เคล็ดลับเสริมดวงงานให้รุ่งทั้ง 12 ราศี

เพราะดวงชะตาคนเราไม่แน่นอน แถมแต่ละคนมีดวงแตกต่างกันอีก บางช่วงดวงขึ้น ทำอะไรก็เฮง  ประสบความสำเร็จ พอเจอช่วงดวงตก ทำอะไรผิดไปหมด

ดังนั้น การเปิดคำพยากรณ์ดวงชะตาแต่ละจักรราศีตามวิถีดวงดาวในแต่ละช่วงเวลา จึงน่าจะเป็นอีกตัวช่วยหนึ่งสำหรับคนทำงาน ยิ่งรู้เคล็ดลับเสริมดวงที่ช่วยให้การงานราบรื่น ไม่สะดุดติดขัด ยิ่งเป็นเรื่องดี วันนี้แพรวออนไลน์จึงนำเคล็ดลับการเสริมดวงงานให้รุ่ง จากเล่มแพรวฟอร์จูนมาฝากกัน

ราศีมังกร

ความสุขง่ายๆ-คำถามโดนใจ เจ้าพ่อบิวตี้เจมส์

“ตอนอายุ 25-26 เคยมีคนมาทาบทามให้เล่นละคร แต่ตอนนั้นไม่พร้อม เพราะเพิ่งเข้ามาช่วยธุรกิจครอบครัว เคยไปลงเรียนแอ็คติ้งมาเหมือนกัน แต่เอาเข้าจริงคงไม่ได้เล่น เพราะไม่มีเวลาเหมือนเดิม (หัวเราะ) แต่ถ้ารับเชิญอาจพอไหวครับ”

มีโอกาสสนทนากับ คุณหนึ่ง-สุริยน ศรีอรทัยกุล ในงานแพรวแจกเพชร 1,000,000 ให้กับผู้อ่านที่โชคดี จึงทราบว่าผู้บริหารหนุ่มแห่งบิวตี้เจมส์ ตารางแน่นไม่แพ้ดารา นอกจากวิ่งวุ่นประชุมธุรกิจอัญมณีหมื่นล้านทุกวัน ยังต้องเตรียมแฟชั่นโชว์ใหญ่ประจำปี ไม่นับพิธีกรประจำรายการเดอะ พรูฟ มาสเตอร์ คน-เล่น-ของ ช่อง 5 รายการ The Poll ช่วง ect. ทางช่อง3 และถ้ามีโอกาสก็ไปถ่ายแบบชิลๆ โดยเจ้าตัวเผยว่าแม้เวลาพักผ่อนน้อยแต่มีความสุขมาก

คุณหนึ่งยังเล่าอีกว่า โชคดีได้ทำสิ่งที่รักโดยเฉพาะงานอัญมณี ขณะที่การทำงานพิธีกร หรือลองถ่ายแฟชั่น อาจจะเหนื่อยแต่ทำให้มีกำลังใจ “ผมไม่คิดว่าสิ่งที่ทำคืองาน แต่เหมือนการพักผ่อนมากกว่า (ยิ้ม) ไม่ว่าจะในฐานะพ่อค้าขายเพชร หรือบทบาทพิธีกร ล้วนมีความสนุกในงานต่างกัน ที่สำคัญผมทำทุกอย่างด้วยใจ ความสุขจึงอยู่รอบตัว”

ทำมาทุกอย่างก็อดถามไม่ได้ สนใจงานละครบ้างไหม เขาตอบทันที “ตอนอายุ 25-26 เคยมีคนมาทาบทามให้เล่นละคร แต่ตอนนั้นไม่พร้อม เพราะเพิ่งเข้ามาช่วยธุรกิจครอบครัว เคยไปลงเรียนแอ็คติ้งมาเหมือนกัน แต่เอาเข้าจริงคงไม่ได้เล่น เพราะไม่มีเวลาเหมือนเดิม (หัวเราะ) แต่ถ้ารับเชิญอาจพอไหวครับ”

นอกจากทำงานที่รัก อีกสิ่งที่เติมความสุขของเจ้าพ่อบิวตี้เจมส์ได้ไม่น้อย คือประโยคคำถามที่แสนถูกใจว่า “อายุเท่าไร…ทำไมหน้าเด็กจัง?”

“เป็นคำถามที่เจอบ่อยมาก (หัวเราะ) แต่ไม่เคยเบื่อนะครับ เพราะเป็นคำถามที่ทำให้ผมมีความสุขมาก วันก่อนไปเจอลูกค้าต่างประเทศ เขาถาม ‘อายุเท่าไร’ แล้วทายว่า 21 ผมฉีกยิ้มกว้างเลย ก่อนบอกตัวเลขจริงไป…” แต่คุณหนึ่งกระซิบกับ แพรว ว่าเรื่องอายุถ้าไม่จำเป็นต้องบอก ก็อยากจะขออุบไว้ให้ทายเล่นๆ เพื่อเป็นความสุขส่วนตั๊ว…ส่วนตัวต่อไป

ยังมีเรื่องราวอีกหลายรสชาติของ คุณหนึ่ง-สุริยน บอสใหญ่แห่งบิวตี้เจมส์ ที่เล่าชีวิตตั้งแต่เกิดจนถึงการวางแผนก่อนตาย ติดตามอ่านบทสัมภาษณ์เต็มๆ ในนิตยสารแพรว ปักษ์หลังมีนาคมนี้

เรื่อง Lady Moon

แม่อยากได้… ‘เก้า’ จัดให้

“วันนี้คุณแม่อยากได้อะไร เก้าคิดว่าควรค่าที่ท่านจะต้องได้สิ่งนั้นเลย เพราะท่านทำงานหนักเหมือนกัน ทั้งบริหารจัดการคิวงานให้ผม และดูแลธุรกิจส่วนตัว ในบางมุมรายละเอียดงานบริหารหนักกว่างานแสดงของผมอีก ดังนั้นถ้าท่านอยากได้อะไร ก็อยากซื้อให้ ผมว่าคุณแม่คงมองการณ์ไกล มีเหตุผลแบบผู้ใหญ่ด้วย เพราะเรามีบ้าน คอนโดอยู่แล้ว แต่ท่านซื้อเก็บไว้เผื่อขยับขยายทำธุรกิจวันข้างหน้า”

ควันหลงเดือนแห่งความรักของ เก้า-จิรายุ ละอองมณี เจ้าตัวบอกว่าไม่ได้ไปออกเดตกับสาวที่ไหน แต่ขอเอาใจคุณแม่ (ผู้หญิงที่รักที่สุด) หลังท่านเอ่ย “อยากได้บ้านหลังใหม่” หนุ่มเก้าจัดให้ทันที พร้อมปากหวานซื้อบ้านให้เป็นของขวัญวาเลนไทน์

