หล่อสายลุย “มาริโอ้” พาซิ่งมอเตอร์ไซค์ทัวร์ “เลห์ลาดัก” สวรรค์บนดินแห่งอินเดีย

หล่อสายลุย “มาริโอ้” พาซิ่งมอเตอร์ไซค์ทัวร์ “เลห์ลาดัก” สวรรค์บนดินแห่งอินเดีย

Alternative Textaccount_circle

มาริโอ้ เมาเร่อ พระเอกที่รักการท่องไปในดินแดนใหม่ๆ ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าใคร แม้จะเดินทางได้หลากหลายแนว จะลุยหรือชิลได้หมด แต่ถ้าให้เป็นตัวเองขั้นสุด โอ้บอกว่าต้องสายลุยแบบผจญภัย นี่แหละที่สะใจ โดยเฉพาะที่เลห์ลาดัก หุบเขาในอินเดียที่อัดแน่นไปด้วยบรรยากาศชวนฝันบนความสูงหลายพันเมตรเหนือระดับทะเล

มาริโอ้
เท่สุดที่เมืองเล

แต่แค่เดินเท้าหรือนั่งรถนั้นอาจจะง่ายไป ระดับโอ้ต้องขี่มอเตอร์ไซค์ขึ้นเขาเท่านั้น “ถ้าเป็นเที่ยวสไตล์ผมจะชอบแนวลุยๆ ไปเข้าแคมป์ครับ อย่างที่ไปเลห์ลาดักนี่ใช่เลย ธรรมชาติสวย มีทั้งภูเขาที่ยอดเป็นหิมะขาวๆ มีทั้งทะเลสาบสีฟ้าที่สวยใสยิ่งกว่าใส่คลอรีน และทะเลทรายเวิ้งว้าง คือถ้าให้คะแนนความสวยเต็มสิบ ผมให้ร้อยเลย เป็นการเสียเงินหลักหมื่น ที่ได้ชมวิวหลักล้าน คุ้มมากครับ!!”

มาริโอ้

Khardung La Pass ถนนสูงที่สุดในโลก

โอ้เล่าจุดเริ่มต้นของทริปนี้ว่า “เริ่มจากพี่โช ผู้จัดการผมเห็นรูปสวยๆ ของที่เลห์ลาดักแล้วอยากไปมาก จึงมาชวนผมและเพื่อนๆ ไปด้วยกัน 8 คน ใช้เวลาเที่ยวประมาณ 7 วัน โดยจะเป็นการนั่งรถไปชมสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติที่เป็นจุดเด่นต่างๆ ในเลห์ลาดัก ซึ่งอาจต้องมีไปนอนตามหมู่บ้านหรือที่พักต่างๆ นอกตัวเมืองเลห์บ้าง ซึ่งระหว่างหาข้อมูลก็พบว่าที่นั่นมีให้เช่ามอเตอร์ไซค์ขี่ขึ้นเขาไปได้ด้วย ซึ่งผมกับเพื่อนๆ 3 คนที่ขี่มอเตอร์ไซค์แข็งตัดสินใจไปเช่ารถเดินทางกันเหมือนโร้ดทริปที่แวะตามจุดเที่ยวต่างๆ ส่วนพวกพี่ๆ ที่เหลือเช่ารถยนต์เดินทางไปพร้อมกัน ความยากคือถนนที่นั่น โดยเฉพาะที่ Khardung La อยู่บนความสูงหลายพันเมตรเหนือระดับทะเล แถมยังเป็นเส้นทางทุรกันดาร มีหลุม มีบ่อ มีเหว เรียกว่ายากและอันตรายมาก จึงต้องมีไกด์ท้องถิ่นที่มีความเชี่ยวชาญขี่นำ

