เงินดิจิทัล

Build Your Wealth ให้ “เงินดิจิทัล” ทำงานแทนคุณ

Alternative Textaccount_circle
เงินดิจิทัล
เงินดิจิทัล

ขอแสดงความยินดีกับ Zipmex แพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำของเอเชียแปซิฟิกที่เพิ่งสร้างข่าวใหญ่ให้กับแวดวงคริปโตเคอร์เรนซี่ ด้วยการประกาศระดมทุนรอบ Series B (31 สิงหาคม 2564) เป็นจำนวนเงินกว่า 1,300 ล้านบาท โดยร่วมมือกับบริษัทกรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด รวมถึงบริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) และบริษัท มาสเตอร์ แอด จำกัด (มหาชน) ที่ได้เข้าร่วมลงทุนก่อนหน้านี้

แพรวไม่รอช้า ขอคว้าตัว คุณแบงค์-ดร. เอกลาภ ยิ้มวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง ซิปเม็กซ์ (Zipmex) ประเทศไทย มาร่วมให้คำแนะนำเรื่องการบริหารจัดการการลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี่ ให้ “ได้” มากกว่า “เสีย” ท่ามกลางผันผวนของราคาสินทรัพย์ดิจิทัลที่ทำเอาลุ้นกันรายวัน

Build Your Wealth ให้ “เงินดิจิทัล” ทำงานแทนคุณ

 Q: ก่อนอื่น อะไรคือปัจจัยที่ทำให้มูลค่าสินทรัพย์ดิจิทัลขึ้น-ลง แล้วนักลงทุนควรมีวิธีในการวิเคราะห์อย่างไรคะ   

“การขึ้นลงของคริปโตเคอร์เรนซี่นั้น สามารถวิเคราะห์ได้จาก 3 ปัจจัยครับ ได้แก่

  1. Fundamental (พื้นฐาน) อย่างบิทคอยน์มี Fundamental เป็นการฮาฟวิ่ง (Bitcoin Halving) คือจำนวนบิทคอยน์ที่ถูกปล่อยออกมาจะลดลงเรื่อยๆ ทุก 4 ปี ทำให้ supply น้อยลง demand ก็จะมากขึ้น ราคาก็จะสูงขึ้นตามหลักเศรษฐศาสตร์ จำนวน wallet (กระเป๋าเงินดิจิทัล) ของคนที่ถือบิทคอยน์และบริษัทใหญ่ๆ ที่เข้ามาถือบิทคอยน์ก็จะมีมากขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงรัฐบาลบางประเทศอย่างเอลซัลวาดอร์ ก็ให้การรับรองตามกฎหมายแล้ว นี่ถือเป็นพื้นฐานทั้งหมด
  2. Technical (เทคนิค) คือเราสามารถวิเคราะห์กราฟทางเทคนิคของคริปโตเคอร์เรนซี่ได้เหมือนหุ้นเลยครับ ซึ่งอันนี้คงต้องไปศึกษารายละเอียดกันต่อ
  3. Sentimental (อารมณ์) คือตามกระแส อย่างเหรียญ Dogecoin ที่มีโลโก้เป็นน้องหมาพันธุ์ชิบะอินู ซึ่งเดิมทีถูกสร้างขึ้นเพื่อล้อเลียน Bitcoin และเหรียญดิจิทัลอื่นๆ ที่ดูยากและน่ากลัว แต่ด้วยภาพจำที่น่ารัก จึงได้รับความนิยมแพร่หลาย พูดง่ายๆ ว่าไม่มีพื้นฐานอะไรเลย แต่ Sentimental มาเต็ม คนเชียร์กันเยอะ ก็สามารถผลักราคาให้สูงได้เช่นกัน

“เพราะฉะนั้น เวลาวิเคราะห์ต้องดูให้รอบด้าน สมมติช่วงที่บิทคอยน์หล่นลงมา 50% แถมกระแสข่าวยังออกมาแย่ แต่ราคากลับไม่หล่นไปมากไปกว่านี้ ก็แสดงว่าในเชิง technical และ fundamental ราคาบิทคอยน์นั้นลงมาลึกพอแล้ว และหลังจากพักฐานมา 3 เดือน บิทคอยน์ก็กำลังคลานกลับไปเป็นขาขึ้น ดังนั้นใครที่ยังถืออยู่ หรือซื้อเพิ่มในเวลาที่ราคาแย่ที่สุด คนกลุ่มนั้นจะได้ผลประโยชน์มากที่สุดเมื่อราคาบิทคอยน์สูงขึ้นอีกครั้ง”

 

Q: แล้วควรลงทุนอย่างไร ให้ได้ผลตอบแทนดีคะ      

“คำแนะนำของผมคือ เมื่อใดก็ตามที่ราคาสินทรัพย์นั้นขึ้นไปสูงๆ อย่างขึ้นมา 100-200% แล้ว ก็ควรขายทำกำไรออกมาบ้าง เหลือติดมือไว้หน่อย ถ้าราคายังขึ้นไปอีก เราก็ค่อยๆ ทยอยขายออกมาทีละนิด โดยให้คิดไว้เสมอว่า ไม่มีอะไรขึ้นไปตลอด วันหนึ่งก็ต้องร่วงลงมา นอกจากแบ่งขายแล้ว ผมแนะนำให้แบ่งซื้อด้วย โดยการทยอยลงทุนเป็นระยะทุกเดือน หรือที่เรียกว่า DCA (Dollar Cost Average) วิธีการคือ พอราคาบิทคอยน์ร่วงลงมามากๆ เช่น จากราคา 2 ล้าน ลงมาเหลือ 1 ล้าน แม้ความจริงจะมีสิทธิลงจากนั้นได้อีก แต่ความที่ลงมาถึง 50% แล้วไม่น่าลงได้อีกเยอะ ก็ให้ค่อยๆ ทยอยซื้อเพิ่ม

“ส่วนใครที่ขาดทุนบิทคอยน์อยู่ ผมไม่แนะนำให้ cut loss แต่แนะนำให้ทยอยซื้อเพิ่มตอนที่ราคาถูกลง เมื่อราคาขึ้นค่อยแบ่งขาย จะช่วยถัวเฉลี่ยเงินลงทุนของเราจากสูงให้ลงมาถูกได้ อย่างน้อยก็ไม่ขาดทุน ดังนั้นควรมีเงินสดเก็บสำรองไว้ เพื่อที่พอราคาลดลงมามาก เราจะได้ซื้อเพิ่ม ส่วนเหรียญอื่นๆ ที่มูลค่าตลาดยังไม่ใหญ่เท่าบิทคอยน์ ความผันผวนยิ่งสูง ดังนั้นเมื่อไรที่ได้คืนมา 2-3 เท่า ก็ขายทำกำไรไปดีกว่าครับ

“ต้องเข้าใจว่าตลาดคริปโตเคอร์เรนซี่ราคาจะค่อนข้างผันผวน ขึ้นลงเร็วภายในระยะเวลาสั้น ทำให้คนกลัว แต่ถ้าเรามีวินัยในการทยอยซื้อตอนราคาถูก ถือต่อไป แล้วคอยแบ่งขายออกบ้างในเวลาที่ขึ้น เพื่อเอาต้นทุนคืน แล้วใช้กำไรที่ได้มาเล่นต่อไปก็ไม่ขาดทุนแล้ว ปล่อยให้กำไรทำงานก็สบายใจดี เรื่องนี้เป็น investment strategy ใช้ได้กับการลงทุนทุกรูปแบบครับ”

 

Q: ขอคำแนะนำวิธีการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล สำหรับกลุ่มคนที่เสี่ยงได้น้อย เสี่ยงปานกลาง และเสี่ยงได้มาก

“หลักการลงทุนมีอยู่ 3 ข้อนะครับ หนึ่ง Asset Allocation คือการเลือกประเภทสินทรัพย์ที่จะลง เช่น คริปโตฯ หุ้น พันธบัตร ที่ดิน ทอง ฯลฯ สอง Diversification คือการกระจายความเสี่ยง และสาม Rebalancing คือการปรับสมดุลพอร์ตการลงทุน เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์และภาวะตลาด ซึ่งนักลงทุนควรทำสามอย่างนี้ควบคู่กันไป หากคุณรับความเสี่ยงได้น้อย ก็ไม่ควรลงคริปโตฯ มากกว่า 5% ของพอร์ตการลงทุนทั้งหมด โดยอาจลงทุนแค่ในบิทคอยน์ เพราะมีความผันผวนน้อยที่สุดในบรรดาคริปโตฯ ทั้งหมด หรือถือบิทคอยน์ 3% และ Ethereum อีก 2% ส่วนกลุ่มที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง อาจถือคริปโตฯ ไว้ 10% ก็ได้ แล้วค่อยไปกระจายความเสี่ยงว่าจะเป็นบิทคอยน์ 5% Ethereum 3% เหรียญอื่นๆ อีก 2% แต่ถ้ารับความเสี่ยงได้มากก็ลงทุนในคริปโตฯ 20% ไปเลย โดยอาจลงบิทคอยน์ 2-3% แล้วเลือกเหรียญอื่นที่มีความเสี่ยงสูง แต่มีโอกาสขึ้นได้มากถึง 100-1000% เยอะหน่อย นี่คือการเลือกประเภทสินทรัพย์และการกระจายความเสี่ยง

“ทีนี้พอผ่านไป 1 ปี ลองดูผลตอบจากคริปโตฯ ว่าเป็นอย่างไร อย่างกลุ่มความเสี่ยงน้อย หากลงคริปโตฯ ไปแค่ 5% แต่พอร์ตคริปโตเพิ่มขึ้น 1 เท่า กลายเป็น 10% ไปแล้ว ก็ควรจะขายคริปโตฯ ออก เพื่อให้คริปโตฯ ในพอร์ตกลับมาเป็น 5% เหมือนเดิม แล้วนำกำไรส่วนที่ได้ ไปซื้อหุ้น ทอง หรือสินทรัพย์อื่นๆ ที่สบายใจมากขึ้น นี่ก็เรียกว่าเป็นการ Rebalance หรือปรับฐานพอร์ตเพื่อให้เป็นไปตามแผน แต่ถ้าสมมติว่าผลตอบแทนจากคริปโตฯ หล่นลงไปเหลือ 3% ก็ให้คุณนำเงินที่ได้จากการลงทุนในสินทรัพย์อื่น เช่น ได้จากหุ้นมาใส่ในคริปโตฯ เพื่อให้มันกลับไปที่ 5% ซึ่งแปลว่า คุณซื้อตอนราคาต่ำ ถือว่าได้ถัวเฉลี่ยต้นทุน และ Rebalance พอร์ตการลงทุนไปในตัว ดังนั้นมันก็จะกลับไปสู่วินัยและการมีแผนในการลงทุนอย่างที่ผมบอก โดยผมแนะนำให้มีการปรับพอร์ตทุกสามเดือน แล้วคุณจะมีการบริหารเงินที่ดี เงินจึงจะงอกเงยครับ

 

Build Your Wealth สไตล์คุณแบงค์

“ผมลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี่ 100% แต่ผมไม่แนะนำให้คนอื่นทำตาม เพราะผมอยู่ในตลาดนี้มา 6 ปี ทำธุรกิจเกี่ยวคริปโตเคอร์เรนซี่ คอยติดตามข่าวสารอยู่ตลอด จึงมีความรู้ด้านนี้มากกว่าคนอื่น แล้วผมก็มีแหล่งหารายได้จากหลายทาง แต่ถ้าเป็นพนักงานเงินเดือนทั่วไป ผมแนะนำให้ทยอยลงทุน แบบ DCA ที่ผมบอกไป วันหนึ่งหากมีกำไรก็ให้ขายออกมา แล้วนำเงินที่ได้มาทำธุรกิจส่วนตัวเพิ่มเติม ควบคู่ไปกับการทำงานประจำ พอผ่านไป 3-5ปี เงินเดือนคุณจะมากขึ้น พอร์ตการลงทุนก็ดีขึ้น เพราะได้ผลตอบแทนมากขึ้น ธุรกิจก็เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น คุณก็จะมีรายได้จากหลายช่องทาง หรือถึงจุดหนึ่งบางคนอาจลาออกจากงานแล้วไปทำธุรกิจที่สร้างไว้ เพราะได้เงินมากกว่าแล้วก็ได้ ขอให้โชคดีครับ”


 

‘มีดวงหลุดพ้นจากเดท ได้มองหาความรักในแบบที่ตัวเองต้องการสักที’ ดวงรายวัน 10 กันยายน 2564

ดวงรายวัน 10 กันยายน 2564 #หมอปุ้ยพยากรณ์ เช็กทุกวัน เป๊ะปังทุกดวง ทั้งการงาน การเงิน ความรัก และสุขภาพ

‘มีดวงหลุดพ้นจากเดท ได้มองหาความรักในแบบที่ตัวเองต้องการสักที’

ดวงรายวัน 10 กันยายน 2564

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์

การงาน  :  สำหรับผู้บริหารหรือผู้ที่ทำงานบริหาร คุณมีพลังกายพลังใจเต็มเปี่ยมที่จะแก้ไขปัญหาและอุปสรรคในเรื่องของการบริหารงานและการปกครอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณอยู่ในสายงานที่ต้องแบกความรับผิดชอบไว้อย่างใหญ่หลวง เช่น บุคคลในเครื่องแบบ ทนายความ ผู้พิพากษา อัยการ ฯลฯ  มีความเป็นไปได้ว่า วันนี้คุณจะโดดเด่นในเรื่องของการติดต่อประสานงาน การบริหารจัดการ และเป็นที่ปรึกษาให้คำแนะนำในด้านต่างๆ แต่ควรหลีกเลี่ยงธุรกิจสีเทา หรือการเสี่ยงโชค เพราะหากคุณถลำลึกลงไปจะสร้างความเดือดร้อนให้ในภายหลัง

การเงิน  :  คุณมีความสามารถใช้เงินทำงานสร้างรายได้ที่สูงให้กับตัวเอง  ขณะเดียวกันก็ใช้เงินเก่ง ไม่ลงทุน ก็เลี้ยงเพื่อนฝูงหมด วันนี้ควรเก็บไว้เงินไว้บ้าง หากเกิดอะไรขึ้นจะได้มีเงินเก่าเก็บไว้กินได้

ความรัก :  อาจเพราะคุณรับผิดชอบทั้งงานนอกและงานใน จึงทำให้คุณค่อนข้างซีเรียส จริงจังไปทุกเรื่อง ทิฐิสูง ยึดแต่เหตุผลของตัวเองเป็นหลัก แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็เพื่อครอบครัวทั้งนั้น  คนโสด  แม้ที่ผ่านมาคุณจะเจ้าชู้ เป็นนักรักตัวยง มีความรักมากมาย แต่วันนี้คุณมีโอกาสได้พบคนที่ใช่ และพร้อมจะหยุดตรงนี้ที่เธอ

สุขภาพ  :  ก็ยังต้องระวังเรื่องการขับถ่ายอยู่ นอกจากนั้นวันนี้ยังมีความเสี่ยงที่จะได้รับอันตรายจากของมีคม และความร้อน เปลวไฟอีกด้วย ก็อย่าประมาท

 

ผู้ที่เกิดวันจันทร์

การงาน  :  สำหรับผู้ที่มีตำแหน่งหน้าที่การงานอยู่ในระดับสูง ไม่ว่าจะภาครัฐ เอกชน รัฐวิสาหกิจ หรือภาคธุรกิจ มีโอกาสที่คุณจะได้ทำธุรกิจส่วนตัว เช่น เปิดร้านอาหาร ร้านกาแฟ โฮมออฟฟิศทำงานอิสระ หรือได้พบช่องทางทำมาหากินใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นนักเขียน นักทดลอง นักวิทยาศาสตร์ ที่กำลังอดหลับอดนอนอยู่กับการสร้างงานใหม่ๆ วันนี้ถึงเวลาที่คุณจะหายเหนื่อย ได้ชื่นชมกับผลงานและความสำเร็จเสียที

การเงิน :  มีโชค หาเงินคล่อง วันนี้ไม่ว่าจะจับอะไรก็เป็นเงินเป็นทองไปหมด แต่ในช่วงแรกคุณอาจต้องออกเงินทำงานไปก่อน เดี๋ยวพอขายงานได้ก็จะมีทั้งเงินและชื่อเสียงหลั่งไหลเข้ามา

ความรัก :  แม้คุณจะประสบความสำเร็จสูงสุด ทั้งตำแหน่งหน้าที่การงาน และการเป็นแม่บ้านแม่เรือน แต่วันนี้สิ่งที่คุณต้องยอมรับคือ สมาชิกในครอบครัวของคุณมีพื้นที่ส่วนตัวหมดจนกลายเป็นห่างเหิน ซึ่งหากปล่อยไว้ในสภาพนี้นานๆ มีโอกาสจะต่อกันไม่ติด คนโสด  คุณมีทั้งภาวะผู้นำในงานนอกบ้าน และเป็นแม่ศรีเรือน แต่ขณะเดียวกันคุณก็มีโลกส่วนตัวสูง จึงมีโอกาสที่คุณจะเป็นโสดอยู่

สุขภาพ  : โรคภัยไข้เจ็บวันนี้มาจากสาเหตุเดียวเลยคือ โหมงานหนักจนไม่ได้พักผ่อน มีโอกาสที่จะเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับทางเดินหายใจ หลอดเลือด และหัวใจ

 

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน :  สำหรับผู้ที่ทำงานหรือเกี่ยวข้องกับสายการศึกษา เช่น ครูบาอาจารย์ นักวิชาการ นักค้นคว้า วิจัย ฯลฯ  มีโอกาสที่คุณจะใช้ความรู้ ความสามารถของตัวเองเปิดธุรกิจส่วนตัว หรือรับงานอิสระ มีความเป็นไปได้ที่จะได้พบและร่วมงานกับทีมงานที่ดี มีความรู้ระดับปรมาจารย์ ซึ่งวันนี้คุณมีความเป็นศิลปินอยู่ในตัว ยิ่งหากได้ทำงานที่เกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์ งานศิลปะที่ต้องใช้มุมมองในเรื่องของความสวยงาม หรืองานออกแบบดีไซน์ จะทำให้คุณประสบความสำเร็จ

การเงิน :  จะได้เงินจากการมีทีมงานและผู้บังคับบัญชาที่ดี เรียกว่าจับอะไรก็เป็นเงินเป็นทองไปหมด แต่วันนี้คุณก็จะใช้จ่ายอย่างเพลิดเพลินเช่นกัน

ความรัก : ที่ผ่านมาหากคุณแต่งงานกันเพราะผู้ใหญ่เห็นดีเห็นงาม ก็เรียกว่าคุณเป็นสะใภ้ที่โชคดีที่ได้อยู่กับครอบครัวที่ดูแลเอาใจใส่คุณอย่างดี มีความสุข คนโสด  หากที่ผ่านมาผู้ใหญ่เคยนัดเดทให้คุณ แต่ไม่เคยประสบความสำเร็จเลย วันนี้มีโอกาสที่คุณจะหลุดพ้นจากภาวะนั้น ได้มองหาความรักอย่างที่ตัวเองต้องการเสียที

สุขภาพ :  มีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคทางช่องปากและระบบทางเดินหายใจ ซึ่งจะเป็นปัญหาลุกลามไปถึงระบบย่อยอาหาร

 

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน :  สำหรับผู้ที่ทำงานหรือเกี่ยวข้องกับงานที่มีขั้นตอนและพิธีการที่เป็นระบบระเบียบ เช่น งานในหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ การเงินการธนาคาร ฯลฯ หากวันนี้คุณทำงานเกี่ยวข้องกับการติดต่อประสานงาน การโฆษณา ประชาสัมพันธ์ สื่อมวลชน หรืองานที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญทางด้านภาษา ก็อาจต้องเตรียมใจไว้หน่อย เพราะมีความเป็นไปได้ว่าจะได้ข่าวเซอร์ไพร์ส ซึ่งมีผลกระทบกับงานของคุณ แม้จะไม่ชอบการโยกย้ายเปลี่ยนแปลงงาน แต่ก็มีความเสี่ยงที่คุณจะต้องหาทางออกให้กับตัวเองอย่างรีบด่วนที่สุด

การเงิน :  หากวันนี้คนใกล้ชิดหรือคนรักมาขอความช่วยเหลือในเรื่องการลงทุน หรือทำธุรกรรม โดยใช้คำพูดที่มีหลักการและเหตุผล ต้องหนักแน่น เพราะมีโอกาสที่คุณจะตกเป็นเหยื่อให้เขาฉกฉวยผลประโยชน์

ความรัก :  คุณกำลังอยู่ในช่วงรักและหลงคู่คุณอย่างชนิดตัวแทบจะไม่ห่างกันเลย หากที่ผ่านมาคุณเคยล้มเหลวในชีวิตคู่มาแล้ว ก็มีโอกาสที่วันนี้คุณได้พบคนที่อยู่กันอย่างมีความสุข คนโสด คุณกำลังแอบรักใครอยู่หรือเปล่าคะ ก็อย่าหลงเขาง่ายนักล่ะ เพราะจะมีโอกาสถูกหลอกได้ง่ายมาก ถึงอย่างไรคุณก็ไม่เข็ดกับการมีแฟน

สุขภาพ :  เดินดีๆ  วันนี้มีความเสี่ยงที่คุณจะก้าวพลาดตกจากขั้นบันได ตกจากขอบฟุตบาท หรือตกจากส้นสูงจนข้อเท้าพลิกข้อเท้าแพลง หากในกรณีรุนแรงจะถึงกับเส้นเอ็นอักเสบ หรือกล้ามเนื้อขามีความผิดปกติ

 

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี

การงาน  :  ก็ยังเหนื่อยใจอยู่นะคะ แต่วันนี้จะมีสาเหตุจากอีโก้และความเชื่อมั่นในตัวคุณที่ไม่เปิดใจยอมรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นเลย ยิ่งหากวันนี้คุณจะต้องใช้ความรู้ ความสามารถ และทักษะเฉพาะตัวที่เก่งขั้นเทพของคุณเพื่อริเริ่มงานใหม่ หรือโยกย้ายไปอยู่ในหน่วยงานที่มีความมั่นคงขึ้น จึงมีโอกาสที่จะเกิดการขัดแย้งกันสูงมาก จนงานสะดุดหยุดลงกลางคัน ซึ่งคุณจะถูกรุมกระหน่ำซ้ำเติมอีกด้วย ทางที่ดีควรเปิดใจรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง

การเงิน : จากที่เคยร้อนเงินจนต้องเร่งหาเงินในทุกวิถีทาง วันนี้ด้วยความสามารถในการบริหารจัดการการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้คุณสามารถกู้วิกฤติกลับคืนมาได้ แต่ก็มีโอกาสที่จะถูกญาติสนิทมิตรสหายยืมเงิน แต่ก็เพียงระยะเวลาสั้นๆ เดี๋ยวเขาก็คืน

ความรัก : ก็ยังคงมีปากเสียงกันอยู่ มีความเป็นไปได้ว่า วันนี้จะเป็นเรื่องบุคคลที่สามที่เข้ามาในฐานะที่ปรึกษาในเรื่องงาน แต่สุดท้ายแล้วมีความเสี่ยงที่จะถูกเข้าใจผิดกันได้ คนโสด  หากคุณกำลังตกเป็นรักที่ซ่อนเร้นไม่เปิดเผยของเพื่อนร่วมงาน ด้วยความเจ้าชู้ที่วันนี้คุณก็ยังไม่หยุดที่เธอ

สุขภาพ :  มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคระบบย่อยอาหาร ต่อมทอนซิลอักเสบ หรือหลอดลมอักเสบ เป็นต้น

 

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน :  สำหรับผู้ที่ทำงานหรือเกี่ยวข้องกับการติดต่อประสานงาน การบริหารจัดการ และการให้บริการคำปรึกษาแนะนำในด้านต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณต้องทำงานที่ใช้คำพูดหรือความสามารถทางวาทศิลป์ เช่น โฆษณาประชาสัมพันธ์ งานส่งเสริมการขายทุกประเภท มีความเป็นไปได้ที่คุณจะได้เข้าไปข้องเกี่ยวหรือติดต่องานกับหน่วยงานราชการ งานวิสาหกิจ หรืองานที่มีรูปแบบขั้นตอนเป็นระบบระเบียบ ก็ต้องบอกว่า วันนี้ไม่ควรกล้าได้กล้าเสียจนไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นเลย เพราะมีความเสี่ยงจากที่จะประสบความสำเร็จอาจพลิกล็อคได้

การเงิน :  วันนี้คุณสามารถหาเงินได้จากหลากหลายทาง รวมถึงการลงทุน จึงทำให้คุณใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือย โดยเฉพาะซื้อเครื่องประดับหรือความสุขส่วนตัว แต่ก็ไม่ควรหลงเชื่อคำพูดที่มีหลักการและเหตุผล เพราะเสี่ยงที่คุณจะถูกหลอก ถูกโกง หรือถูกย้อมแมวขายได้ง่ายๆ

ความรัก :  วันนี้คุณค่อนข้างเอาแต่ใจตัวเอง หากอยากอยู่คนเดียว ใครก็เข้าไปยุ่งกับคุณไม่ได้ แต่หากคุณต้องการใช้เวลาอยู่กับคู่ คู่คุณก็ห้ามไปไหนไกล ไม่อย่างนั้นมีเคือง  คนโสด กำลังแอบรักใครอยู่หรือเปล่าคะ ซึ่งตอนนี้คุณจะอ่อนไหวโรแมนติก ชอบใช้เวลาอยู่กับคนรักนานๆ แต่หากอยู่ห่างกันก็จะหงุดหงิด

สุขภาพ :  มีความเสี่ยงที่โรคต่างๆ ที่เก็บงำมานานจะแสดงอาการ โดยไม่มีอาการหรือลางบอกเหตุใดๆ ทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคหัวใจ และโรคที่เกี่ยวข้องกับหัวใจทุกประเภท นอกจากนั้นคุณจะมีอาการปวดหลังร่วมด้วย

 

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน : สำหรับผู้ที่ทำงานอยู่ในหน้าที่การงานตำแหน่งสูง ทั้งในหน่วยงานราชการ ภาคเอกชน หรือภาคธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานที่เกี่ยวกับสาธารณประโยชน์ สาธารณกุศล มูลนิธิ นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ ฯลฯ แม้คุณจะตั้งใจและขยันทำงานมาโดยตลอด แต่ด้วยความที่คุณมีไอเดียเป็นของตัวเองมากจนยากที่จะร่วมงานกับผู้อื่นได้อย่างราบรื่น ทางที่ดีวันนี้คุณควรทำงานเป็นของตัวเอง หรือทำธุรกิจของตัวเองเลยจะดีกว่า สบายใจกว่า

