TRIBUTE x LUKE ISHIKAWA

TRIBUTE x LUKE ISHIKAWA คอลแลปส์แฟชั่นแบรนด์เกาหลีเพื่อสังคมไทย

TRIBUTE x LUKE ISHIKAWA
TRIBUTE x LUKE ISHIKAWA

TRIBUTE x LUKE ISHIKAWA คอลแลปส์แฟชั่นแบรนด์เกาหลีเพื่อสังคมไทย ผสานระหว่างสไตล์ไร้กฎเกณฑ์กับอุดมการณ์สังคมไทยยืนหยัดสู้ภัย COVID-19 ตีความผ่านลิมิเต็ดคอลเลคชั่น ‘Stronger’

นับเป็นการเขย่าวงการแฟชั่นอีกครั้ง เมื่อคอลแลปส์แบรนด์แฟชั่นสัญชาติเกาหลีชื่อดัง ที่มาพร้อมกับอุดมการณ์สร้างสรรค์และพัฒนาสังคมอย่าง TRIBUTE หลังจากประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่งกับแคมเปญคอลแลปส์คอลเลคชั่นแรก ‘Stand Together’ ภายใต้คีย์เวิร์ดติดเทรนด์ ‘Hate Is A Virus’ กับ Jessi หรือ Ho Hyun-joo ศิลปินแร็ปเปอร์สาวสัญชาติเกาหลีอเมริกันชื่อดังระดับโลก เจ้าของผลงานเพลง ‘Nu Nu Na Na’ ที่มียอดผู้ชมถึง 164 ล้านวิวบนยูทูป และแคมเปญคอลแลปส์ที่สองกับคอลเลคชั่น ‘Close to Your Heart’ กับ  Alexa ศิลปินเดี่ยวหญิงชาวเกาหลีจากค่าย ZB Label เพื่อสะท้อนวิสัยทัศน์การช่วยเหลือสังคมและสนับสนุนการพัฒนาสังคมกับภาคส่วนต่างๆ ต่อไป

โดยปีนี้ TRIBUTE ไม่หยุดนิ่งที่จะเดินหน้าอุดมการณ์ดังกล่าว พร้อมทั้งได้เล็งเห็นถึงวิสัยทัศน์อันแรงกล้าของ ลุค อิชิคาว่า พลาวเด้น พระเอกหนุ่มสุดฮอตสัญชาติญี่ปุ่น-อเมริกัน และดีไซเนอร์เสื้อผ้าแนวสปอร์ตมากความสามารถของประเทศไทย ที่ต้องการให้ทุกคนในสังคมไทยผ่านพ้นวิกฤตการระบาดของเชื้อ COVID-19 ไปได้ร่วมกัน จึงเกิดเป็นคอลแลปส์แฟชั่นเพื่อสังคมไทยล่าสุด ‘TRIBUTE x LUKE ISHIKAWA’ ภายใต้คอลเลคชั่นแนวสตรีทสไตล์ชื่อว่า Stronger และเป็นดีไซเนอร์ไทยคนแรกที่ได้ร่วมงานกับ TRIBUTE

‘TRIBUTE x LUKE ISHIKAWA’ นับเป็นคอลแลปส์แคมเปญครั้งใหม่ที่ทางแบรนด์ TRIBUTE ได้รับเกียรติจาก ลุค อิชิคาว่า พลาวเด้น พระเอกหนุ่มสัญชาติญี่ปุ่น-อเมริกันจากซีรี่ย์เรื่อง OH MY BOSS และดีไซเนอร์แบรนด์สตรีทสปอร์ต ‘VOYAGE’ เพื่อร่วมสร้างสรรค์ผลงานการออกแบบคอลเลคชั่นแฟชั่นสไตล์สตรีทสปอร์ตรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น ภายใต้ชื่อคอลเลคชั่นว่า ‘Stronger’ โดยเชื่อมโยงแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานและอุดมการณ์แฟชั่นเพื่อช่วยเหลือสังคมไทยสู้ภัย COVID-19 เข้าด้วยกัน พร้อมทั้งนำรายได้เพื่อสมทบทุนให้กับกลุ่มอาสาสมัครภาคประชาชน “Up for Thai” ภายใต้โครงการ “ต้องรอด” เพื่อบรรเทาทุกข์ประชาชนที่ได้รับผลกระทบในสภาวะการระบาดของ COVID-19 โดยการจัดตั้งโรงครัว การรับบริจาคเงิน และของอุปโภคบริโภค เพื่อนำส่งไปยังพื้นที่ที่ต้องการความช่วยเหลือ

ดีไซเนอร์หนุ่มเผยถึงความรู้สึกที่ได้ร่วมงานกับ TRIBUTE ว่า ผมรู้สึกยินดีและตื่นเต้นมากที่ได้ร่วมงานออกแบบคอลเลคชั่นให้กับ TRIBUTE ซึ่งการร่วมงานครั้งนี้ นับเป็นการคอลแลปส์ครั้งแรกของแบรนด์ VOYAGE และได้นำคีย์เวิร์ดไอคอนิกของสองแบรนด์มาผสมผสานกัน เพื่อออกแบบเป็นแฟชั่นไอเทมแนวสตรีทสไตล์รุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นให้กับทุกคนได้สวมใส่สบาย บ่งบอกถึงความมั่นใจในทุกลุคที่แมทช์ขึ้นมา และยังได้ทำในสิ่งที่ผมตั้งใจที่จะทำ คือร่วมสนับสนุนกลุ่มอาสาสมัครภาคประชาชน Up for Thai เพื่อช่วยเหลือทุกคนในสังคมไทยที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดเชื้อ COVID-19 จึงเป็นเรื่องที่น่าจดจำมากๆ และทุกคนก็สามารถมีส่วนร่วมในการสนับสนุนครั้งนี้ได้ด้วยครับ”

เอกลักษณ์ของคอลเลคชั่นแนวสตรีทสปอร์ตรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นของ ‘Stronger’ จะเน้นโทนสีขาวและสีดำ ประกอบไปด้วย 4 ไอเทมที่สามารถสวมใส่ได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย สามารถมิกซ์แอนด์แมทช์สไตล์ที่ให้ลุคสตรีทสปอร์ตได้อย่างง่ายดาย พร้อมบ่งบอกถึงความมั่นใจและความสบายขณะสวมใส่ ไม่ว่าจะเป็น เสื้อยืด (Loose T-Shirt) เสื้อฮู้ด (Hoodie) หมวกบีนนี่ (Beanie) และกระเป๋ากีฬา (Bag)

ในขณะที่ทุกไอเทมจะสกรีนคีย์เวิร์ดจุดเด่นสำคัญ  ‘Stronger’ ที่ได้รับการตีความจากวิสัยทัศน์และความห่วงใยของ ลุค อิชิคาว่า พลาวเด้น ที่ต้องการให้ “ทุกคนจงเข้มแข็ง แข็งแกร่งขึ้น เพื่อยืนหยัดช่วยเหลือซึ่งกันและกัน พร้อมต่อสู้ร่วมกันและก้าวผ่านอุปสรรค COVID-19 ไปด้วยกัน” พร้อมด้วยสกรีนคีย์เวิร์ดสุดไอคอนิกจากสองแบรนด์ DNA เข้าด้วยกัน อย่าง VOYAGE ที่สื่อถึง การโลดแล่นบนเส้นทางที่คุณกำหนดเองและรู้สึกดีที่ได้ทำ คู่กับ TRIBUTE สื่อถึงการอุทิศตนเพื่อประโยชน์แก่สังคมผ่านการร่วมสร้างสรรค์ผลงานแฟชั่นที่ออกแบบโดยศิลปินชื่อดังต่างๆ เมื่อทั้งสองคีย์เวิร์ดรวมกันจึงตีความใหม่ที่สื่อถึง “การอุทิศตนเพื่อช่วยเหลือผู้คนและรู้สึกยินดีที่ได้ทำ

นอกจากนี้ ยังเพิ่มลูกเล่นให้กับรายละเอียดของแฟชั่นไอเทมคอลเลคชั่นนี้ ด้วยเทคนิคการสกรีนลวดลาย Glitch (ภาพซ้อนแบบอนาล็อก) เพื่อสื่อเชิงสัญลักษณ์ถึงโลกของเราที่กำลังเผชิญอุปสรรคและความยากลำบากจากการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 จนกลายเป็นจุดสนใจของคอลเลคชั่นเสื้อผ้าแนวสตรีทสปอร์ตสุดพิเศษนี้

วันช้างโลก

วันช้างโลก – ผุดโฆษณาหยุดใช้ช้างสร้างความบันเทิงชูค่านิยมท่องเที่ยวต้องไม่ทำร้ายช้างโดยองค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก

วันช้างโลก
วันช้างโลก

เนื่องในวันช้างโลก 12 สิงหาคม องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก (World Animal Protection) เปิดตัวสื่อประชาสัมพันธ์ภายใต้แคมเปญ Elephants Not Entertainers  มุ่งสร้างค่านิยมใหม่ของการท่องเที่ยวแบบไม่ทำร้ายช้าง พร้อมรณรงค์หยุดการนำช้างมาทำกิจกรรมสร้างความบันเทิง สอดรับกับความพยายามปรับปรุงสวัสดิภาพช้างอย่างเป็นระบบผ่านการยื่นร่าง พ.ร.บ.ช้างไทย เข้าสู่รัฐสภา

นางสาวโรจนา สังข์ทอง ผู้อำนวยการ องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ประเทศไทย4

นางสาวโรจนา สังข์ทอง ผู้อำนวยการองค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ประเทศไทย กล่าวว่า “จุดประสงค์ของการเปิดตัวโฆษณารณรงค์ดังกล่าว เนื่องมาจากทุกวันนี้ในประเทศไทยมีช้างราวๆ 2,800 ตัวที่ถูกใช้ในกิจกรรมเพื่อความบันเทิง แต่เบื้องหลังที่นักท่องอาจไม่เคยรู้ คือ การพรากลูกช้างจากแม่ เพื่อนำมาฝึกตั้งแต่ยังเด็ก โดยช้างจะถูกบังคับ กักขัง ถูกขอสับซ้ำๆ ทั้งล่ามโช่ ทำร้าย ใช้งานหนัก เพื่อให้หวาดกลัวมนุษย์และเชื่องพอที่จะแสดงกิจกรรมที่ผิดธรรมชาติ การที่นักท่องเที่ยวร่วมชื่นชมการแสดงของช้างแสนรู้เป็นการสนับสนุนให้ช้างต้องถูกทรมานทางอ้อมโดยที่เราไม่รู้ตัว”

“องค์กรฯ มีเป้าหมายที่อยากเห็นช้างเลี้ยงรุ่นที่มีอยู่ในปัจจุบันได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด และไม่มีการผสมพันธุ์เชิงพาณิชย์อีก อยากเห็นช้างที่เป็นสัตว์ป่า ได้รับการปกป้องในถิ่นที่อยู่ตามธรรมชาติของพวกเขา ถ้าคุณรักช้าง ทุกคนต้องช่วยกันปกป้องพวกเขาให้ได้ใช้ชีวิตตามธรรมชาติ แต่หากอยากเที่ยวอยากชมช้างจริงๆ แนะนำให้ศึกษาช้างในแหล่งธรรมชาติอย่างอุทยานแห่งชาติหรือเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า หรือปางช้างที่เป็นมิตรต่อช้างซึ่งมีมาตรฐานด้านสวัสดิภาพสูง”

โฆษณารณรงค์ชุดนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นเสียงสะท้อนสำหรับช้างเท่านั้น แต่ต้องการสร้างความตระหนักให้กับคนดูเห็นว่า เบื้องหลังของการแสดงช้างที่ดูน่ารักน่าเอ็นดู จริงๆ แล้วคือช้างเหล่านี้ต้องผ่านการฝึกอย่างหนักและทารุณเพื่อยุติสัญชาตญาณของสัตว์ป่าเพื่อให้ช้างเชื่องและหวาดกลัวพอที่จะออกแสดงโชว์ได้ และถ้าหากเรายังไม่หยุดสนับสนุนกิจกรรมมีเบื้องหลังโหดร้าย วงจรแห่งความทารุณนี้ก็จะสร้างความบอบช้ำไม่รู้จบ เพียงเพื่อแลกกับความบันเทิงชั่วคราวของนักท่องเที่ยว

 วันช้างโลก

 วันช้างโลก

นายฉัตรณรงค์ เมืองวงษ์ ผู้จัดการแคมเปญสัตว์ป่า

นายฉัตรณรงค์ เมืองวงษ์ ผู้จัดการแคมเปญสัตว์ป่า องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ประเทศไทย เปิดเผยว่า “ช้างเป็นสัตว์ป่า สมควรได้อยู่ในป่า ผลสำรวจของเราพบว่านักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเที่ยวในไทยเริ่มรับไม่ได้กับกิจกรรมที่เป็นการทำร้ายสัตว์มากขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อเกิดวิกฤติโควิด-19 ยิ่งทำให้เห็นว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไม่สามารถเป็นที่พึ่งของช้างนี้ได้ เห็นได้จากข่าวเกี่ยวกับช้างตกงาน ถูกปล่อยกลับบ้าน และอดอยากมากมาย”

“เมื่อวิกฤติจากโควิด-19 บรรเทาลงแล้ว เรามองว่านี่เป็นโอกาสดีที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะหันมาปรับปรุงสวัสดิภาพช้างให้ดีขึ้น ให้สอดคล้องกับเทรนด์การท่องเที่ยวที่มุ่งไปสู่การท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบมากขึ้นเรื่อยๆ ภาครัฐเองก็ควรจริงจังกับเรื่องนี้มากขึ้นเช่นกัน ผ่านการออกกฎหมายและนโยบายที่ปกป้องสัตว์ป่าอย่างเป็นระบบ ถ้าทำได้จริง จะกลายเป็นตัวอย่างที่ดีในสังคมโลกและนำชื่อเสียงมาสู่ประเทศไทย”

ทั้งนี้ เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา องค์กรพิทักษ์สัตวแห่งโลก พร้อมภาคีเครือข่าย นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญ ได้ร่วมผลักดันร่างพระราชบัญญัติปกป้องและคุ้มครองช้างไทย พ.ศ…. ซึ่งเป็นร่างกฎหมายฉบับแรกที่จะปกป้องช้างจากการทารุณกรรมช้างในทุกรูปแบบ ซึ่งครอบคลุมประเด็นสำคัญอย่างการยุติผสมพันธุ์ช้างเชิงพาณิชย์ ยกระดับการจัดสวัสดิภาพช้าง ยุติการใช้กระบวนการฝึกช้างที่โหดร้ายทารุณ และไม่บังคับช้างให้แสดงพฤติกรรมที่ผิดธรรมชาติ เป็นต้น

เสื้อยืด Max Mara ฉลอง 70 ปี

เรียบแต่ดูดี! 7 ลาย เสื้อยืด Max Mara ฉลองครบรอบ 70 ปี

เสื้อยืด Max Mara ฉลอง 70 ปี
เสื้อยืด Max Mara ฉลอง 70 ปี

7 เป็นตัวเลขที่ปรากฎอยู่ในหลายวัฒนธรรมโบราณซึ่งหมายถึงความสมบูรณ์ การค้นพบ ความรู้ และมักเกี่ยวข้องกับเรื่องราวของนักปราชญ์ที่แสดงถึงสัญชาตญาณ การทำสมาธิ และความแม่นยำ ดังนั้น 7 ศิลปินได้ร่วมออกแบบ เสื้อยืด Max Mara 7 ตัว เพื่อฉลองครบรอบ 70 ปีของแบรนด์แม็กซ์ มาร่า ในฐานะผู้นำแบรนด์เสื้อผ้าคุณภาพสูงที่โด่งดังไปทั่วโลกจวบจนถึงปัจจุบัน

เรื่องราวทั้งหมดนี้ได้นำมาตีความผ่านเสื้อยืดทั้ง 7 ตัว  (ซึ่งแน่นอนว่าใส่ได้หมด!)

เสื้อยืดลายแรกมาจากภาพถ่ายอันเลื่องชื่อโดย William Wegman ที่เขาได้ถ่ายภาพสุนัขเวมาราเนอร์ (Weimaraners) สวมเสื้อโค้ท ​​Max Mara 101801

ลายที่สองมาจากลายพิมพ์ชื่อดังโดยนักวาดภาพประกอบอย่าง François Berthoud

ลายที่สามเป็นเสื้อยืดพิมพ์ลายภาพสเก็ตช์ Brunetta ที่ใช้ดินสอวาด

ลายที่สี่เป็นลายภาพกราฟิกธีมทะเลโดย Brian Grimwood ซึ่งถือเป็นฉากในตำนานบนรันเวย์ของแม็กซ์ มาร่า คอลเล็คชั่นฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูร้อน 2016

ลายที่ห้าเป็นภาพที่อุทิศให้กับการแสดงบัลเล่ต์คลาสสิกโดย Valery Katsuba ซึ่งเคยใช้สำหรับงานนิทรรศการ “COATS!” ที่จัดขึ้นที่มอสโกในปี 2011

ภาพที่หกเป็นเสื้อสีแดงสดเหมือนสีเสื้อคลุมเท็ดดี้ที่ถ่ายโดย Brigitte Niedermair ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากภาพวาดยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาของอิตาลี

ลายสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดคือเสื้อพิมพ์ลายกราฟิกที่เราต่างคุ้นตาบนแคทวอล์คของแม็กซ์ มาร่า คอลเล็คชั่นฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว 2021 ในมิลาน ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากผลงานของ Erberto Carboni โดยภาพเหล่านี้หมุนวนอย่างต่อเนื่องระหว่างอดีต ปัจจุบัน และอนาคต

เสื้อยืดผลิตจากผ้าฝ้าย 100% ที่ให้ความหรูหรา พร้อมการตัดเย็บที่ดูประณีตสวยงาม ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้ได้สร้างสรรค์ขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อถ่ายทอดความสวยงามของงานศิลปะแต่ละชิ้น

แต่ทำไมต้องใช้เสื้อยืดเพื่อเฉลิมฉลองช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้

“เนื่องจากเสื้อยืดคอลเล็คชั่นนี้ไม่ได้เป็นแค่เสื้อคอกลมแขนสั้นและทรงตรงแบบธรรมดา แต่เป็น “เสื้อยืดแห่งสัญลักษณ์” ที่ไม่เปลี่ยนแปลงตามกระแสแฟชั่นและเป็น “ผืนผ้าเรียบๆ” ที่ให้โอกาสเราในการสื่อสารความฉับไวและแฟชั่นที่มาเร็วไปเร็วในยุคปัจจุบันของเรา เปรียบกับความรวดเร็วของ Twitter (แต่มีมานานก่อนที่ Twitter จะมาถึง)

เสื้อยืดเป็นวิธีง่ายๆ ในการบอกให้โลกรู้ว่าจริงๆ แล้วคุณเป็นใครและเป็นอย่างไร เดนนิส นอธดรัฟต์ หัวหน้าพิพิธภัณฑ์แฟชั่นและสิ่งทอในลอนดอนและภัณฑารักษ์ของนิทรรศการ T-SHIRT: CULT – CULTURE – SUBVERSION” ซึ่งเป็นงานที่อุทิศให้กับเสื้อผ้าคอลเล็คชั่นนี้ได้กล่าวไว้ว่า “มันอาจเป็นเสื้อผ้าที่เรียบง่ายที่สุด แต่ดูน่าเกรงขาม และยังเพิ่มสไตล์และเอกลักษณ์ให้กับผู้ที่สวมใส่ และเป็นนิยามแฟชั่นของแม็กซ์ มาร่าในช่วง 70 ปีที่ผ่านมา


บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

สวยสะพรั่งสดใส ‘เลดี้คิตตี้’ ในทริปฮันนีมูน จัดเต็มชุดลายดอกเกือบแสน!

