ไข้เลือดออก

สังเกตอาการ “ไข้เลือดออก” ต่างกับ “โควิด-19” อย่างไร

Alternative Textaccount_circle
ไข้เลือดออก
ไข้เลือดออก

หลายคนอาจจะอยากทราบว่า ไข้เลือดออก ต่างกับโควิด-19 อย่างไร โดยอาการไข้เลือดออกจะมีไข้สูงลอยประมาณ 2-7 วัน ผื่น หน้าแดง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อย เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง บางรายอาจมีถ่ายดำหรือถ่ายเป็นเลือดถ้ารุนแรง อาจเห็นจุดเลือดออกสีแดงเล็กๆ ตามผิวหนัง มักไม่พบอาการไอหรือมีน้ำมูก หากหายใจลำบากหรือปอดอักเสบ แต่โควิด-19 จะมีไข้ต่ำถึงสูง ปวดเมื่อยตามตัว เจ็บคอ ไอแห้งหรือมีเสมหะ มีน้ำมูก หอบเหนื่อยหายใจลำบาก ปอดอักเสบในรายที่รุนแรง อาเจียน ท้องเสียมีในบางราย ไม่พบจุดเลือดออกตามผิวหนัง สังเกตอาการหากมีอาการเหล่านี้ควรพบแพทย์ทันที

ไข้เลือดออก ต่างกับโควิด-19 อย่างไร

ด้วยสภาพอากาศที่แปรปรวน ทั้งอากาศร้อนและมีพายุส่งผลให้ฝนตกในหลายพื้นที่ ทำให้เกิดน้ำท่วมขัง ซึ่งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ในหลายจังหวัดพบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกเพิ่มขึ้น ประกอบกับมีการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 อาจทำให้ประชาชนเกิดความสับสนในการดูแลและเฝ้าสังเกตอาการของโรคไข้เลือกออกกับโรคโควิด-19 โดยเฉพาะกลุ่มเด็กเล็กควรดูแลอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเด็กเล็กจะป่วยง่าย และเด็กในกลุ่มอายุต่ำกว่า 5 ปี ยังไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 หากพบว่าไม่สบาย มีไข้ ปวดเมื่อยร่างกาย ท้องเสียตรวจ ATK แล้วผลเป็นลบ ให้ระวังไข้เลือดออกร่วมด้วย

สาเหตุของโรคไข้เลือดออก

เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเดงกี่ มี 4 สายพันธุ์ คือ DENV-1, DENV-2, DENV-3 และ DENV-4 โดยมียุงลายเป็นพาหะนำโรค ส่วนโรค โควิด-19 เกิดจากเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่2019 (SARS-CoV-2) สามารถแพร่จากคนสู่คนได้ทางละอองฝอย เสมหะน้ำลาย ผ่านการสัมผัสเยื่อบุตา จมูก ปาก แต่ในกรณีถ้าเกิดการระบาดพร้อมๆ กัน ก็จะมีโอกาสพบผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 และเป็นไข้เลือดออกได้ ผู้ป่วยไข้เลือดออกในระยะวิกฤต จะมีน้ำเหลืองรั่วออกนอกเส้นเลือด ทำให้เกิดภาวะช็อก ซึ่งถ้าไม่ได้รับสารน้ำทดแทนอย่างทันท่วงที จะทำให้เกิดภาวะช็อกนาน จนเกิดตับวาย ไตวาย และอวัยวะอื่นๆ ทำงานล้มเหลว จนเสียชีวิตได้

สำหรับโควิด-19 “โอไมครอน” ในผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการคล้ายกับโรคไข้เลือดออก โดยเฉพาะอาจมีไข้สูง อาเจียน หรือท้องเสียได้ ประวัติการสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยโควิดในระยะ 7 – 10 วัน และการทำ ATK ด้วยตนเอง จะช่วยคัดกรองแยกโรคได้ แต่ในกรณีที่แยกไม่ได้ การตรวจเลือด เช่น การหาค่าความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (complete blood count) และการตรวจหาโปรตีนเอ็น เอส-หนึ่ง ของไวรัสไข้เลือดออก โดยเฉพาะในช่วง 3 วันแรกของไข้ จะช่วยวินิจฉัยโรคไข้เลือดออก สัญญาณอันตรายที่น่าสงสัยว่า เป็นไข้เลือดออกในระยะวิกฤต และมีโอกาสเข้าสู่ภาวะช็อก ได้แก่ ปวดท้องรุนแรง กระสับกระส่าย หรือร้องงอแงผิดปกติในทารก มือเท้าเย็น ปัสสาวะออกน้อยลง ต้องนำส่งโรงพยาบาลทันที

ในรายที่มีไข้สูง 2-3 วัน โดยไม่มีอาการไอ น้ำมูกที่ชัดเจน ควรพาไปตรวจที่โรงพยาบาล เพื่อให้แพทย์วินิจฉัย หรือส่งตรวจเลือดเพื่อเฝ้าระวังโรคไข้เลือดออก ก่อนจะเข้าสู่ระยะวิกฤตได้ ด้านการรักษาไข้เลือดออกปัจจุบันยังไม่มียาต้านเชื้อไวรัส สำหรับโรคไข้เลือดออก การรักษาจึงเป็นไปตามอาการ มีไข้ให้เช็ดตัวและรับประทานยาพาราเซตามอลลดไข้เท่านั้น ห้ามใช้แอสไพรินไอบูโพรเฟน ถ้าผู้ป่วยกินอาหารได้น้อย อาจให้ดื่มนม น้ำผลไม้ หรือน้ำเกลือแร่ร่วมด้วย

โควิด-19 หากอาการไม่รุนแรง จะรักษาแบบประคับประคองตามอาการ เมื่อมีไข้หรือปวดศีรษะ ให้กินยาลดไข้ ส่วนใหญ่จะมีอาการไข้ไม่เกิน 2 – 3 วัน จะค่อยๆ ดีขึ้น หากมีน้ำมูกให้กินยาลดน้ำมูกเท่าที่จำเป็น หรือถ้าน้ำมูกข้นเขียว ในเด็กโตสามารถล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ หากมีอาการไอให้กินยาแก้ไอตามอาการ และจิบน้ำอุ่นบ่อยๆ

หรือหากไข้สูงกว่า 39 องศาเซลเซียส หายใจหอบเร็วกว่าปกติ หน้าอกบุ๋ม ปีกจมูกบาน ตอนหายใจ ปากเขียว ระดับออกซิเจนปลายนิ้วน้อยกว่า 94% ซึมลง งอแง ไม่ดูดนม ไม่กินอาหาร ถ่ายเหลว หรืออาเจียนมากต่อเนื่องกัน ควรรีบนำเด็กไปโรงพยาบาลตามสิทธิ์หรือโรงพยาบาลในเขตพื้นที่รับผิดชอบ


ข้อมูล : กรมการแพทย์ โดยสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี 
ภาพ : Pexels

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

โควิด-19 ยังไม่ทันซา “ไข้หวัดใหญ่-ไข้เลือดออก” ก็แซงหน้าอัตราป่วยทำสถิติสูง

จริงหรือไม่? ที่ว่าสระผมก่อนอาบน้ำเสี่ยง “เส้นเลือดสมองแตก”

รู้จัก “โรคผมร่วงเป็นหย่อม” ที่ภรรยา ‘วิล สมิธ’ ถูกล้อเลียน

 

 

มีทริค! ตื่นมาแล้วสวยเลย คือคติที่ KYLIE JENNER ยึดและอยากให้เป็นแบบนั้นเสมอ

เคล็ดลับสวยเป๊ะไม่เปลี่ยนของ “ไคลีย์ เจนเนอร์” เมคอัพกึ่งถาวรคือคำตอบ

Alternative Textaccount_circle
มีทริค! ตื่นมาแล้วสวยเลย คือคติที่ KYLIE JENNER ยึดและอยากให้เป็นแบบนั้นเสมอ
มีทริค! ตื่นมาแล้วสวยเลย คือคติที่ KYLIE JENNER ยึดและอยากให้เป็นแบบนั้นเสมอ

มีทริค! ตื่นมาแล้วสวยเลย คือคติที่ KYLIE JENNER ยึดและอยากให้เป็นแบบนั้นเสมอ

คุณแม่ลูกหนึ่งแถมยังสาวทำไมต้องโทรมก่อนวัย ลองมาฟังทิปส์ดีๆ จากคุณแม่เซเลบริตี้สุดเซียะอย่าง KYLIE JENNER (ไคลีย์ เจนเนอร์) ที่แม้มีเวลาเพียงน้อยนิดในการดูแลตัวเองแต่ละวัน เพราะต้องแบ่งเวลาดูแลลูกด้วยเช่นเดียวกันนั้น เรียกว่าบีซี่สุด แต่ยังคงสวยเป๊ะไม่เปลี่ยน ทำเอาอยากรู้เคล็ดลับจังเลยว่าทำอย่างไร

เคล็ดลับสวยเป๊ะไม่เปลี่ยนของ “ไคลีย์ เจนเนอร์” เมคอัพกึ่งถาวรคือคำตอบ

ไคลีย์ ตื่นมาแล้วสวยเลย 1

และทริคของไคลีย์ที่ ตื่นมาแล้วสวยเลย คือ คติที่เธอยึดและอยากให้เป็นแบบนั้นเสมอ แม้แต่ความเป็นแม่ก็หยุดยั้งไม่ได้ ก็ผู้หญิงเรามีทางเลือกนี่คะ เมื่อรู้ตัวว่าจะต้องมีภาระมากขึ้น มีเวลาให้ตัวเองน้อยลง ก็ต้องหาเวลาที่จะจัดเต็มเรื่องความสวยให้ได้แบบทีเดียวอยู่ เมคอัพกึ่งถาวรคือคำตอบ ทำอะไรบ้าง ก็เช่น

ไคลีย์ ตื่นมาแล้วสวยเลย 2

มีทริค! ตื่นมาแล้วสวยเลย คือคติที่ KYLIE JENNER ยึดและอยากให้เป็นแบบนั้นเสมอ

  • ทำนัดแล้วเข้าซาลอนต่อขนตาแบบกึ่งถาวร
  • แว็กซ์ขนทั่วร่าง 
  • บางคนถ้าคิ้วบาง แนะนำว่าการสักคิ้วก็ช่วยทุ่นเวลาการแต่งหน้า แก้โทรมไปได้เยอะ
  • ได้ยินว่าสาวๆ ฝั่งเอเชีย นิยมสักปาก และสักไลเนอร์ อันนี้ก็น่าลอง ตื่นมาก็สวยเป็นเจ้าหญิงดิสนีย์เลย

ไคลีย์ ตื่นมาแล้วสวยเลย 8 ไคลีย์ ตื่นมาแล้วสวยเลย 3 ไคลีย์ ตื่นมาแล้วสวยเลย 4 ไคลีย์ ตื่นมาแล้วสวยเลย 5 ไคลีย์ ตื่นมาแล้วสวยเลย 6 ไคลีย์ ตื่นมาแล้วสวยเลย 6 ไคลีย์ ตื่นมาแล้วสวยเลย 7

และทั้งหมดนี้คือทริคของสาวฮ็อตอย่างไคลีย์ หากใครอยากทุ่นแรงเสริมสวยตอนเช้า ก็ลองเอาทริคเหล่านี้ไปทำดูได้นะคะ


ข้อมูล : นิตยสารแพรว ฉบับ 973
ภาพ : kyliejenner

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

วิธีดูแลรูปร่างให้เซ็กซี่แบบ MEGAN FOX เน้นกินคาร์โบไฮเดรต หุ่นไม่พังปังกว่าเดิม

กู้ปัญหา ผิวขาดน้ำ แห้งกร้านแบบสาวฮ็อต Blake Lively ให้กลับมาอิ่มฟูสวยใส

แซ่บลืมวัย! คุณยายชาวอเมริกัน วัย 99 ปี นางแบบสกินแคร์ ที่อายุมากที่สุดในโลก

 

แม่ชม

แห่เดาชื่อลูกสาว แม่ชม หลังโพสต์ภาพครอบครัวธีม Paw Patrol

แม่ชม
แม่ชม

เข้าสู่โค้งสุดท้าย เหลืออีกไม่กี่วันลูกสาวคนแรกของ แม่ชม  ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต ก็จะลืมตาดูโลกมาให้แฟน ๆ ได้ยลโฉมความน่ารัก พร้อมเป็นเพื่อนเล่นพี่สายฟ้าพี่พายุแล้ว

ชมพู่ อารยา

โดยถึงแม้ แม่ชม จะยังไม่มีการเปิดเผยกำหนดคลอดออกมาอย่างเป็นทางการ แต่ก็คาดการณ์กันว่าสาวชมพู่น่าจะให้กำเนิดลูกสาวในช่วงระหว่างปลายเดือน มี.ค. ถึง ต้นเดือน เม.ย.ที่จะถึงนี้  ซึ่งที่ผ่านมาแม่ชมก็ได้อวดท้องกลมโต สวยงาม ในลุคสุดแซ่บ ไม่ทิ้งความเป็นแฟชั่นนิสต้า ทำเอาเหล่าแม่ ๆ ที่กำลังท้องอยู่ อยากจะลุกขึ้นมาแต่งตัวตามกันเลยทีเดียว

แห่เดาชื่อลูกสาว แม่ชม หลังโพสต์ภาพครอบครัวธีม Paw Patrol

ชมพู่ อารยา

แม่ชม

นอกจากนี้แล้วสิ่งหนึ่งที่ยังคงเป็นความลับก็ คือ “ชื่อ” ของลูกสาวนั่นเอง แม้ว่าชาวโซเชียลจะลุ้นให้คุณพ่อน็อต วิศรุต หลุดโป๊ะเฉลยให้ได้รู้กันก่อน แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้พ่อทำการบ้านมาดี ใครหลอกถามยังไงก็ไม่มีหลุดแน่นอน

ชมพู่ อารยา

แม่ชม

ล่าสุดสาวชมพู่ จับสามีและลูกแฝด สายฟ้า-พายุ แต่งตัวในในธีม Paw Patrol สีชมพูสุดน่ารัก ถ่ายรูปพร้อมหน้าครอบครัวรอต้อนรับสมาชิกใหม่ แฟน ๆ ก็ตั้งข้อสังเกตว่าในภาพนี้อาจจะมีการบอกใบ้ชื่อลูกสาวด้วยหรือเปล่า เพราะต่างก็เข้าไปคอมเมนต์ช่วยสาวชมพู่ตั้งชื่อลูกสาว ไม่ว่าจะเป็น น้องสายรุ้ง , น้องชมพู , น้องสกาย ,น้องพาว ฯลฯ แต่ชื่อที่มาแรงสุด ๆ มีอยู่ 2 ชื่อ คือ “น้องสกาย” และ “น้องสายรุ้ง”  เอาเป็นว่าก็ต้องมาลุ้นกันว่าจะทายถูกกันหรือเปล่า แล้ว

 


ภาพจาก @chomismaterialgirl , @nottvisrut

คริส ร็อก

ตบ “คริส ร็อก” ไม่ใช่ครั้งแรก! 4 เหตุการณ์สะท้อนด้านมืดของ “วิลล์ สมิธ”

account_circle
คริส ร็อก
คริส ร็อก

หลายคนอาจไม่เคยรู้ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ “วิลล์ สมิธ” ใช้ความรุนแรงในที่สาธารณะ ซึ่งการตบ “คริส ร็อก” ทำให้วิลล์ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก แม้จะมีผู้คนเห็นด้วยกับสิ่งที่เขาทำ แต่หลายคนมองว่าเป็นพฤติกรรมที่รับไม่ได้อย่างยิ่ง

จากเหตุการณ์ดราม่าบนเวทีออสการ์ที่ “คริส ร็อก” นักแสดงตลกพูดล้อเลียนเกี่ยวกับศีรษะล้านของ “เจดา พิงคิตต์ สมิธ” ภรรยาของ “วิลล์ สมิธ” เป็นเหตุให้เจ้าตัวเก็บอารมณ์ไม่อยู่เดินขึ้นไปบนเวทีตบเข้าที่หน้าของคริส

งานนี้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมากว่าแม้ คริส ร็อกจะพูดจาน่ารังเกียจ แต่วิลล์ไม่ควรใช้ความรุนแรงใดๆ ด้านออสการ์เองก็ได้ออกมาทวิตข้อความว่า “ไม่สนับสนุนความรุนแรงใดๆ” อย่างไรก็ตาม เจ้าของรางวัลออสการ์ครั้งที่ 94 สาขา นักแสดงนำชายยอดเยี่ยมก็ได้ออกมากล่าวคำขอโทษต่อ คริส ร็อกแล้ว

แน่นอนว่า เหตุการณ์นี้จะถูกจดจำในประวัติศาสตร์ของเวทีออสการ์ และพฤติกรรมของ วิลล์ สมิธ จะถูกพูดถึงไปอีกนาน เช่นเดียวกับ 4 เรื่องดังต่อไปนี้ที่สะท้อนด้านมืดของนักแสดงฮอลลีวู้ดชื่อดังระดับโลก

ตบ “คริส ร็อก” ไม่ใช่ครั้งแรก! 4 เหตุการณ์สะท้อนด้านมืดของ “วิลล์ สมิธ”

