณะเดียวกันก็ต้องมีเวลาให้ครอบครัวด้วย ผมจะแวะมาหาคุณพ่อแทบทุกวัน (คุณเกษม ณรงค์เดช) มากินข้าวกับครอบครัว หรือช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ก็จะพาริต้ากับน้องกวิณท์มาหาญาติๆ เพราะที่บ้านหลังนี้มีคุณพ่อ พี่กพ (คุณกฤษณ์ ณรงค์เดช) ส่วนหลานๆ สองคน (ฝาแฝด น้องภัทร – ณภัทร ณรงค์เดช และน้องพิม – พิมพ์พิศา ณรงค์เดช) ตอนนี้เรียนอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ จะกลับมาเฉพาะช่วงปิดเทอม

กรณ์ ริต้า
โถงทางเข้าด้านหน้าบ้าน 

“ปัจจุบันบ้านหลังนี้เข้าสู่ปีที่ 16 แล้วครับ โดยแบบบ้านและฟังก์ชันการใช้งานทั้งหมด คุณแม่ (คุณหญิงพรทิพย์ ณรงค์เดช) เป็นคนออกแบบ สมัยที่ท่านยังอยู่ ท่านชอบเอนเตอร์เทน มีแขกมาที่บ้านตลอด จึงออกแบบพื้นที่เป็นสัดส่วนชัดเจน โดยแบ่งเป็นโซนรับแขกทางด้านหน้าและโซนที่พักของครอบครัวทางด้านหลัง

กรณ์ ริต้า

“ตั้งแต่บริเวณโซนหน้าบ้าน จากประตูทางเข้ามายังโซนรับแขกจะเห็นว่าไม่ต้องถอดรองเท้าเลย คุณแม่คิดละเอียดมาก ใส่ใจดีเทลทุกอย่าง อย่างห้องจัดเลี้ยงทางด้านซ้ายของตัวบ้านก็ออกแบบให้มีห้องจัดเตรียมด้านหลังสำหรับเวลาทำ Catering สามารถเข้าที่ตรงนั้นได้เลย ไม่ต้องผ่านพื้นที่ในบ้าน หรือบริเวณสวนตรงกลางบ้านก็ออกแบบให้มีทางลาด เพื่อให้คนสวนนำรถตัดหญ้าขึ้นมาจากข้างล่างได้เลย โดยไม่รบกวนพื้นที่ส่วนพักผ่อนในบ้าน

กรณ์ ริต้า
มุมรับแขก 

“รวมถึงห้องนอนของลูกๆ ทุกคน คุณแม่ก็ออกแบบให้มีบันไดเฉพาะของแต่ละห้อง เพื่อความเป็นส่วนตัว ซึ่งอีกมุมก็ไม่ค่อยดีนะครับ เพราะบางทีเราหากันไม่เจอ (หัวเราะ) โดยคุณแม่จัดให้พื้นที่ห้องนอนลูกๆ มีขนาดเท่ากัน แต่ภายในจะออกแบบอย่างไรแล้วแต่ความชอบของแต่ละคนเลยครับ

กรณ์ ริต้า

“อย่างห้องนอนพี่กพจะแบ่งเป็นส่วนห้องนอน ส่วน Closet (ตู้เสื้อผ้า) กับส่วนรับแขก แต่ของผมแบ่งเป็นแค่ 2 ส่วน คือครึ่งหนึ่งเป็นห้องนอน อีกครึ่งเป็นโซนเสื้อผ้า เพราะผมมีเสื้อผ้าเยอะ ของเยอะ (หัวเราะ)

กรณ์ ริต้า

“มุมโปรดของผมจะอยู่ที่โต๊ะกินข้าวครับ ซึ่งผมคิดว่าหลายๆ บ้านก็น่าจะมีมุมนี้เป็นมุมโปรดเหมือนกัน และใกล้กันจะมี Family Area ที่เป็นโซฟา ฉะนั้นทุกคนจะนั่งกินข้าว ดูทีวีด้วยกันตรงนั้น บางวันผมนั่งตรงนี้ตั้งแต่เช้า กลางวัน เย็น นั่งทำงานตรงนี้แหละ โต๊ะทรงกลมตัวนี้จึงเป็นเหมือนจุดเซ็นเตอร์ของบ้าน

กรณ์ ริต้า
แกรนด์เปียโนภายในห้องจัดเลี้ยง

“ส่วนการตกแต่งภายในบ้านมีการเปลี่ยนแปลงไปหลายครั้งแล้วครับ เพราะผมรู้สึกว่าบ้านไม่ใช่ทำทีเดียวแล้วอยู่ตลอด แต่ต้องรีเฟรชเปลี่ยนบรรยากาศไปเรื่อยๆ ซึ่งวอลล์เปเปอร์เป็นอะไรที่เวิร์คมากครับ เพราะมันช่วยเปลี่ยนบรรยากาศและอารมณ์ของห้องไปเลย เปลี่ยนง่าย ไม่เหมือนการทาสี และมีตั้งแต่ราคาถูกไปจนถึงราคาแพง เลือกตามงบประมาณได้เลย

กรณ์ ริต้า

“อย่างห้องรับแขกก็มีการเปลี่ยนวอลล์เปเปอร์ไป 4 – 5 รอบแล้ว ตลอด15 ปีที่ผ่านมา ซึ่งผมคิดว่าพออายุเพิ่มขึ้น ความชอบหรือรสนิยมของเราก็เปลี่ยนไปนะ อย่างสมัยเด็กเราอาจชอบอะไรที่มีลวดลาย แต่พอโตขึ้นกลับชอบอะไรที่ดูเบาสบายตามากขึ้น (ยิ้ม) แต่ตรงมุมส่วนกลางก็ต้องเลือกแบบกลางๆ ที่ทุกคนน่าจะชอบตรงกัน โดยเราจะช่วยกันเลือกครับ

กรณ์ ริต้า
ห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่สำหรับรองรับแขก

“รวมถึงของตกแต่งด้วย อย่างในห้องรับแขกมีของหลายชิ้นที่อยู่มาตั้งแต่สมัยผมเรียนต่างประเทศ เป็นของที่ส่งต่อกันมารุ่นต่อรุ่น ของทุกชิ้นจึงมีเรื่องราว ความเป็นมา อย่างนาฬิกาบางเรือนมาจากคุณตา หรือโต๊ะใหญ่ในห้องรับแขกมาจากบ้านเก่าตั้งแต่ผม 5 ขวบ ซึ่งน่าจะเป็นชิ้นที่อายุมากที่สุดในบ้าน เป็นโต๊ะไม้ขนาดใหญ่ พร้อมเก้าอี้ 40 ที่นั่ง ทำขึ้นจากไม้ชิ้นเดียว ไม่มีรอยต่อ แต่สมัยนี้น่าจะหายากแล้วครับ”


ติดตามอ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้ที่ นิตยสารแพรว ฉบับ 986

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

สิวผู้ใหญ่

สิวขึ้นก่อนมีประจำเดือนเสมอ เกิดจากอะไร? พร้อมแชร์วิธีดูแลผิวเมื่อสิวมาเยือน

Alternative Textaccount_circle
สิวผู้ใหญ่
สิวผู้ใหญ่

หลายคนอาจกังวลเรื่อง “เป็น สิว ก่อนมีประจำเดือน” โดยสิวเกิดจากการหลั่งของไขมันมากเกินไป เนื่องจากฮอร์โมนไม่สมดุล การเปลี่ยนแปลงของผิว และความเครียด  ในบทความนี้ เราจะอธิบายพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่หลายคนควรทราบเพื่อป้องกันสิวและการรักษาสิว โดยแพทย์ผิวหนังจากญี่ปุ่น

สิวขึ้นก่อนมีประจำเดือนเสมอ เกิดจากอะไร? พร้อมแชร์วิธีดูแลผิว เมื่อ ‘สิว’ มาเยือน

สิวผู้ใหญ่ 1

สาเหตุของการเกิดสิวก่อนมีประจำเดือน
สิวที่เกิดขึ้นก่อนมีประจำเดือนเรียกอีกอย่างว่า “สิวผู้ใหญ่” และมักพบในผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่ แต่ความสมดุลของฮอร์โมนอาจได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ ความเครียดยังเป็นสาเหตุของอาการกำเริบอีกด้วย

ความสมดุลของฮอร์โมน
ว่ากันว่าฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเพศหญิงซึ่งส่วนใหญ่หลั่งออกมาหลังจากการตกไข่ และฮอร์โมนเพศชายจำนวนเล็กน้อยที่ผู้หญิงหลั่งออกมาก็มีผลเช่นกัน โปรเจสเตอโรนเป็นฮอร์โมนเพศหญิงที่ช่วยให้เยื่อบุมดลูกหนาขึ้นในกรณีที่ตั้งครรภ์ ก่อนมีประจำเดือน ระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนจะสูงขึ้นไปกระตุ้นต่อมไขมันทำให้เกิดความมันส่วนเกิน ซึ่งทำให้เคราตินหนาขึ้น ทำให้รูขุมขนอุดตันได้ง่ายขึ้น และแบคทีเรียที่เป็นสิวเพิ่มขึ้นได้ง่าย ซึ่งถือเป็นสาเหตุสำคัญของการเป็นสิวผู้ใหญ่เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ โปรเจสเตอโรนยังมีผลทำให้การทำงานของอินซูลินบกพร่อง อินซูลินมีหน้าที่ในการลดระดับน้ำตาลในเลือดที่เพิ่มขึ้นหลังอาหาร แต่ถ้าฮอร์โมนทำงานไม่ถูกต้องจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงได้ยาก จากนั้นอินซูลินจะหลั่งออกมามากขึ้น ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงต่ำเกินไป