การเงิน :  คุณใช้ความสามารถหารายได้ให้กับตัวเองอย่างมั่นคง แต่วันนี้ส่วนใหญ่คุณจะหมดไปกับการบริจาค การทำบุญ ให้ทาน ช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนจนตัวเองเดือดร้อน

ความรัก : ชีวิตครอบครัวคุณก็ราบรื่นและราบเรียบดี คู่คุณก็มีหน้าที่การงานดีและส่งเสริมหน้าที่การงานของคุณมาโดยตลอด แต่วันนี้คุณมีความคิดเห็นเป็นของตัวเองมากไปหน่อย ชอบที่จะแลกเปลี่ยนกับโซเชียลมากกว่า คนโสด คุณกำลังหลงเสน่ห์ผู้บริหารหนุ่มไฟแรงอยู่หรือเปล่า ซึ่งจริงๆ แล้วคุณอาจชอบแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเขามากกว่าจะคบกันจริงจังก็ได้

สุขภาพ : มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคที่เกี่ยวกับระบบเลือดและต่อมน้ำเหลืองต่างๆ ซึ่งจะเป็นสาเหตุให้เกิดโรคเบาหวาน และโรคที่เกี่ยวกับความผิดปกติของเม็ดเลือด

 

 

ครอบครัวปฐวีกานต์

ละมุนยกบ้าน! “พ่อมอส-แม่เกม-โสน-สวรรค์” ใครเป็นยังไงในครอบครัวปฐวีกานต์

Alternative Textaccount_circle
ครอบครัวปฐวีกานต์
ครอบครัวปฐวีกานต์

เปิดความละมุนของครอบครัวปฐวีกานต์ จากปาก เกม ดวงพร ปฐวีกานต์ ภรรยาคนสวยของ มอส ปฏิภาณ และคุณแม่ของน้องโสน (สิสราญ 9 ขวบ) น้องสวรรค์ (ธานธาดา 6 ขวบ) วัยกำลังน่ารัก ทว่าคาแร็คเตอร์ต่างกันคนละขั้ว คนพี่ออกนิ่ง เท่ คนน้องตลก แสนซน ทำให้คุณแม่ต้องแปลงร่างกลายเป็นซูเปอร์มัม

ละมุนยกบ้าน! “พ่อมอส-แม่เกม-โสน-สวรรค์” ใครเป็นยังไงในครอบครัวปฐวีกานต์

เล่าให้ฟังหน่อยค่ะว่าเรื่องความซนหรือความปวดหัวของคุณแม่ลูกสองตอนนี้อยู่ระดับไหน

“ต้องบอกก่อนว่าคาแร็คเตอร์ของ ‘โสน’ และ ‘สวรรค์’ ไม่เหมือนกันเลย โสนเรียนเกรด 4 ที่โรงเรียน ISB เขาจะนิ่งๆ เงียบๆ ชอบสังเกตการณ์ ไม่เหวี่ยงวีน ถ้ามีอะไรที่รู้สึกไม่โอเค เขาจะแสดงออกแบบอื่นแทน ส่วนสวรรค์เรียนเกรด 1 ที่โรงเรียนเดียวกัน คนนี้ใจร้อน คิดอะไรก็แสดงออกแบบนั้น ซึ่งพอเราเลี้ยงลูกมาสักพักจะเริ่มรู้ว่าต้องปฏิบัติหรือมีวิธีพูดกับลูกแต่ละคนไม่เหมือนกัน เช่น ถ้ามีสิ่งที่โสนต้องทำจริงจัง ถึงแม้ตอนนี้จะไม่ใช่เวลาที่เขาอยากทำ หรือไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากทำ พอเราใช้น้ำเสียงจริงจังกึ่งๆ ดุ เขาก็จะสามารถทำได้ แต่ถ้าใช้น้ำเสียงแบบนั้นกับสวรรค์ เขาจะต่อต้าน ต้องใช้คำพูดในเชิงตะล่อม จึงจะชักจูงให้ทำสิ่งที่เราต้องการให้เขาทำ ณ เวลานั้นได้ เพราะฉะนั้นพ่อแม่ต้องทำการบ้านถึงวิธีปฏิบัติกับลูกแต่ละคนด้วย”

ระหว่างแม่เกมกับพ่อมอส ใครดุกว่าคะ

“พี่มอสจะบ่นเวลาลูกทำอะไรขัดใจหรือไม่ถูกต้อง ทีนี้ลูกอาจจะฟังบ้างไม่ฟังบ้าง เพราะว่าเขาพูดเยอะ ส่วนแม่ค่อนข้างดุ แต่ก็พยายามเข้าใจและหาวิธีตกลงกับลูกแต่ละคน ถ้าเขาเริ่มทำอะไรที่ไม่โอเค แม่จะดุมาก อันนี้ถามลูกได้เลย”

ครอบครัวปฐวีกานต์

คุณแม่ดุไหมคะ (ถามน้องโสน – น้องสวรรค์)

ด้วยความเขิน ทั้งสองคนพยักหน้าแทนคำตอบ จนคุณแม่ต้องตอบแทนว่า “เขาบอกว่าเดี๋ยวแม่ก็ใจดี เดี๋ยวก็ดุ” (หัวเราะ)

เรื่องไหนที่คุณแม่ซีเรียสเป็นพิเศษจนถึงขั้นต้องดุคะ

“เรื่องวินัยค่ะ โดยเฉพาะสิ่งที่เป็นหน้าที่ อย่างช่วงที่ต้องเรียนออนไลน์ พ่อแม่ต้องสู้รบกับลูกหนักมาก เพราะตารางเวลาเปลี่ยนหมด ก่อนหน้านี้เราเคร่งครัดกับตารางเวลาว่าเขาต้องตื่นนอน กินนม กินข้าว นอนเวลานี้ ประมาณว่า 2 ทุ่มต้องหลับแล้ว แต่พอเรียนออนไลน์ ตารางเวลาเปลี่ยน ลูกเริ่มนอนดึก ตื่นสาย ตื่นมาก็เรียนออนไลน์ ไม่ต้องแต่งตัว กินข้าวตามสบาย เป็นแบบนี้มาครึ่งปีแล้ว และน่าจะเป็นความทรมานของทุกบ้านที่คุมตารางเวลาไม่ได้ เพราะที่จริงแม่ไม่ได้ว่างตลอด แต่ต้องตามประกบลูก

“ทำให้ต้องตั้งกฎสิ่งที่ต้องทำขึ้นมา เช่น ตื่นมาต้องแปรงฟัน อาบน้ำ กินข้าวให้จบ แล้วเขาจะสามารถทำอะไรก็ได้ก่อนถึงเวลาเรียน หรือถ้าเขาไม่ทำ เช่น ถึงเวลากินข้าวแล้วเขาบอกไม่หิว ก็จะมีให้เลือก 2 ทาง คือไม่ต้องกินอะไรจนถึงเย็น ขนมก็ห้ามกินระหว่างวัน ไม่หิวก็ไม่ต้องกินเลย กับเดินมากินซะดีๆ จะกินมากน้อยก็ได้ ขอให้กินให้จบ แล้วจะไปทำอะไรก็ไปทำ

“แต่บางเรื่องเกมก็สบายๆ ยอมให้ต่อรองได้บ้าง สมมติว่าเขาว่างแล้วทำทุกอย่างเสร็จครบถ้วน อยากขอดูจอคอมพิวเตอร์เพิ่มอีกหน่อย โอเค หรือที่จริงก็กินข้าวเยอะแล้ว แต่หลังจากนั้นอยากกินขนมนมเนยช่วงบ่าย ก็กินได้ ไม่บ่น ไม่ว่า จะทำอะไรเชิญตามสบาย”

ครอบครัวปฐวีกานต์

ก่อนหน้านี้เคยเห็นในไอจีคุณแม่คือน้องโสนไม่ค่อยพูด แต่เต้นเก่งมาก กับล่าสุดเห็นคุยมากขึ้นแล้วนะคะ

“ค่ะ สมัยก่อนโสนขี้อาย ไม่ชอบแสดงออก ค่อนข้างเก็บอารมณ์ ไม่อยากให้ใครรู้ว่าคิดอะไร แต่ช่วงหลังดีขึ้นเยอะ อาจเพราะเริ่มโตขึ้นด้วย คือเดี๋ยวนี้ถ้าไปเรียนเต้นแล้วต้องเต้นให้เพื่อนดู เขาสามารถทำได้ ไม่มีปัญหา อย่างเพื่อนๆ ที่โรงเรียนจะชอบโชว์เต้น โชว์ร้องเพลง ซึ่งโสนจะมีเพื่อนที่ชอบแนวเดียวกัน เป็นบัดดี้ชวนกันไปทำเรื่องพวกนี้ตลอด คนเป็นพ่อแม่เห็นแล้วต้องสนับสนุน จึงให้เขาไปเรียนเต้นที่รัชดาลัยตั้งแต่เจ็ดขวบ เปิดโอกาสให้ลองทำ เขาจะได้รู้ว่าชอบไหม

“อีกอย่างคือโสนอ่านหนังสือเองได้แล้ว ส่วนสวรรค์ เกมจะอ่านให้ฟัง เสร็จแล้วเราสามคนก็คุยกันว่าวันนี้มีเรื่องที่ชอบหรือไม่ชอบอะไรบ้าง มีเรื่องสุขใจหรือเศร้าใจไหม เพื่อให้เขาปลดปล่อยสิ่งที่เขารู้สึกตอนนั้น แต่อาจจะไม่ได้บอกใครออกมา ช่วงแรกโสนไม่ค่อยเล่า เกมจึงเริ่มด้วยการเล่าให้ลูกฟังก่อนว่า วันนี้หม่าม้าไปทำสิ่งนั้นมานะ หม่าม้าไม่ชอบเลย รู้สึกหงุดหงิด หรือว่าเจออันนี้มา รู้สึกชอบมาก ความที่สวรรค์ช่างเจรจา ช่างพูดช่างคุยอยู่แล้ว เขาก็จะเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ พอทำอย่างนี้ได้สัก 2-3 วัน โสนก็เริ่มมีเรื่องเล่าบ้าง ตอนแรกอาจเป็นเรื่องสั้นๆ ก่อนจะเริ่มยาวขึ้น เล่าได้เป็นฉากๆ เกมรู้สึกว่าเป็นสัญญาณที่ดี คงทำเป็นกิจวัตรต่อไปเรื่อยๆ”

ค่อนข้างกังวลว่าน้องโสนจะเก็บตัวใช่ไหมคะ

“ใช่ค่ะ เพียงแต่ตอนเขาเด็กเราไม่ค่อยกลัว เพราะเรายังอยู่ใกล้กันตลอด ที่กลัวคือพอเขาโตเป็นวัยรุ่นแล้วจะไม่พูดกับเรา เลิกปรึกษาแม่แล้วไปปรึกษาเพื่อนแทน เพราะฉะนั้นจึงต้องหาวิธีทำให้เขาสบายใจที่จะพูดกับเรา แต่ก็เข้าใจวัยรุ่นนะ บางทีเขาจะคิดถึงตัวเองเป็นหลัก อย่างบ้านเกมเองพ่อแม่ดุมาก ทำให้ไม่กล้าพูดกล้าบอกอะไร ทั้งที่เราไม่ได้ทำผิดมากมาย เกมไม่อยากให้ลูกรู้สึกแบบนั้น”

ครอบครัวปฐวีกานต์

กับคุณพ่อล่ะคะ เขาคุยให้ฟังหรือเปล่า

“กับพ่อ ลูกเล่นด้วยอย่างเดียวเลยค่ะ ทั้งที่จริงพ่อเข้มงวดมาก แต่ความที่เขาบ่นเรื่อยๆ กลายเป็นว่าพ่อไม่สามารถคอนโทรลลูกได้ คือเวลาเขาเล่นด้วยกัน ทุกคนจะฟรีสไตล์ สนุกสนาน อย่างโสนชอบไปไดรฟ์กอล์ฟหรือว่ายน้ำกับพ่อมาก แต่พอพ่อจะต้องเข้มงวดให้เขาทำอะไรสักอย่าง กลายเป็นว่าเอาไม่อยู่ เพราะลูกไม่กลัวพ่อเลย”

พี่โสนช่วยดูแลน้องสวรรค์ไหมคะ

“แม้เขาจะดูเฉยๆ ไม่แสดงออกมากมาย แต่ช่วยดูแลน้องดีค่ะ เรียกว่าน้องสามารถเรียกให้พี่ช่วยได้ทุกอย่าง ‘เจ้ช่วยนั่นหน่อย ช่วยนี่หน่อย’ ซึ่งโสนจะช่วยตลอด ด้วยนิสัยเขาที่มีความเป็นผู้ใหญ่อยู่แล้ว แต่สวรรค์จะเป็นสไตล์หวันๆ อย่างเข้าไปจุ๊บเจ้ก่อน ก็อาจจะถูกผลักออกมา ตามด้วยทะเลาะกันบ้าง เช่น เจ้เล่น TikTok อยู่ สวรรค์อยากดูด้วย แต่เจ้ปฏิเสธ เขาก็เดินมาบอกว่า เจ้ไม่แชร์เลย เหตุผลของโสนคือ No Screen Time คือตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาของสวรรค์ สุดท้ายแม่ต้องบอกว่านี่ไม่ใช่เวลา Screen Time ของสวรรค์จริงๆ นะ ก็อดเล่นไปตามระเบียบ

“เพราะปกติเราให้เวลาเขาดูจอได้วันละไม่เกิน 1 ชั่วโมง แต่เนื่องจากอยู่บ้านตลอดเวลา และเรียนออนไลน์อีก จึงควบคุมเวลาได้ยากอย่างที่บอก เพราะเขาจะมีจออยู่ในมือตลอดเวลา เรียนเสร็จอาจขอเล่นหน้าจอต่ออีกหน่อย ซึ่งการขอต่อเวลา แม้จะเป็นเล่นเกมวิชาการที่มีประโยชน์กับเขา ดูแล้วโอเค แต่โดยส่วนตัวเกมคิดว่าถ้าเรียนจบแล้ว ปิดจอไปเลยดีกว่านะ”

แสดงว่าหลังจากปิดจอแล้ว มีกิจกรรมอื่นให้น้องๆ ทำอีกสิคะ

“ส่วนใหญ่เป็นการออกกำลังกายค่ะ ไม่อยากให้เรียนเยอะ จะมีเรียนพิเศษแค่วิชาเดียวคือภาษาไทย เพราะโรงเรียนอินเตอร์ไม่ค่อยได้ใช้ภาษาไทย ถ้าเป็นเมื่อก่อน หลังเลิกเรียนหรือเสาร์-อาทิตย์จะพาเขาไปเรียนยิมนาสติก พาไปเล่นโน่นเล่นนี่นอกบ้านบ้าง ตอนเย็นออกไปขี่จักรยาน

“แต่ตอนนี้ทำแบบนั้นไม่ได้ทั้งหมด แต่ข้อดีของการอยู่บ้านกันพร้อมหน้าคือออกกำลังกายด้วยกัน เพราะเกมกับพี่มอสซีเรียสเรื่องนี้ เรารู้สึกว่าเด็กๆ ต้องใช้แรงทุกวัน เพื่อระบายความเครียดและทำให้เขากินดี หลับดี ถ้าเขาได้ใช้แรง เขาจะไม่ซึม พอออกไปข้างนอกไม่ได้ ทำอะไรก็ไม่ได้ ก็เลยชวนมาเล่นด้วยกันกับแม่ สังเกตว่า โสนจะค่อนข้างอึดในการใช้ร่างกาย ชวนเล่นโยคะ ฟิตเนส เต้น เขาทำได้หมด ส่วนสวรรค์จะขี้เกียจหน่อยๆ แล้วแต่อารมณ์ ถ้าวันไหนอารมณ์ดีก็จะเต้นสัก 3 เพลง”

ครอบครัวปฐวีกานต์

สองคนพี่น้องมีวีรกรรมหรือมุมตลกๆ ไหมคะ

“ถ้าตลกต้องสวรรค์ค่ะ เขาไม่ห่วงสวยเลย สามารถเต้นตลกๆ ทำหน้าตลกได้ โดยเฉพาะเวลาเต้นกับพ่อ เขาชอบทำท่าทางทำหน้าฮาๆ แบบของเขา แล้วพ่อก็จะถ่ายวิดีโอไว้ สวรรค์ชอบมานั่งดูตัวเอง ซึ่งเขาชอบที่ตัวเองทำอะไรแบบนั้นด้วยนะ ส่วนโสนเหมือนแม่ คือจริงจัง ไม่ค่อยปล่อยให้ตัวเองทำอะไรแปลกๆ หรือตลกๆ

“เคยมีบางครั้งที่ลูกสองคนแท็กทีมกันแกล้งพ่อ เห็นพ่อนอนอยู่ก็กระโดดใส่เลย หรือแอบหยิบโทรศัพท์พ่อไปซ่อน เพราะบางทีพ่อคุยโทรศัพท์เยอะ เลยเอาไปซ่อนซะงั้น”

พี่น้องเคยทะเลาะกันแรงๆ บ้างไหม

“ไม่เคยค่ะ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเล็กน้อย เช่น เจ้ไม่แบ่งอันนี้ให้หวัน แต่หวันก็ไม่แบ่งอันนั้นให้เจ้ไง จะเป็นประมาณนี้มากกว่า ซึ่งตอนหลังแม่จะไม่เคลียร์ให้ ‘มาบอกหม่าม้าทำไม ยูไปหาวิธีพูดกับเจ้สิ’ หรือไม่เราก็จะบอกเขาว่า ‘มีวิธีพูดอะไรหรือเปล่าที่จะทำให้เจ้อยากให้หวันเอง ไม่ต้องมาบอกหม่าม้าเลย ไปจัดการกันเอง’ เพราะเขาเคลียร์กันได้ทุกครั้ง รับประกัน 100 เปอร์เซ็นต์ คุยเหมือนเถียงกันแป๊บเดียว เดี๋ยวก็มาเล่นกันเหมือนเดิม แม่ไม่ต้องไปช่วยเขาตัดสินว่าใครผิดใครถูก ยกเว้นว่าถ้ามีการตีกัน ซึ่งยังไม่เคยเกิดขึ้น ถ้าเจอแบบนั้น แม่คงต้องไปห้ามว่าให้หยุดก่อน แต่ยังไม่มี แม่เลยไม่ต้องยุ่ง”

เห็นในไอจีคุณแม่ ดูเหมือนน้องสวรรค์ค่อนข้างขี้อ้อน

“มาก (ลากเสียงยาว) จู่ๆ ก็เดินมาจุ๊บแล้วบอก ‘I love you’ ตลอดตามอารมณ์เขา พอเขามากอดเรา เราก็กอดกลับ ซึ่งเป็นคนละขั้วกับโสนที่จะไม่เริ่มก่อน เราต้องใช้วิธีเข้าหาเขาแทน นานๆ ทีจึงจะเข้ามากอดเราบ้าง”

เขาเคยอ้อนคุณแม่เวลาอยากได้ของไหม

“บ้านนี้ถือว่าน้อยค่ะ สมมติว่าไปเดินห้างด้วยกัน แล้วเราเห็นว่าเขาอยากได้อะไร ก็จะไม่ทะเลาะกับลูกหรอก แต่จะดูสิ่งที่ให้ประโยชน์จริงๆ เช่น อยากได้เลโก้ ถ้าไม่แพงเกินไป เขานำกลับมาต่อเล่นกันที่บ้าน ถ้าให้ได้ก็ให้เลย แต่ถ้าเป็นรถเด็กเล่นคันใหญ่ที่ขับได้จริง เกมไม่ให้ เพราะดูแล้วว่าซื้อมาขับ ไม่กี่ครั้งก็คงทิ้ง ทั้งที่ราคาบางคันเป็นหมื่น แต่ถ้าเขาอยากได้เซิร์ฟสเกตเพื่อออกกำลังกาย อันนี้ยินดีซื้อ จะพยายามไม่ปฏิเสธสิ่งที่สามารถให้ได้ โดยมีข้อจำกัดคือ ถ้าเป็นของที่ไม่มีประโยชน์ แพงเกินไปหรือเกินตัว ก็จะไม่ให้

“แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขาขออย่างไร พ่อกับแม่ก็ต้องปฏิเสธ คืออยากเลี้ยงแมว หมา อยากได้ไก่ ฯลฯ ยังไงก็ไม่ได้ เพราะโสนเป็นภูมิแพ้ พอเขาไปเล่นกับลูกหมาลูกแมวจะคันทันที ก่อนหน้านี้ยอมให้เขาเลี้ยงหนูแฮมสเตอร์แล้ว 1 ตัว เพราะขนไม่ร่วง เลี้ยงง่าย มันสามารถอยู่เองได้ และทั้งสองคนมีหน้าที่ล้างกรงให้สัปดาห์ละครั้ง บวกกับการเลี้ยงสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะหมาต้องการการดูแลมาก มีช่วงหนึ่งที่สวรรค์อยากได้นกมาก เราก็บอกเขาว่านกไม่ได้เลี้ยงง่ายอย่างแฮมสเตอร์นะ ที่สุดต้องตั้งกติกาว่าเขาจะไม่ได้สัตว์เลี้ยงจนกว่าจะอายุครบ 13 ปี และถ้าเขาอายุ 13 ปีแล้ว แต่ยังไม่มีความรับผิดชอบมากพอ ก็ยังคงเลี้ยงไม่ได้อีก”

ครอบครัวปฐวีกานต์

ถ้าขอคุณพ่อ มีโอกาสได้มากกว่าหรือเปล่า

“เรื่องนี้พ่อยากกว่าแม่เยอะเลยค่ะ เวลาซื้อของให้ลูก พ่อจะคิดเยอะกว่า”

ปีที่แล้วเห็นน้องโสนทำเครื่องดื่มขายในหมู่บ้านด้วย ไอเดีย ใครคะ

“ช่วยกันค่ะ เหตุจากปีที่แล้วช่วงล็อกดาวน์ ในหมู่บ้านเป็นเด็กที่เรียนโรงเรียนเดียวกัน เด็กเขาเล่นกันเอง มาบ้านนี้ ไปบ้านโน้น ทีนี้เด็กเขาคุยกันว่า ในเมื่อทุกคนออกไปไหนไม่ได้ น่าจะหากิจกรรมที่มีประโยชน์ทำ ทุกวันเสาร์ตอนเย็นต่างคนต่างหาของไปขายคนละอย่าง บางคนอบคุกกี้ บางคนอบขนมปัง บางคนทำน้ำส้มขาย เราก็ไปสมทบกับเขา ทำโอวัลตินขาย แต่ตอนเขาทำ เราก็สอนให้รู้ว่าซื้อของราคาเท่านี้ มีค่าแรงที่เราต้องมานั่งชงเครื่องดื่ม ซึ่งเราต้องไปยืนขายอากาศร้อนๆ ได้เงินกลับมาเท่าไร หักต้นทุนคืนหม่าม้า กำไรเหลือเท่าไหร่เขาก็เก็บไป เขาจะได้รู้ว่าขายได้หนึ่งพันบาท ไม่ใช่ว่าเขาได้ทั้งหมด แต่ต้องมีเงินลงทุนและได้กำไรกลับมา เด็กๆ จะได้รู้”

ช่วงที่ไปเที่ยวกันสามคนแม่-ลูกโดยไม่มีคุณพ่อ เคยมีโมเมนต์ของการดูแลตัวเองหรือแต่งตัวตามประสาผู้หญิงบ้างไหม

“เราจะเล่นแต่งหน้ากัน ยิ่งถ้ามีร้านเครื่องสำอางเด็กส่งมาให้นะ โอ้โฮ…ก็ต้องให้เล่นสักพักหนึ่ง หลังจากนั้นแทบต้องเอาไปซ่อน เพราะแต่งหน้ากันทั้งวัน ว่างๆ ก็เอายาทาเล็บมานั่งทา อวดสติ๊กเกอร์ติดเล็บ พอทาเสร็จ อวดจินตนาการกันเสร็จ ชั่วโมงสองชั่วโมงก็แกะหรือล้างออก แล้วทาใหม่ ทาแล้วแกะๆ ประมาณว่าเป็นงานอดิเรกเชิงศิลปะ

“ส่วนเรื่องแต่งตัว สวรรค์เป็นมาก ถึงขั้นเลือกเสื้อผ้าไว้ตั้งแต่ตอนกลางคืน ถ้าตื่นมาแล้วมีอะไรเปลี่ยนแปลง เขาจะหงุดหงิดทันที หรือเกมค่อนข้างดูแลผิวตัวเองมาตลอด จึงชอบสอนให้เขาทาครีมเองทุกวัน ซึ่งต่างจากโสน ถ้าวันไหนรีบหรือขี้เกียจ เขาจะไม่ทาครีม แต่สวรรค์ขาดไม่ได้แม้แต่อย่างเดียว เพราะเขาช่างแต่งตัว ชอบเลือกชุด เราสอนเขาตั้งแต่เล็กว่าให้ดูแลผิว จริงๆ โสนควรต้องดูแลผิวมากกว่าสวรรค์ เพราะผิวโสนเป็นภูมิแพ้คล้ายๆ พี่มอส คือจู่ๆ ก็เป็นวงแดงๆ อย่างตอนนี้โสนเริ่มมีกระขึ้นหน้าเพราะแพ้แดด ถ้าไปตากแดดที่ทะเล 2-3 วัน กลับมาหน้าจะด่าง จึงซีเรียสว่าเขาต้องดูแลผิว แต่ปรากฏว่าถ้าแม่ไม่ทำให้ เขาก็จะไม่ทำ ประมาณนี้”

ครอบครัวปฐวีกานต์

ในเมื่อสองคนมีความต่างกันแบบนี้ คุณแม่มองภาพอนาคตของพวกเขาไว้อย่างไรคะ

“ความจริงคือเกมไม่ได้คาดหวังเลยว่าลูกต้องทำอาชีพอะไร แต่เท่าที่สังเกตตอนนี้คือโสนจะไปในทางศิลปินมากกว่า แต่ก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และความขวนขวายของเขาด้วยว่าเขาจะทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหน เราไม่ได้ผลักดันอะไร ให้เป็นไปตามธรรมชาติ ส่วนสวรรค์ยังมองไม่ออก แต่เขามีความเป็นผู้นำสูง คือเวลาเล่นกับเพื่อน เขาจะเป็นผู้นำกลุ่ม คอยสร้างเกมว่าเล่นแบบนั้นแบบนี้กันเถอะ อาจเพราะเขาไม่เล่นตามคนอื่น จึงต้องคิดเกมมาเล่นเอง เพราะฉะนั้นไม่ว่าเขาทั้งสองคนจะทำอะไร ก็ขอให้ไปในแนวทางที่เขาถนัดแล้วกัน ซึ่งเรายินดีสนับสนุนเขา”

แล้วพ่อมอสอยากให้น้องๆ เข้าวงการบันเทิงไหมคะ

“ไม่เคยเลยค่ะ ไม่ผลักดันด้วย แล้วแต่ลูก ซึ่งโสนยังไม่ได้มีคาแร็คเตอร์ชัดมาก ถ้าเขาอยากทำอะไรสักอย่าง เราก็อยากให้เขาแน่ใจ ไม่อยากบังคับหรือผลักดันอะไรทั้งสิ้น เพราะไม่เป็นผลดีกับใคร ให้เขาทำในสิ่งที่ชอบดีกว่าทำในสิ่งที่เขาไม่พร้อม ซึ่งจะกลายเป็นประสบการณ์เลวร้ายไปแทน”

ครอบครัวปฐวีกานต์

คุณแม่มีคำสอนที่ใช้ปลูกฝังเด็กๆ ไหมคะ

“ไม่ได้มีคำสอนอะไรเป็นพิเศษค่ะ ส่วนใหญ่จะสอนเขาเรื่องระเบียบวินัยเป็นหลัก เพราะเรามองว่าเด็กวัยนี้เราต้องเข้าใจเขา และให้เขาเข้าใจความรู้สึกตัวเอง เพราะฉะนั้นถ้าจะสอนหรือดุ เราจะดูคาแร็คเตอร์ของแต่ละคนมากกว่า เช่น เรามักพูดเน้นย้ำกับสวรรค์บ่อยๆ ว่า ‘สวรรค์รู้ไหม คนเราโมโหได้ หม่าม้าก็ขี้โมโหเหมือนกัน แต่เรามีวิธีทำให้หายโมโหเร็วขึ้น รู้ไหมว่าทำยังไง’ สิ่งที่เขาจะได้ยินจากเราเป็นประจำคือ ‘ใจเย็นๆ หายใจเข้า หายใจออก’ เพราะเขาโมโหง่าย อันนี้จะเป็นเรื่องที่สวรรค์ได้ยินบ่อย

“ส่วนโสนเป็นเรื่องของความรู้สึก เพราะเวลาเขารู้สึกติดขัดอะไรมักจะร้องไห้ เราก็จะพยายามสะท้อนความรู้สึกเขา เช่น ‘ตอนนี้หนูรู้สึกอย่างนี้ใช่ไหม ที่รู้สึกอย่างนี้เพราะอะไร’ จะคอยบอกเขาแบบนี้ ไม่ค่อยได้สอนอะไรที่เป็นนามธรรม เพราะรู้ว่าเขายังไม่ค่อยเข้าใจสิ่งเหล่านั้น”

สุดท้ายแล้วน้องๆ มีอะไรอยากบอกคุณแม่ไหมคะ

โสนและสวรรค์ยังคงเขินต่อเนื่อง คุณแม่จึงต้องช่วยตอบแทนว่า “โสนไม่ค่อยบอกอะไรหรอกค่ะ ตามสไตล์เขา อย่างมากก็กอดแล้วหอม แต่สวรรค์แต่งเพลงแล้วร้องให้ฟังทุกคืน ‘You are the best, You are the best, You are the best mom.’ แล้วจุ๊บหนึ่งทีก่อนนอน เขาบอกว่าวันหนึ่งจะแต่งเพลง You are the best mom ให้จบ ก่อนจะย้ำว่า หม่าม้า…I Love You.”


ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 973

ภาพ : @mospatiparn, @gamiegamie

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ซูมชีวิต “มอส – ปฏิภาณ” ในวัยใกล้แตะเลข 5 ทำไมใครๆ ยังเรียกเขาว่า “พี่มอส”

เรื่องราวกว่า 15 ปี ในวงการฟุตบอลของ “มาดามแป้ง” ผู้จัดการทีมชาติไทยคนล่าสุด

เปลี่ยนตัวเอง เปลี่ยนความคิด มุก-พิชานา จากเอ็กซ์ตร้าสู่นางเอกสายบู๊ที่น่าจับตา

มินนี่ ณิชา

เส้นทางสู่ดวงดาวของ “มินนี่ ณิชา” สาวไทยใจสู้แห่งวงเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลี (G)I-DLE

Alternative Textaccount_circle
มินนี่ ณิชา
มินนี่ ณิชา

“มินนี่ ณิชา ยนตรรักษ์” สาวน้อยวัย 23 ปี ที่หลงใหลในเสียงดนตรีมาตั้งแต่เด็ก เธอเริ่มหัดเล่นเปียโนและร้องเพลง เมื่อบวกกับการมี Super Junior เป็นไอดอล ทำให้มินนี่ตกหลุมรักโลกของ K-Pop และมีฝันอยากเป็นนักร้องระดับโลก

มินนี่สานฝันให้ตัวเองด้วยการเข้าไปออดิชั่นกับค่าย Cube Entertainment ของเกาหลีในวัย 17 ปี ก่อนจะยอมทิ้งทุกอย่างที่เมืองไทย เพื่อไปฝึกเป็นเทรนนีอยู่ 3 ปี จนได้เดบิวต์ในฐานะนักร้องของวง (G)I-DLE (หรือ GIRL-I-DOL) เมื่อปี 2018 มีแฟนๆ ติดตามในยูทูบกว่า 3.12 ล้าน มีเพลงยอดฮิตอย่าง Oh my god ที่มียอดวิวกว่า 146 ล้าน ซึ่งความสามารถของมินนี่ไม่ได้หยุดแค่งานเบื้องหน้า งานเบื้องหลังอย่างการแต่งเพลง เธอก็สามารถ

วันนี้มินนี่ก้าวไปอีกขั้นด้วยการเป็นนักแสดงจากซีรี่ส์ So Not Worth It ฉายทาง Netflix เมื่อช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เป็นการการันตีว่าสาวน้อยคนนี้มีความสามารถรอบด้าน ถ้าจะบอกว่าวันนี้ฝันของเธอมาเกินครึ่งทาง (มากๆ) แล้วก็ไม่ผิดนัก

เส้นทางสู่ดวงดาวของ “มินนี่ ณิชา” สาวไทยใจสู้แห่งวงเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลี (G)I-DLE

หนูอยากเป็นนักร้อง

“หนูคลุกคลีกับดนตรีมาตลอด เพราะคุณแม่เล่นเปียโน ทำให้มีโอกาส ได้เรียนร้องเพลงและเล่นเปียโนมาตั้งแต่อนุบาล พอโตขึ้นมาหน่อยก็ได้รู้จักวง Super Junior รู้สึกว่าเขาเท่มาก เก่งทั้งเรื่องร้องเพลงและเล่นเปียโน หนูเคยไปดูคอนเสิร์ต แล้วรู้สึกได้รับพลังงานดี ๆ กลับมาเยอะมาก จึงคิดว่าจะดีสักแค่ไหน ถ้าวันหนึ่ง เราจะได้ยืนบนเวทีมอบความสุขให้คนอื่นเหมือนกับที่เราได้รับ นั่นเป็นจุดที่ทำให้คิด ว่าสักวันหนึ่งจะต้องเป็นนักร้องแบบ Super Junior ให้ได้ อยากไปทัวร์คอนเสิร์ต อยากมีแฟนคลับและมีชื่อเสียงระดับโลก ซึ่งตอนที่หนูไปอยู่เกาหลีมีโอกาสเจอวง Super Junior ด้วย พอรู้ว่าหนูเป็นแฟนคลับ เขาก็ดีใจมากที่เราได้มายืนอยู่ ตรงนี้และมีเขาเป็นไอดอล ต้องบอกว่า Super Junior เป็นกำลังใจสำคัญให้หนู สานฝันไปถึงเกาหลี” (ยิ้ม)

มินนี่ ณิชา

สู้เพื่อฝัน…There’s nothing you can’t do

การมาเป็นเทรนนีที่เกาหลี นอกจากต้องผ่านประสบการณ์โฮมซิกคิดถึงบ้าน แล้ว การฝึกเป็นศิลปินของที่นี่ก็ขึ้นชื่อเรื่องความเนี้ยบและโหดหินพอสมควร

“สมัยเด็กเวลาดูวง Super Junior หรือดาราเกาหลีจะรู้สึกว่าเขาสวยหล่อมาก ร้องและเต้นเพอร์เฟ็กต์ เก่งทุกอย่าง แต่พอเราได้มายืนตรงจุดนี้ จึงรู้ว่ากว่า จะเป็นเอ็มวีที่ฉายเพียง 3 นาทีอย่างที่เห็นนั้น เบื้องหลังต้องใช้ความอดทน ความ พยายาม และใช้เวลามาก กระบวนการทำงานไม่ได้มีแค่ตัวเรา แต่รวมถึงการ ทำงานหนักของทีมงานด้วย

“หลังจากที่ออดิชั่นผ่านและมาเป็นเทรนนีอยู่เกาหลี 3 ปีนั้น ช่วงแรก ยอมรับว่าหนักมาก เพราะทุกอย่างใหม่มาก ทั้งเรื่องภาษาที่สื่อสารกันไม่รู้เรื่อง ต่อมาคือสิ่งแวดล้อม บรรยากาศทุกอย่างไม่ใช่สิ่งที่คุ้นเคย แค่เรื่องอากาศก็ ไม่เหมือนบ้านเราแล้ว ที่สำคัญคือเป็นการห่างบ้านครั้งแรกในชีวิต ขนาดตอนนั้น มินนี่อายุ 17 ถือว่าโตระดับหนึ่งแล้วนะ เพราะมีเพื่อนหลายคนที่ไปเป็นเทรนนี ตั้งแต่อายุ 12 – 13 และเราเรียนโรงเรียนประจำมาตลอด คิดว่าเตรียมตัวที่จะ ใช้ชีวิตตัวคนเดียวมาพอสมควร แต่พอต้องไปอยู่เกาหลีเองคนเดียวจริง ๆ ก็คิดถึง บ้าน คิดถึงพ่อแม่และเพื่อน ๆ มาก 3 เดือนแรกร้องไห้ทุกวัน แม้ในแต่ละปีจะมี ช่วงเวลาได้กลับบ้านสั้น ๆ แต่พอต้องกลับไปอยู่เกาหลีทีไรก็จะโฮมซิก ชีวิตวนลูป อยู่อย่างนี้

“หนักที่สุดคือหนูไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร เพราะการมาเป็นเทรนนี ไม่มีอะไรมาการันตีว่าจะได้เดบิวต์ออกผลงานจริง ๆ ถ้าไม่ได้ไปต่อก็ต้องกลับบ้าน ซึ่งตอนนั้นหนูทิ้งทุกอย่างในเมืองไทยทั้งหมด ยังเรียนไม่จบ ม.6 ด้วยซ้ำ และ ที่จริงคิดไว้ว่าอยากสอบเข้าคณะนิเทศศาสตร์ แต่พอเลือกที่จะคว้าโอกาสตรงนี้ ก็ต้องพับทุกอย่างทิ้งไว้ก่อน

“การเป็นเทรนนีทำให้ต้องเรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่าง ได้เห็นการเปลี่ยนแปลง ตลอดเวลา เช่น มีเพื่อนที่เข้ามาเป็นเทรนนีพร้อมกัน แต่พอเขาไม่ได้ไปต่อ ช่วงแรกเศร้ามาก คิดถึงเพื่อน เหงา เสียใจ อ่อนแอทุกครั้งที่เพื่อนต้องไป แต่ สุดท้ายก็เรียนรู้ที่จะพาตัวเองออกมาจากความรู้สึกตรงนั้นให้เร็วที่สุด และต้อง ยอมรับว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะวันหนึ่งอาจจะเป็นเราเองก็ได้ที่ต้องเดินออกมา

“ขณะเดียวกันทักษะการร้องและเต้นก็พัฒนาขึ้นเยอะเลยค่ะ อย่างเรื่องเต้นนี่ ไม่ถนัดที่สุด ช่วงแรกจึงโดนเรียนคลาสเบสิกคนเดียวครั้งละ 2 ชั่วโมง สัปดาห์ละ 2 – 3 ครั้ง ครูให้ฝึกท่าเบสิก บางทีให้ยืนกางแขนกางขาเฉย ๆ เป็นชั่วโมงเพื่อฝึกบาลานซ์ ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องเริ่มใหม่และยืนอยู่อย่างนั้น ซึ่งช่วงแรกที่เต้นไม่ได้ หนูร้องไห้ทุกวัน บางครั้งขอครูไปเข้าห้องน้ำเพื่อวิ่งไปแอบร้องไห้แล้วกลับมาใหม่ เพราะไม่อยากอ่อนแอให้ครูเห็น

“แต่ตอนนี้สกิลดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้วค่ะ ก่อนจะเดบิวต์ ทางค่ายให้หนู ดูคลิปตัวเองตอนที่มาออดิชั่น ยังคิดเลยว่า Oh my god! ฉันทำอะไรเนี่ย นี่คือ เต้นเหรอ นึกว่ายืนขยับอะไรสักอย่าง เพราะตอนนั้นเราไม่รู้วิธีการขยับตัวเลย ด้วยซ้ำว่าต้องเคลื่อนไหวร่างกายอย่างไรให้ดูไม่แปลก ซึ่งวิธีฝึกภายหลังของหนู คือ ทุกครั้งที่เรียนจะถ่ายคลิปเก็บไว้ แล้วดูว่าต้องปรับปรุงตรงไหน การมอนิเตอร์ ตัวเองบ่อย ๆ สำคัญมาก เพราะจะได้เห็นว่าเราพัฒนาขึ้นไหม เช่นเดียวกับเรื่อง ขี้อาย เมื่อก่อนเขินกล้องมากค่ะ ไม่เป็นตัวเองเลย เหมือนกั๊กไว้ ทุกวันนี้หนูกล้า แสดงออกมากขึ้น เป็นตัวเองมากขึ้น และโชว์ออกมาได้ดีเพราะมั่นใจ อย่างเรื่อง ตื่นเวทีก็ดีขึ้น บอกตัวเองเสมอว่าต้องเต็มที่ จะมัวเขินไม่ได้นะ เพราะแฟน ๆ รอเราอยู่ ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังมีเทรนด์เพิ่มเติมอยู่เรื่อย ๆ

“สำหรับเรื่องภาษา ช่วงแรกหนูต้องเรียนภาษาเกาหลีจากภาษาอังกฤษอีกที เพราะหาครูไทยที่พูดเกาหลีไม่ได้ การแปลจากอังกฤษเป็นไทยก็ยาก แต่ข้อดีคือ ได้ฝึกสองภาษาพร้อมกัน หนูว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือต้องพยายามพูดเยอะ ๆ เพราะตอนแรกขี้อายมาก กลัวพูดผิดจึงไม่พูด จนทางค่ายต่อว่าว่า นี่ยูอยู่มานานเกือบปี แล้วนะ ทำไมพูดไม่ได้อีก จึงต้องพูดให้มากขึ้น พอดีกับที่เริ่มสนิทกับเพื่อนเกาหลี ชวนกันคุย ภาษาก็พัฒนาขึ้น

“กลายเป็นว่าตอนนี้พูดเกาหลีคล่องกว่าภาษาอังกฤษแล้ว พอพูดเกาหลี ได้คล่อง ที่ค่ายก็ให้งดพูดภาษาอังกฤษ เพื่อโฟกัสกับภาษาเกาหลี ยิ่งตอนไปเล่น ซีรี่ส์ (So Not Worth It) เราต้องพูดเก่งมาก ไหนจะเรื่องแอ๊คติ้งอีก ทุกอย่าง มีเรื่องให้ระวังเยอะไปหมด ทั้งสำเนียง การพูดออกเสียงต้องชัด แล้วก็ต้อง แอ๊คติ้งผ่านด้วย บางทีแอ๊คติ้งผ่าน แต่พูดไม่ชัด ก็ต้องเทคใหม่ ซึ่งโดนบ่อย เหมือนกัน แต่โชคดีที่ทุกคนบอกว่าหนูสำเนียงดี พูดเกาหลีได้เหมือนคนเกาหลี เพราะหนูให้ความสำคัญกับเรื่องเสียงมาก หนูหัดฟังและฝึกพูดภาษาเกาหลีตั้งแต่ ยังไม่รู้ความหมายเลย เพื่อเลียนแบบโทนเสียงของเขาให้เหมือนมากที่สุด ซึ่ง ช่วยได้เยอะค่ะ เพราะเวลาอัดเพลงต้องพูดเป๊ะระดับหนึ่งเลย

“อีกอย่างที่ดีขึ้นคือ เมื่อก่อนเวลาเข้าห้องอัดหนูตื่นเต้นมาก เพราะไม่เคย ทำให้ร้องเพลงออกมาได้ไม่ดีเท่าตอนซ้อม ตอนนี้เริ่มชิน รู้ว่าต้องออกเสียงยังไง หรือเวลาเต้นก็เริ่มรู้มุมแล้วว่าต้องยืนยังไงให้สวย พอเริ่มมีประสบการณ์ก็จะรู้ทริค เพื่อให้ตัวเองออกมาดูดีที่สุด”

มินนี่ ณิชา

ท้อแต่ไม่ถอย

แม้จะเจอกับช่วงเวลาลำบาก แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้มินนี่ผ่านและเรียนรู้เหตุการณ์ ต่าง ๆ มาได้ก็คือ การสู้ไม่ถอย

“เวลาท้อหนูจะให้กำลังใจตัวเองเสมอ อย่างช่วง ฝึกเต้นหนัก ๆ จะบอกตัวเองว่า ‘ทำให้ได้เถอะ’ แล้วพอเราฝึกไปหนัก ๆ สุดท้าย ก็ทำได้เอง แต่ถ้าถามว่าอยากกลับไปทำอีกไหม ไม่ค่ะ (หัวเราะ) อีกอย่างคือ หนูบอกตัวเองเสมอว่า โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีกันง่าย ๆ เมื่อมีเข้ามาก็ต้องคว้าไว้ก่อน หนูรู้แค่ว่าเราต้องทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง เราถอยไม่ได้ เพราะการที่เรามาถึงจุดนี้ได้ ถือว่าประสบความสำเร็จระดับหนึ่งแล้ว มีหลายคน ที่อยากมายืนจุดเดียวกับหนู เรามาได้ครึ่งทางของความฝันแล้ว ต้องทำให้ดีที่สุด ในทุก ๆ วัน สุดท้ายไม่ว่าผลจะเป็นยังไง จะได้ไม่ผิดหวัง นอกจากนี้ก็จะคุยกับ เมมเบอร์ในวงซึ่งเป็นเทรนนีด้วยกัน เพราะเจอสถานการณ์แบบเดียวกันจึงเข้าใจกัน หรือบางทีก็โทร.ไปเล่าให้คุณพ่อคุณแม่ฟังบ้าง แต่ไม่ได้เล่าหมดทุกอย่าง เพราะ กลัวท่านกังวล”

Music and Lyrics

นอกจากจะเก่งด้านร้องและเต้นแล้ว มินนี่ยังเอาดีด้านงานเบื้องหลังอย่าง การแต่งเพลงที่ออกมาจากอินเนอร์และเรื่องราวของเธอเองด้วย

“หนูชอบฟังเพลง อินง่ายมาก ขณะเดียวกันหนูไม่เขียนไดอะรี่ แต่ใช้เพลงเป็นไดอะรี่ของตัวเอง สมมติว่าชอบเพลงหนึ่งมาก ก็ฟังซ้ำ ๆ จนกว่าจะเบื่อ ถ้าย้อนกลับมาฟังอีกครั้ง จะรู้เลยว่าตอนนั้นคิดอะไร เป็นยังไง เหมือนเป็นไดอะรี่ในหัวที่เรารู้เองคนเดียว จึงรู้สึกอยากทำเพลงที่เป็นไดอะรี่ของเรา ถ่ายทอดชีวิตประจำวันผ่านเนื้อเพลง ให้แฟนคลับได้อ่านไดอะรี่ผ่านรูปแบบของเพลง ให้เขารู้จักเรามากขึ้น เพราะ บางครั้งเราแสดงผ่านคำพูดได้ไม่หมด แต่เสียงเพลงทำให้คนสัมผัสได้

“เวลาเขียนเพลง หนูไม่มีเวลาเฉพาะ อยากเขียนตอนไหนก็ลงมือเลยค่ะ จึงใช้วิธีว่าวันไหนนึกอะไรได้ก็พิมพ์ไว้ในมือถือหรืออัดเสียงไว้ แล้วเปิดอ่าน เปิดฟัง ทีหลัง อันไหนใช้ได้ค่อยดึงออกมา

“ช่วงแรกของการแต่งเพลง หนูเขียนเป็นภาษาอังกฤษแล้วค่อยปรับเป็น ภาษาเกาหลี เพราะถ้าให้เขียนเป็นภาษาเกาหลีเลยจะยาก เพราะไม่ใช่ภาษาตัวเอง ช่วงแรกจึงมีเนื้อเพลงเป็นภาษาอังกฤษเยอะ เคยลองเขียนเป็นภาษาไทยแล้วนะคะ แต่พอแปลเป็นภาษาเกาหลี รูปภาษาไม่ค่อยสวย คำไม่ตรงกัน ช่วงหลังพอคล่อง

ภาษาเกาหลีมากขึ้น ก็คิดเป็นภาษาเกาหลีและเขียนออกมาเลย ถ้อยคำดูเป็นธรรมชาติ กว่าการแปล ทุกวันนี้เวลาจะเขียนเพลง อยากร้องภาษาไหนจะคิดเป็นภาษานั้นเลย

“หนูชอบร้องเพลงที่หนูแต่ง เพราะเวลาเขียนเพลงจะรู้ว่าต้องเลือกใช้คำไหน แล้วร้องออกมาเสียงจะเพราะ เนื่องจากมีสำเนียงบางจุดที่หนูออกเสียงแล้วจะรู้เลย ว่าเป็นหนู เพลงจะยูนีค คนฟังแล้วจำได้ทันทีว่าคือมินนี่

“เพลงที่เป็นตัวเองมากที่สุดคือ Moon อยู่ในอัลบั้มล่าสุด ‘I Burn’ ค่ะ เพลงนี้หนูแต่งเร็วที่สุด คือวันเดียวจบ โดยที่ไม่ต้องพยายามเลย เป็นเพลงที่มี ความเป็นเรา หนูเริ่มจากแต่งไว้เป็นทำนอง จากนั้นเอาไปให้โซยอน ซึ่งเป็นหัวหน้าวง ฟัง เขาชอบมาก อยากลองเขียนเนื้อจากเพลงนี้ เขาก็ถามว่าหนูนึกถึงเรื่องอะไร ก็เล่าไปว่านึกถึงสีดำและพระจันทร์ เขาก็เอาไปเขียนต่อ เป็นเพลงที่เล่าถึงวัน พระจันทร์เต็มดวงที่สว่างมากจนเราอยากหลบตัวเองออกจากทุกอย่าง ไม่อย่างนั้น จะเศร้าเกินไป เพราะรู้สึกว่าพระจันทร์สว่างเกินไป อยากปิดแสงไฟจังเลย เมโลดี้ และการออกเสียงเป็นสไตล์เรามาก ๆ ตอนที่ปล่อยเพลงไป มีฟีดแบ็กจาก แฟนคลับว่าเขายังไม่ได้ดูว่าใครเป็นคนแต่งนะ แต่เขาเดาได้ว่าถ้าทำนองสไตล์นี้ ต้องมินนี่แต่งแน่เลย

“เพลงนี้ฟังแล้วช่วยเยียวยาตัวหนูเองด้วยนะ เพราะช่วงที่ทำเพลงนี้เราไม่ค่อย มั่นใจกับผลงานการเขียนเพลงเท่าไหร่ แต่พอทำเสร็จแล้ว ทำให้เรามั่นใจมากขึ้น เหมือนว่ามาถูกทางแล้ว ไม่ได้คิดว่าเพลงจะติดหูใครไหม แค่พอใจกับผลงานที่ออกมา และได้ใส่ความเป็นตัวเองเข้าไป แต่เวลาฟังเพลงตัวเองยอมรับว่าเขินนะ ยิ่งตอนที่ เมมเบอร์ทุกคนต้องนั่งฟังเพลงด้วยกัน แล้วเห็นเขาร้องเพลงและชอบผลงานของเรา มาก ก็ทั้งเขินทั้งภูมิใจว่านี่เป็นผลงานของเรา ดีใจมากค่ะ” (ยิ้มกว้าง)

มินนี่ ณิชา

So Not Worth It ซีรี่ส์เรื่องแรกในชีวิตทาง Netflix

เมื่อเล่นซีรี่ส์เรื่องแรกในชีวิต เรื่องแอ๊คติ้ง ดึงอินเนอร์ก็ต้องจัดเต็ม

“เรื่องนี้ เป็นซีรี่ส์ซิตคอมเกี่ยวกับนักศึกษาต่างชาติที่มาอยู่รวมกันที่มหาวิทยาลัยนานาชาติ เกาหลี ทุกคนอยู่หอพักเดียวกัน พอเลิกเรียนก็จะมาคุยกัน เล่นกัน จึงมีเรื่องราว ต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย เพราะแต่ละคนมาจากหลากหลายวัฒนธรรม ทำให้เห็นว่า แม้จะมีความแตกต่าง แต่สามารถอยู่ด้วยกันได้ โดยมีเรื่องสนุก ๆ ตลก ๆ ที่เรา ไม่รู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมของคนอื่นใส่อยู่ในนี้ด้วย

“ตอนที่ตัดสินใจรับเล่นเรื่องนี้ หนูยังไม่เคยเรียนแอ๊คติ้งมาก่อน พอได้รับ โอกาสจาก Netflix เกาหลี และทางค่ายให้ไปลองออดิชั่น เนื่องจากบทใกล้เคียง กับตัวเองมาก เป็นนักศึกษาจากประเทศไทย ชอบเคป็อป ซึ่งก็คือใช่เลย คือเขา พัฒนาคาแร็คเตอร์จากมินนี่ตัวจริงไปเป็นมินนี่ในเรื่องอีกที กลายเป็นคาแร็คเตอร์ พลังล้นหลาม สดใสมาก ๆ

“มินนี่ที่เป็นตัวละครจะมั่นใจ ไม่ขี้อาย เป็นเด็กเว่อร์ ๆ หน่อย ชอบพูด เสียงสูงตลอดเวลา คิดอะไรพูดอย่างนั้น และมั่นใจว่าฉันสวย ซึ่งตัวจริงคือหนู ค่อนข้างขี้อาย และเวลาอยู่ในกองถ่ายจะเขินกล้อง ก็ต้องทำลายกำแพงความขี้อาย ทิ้งไป และต้องเพิ่มพลังให้ตัวเองเยอะเลยค่ะ ซึ่งการเล่นเป็นอีกคนก็สนุกดี เพราะ คาแร็คเตอร์ในซีรี่ส์ชอบพูดคำสบถ แต่หนูไม่เคยพูดคำสบถเป็นภาษาเกาหลีต่อหน้า กล้องมาก่อนเลยค่ะ มีฉากหนึ่งที่หนูต้องสบถใหญ่มาก แม้จะรู้สึกขัด ๆ แต่พอ ได้ลองเล่นสุดดูก็เป็นความรู้สึกที่แบบ เฮ้ย โล่ง (หัวเราะ) ไม่รู้สึกผิดด้วย เพราะ แสดงอยู่ ถ้าเขาขอมา เราก็จัดไป แล้วความที่เราเป็นต่างชาติ ต้องสบถเป็นภาษา เกาหลี ทีมงานขำกันใหญ่ เขามองว่าเป็นเรื่องตลก

