ลาซาด้า x YSL Beauty เปิดแฟลกชิปสโตร์บนอีคอมเมิร์ซ LazMall Luxury สัมผัสความงามไฮเอนด์ง่ายแค่ปลายนิ้ว

Alternative Textaccount_circle

ลาซาด้า ประเทศไทย จับมือ YSL Beauty แบรนด์เครื่องสำอางระดับไฮเอนด์ เปิดตัวแฟลกชิปสโตร์อีคอมเมิร์ซ แบบเอ็กคลูซีฟแห่งแรกกับ LazMall Luxury นำเสนอไลน์อัพผลิตภัณฑ์ ทั้งน้ำหอม เมคอัพ และสกินแคร์ พร้อมมอบประสบการณ์ช้อปปิ้งสุดพิเศษสะท้อนเอกลักษณ์ของแบรนด์ไฮเอนด์ระดับโลกอย่างเต็มรูปแบบ เปิดร้านออนไลน์อย่างเป็นทางการที่ลาซาด้า พร้อมช้อปข้อเสนอสุดพิเศษฉลองเปิดร้าน ตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคม นี้ 2 ทุ่มเป็นต้นไป

ลาซาด้า x YSL Beauty เปิดแฟลกชิปสโตร์บนอีคอมเมิร์ซ LazMall Luxury สัมผัสความงามไฮเอนด์ง่ายแค่ปลายนิ้ว

เหล่านักช้อปสายบิวตี้เตรียมสัมผัสกับผลิตภัณฑ์ความงามที่ถ่ายทอดเอกลักษณ์อันเปี่ยมมนต์เสน่ห์และสไตล์ที่โดดเด่นตามแบบฉบับของ YSL Beauty โดยมีไฮไลท์อย่างน้ำหอมระดับไอคอนิกจากตระกูล LIBRE, Y และ MYSLF รวมไปถึงลิปออยล์กลอสรุ่นใหม่ล่าสุดจากคอลเลกชัน YSL LOVESHINE ที่มอบสัมผัสแวววาว ช่วยให้ริมฝีปากดูอวบอิ่มและเปล่งประกายอย่างเป็นธรรมชาติ หรืองานผิวชื่อดังอย่าง TOUCHE ÉCLAT GLOW PACT คุชชันเนื้อบางเบามอบผิวโกลว์อย่างเป็นธรรมชาติ และ LE CUSHION ENCRE DE PEAU คุชชั่นสูตรแมตต์ ในตลับหนังดีไซน์หรู ตลอดจนสกินแคร์สำหรับทุกความต้องการอย่างครบครัน

ความร่วมมือในครั้งนี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของ YSL Beauty ในศักยภาพของ LazMall Luxury ในฐานะช่องทางอีคอมเมิร์ซชั้นนำที่ผสานประสบการณ์แบรนด์ระดับพรีเมียมเข้ากับนวัตกรรม เพื่อเข้าถึงนักช้อปในยุคดิจิทัล โดยลาซาด้ามุ่งยกระดับประสบการณ์การช้อประดับพรีเมียมกับสินค้าแท้จากแบรนด์ระดับโลก เพื่อมอบคำนิยามใหม่สำหรับสินค้าลักชูรี ที่มาพร้อมความหรูหราบวกกับความสะดวกสบายไร้รอยต่อ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่อย่างลงตัว

สัมผัสประสบการณ์ความงามเหนือระดับกับแฟลกชิปสโตร์ YSL Beauty เฉพาะที่ลาซาด้า พร้อมช้อปข้อเสนอสุดพิเศษฉลองเปิดร้าน YSL BEAUTY SUPER GRAND OPENING รับคูปองส่วนลดสูงสุด 10% และของขวัญมูลค่าสูงสุด 5,500 บาท พร้อมรับกระเป๋า YSL ตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคม 2568 ตั้งแต่ 20.00 น. ถึง 26 พฤษภาคม 2568 ได้ที่ https://www.lazada.co.th/shop/ysl-beauty


เทมากิซูชิ

จุดเริ่มต้นของร้านแฮนด์โรลบาร์ อาหารญี่ปุ่นแบบ เทมากิซูชิ

Alternative Textaccount_circle
เทมากิซูชิ
เทมากิซูชิ

ปัจจุบันคนไทยส่วนใหญ่มีความเร่งรีบ ต้องการความสะดวก และรวดเร็ว แม้แต่การรับประทานอาหารก็เช่นกัน แล้วอะไรที่จะตอบโจทย์ผู้บริโภคได้มากที่สุด 3 พี่น้อง “กอบกุลสุวรรณ” ได้แก่ เบ๊นซ์-ปณิธาน, โบ๊ท-ปณิธิ และเพลน-ปวิตรา กอบกุลสุวรรณ จึงมองหาสิ่งที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค และบวกกับครอบครัวมีความชื่นชอบอาหารญีปุ่นอยู่แล้ว จึงเป็นจุดเริ่มต้นของร้านแฮนด์โรลบาร์ อาหารญี่ปุ่นแบบ เทมากิซูชิ ซึ่งถือว่าเป็น Original Number 1 Hand roll bar ในไทยครั้งแรก! ในปี 2566 ภายใต้ชื่อ KANORI Hand roll bar

โดดเด่นด้วยการทำแฮนด์โรลที่สดใหม่ จากหน้าเคาท์เตอร์บาร์พร้อมเสิร์ฟถึงมือแบบคำต่อคำ ด้วยวัตถุดิบพรีเมียมที่คัดสรรพิเศษ ข้าวปั้นที่ปรุงด้วยสูตรเฉพาะของทางร้าน ห่อด้วยสาหร่ายที่มีความกรอบพิเศษ ด้วย 3 องค์ประกอบซึ่งเป็นหัวใจหลักสำคัญ พร้อมบรรยากาศที่อบอุ่น สบายตา เป็นบาร์สไตล์ญี่ปุ่นที่เสิร์ฟแบบ โอมากาเสะคำต่อคำ จึงทำให้ KANORI ได้รับความนิยมจากกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่นโดยเฉพาะซูชิเลิฟเวอร์ ในปัจจุบันมีทั้งหมด 4 สาขา ได้แก่ สาขาสุขุมวิท 49 กับบรรยากาศสบายตาท่ามกลางธรรมชาติ, สาขาเอ็มควอเทียร์ ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนทำงานในเมืองที่ต้องการความรวดเร็ว, สาขาเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ด้วยบรรยากาศสบาย ๆ ดูไม่อึดอัดท่ามกลางวิวใจกลางเมือง, และล่าสุด สาขาไอคอนสยาม นอกจากบาร์แล้ว ที่นี่ยังมีห้องสำหรับลูกค้าที่ต้องการความเป็นส่วนตัวขนาด 5 – 6 ที่นั่งให้บริการด้วย

เทมากิซูชิ

KANORI Hand roll bar ส่งเซ็ต Premium Five ความอร่อยเซ็ตใหม่ เสิร์ฟทั้งหมด 5 โรล เริ่มต้นเปิดต่อมรับรสสัมผัสความพรีเมียมด้วย Ankimo โรลสาหร่ายกรอบกับมูสตับปลาอังกิโมะ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นฟัวกราส์จากท้องทะเล ซึ่งจัดอยู่อันดับที่ 32 ใน 50 อาหารชั้นเยี่ยมที่ดีที่สุดในโลก โดยผลสำรวจจากซีเอ็นเอ็น ห่อด้วยสาหร่ายกรอบพิเศษตัดกับความละมุนของมูสจึงทำให้โรลนี้ลงตัวที่สุด ต่อด้วยคำที่ 2 Madai Plum โรลปลามาได (ปลากระพงแดงญี่ปุ่น) เนื้อนุ่ม รสชาติหวาน เสิร์ฟด้วยซอสบ๊วยและใบโอบะ ทำให้โรลนี้สดชื่น หอม ติดเปรี้ยวเล็ก ๆ ตัดเลี่ยนได้ดี เสิร์ฟต่อด้วยโรลแบบจัดเต็มกับ KANORI Roll ซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ของทางร้าน (+290 บาท) เพื่อเพิ่มความพรีเมียมด้วย ล็อบสเตอร์ (Lobster), ไข่หอยเม่น (Uni), ทูน่าบดผสมกับต้นหอม (Negitoro) และ ไข่ปลาแซลมอน (Ikura) เรียกว่าโรลนี้เป็นโรลที่คัดสรรวัตถุดิบจากอาหารทะเลไว้ในคำเดียว แต่ถ้าลิ้มรสอาหารทะเลยังไม่จุใจ สามารถไปต่อโรลที่ 4 Awabi โรลหอยเป่าฮื้อ วัตถุดิบชั้นเลิศที่ราดด้วยซอสตับหอยเป่าฮื้อที่มีความเข้มข้นจึงทำให้คำนี้ได้รสชาติของหอยเป่าฮื้อไปแบบเต็มคำ และปิดท้ายด้วยเมนูใหม่ล่าสุด The Unagi โรลปลาไหลน้ำจืด ที่ทำจากปลาไหลสด ๆ นำมาแล่แล้วย่างจนหนังกรอบ หอมกลิ่นเบิร์นชวนรับประทาน พร้อมความหวานของเนื้อปลาไหล ราดด้วยซอสสูตรพิเศษของคาโนริ บวกกับความกรุบกรอบของสาหร่ายจึงทำให้โรลนี้เป็นคำที่ส่งท้าย Premium Five ด้วยความฟิน

ร่วมลิ้มลองความพรีเมียมสุดพิเศษกับเซ็ต KANORI Premium Five ในราคา ที่ร้าน KANORI Hand roll bar ทุกสาขา ได้แก่ สุขุมวิท 49, เอ็มควอเทียร์ ชั้น G อาคาร B, เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ชั้น 5 และ ไอคอนสยาม ชั้น G โซน The Veranda และติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Website: www.kanorihandroll.com, Facebook: Kanori, IG: kanorihandroll

เปิดวาร์ป 4 นักแสดง ไทย – เกาหลี THE BANGKOK BOY SERIES

account_circle

เปิดวาร์ป 4 นักแสดง สองสัญชาติ ไทยและเกาหลี “เทป, โจชีฮยอน, ท็อป และ ชเว” จากซีรีส์ THE BANGKOK BOY SERIES

กำลังเข้มข้นสุดๆ สำหรับ “THE BANGKOK BOY SERIES” ที่นำแสดงโดย 4 นักแสดงไทยและเกาหลีใต้ “เทป-วรชัย ศิริคงสุวรรณ , โจชีฮยอน , ชเวซึงโฮ และ ท็อป – ปิยวัฒน์ พงศ์คณิตานนท์

เทป & โจชีฮยอน

อะไรคือความท้าทายของ เทป และ ชีฮยอนค ในการเล่นซีรีส์วายครั้งแรกคะ

เทป     “ตอนแรกผมก็แอบเกร็งว่าคาแร็คเตอร์ ‘ซัน’ ค่อนข้างแตกต่างจากตัวผมพอสมควร เพราะซันเป็นคนจริงจัง แต่ผมขี้เล่น ชอบคุย จึงต้องปรับบุคลิกให้นิ่งขึ้น ซึ่งหลังจากแคสท์ติ้งผ่าน ผมต้องกลับไปทำการบ้าน ดูซีรีส์วายเพิ่มเติม เพื่อศึกษาว่าในฐานะผู้ชมเขารู้สึกอย่างไร ชอบความรู้สึก ชอบซีนแบบไหน เพื่อนำมาปรับใช้กับการแสดงของตัวเอง ซึ่งบางฉากก็ดูแล้วเขินจริงๆ นะครับ (ยิ้ม) ซึ่ง THE BANGKOK BOY SERIES ตัวละครอาจจะไมได้หวาน มุ้งมิ้งมาก แต่จะมีความโรแมนติกดราม่า และแอ็คชั่นผสมผสาน เป็นความสนุกอีกรูปแบบหนึ่งครับ”

ชีฮยอน          “ตอนแรกผมตัดสินใจจะมาพักผ่อนที่ประเทศไทยประมาณ 1 เดือน แต่ ‘ซึงโฮ’  เพื่อนของผมที่แสดงเรื่องนี้ชวนให้ผมมาแคสติ้งซีรีส์เรื่องนี้ ปรากฏว่าผมแคสติ้งผ่าน จากที่จะมาเที่ยวแค่ 1 เดือนตามแผนเดิม กลายเป็นว่าทำงานที่ประเทศไทยต่ออีก 8 – 9 เดือน การใช้ชีวิตที่ไทยของผม ถึงจะทำงานเป็นหลัก ไม่ค่อยได้ไปเที่ยว แต่ผมสัมผัสได้ว่าทุกคนใจดีมาก (ยิ้ม) ถ้ามีโอกาสก็อยากมาเที่ยวเมืองไทยอีกหลายๆ ที่ครับ

“ส่วนการทำงานที่ไทย ทางทีมจะเขียนบทให้ผมเป็นภาษาเกาหลี เพื่อให้ผมเข้าใจอารมณ์ของตัวละคร จากนั้นผมจะต้องท่องบทเป็นภาษาไทย เพราะในเรื่องต้องพูดภาษาไทย ซึ่งเป็นอะไรที่ท้าทายและต้องใช้ความพยายามมากครับ และเป็นครั้งแรกที่ได้ถ่ายเลิฟซีนกับผู้ชายด้วยครับ”  

เทป และ ชีฮยอน  จำวันแรกที่ร่วมงานกันได้ไหม เป็นอย่างไรบ้างคะ

เทป     “วันแรกที่รู้ว่าต้องร่วมงานกับนักแสดงเกาหลี ผมถามทีมงานก่อนเลยว่า ชีฮยอนพูดภาษาไทยได้ไหม ซึ่งทีมงานบอกว่า ไม่ได้เลย ผมก็กังวลนะว่าเราจะสื่อสารกันอย่างไร เพราะภาษาไทยมีความซับซ้อน แต่พอได้เวิร์คช็อปและเรียนแอ็คติ้งด้วยกัน ถามว่าภาษาเป็นอุปสรรคมากไหม ก็ไม่ขนาดนั้นครับ เราเน้นการสื่อสารทางอารมณ์และผมพยายามคุยภาษาอังกฤษกับน้องเพื่อละลายพฤติกรรม ทำให้ทำงานได้ง่ายขึ้นครับ”

ชีฮยอน            “ผมค่อนข้างกังวลเรื่องภาษา เพราะกลัวจะสื่อสารกันไม่ได้ แต่พอทำเวิร์คช็อปก็รู้สึกว่าพี่เทปเป็นคนดีมาก ช่วยเหลือกันจนผ่านสถานการณ์ต่าง ๆ มาได้ ทำให้การถ่ายทำทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี นี่ถ้าผมสามารถคุยและสื่อสารภาษาเดียวไทยได้ พี่เทปคงเป็นเพื่อนสนิทที่สุดคนหนึ่งเลยครับ”

จากวันแรกที่รู้จักกัน คิดว่าอีกคนเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง

ชีฮยอน            “พี่เทปใจดีมากครับ ผมเคยนะว่ามีคนใจดีขนาดนี้เลยเหรอ ใจดีตั้งใจวันแรกที่เจอกันจนถึงวันนี้” (ยิ้ม)

เทป     “วันแรกที่เจอเขา จำได้ว่าเขาเครียดเรื่องบทมาก ผมก็พยายามไม่ไปกวนสมาธิเขา อยากให้เขาโฟกัสการทำงานมากที่สุด แต่พอเห็นว่าเขาเครียด ก็จะคอยตบไหล่ให้กำลังใจเขา ให้เขาค่อย ๆ ท่องไปทีละนิด ผมเข้าใจว่ายากมาก เราคนไทยยังลืมบทเลย ซึ่งพอเลิกงาน พอเขาคลายความกังวลลง เขาเป็นคนน่ารัก อัธยาศัยดีมาก สบาย ๆ มองโลกในแง่ดีครับ”

อะไรคือสิ่งที่คุณประทับใจในการทำงาน THE BANGKOK BOY SERIES คะ 

ชีฮยอน           “ผมภูมิใจกับงานทุกซีนเลยครับ ผมคาดหวังว่าผลงานจะออกมาดี และตัวผมเองก็จะดูผลงานตัวเอง เพื่อพิจารณาการและพัฒนาตัวเองต่อไปในอนาคตครับ”