มีการตั้งสมมติฐานว่าสิ่งนี้อาจนำไปสู่ความอยากของหวานในความพยายามที่จะเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด เป็นผลให้คุณอาจกินอาหารที่มีไขมันและหวานมากกว่าปกติ ซึ่งอาจทำให้คุณมีแนวโน้มที่จะเป็นสิวมากขึ้น

ความเครียด
เมื่อร่างกายของเรามีความเครียด เส้นประสาทอัตโนมัติจะถูกรบกวนและฮอร์โมนต่างๆ ในร่างกายจะหลั่งออกมา ส่งผลให้การหลั่งไขมันเพิ่มขึ้นและระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง ทำให้สิวแย่ลง

เมื่อเรานึกถึงความเครียด เรามักจะนึกถึงมันในจิตใจ แต่การอดนอน ความไม่สมดุลทางโภชนาการ การสูบบุหรี่ และรังสีอัลตราไวโอเลตก็ส่งผลต่อร่างกายเช่นกัน ผลกระทบต่างๆ ของความเครียดทำให้เกิดวงจรอุบาทว์ของสิว

นอกจากนี้ หากคุณยังไม่มีประจำเดือนหรือขนตามร่างกายหนาขึ้น อาจเป็นไปได้ว่าฮอร์โมนผิดปกติที่เรียกว่า “กลุ่มอาการถุงน้ำรังไข่หลายใบ” กำลังจะเกิดขึ้น หากคุณมีความคิดเกี่ยวกับอาการเหล่านี้ อย่าตัดสินด้วยตัวเอง แต่ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังหรือสูตินรีแพทย์

สิวผู้ใหญ่ 2

ป้องกันสิว สิ่งที่ควรคำนึงถึง

  • ล้างหน้าสะอาดหมดจด ใช้คลีนซิ่งทำความสะอาดในปริมาณที่พอเหมาะและเช็ดเครื่องสำอางออกอย่างระมัดระวังโดยไม่ต้องถูผิวแรง ล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอน และใช้คลีนเซอร์สำหรับรักษาสิวแล้วล้างออก
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เหมาะกับสภาพผิว
  • ใช้ผลิตภัณฑ์แต่งหน้าที่ไม่ก่อให้เกิดสิว สำหรับครีมกันแดดและรองพื้น ให้ใช้ผลิตภัณฑ์แต่งหน้าที่ไม่ก่อให้เกิดสิว พยายามหลีกเลี่ยงการทาคอนซีลเลอร์หรือรองพื้นเพื่อปกปิดสิว
  • ปรับไลฟ์สไตล์ พยายามนอนหลับให้เพียงพอและกินอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ หลีกเลี่ยงขนมที่มีน้ำตาลและไขมันมาก เลิกสูบบุหรี่

รักษาสิวโดยแพทย์ผิวหนัง

  • การสั่งยาทาภายนอก เพื่อขจัดรูขุมขนที่อุดตัน
  • ใบสั่งยาเฉพาะและยากินเพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียสิว
  • นอกจากนั้น แพทย์แผนจีน อาหารเสริม การฉีดสิว การลอกผิวด้วยสารเคมี ฯลฯ อาจทำได้โดยสังเกตจากสภาพของสิว
  • อื่นๆ ขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคคล ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังโดยเฉพาะ

หากมีสิวก่อนมีประจำเดือนอย่างรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง เนื่องจากฮอร์โมนไม่สมดุลและความเครียด สิวอาจเพิ่มขึ้นก่อนมีประจำเดือน หากสิวของคุณไม่ดีขึ้นแม้จะทำตามขั้นตอนที่สามารถทำได้ด้วยตัวเองแล้ว หรือหากกังวลเกี่ยวกับอาการของสิว ให้ปรึกษาแพทย์ผิวหนังทันที


ข้อมูล : laundrybox.jp
ภาพ : Pexels

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เตรียมฉลองวันกาแฟสากลกับ เนสกาแฟ ซิงเกิ้ล ออริจิ้น เชียงราย ลิมิเต็ด เอดิชั่น

Alternative Textaccount_circle

เตรียมตัวให้พร้อมเพื่อร่วมฉลองวันกาแฟสากล ซึ่งตรงกับวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี เนสกาแฟ เชิญชวนคอกาแฟและเหล่าคาเฟ่ฮอปเปอร์มาร่วมดื่มด่ำ “เนสกาแฟ ซิงเกิ้ล ออริจิ้น เชียงราย” เมล็ดกาแฟอาราบิก้า 100% ชั้นดี เพื่อฉลองวันกาแฟสากลในปีนี้ โดยวางจำหน่ายในแบบเมล็ดกาแฟและหลากหลายเมนูเครื่องดื่มพิเศษพร้อมเสิร์ฟที่เนสกาแฟ สตรีท คาเฟ่ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป

เตรียมฉลองวันกาแฟสากลกับ เนสกาแฟ ซิงเกิ้ล ออริจิ้น เชียงราย ลิมิเต็ด เอดิชั่น

เนสกาแฟ ซิงเกิ้ล ออริจิ้น เชียงราย เป็นผลิตภัณฑ์ลิมิเต็ด เอดิชั่นแห่งความภาคภูมิใจของเกษตรกรไทย และเป็นผลผลิตจากการทำงานที่ดีเยี่ยม ภายใต้โครงการด้านความยั่งยืนระดับโลก เนสกาแฟ แพลน ตลอดหลายทศวรรษ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ และสร้างสรรค์อนาคตที่ยั่งยืนให้กับวงการกาแฟไทย โดยใช้ความเชี่ยวชาญขนาดธุรกิจและการเข้าถึงผู้บริโภคอย่างครอบคลุมของเนสกาแฟ มายกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของเกษตรกรให้ดีขึ้น ทั้งมุ่งส่งเสริม ทฤษฎีเกษตรฟื้นฟู ซึ่งเป็นหัวใจหลักของเนสกาแฟ แพลน เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมกาแฟให้เติบโตอย่างยั่งยืน ควบคู่การดูแลและฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม

นายวิคเตอร์ เซียห์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เนสท์เล่ อินโดไชน่า เปิดเผยว่าเนสท์เล่มีคำมั่นสัญญาในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ หรือ Net Zero ภายในปี 2050 ซึ่งหนึ่งในแผนงานที่เนสท์เล่ให้ความสำคัญก็คือ การส่งเสริมทฤษฎีเกษตรฟื้นฟู เพื่อปกป้องและฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ตลอดจนเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับเกษตรกร และพัฒนาความเป็นอยู่ที่ดีให้แก่ชุมชน และในโอกาสวันกาแฟสากลในปีนี้ เราได้จัดเตรียมเมล็ดกาแฟสุดพิเศษ “เนสกาแฟ ซิงเกิ้ล ออริจิ้น เชียงราย” เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับผู้บริโภคของเรา”

นายโจโจ้ เดลา ครูซ ผู้อำนวยการบริหารธุรกิจผลิตภัณฑ์กาแฟและครีมเทียม บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวว่า “เนสกาแฟเชื่อว่าทุกๆ คนในโลกคู่ควรกับการดื่มด่ำกาแฟคุณภาพดี เพราะกาแฟแก้วเล็ก ๆ มีพลังมากกว่าที่เราคิด และมีบทบาทสำคัญทำให้ผู้คนมีชีวิตที่ดีขึ้น เพราะว่า ‘กาแฟทุกเมล็ดสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้’ เบื้องหลังความสำเร็จของกาแฟคุณภาพของเนสกาแฟมาจากความทุ่มเทของเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ จึงเป็นที่มาของการฉลองวันกาแฟสากลในวันที่ 1 ตุลาคมเป็นประจำทุกปี หรือที่เราเรียกว่า ‘เนสกาแฟ เดย์’

ในประเทศไทย โครงการเนสกาแฟ แพลนได้พัฒนาคุณภาพชีวิตเกษตรกรและชุมชนผู้ปลูกกาแฟให้ดีขึ้นต่อเนื่องหลายทศวรรษ โดยได้มอบต้นกล้ากาแฟสายพันธุ์ดีให้กับเกษตรกร จัดการอบรมให้ความรู้ด้านเกษตรกรรมเชิงฟื้นฟู เพิ่มพูนทักษะด้านการเกษตรชั้นสูง เพื่อให้เกษตรกรและครอบครัวมีผลผลิตที่ดีขึ้น มีรายได้ที่ยั่งยืน และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