“อีกเรื่องคือการเข้าถึงคาแร็คเตอร์ ช่วงแรกหนูยังติดความเป็นตัวเองไปอยู่ ในกล้อง ผู้กำกับบอกว่าไม่ได้นะ ยูต้องเป็นมินนี่ในเรื่อง ต้องใส่จิตวิญญาณ ใส่อินเนอร์เข้าไปเยอะ ๆ แม้เราจะไม่ใช่คนเล่นใหญ่ ก็ต้องเล่นให้ใหญ่ ซึ่งค่อนข้าง ยาก มีบางซีนที่หนูต้องเล่นคนเดียว แล้วต้องเอาซีนนั้นให้อยู่ ก็ต้องฝึกหนักหน่อย ผ่านการเรียนแอ๊คติ้งกับครู พออ่านเจอบทที่ไม่เข้าใจ เช่น สำนวน เกาหลี ก็ต้องให้ครูบรี๊ฟว่าคืออะไร ต้องแอ๊คติ้งยังไง ช่วงแรกยัง มีเวลาซ้อมกับครู แต่ช่วงหลังหนูไม่มีเวลา ก็ต้องเตรียมเองคนเดียว แต่ก็พอทำได้แล้ว เพราะพอจะรู้จักคาแร็คเตอร์มาบ้างแล้ว

“โชคดีของการได้เล่นซีรี่ส์เรื่องนี้คือ หนูได้ลองทุกอย่าง ตั้งแต่ได้ลองใช้กุญแจมือที่จับคนร้าย อาเจียนในห้องน้ำ หรือ ต้องถ่ายซีนที่ไม่ห่วงสวย บ้า ๆ บอ ๆ แบบจัดเต็ม ก็เป็นเรื่อง ยากนิดนึง ไม่รู้ว่าแฟนคลับจะมองยังไง แต่ ณ จุดนั้นมันเป็น การแสดง เรื่องสนุกคือทำให้เห็นตัวเองอีกมุมที่เราและแฟนคลับ ไม่เคยเห็น ซึ่งทุกคนจะได้เห็นความสนุก ความฮา ความ บ้า ๆ บอ ๆ ดูได้ทุกเพศทุกวัย ดูไปแล้วจะยิ้มตามแน่นอนค่ะ

“ขณะเดียวกันซีรี่ส์เรื่องนี้ก็เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ ของหนูเหมือนกัน คือกล้าแสดงออกมาขึ้น จากเดิมที่พอพูดไป เรื่อย ๆ แล้วเสียงจะค่อยเบาลง ๆ ตั้งแต่มาเล่นเรื่องนี้ หนูพูดชัด และรู้เรื่องขึ้นเยอะ อีกอย่างคือการที่จะเป็นมินนี่ในเรื่องนี้ได้ ต้องมีความมั่นใจ ทั้งที่ชีวิตจริงเราไม่มีวันเป็นได้ขนาดนั้น แต่ ในเรื่องต้องทิ้งความขี้อายทุกอย่าง ช่วยทำให้มั่นใจมากขึ้นด้วยค่ะ”

มินนี่ ณิชา

โลกส่วนตัวและตัวตนของมินนี่

แม้ภายนอกเธอจะดูเข้าถึงง่ายมาก ๆ แต่กว่าจะสนิทกับ ใคร เธอบอกว่าต้องใช้เวลา

“เวลาอยู่กับเพื่อนหนูค่อนข้างเฟรนด์ลี่ ดูเข้าถึงง่าย แต่ถ้าเพื่อนสนิทจริง ๆ จะรู้ว่ากว่าจะสนิทต้องใช้เวลา คือหนูจะมีสองพาร์ต แบบที่อยู่กับตัวเองและแบบที่อยู่กับเพื่อน เวลาอยู่กับคนอื่น จะลั้นลา สนุกเต็มที่ แต่ถ้าอยู่กับตัวเอง โลกส่วนตัวก็จะสูงเหมือนกัน ชอบช็อปปิ้ง คนเดียว เพราะลองแล้วลองอีกและคิดเยอะ ถ้าไปกับคนอื่นกลัวเขาจะเสียเวลา เพราะฉะนั้นอยู่กับตัวเองดีที่สุด

“แต่ถ้าบทจะไปกับเพื่อนก็ไปได้เต็มที่ อย่างเพื่อนที่ไทยไม่ได้เจอกันมานาน ประมาณปีกว่า กลับมาทุกครั้งก็จะเมาท์กันไฟแลบ พอช่วงกักตัวก็แอบเบื่อ โทรศัพท์คุยกับเพื่อนทั้งวันจนสายแทบไหม้เลย

“ส่วนงานอดิเรก นอกจากเล่นเปียโนและเขียนเพลงแล้ว ล่าสุดเพิ่งเปิด อินสตาแกรมส่วนตัว (@min.nicha) สนุกกับการทำคอนเทนต์ เช่น ถ่ายรูป ชอบถ่ายรูปด้วยกล้องฟิล์มอัพเดตให้แฟน ๆ ดู ที่เพิ่งมาเปิดช่วงนี้ก็เพราะช่วงที่ เดบิวต์ใหม่ ๆ อยากโฟกัสกับการโปรโมตงานของวงก่อน พอเดบิวต์ครบ 3 ปี บวกกับช่วงนี้สมาชิกในวงแยกกันไปทำงานตามประเทศต่าง ๆ ก็คิดว่าถึงเวลาที่จะมี พื้นที่ส่วนตัวในการอัพเดตผลงานของเราแล้วค่ะ”

World Tour ในฝัน

ฝันของมินนี่คือการเป็นนักร้องระดับโลก เป้าหมายนี้คงไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว

“เป้าหมายในชีวิตตอนนี้คือเรื่องเพลง หนูสนุกกับการทำงานกับวงมาก แต่ก็คิดว่า เรายังไปได้ไกลกว่านี้ ความฝันของหนูกับเมมเบอร์ในวงคืออยากไปเวิลด์ทัวร์ ตอนแรกมีแพลนแล้วนะคะ แต่ปรากฏว่าติดโควิดจึงไม่ได้ไป ตอนนี้ทุกคน ก็รอคอยว่าสักวันฉันจะต้องได้ไปเวิลด์ทัวร์ อยากขึ้นคอนเสิร์ต อยากไปเจอ แฟน ๆ ทั่วโลก อีกอย่างที่อยากลองคือ อยากโปรดิวซ์เพลง เขียนเพลงให้ หลากหลาย อยากทำเพลงให้ดีขึ้นเพื่อแฟน ๆ เพราะเราโตมากับเสียงเพลง และ การทำงานตรงนี้สนุกมาก เหมือนไม่ได้ทำงาน ทุกอย่างมาจากใจ อยากอยู่กับเสียงเพลงไปนาน ๆ ค่ะ”


ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 972

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เปิดใจเอ็กซ์คลูซีฟ! ก้าวอีกขั้นของ “กลัฟ คณาวุฒิ” พระเอกลูกรักคนใหม่ของช่อง 3

กว่าจะเป็น #ลูกสาวแห่งชาติ “แอลลี่ อชิรญา” เคยกดดัน ไม่มั่นใจ ท้อจนเกือบถอย

สาวสายลุยที่แท้ทรู “พลอยไพลิน ตั้งประภาพร” เที่ยว 8 ประเทศ 37 วัน คนเดียว!

Anchilee Scott-Kemmis นางแบบพลัสไซส์ ผู้ท้าชิงมงกุฎ MUT 2021

สวย มั่นใจ “แอนชิลี สก๊อต-เคมมิส” นางแบบพลัสไซส์ ผู้ร่วมท้าชิงมงกุฎ MUT 2021

Alternative Textaccount_circle
Anchilee Scott-Kemmis นางแบบพลัสไซส์ ผู้ท้าชิงมงกุฎ MUT 2021
Anchilee Scott-Kemmis นางแบบพลัสไซส์ ผู้ท้าชิงมงกุฎ MUT 2021

สวย มั่นใจ “แอนชิลี สก๊อต-เคมมิส” นางแบบพลัสไซส์ ผู้ร่วมท้าชิงมงกุฎ MUT 2021

วงการนางงามกลับมาเริ่มคึกคักอีกครั้ง หลังจากที่กองประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ประกาศรับสมัครสาวงามเข้าร่วมประกวดอย่างเป็นทางการ เพื่อเฟ้นหาสาวงามที่จะเป็นตัวแทนประเทศไทยไปร่วมชิงมงกุฎ มิสยูนิเวิร์ส 2021 ในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งมีหนึ่งในผู้สมัครที่น่าสนใจในปีนี้ที่โดดเด่นในเรื่องรูปร่าง จนอยากพาทุกคนไปรู้จัก

นางแบบพลัสไซส์ 11

สวย มั่นใจ “แอนชิลี สก๊อต-เคมมิส” นางแบบพลัสไซส์ ผู้ร่วมท้าชิงมงกุฎ MUT 2021

เธอก็คือ แอนชิลี สาวชื่อแปลกที่มีชื่อเต็มว่า แอนชิลี สก๊อต-เคมมิส (Anchilee Scott-Kemmis) ลูกครึ่งไทย-ออสเตรเลีย ส่วนสูง 183 เซนติเมตร ซึ่งเธอมีความภูมิใจและมีความสุขในรูปร่างของตัวเองมาก

ด้านระดับการศึกษา เธอจบปริญญาตรี รัฐศาสตร์สาขาสังคมวิทยา จากซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย และในระหว่างศึกษาช่วงมัธยมปลายจากโรงเรียนนานาชาติ NIST เธอยังเป็นนักกีฬาวอลเลย์บอล ในฐานะกัปตันทีมอีกด้วย

นางแบบพลัสไซส์ 10

ปัจจุบัน เธอมีอาชีพเป็นนางแบบ Curve Model หรือบางคนอาจเรียกว่า นางแบบพลัสไซส์ นั่นเอง และเธอคือหนึ่งในผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่ตัดสินใจเข้าร่วมการประกวด Miss Universe Thailand 2021 กับคอนเซ็ปท์ความงามนิยามใหม่ที่เธอใช้คำว่า Real Size Beauty ซึ่งในวงการนางงาม รูปร่างอาจจะเป็นสิ่งที่คนให้ความสำคัญ นิยามรูปร่างเพอร์เฟ็คของคนไทยอาจจะหมายถึงผอมเพรียว แต่สำหรับแอนชิลี คือความสมส่วน สุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี

นางแบบพลัสไซส์ 5

จริงๆ หากพิจารณาดูเธอก็เป็นคนรูปร่างสมส่วน แต่ด้วยความที่เป็นคนตัวสูงใหญ่ ก็เลยทำให้ความงามของเธออาจจะไม่ตรงนิยามคนไทยที่ต้องผอมเพรียวเท่าไหร่นัก แต่ด้วยความมั่นใจ บวกกับความเป็นตัวของตัวเอง และไลฟ์สไตล์ที่น่าสนใจ ซึ่งตัวเธอก็ขอเป็นหนึ่งเสียงที่สนับสนุนให้สาวๆ รักตัวเองในแบบที่เป็น และมั่นใจในความงามของตัวเองในแบบที่เป็นเรา ทำให้เธอเป็นอีกหนึ่งสาวงามที่น่าจับตามองไม่น้อย

นางแบบพลัสไซส์ 1 นางแบบพลัสไซส์ 2 นางแบบพลัสไซส์ 3 นางแบบพลัสไซส์ 4 นางแบบพลัสไซส์ 6 นางแบบพลัสไซส์ 7 นางแบบพลัสไซส์ 8 นางแบบพลัสไซส์ 9 นางแบบพลัสไซส์ 12


ภาพ : annscottkemmis
ข้อมูล : t-pageant.com

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เปิดวาร์ป Varo Vargas หนุ่มหล่อจากประเทศเปรูคว้า Mister Supranational 2021

ฝ้าเป็นง่าย..หายยาก! แชร์วิธีป้องกันหน้าเป็น ฝ้า แบบนักแสดงสาว Anne Hathaway

วิธีป้องกัน ผิวแตกลาย ให้สวยเนียนแบบ Behati Prinsloo อดีตนางฟ้าวิกตอเรียส์ซีเคร็ต

 

 

ไฟลุกแล้วแม่! เจนนี่ BLACKPINK ถ่ายแบบ Calvin Klein เซ็กซี่เกินต้าน

พลังทำลายล้างสูงมาก เมื่อ เจนนี่ BLACKPINK ถ่ายแบบ Calvin Klein อีกครั้งกับแคมเปญ Fall 2021 ที่เผยให้เห็นมุมเซ็กซี่จนแฟนๆ พากันหวีดหนักมากกก

ก่อนหน้านี้ก็สร้างกระแสฮือฮาไปแล้วกับลุคบราสีขาวและกางเกงยีนส์จาก Calvin Klein สำหรับไอดอลสุดฮ็อตระดับโลก เจนนี่ BLACKPINK ที่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในแคมเปญของคอลเล็คชั่นพิเศษที่ทำร่วมกับดีไซเนอร์ดัง Heron Preston ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เธอได้ร่วมงานกับ Calvin Klein อย่างเป็นทางการและมีการขึ้นโฆษณาทั่วโลก

ล่าสุดทางแบรนด์ได้ปล่อยภาพของเจนนี่บนเว็บไซต์กับการโปรโมทแคมเปญใหม่ Fall 2021 ร่วมกับเหล่าคนดัง หนึ่งในนั้นคือ ไคอา เกอร์เบอร์ (KAIA GERBER) นางแบบชื่อดัง ลูกสาวซูเปอร์โมเดลระดับท็อป ซินดี้ ครอว์ฟอร์ด และนี่เป็นการตอกย้ำความสำเร็จของเจนนี่และ BLACKPINK ได้เป็นอย่างดี พวกเธอไม่ใช่แค่ไอดอลเกาหลี แต่คือไอดอลระดับโลก

โดยภาพแฟชั่นเซ็ตที่ถูกปล่อยออกมาล่าสุด ทำเอาแฟนๆ ฮือฮากันยิ่งกว่าเดิม เพราะรอบนี้เจนนี่มาในชุดชั้นในสีเทา สีดำ และสีขาว พร้อมสวมแจ็คเก็ต แสดงให้เห็นถึงความเซ็กซี่จนแทบหยุดหายใจ และเห็นได้ชัดว่าเจนนี่ดูแลรูปร่างของเธอดีมากแค่ไหน

ไฟลุกแล้วแม่! เจนนี่ BLACKPINK ถ่ายแบบ Calvin Klein เซ็กซี่เกินต้าน

เจนนี่ BLACKPINK ถ่ายแบบ Calvin Klein-1 เจนนี่ BLACKPINK ถ่ายแบบ Calvin Klein เจนนี่ BLACKPINK ถ่ายแบบ Calvin Klein-2 เจนนี่ BLACKPINK ถ่ายแบบ Calvin Klein-3 เจนนี่ BLACKPINK ถ่ายแบบ Calvin Klein-4


ภาพ : www.calvinklein.us

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

คริสตัลซีทรู ตลบพรมแดง ‘ดาโกต้า จอห์นสัน’ สวยแซ่บในเทศกาลภาพยนตร์เวนิส

นางแบบหุ่นปัง Barbara Palvin สวยเซ็กซี่ ผมเปียยาว บนพรมแดงเทศกาลหนังเวนิส

จากแม่สามีสู่ลูกสะใภ้ ‘ควีนเลตีเซีย’ รีไซเคิลชุดที่ตกทอดมา 40 ปี

 

บิวกิ้น-พุฒิพงศ์

เล่นละครก็ดีร้องเพลงก็เลิศ บิวกิ้น-พุฒิพงศ์ ปล่อยซิงเกิลเดี่ยวครั้งแรก I ไม่ O (IXO)

Alternative Textaccount_circle
บิวกิ้น-พุฒิพงศ์
บิวกิ้น-พุฒิพงศ์

หนุ่มมากความสามารถ บิวกิ้น-พุฒิพงศ์ ไม่ว่าจะลงมือทำอะไร งานแสดงหรืองานร้องเพลงก็เอาอยู่ทุกบทบาท ล่าสุด  ปล่อยซิงเกิลเดี่ยวครั้งแรก “I ไม่ O (IXO)” ได้กระแสตอบรับอย่างล้นหลามจากแฟนๆ

เปิดตัวซิงเกิลใหม่ด้วยความสดใสสุด ๆ สำหรับศิลปิน Billkin (บิวกิ้น  พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล) จากค่ายนาดาว มิวสิค  กับเพลง  “I ไม่ O (IXO) ”  แนวดนตรี Soul ที่มีกลิ่นอายดนตรี City POP จากฝั่งญี่ปุ่น ในจังหวะ Medium ชวนโยก ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นการกลับมาร้องเพลงเดี่ยวของตัวเองครั้งแรกของ Billkin   หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ร่วมร้องเพลงประกอบซีรี่ส์มาพักใหญ่

โดยเพลง “I ไม่ O” โป (โป โปษยะนุกูล) และ ย้ง (ทรงยศ สุขมากอนันต์) มาเป็น Executive Producer พร้อมด้วย เบล- สุพล พัวศิริรักษ์     Producer  โดยมี ปิง  จิระวัฒน์ ตันตรานนท์ รับหน้าที่เขียนเนื้อร้อง, บี ETC. (โสตถินันท์ ไชยลังการณ์)  แต่งทำนอง   และ บี และ เมฆ MACHINA ร่วมเรียบเรียงดนตรี   ถือเป็นการรวมทีมครั้งใหญ่ เพื่อร่วมใส่สีสันทางดนตรีอย่างเต็มที่   โดยเพลงนี้อัดเครื่องดนตรีสดหมดทุกชิ้น รวมทั้งได้ส่งเพลงไปMix & Mastering ที่ประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย         ซึ่งเพลงนี้ Billkin  มีส่วนร่วมทั้งหมดในทุก ๆขั้นตอน ตั้งแต่การคิดคอนเซ็ปต์  ไดเรกชั่นดนตรี รวมถึงร่วมคอรัสกับ AP1WAT (หนึ่ง  อภิวัฒน์ พงษ์วาท)  กำกับมิวสิกวิดีโอโดย หลิน รินรดา และ ตั้ง ตะวันวาด

เล่นละครก็ดีร้องเพลงก็เลิศ บิวกิ้น-พุฒิพงศ์ ปล่อยซิงเกิลเดี่ยวครั้งแรก I ไม่ O (IXO)

บิวกิ้น-พุฒิพงศ์

Billkin (บิวกิ้น  พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล) กล่าวว่า “สำหรับเพลง I ไม่ O เป็นเพลงที่มีจังหวะสนุก ๆ    ฟังแล้วสามารถโยกตามกันได้ครับ     ถือเป็นครั้งแรกที่ผมได้มาทำเพลงแนว Soul   ที่มีกลิ่นของความเป็น City POP อยู่ด้วยครับ       ซึ่งคอนเซ็ปต์ของเพลงนี้   เล่าถึงการแอบชอบใครสักคน และรู้สึกไม่โอเคทุกครั้ง เวลามีใครเข้ามาชอบ และสนใจเธอ  เป็นความหวงแบบน่ารัก ๆ    อารมณ์แบบอยากจะกันท่า คนที่เราชอบเอาไว้คนเดียว   เพราะไม่ชอบที่เห็นเธอไปอยู่ใกล้ ๆ ใคร  กลัวว่าจะมีใครมาแย่งไป  ถึงแม้ว่าสถานะของเราจะไม่ได้เป็นอะไรกันก็ตาม  โดยเอ็มวีเพลงนี้ไอเดียคือ การตกหลุมรักใครคนหนึ่ง จากการที่เห็นเค้าผ่านทางหน้าจอทีวี ด้วยพลังจินตนาการของตัวเอง   ก็เลยแปลงร่างเป็นพระเอกหนัง ใน ห้าคาแรกเตอร์   เพื่อออกเดินทางไปตามหานางในฝันตามสถานที่ต่าง ๆ   ซึ่งการทำงานเอ็มวีนี้บรรยากาศสนุกสนานมากเลยครับ    ฝากทุกคนติดตามชม เอ็มวี เพลง I ไม่ O (IXO) ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปทางYouTube Channel : Nadao Music    และติดตามฟังเพลงนี้ได้ทางคลื่นวิทยุต่าง ๆ และStreaming  ทุกช่องทาง  ฝากช่วยเชียร์และเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ”

บิวกิ้น-พุฒิพงศ์ 01

บิวกิ้น-พุฒิพงศ์ 02


กระเป๋า Furla 1927

ราคาเอื้อมถึง! อัพเดตกระเป๋าพร้อมกลับเข้าออฟฟิศ สร้างสไตล์ด้วย Furla 1927

กระเป๋า Furla 1927
กระเป๋า Furla 1927

หลังจาก Work From Home มาอย่างยาวนาน หลายคนคงได้กลับมาทำงานกันบ้างแล้ว และเพราะห่างหายจากลุคสาวออฟฟิศไปนาน Furla เลยขอพาสาวๆมาอัพเดตกระเป๋ารุ่นไอคอนิกอย่าง Furla 1927 ไอเท็มสุดปังที่ช่วยอัพลุคแฟชั่นสาวออฟฟิศแบบเก๋ๆ และยังตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของสาวๆ ในยุค New Normal นี้ได้เป็นอย่างดี พร้อมให้สาวๆ กลับมาทำงานแบบไม่เอ้าท์!

เป็นที่รู้กันดีว่าแบรนด์ Furla ขึ้นชื่อในเรื่องของกระเป๋าหนังที่ผลิตจากหนังวัวคุณภาพดี โดยผ่านกระบวนการผลิตและงานฝีมือสุดประณีต บวกกับความเป็นเอกลักษณ์ที่ชัดเจนในราคาที่สาวออฟฟิศเอื้อมถึง ตัวกระเป๋ารุ่น 1927 จึงมาพร้อมความโดดเด่นในด้านงานดีไซน์ที่เรียบหรูแต่ยังคงความคลาสสิกด้วยวัสดุหนังแท้ ตกแต่งด้วยโลโก้ Furla บริเวณด้านหน้า นอกจากนี้ยังมาพร้อมสายสะพายกระเป๋าที่สามารถปรับระดับได้ ให้สาวๆ ใช้งานได้หลากหลายโอกาส

Furla 1927
MINI CROSSBODY NERO ลายหนังจระเข้ ราคา 17,500 บาท
Furla 1927-1
MINI CROSSBODY MIELE ราคา 15,900 บาท

กระเป๋ารุ่น 1927 มีขนาดพอเหมาะและมาพร้อมช่องใส่ของทั้งด้านในและด้านหลังกระเป๋า ซึ่งสามารถจุของใช้ที่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นเจลล้างมือ ทิชชู่เปียก หรือแม้กระทั่งหน้ากากอนามัย ให้สาวๆ มั่นใจว่าการ์ดไม่ตกอย่างแน่นอน เรียกได้ว่าเป็นกระเป๋า Must Have ที่ตอบโจทย์การใช้งานของเหล่าเซเลบริตี้และสาวทำงานยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี

CROSSBODY CILIEGIA D ราคา 16,500 บาท
Furla 1927-2
MINI CROSSBODY BLU DENIM ราคา 13,500 บาท
MINI CROSSBODY PERGAMENA ราคา 13,500 บาท

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

จากแม่สามีสู่ลูกสะใภ้ ‘ควีนเลตีเซีย’ รีไซเคิลชุดที่ตกทอดมา 40 ปี

ราคาไม่แรง! กระเป๋า Givenchy ‘4G Light Bucket’ ดีไซน์จากไนลอน ใช้ได้ทุกวัน

นางแบบหุ่นปัง Barbara Palvin สวยเซ็กซี่ ผมเปียยาว บนพรมแดงเทศกาลหนังเวนิส

 

YOUHA

น้องใหม่ที่ไม่ใหม่! ยูฮา ( YOUHA ) จากอดีตนักแต่งเพลงสู่ศิลปินที่น่าจับตามอง

Alternative Textaccount_circle
YOUHA
YOUHA

วงการเพลง K-POP ในช่วงซัมเมอร์ยังคงคึกคักเฉกเช่นทุกปี เพราะมีศิลปินทั้งหน้าใหม่และหน้าเก่า ถือโอกาสในช่วงนี้กลับมาออกผลงานกันมากมาย แต่หนึ่งในศิลปินที่น่าจับตามองไม่แพ้ใครก็คือ นักร้องน้องใหม่แกะกล่องของค่าย Universal Music Korea ยูฮา ( YOUHA )  ศิลปินเดี่ยวน้องใหม่วัย 22 ปี ที่เต็มไปด้วยความสามารถทั้งด้านการร้อง การเต้น การแสดง รวมไปถึงความสามารถในการแต่งเพลง เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งคนบันเทิงคุณภาพของวงการจริงๆ เช่นนั้นวันนี้ แพรว จะพาทุกคนไปรู้จักเธอคนนี้ให้มากขึ้นกันค่ะ

น้องใหม่ที่ไม่ใหม่! ยูฮา ( YOUHA ) จากอดีตนักแต่งเพลงสู่ศิลปินที่น่าจับตามอง

ยูฮา ( YOUHA )

ยูฮา มีชื่อจริงว่า อิมยูฮา อายุ 22 ปี เคยเป็นศิลปินฝึกหัดในค่าย “YG Entertainment” ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ของเกาหลีนานถึง 10 ปี ก่อนที่จะมาเซ็นสัญญากับค่าย Universal Music Korea เรียกได้ว่าเธอสั่งสมประสบการณ์ในด้านการร้อง เต้นได้อย่างครบเครื่อง

ไม่เพียงความสามารถทั้งด้านการร้อง การเต้น การแสดง เท่านั้น แต่เธอยังเป็นนักแต่งเพลง PTT (Paint The Town) ของวง  LOONA รวมถึงยังเป็นโปรดิวซ์ร่วมกับโปรดิวเซอร์ชื่อดังของวงการ Ryan Jhun อีกด้วย

สัมภาษณ์ศิลปินสาวหน้าใหม่ ยูฮา

ยูฮา

จากที่อ่านประวัติ กว่าที่ YOUHA จะได้เดบิวต์เป็นนักร้องมันยากมากๆ และใช้เวลาปีสิบปี อยากรู้ว่าอะไรคือแรงผลักดันที่ทำให้ไม่เคยท้อกับเส้นทางการเป็นนักร้องเลย