เก้า-จิรายุ อัพเดตให้ แพรว ฟังว่าคุณแม่กำลังดูๆ บ้านหลังใหม่อยู่ ซึ่งเรื่องเงินทองมอบให้ท่านดูแลจัดการมาตลอด “วันนี้คุณแม่อยากได้อะไร เก้าคิดว่าควรค่าที่ท่านจะต้องได้สิ่งนั้นเลย เพราะท่านทำงานหนักเหมือนกัน ทั้งบริหารจัดการคิวงานให้ผม และดูแลธุรกิจส่วนตัว ในบางมุมรายละเอียดงานบริหารหนักกว่างานแสดงของผมอีก ดังนั้นถ้าท่านอยากได้อะไร ก็อยากซื้อให้ ผมว่าคุณแม่คงมองการณ์ไกล มีเหตุผลแบบผู้ใหญ่ด้วย เพราะเรามีบ้าน คอนโดอยู่แล้ว แต่ท่านซื้อเก็บไว้เผื่อขยับขยายทำธุรกิจวันข้างหน้า”

หลังควักกระเป๋าจ่ายค่าบ้านไป 10 กว่าล้าน หนุ่มเก้าพูดพลางหัวเราะ ตอนนี้รับงานเต็มที่ทั้งละคร อีเว้นท์ ไม่มีวันหยุด ล่าสุดกำลังถ่ายหนังเรื่อง “ตุ๊กแกรักแป้งมาก” เล่นคู่กับ เพลง-ชนม์ทิดา อัศวเหม ส่วนงานเพลงมีอัลบั้มเพลงประกอบภาพยนตร์ ทยอยปล่อยซิงเกิ้ลให้ดาวน์โหลดกันแล้ว และไม่ลืมปิดท้ายขายสินค้า ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับน้องหมาภายใต้แบรนด์ Dotme ธุรกิจส่วนตัวที่บุกเบิกกับคุณแม่และพี่สาว

ไล่เรียงสินค้าจบครบถ้วน หนุ่มเก้ายิ้มหวานเอ่ยอ้อนๆ ตามสไตล์ “รักเก้า อย่าลืมติดตามผลงาน และอุดหนุนสินค้าผมด้วยนะครับ” แหม…อ้อนขนาดนี้ เดี๋ยวจัดกำลังใจให้หนักๆ จะได้หายเหนื่อย มีแรงซื้อบ้านให้คุณแม่อีกสักหลัง

เรื่อง LadyMoon ภาพ ig @kaojirayu_9 @dotmestudio

อาร์ตี้ขอฟิต…ลุยแอ็คชั่น

“ในเรื่องผมเล่นเป็นแวมไพร์หนุ่ม เป็นบทคอเมดี้แอ็คชั่น แอบมีเสียวนิดหน่อย เพราะมีเอฟเฟ็กต์ด้วย ตอนนั้นกลัวไว้ก่อน (หัวเราะ) ตื่นเต้น ไม่เคยเล่นแอ๊คชั่นบู๊หนักขนาดนี้ เขามีสแตนด์อินให้ แต่ส่วนใหญ่ผมขอเล่นเอง”

กระโดดมาชิมลางหนังแนวคอเมดี้แอ็คชั่นครั้งแรกเรื่อง ‘รักฝังเขี้ยว’ ของค่าย 108 สยามฟิล์ม ประกบคู่นางเอก จีน-เกล้าเแก้ว สินทเพดล ก็มีเรื่องให้พระเอกหนุ่มหล่อ อาร์ตี้-ธนฉัตร ตุลยฉัตร ตื่นเต้นไม่เบา


“ในเรื่องผมเล่นเป็นแวมไพร์หนุ่ม เป็นบทคอเมดี้แอ็คชั่น แอบมีเสียวนิดหน่อย เพราะมีเอฟเฟ็กต์ด้วย ตอนนั้นกลัวไว้ก่อน (หัวเราะ) ตื่นเต้น ไม่เคยเล่นแอ๊คชั่นบู๊หนักขนาดนี้ เขามีสแตนด์อินให้ แต่ส่วนใหญ่ผมขอเล่นเอง นอกจากบางฉากก็จำเป็นต้องใช้บ้าง แต่ก่อนเข้าฉากจริง ผมต้องไปฝึกโหนสลิง ห้อยตัวไปมาอยู่ 2-3 ชั่วโมง ถือว่าหนังเรื่องนี้รับบทหนักและท้าทายพอสมควร แต่ผมชอบนะ ได้เปลี่ยนคาแรคเตอร์"

สิ่งที่ยากสำหรับหนังแอ็คชั่น หนุ่มอาร์ตี้บอกว่าคือทักษะพื้นฐาน ท่ายืน การเตะ พร้อมยอมรับว่ายังไม่คล่องตัวเท่าไร สำหรับเรื่องนี้เจ้าตัวบอกถือเป็นการนำร่อง ครั้งหน้าถ้าต้องรับบทแอ็คชั่นอีก จะเข้าคอร์สฟิตร่างกายเฟิร์มไว้เตรียมรอ และขอไปเรียนมวยไทยเพิ่มด้วย เพราะจำเป็นมาก

ตอนท้ายหนุ่มอาร์ตี้อ้อนแฟนๆ ให้ติดตามชม ‘รักฝังเขี้ยว’ กันมากๆ เพราะทุ่มเทบู๊กระหน่ำเต็มที่ โดยบอกว่าจะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ 13 มีนาคมนี้

เรื่อง Lady Moon

แนน ชลิตาเผย! เลื่อนแผนมีทายาทออกไปอีก 1 ปี

ครอบครัวข่าว 3

“แนน-ชลิตา เฟื่องอารมณ์” เผยเลื่อนแผนมีทายาทออกไปอีก 1 ปี เหตุหันไปเอาดีทางด้านโยคะ แจงสามีและครอบครัวเข้าใจโดนแซวให้ทำโยคะคนท้องไปเลย

หลังจากห่างหายจากจอแก้วไปพอสมควร “แนน-ชลิตา เฟื่องอารมณ์” ก็มีผลงาน พ็อกเก็ตบุ๊คเล่มล่าสุดที่มีชื่อว่า “โยคะ ความคิด ชีวิต ชลิตา” มาฝากทุกๆ คน โดยเล่มนี้ “แนน” เขาตั้งใจมาก นำประสบการณ์การเล่นโยคะมานานกว่า 20 ปี มาถ่ายทอด

ที่บอกว่า 20 ปี ต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ เพราะเดี๋ยวนี้เธอเล่นโยคะถึงขั้นบรรลุแล้ว ท่ายาก – ท่าง่าย ได้หมด งานนี้ผู้สื่อข่าวเลยถามว่า เล่นโยคะ หนักขนาดนี้ แล้วเมื่อไหร่จะมีลูกสักทีเพราะแต่งงานมานานร่วม 2 ปีแล้ว คุณสามี + คุณพ่อ ไม่บ่นหรอ ?