นายทาธฤษ กุณาศล ผู้จัดการฝ่ายบริการการเกษตร บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวว่า “เชียงรายเป็นตัวอย่างที่ดีของโครงการเนสกาแฟ แพลน ที่เนสกาแฟได้เข้าไปส่งเสริมการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืนมาหลายทศวรรษ จนเป็นที่มาของการพัฒนา เนสกาแฟ ซิงเกิ้ล ออริจิ้น เชียงราย ที่ปลูก ณ ฟาร์มทดลองและสาธิตที่จังหวัดเชียงราย โดยเราได้แจกต้นกล้าของเมล็ดอาราบิก้าชั้นดี ตลอดจนจัดการฝึกอบรม รวมถึงให้คำปรึกษาแก่เกษตรกรเพื่อให้มีผลผลิตที่ดีขึ้น”

เนสกาแฟได้พลิกฟื้นพื้นที่ปลูกฝิ่นให้กลายเป็นพื้นที่ปลูกกาแฟคุณภาพ และสร้างความผูกพันและสำนึกรักษ์ป่า เมื่อป่าเป็นพื้นที่สร้างอาชีพ คนก็จะดูแลรักษาป่า เมื่อเกือบ 40 ปีก่อน พื้นที่บนเขาในเชียงรายส่วนใหญ่มีรายได้จากการปลูกฝิ่น จุดเริ่มต้นคือ การหาอาชีพที่จะทำให้เกษตรกรชาวเขามีรายได้ มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยเนสท์เล่ได้สนองพระราชดำริของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ด้วยการริเริ่มฟาร์มทดลองและสาธิตที่จังหวัดเชียงราย ในปี 2528 นำเข้ากาแฟจากทั่วโลกมาทดลองปลูก และคัดเลือก 2 สายพันธุ์ที่ดีที่สุดมาเพาะเป็นต้นกล้าคุณภาพแจกจ่ายให้กับชาวเขา นำไปเพาะปลูกสร้างรายได้ทดแทนการปลูกฝิ่น จนกลายเป็นหมู่บ้านผู้ปลูกกาแฟในปัจจุบัน

ดื่มด่ำกาแฟสุดพิเศษ เนสกาแฟ ซิงเกิ้ล ออริจิ้น เชียงราย ได้ที่เนสกาแฟ สตรีท คาเฟ่

จากการทำงานช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟไทย ตลอดจนการฟื้นฟูดูแลสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่องหลายทศวรรษ นำมาสู่ผลแห่งความสำเร็จในการเปิดตัว เนสกาแฟ ซิงเกิ้ล ออริจิ้น เชียงราย เมล็ดกาแฟแบบเต็มเมล็ดลิมิเต็ดเอดิชั่น สายพันธุ์อาราบิก้า 100% ที่ผ่านกระบวนการผลิตต่าง ๆ ด้วยความรักและความตั้งใจในทุกขั้นตอน ส่งตรงจากเกษตรกรสู่คอกาแฟชาวไทย เพื่อฉลองแคมเปญ “NESCAFÉ Grow Together ปลูกอย่างยั่งยืน” ในวันกาแฟสากลปีนี้

นางสาวเครือวัลย์ วรุณไพจิตร ผู้อำนวยการบริหารหน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารและเนสท์เล่ โพรเฟชชันนัล ประจำภูมิภาคอินโดไชน่า กล่าวว่า“เนสท์เล่ โพรเฟสชันนัล เป็นกลุ่มธุรกิจด้านโซลูชันอาหารและเครื่องดื่มสำหรับผู้ประกอบการ เราได้ใช้ความเชี่ยวชาญในการสร้างสรรค์เมนูกาแฟคุณภาพที่หลากหลายจากเมล็ดกาแฟ เนสกาแฟ ซิงเกิ้ล ออริจิ้น เชียงราย เพื่อให้คอกาแฟได้สัมผัสถึงกาแฟคุณภาพที่ทำด้วยความรัก ความตั้งใจ ตั้งแต่การปลูกและเก็บเมล็ดกาแฟจากเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ ไปจนถึงการคั่วโดยผู้เชี่ยวชาญจากเนสกาแฟ และการชงจากบาริสต้ามืออาชีพของเราจนได้กาแฟคุณภาพที่ดีเยี่ยมในแต่ละแก้ว เรียกได้ว่า Handcrafted with Love ในทุกขั้นตอน”

สำหรับ เนสกาแฟ ซิงเกิ้ล ออริจิ้น เชียงราย มีความโดดเด่นทั้งรสชาติและสัมผัส ด้วยฟรุตตี้เทสต์โน้ตของ เกรปฟรุต ซิตรัส และคาราเมล ที่ผ่านกระบวนการคั่วแบบอ่อนถึงกลาง ให้รสชาติที่บาลานซ์ ถือเป็นกาแฟในฝันสำหรับคอกาแฟที่กำลังมองหารสชาติที่ซับซ้อนและให้สัมผัสที่แปลกใหม่แต่รสชาติยังคงทานง่าย อร่อยกลมกล่อมลงตัว โดยมี 4 เมนูพิเศษที่ได้ผ่านการรังสรรค์และเอาใส่ใจจากบาริสต้า เพื่อส่งต่อรสชาติที่ดีเยี่ยมอย่างครบถ้วน ได้แก่

  • Signature Hot Drip กาแฟดริปรสชาติละมุนด้วยการควบคุมอุณหภูมิน้ำที่เหมาะสมและเวลาในการดริปที่พอเหมาะทำให้กาแฟแก้วนี้สามารถโชว์คุณสมบัติของเมล็ดกาแฟอาราบิก้าชั้นดีออกมาได้อย่างชัดเจน ทั้งความฉ่ำแบบฟรุตตี้ และความหอมอ่อน ๆ ตบท้ายของคาราเมลที่สายสเปเชียลตี้ห้ามพลาด
  • Supreme Black อเมริกาโน่เย็นรสชาติพรีเมียมที่ดึงคุณสมบัติของเมล็ดกาแฟลิมิเต็ด เอดิชั่นนี้ ออกมาได้อย่างชัดเจน มีความลงตัวของซิตรัสเพื่อปลุกความสดชื่น และความหอมเข้มแต่มีกลิ่นอายของคาราเมลในตอนท้าย เชื่อว่าเป็นเมนูที่ถูกใจคอกาแฟดำอย่างแน่นอน
  • Mellow White ลาเต้เย็นที่ถูกรังสรรค์อย่างพิถีพิถันเพื่อให้เข้ากับเมล็ดกาแฟ ซิงเกิ้ล ออริจิ้น เชียงราย ของเราโดยเสิร์ฟแบบเชคเย็นยกระดับความละมุนในรสชาติและมีความหอมหวานจากซอส brown sugar แบบ homemade สูตรพิเศษที่ใครได้ลองแล้วต้องหลงรักอย่างแน่นอน
  • Dirty เมนูไฮไลต์ที่ห้ามพลาด กาแฟนมที่ถูกเสิร์ฟแบบแยกชั้นกันอย่างชัดเจน ด้วยนมสูตรพิเศษที่ผ่านการควบคุมอุณหภูมิให้เย็นจัด และ Top up ด้วยช็อตกาแฟเข้มข้นที่เรียกว่า Ristretto ทำให้กาแฟแก้วนี้ กลมกล่อมอย่างมีเอกลักษณ์ เมื่อจิบไปเรื่อย ๆ จะได้รสสัมผัสและกลิ่นที่แตกต่างกันซึ่งถือเป็นเสน่ห์สุดพิเศษของเมนูนี้

คาเฟ่ฮอปเปอร์สามารถดื่มด่ำ เนสกาแฟ ซิงเกิ้ล ออริจิ้น เชียงราย กับ 4 เมนูเครื่องดื่มพร้อมเสิร์ฟ และแบบเมล็ดกาแฟที่คั่วแล้วในราคา 490 บาทต่อถุง ที่เนสกาแฟ สตรีท คาเฟ่ ที่ร่วมรายการทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565 หรือสามารถสั่งซื้อเมล็ดกาแฟในช่องทางออนไลน์ได้ที่ แพนด้ามาร์ท พิเศษในช่วงเปิดตัว ลูกค้าที่ซื้อผลิตภัณฑ์เนสกาแฟ ซิงเกิ้ล ออริจิ้น เชียงราย จะได้รับของที่ระลึก “ถุงปุ๋ยกากกาแฟ” ฟรีจากชาวสวนกาแฟในจังหวัดเชียงรายในจำนวนจำกัด ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป จนกว่าจะหมด


V experience workshop Cover

VGI ชวนแบรนด์ร่วมวางกลยุทธ์เจาะลึกการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ผ่านการใช้สื่อ Offline-to-Online (“O2O”) อย่างมีประสิทธิภาพ