เทป     “ผมทั้งชอบและประทับใจที่ครั้งหนึ่งเราได้เล่นซีรีส์วายกับนักแสดงชาวเกาหลีใต้ มีเพื่อนร่วมงานเป็นชาวต่างชาติ เหมือนเราได้ก้าวการทำงานไปอีกขั้นหนึ่ง ผมชอบที่ได้ทำงานและได้พัฒนาตัวเองอยู่ตลอดครับ”

ซีนที่ยากและท้าทายที่สุด

ชีฮยอน           “ฉากแอ็คชั่นยากมากครับ ผมกลัวว่าจะทำให้พาร์ทเนอร์ที่เข้าฉากด้วยกันบาดเจ็บ ถ้าต้องเกิดเรื่องแบบนี้ผมขอเป็นคนโดนเองจะดีกว่าครับ ซึ่งผมโดนบ่อยมากเลยนะครับ” (หัวเราะ)

เทป     “ความท้าทายคือ การได้หลุดออกจากกรอบการทำงานเดิม ๆ ครับ ที่ผ่านมาผมเคยเล่นแต่บทวัยรุ่นใสๆ แต่ใน THE BANGKOK BOY SERIES ผมได้เล่นซีนอารมณ์ ดราม่า และก่อนหน้านี้ผมไม่เคยเล่นเลิฟซีนเลย นี่เป็นครั้งแรก ก็เลยค่อนข้างท้าทายตัวเองเยอะมากครับ”  

ในชีวิตจริง ถ้าเรารักคนที่ไม่ควรรักเหมือน ซัน และ พีท ในเรื่องนี้ เราจะทำอย่างไร

ชีฮยอน           “คงต้องปล่อยเขาไป ต้องตัดใจครับ”

เทป     “ปล่อยเขาไปเหมือนกันครับ ถ้าผมรักมากพอ ผมก็ต้องปล่อยเขาไป แต่ถ้าผมปล่อยเขาไป แล้วเขาอยู่ไม่ได้ เราก็คงต้องดูแลกันและกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกันครับ”

ในฐานะที่เป็นพาร์ทเนอร์ในการทำงาน อยากบอกอะไรกันและกัน

ชีฮยอน “ขอบคุณพี่เทปมากครับ ผมประทับใจมาก พี่เทปเป็นคนดีมากๆ ผมไม่เคยเห็นพี่เทปโกรธใครเลย ถ้าไม่ใช่พี่เทป ผมอาจจะทำงานนี้ไมได้ก็ได้ครับ”

เทป     “ตอนแรกที่รู้สึกว่าต้องทำงานกับชาวต่างชาติ ผมคิดว่าน่าจะยากมากๆ แต่พอได้ทำงานกับเขา เขามีความตั้งใจมาก แต่ก็ไม่ได้ซีเรียสเกินไป เขาดูแลความรู้สึกทีมงานได้ดีมาก ถึงแม้ว่าเขาจะเหนื่อย เพราะช่วงหลังบทเขายาวมาก แต่เขาทำได้สำเร็จ ผมชื่นชมเขามากครับ อยากให้มีแฟนๆ รักและสนับสนุนเขาไปเรื่อยๆ ครับ”

ชื่อ : เทป-วรชัย ศิริคงสุวรรณ
วันเกิด :  3 ตุลาคม 2535
สีที่ชอบ : ดำ ขาว
เมนูโปรด : ขนมจีนน้ำเงี้ยว ก๋วยเตี๋ยว ยำ ส้มตำ หมูกะทะ
Hobby : ตีกลอง ฟังเพลง ดูหนัง
ชื่อ : โจชีฮยอน
วันเกิด : 7 พฤษภาคม 1995
สีที่ชอบ : white black navy purple
อาหารที่ชอบ : ข้าวที่แม่ทำให้,กุ้ง, คอหมูย่าง ,หมูกระทะ, โซจู
งานอดิเรก : เล่นเสิร์ฟ, Carver สเก็ตบอร์ด,เดิน

ท็อป & ซึงโฮ

ความท้าทายของ ท็อป และ ซึงโฮ ในการแสดงซีรีส์ THE BANGKOK BOY SERIESo

ซึงโฮ    “การที่ต้องพูดภาษาไทยในซีรีส์เป็นความท้าทางของผมมากครับ ซึ่งที่ผมตัดสินใจเรียนภาษาไทย เพราะถ่ายซีรีส์เรื่องนี้ เผื่อว่าในอนาคตอาจจะได้เจอแฟนคลับ หรือต้องใช้ภาษาไทยทำงาน ภาษาจึงท้าทายสุดๆ ครับ”  

ท็อป    “เป็นซีรีส์ที่ต้องเล่นบู๊เรื่องแรกของผม จึงค่อนข้างกดดันและท้าทายมาก ผมกลัวจะพลาดไปโดนนักแสดงคนอื่นบาดเจ็บ ส่วนตัวผมเองก็มีผิดคิวต่อยโดนกำแพงด้วยครับ เป็นซีนที่ผมต้องบู๊ในที่แคบ เราต้องเล็งแบบเฉียด ๆ ไม่ให้โดนสตั๊นท์แมนครับ แต่ผมดันพลาดไปโดนกำแพง กำแพงร้าวเลย ล้อเล่นครับ (หัวเราะ) มือผมแตก เลือดออก แต่พอทำแผลเสร็จก็ถ่ายต่อได้ ไม่เป็นไรครับ” (ยิ้ม)

จำวันแรกที่มาร่วมงานกันได้ไหม

ซึงโฮ    “วันแรกที่เจอกันท็อป น่าจะเป็นวันที่งานอะไรสักอย่าง ผมเห็นเขามีแฟนคลับเยอะมาก” (ยิ้ม)

ท็อป    “ซึงโฮหล่อครับ (ยิ้ม) พูดไทยเก่งมาก มีทักษะการแสดงที่ดี ผมเจอเขาตั้งแต่วันเวิร์คช็อปก็รู้สึกเลยว่า เขาตั้งใจมาก และตอนแสดงเขาเท่มากครับ ยิ่งเวลาปะทะอารมณ์กับพี่เทป เท่มากๆ ครับ”

นิยามถึงตัวตนของกันและกัน

ซึงโฮ    “ท็อปเป็นมองโลกในมุมบวกครับ มีพลังเต็มเปี่ยม อย่างนักแสดงคนอื่นเวลาเหนื่อย เอเนอจี้จะตกเลย แต่ท็อปไม่ลดลงเลยครับ”

ท็อป    “หล่อครบรสครับ ทั้งหน้าตาหล่อ บุคลิก ความสูง สมบูรณ์แบบ และเขาสามารถเล่นได้หลายบทบาท หลายรสชาติ ไม่ว่าจะร้าย โกรธ หรือ เศร้า เขาทำได้หมดครับ”

สิ่งที่ประทับใจจากการแสดงเรื่องนี้

ซึงโฮ    “ผมประทับใจที่สามารถถ่ายทำซีรีส์จนปิดกล้องได้อย่างเต็มที่ และดีใจที่ได้แนะนำให้เพื่อนสนิทอย่าง ชีฮยอน ได้มาเล่นเรื่องนี้ด้วยกันครับ”  

ท็อป    “ซีรีส์เรื่องนี้ เรราต้องเล่นบู๊จริงจัง ผมภูมิใจที่ทำมันออกมาได้ดีครับ” (ยิ้ม)

เรื่องท้ายทายที่สุด

ซึงโฮ    “การสื่อสาร การพูด ท้าทายผมมากๆ ครับ จริง ๆ เวลาทำงานผมอยากสื่อสารกับผู้กำกับและทีมงานโดยตรง แต่ด้วยข้อจำกัดด้านภาษา ตอนแรกกก็กดดันนะครับ แต่ก็พยายามใจเย็นและขอความช่วยเหลือล่าม ทำให้ผ่านไปได้ครับ”

ท็อป    “ความท้าทายคือ การได้พัฒนาทักษะการแสดงของตัวเอง ซีรีส์เรื่องนี้เปิดโลกการแสดงผมมากๆ และทำให้ผมได้พัฒนาตัวเองไปอีกขั้น”

ถ้าให้ ซึงโฮ แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในเกาหลีกับท็อป จะแนะนำสถานที่ไหน และ ท็อป อยากแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในไทยที่ไหนให้กับ ซึงโฮ

ซึงโฮ    “ผมอยากแนะนำให้ไป คังวอนโด ในฤดูหนาว เพราะที่ไทยมีแต่ฤดูร้อน แต่ที่นั่นหนาวมาก มีกีฬาสกีและสโนว์บอร์ด ผมอยากให้คนที่มีเอเนอจี้เยอะอย่างท็อปไปเที่ยว เขาคงจะเอ็นจอยกับการเล่นกีฬาที่นั่นมากครับ” (ยิ้ม)

ท็อป    “ตลาดพลูครับ เพราะของกินเยอะ ของหวานก็อร่อย ซึงโฮเล่นกล้าม ผมอยากให้เขาได้ชิมอาหารอร่อยเยอะๆ  (หัวเราะ) ตอนผมไปยังรู้สึกอยากกินไปทุกอย่างเลย แล้วซึ่งโฮ เขาเป๊ะเรื่องกินมาก อยากให้เขาลองไปครับ”

ในฐานะที่ทำงานด้วยกัน มีอะไรอยากบอกกันและกันคะ

ซึงโฮ    “ถ้ามีโอกาสอยากเล่นซีรีส์วายกับท็อปแบบเต็ม ๆ อีกสักเรื่อง เพราะเขามีเสน่ห์ และเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีมากครับ”

ท็อป    “ซึงโฮตั้งใจทำงานมาก ถึงแม้เราจะคุยกันรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง แต่เวลาเจอกันเรายิ้มแย้มกันตลอด เขาเเฟรนด์ลีย์ และมีความพยายามในการทำงานมาก เขาพยายามฝึกภาษาไทยตลอด ยิ่งช่วงหลังเราคุยกันมากขึ้น สนิทกันมากขึ้น และเขาพูดไทยชัดขึ้นเยอะเลยครับ” (ยิ้ม)

ชื่อ : ท็อป – ปิยวัฒน์ พงศ์คณิตานนท์
วันเกิด : 19 มี.ค. 2539
สีที่ชอบ : น้ำเงิน ,ดำ
เมนูโปรด : กระเพราหมูกรอบ ,ส้มตำ
งานอดิเรก :  ดูซีรีย์ , เล่นบอล , ร้องเพลงเล่นกีต้าร์ แต่ตอนนี้กำลังอินกับการเต้นมากครับ
ชื่อ : ชเวซึงโฮ
วันเกิด : 6 มีนาคม 1996
สีที่ชอบ : สีดำ, สีแดง
เมนูโปรด : เนื้อ
งานอดิเรก : ออกกำลังกาย (ฟิตเนส,เตะบอล ฯลฯ)

บุกตลาดไทย! K Booster นวัตกรรมสกินแคร์ฟื้นฟูผิวจากเกาหลีใต้

account_circle

“ซนวอนอิก” หนุ่มฮ็อตจากเรียลลิตี้ Single’s Inferno 3 ร่วมแชร์โมเมนต์สุดพิเศษในงาน K BOOSTER Grand Launch Event เปิดตัวผลิตภัณฑ์บำรุงผิวจากเกาหลีใต้

K Booster แบรนด์สกินแคร์ชื่อดังที่พัฒนาโดยแพทย์ผิวหนังจากเกาหลีใต้ เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย พร้อมเขย่าวงการ K-Beauty ให้คึกคักยิ่งขึ้น ในงาน K BOOSTER Grand Launch Event ณ RARIN Riverside Venue ราษฎร์บูรณะซอย 11

บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยเหล่าอินฟลูเอนเซอร์และเซเลบริตี้ชื่อดังที่มาร่วมสัมผัสประสบการณ์ดูแลผิวแนวใหม่ โดยมี Dr. Kwon Hye-Seuk ผู้ก่อตั้งและ CEO ของแบรนด์ ร่วมกับแพทย์ผิวหนังชั้นนำของไทยอย่าง คุณหมอขนม – ดร.พญ.ภัทรชนน อัศววรฤทธิ์ และคุณหมออุ๋ม – พญ.สุรสวรรณ มาร่วมถ่ายทอดความรู้และแนวคิดเกี่ยวกับการดูแลผิวอย่างลึกซึ้ง

ไฮไลต์ของงานคือการปรากฏตัวของหนุ่มหล่อขวัญใจสาวๆ “ซนวอนอิก” จากรายการเรียลลิตี้สุดฮิต Single’s Inferno 3 ที่บินตรงจากเกาหลีใต้เพื่อร่วมงานนี้ ซึ่งการมาเยือนของเขาไม่เพียงแต่สร้างความฮือฮา แต่ยังเป็นการตอกย้ำถึงความไว้วางใจและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ K-Booster ในฐานะแบรนด์ที่ได้รับความนิยมจากคนดัง

K Booster โดดเด่นด้วยผลิตภัณฑ์ที่มุ่งเน้นการฟื้นฟูผิวล้ำลึก โดยเฉพาะการเสริมสร้าง ECM (Extracellular Matrix) องค์ประกอบสำคัญของโครงสร้างผิว ช่วยให้ผิวแข็งแรง เปล่งปลั่งจากภายใน เหมาะสำหรับผู้ที่ใส่ใจสุขภาพผิว โดยเฉพาะหลังทำหัตถการความงาม ด้วยเทคโนโลยีและสูตรผสมที่คิดค้นอย่างพิถีพิถัน

การเปิดตัวในไทยครั้งนี้ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของ K Booster ในการขยายตลาดสกินแคร์คุณภาพสูงที่มีรากฐานจากวิทยาศาสตร์การแพทย์ สู่กลุ่มผู้บริโภคที่มองหาการดูแลผิวอย่างตรงจุดและยั่งยืน


3 ลุคแตกต่าง “ใหม่ ดาวิกา” เยือนเทศกาลหนังเมืองคานส์ ครั้งที่ 78

Alternative Textaccount_circle

กลับมาในรอบ 10 ปีไม่มีผิดหวัง “ใหม่ ดาวิกา” ใน 3 โททัลลุค Gucci ณ เทศกาลหนังเมืองคานส์ ครั้งที่ 78

กลับมาเยือนเทศกาลหนังเมืองคานส์ในรอบ 10 ปีทั้งทีไม่มีผิดหวัง สำหรับ “ใหม่ ดาวิกา” โดยครั้งนี้เธอได้รับเชิญในฐานะผู้นำทัพนักแสดงและผู้กำกับภาพยนตร์ A Useful Ghost ที่ได้รับการคัดเลือกเป็น 1 ใน 7 เรื่อง จาก 2,000 เรื่องเข้าประกวดในสาย Critics Week (Semaine de la Critique) และได้รับเกียรติให้ฉายครั้งแรกของโลกในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ 

สำหรับลุคพรมแดง ใหม่ ดาวิกา ปรากฏตัวด้วยลุคสวยสะกดใน One of a kind dress ตัดเย็บพิเศษจาก Gucci ด้วยเดรสสีเขียวปักลายลูกไม้สุดประณีตระยิบระยับตลอดทั้งตัว ผสมผสานความหรูหราด้วยผ้าคลุมขนนกออร์แกนซ่าในโทนสีเดียวกันอย่างลงตัว สวมต่างหู Marina Chain Earrings สีทอง คอมพลีทลุคด้วยกระเป๋า Gucci Bamboo Night

ส่วนลุคถัดมา เธอปรากฏตัวในลุคสวยละมุนลงตัวกับเดรสยาวสีขาวเนื้อผ้าพลิ้วไหวประดับด้วยลวดลายดอกไม้อันเป็นเอกลักษณ์ของ Gucci พร้อมคอเสื้อตกแต่งด้วยสีม่วง จากคอลเล็คชั่น Pre – Fall 2025 ถือกระเป๋า GG Marmont สีม่วงไลแลค ในรอบ World Premiere (รอบปฐมทัศน์) ครั้งแรกของโลก