“ฉันคิดเสมอว่าอยากจะเป็นคนเท่ๆ ที่สามารถเป็นต้นแบบหรือแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นได้ค่ะ ความคิดนี้แหละ ที่คอยผลักดันฉันมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา จนได้เป็นศิลปินในทุกวันนี้ ฉันจะพยายามให้ดีที่สุดนะคะ” (หัวเราะ)

ซิงเกิล Cherry On Top เป็นผลงานที่เธอทั้งร้องและแต่งเอง อยากให้เธอช่วยเล่าให้ชาวไทยอธิบายถึงความหมายและเบื้องหลังในเพลงนี้

“เพลงนี้ไม่ได้เป็นแค่เรื่องราวเกี่ยวกับความรักเท่านั้นนะคะ แต่ยังพูดถึงสาวช่างเลือก ในแง่ที่น่ารักๆ ค่ะ จังหวะของเพลงก็สามารถฟังได้ง่ายๆ สบายหูมากๆ บีทก็จะประมาณ บีดัม บีดัม บีดัม บีดัม แบบนี้ค่ะ”

สิ่งที่น่าแปลกใจคือปกติแล้วศิลปินจะปล่อยเพลงพร้อมกับ MV แต่ทำไมคุณถึงปล่อยเพียงแค่การแสดงสดออกมาเท่านั้น

“ฉันอยากให้แฟนคลับของฉันรู้สึกใกล้ชิดกับฉันมากๆ นะคะ พวกเราเลยตัดสินใจทำเพลง “Cherry on Top” ให้เข้าถึงได้ง่ายและตรงไปตรงมาที่สุด ก็เลยมีออกมาแค่เวอร์ชันนี้ค่ะ”

สุดท้ายอยากให้พรีเซนตัวเองเพื่อฝากตัวกับแฟนๆชาวไทย

“ฉันคิดว่ามีอะไรที่น่าสนใจเยอะเลย ทั้งในเรื่องของตัวตนของฉันและเรื่องคอนเซ็ปท์เพลงด้วยค่ะ หวังว่าทุกคนจะชอบอัลบัมใหม่ของฉันที่ใช้ชื่อว่า “Sweet Tea”  ยังไงก็ลองหาฟังกันได้นะคะ หวังมากๆ ว่าทุกคนจะชอบกันยังไงฝากติดตามยูฮาด้วยนะคะ  ขอบคุณมากค่ะ”


สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

PRAEW Only! เปิดใจ “ซงจุงกิ” พระเอกเกาหลีสุดฮ็อตกับการคัมแบ็กสุดปังในปีนี้

ว่าด้วยเรื่องความรักและสาวในฝันของ อีเจฮุน โชว์เฟอร์สุดหล่อจาก Taxi Driver

คุยเอ็กซ์คลูซีฟ “พัคยูชอน” ความรักเมืองไทย + ความสนิทกับ “บอย พีซเมกเกอร์”

‘มีโอกาสที่แฟนเก่าจะกลับมาขอคืนดี แต่หากปล่อยเขาไปอีก ก็หมดโอกาสแล้ว’ ดวงรายวัน 9 กันยายน 2564

ดวงรายวัน 9 กันยายน 2564 #หมอปุ้ยพยากรณ์ เช็กทุกวัน เป๊ะปังทุกดวง ทั้งการงาน การเงิน ความรัก และสุขภาพ

‘มีโอกาสที่แฟนเก่าจะกลับมาขอคืนดี แต่หากปล่อยเขาไปอีก ก็หมดโอกาสแล้ว’

ดวงรายวัน 9 กันยายน 2564

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์

การงาน  :  เรียกว่าคุณมากับดวงและผู้ใหญ่เลยทีเดียว หากคุณทำงานหรือเกี่ยวข้องกับงานในสายยุติธรรมหรือกฎหมาย เช่น ตำรวจ ทนายความ ผู้พิพากษา อัยการ ฯลฯ ก็มีความเป็นไปได้ว่าคุณจะโชคดี งานราบรื่น ได้ผู้ใหญ่สนับสนุนส่งเสริม เพื่อนร่วมงาน และผู้บังคับบัญชาก็เมตตาเอ็นดูคุณเป็นพิเศษ  เปิดโอกาสให้คุณได้ทำตามที่ตั้งใจไว้ อันจะเป็นหนทางนำไปสู่ความสำเร็จในที่สุด หรือหากกำลังเป็นคดีความก็มีความเป็นไปได้ว่า ผู้ใหญ่จะช่วยให้หลุด

การเงิน  : มีโชค หากกำลังจะทำธุรกิจร่วมกับคนรัก ผู้ใหญ่จะอุปถัมภ์ แต่วันนี้มีโอกาสที่จะต้องควักกระเป๋าสงเคราะห์ญาติสนิทมิตรสหาย จนเงินที่ได้แทบไม่มีเหลือ

ความรัก : มีความเป็นไปได้ว่า คุณอาจต้องแยกกันอยู่กับผู้ใหญ่ในบ้าน แต่ก็ยังเอาแน่กับคุณไม่ได้ เพราะวันนี้คุณจะเปลี่ยนใจไปมา เดี๋ยวอยู่ เดี๋ยวแยก จนคนรอบข้างปรับตัวตามไม่ทัน  คนโสด  วันนี้ผู้ใหญ่จะเข้ามามีส่วนร่วมในเรื่องความรักของคุณ อาจนัดเดทให้ ซึ่งคุณก็เลือกเยอะจนทำให้พลาดโอกาสดีๆ ไปอย่างน่าเสียดาย

สุขภาพ  : ควรให้ความสำคัญกับการขับถ่าย ไม่ควรกลั้นปัสสาวะติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้กรวยไตและกระเพาะปัสสาวะมีปัญหา หากในกรณีรุนแรงจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อในกระแสเลือด

 

ผู้ที่เกิดวันจันทร์

การงาน  :  สำหรับผู้ที่ทำงานหรือเกี่ยวข้องกับงานที่ต้องใช้ความคิดและจินตนาการ เช่น งานในวงการบันเทิง งานศิลปะ งานเขียน รวมถึงงานที่เกี่ยวข้องกับความสวยงาม ความรื่นรมย์ บันเทิงใจ ฯลฯ มีความเป็นไปได้ว่า วันนี้อารมณ์ฝันๆ จินตนาการที่เคยมีเต็มตัวจะเริ่มนิ่ง สมองตื้อ คิดอะไรไม่ออก หากปล่อยไว้ในสภาพนี้นานๆ ที่สุดแล้วคุณจะมีโอกาสถูกลดบทบาทความสำคัญ ไม่ว่าเสนองานหรือเรียกร้องขอความเห็นใจ เจ้านายก็จะไม่ตอบสนอง

การเงิน :  ไม่สามารถดูแลเงินให้อยู่กับตัวเองได้นานนัก เพราะคุณชอบช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน วันนี้มีโอกาสที่คุณจะถูกคนใกล้ชิดหลอกลวงในเรื่องของการลงทุน เพราะฉะนั้นควรทำธุรกิจของตัวเองดีกว่าจะร่วมหุ้นลงทุนกับใคร

ความรัก :  แม้คุณจะแต่งงานอยู่ด้วยกันมานาน แต่ในเรื่องทัศนคติในการครองคู่ก็เป็นปมขัดแย้งกันตลอดๆ พูดกันทีไรก็มีแต่จะทะเลาะกัน ยิ่งวันนี้อาจมีใครสักคนที่ต้องแยกตัวออกไป   คนโสด มีโอกาสที่แฟนเก่าจะกลับมาขอคืนดี วันนี้คุณยังสงวนท่าที แต่หากเขาไปแล้ว คุณจะโหยหาให้เขากลับมาไม่ได้นะ

สุขภาพ  :  มีโอกาสที่ระบบหมุนเวียนเลือด ความดัน ระบบน้ำเหลืองและต่อมไร้ท่อต่างๆ จะมีปัญหา ดังนั้นจึงควรรับประทานอาหาร ผักผลไม้ และวิตามินที่ช่วยในการบำรุงเลือด

 

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน :  สำหรับผู้ที่ทำงานหรือเกี่ยวข้องกับงานที่ต้องเดินสายไปโน้นนี่ ไม่ได้อยู่ประจำออฟฟิศ เช่น งานออนไลน์ วางระบบเครือข่าย โครงข่ายอินเทอร์เน็ต หรือช่างอิเล็กทรอนิกส์ ไฮเทค ฯลฯ รวมถึงงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ งานโฆษณา ประชาสัมพันธ์ งานสวยๆ งามๆ หรืองานที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบ มีความเป็นไปได้ว่า คุณจะตกอยู่ท่ามกลางสถานการณ์การแก่งแย่งแข่งขัน ชิงดีชิงเด่น ในเรื่องของผลประโยชน์และผลตอบแทนอย่างดุเดือด ซึ่งมีความเสี่ยงที่คุณจะเกิดการทะเลาะเบาะแว้ง จนงานสะดุดหยุดลงกลางคัน

การเงิน :  ก็ยังมีโชค ลาภลอยจนถึงได้รับมรดก แต่กว่าจะได้มาก็ต้องแย่งชิงกันอย่างดุเดือด

ความรัก : ก็ยังอยู่ที่การทะเลาะมีปากเสียงกันอย่างรุนแรงอยู่ ยิ่งคุณแต่งงานอยู่ด้วยกันมานานแล้วด้วย ความสัมพันธ์ก็ยิ่งเปราะบาง เสี่ยงต่อการแตกหักได้ง่าย คนโสด  วันนี้ก็ยังเป็นไปได้ว่า จะมีทั้งหนุ่มจริงและหนุ่มไม่จริงแย่งชิงคุณเลยทีเดียว แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือ คุณจะเบื่อง่าย รักง่ายหน่ายเร็วมาก

สุขภาพ : หากออกจากบ้านควรพกยาดม ยาหม่อง ยาประจำตัวไปด้วย เพราะมีโอกาสที่คุณจะหน้ามืด วิงเวียนศีรษะจนถึงเป็นลม รวมถึงมีความเสี่ยงที่จะได้รับอันตรายจากการทะเลาะวิวาท รวมถึงการขับขี่ด้วย

 

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน :  สำหรับผู้ที่ดำรงตำแหน่งหน้าที่การงานระดับสูง ไม่ว่าจะภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ เอกชน หรือภาคธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณทำงานในสายเอ็นเทอร์เทน เช่น ดีเจ พิธีกร นักร้อง นักดนตรี พริตตี้ ผู้ประกอบการสถานบันเทิง ร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่ม ฯลฯ บอกเลยว่า ความสำเร็จในวันนี้ไม่ได้มาด้วยความบังเอิญ แต่แลกด้วยพลังกายพลังใจอย่างแรงกล้า มีโอกาสที่คุณจะถูกมอบหมายให้แบกรับงานหนักอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยอยู่ภายใต้การติดตามดูแลอย่างใกล้ชิดจากผู้บังคับบัญชาอีกด้วย

การเงิน :  มีรายได้อย่างมั่นคงจากความสามารถของตัวเอง แต่ก็มีความเสี่ยงที่คุณจะทำเงินได้มากจากงานสีเทา หรืองานที่ไม่ถูกต้อง หรือเสียเงินไปกับการเอ็นเทอร์เทนเพื่อนฝูง

ความรัก :  มีความเป็นไปได้ว่า คู่คุณจากที่เคยส่งเสริมหน้าที่การงานคุณอย่างดี วันนี้เขามีแววที่จะออกนอกลู่นอกทาง ดังนั้น คุณไม่ควรให้เวลากับการทำงานจนไม่มีเวลาอยู่บ้าน เพราะมีความเสี่ยงว่าเขาอาจกู่ไม่กลับ คนโสด วันนี้หากคุณกำลังหลงใหลได้ปลื้มกับหนุ่มรุ่นน้องจนยอมไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยก่อน ซึ่งในวันข้างหน้าคุณจะหวังให้เขาช่วยเรื่องงานมากกว่าจะรักจริง

สุขภาพ :  คุณดูแลสุขภาพร่างกายตัวเองอย่างดี แต่วันนี้อาจพลาดตรงที่คุณโหมงานหนัก ไม่ได้พักผ่อนเต็มที่ แล้วหากชอบดื่มแอลกอฮอลล์ด้วยแล้ว ก็ยิ่งจะทำให้ร่างกายที่คุณถนอมมาตลอด โทรมลงอย่างรวดเร็ว

 

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี

การงาน  :  มีความเป็นไปได้ว่า คุณจะเหนื่อยใจ เพราะต้องร่วมงานกับผู้ที่มีความคิดเห็นขัดแย้งกับคุณในทุกๆ เรื่อง ซึ่งคุณก็เป็นผู้หญิงที่มุ่งมั่นในความสำเร็จอย่างแรงกล้า พร้อมจะทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับการทำงานโดยไม่สนใจที่จะปฏิบัติภารกิจส่วนตัว ดังนั้น วันนี้จึงมีความเสี่ยงที่คุณจะต้องแบกรับความรับผิดชอบไว้อย่างหนักอึ้ง มีความเป็นไปได้ว่าจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับงานสีเทา รวมถึงงานที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งหากถลำลึกลงไปก็มีแต่จะสร้างความเดือดร้อนให้ไม่หยุดหย่อน

การเงิน :  ขึ้นลง ผันผวน ไม่แน่นอน คุณสามารถหาเงินได้เยอะจากการทำงาน แต่คุณก็ใช้จ่ายเยอะเช่นกัน โดยเฉพาะในเรื่องการกินดื่ม เลี้ยงเพื่อนฝูง ช่วยเหลือผู้อื่นที่เดือดร้อนจนตัวเองเดือดร้อน

ความรัก : คุณทำงานอย่างบ้าคลั่ง ส่วนเรื่องครอบครัวคุณก็มีปากเสียงกันอย่างบ้าคลั่งเช่นกัน จนวันนี้คุณเริ่มคิดว่า จะอยู่คนเดียวดีกว่าไหม คนโสด คุณมีอุดมการณ์ในการใช้ชีวิตอย่างแรงกล้า โดย work hard play hard  ส่วนเรื่องความรักหากยังไม่เจอใครที่เหมาะสมก็ขออยู่คนเดียวดีกว่า

สุขภาพ : อย่าประมาท มีความเสี่ยงที่คุณจะได้รับอันตรายจากของมีคม และความร้อน หรือเปลวไฟจนเกิดบาดแผลตามร่างกาย

 

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน :  สำหรับผู้ที่ทำงานหรือเกี่ยวข้องกับงานที่ต้องใช้คำพูดในการติดต่อสื่อสาร โฆษณา ประชาสัมพันธ์ สื่อมวลชน พนักงานขาย ฯลฯ มีความเป็นไปได้ว่าคุณจะได้เริ่มงานที่นอกเหนือจากงานประจำ เช่น ทำธุรกิจส่วนตัว ฟรีแลนซ์ เปิดโฮมออฟฟิศรับงานเอง ซึ่งมีความท้าทายและการแข่งขันสูง ก็เท่ากับได้พิสูจน์ความสามารถให้ทุกคนยอมรับด้วย แต่วันนี้หากจะทำสัญญาหรือข้อตกลงใดๆ ควรพิจารณาข้อความทุกๆ บรรทัดให้รัดกุม เพราะมีความเสี่ยงที่คุณจะถูกผูกมัดให้ไปทำงานอื่นไม่ได้เลย

การเงิน :  มีโชค ไม่ว่าจะจับอะไรก็เป็นเงินเป็นทองไปหมด แต่อย่าประมาท เพราะความที่คุณใจอ่อน ขี้สงสาร ชอบช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อน จึงมีความเสี่ยงที่จะถูกหลอกได้ง่ายมาก วันนี้ไม่ควรเป็นตัวแทนไปกู้ยืมเงิน หรือเซ็นค้ำประกันให้ใคร เพราะอาจต้องรับผิดชอบหนี้สินแทน

ความรัก :  คุณอยู่ในครอบครัวที่ให้ความรักและดูแลเอาใจใส่คุณอย่างดี แต่วันนี้จะมีบุคคลที่สามที่จะเข้ามาในครอบครัวคุณ ก็ต้องระวัง เพราะเธอมาเพื่อหวังผลประโยชน์  คนโสด  คุณรักเดียวใจเดียวจนไม่เป็นตัวของตัวเอง เพราะติดบ่วงรักที่ผูกขาคุณไว้

สุขภาพ : ควรให้ความสนใจดูแลรักษาความสะอาดของช่องปากและฟัน เพราะมีความเสี่ยงที่จะส่งผลเสียต่อระบบทางเดินหายใจ หลอดลมและปอด

 

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน : สำหรับผู้ที่ทำงานหรือเกี่ยวข้องกับงานบันเทิง งานศิลปะ งานเขียน ฯลฯ รวมถึงสินค้าหรือบริการที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบ มีความเป็นไปได้ว่าคุณจะได้ร่วมหุ้นทำธุรกิจกับเพื่อนสนิทผู้หญิง ก็นับว่าคุณโชคดีมีผู้ใหญ่ให้การสนับสนุนส่งเสริม เพื่อนร่วมงาน และผู้บังคับบัญชาก็ให้ความเมตตาเอ็นดูคุณเป็นพิเศษ โดยเฉพาะหากคุณทำงานหรือร่วมงานกับหน่วยงานราชการ หรือรัฐวิสาหกิจด้วยแล้ว วันนี้งานจะดำเนินไปได้อย่างราบรื่น

การเงิน : จะหมดเปลืองไปกับการเรื่องความสวยความงาม การท่องเที่ยว และช่วยเหลือญาติสนิทมิตรสหาย ก็ไม่ควรเชื่อคำพูดที่มีหลักการและเหตุผลที่มาขอให้คุณลงทุนในธุรกิจหรือธุรกรรมต่างๆ เพราะเสี่ยงต่อการถูกหลอก ถูกโกง

ความรัก : ความสัมพันธ์ระหว่างญาติผู้ใหญ่ผู้หญิงกับลูกหลานที่บ้าน ก็เป็นไปด้วยดี ไม่มีอะไรให้วิตกกังวล   คนโสด วันนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะพาเพื่อนสนิทผู้หญิงมาให้ผู้ใหญ่รู้จัก เพราะท่านอารมณ์ดี จะรักและเอ็นดูเธอเหมือนลูกเหมือนหลาน

สุขภาพ : มีความเสี่ยงที่จะเป็นไข้หวัด ปอดบวม โรคเลือดจาง หรือมีความผิดปกติในเม็ดเลือด รวมถึงความดัน และน้ำในหูไม่เท่ากันด้วย

 

คุณยายบัวฮอง

สู้มะเร็งไม่ถอย “คุณยายบัวฮอง” จากแม่ค้าผักสู่ดาวติ๊กต๊อกรุ่นใหญ่

account_circle
คุณยายบัวฮอง
คุณยายบัวฮอง

“คุณยายบัวฮอง จงปัตนา” แม่ค้าผักย่านบางโพวัย 72 ปี ที่ต่อสู้ ไม่ย่อท้อต่อโรคมะเร็ง อัดคลิปขายของลงโซเชียลจนได้กลายเป็นดาว TIKTOK ที่มีคนติดตามกว่า 2.5 แสนคน และมีคนกดหัวใจส่งให้กว่า 2 ล้านคน จนสามารถสร้างรายได้ให้กับคุณยายมากมายในช่วงสภาวะเช่นนี้ โดย “คุณยายบัวฮอง” ได้กล่าวว่า

สู้มะเร็งไม่ถอย “คุณยายบัวฮอง” จากแม่ค้าผักสู่ดาวติ๊กต๊อกรุ่นใหญ่

คุณยายบัวฮอง

“เริ่มต้นเล่น TIKTOK จากคนขายผักด้วยกันชวนให้เล่นนานแล้ว เค้าบอกว่าเล่นแล้วมีความสุขนะ ยายก็เล่นไปไม่ได้คิดอะไร จนดัง ตอนนี้น้ำพริกยายขายไปถึงเมืองนอกเลยนะ ยายอ่านหนังสือไม่ออกด้วย ต้องให้ Siri อ่านให้ เวลาลงคลิปยายก็ลงเองหมดเลย มีคนถามว่าใครตัดต่อให้ ยายบอกเลยว่าไม่มี ยายทำคนเดียว ถามว่าแก่แล้วมาทำอะไรแบบนี้อายไหม?

ยายไม่อาย เราทำของเรา เรามีความสุขเราก็ทำ เจอต้นไม้ที่ไหนยายก็เต้น ใครจะมองก็ช่างเขาไม่สนใจ ชีวิตเราใครเขาจะมาช่วยเรานอกจากตัวเราเอง ประมาณ 4-5 ปีที่แล้วยายเป็นมะเร็งในมดลูก ไปตรวจเจอหมอเขาก็ตัดออกก็ รักษามาเรื่อยๆ แต่ทีนี้มันลามอีกบางคนก็บอกว่าทำคีโมแล้วจะหัวล้านนะ, 3 เดือนตายนะ ยายบอกยายไม่ตายหรอก ยายไม่กลัว ยายสู้ถึงที่สุด

คนเรามีลมหายใจอยู่ก็ต้องสู้ อย่าท้อ ไม่ต้องไปขอใครเดี๋ยวเกิดชาติหน้าลำบาก ยายอยากจะบอกคนที่ท้อหรือมีปัญหาอะไร เป็นโรคอะไรก็ตาม ถ้ายังมีลมหายใจอยู่อยากให้สู้ต่อไป”

สามารถติดตามรับชมแนวความคิดและการต่อสู้ชีวิตของเหล่าบุคคลทุกวงการและหลากหลายอาชีพได้ใน “รายการ Next People คนไม่หมดไฟ” ออกอากาศวันพฤหัสที่ 29 กรกฏาคม 2564 เวลา 20.00 น. ได้ทางแฟนเพจเฟซบุ๊ก Mthai, mono29 news และชมย้อนหลังผ่านทุกช่องทางของ Mthai, youtube channel :  mono29 และ เว็บไชต์ seeme.me


 

ซินดี้ สิรินยา บิชอพ

ล้วงลึกบทบาท แม่ & เมีย ฉบับ ‘ซินดี้ สิรินยา บิชอพ’ หญิงแกร่งแห่ง UN Women

Alternative Textaccount_circle
ซินดี้ สิรินยา บิชอพ
ซินดี้ สิรินยา บิชอพ

‘ซินดี้ สิรินยา บิชอพ’ เรารู้จักเธอในฐานะมิสไทยแลนด์เวิลด์ในปี พ.ศ. 2539 ซูเปอร์โมเดลตัวแม่ โฮสต์ประจำรายการ Asia’s Next Top Model ดารานักแสดง พิธีกร คุณแม่ของลูกๆ ที่น่ารักและครอบครัวที่อบอุ่น แต่ยังมีอีกหนึ่งบทบาทที่ซินดี้จริงจังไม่แพ้อย่างอื่น คือการเคลื่อนไหวเพื่อหยุดการคุกคามทางเพศและการเรียกร้องความเท่าเทียมในเพศหญิง

ในปี 2018 ซินดี้สร้างกระแสเผ็ดร้อนด้วยการโพสต์วิดีโอพร้อมติด #DontTellMeHowToDress #TellMenToRespect เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยกับนโนบายของภาครัฐที่แนะนำให้ผู้หญิง “อย่า” แต่งตัวเซ็กซี่ เพื่อป้องกันการโดนลวนลามในเทศกาลสงกรานต์ ก่อนจะลุกขึ้นมาทำนิทรรศการ และเป็นวิทยากรเพื่อรณรงค์ต่อต้านการคุกคามทางเพศและการเคารพสิทธิ์ของผู้อื่นอย่างต่อเนื่อง กระทั่งปี 2020 ซินดี้ได้รับการแต่งตั้งจาก UN Women ให้เป็นทูตสันถวไมตรี (Goodwill Ambassador) ประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกเป็นคนแรก พร้อมกับที่สำนักข่าว BBC ของอังกฤษยกย่องให้เธอ เป็น 1 ใน 3 หญิงไทยของ BBC 100 Women จากทั่วโลก

ซินดี้ สิรินยา บิชอพ

ล้วงลึกบทบาท แม่ & เมีย ฉบับ ‘ซินดี้ สิรินยา บิชอพ’ หญิงแกร่งแห่ง UN Women

เล่าถึงที่มาของการได้มาทำงานกับ UN Women สักนิดนะคะ

“เริ่มมาจากตอนที่ซินดี้ทำแคมเปญ Don’t Tell Me How to Dress ขึ้นมาในปี 2018 แล้วก็ได้รับการติดต่อจากมูลนิธิหญิงชายก้าวไกลให้มาช่วยเป็นกระบอกเสียงให้ผู้หญิง พอดีเรามีไอเดียอยากทำนิทรรศการเกี่ยวกับผู้หญิงที่ถูกคุกคามทางเพศผ่านเครื่องแต่งกายที่ผู้หญิงสวมใส่ ซินดี้จึงเดินเข้าไปเคาะประตู UN Women เองเลยว่าเรากำลังจะทำนิทรรศการแบบนี้นะ เรามีเสื้อผ้าของผู้หญิงที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศอยู่ในมือแล้ว แต่เราต้องการองค์กรมาช่วยซัพพอร์ต ผลจากการได้คุยกันครั้งนั้น จึงเกิดการนัดประชุมครั้งต่อๆ มา และเกิดนิทรรศการขึ้นจริงๆ นั่นคือโปรเจ็กต์แรก หลังจากนั้นมาซินดี้ก็ได้ทำงานร่วมกับทาง UN Women มาตลอด ทำให้เขาเห็นว่าซินดี้ทำงานอย่างต่อเน่อื ง ไม่ได้ทำครั้งเดียวจบ แล้วการทำงานตรงนี้ต้องใช้ข้อมูลเยอะ แต่ซินดี้หาข้อมูลไปเอง พูดได้เอง โดยที่ ทางเขาไม่ต้องให้ข้อมูล เขาจึงรู้สึกว่าเราอินจริงๆ วันหนึ่งทางนั้นจึงมาบอกว่าจะเสนอชื่อให้ซินดี้เป็น Goodwill Ambassador ของ UN Women”

 