เจ้าตัวก็บอกว่า คุยกันแล้วภายในครอบครัวว่าขอเวลาอีก 1 ปี แล้วจะกลับไปทำหน้าที่ของคุณแม่บ้านอย่างเต็มที่ ตอนนี้กำลังสนุกอยู่กับการเล่นโยคะ

มาริโอ้ ยันสาวนอกวงการมีตัวตนอยู่จริง!

ครอบครัวข่าว 3

“มาริโอ้ เมาเร่อ” ยันสาวนอกวงการที่ตกเป็นข่าวมีตัวตนอยู่จริง เผยหน้าตาดี ตรงสเป็ค แต่ยังอยู่ในฐานะเพื่อนกันไม่พร้อมเป็นแฟน

“มาริโอ้ เมาเร่อ” ก่อนหน้านี้เคยออกมาให้ข่าวว่า กำลังคุยๆ อยู่กับสาวนอกวงการ แต่ไม่ยอมบอกว่าเป็นใครที่ไหน เลยมีข่าวตามมาว่า สาวคนที่ว่าอาจจะไม่มีตัวตน มาริโอ้ อาจจะมโน ขึ้นมารึเปล่า ?

งานนี้เจ้าตัวยืนยันมาชัดเจนเลยว่า มีตัวตนจริงๆ เป็นคนที่รู้จักและคุยกันมาได้มาสักระยะหนึ่งแล้ว แต่ยังคบเป็นเพื่อนกันอยู่ ยังไม่ได้เริ่มศึกษาดูใจกันเลย เพราะตอนนี้ยังไม่ได้คิดเรื่องความรัก ขอโฟกัสไปที่เรื่องงานและเรี่องเรียนก่อน โดยบอกว่าเท่าที่คุยด้วยก็โอเค เป็นผู้หญิงหน้าตาดี ตรงสเป็ค และอายุอานามก็พอๆ กัน

แหม!!! ออกมาพูดแบบนี้สาวน้อยสาวไหญ่ก็พากันอกหักดังเปร๊าะกันเป็นแถวเลยหล่ะสิ

Credit ภาพ Fanpage

วันเกิดลูกเจ้าสัว..ไม่ธรรมดา

“ของขวัญคุณพ่อไม่ได้ให้ไว้ดูเล่น แต่จะให้ของที่เอาไปใช้ทำมาเงินต่อได้..เพราะท่านรู้ว่าผมชอบถ่ายรูป”

ครบรอบวันเกิดเบญจเพส หนุ่มคิด-คณชัย ทายาทเจ้าสัวบุญชัย เบญจรงคกุล ชวนเพื่อนดาราเซเลบฯ แต่งชุดธีมชนเผ่าต่างๆ เต้นระบำอินเดียนแดงกันเต็มที่ ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะโมคา

หนุ่มคิด เล่าให้ แพรว ฟังว่าเรื่องธีมไม่ใช่เรื่องยาก เพราะชอบคิดธีมแปลกใหม่เป็นสีสัน แต่สิ่งที่ยากคือการหาสถานที่ “ผมว่าเรื่องหาสถานที่ยากกว่าการคิดธีม เพราะถึงจะเลือกหอศิลป์ MOCA ของคุณพ่อ เป็นที่จัดงาน แต่ประเด็นคือไม่ใช่ว่าเป็นลูกพ่อแล้วจะทำอะไรก็ได้ โอเคว่าผมไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย แต่ก็ต้องทำเรื่องขอใช้สถานที่ แล้วเขามีเวลาเปิดปิด เราเลยต้องเริ่มงานตั้งแต่ 5 โมงเย็น จบเที่ยงคืน ที่สำคัญยังตัดปัญหาด้วยการใช้แก้วพลาสติก กับจานกระดาษแทน (หัวเราะ) กลัวตามเก็บเศษแก้วไม่ไหวครับ” หนุ่มคิด ยังบอกอีกด้วยว่าส่วนตัวเลิกแอลกอฮอลล์มาได้ 3 เดือนแล้ว วันเกิดปีนี้จึงม่าย..มาวววแน่นอน เพราะกระดกแต่น้ำเปล่า เอื้อกๆ

ปิดท้ายด้วยของขวัญวันเกิดจากคุณพ่อ คือกล้อง Canon 5D Mark III อุปกรณ์ครบชุดมูลค่า 3 แสนกว่าบาท เขาบอกว่า “ของขวัญคุณพ่อไม่ได้ให้ไว้ดูเล่น แต่จะให้ของที่เอาไปใช้ทำมาเงินต่อได้..เพราะท่านรู้ว่าผมชอบถ่ายรูป” แหม…ของขวัญหนุ่มคิดจึงไม่ธรรมดา เรียกว่าผ่านการคิดจากเจ้าสัวหมื่นล้านแล้วจริงๆ

เรื่อง LadyMoon เครดิตภาพ ig kitb

10 คู่รักคู่เลิฟที่ใครเห็นก็อิจฉา

วันที่ 14 กุมภาพันธ์ในปีนี้ นอกจากจะเป็นแห่งความรักแล้วก็ยังตรงกับวันมาฆบูชาของบ้านเราอีกด้วย คู่รักหลายคู่ต่างก็ควงแขนออกเดท ทำบุญ ดินเนอร์กันตามประสาคนรู้ใจ

เอสเธอร์แจ๊คพ็อต…วาเลนไทน์

“ตั้งแต่เข้าวงการมา เอสเธอร์ทำงานตรงกับวันวาเลนไทน์ตลอด ไม่เคยมีวันแห่งความรักกับเขาหรอกค่ะ ปีนี้ก็ไปต่างจังหวัด แต่ไม่เป็นไร ขอทำงานหาเงินก่อน ความรักไว้ทีหลัง ไม่รีบค่ะ”

ดาราสาวหน้าใส เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา นางร้ายจากละครคุณชายพุฒิภัทร ช่วงนี้เบรคบทร้ายหันมาเป็นนางเอก กำลังจะมีผลงานละครเรื่องครีบนี้หัวใจมีเธอ ทางช่อง3

เอสเธอร์ บอกว่า ไม่ได้ยึดติดต้องเล่นบทร้าย หรือบทนางเอก ส่วนตัวเล่นได้ทุกบทบาทอยู่แล้ว สำหรับบทที่ท้าทายและอยากเล่นมากสุดคือ บทคนบ้า บทคนขอทาน ก่อนจะเปรยขึ้นว่า “ก็รออยู่นะคะ ว่าจะมีใครส่งบทแบบนี้มาให้เล่นบ้างไหม (ยิ้ม)”