ลุคสุดท้าย “ใหม่ ดาวิกา” เข้าร่วมงานดินเนอร์ WOMEN IN MOTION AWARDS ซึ่งจัดโดย Kering กลุ่มบริษัทลักชัวรี่ส์ระดับโลกที่บริหารและพัฒนาแบรนด์แฟชั่น เครื่องหนัง เครื่องประดับและแว่นตาชื่อดังมากมาย โดยมี Gucci เป็นส่วนหนึ่งในการจัดงานร่วมกับ เทศกาล Cannes Film Festival โดยในปี 2025 นี้ งานนี้ถูกจัดขึ้นเป็นปีที่ 10 เพื่อยกย่องและร่วมเฉลิมฉลองให้กับนักแสดงหญิงและผู้หญิงทุกคนในวงการภาพยนตร์ รวมทั้งความเท่าเทียมในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ณ Palais des Festivals ในเมืองคานส์ ระหว่างงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ครั้งที่ 78

“ดาวิกา” ถ่ายทอดลุคสวยคลาสสิกแฝงความเซ็กซี่จาก Gucci ในชุดเดรสผ้าไหมชีฟองสีน้ำตาลจากคอลเล็คชั่น Pre – Fall 2025 พร้อมเข็มขัดหนังสีดำ เติมเต็มลุคด้วยกระเป๋าคลัตช์หนังสีดำรุ่น Gucci Bamboo Night


ภาพและข้อมูล: Gucci

Valmont เฉลิมฉลองครบรอบ 40 ปี เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อการฟื้นฟูผิวที่มีชีวิตชีวา

account_circle

Valmont แบรนด์สวิตเซอร์แลนด์ที่ได้รับการยอมรับในด้านความงามระดับโลก ได้เฉลิมฉลองครบรอบ 40 ปี ด้วยการพัฒนาคอลเลคชั่นดั้งเดิม “Energy” และเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในคอลเลคชัน “Vitality” ที่เน้นการฟื้นฟูผิวให้กลับมามีชีวิตชีวา สดชื่น และอ่อนเยาว์อีกครั้ง ด้วยนวัตกรรมและการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ล้ําสมัย

การปฏิวัติผิวด้วยนวัตกรรมใหม่:
ในปี 2025 Valmont ได้เปิดตัว คอลเลคชัน Vitality ที่นําเสนอการ บํารุงผิวที่ไม่เหมือนใคร โดยมุ่งเน้นการคืนความสดใสให้กับผิวด้วยการ ผสมผสานของส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพ เช่น DNA ซิลานอก (Silanol DNA) และ สเต็ม เซลล์จากแอปเปิ้ลสวิส ที่ช่วยฟื้นฟูการ ทํางานของเซลล์ผิว ทําให้ผิวดูอ่อน เยาว์ กระจ่างใส และมีสุขภาพดี

ผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Vitality นี้ ได้รับออกแบบมาเพื่อต่อสู้กับ “ความ เหนื่อยล้าของเซลล์ผิว” ที่เกิดจาก ปัจจัยต่างๆ เช่น อายุที่เพิ่มขึ้น มลภาวะ ความเครียด และการใช้ ชีวิตประจําวันที่เร่งรีบ ซึ่งล้วนเป็น สาเหตุของผิวที่ดูหมองคล้ํา อ่อนล้า และเกิดริ้วรอยก่อนวัย

การทํางานของ Vitality ไม่ได้ มุ่งเน้นเพียงแค่การให้ความชุ่มชื้น หรือเติมสารอาหารให้กับผิวเท่านั้นแต่ยังลงลึกไปถึงระดับเซลล์ โดยช่วยกระตุ้นให้ผิวสามารถสร้างพลังงานและฟื้นฟูตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น หลักการสําคัญของ Vitality คือการเสริมสร้าง การทํางานของเซลล์ให้กลับมาสมดุล กระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ พร้อมทั้งปกป้องและซ่อมแซมเซลล์เก่าที่ถูกทําลาย ด้วย กระบวนการนี้ ผิวจึงกลับมาดูมีชีวิตชีวา เปล่งปลั่ง และแข็งแรงจากภายใน

Silanol DNATM และ Vitality Cocktail: นวัตกรรมแห่งการฟื้นฟูผิวจาก Valmont

Valmont ได้พัฒนา Silanol DNATM และ Vitality Cocktail เพื่อเป็นหัวใจสําคัญของ คอลเลกชัน Vitality ทั้งสองส่วนผสมนี้ทํางานร่วมกันเพื่อกระตุ้นพลังงานของเซลล์ผิว เสริมสร้าง โครงสร้างผิว และช่วยให้ผิวสามารถฟื้นฟูตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Silanol DNATM : พลังแห่งการฟื้นฟูระดับเซลล์
Silanol DNATM เป็นเทคโนโลยีล้ําสมัยที่เกิดจากการผสานระหว่าง DNA HP และ Silanol เพื่อช่วยให้เซลล์ผิวสามารถสร้างพลังงาน ซ่อมแซมตัวเอง และเสริมสร้างความแข็งแรงของโครงสร้างผิว

  • DNA HP เป็นสารสกัดจากเซลล์ต้นกําเนิดของแซลมอนที่ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ ปกป้อง ผิวจากอนุมูลอิสระ และลดการเกิดริ้วรอยก่อนวัย
    Silanol เป็นแร่ธาตุชีวภาพที่จําเป็นสําหรับการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทําให้ผิวมีความ ยืดหยุ่นและสามารถรักษาความชุ่มชื้นได้ดีขึ้น
    การทํางานร่วมกันของ Silanol และ DNA HP ทําให้ Silanol DNATM สามารถเพิ่มพลังงาน ให้เซลล์ผิวได้ถึง 32% กระตุ้นการฟื้นฟูเซลล์ 9% และปกป้องผิวจากความเสียหายที่เกิดจากมลภาวะและ อนุมูลอิสระได้ถึง 120%

Vitality Cocktail: เสริมพลัง Silanol DNA ให้สมบูรณ์แบบ
เพื่อให้การฟื้นฟูผิวมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น Valmont ได้พัฒนา Vitality Cocktail ซึ่งเป็นการรวม สารออกฤทธิ์จากธรรมชาติที่ช่วยเสริมการทํางานของ Silanol DNATM

Vitality Cocktail ประกอบด้วย

  • Liposomed RNA – ช่วยซ่อมแซมและกระตุ้นการสร้าง เซลล์ใหม่
  • Nasturtium Extract – ต้านอนุมูลอิสระและเพิ่ม ออกซิเจนให้เซลล์ผิว
  • Swiss Apple Stem Cells – ฟื้นฟูและช่วยให้ผิวมีอายุยืน ยาวขึ้น
  • Fucus Extract – เร่งการเผาผลาญเซลล์และช่วยให้ผิวสดใส
    เมื่อนํา Vitality Cocktail มาทํางานร่วมกับ Silanol DNATM จะช่วยให้เซลล์ผิวได้รับพลังงานมากขึ้น ฟื้นตัวเร็วขึ้น และสามารถปกป้องตัวเองจากปัจจัยที่ทําให้เกิดริ้วรอยและความร่วงโรยของผิว

Silanol DNATM และ Vitality Cocktail ในคอลเลกชัน Vitality
เทคโนโลยีทั้งสองนี้ถูกนํามาใช้ในผลิตภัณฑ์ Vitality เพื่อให้การดูแลผิวเป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบ

ผลิตภัณฑ์ที่มี Silanol DNATM และ Vitality Cocktail

  • Vital B. Serum – เติมพลังให้เซลล์ผิว ลดความอ่อนล้า และช่วยให้ผิวฟื้นตัวเร็วขึ้น
  • Vital Contour Cream – ครีมรอบดวงตาที่ช่วยลดรอยคล้ำ เสริมความยืดหยุ่น และลดริ้วรอย
  • Vital B. Fluid – ครีมเนื้อบางเบา ให้ความสดชื่นและลดการอักเสบ เหมาะกับผิวมัน
  • Vital 24 Hour Light – ครีมบํารุงผิวที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใสและชุ่มชื้นยาวนาน
  • Vital Regenera I Rich – ครีมเข้มข้น สําหรับผิวแห้งที่ต้องการการบํารุงล้ำลึก

PRODUCT SHEETS VITALITY

VITAL B. SERUM

ด้วยเนื้อสัมผัสแบบเจลน้ำนม เซรั่มนี้ช่วยเติมพลังแห่งความอ่อนเยาว์ให้กับผิว พร้อมเสริมสร้างพื้นฐานของกิจวัตรการฟื้นฟูผิว โดยช่วยลดอาการอ่อนล้าของเซลล์ ทํา ให้ผิวเรียบเนียน กระจ่างใส และกระชับขึ้น

ประเภท เซรั่มบํารุงผิวเพื่อฟื้นฟูพลังงาน
ปริมาณ 30 ml
เหมาะสําหรับ ทุกสภาพผิว เหมาะสําหรับการแก้ไขสัญญาณแห่งวัยแรกเริ่ม
วิธีใช้ ใช้ในตอนเช้าและ/หรือตอนเย็น บนผิวที่สะอาด กดเซรั่มลงบนฝ่ามือและลูบไล้ให้ทั่วใบหน้าและลําคอ
ส่วนผสมสําคัญ Vitality Cocktail
Silanol DNA, RNA Liposome, Nasturtium, Swiss apple stem cells, Fucus.
เติมพลังให้ผิวและแก้ไขสัญญาณแห่งวัยแรกเริ่ม ความอ่อนล้า ความเครียด และมลภาวะ โดยช่วยสร้างสมดุลให้กับเซลล์ผิวให้แข็งแรงและทํางานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Mallow Extract
ช่วยปลอบประโลมและลดการระคายเคืองผิว
ราคา 10,300 บาท

VITAL CONTOUR CREAM

เนื้อครีมเข้มข้น เป็นตัวช่วยสําคัญสําหรับผู้ที่ต้องการดูแลผิวรอบดวงตาอย่าง ครอบคลุม สูตรเฉพาะที่ช่วยมอบความสบายสูงสุด ช่วยลดรอยคล้ําใต้ตา ทําให้ริ้วรอยและริ้วรอย เส้นเล็กๆรอบดวงตา ดูเรียบเนียนขึ้น พร้อมทั้งกระชับผิวที่บอบบางรอบดวงตาให้แข็งแรงขึ้น

ประเภท ครีมฟื้นฟูผิวรอบดวงตา
ปริมาณ 15ml
เหมาะสําหรับ ผลิตภัณฑ์ที่จําเป็นสําหรับทุกคน เหมาะสําหรับดวงตาที่ดูอ่อนล้า มีรอยคล้ํา และแสดงสัญญาณแห่งวัยแรกเริ่ม
วิธีใช้ ใช้ในตอนเช้าและ/หรือตอนเย็น แต้มครีมปริมาณเล็กน้อยบริเวณรอบดวงตาแล้วเกลี่ยเบาๆ
ส่วนผสมสําคัญ Vitality Cocktail
Silanol DNA, RNA Liposome, Nasturtium, Swiss apple stem cells, Fucus.
เติมพลังให้ผิวและแก้ไขสัญญาณแห่งวัยแรกเริ่ม ความอ่อนล้า ความเครียด และมลภาวะ
โดยช่วยสร้างสมดุลให้กับเซลล์ผิวให้แข็งแรงและทํางานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Menthyl Lactate
มอบความรู้สึกเย็นสดชื่น ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต กระชับผิวรอบดวงตา และฟื้นฟู ความมีชีวิตชีวา ลดอาการอ่อนล้าและช่วยให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น
ราคา 8,700 บาท

VITAL B. FLUID

เนื้อสัมผัสบางเบาผสานกับพลังการฟื้นฟู ปลอบประโลมผิวที่อ่อนล้าจากวัยที่เพิ่มขึ้น ความเครียด และมลภาวะ ทรีตเมนต์อัจฉริยะนี้ช่วยฟื้นคืนความมีชีวิตชีวาให้ผิว พร้อมลดการระคายเคืองและบรรเทาสัญญาณความอ่อนล้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ประเภท ฟลูอิดบํารุงผิวหน้าสูตรฟื้นฟูพลังงาน ช่วยคืนความสดชื่น กระชับ และเสริมความเปล่งปลั่งให้ผิว
ปริมาณ 50 ml
เหมาะสําหรับ เหมาะสําหรับการลดเลือนสัญญาณแห่งวัยแรกเริ่ม ออกแบบมาอย่างลงตัวสําหรับผิวผสม ถึงผิวมัน เหมาะสําหรับผู้ชาย และตอบโจทย์ผิวที่ต้องการความบางเบาสบาย โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อน
วิธีใช้ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรใช้หลังจากเซรั่ม กดผลิตภัณฑ์ในปริมาณที่เหมาะสม แล้วลูบไล้ อย่างอ่อนโยนให้ทั่วใบหน้าและลําคอจนซึมซาบเข้าสู่ผิว
ส่วนผสมสําคัญ Vitality Cocktail
Silanol DNA, RNA Liposome, Nasturtium, Swiss apple stem cells, Fucus.
เติมพลังให้ผิวและแก้ไขสัญญาณแห่งวัยแรกเริ่ม ความอ่อนล้า ความเครียด และมลภาวะ
โดยช่วยสร้างสมดุลให้กับเซลล์ผิวให้แข็งแรงและทํางานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Peppermint
ช่วยปลอบประโลมผิวจากการระคายเคืองและอาการแสบร้อนหลังการโกนหนวด ลดการ อักเสบและรอยแดง พร้อมฟื้นฟูสมดุลของผิว กระชับและเสริมความแข็งแรงให้ผิวดูเรียบ เนียน สดชื่น และสุขภาพดีตลอดวัน
ราคา 12,000 บาท

VITAL 24 HOUR LIGHT

เนื้อครีมเนียนนุ่มละลายเข้าสู่ผิวได้ทันที มอบการบํารุงอย่างล้ําลึกทั้งกลางวันและกลางคืน ช่วย เติมพลังงานให้เซลล์ผิว เสริมความแข็งแรง และฟื้นฟูความมีชีวิตชีวา ทําให้เซลล์ผิวสามารถ รับมือกับความเหนื่อยล้าและความเครียดได้ดียิ่งขึ้น ผิวหน้าดูสดชื่น กระจ่างใส และเปล่ง ประกายสุขภาพดีราวกับได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่
ประเภท ครีมบํารุงผิวเนื้อบางเบา ฟื้นฟูและเติมพลังให้ผิว มอบสัมผัสนุ่มนวลและสดชื่นตลอดวัน
ปริมาณ 50 ml
เหมาะสําหรับ เหมาะสําหรับการลดเลือนสัญญาณแห่งวัยแรกเริ่มออกแบบมาอย่างลงตัวสําหรับผิวธรรมดาถึงผิว
ผสม มอบความสมดุลระหว่างความชุ่มชื้นและการบํารุงอย่างพอดี สามารถ ใช้ได้ตลอดปี ทั้งกลางวันและกลางคืน
วิธีใช้ ใช้ในตอนเช้าและ/หรือตอนเย็น หลังจากเซรั่ม เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ทาครีมปริมาณเท่า เมล็ดเฮ
เซลนัทให้ทั่วใบหน้าและลําคอ แล้วนวดเบาๆ จนซึมซาบเข้าสู่ผิว
ส่วนผสมสําคัญ Vitality Cocktail
Silanol DNA, RNA Liposome, Nasturtium, Swiss apple stem cells, Fucus.
เติมพลังให้ผิวและแก้ไขสัญญาณแห่งวัยแรกเริ่ม ความอ่อนล้า ความเครียด และมลภาวะ
โดยช่วยสร้างสมดุลให้กับเซลล์ผิวให้แข็งแรงและทํางานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Rosa Centifolia
มอบความชุ่มชื้นยาวนาน ด้วยคุณสมบัติในการดูดซับและกักเก็บน้ําได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ราคา 12,000 บาท


โอ๊ต-ชัยสิทธิ์

โอ๊ต-ชัยสิทธิ์ ช่างภาพไทยฝีมือระดับโลก ผู้ผลิตคอนเทนต์ด้วยกล้องไฮบริดที่เกิดมาคู่กับงานสร้างสรรค์อย่างแท้จริง