V experience workshop Cover
V experience workshop Cover

บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ วีจีไอ (“VGI”) ผู้นำการตลาด Offline-to-Online (“O2O”)  Marketing  Solutions บนแพลตฟอร์มธุรกิจที่หลากหลาย หลังจากงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ทางการตลาด O2O Solutions กับ Media and Creative Agency ชั้นนำของไทยในงาน V Experience เมื่อวันที่ 14 กันยายนที่ผ่านมา VGI ก็พร้อมลุยต่อเนื่องจัดเอ็กซ์คลูซีฟเวิร์คช็อปร่วมกับแบรนด์และเอเจนซี ชวนนักการตลาดมากางกลยุทธ์สร้างสรรค์แคมเปญเพื่อตอบโจทย์เป้าหมายทางการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า

VGI ในฐานะผู้นำการตลาด Offline-to-Online (“O2O”) Marketing โซลูชั่นส์ ยังคงพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ให้กับสื่อโฆษณาอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อปรับตัวให้ทันต่อพฤติกรรมของผู้บริโภครวมถึงเทคโนโลยีที่พัฒนาอยู่เสมอ และพร้อมรองรับความสร้างสรรค์ ความครีเอทีฟที่ไร้ขีดจำกัด ยกตัวอย่างแคมเปญล่าสุด “The Safety Station”  ที่ VGI ร่วมกับ Whoscall และ Sour Bangkok แคมเปญที่เตือนคนไทยให้รู้ทันสายมิจชฉาชีพ โดยการนำลูกเล่นของเสียงประกาศบนบีทีเอสมาผสานกับเทคโนโลยีที่รองรับการออกแบบคอนเทนต์ที่ Customization ตามช่วงเวลา สถานี และกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการสื่อสาร โดยนำเสนอคอนเทนต์ล้อไปกับชื่อของแต่ละสถานี ผ่านจอดิจิทัลของ VGI ที่ครอบคลุมสื่อบนสถานีบีทีเอส 24 สถานีหลัก เข้าถึงกว่า 24 ล้าน eyeballs ต่อเดือน จนเกิดเป็นกระแสไวรัลที่พูดถึงบนโลกโซเชียลกว่า 3,100,000 Reach มี PR value กว่า 1.88 ล้านบาท และมียอดดาวน์โหลดเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าตัว นับเป็นการยืนยันประสิทธิภาพของสื่อนอกบ้านของ VGI ได้เป็นอย่างดี

VGI ชวนแบรนด์ร่วมวางกลยุทธ์เจาะลึกการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ผ่านการใช้สื่อ Offline-to-Online (“O2O”) อย่างมีประสิทธิภาพ

ด้านการตลาดดิจิทัล VGI มีทีมงานเฉพาะทางอย่าง VGI Digital Lab ที่จะช่วยแบรนด์และเอเจนซีในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วย Online Full Funnel Solutions ตั้งแต่การคัดกรอง Target  ที่ใช่ ไปจนถึงการสร้าง Awareness, Engagement และ Conversion ที่สามารถวัดผลได้จริง การันตีได้จากเคสตัวอย่างที่สามารถทำให้แบรนด์ สร้าง Quality Lead ได้สูงขึ้น 3 เท่า (เทียบจากการใช้ VGI Data กับการใช้ Data Social Platform) และเพิ่มยอดลูกค้าใหม่ได้สูงขึ้น 33% ภายในระยะเวลา 6 เดือน

ล่าสุด วีจีไอ เปิดตัวสื่อแพ็กเกจใหม่ “O2O Office Focused” เจาะกลุ่มเป้าหมาย Office worker ซึ่งเป็นกลุ่ม Potential Target ที่มีกำลังซื้อ* ซึ่งปัจจุบันได้กลับมาเดินทางไปทำงานตามปกติแล้วกว่า 97%  ซึ่งแพ็กเกจนี้ จะช่วยให้แบรนด์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายนี้ได้ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ โดยสื่อออฟไลน์ VGI มีเครือข่ายสื่อภายในสำนักงานทั่วพื้นที่ย่านเศรษฐกิจของกรุงเทพฯ กว่า 195 อาคารสำนักงาน หรือกว่า 1,500 จอ มีจำนวนการเข้าถึงต่อวันมากถึง 900,000 – 1,200,000 (Traffic/day)

และในส่วนของออนไลน์สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย Office Worker ที่อยู่ในระยะ ได้ถึง 2,000,000 Impression ต่อเดือน ด้วยศักยภาพของ VGI Big Data ทำให้ O2O Office Focused สามารถ Targeting กลุ่มเป้าหมายบนโลกออนไลน์ได้อย่างแม่นยำถึง 16 เท่า ด้วยเทคโนโลยีที่มีชื่อว่า VGI POI-Targeting จับกลุ่มเป้าหมายรอบตึกออฟฟิศในระยะที่เฉพาะเจาะจงกว่า ด้วยระยะ 0.5 ตร.กม. ซึ่งจะช่วยคัดกรองกลุ่มเป้าหมายที่ใช่ได้มากกว่า ในขณะที่ Social GEO-Targeting จับกลุ่มเป้าหมายในระยะ 8.04 ตร.กม.

ซึ่งทั้งหมดนี้ ถือเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของ VGI ในการนำเสนอสื่อโฆษณาที่ครอบคลุมแบบ 360 องศา เชื่อมโลกออฟไลน์กับออนไลน์อย่างไร้รอยต่อ เพื่อส่งมอบ Marketing Solution ให้กับแบรนด์และนักการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยให้ความสำคัญในเรื่องของการสร้างการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค ที่ยืนยันได้จากแบรนด์ชั้นนำมากมายที่เลือกใช้สื่อ VGI เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของแคมเปญทางการตลาดมาอย่างต่อเนื่อง

*อ้างอิงข้อมูลจากตัวเลขประชากรผู้เสียภาษีเงินได้ (ภงด.91) ที่มีจำนวนกว่า 8 ล้านคน และเสียภาษีรวมมูลค่ากว่า 250 ล้านบาทต่อปี จาก https://www.rd.go.th/, https://dataservices.mof.go.th/

อีแจอุค’

เผยสเปคสาว อีแจอุค นักแสดงดาวรุ่งเกาหลีที่น่าจับตามองมากที่สุดใน พ.ศ. นี้

account_circle
อีแจอุค’
อีแจอุค’

หนึ่งในนักแสดงดาวรุ่งของเกาหลีที่น่าจับตามองมากในตอนนี้ ‘อีแจอุค’ วัย 24 ปี  ที่เพิ่งเดบิวต์ในฐานะนักแสดงเมื่อปี 2018 จากเรื่อง Memories of the Alhambra จากนั้นก็มีแต่ผลงานปังๆ ไม่ว่าจะเป็นการรับบทนำในเรื่อง Search : WWW และ Extraordinary You เมื่อปี 2019 ซึ่งทำให้เขาคว้ารางวัล Best New Actor ในงาน 2019 MBC Drama Awards หรืออย่างเรื่อง Do Do Sol Sol La La Sol ที่เขาก็คว้ารางวัล Excellent Actor จากงาน 2020 KBS Drama Awards มาครอง และล่าสุด เขาได้รับบทบาทพระเอก ในบทจองอุก จากเรื่อง Alchemy of Souls ที่แฟนคลับกรี๊ดตั้งแต่ตอนแรกที่ออกฉาย

เผยสเปคสาว อีแจอุค นักแสดงดาวรุ่งเกาหลีที่น่าจับตามองมากที่สุดใน พ.ศ. นี้

จุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาอยากอยู่วงการบันเทิงนั้นมีอยู่ว่า “แต่ก่อนผมทำงานพาร์ทไทม์เยอะมากเลยครับ แต่งานแสดงเป็นงานแรกที่ผมรู้สึกว่าตัวเองอยากลองทำ จึงตัดสินใจเรียนการแสดงเลยครับ” เขาจึงสอบเข้าเรียนปริญญาตรี สาขาศิลปะการละคร ที่มหาวิทยาลัยจุงอัง จากนั้นเขาก็มีโอกาสเข้าวงการบันเทิง ด้วยการเป็นทั้งนายแบบและนักแสดงควบคู่กัน เขาค้นพบความสุขจากการแสดงว่า “การแสดงสนุกนะเมื่อถ่ายทำซีรีส์เสร็จ  แต่ระหว่างทำงานผมรู้สึกว่ามันยากและเครียดมาก ยิ่งแสดงมาหลายเรื่อง ก็ยิ่งรู้สึกว่า งานแสดงเป็นงานที่ต้องจริงจังมากๆ เลยครับ”

นอกจากการแสดงซีรีส์ ละครเวทีก็คือสิ่งที่เขาโปรดปรานเหมือนกัน “ผมชอบละครเวทีมาก เพราะรู้สึกว่าตัวเองสามารถสื่อสารกับผู้ชมได้โดยตรงตั้งแต่ต้นเรื่องจนไปถึงจุดไคลแม็กซ์ ซึ่งซีรีส์หรือภาพยนตร์ ไม่สามารถทำอย่างนี้ได้ เพราะเราไม่ได้ถ่ายตามลำดับเวลา ไม่รู้สิ เวลาได้แสดงละครเวที มันเหมือนผมมีชีวิตชีวาขึ้นมา”