ย้อนกลับไปในวัยเด็ก ครอบครัวซินดี้ปลูกฝังเรื่องการเคารพสิทธิต่างๆ อย่างไรบ้างคะ

“ความจริงคุณแม่ซินดี้ไม่ได้สอนเรื่องความเท่าเทียมทางเพศอะไรนะคะ เพราะเขาก็เป็นคนเจเนอเรชั่นก่อน แต่คุณแม่จะแสดงออกเหมือนเป็นเฟมินิสต์โดยไม่รู้ตัว คือไม่ทนกับคำพูดอะไรที่รับไม่ได้ และจะบอกเลยว่าไม่โอเค หรือสมัยซินดี้อายุยังน้อย มีผู้ชายมาจีบ ซื้อของแพงๆ มาให้ ซินดี้ก็รับมาแบบไม่รู้เรื่อง พอแม่เห็นปุ๊บก็บอกว่า ‘ยังไม่ได้คบกันเลย ไปรับของเขามาได้ยังไง’ แล้วก็บอกให้นำไปคืน จนโตขึ้นมาจึงได้เข้าใจว่าการไปรับของเขามา ทำให้เราเป็นฝ่ายติดค้าง การที่แม่ไม่ให้รับของ ก็เหมือนกับไม่ให้ใครมาซื้อตัวเรา นี่คือมุมมองของแม่ ถ้าจะคบกันจริงต้องคุยกันนานๆ แล้วค่อยว่ากัน นี่เป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็มีส่วนทำให้ซินดี้โตขึ้นมาเป็น Independent Woman แล้วคุณแม่ก็ปล่อยให้ซินดี้ทำงานตั้งแต่เด็กๆ คืออยากทำอะไรได้หมด ขอแค่ตั้งใจและอย่าเกเร”

ซินดี้ สิรินยา บิชอพ

ฝั่งคุณพ่อล่ะคะ

“คุณพ่อก็สนับสนุนให้พึ่งตัวเองเหมือนกันค่ะ ตอนซินดี้เรียนจบไฮสกูล ท่านบอกซินดี้ว่าอย่าเพิ่งไปเรียนต่อ อายุ 17 ลูกยังไม่รู้หรอกว่าอยากทำอะไร ให้ออกเดินทางท่องเที่ยวและทำงานเก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิตก่อน คือท่านมีความคิดค่อนข้างปล่อย แล้วก็สอนให้ซินดี้เลี้ยงตัวเองตั้งแต่ 14 ทั้งช่วยงานทางบ้านที่ขายอุปกรณ์ดำน้ำด้วย จึงค่อนข้างมีความรับผิดชอบและแก่แดด (หัวเราะ) คือคุณพ่อคุณแม่ปฏิบัติกับเราเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง แถมยังเป็นลูกคนเดียว เวลาไปไหนก็ไปกับคุณพ่อคุณแม่ตลอด จึงทำให้ซินดี้ค่อนข้างโตกว่าวัย” (ยิ้ม)

แล้วพอมาถึงลูกตัวเอง ซินดี้มีแนวทางในการเลี้ยงเขาอย่างไรคะ  

“ซินดี้กับไบรอนมีการประชุมกันเรื่องเลี้ยงลูก (เลล่า และเอเดน บิชอพ) ตลอด บ้านเราให้ความสำคัญเรื่องนี้มาก จึงต้องคุยเพื่อปรับจูนให้ไปในทิศทางเดียวกัน หรือมีการปรับความคิดว่าในสถานการณ์แบบนี้ เราอยากให้ลูกเป็นแบบไหน ซึ่งสำคัญมาก เพราะเราต้องทำงานเป็นทีม ถ้าเราตั้งกฎแล้วอีกคนไม่ทำ เด็กจะรู้ได้ทันที เพราะเขาฉลาด (หัวเราะ)

“ครอบครัวซินดี้มี Family Rules ที่ทุกคนในครอบครัวต้องทำตาม เป็นข้อตกลงที่เราสัญญากันไว้ กฎนี้เกิดขึ้นตอนไปเที่ยวอเมริกา แล้วลูกๆ ซนมาก จนซินดี้ปรี๊ดแตก บอกทุกคนหยุด! มานั่งตรงนี้เดี๋ยวนี้ ซินดี้ก็ให้เขาหยิบกระดาษออกมาคนละแผ่น แล้วให้ลูกๆ ตั้งกฎขึ้นมา เขียนไปเลยว่ามีอะไรบ้าง เขาก็พูดคำแรกเลยว่า ‘Be Kind’ ข้อ 2 ‘Don’t Interrupt’ คือ ณ วันนั้นเราไม่รู้จะจัดการยังไง จึงเปลี่ยนความรู้สึกนี้ให้เป็นอะไรที่สร้างสรรค์ที่สุดเท่าที่จะคิดออก สุดท้ายจึงออกมาเป็นกฎประจำครอบครัวที่ว่า Be Kind (มีเมตตา), Be Patient (อดทน), Support Each Other (สนับสนุนเกื้อกูลกัน), No Bad Secrets (ไม่มีความลับต่อกัน), อย่าพูดแทรก และ No Hitting คือเป็นกฎที่ชัดเจนมาก แล้วทุกคนในบ้านต้องเคารพกฎนี้อย่างเคร่งครัด”

ซินดี้ สิรินยา บิชอพ

แล้วในแง่ของสิทธิส่วนบุคคลล่ะคะ บอกลูกอย่างไร

“ซินดี้นำสิ่งที่เขียนในหนังสือมาใช้ในบ้านด้วยค่ะ เราจะพูดตลอดเรื่องของการเคารพซึ่งกันและกัน อย่างเอเดนเข้าใจเรื่องความยินยอมตั้งแต่ 4 ขวบแล้ว เรายกตัวอย่างว่า สมมติว่าหนูมีคุกกี้ที่อร่อยมาก อยากให้พี่สาวชิม แต่พี่สาวไม่อยาก หนูจะยัดปากพี่ไม่ได้นะคะ (หัวเราะ) นั่นคือความยินยอม หรือบางทีพี่น้องวิ่งเล่นไล่จับกัน ตอนแรกก็เริ่มต้นด้วยดี เพราะอยากเล่นทั้งคู่ แต่ถ้าถึงจุดหนึ่งที่คนหนึ่งพูดขึ้นมาว่าไม่อยากเล่นแล้ว ก็ต้องหยุด เพราะแสดงว่าเขา ไม่ให้ความยินยอมต่อไป ดังนั้นเวลาลูกๆ เล่นกัน ซินดี้จะแอบฟังตลอด ถ้ามีคนหนึ่งพูดว่าไม่ แล้วอีกคนไม่ฟัง ยังเล่นต่อ แล้วอีกคนร้องว่า ‘ไม่เอาๆ’ ซินดี้ก็จะเสียงดังขึ้นมาเลยว่า ‘I heard stop twice!’ (แม่ได้ยินคำว่าหยุดสองครั้งแล้วนะ) เขาจะรู้ทันทีว่าต้องหยุด

“ที่ต้องสอน เพราะวันนี้อาจเป็นแค่คุกกี้หรือวิ่งไล่จับ แต่วันหลังอาจจะเป็นเรื่องอื่นที่ใหญ่ขึ้นและซับซ้อนขึ้น ซึ่งถ้าไปพูดตอนนั้นจะยากแล้ว เราจึงต้องปูพื้นคอนเซ็ปต์นี้ไว้ให้เขาตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งหลายครั้งพ่อแม่อาจจะมองข้ามเรื่องเล็กๆ ไป เพราะคิดแต่เรื่องใหญ่ๆ แต่ถ้ามองให้ดีจะเห็นเลยว่า นี่คือการวางพื้นฐานเรื่องการเคารพสิทธิของผู้อื่น”

ซินดี้ สิรินยา บิชอพ

มีเรื่องอะไรที่บ้านนี้ให้ความสำคัญอีกคะ

“เรื่อง Gender Stereotype คะ่ บางบ้านเลี้ยงลูกผู้หญิงผู้ชายไม่เหมือนกัน แต่ซินดี้เลี้ยงเหมือนกัน และคิดว่าเรื่องเพศไม่เกี่ยวอะไรกับการเลี้ยงลูก ยกเว้นสิ่งที่เป็นเรื่องเฉพาะจริงๆ เช่น พัฒนาการทางร่างกาย อันนี้เราจะแยกสอน นอกเหนือจากนั้น ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมการแสดงออก การเล่น ซินดี้ไม่จำกัดเลย เช่น มีครั้งหนึ่งเอเดนหกล้มแล้วเลือดออก พี่เลี้ยงเขาบอกว่าไม่ได้ๆ เด็กผู้ชายอย่าร้องไห้ ซินดี้บอกเลยว่าไม่เกี่ยวกัน ถ้าเขาเจ็บก็ปล่อยร้องไป เพราะการร้องไห้เป็นการแสดงออกทางอารมณ์ ไม่เกี่ยวกับเรื่องเพศ ดีเสียอีกที่ผู้ชายควรจะได้รู้จักการแสดงออกทางอารมณ์บ้าง เพราะหลายครั้งที่ผู้ชายได้แต่เก็บความเศร้าเสียใจไว้ เพราะถูกสอนมาแต่เด็กว่าห้ามแสดงอารมณ์ แต่ซินดี้จะบอกลูกเสมอว่านี่เป็นเรื่องธรรมชาติ มีอะไรให้พูดออกมา ไม่ใช่เรื่องอ่อนแอเลยที่พูดในสิ่งที่เรารู้สึก

“หรือซินดี้เคยทำคลิปแต่งหน้า ทั้งเลล่าและเอเดนก็มาเล่นเครื่องสำอาง แต่งหน้ากันสนุกสนาน ปรากฏว่ามีคนส่งคอมเม้นต์มาเยอะมาก ที่ซินดี้ให้ลูกชายเล่นเครื่องสำอาง ซินดี้ก็อยากถามกลับว่า แล้วถ้าลูกสาวจะไปซ่อมรถกับไบรอนไม่ได้เหรอ นี่แหละคือ Stereotype มันไม่มีเหตุผล แต่เราก็พยายามทำความเข้าใจว่านี่คือทัศนคติที่มีมานานแล้ว แต่บางครั้งก็เจอเหตุการณ์ที่ทำให้ซินดี้พูดไม่ออก อย่างเคยพาลูกไปเที่ยว แล้วมีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเข้ามาคุยด้วย พอดีตรงนั้นมีร้านขายเครื่องประดับสวยๆ ตอนนั้นเอเดนอายุประมาณ 3-4 ขวบ คงเห็นอะไรวิบๆ วับๆ ก็เลยเข้าไปจับตามประสาเด็ก ปรากฏว่าผู้ใหญ่ท่านนั้นแทบจะตีมือแล้วบอกว่า ‘ไม่ได้ลูก ผู้ชายห้ามเล่นของแบบนี้’ เอเดนตกใจหันมามองหน้าแม่ ซินดี้ก็อึ้งไปเลย คือพยายามบอกลูกว่าไม่เป็นไร เล่นได้ แต่ทางผู้ใหญ่ยังคงห้ามอยู่ ซินดี้จึงต้องขอตัวออกมาปรับความเข้าใจกับลูกใหม่ว่า ‘ไม่เป็นไรนะลูก หนูเล่นได้ เพราะมันเป็นของสวยงาม’

“คือสำหรับคนอื่นอาจเป็นเรื่องเล็ก แต่สำหรับซินดี้ไม่ใช่ เพราะสมมติว่าเด็กชอบจริงๆ โดยเขาอาจจะเป็นเกย์ หรือเขาแค่มีความอ่อนไหวทางอารมณ์ พอเจอสถานการณ์อย่างนี้จะทำให้เขารู้สึกผิด แล้วเขาก็จะโตมากับความรู้สึก อับอายและรู้สึกผิดไปตลอด ยิ่งถ้าเขาแค่สนใจเฉยๆ ตามประสาเด็ก อย่างเอเดนก็เคยเล่นบาร์บี้ของเลล่า ที่สุดธรรมชาติของเขาจะปรากฏเอง เราไม่ต้องไปห้าม ถ้าเขาชอบทางนี้จริงๆ เรายิ่งไม่ควรไปฝืน”

ซินดี้ สิรินยา บิชอพ

แสดงว่าซินดี้รับได้

“รับได้ค่ะ (เสียงหนักแน่น) วันก่อนเอเดนกลับมาแล้วถามว่า ‘แม่ครับ ผู้ชายแต่งงานกับผู้ชายได้ไหม’ ซินดี้ถามเขากลับว่า แล้วหนูคิดว่ายังไง เขาก็ไล่ชื่อเพื่อนสนิทของครอบครัวเราที่เป็นเกย์ แล้วแต่งงานไปหลายคู่กลับมา แค่นี้ซินดี้ก็ไม่ต้องตอบอะไรลูกเลย เขาตอบเองว่า ‘I think so.’ ซินดี้ก็บอกลูกเลยว่า ‘แม่ก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน เพราะรักก็คือรัก’ แค่นี้จบ ทำไมต้องเป็นเรื่องใหญ่ ในเมื่อนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในสังคม ซินดี้จึงคิดว่าทัศนคติของพ่อแม่นี่แหละสำคัญมากในการวางพื้นฐานให้ลูก”

อัพเดตวีรกรรม “เลล่า” กับ “เอเดน” หน่อยค่ะ เป็นอย่างไรบ้าง

“แสบมาก (หัวเราะ) ตอนนี้เลล่าอายุ 11 ขวบ นิสัยคล้ายพ่อ มีความนิ่งและเป๊ะ ไม่ว่าจะทำอะไรก็จะมีกระบวนการ 1 2 3 4 ตอนนี้กำลังอินกับการเต้น มี TikTok ของตัวเองด้วยนะ แต่เราเซตให้เป็นไพรเวต เพราะเขายังเด็ก ต้องระวังเรื่องนี้นิดหนึ่ง ส่วนเอเดนอายุ 8 ขวบ นิสัยเหมือนแม่ สนุกสนาน แล้วก็ฟรีสปิริต ออกแนวเอนเตอร์เทน (ยิ้ม) ที่แน่ๆ คือทั้งคู่แอ๊คทีฟ กิจกรรมเยอะ ทั้งเล่นกีฬาและดนตรี เพราะครอบครัวเราชอบทำกิจกรรมค่ะ ทั้งคู่จึงค่อนข้างขี้เล่นและสนุกสนาน”

ในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ในฐานะแม่ ซินดี้กลัวอะไรที่สุด 

“กลัวเยอะ นอยด์ไปหมด (หัวเราะ) แต่พยายามไม่คิดมาก สิ่งที่เราพอจะช่วยเหลือลูกได้คือทำให้เขามีความ Resilience คือสามารถรับมือกับปัญหาได้ ยอมรับว่าลูกไม่เหมือนซินดี้ตอนอายุเท่ากัน ซินดี้โตไวกว่า เพราะทำงานดูแลตัวเองตั้งแต่เด็ก แต่ก็ไม่อยากให้ลูกรู้ชีวิตเร็วนัก อยากให้เขามีความอินโนเซ้นส์ตามวัย แต่ก็ไม่ถึงกับปิดหูปิดตาลูก เพราะความเป็นเด็กมีอยู่แค่แป๊บเดียวจริงๆ อยากให้เขาเอนจอยกับช่วงวัยของเขา ซินดี้จึงให้ความสำคัญกับการทำให้เขารู้ว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเขาจะมีพ่อแม่อยู่ด้วย อยากให้เขาใกล้ชิดกับเราและรู้สึกปลอดภัย มีอะไรก็สามารถมาปรึกษาและขอคำแนะนำได้ แต่เราจะไม่กระโดดไปแก้ปัญหาให้เขา เพราะนี่คือกุญแจสำคัญที่จะทำให้เขาเติบโตได้อย่างมั่นคง เรามีหน้าที่แนะนำแล้วให้เขาไปจัดการเอง ซึ่งถ้าทำให้เขามั่นคง เขาจะมั่นใจ พอเขาแน่นกับตัวตนของตัวเองแล้ว ในอนาคตเราก็คงไม่เป็นห่วงเท่าไร”

ซินดี้ สิรินยา บิชอพ

บ้านนี้คุณพ่อคุณแม่แบ่งหน้าที่ในการดูแลลูกและครอบครัวกันอย่างไรคะ

“เราแบ่งเท่าๆ กันค่ะ ไม่มีใครทำหน้าที่ใดหน้าที่หนึ่งเฉพาะเจาะจง แต่จะแบ่งช่วงเวลากันเป็นรายวันบ้าง รายสัปดาห์บ้าง ซินดี้กับไบรอนจะประชุมกันทุกวันอาทิตย์ว่าวันไหนใครจะไปรับลูก หรือใครจะเป็นคนพาลูกคนไหนเข้านอน เราจะสลับกัน ไม่มีการแยกว่าลูกคนนี้ต้องไปกับพ่อหรือแม่ตลอด เรื่องอื่นก็เช่นกัน ไม่มีใครนำใคร เราแค่ต้องคุยและแบ่งเวลา เช่นเดียวกับงานบ้านที่เราทำเท่าเทียมกัน นี่เป็นอีกหนึ่งแคมเปญที่ทางมูลนิธิหญิงชายก้าวไกลและ UN Women พยายามผลักดันให้เป็น He for She ผู้หญิงช่วยผู้หญิงกันเองคงไม่พอ เราต้องการให้ผู้ชายมาช่วยด้วย โดยเริ่มง่ายๆ จากในบ้านนี่แหละ

“ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่าหน้าที่การดูแลลูกและงานบ้านไม่ได้เป็นของฝ่ายหญิงอย่างเดียว ในเมื่อคุณก็อยู่ในบ้านเหมือนกัน การที่ผู้ชายไม่ทำงานบ้าน แล้วผู้หญิงทำอยู่ฝ่ายเดียว สุดท้ายจะนำไปสู่หลายปัญหา เช่น ผู้หญิงไม่มีอาชีพหลัก หรือไม่สามารถประสบความสำเร็จในการงานได้ เพราะมีภาระในการเลี้ยงดูลูก เหมือนพอท้องปุ๊บก็ลืมเรื่องอนาคตไปได้เลย ซึ่งซินดี้ว่าไม่ใช่ การเลี้ยงดูลูกถือว่าเป็นงานที่หนักและเหนื่อยมาก จะมีงานไหนในโลกนี้ที่ต้องทำตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ โดยไม่มีวันพัก ไม่มีวันลา และไม่มีค่าตอบแทน ซินดี้ไม่ได้เรียกร้องให้มาจ่ายค่าจ้าง แต่ขอให้รับรู้ว่านี่คืองานที่หนักมหาศาล หากจะมีใครที่พอช่วยตรงนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นสามี หรือแม้กระทั่งผู้บริหารในองค์กรที่เข้าใจในเรื่องนี้ มีการออกนโยบายการทำงานที่ยืดหยุ่นให้พนักงานผู้หญิงที่เป็นแม่ พนักงานเองก็จะได้รู้สึกว่าเขาสามารถทำอะไรให้องค์กร ได้มากขึ้น ถ้าเราลองคิดนอกกรอบได้ ซินดี้ว่าจะดีมากๆ เลย”

ซินดี้ สิรินยา บิชอพ

ซินดี้กับไบรอนถือเป็นอีกหนึ่งคู่ในวงการบันเทิงที่รักกันมายาวนาน มีวิธีดูแลกันอย่างไรให้ชีวิตคู่ราบรื่นยืนยาวคะ

“ซินดี้กับพี่ไบรอนอยู่ด้วยกันมาเข้าปีที่ 23 แล้ว สิ่งที่ทำให้เราไปกันได้ คือต้องสื่อสารและเสียสละทั้งสองฝ่าย ต้องพูดคุยเพื่อจูนกัน และต้องไม่เป็นเพอร์เฟ็กชั่นนิสต์จนกลายเป็นควบคุมอีกคน แต่เราต้องยอมรับในตัวตนของเขา เพื่อให้เขาสามารถเป็นตัวเองได้ อย่างแต่ก่อนซินดี้ก็คาดหวังอยากให้เขาทำอย่างนั้นอย่างนี้ให้ เช่น อยากได้ดอกไม้บ้าง (ยิ้ม) แต่ทุกวันนี้เลิกคิดว่าจะได้ดอกไม้แล้ว แต่ในทางกลับกันเขาก็มีของขวัญให้บ้างในโอกาสพิเศษจริงๆ แล้วพี่ไบรอนก็มีข้อดีในด้านอื่นอีกมาก เช่น เขาเป็นคนดีมีคุณธรรม ซื่อตรง และเสียสละมาก ชีวิตของเขาคือครอบครัวจริงๆ แล้วเขาก็ดูคนออกแบบทะลุปรุโปร่ง ถ้าคนไหนที่เข้ามาแล้วเขารู้สึกไม่โอเค เขาจะไม่สนใจเลยว่าคนนั้นเป็นใครมาจากไหน เขาบอกเลยว่าไม่อยากคุย เขาจึงไม่ค่อยเข้าสังคม แล้วก็จะเลือกเพื่อนที่คบ ต่างจากซินดี้ที่ชอบเข้าสังคม เพื่อนเยอะ ชอบทำโน่นทำนี่”

ซินดี้คิดอย่างไรกับค่านิยมการมีกิ๊กในสังคมไทย

“สังคมมองเรื่องนี้ว่าธรรมดา ทุกวันนี้ไม่ใช่แค่ผู้ชายที่มีกิ๊ก ผู้หญิงก็มี ทั้งที่ความจริงเมื่อแต่งงานไปแล้วคุณต้องมีความซื่อสัตย์ต่อกัน ไม่ใช่ว่าพอแต่งงานแล้ว แต่ถ้าเขาก้าวเท้าออกจากบ้าน เขาจะไปทำอะไรก็ได้ เชื่อไหม ตอนซินดี้หมั้นกับพี่ไบรอน มีดาราผู้ใหญ่ท่านหนึ่งแนะนำว่า ‘ซินดี้ต้องคิดแบบพี่นะ แล้วชีวิตคู่หนูจะราบรื่น คือเมื่อไรก็ตามที่สามีเดินออกจากบ้าน เราไม่ต้องคิดเลยว่าเขาเป็นของเรา…’ ฟังแล้วซินดี้ได้แต่อ้าปากค้าง คือเข้าใจว่าท่านหวังดีจริงๆ แต่ซินดี้รับไม่ได้ เชื่อว่ายังมีอีกหลายบ้านที่สอนลูกแบบนี้ นี่คือมายาคติและทัศนคติของสังคมที่ผู้ชายเป็นใหญ่

“สำหรับซินดี้เรื่องนี้ไม่เคยอยู่ในหัวเลย แล้วพี่ไบรอนก็ไม่ได้ถูกปลูกฝังมาแบบนี้เหมือนกัน เขาเองก็ไม่เคยคิดว่าเรื่องการนอกใจเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ เพื่อนรอบข้างของเราสองคนก็ไม่มีใครคิดแบบนี้ เช่นเดียวกับเรื่องความรุนแรงในครอบครัว เราก็รับไม่ได้ ถ้ามีใครในหมู่เพื่อนทำอะไรแบบนี้ จะถูกเด้งออกจากกลุ่มไปเลย ไม่ต้องมาคบกัน ซินดี้ถึงบอกว่าทัศนคติอยู่ที่การปลูกฝังและสังคมโดยรอบ ถ้าคุณอยู่ในสังคมที่เฮฮารับได้ ก็มีสิทธิ์ที่จะเกิดเรื่องนี้ขึ้น”

ซินดี้ สิรินยา บิชอพ

สำหรับคำชื่นชมถึงรูปร่างหน้าตาสวยงาม ครอบครัวอบอุ่น ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานที่ซินดี้ได้ยินบ่อย อยากบอกว่า…

“ชีวิตซินดี้ไม่ได้เพอร์เฟ็กต์เลย (ตอบจริงจัง) แต่ยอมรับว่าตัวเองเป็นเพอร์เฟ็กชั่นนิสต์ ทำอะไรต้องทำให้สำเร็จและดีที่สุด แต่พอทำหลายๆ อย่างเข้า อย่างช่วงปลายปีที่ผ่านมาที่เรารับทำหลายๆ อย่างพร้อมกัน ด้วยความที่จริงจังและทุ่มเทมาก จนบางทีลืมคิดถึงความต้องการของตัวเองและครอบครัว จนพี่ไบรอนต้องเตือนให้เพลาๆ ลงบ้าง ก็ทำให้ซินดี้ได้คิดถอยกลับมาตั้งหลักใหม่ เพราะไม่ว่าเราจะเพอร์เฟ็กต์แค่ไหน แต่รอบๆ ตัวมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด แล้วการสร้างมาตรฐานที่สูงเกินไปทำให้เราไม่มีความสุข ยิ่งถ้าทำแล้วไปเปรียบเทียบกับคนอื่น อยากเป็นแบบนั้นแบบนี้ เราจะไม่มีทางแฮ็ปปี้

“มีช่วงหนึ่งพี่ไบรอนจะบ่นว่า ทำไมยูไม่หยุดแล้วเอนจอยกับสิ่งที่ทำบ้าง เพราะซินดี้จะเป็นประเภททำเรื่องนี้เสร็จปุ๊บ กระโดดไปทำอีกเรื่องต่อเลย พี่ไบรอนบอกว่ายูลองให้คะแนนตัวเองหรือยัง Enjoy the Moment นิดนึง คำเตือนของเขาทำให้ซินดี้ได้คิดว่าเราต้องหยุดคิดบ้างว่าเรากำลังทำอะไร ทำเพื่อใคร มีเวลาให้ครอบครัวไหม แทนที่จะต้องเพอร์เฟ็กต์ทุกอย่าง เราควรจะอยู่กับปัจจุบันให้มากที่สุด แล้วตรงนี้แหละที่ทำให้เรารู้สึกมีความสุขกับสิ่งที่มี โดยไม่ต้องไปเปรียบเทียบกับใคร พอถึงจุดหนึ่งเพอร์เฟ็กชั่นนิสต์คนนี้จึงไม่ต้องการความเพอร์เฟ็กต์อีกต่อไป ตอนนี้ซินดี้ก็กำลังพยายามทำทุกอย่างให้ช้าลง บาลานซ์ชีวิตให้มากขึ้น กำลังปรับอยู่ค่ะ โดยที่ยังยึดสิ่งสำคัญที่สุดไว้คืออย่าหยุดพัฒนาตัวเอง”

ใครคือแรงบันดาลใจที่ซินดี้ชื่นชมในด้านการใช้ชีวิตคะ

“ซินดี้ชอบโอปราห์ วินฟรี เขาเป็นผู้หญิงที่ไม่ว่าจะพูดหรือทำอะไร พลังในตัวที่สามารถส่งต่อให้คนอื่นได้จะสูงมาก เวลาที่ซินดี้รู้สึกนอยด์ๆ แล้วได้ฟังเขาพูดนะ เราจะมีพลังขึ้นมาเลย ซึ่งความรู้สึกดีๆ แบบนี้จำเป็นมากในการใช้ชีวิต บางทีเราอาจจะมองโลกอยู่แค่ในมุมมองของเรา แต่การได้ฟังและได้ดูสิ่งที่เขาทำมันคือการเปิดโลกและ Celebrate Powerful Woman โอปราห์จึงเป็นแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตของซินดี้”


ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 966

ภาพ : cindysirinya

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เปิดใจคู่กันครั้งแรก มาดามแป้ง & ดร.ณรัชต์ ความรักดั่งบุพเพสันนิวาสครั้งสุดท้าย