Alternative Textaccount_circle
โอ๊ต-ชัยสิทธิ์
โอ๊ต-ชัยสิทธิ์

กระบี่มือหนึ่งแห่งวงการเวดดิ้ง โอ๊ต-ชัยสิทธิ์ จุนเจือดี นักบันทึกความทรงจำ ที่เล่าเรื่องราวของคู่บ่าวสาวได้อย่างลึกซึ้ง และ ทรงพลัง ด้วยกล้องไฮบริดความละเอียดสูง ซึ่งเกิดมาคู่กับงานสร้างสรรค์อย่างแท้จริง

“ชัยสิทธิ์ จุนเจือดี” หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “โอ๊ต” เป็นช่างภาพชาวไทยที่มีชื่อเสียงระดับโลก ติดอันดับ TOP 100 จาก Wedding Photojournalist Association (WPJA) ติดต่อกันหลายปี ด้วยการถ่ายภาพแต่งงานที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ กับสไตล์การเล่าเรื่อง ไม่กำกับท่าทาง เน้นการบันทึกเรื่องราว และอารมณ์จริงของคู่บ่าวสาวในวันสำคัญ ตอบโจทย์คู่เจ้าบ่าว-เจ้าสาวรุ่นใหม่ ที่ชื่นชอบภาพถ่ายที่เป็นธรรมชาติ ภาพที่เต็มไปด้วยอารมรืและความรู้สึก เสมือนได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในวันสำคัญนั้น

โอ๊ต-ชัยสิทธิ์

โดย คุณโอ๊ต-ชัยสิทธิ์ เล่าว่า “ช่วงที่ผมได้ไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ ผมได้ประสบการณ์เยอะมาก รวมถึงสไตล์การถ่ายภาพที่เปลี่ยนไป จากคำแนะนำของโพรเฟสเซอร์  นอกจากนี้ผมยังได้ พยายามที่จะหาประสบการณ์ใหม่ก่อนกลับประเทศไทย จึงได้ส่งอีเมลสมัครงานไปเยอะมาก ในที่สุดหลังจาก 8 เดือน ผมได้รับอีเมลจ้างให้เป็นผู้ช่วยช่างภาพเวดดิ้งชื่อ “จูลี่ คิม” ซึ่งเป็นช่างภาพเวดดิ้งระดับ Top5 ของประเทศอังกฤษ โดยหลังจากที่ใกล้จบงานเขาให้ผมลองถ่ายภาพเวดดิ้งดู ซึ่งผมทำด้วยความตั้งใจแบบที่สุดในชีวิต”

“โดยหลังจากงานครั้งนั้น 1 สัปดาห์ผมได้ติดต่อไปถามฟีดแบ็ค แต่กลายเป็นว่าเขาให้ผมไปร่วมงานกับเขาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ในฐานะผู้ช่วยแต่เป็นช่างภาพร่วม หลังจากนั้นชีวิตก็เปลี่ยนไป เขาไม่ใช่แค่บอสแต่เขาเป็นครูที่สอนผมหลายอย่าง จากที่แค่ถ่ายได้กลับกลายเป็นถ่ายได้ดี เล่าเรื่องได้เป็นงานดีๆ จนถึงทุกวันนี้ผมเป็น Associate Photographer ช่างภาพในทีมของเขา จนถึงตอนนี้ก็ยังบินไปถ่ายภาพเวดดิ้งที่ต่างประเทศร่วมกัน”

นักเล่าเรื่องด้วยภาพ

“ผมขอยกตัวอย่างการถ่ายภาพงานแต่งงานในประเทศไทย ช่างภาพจะเป็นคนกำกับให้เจ้าบ่าว-เจ้าสาวทำท่าทางต่างๆ ซึ่งรูปที่ออกมาจะเป็นแบบแพทเทิร์น เพราะการถ่ายแบบนี้เป็นการการันตีว่าจะได้รูปแน่นอน แต่สำหรับผมอยากจะชาเลนจ์ตัวเองและอยากพรีเซนต์มุมมองใหม่ๆ เน้นการถ่ายแบบสารคดี ปล่อยให้ทุกอย่างเกิดขึ้น แล้วค่อยๆ เล่าเรื่อราวจากไปจนจบงาน  ไม่เซต ไม่กำกับ ถ้าคุณจ้างผม คุณลืมไปเลยว่ามีผม คุณแค่สนุกไปกับงาน ส่วนเรื่องภาพนั้น เดี๋ยวผมถ่ายเอง เป็นงานอีกแบบหนึ่งที่ใช้ภาพเล่าเรื่องจริงๆ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นคนหรืออุปกรณ์ก็ต้องแสดงความสามารถออกมาให้มากที่สุด เพราะเราไม่สามารถถ่ายซ่อมได้ แต่ละวินาทีที่เกิดขึ้น มีโมเม้นต์สำคัญ เรื่องราวพิเศษที่เราไม่สามารถปล่อยผ่านไปได้เลย”

พัฒนาศักยภาพทุกด้านเพื่อเป้าหมายระดับโลก

“พอวิธีการทำงานคนละแบบ สิ่งที่ยากคือกล้องมันต้องถ่ายทอดความคิดของผมได้แบบ 100% ต้องเร็วเท่าความคิดของผม เปรียบเสมือนอีกหนึ่งอวัยวะในร่างกายของผมเลย”

“ผมเข้าร่วมการประกวดที่เป็นของช่างภาพเวดดิ้งทั่วทั้งโลกมาตั้งแต่ปี 2012 เพราะเราอยากจะประสบความสำเร็จให้ถึงเป้าหมายที่เราวางไว้ ซึ่งการที่เราจะไปถึงจุดนั้นเราต้องพัฒนาศักยภาพของตัวเราเองมากๆ ผมฝึกฝนการถ่ายรูป ฝึกโฟกัสมาเยอะมาก มีภาพในหัวที่ชัดเจน แต่พอถึงจุดหนึ่งมันไปไม่ได้ด้วยข้อจำกัดความสามารถของกล้อง สมัยก่อนที่เป็นกล้อง DSLR สิ่งที่มักจะเกิดปัญหาคือกล้องวืดบ่อย เนื่องจากเลนส์กระจกทำให้โฟกัสไม่ดีเท่าที่ควร”

“จนมาเป็นกล้องไฮบริด “Canon EOS R5 Mark II” ที่ถูกพัฒนาให้มีความละเอียดเซ็นเซอร์ภาพอยู่ที่ 45 ล้านพิกเซล ทั้งยังตอบโจทย์การถ่ายภาพต่อเนื่องด้วยฟีเจอร์ สามารถถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูงได้สูงสุด 30 เฟรมต่อวินาที นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติ Pre-Continuous Shooting ถ่ายภาพต่อเนื่องล่วงหน้า 0.5 วินาที ซึ่งมีประโยชน์ ช่วยให้ถ่ายภาพได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ทำให้ผมไม่พลาดในโมเม้นต์สำคัญ ปลดล็อกศักยภาพในการทำงานจากที่เราถูกลิมิตด้วยอุปกรณ์ ตอนนี้ภาพบางภาพที่คิดว่าถ่ายไม่ได้กลับกลายเป็นถ่ายได้”

EOS R5 Mark II: Register People Priority (ระบบออโต้โฟกัสจดจำใบหน้าเฉพาะบุคคล)

EOS R5 Mark II: High Resolution 45 MP (ความละเอียด 45 พิกเซล)

EOS R5 Mark II: Continue shooting การถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูงสุด 30 FPS

EOS R5 Mark II: Register People Priority (ระบบออโต้โฟกัสจดจำใบหน้าเฉพาะบุคคล บางช่วงเวลาที่เจ้าสาวต้องหันหน้าไปทางด้านข้าง กล้องก็ยังตามโฟกัสที่หน้าเจ้าสาวได้)

EOS R5 Mark II: Dual Pixel Intelligence AF (ระบบโฟกัสอัตโนมัติ ช่วยในการโฟกัสและติดตามคู่บ่าวสาวได้อย่างรวดเร็วและลื่นไหลในระหว่างการถ่ายภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวให้คุณภาพของภาพที่ยอดเยี่ยม)

การลงทุนกับโอกาส

 “กล้องสำหรับผมวันนี้มันไม่ใช่ถ่ายรูปเล่นแต่มันกลายเป็นธุรกิจให้กับผม ดังนั้นหากจะเลือกลงทุนก็ต้องดู ฟังก์ชั่น ฟีเจอร์ สำหรับการถ่ายเวดดิ้งกล้องไฮบริด “EOS R5 Mark II” ตอบโจทย์ในเรื่องของ ขนาดที่กะทัดรัดในประสิทธิภาพที่ครบครัน นั่นทำให้การลงทุนกับ EOS R5 Mark II เป็นเรื่องที่คุ้มค่าสำหรับผม”

“อีกอย่างผมมีมุมมองว่า คนเราไม่สามารถซื้อเวลากลับมาได้ เช่นเดียวกับโมเม้นต์ดีๆ เราไม่สามารถเรียกกลับมาได้ ดังนั้นการลงทุนกับกล้องที่คุ้มค่า เหมือนเป็นการลงทุนกับโอกาสที่มากขึ้น เมื่อมีกล้องที่ยอดเยี่ยมซึ่งอัดแน่นไปด้วยฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์ ผมจึงเอาพลังงานไปโฟกัสกับการเก็บโมเม้นต์น่ารักๆ ได้มากขึ้น”

อันดับโลกคือความภูมิใจ แต่ความสุขคือการได้ถ่ายทอดเรื่องราว

“การทำงานในต่างประเทศสำหรับผมไม่ได้ราบรื่นเลย ผมเคยโดนบาทหลวงไล่ออกจากโบสถ์เพราะคิดว่าเป็นนักท่องเที่ยวที่เข้ามาแอบถ่ายรูปช่วงพิธีแต่งงาน บางครั้งพวกเขาปฏิเสธที่จะให้คนหัวดำมาถ่ายรูป แต่สุดท้ายผลงานจากความทุ่มเทของผมได้รับการยอมรับ เป็นความภาคภูมิใจในชีวิตของผม”

“แต่กลับกัน ในตอนนี้ ผมไม่ได้ถวิลหาชื่อเสียงเหมือนอย่างแต่ก่อน เพราะมุมมองชีวิตที่เปลี่ยนไป ผมไม่ได้มองการถ่ายภาพเพียงแค่การบันทึกภาพ แต่เป็นการเล่าเรื่อง การถ่ายทอด อารมณ์ และ ความรู้สึก เพราะภาพถ่ายที่ดีต้องสามารถเล่าเรื่องราวได้อย่างชัดเจน ซึ่งกล้องไฮบริด “EOS R5 Mark II” สามารถยกระดับผลงาน ถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึกที่แท้จริงของตัวแบบ ออกมาได้อย่างมีความหมายมากกว่าเดิม นั่นทำให้เจ้าบ่าว-เจ้าสาว หลายคู่มอบวันพิเศษของพวกเขา ให้ผมเป็นคนถ่ายทอดช่วงเวลาสำคัญที่สุดในชีวิต”

#Canon #EOSR5MarkII #youRrthenextgen #HybridHighResolution #HighCreativityWedding #ที่สุดของการสร้างสรรค์ไม่สิ้นสุด #PraewWeddingXCanonEOSR5MarkII

‘ใครที่ยังยื้อมองหาคนที่ใช่อยู่ หากจะหาที่ใช่กว่านี้ไม่มีแล้ว’ ใช่คุณไหม?? เช็กเลย!! ดวงรายสัปดาห์ 19-25 พฤษภาคม 2568

Alternative Textaccount_circle

‘ใครที่ยังยื้อมองหาคนที่ใช่อยู่ หากจะหาที่ใช่กว่านี้ไม่มีแล้ว’

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์          

การงาน  :  หากจะบอกว่าเป็นสัปดาห์วัดใจของชาวอาทิตย์ก็ว่าได้ เพราะงานหรือธุรกิจที่คุณกำลังชื่นชมกับความสำเร็จอยู่มีโอกาสที่จะต้องพอแค่นี้ หากมองในแง่ดีก็น่าจะหมายถึงว่าไม่ใช่ตัวตน หรือความชอบที่แท้จริง แต่นั่นไม่ได้หมายถึงจะจบแค่นี้ คุณยังมีโอกาสได้บุกเบิกงานหรือธุรกิจใหม่ๆ ที่เกี่ยวกับศิลปะศิลปิน ความคิดสร้างสรรค์ วงการบันเทิง ความสวยความงาม ซึ่งจะประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียงโด่งดัง เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งท้อ  ฮึดสู้ต่อไปนะคนเก่ง  

การเงิน  :  ตึงถึงตึงมาก แต่แต้มบุญคุณยังดีอยู่ เพราะเป็นไปได้ว่าจะมีผู้ใหญ่มาให้ด้วยความสิเน่หา ช่วยให้หายใจโล่งขึ้นเยอะเลย  

ความรัก  :  หากคู่ใครที่อยู่ห่างกันมากๆ ก็คงต้องกระชับพื้นที่กันหน่อย เพราะมีแววว่าจะขาดจากกันไปเลย สมกับที่เขาบอกว่า รักแท้แพ้ใกล้ชิด เพราะห่างปุ๊บมีคนมาชอบปั๊บ คนโสด  ใครที่ชอบศึกษาเรียนรู้ใจกันนานๆ ไม่ยอมลงเอยกันสักที สัปดาห์นี้มีความเสี่ยงที่จะไม่ศึกษาต่อแล้วล่ะ เพราะไม่เขาก็คุณมีแฟนใหม่ และไม่ได้มีคนเดียวด้วยสิ

สุขภาพ  :   ก็ยังเอ็นจอยกับทั้งอาหารและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก็ต้องระวังน้ำหนักที่จะตามมาโดยไม่รู้ตัว พวกท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องเสีย อาหารไม่ย่อย เด่นมากเลย

ผู้ที่เกิดวันจันทร์

การงาน  :  ชาวจันทร์ก็ยังคงเริ่มต้นสัปดาห์ใหม่อย่างสดใส โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจทางการเกษตร นักตกแต่ง-ออกแบบสวน ศิลปะวัฒนธรรม สินค้าโอท้อป มีโอกาสได้ชื่นชมกับความสำเร็จ ไม่ว่าจะงานหรือธุรกิจใหม่ๆ หรือกระทั่งงานเก่าที่ทำมาเนิ่นนานก็ตาม หากยังไม่มีสังกัด สัปดาห์นี้น่าจะเป็นข่าวดี  เพราะเป็นไปได้ว่าคุณจะได้เข้าไปอยู่ในแวดวงข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ ธนาคาร ประกันชีวิต การแพทย์และสาธารณสุข ซึ่งคุณสามารถยึดโยงจนถึงเกษียณได้เลย  

การเงิน  :   ก็ยังเฮงๆ ปังๆ ได้ลาภจากการขายที่ดินทางการเกษตร พวก ทุเรียน มังคุด เงาะกำลังให้ผลผลิต ดังนั้น ภายในสัปดาห์นี้คุณจึงมีโอกาสเกิดความมั่นคงทางการเงิน แต่อย่าเชื่อคนง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งมิจฉาชีพที่จะมาหลอกลวงหว่านล้อมในเรื่องของการลงทุน  

ความรัก  :   สัปดาห์นี้ดวงชีวิตคู่ของคุณนับว่าดี มีความสุขและความอบอุ่น แม้กายจะอยู่ห่างกัน แต่ใจคุณก็นิ่งขึ้น ไม่ว่อกแว่กเหมือนสัปดาห์ที่แล้ว  คนโสด  สัปดาห์นี้ว่าด้วยการศึกษาเรียนรู้นิสัยใจคอกัน ค่อยๆ ไป ไม่ใจเร็วด่วนได้ ขอบอกว่าคนที่คุณคบอยู่นี้คือคนที่ใช่แล้วล่ะ ใช่กว่านี้ไม่รู้ว่าจะมาอีกหรือเปล่า

สุขภาพ  :  ความเจ็บป่วยในช่วงสัปดาห์นี้อยู่ที่การโหมงานหนักติดต่อกันจนไม่ได้พักผ่อน รับประทานอาหารไม่ตรงเวลา มีโอกาสที่โรคกระเพาะ ลำไส้ จะถามหาอยู่เรื่อยๆ ไม่หายสักที