ทุกวันนี้เธอทำงาน 7 วันเต็มทั้งถ่ายละคร อีเว้นท์ ไม่ค่อยมีวันหยุดตามเทศกาลเหมือนคนอื่น พร้อมกับเล่าเรื่องแจ๊คพ็อตช่วงวาเลนไลน์ว่า “ตั้งแต่เข้าวงการมา เอสเธอร์ทำงานตรงกับวันวาเลนไทน์ตลอด (หัวเราะ) ไม่เคยมีวันแห่งความรักกับเขาหรอกค่ะ (ยิ้ม) ปีนี้ก็ไปต่างจังหวัด แต่ไม่เป็นไร ขอทำงานหาเงินก่อน ความรักไว้ทีหลัง ไม่รีบค่ะ (ยิ้ม)”

คุณแม่หวงไหม?
“ไม่ค่อยหวงนะ แต่ถ้ามีใครมาจีบคุณแม่จะช่วยดูมากกว่า เขาจะรู้ว่าใครมาแบบไหน (หัวเราะ) แต่เรามีอะไรก็ปรึกษาท่านทุกเรื่อง การเรียน ความรัก ไม่เคยปิดบัง พูดง่ายๆ คือคุณแม่คนเดียว..เอาอยู่ (หัวเราะ)”

เธอเอ่ยปิดท้ายว่าคงไม่ต้องถามวาเลนไทน์นี้อยู่กับใคร เพราะมีคุณแม่เป็นเงาตามตัวไปทุกที่ ไม่มีเหงาจ้า

เรื่อง LadyMoon เครดิตภาพ IG

หญิงแมงมุมเซอร์ไพรส์ ‘เจ้าปลอม’ อ้างเป็นลูก “ท่านมุ้ย”

“วันนั้นแมงมุมไม่อยู่บ้าน คุณแม่เป็นคนเล่าให้ฟังว่า มีผู้หญิงแต่งตัวดูดี สะอาดเรียบร้อย มาขอพบคุณพ่อ (ท่านมุ้ย-ม.จ.ชาตรีเฉลิม) แต่ท่านไม่อยู่ พอคุณแม่ไปพบก็ตกใจ เพราะไม่ใช่คนที่นัดไว้ จึงถามว่าเป็นใคร มีธุระอะไร เขาบอก ‘มาหาเสด็จพ่อ เป็นพี่สาวแมงมุม กับแม้น (ม.ร.ว.แม้นนฤมาส)”

เพิ่งพูดคุยกันสนุกในหมู่พี่น้องราชสกุล ถึงกลุ่มที่อ้างตัวเป็น ‘เจ้าปลอม’ ปรากฏล่าสุด คุณหญิงแมงมุม-ม.ร.ว.ศรีคำรุ้ง ยุคล บอกกับ แพรวว่าคุณแม่(หม่อมกมลา) เจอเข้ากับตัว เมื่อจู่ๆ มีคนอ้างตัวเป็นลูก “ท่านมุ้ย” ไปแสดงตัวถึงบ้านยุคล

“วันนั้นแมงมุมไม่อยู่บ้าน คุณแม่เป็นคนเล่าให้ฟังว่า มีผู้หญิงแต่งตัวดูดี สะอาดเรียบร้อย มาขอพบคุณพ่อ (ท่านมุ้ย-ม.จ.ชาตรีเฉลิม) แต่ท่านไม่อยู่ ต้องอธิบายก่อนว่าที่บ้านเรามีคนเดินเข้าออกได้ง่ายมาก เพราะเป็นบริษัทหนัง มีทั้งดารา พนักงาน เดินสวนไปมา บังเอิญวันนั้นคุณแม่กำลังรอแขกชื่อคุณอ้อยมาพบพอดี แม่บ้านเลยพาซื่อถามนำไปว่า คุณอ้อยหรือเปล่า จึงถูกผู้หญิงคนนั้นสวมลอยทันที และปล่อยให้เดินขึ้นไปที่ห้องทำงานคุณพ่อ พอคุณแม่ไปพบก็ตกใจ เพราะไม่ใช่คนที่นัดไว้ จึงถามว่าเป็นใคร มีธุระอะไร เขาบอก ‘มาหาเสด็จพ่อ เป็นพี่สาวแมงมุม กับแม้น (ม.ร.ว.แม้นนฤมาส)

คุณแม่เห็นท่าไม่ดี เลยบอกให้ลงมาคุยกันข้างล่าง จากนั้นก็พูดกับเขาว่า ท่านเป็นหม่อมบ้านนี้ แต่ไม่เคยเห็นหน้าเขา และถามย้ำกลับไปอีกทีว่า ‘เป็นลูกใคร’ ผู้หญิงคนนั้นก็ยังยืนยันว่าเป็นลูกคุณพ่อ เท่านั้นแหละ คุณแม่เลยบอกว่าจะให้ตำรวจมาเชิญ หรือจะกลับบ้านดีๆ เขาคงกลัวเลยกลับไป”

คุณหญิงแมงมุมบอก คุณแม่ลืมถ่ายรูปเก็บไว้ ไม่อย่างนั้นคงโพสต์รูปให้ทุกคนระวัง ส่วนตัวคุณหญิงเองพอเล่าจบก็ถอนหายใจโล่งอก บอกคิดว่าจะมีพี่สาวโผล่ขึ้นมาอีกคนเสียแล้ว

เรื่อง LadyMoon Credit ภาพ IG

สักครั้งกับการได้สวมชุดเจ้าสาวของ Vatit Itthi

“เอกลักษณ์ของเราคือ ต้องมีงานแฮนด์เมด ซึ่งเกิดจากการครีเอท หรือทดลองทำเล่นๆ และพัฒนาต่อยอดไปเรื่อยๆ คิดอะไรออกก็ทำ จนกลายเป็นงานแฮนด์เมดที่หลากหลาย วทิตชอบเทคนิคการตัดเย็บอิทธิชอบงานสามมิติ หรืองานดิบๆ เมื่อนำมาผสมผสานกันแล้วดูสวยดี”

พวกเขาคือ คู่หูพาร์ทเนอร์ดีไซเนอร์คนไทย ที่ไปโด่งดังฝั่งอเมริกา ก่อนกลับมาสร้างปรากฏการณ์ชุดเจ้าสาว ที่ผู้หญิงอยากสวมใส่ในวันสำคัญของชีวิตมากที่สุดยุคนี้


Elegance แต่ Simple
ถ้าถามว่าสไตล์ชุดเจ้าสาวของ Vatit Itthi เป็นแบบไหน เพราะอะไรเจ้าสาวหลายคนอยากใส่ชุดที่ตัดโดยฝีมือเขา ทั้งคู่จึงช่วยกันอธิบายตัวตนในงานออกแบบของพวกเขาว่า