เมื่อถามว่า เขาอยากเป็นนักแสดงให้แฟนๆ จดจำแบบไหน อีแจอุคบอกว่า “ผมอยากเป็นนักแสดงที่ทำงานหนัก เวลาที่แฟนๆ มองผม ก็อยากให้มองแค่ว่า ผมเป็นอีแจอุค ถ้าต้องมีคำเรียกนำหน้าชื่ออะไรสักอย่างแทนตัวผม ก็ขอเป็นคำว่า ‘นักแสดงที่เชื่อใจได้’ แล้วกันครับ ผมว่า คำว่าเชื่อใจได้ เป็นคำที่ยากที่สุดของการเป็นนักแสดงเลย

 ส่วนไลฟ์สไตล์ของหนุ่มคนนี้ เขามีโลกส่วนตัวสูง เขาชอบการการพักผ่อนชิลๆ คนเดียว ฤดูที่เขาชอบมากที่สุดคือ ฤดูหนาว ในหนึ่งวันเขาชอบช่วงเวลาที่ “พระอาทิตย์กำลังขึ้นจากฟ้า หรือไม่ก็กำลังตกดินครับ ซึ่งในแต่ละฤดูกาล จะให้ทิวทัศน์ที่แตกต่างกันออกไป ผมสบายใจที่ได้อยู่กับสองช่วงเวลานี้” และถ้าให้เลือกระหว่างภูเขากับทะเล เขาชอบไปทะเลมากกว่าด้วย “ถ้ามีเวลาว่าง ผมจะไปเล่นสกี ว่ายน้ำ ไม่ก็ดูหนังที่บ้าน หรือไปโรงหนังคนเดียว ผมเที่ยวคนเดียวบ่อย ทั้งกินอาหารคนเดียว เดินทางคนเดียว บางครั้งการทำอะไรคนเดียวก็ทำให้เหงา แต่ผมชินกับมันแล้วครับ เพราะมันคือช่วงเวลาของการพักผ่อน หลังๆ ผมก็เริ่มสนุกกับมันแล้ว ”

          สำหรับสเปคสาวที่ชอบ เขาตอบกลับมาสั้นๆ ว่า “ผมชอบคนคิดบวกครับ” รู้แล้ว ก็คิดบวกไว้นะคะ


ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 987

จอย Red Velvet

จอย Red Velvet เผยสเต็ปคลีนผิวหน้ากับไอเท็มคู่ใจ เครื่องสำอางหนาแค่ไหน ผิวก็ใสปิ๊ง

Alternative Textaccount_circle
จอย Red Velvet
จอย Red Velvet

จอย Red Velvet ไอดอลสาวสวยที่มีคาริสม่าแรง น่ารักเกินต้าน และดูดีในทุกองศา สิ่งหนึ่งที่ช่วยให้เธอโดดเด่นมากคือผิวที่สวยใสไร้ที่ติ ทำให้ไม่น่าแปลกใจเลยที่แฟนคลับจะบอกว่าผิวของเธอเนียนใสราวกระจก และไม่นานมานี้ เธอยังได้เปิดเผยเกี่ยวกับสกินแคร์รูทีนในการทำความสะอาดและบำรุงผิวหน้าของเธอผ่าน Vlog อีกด้วย จะมีอะไรบ้าง ไปส่องพร้อมกันค่ะ

จอย Red Velvet เผยสเต็ปคลีนผิวหน้ากับไอเท็มคู่ใจ เครื่องสำอางหนาแค่ไหน ผิวก็ใสปิ๊ง

อย่างแรก เธอแนะนำผลิตภัณฑ์ 2 ไอเท็มที่เธอใช้เป็นหลัก ATHÉ Authentic Pink Vita Deep Cleansing Balm และ ATHÉ Authentic Pink Vita Foaming Cleanser โดยทั้งสองไอเท็มสำหรับทำความสะอาดผิวนี้เป็นผลิตภัณฑ์วีแกน

จอยยังเล่าด้วยว่าปกติแล้วเธอมักจะมีกิจวัตรในการดูแลผิวที่ยาวกว่าปกติ แต่เนื่องจากเธอเหนื่อยและยุ่งจากตารางงานมากเกินไป บางครั้งเธอจึงใช้เฉพาะไอเท็มที่จำเป็นเท่านั้น ซึ่งในการทำความสะอาดผิวเธอจะเริ่มใช้จากเช็ดเครื่องสำอางรอบดวงตาออกก่อน

ซึ่งจอยแนะนำว่าอย่าใช้คลีนซิ่งทิชชู่เช็ดเครื่องสำอาง แม้จะเร่งรีบก็ตาม เนื่องจากมีแนวโน้มที่จะทำให้ผิวหยาบกร้านขึ้น เธอจึงแนะนำให้ใช้สำลีชุบคลีนซิ่งแบบเฉพาะรอบดวงตาทำความสะอาด เพื่อความอ่อนโยนต่อผิวรอบดวงตา จากนั้นใช้คลีนซิ่งบาล์มนวดวนเป็นวงกลมทั่วใบหน้า เมื่อเมคอัพเริ่มละลาย จะใช้วิธีแตะน้ำมานวดวนซ้ำหรือใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นบิดให้ชุ่มพอดีแล้วแปะทิ้งไว้ที่ใบหน้าสักพัก เพื่อให้ไอร้อนเปิดรูขุมขนให้กว้างขึ้น แล้วเช็ดคราบเครื่องสำอางฃและสิ่งสกปรกออกให้หมดจด แล้วทำความสะอาดผิวหน้าตามด้วยโฟมล้างหน้าอีกสเต็ป

หลังจากนั้น ก็เริ่มบำรุงผิวในขั้นตอนต่อไป จอยใช้อิมัลชั่นที่มีเนื้อเบาบางตบเบาๆ ให้ซึบซาบเข้าสู่ผิว แล้วตามด้วยครีมบำรุงผิวหน้าที่เท็กซ์เจอร์เข้มข้นขึ้นเพื่อเติมให้ผิวชุ่มชื่น และด้วยความที่เธอพิถีพิถันการดูแลผิวแบบนี้ทุกวัน จึงทำให้ใบหน้าของเธอสวยโกลว์ อิ่มฟู แม้หน้าสดก็ตาม


ข้อมูล : koreaboo.com
ภาพ : _imyour_joy

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

cover

เบสิกแบบมีสไตล์! ส่องไอเดียแมทช์ครอปท็อป ‘เฮลีย์ บีเบอร์’ ในลุคสุดชิค

Alternative Textaccount_circle
cover
cover

อีกหนึ่งนางแบบดังที่ถูกจับตามองมาโดยตลอด คือ เฮลีย์ บาลด์วิน (Hailey Baldwin) ภรรยาสุดที่รักของ จัสติน บีเบอร์ (Justin Bieber) หลังจากเดินทางผ่านความรักกันมายาวนานถึง 9 ปี ก่อนที่ทั้งคู่จะตัดสินใจแต่งงานกัน นอกจากนี้ดีกรีของ เฮลีย์ ถือว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว เพราะเธอเป็นลูกสาวของนักแสดง และผู้กำกับชื่อดัง Stephen Baldwin รวมถึงยังมีเพื่อนสนิทเป็นสาว ๆ ตระกูล Jenner อย่าง Kendall และ Kylie เรียกว่าเธอนั้นแวดล้อมไปด้วยคนดังจริง ๆ

11

แต่เราไม่ได้จะมาเจาะลึกประวัติของเธอในครั้งนี้ เพราะเมื่อเธอเป็นถึงนางแบบระดับ A-Class ทั้งที แฟชั่นของเฮลีย์มักเป็นอีกหนึ่งอย่างที่มักถูกจะจับตามองจากบรรดาคนทั่วไป ซึ่งสไตล์การแต่งตัวของเธอในช่วงนี้จะเห็นว่าเธอมักเลือกหยิบแฟชั่นไอเท็มที่ใส่ง่าย ๆ อย่าง ‘ครอปท็อป’ หากดูจากในอินสตาแกรมส่วนตัวของเธอเองสังเกตได้เลยว่า เธอใส่เสื้อผ้าสไตล์นี้บ่อยมาก แต่การแมทช์เสื้อครอปออกมาให้ดูไม่ธรรมดาก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เราจึงอยากพาทุกคนไปดูการเลือก Mix & Match ครอปท็อปสไตล์ เฮลีย์ บีเบอร์กัน

สำหรับไอเดียแรก ขอนำเสนอให้นำมาแมทช์กางเกงขายาว เอวต่ำที่จะเป็นตัวช่วยสำคัญ ทำให้เสื้อครอปท็อปดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้นแม้จะเป็นสีเบสิกก็ตาม

1
14
6

ไอเดียที่สอง เติมเต็มลุคด้วยพร็อพต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น หมวก แว่นตา ต่างหู สร้อยคอ กำไลข้อมือ หรือแม้กระทั่งนาฬิกา ซึ่งถ้าดูจากลุค ‘ครอปท็อป’ ของเฮลีย์จะเห็นได้เลยว่าเธอเลือกใส่ Accessories อยู่เสมอ และใส่มากกว่า 1 ชิ้นอีกด้วย