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน   ชาวอังคารก็ยังอยู่กับการลงสนามแข่งขัน เช่น ประกวด ประมูล สอบเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง หรือสอบสัมภาษณ์อยู่นะคะ ซึ่งคุณก็ยังเอาจริงเอาจังกับความสำเร็จหรือชัยชนะในครั้งนี้เช่นเดิม จนสามารถทำได้ทุกอย่างโดยไม่คิดถึงความถูกต้องชอบธรรมเลย แต่สัปดาห์นี้น่าจะต้องเตรียมตัวและเตรียมใจให้มากกว่าเดิม เพราะมีโอกาสที่คุณจะถูกมองข้าม หรือเพื่อนที่รู้ใจชิงถอนตัวไปโดยไม่แจ้งล่วงหน้า มีผลให้คุณเสียศูนย์ เป็นไปได้ว่าจะไม่ใช่น้อย เพราะถึงขั้นถอดใจกันเลย

การเงิน  :  ก็ยังมีโอกาสได้เงินรางวัลจากการทำงาน แต่ก็อย่าใจอ่อนเชื่อคำพูดของใครมากนัก เพราะคุณมีโอกาสเสียเงินอย่างไม่คาดคิดให้กับคนใกล้ชิด หรือเข้าหุ้นกับใคร สัปดาห์นี้ควรทำธุรกิจคนเดียวจะปลอดภัยกว่า  

ความรัก  :   สัปดาห์นี้เป็นไปได้ว่าความโรแมนติกจะเปลี่ยนเป็นความขัดแย้ง ประมาณว่าขิงก็รา ข่าก็แรง เธอชงมา ฉันก็ตอบกลับ ไม่ยอมแพ้กันเลย ซึ่งสุดท้ายแล้วก็จบด้วยความน้อยใจ ประชดประชัน คนโสด ก็ยังคงอยู่ในโหมดของการแย่งชิง ซึ่งเป็นการแย่งชิงที่ไม่คุ้มค่ากับการลงทุนทั้งแรงและใจ เพราะเขายังไม่ใช่คนที่เหมาะสมกับคุณ

สุขภาพ  :   ก็ยังอยู่กับการน้อยเนื้อต่ำใจแฟนอยู่ หากจะประชดด้วยการออกไปทำใจต่างจังหวัดก็ต้องระวัง ช่วงนี้โควิดกลับมา ไข้หวัดใหญ่ก็ชุม ต้องการไปทำใจ เดี๋ยวจะได้โรคกลับมา จึงควรให้ความสำคัญกับความสะอาดด้วย ทั้งที่พัก อาหาร และการใช้สถานที่สาธารณะ

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน  :  เป็นสัปดาห์ที่ชาวพุธมีโอกาสได้บุกเบิกงานหรือธุรกิจใหม่ๆ ในโหมดดนตรี กวี ศิลป์ งานเย็บปักถักร้อย งานฝีมือ ขณะเดียวกันผู้ที่อยู่ในสายงานเขียน นักประพันธ์เพลง จนถึงสื่อสารมวลชน นักวิทยาศาสตร์ นักประดิษฐ์ งานที่ค้างคามานานสัปดาห์นี้มีโอกาสประสบความสำเร็จ สร้างชื่อเสียงให้กับคุณ ใดๆ ก็ตามไม่ว่าคุณจะบุกเบิกงานใหม่ หรือทำงานเก่า เป็นไปได้ว่าในช่วงนี้เป็นโอกาสอันดีที่คุณจะได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับงานบุญ งานกุศล งาน CSR เพื่อสังคม ได้ร่วมงานกับผู้มีบุญและบารมี ซึ่งเขาจะเกื้อหนุนคุณ

การเงิน  :  สัปดาห์นี้คุณกลับมาแสวงหารายได้ล่ะ แต่ก็จะหนักไปกับการทำบุญ บริจาคเงินเพื่อสังคม ยังอยู่กับการให้ ขณะเดียวกันแต้มบุญนี้จะส่งผลให้ผู้ใหญ่สนับสนุนการเงินให้คุณด้วย

ความรัก  :  คู่ครองของคุณยังเป็นคู่ทุกข์คู่ยาก คู่บุญคู่กรรมกันล่ะนะ มีโอกาสที่จะอยู่ห่างกัน เพราะอีกฝ่ายต้องดูแลผู้ใหญ่ หรือผู้ใหญ่ตามติดคอยดูแล  คนโสด  มีโอกาสที่รักเก่าจะกลับมา ซึ่งเป็นไปได้ว่าจะผ่านมาทางผู้ใหญ่ หรือผู้ใหญ่ก็รับรู้ แต่สำหรับคุณก็ยังอยู่ในโลกของตัวเอง

สุขภาพ   :   ฝนตกทุกวัน ไม่รู้จะหยุดชั่วโมงไหน จึงต้องระวังไม่สบาย หายใจไม่สะดวก จามบ่อยจนภูมิแพ้มาเยือน นอกจากนั้นหากใครที่โหมทำงานหนักจนไม่ได้รับประทานอาหาร ก็ต้องระวังโรคกระเพาะจะถามหา ผ่อนคลายด้วยนะ

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี

การงาน  :   ก็ยังคงเป็นอีกสัปดาห์ที่ชาวพฤหัสได้เหนื่อยรัวๆ ทั้งกายและใจ ไหนจะเหนื่อยใจกับการทำงานหรือทำธุรกิจที่ไม่ได้รัก ไม่ได้ชอบ ไม่ถนัด แต่ก็ต้องทำเพราะติดที่สัญญาใจหรือสัญญาที่เป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าอาจเป็นสายเทา  แล้วยังจะมีคู่แข่งเยอะอีกต่างหาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคู่แข่งภายในองค์กร หรือในหน่วยงานเอง ที่มีการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน ในเรื่องตำแหน่งหน้าที่การงานและผลประโยชน์อย่างบ้าคลั่ง ส่วนคุณก็อีโก้จัดด้วยล่ะ จึงมีโอกาสที่จะปะฉะดะกันอย่างรุนแรง จนการทำงานสะดุดหยุดลงกลางคัน   

การเงิน  :   จริงๆ คุณขยันทำงานมากเลยนะ สามารถหารายได้จากการทำงานได้เรื่อยๆ  แล้วคุณก็ชอบความท้าทายและความเสี่ยง แต่สัปดาห์นี้หากจะลงทุนอะไรต้องดูดีๆ ด้วยว่าคุ้มไหม เพราะมีโอกาสที่จะได้ไม่คุ้มเสีย  

ความรัก  :  จะบอกว่าใครที่เป็นนักเที่ยว เจ้าชู้ มาสัปดาห์นี้มีโอกาสเข้าสู่โหมดจำศีล แต่ก็ต้องระวังคนรู้จักมีโอกาสสร้างความแตกแยกด้วยท่าทีเป็นมิตรเห็นอกเห็นใจ แต่พอคุณเผลอก็เข้าแทนที่ แล้วดูเหมือนคุณพร้อมจะเชื่อเขาด้วยสิ คนโสด  มีโอกาสที่ความสัมพันธ์ที่คาราคาซังจะกลับมาทำร้ายคุณ หากจะขาดจากกันก็ตอนนี้ล่ะ

สุขภาพ   :  สัปดาห์นี้ต้องระวังเรื่องของมีคมมากๆ เลย เพราะมีความเสี่ยงที่จะทำอันตราย รวมถึงนักดื่ม นักเที่ยว นักท่องราตรี ก็ต้องระวังการทะเลาะวิวาท รวมถึงโรคภัยต่างๆ เย็นได้ก็เย็นนะ

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน  :   ชาวศุกร์เริ่มต้นสัปดาห์ใหม่แบบเต็มเปี่ยมด้วยความคิดและจินตนาการ มีโอกาสที่คุณจะได้ทำงานหรือเข้าหุ้นทำธุรกิจกับเพื่อนหญิงหรือญาติผู้หญิงในสายงานที่เกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์ เช่น วงการบันเทิง นักแสดง นักเขียนบทละคร เรื่องสั้น โฆษณา หรือสินค้าบริการที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบ ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นคอนเท้นท์ทางออนไลน์ ก็ต้องระวังความมั่นใจในตัวเองของคุณด้วย เพราะมีโอกาสที่จะเกิดการขัดแย้งสูงมาก   

การเงิน  :  ก็ยังมีโอกาสที่เงินจะไม่พอใช้ นอกจากจะหมดไปกับการลงทุนแล้ว ยังหมดไปกับการซื้อของฟุ่มเฟือย เป็นไปได้ว่าส่วนใหญ่จะมาทางออนไลน์ เรียกว่าโอนเข้าโอนออกรัวๆ จนต้องกลับไปขอเงินทางบ้านมาต่อทุน

ความรัก :   หากแต่งงานกันมานานจนเริ่มจะเบื่อๆ กันแล้ว เป็นไปได้ว่าสัปดาห์นี้คุณจะเปลี่ยนบรรยากาศไปอยู่กับเพื่อนผู้หญิง หรือญาติผู้หญิงบ้าง เผื่อสถานการณ์ในชีวิตคู่จะดีขึ้น คนโสด  เป็นไปได้ว่าคุณจะลองใช้บริการหาคู่ทางเว็ปหาคู่ หรือไม่ก็มีเพื่อนคุยทางโซเชียล ซึ่งก็เป็นไปได้อีกว่าน่าจะเป็นผู้หญิง อยู่ในกลุ่ม LGBTQ

สุขภาพ  :   ต้องระวังการหมุนเวียนของเลือดลมจะไม่ปกติ มีโอกาสหน้ามืด เวียนศีรษะ วูบได้ง่ายๆ เลย นอกจากนั้นพวกระบบน้ำต่างๆ ในร่างกาย เช่น น้ำเหลือง น้ำย่อย น้ำในหู ก็ต้องระวังเช่นกัน

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน  :  ขึ้นสัปดาห์ใหม่ดวงการงานดีขึ้นนะคะเนี่ย เป็นส่วนผสมของทั้งศาสตร์และศิลป์เลยทีเดียว เพราะมีโอกาสที่คุณจะได้ใช้ทั้งสติปัญญาความสามารถเฉพาะตัวและความคิดสร้างสรรค์ในเวลาเดียวกัน อย่างไรก็ตามความสำเร็จของคุณไม่ได้มาง่ายๆ ต้องแลกด้วยการทำงานหนักและความพยายาม แต่ไม่ต้องห่วงเพราะผู้ใหญ่คอยสนับสนุนช่วยเหลือคุณอยู่

การเงิน  :   มีรายได้เข้ามาอย่างมั่นคง ซึ่งคุณเองก็มีการวางแผนการใช้เงินอย่างมีประสิทธิภาพ มีโอกาสได้โชคลาภถึงขั้นได้รับมรดกเลยทีเดียว

ความรัก  :   สัปดาห์นี้คุณเริ่มที่จะอยากจัดระบบความสัมพันธ์ที่อยู่บนความไม่แน่ใจมาตลอดให้เข้าที่เข้าทางสักที ซึ่งคู่ครองคุณก็ให้ความร่วมมืออย่างดี    คนโสด  ก็ยังอยู่กับเด็กรุ่นน้อง สัปดาห์นี้มีโอกาสจะเป็นต่างชาติได้ด้วย อย่างไรก็ตามคุณก็ยังไม่กล้าตัดสินใจ หากอ้างตามดวง เขาบอกว่าเป็นเด็กดีนะคะ

สุขภาพ   :   จริงๆ คุณดูแลรักษาสุขภาพตัวเองอย่างดี แต่ก็อย่าประมาท เพราะสัปดาห์นี้มีโอกาสที่คุณจะเครียด ปวดไมเกรน มีความเสี่ยงที่จะลงกระเพาะจนเกิดอาการปวดท้อง อาหารไม่ย่อย ท้องอืดได้ด้วย  

Kristen Stewart กับลุคปลายผมไล่สีชมพูแบบ Dip-Dye ความเท่ที่หวานปลายๆ

Kristen Stewart กับลุคปลายผมไล่สีชมพูแบบ Dip-Dye ความเท่ที่หวานปลายๆ

Alternative Textaccount_circle
Kristen Stewart กับลุคปลายผมไล่สีชมพูแบบ Dip-Dye ความเท่ที่หวานปลายๆ
Kristen Stewart กับลุคปลายผมไล่สีชมพูแบบ Dip-Dye ความเท่ที่หวานปลายๆ

ลุคใหม่ของ Kristen Stewart เกิดจากฝีมือการสไตลิ่งของ Adir Abergel ช่างผมคู่ใจที่อยู่เบื้องหลังทรงผมระดับไอคอนของเธอมานับครั้งไม่ถ้วน ครั้งนี้เขาจับคู่ผมบลอนด์ทองกับปลายผมสีชมพูพีชในสไตล์ dip-dye ได้อย่างลงตัว บนอินสตาแกรมล่าสุดของ Kristen เผยให้เห็นทั้งทรงรวบลอนหลวมๆ และผมปล่อยตรงเท่ๆ ดิบๆ ที่ซ่อนความหวานไว้ตรงปลายผม ลุคที่รวบลอนไม่ได้ถูกจัดแต่งให้เรียบกริบ แต่กลับดูชิล ไม่ประดิษฐ์ ทว่าเก๋และมั่นใจแบบไม่ต้องพยายามเยอะ สะท้อนสิ่งที่เธอย้ำเสมอว่าความสวยไม่จำเป็นต้องเป๊ะทุกเส้น แต่อยู่ที่การเป็นตัวของตัวเอง

Kristen Stewart กับลุคปลายผมไล่สีชมพูแบบ Dip-Dye ความเท่ที่หวานปลายๆ

สีผมลุคใหม่นี้เป็นแรงบันดาลใจสำหรับใครที่อยากลองอะไรแซ่บๆ แต่ยังไม่อยากไปสุดทางแบบพาสเทลทั้งหัว การแซมชมพูพีชที่ปลายผมถือเป็นทางเลือกที่สนุก ปรับลุคได้ง่าย และเข้ากับหลายสไตล์การแต่งตัว โดยเฉพาะเมื่ออยู่บนบุคลิกที่มั่นใจแบบ Kristen ยิ่งเห็นชัดว่า ทุกเฉดสีที่เธอเลือก ไม่ได้แค่ดูดี แต่ยังมีจุดยืนในแบบของตัวเอง

สิ่งที่ทำให้แฟนๆ และแฟชั่นนิสต้าทั่วโลกจับตามอง ไม่ใช่แค่สีผม แต่คือพลังของการเลือกเป็นตัวเองที่ Kristen แสดงให้เห็นมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นผมบัซคัต ผมเปียก ผมบลีช หรือปลายผมชมพู ทุกลุคของเธอคือสิ่งที่บ่งบอกตัวตนอย่างชัดเจนว่า “ฉันไม่กลัวที่จะเปลี่ยน” และเธอก็ไม่เคยเปลี่ยนจากความเป็นตัวเองเลยจริงๆ เพราะต่อให้จะมีความหวานแอบมาแซมแค่ไหน เธอก็ยังเท่ได้เสมอ

Photo: kristenstewart


"อิงฟ้า วราหะ"

“อิงฟ้า วราหะ” นำผ้าไหมไทยสู่คานส์ สร้างชื่อ “Women in Cinema”

Alternative Textaccount_circle
"อิงฟ้า วราหะ"
"อิงฟ้า วราหะ"

และสร้างปรากฏการณ์ในหลากหลายวงการ คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก “อิงฟ้า วราหะ” ตั้งแต่เวทีนางงาม สู่เส้นทางนักร้อง นักแสดง และการเป็นอินฟลูเอนเซอร์ทรงอิทธิพลบนโลกออนไลน์ ทุกบทบาทที่เธอสวมใส่ล้วนประสบความสำเร็จและเป็นที่จับตามอง

ล่าสุด “อิงฟ้า” ได้สร้างอีกหนึ่งก้าวสำคัญในชีวิต ด้วยการได้รับเกียรติเข้าร่วมเดินพรมแดงในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ 2025 ในฐานะนักแสดงหญิงเอเชียที่ได้รับการยกย่องจากโครงการอันทรงเกียรติ “Women in Cinema” ของ The Red Sea Film Foundationโครงการที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมและเชิดชูนักแสดงหญิงที่มีผลงานโดดเด่นจากภูมิภาคตะวันออกกลาง แอฟริกา และเอเชีย