“ชุดแต่งงานของวทิต-อิทธิ ประกอบไปด้วยความเรียบ ความคลีน ความไม่เพอร์เฟ็คท์เล็กๆ น้อยๆ และสัมผัสของงานแฮนด์เมดที่มีรูปแบบหลากหลาย โดยดูจากบุคลิกเจ้าสาว ความคลีน ช่วยให้เราเห็นบุคลิกภาพของผู้สวมใส่ได้ชัดเจน มองเห็นความเป็นผู้หญิงและสไตล์ชัดขึ้น เพราะเสื้อผ้าไม่ใช่แค่สิ่งที่เห็นด้วยตา แต่คือสิ่งที่มาประกอบให้คนนั้นแสดงตัวตนของเขาออกมา

“เอกลักษณ์ของเราคือ ต้องมีงานแฮนด์เมด ซึ่งเกิดจากการครีเอท หรือทดลองทำเล่นๆ และพัฒนาต่อยอดไปเรื่อยๆ คิดอะไรออกก็ทำ จนกลายเป็นงานแฮนด์เมดที่หลากหลาย วทิตชอบเทคนิคการตัดเย็บอิทธิชอบงานสามมิติ หรืองานดิบๆ เมื่อนำมาผสมผสานกันแล้วดูสวยดี เช่น บางชุดเรียบมาก เราอาจทำเป็นเชือกผูกกันคล้ายริ้บบิ้นอยู่ข้างหลัง หรือถ้าทำเป็นโบ อาจเป็นโบพับๆ ที่ดูเป็นแฮนด์เมด หรือใช้เทคนิคทำดอกไม้ด้วยผ้า ทำทีละดอก หลายไซส์ผสมกัน แปะเรียงลงไป เหมือนเป็นกอดอกไม้จริงๆ

หรือมีทวิสต์เล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้ดูพิเศษขึ้น หรือการนำผ้าซีทรูมาจับเดรปจากซ้ายไปขวาในแบบที่ไม่เพอร์เฟ็คท์ โดยไม่มีตะเข็บ บางอย่างใส่พลีทลงไปเพื่อเบรคงานจับเดรปที่ดูหวานๆ ให้ดูไม่หวานมาก หรือใส่ลูกไม้ทริมลงไป ด้วยความที่พวกเราขี้เบื่อ เพราะฉะนั้นก็จะคิดทำนั่นนี่ที่เป็นรายละเอียดของชุดเจ้าสาวไปเรื่อยๆ”

เรื่อง : ดั๊มพ์ ภาพ : วรสันต์ ทวีวรรธนะ

เหตุใดเจ้าสาวคนดังต่างก็อยากใส่ชุดแต่งงานของ

รักเธอประเทศไทย

“ถึงวันนี้ก็ไม่เคยเสียใจที่ออกมาแสดงจุดยืน แน่นอนว่า เรายังต้องดูแลอาชีพ ถึงเวลาไปทำงาน พอว่างก็ไปชุมนุม เพื่อให้ทุกคนรู้ว่า เราพร้อมอยู่เคียงข้างประชาชนที่มีความคิดเห็นเหมือนกัน แรกๆ น้องกัน (สิทธิโชค) เป็นห่วงมาก พูดตลอดว่า อย่าไปเลย กลับบ้านหรือยัง แต่หลังๆ เขาถามว่า วันนี้ไปหรือเปล่า ขอไปด้วยนะ ลูกๆ คนอื่นก็เป็นเหมือนกัน ต้องบอกว่า พ่อแม่ไม่เคยใส่ความคิดนี้ลงหัวลูก แต่เป็นความรู้สึกร่วมกันจริงๆ”

“คู่รักในวงการบันเทิงที่รักประเทศเต็มหัวใจ” ข้างต้นคือ “โจทย์” ที่กองบรรณาธิการแพรวคิดถึงคอลัมน์สัมภาษณ์ประจำปักษ์ “รักประเทศไทย” แน่นอนว่า มีรายชื่อนับไม่ถ้วนที่ผุดขึ้นมาในห้องประชุม แต่คู่สามีภรรยาที่ทุกคนคิดตรงกันแบบไม่มีข้อโต้แย้งคือ “สินจัย – ฉัตรชัย เปล่งพานิช”

เราไม่ได้เพียงพูดถึงเหตุการณ์ล่าสุดที่สองนกออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมือง เพราะระยะเวลาที่ผ่านมา “งานละคร” ที่ทั้งคู่ทำ ยังแฝงแง่คิดของปัญหาต่างๆ ของสังคมไทย ที่สามารถแก้ไขได้ ถ้าทุกคนมีความรักอย่างจริงใจให้กับบ้านเกิดหลังใหญ่ของพวกเรา

อาชีพนักแสดงมักถูกมองว่า เสี่ยงต่อการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ทำไมสินจัยกับฉัตรชัยจึงกล้าแสดงจุดยืนครับ
นกหญิงตอบก่อน “ถามว่ามีผลต่อเรื่องงานไหม ก็คงมี ซึ่งทำให้เราต้องคิดอย่างรอบคอบ แต่สาเหตุที่กล้าแสดงจุดยืน เพราะนี่คือเรื่องของประเทศชาติ และเราคือประชาชน นกไม่ได้คิดเรื่องเป็นนักแสดง จะโดนคนดูต่อว่า หรือเรตติ้งจะตก ไม่คิดถึงเลยด้วยซ้ำ เรารู้สึกแค่ว่า เมื่อนักการเมืองทำไม่ถูกต้อง เรามีสิทธิแสดงความคิดเห็นไม่ใช่หรือ เราปล่อยให้เรื่องไม่ดีเกิดขึ้นนานพอแล้ว รู้สึกว่า อยู่เฉยๆ ไม่ได้ เช่นเดียวกับความรู้สึกของใครหลายคน แต่รัฐบาลมักพูดเสมอว่า มาจากการเลือกตั้ง เราจึงปล่อยให้บริหารบ้านเมืองต่อไป ทั้งที่เห็นมาตลอดว่า สิ่งที่เขาทำอยู่ไม่ถูกไม่ควร นานวันเข้า คงมีคนรู้สึกแบบเดียวกันมากขึ้นเรื่อยๆ จนเกิดการรวมตัวกัน เราสองคนตั้งใจไปกันตั้งแต่เวทีอยู่ที่สามเสน แต่วันที่จะออกจากบ้าน ปรากฏว่าแกนนำพามวลชนย้ายไปอยู่ที่ราชดำเนินพอดี