ไอเท็มโปรดคนดัง! รองเท้า Keds รุ่นฮ็อต อยู่คู่กับหนัง-ซีรีส์ มาหลายสิบปี

รีวิวรองเท้าแบรนด์เนมฉบับ เซเลบสาว เปเป้-วาริธร คู่ไหนใส่ดี ใส่แล้วสวยแต่กัดเจ็บ

ฉวน หงฉาน

หงฉาน นักกีฬากระโดดน้ำเหรียญทอง ปฏิเสธเงินพันล้าน ขอความเป็นส่วนตัว

account_circle
ฉวน หงฉาน
ฉวน หงฉาน

ครอบครัว ฉวน หงฉาน นักกีฬากระโดดน้ำเหรียญทองโอลิมปิก ประกาศปฏิเสธ เงิน 30 ล้านปอนด์ และอสังหาริมทรัพย์ ที่เหล่ามหาเศรษฐี และ บริษัทต่างๆ มอบให้ พวกเขาขออย่างเดียวคือ ขอความเป็นส่วนตัวให้กับครอบครัว

หงฉาน นักกีฬากระโดดน้ำเหรียญทอง ปฏิเสธเงินพันล้าน ขอความเป็นส่วนตัว

ฉวน หงฉาน

หลังจากที่สาวน้อยวัย 14 ปี ฉวน หงฉาน สร้างประวัติศาสตร์สามารถทำคะแนนเต็ม 10/10/10 ถึง 2 รอบ จากการกระโดด 5 ครั้ง ปิดท้ายด้วยคะแนนรวมที่ 466.20 ในการแข่งขันกีฬากระโดดน้ำ คว้าเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ 2020 ซึ่งจัดขึ้นกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น งานนี้ทำเอาสาวน้อยหงฉานกลายเป็นคนดังในช่วงข้ามคืน

ทั้งนี้ ฉวน หงฉาน เคยให้สัมภาษณ์ว่า เธออยากไปสวนสนุกสักครั้งเหมือนเด็กคนอื่นๆ หงฉานเล่าว่าชีวิตของเธอไม่เหมือนเด็กๆ ทั่วไป เธอต้องซ้อมอย่างหนักทุกวัน อีกทั้งยังต้องช่วยพ่อหาเงินเพื่อมาเป็นค่ารักษาพยาบาลของแม่ที่กำลังรักษาตัวจากการเกิดอุบัติเหตุเมื่อหลายปีก่อน

มีรายงานว่าหงฉานได้รับเงินสด รวมถึงอสังหาริมทรัพย์ และของรางวัลต่างๆ ที่หลั่งไหลเข้ามามากมายจากเหล่ามหาเศรษฐี และ บริษัทต่างๆ เป็นจำนวนมาก

ขณะเดียวกัน Global Times กล่าวว่า ตามรายงานของ สหพันธ์อุตสาหกรรมและการพาณิชย์เมือง Zhanjiang” มีการเผยว่า ขณะนี้กำลังมีบริษัท 3 แห่งใน Zhanjiang ที่กำลังจัดหาบ้าน ร้านขายของชำ และ เงินให้กับหงฉาน

นอกจากนี้ ยังมีโรงพยาบาลท้องถิ่นใน Zhanjiang ได้เสนอบริการทางการแพทย์แบบครบวงจร ให้กับแม่และปู่ที่ป่วยไม่เพียงเท่านั้นยังมีเหล่าของขวัญที่ทยอยเข้ามาให้เธออย่างไม่ขาดสาย ซึ่งครอบครัวของเธอยังได้รับบัตรสวนสนุก, สวนสัตว์ ฟรีตลอดชีพ รวมถึงรีสอร์ทอีกหลายแห่งที่ให้เข้าพักฟรี

อย่างไรก็ตามรายงานของ Southern Metropolis Daily มีการเผยว่า ฉวน เหวินเหมา พ่อของหงฉาน ได้ออกมาปฏิเสธข้อเสนอทั้งหมด เขากล่าวว่า  “ผมขอขอบคุณที่แสดงความหวังดีเข้ามา แต่ผมไม่ได้ต้องการอะไร”

มีรายงานว่า หน้าบ้านของสาวน้อยนักกระโดดน้ำเต็มไปด้วยเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ที่มารวมตัวกันอย่างหนาแน่นเกิดความโกลาหลเป็นอย่างมาก เพราะพวกเขาตั้งใจมาสตรีมสดหน้าบ้านของเธอ ทั้งนี้ยังมีบางคนที่จงใจปีนขึ้นไปบนต้นไม้เพื่อถ่ายเข้าไปในบ้านของหงฉาน เพื่อทำคอนเท้นต์ที่ชื่อว่า “เปิดบ้านหงฉาน จุดถ่ายรูปสุดฮ็อตที่กำลังโด่งดังในอินเตอร์เน็ต” ซึ่งแฮชแท็กนี้กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากใน Weibo ซึ่งปัจจุบันมีผู้เข้าชมแล้วกว่า 25 ล้านครั้ง

เป็นผลให้ประชาชนทั่วไปไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าเยี่ยมบ้านของเธออีกต่อไป เพราะกลัวว่าอาจกลายเป็นจุดแพร่กระจายไวรัสโควิด ซึ่งพ่อของหงฉานได้กล่าวเสริมว่า

“พวกเขาสามารถส่งความคิดถึงได้ ไม่จำเป็นต้องมาที่นี่ มันรบกวนชีวิตของพวกเขาและของเราด้วยใช่ไหม”


ที่มา : www.mirror.co.uk

 

 

กู้ปัญหา ผิวขาดน้ำ แห้งกร้านแบบสาวฮ็อต Blake Lively

กู้ปัญหา ผิวขาดน้ำ แห้งกร้านแบบสาวฮ็อต Blake Lively ให้กลับมาอิ่มฟูสวยใส

Alternative Textaccount_circle
กู้ปัญหา ผิวขาดน้ำ แห้งกร้านแบบสาวฮ็อต Blake Lively
กู้ปัญหา ผิวขาดน้ำ แห้งกร้านแบบสาวฮ็อต Blake Lively

ใครที่มีปัญหาผิวแห้งกร้าน มีความเป็นขุย ลักษณะ ผิวขาดน้ำ ขอนำวิธีการกู้ผิวให้กลับมาอิ่มน้ำดังเดิมตามแบบฉบับคุณแม่ลูกสามอย่าง เบลก ไลฟ์ลี (Blake Lively) นักแสดงสาวฮ็อตวัย 33 ปี มาฝาก

สำหรับคุณแม่มือใหม่ช่วง 2 สัปดาห์หลังคลอด อาจนึกโล่งใจว่าดูบวมน้อยลง เพรียวลงเร็วจัง แต่สักพักจะสังเกตได้ว่าผิวมีอาการแห้ง ขาดน้ำ บางรายถึงขั้นเป็นขุย สูญสิ้นความสดใส เพราะร่างกายขับน้ำที่สะสมไว้ระหว่างการตั้งครรภ์ออกไป

ผิวขาดน้ำ 1

และถึงแม้อาจดูบวมน้ำน้อยลง แต่ผิวกลับแห้งมาก ยิ่งถ้าดื่มน้ำน้อยอยู่แล้วยิ่งน่าห่วง ลองสังเกตว่ามีอาการปากแห้งแตกลอกเป็นขุย กลืนน้ำลายแล้วรู้สึกเหนียวคอ ผิวแห้ง ผิวไม่สดใส ผมขาดหลุดร่วงง่าย น้ำนมออกน้อยหรือไม่ หากใช่ นั่นแปลว่ากำลังเผชิญกับปัญหาผิวขาดน้ำ

ผิวขาดน้ำ 2

กู้ปัญหา ผิวขาดน้ำ แห้งกร้านแบบสาวฮ็อต Blake Lively ให้กลับมาอิ่มฟูสวยใส

ซึ่งเคล็ดลับฉบับคุณแม่ลูกสามของ “เบลก ไลฟ์ลี” เธอได้บอกไว้ว่า “อย่าเบื่อนะคะ ถ้าจะเตือนว่าคุณแม่หลังคลอดต้องดื่มน้ำให้มากๆ เพื่อทดแทนน้ำในร่างกายที่สูญเสียไป ฉันพกน้ำไว้ใกล้ตัวตลอด เพราะช่วยให้ผิวหลังคลอดกลับมาเปล่งปลั่ง แถมยังทำให้ มีน้ำนมเพียงพอ

“ส่วนการบำรุงจากภายนอก ขอให้อัดความชุ่มชื้นเข้าไปให้มากที่สุด เพื่อให้ผิวอิ่มน้ำ ไม่อย่างนั้นจะโทรมจัด ส่วนผสมในสกินแคร์ที่ฉันมองว่าเวิร์คมากคือ พวกไฮยาลูโรนิกแอซิด เพราะเป็นสารที่ได้มาจากการเพาะเลี้ยงเชื้อในห้องปฏิบัติการ โดยใช้โปรตีนจากธรรมชาติ จึงมีความใกล้เคียงกับร่างกายมนุษย์มากที่สุด ปลอดภัยกับลูกน้อย คุณแม่ที่ให้นมอยู่จึงใช้ได้ค่ะ”

ผิวขาดน้ำ 4 ผิวขาดน้ำ 3 ผิวขาดน้ำ 5


ข้อมูล : นิตยสารแพรว ฉบับ 973
ภาพ : blakelively , #blakelively

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

แซ่บลืมวัย! คุณยายชาวอเมริกัน วัย 99 ปี นางแบบสกินแคร์ ที่อายุมากที่สุดในโลก

เบื้องหลังผิวสวยกระจ่างใสของ “ตี๋ลี่เร่อปา” มาส่องกันว่าเธอมีสกินแคร์รูทีนอย่างไร

ดูแลผิวแพ้ง่าย แบบ DIY สไตล์สาวสวยเสียงดี Lana Del Rey ด้วยวัตถุดิบธรรมชาติ

 

 

กระเป๋า Gucci Soho 'เค้กส้ม' หวานใจ 'เสนาหอย'

เปิดวาร์ปลูกรัก! กระเป๋า Gucci Soho ‘เค้กส้ม’ หวานใจ ‘เสนาหอย’ ที่ใช้บ่อยมากกก

กระเป๋า Gucci Soho 'เค้กส้ม' หวานใจ 'เสนาหอย'
กระเป๋า Gucci Soho 'เค้กส้ม' หวานใจ 'เสนาหอย'

ส่องไอเท็มสุดโปรด กระเป๋า Gucci Soho ของเค้กส้ม – สุกัญญา แฟนสาวเสนาหอย ที่ถูกหยิบมาใช้กับหลายลุค จนต้องตามสืบว่าดียังไง ทำไมถึงสะพายไม่วางเลยคะ

กระเป๋าแบรนด์เนมหลายๆ รุ่น แม้จะออกมานานแล้ว แต่ผู้คนก็ยังตามหาซื้อไม่หยุดหย่อน เพราะดีไซน์ที่คลาสสิกใช้งานง่าย ทำให้ยังสามารถครองใจคนรักกระเป๋าได้ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ Gucci Soho Leather Flap Shoulder Bag ที่ฮ็อตไม่เลิก จน ‘เค้กส้ม’ หวานใจของ ‘เสนาหอย’ ยังต้องพ่ายแพ้ยอมเปย์มาจนได้ และเป็นใบลูกรักที่เธอใช้เกือบทุกทริป ทุกลุค แถมยังเลือกใช้ตอนไปเที่ยวยุโรปอีกด้วย จนตอนนี้ก็ยังเป็นกระเป๋าที่สาวเค้กส้มสะพายอยู่บ่อยๆ เรียกว่าเจอสาวเค้กส้ม ก็ต้องเจอ Gucci Soho เหมือนกัน

กระเป๋า Gucci Soho Leather Flap Shoulder

กระเป๋า Gucci Soho

กระเป๋า Gucci Soho

กระเป๋า Gucci Soho Leather Flap Shoulder

กระเป๋า Gucci Soho Leather Flap Shoulder

กระเป๋า Gucci Soho Leather Flap Shoulder

เปิดวาร์ปลูกรัก! กระเป๋า Gucci Soho ‘เค้กส้ม’ หวานใจ ‘เสนาหอย’ ที่ใช้บ่อยมากกก

โดยกระเป๋า Gucci สะพายข้างรุ่น Soho Leather Flap Shoulder ใบสีดำของเค้กส้ม มาในราคา $1,349 หรือประมาณ 41,000 บาท ขนาด 10.6″L x 2″W x 6″H ตัวกระเป๋ากระทัดรัดมาพร้อมกับโลโก้ G แบบนูน และมีพู่หนังห้อยกระเป๋าเก๋ๆ อยู่ด้านข้าง ส่วนตัวฮาร์ดแวร์ก็เป็นสีทองอ่อนๆ กำลังดี ฝากระเป๋าเป็นแผ่นแม่เหล็ก นอกจากสีดำก็ยังมีสีแดง , สีเบจ , สีชมพู และอีกมากมาย

กระเป๋า Gucci Soho Leather Flap Shoulder

กระเป๋า Gucci Soho Leather Flap Shoulder

กระเป๋า Gucci Soho สีดำ

กระเป๋า Gucci Soho Leather Flap Shoulder

กระเป๋า Gucci Soho สีดำ

ถ้าสาวๆ กำลังมองหากระเป๋าที่สามารถใช้งานได้ทุกวัน แต่ให้ลุคไม่ซ้ำ ไม่ว่าจะแนวสบายๆ เรียบง่าย หรือหรูหรา ก็ต้องใบนี้เลย เพราะใช้ได้ในหลายๆ โอกาส ลงทุนไปคุ้มค่าแน่นอน และยิ่งถ้าเป็นแฟนของ Gucci ก็ไม่ควรพลาดกระเป๋ารุ่นนี้ หรือใครที่อยากลองซื้อกระเป๋าแบรนด์ดังในราคาที่ไม่แรงจนน่าตกใจ Gucci Soho ก็ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลยล่ะ


ภาพ : IG@cakesom

เรื่อง : ฮานะ_แพรวนิสต้า

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

แกะของขวัญวันเกิด ‘จีซู BLACKPINK’ กระเป๋าแบรนด์เนม ลิสต์ยาวเป็นหางว่าว

ทำไม Louis Vuitton ปรับขึ้นราคา แต่เฉพาะในเกาหลี กว่า 20% ของราคาเดิม

ดีงามยังไง! กระเป๋า Bottega Veneta ของ ‘อั้ม พัชราภา’ เปย์เอง ใช้เอง ไม่ง้อใคร

 

กระเป๋า Louis Vuitton ญาญ่า อุรัสยา

ซื้อตามไหวไหม? ทลายคลังกระเป๋า Louis Vuitton ‘ญาญ่า’ ขุมทรัพย์ที่ต้องชม

กระเป๋า Louis Vuitton ญาญ่า อุรัสยา
กระเป๋า Louis Vuitton ญาญ่า อุรัสยา

สมฐานะ Friend of Louis Vuitton! เปิดคลังกระเป๋าหลุยส์ ญาญ่า อุรัสยา ขุมทรัพย์ไฮเอนด์ที่หลายคนปรารถนา

หยิบจับอะไรก็เป็นเงินเป็นทองไปซะหมด แม้แต่ต้นไม้ที่น้องญ่าโพสต์ภาพบนอินสตาแกรมส่วนตัวก็ราคาพุ่งพรวด เพราะมีแต่คนแห่ซื้อตาม แม้แต่กระเป๋าแบรนด์เนม หลุยส์ วิตตอง รุ่นยอดนิยม Multi-Pochette Accessories Bag ที่มี 3 ชิ้นในใบเดียว จากราคา 50,500 บาท ก็ขึ้นไปถึงใบละเกือบแสนเลยทีเดียว ทำเอาสินค้าขาดตลาด เพราะฮ็อตเหลือเกิน ถึงจะไม่ใช่ญาญ่าฟีเว่อร์ซะทีเดียว เพราะกระเป๋ารุ่นนี้กระแสแรงมาจากเมืองนอกอยู่แล้ว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอเป็นคนแรกที่สะพายกระเป๋าใบนี้ในไทย จนเซเลบคนอื่นๆ ทยอยตามกันมา

กระเป๋า Multi-Pochette Accessories Bag ราคาในช็อปไทยอยู่ที่ 53,500 บาท จากราคาเดิม 50,500 บาท

นอกจากกระเป๋ารุ่นดังที่ขายดีจนของขาดตลาดแล้ว ก็ยังมีกระเป๋าอีกหลายรุ่นของหลุยส์ วิตตอง ที่อยู่ในคลังแสงของญาญ่า เพราะอย่าลืมว่าเธอคือ Friend of Louis Vuitton หนึ่งเดียวในไทย ไปมาแล้วทุกฟร้อนท์โรว์ ซึ่งเราก็ได้อัพเดตลุคสวยๆ เท่ๆ ให้ได้ชมกันทุกปี แต่ยังไม่เคยหยิบยกกระเป๋าหลุยส์ที่มีหลายสิบใบของญาญ่ามานำเสนอ

วันนี้ ฮานะ_แพรวนิสต้า เลยถือโอกาสพาทุกคนมาซูมดูกันไปเลยทีละใบ ว่ากระเป๋าหลุยส์ของญาญ่ามีรุ่นอะไรบ้าง และแต่ละใบราคาจะแรงขนาดไหน (ราคาคำนวณจากค่าเงินต่างประเทศ) ใครที่อยากรู้ อยากซื้อตามต้องไม่พลาดด้วยประการทั้งปวง แต่อาจไม่ได้หยิบมาครบทุกใบ เพราะน้องญ่ามีเยอะมากกกก บางรุ่นมีเกือบทุกสี ถ้าจะเจาะทุกใบ คาดว่าวันเดียวก็คงไม่จบนะแม่

ซื้อตามไหวไหม? ทลายคลังกระเป๋า Louis Vuitton ‘ญาญ่า’ ขุมทรัพย์ที่ต้องชม

Louis Vuitton Dauphine MM Monogram Canvas ราคาประมาณ 105,000 บาท
Louis Vuitton Pont 9 ราคาประมาณ 125,000 บาท
Louis Vuitton Bumbag Dauphine BB ราคาประมาณ 69,000 บาท
Louis Vuitton Egg Souple Monogram Canvas ราคาประมาณ 99,000 บาท
Louis Vuitton Speedy doctor bag ราคาประมาณ 95,000 บาท และกระเป๋าเดินทาง Horizon 50 Monogram Canvas ราคาประมาณ 90,000 บาท
Louis Vuitton Toupie Monogram Canvas ราคาประมาณ 62,000 บาท
Louis Vuitton Monogram Montsouris Backpack ราคาประมาณ 30,000 บาท
Louis Vuitton Petit Noe Trunk ราคาประมาณ 105,000 บาท
Louis Vuitton Boite Chapeau Souple (สอบถามราคาได้ที่บูติก)
Louis Vuitton New Wave Chain Bag ราคาประมาณ 79,000 บาท
Louis Vuitton Nice BB monogram bag ราคาประมาณ 30,000 บาท
Louis Vuitton Tambourin Cross body bag ราคาประมาณ 86,000 บาท
Louis Vuitton Twist PM bag ราคาประมาณ 113,000 บาท
Louis Vuitton Calfskin Monogram Leopard Wild Twist ราคาประมาณ 110,000 บาท
Louis Vuitton Moon Alma ราคาประมาณ 80,000 บาท

ภาพ : IG@urassayas

เรื่อง : ฮานะ_แพรวนิสต้า

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เก็บเรียบรุ่นท็อป! กระเป๋า Louis Vuitton ‘ตี๋ลี่เร่อปา’ สมตำแหน่ง Brand Ambassador

โทนดำสุดปัง! ลุค All Black ‘แองเจล่าเบบี้’ สวยสะกดจนต้องหยุดมอง

ลุคเดินช้อปปิ้งของตัวแม่ ‘หยางมี่’ ออร่าเด่น ปิดแค่ไหน ก็ยังถูกแชะภาพ

คดีซึงรี

บทสรุป คดีซึงรี อดีตสมาชิก BIGBANG กับคำเตือนของ G-Dragon ผู้มาก่อนกาล

Alternative Textaccount_circle
คดีซึงรี
คดีซึงรี

ถึงแม้จะต้องใช้เวลาพิสูจน์ยาวนานถึง 2 ปี แต่ความผิดก็คือความผิด ไม่มีทางกลับดำเป็นขาวได้ สำหรับ คดีซึงรี อดีตสมาชิก BIGBANG ที่ล่าสุดศาลทหารได้มีคำสั่ง จำคุก 3 ปี พร้อมปรับเงินอีก 32 ล้านบาทในความผิด 9 ข้อหา

หากใครยังจำได้เมื่อปี 2019 ประเทศเกาหลีใต้ ได้เกิดเรื่องอื้อฉาวใหญ่ ที่มีจุดเริ่มต้นจากคดีทำร้ายที่หน้าผับเบิร์นนิ่งซันย่านคังนัม แต่กลายเป็นว่าคดีนี้ใหญ่โตกว่าที่คิดเพราะผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้ข้อคดีไว้มากมายจนถูกขนานนามว่าผับนรก จากนั้นจึงมีการเปิดเผยว่า ซึงรี อดีตสมาชิก BIGBANG กลุ่มศิลปินระดับตำนานของวงการเพลง K-POP มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับเหล่าผู้ถือหุ้นของผับแห่งนี้ นั่นจึงทำให้มีการขุดคุ้ยเบื้องลึกเบื้องหลังออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ที่ดูจะให้สาธารณชนโกรธแค้นมากๆ การที่กลุ่มดาราในวงการซึ่งเป็นแก๊งเพื่อนดาราของเขาได้ก่ออาชญากรรม ล่วงละเมิดทางเพศ

อดีตสมาชิก BIGBANG

โดยในเดือนกันยายนปี 2563 นักแสดงชาย จองจุนยอง และ ชเวจงฮุน อดีตลีดเดอร์วง F.T. Island ถูกตัดสินในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศ โดย จองจุนยอง ถูกจำคุก 5 ปี และ ชเวจงฮุน จำคุกเป็นเวลา 2 ปี 6 เดือน ขณะที่คนดังที่สนิทสนมกับคนกลุ่มนี้ก็ประกาศลาออกจากวงเซ่นข่าวฉาวกันเป็นแถว รวมถึง ซึงรี ก็ได้ขอลาออกจากการเป็น BIGBANG อย่างเป็นทางการเพื่อสู้คดี

บทสรุป คดีซึงรี อดีตสมาชิก BIGBANG

คดีซึงรี

ในขณะที่เพื่อนๆ ซึ่งถูกแฉทีหลังซึงรี ล้วนแล้วแต่ได้รับผลของการกระทำไปหมดแล้ว แต่ผู้ที่ถูกสอบสวนเป็นรายแรกๆ อย่าง ซึงรี กลับยังไม่ถูกตัดสินตามกฎหมาย แต่ว่าล่าสุดเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2564 ศาลทหาร ได้แจ้งข่าวการตัดสินคดีของซีรี (เนื่องจากในช่วงที่เกิดเรื่องเขาได้เข้ารับการเกณฑ์ทหาร ศาลทหารจึงเป็นผู้พิจารณาคดี) โดยศิลปินหนุ่มต้องเข้ารับโทษทันที หลังปลดประจำการในอีก 1 เดือนข้างหน้า

เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ซึงรี ถูกตั้งข้อหามากถึง 25 คดี แต่เขาก็ได้ต่อสู้ทางกฎหมายมาตลอด ล่าสุดศาลทหารมีคำตัดสินให้เขาผิด 9 ข้อหา ตั้งแต่การจัดหาบริการโสเภณีแก่พวกนักลงทุนไปจนถึงการเล่นพนันในกาสิโนหรูที่ลาสเวกัสโดยใช้การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศอย่างผิดกฎหมาย โดยเขาจะถูกลงโทษจำคุก 3 ปี พร้อมปรับเงินอีก1,500 ล้านวอน ล้านวอน หรือประมาณ 32 ล้านบาท โดยเขาจะเข้าคุกในช่วงกลางเดือนกันยายนปีนี้

คำเตือนของ G-Dragon ผู้มาก่อนกาล

วง BIGBANG ที่ประกอบด้วย จีดรากอน,ท็อป,แทยัง,แดซอง, และซึงรี เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2006 นับเวลาก็10 กว่าปีที่แล้วที่พวกเขาโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิง อย่างที่ทราบค่าย YG ในตอนนั้นไม่ได้ยิ่งใหญ่เหมือนในตอนนี้ ดังนั้นความสัมพันธ์เหนี่ยวแน่นเนื่องจากผ่านความยากลำบากมาด้วยกัน หลายครั้งเราจึงได้เห็นสัมภาษณ์แสดงความห่วงใยแม้บางครั้งจะออกแนวรุนแรงมากก็ตาม