9
7
13
3

และไอเดียสุดท้าย จับคู่สีไปเลยสิคะ ถ้าพูดถึงทริคในการแต่งตัวสิ่งที่ง่ายที่สุด คือ การแมทช์คู่สีของแฟชั่นไอเท็มแต่ละชิ้นแบบที่เฮลีย์ทำอยู่เป็นประจำ อย่างเลือกสีกางเกง หมวก แจ็กเก็ต หรือกระโปรงให้เข้ากับสีครอปท็อป เทคนิคแบบนี้จะทำให้ลุคดูลงตัวมากยิ่งขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างต้องไปในทิศทางสีเดียวกัน แต่การเลือกสีคู่ตรงข้าม อย่างเสื้อครอปสีแดงและกางเกงสีม่วงก็สามารถทำได้

4
5
10
2
Jim Thompson Heritage Quarter2-Cover

“Jim Thompson Heritage Quarter” ปฐมบทใหม่แห่ง “ไลฟ์สไตล์เดสติเนชัน” ใจกลางมหานครกรุงเทพฯ

Jim Thompson Heritage Quarter2-Cover
Jim Thompson Heritage Quarter2-Cover

แบรนด์ไอคอนิกของเมืองไทยเตรียมเนรมิตไลฟ์สไตล์แลนด์มาร์กสุดตระการตา

สัมผัสศิลปวัฒนธรรมอันงดงามที่ผสานกับความทันสมัยหนึ่งเดียวในโลก

Jim Thompson (จิม ทอมป์สัน) แบรนด์ไอคอนิกไลฟ์สไตล์ระดับโลกของไทย เตรียมเปิดปฐมบทใหม่แห่งไลฟ์สไตล์เดสติเนชันสุดยิ่งใหญ่ใจกลางมหานครกรุงเทพฯ “Jim Thompson Heritage and Creative Quarter” ซึ่งนอกจากพิพิธภัณฑ์บ้านจิม ทอมป์สัน (Jim Thompson House Museum) อาณาจักรเรือนไทยอันงดงามที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก นักท่องเที่ยวยังจะได้พบกับโซนกิจกรรมและพื้นที่จัดแสดงใหม่อีกมากมาย ได้แก่  Museum about the Man, Home Furnishing Exhibition, Silk Café และ Iconic Store โฉมใหม่ รวมถึง Jim Thompson Art Center ที่อยู่ใกล้เคียงกัน ตอบโจทย์ผู้มาเยือนและนักท่องเที่ยว ทั้งสายอาร์ต สายประวัติศาสตร์ และสายช้อปแบบครบจบในที่เดียว เพื่อเติมเต็มไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ที่เปี่ยมด้วยคุณค่าแห่งศิลปวัฒนธรรมและความสวยงามทันสมัยอย่างสมบูรณ์แบบ

Jim Thompson Heritage Quarter พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ต้องการสัมผัสศิลปวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมอันงดงามของไทย ร่วมตื่นตาตื่นใจไปกับจิตวิญญาณแห่งการสร้างสรรค์นวัตกรรมอันโดดเด่น เพียงก้าวแรกที่เข้าสู่โครงการ ผู้มาเยือนจะได้ดื่มด่ำกับความวิจิตรงดงามของกลุ่มสถาปัตยกรรมเรือนไทยซึ่งเคยเป็นบ้านของ จิม ทอมป์สัน และพื้นที่จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันของราชาไหมไทย (The Thai Silk King) ตลอดจนได้แนวทางการสร้างบริษัทเพื่ออนุรักษ์วิถีการทอผ้าไหมแบบดั้งเดิมของไทย และการเปลี่ยนแปลงสู่อาณาจักรสมัยใหม่ในปัจจุบัน

“Jim Thompson Heritage Quarter” ปฐมบทใหม่แห่ง “ไลฟ์สไตล์เดสติเนชัน” ใจกลางมหานครกรุงเทพฯ

โครงการมูลค่าหลายล้านดอลลาร์แห่งนี้ได้ขยายพื้นที่ออกไปถึง 1,400 ตร.ม. เพื่อเตรียมต้อนรับนักท่องเที่ยวจำนวนมาก แฟรงก์ แคนเซลโลนี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท อุตสาหกรรมไหมไทย จำกัด แบรนด์ จิม ทอมป์สัน กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่ได้ประกาศถึงการเดินทางสู่ตำนานบทใหม่ของอาณาจักรจิม ทอมป์สัน เราไม่ได้เป็นเพียงแบรนด์ไลฟ์สไตล์เท่านั้น แต่ยังเป็นแบรนด์ที่ก่อตั้งขึ้นโดยชายผู้ฟื้นคืนชีวิตให้กับอุตสาหกรรมผ้าไหมไทยและได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งต้นตำรับและคุณภาพระดับสูงของผ้าไหมไทยตราบจนทุกวันนี้ สำหรับการก่อสร้างโซนต่าง ๆ ในโครงการ คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ 100% ในเดือนเมษายน 2566 โดยจะมีการเปิดบริการทั้งร้านอาหาร บาร์ และห้องจัดเลี้ยงอเนกประสงค์ ซึ่งทุกโซนจะสะท้อนถึงจิตวิญญาณและกลิ่นอายแห่งการต้อนรับอันอบอุ่นในแบบของจิม ทอมป์สัน อย่างชัดเจน”

จิม ทอมป์สัน พัฒนาโครงการ Heritage Quarter แห่งนี้เพื่อสร้างความตื่นตัวให้แก่วงการศิลปวัฒนธรรมไทย ตลอดจนเพื่อช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวและการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในภาพรวมบนแนวทางอันเปี่ยมคุณค่าและจิตสำนึกแห่งความเป็นไทย และสิ่งสำคัญ คือ การที่แบรนด์สามารถช่วยให้คนไทยเข้าถึงความงดงามของงานหัตถกรรมที่สืบทอดกันมาช้านาน รวมถึงการส่งต่อความรู้ทางประวัติศาสตร์และมรดกทางวัฒนธรรมสู่ชนรุ่นหลังต่อไป

มาทำความรู้จักกับ Jim Thompson Heritage Quarter

Jim Thompson House Museum

ศูนย์กลางของโครงการ Jim Thompson Heritage Quarter ยังคงเป็น Jim Thompson House Museum ซึ่งได้รับการดูแลรักษาอย่างดีให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ พิพิธภัณฑ์บ้านจิม ทอมป์สันเป็นกลุ่มเรือนไม้สักไทย 6 หลัง ซึ่งจิม ทอมป์สัน เป็นผู้เสาะแสวงหามาจากภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศไทย ในช่วงทศวรรษ 1950-1960 โดยทำการถอดแยกส่วนเรือนไทยและนำมาประกอบกันอีกครั้งในบริเวณบ้านซึ่งอยู่ใกล้กับชุมชนบ้านครัวช่างทอผ้าของเขา บ้านของจิม ทอมป์สันหลังนี้กลายเป็นพื้นที่จัดแสดงงานศิลป์ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ขนาดใหญ่ และหลังจากที่เขาหายตัวไปในมาเลเซียเมื่อปี ค.ศ. 1967 บ้านหลังนี้จึงถูกเปลี่ยนให้เป็นพิพิธภัณฑ์ตราบจนทุกวันนี้

Museum About the Man

นิทรรศการจัดแสดงเส้นทางและตัวตนของจิม ทอมป์สัน รวบรวมจากเอกสารบันทึกของมูลนิธิเจมส์ เอช ดับเบิลยู ทอมป์สัน (James H.W. Thompson Foundation) แสดงถึงอิทธิพลทางความคิดที่สำคัญและหลักชัยอันยิ่งใหญ่ของชีวิต นับตั้งแต่การทำงานช่วงแรกในฐานะสถาปนิกที่สหรัฐฯ มาจนถึงการสร้างชื่อเสียงในฐานะราชาไหมไทย จนกระทั่งหายสาบสูญไปในขณะเดินทางพักผ่อนที่มาเลเซียในปี ค.ศ. 1967

จิม ทอมป์สัน เคยทำงานเป็นทั้งเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของกองทัพสหรัฐฯ ผู้ประกอบการธุรกิจผ้าไหม นักสะสมงานศิลปะผู้เชี่ยวชาญด้านเรือนไทยโบราณ และเป็นคนดังในแวดวงสังคมของกรุงเทพฯ ช่วงยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2  ความหลงใหลในงานหัตถศิลป์ของทอมป์สันทำให้เขามีความสัมพันธ์อันดีกับชุมชนทอผ้าบ้านครัว (ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามคลองกับบ้านจิม ทอมป์สัน) ซึ่งทำให้เขาได้รู้จักและเรียนรู้เทคนิคการผลิตผ้าไหมที่งดงามและมีคุณภาพ เขาทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่ออนุรักษ์วิถีชีวิตและวัฒนธรรมพื้นบ้านของช่างทอพื้นบ้านและเกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมในท้องถิ่น

นิทรรศการยังแสดงถึงการเดินทางอันน่าอัศจรรย์ของผลิตภัณฑ์ผ้าไหมของจิม ทอมป์สัน ที่เดินทางไปสร้างชื่อเสียงตั้งแต่ Vogue ไปจนถึง Hollywood และ Broadway จนก้าวขึ้นเป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับโลกของไทยเพียงรายเดียว นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายของจิม ทอมป์สัน ตั้งแต่ทศวรรษ 1960