ถูกจับกุมในข้อหาทำร้ายร่างกายเมื่อปี 1988

วิลล์ สมิธ คริส ร็อก

ก่อนที่ วิลล์ สมิธ จะกลายมาเป็นนักแสดงฮอลลีวู้ด เขาเคยเป็นศิลปินดูโอฮิปฮอปในนามที่ชื่อว่า DJ Jazzy Jeff & The Fresh Prince โดยในปี 1989 ทั้งคู่ได้รับรางวัลแกรมมี่อวอร์ด สาขา Best Rap Solo Performance ในเพลงที่ชื่อว่า “Parents Just Don’t Understand” แต่เพียงไม่กี่เดือนต่อมา วิลล์ สมิธ ถูกจับในข้อหาทำร้ายร่างกาย “วิลเลียม เฮนดริกส์” ผู้ก่อตั้งค่ายเพลงจนเกือบตาบอดข้างหนึ่ง

วิลล์ สมิธ นักร้องฮิปฮอปดาวรุ่งวัย 20 ปี ถูกกล่าวหาว่าสั่งให้บอดี้การ์ดของเขาทำร้ายร่างกาย “วิลเลียม เฮนดริกส์” ในสถานีวิทยุ เขาถูกจับนอนคุกเป็นเวลาหนึ่งคืนในเรือนจำในฟิลาเดลเฟีย ทั้งนี้แหล่งข่าวได้อ้างกับนิตยสาร National Enquirer ว่า ‘มันเป็นคืนที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของวิลล์ สมิธ เขาอยากจะลืมว่ามันเคยเกิดขึ้น’

ค้างชำระภาษีนับล้าน

วิลล์ สมิธ มีชื่อเสียงในฐานะศิลปิน เขาสร้างรายให้ตัวเองจนร่ำรวย แต่ขณะเดียวกันก็ใช้หมดอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นไม่นานเขาก็กลายมาเป็นนักแสดงนำแสดงในซิตคอมอเมริกันเรื่องในปี 1990

แน่นอนว่ารายได้ของวิลล์มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีการตรวจสอบภาษีย้อนหลังของเขา โดยจำนวนเงินที่เขาต้องชำระให้กับกรมสรรพากรมีตัวเลขสูงถึง 2.8 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 94 ล้านบาท ซึ่งมาจากทรัพย์สินส่วนใหญ่ของเขา รวมถึงบ้าน และ รถที่ถูกยึด

อารมณ์หึงหวง

วิลล์ สมิธ คริส ร็อก

เรื่องความตรงไปตรงมาต้องยกให้ เจดา พิงคิตต์ สมิธ ภรรยาของวิลล์ ครั้งหนึ่งเธอเคยเปิดเผยเกี่ยวกับมิตรภาพอันใกล้ชิดของเธอกับ “ทูพัค ชาเคอร์” แร็ปเปอร์ชาวอเมริกันซึ่งถูกยิงเสียชีวิตในปี 1996 ว่า เธอและทูพัคเคยเรียนมัธยมปลายด้วยกัน และ ยังคงสนิทสนมกัน ขณะที่เธอเริ่มออกเดทกับวิลล์ในปี 1994′ 

อย่างไรก็ตามในปี 2021 วิลล์ สมิธ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงทูพัคว่า “ผมเกลียดตัวเองที่ผมไม่ได้เป็นแบบเขาตอนที่เขายังอยู่บนโลกใบนี้ ผมอิจฉาเขา” ทั้งนี้วิลล์ยังยังยอมรับอีกว่า เขากับทูพัคมีท่าทีมึนตึงใส่กัน และไม่เคยเปิดใจให้กับแร็ปเปอร์หนุ่มผู้ล่วงลับ

ตบหน้านักข่าวบนพรมแดง

การตบหน้าผู้คนในที่สาธารณะไม่ใช่ครั้งแรกที่ วิลล์ สมิธ ทำ ในปี 2012 วิลล์เคยเป็นข่าวพาดหัวมาแล้ว เมื่อเขาตบหน้า Vitalii Sediuk นักแสดงตลกและนักข่าวชาวยูเครน หลังจากที่เขาจูบหน้า วิลล์ สมิธ ที่งานฉายรอบปฐมทัศน์ Men in Black III ในกรุงมอสโก หลังจากนั้น วิลล์ก็ให้สัมภาษณ์กับสื่อบนพรมแดงว่า “เขาโชคดีที่ผมไม่ได้ชกเขา”


ที่มา : www.scmp.com

 

ท็อป จรณ

ท็อป จรณ พักยาว หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทรุนแรง ต้องงดคิวบู๊ !

ท็อป จรณ
ท็อป จรณ

เรียกว่าต้องพักยาวเลยทีเดียว หลังหนุ่ม ท็อป จรณ โสรัตน์ ตรวจพบว่าอาการหมอนรองกระดูกเคลื่อนทับเส้นประสาท ส่งผลให้ร่างกายด้านขวาอ่อนแรง ไม่สามารถขยับได้ปกติ

ท็อป จรณ

 

ล่าสุด ท็อป จรณ ได้โพสต์ภาพผลการทำ MRI ของตัวเอง ซึ่งพบว่ามีหมอนรองกระดูกเคลื่อนมาทับเส้นประสาท พร้อมกับเขียนข้อความระบุว่า “เรียบร้อยครับพักยาว หมอนรองกระดูกเคลื่อนทับเส้นประสาท”

ท็อป จรณ

พักยาว ท็อป จรณ หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทรุนแรง ต้องงดคิวบู๊ !

ท็อป จรณ

ด้านผู้จัดการส่วนตัวของ ท็อป จรณ ก็ได้โพสต์ชี้แจงรายละเอียด เกี่ยวกับอาการของเจ้าตัวลงในอินสตาแกรมดังนี้ “มีหลายท่านเป็นห่วงและสอบถามเข้ามา ผมขอแจ้งอาการคุณท็อปเบื้องต้นนะครับ สืบเนื่องจากวันก่อน คุณท็อปมีอาการปวดร้าวที่บริเวณต้นคอเฉียบพลัน มือและนิ้วชา ร่างกายด้านขวาอ่อนแรง ไม่สามารถขยับได้ปกติ จึงรีบไปพบแพทย์ เพื่อทำ MRI

ท็อป จรณ

และเมื่อเช้าวันนี้ผล MRI ออก ทางแพทย์วินิจฉัยว่า เกิดจากหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาทรุนแรง คาดว่าสาเหตุเกิดจาก คิวบู๊ ที่ต้องกระโดดขึ้นแทรมโพลีน แล้วอาจจะขึ้นลงผิดจังหวะ เลยทำให้คุณท็อปมีอาการดังกล่าว

ท็อป จรณ

ส่วนเรื่องคิวงานต่าง ๆ ที่คอนเฟิร์มแล้วในช่วงอาทิตย์นี้ และใช้ร่างกายเคลื่อนไหวไม่เยอะมากยังดำเนินได้ปกติ ส่วนงานที่ต้องใช้การเคลื่อนไหวเยอะ ๆ ของดก่อนนะครับ หลังจากนี้ คงต้องงดคิวบู๊ ให้คุณท็อปทำกายภาพบำบัดและพักยาวเลย จึงแจ้งให้ทราบมา ณ ที่นี้  #ตอนนี้ก็ขอส่งกำลังใจให้พี่ท็อปหายเป็นปกติไวๆ #ไม่ต้องผ่าตัดใดๆ @topiz_js ✌🏻✌🏻

ท็อป จรณ

ทั้งนี้เหล่าเพื่อนนักแสดงต่างก็ได้เข้ามาคอมเมนต์ให้กำลังใจและอวยพรให้อาการของหนุ่มท็อปดีวันดีคืน กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมในเร็ววัน

 


ข้อมูลจาก @kaooat_nakrub , ภาพจาก @topiz_js 

แดดดี้แพท เตรียมจัดแฟนมีตติ้ง หลังผ่าตัดหมอนรองกระดูกดีขึ้น

 

ราคาพุ่งยิ่งกว่าทอง! BIOCERAMIC MoonSwatch เปิดตัวแค่ 4 วัน ประมูลโหดแตะหลักแสน

ต้องยกให้เป็นไอเท็มที่ฮ็อตที่สุดในตอนนี้ไปเลยสำหรับนาฬิกาข้อมือที่เป็นการร่วมมือกันระหว่าง 2 แบรนด์ดังอย่าง Swatch และ OMEGA ที่เพิ่งเปิดตัวคอลเล็คชั่น BIOCERAMIC MoonSwatch ไปเมื่อสัปดาห์ก่อน และมีคนแห่ไปรอคิวเพื่อซื้อนาฬิการุ่นนี้กันอย่างคึกคัก จนถึงขั้นต้องปิดการขายชั่วคราว ทำให้นาฬิการุ่นดังเลยกลายเป็นไอเท็มหายากขึ้นมาทันที

BIOCERAMIC MOONSWATCH  BIOCERAMIC MOONSWATCH  BIOCERAMIC MOONSWATCH

ที่มาที่ไปที่ทำให้นาฬิกาคอลเล็คชั่น BIOCERAMIC MoonSwatch นั้นกลายเป็นไอเท็มฮ็อตขนาดนี้ ก็สืบเนื่องมาจาก การเอานวัตกรรม Speedmaster Moonwatch ในตำนานของนาฬิกาแบรนด์ OMEGA มานี่แหละ เพราะรุ่นนี้ถือเป็นนาฬิการุ่นคลาสสิกของเหล่านักสะสมนั่นเอง

ราคาพุ่งยิ่งกว่าทอง! BIOCERAMIC MoonSwatch เปิดตัวแค่ 4 วัน ประมูลโหดแตะหลักแสน

BIOCERAMIC MOONSWATCH  BIOCERAMIC MOONSWATCH  BIOCERAMIC MOONSWATCH

ความนิยมของนาฬิการุ่นนี้ ไม่ใช่แค่ที่ไทยเท่านั้น แต่ลามไปทั่วโลกตั้งแต่วันแรกที่เปิดตัว (26 มีนาคม 2565) แล้ว ล่าสุด Praew Survey ไปสำรวจราคา ของSwatch x OMEGA คอลเล็คชั่น BIOCERAMIC MoonSwatch กัน จริงอยู่ที่ราคาเริ่มต้นขายคือ 8,700 บาท หรือประมาณ 257 ดอลล่าสหรัฐ  แต่ตอนนี้ราคาในเว็บไซต์ชื่อดังอย่าง Ebay  ก็ประมูลนาฬิการุ่นนี้กันแตะหลักแสนไปแล้ว OMG!!!!!

BIOCERAMIC MOONSWATCH

เวลานี้ใครที่ซื้อนาฬิการุ่นนี้เก็บไว้ทันต้องบอกเลยว่าโชคดีสุดๆ ถ้าราคาพุ่งไม่หยุดแบบนี้ก็มีแต่กำไร แต่..ต้องบอกไว้ก่อนนะว่าถึง MoonSwatch จะหาซื้อยาก แต่ทางแบรนด์ก็ออกมาเปิดเผยแล้วว่าไม่ต้องกลัวจะไม่ได้ซื้อ เพราะรุ่นนี้ไม่ใช่สินค้า Limited ดังนั้นจะกลับมาวางขายในสาขาที่กำหนดอีกครั้ง ใครที่รอซื้ออยู่ก็ใจเย็นกันหน่อยนะ

 

อ่านเรื่องราวอื่นๆ ต่อได้ที่นี่

 

 

 

เจาะความพิเศษ! ก่อนจะมาเป็น นาฬิกา OMEGA รุ่นฉลองภารกิจ Apollo 8 เพื่อนักบินอวกาศ

 

วิบวับตาแตก! นาฬิกาฝังเพชร 6 แบรนด์หรู Top List ของขวัญเซอร์ไพร้ส์วาเลนไทน์

 

เปิดตัว “Apple Watch Hermès Series 4” สไตล์โดดเด่น สีสันโดนใจ

‘มีดวงเสื่อมเสียชื่อเสียง ด้วยปัญหาชู้สาว คบซ้อน’ ดวงรายวัน 29 มีนาคม 2565

ดวงรายวัน 29  มีนาคม 2565 #หมอปุ้ยพยากรณ์ เช็กทุกวัน เป๊ะปังทุกดวง ทั้งการงาน การเงิน ความรัก และสุขภาพ

‘มีดวงเสื่อมเสียชื่อเสียง ด้วยปัญหาชู้สาว คบซ้อน! ‘

ดวงรายวัน 29 มีนาคม 2565

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์

การงาน  :   สำหรับผู้ที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจทางน้ำ เช่น ทหารเรือ ตำรวจน้ำ นักดำน้ำ อู่เรือ ประมง การท่าเรือ  ฯลฯ หากที่ผ่านมาคุณขี้เกียจ หรือรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับการทำงาน วันนี้คุณจะมัวแต่นอนเซ็งไม่ได้แล้ว เพราะความสำเร็จไม่ได้มาด้วยความบังเอิญ แต่ต้องแลกด้วยพลังกาย พลังใจที่แรงกล้า แล้วคุณจะได้พบช่องทางทำมาหากินใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเขียน นักแต่งเพลง นักวิทยาศาสตร์ ค้นคว้าทดลอง สิ่งที่คุณพยายามคิดค้นสร้างสรรค์มาเป็นเวลานาน วันนี้จะพบกับความสำเร็จ หายเหนื่อยเสียที

การเงิน  :  หากคิดจะลงทุนควรทำด้วยตัวเองดีกว่าร่วมหุ้นกับคนอื่น ซึ่งวันนี้คุณจะมีโอกาสสร้างรายได้ที่มั่นคงด้วยอำนาจ วาสนาของตัวเอง แบบค่อยเป็นค่อยไป

ความรัก  :  หากคุณมีความคิดเห็นไม่ค่อยลงรอยกันจนเป็นเรื่องธรรมดามากๆ วันนี้เป็นไปได้ว่าคู่คุณจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น เริ่มให้เกียรติและยอมรับคุณกับสังคม ซึ่งจะเป็นการเปลี่ยนแบบค่อยเป็นค่อยไป  คนโสด  หากคุณกำลังเซ็งกับความรัก วันนี้คุณมีโอกาสได้พบกับเด็กรุ่นน้องไฟแรง ซึ่งหากจะคบ ความสัมพันธ์จะเป็นลักษณะที่ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ไม่หวือหวา

สุขภาพ  :  แม้คุณจะดูแลสุขภาพตัวเองเป็นอย่างดี แต่หากจะเดินทางไปต่างสถานที่ โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง ควรให้ความสำคัญกับอาหาร ที่พัก และการใช้สถานที่สาธารณะ อย่าประมาท การ์ดอย่าตก

 

ผู้ที่เกิดวันจันทร์

การงาน  :  หากคุณกำลังตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ต้องทำงานงอกที่นอกเหนือจากที่รับปากไว้ หรือตกเป็นแพะรับบาป ถูกใส่ร้ายป้ายสีในความผิดที่ตัวเองไม่ได้กระทำ จึงเป็นไปได้ว่างานที่คุณเสนอไปแล้ว หรือกำลังจะเสนอ มีโอกาสที่จะยังไม่ผ่านกระบวนการพิจารณาในเร็ววัน แม้คุณจะเรียกร้องหรือร้องขออย่างไร เจ้านายก็ไม่สนใจ ดังนั้น วันนี้จึงควรใจเย็นก่อน อย่าโวยวาย เพราะจะทำให้สถานการณ์แย่ลง

การเงิน :  จริงๆ แล้วคุณไม่ต้องทำงานหนักก็มีเงินเข้ามาให้ไช้จ่ายอย่างสม่ำเสมอ แต่วันนี้มีโอกาสที่คุณจะหลงใหลได้ปลื้มกับบางสิ่งบางอย่าง หรือบางคน จนมีโอกาสสูญเงินก้อนใหญ่

ความรัก :   จริงๆ แล้วคู่คุณตามใจคุณทุกอย่าง แต่เพราะคุณเองนี่ล่ะที่ไปหลงใหลได้ปลื้มกับบางคน หรือบางสิ่งจนออกนอกหน้า ซึ่งสิ่งๆ นั้นหรือคนๆ นั้นจะไม่ได้สนใจคุณเลยก็ตาม     คนโสด   คุณมีเสน่ห์กับเพศตรงข้าม ซึ่งวันนี้มีโอกาสที่คุณจะถึงกับหลงใหลพร่ำเพ้อละเมอหา ซึ่งเป็นคนที่ไม่เหมาะสมกับคุณเลย

สุขภาพ :  สำหรับนักดื่ม นักเที่ยว วันนี้ควรระวังระบบหมุนเวียนน้ำในร่างกาย ต่อมไร่ท่อจะมีปัญหา ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะทำให้ภูมิต้านทานโรคบกพร่อง ต่อมน้ำเหลือง เลือดไม่ดี

 

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน :   ก็ยังอยู่ที่กลุ่มของผู้ที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจที่ต้องใช้วาทศิลป์ในการติดต่อสื่อสาร โฆษณา-ประชาสัมพันธ์ สื่อมวลชน งานขาย ฯลฯ  มีโอกาสที่คุณจะได้ทำงานพิเศษ ซึ่งมีความท้าทายและแข่งขันสูง เป็นไปได้ว่าจะเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ บ้าน ที่ดิน ต้นไม้ อาคารสำนักงาน สิ่งปลูกสร้าง ฯลฯ ก็ควรระวังความเชื่อมั่นในตัวเอง จนไม่รับฟังความคิดเห็นของคนอื่น เพราะวันนี้คุณมีโอกาสที่จะถูกใส่ร้ายป้ายสี หรือแทงข้างหลังจนเก้าอี้ประจำตำแหน่งร้อนเลยทีเดียว

การเงิน :  คุณใจดี ใจบุญ ชอบช่วยเหลือคนอื่น วันนี้หากคุณได้ซื้อ-ขาย อสังหาริมทรัพย์ ระวังจะมีการขัดผลประโยชน์ เช่น ตกลงซื้อ-ขายกันไม่ได้ หรือเก็บค่าเช่าไม่ได้ หรือของในบ้านหาย