จากการที่ศาลประกาศคำตัดสินให้จำคุกซึงรี ทำให้ตอนนี้มีการพูดถึงคำพูดของสมาชิก BIGBANG ที่ได้เตือน ซึงรี อย่างตรงไปตรงมา ในช่วงก่อนที่พวกเขาจะไปรับใช้ชาติ

ท็อป BIGBANG ได้เคยบอกกับ ซึงรี ขณะพวกเขาไปให้สัมภาษณ์ในรายการ Radio Star ว่า “แม้ว่าเค้าจะมีเพื่อนดีๆ เยอะ แต่เพื่อนบางคนที่ผมเห็นผ่านๆ ที่งานคอนเสิร์ต ทำให้ผมเป็นห่วง การที่พวกเขาวางแผนจะทำงานร่วมกันยิ่งทำให้ผมเป็นห่วงไปอีก ผมกลัวว่าเค้าจะไม่ได้ชอบซึงรีที่ตัวตน แต่เป็นเพราะความดังของเขา” (ที่มา twitter ICs_nsu)

ท็อป BIGBANG

ขณะที่ในรายการ THE GATHERING BEGINS – Run, BIGBANG Scout! จีดรากอน ลีดเดอร์วง ได้บอกกับซึงรีว่า “ถึงแม้นายจะถอดใจกับการเป็นศิลปิน ก็ไม่มีใครสนใจหรอกเพราะนายคือซึงรี นายหาทางของนายเองได้ ตอนนี้นายก็หาทางเองได้แล้ว แต่ระวังตัวให้ดี คนหลอกลวงมีเยอะ นายอ่อนแอจิตใจเปราะบางเหมือนเต้าหู้ นายอาจจะได้ไปกินเต้าหู้ในคุก” (ที่มา Facebook  BigBang “Seung Ri” thai fans)

จีดรากอน

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้หนุ่มๆBIGBANG มีแผนว่าพวกเขาจะคัมแบ็คในงานเทศกาล Coachella 2020 แต่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ไม่สามารถทำตามแผนได้ บอกกับต่อมาเกิดเรื่องซึงรีขึ้น ซึ่งหลังจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป  ก็ไม่มีใครทราบได้


 

ข้าวกล่องอิ่มสุข โรงแรมศิวาเทล

ห้องอาหารคาเฟ่ จาร์แดงมอบความห่วงใยให้ด่านหน้าผ่าน “ข้าวกล่องอิ่มสุข”

ข้าวกล่องอิ่มสุข โรงแรมศิวาเทล
ข้าวกล่องอิ่มสุข โรงแรมศิวาเทล

ห้องอาหารคาเฟ่ จาร์แดง ณ โรงแรมศิวาเทล ขอเป็นตัวกลางส่งมอบความห่วงใยให้ด่านหน้า พร้อมแบ่งปันรอยยิ้มให้เกษตรกรรายย่อยผ่าน “ข้าวกล่องอิ่มสุข” สู้ภาวะวิกฤตจากสถาการณ์ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19

ห้องอาหาร คาเฟ่ จาร์แดง ขอเป็นตัวกลางส่งมอบ “ข้าวกล่องอิ่มสุข” หลากหลายเมนู เพื่อสุขภาพไปยังบุคคลากรด่านหน้าทุกหน่วยงาน ตลอดจนวัดและชุมชนต่างๆ

ข้าวกล่องอิ่มสุข โรงแรมศิวาเทล

เพียงสั่งซื้ออาหารพร้อมกับแจ้งความประสงค์ว่าจะให้ส่งต่อไปยัง วัด ชุมชน หรือหน่วยงานใด ทางห้องอาหารฯ ยินดีมอบส่วนลดค่าอาหาร 50% “คุณจ่ายครึ่ง เราจ่ายครึ่ง” ทันที พร้อมกับบริการจัดส่งให้ผู้รับปลายทางในนามของคุณ

ข้าวกล่องอิ่มสุข โรงแรมศิวาเทล

สั่งซื้อ ข้าวกล่องอิ่มสุข” จากห้องอาหารคาเฟ่ จาร์แดง วันนี้ ไม่เพียงแต่จะได้ส่งมอบความห่วงใยไปยังชุมชน วัด หรือบุคคลากร ทางการแพทย์ ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อย่างเหน็ดเหนื่อยเพื่อรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 แต่ยังได้สร้าง รอยยิ้มและแบ่งปัน กำลังใจให้กับเกษตรกรชุมชนรายย่อยที่ได้รับผลกระทบด้วยการถูกยกเลิกการสั่งซื้อหรือส่งผลผลิต ไปแล้วเก็บเงินไม่ได้จากวิกฤตการณ์ครั้งนี้อีกด้วย

ข้าวกล่องอิ่มสุข โรงแรมศิวาเทล

“เมนูข้าวกล่องอิ่มสุข” ประกอบด้วย

ข้าวหอมมะลิออแกนิคผัดปลานิลส้มจิตรลดาแนมเครื่องสมุนไพร                 จ่ายเพียง 55 บาทจากราคาเต็ม 110 บาท

ข้าวหอมมะลิออแกนิคผัดแจ่วมะขามไก่ตะเภาทองแทนคุณย่างสมุนไพร        จ่ายเพียง 55 บาทจากราคาเต็ม 110 บาท

ข้าวหอมมะลิออแกนิคผัดปลาสลิดทอดฟูกรอบ                                     จ่ายเพียง 55 บาทจากราคาเต็ม 110 บาท

สปาเก็ตตี้ผัดปลาสลิดทอดฟูกรอบ                                                      จ่ายเพียง 55 บาทจากราคาเต็ม 110 บาท

ข้าวหอมมะลิออแกนิคผัดสมุนไพรสามเกลอหมูย่างอารมณ์ดี                     จ่ายเพียง 65 บาทจากราคาเต็ม 130 บาท

สปาเก็ตตี้หมูกรอบอารมณ์ดีคั่วพริกเกลือ                                             จ่ายเพียง 65 บาท จากราคาเต็ม 130 บาท

** ราคานี้รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและค่าบริการแล้ว**

ข้าวกล่องอิ่มสุข โรงแรมศิวาเทล

สั่งข้าวกล่องอิ่มสุข ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ที่ห้องอาหาร คาเฟ่ จาร์แดง ชั้น 1 โรงแรมศิวาเทล กรุงเทพฯ

ติดต่อสั่งล่วงหน้าได้ที่ โทร. 02309 5077 อีเมล [email protected]  facebook: @CafeJardinBangkok

LINE @CafeJardin or click https://lin.ee/woa4J2Y

 

‘มีโอกาสได้รู้จักหัวใจตัวเองว่า เขาคือคนที่ใช่สำหรับคุณที่สุดแล้ว’ ดวงรายวัน 13 สิงหาคม 2564

ดูดวงรายวัน 13 สิงหาคม 2564 #หมอปุ้ยพยากรณ์ เช็กทุกวัน เป๊ะปังทุกดวง ทั้งการงาน การเงิน ความรัก และสุขภาพ

‘มีโอกาสได้รู้จักหัวใจตัวเองว่า เขาคือคนที่ใช่สำหรับคุณที่สุดแล้ว’ ‘

ดูดวงรายวัน 13 สิงหาคม 2564

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์

การงาน  :  สำหรับผู้ที่ทำงานหรือทำธุรกิจที่ต้องเดินทางไปๆ มาๆ เช่น รับ-ส่งเอกสาร เดลิเวอร์รี่  ไรเดอร์รับส่งอาหาร โลจิสติกส์ รวมถึงธุรกิจยานยนต์ มีโอกาสที่คุณจะได้รับเลือกหรือได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหลักของทีมในการขยับขยายสาขาไปยังสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย วันนี้พลังในตัวคุณจะเป็นที่เกรงใจจากคนทำงานด้วยกัน แต่ก็ไม่ควรเชื่อมั่นในความคิดของตัวเองมาก จนลืมคิดถึงความรู้สึกนึกคิดของคนอื่น เพราะจากความเกรงใจจะกลายเป็นความอิจฉาริษยาอย่างไม่คาดคิด ซึ่งจะส่งผลให้งานสะดุดหยุดลงกลางคัน

การเงิน  : วันนี้จ้างร้อย แต่คุณทำให้เป็นล้าน ไม่ควรหลงเชื่อคำพูดที่อ่อนหวานที่มาขอความช่วยเหลือ หรือให้ลงทุนในธุรกิจธุรกรรมต่างๆ เพราะเสี่ยงที่จะถูกตักตวงผลประโยชน์

ความรัก :  มีความเป็นไปได้ว่า วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ คุณจะเดินทางไปทำงาน ไม่ได้อยู่กับครอบครัว แม้จะเป็นวันหยุดที่ควรอยู่กับครอบครัวก็ตาม แต่ใครก็ห้ามคุณไม่ได้ คนโสด มีโอกาสได้พบคนถูกใจระหว่างเดินทาง แต่คุณจะยุ่งจนไม่มีเวลาสานสัมพันธ์ได้เต็มที่

สุขภาพ  : ไม่เครียด ปล่อยวางเรื่องต่างๆ ลงบ้าง โดยเฉพาะเรื่องงาน เพราะมีความเสี่ยงที่ระบบย่อยอาหารจะมีปัญหา รวมถึงลำไส้ และโรคกระเพาะ

 

ผู้ที่เกิดวันจันทร์

การงาน  :  สำหรับผู้ที่ดำรงตำแหน่งหน้าที่การงานในระดับสูง  ไม่ว่าจะภาครัฐ เอกชน หรือภาคธุรกิจ ภาคเกษตรกรรม บอกเลยว่า ความสำเร็จของคุณไม่ได้มาด้วยความบังเอิญ ต้องแลกด้วยพลังกายพลังใจที่เข้มแข็ง ดังนั้น วันนี้คุณควรดึงความคิดและจินตนาการที่มีอยู่ในตัวมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อแก้ไขปัญหาและอุปสรรคที่จะมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปกครองและบริหารคน หากคุณผ่านช่วงนี้ไปได้ ก็เท่ากับพิสูจน์ความสามารถให้ทั้งผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชายอมรับในฝีมือของคุณ

การเงิน :  คุณสามารถหารายได้ให้กับตัวเองได้อย่างมั่นคง รวมถึงใช้เงินทำงานสร้างรายได้ที่สูง แต่วันนี้คุณไม่สามารถเก็บเงินไว้กับตัวได้นาน มีความเสี่ยงที่จะถูกมิจฉาชีพหลอก ถูกโกง หรือถูกคอรัปชั่น

ความรัก : ด้วยความที่คุณรับหน้าที่เป็นหลักในการดูแลครอบครัว จากความเครียดจึงซีเรียสไปเสียทุกอย่าง แต่วันนี้คงไม่ต้องเครียดคนเดียวแล้ว เพราะคู่คุณจะช่วยส่งเสริมสนับสนุนทางด้านหน้าที่การงาน คนโสด มีความเป็นไปได้ที่แฟนเก่าจะติดต่อกลับมา ครั้งนี้อาจเป็นโอกาสให้คุณได้รู้จักหัวใจตัวเองว่า เขาคือคนที่ใช่สำหรับคุณที่สุดแล้ว

สุขภาพ  :  ควรให้ความสำคัญกับการขับถ่าย ไม่ควรกลั้นปัสสาวะติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้กรวยไตและกระเพาะปัสสาวะมีปัญหา ในกรณีรุนแรงจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อในกระแสเลือด

 

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน :  วันศุกร์ที่อยู่ระหว่างวันหยุดแบบนี้ มีความเป็นไปได้ที่จะทำให้คุณรู้สึกอยากหยุดติดพัน ไม่อยากลุกขึ้นมาทำงาน  แต่หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจรายย่อย ฟรีแลนซ์ หรือเปิดบ้านขายของเล็กๆ น้อยๆ เช่น ขายอาหาร ขายกาแฟ สอนพิเศษ โฮมออฟฟิศ ฯลฯ  วันนี้มีความเป็นไปได้ที่จะได้รับข่าวเซอร์ไพร์ส ซึ่งจะส่งผลกระทบกับธุรกิจคุณ จนเตียงร้อนนอนไม่ไหว ต้องรีบหาทางออกให้กับตัวเองอย่างรีบด่วนที่สุด

การเงิน : มีโชค ไม่ว่าจะจับอะไรก็เป็นเงินเป็นทองไปหมด แต่ควรลงทุนหรือทำธุรกิจด้วยตัวเองดีกว่าที่จะไปร่วมหุ้นลงทุนกับผู้อื่น  เพราะมีโอกาสที่จะถูกดึงส่วนของคุณไปใช้ก่อน แต่ก็ไม่นาน เดี๋ยวเขาก็คืน

ความรัก :  จากที่คุณกับคู่ขัดกันในเรื่องความคิดและทัศนคติในการใช้ชีวิตคู่มาโดยตลอด วันนี้มีโอกาสปรับความเข้าใจและจะเป็นไปในทิศทางที่ดี ครอบครัวและคู่ให้ความรักและดูแลเอาใจใส่คุณอย่างดี คนโสด มีเสน่ห์ เวลาที่คุณรักใครก็จะทุ่มเทให้กับเขาเกินร้อย ซึ่งเสี่ยงต่อการถูกหลอกมาก แต่ก็นับว่าโชคดี ที่วันนี้มีโอกาสได้พบกับคนที่คบคุณด้วยความจริงใจและจริงจัง

สุขภาพ  :  ก็ยังคงอยู่ที่เรื่องของความสะอาดอยู่นะคะ หากวันนี้คุณต้องเดินทางไปในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย ต้องระวังเรื่องอาหาร และการใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น ไม่เปิดแมสก์ รักษาระยะห่าง เพราะมีความเสี่ยงที่คุณจะติดเชื้อไวรัส หรือภูมิแพ้

 

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน :  สำหรับผู้ที่ทำงานหรือทำงานเกี่ยวข้องกับวงการบันเทิง งานศิลปะ งานประพันธ์ งานที่ต้องใช้อารมณ์ในการแสดงออก รวมถึงงานที่ต้องมีน้ำเข้ามาเป็นส่วนประกอบ มีความเป็นไปได้ว่าคุณจะได้ร่วมงานหรือร่วมทุนกับเพื่อนสนิท (ผู้หญิง) โดยในช่วงเวลาอันใกล้นี้คุณมีโอกาสได้เข้าประมูลงาน หรือลงสนามแข่งขัน ซึ่งคุณคาดหวังความสำเร็จอย่างแรงกล้า จนสามารถทำได้ทุกอย่าง แม้จะไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องก็ตาม แต่บอกเลยว่า วันนี้ความสำเร็จไม่ได้มาง่ายดายขนาดนั้น ต้องแลกมาด้วยพลังกายพลังใจที่เข้มแข็งเท่านั้น

การเงิน :  มีโอกาสได้รับเงินพิเศษจากงานพิเศษ ซึ่งได้มาจากความสามารถของคุณเอง แต่คุณก็จะเก็บเงินไม่อยู่ เพราะต้องเลี้ยงดูปูเสื่อเพื่อนร่วมงาน หรือร่วมหุ้น ซึ่งอาจมากกว่าที่ได้รับมา

ความรัก : เน้นความสัมพันธ์ระหว่างญาติผู้หญิงในครอบครัว หากพวกคุณเจอกันทีไรมีแต่ยั่วยุให้ของขึ้นตลอด วันนี้คู่คุณจะเป็นอัศวินขี่ม้าขาวรับหน้าที่สงบศึกระหว่างญาติ คนโสด หากคุณกำลังมีศึกรักยืดเยื้ออยู่กับเพื่อนหญิงคนสนิทอยู่ วันนี้มีความเป็นไปได้ที่คุณจะหาทางออกด้วยการคบเด็กหนุ่มเสียเลย

สุขภาพ :  ปกติคุณดูแลสุขภาพร่างกายตัวเองเป็นอย่างดี แต่ก็อย่าประมาท เพราะด้วยสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อยจึงมีความเสี่ยงที่วันนี้คุณอาจเป็นหวัด ปวดบวม รวมถึงความดัน และน้ำในหูไม่เท่ากันด้วย

 

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี

การงาน  :  สำหรับผู้ที่ดำรงตำแหน่งหน้าที่การงานอยู่ในระดับสูง ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ เอกชน เกษตรกรรม การแพทย์ ฯลฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณอยู่ในสายงานศิลปะ ความสวยความงาม วันนี้คุณมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จ ผลงานมีชื่อเสียงโด่งดัง แต่บอกเลยว่า ไม่ได้มาด้วยความบังเอิญ ต้องแลกด้วยพลังกายพลังใจที่เข้มแข็ง ก็อย่าเพิ่งท้อถอดใจไปเสียก่อนล่ะ!!

การเงิน : สามารถสร้างรายได้อย่างมั่นคงจากความสามารถของตัวเอง รวมถึงมีผู้ใหญ่อุปถัมภ์ด้วย แต่วันนี้หากคุณจะทำธุรกิจควรทำด้วยตัวเองมากกว่าจะร่วมหุ้นหรือร่วมทุนกับใคร

ความรัก : คุณมีความเป็นผู้นำสูง งานในบ้านและงานนอกบ้าน คุณก็รับผิดชอบได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ซึ่งวันนี้คู่คุณจะช่วยส่งเสริมและสนับสนุนคุณเฉพาะเรื่องงาน แต่ทางด้านความคิดและทัศนคติในการใช้ชีวิตคู่ก็ยังไม่ลงรอยอยู่ดี คนโสด  คุณมีเสน่ห์มากมาย มีแต่คนอยากเสนอตัวเป็นผู้อุปการะคุณ แต่รู้สึกวันนี้คุณจะยังนิ่งอยู่

สุขภาพ :  ปกติคุณดูแลสุขภาพร่างกายตัวเองอย่างดี แต่ก็อย่าประมาท หากวันนี้คุณต้องออกจากบ้านไปในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย ควรระวังเรื่องอาหารการกิน และสถานที่สาธารณะ เพราะมีความเสี่ยงที่คุณจะติดเชื้อ หรือเป็นภูมิแพ้

 

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน :  วันอื่นคุณเป็นอย่างไรไม่ทราบ แต่วันนี้คุณรู้สึกพอใจกับงานที่ทำ ไม่รู้สึกดิ้นรน หรือทะเยอทะยาน ไขว่คว้าในตำแหน่งหน้าที่การงานที่ยังมาไม่ถึง ถึงอย่างไรหากต้องทำสัญญา หรือเงื่อนไขข้อตกลง ก็อย่าเพิ่งพอใจง่ายๆ ควรตรวจดูให้ละเอียดรอบคอบ ไม่เช่นนั้นคุณอาจต้องรับมือกับปัญหาและอุปสรรคจู่โจมเข้ามาจากทุกๆ ด้าน จากความสุขกลายเป็นความเครียด

การเงิน : คุณใช้ชีวิตอยู่อย่างสมถะ พอเพียงสุดๆ ก็ดีอยู่แล้ว วันนี้ไม่ควรเป็นนายหน้าหรือรับกู้ยืมเงินแทนใคร หรือเซ็นสัญญาค้ำประกันให้ใคร เพราะมีความเสี่ยงที่คุณจะต้องเดือดร้อน จนถึงขั้นวิกฤติ

ความรัก :  จากชีวิตคู่ที่เคยอยู่กันอย่างราบเรียบและสมถะ วันนี้จะมีบุคคลที่สามเข้ามาในครอบครัว มีโอกาสที่จะเข้ามาหลอกตีสนิทเพื่อหวังผลประโยชน์ แล้วเมื่อเธอได้สมใจก็จากไป แต่จะทำให้คุณเกิดปากเสียงทะเลาะกันอย่างรุนแรง คนโสด  ด้วยบ่วงรักที่ยังตัดไม่ขาด ที่เป็นสาเหตุให้คุณรู้สึกเก็บกดกดดันกับการมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง วันนี้คุณจึงเข้าใจในหลักสัจธรรมว่า ‘มีรักก็มีทุกข์’

สุขภาพ : ควรระวังอุบัติเหตุ รวมถึงโรคประจำตัวต่างๆ ที่จะมีความเสี่ยงที่จะกำเริบและลุกลามขึ้น ทางที่ดีควรปล่อยวาง อย่าเครียด ใจเย็นๆ

 

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน :  หากคุณกำลังรู้สึกเบื่อหน่ายกับงานที่ทำ หรืองานที่ทำอยู่นิ่งเกินไป ก็นับว่าคุณโชคดี ที่ผู้ใหญ่และคนใกล้ชิดสนับสนุนและส่งเสริมให้คุณได้ทำงานตามที่ตั้งใจไว้ ซึ่งจะทำให้คุณมีแรงฮึดกลับขึ้นมาอีกครั้ง โดยวันนี้คุณจะลุยงานแบบไม่ฟังความคิดเห็นจากใครเลย ก็ต้องระวังการตัดสินใจที่รวดเร็ว ไม่รอบคอบ กับการมีบริวารที่ไม่ซื่อสัตย์ จะมีโอกาสให้งานผิดพลาดเสียหายยากที่จะแก้ไขได้ทัน

การเงิน : มีโอกาสที่ผู้ใหญ่จะอุปถัมภ์ แต่หากวันนี้คุณจะนำไปลงทุนทำธุรกิจ ควรทำคนเดียวดีกว่าจะร่วมหุ้นร่วมทุนกับคนอื่น

ความรัก :  วันนี้คุณเอาแต่ใจตัวเองมากมาย เลือกทำเฉพาะที่ตัวเองมีความสุขโดยไม่สนใจใครทั้งนั้น จึงทำให้คุณกับคู่มีปัญหาในเรื่องความคิดและทัศนคติในการใช้ชีวิตคู่กันตลอด คนโสด คุณรักง่ายหน่ายเร็วมาก เพราะฉะนั้นคุณสมบัติของคนพิเศษที่จะเหมาะสมในวันนี้ น่าจะเป็นเพื่อนที่คบกันมานานๆ ที่สามารถอดทนกับคุณได้