นางฟ้าไอทีร้อยล้าน “เฟื่องลดา” สู้และขยัน ทำงานตั้งแต่ 19 ฝันเลี้ยงพ่อแม่ให้สบาย

เมื่อไหร่จะมีแฟน ? ฟังจากปาก โป๊ป ธนวรรธน์ สเป็คสาวและมุมมองความรักที่เปลี่ยนไป

เครื่องประดับเจ้าบ่าว

รวมลิสต์ เครื่องประดับเจ้าบ่าว ตัวช่วยเสริมหล่อในวันวิวาห์

account_circle
เครื่องประดับเจ้าบ่าว
เครื่องประดับเจ้าบ่าว

ในวันสำคัญคุณจะใส่สูทแล้วจบพร้อมเดินเข้างาน ไม่จริงเพราะคุณยังสามารถหล่อได้มากกว่านั้นค่ะ ด้วย เครื่องประดับเจ้าบ่าว ที่แพรว wedding รวบรวมมาให้ มาเติมนิดเสริมหน่อยให้เหมาะกับสไตล์ของตัวเอง รับรองว่าสูทตัวเดิมที่คุณเคยลองจะดูดีขึ้นในพริบตา ไม่เชื่อก็ลองดู

รวมลิสต์ เครื่องประดับเจ้าบ่าว ตัวช่วยเสริมหล่อในวันวิวาห์

1.พ็อคเก็ตสแควร์หรือผ้าเช็ดหน้าที่พับไว้ในกระเป๋าเสื้อสูท แนะนำให้ใช้ผ้ามันเงาเพื่อสร้างความโดดเด่น และควรหลีกเลี่ยงลวดลายหรือเนื้อผ้าที่เหมือนกับเนคไทมากเกินไป

พ็อคเก็ตสแควร์

2.เข็มขัดควรมีดีไซน์เรียบๆ เส้นเล็ก และสีเดียวกับรองเท้าที่ใส่ บอกลาหัวเข็มขัดใหญ่โตอลังการที่มักขโมยซีนทุกอย่างในร่างกายของคุณไปหมด

3.ถ้าเลือกใส่เสื้อกั๊กไว้ด้านใน ก่อนสวมเสื้อสูทให้ปลดกระดุมเม็ดล่างสุดของเสื้อกั๊กออก จะดูเท่กว่าติดครบทุกเม็ด

4.เปลี่ยนจากกระดุมข้อมือเสื้อเชิ้ตธรรมดามาเป็นคัฟลิงค์ดีไซน์เท่ที่บ่งบอกความเป็นคุณได้อย่างชัดเจน

คัฟลิงค์

5. ถุงเท้าต้องไปด้วยกันกับกางเกงและรองเท้า โดยเลือกสีให้ใกล้เคียงกันมากที่สุดหรือสีที่เข้มกว่า ที่สำคัญความยาวของถุงเท้าต้องอยู่ในระดับเลยข้อเท้าขึ้นไป

6.รองเท้าควรไปกันได้ดีกับสูท เช่น รองเท้าสีดำเข้ากับสูทสีดำ น้ำตาลเข้ม น้ำเงินเข้ม  ส่วนรองเท้าหนังสีน้ำตาลเหมาะกับสูทสีครีมเข้ม และสีน้ำตาล และถ้าไม่อยากได้ลุคทางการมากนัก ลองหารองเท้าหนังที่มีสายผูกด้านหน้า ก็ดูเท่มีสไตล์ดีเหมือนกัน

7. หากใส่เนคไทควรวัดความกว้างของเนคไทให้พอดีกับปกเสื้อเชิ้ตเพื่อความบาลานซ์

เครื่องประดับเจ้าบ่าว

8.สีเนคไทควรเป็นสีเดียวกันหรือใกล้เคียงกับเสื้อสูท แต่ถ้าอยากเพิ่มลูกเล่น ในกรณีที่เป็นงานสุภาพให้เลือกเนคไทที่มีสีเข้มกว่าเสื้อสูทสักนิด ส่วนงานที่ไม่เป็นทางการสามารถใช้สีอ่อนได้และควรให้ความยาวอยู่บริเวณเอว

9. ลองใส่โบไทดูบ้างเพื่อเพิ่มความสนุกในการแต่งตัว แถมยังได้ลุคกึ่งทางการแฝงด้วยความขี้เล่น นอกจากนี้ยังสามารถใส่กับเสื้อเชิ้ตชิลๆ ในช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี้เพราะมีลวดลายและสีสันให้เลือกตามแต่สไตล์ของแต่ละคน

เมื่อเช็กความหล่อส่องความพร้อมกันเรียบร้อย ก็ถึงเวลาควงกันออกไปสู่ช่วงเวลาที่สำคัญของชีวิตได้เลย

สุดท้ายอย่าลืมเพิ่มเสน่ห์มัดใจสาวข้างกายด้วย 10 น้ำหอมสำหรับเจ้าบ่าวให้เจ้าบ่าวทั้งหล่อและหอมเพอร์เฟ็คในวันแต่งงาน


ภาพ stylecowboys.nl, pinterest.com, pexels.com

a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a

"นาฑี เก็ตสึโนวา" เซอร์ไพร้ส์ขอแต่งงาน "อิงฟ้า" ทายาทแกรมมี่

หวานฉ่ำ “นาฑี เก็ตสึโนวา” เซอร์ไพร้ส์ขอแต่งงาน “อิงฟ้า ดำรงชัยธรรม” ทายาทแกรมมี่

Alternative Textaccount_circle
"นาฑี เก็ตสึโนวา" เซอร์ไพร้ส์ขอแต่งงาน "อิงฟ้า" ทายาทแกรมมี่
"นาฑี เก็ตสึโนวา" เซอร์ไพร้ส์ขอแต่งงาน "อิงฟ้า" ทายาทแกรมมี่

หวานฉ่ำเตรียมเข้าประตูวิวาห์อีกคู่ สำหรับคู่รักของหนุ่ม นาฑี โอสถานุเคราะห์ มือกีตาร์วงเก็ตสึโนวา (Getsunova) กับ อิงฟ้า ดำรงชัยธรรม ลูกสาวคนสวยทายาทบิ้กบอสใหญ่แห่งแกรมมี่ อากู๋-ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม

นาฑี เก็ตสึโนวา 3

หวานฉ่ำ “นาฑี เก็ตสึโนวา” เซอร์ไพร้ส์ขอแต่งงาน “อิงฟ้า ดำรงชัยธรรม” ทายาทแกรมมี่

โดยล่าสุด วันนี้ (8 กันยายน 2564) นาฑี โอสถานุเคราะห์ ได้โพสต์ภาพคู่สุดโรแมนติกผ่านอินสตาแกรม @nateegetsunova พร้อมข้อความว่า “She said YESSS #very special thanks to @kathaosa and @sandyassakul for this very special moment” โดยสื่อว่าแฟนสาวได้ตอบตกลง หลังตนขอแฟนสาวแต่งงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นาฑี เก็ตสึโนวา 4

ขณะที่สาว อิงฟ้า ดำรงชัยธรรม ก็ได้โพสต์ภาพเซ็ตเดียวกันนี้ลงบนอินสตาแกรม @iiingfah พร้อมข้อความสั้นๆ แต่เต็มไปด้วยความรู้สึกน่ายินดีว่า “@nateegetsunova // special efforts and effects @kathaosa @sandyassakul” ซึ่งก็มีแฟนคลับ รวมถึงพี่ๆ เพื่อนๆ ในวงการเพลงเข้ามาร่วมแสดงความยินดีกับความรักของคนทั้งสองอย่างต่อเนื่อง

นาฑี เก็ตสึโนวา 2 นาฑี เก็ตสึโนวา 1


ภาพ : iiingfah , nateegetsunova

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

หวานจุกๆ เชน ณัฐวัฒน์ ขอ แพร พิไลรัมภา แต่งงานบนเรือยอร์ชหรู

ไม่อลังการก็เสียชื่อ! ปารีส ฮิลตัน วางแผนจัดงานวิวาห์ 3 วัน สวมชุดแต่งงาน 10 ชุด

พิธีแต่งงานริมทะเลของ นักแสดงสาวชาวอียิปต์ เนลลี คาริม

 

คาร์เทียร์ แทงก์ มัสท์

คาร์เทียร์ แทงก์ มัสท์ สมาชิกใหม่จากตระกูลแทงก์ ไอคอนิคที่คุณ ‘ต้อง’ ครอบครอง

account_circle
คาร์เทียร์ แทงก์ มัสท์
คาร์เทียร์ แทงก์ มัสท์

คาร์เทียร์ (Cartier) แบรนด์เครื่องประดับและนาฬิกาสัญชาติฝรั่งเศส เปิดตัวนาฬิกา คาร์เทียร์ แทงก์ มัสท์ (Tank Must) สมาชิกใหม่ล่าสุดจากตระกูลแทงก์ คอลเล็คชั่นเรือนเวลาที่ขึ้นแท่นเป็นไอคอนของคาร์เทียร์นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1917

นาฬิกาแทงก์ มัสท์คือการบรรจบกันระหว่างเรือนเวลาที่เป็นไอคอนของแบรนด์อย่างแทงก์ (Tank) และ มัสท์ (Must) คอลเล็คชั่นเรือนเวลาที่โด่งดังในยุค 1970

นอกจากสายหนังและสายสตีล นาฬิกาแทงก์ มัสท์ ยังมีรุ่นกลไกที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ และสายจากวัสดุพิเศษที่ปราศจากชิ้นส่วนจากสัตว์อีกด้วย นับเป็นนวัตกรรมในการรังสรรค์เรือนเวลาอย่างไม่หยุดนิ่งของเมซงคาร์เทียร์

คาร์เทียร์ แทงก์ มัสท์ สมาชิกใหม่จากตระกูลแทงก์ ไอคอนิคที่คุณ ‘ต้อง’ ครอบครอง

นาฬิกาแทงก์ (Tank Watch): ตำนานแห่งเรือนเวลาของคาร์เทียร์

คาร์เทียร์ แทงก์ มัสท์

เรือนเวลารุ่นแทงก์ได้จารึกความสง่างามของคาร์เทียร์ผ่านดีไซน์ที่คมชัดและเพรียวบาง นับตั้งแต่หลุยส์ คาร์เทียร์ (Louis Cartier) สร้างสรรค์เรือนเวลานี้โดยรับแรงบันดาลใจมาจากสี่เหลี่ยมผืนผ้าเมื่อปี ค.ศ. 1917 หลุยส์ คาร์เทียร์ เลือกหน้าปัดทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ทำให้นาฬิกาแทงก์โดดเด่นจากนาฬิกาข้อมือทั่วไปในยุคนั้นซึ่งมีหน้าปัดเป็นทรงกลม ทำให้นาฬิกาแทงก์มีกลิ่นอายที่ล้ำสมัย อยู่เหนือกาลเวลามาอย่างยาวนานจวบจนปัจจุบัน เส้นตรงสองเส้นที่ขนาบข้างหน้าปัดนับเป็นเอกลักษณ์ของเรือนเวลารุ่นนี้ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากภาพมุมสูงของรถถัง

โดยมีเอกลักษณ์เป็นคานสองชิ้นประกบเข้ากับตัวเรือนทรงเหลี่ยมดุจล้อรถและหอบังคับการ การประกอบตัวเรือนกับสายนาฬิกา   ทำได้กลมกลืนเสียจนเกือบจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพื่อรักษาหัวใจหลักของแรงบันดาลใจที่น่าทึ่งนี้เอาไว้

นาฬิการุ่นแทงก์ ได้รับความนิยมอย่างมากและเป็นนาฬิกาคู่ใจของบุคคลสำคัญที่มีชื่อเสียงมากมายจนมีคำกล่าวว่า การสวมใส่แทงก์ คือการประกาศตัวตน จนนาฬิกาแทงก์กลายเป็นวัฒนธรรมแห่งยุคสมัย หลังจากเวลาล่วงเลยไปกว่าศตวรรษ นาฬิการุ่นนี้จึงถูกนำกลับมาตีความใหม่อีกครั้งในปี 2021 ในชื่อรุ่น แทงก์ มัสท์ โดยทั้ง แทงก์ (Tank) และมัสท์ (Must) คือผลลัพธ์ที่ลงตัวระหว่างสัญลักษณ์สำคัญประจำเมซงคาร์เทียร์

โดยแทงก์ (Tank) คือคอลเล็คชั่นสำคัญของแบรนด์ ในขณะที่มัสท์ (Must) คือคอลเล็คชั่นนาฬิกาอันเป็นอมตะของคาร์เทียร์ที่ใครๆ ก็ต้องมีไว้ในครอบครอง ในปีนี้ คาร์เทียร์นำขนบของความหรูหราคลาสสิกกลับมาอีกครั้งผ่านนาฬิกาแทงก์ มัสท์ (Tank Must) อันเป็นเสมือนการบรรจบกันระหว่างเรือนเวลาที่เป็นไอคอนของแบรนด์ และเรือนเวลาที่โด่งดังในยุค 1970

นาฬิกาแทงก์ มัสท์ (Tank Must): ดีไซน์ที่ไม่เคยหยุดนิ่ง

คาร์เทียร์ แทงก์ มัสท์

นาฬิกาแทงก์ มัสท์ (Tank Must) เป็นผลผลิตแห่งการประกอบเรือนเวลาชั้นสูงที่ทันสมัยและได้รับความนิยมอย่างมาก นับเป็นอีกเอกลักษณ์ของเมซงคาร์เทียร์ที่ได้ปรับเปลี่ยนดีไซน์และกลไกอยู่เสมอ ด้วยพันธสัญญาด้านศิลปะการประกอบเรือนเวลาชั้นสูง ซึ่งได้รับการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา ฝ่ายออกแบบจึงได้รังสรรค์นาฬิการุ่นแทงก์ มัสท์ (Tank Must) อีกครั้ง โดยมาในรุ่นโมโนโครมและรุ่นดั้งเดิมพร้อมกลไกที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานแสงอาทิตย์

นาฬิกาแทงก์ มัสท์ ได้รับแรงบัลดาลใจจากนาฬิการุ่นแทงก์ หลุยส์คาร์เทียร์ เมซงคาร์เทียร์ออกแบบและปรับเปลี่ยนดีไซน์นาฬิกาแทงก์ มัสท์ โดยยังคงรักษาเอกลักษณ์ของรุ่นดั้งเดิมเอาไว้ ทั้งคานปลายมนสองชิ้นที่ประกอบขึ้นเป็นตัวเรือน และสัดส่วนของหน้าปัด ความชำนาญอันเป็นเลิศด้านการออกแบบที่ถูกกำหนดไว้ ได้ให้กำเนิดเรือนเวลาที่หาญกล้าย้อนเวลาเพื่อนำความคลาสสิกกลับมาประดับบนทุกรายละเอียดปลีกย่อย ไปจนถึงชิ้นส่วนที่เล็กที่สุด

ไม่ว่าจะเป็นเม็ดมะยมเจียระไนแบบคาโบชง และการกลับมาของตัวล็อกสายแบบ Ardillon Buckle สไตล์ดั้งเดิมสำหรับรุ่นสายหนัง ชั้นเชิงศิลป์ในการประกอบเรือนเวลาชั้นสูงของเมซงคาร์เทียร์นั้นเปี่ยมด้วยความชำนาญในทุกขั้นตอน ตั้งแต่สายสตีลพร้อมข้อต่อทรงโค้งมนซึ่งถูกออกแบบใหม่และสามารถถอดเปลี่ยนสายได้ ไปจนถึงกลไกควอทซ์ประสิทธิภาพสูงจากเมซงซึ่งแบตเตอรี่คงคุณภาพยาวนานถึง 8 ปี

นาฬิกาแทงก์ มัสท์ (Tank Must): เฉดสีโมโนโครมแห่งยุค 1980

หลังจากที่นาฬิกามัสท์ เปิดตัวไปเมื่อปี ค.ศ. 1977 คาร์เทียร์ได้นำนาฬิกาแทงก์ ซึ่งถือถือเป็นผลงานระดับไอคอนจากศิลปะ การประกอบเรือนเวลาชั้นสูงของเมซงคาร์เทียร์ที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นเมื่อ 60 ปีก่อนหน้านั้นมาออกแบบใหม่อีกครั้งด้วยวัสดุเวอร์มิล (Vermeil) ฉีกกรอบเรือนเวลาจากยุคเดิม ไม่ว่าจะเป็นหน้าปัดสีเบอร์กันดีหรือดำสนิท หรือโลโก้สีทองโดดเด่น เลือกที่จะแตกต่างบนความสง่างามที่เรียบง่ายกว่าเดิม

นาฬิกาแทงก์ มัสท์รุ่นใหม่ในปี 2021 มาพร้อมดีไซน์ที่รักษาจิตวิญญานแห่งยุค 1980 ให้เลือกสรร ผ่านเฉดสีโมโนโครมที่เปรียบดั่ง DNA ของคาร์เทียร์ทั้ง 3 สี ได้แก่ แดง น้ำเงิน และเขียว พร้อมตัวเรือนสตีลที่มีหน้าปัดเรียบ มินิมัล ปราศจากตัวเลขหรือเส้นสายอื่นใด มาพร้อมกับสายหนังในโทนสีเข้ากัน

นาฬิกาแทงก์ มัสท์ (Tank Must): เรือนเวลาแรกที่บุกเบิกหน้าปัดเซลล์แสงอาทิตย์ (Photovoltaic Dial)

คาร์เทียร์ แทงก์ มัสท์

นับตั้งแต่แรกเริ่ม ความปรารถนาอันแรงกล้าแห่งศาสตร์เรือนเวลาชั้นสูงของคาร์เทียร์ คือการมุ่งมั่นพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อสิ่งที่ดีกว่า โดยอาศัยความก้าวหน้าเชิงเทคนิคควบคู่กับพันธสัญญาของคาร์เทียร์และความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งคาร์เทียร์ได้ริเริ่มบุกเบิกนาฬิกาข้อมือเรือนแรกในรุ่นซานโตส (ค.ศ.1904) และรุ่นซานโตสแบบหัวเข็มขัดพับ (Folding buckle) (ค.ศ. 1910) และไม่เคยหยุดตอบทุกโจทย์ความต้องการของลูกค้านับแต่นั้นเป็นต้นมา

ไม่ว่าจะเป็นสิทธิบัตร QuickSwitch™ (ค.ศ. 2018) ที่มอบความสะดวกให้ลูกค้าสามารถเปลี่ยนสายนาฬิกาได้ด้วยตัวเอง หรือแม้แต่หน้าปัดนาฬิกาเซลล์แสงอาทิตย์ (Photovoltaic Dial) ในรุ่นแทงก์ มัสท์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ โดยทุกนวัตกรรมล้วนรังสรรค์มาเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและความพึงพอใจของลูกค้าคนพิเศษของคาร์เทียร์

ความท้าทายในทุกชิ้นงานคือการใช้เทคนิคใหม่เพื่อปรับรูปทรงและความสวยงาม การหาสมดุลยภาพระหว่างความทันสมัยและขนบดั้งเดิมของศิลป์แห่งการประกอบเรือนเวลาชั้นสูงให้บรรจบกันอย่างสมบูรณ์ โดยความท้าทายและพันธสัญญาดังกล่าวถูกรังสรรค์ให้เด่นชัดขึ้นโดยศูนย์ผลิตนาฬิกาของคาร์เทียร์ ณ เมืองโชเดอฟงส์ (La Chaux-de-Fonds) ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงโรงงานผลิต หากแต่ยังเป็นศูนย์วิจัย สร้างสรรค์ และคิดค้นพัฒนานวัตกรรม ที่ได้นำหลักการเซลล์แสงอาทิตย์ (Photovoltaic) มาใช้กับหน้าปัดของเรือนเวลารุ่นแทงก์ มัสท์ โดยไม่ได้เปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ใดๆ

โดยความสำเร็จด้านเทคนิคนี้อาศัยช่องว่างระหว่างเลขบอกเวลาโรมันบนหน้าปัด เปิดเป็นช่องให้พลังงานแสงอาทิตย์ลอดผ่านเข้าสู่เซลล์แสงอาทิตย์ที่ซ่อนอยู่ใต้หน้าปัด ซึ่งทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้ใช้เวลากว่า 2 ปี ในการผสานกลไก โซลาร์บีท™ (SolarBeat™) ที่มีอายุการใช้งานนานกว่า 16 ปี เข้ากับแทงก์ มัสท์ เรือนเวลาแรกที่ได้ใช้เทคโนโลยีนี้

จากธรรมชาติ สู่ความหรูหราบนเรือนเวลา: สายจากวัสดุพิเศษที่ปราศจากชิ้นส่วนจากสัตว์

 นอกจากนี้ นาฬิกาแทงก์ มัสท์ยังมาพร้อมกับตัวเลือกสำหรับสายที่ผลิตจากวัสดุนวัตกรรมใหม่ซึ่งมอบทั้งคุณภาพและสัมผัสสบายยามสวมใส่บนข้อมือ ทำมาจากวัสดุธรรมชาติ 40% โดยประกอบด้วยเศษพืชจากการเพาะปลูกแอปเปิ้ลเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมอาหารจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เยอรมนี และอิตาลี

กระบวนการผลิตของสายนาฬิกานี้บ่งบอกถึงอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เมื่อเทียบกับการผลิตสายนาฬิกาหนังลูกวัว โดยสามารถการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศ (Carbon Footprint) ได้มากกว่ากว่า 6 เท่า ประหยัดน้ำมากกว่า 10 ลิตร และลดพลังงานได้อีกกว่า 7 เมกะจูล หรือเทียบเท่ากับการชาร์จโทรศัพท์สมาร์ทโฟนประมาณ 80 ครั้ง กระบวนการทั้งหมดเกิดขึ้นในยุโรปซึ่งเป็นถิ่นกำเนิดของแบรนด์ ด้วยการใช้เศษพืชจากแอปเปิ้ลที่ปลูกในยุโรป สู่ผู้ผลิตวัสดุในประเทศอิตาลี และส่งต่อสู่ผู้ผลิตสายนาฬิกาในประเทศโปรตุเกส ไปจนถึงโรงงานประกอบเรือนเวลาชั้นสูงในประเทศสวิตเซอร์แลนด์

นอกจากจะรักษาชื่อเสียงในความเป็นเรือนเวลาที่ล้ำสมัยอยู่เสมอแล้ว นาฬิกาแทงก์ยังเปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ที่ไร้ขอบเขต และกับนาฬิกาแทงก์ มัสท์นี้ก็เช่นกัน คาร์เทียร์ยังคงหาญกล้าที่จะรังสรรค์เรือนเวลาเพื่อท้าทายกาลเวลา ในขณะเดียวกันยังเผยวิสัยทัศน์อันมุ่งมั่นที่มองไปยังวันข้างหน้าอย่างไม่เคยหยุดนิ่ง

 นาฬิกาแทงก์ หลุยส์ คาร์เทียร์ (Tank Louis Cartier)

 หลังจากได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นเมื่อปีค.ศ.1917 เรือนเวลาแทงก์อีกหลากหลายรุ่นก็ได้มีการแตกแขนงอย่างต่อเนื่อง หลุยส์ คาร์เทียร์ (Louis Cartier) นำนาฬิกาแทงก์หลายรุ่นมาออกแบบอีกครั้ง โดยรุ่น หลุยส์ คาร์เทียร์ หรือ แทงก์ เอล. ซี. (Louis Cartier) ได้รับการออกแบบอิงจากรุ่น ปีค.ศ.1922 ให้มีตัวเรือนที่ยาวขึ้น พร้อมคานประกบตัวเรือนที่บางลงและมีขอบโค้งมนสวย ถือเป็นกำเนิดใหม่แห่งความคลาสสิกอันไร้ที่ติ ด้วยลายเส้น หรือ Rail Tracks บริเวณกรอบหน้าปัด เม็ดมะยมประดับด้วยแซฟไฟร์เจียระไนทรงคาโบชง อีกทั้งตัวเลขโรมันบอกเวลาซึ่งเผยความงามอมตะที่เป็นหัวใจหลักของศิลป์แห่งการประกอบเรือนเวลาชั้นสูงจากเมซง ผ่านเรือนเวลารุ่นล่าสุดที่ถูกปรับเปลี่ยนเพียงเล็กน้อย เพื่อส่งต่อมรดกแห่งขนบที่เหนือกาลเวลานี้

นาฬิกาแทงก์ หลุยส์ คาร์เทียร์เนรมิตความสง่างามด้วยสองเฉดสี ที่เป็นดั่ง DNA ของคาร์เทียร์ ได้แก่สีแดงก่ำลุ่มลึก และ สีน้ำเงินสว่างสดใส ทั้งสองเฉดล้วนเพิ่มมิติและความโดดเด่นให้กับเส้นสายที่เฉียบคมของนาฬิการุ่นนี้

นอกจากนี้คาร์เทียร์ยังได้ผสานรายละเอียดที่รุ่มรวยขึ้นด้วยตัวเลขโรมันและเส้นเดินรอบขอบหน้าปัด หรือ Rail Tracks ในเฉดสีทอง ที่ช่วยขับให้ทุกส่วนประกอบกราฟฟิกบนหน้าปัดเด่นชัดยิ่งขึ้น โดยเรือนสีน้ำเงินมาจับคู่มากับกรอบหน้าปัดสีพิงค์โกลด์ ในขณะที่เรือนสีแดงนำเสนอกรอบหน้าปัดสีเยลโลโกลด์ ทั้งหมดมาพร้อมสายนาฬิกาในโทนสีเดียวกันกับหน้าปัด โดยใช้กลไก Manufacture 1917 MC ไขลานด้วยมือ

นาฬิกาแทงก์ มัสท์ มีให้เลือกหลากหลายสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นตัวเรือนสตีลและสายหนัง หรือตัวเรือนสตีลพร้อมสายสตีลในกลไกควอทซ์ตัวเรือนสตีล สายจากวัสดุธรรมชาติ พร้อมกลไกพลังงานแสงอาทิตย์ (SolarBeat™) หรือหรูหราอย่างมีระดับด้วยตัวเรือนฝังเพชร ในราคาเริ่มต้นเพียง 85,500 บาท จับจองนาฬิกาแทงก์ มัสท์และนาฬิกาแทงก์ หลุยส์ คาร์เทียร์ ได้ที่คาร์เทียร์บูติค สยามพารากอน ดิเอ็มโพเรียมและไอคอนสยาม ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป


 