ความรัก :   หากคุณตัดสินใจแต่งงานกันอย่างรวดเร็ว ไม่ทันได้ศึกษานิสัยใจคอกันให้ดีก่อน วันนี้มีโอกาสที่จะมีมือที่สามเข้ามาแทรกแซง หรือสร้างปัญหาวุ่นวายให้กับชีวิตคู่ของคุณ คนโสด  อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจรับรักใคร เพราะวันนี้มีโอกาสที่คุณจะพบว่าตัวเองเป็นโลกใบที่สองอย่างไม่คาดฝัน

สุขภาพ :  เรื่องฟันและอวัยวะในช่องปากมีโอกาสจะกลับมาสร้างปัญหาให้กับคุณอีก ดังนั้น จึงควรตรวจเช็กให้อยู่ในสภาพที่ดีอยู่ตลอดเวลา

 

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน :   เป็นไปได้ว่าวันนี้คุณจะใช้ความรู้ ความสามารถ และบารมีจากตำแหน่งหน้าที่การงาน เพื่อมารับทำงานใหม่ หรือพัฒนาปรับปรุงโครงการที่มีอยู่แต่เดิมขึ้นมาใหม่ ซึ่งจะเป็นงานที่ต้องเดินทางไปโน้นนี่ ไม่ได้อยู่ติดออฟฟิศ แต่วันนี้ต้องระวัง เพราะเป็นไปได้ว่าจะมีผู้ไม่หวังดีกำลังใส่ร้าย หรือจ้องจะแทงข้างหลังคุณ เพื่อที่จะเสียบงานนี้เสียเอง

การเงิน :  คุณสามารถบริหารจัดการการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่วันนี้ก่อนที่จะตกลงรับปากหรือเซ็นเอกสารสัญญา ควรดูให้ดีก่อน เพราะมีความเสี่ยงที่จะตกลงเรื่องผลประโยชน์ไม่ลงตัว หากจะไปทวงหนี้ก็มีโอกาสเจอลูกหนี้ที่ไม่มี ไม่หนี และก็ไม่จ่าย

ความรัก :   คุณเป็นผู้หญิงทำงาน เป็นหลักของครอบครัว แต่วันนี้เป็นไปได้ว่าจะมีปัญหามือที่สามเข้ามาสร้างความวุ่นวายให้กับชีวิตคู่ มีโอกาสที่จะปรับความเข้าใจกันไม่ได้ด้วย คนโสด หากคุณมีตำแหน่งหน้าที่การงานอยู่ในระดับสูง วันนี้ควรระวังจะเสื่อมเสียชื่อเสียง ด้วยปัญหาชู้สาว คบซ้อน

สุขภาพ :   จริงๆ แล้วคุณพลังเยอะ ไม่ค่อยเจ็บป่วยไข้กับใครง่ายๆ แต่วันนี้ต้องระวังภูมิแพ้ ทั้งฝุ่นในบ้าน รวมถึงฝุ่น pm 2.5 นอกจากนั้นยังต้องระวังจะได้รับบาดเจ็บจากของมีคมบาดเป็นแผลตามร่างกายด้วย

 

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี

การงาน  :   หากคุณกำลังจะเริ่มต้นงานใหม่ หรือนำโครงการเก่าขึ้นมาพัฒนาปรับปรุงใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานที่ต้องใช้วาทศิลป์ในการติดต่อสื่อสาร โฆษณา-ประชาสัมพันธ์ สื่อมวลชน งานขาย ฯลฯ วันนี้เป็นไปได้ว่าคุณจะได้ร่วมงานหรือร่วมหุ้นกับเพื่อนสนิทผู้หญิง ยิ่งหากเป็นงานที่มีน้ำเข้ามาเป็นส่วนประกอบด้วยแล้ว มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จสูง

การเงิน  :  ก่อนจะรับปากหรือเซ็นเอกสารสัญญากับใคร ควรพิจารณาให้ดี เพราะมีโอกาสที่คุณจะเสียเปรียบจากความใจดี ใจบุญของคุณ จนเสียเงินไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์

ความรัก :  คุณรักและพร้อมจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อครอบครัว วันนี้เป็นไปได้ว่าคุณจะตัดสินใจอย่างรวดเร็วที่จะทำบางสิ่งบางอย่างระหว่างเพื่อนสนิทหรือญาติผู้หญิง ซึ่งคุณจะรู้สึกเสียใจภายหลัง  คนโสด  คุณชอบคนที่เป็นกันเอง ฟอร์มไม่เยอะ แต่ก็ยังไม่ควรรีบตัดสินใจคบเลย เพราะวันนี้มีโอกาสที่คุณจะถูกใจเพื่อนผู้หญิงมากกว่า

สุขภาพ :  ภูมิแพ้มาแล้วจ้า วันนี้มีโอกาสที่คุณจะแพ้ฝุ่นในบ้าน รวมถึง pm 2.5 นอกจากนั้นยังมีโอกาสที่เป็นหวัด ภูมิแพ้ ปอดบวม เลือดจาง ด้วย

 

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน :   หากคุณอึดอัดกับการถูกบังคับให้ทำงานที่ไม่ถนัด หรือฝืนความรู้สึก แต่ก็จำใจต้องทำเพราะติดที่เงื่อนไขสัญญา ข้อตกลง ทั้งที่เป็นลายลักษณ์อักษร หรือสัญญาใจ แล้วล่ะก็ วันนี้มีเป็นโอกาสดีที่คุณจะได้หลุดพ้นจากภาวะนั้น ด้วยการเริ่มต้นงานใหม่ หรือนำโครงการเก่าขึ้นมาพัฒนาปรับปรุงใหม่ แล้วเป็นไปได้ว่าเจ้านายผู้หญิงจะส่งเสริมสนับสนุนช่วยเหลือคุณ หากทำได้ดี ทำได้ปัง เธอก็พร้อมจะเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งให้เลย

การเงิน :   มีโอกาสที่คุณจะเสียเปรียบ หรือถูกปรับ เพราะทำงานไม่เสร็จตามที่รับปากหรือเซ็นเอกสารสัญญาไว้ โดยวันนี้เป็นไปได้ว่าจะมีผู้ใหญ่ผู้หญิงให้ความช่วยเหลือ

ความรัก :  หากคุณกำลังอยู่ท่ามกลางคนที่ไว้ใจไม่ได้ ทำดีเพียงเพราะผลประโยชน์แอบแฝง โดยจ้องที่ทรัพย์สินและคู่คุณ ซึ่งวันนี้เป็นไปได้ว่าเธอจะมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาในครอบครัวด้วย ควรจับตาดูให้ดี  คนโสด   หากคุณยังตัดแฟนเก่าไม่ขาด ยังโหยาเขาอยู่ วันนี้เป็นไปได้ว่าคุณจะกลับมาคืนดี มีความสุขกันอีกครั้ง

สุขภาพ :  มีความเสี่ยงที่อวัยวะภายในช่องท้องจะมีปัญหา ยิ่งหากเพิ่งผ่าตัด หรือผ่าคลอดมาระวังแผลจะอักเสบ

 

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน :  สำหรับผู้ที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจบันเทิง โฆษณา-ประชาสัมพันธ์ สื่อมวลชน สินค้าและบริการที่เกี่ยวกับน้ำ รวมถึงอสังหาริมทรัพย์ บ้าน ที่ดิน ต้นไม้ อาคารสำนักงาน ฯลฯ เป็นไปได้ว่าคุณจะได้ร่วมงานร่วมหุ้นกับเพื่อนสนิทผู้หญิง โดยมีโอกาสได้ทำโครงการใหม่ หรือโยกย้ายเปลี่ยนแปลงไปสู่หน่วยงานหรือบริษัทที่มีความก้าวหน้ามั่นคงขึ้น

การเงิน :   คุณมีโอกาสได้ซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์ หรือซื้อของตกแต่งบ้าน ต้นไม้ แม้จะเป็นวงเงินที่สูง แต่คุณก็สามารถจัดสรรงบประมาณได้ดีและมีประสิทธิภาพ

ความรัก :   เป็นไปได้ว่าวันนี้ที่บ้านคุณจะเต็มไปด้วยสาวๆ  ซึ่งก็จะหนักไปเรื่องสวยๆ งามๆ วันนี้มีโอกาสเปิดบิวตี้ที่บ้านก็ได้นะ คนโสด  เป็นไปได้ว่าคุณจะย้ายไปอยู่กับเพื่อนสนิทผู้หญิง แต่กระนั้นก็ตามคุณก็ยังอดไม่ได้ที่จะเจ้าชู้ หว่านเสน่ห์ไปเรื่อยๆ

สุขภาพ :  มีความเสี่ยงที่คุณจะไม่สบาย เป็นหวัด ปอดบวม โรคเลือดจาง หากเป็นทอนซิลอยู่แล้ว ระวังจะกำเริบ

 

 

โรคผมร่วงเป็นหย่อม

รู้จัก “โรคผมร่วงเป็นหย่อม” ที่ภรรยา ‘วิล สมิธ’ ถูกล้อเลียน

Alternative Textaccount_circle
โรคผมร่วงเป็นหย่อม
โรคผมร่วงเป็นหย่อม

หลังจากเกิดเหตุการณ์ทอล์กออฟเดอะทาวน์ในงานประกาศรางวัลออสการ์ปีนี้ (2022) ที่ทาง Chris Rock โดน Will Smith ตบหน้าป้าบใหญ่บนเวทีออสการ์ เนื่องจาก Chris Rock ยิงมุขตลกที่ไม่ตลกเรื่อง โรคผมร่วงเป็นหย่อม ที่ Jada Pinkett Smith ภรรยา Will Smith ต้องเผชิญกับอาการผมร่วงมาตั้งแต่กลางปี 2021 ซึ่งทำให้ต่อมาเธอได้ตัดสินใจโกนผม และโพสต์รูปผ่านอินสตาแกรมแจงเหตุผลที่ต้องโกนผมหมดศีรษะ เพราะไม่อยากให้คนอื่นคิดว่าเธอไปผ่าตัดสมองมา

รู้จัก “โรคผมร่วงเป็นหย่อม” ที่ภรรยา ‘วิล สมิธ’ ถูกล้อเลียน

ซึ่งด้วยเหตุนี้ เราจึงขอพามารู้จักกับ Alopecia Areata หรือโรคผมร่วงเป็นหย่อม เป็นโรคที่เชื่อว่าเกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันที่ไปทำลายต่อมรากผมจนทำให้ผมร่วง โดยอาการอาจเกิดขึ้นได้ทุกส่วนของร่างกาย เช่น คิ้ว ขนตา หนวดเครา หรือขนรักแร้ เป็นต้น โรคนี้เกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย แต่มักเกิดกับผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 40 ปี ซึ่งปริมาณผมหรือขนที่ร่วงและที่งอกขึ้นมาใหม่ของผู้ป่วยแต่ละรายนั้นจะแตกต่างกันออกไป และในปัจจุบันยังไม่สามารถรักษาโรคนี้ให้หายขาดได้ แต่ก็มีการรักษาที่ช่วยให้ผมงอกขึ้นมาใหม่ได้เร็วและป้องกันการหลุดร่วงในอนาคต

โรค ผมร่วง เป็นหย่อม

อาการของโรคผมร่วงเป็นหย่อม

จะมีอาการผมร่วงเป็นหย่อมๆ โดยทั่วไปบริเวณที่ผมร่วงจะมีลักษณะเป็นวงกลมเท่าเหรียญขนาดใหญ่ อาจมีอาการคันหรือมีผื่นแดงขึ้นบริเวณที่ผมร่วงด้วยแต่ก็พบได้น้อย หรืออาจมีขนร่วงตามส่วนอื่นๆ ของร่างกาย เช่น ขนตา คิ้ว หนวดเครา หรือขนตามแขนขา เป็นต้น

ทั้งนี้ ขนและผมที่ร่วงนั้นจะงอกขึ้นใหม่ได้เองภายใน 3-4 เดือน แต่ในผู้ป่วยบางรายอาจไม่งอกกลับขึ้นมาอีกเลย และอาการผมร่วงเป็นหย่อมอาจหายไปและกลับมาเป็นได้อีก ซึ่งขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลและไม่สามารถคาดเดาการเกิดได้ นอกจากผมร่วงเป็นหย่อมแล้ว ผู้ป่วยอาจมีอาการผมร่วงทั้งศีรษะ (Alopecia Totalis) หรือเส้นขนตามร่างกายหลุดร่วงไปทั้งหมดด้วย (Alopecia Universalis)

นอกจากนี้ โรค Alopecia Areata อาจทำให้เกิดอาการที่เล็บได้ แต่ก็มีโอกาสเกิดขึ้นน้อย ซึ่งเล็บจะมีความผิดปกติ เช่น เล็บขรุขระ เล็บเปราะ หรือมีจุดแดงบริเวณโคนเล็บ เป็นต้น

สาเหตุของโรคผมร่วงเป็นหย่อม

เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน โดยความผิดปกตินี้อาจสร้างความเสียหายต่อรูขุมขน จนทำให้รูขุมขนมีขนาดเล็กลงและไม่สามารถผลิตเส้นผมขึ้นมาได้ จึงเกิดเป็นอาการผมร่วง ซึ่งโรคนี้เกิดขึ้นได้กับทุกเพศและทุกช่วงวัย

แม้สาเหตุที่ทำให้ภูมิคุ้มกันทำงานผิดพลาดนั้นยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่มีปัจจัยบางอย่างที่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคนี้ได้ เช่น

  • ความผิดปกติทางพันธุกรรม อย่างกลุ่มอาการดาวน์ซินโดรม
  • มีประวัติคนในครอบครัวเคยป่วยเป็นโรคนี้ หรือเป็นโรคเกี่ยวกับภูมิคุ้มกัน เช่น โรคเบาหวานประเภทที่ 1 โรคเกี่ยวกับไทรอยด์ โรคด่างขาว โรคแพ้ภูมิตัวเอง โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ หรือภาวะลำไส้เป็นแผล (Ulcerative Colitis) เป็นต้น
  • การเจ็บป่วยอื่นๆ อย่างการติดเชื้อไวรัส
  • การได้รับยาบางชนิด
  • ความเครียด

การวินิจฉัยโรคผมร่วงเป็นหย่อม

แพทย์สามารถวินิจฉัยอาการของโรคนี้ได้โดยตรวจดูหนังศีรษะตรงที่ผมร่วง และตัวอย่างเส้นผมในบริเวณที่เกิดอาการ รวมทั้งอาจวินิจฉัยเพิ่มเติมได้ด้วยวิธีการ ดังนี้

  • ตรวจชิ้นเนื้อหนังศีรษะ โดยนำตัวอย่างผิวหนังบริเวณที่เกิดอาการไปตรวจด้วยกล้องจุลทัศน์ เพื่อหาสาเหตุของอาการผมร่วง
  • ตรวจเลือด แพทย์อาจตรวจเลือดเพื่อดูความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคนี้ โดยวิธีนี้สามารถบอกได้ถึงปริมาณสารต่างๆ ที่อยู่ภายในเลือด เช่น ฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ ปริมาณโปรตีนที่บ่งชี้การอักเสบ และปริมาณธาตุเหล็ก เป็นต้น

การรักษาโรคผมร่วงเป็นหย่อม

ปัจจุบันในทางการแพทย์ยังไม่สามารถรักษาโรค Alopecia Areata ได้ แต่เบื้องต้นแพทย์อาจแนะนำให้รอผมงอกขึ้นมาใหม่เอง ซึ่งอาจใช้เวลาประมาณ 3-6 เดือน เพราะปกติแล้วผมของผู้ป่วยจะงอกกลับขึ้นมาใหม่ได้เองโดยไม่จำเป็นต้องรักษา อีกทั้งโรคนี้ไม่มีอันตรายต่อร่างกาย อย่างไรก็ตาม มีบางวิธีที่ช่วยให้ผมที่ร่วงไปงอกกลับขึ้นมาใหม่เร็วกว่าวิธีตามธรรมชาติ ดังนี้

  • การใช้สเตียรอยด์
    สเตียรอยด์จะยับยั้งการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันที่สร้างความเสียหายแก่รูขุมขน และทำให้เส้นผมสามารถงอกขึ้นมาใหม่ได้อีกครั้ง ซึ่งการใช้สเตียรอยด์มีหลายรูปแบบ ทั้งแบบฉีดซึ่งได้ผลดีในกรณีที่ผมร่วงเป็นบริเวณไม่กว้างนัก และแบบทาซึ่งเห็นผลช้า และอาจต้องใช้เวลา 3-6 เดือน โดยการใช้ยาชนิดนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์
  • การใช้ยาปลูกผม
    การรักษาด้วยวิธีการนี้มีโอกาสสำเร็จน้อย โดยปกติแล้วจะใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือนจึงจะเริ่มเห็นผล แต่หากใช้ยาปลูกผมมาเป็นเวลากว่า 1 ปีแล้วยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง ควรหยุดใช้ยาและใช้วิธีอื่นรักษาแทน
  • การทำภูมิคุ้มกันบำบัด
    การทำภูมิคุ้มกันบำบัดเป็นการให้สารที่ก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้ที่ผิวหนังลงบนบริเวณที่ผมร่วง เพื่อทำให้เกิดการอักเสบที่จะนำไปสู่การกระตุ้นให้ผมกลับมางอกขึ้นใหม่ได้อีกครั้ง แต่วิธีการนี้มีผลข้างเคียงที่อาจทำให้เกิดโรคผิวหนังชนิดอื่นตามมาได้
  • วิธีการอื่น ๆ
    ผู้ป่วยอาจรับประทานอาหารเสริมจำพวกวิตามินหรือสมุนไพร รักษาโดยใช้น้ำมันหอมระเหยจากพืช หรือรับการฝังเข็ม ซึ่งอาจช่วยให้ผมงอกขึ้นมาใหม่ได้ อย่างไรก็ตาม การรักษาทางเลือกเหล่านี้ยังไม่ได้รับการยืนยันทางการแพทย์ว่าจะช่วยรักษาอาการผมร่วงหรือทำให้อาการดีขึ้นได้ ดังนั้น หากต้องการใช้การรักษาทางเลือกใดๆ ควรปรึกษาแพทย์ให้ถี่ถ้วนก่อนเสมอ