"อิงฟ้า วราหะ"


โดยความพิเศษของการไปเยือนพรมแดงคานส์ในครั้งนี้ ไม่ได้มีเพียงแค่การได้รับเกียรติในฐานะ “Women in Cinema” เท่านั้น แต่ “อิงฟ้า” ยังได้นำเอาความงดงามของ ผ้าไหมไทย ไปสู่สายตาชาวโลกอีกด้วย เธอเลือกสวมชุดราตรีสีขนนกยูงที่ตัดเย็บจากผ้าไหมไทยอันเลอค่า จากแบรนด์ไทยฝีมือคุณภาพอย่าง “Phatrawi” ซึ่งสะท้อนถึงความสง่างามและความประณีตของงานหัตถศิลป์ไทยได้อย่างน่าประทับใจ

ลุคบนพรมแดงของ “อิงฟ้า” ในชุดผ้าไหมไทย สร้างความฮือฮาและได้รับการชื่นชมจากสื่อต่างประเทศและผู้ร่วมงานอย่างมากและยังเป็นการประกาศศักดาของผ้าไทยบนเวทีระดับโลกได้อย่างภาคภูมิใจ

"อิงฟ้า วราหะ"

#Praewfashion #Praewmag #Cannes2025

ภาพ : Getty Images

ชมพู่-อารยา

เปิดดีเทล ชุด ‘Ode to Couture’ บนพรมแดงคานส์ของ ชมพู่-อารยา จากแบรนด์ SIRIVANNAVARI

account_circle
ชมพู่-อารยา
ชมพู่-อารยา

แบรนด์ SIRIVANNAVARI โชว์ลุคสุดหรูสไตล์กูตูร์ เฉิดฉายในเทศกาลหนังเมืองคานส์อย่างต่อเนื่อง ปีนี้พิเศษสุดด้วยการรังสรรค์ชุดกูตูร์ให้แฟชั่นนิสต้าชาวไทย ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต ใส่เดินพรมแดงเมืองคานส์ 

 

หนึ่งในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างงานคานส์โดยในปีนี้จัดเป็นครั้งที่ 78 ซึ่งแบรนด์ SIRIVANNAVARI ถือเป็นแบรนด์ไทยแบรนด์เดียว ที่มีโอกาสทำชุดให้ดาราระดับโลกใส่เดินพรมแดงมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 3

 

เปิดดีเทล ชุด ‘Ode to Couture’ บนพรมแดงคานส์ของ ชมพู่-อารยา จากแบรนด์ SIRIVANNAVARI

(Photo by Marc Piasecki/FilmMagic)

(Photo by Marc Piasecki/FilmMagic)

โดยในปีนี้  แบรนด์ SIRIVANNAVARI อุ่นเครื่องพรมแดงด้วยการโชว์ศักยภาพแบรนด์ไทย และดาราสาวไทย ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต สาวไทยผู้ยืนหนึ่งงานพรมแดงแบบไม่เคยแผ่ว  โดยได้สร้างสรรค์ชุดกูตูร์  สีงาช้างอันงดงาม  มีชื่อว่า ‘Ode to Couture’ หรือนิยามแห่งการรังสรรค์อาภรณ์สไตล์กูตูร์ กลับมามีชีวิตชีวาบนสปอตไลท์แห่งโลกแฟชั่นอีกครั้ง ด้วยการนำผลงานต้นแบบจากคอลเล็คชั่น Spring/Summer 2019 โดยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ (Creative Director) แห่งแบรนด์ SIRIVANNAVARI มาตีความใหม่ในเวอร์ชั่นปี 2025  ที่แสดงความเป็น DNA ของแบรนด์อย่างชัดเจน 

ชุดนี้มีองค์ประกอบหลักสองส่วน ท่อนบนตัดเย็บจากผ้ามัวเร่ (Moiré) ความยาว 15 เมตรในโทนสีธรรมชาติอย่างสีขาวไอวอรี (Ivory White) ซึ่งมีลวดลายที่สวยงามรับกับแสงแฟลช เนื้อผ้าถูกนำมาตอกอะไหล่ตั้งแต่ช่วงอกมาจนถึงสะโพกซึ่งต้องใช้เวลานานหลายสิบชั่วโมง จากนั้นจึงนำมาร้อยไขว้เส้นเชือกเพื่อให้เกิดโครงชุดแบบคอร์เซ็ต งานในส่วนนี้แฝงกลิ่นอายของความเท่กึ่งขบถ ส่วนบริเวณท่อนล่างเจิดจรัสในอีกมิติที่เป็นขั้วตรงข้ามด้วยผ้าไหมโปร่ง (Silk Tulle) 130 เมตรที่ยาวจรดผืนพรมแดง 

กล่าวได้ว่าผลงานชิ้นนี้เป็นงานระดับมาสเตอร์พีซอันถ่ายทอดถึงเอกลักษณ์ของแบรนด์ SIRIVANNAVARI ผ่านงานสร้างสรรค์เสื้อผ้าแบบ made to order ซึ่งมีความเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะ ต้องอาศัยความชำนาญของทีมช่างในการเนรมิตชุดที่ถ่ายทอดตัวตนและสมบูรณ์แบบรับกับรูปร่างของผู้สวมใส่ อีกทั้งเผยถึงปรัชญาในงานออกแบบของแบรนด์อันเกี่ยวข้องกับสรีระสตรี การรังสรรค์อาภรณ์ที่เน้นเรือนร่างคือการเฉลิมฉลองและสร้างความมาดมั่นให้กับสุภาพสตรียุคใหม่  นับเป็นอีกหนึ่งความน่าภาคภูมิใจที่เสื้อผ้าสไตล์กูตูร์จากการสร้างสรรค์ของแบรนด์ไทยได้เป็นที่ประจักษ์บนพรมแดงอันทรงเกียรติในระดับสากล


 

เสียงในความเงียบ โดย นันทวัฒน์

“เสียงในความเงียบ โดย นันทวัฒน์” นิทรรศการภาพถ่ายดำขาว เพื่อช่วยเหลือเด็กหูหนวกและผู้สูงอายุที่มีปัญหาการได้ยิน

Alternative Textaccount_circle
เสียงในความเงียบ โดย นันทวัฒน์
เสียงในความเงียบ โดย นันทวัฒน์

แพรวอยากชวนนักเสพงานศิลป์ โดยเฉพาะภาพถ่ายดำขาว มาร่วมชมงานนิทรรศการภาพถ่าย “เสียงในความเงียบ โดย นันทวัฒน์” ซึ่งจัดโดย ศาสตราจารย์ ดร.นันทวัฒน์ บรมานันท์ นักกฎหมายอันดับต้นๆ ของประเทศ และอดีตคณบดี คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับ มูลนิธิอนุเคราะห์คนหูหนวก ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ระหว่างวันที่ 15-31 พฤษภาคม นี้ ณ Central: The Original Store ถนนเจริญกรุง เขตบางรัก โดยนำรายได้จากการจำหน่ายภาพถ่ายทั้งหมด เพื่อจัดซื้อเครื่องช่วยฟังให้เด็กหูหนวก และผู้สูงอายุ

ที่มาของงานนิทรรศการภาพถ่ายดำขาวในครั้งนี้เกิดขึ้นจากความตั้งใจของอาจารย์นันทวัฒน์ที่อยากช่วยเหลือให้เด็กหูหนวกและผู้สูงอายุมีโอกาสได้ยินเหมือนคนปกติทั่วไป โดยเฉพาะเด็กที่เติบโตมาพร้อมกับภาวะหูหนวกตั้งแต่กำเนิด ทำให้เขาไม่สามารถใช้ศักยภาพความเป็นมนุษย์ได้เต็มรูปแบบ รวมถึงผู้สูงอายุ  เพื่อให้กลับมาได้ยิน และสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้อีกครั้ง

อาจารย์นันทวัฒน์ ได้เล่าถึงการจัดนิทรรศการภาพถ่ายเพื่อช่วยเหลือเด็กหูหนวกว่า

“เมื่อปลายปี พ.ศ.2564 ผมได้จัดนิทรรศการเพื่อหารายได้ให้มูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์ ก่อนจบนิทรรศการประมาณ 2-3 วัน คุณครูจากมูลนิธิอนุเคราะห์คนหูหนวก ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ได้พาเด็กหูหนวกมาชมงานนิทรรศการ และได้ขอให้ผมจัดนิทรรศการเพื่อช่วยเหลือเด็กหูหนวกด้วย หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อผมได้หาข้อมูลทั้งจาก โรงเรียนคนหูหนวก คุณหมอ และโรงพยาบาล จนมั่นใจว่า การผ่าตัดสามารถช่วยการได้ยินของเด็กได้

“จึงได้จัดนิทรรศการภาพถ่ายเพื่อหาทุนสนับสนุนการผ่าตัดใส่ประสาทหูเทียมให้เด็กหูหนวกจำนวน 3 ครั้ง มีรายได้โดยไม่หักค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 27 ล้านบาทเศษ หลังจากนั้น มูลนิธิฯ ได้นำเงินรายได้ไปใช้ผ่าตัด 2 ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2565 และอีกครั้งในปี พ.ศ.2567 ผ่าตัดใส่ประสาทหูเทียมให้เด็กหูหนวกไปแล้วจำนวน 38 คน

“ขณะนี้ยังมีเด็กหูหนวกอีกจำนวนหนึ่งที่รอคิวสำหรับการผ่าตัดใส่ประสาทหูเทียมซึ่งอยู่ระหว่างกระบวนการคัดกรองและตรวจประเมินโดยโรงพยาบาลของรัฐที่ทำการผ่าตัด ซึ่งคาดว่าเงินที่ยังมีอยู่จะสามารถนำไปใช้ผ่าตัดใส่ประสาทหูเทียมให้เด็กได้อีกประมาณ 15 คน

เสียงในความเงียบ โดย นันทวัฒน์

“เวลาผมไปที่มูลนิธิฯ สิ่งที่ได้เห็นคือ เด็กหนูหนวกจำนวนหนึ่งได้ยินเสียงและสามารถใช้ชีวิตในโลกปกติเหมือนเด็กทั่วไป มีพัฒนาการที่ดีขึ้น นี่คือ ผลตอบกลับจากรายได้ที่เราจัดนิทรรศการขึ้นมา ผมคิดว่า เรามีหน้าที่ต้องช่วยกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เหลือบ่ากว่าแรงเลย สิ่งที่ได้ทำไปแล้วก็บังเกิดผลชัดเจน”

ในโอกาสนี้ คุณศุขสนั่น โชติกเสถียร ประธานกรรมการ มูลนิธิอนุเคราะห์คนหูหนวก ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า

“ทางมูลนิธิฯ ได้เล็งเห็นความสำคัญของการใส่เครื่องช่วยฟังให้กับเด็กหูหนวก และผู้สูงอายุที่มีปัญหาการได้ยิน เพราะเครื่องช่วยฟังเป็นอุปกรณ์เบื้องต้นที่ช่วยให้ผู้ที่มีปัญหาการได้ยินระดับไม่รุนแรง สามารถได้ยินเสียงในระดับหนึ่ง ซึ่งจะช่วยให้สามารถเรียนรู้และดำเนินชีวิตในสังคมได้ง่ายขึ้นและปลอดภัย อีกทั้งเครื่องช่วยฟังมีความจำเป็นต้องใช้ในเด็กที่รอการผ่าตัดใส่ประสาทหูเทียม เพื่อช่วยกระตุ้นประสาทการได้ยินในระยะเวลาอย่างน้อย 6 เดือน

“ปัจจุบันมูลนิธิฯ ยังขาดแคลนเครื่องช่วยฟัง เนื่องจากมีจำนวนเด็กหูหนวกที่จำเป็นในการใส่เครื่องช่วยฟังเพื่อกระตุ้นพัฒนาการการได้ยินจำนวนมาก รวมทั้งผู้สูงอายุที่มีปัญหาการได้ยินที่ไม่สามารถรอรับบริการของภาครัฐได้ มูลนิธิฯ จึงได้ขอความอนุเคราะห์จาก ศาสตราจารย์ ดร.นันทวัฒน์ บรมานันท์ ให้จัดนิทรรศการภาพถ่าย “เสียงในความเงียบ โดย นันทวัฒน์” ในครั้งนี้”

สำหรับความพิเศษของนิทรรศการ “เสียงในความเงียบ โดย นันทวัฒน์”อาจารย์นันทวัฒน์เผยว่า

“นิทรรศการครั้งนี้มีการจัดผลงานทั้งสิ้น 66 ภาพ เป็นภาพของผม 31 ภาพ และเป็นภาพของศิลปินที่ร่วมสร้างสรรค์ผลงานร่วมกัน 35 ภาพ ในส่วนภาพของผมเป็นภาพใหม่ทั้งหมดจากการที่ได้เดินทางไปเวนิส อียิปต์ โคเปนเฮเกน และอีกหลายๆ ที่ เป็นภาพดำขาวที่เก็บความสวยงามของแลนด์สเคปและธรรมชาติ”

ในโอกาสนี้ มูลนิธิฯ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานภาพวาดฝีพระหัตถ์ลงบนภาพถ่ายของศาสตราจารย์ ดร.นันทวัฒน์ บรมานันท์ จำนวน 10 ภาพ มาร่วมจัดแสดงด้วย

นอกจากนี้ ยังมีศิลปินอีกหลายท่านมาร่วมสร้างสรรค์ผลงานลงบนภาพถ่าย ได้แก่ หม่อมหลวงจิราธร จิรประวัติ คุณพันธุ์ศักดิ์ จักกะพาก รองศาสตราจารย์ ดร.สมโชค สินนุกูล คุณนักรบ มูลมานัส คุณอัชลินี เกษรศุกร์ คุณอาริญญา กันธิโน และคุณรักฟ้า ซูทเทอร์ลิน  

จึงอยากเชิญชวนผู้สนใจทุกท่านเข้าร่วมชมนิทรรศการภาพถ่าย “เสียงในความเงียบ โดย นันทวัฒน์” พร้อมกับจับจองภาพ เพราะรายได้จากการจำหน่ายภาพทั้งหมดโดยไม่หักค่าใช้จ่ายจะได้มอบให้มูลนิธิอนุเคราะห์คนหูหนวก ในพระบรมราชินูปถัมภ์ เพื่อจัดซื้อเครื่องช่วยฟังให้เด็กหูหนวก และผู้สูงอายุ จำนวน 200 เครื่อง เป็นจำนวนเงิน 3,000,000 บาท


Swarovski

Swarovski JOYFUL TECHNICOLOR สีสันแห่งฤดูร้อนที่เปล่งประกาย

account_circle
Swarovski
Swarovski

แรงบันดาลใจจากมรดกทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าของออสเตรีย ผสานเข้ากับความเชี่ยวชาญด้านคริสตัลอันไร้ขีดจำกัด คอลเล็คชั่นเครื่องประดับ Swarovski สำหรับฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน 2025 จึงเปรียบเสมือนการเฉลิมฉลองความงามของสีสันที่สดใส มีชีวิตชีวา และเปล่งประกายในแบบที่ไม่เหมือนใคร

คอลเล็คชั่น Joyful Technicolor รังสรรค์โดย จิโอวานน่า อิงเกอเบิร์ท ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ระดับโลกของแบรนด์ เพื่อสะท้อนพลังแห่งเฉดสีอันหลากหลาย ตั้งแต่ขาวบริสุทธิ์และพาสเทลหวานละมุน ไปจนถึงสีสันจัดจ้านแบบลูกกวาดที่เติมเต็มความสดใสให้ทุกช่วงเวลา

สำหรับฤดูกาลนี้ สวารอฟสกี้นำเสนอสีใหม่สุดโดดเด่นให้กับเครื่องประดับตระกูล Millenia พร้อมเติมกลิ่นอายแปลกใหม่ให้กับ Chroma Twist และความประณีตใน Idyllia Flora ที่ล้วนสะท้อนถึงฝีมือเชิงช่างอันประณีตอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ คอลเล็คชั่นนี้ไม่เพียงให้เกียรติต่อประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของสวารอฟสกี้ แต่ยังสะท้อนวิสัยทัศน์แห่งอนาคตที่เต็มไปด้วยสีสันและจินตนาการ