นกชายเล่าบ้าง “เรื่องออกไปชุมนุม ผมกับนกหญิงแทบไม่ได้คุยกันว่า เธอต้องไปนะ เป็นความรู้สึกที่ตรงกันมากกว่า ต่างคนเป็นไปในรูปแบบนี้ และเป็นกันทั้งบ้านอย่างที่นกหญิงบอกจริงๆ คนแรกที่ออกไปคือ ‘น้องดอม’ (พีรดนย์) ลูกชายคนเล็ก ไปตั้งแต่ชุมนุมที่สวนลุมพินี ก่อนหน้าจะมีเวทีสามเสนอีก แล้วไปโดยไม่บอกพ่อแม่ด้วย ผมมารู้ตอนมีข่าวในอินเตอร์เน็ตว่า ลูกชายของฉัตรชัยกับสินจัยออกไปชุมนุม เราก็ตกใจว่า เฮ้ย! ไปตั้งแต่ตอนไหน”

นกหญิงแสดงความคิดเห็นต่อ “ที่ดอมไปก่อนอาจเพราะเขาเรียนที่โรงเรียนจิตรลดาตั้งแต่เด็ก จากนั้นย้ายไปเรียนที่วชิราวุธฯ ซึ่งเป็นโรงเรียนของพระเจ้าอยู่หัวทั้ง 2 แห่ง พอมีเหตุเกี่ยวข้องกับสถาบันหรือประเทศ เขาจึงรู้สึกว่า อยู่เฉยไม่ได้”

บรรยากาศในพื้นที่ชุมนุมเป็นอย่างไรบ้างครับ
นกหญิงยิ้มแล้วตอบคำถาม “คึกคักมาก เราสองคนถูกขอถ่ายรูปตลอดทาง จนช่วงหลังต้องบอกว่า ขอเดินไปด้วยถ่ายรูปไปด้วย เพราะถ้าหยุดเดินเมื่อไร จะติดอยู่ตรงนั้นพักใหญ่ นกไม่ได้หงุดหงิดนะ เพียงแต่เราไม่ได้อยากมาเพื่อเป็นจุดเด่น อยากมาฟังปราศรัยบนเวที และนั่งอยู่กับผู้ชุมนุมมากกว่า แต่ไม่ได้รู้สึกอารมณ์เสีย ดีใจด้วยซ้ำที่ได้มาให้กำลังใจกันและกัน

“ส่วนใหญ่เราจะยืนรอบๆ เวทีราชดำเนิน จนวันปีใหม่ที่ผ่านมานกชวนพี่นกชายไปด้านหลังเวที เพราะอยากให้กำลังใจทุกคนที่เสียสละอยู่ตรงนี้ได้ 2 เดือนแล้ว ทั้งที่วันปีใหม่คงอยากพัก อยากกลับบ้าน แต่มีคนจำนวนมากที่นอนค้างอยู่ที่ราชดำเนิน เหมือนทุกคนเลือกที่จะมาอยู่เป็นเพื่อนกัน นกจึงชวนพี่นกชายว่า ไปหลังเวทีเถอะ”

นกชายพูดต่อ “ส่วนใหญ่เราไปเวทีชุมนุมวันที่ว่างจากงาน หรือวันสำคัญที่ทุกคนต้องออกไปรวมตัวกัน เช่น 9 ธันวาคม และอีกหลายวันของปีที่แล้ว หรือวันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2557 ที่กลุ่ม กปปส. ประกาศ Shut Down กรุงเทพฯ (แพรวคุยกับสองนกก่อนวันดังกล่าว) ที่บริษัทมีงาน แต่พอเสร็จแล้วตั้งใจยกขบวนไปกันหมด ไม่ได้เป็นคำสั่งนะครับ แต่ทุกคนพร้อมใจกันออกไปทำเพื่อประเทศชาติ บ้านที่เราเกิดและเติบโต ถ้าไม่รักแผ่นดินนี้ ก็ไม่รู้จะรักแผ่นดินไหน เราซึมซับรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตจนถึงปัจจุบัน ประวัติศาสตร์บอกเราว่า ใครที่ดูแลเราและทำให้เรามีความสุข สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ที่เราต้องทำคือ ดูแลและตอบแทนบุญคุณประเทศชาติ”

เรื่อง ปารัณ เจียมจิตต์ตรง ภาพ : กฤตธี ผ่องเสรี
ติดตามเรื่องแง่คิดในการทำงานของทั้งสองต่อได้ที่นิตยสารแพรวฉบับ 827 วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2557 คอลัมน์สัมภาษณ์

ณเดชน์ คูกิมิยะ แพลนชีวิตอีก 5 ปีแต่งแน่?!

ผมไม่อยากมีลูกตอนแก่ อยากอยู่กับใครสักคนที่เรารู้สึกมีความสุข และทำให้เขามีความสุข ผมไม่อยากนำค่านิยมในวงการบันเทิงมาอ้างว่า แต่งแล้วเรตติ้งจะตก

พระเอกสุดฮอต ณเดชน์ คูกิมิยะ ปีนี้ตารางคิวงานยังคงแน่นตลอดปี เริ่มด้วยถ่ายละคร รวบตึง 7วัน กับซีรีย์ละครชุด TheRisingsun รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน รอยฝันตะวันเดือดและลมซ่อนรัก ทุกเรื่องเร่งถ่ายทำเพื่อออกอากาศในปีนี้ทางช่อง 3

แสตมป์ผู้ชาย (ธรรมดา) ที่คุณก็รู้ว่าใคร

“ความฝันสมัยเด็ก ผมแค่อยากทำเพลง อยากมีเพลงของตัวเอง เกิดขึ้นเองโดยที่เราไม่ได้ไปกำหนด คงเหมือนเป็น Passion หนึ่งเดียวของเรา ถ้าให้ไปทำอย่างอื่นก็ไม่รู้จะทำอะไร ผมจึงเปรียบความอยากเล่นดนตรีเหมือนยักษ์เขียว หรือ Hulk ที่ซ่อนอยู่ในตัว พอมีอะไรมาแตะหน่อยก็อยากทำอีก เหมือน Hulk ที่โผล่ออกมา แล้วก็จะเจ็บปวดที่ไม่ได้ทำ”

ย้อนกลับไปเมื่อ 6 ปีก่อน เรารู้จักผู้ชายคนนี้โดยบังเอิญระหว่างอยู่ในงานหนึ่ง ได้ยินคนข้างๆ พูดว่า ‘นั่นไงนักร้องที่ชื่อแสตมป์’ จำได้ว่าตรงปรี่เข้าไปขอชื่อพร้อมเบอร์เสร็จสรรพ ทั้งที่ในหัวยังตั้งคำถามว่า ‘ผู้ชายอะไรชื่อแสตมป์’