ภาวะแทรกซ้อนของโรคผมร่วงเป็นหย่อม

  • อาการทางร่างกาย อาจเสี่ยงเป็นโรคทางภูมิคุ้มกัน เช่น โรคเกี่ยวกับไทรอยด์ โรคด่างขาว หรือโรคโลหิตจาง เป็นต้น
  • อาการทางจิตใจ อาจเกิดความเครียด รู้สึกแปลกแยก หรืออาจเป็นโรคซึมเศร้าได้

การป้องกันโรคผมร่วงเป็นหย่อม

ปัจจุบันยังไม่มีวิธีใดป้องกันโรค Alopecia Areata ได้ แต่สามารถรักษาตามอาการที่เกิดขึ้นและทำให้ผมงอกกลับมาใหม่ให้เร็วที่สุด โดยผู้ป่วยควรดูแลตนเองและป้องกันปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นตามมา รวมทั้งคนทั่วไปก็อาจหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เป็นโรคนี้ เช่น

  • ผ่อนคลายความเครียด เพราะความเครียดเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคได้
  • เลือกกินอาหารที่มีสารบำรุงเส้นผม เช่น วิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี และธาตุสังกะสี เป็นต้น
  • ใส่วิก สวมหมวก หรือทาครีมกันแดดบริเวณหนังศีรษะที่เกิดอาการ เพื่อป้องกันแสงแดดทำอันตรายต่อหนังศีรษะ
  • สวมแว่นกันแดดในกรณีที่โรคนี้ส่งผลให้ขนตาร่วง เพราะอาจมีสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ดวงตาได้เนื่องจากไม่มีขนตาคอยป้องกัน

ข้อมูล : www.pobpad.com
ภาพ : Pexel 

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ป้าบเข้าให้! วิลล์ สมิธ ตบหน้า คริส ร็อก หลังล้อเลียนภรรยาบนเวที Oscars

คุณหมอชาวญี่ปุ่นแนะ ผมร่วงหนัก เพราะสระผมผิดวิธีหรือเปล่า? มาดูวิธีที่ถูกกัน

แชร์วิธี ป้องกันผมร่วง มากกว่าปกติ จนแอบคิดว่าเป็นโรคอะไรหรือเปล่า

แพทย์แนะอย่าวิตก กรณีรักษาโควิด-19 หายแล้ว แต่เกิด “ผมร่วง” หลุดเป็นกระจุก

 

 

บันยันทรี เวญา ภูเก็ต รีสอร์ท

เชื่อมโยงธรรมชาติ เพื่อสุขภาพกายใจดี ที่ “บันยันทรี เวญา ภูเก็ต รีสอร์ท”

account_circle
บันยันทรี เวญา ภูเก็ต รีสอร์ท
บันยันทรี เวญา ภูเก็ต รีสอร์ท

“บันยันทรี เวญา ภูเก็ต รีสอร์ท” ออกแบบ Wellbeing ภายใต้หลัก 8 ประการ เชื่อมโยงธรรมชาติ เพื่อการมีสุขภาพกายใจดี ด้วยตัวเอง

เทรนด์การใส่ใจดูแลตัวเองและคนรอบข้าง มีการพัฒนารูปแบบให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของคนรักสุขภาพมากขึ้น และด้วยความเชื่อที่ว่า Wellbeing (เวลบีอิ้ง) ที่ดีต้องไม่ใช่การปลีกวิเวกอยู่ตัวคนเดียว หากต้องมีการเชื่อมสัมพันธ์กับผู้อื่นด้วย ภายใต้แนวคิด “Discover A New Way Of Conscious Living” (ดิสคัพเวอร์ อะ นิว เวย์ ออฟ คอนเชียส ลิฟวิ่ง)

บันยันทรี ภูเก็ต ได้เปิดตัว “บันยันทรี เวญา ภูเก็ต รีสอร์ท” (Banyan Tree Veya Phuket Resort) แห่งแรกและแห่งเดียวในโลกที่จะช่วยดูแลสุขภาพกายใจของผู้เข้าพักในแนวคิด “Conscious Living” (คอนเชียส ลิฟวิ่ง) อันหมายถึงการตระหนักหรือรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นในทุกช่วงชีวิต ใช้ชีวิตด้วยความตระหนักรู้และเข้าใจ เลือกใช้ชีวิตอย่างที่สมดุลภายใต้อารมณ์ ความรู้สึก หรือแรงจูงใจของตัวเอง โดยออกแบบหลัก 8 ประการเพื่อการมีสุขภาพกายใจที่เน้นการเชื่อมโยงกับธรรมชาติและคนรอบกายอย่างมีสมดุล หรือเรียกว่า “การผสมผสานตัวเรา ธรรมชาติ และคนรอบข้าง”

หลัก 8 ประการ หรือ “Wellbeing Pillars” (เวลบีอิ้ง พิลล่าส์) ที่คิดค้นขึ้นมานั้น ประกอบด้วย Dietary Awareness (ไดเอตทาริ อะแวร์เนส) การกินอยู่อย่างมีสมดุล, Physical Vitality (ฟิซิคอล วิทอลิตี้) การออกกำลังกาย, Cultivate The Mind (คัลติเวท เดอะ มายด์) การฝึกสมาธิ, Learning & Development (เลิร์นนิ่ง แอนด์ ดีเวลล็อปเม้นท์) การเรียนรู้และพัฒนาตัวเอง, Bonding & Connection (บอนดิ้ง แอนด์ คอนเน็กชั่น) การสานสัมพันธ์กับคนรอบข้าง, Harmony With Nature (ฮาร์โมนี วิธ เนเจอร์) การเชื่อมโยงกับธรรมชาติ, Sustained Practices  (ซัคสเตน แพร็คทีช) การสนับสนุนให้นำกลับไปฝึกฝนต่อที่บ้าน และสุดท้าย Sleep & Rest (สลีพ แอนด์ เรสท์) การพักผ่อนนอนหลับอย่างมีคุณภาพ

หลักปฏิบัติดังกล่าวถูกกลั่นกรองออกมาเป็นรูปแบบการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมตามความต้องการของผู้รักษ์สุขภาพถึง 50 กิจกรรมต่อสัปดาห์ อาทิ รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ การฝึกสมาธิรูปแบบต่างๆ การทำจิตใจให้สงบ การออกกำลังกายยืดกล้ามเนื้อ คาดิโอ เวิร์คช็อปสปา การพัฒนาสมอง เป็นต้น

เพียงเช็คอินเข้ามา เริ่มจากการกรอกข้อมูลส่วนตัว และรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้าน Wellbeing เป็นการส่วนตัวเพื่อประกอบคำแนะนำว่าใครเหมาะกับกิจกรรมลักษณะใด ด้วยโปรแกรมที่ค่อนข้างหลากหลาย ผู้เข้าพักสามารถผสมผสานกิจกรรมและตัดสินใจเลือกทำได้เองตามความเหมาะสม สำคัญว่าต้องรู้จักเชื่อมโยงตัวเองให้เข้ากับธรรมชาติพร้อมๆ กับการสานสัมพันธ์กับคนรอบกาย  ยกตัวอย่าง การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพในสไตล์ Flexitarian ซึ่งหมายถึงการทานอาหารอย่างยั่งยืนและผสมผสานความสมดุลระหว่างส่วนประกอบตะวันออกและตะวันตกได้อย่างลงตัว  หรือการเดินสัมผัสพื้นหญ้าเพื่อทำสมาธิและเชื่อมโยงกับธรรมชาติ หรือถ้ารู้สึกว่าช่วงนี้ความสัมพันธ์กับคนในครอบครัวหรือเพื่อนร่วมงานไม่สู้ดีนัก ควรทำกิจกรรมสานสัมพันธ์ให้กระชับขึ้นอย่าง Yoga Duo, Gratitude Meditation หรือ Mindful Living

แม้กระทั่งการนอนหลับพักผ่อน Sleep & Rest ที่ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรมาก ก็ยังได้รับการออกแบบอย่างมีความหมาย ภายในห้องพักของเวญาจะมีการเปิดเพลงกล่อมแบบ “Binaural Music” (ไบนัวรัล มิวสิค) หรือการเลียนแบบเสียงและแสงธรรมชาติ  โดยนาฬิกาปลุกจะมีฟังชั่นแสงสว่างคล้ายแสงพระอาทิตย์ค่อยๆ สาดส่องตามช่วงเวลา เคล้าเสียงนกร้องยามเช้าตรู่ ชวนให้รู้สึกถึงการค่อยๆ ตื่น เรียกได้ว่าหลัก 8 ประการที่นำมาใช้นี้เน้นเชื่อมโยงกับธรรมชาติผ่านกิจกรรมที่ออกแบบมาอย่างตั้งใจ

อย่างไรก็ดี โปรแกรมดูแลสุขภาพนี้เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจเวลบีอิ้งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว รวมถึงผู้ที่ต้องการมาพักผ่อนควบคู่การมีสุขภาพกายใจที่ดี และแม้จะขึ้นชื่อว่าเป็น “Wellbeing Centered Resort” (เวลบีอิ้ง เซ็นเตอร์ รีสอร์ท) ทว่าก็ไม่ได้นำเสนอหลักปฏิบัติที่เน้นการรักษาหรือบำบัด หากเป็นลักษณะการให้คำแนะนำ สนับสนุนและส่งเสริมให้ผู้ใส่ใจดูแลตัวเองได้รู้ว่าควรทำกิจกรรมลักษณะใดที่ไม่กระทบกับการพักผ่อน ซึ่งค่อนข้างมีความยืดหยุ่นในแต่ละกิจกรรม

และเพื่อให้ครอบคลุมกิจกรรมต่างๆ ที่ออกแบบมาเพื่อการมีสุขภาพกายใจที่ดี แนะนำว่าควรมีเวลาเข้าพักอย่างน้อย 3 วัน โดยก่อนการเช็คเอ้าท์จะมีการรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้าน Wellbeing อีกครั้งเพื่อเป็นการติดตามว่าหลังจากเรียนรู้การใช้ชีวิตภายใต้แนวคิดดังกล่าวแล้วมีความเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้นบ้าง ชอบหรือไม่ อย่างไร และต้องการเสริมกิจกรรมด้านใดเพิ่มเติมหรือไม่ ก่อนจะนำแนวทางนี้กลับไปปฏิบัติต่อที่บ้าน

บันยันทรี เวญา ภูเก็ต รีสอร์ท สนนราคาเริ่มต้นที่ 12,800 บาท ต่อคืน (จากปกติ 19,200 บาท)  ไม่รวมอาหารเช้า เพราะเชื่อว่าแต่ละคนมีไลฟ์ไตล์การรับประทานอาหารต่างกัน โดยผู้เข้าพักจะได้รับวงเงินเครดิต 10,000 บาทต่อคืนต่อห้อง เพื่อนำไปใช้จ่ายในบริการต่างๆ รวมถึงอาหารเช้า อาหารมื้ออื่นๆ ในห้องอาหาร คลาส Wellbeing แบบส่วนตัว สปาและแกลอรี่  ทั้งนี้วงเงินเครดิตจะครอบคลุมภายในระยะเวลาของการเข้าพักเท่านั้น โดยราคาโปรโมชั่นดังกล่าวสามารถจองได้ภายใน 30 เมษายน และเข้าพักได้ถึง 30 มิถุนายนนี้

สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร 076 372 400 หรือ www.banyantree.com/thailand/veya-phuket


 

แดดดี้แพท

แดดดี้แพท เตรียมจัดแฟนมีตติ้ง หลังผ่าตัดหมอนรองกระดูกดีขึ้น

แดดดี้แพท
แดดดี้แพท

เข้ารับการผ่าตัดจากอาการ หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่หลายคนก็อดเป็นห่วง แดดดี้แพท พาวเวอร์แพท ไม่ได้ว่าอาการป่วย จะกระทบกับการทำงานของเจ้าตัวหรือเปล่า ล่าสุดพออาการดีขึ้น แดดดี้แพทเลยถือโอกาสอัพเดทให้ฟัง พร้อมแย้มด้วยว่ากำลังจะมีงานแฟนมีตติ้ง ฉลองครบรอบ 22 ปีวงพาวเวอร์แพทอีกด้วย

แดดดี้แพท

แดดดี้แพท เตรียมจัดแฟนมีตติ้ง  หลังผ่าตัดหมอนรองกระดูกดีขึ้น

แดดดี้แพท

 

โดย แดดดี้แพท เผยว่า “จริง ๆ ผมมีอาการของโรคหมอนรองกระดูดคอทับเส้นประสาท เมื่อประมาณปลายปีที่แล้ว เริ่มจากปวดคอ หัวไหล่ ไล่มาจนถึงฝ่ามือ และมีอาการชาที่ซีกขวา ตอนแรกคิดว่าอาจจะทำงานหนักเกินไป เลยซื้อยานวดและแผ่นแปะบรรเทาอาการปวดมาแปะ แต่ก็ไม่ดีขึ้น เลยตัดสินใจพบแพทย์ คุณหมอวินิจฉัยว่าน่าจะเกี่ยวกับที่คอ

แดดดี้แพท

พอเอ็กซ์เรย์ ผลออกมาพบว่ามีกระดูกคอหล่นลงมาชิดกันประมาณข้อที่ 5 และ 6 เป็นอาการของหมอนรองกระดูกเสื่อมและกดทับเส้นประสาท เพื่อให้เห็นภาพชัดก็เลยทำ MRI คุณหมอบอกว่าอาการไม่ดี จำเป็นต้องผ่าตัดเพื่อเปลี่ยนหมอนรองกระดูกที่เสื่อม พอจะต้องผ่าตัดก็ค่อนข้างกังวล แต่ก็จำเป็นเพราะอันตรายมาก ถ้ามีอะไรมากระแทกอาจจะทำให้เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตได้ ก็ต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังพอสมควร

แดดดี้แพท

 

ความจริงอาการนี้มันกำเริบตั้งแต่อยู่ในเรือนจำ เพราะผมใช้เวลาส่วนใหญ่ในการนั่งเขียนรูป ผมเคยนั่งเขียนรูปวันนึง 10 ชั่วโมง หลังจากผ่าตัดคุณหมอบอกว่ามีแนวโน้มที่ดี ความกังวลที่ว่าจะกลับมาร้องเพลงไม่ได้  ไม่น่าจะเกิดขึ้น แต่ผมก็ยังไม่กล้าฝึกร้องเพลงหรือเปล่งเสียง อยากให้แผลทุเลาก่อน คาดว่าน่าจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ แต่คุณหมอบอกว่าไม่มีอะไรน่ากังวล แต่ก็คิดว่าคงไม่ได้กลับไปเขียนรูปใหญ่ ๆ เหมือนเดิมแล้ว

 

แดดดี้แพท

ผมตั้งเป้าอยากกลับมาเล่นดนตรีให้ได้เป็นปกติก่อน เพราะมีการวางแผนล่วงหน้าไว้แล้ว ก็ต้องขอบคุณกำลังใจจากทุก ๆ ส่วน ที่ส่งเข้ามา ผมก็จะรีบหาย เพราะปีนี้วงพาวเวอร์แพท มีอายุครบรอบ 22 ปีแล้ว ทางวงได้มีการพูดคุยกันว่าจะมีการเฉลิมฉลอง จะมีการนำเพลงในอัลบั้มแรกกลับมาทำใหม่ คิดว่าหลายคนคงจะชอบ และประมาณกลางปีเราจะมีการจัดงานแฟนมีตติ้ง เพื่อขอบคุณแฟน ๆ ที่สนับสนุนเรามาตลอดครับ”

 


ภาพจาก @pat__powerpat ,

 

BOYY Cover

Mink Ploy ความผูกพันของสองเพื่อนสนิทสายแฟชั่นที่เหนียวแน่นมาถึงยี่สิบปี

BOYY Cover
BOYY Cover

ความผูกพันของสองเพื่อนสนิทสายแฟชั่นที่เหนียวแน่นมาถึงยี่สิบปี เสาวคนธ์ พรพัฒนารักษ์ และ แสงแข เหมกมลเศรษฐ์ กับตัวตนสนุก ๆ ที่ไม่มีใครรู้สไตล์การทำงานสุดลุยและดีเอ็นเอแฟชั่นในทุกอณู

BOYY 1

Mink Ploy ความผูกพันของสองเพื่อนสนิทสายแฟชั่น

ที่เหนียวแน่นมาถึงยี่สิบปี

“มิ้งค์กับพลอยเราเรียนที่เดียวกันที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ มิ้งค์เป็นแฟนคลับพลอยมาก่อนเห็นคนนี้แล้วชอบ เราเป็นคนชอบคนสวย ชอบผู้หญิงขาสวย (หัวเราะ) ก็แอบมองเขามาตลอด ซึ่งเราไม่ได้สนิทกันนะ แต่เดินในมหาลัยเห็นกันตลอด” คุณมิ้งค์เริ่มเล่าถึงความประทับใจเริ่มต้นพลางหันไปหาเพื่อนซี้ที่นั่งข้าง