Home Furnishing Exhibition

พื้นที่จัดแสดงวิวัฒนาการสิ่งทอของจิม ทอมป์สัน หรือ The Evolving World of Jim Thompson Textiles จะเผยให้เห็นถึงเรื่องราวความเป็นมาของบริษัท อุตสาหกรรมไหมไทย จำกัด (Thai Silk Company Limited) และผู้สร้างสรรค์คนสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการดำเนินธุรกิจของบริษัท หลังการหายตัวไปของจิม ทอมป์สัน ในปี ค.ศ. 1967

ตลอดระยะเวลากว่า 6 ทศวรรษที่ผ่านมา บริษัทได้นำเสนอเอกลักษณ์อันโดดเด่นสู่อุตสาหกรรมครื่องตกแต่งบ้านมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยความอุตสาหะทุ่มเทและการสนับสนุนของกลุ่มบุคคลผู้มีชื่อเสียงของวงการอย่าง แจ็ค เลนอร์ ลาร์สัน, เจอราร์ด เพียซ, ทินนาถ นิสาลักษณ์, อู้ พหลโยธิน และอีกมากมาย ซึ่งนิทรรศการจะนำพาผู้ชมให้ได้สัมผัสถึงการทำงานและผลงานของนักออกแบบผู้สร้างสรรค์เหล่านี้ รวมถึงศักยภาพในการผลิตของบริษัทที่ยังคงขยายตัวและเติบโตอย่างต่อเนื่องมาตลอด 60 ปีที่ผ่านมา

The Iconic Store

พบกับไอคอนิกสโตร์โฉมใหม่ของจิม ทอมป์สันที่จะทำให้คุณตื่นตาตื่นใจ ทั้งการตกแต่งภายในและบรรยากาศภายนอกกับประสบการณ์การช้อปปิ้งรูปแบบใหม่ที่ไม่ซ้ำใคร นำเสนอผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งกาย ทั้งชายและหญิง กระเป๋า เครื่องประดับ ของตกแต่งบ้าน และคอลเลกชันสุดเอ็กซ์คลูซีฟซึ่งมีจำหน่ายที่นี่เพียงแห่งเดียว

การตกแต่งภายในได้รับแรงบันดาลใจมาจากโทนสีแดงของเรือนไทยจิม ทอมป์สัน และถูกออกแบบใหม่ให้เป็นโทนสีส้มอมแดง โดยทุกส่วนของร้านนับตั้งแต่การตกแต่งสีเอิร์ธโทนไปจนถึงแนวผนังลูกคลื่นที่พลิ้วไหว ล้วนถูกออกแบบให้ส่งเสริมสีสันอันงดงามของผลิตภัณฑ์ผ้าไหม ทั้งยังสื่อถึงความหลงใหล ความเคารพต่องานหัตถศิลป์และขนบธรรมเนียมไทยของผู้ก่อตั้งอาณาจักรแห่งนี้ โดยออกแบบเป็นอาคาร 2 ชั้น เชื่อมต่อกันด้วยบันไดวนที่ทันสมัย ให้ลูกค้าสามารถเดินชมผลิตภัณฑ์และของตกแต่งมากกว่า 6,000 รายการ ได้อย่างเพลิดเพลิน

The Jim Thompson Art Center

ดำเนินงานโดยมูลนิธิเจมส์ เอช ดับเบิลยู ทอมป์สัน (James H.W. Thompson Foundation) ก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นแหล่งรวมพลของเหล่าศิลปินและชุมชนทางวัฒนธรรม เพื่อการนำเสนอแนวคิด การพบปะสมาคม และการเสวนาแลกเปลี่ยนประเด็นต่าง ๆ ทั้งยังสามารถใช้เป็นสถานที่จัดงานอีเวนต์ การบรรยาย และสัมมนา รวมถึงการจัดแสดงนิทรรศการได้อย่างลงตัว

แฟรงก์ แคนเซลโลนี กล่าวย้ำถึงความสำคัญของโครงการนี้ว่า “Jim Thompson Heritage Quarter จะมอบประสบการณ์ไลฟ์สไตล์ที่สมบูรณ์แบบแก่ผู้มาเยือนจากทั่วโลก เพราะนี่คือจุดหมายปลายทางเพียงแห่งเดียวที่มีทุกสิ่ง ทั้งผลิตภัณฑ์ผ้าไหมคุณภาพสูงมากมาย ประสบการณ์การช้อปปิ้งที่สะดวกสบาย ร้านอาหารและคาเฟ่ที่หลากหลาย สินค้าแฟชั่นร่วมสมัย ตลอดจนคุณค่าด้านวัฒนธรรมและกิจกรรมเพื่อความบันเทิงไว้อย่างครบครัน ณ ใจกลางมหานครแห่งนี้”

เวลาเปิดทำการ Jim Thompson Heritage Quarter

Jim Thompson House Museum :           ทุกวัน 10.00 – 18.00 น. ทัวร์นำชมสถานที่รอบสุดท้าย 17.00 น.

Jim Thompson Iconic Retail Store :      ทุกวัน 09.00 – 19.00 น.

Jim Thompson Art Center :                   ทุกวัน 10.00 – 18.00 น.

The Man Himself Exhibition :                ทุกวัน 10.00 – 18.00 น.

The Evolving World of Jim Thompson Textiles : ทุกวัน 10.00 – 18.00 น.

Silk Café :                                             ทุกวัน 10.00 – 18.00 น.

ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.jimthompsonheritagequarter.com

ภาพประกอบปฏิทินข่าว_นิทรรศการแห่งความทรงจำ The Central Memory Bankฯ_01_cover

ไทม์แมชชีนพร้อม! ย้อนเวลาสู่จุดเริ่มต้นความสำเร็จของ “ห้างเซ็นทรัล” ในนิทรรศการแห่งความทรงจำ “The Central Memory Bank” ที่ “เซ็นทรัล : ดิ ออริจินัล สโตร์”

ภาพประกอบปฏิทินข่าว_นิทรรศการแห่งความทรงจำ The Central Memory Bankฯ_01_cover
ภาพประกอบปฏิทินข่าว_นิทรรศการแห่งความทรงจำ The Central Memory Bankฯ_01_cover

มาร่วมย้อนอดีต ส่องไอเทมคนดัง ไปพร้อมกัน
29 กันยายน – 6 พฤศจิกายนนี้!

ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ฉลองครบรอบ 75 ปีอย่างอบอุ่นชวนคนไทยเตรียมเช็กอินที่นิทรรศการสุดพิเศษ “The Central Memory Bank” ทรานสฟอร์มพื้นที่จัดแสดงของ “เซ็นทรัล : ดิ ออริจินัล สโตร์” บนถนนเจริญกรุง ให้กลายเป็นพื้นที่แบ่งปันความทรงจำอันงดงาม

ไทม์แมชชีนพร้อม! ย้อนเวลาสู่จุดเริ่มต้นความสำเร็จของ “ห้างเซ็นทรัล” ในนิทรรศการแห่งความทรงจำ “The Central Memory Bank” ที่ “เซ็นทรัล : ดิ ออริจินัล สโตร์”

ภายใต้คอนเซ็ปต์ “เพราะทุกความทรงจำที่เกิดขึ้นสวยงามเสมอ” ให้คุณนั่งไทม์แมชชีนย้อนกลับสู่จุดเริ่มต้นของตำนานความสำเร็จยิ่งใหญ่ หวนรำลึกความทรงจำสุดพิเศษและความผูกพันที่อยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนานไปกับ 6 โซนแสนประทับใจ ได้แก่

  • โซนที่ 1 : Registration – เปิดนิทรรศการด้วยจุดลงทะเบียนสไตล์วินเทจ พร้อมรับ “Memory Book Bank” สมุดจดบันทึกความทรงจำเล่มสวย คู่กับสติกเกอร์ที่ชวนให้นึกถึงวัยเด็ก
  • โซนที่ 2 : It’s all Started at Central – โซนมินิเธียเตอร์ที่ชวนผู้มาเยือนนั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลาเพื่อไปสัมผัสกับการเติบโตทางธุรกิจของเซ็นทรัล
  • โซนที่ 3 : Hall of Memories – เปิดคอลเลกชันของสะสมรวม 75 ชิ้นจากทั้ง Central Archive ของรักของหวงจากเหล่าคนดัง ตลอดจนไอเทมในความทรงจำของพนักงานและผู้เช่าร้านค้าในห้างเซ็นทรัล ทุกไอเทมสะท้อนเรื่องราวแห่งความผูกพันระหว่างห้างเซ็นทรัลกับคนสำคัญ
  • โซนที่ 4 : Reflection Station – พบกับห้องคอมพิวเตอร์ย้อนยุคที่ชวนทุกคนมาร่วมแชร์เรื่องราวประทับใจกับเพื่อน ๆ ผ่านโซเชียลมีเดีย เพื่อรับโทเค็นไปหยอดตู้กาชาปองในโซนถัดไป
  • โซนที่ 5 : Gachapon – สนุกไปกับการหมุนตู้กาชาปอง แลกรับของที่ระลึกสุดเอ็กซ์คลูซีฟ  3 แบบ ได้แก่ เทปสติกเกอร์ พวงกุญแจ และเข็มกลัด ที่ออกแบบมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ
  • โซน 6 : Photo Automat – แวะมาถ่ายรูปก่อนกลับได้ที่ตู้ถ่ายรูปสุดคูล (160 บาทต่อเซ็ต)

ปักหมุดให้พร้อมและเตรียมออกเดินทางสู่อดีตไปกับทั้ง 6 โซนพิเศษในนิทรรศการ “The Central Memory Bank” ตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน – 6 พฤศจิกายน 2565 ที่ “เซ็นทรัล: ดิ ออริจินัล สโตร์” พื้นที่จัดนิทรรศการหมุนเวียน Central Space ชั้น 3 นอกจากจะได้อบอุ่นหัวใจกันอย่างเต็มที่แล้ว ยังจะได้รับของที่ระลึกสุดเอ็กซ์คลูซีฟติดไม้ติดมือกันไปด้วย งานนี้บอกเลย ห้ามพลาด!