MILLENIA

ก้าวสู่ความเป็นตำนาน กับเครื่องประดับตระกูล Millenia ซึ่งเป็นดั่งคำสารภาพรักต่อคริสตัล ที่บรรจงถ่ายทอดสีสันหลากหลายผ่านดีไซน์ Rivière ที่โดดเด่นเหนือกาลเวลา การตีความใหม่ของมรดก และความเชี่ยวชาญของสวารอฟสกี้ ทำให้แต่ละชิ้นงานในตระกูล Millenia สะท้อนถึงความหรูหรา พร้อมให้คุณสวมใส่ได้ทุกเมื่อ ประดับไปด้วยคริสตัลที่ระยิบระยับไหลรินออกมาราวกับแม่น้ำแห่งแสงสว่าง เครื่องประดับตระกูล Millenia สุดคลาสสิคจากคอลเล็คชั่น SPRING/SUMMER 2025 พร้อมโอบรับสีสันใหม่ๆ ด้วยคริสตัลสีม่วงที่ฝังด้วยมือ ตัดกับกรอบทองคำที่ช่วยเสริมความเปล่งประกายได้อย่างสมบูรณ์แบบ

IDYLLIA

คอลเล็คชั่น Idyllia ได้รับแรงบันดาลใจจากการความมหัศจรรย์ของโลกธรรมชาติที่เบ่งบานอย่างสดใสด้วยศิลปะ และความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคของสวารอฟสกี้ สำหรับ SPRING/SUMMER 2025 เครื่องประดับจากตระกูล Idyllia ถูกรังสรรค์ขึ้นมาเพื่อเฉลิมฉลองความงามของพืชพรรณ และสัตว์เฉพาะถิ่นผ่านคริสตัล โดยเลือกใช้สีสันที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ผสานกับโทนสีทองที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น รังสรรค์ขึ้นมาเป็นดอกไม้ และผีเสื้ออันแสนประณีต

นอกจากนี้ยังมีสร้อยคอสุดหรูหราสะท้อนถึงศิลปะ และงานฝีมือของสวารอฟสกี้ ด้วยการหลอมรวมเทคนิคต่างๆ เช่น การตั้งคริสตัลโดยใช้กรอบ Bazel การเคลือบ Epoxy และเทคนิคการฝังคริสตัลแบบ Pavé และแบบ Pontiage® ซึ่งเป็นเทคนิคพิเศษของสวารอฟสกี้เข้ากันได้เอย่างลงตัว เพื่อสร้างสรรค์ชิ้นงานที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์สุดพิเศษทั้งในแง่ของการออกแบบ และรายละเอียด

GEMA

เพื่อเป็นการยกย่อง ศิลปินชาวเวียนนา กุสทัฟ คลิมท์ (Gustav Klimt) เครื่องประดับตระกูล Gema เปล่งประกายด้วยสีสันที่สดใส และหลากหลายราวกับภาพสะท้อนในกล้องดูดาว การตั้งคริสตัลที่ไม่สมมาตร และรูปแบบการตัดคริสตัลที่หลากหลายเป็นดั่งการยกย่องศิลปะความงามที่ไม่ได้เป็นไปตามขนบ คริสตัลสวารอฟสกี้หลากสีไหลริน และหลอมรวมเข้าด้วยกันกลายเป็นรูปทรงที่สวยงามเหนือความคาดหมาย พร้อมนำเสนอนวัตกรรมการตั้งคริสตัลแบบใหม่อย่าง bubble prong และพาเลตต์สีพาสเทลอันงดงามเหมาะสำหรับฤดูใบไม้ผลิ

CHROMA

ราวกับปริซึมที่ถูกรื้อโครงสร้างใหม่ เครื่องประดับหลากสีจากตระกูล Chroma เปิดโอกาสให้จินตนาการของผู้สวมใส่ได้โลดแล่นอย่างเต็มที่ ด้วยเทคนิคเฉพาะของสวารอฟสกี้ในการตั้งคริสตัลซ้อนกัน (stone-on-stone) เครื่องประดับแต่ละชิ้นสะท้อนความงามของวงล้อสีควบคู่ไปกับการเจียระไนที่แม่นยำ และงานฝีมือที่ประณีต โทนสีที่เข้มข้นสื่อถึงการเปลี่ยนผ่านจากฤดูใบไม้ผลิสู่ฤดูร้อน เพิ่มความแตกต่างที่งดงามให้กับเครื่องประดับ Millenia อันแสนบริสุทธิ์

Chroma Twist คอลเล็คชั่นเครื่องประดับสุดล้ำที่รวม 6 ชิ้นงานใหม่จากตระกูล Chroma นำเสนอก้าวถัดไปของสวารอฟสกี้ที่มุ่งมั่นสู่ความยั่งยืน คอลเลกชันนี้เน้นในเรื่องความคงทน และการใช้งานที่หลากหลาย โดยใช้ Swarovski ReCreated™ Crystals หลากหลายเฉดสีทั้งสีเขียว เหลือง และน้ำเงิน ซึ่งสามารถพลิกกลับด้านได้ โดยทุกชิ้นงานผลิตจากโลหะรีไซเคิล

DULCIS CANDY

ความอ่อนหวานที่คาดไม่ถึงพลั่งพลูออกมาอย่างเต็มที่ในคอลเล็คชั่น Dulcis Candy ซึ่งมาพร้อมกับดีไซน์ที่แฝงไปด้วยความสนุกสนาน ผสมผสานวัสดุที่หลากหลาย และคริสตัลที่ได้รับการเจียระไนอย่างประณีต ชวนให้หลงใหลตั้งแต่แรกเห็น โดยมีเรซิ่นเป็นแหล่งแรงบันดาลใจใหม่ นำเสนอความหรูหราในแบบที่ทันสมัย ผสมผสานความสนุกสนาน และความมีสไตล์เข้าไว้ด้วยกัน นอกจากนี้ยังมีการใช้สีสันที่โดดเด่นอย่างสีเขียว ชมพู น้ำเงิน และเหลือง ซึ่งเป็นสีเอกลักษณ์ของสวารอฟสกี้มาช่วยเพิ่มความสดใสให้กับชิ้นงานในคอลเลกชันนี้ ทำให้ทุกชิ้นโดดเด่นไม่เหมือนใคร ไม่ว่าจะเป็นสร้อยคอแบบโชคเกอร์ แหวน ต่างหู หรือกำไลขนาดต่างๆ 

LUCENT

คอลเล็คชั่น Lucent ดูโดดเด่นสะท้อนถึงการเล่นระหว่างแสงและสี ด้วยคริสตัลแบบ full-cut ในเฉดสีที่หลากหลาย โดยใน SPRING/SUMMER 2025 จะมีสีใหม่อย่าง Light Topaz ที่ดูสดใส และมีชีวิตชีวามาเติมเต็มความตื่นตาตื่นใจให้คอลเลกชันนี้น่าหลงใหลมากยิ่งขึ้น

MATRIX

ได้รับแรงบันดาลใจจากความสมบูรณ์แบบทางธรรมชาติของโครงสร้างเฮลิกซ์ คอลเล็คชั่น Matrix เต็มเปี่ยมไปด้วยความหรูหรา และสง่างามที่ไม่ซ้ำใคร เพิ่มมิติใหม่ให้กับเครื่องประดับตระกูล Matrix สุดคลาสสิกในฤดูกาลนี้ด้วยการเล่นกับสีสัน รูปร่าง และขนาด คริสตัลสีเขียวและน้ำเงินในรูปทรงบาแกตต์ดูโดดเด่นสะดุดตา นอกจากนี้ ยังมีสร้อยคอโชคเกอร์ที่ประดับด้วยคริสตัลสีชมพูไล่ระดับสี ถูกออกแบบให้มีรูปทรงนูนพิเศษ เพื่อสร้างความเป็นเอกลักษณ์ที่สะดุดตา และเป็นการแสดงสไตล์ที่ทรงพลัง

เครื่องประดับเซ็ต Matrix Tennis ปรับโฉมใหม่ให้ทันสมัยยิ่งขึ้นสำหรับคอลเล็คชั่น SPRING/SUMMER 2025 ด้วยดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์แสนคลาสสิก คริสตัลใสถูกออกแบบให้เป็นเข็มกลัด และต่างหูที่ดูโดดเด่น สร้อยคอโชคเกอร์ได้รับการออกแบบอย่างประณีต เสริมความโดดเด่นด้วยเส้นคริสตัลที่ไม่สมมาตร เพิ่มความน่าสนใจให้กับลุคโดยรวม นอกจากนี้ คอลเลกชัน Matrix ยังเพิ่มลูกเล่นด้วยการใช้ Swarovski Crystal Pearls และเติมความโรแมนติกด้วยลวดลายหัวใจสีชมพูอ่อนหวานเข้าไปทำให้ชิ้นงานดูน่าหลงใหลยิ่งขึ้น


"ปู ไปรยา"

“ปู ไปรยา” สวยสะกดทุกสายตาบนพรมแดงคานส์

Alternative Textaccount_circle
"ปู ไปรยา"
"ปู ไปรยา"

สมกับที่เป็นขวัญใจสื่อต่างชาติจริงๆ สำหรับนางเอกสาวไทยโกอินเตอร์ “ปู ไปรยา ลุนด์เบิร์ก” ที่ล่าสุดได้สร้างความฮือฮาอีกครั้งกับการปรากฏตัวบนพรมแดงของเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ ครั้งที่ 78 (Cannes Film Festival 2025) ณ ประเทศฝรั่งเศส

“ปู ไปรยา” มาในลุคที่สวยสง่าไร้ที่ติ ด้วยชุดราตรีสีขาวสะอาดตา ดีไซน์คอร์เซ็ทอันเป็นเอกลักษณ์จากแบรนด์โปรดอย่าง Vivienne Westwood ซึ่งเป็นแบรนด์เดียวกับชุดที่เธอสวมใส่ในวันแต่งงาน เพิ่มความหวานละมุนด้วยดีเทลไข่มุกระย้าที่ร้อยเรียงอย่างประณีต การแต่งหน้าและทรงผมก็ส่งเสริมให้เครื่องหน้าคมชัดดูโดดเด่นยิ่งขึ้น พร้อมประดับประดาด้วยไฮจิวเวลรีสุดอลังการจาก Chopard และรองเท้าหรูจาก Giuseppe Zanotti

การปรากฏตัวบนพรมแดงครั้งนี้ของ “ปู ไปรยา” ไม่ได้มีเพียงความสวยงามจับใจเท่านั้น แต่ยังเป็นการโปรโมทผลงานภาพยนตร์ระดับโลกเรื่องใหม่ของเธอด้วย นั่นคือ “Eyes in the Trees” ภาพยนตร์ระทึกขวัญแนวไซไฟสุดตื่นเต้น ที่ดัดแปลงจากนวนิยายชื่อดัง “The Island of Doctor Moreau” ซึ่งเธอได้ร่วมงานกับนักแสดงฮอลลีวูดชื่อดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “Anthony Hopkins” (แอนโทนี่ ฮอปกิ้นส์), “Jonathan Rhys Meyers” (โจนาธาน รีห์ส เมเยอร์ส) และ “Ashley Greene” (แอชลีย์ กรีน) โดยมีกำหนดเข้าฉายทั่วโลกในช่วงปลายปีนี้

NMIXX ชีเสิร์ฟแบบฟูลอ๊อฟชั่น คอนเสิร์ตที่เอ็นเซอร์ไทยตามหา

Alternative Textaccount_circle

ชีเสิร์ฟแบบไม่มีเบรก! จัดเต็มความฟินแบบไม่มีพัก สำหรับ 6 สาววง NMIXX ที่หอบความเอาสนุกข้ามน้ำข้ามทะเล มาฝาก NSWER ไทย (เอ็นเซอร์ : ชื่อแฟนคลับอย่างเป็นทางการ) ให้หายคิดถึง ใน NMIXX 2ND FAN CONCERT TOUR <NMIXX CHANGE UP : MIXX LAB> ที่จัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 4 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา ณ ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี โดยผู้จัดสุดจึ้งอย่าง JetFuel

                เวลา 1 ทุ่มตรง! นาทีแห่งความความสนุกก็เริ่มทำงานทันที 6 สาวสมาชิกของวงอย่าง ลิลลี่, แฮวอน, ซอลยุน, เบ, จีอู และ กยูจิน ปรากฏตัวขึ้นมาบนเวทีด้วยชุดสีขาว กับความสวยเป็นแก้วเป็นแสง พร้อมปล่อยเอเนอร์จี้เต็มที่ กับเพลง Run For Roses และ KNOW ABOUT ME เพลงไตเติ้ลจากมินิอัลบั้มใหม่ล่าสุดที่แฟนๆ ชาวไทยได้ฟังได้ดูกับตาเนื้อเป็นครั้งแรก

                ก่อนจะแวะเบรกทักทายกันให้หายคิดถึง บอกแฟนๆ เป็นภาษาไทยว่า “พวกเรากลับมาแล้วค่า” เพราะ 2 ปีที่ไม่เจอกัน สาวๆ เขาคิดถึงแฟนๆ ชาวไทยสุดๆ กลับมาครั้งนี้เลยตั้งใจมาเติมพลังให้แฟนๆ ชาวไทยโดยเฉพาะ และไม่รอช้าสาวๆ NMIXX พร้อมพาแฟนๆ ไปสนุกกันต่อ ขนมาเลยกับเพลงฮิตอย่าง BEAT BEAT, Love Me Like This (Rock ver.), Young Dumb Stupid และ O.O Part.2

                เสิร์ฟความฟินจนแฟนๆ เกือบลืมหายใจไปแล้ว ก็ถึงเวลามาเบรกความชิลกันบ้าง กับเกมที่สาวๆ เตรียมมาเล่นสนุกกับชาว NSWER กับ “เกมวัดไหวพริบ” ที่ให้ 6 สาวทายชื่อเพลงจากการฟังเสียงดนตรีสั้นๆ ซึ่งโบนัสของเกมนี้คือเราจะได้เห็นสาวๆ เต้นเพลง K-POP แบบที่ไม่เคยเห็นอีกด้วย และปิดจบพาร์ทนี้ด้วย โชว์คัฟเวอร์เพลงเท่ๆ อย่าง Kick It จากวง NCT127 และตามมาด้วยเพลง Love Is Lonely และ Moving On ที่สาวๆ ได้โชว์พลังเสียงกันเต็มที่ และชาว NSWER ก็ทำเซอร์ไพรส์สาวๆ ด้วยการชูแผ่นปายโปรเจกต์ที่มีข้อความว่า “พวกเราจะคอยสนับสนุนทุกเส้นทางของ NMIXX เสมอ” นาทีนี้เพลงก็ซึ้ง ข้อความก็ทัชใจ ใครกลั้นไม่ไหวก็ไปก่อนเลย

                ผ่านพาร์ทเต้นสวยไปแล้ว เล่นสนุกกันไปแล้ว พาร์ทต่อไปบอกเลยว่าความเท่จัดเต็ม กับเพลง TANK, Just Did It , SICKUHH, BOOM คูลขึ้นไปอีกกับ DASH  และ See That? ที่ ทำแฟนๆ ร้องเสียดายหนักมาก เพราะเป็นช่วงสุดท้ายของคอนเสิร์ตนี้แล้ว

               คอนเสิร์ตกำลังจะจบ แต่ NSWER ไม่ขอจบ! พร้อมใจกันตะโกนชื่อ NMIXX ขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะถูกสาวๆ เซอร์ไพรส์กลับ ด้วยการปรากฏตัวออกมาจากด้านหลังของแฟนๆ พร้อมด้วยกุหลาบดอกโตที่นำมามอบให้แฟนๆ ทั่วทั้งฮอลล์ พร้อมกับร้องเพลง Kiss และ Passionfruit ให้ฟังกันอย่างใกล้ชิด ถือเป็นแฟนเซอร์วิสที่ทำเอาฮ๊อปจนกลั้นฟินไม่ไหว