สุขภาพ : ควรให้ความสำคัญกับเรื่องความสะอาด  โดยเฉพาะอาหาร มีความเสี่ยงที่คุณจะติดเชื้อจากอาหาร วันนี้จึงควรรับประทานอาหารปรุงสุก ร้อนๆ หลีกเลี่ยงอาหารที่ไม่สะอาด สุกๆ ดิบๆ

“เก็บ” ยังไงให้หาเจอ คอนโดะ มาริเอะ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเก็บบ้าน มีวิธีมาบอก

account_circle

How to “เก็บ” ยังไงให้หาเจอ คอนโดะ มาริเอะ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเก็บบ้าน มีวิธีมาบอก สำหรับ ปัญหากวนใจสำหรับหนุ่มๆ สาวๆ และคุณแม่มือใหม่ ที่ชอบช้อปจนลืมตัว พอรู้ตัวอีกทีจากบ้านแสนสวยก็กลายบ้านรกเพราะไม่รู้จักวิธีเก็บของที่ถูกต้อง หรือเจอปัญหาเก็บไว้อย่างดีแต่หาไม่เคยเจอ

คอนโดะ มาริเอะ
คอนโดะ มาริเอะ กูรูสาวชาวญี่ปุ่น ผู้เชี่ยวชาญด้านการเก็บบ้าน

คอนโดะ มาริเอะ (Kondo Marie) กูรูสาวชาวญี่ปุ่น ผู้เชี่ยวชาญด้านการเก็บบ้าน บอกเล่าเอาไว้ในหนังสือของเธอที่ชื่อ The Life changing magic of tidying up ว่า หนึ่งในเคล็ดลับการเก็บของคือ

คอนโดะ มาริเอะ

“การใช้กล่องใสเก็บของ เราจะหาของได้ง่ายขึ้นมาก แม้แต่ห้องเก็บของใต้ดิน หรือโรงรถก็ควรเก็บในกล่องใส เก็บของตั้งขึ้น จะหยิบใช้ได้ง่าย” วันนี้แพรวดอทคอมเลยจะมาแชร์ไอเดีย How to “เก็บ” ยังไงให้หาของเจอ วิธีเก็บบ้านด้วยกล่องอเนกประสงค์ที่จะทำให้บ้านของเราดูเป็นระเบียบเรียบร้อยขึ้น

สายโมเดลฟิกเกอร์ นักสะสมทั้งหลาย ที่ชอบนำเจ้าฟิกเกอร์ตัวโปรดไปอวดโฉมโชว์ ตามหัวเตียง ตามหลังตู้ หลังทีวี ถ้าจัดระเบียบไม่ดี ปล่อยให้ฝุ่นเกาะ จากของตกแต่งสุดชิคอาจกลายเป็นขยะทำให้บ้านดูรกขึ้นมาทันที

คอนโดะ มาริเอะ
ฟิกเกอร์ นำใส่กล่องใส สามารถโชว์เป็นดิสเพลย์ พร้อมป้องกันไม่ให้เสื่อมสภาพ

ดังนั้นวิธีเก็บฟิกเกอร์แบบง่ายๆ หากเรายังไม่มีตู้โชว์ ก็ควรเก็บลงกล่องให้เรียบร้อย เพราะปัจจุบันกล่องอเนกประสงค์มีให้เลือกหลากหลายแบบไม่เชยเหมือนในสมัยก่อน มีกล่องสำหรับเก็บฟิกเกอร์โดยเฉพาะ สามารถนำมาเรียงตั้งซ้อนกันโชว์เป็นมุมดิสเพลย์สวยๆ ในบ้านได้เลย สำหรับวิธีเลือกกล่องให้เหมาะกับฟิกเกอร์ง่ายๆ ก็คือ ใส่แล้วต้องมีพื้นที่เหลือด้านบนและด้านข้างประมาณ 1 นิ้ว เพื่อให้ดูมีสเปซในการโชว์

คอนโดะ มาริเอะ
กล่องใส่กล้อง เก็บรักษาให้กล้องปลอดภัยจากฝุ่น

สายกล้อง  ที่ยังเป็นมือสมัครเล่น มีกล้องและอุปกรณ์ถ่ายภาพไม่มากนัก ยังไม่ต้องถึงขั้นลงทุนซื้อตู้เก็บกล้องกันความชื้น แต่ให้ลองเลือกกล่องที่สามารถเก็บกล้องและอุปกรณ์กล้องถ่ายรูปต่างๆ ของเราให้เป็นระเบียบได้ก็พอ

วิธีเลือกกล่องต้องปิดได้มิดชิด มีซิลิโคนบริเวณฝาปิดเพื่อกันฝุ่นและความชื้น เมื่อเราได้กล่องมาแล้วก็เสริมด้วยฟองน้ำกันกระแทกและใส่สารดูดความชื้นลงไป เพียงเท่านี้กล้องและอุปกรณ์ของเราก็จะถูกจัดเก็บอย่างเป็นระเบียบปลอดภัยหายห่วง

อุปกรณ์เย็บปักถักร้อย จัดใส่กล่องแยกชนิดวางเรียงสวยงาม

สายประดิษฐ์ ที่ชื่นชอบงานเย็บปักถักร้อยหรือทำเครื่องประดับเล็กๆ น้อยๆ เป็นกิจกรรมยามว่าง สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ อุปกรณ์ตัดเย็บ เช่น เข็ม ด้าย ไหมพรม กรรไกร ซึ่งของใช้ในการเย็บปักเหล่านี้ หากเก็บไม่เป็นระเบียบก็อาจจะเกิดอุบัติเหตุทำให้เจ็บตัวได้

ดังนั้นควรเก็บลงกล่องให้เรียบร้อย แยกให้เป็นระเบียบโดยใช้กล่องที่แบ่งออกเป็นช่อง สามารถแยกโดยยึดตามสี เช่น ลูกปัดที่มีหลายสี และแยกตามประเภท เช่น กระดุม ตะขอซิป เข็ม ด้าย รวมถึงไหมพรม เวลาหยิบใช้ก็สะดวกง่ายดาย

เครื่องมือช่าง จัดเก็บใส่กล่องแบ่งแยกสัดส่วนแต่ละประเภท

สายช่าง ที่มีอุปกรณ์งานช่างอยู่มากมายเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็น ค้อน คีม ไขควง ประแจ สว่าน ซึ่งของเหล่านี้ควรเก็บบนที่สูงห่างจากมือเด็ก บางท่านนิยมแขวนติดกับฝาผนังเพื่อให้มองเห็นง่ายและเลือกใช้งานได้สะดวก ส่วนพวกอุปกรณ์ขนาดเล็กอย่างเช่น น็อต ตะปู ดอกสว่าน สก็อตเทป และอีกมากมาย ขอแนะนำให้เก็บลงกล่องที่แยกประเภทแบบใส เพราะมองเห็นได้จากด้านนอก หยิบจับง่ายเวลาใช้งาน

กล่องใส่ของเด็กเล็ก ช่วยให้ของลูกน้อยปลอดภัยจากฝุ่นและสะดวกต่อการหยิบใช้

สายแม่แม่ โดยเฉพาะคุณแม่ลูกอ่อน ของใช้สำหรับลูกน้อยต้องจัดเรียงให้เป็นระเบียบ ซึ่งกล่องแบบชั้นเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่สามารถช่วยอำนวยความสะดวกให้กับคุณแม่ได้เป็นอย่างดี ส่วนวิธีการจัดเรียง ควรเรียงลำดับตามการใช้งาน ของใช้ที่ใช้บ่อยๆ เช่น ผ้าอ้อมสำเร็จรูป ผ้าอ้อม ควรเก็บอยู่ในชั้นที่สามารถหยิบจับได้สะดวก ตามด้วยของใช้อื่นอย่าง เสื้อผ้า กางเกง ถุงเท้า ก็สามารถเก็บใส่ช่องที่เหลือ

เลโก้ จัดใส่กล่องใสแยกสีเป็นสัดส่วนเพื่อความสวยงาม

กล่องเก็บของเล่น ก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่เหล่าคุณแม่ต้องมี ทั้งกล่องขนาดใหญ่สำหรับใส่ของเล่นทุกชนิด และกล่องใส่ขนาดเล็กสำหรับใส่ของเล่นพวกตัวต่อเลโก้หลังเล่นเสร็จ นอกจากจะช่วยเก็บตัวต่อไม่ให้หายแล้ว ยังช่วยฝึกพัฒนาการให้กับลูกน้อยในการจำแนกสีต่างๆ ได้อีกด้วย

สำหรับใครที่กำลังมองหาไอเดียใหม่ๆ  ในการใช้กล่องเก็บของและตกแต่งบ้านให้มีดีไซน์ พบกับกิจกรรม Let’s Organise โดย boxbox ที่มีมาให้เลือกมากมายหลายขนาด เก็บได้ทั้งของชิ้นเล็ก ชิ้นใหญ่ เก็บของหลาย ๆ ชิ้นไว้ที่เดียวกัน หรือจะแบ่งกั้นพื้นที่ในลิ้นชัก เพื่อจัดของให้เป็นหมวดหมู่ เป็นระเบียบ สบายตา ช่วยให้หาของได้ง่ายทันใจ  ลดราคากว่า 20-50% พร้อมพบโปรโมชั่นพิเศษมากมาย ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 9 มี.ค. 2563 ณ ลานโอโซนสแควร์ ศูนย์การค้า ธัญญาพาร์ค ศรีนครินทร์ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-108-6000 หรือติดตามรายละเอียดได้ที่ www.facebook.com/thanyapark

กัน ณภัทร แคคตัส

บุกโรงเรือนแคคตัสมูลค่าไม่ธรรมดา! ของ “กัน ณภัทร” จากปลูกขำๆ สู่แคคตัสเลิฟเวอร์

Alternative Textaccount_circle
กัน ณภัทร แคคตัส
กัน ณภัทร แคคตัส

จุดเริ่มต้นที่ทำให้ “กัน ณภัทร อินทร์ใจเอื้อ” อินเลิฟกับแคคตัสหรือกระบองเพชรเจ้าเสน่ห์ เกิดจาก 2 ปีที่แล้ว เมื่อเขาสร้างบ้านที่สุพรรณบุรีเสร็จ ก็อยากหาไม้ประดับมาตกแต่ง จึงเริ่มหาแคคตัสสวยๆ มาจัดวาง จากปลูกขำๆ ความสัมพันธ์พัฒนาถึงขั้นลงทุนสร้างโรงเรือนกระจก ติดกล้องวงจรปิด และล่าสุดผุดโปรเจ็กต์ทำโรงเพาะแคคตัสขายแล้วจ้า

บุกโรงเรือนแคคตัสมูลค่าไม่ธรรมดา! ของ “กัน ณภัทร” จากปลูกขำๆ สู่แคคตัสเลิฟเวอร์

In Relationship with Cactus

“หลังจากสร้างบ้านเสร็จ ช่วงแรกผมปลูกไม้ใหญ่ประดับสวน ส่วนในบ้านเน้นพวกต้นไม้ฟอกอากาศมาวาง ทั้งมอนสเตอรา ไทรใบสัก ยางอินเดีย ซึ่งผมโชคดีมากที่ซื้อก่อนเกิดกระแสฮิต บางต้นฟอร์มใหญ่แล้ว แต่ได้มาในราคาแค่ 4,000 – 5,000 บาทเท่านั้น ต่างจากตอนนี้ที่เป็นหลักหมื่น

“สำหรับบริเวณสวนกลางบ้าน ผมอยากทำเป็นสไตล์มินิมัล จึงหาแคคตัสมาปลูก วันหนึ่งไปเดินงานบ้านและสวนแล้วติดใจสายพันธุ์เลนต้า กอใหญ่ สวยและแพงมาก ราคา 50,000 บาท ผมถามคนขายว่ากอนี้สามารถปลูกลงดินได้ไหม เขาบอกว่าต้องปลูกในกระถางเท่านั้น อย่าลงดิน เพราะรากและลำต้นไม่ชอบความชื้น หากปลูกลงดินมันจะไม่สามารถจัดการกับน้ำส่วนเกินที่มาจากฝนหรือน้ำค้างได้ สุดท้ายรากจะเน่า แต่ใจผมอยากปลูกลงดินอยู่ดี

กัน ณภัทร แคคตัส
Mamamillaria lenta ต้นแรกสุดที่ทำให้มีต้นต่อๆ มา

“พอซื้อกลับมาบ้านที่สุพรรณบุรี ผมขุดดินทำเป็นหลุม แล้ววางแคคตัสใส่ลงไป ทั้งกระถาง ผ่านไป 2 วันเริ่มใจไม่ดี กลัวมันตาย เพราะซื้อมาแพง เลยขุดขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะเดินไปสารภาพกับแม่ว่าต้นนี้ผมซื้อมาแพง กวนแม่ช่วยดูให้ผมด้วยนะ เนื่องจากผมไม่ได้อยู่บ้านที่สุพรรณบุรีตลอด แม่ฟังแล้วก็บ่นยับครับ ซื้อมาทำไมตั้งแพง ถ้ามันตายจะทำยังไง ฯลฯ (หัวเราะ) ส่วนผมเองจากวันนั้นก็เริ่มศึกษาจริงจัง พบว่าแคคตัสเป็นไม้อวบน้ำชอบแสงแดด ยิ่งโดนแดดยิ่งสวย ยิ่งโตเร็ว ช่วงแรกผมเลี้ยงด้วยวิธีว่าตอนเช้ายกออกไปวางให้โดนแดด พอเย็นยกกลับเข้าบ้าน กลัวโดนฝนแล้วรากจะเน่า แต่ยกไปยกมาเริ่มเมื่อย จึงเป็นที่มาของการทำโรงเรือนในราคา 20,000 บาท และเป็นจุดเริ่มต้นที่ผมซื้อแคคตัสหลากสายพั นธุ์มาเลี้ยง เช่น ยิมโน, แอสโตร, โลโฟ ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในตลาด ถ้าต้นสวย ด่างเยอะ และลำต้นใหญ่ ราคาจะอยู่ที่ 50,000 บาท

“ช่วงแรกผมไปเดินซื้อตามสวนจตุจักร ก็เจอทั้งที่ราคาแพงบ้าง ถูกบ้าง ช่วงหลังผมไปซื้อที่ร้านเพชรแต้มสี จังหวัดระยอง ขับรถจากกรุงเทพฯไปประมาณ 2 ชั่วโมง อีกที่คือกระท่อมลุงจรณ์ แถวปทุมธานี ช่วงที่อินมากๆ ไปบ่อยมากทุก 2 สัปดาห์ ไปทีไรเสียตังค์ทุกครั้ง มันอดใจไม่ได้ เพราะดูต้นไหนก็ชอบไปหมด นอกจากนี้ยังเข้าไปประมูลตามเพจแคคตัส ซึ่งบรรยากาศประมูลดุเดือดจนวินาทีสุดท้าย สมมติเขากำหนดเวลาให้ประมูลจบภายใน 2 ทุ่ม แต่เลยเวลาแล้วยังประมูลกันอยู่เลย ซึ่งจะประมูลได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความไวในการกดแป้นพิมพ์และกำลังทรัพย์ด้วย ทีแรกผมใช้วิธีกำหนดงบเพื่อบังคับตัวเอง แต่พอมีต้นที่อยากได้มากๆ สุดท้ายคืองบบานปลายก็ต้องยอม

กัน ณภัทร แคคตัส

“เคยเจอเหตุการณ์ ‘คุณหลอกดาว’ ด้วยนะ คือประมูลแคคตัสต้นเล็ก สีส้มสวยในราคา 15,000 บาท พอมาถึงเราก็ยังสวยอยู่ แต่พอเลี้ยงไปเรื่อยๆ ปรากฏว่ากลายเป็นเขียวทั้งต้น สีส้มไม่ออก ผมพาไปตากแดด 100 เปอร์เซ็นต์ ก็ไม่เกิดผล ปรึกษากูรูได้ความว่าพวกนี้อาจกลายพันธุ์ตอนโต ตอนเล็กๆ เป็นด่างสี แต่ถ้าไม่ใช่ด่างแท้ โตขึ้นก็จะออกเขียวได้ เซ็งเลย

“แต่ทั้งหมดนั้นก็ทำให้รู้ตัวว่าผมหลงแคคตัสมากๆ เสน่ห์อยู่ที่ความสวยงาม อีกอย่างคือผมขี้เบื่อ แต่การเลี้ยงแคคตัสทำให้ผมได้ลุ้นตลอดเวลา เพราะแค่ผ่านไปสัปดาห์เดียวเขาก็ไม่เหมือนเดิมแล้วนะ อย่างสายพันธุ์ยิมโน ตอนเด็กๆ อาจจะยังไม่สวย แต่พอโตขึ้นความสวยเริ่มมา ลายด่างจะเป็นแบบสมมาตร คือด่างเสมอกัน เราก็จะลุ้นมากว่าเขาจะออกมารูปร่างหน้าตาแบบไหน”

กัน ณภัทร แคคตัส

สายสปอยล์แคคตัส

“ผมซื้อแคคตัสมาเยอะจนรู้สึกว่าต้นไม้สวยเกินโรงเรือน บวกกับชั้นวางต้นไม้เริ่มเต็ม อยากขยับขยาย จึงลงทุนสร้างโรงเรือนกระจกสีขาวในสวนหน้าบ้าน ลงทุนไป 250,000 บาท เอาไว้ตั้งโชว์โดยเฉพาะ

“ตอนแรกแม่ก็บ่นแหละว่าแพงไปไหม คือบ้านผมจะเป็นสไตล์บ่นไว้ก่อน แต่ตอนหลังแม่ก็แฮ็ปปี้ เพราะได้เลี้ยงต้นไม้ด้วย

“สาเหตุที่ต้องให้แม่ร่วมด้วยช่วยกัน เพราะอย่างที่เล่าว่าผมไม่ได้อยู่บ้านที่สุพรรณบุรีตลอด และช่วงเวลาที่แคคตัสออกดอกจะอยู่ช่วงต้นปี แค่ 1 – 2 วันเท่านั้น และต้องผสมเกสรทันที ผมจึงสอนให้แม่หัดผสมเกสร จนตอนนี้แม่กลายเป็นมือวางอันดับ 1 ของบ้าน ซึ่งผมจะบอกแม่อีกทีว่าต้องผสมตัวไหนกับตัวไหน โดยวางแผนว่าถ้าพ่อแม่สีนี้ผสมกัน ลูกจะออกมาเป็นสีไหน ใช้จินตนาการช่วย ตอนนี้เพาะได้เยอะ ประมาณ 4 – 5 ถาดแล้วครับ แต่ยังอยู่ในช่วงที่รอให้เติบโต ต้องลุ้นไปก่อนว่าหน้าตาเขาจะเป็นยังไง ซึ่งหลักการผสมสีของผมก็คือ ถ้าต้นเขียวทั้งต้นจะจับคู่กับต้นที่มีลายด่าง เพื่อให้ลูกด่าง เพราะจากที่ศึกษามา บางทีถ้าด่างมากมาเจอกัน ลูกไม่ด่างก็มีนะครับ

กัน ณภัทร แคคตัส

“ผมศึกษาข้อมูลการเพาะต้นไม้จากคลิปต่างๆ ในยูทูบ เช่น ผสมเกสรต้องทำยังไง ช่วงแรกก็ยาก ทุลักทุเล เพราะเราต้องกรีดดอกออกมาแบบเบามือ ซึ่งบางทีผมก็พลาดกรีดไปโดนเกสรจนหลุด ผสมไม่ได้ แต่ตอนหลังฝึกจนชิน รู้ว่าจะกรีดน้ำหนักประมาณไหนเพื่อให้ได้เกสรเพศผู้ออกมา จากนั้นค่อยๆ หนีบไปวางไว้บนเกสรเพศเมีย หลังจากผสมเกสรเสร็จ ต้องดูจังหวะการรดน้ำด้วย พี่สาวเคยรดน้ำทันทีหลังผสมเกสร ทำให้ผสมไม่ติด ก็ต้องบอกเขาล่วงหน้าว่าเพิ่งผสมนะ อย่าเพิ่งรด ต้องรอประมาณ 2 วันหลังจากนั้น เพื่อให้ชัวร์ว่าติดแล้วนะ ซึ่งถ้าผสมเกสรติด สังเกตตรงก้านดอกที่เราผสมไว้จะพองขึ้น

กัน ณภัทร แคคตัส
น้อง Copperจากร้านเพชรแต้มสี สวยเหลือเกิน

“นอกจากนี้การรดน้ำในแต่ละฤดูปริมาณก็ไม่เท่ากัน ช่วงที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือหน้าฝน ในหมู่คนเลี้ยงแคคตัสจะชอบถามกันว่าผ่านมากี่ฝนแล้ว ถ้าผ่านมาได้หลายฝนแปลว่าเลี้ยงเก่ง เพราะแคคตัสไม่ชอบหน้าฝนสุดๆ เขาชอบหน้าร้อน ต่อให้แดดแรง ไม่มีน้ำ อาจจะฟีบหรือผอมลงบ้าง แต่ยังมีชีวิตอยู่ได้ แต่ถ้าน้ำเยอะแล้วรากเน่าคือจบเลย นี่ก็เป็นสาเหตุที่ต้องทำโรงเรือนเพื่อกันความชื้นและฝนที่เราไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งของผมอยู่มา 2 ฝน ผ่านมา 2 ปีแล้วครับ (ยิ้ม) มีตายจากกัน บ้างเล็กน้อย ถือว่าพอใช้ได้

กัน ณภัทร แคคตัส

“เพราะทุกขั้นตอนการเลี้ยงเป็นเรื่องละเอียดอ่อน นี่จึงเป็นเหตุผลที่ผมติดกล้องวงจรปิดไว้ในเรือนกระจก หลักๆ คือเอาไว้ดูตอนดอกบาน แล้วบอกแม่ให้ช่วยผสม เกสร อันดับสองคือกันขโมย ที่จริงบ้านผมปลอดภัยนะ แต่เผื่อไว้ก่อน สามคือดูว่ารดน้ำแล้วหรือยัง

“ทุกวันนี้ผมเก็บแคคตัสทั้งหมดไว้ที่สุพรรณบุรี เพราะที่กรุงเทพฯไม่มีโรงเลี้ยง สถานที่ไม่เอื้ออำนวย แต่ช่วงสถานการณ์โควิด ผมได้กลับมาอยู่ที่สุพรรณบุรียาว จึงมีโอกาสดูแลเองอย่างเต็มที่ ทั้งเปลี่ยนดิน เปลี่ยนกระถาง มีความสุขมาก” (ยิ้ม)