มาริโอ้
ระหว่างทางไป Khardung La

“พอไปถึงแล้วเขาจะให้เราเลือกและทดสอบมอเตอร์ไซค์กันก่อน ซึ่งความจริงมีให้เลือกแค่ 2 แบบ เป็นยี่ห้อของเขาเอง แบบแรกมีโช้กหน่อย คือเจอหินเจอหลุมก็ยังสะเทือนแบบพอทนไหว กับอีกแบบต้องขอใช้คำว่า ‘Iron Butt’ หรือตูดเหล็กเท่านั้นที่จะรับได้ ซึ่งไกด์จะขี่คันนี้ เราจึงเรียกเขาว่าอาจารย์ตูดเหล็ก (หัวเราะ) ที่ฮาคือช่วงหนึ่งคันเร่งที่คันของเพื่อนคนหนึ่งดันค้างแล้วซ่อมไม่ได้ ไกด์จึงเปลี่ยนมาขี่คันของเพื่อนผมแทน เพราะเขาเชี่ยวชาญกว่า แต่ความที่เพื่อนผมขี่ไม่แข็ง ไม่สามารถไปขี่มอเตอร์ไซค์ตูดเหล็กของอาจารย์ได้ จึงสลับมาใช้มอเตอร์ไซค์ของผม แล้วผมไปขี่คันของคุณไกด์ตูดเหล็กแทน ทำให้ผมรู้ซึ้งเลยว่า…โอ้ตูดเหล็กเป็นอย่างไร (หัวเราะ)

มาริโอ้
วิวเมืองเลห์สวยจับใจ

“สำหรับตารางการเที่ยวของผมเป็นแบบนี้ครับ วันแรกที่ไปถึงเป็นการปรับตัวและเตรียมตัว เนื่องจากเราขึ้นไปอยู่ในที่สูง เพื่อนหลายคนปวดหัวจนหน้ามืด ต้องกินยาป้องกันการแพ้ความสูงและพักก่อน จากนั้นวันที่สองเราก็ขี่มอเตอร์ไซค์ขึ้นไปที่ Khardung La Top จุดสูงที่สุดของตรงนั้น ประมาณ 5,359 เมตรเหนือระดับทะเล ถือเป็นหนึ่งในเส้นทางสูงที่สุดในโลกที่มอเตอร์ไซค์จะขึ้นไปได้ แต่ขนาดเตรียมตัวมาดีๆ ก็ยังเหวอ เพราะระหว่างทางมีแต่เหว เส้นทางก็ขรุขระกันดารมาก แถมยังมีรถใหญ่สวนมาอีก ขี่ไป…กระเด้งไปตลอดทาง บางครั้งก็ต้องยืนขี่เพราะทนการกระแทกไม่ไหว ช่วงหลังเรานั่งกันแทบไม่ได้ เข้าห้องน้ำยังลำบาก (หัวเราะ) แล้วอากาศที่โน่นหนาวแต่มีแดด ฝุ่นก็เยอะ ขี่ไปน้ำตาไหลไป เลือดกำเดาก็ไหล เพราะช่วงแรกๆ ยังปรับความดันไม่ค่อยได้ อาศัยกินยากับดื่มน้ำเยอะๆ ไหนจะกลัวความสูงอีก ต้องใช้วิธีไม่มองลงไปข้างเหว มองทางตรงอย่างเดียว แต่พอปรับตัวได้ ต้องยอมรับว่าวิวสวยมาก จนต้องคอยเตือนกันว่า เฮ้ย! มองทางก่อน”

มาริโอ้
เส้นทางทุรกันดาร แต่สนุกมากๆบน Khardung La Top

สวยสตั๊นที่ Pangong Lake

“อีกสถานที่ที่โอ้ชอบมากในทริปนี้คือ Pangong Lake ครับ เป็นทะเลสาบน้ำเค็มสูงที่สุดในโลก (4,267 เมตร) แต่เส้นทางกว่าจะไปถึงทะเลสาบนี่ลำบากมาก ต้องขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านน้ำตก ซึ่งโหดสาหัส เพราะต้องระวังหินสไลด์ลงมาจากผาด้านข้าง ซึ่งวันที่โอ้ไปโชคดีว่าไม่เจอ ก่อนนั้นเคยได้ยินว่ามีหินร่วงลงมาเยอะมากจนผ่านไม่ได้ ต้องรอให้รถมาเคลียร์หินออกอยู่ 2-3 ชั่วโมง ของผมเจอแค่หินก้อนเล็กๆ ที่ร่วง ลงมาโดนเราบ้าง แต่ก็ไม่เป็นไร