คุณพลอยเสริม “ใช่ ๆ ตอนอยู่มหาลัยพลอยจะได้ยินว่า มีคนนึงหน้าคล้ายพลอย ตอนแรกก็จริงเหรอพอพลอยได้เห็นมิ้งค์ ก็ใช่นะ หน้าเรามีความคล้ายกัน (หัวเราะ)

BOYY 2

คุณมิ้งค์เล่าต่อ “กว่าเราจะได้มาคุยกันก็ช่วงท้าย ๆ ปีสี่ ใกล้เรียนจบมหาลัยถึงได้บอกความในใจกับเขาว่า เราปลื้มมากช่วงนั้นมีติดรถมาสยามด้วยกัน พอเรียนจบพลอยไปเรียนต่างประเทศก่อนที่อเมริกา ส่วนมิ้งค์ไปเรียนที่ออสเตรเลีย มิงค์ก็ยังเป็นแฟนคลับเขาอยู่นะ มีเขียนจดหมายไปหา พลอยก็เขียนจดหมายตอบกลับมีส่งรูปแนบมาด้วย เราก็เขียนส่งหากันแบบนี้ไปมา (หัวเราะ) จนมิ้งค์ได้ไปเรียนอเมริกาเราเลยได้เจอกันอีกครั้ง ตอนนั้นมิ้งค์อยู่ที่แอลเอพลอยอยู่ที่ซานฟรานซิสโก คนที่ไปเรียนจะอยู่ ม. กรุงเทพรุ่น ๆ เดียวกันก็นัดมาเจอกัน เราเลยได้สนิทกันมากขึ้น ไปเที่ยวกรุ๊ปเดียวกันพอกลับมาเมืองไทย เราก็ยังคงไปแฮงค์เอ้าท์ด้วยกันอยู่จนถึงตอนนี้เรารู้จักเป็นยี่สิบปีได้”

“ถ้าจะบอกว่าประทับใจอะไรในกันและกัน พลอยประทับใจมิ้งค์ที่เป็นคนตรง ๆ จริงใจและจริงจัง เวลาเขาพูดอะไรมาเราเหมือนว่าไม่ต้องคิดต่อ ถ้าเป็นเรื่องแฟชั่นตอนนี้ต้องยกให้มิ้งค์เขา (หัวเราะ) ตอนนี้กลายเป็นพลอยต้องตามมิ้งค์ ติดตามเพื่อนเราเขาสวยวันสวยคืนชมทิ้งท้ายก่อนหันมาทางคุณมิ้งค์ให้เล่าบ้าง

“มิ้งค์ว่าเราไม่ต้องพูดกันเยอะ เหมือนมองตากันก็รู้เรารู้จักกันนาน มาเวลาเป็นยี่สิบปี ระหว่างนั้นก็มีออนออฟช่วงสนิทมาก ช่วงห่าง ๆ แต่ว่าในความรู้สึกเรายังต่อกันติดเสมอ จากตอนแรกชอบพลอยที่รูปลักษณ์ภายนอก แต่พอได้รู้จักเขานิสัยดีด้วยใครได้อยู่ใกล้คุยด้วยแล้วจะสบายใจ ไม่เคยพูดจาทำร้ายจิตใจใคร พลอยเป็นคนให้คำแนะนำได้ดีบนพื้นฐานของความจริง ครอบครัวเราเคยไปเที่ยวด้วยกัน มิ้งค์ยังรู้สึกว่าเราเป็นลูกคุณพ่อเขาคนนึง แล้วคุณพ่อเขาก็หน้าคล้ายคุณพ่อเรา มีหลายคนที่เคยคุยกับเราทั้งคู่ ยังบอกเลยว่าคุยกับพี่พลอยเหมือนคุยกับพี่มิ้งค์เลย ลูกเราทั้งคู่ยังหน้าตาคล้ายกัน เหมือนเกิดในตระกูลเดียวกัน มิ้งค์เองยังคิดว่าลูกตัวเองหน้าคล้ายพลอยมากกว่าตัวเองอีก แถมหัวทุยสวยเหมือนพลอยด้วย” (หัวเราะ)

BOYY 3

THE BOSS

แต่ละคนเรียกได้ว่าเติบโต และประสบความสำเร็จในงานที่ตัวเองเลือก และชอบคุณพลอยกับแบรนด์แฟชั่น ที่เต็มไปด้วยสไตล์และดีเอ็นเอในแบบของตัวเอง ‘Saengkhae’ ที่ตอนนี้แตกไลน์เพิ่ม ‘Saengkhae Home & Bed’ เน้นสินค้าไลฟ์สไตล์เป็นหลักและยังคงเป็นดีไซเนอร์ให้แบรนด์กระเป๋า Viera by Ragazze งานแรกเริ่มที่ทำตั้งแต่เรียนจบกลับมา และมีอีกธุรกิจชุดออกกำลังกายซึ่งทำกับหุ้นส่วนในชื่อแบรนด์ IRA Activewear

ส่วนคุณมิ้งค์เป็นที่ปรึกษาให้กับแบรนด์ต่าง ๆ ซึ่งเธอบอกว่าขออุบไว้ ถ้าจะให้บอกหมดคงต้องเล่ากันยาว นอกจากนี้ยังมีแบรนด์ CASA DRY CLEAN ONLY ที่เกิดจากความชื่นชอบในด้านแฟชั่น และมีแพลตฟอร์มออนไลน์ honest.digit เกี่ยวกับด้าน Content Creator โดยเธอยังคงเป็นผู้ถือหุ้นบริษัท Do Day Dream Company Limited

สไตล์การทำงาน และแนวคิดที่สร้างแบรนด์ และตัวตนจนเป็นที่รู้จักในทุกวันนี้เป็นอย่างไร คุณพลอยเริ่มเล่าให้ฟังก่อนว่า “พลอยได้ทำในสิ่งที่ชอบตั้งแต่เด็ก เรารู้ตัวว่าชอบศิลปะชอบแต่งตัว ทำให้เวลาทำงานในทุกวัน รู้สึกว่าไม่ได้ทำงานอยู่ เวลาที่ได้ทำสิ่งที่รักทำสิ่งที่ชอบ เราจะไม่รู้สึกเหนื่อยและทำได้ดี แต่ต่อให้เราได้ทำงานที่ชอบ ยังไงก็ต้องเจออุปสรรค ยิ่งด้วยเราเป็นเจ้าของเอง ไม่ใช่ว่าทำแค่งานดีไซน์เสร็จแล้วจบ ต้องบริหารให้รอบด้าน ปัญหาระหว่างทางเกิดขึ้นได้ตลอด บางครั้งชุดเย็บมาแล้วผิดทั้งล็อตก็มี เราต้องรีบแก้ปัญหาให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด

“ตั้งแต่เริ่มที่จะทำแบรนด์ของตัวเอง พลอยวางไดเร็กชั่นเลยว่า จะใส่ความว่าเป็นตัวตนของเราลงไปชื่อแบรนด์ Saengkhae ก็ตั้งตามชื่อตัวเองตอนแรกก็มี แอบมีคิดนะใครจะมาซื้อใส่ชื่อแบรนด์ไท้ไทย (หัวเราะ) แต่ที่ตัดสินใจตั้งชื่อนี้ก็เพราะว่าเป็นตัวเรา สไตล์การออกแบบทุกชิ้นงาน มาจากสิ่งที่เราชอบเสื้อผ้า ที่พลอยทำออกมาพลอยใส่เองทุกชิ้นเลย เป็นอะไรที่ชัดเจนในคาแรกเตอร์แบรนด์ มันคือตัวตนของพลอย

คุณมิ้งค์เล่าถึงความเป็นเวิร์คกิ้งวูเม่นในแบบตัวเองบ้าง “การทำงานของมิ้งค์ ถ้าเป็นสโลแกนอาจจะฟังดูเชยมาก (ลากเสียงยาว) คือ ‘ทำวันนี้ให้ดีที่สุด’ (หัวเราะ) แต่นี่คือสไตล์มิ้งค์เลย เวลาทำงานทำเองคนเดียวได้ บางคนจะไปไหนต้องรอเพื่อน รอคนนั้น คนนี้แต่เราไม่ใช่ฉันไปคนเดียวเองได้ ถ้าตั้งใจว่าที่จะเดินไปตรงนั้น ฉันจะทำอะไรมีเป้าหมายอะไร ไม่ต้องให้ลูกน้องคุย มิ้งค์จะคุยจะลุยเองเลย แต่ถ้าไม่ชอบไม่อินก็คือไม่ทำ แต่ถ้าอินต่อให้ห้าบาทสิบบาทก็ตีลังกาทำ ให้เป็นคนที่ทำอะไรแล้วตั้งใจสุด ๆ ลำบากก็ฟันฝ่า ฉะนั้น ถ้าทำแล้วไม่เป็นอย่างที่หวังก็ไม่เสียใจ จริง ๆ ส่วนใหญ่ทุกงาน ทุกโปรเจ็กท์ ที่มิ้งค์ทำก็ออกมาดี เพราะเราทำด้วยความตั้งใจแค่อาจจะไม่ถูกใจตัวเราเอง เพราะความความหวังของเราอาจจะสูง เชื่อไหมทุกวันนี้สำเพ็งก็ไปเองได้สบายมาก”

คุณพลอยเสริม “ใช่ ๆ เราสองคนยังไปเดินเลือกของด้วยตัวเองอยู่เลย ให้ลูกน้องไปเลือกของมายังไม่ถูกใจก็ต้องลุยเอง นี่คือสไตล์ทำงานของเราสองคน

คุณมิ้งค์เล่าต่อในอีกมุมทำงานที่หลายคนอาจไม่เคยรู้ “คนชอบถามมิ้งค์ว่าไม่ให้ลูกน้องมาเหรอ บางอย่างให้ลูกน้องไปได้ แต่บางอย่างมีดีเทลที่เราต้องตัดสินใจ เราต้องทำเอง ไม่ได้ติดว่าทุกวันนี้จะทำอย่างนู้น อย่างนี้ไม่ได้ งานของเราต้องทำเองได้ไม่อย่างนั้นลูกน้องจะทำได้ยังไง ในเมื่อเรายังทำเองไม่ได้ มิ้งค์ทำได้ทุกอย่าง ถูบ้าน กวาดบ้าน ยังทำได้อยู่ เป็นคนชอบทำงานและตั้งใจจริง ไม่เคยกลัวว่าอนาคตจะลำบาก เพราะตัวเราเองไม่เคยกลัวลำบาก”

BOYY 4

STYLE WRAP-UP

มาถึงพาร์ตแฟชั่นกันบ้าง ใครที่ตามอินสตาแกรมของสองคู่ซี้ จะเห็นลุคแฟชั่นใหม่ ๆ ไอเท็มเก๋ ๆ มาอัพเดทความสนใจเสมอ แต่ละคนมีสไตล์ของตัวเองเป็นอย่างไร ทั้งคู่ตอบเสียงเดียวกันและพร้อมกันแบบไม่ได้นัดหมาย “ไม่มีสไตล์แต่งตัวตามความรู้สึกล้วน ๆ” ที่พอจบประโยคปุ๊บเสียงแห่งความบันเทิงก็ดังรัวทั้งสตูดิโอ

คุณพลอยออกตัวก่อน “พลอยว่าตัวเองเป็นคนแต่งตัวเรียบนะแต่คนอื่นจะชอบมองว่าไม่เรียบ (หัวเราะ)

คุณมิ้งค์หันไปหาคุณพลอยที่นั่งข้าง ๆ “จริงเหรอ! (ลากเสียงยาว) มิ้งค์ว่าเราสองคน น่าจะเหมือนกันตรงที่ใส่อะไรก็ได้ แต่งตัวง่าย ๆ ในที่นี้ คือไม่ได้ใช้เวลานานในการแต่งตัว เคยไปเที่ยวแล้วนอนด้วยกัน ทำให้รู้เลยว่าเราทั้งคู่ไม่ได้แต่งตัวช้า ไม่ได้คิดชุดเยอะ คิดมาก โอเคสมมุติวันนี้ จะไปงานอะไร คิดภาพในหัวแล้วหยิบ ๆ ชุดออกมาเลย ถ้าใส่ออกมาแล้วไม่ใช่ ก็ไม่ได้แคร์แต่คนส่วนมาก จะชอบคิดว่าเราเตรียมตัว อย่างบางคนช้อปก่อน เพื่อจะมาใส่ไปงานตอนเย็น แต่เราไม่มีอะไรแบบนั้น”

คุณพลอยเสริม “ยิ่งคิดมาก ยิ่งพลาด สมมุติจะมีไปงานหรือต้องไปถ่ายอะไร ก็นึกชุดที่เราใส่ทุกวัน แล้วหยิบมามิกซ์แอนด์แมทช์ให้เป็นธรรมชาติของเราเอง

“สำหรับมิ้งค์นะ หนึ่งไม่มีสไตล์ส องเน้นสะดวกสบาย ถึงแม้คนอาจจะมองว่า ไม่เห็นชุดไหนที่ใส่จะดูง่าย ๆ สบาย ๆ (หัวเราะ) แต่จริง ๆ ลึก ๆ แล้วมิ้งค์เป็นคนชอบใส่ชุดแคชชวล เสื้อยืดกางเกงยืด ไม่ได้ดัดจริตน ะเวลาคนเจอเราตอนทำงานก็จะมีอ้าว… ไม่ได้เหมือนในไอจีเหรอ ก็คือจำไม่ได้ (หัวเราะ) แต่ถ้าต้องไปงานอีเวนต์ มีเดรสโค้ด เราก็จัดให้เต็มที่เป็นพิเศษ แต่งตัวให้เหมาะตามโอกาสและสถานที่”

COLOR SITUATION

ความสนุกที่จะเล่นสีสันในการแต่งตัว ทำให้ทั้งสองคนมีสไตล์ยูนีคไม่ซ้ำใคร แน่นอนว่าใคร ๆ ก็คงอยากรู้เทคนิคการแมทช์คู่สีในแบบตัวเองของทั้งคู่

คุณมิ้งค์ช่วยเล่า “โทนสีที่ชอบของพลอย น่าจะเป็นสีขาว ส่วนมิ้งค์ชอบสี ๆ เทคนิคแมทช์สีเหรอ เราทั้งคู่ไม่มีนะ มั่วเอา (หัวเราะ) มิ้งค์ว่าทั้งหมดทั้งมวล ใช้อินเนอร์เป็นหลัก มีบ่อยนะ ที่คนจะทักใส่ชุดอะไรดูแปลก แต่ถ้าใจเรารู้สึกว่าสวย เรามั่นใจ ก็ไม่ต้องแคร์ใจ เราบอกว่าสวย ก็จะมีพลังออกมา

“เรื่องการแมทช์สี มิ้งค์ใช้ความรู้สึกแมทช์สีไปตามเทรนด์ โดยที่ไม่รู้ตัว มิ้งค์ไม่ได้ต้องมาถึงกับอ่านว่า ช่วงนี้สีอะไรกำลังอิน แต่เวลาเราเสพสื่อก็ซึมซับไปเอง โดยไม่รู้ตัว อย่างตอนนี้มิ้งค์ชอบใส่สีม่วงกับชมพู ซึ่งไม่คิดว่าจะเป็นสีเข้ากัน แค่ช่วงนี้รู้สึกว่าอยากลองสีใหม่ ๆ ไม่มีถูกผิด จะม่วง ชมพู เหลือง เขียว มิ้งค์ใส่ได้หมด แดงกับเขียวก็ได้ ไม่ติด บางวันมิ้งค์อยากแมทช์หลาย ๆ สี บางวันก็อยากแมทช์สีใกล้เคียงกัน เช่น โทนสีธรรมชาติ น้ำตาล ครีม สมมุติเราเลือกแอ็กเซสซอรี่ส์มาชิ้นนึง อยากถือกระเป๋าสีครีมก็เลือกแมทช์กับการแต่งตัวในโทนสีน้ำตาล ขาว ครีมเหลือง หรือในอีกสไตล์ เล่นกับโทนสีตัดกัน ก็เลือกแมทช์ชุดโทนสีเหลือง เขียวกับกระเป๋าสีน้ำตาล แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องลองแต่งก่อนส่องกระจก แล้วรู้สึกว่าใช่ไม่มีหลักเกณฑ์อะไรตายตัว”

คุณพลอยเสริม “เรื่องของแฟชั่นไม่มีถูกผิด ตอนนี้อาจจะใช่ ตอนหน้าอาจจะไม่สวยก็ได้ บางทีเราคิดว่าสีนี้อยู่กับสีนี้ไม่ได้ แต่พอลองใส่แล้วกลับดูสวย บางทีอะไรที่ดูผิด ๆ ก็กลายเป็นสไตล์ที่น่าสนใจ

“มิ้งค์ว่าไม่มีไบเบิ้ลสำหรับแฟชั่น หรือการแต่งตัวแฟชั่นไม่มีถูกผิด แค่ผิดในใจเราเท่านั้นเอง พอรู้สึกไม่มั่นใจจะแต่งยังไง พลังก็ไม่ชายน์ออกมา”