แต่นับจากนั้นความดังของเขาก็เหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด วันนี้เราได้รู้จักศิลปินและนักแต่งเพลงที่ชื่อ “แสตมป์” แบบคมชัดขึ้นเพราะพ็อกเก็ตบุ๊คที่ชื่อ “ก่อนความฝันจะล่มสลาย” ผลงานเขียนฉบับจริงจังครั้งแรกในชีวิตของสแตมป์กับสำนักพิมพ์ springbooks ในเครือบริษัท อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน)

บทสัมภาษณ์ต่อไปนี้ ขอแนะนำให้หาซื้อ “ก่อนความฝันจะล่มสลาย” มาอ่านให้จบเล่มเสียก่อน ไม่อย่างนั้นคุณจะคุยกับเราสองคนไม่รู้เรื่อง

เกริ่นทักทายกันตามประสาคนรู้จักด้วยคำถามถึงที่มาของการตัดสินใจมาใช้ชีวิตนักเขียน

เชน ธนา ฝันบั้นปลาย “ผมอยากเป็นครูสอนเลข”

“ผมอยากทำงานหนักตอนนี้ ลุยไปเรื่อยๆ เพื่อพอถึงจุดหนึ่งๆ จะได้มองหาอะไรที่เรียบง่าย ถ้าอายุ 33 ทุกอย่างเข้าที่ ผมอาจเอาเงินไปลงทุนตลาดหุ้นอะไรที่นิ่งๆ ไม่ต้องลงแรงหรือไม่ก็ผันตัวไปเป็นคุณครู”

ห่างหายจากการจับไมค์ออกอัลบั้มใหม่ เพราะหันไปรับงานละครที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเป็นหนึ่งในพระเอกละครร้อนแรง ผัวชั่วคราว ทางช่อง 8 มีโอกาสสนทนากันกับหนุ่มเชนจึงอัพเดตสเตตัส สิ่งที่อยากทำที่สุดในชีวิตให้ “แพรว” ทราบก่อนใคร

“ผมอยากทำงานหนักตอนนี้ ลุยไปเรื่อยๆ เพื่อพอถึงจุดหนึ่งๆ จะได้มองหาอะไรที่เรียบง่าย ถ้าอายุ 33 ทุกอย่างเข้าที่ ผมอาจเอาเงินไปลงทุนตลาดหุ้นอะไรที่นิ่งๆ ไม่ต้องลงแรงหรือไม่ก็ผันตัวไปเป็นคุณครู”

ทำไมถึงอยากเป็นครู?

ความรักของภรรยาและคุณแม่มือใหม่

“พอเริ่มนับหนึ่งตั้งแต่รู้ว่าท้อง หลังจากนั้นก็ไม่ได้หยุดพักเลย แล้วอุ้มอยู่กับคริสโตเฟอร์แค่สองคน ไม่มีใครช่วย จึงเป็นพ่อแม่มือใหม่ที่ต้องช่วยเหลือกันเอง ซึ่งดีนะคะ ทำให้เราได้ใกล้ชิดลูกและฝึกตัวเองเยอะ”

ปลายปี พ.ศ. 2554 เราได้ยินข่าวว่า อุ้ม-สิริยา พุกกะเวส แต่งงานกับชายชาวต่างชาติ จากนั้นไม่กี่วัน เธอก็บินไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกา

นับจากวันนั้นจนถึงวันนี้ เราได้ยินข่าวของอุ้มไม่มากนัก กระทั่งปลายปีที่ผ่านมา อุ้มบินกลับมาเยี่ยมครอบครัวที่เมืองไทยในช่วงสั้นๆ พร้อมกับสามี ‘คริสโตเฟอร์ มาร์ควอร์ท’ และ ‘น้องเมตตา’ ลูกสาวตัวน้อยที่น่ารักน่าชัง โปรยยิ้มให้ทีมงานตกหลุมรักตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอ

วันนี้อุ้มมาพร้อมกับเรื่องราวชีวิตในช่วงเวลาที่หายไป ตั้งแต่วันแรกที่เจอคริสโตเฟอร์ รวมถึงเรื่องราวความรักระหว่างทาง จนถึงวันที่ทั้งคู่ได้รับของขวัญล้ำค่าที่สุดในชีวิตที่ชื่อ เมตตา

บทบาทคุณแม่เหนื่อยได้ใจไหมครับ

‘ชาย-อานันทวีป’ คู่หูคนใหม่ ‘อั้ม-พัชราภา’

“จริงๆ ไม่มีอะไร ช่วงนี้อั้มค่อนข้างว่าง เพราะรับงานน้อยลง ไม่ได้เล่นละคร ส่วนชายก็ว่าง ปีที่แล้วลุยงานหนัก เจอคนโกงเราอีก…รู้สึกเหนื่อย อยากพักใช้ชีวิตชิลๆ ทำให้มีเวลาว่างค่อนข้างตรงกับอั้มมากกว่าคนอื่น”

กลายเป็นเพื่อนคู่หูคนใหม่ของนางเอกซุปตาร์ อั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ อีกคนสำหรับ ชาย-อานันทวีป ชยางกูร ณ อยุธยา เซเลบฯ คนดังหนึ่งในก๊วนเพื่อนสนิทสาวอั้ม ด้วยเหตุผลเบาๆ ชีวิตว่าง…ตรงกัน และอยากใช้ชีวิตชิลๆ ทำให้เจอกันเกือบทุกวัน!!

ไม่เพียงนัดปาร์ตี้สังสรรค์ในกลุ่มเพื่อน ล่าสุด อั้ม-พัชราภา และ ชาย-อานันทวีป โพสรูปในอินสตาแกรมไปขี่ม้าด้วยกัน จนคนสงสัยนางเอกซุปตาร์หันไปขี่ม้า เพื่อเตรียมตัวฝึกซ้อมลงละครเรื่องใหม่หรือเปล่า ชาย-อานันทวีป รับอาสาตอบคำถามแทนเพื่อน

“จริงๆ ไม่มีอะไร ช่วงนี้อั้มค่อนข้างว่าง เพราะรับงานน้อยลง ไม่ได้เล่นละคร ส่วนชายก็ว่าง ปีที่แล้วลุยงานหนัก เจอคนโกงเราอีก…รู้สึกเหนื่อย อยากพักใช้ชีวิตชิลๆ ทำให้มีเวลาว่างค่อนข้างตรงกับอั้มมากกว่าคนอื่น (หัวเราะ)

“เรื่องขี่ม้า อั้มโทรมาชวน บอกอยากออกกำลังกาย เขาชอบกีฬาขี่ม้า พอลงสนามปุ๊บเธอเรียนเร็ว คล่องมาก เพราะมีพื้นฐานมาก่อนแล้ว ส่วนชายต้องรื้อฟื้นหน่อยเพราะห่างสนามมานาน เพื่อนคนอื่นถ้าว่างก็ไปด้วยกัน แม้บางคนจะไม่กล้าขี่ม้าเพราะกลัว”