ริว-วชิรวิชญ์

พระเอกหล่อกรุบ ริว-วชิรวิชญ์ น้องใหม่ที่สกิลฝีมือการแสดงไม่ธรรมดา

Alternative Textaccount_circle
ริว-วชิรวิชญ์
ริว-วชิรวิชญ์

ยกให้เป็นพระเอกน้องใหม่แกะกล่องพุ่งแรง สำหรับ ริว-วชิรวิชญ์ วัฒนภักดีไพศาล” หนุ่มหล่องานดีสไตล์โอปป้า นอกจากความหล่อ หน้าตาดียังไม่พอยังพกความสามารถมาอีก ล่าสุดหลายๆ คนน่าจะได้เห็นกันไปบ้างแล้วในละคร “พฤษภา-ธันวา รักแท้แค่เกิดก่อน” ในบทบาทของ ตั้ม ที่ประชันฝีมือกับนักแสดงรุ่นใหญ่ เจ้าตัวก็ท็อปฟอร์มแจ้งเกิดเต็มตัวในเรื่องนี้ ด้วยสกิลฝีมือการแสดงที่ไม่ธรรมดา อยากรู้เขามีของดีอะไรบ้าง! มาคุ้ยประวัติเปิดวาร์ปหนุ่มชื่อ “ริว” คนนี้กัน บอกเลยว่าโปรไฟล์ดีมาก

พระเอกหล่อกรุบ ริว-วชิรวิชญ์ น้องใหม่ที่สกิลฝีมือการแสดงไม่ธรรมดา

สำหรับริวเริ่มต้นเข้าสู่วงการบันเทิงจากการเป็นพระเอกมิวสิควีดีโอเพลง เขียนไว้ให้เธอ ของวง Scooper และเคยเป็นหนึ่งในสมาชิก 9×9 (Nine By Nine) และพัฒนาตัวเองไม่ว่าจะเป็น การแสดง การร้อง การเต้น จนมาถึงด้านการแสดงละครซีรีส์ที่เจ้าตัวได้ฝากฝีไม้ลายมือไว้ให้ได้เห็น ก่อนจะมาเป็นพระเอกคลื่นลูกใหม่ของช่อง 3 เต็มตัวในเรื่อง “พฤษภา-ธันวา รักแท้แค่เกิดก่อน” กับบท ตั้ม ที่เป็นนักกีฬาปิงปองทีมชาติเด็กซื่อๆ ที่โดนใส่ร้ายจนชีวิตตกต่ำ ของผู้จัด “โดนัท มนัสนันท์ พันเลิศวงศ์สกุล” และได้ร้องเพลง “Summer Rain ” ประกอบละครไว้ด้วย และยังมีผลงานรอให้ติดตามกับ “เลือดเจ้าพระยา” ที่ต้องจับปืนโชว์บู๊หนักถึงขั้นเจ้าตัวบอกว่า “เรื่องนี้ท้าทายตัวเองมาก” นอกจากนี้เจ้าตัวยังอยู่ใน 12 หนุ่มฮอตจากเวที Supernova อีกด้วย

หนุ่มน้อยหน้าใสขวัญใจป้าๆ คนนี้ ใครจะรู้ว่าตอนเด็กเขาเป็นคนติดเกมเข้าเส้น จนคุณพ่อชี้ทางให้เข้าสู่เส้นทางสายกีฬาหรือจะเรียกว่าเป็นการบำบัดก็ไม่ผิด ไม่ว่าจะเป็น ว่ายน้ำ, ฟุตบอล, เทควันโด, แบดมินตัน และ ปิงปอง กีฬาที่เจ้าชื่นชอบมากที่สุด เขาฝึกซ้อมทุกวันจนพัฒนาฝีมือเป็น “นักกีฬาปิงปองเยาวชนทีมชาติ”

ริว-วชิรวิชญ์ 01

ปัจจุบันเจ้าตัวอายุ 21 ปี มีดีกรีเป็นนักศึกษาภายในรั้วมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะวารสารศาสตร์ ที่เจ้าตัวใกล้จะจบปริญญาตรีแล้ว หนุ่มริวเป็นเด็กเรียนดี กิจกรรมเป็นเลิศ โดยเฉพาะด้านการกีฬาที่ดูเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ ตอนนี้เรียนอยู่ปี 1 เจ้าตัวได้เป็นหนึ่งในริ้วขบวนงานฟุตบอลประเพณีจุฬา-ธรรมศาสตร์ ครั้งที่ 72 จนกลายเป็นที่รู้จักมากขึ้นในโลก Social Media

มาส่องไลฟ์สไตล์ Everyday Look สุดวันสบายๆ กันบ้าง ส่องจาก IG ก็ดูออกว่าเจ้าตัวรักสัตว์มาก และชอบท่องเที่ยว รักงานอาร์ต และชอบถ่ายรูป แอบมีความติสท์ผสมความอาร์ต ส่วนด้านแฟชั่นบอกได้เลยว่าหนุ่มคนนี้แต่งตัวดีใช่ย่อย แม้จะใส่เสื้อผ้าสบาย ๆ ก็รู้จักการมิกซ์แอนด์แมทช์เสื้อผ้า ไม่ว่าหนุ่มคนนี้จะหยิบจับอะไรก็ดูดี๊ดูดีเรียบหรูดูแพงอย่างบอกไม่ถูก แต่ชุดที่ดูจะบาดใจก็ต้องเสื้อแขนยาว กางเกงขาสั้น หรือเสื้อยืด บางวันออกแนวสปอร์ตก็ดูคูล ยิ่งถือกล้องตัวโปรดใส่แว่นตากันแดดด้วยแล้วโอ้วแม่!! หล่อจนต้องขอถังออกซิเจน

ริว-วชิรวิชญ์

เป็นหนุ่มหล่อที่ทำให้ให้เราต้องหลงแล้วหลงอีกแน่นอน ไปให้สุดตามไปโดนตกกันต่อในผลงาน“พฤษภา-ธันวา รักแท้แค่เกิดก่อน” ทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.30 น. ทางช่อง 3 กด 33 และติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ Ch3Thailand และแอปพลิเคชั่น CH3Plus และตามไปเป็นแฟนคลับตัวยงของหนุ่มจิ้มลิ้มคนนี้ได้ทาง Instagram : @ryu_vachirawich


 

รวม 10 ยาสามัญประจำบ้าน

10 ยาสามัญประจำบ้าน ที่ทุกบ้านต้องมีเพิ่มความอุ่นใจสไตล์ New Normal

Alternative Textaccount_circle
รวม 10 ยาสามัญประจำบ้าน
รวม 10 ยาสามัญประจำบ้าน

ในช่วงที่หลายคนต้องกักตัวทำงานอยู่ที่บ้าน เพื่อลดการแพร่กระจายของโรค Covid-19 แต่ก็มีอีกกลุ่มหนึ่งที่ยังต้องออกไปเสี่ยงอย่างเลี่ยงไม่ได้ แถมช่วงนี้ยังเป็นฤดูฝนที่อากาศทั้งเย็นและชื้นมากกว่าปกติ อาจทำให้เกิดการเจ็บป่วยกันได้ง่าย ใครที่กำลังเจอสถานการณ์แบบนี้อยู่และกังวลเรื่องสุขภาพว่าควรเตรียมรับมืออย่างไร หากมีอาการเจ็บป่วย วันนี้จะมาแนะนำยาสามัญประจำบ้านที่ควรมีติดเอาไว้เพิ่มความอุ่นใจ เรามาดูกันว่ายาตัวไหนบ้างที่เป็นตัวสำคัญและยาแต่ละประเภทมีสรรพคุณเป็นอย่างไรบ้าง พร้อมเช็คลิสต์ไปพร้อมๆ กันว่าคุณมีหรือยัง?

10 ยาสามัญประจำบ้าน ที่ทุกบ้านต้องมีเพิ่มความอุ่นใจสไตล์ New Normal

1 ยาสามัญประจำบ้าน

1. ไพรานา (Pyrana)

ไพรานา(Pyrana) หรือที่คุ้นหูกับชื่อ พาราเซตามอล (Paracetamol) เป็นยาที่ใช้เพื่อบรรเทาอาการปวดและช่วยลดไข้ โดยนิยมใช้เพื่อรักษาอาการปวดทั่วไป อาการปวดศีรษะ หรือไข้หวัดใหญ่ โดยพาราเซตามอลสามารถใช้ได้โดยไม่ต้องได้รับใบสั่งยาจากแพทย์ แต่อย่าลืมว่าในการใช้ยาแต่ละครั้งควรเว้นระยะห่างกันทุกๆ 4-6 ชั่วโมง และปริมาณที่ควรใช้ต่อครั้งไม่ควรเกิน 500-1,000 มิลลิกรัม

2 ยาสามัญประจำบ้าน

2. มีโนเพน (Menopain)

มีโนเพน(Menopain) หนึ่งในกลุ่มยาแก้ปวด ยาลดไข้ และยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ เรียกสั้นๆ ว่า ”ยาเอ็นเสด” ที่คุณผู้หญิงนิยมใช้เพื่อบรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือน ใช้บรรเทาอาการปวดและการอักเสบที่มีความรุนแรงเล็กน้อยไปจนถึงปานกลาง ทั้งอาการปวดจากโรคข้ออักเสบ ปวดหลังการผ่าตัด โดยตัวยานี้มีจุดเด่นในการออกฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ ไซโคลออกซีจีเนส ที่มีหน้าที่สังเคราะห์สารพรอสตาแกลนดิน (Prostaglandins) ในร่างกาย และสารพรอสตาแกลนดินบางส่วนจะถูกสร้างขึ้นในบริเวณที่เกิดบาดเจ็บหรือได้รับความเสียหาย ตัวยาจึงช่วยบรรเทาอาการปวดและอักเสบได้

3 ยาสามัญประจำบ้าน

3. เวนซิกซ์ (Vensix)

เวนซิกซ์(Vensix) เป็นยาใช้ป้องกันและรักษาอาการคลื่นไส้ อาเจียน และวิงเวียนศีรษะ หรือภาวะป่วยที่อาจเกิดจากการเดินทาง เช่น เมารถ เมาเรือ โดยจะส่งผลต่อการทำงานของสมองและช่วยลดอาการดังกล่าวได้

 4 ยาสามัญประจำบ้าน

4. ไซริทีน (Zyritine)

ไซริทีน(Zyritine) ยาประเภท Antihistamine กลุ่มสารต้านฮีสตามีน ที่ห้ามขาดเลยค่ะ โดยเฉพาะในช่วงนี้เพราะเป็นยาที่ใช้ในการลดอาการแพ้อากาศ ไข้ละอองฟาง ที่เกิดจากภูมิแพ้ ทั้งจาม คัดจมูก น้ำมูกไหล คันตา ตาแดง น้ำตาไหล ลมพิษ และอาการคันอื่นๆ

5 ยาสามัญประจำบ้าน

5. ซูพีแนค (Supenac)

ซูพีแนค(Supenac) เป็นยาขับเสมหะ หรือยาละลายเสมหะประกอบด้วย N-acetylcysteine (NAC) ใช้รักษาภาวะอาการที่เกิดมูกเหลวเหนียวข้นขึ้น จนเป็นปัญหาต่อการหายใจ จากภาวะหรือโรคที่เกี่ยวข้องกับอวัยวะในระบบทางเดินหายใจ โดยซูพีแนคจะช่วยสลายมูกเหนียวข้นให้เจือจางลง เพื่อให้ระบบทางเดินหายใจขับมูกเสมหะเหล่านั้นออกมาได้ และช่วยให้ผู้ป่วยหายใจได้สะดวกมากขึ้นจากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ฉบับหนึ่งเรื่อง ‘N-acetylcysteine to Combat COVID-19:An Evidence Review’ ของ Therapeutics and Clinical Risk ได้เปิดเผยว่า Acetylcysteine สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ทำงานดีขึ้น เตรียมร่างกายให้พร้อมรับมือกับไวรัสได้

6 ยาสามัญประจำบ้าน

6. แคลไบรอน แคปซูล (Calbiron Capsules)

แคลไบรอน แคปซูล (Calbiron Capsules) เมื่อมียาป้องกันแล้ว อย่าลืมที่จะเสริมภูมิคุ้มกัน ด้วยวิตามินรวม  B1, B6, B12 และธาตุเหล็ก ช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง พร้อมกับบำรุงโลหิตไปด้วยกัน

7 ยาสามัญประจำบ้าน

7. อินโดวิท(Indovit)

อินโดวิท(Indovit) เหมาะที่สุดสำหรับช่วงนี้ ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันในช่วงที่อากาศแปรปรวน วิตามินซีแบบเคี้ยว เป็นวิตามินซีรูปแบบใหม่ที่ถูกผลิตมาเพื่อให้ง่ายต่อการรับประทานเหมาะสำหรับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยจะมีลักษณะเป็นเม็ดอมที่สามารถเคี้ยวทานได้แบบไม่ติดรสขมเลยค่ะ การบริโภควิตามินซีเป็นอาหารเสริม ก็เพื่อป้องกันและรักษาการขาดวิตามินซี หรือรักษาระดับของวิตามินซีในร่างกาย นอกจากนั้นวิตามินซียังมีหน้าที่สำคัญต่อร่างกาย เช่น ช่วยในการสมานบาดแผล รักษาสุขภาพของเนื้อเยื้อต่าง ๆ ในร่างกาย และยังเป็นตัวช่วยในการปกป้องเซลล์ในร่างกายของเราอีกด้วย

8 ยาสามัญประจำบ้าน

8. ยาใส่แผลโพวิโดน-ไอโอดีน

ยาใส่แผลโพวิโดน-ไอโอดีน ตราพระเจดีย์ เป็นยาสามัญประจำบ้านที่ขาดไม่ได้ ควรมีติดไว้ตลอดเนื่องจากเป็นยาทาภายนอกที่ช่วยป้องกันเชื้อโรคและเชื้อไวรัสได้ เพราะเป็นยาฆ่าเชื้อที่ออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อได้กว้างทั้งแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา ในช่วงนี้ที่ยังมีไวรัสระบาดก็สามารถทำน้ำยาฆ่าเชื้อด้วยตนเอง ด้วยการนำยามาผสมกับน้ำเปล่า แล้วนำมาใช้เป็นสเปรย์ฆ่าเชื้อโรคหรือเชื้อไวรัสได้เลย  หากใครที่กลัวว่าจะแสบแผลหรือเปล่านะ ขอตอบเลยว่าไม่เลยค่ะ และไม่เป็นอันตรายต่อผิวด้วย

9 ยาสามัญประจำบ้าน

9. บี-เดิร์ม (b-derm)

บี-เดิร์ม (b-derm) เป็นยาทารูปแบบครีมในกลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ มีฤทธิ์รักษาภาวะต่างๆ จากการอักเสบ บรรเทาอาการแพ้ของผิวหนัง ผื่นและผิวหนังอักเสบเรื้อรัง ลดอาการคันจากภาวะผื่นแพ้

10 ยาสามัญประจำบ้าน

10. ครีมนวดบรรเทาปวด

ครีมนวดบรรเทาปวด ดราก้อน (Dragon muscle rub) เหมือนเป็นไอเทมสำคัญอีกชิ้นหนึ่ง ที่ต้องพกติดตัวตลอดเวลา โดยเฉพาะช่วงที่ต้องใช้ร่างกายหนักๆ ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย การทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรืออาการปวดเมื่อยจากออฟฟิศซินโดรม ไม่ว่าจะปวดหลัง ปวดคอ หรือปวดขา สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ยิ่งอายุมากขึ้นเท่าไหร่ กล้ามเนื้อไม่ได้แข็งแรงเหมือนสมัยที่เราอายุยังน้อย ทำให้หลายๆ คนเกิดอาการปวดตามจุดต่างๆ ของร่างกาย บางคนมีอาการปวดมากจนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ต้องใช้ตัวช่วยโดยยาทาแก้ปวดกล้ามเนื้อ ถือเป็นการช่วยบรรเทาอาการปวดและเป็นการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ครีมนวดบรรเทาปวด ดราก้อน สามารถใช้นวดเฉพาะที่สำหรับบรรเทาอาการปวดต่างๆ ที่ไม่รุนแรง เช่น ปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อจากภาวะตึงหรือเคล็ด ข้อต่ออักเสบ ช้ำ หรือปวดหลัง เป็นต้น โดยยานี้จะช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกเย็นบริเวณผิวหนังในตอนแรก จากนั้นจะค่อยๆ อุ่นขึ้น ซึ่งช่วยเบี่ยงเบนความสนใจจากการรู้สึกถึงอาการปวด

ยาสามัญประจำบ้าน

และนี่ก็เป็นประโยชน์และความสำคัญของ ยาสามัญประจำบ้าน ที่แนะนำ เป็นยังไงกันบ้างคะ เช็คลิสต์กันดูหรือยังว่า 10 ยาสามัญประจำบ้านที่ควรมีติดไว้ คุณมีครบหรือไม่ และอย่าลืมก่อนการใช้ยา ควรศึกษาตัวยาข้อมูลอื่นๆ ให้รอบด้านก่อนการใช้รักษาและหากมีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์


ข้อมูลและภาพ : อินเตอร์ ฟาร์มา ผู้นำในการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์เพื่อสุขภาพ
ภาพ Cover : Pexels

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

แพทย์แผนไทยฯ แนะวิธีกินสมุนไพรต่างๆ ช่วงรักษาโควิด-19 แบบ Home Isolation

เตือน! ผู้หญิงออกกำลังกายมากไป เสี่ยงกระดูกพรุน ขาดสารอาหาร และประจำเดือนขาด

แพทย์ผิวหนัง เผย “โรคหูด” ติดต่อทางการสัมผัส แต่ไม่อันตราย รักษาได้หลายวิธี

 

 

พระเอกจีน เหรินเจียหลุน

10 เรื่องของ พระเอกจีน เหรินเจียหลุน นักแสดงหนุ่มที่ขายฝีมือ แต่ไม่ขายความโสด

Alternative Textaccount_circle
พระเอกจีน เหรินเจียหลุน
พระเอกจีน เหรินเจียหลุน

หลังจากที่พิสูจน์ฝีมือให้แฟนๆ ได้เห็นผ่านผลงานซีรีส์ดังมากมาย ความนิยมของ พระเอกจีน เหรินเจียหลุน ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะผลงานล่าสุดที่กำลังออกอากาศอยู่ในขณะนี้ One and Only หรือชื่อภาษาไทย  ทุกชาติภพ กระดูกงดงาม ซึ่งเขารับบทเป็น ท่านอ๋องน้อยหนานเฉิน ชายหนุ่มผู้ห้าวหาญ ที่มั่นคงต่อสัจจะและความรัก เรียกว่าบทนี้โดนใจบรรดาแฟนคลับแบบสุดๆ ทำเอาหลายคนตกหลุมรักพระเอกหนุ่มคนนี้อย่างถอนตัวไม่ขึ้น

และด้วยความฮ็อตระดับนี้ แพรว เลยไม่พลาดที่จะพาทุกคนไปรู้จักพระเอกผู้มากเสน่ห์คนนี้กัน ซึ่งรับรองว่าคุณอาจจะรักเขามากกว่าเดิมเลยค่ะ

10 เรื่องของ พระเอกจีน เหรินเจียหลุน นักแสดงหนุ่มที่ขายฝีมือ แต่ไม่ขายความโสด

พระเอกจีน เหรินเจียหลุน

1.ประวัติของเหรินเจียหลุน

เหรินเจียหลุน (Ren Jia Lun) มีชื่อเดิมว่า เหรินกั๋วเชา เกิดวันที่ 10 เมษายน 2532 ปัจจุบันอายุ 32 ปี ที่เมืองชิงต่าว มณฑลซานตง ประเทศจีน

2.นักกีฬาปิงปองอาชีพ

ก่อนที่หนุ่มคนนี้จะเข้าสู่การบันเทิง เขาเคยเป็นนักกีฬาปิงปองอาชีพมาก่อน เหรินเจียหลุน มีพรสวรรค์ในการเล่นปิงปองมาตั้งแต่อายุ 9 ขวบ และฝึกฝนอย่างหนักมาตลอด เทรนมาพร้อมกับนักกีฬาปิงปองชื่อดัง โจว หยู และ จ้างจี้เคอ กระทั่งอายุ 16 ปี เขาต้องเลิกเล่นกีฬาไปเนื่องจากอาการบาดเจ็บ

3.เส้นทางวงการบันเทิงที่ไม่ได้ราบรื่น

ดาราหนุ่มคนนี้ก้าวสู่วงการบันเทิงเมื่อปี 2009 เขาเดินสายประกวดร้องเพลงในหลายรายการเพลง วมถึงรายการ Super Boy และ Korean Star ทางช่องหูหนาน ทีวี และในปี 2011 เขาได้ร่วมคัดเลือกเป็นบอยแบนด์ มีแผนที่จะเดบิวต์เป็นบอยแบนด์จีน-เกาหลีใต้ จากความสามารถโดดเด่นคือการเต้นและการร้องแร็ป แต่ก็ต้องเลิกล้มไปในปี 2014

Ren Jia Lun 01

4.ผลงานแสดงเรื่องแรกถูกดอง

หลังจากไม่สามารถเป็นบอยแบนด์ ได้ดั่งหวัง เหรินเจียหลุนก็ตัดสินลองมารับงานแสดงดูในปี 2014 โดยผลงานละครโทรทัศน์เรื่องแรกที่รับบทนำก็คือ Detective Dee จูเซียน กระบี่เทพสังหาร แต่ทว่าผลงานชิ้นนี้กลับออกอากาศล่าช้าในปี 2017

5.ดังแบบฉุดไม่อยู่ 

แต่ทว่าเมื่อถึงคราวจะดังอะไรก็ฉุดไม่อยู่ ในปี 2017 นอกจากผลงาน จูเซียน กระบี่เทพสังหาร จะได้ฉายแล้ว ผลงานอีกเรื่องของหนุ่มนนี้อย่าง The Glory of Tang Dynasty ศึกชิงบัลลังก์ราชวงศ์ถัง จุดกระแสให้เขาโด่งดังเป็นพลุแตก จนคว้ารางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมจากเวที the 4th Hengdian Film and TV Festival of China ได้สำเร็จ

ศึกชิงบัลลังก์ราชวงศ์ถัง

6.ผลงานสร้างชื่ออย่างต่อเนื่อง

เหรินเจียหลุน แม้จะเป็นนักแสดงที่เดบิวต์ไม่นาน แต่กลับมีผลงานดังสร้างชื่อมากมายเหลือเกิน ยกตัวอย่างเช่น Detective Dee จูเซียน กระบี่เทพสังหาร,The Glory of Tang Dynasty ศึกชิงบัลลังก์ราชวงศ์ถัง, Detective Dee ตี๋เหรินเจี๋ย นักสืบราชวงศ์ถัง,The Destiny of White Snake ลิขิตรักนางพญางูขาว,Under The Power องครักษ์เสื้อแพร, Autumn Cicada สายลับจักจั่น, Miss Crow with Mr. Lizard กระตุกรัก หัวใจไฟฟ้าช๊อต,Never Say Goodbye รักนี้ไม่มีคำว่าลา  และล่าสุด One and Only ทุกชาติภพ กระดูกงดงาม

Under The Power องครักษ์เสื้อแพร

7.คติชีวิต “ไม่มีคำว่าสายเกินไป”

พระเอก เหรินเจียหลุน เคยให้สัมภาษณ์ถึงชีวิตของเขาไว้อย่างน่าสนใจว่า หลายครั้งเวลาที่เขารู้สึกโดดเดี่ยวเขามักจะนึกถึง เด็กหนุ่มเงียบๆ ที่ไม่ค่อยมีคนได้รู้จัก เด็กหนุ่มที่มักจะบันทึกเรื่องราวของตัวเอง บอกกับตัวเองให้สู้ๆ บนอินเทอร์เน็ต ตอนอายุ 21 ปี เขาตัดสินใจทิ้งงานที่มั่นคง 4 ปีต่อมาได้เข้าสู่วงการบันเทิง หลายคนบอกว่า เขาเข้าวงการบันเทิงช้าไป การตัดสินใจนี้ยากที่คนจะเข้าใจ ดังนั้นในบางครั้งก็รู้สึกโดดเดี่ยว แต่ต่อหน้าความฝัน อายุและความโดดเดี่ยวกลายเป็นไม่สำคัญแล้ว เข้าวงการช้ากว่าคนอื่นไม่เป็นไร แต่ต้องเพิ่มความมุ่งมั่นและพยายามให้มากขึ้น

และแม้ว่าเขาจะกลายเป็นนักแสดงแล้ว เขาก็ไม่ได้ทิ้งความฝันการเป็นนักร้อง หนุ่มคนนี้ยังทำตามสิ่งที่เขาปรารถนา โดยเขามีซิงเกิลของตัวเองตอนอายุ 29 ปี เลย ดังนั้นจึงไม่มีคำว่าสายเกินไป (ข้อมูลจาก 任嘉伦Allen เหรินเจียหลุน-Thailand FC)

พระเอก เหรินเจียหลุน

8.แกรนด์โอเพ่นนิ่งคนรัก “เนี่ยฮวน”

การแสดงในเรื่อง “Glory of Tang Dynasty ศึกชิงบัลลังก์ราชวงศ์ถัง” สร้างชื่อเสียงให้กับเขาเป็นอย่างมาก และทำให้เขาได้รับรางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยม ในขณะที่เขากำลังได้รับความนิยมและเป็นที่ชื่นชอบของสาวๆ หนุ่มคนนี้ก็ได้เลือกที่จะเปิดเผยความสัมพันธ์กับ เนี่ยฮวน (Nie Huan) คนรักที่อยู่เคียงข้างเขามาตลอด 5 ปี ตั้งแต่วันที่ไม่มีคนรู้จักเขา แม้จะเจอกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา แต่เขาไม่เคยคิดที่จะปล่อยมือจากคนรักเลย

เนี่ยฮวน

9.คุณพ่อสุดฮ็อต

ให้หลังการเปิดตัวคนรัก 1 ปี เหรินเจียหลุน ได้ประกาศข่าวดีอีกครั้งเมื่อ ซื่อเนี่ยฮวน ได้ให้กำเนิดลูกชายตัวน้อย ซึ่งหลังจากที่เขาโพสต์แฟนคลับรวมถึงคนดังที่เคยร่วมงานด้วยก็ได้มาร่วมแสดงความยินดีกับหนุ่มคนนี้อย่างล้นหลาม

Ren Jia Lun

10.สามีที่น่ารักเสมอต้นเสมอปลาย

แม้เรื่องราวเกี่ยวครอบครัวของพระเอกหนุ่มคนนี้จะไม่เปิดเผยมากนัก แต่ก็มีเรื่องราวน่ารักที่ทำให้หลายคนได้อมยิ้มกับความน่ารักของเขา  อย่างเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา หัวข้อ ภรรยาของเหรินเจียหลุน เป็นที่พูดถึงอย่างมาก เมื่อปาปารัสซี ได้เผยภาพของเขาขณะที่ขับรถไปรับภรรยาที่ห้างสรรพสินค้า หลังจากทำงานเสร็จ เรียกว่าแม้จะคิวแน่นแค่ไหนแต่ก็ยังทำหน้าที่สามีได้เป็นอย่างดี (ข้อมูล : Series&Novels)

 


ข้อมูลจาก : wikipedia, SeriesNovels, 任嘉伦Allen เหรินเจียหลุน-Thailand FC

keyboard_arrow_up