กัน ณภัทร แคคตัส

รักมาก หวงมาก

“บอกเลยว่าผมรักมากทุกต้น ชนิดที่ไม่ให้ใคร เป็นเพราะยังมีไม่เยอะด้วยละ ตอนนี้มีประมาณกว่าร้อยต้น ถ้ามีเยอะกว่านี้จะเพาะแจกให้แฟนคลับครับ

“ต้นแรกที่ผมชอบมาก ตั้งชื่อให้ว่าเฟอร์รารี่สีแดง เป็นสายพันธุ์ยิมโนลายด่าง สวยมาก ซื้อมาในราคา 90,000 บาท จากร้านเดียวแคคตัส ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการเพาะสายพันธุ์ยิมโนลายด่าง ตอนที่ผมเห็นต้นนี้ครั้งแรก โอ้โฮ หลงรักเลย เพราะลายด่างสมมาตร สีสวย และเป็นต้นที่ผมร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมายาวนาน มีช่วงหนึ่งที่เขาป่วย อาการแย่ เราก็ใจหาย อย่ารีบไปนะเว้ย ซื้อมาแพงนะ ผมรักษาเขาด้วยการยกต้นขึ้นมาจากกระถางแล้วตัดเล็มออก ใช้พลาสติกเจาะรูครอบลำต้นไว้ เพื่อให้เกิดความชื้นนิดๆ ทิ้งไว้ 1 สัปดาห์ พอกลับมาดูพบว่าผมคงครอบพลาสติกนานเกินไป ทำให้ต้นสีซีด แล้วสีแดงหายไปหมดเลย เหลือแต่สีเขียว ตกใจมาก เป็นความรู้สึกของคนที่รักมาก ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะตกใจกับต้นไม้ได้เยอะขนาดนี้ ตอนนั้นไม่รู้จะทำยังไง แต่โชคดีว่าพอรากเขากลับมาแข็งแรง สีแดงก็เริ่มกลับมาครับ และยังอยู่ด้วยกันจนถึงวันนี้ (ยิ้ม)

กัน ณภัทร แคคตัส

“ต่อมาคือต้นคอปเปอร์คริส เป็นแคคตัสไม้คริส ซึ่งเป็นพันธุ์ที่เกิดออกมาผิดรูปผิดร่าง แปลกตาด้วยพูที่แตกออกมาเยอะ ทำให้ราคาแพงมาก อยู่ที่หลักแสน ต้นนี้ผมเจอตอนไปสวนเพชรแต้มสี เจอครั้งแรกคือรักเลย สวยมากครับ เหมือนมังกรอุ้มลูกแก้วไว้ตรงกลาง ด้วยราคาอยู่ที่ 200,000+ ก็คิดว่าคงไม่มีวาสนาได้ครอบครอง เพราะถึงเขาขายก็คงไม่มีปัญญาซื้อ แต่คงเพราะผมไปซื้อแคคตัสที่สวนเพชรแต้มสีหลายครั้ง จนสนิทกับคุณไข่มุกข์เจ้าของร้าน เขารู้ว่าผมชอบต้นนี้มากและคงเมตตา ที่สุดก็ยกให้ผม วันที่ได้เขามาอยู่ในโรงเรือนของผมนะ…โคตรเท่เลย

“อีกต้นคือเลนต้า ซึ่งเป็นต้นแรกที่ผมได้มาจากงานบ้านและสวนอย่างที่เล่าให้ฟัง เป็นต้นที่นำพาต้นอื่นๆ เข้ามาในชีวิต ความที่เขาอยู่กับเรามาตั้งแต่แรกจึงผูกพัน ทุกวันนี้กลับบ้านไปจะเช็กตลอดว่าป่วยหรือเปล่า ดูดิน ดูรากว่าเขาโอเคดีไหม”

กัน ณภัทร แคคตัส

ว่าที่พ่อค้ามาแล้ว…

“ตอนนี้ผมไม่ได้ซื้อเพิ่มมานาน ทั้งด้วยเศรษฐกิจที่ต้องประหยัด อีกอย่างคืออยากทดลองนำพ่อพันธุ์แม่พันธุ์สวยๆ ที่ซื้อไว้มาขยายพันธุ์เองบ้าง ซึ่งหลายต้นมีราคาแพง เมื่อก่อนคิดว่าซื้อมาเก็บไว้เป็นของสะสม ไว้ดู ไว้เลี้ยง แต่วันนี้เมื่อเริ่มมีลูกออกมาเยอะก็อยากลองจำหน่ายเพื่อคืนทุนบ้าง แฟนคลับถามมาเยอะว่าเมื่อไหร่จะขาย ก็บอกว่าให้รอก่อน ขอเพาะให้เยอะกว่านี้อีกหน่อย

“โปรเจ็กต์ตอนนี้คือทำโรงเพาะ เพิ่งจ้างช่างมาทำครับ จะทำเป็นโครงเหล็กไว้ก่อน มีพลาสติกและซาแรนคลุม เป็นสถานที่เอาไว้เพาะพันธุ์โดยเฉพาะ เนื่องจากโรงเพาะสำเร็จรูปที่ซื้อไว้อันแรกใช้พื้นที่เต็มอัตราแล้ว ส่วนโรงเรือนกระจกก็เป็นที่เก็บแม่พันธุ์พ่อพันธุ์ จึงเกิดโรงเพาะลำดับที่สามขึ้นมา ผมอยากทดลองขายออนไลน์ดูก่อน ถ้าได้รับผลตอบรับดี มีกำไร โปรเจ็กต์ต่อไปคืออยากทำคาเฟ่ข้างๆ โรงเพาะด้วยครับ”

กัน ณภัทร แคคตัส

แคคตัสรักษาใจ

“การเลี้ยงต้นไม้นี่แปลกดีเหมือนกันนะครับ ผมไม่เคยคิดว่าจะรักและดูแลมันได้ถึงขนาดนี้ เวลาเขาป่วยแต่ละครั้งผมก็กระวนกระวายใจแล้ว อยากให้หายเร็วๆ คือผมใจร้อน แต่การดูแลแคคตัสต้องใจเย็นมาก เวลาเขาป่วยไม่ใช่ว่าคุณยกขึ้นมาตัดราก พยาบาล แล้วจะเอาไปปลูกต่อเลย ต้องทิ้งไว้ 1 สัปดาห์ ถ้าเอาไปปลูกทันที แผลที่ถูกตัดอาจมีโอกาสเน่าได้ การเลี้ยงต้นไม้จึงฝึกให้ผมรู้จักรอและใจเย็นขึ้นเยอะ

“อีกอย่างคือในช่วงที่ชีวิตมีปัญหารุมเร้า ผมก็ได้แคคตัสนี่แหละช่วยเยียวยา ต้องขอบคุณเขานะ ช่วงที่เกิดปัญหาผมคิดเสมอว่าไม่เป็นไร กลับม บ้านเรา อยู่กับต้นไม้ อยู่กับลูกๆ ของเรา ซึ่งการที่เราได้ดูแลเขา ช่วยให้ลืมเรื่องทุกข์ใจอื่นๆ ไปได้เยอะเลยครับ”


ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 972

ภาพ : @gunnapat23

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

บุกอาณาจักรต้นไม้มูลค่านับล้าน! ของ “เคน ภูภูมิ” จากนักสะสมสู่พ่อค้าต้นไม้ใจบุญ

เจ้าหญิงแห่งวงการพฤกษา! 10 ลุค หวานละมุนสไตล์ “ญาญ่า” พร้อมชี้เป้าร้านต้นไม้

แอน ทองประสม ช่วยเกษตรกรซื้อกะหล่ำปลี 6,900โล หลังเหลือโลละ 2 บาท

Crazy Rich Asians ตัวจริง! 2 มหาเศรษฐีชาวสิงคโปร์ กับคลังสมบัติละลานตา

account_circle

Crazy Rich Asians  ตัวจริง! 2 มหาเศรษฐีแห่งประเทศสิงคโปร์ รวยระเบิด รวยไม่บันยะบันยัง กับคลังสมบัติและข้าวของแบรนด์เนมที่เห็นแล้วต้องตะลึง

อย่างที่รู้กันว่า ประเทศสิงคโปร์นั้นเป็นประเทศที่ค่าครองชีพสูงมาก หากใครเคยไปเที่ยว คงจะพอรู้ว่าค่าใช้จ่ายหนึ่งวันในสิงคโปร์นั้น หากใช้แบบประหยัดสุดๆ กินน้ำก็อก ไม่กินขนมก็อยู่ราวๆ $20 ดอลลาห์สิงคโปร์ หรือประมาณ 500 บาท ซึ่งถ้าเทียบกับค่าใช้จ่ายในประเทศเรานั้นก็ถือว่าสูงพอประมาณเชียวล่ะ

หากคุณเคยชมภาพยนตร์เรื่อง Crazy Rich Asians เรื่องราวของ ราเชล ชู สาวนิวยอร์กที่เดินทางไปสิงคโปร์เพื่อไปร่วมงานแต่งงานเพื่อนสนิทของ นิค แฟนหนุ่ม ซึ่งเธอไม่เคยรู้มาก่อนว่านิคนั้น เป็นทายาทตระกูลดังของสิงคโปร์ ที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศ

คุณจะพบว่า เศรษฐีที่แท้ทรู กับความรวยเว่อร์วัง และการใช้ชีวิตแบบหรูหรา ชนิดที่ว่าจัดงานแต่งในการ์เด้นบายเดอะเบย์ ต่อด้วยการปิดมาริน่า เบย์แซนด์ เพื่อจัดอาฟเตอร์ปาร์ตี้ต่อนั้น เป็นวิถีของมหาเศรษฐี ที่มีเงินเหลือใช้เป็นกระบุง ดูแล้วอาจจะโอเว่อร์ไปสักนิด สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่เราเชื่อว่าชีวิตจริงมันต้องมีแบบนี้แน่นอน

แพรวดอทคอมนำไลฟ์สไตล์อันหรูหราของ 2 มหาเศรษฐีแห่งประเทศสิงคโปร์ ที่เห็นแล้วต้องเอามือทาบอก และอุทานเบาๆ….. มาให้คุณได้ดูกัน

Kane Lim

ทักซิโด จากแบรนด์ dolce & gabbana รองเท้า christian louboutin และนาฬิกาจาก franck muller
ทริปช้อปปิ้งกับบรรดาสาวๆ เดินทางโดยเครื่องบินส่วนตัว รวยป่ะล่ะ
ห้องนอนโทนสีขาว สวยหรู อลังการ
หนึ่งในรถคู่ใจของเขา

Kane Lim ทายาทนักธุรกิจพันล้านชาวสิงคโปร์ หนุ่มวัย 27ปี ที่มีคลังรองเท้าที่มีมูลค่ามากกว่า $500,000 (16.5 ล้านบาท) ซึ่งคลังรองเท้าส่วนมากของเขานั้นมาจากแบรนด์ คริสติยอง ลูบูแตง ยังไม่นับรวมกับกระเป๋าแบรนด์เนมโดยเฉพาะ Hermes ที่มีนับไม่ถ้วน ในส่วนของเสื้อผ้าแบรนด์เนมก็มีหลากหลายยี่ห้อไม่แพ้กัน

แพ็ครองเท้าสำหรับไปทริป !!
กรุแอคเซสซอรี่ เพียงส่วนหนึ่งในตู้เสื้อผ้าของเขา
เสื้อโค้ท Balmain และโซนชั้นวางของที่จัดอย่างเป็นระเบียบโดยผู้เชียวชาญเรื่องการจัดตู้เสื้อผ้า และข้าวของต่างๆ
ถุงรองเท้า christian louboutin และแบรนด์เนมอื่นๆ ที่ส่งตรงมาจากช็อป
กระเป๋าหลุยส์ สำหรับการเดินทาง มีทั้งใบเล็ก ใบกลาง ใบใหญ่ พร้อมด้วยรองเท้าผ้าใบจากหลุยส์เช่นเดียวกัน
เคสไอโฟนจากหลุยส์ สามอัน สามสีกรุบๆ
กระเป๋าจาก Chanel คุณค่าที่เราคู่ควร

กระเป๋าเพียงแค่ส่วนหนึ่งจากแบรนด์ Hermes ที่เราคัดมาให้ดู ย้ำว่านี่เพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น !

เพชรกับผ้หญิงเป็นของคู่กัน ดูเหมือนจะไม่ใช่ซะทีเดียว เพราะตัวเขาเองนั้นก็ชื่นชอบเพชรเป็นชีวิตจิตใจ และมีในกรุจนละลานตา ทั้ง Catier, Harry Winston, Bulgari, juste un clou ฯลฯ

ถึงแม้ว่าเขาจะรวยระเบิด ระเบ้อขนาดนี้ แต่ Kane Lim เองก็ยังทำงานเพื่อการกุศล โดยเขาได้นำของแบรนด์เนมที่เขามีนำมาขายเพื่อนำเงินมอบให้กับสภากาชาดของประเทศสิงคโปร์ โดยของที่เขานำมาขายนั้นก็ยังเป็นของลดราคาอีกด้วย นอกจากนี้เขายังมักจะซื้อของเพื่อนำไปบริจากให้กับองค์ต่างๆ เช่น  pets for rescue, st nudes hospital , the watts project และองค์กรสตรีในประเทศอินเดีย

Jamie Chua 

Jamie Chua อดีตแอร์โฮสเตสสาวสวยจากสายการบินแห่งชาติ สิงคโปร์แอร์ไลน์ ปัจจุบันเธอเป็นคุณแม่ลูกสอง และยังเคยเป็นภรรยาของ Nurdian Cuaca มหาเศรษฐีชาวอินโดนีเซีย ปัจจุบันได้หย่าร้างกันเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งเจมี ฉั่ว ได้เรียกค่าเลี้ยงดูจากอดีตสามีเป็นจำนวนเงินที่เห็นแล้ว ต้องบอกเลยว่าชาตินี้ทั้งชาติก็ไม่ต้องทำงานแล้วล่ะจ้า เพราะเธอเงินที่เธอได้รับในแต่ละเดือนนั้นคือ $450,000 (14 ล้านบาท) เรียกได้ว่าเป็นการฟ้องหย่าที่มีมูลค่ามากที่สุดของสิงคโปร์เลยก็ว่าได้

นอกจากนี้คุณแม่ เจมี ฉัว  ยังมีค่าเสริมสวย ความงาม ที่เธอต้องดูแลตัวเองในทุกๆ เดือน เพียงเดือนละ $14,000 (4.5 แสนบาท) ไม่ว่าจะเป็นการนวดประจำสัปดาห์ ดูแลผิวหน้า ทรีทเมนท์กระชับสัดส่วนและดูแลเส้นผมให้เงางาม

รวมถึงเธอยังครอบครองกระเป๋าแอร์เมสที่มีมูลค่ารวมกันแล้วกว่า 70 ล้านบาท ทั้งคอลเล็คชั่นพิเศษ และหายาก คุณแม่เจมี มีหมด

นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งในไลฟ์สไตล์ของ เจมี ฉั่ว เท่านั้น เตรียมพบกับสกู๊ปเจาะลึก Crazy Rich Asian คนนี้ได้เร็วๆ นี้ ห้ามพลาดเด็ดขาด แล้วคุณจะรู้ว่าชีวิตที่โรยด้วยกลีบกุหลาบของจริงนั้นเป็นอย่างไร

ภาพ : kanelk_k, jamiechua_closet

 

 

 

 

Di Fiora

ชีวิตดีๆ ในซีแอตเทิลของ “ธิดาภัสสร์” เจ้าของร้าน Di Fiora รายได้วันละ 5 แสน

account_circle
Di Fiora
Di Fiora

ชีวิตดีๆ ในต่างแดนของ “ธิดาภัสสร์ อริยหิรัญตระกูล” สาวไทยที่ตัดสินใจย้ายรกรากไปอยู่ ซีแอตเทิลสหรัฐอเมริกา เริ่มต้นจากการเป็นพนักในร้านอาหาร สู่การเป็นเจ้าของ Di Fiora ร้านอาหารสไตล์เอเชียนที่ตั้งอยู่ในเมือง ซีแอตเทิล ซึ่งทำรายได้เกือบวันละ 5 แสนบาท มากสุดวันละ 1 ล้านบาท!!

ชีวิตดีๆ ในซีแอตเทิลของ “ธิดาภัสสร์” เจ้าของร้าน Di Fiora รายได้วันละ 5 แสน

Di Fiora

ชีวิตตอนอยู่ไทย

ธิดาภัสสร์ เล่าว่าเธอจบการศึกษาจาก คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ในช่วงที่เรียนอยู่นั้น เธอทำอาชีพเสริมไปด้วยคือ การขายครีมที่ตีแบรนด์เป็นของตนเอง ตอนนั้นธุรกิจขายครีมเรียกได้ว่าสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้เธอ แต่ผ่านไปสักพักการแข่งขันเริ่มสูงขึ้น จากการที่สื่อโซเชียลมันเริ่มบูม ซึ่งธิดาภัสสร์เล่าให้ แพรวดอทคอม ฟังว่า

“เรารู้สึกว่า โอกาสในการทำธุรกิจนี้มันเริ่มน้อยลงแล้ว เพราะว่ามีคนเอาพวกครีมผิดกฏหมายมาขายตัดราคา ผู้บริโภคยังไม่มีความรู้ในการหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้มาก เหมือนเจอแบบไหนถูกกว่าก็ซื้ออันนั้น พอเจอสถานการณ์แบบนี้ เราจึงตัดสินใจขายธุรกิจให้กับคนรู้จัก ซึ่งก็ได้เงินมาเยอะสมควรที่จะตั้งตัว”

บอกตามตรงว่า แบรนด์ที่เราสร้างขึ้นมาในตอนนั้นยังขายได้อยู่นะ ครีมทุกตัวที่ทำผ่าน อย.มีกระบวนการจดแจ้งว่าทำมาจากโรงงาน สามารถตรวจสอบได้ และ มีแพ็กเกจที่มันดูดี แต่พอเจอครีมแบบผิดกฏหมายก็เข้ามาแทนที่ เราก็เหมือนเล็งเห็นแล้วว่า การบริโภคของคนเปลี่ยนไปคือ หลายคนจะมองเห็นของถูกไว้ก่อนแล้วถึงซื้อ หรือสินค้าอะไรที่เป็นแมสโปรดักส์ มักจะขายดี แต่เราไม่อยากลดมาตรฐานสินค้า ขายของที่ไม่มีคุณภาพ เรามีจรรยาบรรณมากกว่าที่จะเอาผลกำไร

หลังจากที่ขายกิจการไป ก็ใช้เงินตรงนี้เที่ยวเต็มๆ เลย ทั้งในประเทศ และ ต่างประเทศ แต่พอหยุดพักได้ประมาณ 6 เดือนก็กลับมาทำงานใหม่อีกครั้งในตำแหน่งนายหน้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่ง พอทำไปได้สักเดือนก็เริ่มรู้สึกว่า มันไม่ใช่ละ เราไม่ชอบโน้มน้าวคนให้มาทำในสิ่งที่เราคิดว่าไม่ถูกต้อง

บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ทำต้องการให้ปิดการขายคอนโด 5-6 ห้องภายในเดือนเดียว ซึ่งห้องหนึ่งไม่ต่ำกว่า 10 ล้าน รวมๆ แล้วก็ 50-60 ล้าน แต่ตอนนั้นเราก็ปิดการขายได้นะ แต่จริงๆ คือเรารู้ว่า วัสดุ หรือ สิ่งก่อสร้างต่างๆ เนี่ยมันไม่ได้มาตรฐาน มันทำให้เรารู้สึกว่า มันไม่ถูกต้อง ถ้ากลับกันเราเป็นลูกค้าก็คงรู้สึกแย่ แต่เราพูดความจริงกับลูกค้าไม่ได้ บริษัททำให้เราอยู่ในกรอบ เขาให้พูด ให้ทำอะไร ก็ต้องทำอย่างที่เขาต้องการ พอเกิดความคิดแบบนี้ก็ตัดสินใจลาออกดีกว่า ถึงแม้ตอนนั้นเราจะเป็นตัวท็อป ซึ่งหัวหน้ายังอยากให้อยู่ต่อ แต่มันไม่ใช่ทางที่ต้องการ

เรามานั่งคิดว่าอยากมีธุรกิจเล็กๆ ที่เป็นของตัวเอง เป็นนายตัว สามารถควบคุมทุกอย่างได้ แต่พอคิดว่าจะทำอะไรในไทยดี ก็คิดไม่ออก เพราะว่าสาขา (ภูมิศาสตร์) ที่เรียนจบมาก็ค่อนข้างหางานยาก มองดูแล้วไม่เห็นหนทาง

โอกาสมีต้องรีบคว้าไว้ 

Di Fiora

เป็นเรื่องประจวบเหมาะมาก เมื่อน้าสาวที่อยู่อเมริกา โทรมาคุยกับเราว่ากำลังมีแพลนขยายสาขาร้านอาหารไทยในซีแอตเทิล เขาก็เลยชวนเรามาเป็นหุ้นส่วนให้ไปร่วมลงทุนด้วย พอมีโอกาสมาแบบนี้มาก็รีบคว้าไว้ เราตัดสินใจทันทีว่าจะย้ายไปอยู่อเมริกา อยากลองไปหาประสบการณ์ใหม่ๆ ทั้งที่ไม่รู้ว่าข้างหน้าจะเป็นอย่างไร แต่ก็ต้องกล้าได้ กล้าเสีย

อันที่จริงเราเคยดรอปเรียน และบินไปเรียนภาษาหนึ่งปีที่ซีแอตเทิล จึงทำให้ได้เห็นบรรยากาศ สภาพสังคม ประเทศบ้านเมืองเขาที่มีสิทธิเสรีภาพ เป็นประเทศที่ ถึงแม้คุณจะไม่ได้ร่ำรวยมาก แต่หากคุณขยันก็มีชีวิตที่ดีได้