ชายเล่าบรรยากาศวันแรก ที่สาวอั้มไปขี่ม้าว่าฮือฮาไม่เบา “โอ้โฮ…She สวยเกิ๊น (เสียงสูง) พร็อบแน่น ชุดเซ็กซี่ แล้ว keep look ด้วยนะ มาแบบสวยทุกแม็ตช์ อยู่บนหลังม้าทำให้ดูสง่า…ไม่รู้ว่าบรรดาหนุ่มๆ ที่ซ้อมขี่ม้าอยู่ข้างๆ จะมีสมาธิกันหรือเปล่า (หัวเราะ)”

ก่อนปิดท้ายเหตุผล ที่ทำให้ทั้งคู่กลายเป็นเพื่อนสนิท ชายบอกเพราะคบแล้วสบายใจ จริงใจ ไม่ได้หวังผล!! ที่สำคัญอั้มรักเพื่อนมาก และติดเพื่อนมากเช่นกัน จนเป็นที่รู้กันในกลุ่มว่าก๊วนนี้เป็น “พวกขาดเพื่อนไม่ได้”

งานนี้ชายแอบเปรย ให้ชาวแพรวทราบว่า ที่เห็นก๊วนเพื่อนไฮเปอร์สุดแซ่บนัดสังสรรค์กันทู้…กวัน ไม่ใช่แค่คุยเฮฮาไร้สาระ แต่ทว่าแอบเตรียมผุดโปรเจ็กท์อลังการกันอยู่จ้า…โปรดติดตาม

เรื่อง LadayMoon ภาพ ig aum_patchrapa @chai_anandadvip

23 ปี ที่ล้มลุกคลุกคลานก่อนจะเป็นแชมป์ The Voice

“พออายุ 17 ผมย้ายไปอยู่กับน้าที่โคราช เริ่มทำงานเป็นครูสอนกีตาร์คลาสสิก แต่ทำได้ไม่นานก็ต้องหยุด เพราะมีปัญหาไม่ลงตัวหลายอย่าง จากนั้นผมย้ายออกมาเช่าบ้านอยู่ แล้วทำงานสารพัดเพื่อเลี้ยงตัวเอง ตั้งแต่รับจ้างถางหญ้า เป็นพนักงานขายรองเท้าที่ห้างสรรพสินค้า”

“ชีวิตไม่มีอะไรง่าย” ประโยคข้างต้นใช้ได้ดีกับเรื่องราว 23 ปี ในชีวิตของ “สงกรานต์ – รังสรรค์ ปัญญาเรือน” ผู้ชนะรายการ The Voice Thailand ซีซั่น 2 ที่วันนี้มาเปิดอกคุยกับผมถึงเส้นทางในชีวิต ที่หลอมรวมด้วยความสุขอย่างล้นและความทุกข์อย่างสาหัส

ก่อนไปถึงตรงนั้น อยากบอกผู้อ่านว่า ถ้าคุณนั่งอยู่ใกล้ๆ จะสัมผัสได้ถึงดวงตาที่มุ่งมั่นของชายหนุ่มคนนี้ เป็นดวงตาของคนที่เอาจริง และไม่ยอมแพ้ให้กับชีวิตง่ายๆ

MR.PRAEW : ชีวิตคร่าวๆ ของคุณเป็นอย่างไร
สงกรานต์ : ผมเกิดที่ลำปาง พ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่ผมอายุประมาณ 10 ขวบ ตอนนั้นยังไม่ค่อยเข้าใจหรอกครับ รู้แต่ว่า หลายๆ วันพ่อจะกลับบ้านสักครั้ง จนวันหนึ่งที่แม่บอกว่า พ่อไปแล้ว แต่แม่จะอยู่ดูแลลูก ผมจำคำพูดของแม่เป๊ะๆ ไม่ได้ แต่ความรู้สึกในตอนนั้นยังฝังอยู่ในสมอง พอเริ่มเล่นกีตาร์เป็นตอนอายุ 12-13 ผมจึงบอกตัวเองว่า จะเป็นศิลปินเพื่อสร้างครอบครัวขึ้นมาใหม่

MR.PRAEW : ทราบว่า ชีวิตคุณเริ่มด้วยการเป็นครูสอนดนตรี
สงกรานต์ : ใช่ครับ พออายุ 17 ผมย้ายไปอยู่กับน้าที่โคราช เริ่มทำงานเป็นครูสอนกีตาร์คลาสสิก แต่ทำได้ไม่นานก็ต้องหยุด เพราะมีปัญหาไม่ลงตัวหลายอย่าง จากนั้นผมย้ายออกมาเช่าบ้านอยู่ แล้วทำงานสารพัดเพื่อเลี้ยงตัวเอง ตั้งแต่รับจ้างถางหญ้า เป็นพนักงานขายรองเท้าที่ห้างสรรพสินค้า เด็กเสิร์ฟและล้างจานตามร้านอาหาร ทำขนมรังผึ้งไปแอบขายตามห้าง ราคากล่องละ 10 บาท จนไปถึงขายลูกชิ้นทอด ผมไม่เลือกงาน อะไรก็ทำได้ทั้งนั้น แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยทิ้งเลยคือ การเล่นดนตรีตามร้านตอนกลางคืน คล้ายกับว่า งานทั้งหมดนั้นช่วยให้ผมมีชีวิตรอดในแต่ละวัน เพื่อได้เล่นดนตรี

MR.PRAEW : ช่วงชีวิตที่หนักสุดขีดเป็นอย่างไร
สงกรานต์ : ตื่นตั้งแต่เช้าไปขายรองเท้าที่ห้างจนถึง 2 ทุ่ม แล้วไปรอเล่นดนตรีกลางคืนต่อ ได้นอนวันละไม่ถึง 5 ชั่วโมง ตารางชีวิตวนซ้ำอย่างนั้นเกือบปี ทำงานสัปดาห์ละ 7 วัน ไม่มีวันหยุด สำหรับผม เวลาหนึ่งปีในตอนนั้นยาวนานเหมือน 10 ปี… มิสเตอร์แพรวเคยล่องเรือแล้วไม่เห็นฝั่งไหม ผมรู้สึกแบบนั้น เหมือนพายเรือไปเรื่อยๆ โดยไม่มีเข็มทิศ ไม่รู้ว่าจะไปถึงเกาะไหน หรือต้องเจออะไร เพียงแต่ผมไม่เคยท้อเท่านั้น

เรื่อง Mr.Praew ภาพ : โยธา รัตนเจริญ, IG

keyboard_arrow_up