                ซึ่งก่อนจะจากไปด้วยเพลงเพราะๆ อย่าง Time of Our Life : Day6, Break The Wall  และ HOME ทั้ง 6 สาว ก็ไม่ลืมที่จะขอบคุณ NSWER ไทย ที่มาเจอ มาสนุก มาเติมกำลังใจกันและกัน และสัญญาว่าจะกลับมาหาแฟนๆ ชาวไทยอีกครั้งแน่นอน

                “ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่ได้เจอกันแล้วนะคะ ครั้งแรกเราได้มีความทรงจำที่สนุกสนาน สำหรับครั้งนี้คิดว่าน่าจะได้ความทรงจำที่น่าสนุกมากขึ้นไปอีกกลับไปค่ะ พวกเราทราบว่า NSWER ไทยรอคอยพวกเราอยู่เสมอ พวกเราเองก็คิดถึงอยู่เสมอค่ะ ครั้งนี้สัมผัสได้ว่าเหล่า NSWER ไทยให้กำลังใจพวกเราเสมอมา พวกเราจะกลับมาเมืองไทยอีกครั้งให้ได้เลยค่ะ”

แฟนมีตติ้ง พัคโบยอง ครั้งแรกในประเทศไทย จองบัตร 25 พฤษภาคมนี้

Alternative Textaccount_circle

SM True นำเสนอเรื่องราวบทใหม่ที่เขียนขึ้นโดย PARK BO YOUNG (พัค โบยอง) นักแสดงหญิงมากฝีมือและเจ้าของรางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยม ผู้ฝากผลงานซีรีส์ยอดฮิตมาแล้วนับไม่ถ้วน กับงานแฟนมีตติ้งครั้งแรกในประเทศไทยของเธอ 2025 PARK BO YOUNG FANMEETING TOUR – written BY. in BANGKOK ซึ่งจะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม 2025 เวลา 17:00 น. ณ เคแบงก์สยามพิฆเนศฮอลล์ ชั้น 7 ศูนย์การค้าสยามแควร์วัน

PARK BO YOUNG นักแสดงหญิงสัญชาติเกาหลีที่โลดแล่นในวงการบันเทิงมานานกว่า 19 ปี พร้อมพิสูจน์ให้เห็นถึงทักษะการแสดงอันยอดเยี่ยมที่สามารถถ่ายทอดตัวละครต่าง ๆ ออกมาได้อย่างเข้าถึงทุกบทบาท รวมถึงเสน่ห์ความน่ารักอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวจนคว้าหัวใจผู้ชมมากมายทั้งในประเทศเกาหลีใต้และต่างประเทศ เส้นทางของเธอเริ่มต้นจากผลงานแรก ‘Secret Campus’ (2006) และสร้างสรรค์หลากหลายผลงานคุณภาพอย่างต่อเนื่องทั้งซีรีส์และภาพยนตร์ โดยเฉพาะภาพยนตร์เรื่อง ‘Scandal Makers’ (2008) ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลายทำให้เธอได้รับฉายาอันเป็นที่รักในฐานะ ‘น้องสาวแห่งชาติ’ พร้อมกวาด ‘รางวัลนักแสดงหญิงหน้าใหม่ยอดเยี่ยม’ กับ ‘รางวัลยอดนิยม’ จากหลายงานประกาศรางวัลอันทรงเกียรติแห่งวงการนักแสดงของเกาหลี


นอกจากนี้ ยังมีผลงานที่สร้างความประทับใจจนเป็นที่พูดถึงในหมู่ผู้ชมทั่วเอเชีย อาทิ ภาพยนตร์เรื่อง ‘A Werewolf Boy’ (2012), ซีรีส์เรื่อง ‘Oh My Ghost’ (2015), ซีรีส์เรื่อง ‘Strong Woman Do Bong Soon’ (2017) ตลอดจนผลงานที่พาผู้ชมทั่วโลกสัมผัสอารมณ์อันลึกซึ้งมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นซีรีส์ออริจินัลของ Netflix อย่าง ‘Daily Dose of Sunshine’ (2013) ที่ทำให้เธอได้รับ ‘รางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม’, ซีรีส์ออริจินัลของ Disney+ อย่าง ‘Light Shop’ (2024), ซีรีส์ออริจินัลของ Netflix อย่าง ‘Melo Movie’ (2024) ล่าสุดกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นับตั้งแต่ เดบิวต์ ด้วยการปรากฏตัวในลุคผมบลอนด์พร้อมท้าทายบทบาทใหม่เป็นครั้งแรกกับการสวม 4 คาแรกเตอร์ของพี่น้องฝาแฝดในซีรีส์เรื่อง ‘Our Unwritten Seoul’ ของช่อง tvN ที่จะออกอากาศในวันที่ 24 พฤษภาคม 2025 นี้

สำหรับแฟนมีตติ้งทัวร์ ‘written BY’ (ริทเทิน บาย) ของ PARK BO YOUNG มีกำหนดเปิดฉากขึ้นที่กรุงโซล ในวันที่ 7 มิถุนายนนี้ เวลา 12:00 น. และ 17:00 น. (ตามเวลาประเทศไทย) รวมทั้งหมด 2 รอบ ณ YES24 LIVE HALL นับเป็นการจัดแฟนมีตติ้งในรอบเกือบ 7 ปี ซึ่งแน่นอนว่า แฟนคลับที่ตั้งตารอก็ให้การตอบรับกันเป็นอย่างดีจนบัตรแฟนมีตติ้งครั้งนี้หมดเกลี้ยงทุกที่นั่งทันทีที่เปิดจำหน่าย ไม่เพียงแค่ในประเทศเกาหลีใต้เท่านั้น เพราะ PARK BO YOUNG จะเดินทางไปพบปะกับแฟน ๆ ทั่วเอเชียอย่างใกล้ชิด ทั้งมาเก๊า วันที่ 29 มิถุนายนนี้, กรุงเทพฯ วันที่ 5 กรกฎาคมนี้ และไทเป วันที่ 27 กรกฎาคมนี้ โดยเธอกำลังตั้งใจเตรียมตัวอย่างเต็มที่ เพื่อเขียนเรื่องราวอันล้ำค่าร่วมกับแฟน ๆ ในช่วงพูดคุยที่จะทำให้รู้จักกันและกันมากขึ้น และเวทีที่สื่อถึงความจริงใจมอบเป็นความทรงจำที่ไม่อาจลืมเลือน

เตรียมบันทึกช่วงเวลาแสนอบอุ่นหัวใจ ท่ามกลางบรรยากาศสุดพิเศษ กับแฟนมีตติ้งครั้งแรกของเธอในประเทศไทยที่จะเติมเต็มทุกความคิดถึงใน 2025 PARK BO YOUNG FANMEETING TOUR – written BY. in BANGKOK เปิดจำหน่ายบัตรอย่างเป็นทางการ ในวันอาทิตย์ที่ 25 พฤษภาคม 2025 ตั้งแต่เวลา 11:00 น. เป็นต้นไป ทางเคาน์เตอร์เซอร์วิสในร้าน 7-Eleven ทุกสาขาทั่วประเทศ และทางเว็บไซต์ www.allticket.com

เปิดโหมด ON ต้อนรับความร้อนแรงทะลุองศาของ KAI EXO

Alternative Textaccount_circle

เปิดโหมด ON ต้อนรับความร้อนแรงทะลุองศาของ KAI EXOกับคอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งแรกในไทย 2025 KAI SOLO CONCERT TOUR <KAION>IN BANGKOK SM True เปิดโหมด ON ต้อนรับเวทีระดับเวิลด์คลาสและการแสดงอันเปี่ยมเสน่ห์ของ KAI (ไค) แห่งวง EXO (เอ็กซ์โซ) ที่จะพาทุกคนดำดิ่งสู่ห้วงอารมณ์ลึกซึ้ง แล้วทะยานสู่ความร้อนแรงทะลุองศา กับคอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งแรกในประเทศไทย 2025 KAI SOLO CONCERT TOUR <KAION> IN BANGKOK วันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม 2025 เวลา 18:00 น. ณ ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี

KAI หนึ่งในสมาชิกสุดโดดเด่นจากวง EXO ศิลปินกลุ่มผู้ทรงอิทธิพลแห่งวงการเพลงเกาหลีใต้และครองใจแฟน ๆ มาอย่างต่อเนื่อง เขาได้สร้างปรากฏการณ์จนเป็นที่พูดถึงในทุกเวทีที่ปรากฏตัวด้วยภาพลักษณ์ที่ทรงพลังและสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ ตลอดจนทักษะการเต้นอันเหนือชั้นจนได้รับการขนานนามว่า ‘World-Class Performer’ หรือศิลปินที่มีมาตรฐานการแสดงในระดับโลก

ไม่เพียงเท่านี้ KAI ยังยกระดับความสำเร็จของตัวเองในฐานะศิลปินเดี่ยว ด้วยมินิอัลบั้มชุดแรก‘KAI (开)’ ในปี 2020 และมินิอัลบั้มชุดที่ 2 ‘Peaches’ ในปี 2021 ส่งเพลงดังอย่าง ‘음 (Mmmh)’ และ‘Peaches’ เผยเสน่ห์เฉพาะตัวและสีสันทางดนตรีของเขาอย่างชัดเจน รวมถึงมินิอัลบั้มชุดที่ 3 ‘Rover’ในปี 2023 ปลุกกระแสไวรัลจากชาเลนจ์สุดฮิต เต้นเพลง ‘Rover’ ถล่มโซเชียลและวงการบันเทิง ปี 2025 นี้ KAI นำเสนอโลกดนตรีที่เติบโตมากยิ่งขึ้นผ่านมินิอัลบั้มชุดที่ 4 ‘Wait On Me’ ประกอบด้วยเพลงอันหลากหลายทั้งหมด 7 เพลง โดยเพลงไตเติล ‘Wait On Me’ เป็นเพลงป็อปแนวAfrobeats (แอโฟรบีตส์) ถ่ายทอดความงดงามของการรอคอยที่ค่อย ๆ เผยออกมาอย่างละเมียดละไมผ่านเสียงร้องและท่าเต้นอันชวนหลงใหล ด้านซิงเกิลพรี-รีลีส ‘Adult Swim’ ได้ยกกองมาถ่ายทำมิวสิกวิดีโอถึงประเทศไทยกระจายบรรยากาศสดชื่นของเพลงที่เปรียบความรักอันลึกซึ้ง เสมือนคนสองคนที่ว่ายน้ำไปด้วยกันอย่างไร้ซึ่งความกลัวใด ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง

มินิอัลบั้มนี้ได้ถือกำเนิดขึ้นหลังจากการรอคอยอันยาวนาน ทั้งจาก KAI ผู้คิดถึงช่วงเวลาบนเวทีมากกว่าใคร และเหล่า EXO-L (เอ็กซ์โซ-แอล : ชื่อแฟนคลับอย่างเป็นทางการ) ทั่วโลกที่เฝ้ารอเขา ผลงานชุดนี้จึงถูกสร้างสรรค์ขึ้นด้วยความตั้งใจแน่วแน่ ที่จะนิยามและสื่อสาร ‘สไตล์ของ KAI’ ออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ ขณะเดียวกัน KAI ได้ประกาศการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ที่ทำให้การรอคอยของ EXO-L สิ้นสุดลง ด้วยคอนเสิร์ตเดี่ยวแบบออฟไลน์ครั้งแรกในรอบ 13ปีนับตั้งแต่เดบิวต์ในฐานะวง EXO และในรอบ 5 ปีนับตั้งแต่ก้าวขึ้นสู่การเป็นศิลปินเดี่ยว โดยชื่อคอนเสิร์ต <KAION> ได้แรงบันดาลใจจากการผสมคำว่า “KAI”, “ON” และคำภาษากรีก “αἰών (AION)” ซึ่งแปลว่า “นิรันดร์” สื่อถึงคอนเซปต์ที่ว่า “การปรากฏตัวบนเวทีของ KAI คือ สัญญาณแห่งการเริ่มต้นของนิรันดร์กาล” พร้อมเดินสายทัวร์คอนเสิร์ตในแถบเอเชียทั้งหมด 10 เมือง เริ่มจากกรุงโซล วันที่ 17-18 พฤษภาคม ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจนบัตรขายหมดเกลี้ยงทันทีที่เปิดจำหน่าย ต่อด้วยกัวลาลัมเปอร์ วันที่ 24 พฤษภาคม, มาเก๊า วันที่ 7 มิถุนายน, จาการ์ตา วันที่ 14 มิถุนายน, สิงคโปร์ วันที่ 21 มิถุนายน,ไทเป วันที่ 12 กรกฎาคม, มะนิลา วันที่ 27 กรกฎาคม, กรุงเทพฯ วันที่ 2 สิงหาคม, โยโกฮาม่า วันที่ 6-7สิงหาคม และฮ่องกง วันที่ 16 สิงหาคมนี้

ถึงเวลาที่ EXO-L ชาวไทยจะได้ตั้งโหมด ON พร้อมสัมผัสเวทีระดับเวิลด์คลาสของ KAI ในคอนเสิร์ตเดี่ยวเต็มรูปแบบ 2025 KAI SOLO CONCERT TOUR <KAION> IN BANGKOK เปิดจำหน่ายบัตรรอบสมาชิก “EXO-L” Membership (GL) Pre-Sale ในวันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน 2025 เวลา 19:00 น. – 23:59 น. ทางเว็บไซต์เท่านั้น และรอบบุคคลทั่วไป ในวันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน 2025 ตั้งแต่เวลา 11:00 น. เป็นต้นไป ทางเคาน์เตอร์เซอร์วิสในร้าน 7-Eleven ทุกสาขาทั่วประเทศและทางเว็บไซต์ www.allticket.com

วัน แบงค็อก คว้ารางวัล “Best Green Loan – Property” จากเวที The Asset Triple A Sustainable Finance Awards 2025

Alternative Textaccount_circle

วัน แบงค็อก โครงการอสังหาริมทรัพย์ต้นแบบสีเขียว ที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและเทคโนโลยีเมืองอัจฉริยะ ได้รับรางวัล “Best Green Loan – Property” จากเวที The Asset Triple A Sustainable Finance Awards: Country 2025 จากความสำเร็จของการระดมทุนผ่านสินเชื่อสีเขียววงเงิน 50,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นวงเงินกู้ที่สูงที่สุดในประเทศไทย โดยมีพันธมิตรร่วมให้การสนับสนุน ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ ตอกย้ำความเชื่อมั่นของภาคการเงินต่อวิสัยทัศน์ของวัน แบงค็อก ในการเป็นเมืองต้นแบบแห่งอนาคต

The Asset เป็นสื่อด้านการเงินการลงทุนชั้นนำของเอเชียที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 25 ปี โดยรางวัล Triple A ของ The Asset ได้รับการยอมรับในฐานะหนึ่งในเวทีที่ทรงอิทธิพลที่สุดในแวดวงการเงินระดับภูมิภาค ซึ่งในปีนี้ได้ให้ความสำคัญกับการยกย่องสถาบันและโครงการที่มีบทบาทในการขับเคลื่อนการเงินอย่างยั่งยืน รางวัลที่วัน แบงค็อก ได้รับไม่ใช่เพียงเพราะขนาดของสินเชื่อที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แต่เป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของโครงการในการพัฒนาเมืองอย่างรับผิดชอบในทุกมิติ

โครงการวัน แบงค็อก พัฒนาโดย บริษัท ทีซีซี แอสเซ็ทส์ (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ด้วยงบลงทุนรวม 120,000 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับกรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองต้นแบบด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนแบบองค์รวม ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยี และสุขภาวะของผู้ใช้งาน ปัจจุบันโครงการฯ ยังเป็นโครงการแรกในประเทศไทยที่ได้รับการรับรอง LEED for Neighborhood Development ระดับแพลตตินัม และยังได้รับการรับรอง WiredScore และ SmartScore ระดับแพลตตินัม เพื่อเน้นการออกแบบที่ส่งเสริมสุขภาวะและความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย โดยวงเงินสินเชื่อสีเขียวจะถูกนำไปใช้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ประหยัดพลังงาน ระบบคมนาคมสีเขียว และพื้นที่ที่สร้างสมดุลระหว่างการอยู่อาศัย การทำงาน และการใช้ชีวิตในเมืองแห่งอนาคต


keyboard_arrow_up