หลายคนอาจคิดว่า มาเป็นหุ้นส่วนแล้วคงจะได้รับเงินมาใช้แบบสบายๆ แต่เปล่าเลย เราก็ยังต้องมาเป็นเด็กเสิร์ฟ มาล้างจาน ขัดห้องน้ำ ถูพื้น เก็บจาน เก็บเศษอาหาร เก็บอะไรต่อมิอะไรไม่รู้บนโต๊ะ ซึ่งเราไม่เคยทำแบบนี้เลย แต่จุดนี้มันทำให้ชีวิตเราปลดล็อก และคิดได้ว่า เห้ย…กว่าจะได้เงินมาแต่ละบาทไม่ง่ายเลยนะ ทุกคนอาจมองว่าอยู่เมืองนอกสบาย แต่สิ่งที่เห็นมันไม่ใช่แบบนั้นเลย บอกได้เลยว่าร้อยละ 80 ที่มาอเมริกาอาจไม่ได้มีครอบครัวที่ร่ำรวย ทุกคนต้องทำงานมันไม่ได้สวยหรูอย่างที่คิด แต่หากคุณขยันทำงานมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งมีเงินเก็บมากเท่านั้น

แต่สิ่งหนึ่งที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดเลยระหว่าง อเมริกา กับ ไทย คือ ต่อให้คุณทำอาชีพบริการ ทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟ คุณก็มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เท่าเทียมกัน

ถึงเวลาสร้างธุรกิจของตัวเองแบบเต็มตัว

หลังจากทำงานมาได้ 5 ปี ทางครอบครัวก็มีแพลนที่จะขยายสาขาออกไปอีก แต่ปัญหามันก็ติดอยู่ที่ว่า เราเป็นเด็กรุ่นใหม่ ที่มีความคิดต่างในการทำธุรกิจร้านอาหาร ซึ่งภาพร้านอาหารในหัวของเรามันต่างจากที่พวกเขาคิด เราจึงไม่อยากทำงานกับครอบครัวแล้ว ถึงจะเป็นหุ้นส่วน แต่ก็ไม่ได้มีสิทธิ์มีเสียง ไม่สามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างเต็มที่ ทำงานกับครอบครัวไม่ใช่ว่าไม่ดีนะ แต่เราไม่ได้เป็นเจ้าของโดยสมบูรณ์ ก็เท่านั้น

การตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิตของเราเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อเรานำเงินเก็บที่มี บวกกับเงินที่เล่นหุ้นได้ มาเปิดร้านอาหารของตัวเอง ซึ่งเรานำประสบการณ์ต่างๆ จากสิ่งที่เรียนรู้ จากการศึกษาธุรกิจร้านอาหารว่าจะทำอย่างไรให้มันดังเปรี้ยงมากกว่านี้ เพราะคิดว่าทำร้านอาหารไทยยังไงก็รายได้ดีอยู่แล้ว อีกทั้งยังได้ไปลองกินร้านอาหารดีๆ ไปดูว่ารสชาติ หน้าตาอาหารของเขาเป็นอย่างไร ถึงได้ดาวมิชลิน เราลองผิดลองถูก ลงมือทำอาหารเอง กินเอง ค้นคว้าสูตรเองทุกอย่าง

ร้านอาหาร Di Fiora

แต่การเปิดร้านอาหารในอเมริกาก็ไม่ใช่เรื่องง่าย มีหลายขั้นตอนมาก ไม่ว่าจะหาทำเล หาสถานที่ ขอใบอนุญาต กระทรวงสาธารณสุข เพราะถ้าไม่ผ่านก็ทำไม่ได้ เพราะที่นี่เค้าเข้มงวดกับสุขอนามัยของคนในประเทศมากๆ นอกจากนี้ยังมีใบอนุญาตต่างๆ อีกเยอะแยะ รวมถึงงานออกแบบร้านที่มีการแก้ไขไม่รู้จบ ต้องผ่านการตรวจสอบซึ่งยากมาก เพราะเขาต้องคำนวนปริมาณคนที่นั่งในร้าน ต้องไม่แออัด ทุกอย่างต้องเหมาะสม รายละเอียดจุกจิก เปลี่ยนแบบแต่ละครั้ง ก็ต้องใช้เงินทุกครั้ง งบที่มีเริ่มบานปลาย จาก 12 ล้านบาทที่ตั้งไว้ กลายเป็น 20 ล้านบาท แต่ลงทุนไปแล้วก็ทำให้เต็มที่ ไม่อยากรบกวนที่บ้าน อยากพิสูจน์ให้ทุกคนที่เคยพูดว่าเราทำไม่ได้ ไม่ประสบความสำเร็จหรอก จะไปได้สักกี่น้ำ ซึ่งเราอยากทำให้พวกเขาเห็นว่า ฉันทำได้ แต่นั่นก็ทำให้เกิดความเครียด เกิดอาการซึมเศร้า จนต้องไปหาจิตแพทย์

สุดท้าย Di Fiora ก็สร้างเสร็จใช้เวลาไปทั้งหมด 1 ปี 2 เดือน ลงทุนไปรวมแล้ว 25 ล้านบาท ตอนนั้นเราคิดว่าเอาวะ ได้ฤกษ์เปิดสักที ฉันทุ่มทั้งหมดที่ฉันมีทุกอย่างในชีวิตแล้ว จะเป็นอย่างไรไม่รู้ เจ้งก็เจ้ง เอาวะ!!

แต่พอถึงช่วงที่จะเปิดร้านจริงๆ เดือนธันวาคม 2562 งานก็เข้าแบบไม่ทันตั้งตัว เพราะใบอนุญาตที่ขอไปเกิดความล่าช้า  เนื่องจากช่วงปลายปีจะมีคนขอใบอนุญาตเข้ามาเยอะมาก ประจวบกับตอนนั้นมีการตรวจพบเคสโควิดเคสแรกในอเมริกา จึงทำให้กระบวนการทุกอย่างมันยิ่งล่าช้า

พอได้ใบอนุญาตมา ปรากฏว่ามีประกาศปิดเมือง วันนั้นล้มทั้งยืนเลย เพราะค่าเช่าก็จ่ายไปแล้ว พนักงานก็จ้างมาแล้ว อีกทั้งเป็นร้านเปิดใหม่ที่ยังไม่มีฐานลูกค้า ไม่มีรายรับ มีแต่รายจ่าย ทุกวันมีแต่ติดลบ เป็นอยู่อย่างนี้เกือบ 3 เดือน จนกระทั่งกลับมาเปิดได้ช่วงปลายเดือนมีนาคม 2563 ตอนนั้นเมืองก็ยังล็อกดาวน์อยู่นะ (ทานที่ร้านไม่ได้ ให้ซื้อกลับเท่านั้น) เราก็เลยปรึกษาพี่ชายที่มาช่วยบริหารร้านว่า จะทำอย่างไรดี ให้ลูกค้ารู้จักร้านเรามากขึ้น ซึ่งก็คิดไอเดียขึ้นมาว่า งั้นทำ Grab&Go บวกกับทำโปรโมชั่นเสริมเข้าไปกันดีกว่า ยอมเท่าทุน ดีกว่าขาดทุน!

ด้านพนักงาน เราขอให้พวกเขาสลับกันมาทำงาน ซึ่งทุกคนก็เข้าใจ และเห็นใจ ตรงนี้เราต้องขอยกเครดิตให้กับพนักงานทุกคนที่ยังอยู่กับเราในวันนั้น พวกเขาได้เงินน้อย แต่ก็พร้อมใจกันช่วย ในฐานะนายจ้างบอกตามตรงเครียดมาก ร้องไห้ทุกวัน เงินแทบจะไม่เหลือแล้ว อยากให้ลูกน้องทุกคนรอด แต่ตัวเราก็ต้องรอด เหนื่อยมากๆ ทั้งงานบริหาร พ่วงด้วยกับการเป็นเชฟ ทำงานทุกวันไม่มีวันหยุด

อย่างที่บอกว่า Di Fiora เป็นร้านเปิดใหม่ ยังไม่มีใครรู้จัก เราต้องทำงานหนักเป็น 2 เท่าในเรื่องของการประชาสัมพันธ์ให้ลูกค้าสนใจ ให้รู้ว่าร้านอาหารที่นี่ดีมาก อร่อยมาก โดยผ่านช่องทางโซเชียล เราขอให้เพื่อนๆ ที่รู้จักโปรโมท และแท็กร้านให้  มีการเดินไปตามตึก เอาโปรชัวร์ไปวางไว้ตามอพาร์เม้นท์ต่างๆ ว่าร้านเราเปิดทูโกแล้ว และจะให้ส่วนลด 10% สำหรับลูกค้าใหม่ของเราที่อยู่ในพื้นที่นี้ ขอให้เขาช่วยสนับสนุนในช่วงการระบาดใหญ่ ซึ่งผลจากการที่ทำแบบนี้มันก็ดีขึ้นเรื่อยๆ นะ คนเริ่มรู้จักร้านเรามากขึ้น ตอนนั้นขายได้วันละ 300-400 เหรียญ

สถานการณ์เป็นแบบนี้ไปจนถึงช่วงประมาณปลายเดือนมิถุนายน เมืองก็เริ่มมีการผ่อนคลายอนุญาตให้ลูกค้าเข้ามานั่งทานในร้านได้ 25% หลังจากวันนั้นเป็นต้นมาก็เริ่มขายได้วันละประมาณ 1,000 เหรียญ

ทั้งนี้ ทั้งนั้นก็ยังมีคนกล้าๆ กลัวๆ ที่จะมานั่งในร้านนะ แต่ด้วยความที่ร้านเราตกแต่งสวย และไม่เหมือนใคร มีคอนเซ็ปต์ที่ชัดเจน มีการบอกปากต่อปาก มีการอัพรูปทางโซเชียล อีกอย่างอาหารที่ร้านเราใช้วัตถุดิบอย่างดีที่สุด แพงเท่าไหร่ไม่เกี่ยง ลูกค้าต้องได้ทานของดี ของอร่อย  ขณะที่ตัวเราเองก็ลงไปบริการลูกค้า ไปขอบคุณเขาด้วยตัวเอง บอกลูกค้าตลอดว่า รู้ไหมว่าสิ่งที่คุณสนับสนุน ทำให้ฉันมีในวันนี้ ฉันจะไม่ลืมเลย

พระเจ้าไม่ได้เอ็นดูเสมอไป

แต่พระเจ้าก็ไม่ได้เอ็นดูเราเสมอไป เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบใหญ่อีกครั้ง ตอนนั้นรู้สึกว่าเห้ยอีกแล้วเหรอจะไม่ให้ลืมตาอ้าปากเลยหรือไง ตอนนั้นท้อเลย แต่ก็คิดไว้ตั้งแต่แรกแล้วล่ะว่าโรคระบาดเนี่ยจะอยู่ไปอีกนาน จากที่ได้ข่าวสารมาหลายสำนัก

แต่รอบนี้ก็ยังดีกว่ารอบแรก เพราะเรามีเงินเก็บประมาณหนึ่งแล้ว พอล็อกดาวน์ก็ค่อยๆ ทยอยนำเงินออกมาใช้ ทำให้ร้านอยู่รอด โชคดีด้วยที่ลูกค้าสั่งอาหารแบบทูโกก็ยังสนับสนุน ทำให้ไม่เข้าเนื้อ ไม่ขาดทุน แต่ก็ไม่ได้กำไร

1 ใน 3 ร้านอาหารที่ได้ลงหนังสือพิมพ์ซีแอตเทิล

ต้องบอกเราใช้โซเชียลในการโปรโมทหนักมาก ลูกค้าที่มาก็มักจะไปรีวิวตามช่องทางต่าง ทั้งอินสตาแกรม เฟสบุ๊ค กูเกิ้ล ซึ่งก็มีนิตยสาร และหนังสือพิมพ์ติดต่อเข้ามาขอสัมภาษณ์จำนวนมาก หนึ่งในนั้นคือ The Seattle Times พวกเขาสงสัยว่า ผู้หญิงเอเชียอายุ 30 ต้นๆ เนี่ยทำได้ยังไง เป็นเจ้าของร้านอาหารในทำเลทองของซีแอตเทิลได้อย่างไร เพราคนส่วนใหญ่คนที่จะกล้ามาเปิดร้านตรงแถวนี้ได้ ต้องมีประสบการณ์

หลังจากที่ได้ลงหนังสือพิมพ์ The Seattle Times เชื่อไหม ชีวิตเปลี่ยนไปเลย จากที่ขายทูโกได้วันละ 1,000 เหรียญ ก็ขยับขึ้นเป็น 2,000 เหรียญ

วัคซีน ทำสถานการณ์ดีขึ้น

ในช่วงนั้นมีข่าวว่าจะมีการนำวัคซีนมาเริ่มฉีดให้กับประชาชน โดยจะฉีดให้กับผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัวก่อน จากนั้นก็จะนำมาทยอยฉีดให้กับประชาชนทั่วไป ซึ่งเราเองก็ลุกทำการตลาดออนไลน์อย่างเต็มที่ ร้านเรามีการตื่นตัวเรื่องนี้มาก พนักงานทุกคนได้รับการฉีดวัคซีน ภายในร้านปรับรูปแบบโต๊ะใหม่ให้มีการเว้นระยะห่างกันมากขึ้น มีสภาพอากาศที่ถ่ายเทสะดวก มีการตกแต่งร้านที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามฤดูกาล ซึ่งตรงนี้แหละที่ทำให้ร้านเราต่างจากร้านอื่น ทุกคนว้าวมากๆ ทั้งโลเคชั่น ทั้งการตกแต่ง ทั้งอาหาร ฟีดแบคดีมากๆ ยอดขายก็สูงขึ้น มีอยู่วันหนึ่งขายได้เกือบล้านบาท

ปัจจุบันรายได้ของ Di Fiora จะอยู่ที่หลักแสน โดยวันจันทร์ อังคาร พุธ จะอยู่ที่ประมาณ 2-3 แสน แต่ถ้าเป็นวันพฤหัส ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ จะขายดีมากๆ อยู่ที่ประมาณ 4-5 แสน

สำหรับ พนักงานร้านเราจะมีรายได้คนละ 400-500 เหรียญต่อวัน รวมกับค่าทิป ซึ่งอย่างวันที่เราขายได้สูงสุด วันนั้นพนักงานได้ทิปเพิ่มคนละ 400 เหรียญ แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายภาษีตามกฏหมายนะ ยิ่งรายได้เยอะ ก็จ่ายเยอะ แต่ในการจ่ายภาษีของคนอเมริกันเนี่ย สามารถตรวจสอบได้ทุกบาททุกสตางค์ที่เราจ่ายไป เงินทุกเหรียญสามารถจับต้องได้ อย่างในช่วงภาวะเดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของโควิด และต้องปิดประเทศ รัฐบาลก็เอาเงินภาษีที่ประชาชนจ่ายไปมาใช้ในการช่วยเหลือทุกคนในประเทศ….


เรื่อง : Nitcha.k

ภาพ : ธิดาภัสสร์ อริยหิรัญตระกูล, Di Fiora/Instagram

 

 

 

 

 

 

 

รองเท้า Keds ฮ็อตอยู่คู่กับหนัง-ซีรีส์ มาหลายสิบปี

ไอเท็มโปรดคนดัง! รองเท้า Keds รุ่นฮ็อต อยู่คู่กับหนัง-ซีรีส์ มาหลายสิบปี

รองเท้า Keds ฮ็อตอยู่คู่กับหนัง-ซีรีส์ มาหลายสิบปี
รองเท้า Keds ฮ็อตอยู่คู่กับหนัง-ซีรีส์ มาหลายสิบปี

นับเป็นเวลาหลายสิบปีที่ รองเท้า Keds เป็นหนึ่งในไอเท็มโปรดของบรรดานักแสดง ดารา เซเลบริตี้ นักกีฬา แฟชั่นไอคอนในยุคต่างๆ ตลอดจนในวงการภาพยนตร์และซีรีส์อีกมากมาย ซึ่งบรรดาคาแร็กเตอร์ที่เลือกใส่สนีกเกอร์ของ Keds ล้วนเป็นหญิงสาวที่สดใส สนุกสนาน มีความมั่นใจ และมุ่งมั่นเต็มร้อย เพื่อทำตามความฝันของตัวเอง

หนึ่งในคาแร็กเตอร์ที่เราพูดถึงมาจากภาพยนตร์อเมริกันแดนซ์ดราม่าชื่อดังอย่าง Dirty Dancing (ค.ศ.1987) ที่นำแสดงโดย เจนนิเฟอร์ เกรย์ รับบท เบบี้ สาวน้อยจากครอบครัวชนชั้นสูงที่ตกหลุมรัก จอห์นนี่ แคสเทิล นักเต้นเจ้าเสน่ห์ รับบทโดย แพทริก สเวซี ในเรื่องเบบี้มาในลุคสาววัยรุ่นอเมริกันยุค 80s ที่นิยมแต่งตัวสบายๆ อย่างเสื้อยืด กางเกงยีนขาสั้น กับสนีกเกอร์สีขาวใส่สบาย (เต้นสะดวก) อย่าง Keds Champion Originals ถึงดูเรียบง่ายแต่กลายเป็นอีกหนึ่งลุคคลาสสิกที่เป็นภาพจำของใครหลายคน

ไอเท็มโปรดคนดัง! รองเท้า Keds รุ่นฮ็อต อยู่คู่กับหนัง-ซีรีส์ มาหลายสิบปี

รองเท้า Champion Core CVO White 1,850 บาท

จากปี ค.ศ. 1987 เดินทางมาจนถึงปี ค.ศ. 2021 เมื่อ Marvel Studios ได้สานต่อจักรวาล Marvel ด้วยการสร้างซีรีส์ Wanda Vision ซึ่งฉายทางแอพพลิเคชั่น Disney+ เท่านั้น นำแสดงโดยเอลิซาเบธ โอลเซ่น และพอล เบตตานี ซีรีส์นี้เป็นการผสมผสานระหว่างโทรทัศน์คลาสสิกกับ Marvel Cinematic Universe ที่แวนด้า แม็กซิมอฟฟ์ และวิชั่น สองคู่รักซูเปอร์ฮีโร่ผู้มีพลังอำนาจมหาศาลต้องมาใช้ชีวิตแสนสุขในย่านชานเมือง โดยพวกเขาเริ่มสงสัยว่าทุกอย่างรอบตัวอาจไม่ได้เป็นอย่างที่ตาเห็น

รองเท้า Champion Core CVO Red 1,850 บาท

โดยใน Episode 5 นั้น แวนด้ามาในลุคสาวอเมริกันยุค 80s ลุคสุดไอคอนิกที่ถูกขนานนามว่าเป็น one of the best fashion moments ของซีรีส์ ด้วยผมลอนหยิกแบบย้อนยุค เธอแมตช์กางเกง high waisted pants สีกรมท่า สาย suspenders และเสื้อเชิ้ตลายตารางสีแดงน้ำเงิน กับสนีกเกอร์สีแดงสดใสทะมัดทะแมง อย่าง Keds Champion Core CVO  และสิ่งที่ทำให้ลุคนี้โดดเด่นที่สุด คือการที่ Marvel โชว์matching outfit ของคู่รักซูเปอร์ฮีโร่ ที่ใครๆ ก็สามารถใส่ตามได้อย่างน่ารักและลงตัวในฉากปล่อยพลังฉากนี้

นอกจากทางฝั่งฮอลลีวู้ดแล้ว ทางฝั่งเอเชียอย่าง K-Series ที่กำลังได้รับความนิยมในบ้านเราเองก็ได้หยิบเอาสนีกเกอร์ของ Keds มาใส่เช่นกัน อาทิ ซีรีส์แนวโรแมนติก/แฟนตาซี/ ลึกลับ เรื่องล่าสุด The Great Shaman Ga Doo-shim หรือในชื่อภาษาไทยว่า ‘สาวน้อยแม่มด’ นำแสดงโดย คิมแซรน ในเรื่องเธอรับบทเป็น กาดูซิม คนทรงสาวน้อยวัย 18 ที่มีพลังพิเศษในการมองเห็นและปัดเป่าวิญญาณได้ แต่เธอกลับต้องการใช้ชีวิตแบบเด็กมัธยมปลายธรรมดาๆ เท่านั้น แซรนเปิดตัวบนโปสเตอร์โปรโมทในชุดนักเรียนสุดคูลกับสนีกเกอร์ Keds Triple Canvas White และฉากเปิดตัวใน Ep 1-2 กับสนีกเกอร์ Keds Triple Canvas Black

Keds Triple Canvas White 2,250 บาท

นี่คือการเดินทางของแบรนด์ จากโลกแห่งจอเงินสุดคลาสสิกสู่โลกดิจิตอลที่ทุกอย่างรวดเร็วเพียงปลายนิ้วคลิก แต่สนีกเกอร์ของ Keds ยังคงครองใจแฟนๆ ด้วยการออกแบบที่ร่วมสมัยและตอบโจทย์ไลฟสไตล์ของผู้หญิงในแต่ละยุคได้เป็นอย่างดี


บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ไม่ซ้ำแบรนด์! ทุบคลัง สนีกเกอร์ โรเซ่ BLACKPINK ที่คุณก็เป็นเจ้าของได้

ซื้อตามไม่ยาก! รองเท้า Converse ของมาดามตั๊ก ราคาน่ารักจนต้องอยากสอย

ไอเดียของขวัญวันแม่ จาก Furla Mini Top Handle ให้ปีนี้พิเศษกว่าที่เคย!