อัปเดตข่าวสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับ “The Central Memory Bank Exhibition” พร้อมติดตามแคมเปญสุดพิเศษอื่น ๆ ที่จัดขึ้นเพื่อฉลอง 75 ปีแห่งความสำเร็จสุดยิ่งใหญ่ของห้างเซ็นทรัล ได้ที่
www.facebook.com/CentralDepartmentStore และ www.facebook.com/central.theoriginalstore

เซ็นทรัล รีเทล ส่ง “ท็อปส์วีต้า” แหล่งรวมวิตามินและอาหารเสริมชั้นนำทั่วโลก เพิ่มทางเลือกสุขภาพ เอาใจสายเฮลท์ตี้ 

account_circle

กรุงเทพฯ  21 กันยายน 2565 – ปัจจุบันเทรนด์การดูแลสุขภาพของคนยุคใหม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด หลังจากต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด 19 ทำให้หลายคนเริ่มหันมาใส่ใจสุขภาพตนเองกันมากขึ้น พิถีพิถันในการเลือกอาหารการกิน และมีการเลือกผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลตนเองมากกว่าแต่ก่อน “เซ็นทรัล รีเทล” มองเห็นความสำคัญและเทรนด์ด้านสุขภาพและความงามที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงได้เปิดตัวธุรกิจใหม่อย่าง “ท็อปส์วีต้า” ร้านจำหน่ายวิตามินและอาหารเสริมครบวงจรแบบ O2O เจ้าแรกในไทย ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Fun Health Exploration” ที่มาพร้อมจุดเด่นการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพหลากหลาย และบริการด้านไลฟ์สไตล์การดูแลสุขภาพ เพื่อเป็นอีกทางเลือกใหม่ของการมีสุขภาพที่ดีแบบครบวงจรได้อย่างง่ายและสะดวก ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคทุกกลุ่ม

นายไท จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการเงิน บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC  กล่าวว่า “การดูแลสุขภาพเป็นสิ่งที่คนไทยกำลังให้ความสนใจอยู่ในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย หรือการใส่ใจเรื่องของการบริโภค ซึ่งเมื่อก่อนกลุ่มที่มุ่งเน้นด้านการดูแลสุขภาพส่วนใหญ่จะเป็นวัยผู้สูงอายุ แต่ปัจจุบัน ทั้งวัยรุ่นและคนวัยทำงานเริ่มหันมาดูแลตนเองกันอย่างจริงจังมากขึ้นเช่นกัน เซ็นทรัล รีเทล เข้าใจถึงเทรนด์รักสุขภาพของคนทุกเพศทุกวัย จึงได้ออกแบบร้าน ท็อปส์วีต้า หนึ่งในธุรกิจรูปแบบใหม่ในกลุ่มเฮลธ์แอนด์เวลเนส เพื่อตอบโจทย์กลุ่มคนรักสุขภาพ ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพ รวมกว่า 1,000 รายการ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน บำรุงสุขภาพผิวและผม ควบคุมรูปร่างและลดน้ำหนัก รวมไปถึงอาหารเสริมจากสมุนไพร ที่มีให้เลือกหลากหลายจากแบรนด์ชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ”

นอกจากนี้ ท็อปส์วีต้า ยังมาพร้อมจุดเด่นอีกหนึ่งบริการคือ การให้ลูกค้าทุกคนสามารถทำแบบสอบถาม (Smart questionnaire) บนเว็บไซต์ www.topsvita.com ที่พัฒนาโดยทีมแพทย์อายุรกรรม ซึ่งสามารถวิเคราะห์ผลออกมาได้อย่างรวดเร็ว พร้อมคำแนะนำเกี่ยวกับวิตามินหรืออาหารเสริมที่เหมาะกับแต่ละบุคคล ควบคู่ไปกับการนำเสนอข้อมูลเนื้อหาที่น่าสนใจเกี่ยวกับสุขภาพที่ทันสมัย และน่าเชื่อถือจากทีมแพทย์ เภสัชกร และผู้เชี่ยวชาญ เช่น นักโภชนาการ ให้ผู้บริโภคได้ติดตามอ่านและนำมาประกอบการตัดสินใจสำหรับการวางแผนวิธีดูแลสุขภาพให้กับตนเอง พร้อมทั้งเพลิดเพลินไปกับการเรียนรู้เทคนิคการดูแลสุขภาพต่าง ๆ อีกด้วย

            ร้านท็อปส์วีต้า พร้อมมอบประสบการณ์ช้อปปิ้งอย่างไร้รอยต่อผ่านช่องทางทั้งหน้าร้านและช่องทางออนไลน์ ที่ทุกคนสามารถเริ่มดูแลสุขภาพได้แล้วตั้งแต่วันนี้ เพื่อสุขภาพที่ดีในอนาคต โดยพบกับร้านท็อปส์วีต้ากว่า 20 สาขา ได้ที่ โซนในซูเปอร์มาร์เก็ต อาทิ เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ สาขาเซ็นทรัล ชิดลม, สาขาเซ็นทรัลเวิลด์, ท็อปส์ มาร์เก็ต สาขาเซ็นทรัล พระรามเก้า รวมถึงภายในร้านท็อปส์แคร์ 

            ในขณะที่สายสุขภาพที่ชอบช้อปปิ้งผ่านช่องทางออนไลน์ รับโปรโมชันเด็ดโดนใจ เพียงเข้าไปเลือกซื้อสินค้าและมีการสั่งซื้อผ่านเว็บไซต์ www.topsvita.com เป็นครั้งแรก จัดส่งฟรีถึงบ้านทุกรายการ ตั้งแต่วันนี้ – 30 กันยายน 2565 หรือใครต้องการปรึกษาเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ สามารถติดต่อผ่านช่องทาง Line Official @TopsVita พร้อมติดตามคอนเทนต์ดีๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ รวมไปถึงโปรโมชันดีๆ ที่เตรียมจัดให้ลูกค้าอย่างต่อเนื่องผ่านทาง Facebook: Tops Vita


เกินต้าน! “เฟิร์ส & ข้าวตัง” กับแฟชั่นเซ็ตใจละลาย

account_circle

          ทำใจเต้นรัวสุดๆ สำหรับ ซีรีส์ “คาธ The Eclipse” ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเรื่องที่ทั้งเข้มข้น ตื่นเต้น ชวนลุ้นอยู่ตลอด รวมถึงเคมีของ “เฟิร์ส – คณพันธ์ และ ข้าวตัง – ธนวัฒน์” ที่น่ารัก ลงตัว แบบว่าดีต่อใจ

           แพรว จึงขอเสิร์ฟภาพแฟชั่นเซ็ตพิเศษ #PraewDigitalCover ให้แฟนๆ ได้ฟินกันจนใจละลาย ยิ่งไปกว่านั้น คาธ The Eclipse EP.8 วันพรุ่งนี้ (30 ก.ย.) จะทำให้ยิ้มกันสุดๆ เพราะ…ละมุนไม่ไหว! เมื่อความรู้สึกของ “อายัน” (ข้าวตัง – ธนวัฒน์) ที่มีต่อ “อักก์” (เฟิร์ส – คณพันธ์) เอ่อล้น…จนห้ามใจไว้ไม่อยู่ จน “อักก์” ทำตัวไม่ถูก แล้วมาลุ้นกันว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะเป็นอย่างไร!

เกินต้าน! “เฟิร์ส & ข้าวตัง” กับแฟชั่นเซ็ตใจละลาย

  • นายแบบ : เฟิร์ส – คณพันธ์ & ข้าวตัง – ธนวัฒน์
  • เรื่อง & สไตล์ :  Minim
  • ช่างภาพ : Vorason Dvi-vardhana
  • วิดีโอ : Poon’s
  • เสื้อผ้า : @sixthofoctober91 @Vanillinstusio

#PraewDigitalCover #FirstKhaotung #เฟิร์สข้าวตัง #GMMTV #Praewmag

keyboard_arrow_up