BOYY 5

IF IT SPARKS JOY

มาที่ไอเท็มสุดโปรด ซึ่งทั้งคู่ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า แน่นอนคือ ‘รองเท้า’ “มิ้งค์เป็นคนไม่ใส่เครื่องประดับ แต่จะขาดกระเป๋าและรองเท้าไม่ได้ เพราะเป็นไอเท็มที่มาช่วยเติมเต็มลุคให้คอมพลีท ซึ่งรองเท้ามิ้งค์ให้ความสำคัญเป็นพิเศษ รองเท้าใส่แล้วต้องสบาย อาจจะเห็นว่ามิ้งค์มีบางคู่ ที่ใส่ไม่สบาย แต่ก็มีด้วย ดีไซน์เหมือนอาร์ตพีชชิ้นนึง ที่เราเก็บสะสม โดยปกติแล้ว มิ้งค์ชอบใส่สนีกเกอร์และรองเท้าส้นแบน หรือไม่ก็มีแพลตฟอร์มที่หนาเท่ากัน หรือที่เรียกว่าแพลตฟอร์มชู จะใส่กับกางเกงสเว็ตแพนท์ หรือกางเกงยีนส์ก็ได้เข้ากับบุคลิกเรา

“มิ้งค์ชอบรองเท้าที่ดูไม่ธรรมดา พลอยก็เหมือนกัน ทุกคู่ของเราสองคนจะดูว้าว ถ้าธรรมดาจะซื้อทำไม สู้ไม่ใส่ดีกว่า” (หัวเราะ)

คุณพลอยเล่าบ้าง “รองเท้าเป็นไอเท็มที่สำคัญนะ บางทีทั้งชุดเราเรียบ ๆ แต่ใส่รองเท้าคู่นึง มีดีไซน์ ก็ช่วยคอมพลีทลุคให้เราได้ทันที โดยที่ไม่ต้องถือกระเป๋าก็ได้ แต่ถ้าเลือกใส่รองเท้าผิด คือผิดทั้งหมด รองเท้าบางคู่ช่วยชูชุดเราให้เด่นขึ้น รองเท้าบางคู่ทำให้ชุดเราดูดรอพลง พลอยชอบรองเท้าสี ๆ เวลาเราแต่งตัวด้วยชุดสีสันแล้ว พลอยจะชอบใส่สีที่สามเข้าไป ก็จะเลือกรองเท้า ที่มีสีตัดกับชุด รองเท้าแพลตฟอร์มชู น่ารักแบบนี้ มาช่วยสร้างความคอนทราสให้ชุด แทนที่จะใส่รองเท้าส้นแบนออกจากบ้าน ใส่รองเท้าที่มีแพลตฟอร์มขึ้นมา ช่วยคอมพลีตการแต่งตัวให้ดูสวยกว่า แถมใส่สบายด้วย(ยิ้ม)

คุณมิ้งค์เสริม “อย่างคู่นี้ที่มิ้งค์ใส่ จะมีสลิงแบ็คหรือสายรัดส้น มิ้งค์เป็นคนนึงเลยนะ ที่ไม่ได้แคร์ว่า อ้วน เตี้ย ผอม สูง คนมักจะบอกว่า ใช่สิ ก็เธอไม่อ้วน แต่มิ้งค์ไม่สูงนะ หลายครั้งเวลาเลือกชุดบางชุด คนจะมองว่าคนสูงใส่สวยเท่านั้น แต่มิ้งค์ไม่คิดอย่างนั้น เราก็ใส่ได้ มันอยู่ที่อินเนอร์ อย่างรองเท้า BOYY คู่นี้เขาดีไซน์ มาเป็นทรงน่ารักเหมือนโลฟขนมปัง เห็นแบบนี้ แต่จริง ๆ แล้ว รองเท้านี้ สูงห้าเซ็นนะ ได้ลุคใส่ส้นสูงที่ดูแคชชวลน่ารักด้วย ดีไซน์รองเท้าเก๋ ๆ ที่ดูแคชชวล มิ้งค์ก็จะเลือกแมทช์กับชุดที่ดูผู้หญิง ๆ เซ็กซี่ก็ได้ ให้มีความคอนทราส

“การแต่งตัว ทุกอย่างไม่มีถูกผิด ขอให้ลองก่อน ถ้าใส่แล้วใช่ก็คือใช่ อย่าไปคิดตาม ยึดตามที่ใครพูด แล้วจะค้นพบสไตล์ของตัวเอง”

Uniqlo spring/summer 2022

The Joys of Clothing สนุกกับการแต่งตัวสไตล์ ยูนิโคล่ รับSpring/Summer 2022

Uniqlo spring/summer 2022
Uniqlo spring/summer 2022

เปิดตัวไปเรียบร้อยแล้วสำหรับ ยูนิโคล่ คอลเลกชั่นใบไม้ผลิและฤดูร้อนปี 2022 ผ่านธีมประจำซีซันอย่าง The Joys of Clothing พร้อมนิทรรศการในชื่อเดียวกันซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 25 – 27 มีนาคม 2565 ณ Central Courtศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

Uniqlo spring/summer 2022

สำหรับนิทรรศการของยูนิโคล่ในครั้งนี้ เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวผ่านธีมหลักของซีซั่น The Joys of Clothing กับการแสดงความสัมพันธ์ของคนและเสื้อผ้าในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนออกมาใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้นด้วยกิจกรรมต่างๆ ที่มีให้เลือกอย่างไม่รู้จบ พร้อมเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศของฤดูที่ช่วยสร้างความสุขและรอยยิ้มได้ตลอดทั้งวัน โดยในซีซันนี้ ยูนิโคล่โฟกัสไปที่ความสุขอันเรียบง่ายในชีวิตประจำวัน เมื่อผู้คนและเสื้อผ้าบรรจบมาเจอกันผ่าน 4ธีมย่อยได้แก่

The Joys of Skyline สร้างนิยามการแต่งตัวใหม่สำหรับคนเมือง

 เราทุกคนต่างเฝ้ารอที่จะได้ใช้เวลากับครอบครัวและเพื่อนๆ อีกครั้ง การได้สวมใส่เสื้อผ้าลำลองที่เรียบง่ายและดูดีทั้งในการทำงานและช่วงพักผ่อนได้กลายเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับการใช้ชีวิตในเมือง ผู้คนต้องการเครื่องแต่งการที่โมเดิร์นทันสมัย ดูสนุกสนาน และสวมใส่ได้อย่างสบาย สปิริตของวิถีชีวิตคนเมืองจะเด่นชัดขึ้นกับลุคใหม่ในซีซันนี้

The Joys of Clothing สนุกกับการแต่งตัวสไตล์ ยูนิโคล่ รับSpring/Summer 2022

The Joys of Landscape – เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ

 การใช้เวลาว่างในกิจกรรมกลางแจ้งเป็นสิ่งสำคัญในการเติมพลังให้ร่างกายและจิตใจ คุณต้องมีเสื้อผ้าที่ใช้งานได้สำหรับการเดิน ปั่นจักรยาน และกิจกรรมอื่นๆ และไอเทมของยูนิโคล่เปี่ยมด้วยสีสันและพื้นผิวที่กลมกลืนกับทิวทัศน์ เพื่อให้คุณรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ

The Joys of Imagination สร้างแรงบันดาลใจให้กับความสวยงามที่ใช้งานได้จริง

 ศิลปะและการออกแบบอันซับซ้อน ซึ่งกระตุ้นจินตนาการ ได้นำเสนอความคิดสำหรับการใช้ชีวิตที่สะดวกสบายและ          มีความสุข สีสันสดใส ชวนมอง และความงามด้านการใช้งานของดีไซน์ที่ดี เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเสื้อผ้าที่ดูดีมีสไตล์และช่วยให้เคลื่อนไหวได้คล่องตัว อีกทั้งศิลปะยังสร้างแรงบันดาลใจให้กับเสื้อผ้า เพื่อการใช้งานที่กระฉับกระเฉง

Uniqlo spring/summer 2022

The Joys of Sun and Seaside รับสัมผัสจากสายลม

 ยูนิโคล่นำเสนอเสื้อผ้าที่เรียบง่ายผ่านพื้นผิวที่เป็นธรรมชาติ สำหรับการใช้ชีวิตท่ามกลางแสงแดดฤดูร้อนหรือหลัง          พระอาทิตย์ตกดินบนชายหาด ผ้าลินินที่คลุมผิวได้อย่างนุ่มนวลและชุดเดรสที่ช่วยให้คุณรู้สึกสบายและเป็นอิสระราวกับลมริมทะเล

Uniqlo spring/summer 2022

นอกจากนิทรรศการ The Joys of Clothing จัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 – 27 มีนาคม 2565 ณ ลาน Central Court ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ พร้อมกันนี้ ยูนิโคล่ยังเชิญชวนค้นหาความหมายของ The Joys of Clothing  ผ่านนิตยสาร LifeWear magazine ฉบับที่ 6 ประจำฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อนปี 2022 โดยนิตยสาร LifeWear magazine เป็นนิตยสารแจกฟรี ที่พูดถึงปรัญชาไลฟ์แวร์ของยูนิโคล่ในการช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตประจำวันของทุกคนให้ดีขึ้นและสะดวกสบายยิ่งขึ้น โดยธีมของเล่มนี้คือ The Joys of Clothing” ที่พูดถึงความสนุกของการแต่งตัว นำเสนอความสุขที่เรียบง่ายจากการสวมใส่เสื้อผ้า พร้อมพูดถึงความสัมพันธ์เชิงบวกของผู้คนและเสื้อผ้า ถ่ายทอดผ่านบทสัมภาษณ์กับผู้สร้างภาพยนต์อย่าง                โซเฟีย คอปโปลา และเรื่องราวแฟชั่นของคอลเลคชัน UNIQLO and JW ANDERSON ที่นำเสนอผ่านเลนส์จากนิตยสาร frankie จากประเทศออสเตรเลีย หรือดาวน์โหลดยูนิโคล่ แอพพลิเคชันเพื่อรับข้อมูลล่าสุดจากยูนิโคล่

 

เมคอัพเทรนด์ยุค 90

ทริคแต่งหน้าเทรนด์ยุค 90 ให้สวยโมเดิร์นไม่หลุดยุค จากเมคอัพอาร์ติสต์ระดับท็อป

Alternative Textaccount_circle
เมคอัพเทรนด์ยุค 90
เมคอัพเทรนด์ยุค 90

แม้เมคอัพและแฮร์สไตล์หลายๆ เทรนด์ในยุค 90 จะถูกมองว่าเป็นความผิดพลาด มีหลายเทรนด์ที่คงกลับมายาก อย่างคิ้วโก่งสุดบาง ทาแป้งไฮไลต์ใต้ตาแบบลอยๆ หรือการเขียนขอบปากสีโดด อันนั้นคงต้องปล่อยให้เป็นอดีต

แต่วันวานแสนหวานอย่างงานกลิตเตอร์ เรียวปากสีน้ำตาล หรือแม้แต่อายแชโดว์สีน้ำเงินที่ว่ายาก เราก็ยังรัก อยากเอากลับมาใช้เป็นพักๆ ให้หายคิดถึง ลองมาดูเมคอัพอาร์ติสต์ระดับท็อปลิสต์กันดีกว่าว่า เขาปัดฝุ่นอย่างไร ให้เมคอัพเทรนด์ยุค 90 กลับมาดูสวยโมเดิร์นไม่หลุดยุค

ทริคแต่งหน้าเทรนด์ยุค 90 ให้สวยโมเดิร์นไม่หลุดยุค จากเมคอัพอาร์ติสต์ระดับท็อป

เมคอัพยุค 90

LISA ELDRIDGE

“ทำไมลิปสติกสีน้ำตาลในยุค 90 เมื่อกลับมาดูตอนนี้ถึงดูสูงวัย ปัญหาไม่ใช่ที่สีลิป แต่เป็นเมคอัพอื่นๆ ที่แวดล้อมค่ะ หลักการครีเอตลุคให้ปากสีน้ำตาลดูโมเดิร์น คือ ต้องทำให้ส่วนอื่นดูสะอาดเคลียร์ ทั้งผิวและดวงตา

ถ้าปากเข้มแล้ว ลองปล่อย ตาเปลือยๆ หรือทาอายแชโดว์แบบสีเดียวง่ายๆ จะช่วยทำให้ดูโมเดิร์นขึ้น ที่สำคัญคือผิว ถ้าไม่อยากดูแก่ก็อย่าจับคู่ลิปสติกสีน้ำตาลกับผิวที่แมตต์สนิท เลือกรองพื้นที่มีความดิวอี้นิดๆ ดูสุขภาพดี แบบนี้ถึงจะได้กลิ่นอายยุค 90 แบบไม่สูงวัย”

เมคอัพยุค 90

PATRICK TA

“ยากมากครับกับ การใช้ลิปเนื้อฟรอสต์แบบยุค 90 เพราะด้วยเนื้อสัมผัสที่เป็นชิมเมอร์ มีอณูค่อนข้างใหญ่ อาจทำให้ปากดูเป็นคราบขาว ดีไม่ดีจะยิ่งเป็นการเน้นให้ริมฝีปากดูแห้ง และมีริ้วรอย

ต่อให้ใช้ยากอย่างไร เมื่อเทรนด์มา เราก็ต้องเล่นกับมันเสียหน่อย อย่างไรเสียผมก็ยังชอบเอฟเฟ็กต์แบบฟรอสต์ ที่มีความละมุนละไมอยู่ในตัว ลงลิปสติกเนื้อแมตต์หรือซาตินให้ทั่วริมฝีปาก จากนั้นใช้ฟรอสต์ลิปสติกลงเฉพาะช่วงกึ่งกลางเพื่อสร้างมิติ ใช้นิ้วช่วยกดเบาๆ ให้เรียบเนียน สวยกว่าการทาลิปสติกเนื้อฟรอสต์เพียวๆ แน่นอน”

เมคอัพยุค 90

PAT McGRATH

“ยังจำภาพบริทนีย์ สเปียร์ส ที่ตาดูบวมตุ่ยเพราะทาอายแชโดว์ผสมชิมเมอร์จนหนักมือได้ไหมคะ แต่งตาแบบชิมเมอร์ยุคนี้ง่ายกว่าเดิมมาก แค่ลงสีพื้นเบาๆ จะเป็นโทนธรรมชาติ หรือสีป็อปสนุกๆ ก็ตามแต่ แล้วจับคู่ด้วยอายไลเนอร์ผสมกลิตเตอร์ กรีดให้เส้นคมและติดโคนขนตามากที่สุด รับรองว่าจะดูสวยโมเดิร์น”

เมคอัพยุค 90

HRUSH ACHEMYAN

“เวลามีอายแชโดว์สีฟ้าติดมาในพาเล็ตต์ ฉันเชื่อนะคะว่า สาวๆ อยากใช้ เพราะสีสวยดึงดูด แต่ติดที่ใช้ยากเหลือเกิน การใช้อายแชโดว์สีฟ้าให้ดูไม่ย้อนยุค เคล็ดลับคือ ต้องทำให้ดูเป็นกราฟิกค่ะ ลองเขียนเป็นไลเนอร์สีฟ้าเส้นคมๆ ที่เปลือกตาบนหรือตาล่าง หรือเล่นเฉพาะบริเวณหัวตาก็เก๋ ดูเป็นอาร์ตมากขึ้นค่ะ”


ข้อมูล : นิตยสารแพรว ฉบับ 950

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ยั่วใจสายฝ. ทุกชิ้น! KENDALL X KYLIE เมคอัพคอลเล็คชั่นใหม่ของพี่น้องสุดฮ็อต

เปิดประวัติน้ำหอมดิออร์ ผ่านเรื่องเล่าราวกับบทกวีจากปากของ ฟรองซัวส์ เดอมาชี

ทำไมถึงฮิตกัน! เจาะดีเทล Drunk Elephant คลีนสกินแคร์มินิมอลจากอเมริกา

 

 

ดิ แอสเพน ทรี Cover

เดอะ ฟอเรสเทียส์ ชู ‘ดิ แอสเพน ทรี’ แนวคิดรูปแบบใหม่ในการเป็นเจ้าของบ้าน ครั้งแรกในไทย

ดิ แอสเพน ทรี Cover
ดิ แอสเพน ทรี Cover

ที่อยู่อาศัยแบรนด์ ดิ แอสเพน ทรี ที่ เดอะ ฟอเรสเทียส์ นำเสนอที่พักอาศัย

ที่มาพร้อมกับบริการและการดูแลตลอดชีวิตแบบครบวงจร ด้วยมาตรฐานระดับโลก

รวมประกันสุขภาพ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแนวคิด

การดูแลแบบองค์รวมตลอดชีวิต (Holistic Lifetime Care) 

 ที่อยู่อาศัยแบรนด์ ดิ แอสเพน ทรี จะมาช่วยเติมเต็มองค์ประกอบของที่อยู่อาศัยต่างๆ ในโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ อาทิ แบรนด์ Six Senses, Mulberry Grove และ Whizdom อีกทั้งเป็นส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์ของเราในการสร้างชุมชนที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง และความหลากหลายของช่วงอายุ ให้สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสะดวกสบายง่ายดาย และใกล้ชิดธรรมชาติ”

นายกิตติพันธุ์ อุยยามะพันธุ์ ผู้อำนวยการโครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ โดย MQDC

ดิ แอสเพน ทรี 1

MQDC หรือ แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น หนึ่งในผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย ประกาศนำแนวคิดรูปแบบใหม่ในการเป็นเจ้าของบ้าน เข้ามาสู่ประเทศไทยเป็นครั้งแรก ภายใต้ชื่อแบรนด์ “ดิ แอสเพน ทรี” ซึ่งเป็นองค์ประกอบส่วนหนึ่งในโครงการ “เดอะ ฟอเรสเทียส์ โดย MQDC” พื้นที่ 398 ไร่ บนถนนบางนาตราด กม.7 ซึ่งตั้งเป้าเป็นโครงการเมืองแห่งแรกที่ออกแบบทุกมิติเพื่อการใช้ชีวิตที่มีสุขภาพดียิ่งขึ้นและมีความสุขมากขึ้น