 

'นิโคล เทริโอ' เปิดประสบการณ์ข้ามผ่าน Cyberbullying ซิงเกิล มัม แนะวิธีรับมือเข้มแข็ง

‘นิโคล เทริโอ’ เปิดประสบการณ์ข้ามผ่าน Cyberbullying ซิงเกิล มัม แนะวิธีรับมือเข้มแข็ง

Alternative Textaccount_circle
'นิโคล เทริโอ' เปิดประสบการณ์ข้ามผ่าน Cyberbullying ซิงเกิล มัม แนะวิธีรับมือเข้มแข็ง
'นิโคล เทริโอ' เปิดประสบการณ์ข้ามผ่าน Cyberbullying ซิงเกิล มัม แนะวิธีรับมือเข้มแข็ง

“แม่” เป็นคำที่สั้นๆ แต่เต็มไปด้วยความเสียสละ ทุ่มเท และมีคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวหรือซิงเกิลมัมจำนวนไม่น้อย ที่ต้องทุ่มเทยิ่งกว่า ทั้งแรงกายและสร้างแรงใจให้ตัวเองและครอบครัวในฐานะเสาหลัก และหากพูดถึงซิงเกิลมัมในวงการบันเทิงนั้น มีหลายคนที่เป็นต้นแบบในความสตรองที่เฝ้าเลี้ยงดูลูก ให้เติบโตมาอย่างมีคุณภาพ แม้จะอยู่ในสถานะคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวก็ตาม หลายคนนอกจากต้องทำหน้าที่ “แม่” แล้วยังต้องเป็น เสาหลักครอบครัวในคราวเดียวกัน อย่าง “นิโคล เทริโอ” เจ้าของฉายาสาวน้อยกะโปโลในยุค 90 ก็เป็นหนึ่งในคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ที่มอบความอบอุ่นความรักอันบริสุทธิ์และความห่วงใยที่มีเต็มเปี่ยมหัวใจของคนเป็นแม่ให้ลูกชายสุดหล่อเพียงคนเดียวอย่าง “ทิกเกอร์” มาอย่างดี

นิโคล เทริโอ 2

เนื่องในวันแม่แห่งชาติ ปี 2564 นิโคลได้เปิดใจอย่างหมดเปลือกถึงความรู้สึกในใจที่เก็บเอาไว้มานานในฐานะคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องเจอทั้งคำถาม สายตาจากผู้คน และการจับจ้องในทุกความเคลื่อนไหว ซึ่งเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมานำไปสู่การถูกรังแกบนโลกออนไลน์ หรือ Cyberbullying  โดยนิโคลได้ร่วมพูดคุยผ่านทางแคมเปญของ “เอไอเอส อุ่นใจไซเบอร์” ร่วมกับ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์และมุมมองชีวิตของคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ถูกรังแกบนโลกออนไลน์ เพื่อให้กำลังใจในการก้าวผ่านอุปสรรค และพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับครอบครัว

นิโคล เทริโอ 1

นิโคล เผยว่า การตัดสินใจที่จะเป็นซิงเกิลมัมต้องคิดเยอะและตัดสินใจยาก เนื่องด้วยตนและคุณพ่อของลูกชายต่างเป็นคนในวงการบันเทิง การตัดสินใจเลิกกันและเปลี่ยนสถานะครอบครัวนั้นหากย้อนไปในอดีตจะเป็นข่าวใหญ่ที่คนให้ความสนใจ แม้เวลาจะผ่านมานานแล้ว แต่การถูกย้อนความทรงจำผ่านทางโซเชียลด้วยข้อความต่างๆ ไม่เว้นแม้แต่การถูกนำมาพูดถึงในหัวข้อคู่ดาราหย่าร้าง ทำให้มีคนแสดงความคิดเห็นถึงตนเองได้ง่าย

“คำถามจากผู้ที่ไม่ทราบว่าหวังสิ่งใดในคำตอบ ที่ตั้งขึ้นมาถามถึงลูกชายตนว่า “พร้อมจะมีพ่อใหม่หรือยัง” แต่นั่นเหมือนแทงใจให้เกิดบาดเจ็บที่ฝังลึกให้กับนิโคล โดยเธอเผยว่า “คำถามนั้นอาจจะไม่ได้แรง แต่ในความรู้สึกของเด็ก เขามีพ่อคนเดียว เขาจะตอบอย่างไร” ซึ่งการเป็นคนในวงการบันเทิงที่เหมือนชีวิตส่วนตัวต้องถูกเปิดเผยต่อสาธารณชน ไม่ว่าจะขยับตัวทำอะไรจะถูกจับจ้องตลอด ท่ามกลางคำวิจารณ์จากสังคมที่แสดงความคิดเห็นได้ง่ายเพียงปลายนิ้ว แต่ในบางครั้งอาจจะยากสำหรับผู้อ่านอย่างตน นิโคลจึงเลือกที่ จะอ่านและไม่อ่านบ้าง โดยยึดว่า “จิตใจระหว่างแม่ลูก และครอบครัว มีแค่เราที่รับรู้” ทำให้ก้าวข้ามคำถามจากโซเชียลที่เหมือนเป็นการรังแกกันบนออนไลน์มาได้”

นิโคล เทริโอ 3

นอกจากนี้ สาวนิโคล ยังยอมรับว่า “การเป็นซิงเกิลมัมนั้นไม่ง่าย จากที่เคยตัดสินใจร่วมกัน 2 คน แต่เมื่อมีเพียงตนคนเดียวหากเจอปัญหาอะไรต้องเอาให้อยู่ ยอมรับว่ามีทั้งความรู้สึกกลัวจนเสียน้ำตา มีความนอยด์ว่าจะเลี้ยงลูกอย่างไร การที่ตนต้องออกไปทำงานเพื่อหาเงินนำมาเลี้ยงลูกนั้นต้องแลกกับการไม่มีเวลาให้ลูก ตอกย้ำด้วยภาพติดตาและทำให้คนเป็นแม่เจ็บไปทั้งหัวใจเมื่อเห็นลูกนั่งเล่นอยู่หน้าบ้านที่สัมผัสได้ถึงความเหงา ยิ่งทำให้ตนรู้สึกว่าทำหน้าที่แม่ได้ไม่ดี”

ทั้งนี้ แม้จะเคยมีภาพฝังใจที่แทบทำให้หัวใจของนิโคลแตกสลาย แต่เมื่อถามถึงการก้าวผ่านสิ่งนั้นมาได้อย่างไร “กี้เลือกนำจุดที่รู้สึกแย่และท้อกลับมาคิดใหม่ โดยมองว่า การที่มีเวลาให้กับลูกนั่นคือเวลาที่มีค่า เมื่อเราเศร้าลูกจะรับสิ่งนั้นได้จากตัวของเรา เพราะฉะนั้นจึงต้องเติมพลังให้ตัวเอง ทำเวลาที่มีให้มีค่า ให้มีความสุขทั้งแม่และลูก ความเป็นครอบครัวไม่อยู่ที่เรื่องเพศหรือจำนวนสมาชิกในครอบครัว แต่อยู่ที่ใจ ความผูกพันและการใช้ชีวิตด้วยกัน” เพราะสำหรับนิโคลลูกคือทุกอย่างของชีวิต จึงตั้งใจจะทำหน้าที่เป็นทั้งเพื่อน ทั้งพ่อและแม่ให้กับลูกชายหัวแก้ว หัวแหวนคนนี้ ดังนั้น จึงไม่แปลกที่จะเห็นแม่และลูกคู่นี้สนิทกันมาก

นิโคล เทริโอ 4

และเนื่องในวันแม่สังคมดิจิทัล ยุคโซเชียลมีเดีย สาวนิโคล ในฐานะซิงเกิลมัม ขอส่งกำลังใจให้คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวทุกคน ที่เคยโทษตัวเองและรู้สึกผิดเหมือนอย่างตนที่ไม่มีเวลาให้ลูก ให้ปรับเปลี่ยนมุมมองใหม่ เพื่อเติมเต็มความสุขให้กับลูก และขอให้สังคมโซเชียลคิดและตระหนักในการคอมเม้นท์ หรือพูดถึงคนอื่นอย่างมีสติ เพื่อที่จะได้ไม่บั่นทอนจิตใจคนในสังคม


ภาพ : nicole_officialaccount

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

“แม่นก จริยา” ควงคู่ลูกสาวคนสวย “จีนส์ จิรชยา” เผยท็อปซีเคร็ตฉบับแม่ลูกสุดซี้

อบอุ่นไปด้วยความรัก กองทัพ พีค & คุณแม่นุช-ธันยวรรณ สวยระดับนางงาม

เลี้ยงลูกแบบ อัมบานี ตระกูลที่รวยที่สุดในเอเชีย เนี้ยบเป๊ะ ระเบียบจัด ประหยัดสุด

 

นก จริยา จีนส์ จิรชยา

“แม่นก จริยา” ควงคู่ลูกสาวคนสวย “จีนส์ จิรชยา” เผยท็อปซีเคร็ตฉบับแม่ลูกสุดซี้

Alternative Textaccount_circle
นก จริยา จีนส์ จิรชยา
นก จริยา จีนส์ จิรชยา

หลังจากที่เคยมาเยือนปก แพรว เมื่อปี 2550 ผ่านไป 14 ปี คุณแม่นก – จริยา แอนโฟเน่ นักแสดงและผู้จัดละครมากความสามารถ ควงลูกสาวคนสุดท้อง จีนส์ – จิรชยา มาพบกันอีกครั้ง รอบนี้จีนส์โตเป็นสาวสวยแล้ว

“แม่นก จริยา” ควงคู่ลูกสาวคนสวย “จีนส์ จิรชยา” เผยท็อปซีเคร็ตฉบับแม่ลูกสุดซี้

จีนส์อัพเดตชีวิตให้ฟังหน่อยค่ะ

“จีนส์เพิ่งเรียนจบด้านภาพยนตร์จากมหาวิทยาลัย King’s College London ค่ะที่เรียนด้านนี้เพราะชอบการเขียนบท ตอนแรกยังไม่รู้ว่าชอบด้านไหน แต่รู้ว่าไม่ถนัดออกกอง จับกล้อง เพราะไม่ใช่สายลุย และไม่ชอบทำงานกับคนเยอะ แต่จะชอบดูวิเคราะห์บท เป็นแนวโปรดิวเซอร์มากกว่า จีนส์เรียนจบช่วงที่เมืองไทยล็อกดาวน์จากสถานการณ์โควิดพอดีเป๊ะ ตอนนี้หลายโปรเจ็กต์ที่คิดไว้จึงต้องชะลอก่อน แล้วช่วยคุณพ่อดูธุรกิจโปรดักต์ผม Jonny Hair ไปพลางๆ ค่ะ ส่วนเรื่องในวงการ จีนส์ไม่ได้อยากมีบทบาทหน้าจอ แต่ก็ไม่ปิดกั้นนะคะ มีไปออกรายการสัมภาษณ์บ้าง”

สไตล์การเลี้ยงลูกของคุณแม่นกเป็นยังไงคะ

คุณแม่ เลี้ยงตามธรรมชาติเลยค่ะ สมัยลูกยังเล็ก นกหยุดงานบันเทิงอยู่กับลูกแบบเต็มที่ เราเป็นแม่มือใหม่ก็ศึกษาจากคู่มือและคนกล้ตั ว แต่สรุปได้ว่าทุกอย่างมาจากสัญชาตญาณ เพราะลูกแต่ละคนไม่เหมือนกัน เราก็เรียนรู้จากลูกว่าควรจะดูแลเขาแบบไหน สิ่งที่เน้นคือให้เวลากับลูกมากที่สุด เรียนรู้จากเขาและใกล้ชิดกัน ไม่มีอะไรเป็นสูตรตายตัว ความที่ลูกอายุห่างแค่ 1 ปี ตอนนี้เจมส์ (จิรายุ) ลูกชายคนโต 27 ปี ส่วนเจมี่ (จอมภัค) ลูกสาวคนกลาง 26 ปี ขณะที่จีนส์อายุ 25 ปี

“ที่ว่าเลี้ยงตามธรรมชาติคือเลี้ยงเขาแบบเด็กธรรมดา ไม่ใช่ลูกดารา ไม่สปอยล์ มีขอบเขตให้เขา แต่พอโตก็ต้องพาไปเจอคนอื่นบ้าง เป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ สุดท้ายเขาก็ต้องเรียนรู้การเป็นลูกเรา ลูกๆ ทั้ง 3 คน จึงมีนิสัยเหมือนพ่อแม่มาก คือขี้อาย ไม่ชอบเจอคนเยอะ เก็บเนื้อเก็บตัว ชอบอยู่ในโลกของเขาที่บ้าน เพราะฉะนั้นบ้านจะเป็นสถานที่ที่เขาเดินเข้ามาแล้วรู้สึกว่านี่คือเซฟโซน พูดอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะบาดเจ็บจากไหนมา ก็ต้องสบายใจเมื่ออยู่บ้าน

“บ้านเราสนิทกันมาก ลูกๆ เคยบอกนกว่า หม่ามี้ไม่มีเพื่อนเลย (หัวเราะ) บางทีเขาก็อำเราว่า ‘ถ้าไอเล่นตัวขึ้นมา ยูไม่มีใครเลยนะ เพราะมีไอเป็นเพื่อนเท่านั้น’ ความจริงนกมีเพื่อนนะ แต่ชอบใช้เวลาอยู่ในบ้านมากกว่า เรารู้สึกว่าลูกเหมือนเพื่อน เพราะเลี้ยงเขาแบบนี้ด้วย ยิ่งพอเขาโต ยิ่งแชร์กันได้ทุกอย่าง นั่งคุยกันเลย 4 คนแม่ลูก อะไรใช่ไม่ใช่ เถียงกันได้

“พอลูกโตขึ้น แม้วัยจะต่างกัน แต่ก็ยอมรับความต่างว่าเจเนอเรชั่นนี้มีวิธีคิดแบบเขา ขณะเดียวกันเราก็จะแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวด้วยว่าคนรุ่นแม่เจออะไรมาบ้าง หลักๆ คือต้องเคารพกันและกัน นกว่าการที่เด็กกับผู้ใหญ่คุยกัน มีประโยชน์มาก การจะไปให้เด็กรุ่นใหม่มาปรับตัวหาเราอย่างเดียวคงไม่ได้ เพราะโลกเดิ นไปข้างหน้า เราจะไปย้อนเข็มนาฬิกานั้นเป็นไปไม่ได้ ต้องเปิดใจกว้าง เรียนรู้เขา ไม่ฝืนโลก นกสนุกนะเวลาลูกมีข้อมูลใหม่ๆ มาบอก เช่น พอเจมี่รู้ว่าแม่ไปกินหูฉลามก็ว้ากเลย ‘ยูรู้ไหมว่าเขาฆ่าฉลามวิธีไหน’ จนแม่ต้องรีบบอก ‘จ้ะ ๆ ไม่กินก็ได้’ (หัวเราะ) หรือเวลานั่งรถไปส่งเขาที่โรงเรียนตอนเช้า เขาก็เสนอว่า ‘คุณแม่ ตอนเช้าอากาศไม่ร้อน เปิดกระจกก็ได้ ไม่ต้องเปิดแอร์ตลอดเวลา’ หรือ ‘คุณแม่ ถุงพลาสติกเยอะเกินไปนะ’ เรียกว่าอาจมีหลายอย่างที่เจเนอเรชั่นนกอาจจะลืมคิดไป

“ในฐานะที่เป็นผู้จัดละคร นกจะฟังความคิดเห็นของเด็กรุ่นนี้ตลอด ก่อนหน้านี้สัก 10 ปี ลูกสาวสองคนเดิ นมาบอกว่า ‘อย่าทำละครที่พระเอกปล้ำนางเอกได้ไหมมี้ เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ใครคนหนึ่งมาปล้ำเราแล้วเราจะกลับไปรักมัน’ ซึ่งก็จริงนะ เราไม่ควรสนับสนุน แต่ก่อนเราไม่ได้คิด เพราะบางทีก็เผลอไผลไปกับบทประพันธ์ แล้วอารมณ์ของผู้หญิงดูละครสมัยก่อนก็ยังไม่ต่อต้าน แต่ยุคนี้ไม่ใช่ นับจากนั้นถ้าบทประพันธ์ดั้งเดิมมีมุมนี้ นกจะเปลี่ยนไม่ให้มีการปล้ำกัน จะต้องเป็นไปด้วยความสมัครใจ นี่คือประโยชน์ของการแชร์ แม้จะต่างเจเนอเรชั่นก็ตาม

จีนส์ช่วยเสริม “เมื่อก่อนละครเกาหลียังไม่บูมมาก บางทีคุณแม่มานั่งดูด้วย เขาจะไม่เข้าใจวิธีการเล่าเรื่องหรือคาแร็คเตอร์ของตัวละคร แต่พอเปิดให้ดูว่าฉากนี้เจ๋งนะ ดูวิธีเล่าเรื่องของเขา ท่านค่อยๆ ยอมรับมากขึ้น เพราะเราก็อยากให้อุตสาหกรรมบันเทิงไทยเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นเหมือนกัน”

นก จริยา จีนส์ จิรชยา

ลูกสามคนนิสัยเป็นอย่างไรคะ

คุณแม่ “ลูกๆ ไม่ค่อยมีวีรกรรมหวือหวา เป็นเด็กเรียบๆ แต่เป็นตัวเอง เริ่มจากเจมส์ พี่ชายคนโต เขาก็มีคาแร็คเตอร์นะ มีฟีลของความเป็นพี่และเป็นตัวเองสูงมาก อะไรที่ไม่ชอบจะปฏิเสธทันที แต่ถ้าได้ทำสิ่งที่ชอบจะทำออกมาได้ดี สมัยเด็กต้องเคี่ยวเข็ญเรื่องการบ้าน ซึ่งพอแม่จี้มากๆ เขาเดินไปข้างรั้วแล้วทิ้งสมุดทำการบ้านไว้ตรงนั้นเลย (หัวเราะ)

“ส่วนเจมี่รักสวยรักงามมาก แต่โตขึ้นเป็นผู้หญิงค่อนข้างจะแข็ง อยากพึ่งตัวเอง พูดตรง อาจเพราะเขาไปเรียนที่มหาวิทยาลัยสตรีอีฮวาที่เกาหลี (Ewha Woman’s University) ซึ่งเป็นยุคที่เกาหลีเน้นเรื่องสิทธิสตรีมาก เขาจึงจริงจัง เที่ยงตรง อะไรถูกต้อง ไม่ถูกต้อง พูดออกมาชัดเจน และมีความคิดเกี่ยวกับสังคมมาถกกับแม่บ่อยมาก

“ส่วนจีนส์เป็นสไตล์ลูกคนเล็ก สมัยเด็กทำอะไรตามพี่ๆ และซนเป็นลิง ชอบปีนป่ายหวาดเสียว แต่ก็ไม่ได้มีเรื่องน่าปวดหัว เขาติดบ้าน ขี้อาย เรื่องหน้ากล้องไม่ค่อยถนัด ในเรื่องความคิดเขาจะคล้ายแม่

“ตอนที่ท้องจีนส์ นกไม่รู้ด้วยซ้ำ ตอนนั้นเริ่มกลับมาทำงาน กินยาลดความอ้วนอีกต่างหาก หัวใจจะวายเลยตอนรู้ว่าตั้งท้อง ไปถามหมอว่าควรจะเก็บลูกไว้หรือไม่ โชคดีที่พอหมอเช็กไปที่โรงงานผลิตยา ไม่มีผลกระทบกับเด็กนักจึงเก็บเขาไว้”

จีนส์แซวตัวเอง “เลยติ๊งต๊องนิดหน่อย”

คุณแม่นกขำ “เขาจะโดนอำว่าเป็นเพราะนกกินยาลดความอ้วนเลยติ๊งต๊อง ตอนที่เขายังเด็ก นกแอบรู้สึกผิดกับเขาด้วยนะ เพราะต้องตัดใจให้คุณยายกับพี่เลี้ยงช่วย เนื่องจากทิ้งงานมาหลายปี โชคดีที่เขาเลี้ยงไม่ยาก”

ครอบครัวแอนโฟเน่สนิทกันขนาดไหน

จีนส์ “มากนะคะ เคยคุยกับเพื่อนๆ ว่าขี้เกียจออกไปหาแล้ว เพราะอยู่บ้านก็เหมือนมีเพื่อนอยู่ด้วย ความที่พวกเราเกิดไล่ๆ กัน จึงเหมือนเพื่อนกันมากกว่า ขนาดคุณแม่ยังเหมือนเพื่อนเลย”

คุณแม่นก “เราคุยกันได้ทุกเรื่อง สนิทถึงขั้นลูกก็บ่นแม่ได้ เรื่องที่ลูกชอบบ่นนกมากที่สุดคือนกขี้กลัวมากเกินไป ทั้ง 3 คนจะบอกว่า ‘ยูเลี้ยงลูกแบบเป็นห่วงลูกมากเกินไป เดี๋ยวลูกจะไม่แข็งแรงนะ’ แต่ในความเป็นแม่ มันช่วยไม่ได้ไง จนวันหนึ่งเราก็ต้องยอมรับว่าเขาโตแล้ว อย่างเจมี่พอเรียนจบปริญญาตรีที่เมืองไทย เขาเดินมาบอกว่าหนูไปเกาหลีนะ แม่ตกใจเลย ไม่รู้มาก่อน คือเขาวางแผนโดยไม่บอกใคร และติดต่อทุกสิ่งทุกอย่างที่จะไปเรียนไว้หมดแล้วก็ไปเลย แม่ช็อก ถึงลูกจะบอกว่าต้องให้ลูกออกไปเผชิญโลก แต่ตอนนั้นทำใจอยู่นาน แอบน้ำตาร่วงด้วย แต่สิ่งที่นกรู้คือลูกไม่ใช่เด็กเกเร ต้องขอบคุณเขาเลย และในวันที่เขาออกไปเผชิญชีวิต เขาพยายามทำให้เราเห็นว่าเขาไม่เหลวไหล และที่สำคัญคือลูกบ้านนี้ไม่โกหกแม่ ถึงขั้นพูดตรงมากจนแม่นี่แหละต้องบอกว่า ช่วยพูดซอฟต์ลงหน่อย ลูกก็จะโต้ทันควันว่าชอบให้โกหกเหรอ” (หัวเราะ)

จีนส์ช่วยเล่า “บางทีพี่ๆ พูดแข็งมาก แต่จีนส์จะเข้าใจวิธีสื่อสารมากกว่า รู้ว่าจะพูดยังไงให้พ่อแม่ไม่ช็อก เพราะเราเรียนรู้จากพี่มาเยอะ หลังๆ เวลาสองคนนั้นหาคำพูดไม่ถูก เขาจะมาถามว่าควรเรียบเรียงประโยคยังไงดี ควรใช้คำยังไงไม่ให้แย่ (หัวเราะ) จีนส์จึงเป็นตัวกลางระหว่างพี่ๆ กับคุณพ่อคุณแม่ เรารู้ว่าความคิดของคนอีกรุ่นไม่สามารถเปลี่ยนได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่สองรุ่นต้องไปด้วยกันได้ จึงต้องมีความประนีประนอม เพื่ออยู่กันได้แบบราบรื่น ก็จะคอยอธิบายแม่ว่าพี่เขาไม่ได้คิดอย่างนั้นหรอก เขาแค่สื่อสารไม่ถูก”