ดิ แอสเพน ทรี 2

แนวคิดใหม่ที่ ดิ แอสเพน ทรี นำเสนอ เป็นการผสานที่พักอาศัย ที่ครบพร้อมด้วยบริการและการดูแลตลอดชีวิตแบบครบวงจรด้วยมาตรฐานระดับโลก การช่วยเหลือดูแลตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน บริการดูแลทำความสะอาด กิจกรรมและสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายที่จะช่วยเหลือผู้พักอาศัยที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไปโดยเฉพาะ รวมไปถึงประกันสุขภาพที่ครอบคลุมความต้องการทางการแพทย์และการพยาบาลจนถึงอายุ 99 ปี ซึ่งทั้งหมดนี้รวมอยู่ในราคาขายบ้านแล้ว เป็นส่วนหนึ่งของแนวคิด การดูแลแบบองค์รวมตลอดชีวิตหรือ Holistic Lifetime Care ในการเป็นเจ้าของบ้าน

ดิ แอสเพน ทรี 3

นายกิตติพันธุ์ อุยยามะพันธุ์ ผู้อำนวยการโครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ โดย MQDC กล่าวว่า “ผู้คนต้องการเอาความไม่แน่นอนต่างๆ ออกไปจากชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออายุมากขึ้น และในเวลาที่โลกกำลังเผชิญกับปัญหามากมายที่ทำให้ยากต่อการคาดเดาอนาคต การลงทุนครั้งเดียวในการซื้อที่อยู่อาศัยที่ ดิ แอสเพน ทรี ทำให้เราสามารถขจัดความกังวลและความไม่แน่นอนทั้งหมดในหลายๆเรื่องไปได้ เช่น จะเกิดอะไรขึ้นกับค่าครองชีพรอบตัวเราที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกปี นี่จึงนับว่าเป็นข้อเสนอที่คุ้มค่า ที่นำมาซึ่งความสบายใจอย่างแท้จริง”

ดิ แอสเพน ทรี 4

นายกิตติพันธุ์ กล่าวว่าส่วนหนึ่งของการสร้างความมั่นใจให้กับเจ้าของบ้านในอนาคตโดยปราศจากความกังวล แม้แต่ค่าส่วนกลางที่ปกติอาจจะต้องเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็จะได้รับการยกเว้นด้วย ภายใต้แนวคิดใหม่ของการเป็นเจ้าของบ้านที่เรากำลังนำเสนออยู่นี้

ดิ แอสเพน ทรี 5

เฮ จูน พาร์ค ประธานผู้อำนวยการ ดิ แอสเพน ทรี ที่ เดอะ ฟอเรสเทียส์  กล่าวว่า “เราขอนำเสนอที่พักอาศัยพร้อมบริการดูแลตลอดชีวิต พร้อมพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ ที่โครงการ ดิ แอสเพน ทรี ซึ่งมีจำนวน 290 ห้อง ขนาดตั้งแต่ 83 ตารางเมตร ถึงประมาณ 253 ตารางเมตร ตั้งอยู่บนพื้นที่ 23 ไร่ ณ ใจกลางสำคัญของโครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ ที่ทำให้เกือบทุกบ้านสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์อันสดชื่นของป่าปลูก 30 ไร่ของเดอะ ฟอเรสเทียส์ ได้”

ดิ แอสเพน ทรี 6

เฮ จูน พาร์ค กล่าวว่า ดิ แอสเพน ทรี ตั้งเป้าไปที่กลุ่มคนที่มีความพร้อมทางการเงิน อายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นกลุ่มที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว กลุ่มคนผู้ซึ่งกำลังมองหาบ้านที่เหมาะกับพวกเขาในตอนนี้ รวมทั้งเป็นบ้านที่จะ “ช่วยให้พวกเขาใช้ชีวิตอย่างอิสระ มีความหมาย ปราศจากความกังวล และมีสุขภาพที่สมบูรณ์ พร้อมบริการด้านสุขภาพและการดูแลครบวงจรอย่างมืออาชีพที่สามารถเข้าถึงได้เมื่อถึง ‘ช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดของชีวิต’ ของพวกเขาในทศวรรษหน้า”

ดิ แอสเพน ทรี 7

แนวคิดรูปแบบใหม่ในการเป็นเจ้าของบ้าน นอกเหนือจากการอยู่อาศัยตลอดชีพแล้ว ยังรวมไปถึงการบริการและการดูแลสุขภาพตลอดชีวิตแบบครบวงจร บริการทำความสะอาด และการจัดเตรียมอาหารสำหรับความต้องการพิเศษทางด้านโภชนาการ รวมถึงการสามารถเข้าถึงพื้นที่รับประทานอาหารส่วนกลางร่วมกับเพื่อนบ้าน และคลับเฮาส์ที่มีกิจกรรมทางสังคมต่างๆ อาทิ ศิลปะและการจัดเวิร์กช็อปงานฝีมือ รวมไปถึงโปรแกรมการออกกำลังกายทางร่างกายและจิตใจเป็นประจำ โดยหลากหลายกิจกรรมไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

ดิ แอสเพน ทรี 8

ดิ แอสเพน ทรี ยังประกอบด้วย Health & Brain Center ที่มีทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์เฉพาะทาง พร้อมให้บริการดูแลผู้อยู่อาศัย หากจำเป็น

สำหรับการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ที่นำมาใช้ภายในบ้านคือ พื้นที่ห้องน้ำที่กว้างขวางเป็นพิเศษ รวมไปถึงทางเดินและประตูทางเข้าที่กว้างกว่าปกติ ซึ่งโครงการได้ให้ความใส่ใจเป็นพิเศษในเรื่องของความปลอดภัยและการบำรุงรักษาที่ง่าย โดยบ้านประกอบไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน เป็นแบบ Fully-fitted และ Semi-decorated

ดิ แอสเพน ทรี 9

เฮ จูน พาร์ค กล่าวว่า “ในช่วงเปิดตัวจนไปถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2565 เราขอเชิญชวนกลุ่มเพื่อนๆ มาจองห้องด้วยกัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแพ็คเกจพิเศษ ‘Best Friends Forever’ ที่มอบส่วนลดค่าที่พักอาศัยให้ผู้ซื้อแต่ละรายสูงสุดถึง 1.8 ล้านบาท พร้อมเครดิตเงินสดจำนวน คนละ 300,000 บาท ใช้ได้กับร้านค้า ร้านอาหาร และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ที่เดอะ ฟอเรสเทียส์”

เฮ จูน พาร์ค กล่าวเพิ่มเติมว่าผู้ที่ซื้อที่อยู่อาศัยในส่วนอื่น ๆ ของ เดอะ ฟอเรสเทียส์ ก็สามารถแนะนำโครงการ ดิ แอสเพน ทรี ให้กับเพื่อนและญาติของพวกเขาได้ โดยผู้ซื้อที่มาจากการแนะนำอ้างอิงดังกล่าวจะมีสิทธิ์ได้รับส่วนลดและเครดิตด้วย ในขณะที่แนะนำจะได้รับสิทธิพิเศษเงินสดพิเศษสูงสุดถึง 400,000 บาท

เดอะ ฟอเรสเทียส์ ตั้งอยู่ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว และครอบคลุมพื้นที่สวนขนาดใหญ่ อสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยภายใต้แบรนด์ต่างๆ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง และความหลากหลายของช่วงอายุ ตลอดจนมีองค์ประกอบพื้นที่เชิงพาณิชย์ และพื้นที่ส่วนกลางจำนวนมากที่มุ่งเน้นส่งเสริมเรื่องการใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพดีและการมีสิ่งแวดล้อมที่มีคุณภาพ

ดิ แอสเพน ทรี 10

Oscars

ป้าบเข้าให้! วิลล์ สมิธ ตบหน้า คริส ร็อก หลังล้อเลียนภรรยาบนเวที Oscars

account_circle
Oscars
Oscars

ป้าบเข้าให้!!! “วิลล์ สมิธ” ตบหน้านักแสดงตลก “คริส ร็อก” หลังพูดล้อเล่นเกี่ยวกับศีรษะของ “เจดา พิงคิตต์ สมิธ” ภรรยาของเขาบนเวที Oscars 2022

ป้าบเข้าให้! วิลล์ สมิธ ตบหน้า คริส ร็อก หลังล้อเลียนภรรยาของเขาบนเวที Oscars

กลายเป็นดราม่าร้อนฉ่า เมื่อ “คริส ร็อก” ถูก “วิลล์ สมิธ” ตบหน้าเข้าให้หลังเจ้าตัวไปพูดล้อเลียนเกี่ยวกับศีรษะล้านของ “เจดา พิงคิตต์ สมิธ” ภรรยาของ วิลล์

ภาพยนตร์เรื่อง G.I. Jane นำแสดงโดย เดมี มัวร์

โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อ คริส ร็อก พูดติดตลกว่า ขึ้นเวทีและพูดติดตลกว่า “Jada, I love you, ‘G.I. Jane 2,’ can’t wait to see it,”  (จาดา ผมรักคุณ ผมแทบรอไม่ไหวแล้วที่ได้ดู G.I. Jane 2)

งานนี้ทำเอา “เจดา พิงคิตต์ สมิธ” ถึงกับไม่สบอารมณ์ เธอดูโกรธก่อนที่เซ็นเซอร์จะเปิดขึ้น ทันใดนั้น วิลล์ สมิธ ก็ได้เดินขึ้นไปบนเวที และเดินเข้าไปตบที่หน้าของ “คริส ร็อก” อย่างไรก็ตามมีการปิดเสียงไมค์ของ คริส ร็อก ขณะที่กำลังสนทนากับ วิลล์ แต่เหล่าบรรชาวเน็ตที่ได้อ่านริมฝีปากขณะที่วิลล์กำลังพูด โดยเขากล่าวกับคริส ร็อก ว่า“Keep my wife’s name out of your f–king mouth.” (เก็บชื่อเมียของฉันให้ออกห่างจากปากเน่าๆ ของคุณ) และขณะที่เขาเดินกลับไปที่นั่ง วิลล์ก็ตะโกนขึ้นมาอีกว่า “อย่าพูดถึงภรรยาของผม”

หลังจากนั้น คริส ร็อก ก็เกิดอาการงงไปชั่วขณะ โดยเขาอุทานขึ้นมาว่า “ว้าว วิลล์ สมิธ เพิ่งตบปากฉัน” ก่อนจะพูดอีกว่า “เป็นแค่เรื่องตลกของ ‘G.I. Jane’

เจดา พิงคิตต์ สมิท ต้องเผชิญกับ อาการป่วยจากโรคผมร่วงเป็นหย่อมๆ ซึ่งเธอได้เคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับ การต่อสู้ กับอาการผมร่วง โดยเธอได้โกนผมทั้งในศีรษะในช่วงฤดูร้อนที่แล้ว ทั้งนี้เจดายังกล่าวอีกว่า

“คุณคงรู้ว่าฉันกำลังดิ้นรนกับอาการผมร่วง” เธออธิบายพร้อมกล่าวเสริมว่า “ดูผมเส้นนี้สิ…มันโผล่มาแบบนั้น นี่จะยากขึ้นเล็กน้อยสำหรับฉันที่จะต้องปกปิดมัน ดังนั้นฉันคิดว่าฉันจะแบ่งปันมันเพื่อไม่ให้คุณถามคำถามใด ๆ ”

ทั้งนี้เธอยังได้โพสต์อินสตาแกรม โดยเป็นรูปลูกสาว Willow Smith ที่โกนผมออกทั้งศีรษะ เพื่อเป็นกำลังใจให้แม่ของเธอ


ที่มา : https://pagesix.com/

best dress oscar 2022

แม่มาเพื่อฟาด! Best Dress Oscars 2022 เทรนด์เมแทลลิกมาแรง แบรนด์ดังทุกชุด

best dress oscar 2022
best dress oscar 2022

ระยิบระยับทั่วทั้งงานเบียดกันไม่ลงจริงๆ สำหรับงานประกาศรางวัล Oscars 2022 ซึ่งนอกจากจะต้องมาลุ้นกันว่าภาพยนตร์เรื่องใดที่จะได้รางวัล นักแสดงคนไหนที่จะเอาชนะใจกรรมการได้แล้วนั้น เรื่องของการประชันชุดที่ใส่มาร่วมงานก็เป็นอีกหนึ่งสีสันที่ขาดไม่ได้ และในปีนี้ก็มีหลายคนที่โดดเด่นมากๆ  Best Dress  Oscars 2022  คราวนี้มีใครที่เข้าตาบ้าง มาดูกันเลย

Best Dress พรมแดง Oscar 202
Lupita Nyong’o

นักแสดงสาวอย่าง ลูปิตา เอ็นยองโก ไม่ว่าจะมาร่วมงานพรมแดงใดก็ตาม เธอคนนี้ติดอยู่ใน Top List  ของคนดังที่แต่งตัวได้สวยโดดเด่นเสมอ และสำหรับ Oscars 2022 เธอมาในมาในชุดเดรสสีทองปักเลื่อมและดอกไม้ จากแบรนด์ Prada สวมเครื่องประดับจาก De Beers

Best Dress พรมแดง Oscar 202
Zendaya

นางเอกสาวจากสไปเดอร์แมน เซนดายา เป็นอีกคนที่เทสการแต่งตัวเป็นที่ยอมรับในแวดวงแฟชั่นมาก เธอมาในชุดเชิ้ตขาวและกระโปรงสีเงินปักเลื่อม ของValentino Haute Couture 

แม่มาเพื่อฟาด! Best Dress Oscars 2022 เทรนด์เมแทลลิกมาแรง แบรนด์ดังทุกชุด

Best Dress พรมแดง Oscar 202
Jada Pinkett Smith

 เจดา พิงคิตต์ สมิท ภรรยาสาวสวยของ พอล สมิท มาในชุดเดรสสีมรกตจับจีบคอสูงและแขนยาวของแบรนด์ Jean Paul Gaultier Couture ในงานออสการ์ปีนี้ ต้องบอกเลยว่าคนดังใส่สีเขียวมรกตกันไม่น้อย แต่ก็มีไม่กี่คนที่เลือกชุดมาใส่ได้โดดเด่นแบบนี้ 

Best Dress พรมแดง Oscar 202
Venus Williams

นักเทนนิสอดีตมือหนึ่งของโลกอย่าง วีนัส วิลเลียม ก็มาร่วมงานเช่นกัน และครั้งนี้วีนัส มาในลุคเรโทรแกลมจากแบรนด์ Elie Saab

 

Best Dress พรมแดง Oscar 202
Tiffany Haddish

ทิฟฟานี่ แฮดดิช นักแสดงคอมเมดี้ และยังเคยติด 1 ใน 100 ของผู้ทรงอิทธิพลจากการจัดอันดับของนิตยสาร Time มาแล้ว วันนี้เธอมาในชุดราตรีสีเขียวมรกตของ Dolce & Gabbana ที่ประดับประดาด้วยคริสตัลประกายระยิบระยับ แถมยังเพิ่มความโดดเด่นให้กับลุคนี้มากขึ้นด้วยและสร้อยคอจากแบรนด์ Pomellato 

Best Dress พรมแดง Oscar 202
Jessica Chastain

เจสสิกา แชสเทน นักแสดงและโปรดิวเซอร์ชาวอเมริกัน สวมชุดราตรีสีโรสโกลด์ ลาเวนเดอร์จาก GUCCI ประดับเลื่อมทั้งตัว เป็นลุคที่ดูสวยหวานเอามากๆ

Best Dress พรมแดง Oscar 202
Demi Singleton

เดมี ซิงเกิลตัน เธอเป็นทั้งนักแสดง นักร้อง และนักเต้นชาวอเมริกัน เป็นสาวน้อยมหัศจรรย์ที่ความสามารถรอบด้านจริงๆ โดยในงานนี้ เธอสวมชุดราตรีเกาะอกสีม่วงปักเลื่อมจากแบรนด์ Miu Miu

Best Dress พรมแดง Oscar 202
Ariana DeBose

เพิ่งคว้ารางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมไปครอง สำหรับ อาเรียนา เดบอส นักแสดงสาวเชื้อสายละติน วันนี้นอกจากเธอจะฉายแสงบนเวทีขึ้นรับรางวัลได้แล้ว คอสตูมที่เธอเลือกมารับรางวัลก็โดดเด่นกลางพรมแดงไม่แพ้ใคร โดยอาเรียนา เดบอส มาในชุดสีแดงจาก Valentino และเครื่องประดับจาก De Beers

Best Dress พรมแดง Oscar 202
Lily James

Atelier Versace มาในชุดเดรสสีชมพูพร้อมงานปักลูกไม้ละเอียดอ่อนจากแบรนด์ Atelier Versace เห็นเรียบๆ แบบนี้ แต่ดีไซน์ชุดรวมถึงงานปักคือตาแตกมาก

Best Dress พรมแดง Oscar 202
Jennifer Garner

ถึงไม่มีงานปักทั้งตัวแต่ลุคนี้แม่ก็ฟาดไม่ยั้งเหมือนกันสำหรับ เจนนิเฟอร์ การ์เนอร์ เธอมาในชุดราตรีสีแดงเปิดไหล่ของแบรนด์ Brandon Maxwell เพิ่มเครื่องประดับมาใส่คู่กับชุดเป็นอัญมณีทับทิมและเพชรของ Nikos Koulis แค่นี้ก็คือเริ่ด