ถ้าถูกคุณแม่บ่น จะเป็นเรื่องอะไรคะ

จีนส์ “เป็นเชิงเตือนมากกว่าค่ะ จีนส์มักจะใจร้อนเวลาขับรถ ขี้หงุดหงิด รู้ตัวเลยว่าการขับรถมันกระทบอารมณ์ง่าย แล้วก็ทำให้ทั้งวันรวนไปเลย นอกจากนี้ก็มีลังเล ตัดสินใจอะไรไม่ค่อยได้ ในหัวจะไม่เรียง 1 2 3 เพราะตีกันไปหมด คุณแม่ก็จะเตือนว่าอะไรที่ควรมาก่อนหลัง เพราะบางทีถ้าไม่เป็นตามแผน เราก็จะกระวนกระวาย แม่ก็จะบอกให้ใจเย็น”

คุณแม่นก “เขาไม่ใช่คนขับรถเร็วนะ แต่ขี้บ่น ทำไมทางมันเป็นแบบนี้ (หัวเราะ) จึงมักจะโดนอำอีกว่าเป็นคุณป้า เขาก็จะโยนมาว่าได้จากแม่นั่นแหละ”

จีนส์ “อีกเรื่องของจีนส์คือของรกค่ะ (หัวเราะ) แม่จะย้ำเวลาไปค้างบ้านเพื่อน หรือไปไหนก็ตาม คุณแม่จะบอกว่าอย่าให้คนอื่นรู้สึกรังเกียจเรา ถ้าไปกินข้าวบ้านใครต้องช่วยจัดเก็บ ช่วยล้างจานนะ ส่วนพี่ชาย แม่จะดุเรื่องสุขภาพการนอน เพราะเขาทำงานในบริษัทเกมที่อยู่อาร์เจนตินา ต้องจัดไทม์โซนกับทีมทำงานต่างประเทศ กลายเป็นว่านอนดึกมาก บางทีก็นอนตอนเช้า แล้วเขาน้ำหนักเยอะ กินทั้งคืน แม่จะดุ ถ้าเขาไม่อยากให้แม่บ่น ก็จะไม่ลงมากินข้าวเช้า” (หัวเราะ)

คุณแม่นก “นกไม่ได้เรียบร้อยหรือเป๊ะนะ แต่เป็นมนุษย์ชอบทำงานบ้าน เก็บนู่นนี่ จนลูกบอกว่าหยุดเดินสักที ต่อให้มีแม่บ้านเราก็ทำ อยากช่วยเก็บ แล้วก็อยากให้ลูกมีระเบียบกว่านี้ ฝึกนิสัยจัดเก็บ จะได้หาอะไรง่าย แล้วมันโยงไปถึงเรื่องการจัดระเบียบต่างๆ ในชีวิต ถ้าวันไหนแม่เมื่อยปาก ไม่บ่นก็ได้” (หัวเราะ)

นก จริยา จีนส์ จิรชยา

บ้านนี้เข้มงวดเรื่องอะไรบ้างคะ

“สมัยเด็กจะเป็นเรื่องไม่ชอบให้ไปค้างบ้านเพื่อน รวมถึงการเดินทางไปกลับต้องเป็นเวลา โดยเฉพาะลูกสาว แต่พอโตมาก็ปล่อยบ้าง แต่เรื่องที่เข้มงวดตั้งแต่เด็กคือการให้เกียรติคน เราสอนให้เขารู้จักเห็นใจคนอื่น แม้กระทั่งพี่เลี้ยง หรือคนทำงานในบ้าน ต้องพูดจาดีด้วย นกแคร์มากเรื่องการให้เกียรติคน ที่บริษัท ไม่ว่าจะตำแหน่งไหน ถ้าใครพูดไม่ดีใส่กันโดยไม่มีเหตุผล นกไม่ชอบ ลูกทั้งสามคนก็เป็นแบบนี้ เห็นอกเห็นใจคนอื่น เป็นพวกใจอ่อน (หัวเราะ) ซึ่งเราก็รู้สึกดีกับเรื่องนี้นะคะ เพราะไม่ชอบการมองอะไรลบ มีแต่พลังงานลบใส่กัน”

แล้วมีเรื่องไหนบ้างคะที่แม่ – ลูกถอดแบบกันมา

จีนส์ “ยิ่งจีนส์โตขึ้น แม่ยิ่งเหมือนเพื่อน เขาได้นิสัยความติ๊งต๊องจากจีนส์ คือตอนเป็นเด็กจะรู้สึกว่าแม่จริงจังกว่านี้ ซึ่งจีนส์เป็นแนวไม่มานั่งพยายามจริงจังตามคนอื่น ตรงข้าม เวลาเจอใครจริงจังเราจะพยายามทำให้บรรยากาศซอฟต์ เวลาแม่เครียดเรื่องงานก็ทำให้เขาขำ เขาก็เลยติดไปด้วย กลายเป็นพยายามติ๊งต๊องไปด้วยกัน” (หัวเราะ)

คุณแม่นก ความติ๊งต๊องที่ว่าคือเหมือนเล่นกันค่ะ เช่น บางทีนอนอยู่บนเตียง ทั้ง 3 พี่น้องจะโถมมาเลย ทับแม่จนหายใจไม่ออก คือบ้านนี้ลูกชอบแกล้งแม่ อย่างพ่อก็โดน แต่เขาไม่ติ๊งต๊องกลับ (หัวเราะ) อย่างลูกชายคนโตชอบมาจุ๊บ ทั้งๆ ที่ตอนนี้ไว้หนวดยาวมากจนเป็นฤาษีแล้ว แม่ก็จะรำคาญ พอเขารู้ก็ชอบมาแกล้ง ส่วนจีนส์ก็จะมาจุ๊บหน้าเวลาที่แม่เหงื่อออก ตั้งใจให้แม่รำคาญแหละ เราก็จะดันเขาออกไป ฉันเหนื่อยนะ แต่ใจจริงคือชอบ มีความสุข มันคือมุมอ้อนของลูก เวลาที่นกไม่สบายใจหรือรู้สึกไม่ดี เราจะได้รับพลังงานจากเด็กๆ ว่าเขากำลังห่วงใยนะ เขาจะเข้ามาจับมือ คอยกอดไว้ อย่างจีนส์จะเป็นแนว ไปโยคะไหม ออกไปข้างนอกไหม คนนี้เขาจะช่วยได้เยอะ เราจะรู้สึกดีขึ้น”

จีนส์เล่าความลับให้คุณแม่ฟังไหม

จีนส์ “เกือบทุกเรื่องนะ แต่ถ้าเรื่องไหนทำให้แม่กังวลก็ไม่เล่า ตอนไปเรียนที่อังกฤษ ถ้ามีอะไรที่ทำให้เรารู้สึกไม่ปลอดภัย เช่น เดินถนนนี้แล้วน่ากลัว ก็จะโทร.ไปบ่นให้พี่ฟัง แล้วบอกพี่ว่าไม่ต้องบอกแม่นะ คือไม่ใช่แค่จะโดนแม่บ่นอย่างเดียว แต่เขาจะคอยกำชับว่าคราวนี้ห้ามเดินถนนนี้แล้วนะ คือเป็นห่วงมากขึ้น

“ช่วงไปเรียนที่อังกฤษ 3 ปี ต้องคุยเฟซไทม์กับแม่ทุกวัน แม่ก็จะโทร.หาบ่อย เช่น ลงรถแล้วเหรอ วันนี้เดินถนนตรงไหน กี่นาทีถึง ถ้ากินข้าวอยู่บ้าน ก็ต้องเปิดเฟซไทม์คุยกับแม่ตลอดแทบทุกมื้อ”

คุณแม่นก “แม่ติดลูกมาก จนพี่จอนนี่อำว่าเป็นทาสลูก ซึ่งเราก็…แล้วไงอะ”

คุณแม่นกหวงลูกๆ ไหมคะ

คุณแม่ “ก็จะมีหวงตามนิสัยของแม่ แต่หนักทางห่วงมากกว่า ทั้งเรื่องการดูแลตัวเอง สุขภาพ คบเพื่อน แต่ตอนนี้โตหมดแล้ว จึงไม่ได้มีข้อห้าม ก็จะบอกแค่ว่าให้คำปรึกษาได้เท่านั้นเอง เราถอยออกมาเป็นเพื่อนลูก ซัพพอร์ตลูกเท่าที่ทำได้ ยิ่งลูกเรียนจบมาในยุคโควิด อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ง่ายเลย เราก็ยิ่งต้องประคองกันไป”

จีนส์ “ถ้าเป็นเรื่องหัวใจไม่เชิงปรึกษาค่ะ แต่จะเล่าให้ฟังว่าคนนั้นคนนี้เข้ามาคุย จะปฏิเสธเขายังไงให้ดูมีมารยาทดี คุณแม่ก็จะแนะนำค่ะ”

แม่ – ลูกส่งต่อเคล็ดลับความงามประสาผู้หญิงไหมคะ

คุณแม่นกหัวเราะนำมาแต่ไกล “ต้องบอกว่าคุณแม่ไม่ได้เรื่องเลย (หัวเราะ) จีนส์สอนทุกอย่าง เขารักสวยรักงาม ชอบออร์แกนิก อะไรดีก็เอามาบอกแม่ ส่วนแม่นี่ ขอโทษนะคะ พูดไปก็อาย บางวันนอนยังไม่ล้างเมคอัพ (หัวเราะ) เพราะเราทำงานกองถ่าย เจอแดดร้อนๆ ทั้งวัน บางทีกลับบ้านสลบไปโดยไม่รู้ตัว จีนส์เลยเป็นฝ่ายดูแลแม่ ผมต้องอย่างนี้ ผิวต้องกินอันนี้นะ แม่ก็จะแบบเหรอๆ แต่ไม่ทำสักอย่าง” (หัวเราะ)

จีนส์ “เพราะคุณแม่ทำงานในวงการบันเทิงมาตั้งแต่วัยรุ่น มีคนแต่งหน้าให้ ดูแลผิวให้ ขณะที่จีนส์ไม่ได้โตในวงการนี้ ก็ต้องหาวิธีดูแลตัวเอง

“จีนส์ให้ความสำคัญเรื่องเฮลตี้มากกว่าความสวย เรื่องกิน ออกกำลังกาย และดื่มน้ำสำคัญมาก พอยิ่งโตขึ้น กลายเป็นว่าชอบอะไรง่ายๆ อย่างช่วงที่เริ่มแต่งหน้าก็ซื้อเครื่องสำอางมาลองเยอะเลย แต่ยิ่งโตยิ่งรู้สึกว่าไม่ว่าจะมีเครื่องสำอางเยอะแค่ไหน ถ้าเราไม่ดูแลผิวให้ดีแต่แรก แต่งไปก็ไม่ติด จึงควรดูแลสุขภาพองค์รวม มันไม่ได้ทำให้แค่ผิวดี แต่ยังทำให้เรารู้สึกดี จึงพยายามออกกำลังกายให้ได้ 3 วันต่อสัปดาห์ เมื่อก่อนไปยิมมีเทรนเนอร์ ช่วงนี้ต้องออกกำลังกายที่บ้าน ก็จะเปลี่ยนวิธีไปเรื่อยๆ ตามยูทูบ แต่จะยึดเล่นเวตเทรนนิ่ง เพราะกล้ามเนื้อช่วยเรื่องระบบเผาผลาญ

“ครีมกันแดดก็สำคัญมาก ต้องใช้ทุกวัน ส่วนสกินแคร์เมื่อก่อนมีหลายขั้นตอน เพราะไปดูตามคนอื่นตลอด มารู้ทีหลังว่าผิวจีนส์เป็นสิวง่าย คุณหมอผิวหนังแนะนำว่าใช้ให้ง่ายไว้ดีที่สุด ทุกวันนี้จึงตื่นเช้ามาล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า ทามอยส์เจอไรเซอร์กับครีมกันแดด จบเท่านี้เลยค่ะ”

นก จริยา จีนส์ จิรชยา

คู่นี้เป็นสายช็อปไหมคะ

คุณแม่นก “โอ้โฮ เป็นกิจกรรมที่สนุกมาก เราชอบไปช็อปปิ้งทุกวันอาทิตย์ จนจีนส์แซวว่า ‘ทุกวันอาทิตย์หม่ามี้เหมือนไปโบสถ์เลย’ แต่จริงๆ คือไปช็อป ซึ่งการช็อปปิ้งของเราคืออยู่ในซูเปอร์มาร์เก็ตนะคะ นกติดนิสัยแม่บ้าน วันอาทิตย์ชอบไปหาผลไม้ ของกินอร่อยๆ ให้คนที่บ้าน แล้วก็จะหาดอกไม้มาแต่งบ้าน เพราะติดดอกไม้มาก ส่วนจีนส์ก็จะไปดูเครื่องสำอาง เป็นความสุขจุ๊กจิ๊กสไตล์ผู้หญิง”

จีนส์ “ส่วนเสื้อผ้าเราจะดูเยอะ ลองเยอะ แต่ซื้อนิดเดียว ถ้าซื้อเยอะจะรู้สึกผิดว่าคนเราจะต้องมีเสื้อผ้าสักกี่ชิ้นกัน อีกอย่างคือจีนส์ให้ความสำคัญกับเบื้องหลังของการผลิตเสื้อผ้าด้วยค่ะ เช่น ถ้าแบรนด์นี้เจ้าของมีข่าวมองผู้หญิงในทางที่ไม่ดีหรือเอาเปรียบเรื่องแรงงาน เราก็ไม่อยากซัพพอร์ต ก็จะคอยรายงานข้อมูลคุณแม่”

คุณแม่นกแซว “เธอเป็นมนุษย์ NGO มากค่ะ เรื่องนี้นกเห็นด้วย ถ้าอะไรปรับได้ก็ปรับตามคนรุ่นใหม่”

สำหรับแม่ ลูกๆ มีเรื่องน่าประทับใจยังไงบ้างคะ

คุณแม่นก “ลูก ๆ ทั้งสามคนอาจไม่ใช่เด็กดีที่สุด แต่ก็อยู่ในร่องในรอย ไม่สร้างความหนักใจให้พ่อแม่ เป็นเด็กที่เข้าใจสถานการณ์ได้ดี และทำให้พ่อแม่วางใจในตัวเขา

“อย่างจีนส์จะรู้สึกตลอดว่าเขาเป็นน้องเล็ก เป็นเด็กติดบ้านมาก ตอนเขาเรียนมหาวิทยาลัยที่ไทย เขารู้สึกไม่คลิกกับสิ่งที่เรียน เลยขอไปเรียนที่อังกฤษ ซึ่งวันนั้นนกค้านหัวชนฝา เพราะรู้สึกว่าลูกติดบ้านไปแล้ว อาจจะงอแง ไม่ประสบความสำเร็จ กลัวเขาจะเรียนไม่ได้ บอกว่าให้เรียนในไทยก่อน แต่เขาพิจารณาแล้ว ตัดสินใจแล้ว ขอไปใช้ชีวิตที่อังกฤษ นกเครียดมากเลยนะ แต่ปรากฏว่าพอไปใช้ชีวิตที่นั่น เขาอยู่ได้ดีและติดต่อพ่อแม่ตลอด แสดงความเป็นผู้ใหญ่ เข้มแข็ง”

จีนส์ “ก่อนไปคิดว่าคงจะร้องไห้ โฮมซิก วันที่ไปเรียน ครอบครัวก็ไปส่งทั้งหมดเลย แล้วพี่ชายอยู่ด้วยกัน 1 สัปดาห์ เพื่อให้เราปรับตัว พอพี่ชายกลับ สนุกเลยค่ะ จีนส์แทบไม่ต้องปรับอะไร ไม่โฮมซิกด้วย ปกติทุกปิดเทอมจะกลับบ้าน ตอนหลังคือไม่กลับ ขอเที่ยวก่อนนะ

“แต่อยู่ที่นั่นจีนส์มีเรื่องประทับใจในตัวคุณแม่นะ ช่วงซัมเมอร์ไทยกับอังกฤษต่างกัน 6 ชั่วโมง พอเป็นฤดูหนาวจะต่างกัน 7 ชั่วโมง แล้วบางทีจีนส์เลิกเรียนช้า ทุกคนที่บ้านชินกับเวลาต่าง 6 ชั่วโมงที่ต้องรอคุยกับเรา แต่พอเป็น 7 ชั่วโมง เขาหลับแล้ว แต่คุณแม่อยู่รอเสมอ จนกว่าจีนส์จะเดินกลับถึงที่พัก”

คุณแม่นก “มนุษย์แม่เนอะ ลูกยังไม่ถึงห้อง เราก็ยังไม่หลับ เขา รียน 3 ปี เราก็รออย่างนี้ทุกวันจนจบ”

มีคำสอนของคุณแม่ที่จีนส์นำมาใช้ตลอดไหมคะ

“คุณแม่ให้ความสำคัญกับความสตรอง สุขภาพใจต้องมาก่อนทุกอย่าง เพราะไม่ว่าเราจะตัดสินใจอะไรในชีวิตหรือต้องออกไปผจญโลกข้างนอก เราจะปลอดภัยที่สุดถ้าเราสตรอง คุณแม่สอนให้จีนส์พึ่งตัวเองได้ และมีสติตลอดเวลา ยิ่งเป็นลูกสาวคนเล็ก ท่านก็อยากให้รู้จักดิ้นรนช่วยเหลือตัวเองได้โดยไม่ต้องไปพึ่งใครค่ะ”


ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 973

ภาพเพิ่มเติม : mookmake

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

อบอุ่นไปด้วยความรัก กองทัพ พีค & คุณแม่นุช-ธันยวรรณ สวยระดับนางงาม

“ตุ๊ก-นิรัตน์ชญา” แม่ผู้เอาชนะภาวะซึมเศร้าหลังคลอด สู่บทบาทแม่ไอดอลสุดสตรอง

เลี้ยงลูกแบบ อัมบานี ตระกูลที่รวยที่สุดในเอเชีย เนี้ยบเป๊ะ ระเบียบจัด ประหยัดสุด

คุณแม่นุช-ธันยวรรณ

อบอุ่นไปด้วยความรัก กองทัพ พีค & คุณแม่นุช-ธันยวรรณ สวยระดับนางงาม

Alternative Textaccount_circle
คุณแม่นุช-ธันยวรรณ
คุณแม่นุช-ธันยวรรณ

เปิดภาพความรักความอบอุ่น แม่ลูกคู่ซี้ กองทัพ พีค & คุณแม่นุช-ธันยวรรณ ผู้อยู่เบื้องหลังสำเร็จและกำลังใจสำคัญของลูกชายผู้มุ่งมั่น

หากพูดถึงนักแสดงหนุ่มดาวรุ่งชื่อของเขากำลังมาแรงในช่วงนี้ คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก กองทัพ พีค พระเอกจากเรื่อง Dare To Love ให้รักพิพากษา “ไอ้เด็กบ้า” ของพี่สาวหลายคน ที่ตกหลุมรักความน่ารักของหนุ่มคนนี้อย่างถอนตัวไม่ขึ้น ทั้งๆ นี้เพิ่งจะเป็นผลงานการเป็นนักแสดงนำครั้งแรกของเขา แต่ฝีไม้ลายมือกลับไม่ธรรมดาเลย

และนอกจากที่แฟนๆ จะรู้จักเขาในฐานะพระเอกใหม่ของช่อง 3 แล้ว หลายคนทราบว่าหนุ่มคนนี้เป็นลูกชายของนักแสดง ปราบ ยุทธพิชัย ซึ่งเจ้าตัวได้เคยบอกไว้เสมอว่าคุณพ่อคือไอดอล เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเขาทั้งในเรื่องงานและการเป็นหัวหน้าครอบครัว

อบอุ่นไปด้วยความรัก กองทัพ พีค & คุณแม่นุช-ธันยวรรณ สวยระดับนางงาม

อันที่จริงแล้วนอกจากเรื่องราวของคุณพ่อปราบ บุคคลที่เป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้กองทัพพีคได้เดินตามความฝันการเป็นนักแสดงแล้ว อีกหนึ่งคนสำคัญที่เขามักพูดถึง แต่อาจไม่ค่อยมีคนโฟกัสนักก็คือ คุณแม่นุช-ธันยวรรณ  ผู้คอยสนับสนุนและให้ความมั่นใจกับเขามาอย่างสม่ำเสมอ คุณแม่กองทัพพีคเป็นคู่แม่ลูกที่ใกล้ชิดมาก หากไม่ติดขัดอะไร เราก็มักจะได้เห็นคุณแม่ไปทำงานกับเขาตลอด เช่นเดียวกับครั้งนี้ที่แพรวได้มีโอกาสร่วมงานกับหนุ่มกองทัพ พีค เราจึงขอเก็บภาพความน่ารักของแม่ลูกคู่ซี้มาฝากแฟนๆ กัน

สำหรับคุณแม่ของ กองทัพ พีค มีโปรไฟล์ไม่ธรรมดาเลยเพราะมีดีกรีความงามระดับประเทศ เนื่องจากเคยประกวดผ่านเข้ารอบ 20 คนสุดท้ายจากเวที นางสาวไทยปี 2535 ปีเดียวกับ อรอนงค์ ปัญญาวงศ์ โดยตอนนั้นใช้ชื่อในการประกวดว่า “ธันยวรรณ ทรัพย์เจริญ”  ,เข้ารอบ 10คน สุดท้าย  มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2535  ปีเดียวกับซูเปอร์โมเดล เมทินี กิ่งโพยม   และเคยประกวดเวทีระดับประเทศ อีก 2 ครั้ง โดยใช้ชื่อในการประกวดว่า “ชลธิชา บุญญาวนิช” อีกด้วย ดูเหมือนว่าแม้เวลาจะผ่านไปนานแล้วแต่คุณแม่ก็ยังสวยไม่สร่างเลยล่ะค่ะ

คุณแม่กองทัพ พีค คุณแม่นุช-ธันยวรรณ คุณแม่กองทัพ


 

keyboard_arrow_up