อ่านเรื่องราวอื่นๆ ต่อที่นี่

ป๊าบเข้าให้! วิลล์ สมิธ ตบหน้า คริส ร็อก หลังล้อเลียนภรรยาบนเวที Oscars

อภิศรา สุพรรณธะริดา

“อภิศรา สุพรรณธะริดา” กับทริคความงามจัดเต็ม ถือคติต้องดูดีเสมอแม้อยู่บ้าน

Alternative Textaccount_circle
อภิศรา สุพรรณธะริดา
อภิศรา สุพรรณธะริดา

หลังจากจบ MBA จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ “กุ๊กกิ๊ก – อภิศรา สุพรรณธะริดา” สนุกกับงานอินฟลูเอนเซอร์ (@apisaratatti) ไปพร้อมๆ กับความชอบลงทุนด้านการเงินและความสวยความงาม ที่เธอลงทุนเพื่อเป็นพื้นฐานการสร้างความสุขให้ตัวเอง

“อภิศรา สุพรรณธะริดา” กับทริคความงามจัดเต็ม ถือคติต้องดูดีเสมอแม้อยู่บ้าน

Skincare Routine

“กุ๊กกิ๊กโชคดีมากที่แทบไม่มีปัญหาผิว เมื่อก่อนจึงไม่ทาครีม กระทั่งอายุเข้าเลขสาม สังเกตว่าเวลาทำงานหนัก นอนดึก ผิวจะอ่อนล้า จึงเริ่มดูแลตัวเองมากขึ้น (ยิ้ม) แม้ผิวจะไม่แพ้ง่าย ใช้อะไรก็ได้ แต่ด้วยความที่ผิวผสม มันช่วงทีโซน จึงเน้นโปรดักต์ที่ช่วยควบคุมความมันและช่วยให้ผิวกระจ่างใสค่ะ

“ปกติแต่งหน้าทุกวันแม้กระทั่งอยู่บ้าน จึงต้องเน้นเรื่องทำความสะอาด ชอบใช้ Cleaning Sheet ของ Bifesta หรือ Biore เพราะสะดวก ใช้แผ่นเดียวก็เช็ดเมคอัพสะอาดทั่วหน้า จากนั้นใช้โฟมล้างหน้าของ Estee Lauder เพื่อให้มั่นใจว่าหน้าสะอาดจริงๆ

“พอล้างหน้าเสร็จใช้โทนเนอร์ของ Kiehl’s ที่มีส่วนผสมของดอกคาเลนดูลา (ดอกดาวเรือง) ชอบตรงที่กลิ่นหอมช่วยรีเฟรช ไม่มีแอลกอฮอล์ด้วยค่ะ จากนั้นเป็นคิวน้ำตบ กุ๊กกิ๊กใช้สลับแบรนด์ไปเรื่อย เช่น SK-II หรือ Estee Lauder ตบเบาๆ ทั่วหน้า รอให้แห้งแล้วค่อยลงเซรั่ม Estee Lauder Advanced Night Repair แต่ถ้าเป็นช่วงกลางวันใช้ Shiseido Ultimune สองตัวนี้ช่วยให้ผิว สุขภาพดีขึ้น ชุ่มชื้น แต่ไม่เหนียวเหนอะ

“หลังจากนั้นค่อยลงครีม สลับใช้ตามสภาพผิว La Mer, Estee Lauder, Lancome ส่วนใหญ่เน้นความชุ่มชื้น ดูแลริ้วรอย และช่วยให้ผิวกระจ่างใส

“สำหรับตอนกลางวันปิดท้ายด้วยครีมกันแดดแม้จะอยู่บ้านก็ตาม ตอนนี้ชอบของ Chanel Le Blanc La Base SPF 40 เพราะมีเบสในตัว ช่วยปรับสีผิว เนื้อสัมผัสก็ดี ไม่เหนียวเหนอะหนะ ที่สำคัญคือกลิ่นหอมมาก บางวันสลับไปใช้ Charlotte Tilbury Charlotte’s Magic Cream Light ช่วยปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน เตรียมพร้อมสำหรับการแต่งหน้า และมีส่วนผสมของ SPF 20 ด้วยค่ะ

“นอกจากนี้ในหนึ่งสัปดาห์ต้องจัดวันสำหรับมาสก์หน้า ส่วนตัวชอบใช้แบบกระปุก ไม่ชอบมาสก์แผ่น เพราะมักจะไม่พอดีกับหน้า แบรนด์โปรดคือ Fresh, The Body Shop หรือ Kiehl’s ค่ะ”

Not Too Much

“เมื่อก่อนกุ๊กกิ๊กเน้นเข้าคลินิกทำทรีตเมนต์ รวมถึงทำเลเซอร์ ช่วยให้ผิวกระจ่างใส ลดจุดด่างดำ ตอนนี้ก็ยังทำอยู่นะคะ รวมถึงทำ Ultraformer เทคโนโลยีช่วยกระชับผิวและสลายไขมันกับไฮฟู่ สองอย่างนี้เฉลี่ยทำปีละ 2 ครั้ง สังเกตว่าหน้ายกกระชับและสร้างคอลลาเจนให้ผิวดูอิ่มฟู แน่นขึ้น แต่ยังไม่เคยลองทำอัลเทอร่าหรือเทอร์มาจนะคะ รอให้อายุมากกว่านี้หน่อย

“ส่วนโบท็อกซ์กับฟิลเลอร์จะทำปีละครั้ง แต่เวลาฉีดต้องดูสภาพผิวและโครงหน้าด้วย อย่างโบท็อกซ์ตอนนี้ไม่ได้ฉีดบ่อย เพราะผอมลง หน้าเล็กแล้ว ถ้าไปฉีดอาจจะดูหน้าตอบเกินไป ไม่สวยค่ะ ส่วนฟิลเลอร์จะฉีดตรงใต้ตา ช่วยให้ผิวดูอิ่มฟู ตากระจ่างใส ลดรอยคล้ำ ซึ่งดีกับชีวิตมาก ปกติกุ๊กกิ๊กจะเข้าคลินิก เฉพาะเวลาที่หน้ามีปัญหา เช่น โดนแดดมากไปหรือมีรอยสิว ถ้าไม่มีปัญหา ก็ไม่อยากทำอะไรกับหน้ามากนัก เพราะส่วนตัวคิดว่าอะไรที่เป็นธรรมชาติจะทำให้ ผู้หญิงดูสวยโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องเพอร์เฟ็กต์เป๊ะหรือตึงเกินไป

“อยากเตือนสาวๆ อีกเรื่องคือเวลาเข้าคลินิกต้องทำใจว่าแม้หมอเก่งแค่ไหนก็มีโอกาสพลาด อย่างที่กุ๊กกิ๊กเคยเจอมากับตัวคือขนาดว่าเลือกหมอที่เก่ง คลินิกได้มาตรฐาน แต่เคยฉีดโบท็อกซ์แล้วปรากฏว่าเข็มไปโดนเส้นเลือด ทำให้หน้าบวม หรือฉีดวิตามินใต้ตา แต่ไปโดนเส้นเลือด แทนที่จะช่วยไม่ให้ใต้ตาคล้ำ กลับทำให้ใต้ตาเป็นสีม่วง พอเจออย่างนั้น ทำอะไรไม่ได้ค่ะ นอกจากกินยา แก้ช้ำ ใช้คอนซีลเลอร์กลบ ทนไปสองสัปดาห์จึงจะดีขึ้น”

Body Care

“กุ๊กกิ๊กติดอาบน้ำร้อน พอออกจากห้องน้ำก็อยู่ห้องแอร์ ทำให้ผิวแห้งมาก จึงต้องทาโลชั่นช่วยเลือกแบรนด์ที่ไม่เหนียวเหนอะ เน้นกลิ่นหอมและให้ความชุ่มชื้น ตอนนี้ชอบของ The Body Shop นอกจากนี้มีไปทำสปาเดือนละครั้ง ส่วนที่อยากแนะนำสาว ๆ คือควรเลเซอร์ขนทั้งตัว คุ้มค่ามากค่ะ ผิวจะเรียบ เนียนสวย อย่างที่ขาหลังจากเลเซอร์ประมาณ 10 ครั้ง ขนแทบไม่ขึ้นอีกเลย”

Beloved Hair

“เมื่อก่อนชอบม้วนผมด้วยการดรายให้เป็นวอลุ่ม จนผมแห้งเสียเพราะความร้อน ทุกวันนี้จึงต้องเลิกม้วนผม หมั่นไปทำทรีตเมนต์ที่ร้านเดือนละครั้ง สังเกตว่าผมสุขภาพดีขึ้น นอกจากนี้จะสระผมวันเว้นวัน ทำให้หนังศีรษะ ไม่แห้งเกินไป พยายามเปลี่ยนแชมพูกับครีมนวดไปเรื่อยๆ แต่ที่ใช้แล้วอยาก แนะนำต่อคือสเปรย์บำรุงผมของ Aveda Nutriplenish เป็นทรีตเมนต์ที่ช่วย ให้ผมชุ่มชื้น ลดความชี้ฟูได้ดี

“ส่วนเรื่องสีผม เคยไปทำที่ร้าน แต่ได้สีไม่ตรงใจ ตอนหลังจึงย้อมเองตลอด ขนาดก่อนวันแต่งงานก็ยังลงทุนย้อมเองเลยค่ะ ชอบใช้น้ำยาของ Liese ถูกและดีมาก”

Eat Well, Live Well

“กุ๊กกิ๊กไม่ค่อยออกกำลังกาย แต่ให้ความสำคัญกับอาหาร เพราะถ้ากินอาหารดี เลี่ยงของหวาน ของทอดหรือของมัน เน้นไปทางอาหารเฮลตี้อย่างผักผลไม้ สังเกตว่าต่อให้ไม่ออกกำลังกาย น้ำหนักก็ไม่ขึ้น อีกอย่างที่ไม่กินเลยคือน้ำหวาน เพราะมีน้ำตาลอยู่เยอะมาก นอกจากนี้เรื่องการนอนก็สำคัญ แม้กุ๊กกิ๊กนอนดึก แต่พยายามให้ครบ 7 ชั่วโมง ร่างกายจะได้ไม่โทรม”

Makeup No Makeup

“ถ้าวันไหนต้องออกงานจะทารองพื้น แต่เน้นที่บางเบา เพราะรองพื้นเนื้อหนาจะทำให้ผิวอุดตันและสิวขึ้นง่าย ตอนนี้ชอบ Chanel Eau De Teint เนื้อเป็นเจลมีเม็ดเล็กๆ เวลาทาคล้ายทาด้วยน้ำ สดชื่น แต่ช่วยให้ผิวกระจ่างใส สุขภาพดี ได้ลุคเกาหลีฉ่ำน้ำมากๆ

“แต่ถ้าต้องการปกปิด แนะนำคุชชั่นของ JUNGSAEMMOOL ได้งานผิวที่ดูเป็นธรรมชาติ ต่อจากนั้นลงคอนซีลเลอร์โดยเน้นใต้ตา เพราะขอบตาคล้ำง่าย เนื่องจากภูมิแพ้ แนะนำของ Tarte ค่ะ เป็นเนื้อแมตต์ที่กลบรอยคล้ำได้เนียนมาก ไม่เกิดร่องใดๆ แล้วค่อยปัดแป้ง Charlotte Tilbury เบาๆ เฉพาะตรงทีโซนเท่านั้นพอ“

สำหรับเรื่องคิ้ว กุ๊กกิ๊กตัดสินใจสักแบบธรรมชาติ คือแบบเรียงเส้น พบว่าชีวิตง่ายขึ้น ประหยัดเวลาเขียนคิ้วได้มาก เพราะมีกรอบคิ้วที่ชัดเจนแล้ว แค่เขียนเพิ่มตรงหางคิ้ว โดยใช้พาเล็ตต์ของ JUNGSAEMMOOL ที่เป็นเนื้อฝุ่น ปัดเบาๆ ส่วนตาใช้อายแชโดว์พาเล็ตต์ของ Tarte หรือ 3CE เป็นสีเอิร์ธโทน แล้วปัดกลิตเตอร์ทับตรงเปลือกตาและหัวตาเพื่อเพิ่มความสดใส ที่ขาดไม่ได้คือ อายไลเนอร์ เลือกรุ่นกันน้ำของ Heroine Make เป็นแบรนด์ญี่ปุ่น ตกเย็น ไม่เป็นแพนด้า ส่วนมาสคาราก็ใช้ของแบรนด์เดียวกัน ไว้ใจได้ว่าไม่เยิ้มค่ะ

“ถ้าอยากเพิ่มความสดใสให้ใบหน้า แนะนำให้ทาแก้มชอบของ Chanel Les Beiges Eau De Blush เป็นบลัชเนื้อเหลว แต่ให้สีธรรมชาติ ดูระเรื่อ สุขภาพดีเหมือนมีผิวอมชมพูค่ะ หรือจะใช้เป็นบลัชออนแบบแท่งของชาเนล ก็เวิร์ค มาเป็นเนื้อบาล์ม ทาแล้วหน้าจะดูวาวนิด ๆ ดูเฮลตี้ กุ๊กกิ๊กใช้แต้ม ที่ริมฝีปากด้วย แต่ถ้าอยากให้สีชัด แนะนำบลัชออนของ Charlotte Tilbury หรือไม่ก็ 3CE โทนสีที่ใช้ประจำคือนู้ด พีช หรือชมพูเบจ เวลาทาจะแตะทีละนิด ค่อยๆ ปัดทับกันหลายชั้น สีจะติดทนมากขึ้น จากนั้นทาไฮไลต์ของ Charlotte Tilbury อย่างไฮไลต์จะทาบริเวณแก้ม จมูก ด้านบนของริมฝีปากและคาง ชอบเนื้อสัมผัสที่ละเอียดเนียนของแบรนด์นี้มาก ส่วนคอนทัวร์ไม่ปัดเลย เพราะ ช่วงนี้หน้าเล็กอยู่แล้ว เดี๋ยวจะดูตอบไปอีก

“ปิดท้ายด้วยลิปสติกโทนสีเบจหรือชมพูอ่อน ทั้ง Chanel, Bobbi Brown และ 3CE กุ๊กกิ๊กไม่ทาสีแดงเลยค่ะ เพราะรู้สึกว่าไม่เข้ากับบุคลิกตัวเอง”

Self-Love

“เคยบอกสามีว่าจะไม่หยุดดูแลตัวเอง ทุกเช้าตื่นขึ้นมาจะรีบอาบน้ำ หวีผม แต่งหน้า แต่งตัวให้ดูดีแม้จะอยู่บ้านก็ตาม เพราะถ้าวันไหนส่องกระจกแล้วเห็น สภาพหน้าผมกระเซิง พานจะไม่มีแรง กุ๊กกิ๊กว่าผู้หญิงไม่ว่าอยู่ในสถานะใด แต่งงาน โสด หรือเป็นคุณแม่ ควรดูแลตัวเองให้ดี บางทีไม่ต้องนึกว่าสวยเพื่อใคร เพราะเราควรสวยเพื่อตัวเอง

“การแต่งหน้าเป็นการปลุกความมั่นใจและพลังความรักให้ตัวเองได้อย่างดีเลยค่ะ”


ข้อมูล : นิตยสารแพรว ฉบับ 980

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

“พลอย ผลาชีวะ” แชร์สกินแคร์รูทีนดูแลผิวให้ฉ่ำน้ำ อิ่มฟู จบปัญหาผิวแห้งแพ้ง่าย

“แพทตี้-พริษฐ์ชยาดา พิริยะเมธา” แชร์ทิปส์เติมสวย ถึงเป็นคุณแม่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องปล่อยตัวโทรม

“บิว-ณัฏฐา ทองแก้ว” แชร์บิวตี้รูทีนสายนางงาม ละเอียดครบทั้งการบำรุงและเมคอัพ

 

 

คิตตี้ ชิชา

หนึ่งเดียวจากไทย คิตตี้ ชิชา ร่วมงานปาร์ตี้ Pre-Oscars ของ Saint Laurent

account_circle
คิตตี้ ชิชา
คิตตี้ ชิชา

แม้ซีรีส์ เด็กใหม่ ซีซั่น 2 จะจบไปนานแล้ว แต่ คิตตี้ ชิชา อมาตยกุล ก็ยังปังต่อเนื่อง เดินสายทำงานโกอินเตอร์ไม่หยุด ซึ่งล่าสุดเธอปรากฎตัวในงานปาร์ตี้ Pre-Oscars 2022 !!!

หนึ่งเดียวจากไทย คิตตี้ ชิชา ร่วมงานปาร์ตี้ Pre-Oscars ของ Saint Laurent

คิตตี้ ชิชา

เรียกได้ว่าเป็นธรรมเนียมที่จัดขึ้นทุกปีก่อนงานประกาศผลรางวัล Oscars สำหรับงานปาร์ตี้ Pre-Oscars ที่รวมเหล่าคนดังมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง โดยปีนี้ แอนโธนี่ แวคคาเรลโล ครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ ของ Saint Laurent ได้จัดปาร์ตี้ Pre-Oscars ขึ้นเมื่อวันที่ 25 มีนาคม

คิตตี้ ชิชา

เหล่าเซเลบริตี้ที่ไปร่วมงานนี้ไม่ว่าจะเป็น Global Brand Ambassador “โรเซ่ BLACKPINK” , เซนดายา, Zoe Kravitz, เฮลีย์ บีเบอร์ และ หนึ่งนักแสดง และ นางแบบสาวหนึ่งเดียวจากไทย “คิตตี้ ชิชา อมาตยกุล” ก็ได้ไปร่วมงานปาร์ตี้ Pre-Oscars เช่นเดียวกัน


ภาพ : Getty Image

keyboard_arrow_up