มาริโอ้
Pangong Lake สีน้ำสวยสุดๆ

“แต่หนนั้นรถยนต์ของพี่ผู้จัดการผมผ่านไปไม่ได้ ต้องรอรถใหญ่มาดันพวกทรายหรือหินออก ส่วนพวกผมที่ขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านกันไปได้แล้วก็เกิดจะมีจิตอาสา ทำตัวเป็นคนดี วิ่งลงไปช่วยดันรถของพี่ที่ติดอยู่และคันของคนอื่นที่เหลือ แต่ดันไปได้ไม่เท่าไร โอ้โฮ… ปวดหัวกันหมดเลย ลืมไปว่าอยู่บนที่สูง ต้องเตือนกันว่าพอก่อน ดูแลตัวเองก่อน

มาริโอ้

“แต่พอไปถึงทะเลสาบปันกองแล้วสวยจนอึ้งเลยครับ คือแว่บแรกที่เห็นนี่ขี่มอเตอร์ไซค์อยู่แทบจะตกเขากันหมดเลย เพราะสวยมากจริงๆ อย่างสีของน้ำนี่เหมือนคนทำคลอรีนตกลงไปเป็นหมื่นตัน ตัดกับสีของภูเขาทรายโทนน้ำตาลด้านหลัง เขาบอกว่าหน้าหนาวจะสวยไปอีกแบบ เพราะภูเขาจะเต็มไปด้วยหิมะสีขาว แต่ตื่นเต้นได้พักเดียว พวกผมก็ปวดหัวกันมาก หายใจไม่ออก อาจเพราะระหว่างทางผ่านอะไรมาเยอะ ต้องใช้ออกซิเจนช่วยกันหมดเลย”

เวิ้งว้างที่ Nubra Valley

“จุดที่จัดได้ว่าสวยแปลกตาและเหนือความคาดหมายคือ Nubra Valley เป็นทะเลทรายที่จะเห็นวิวทิวเขาสูงมากๆ เท่าตึก 40-50 ชั้นอยู่เต็มไปหมด ที่เรียกว่า Hunder Sand Dunes ผมไม่เคยคิดว่าทะเลทรายจะมีเสน่ห์ขนาดนี้ นอกจากนี้ก็มีกิจกรรมให้นั่งอูฐชมวิวรอบๆ แล้วถ่ายรูป ถือเป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งที่ได้นั่งอูฐครับ ถ้าถามว่าเป็นอย่างไร กลิ่นอูฐหอมชื่นใจมาก ฮ่า ๆ…ผมว่าขี่ม้ายังสบายกว่า ขี่อูฐนี่ต้องมีสกิลนิดหน่อย เพราะอูฐมี 2 โหนก แล้วเขาจะมีผ้าหนาๆ มาคลุมทับไว้ให้เรานั่ง เวลาอูฐเทคตัวขึ้นก็จะกึกๆ กักๆ ทรงตัวลำบากหน่อย แต่ผมทำได้ เพราะขี่มอเตอร์ไซค์มาจนทรงตัวได้ทุกรูปแบบ ต่อให้อูฐเหวี่ยง ผมก็ไม่กลัว (หัวเราะ) ก็สนุกๆ ไปครับ”

มาริโอ้
Nubra Valley
มาริโอ้
ชาวคณะขี่อูฐ

นอนกลางเขา กินกลางทราย เข้าห้องน้ำข้างทาง

“ส่วนที่พักในครั้งนี้แม้ไม่หรูหรา แต่ผมชอบนะ เป็นโรงแรมกลางๆ ที่วิวดีมาก ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมในตัวเมืองเลห์ที่ชื่อ Spic N Span เป็นโรงแรม 3 ดาวที่บรรยากาศดี อยู่สบาย มีทุกอย่างครบ ทีวีก็มีให้ดู แค่เป็นช่องของอินเดีย ฮ่าๆ

มาริโอ้
Spic N Span

“ส่วนที่พักนอกเมืองนั้นอยู่ตรงเส้นทางที่ไปทะเลสาบปันกอง พี่ในกลุ่มเลือกมาแล้วว่าสวยที่สุด แต่อยู่ไกลหน่อย ห่างจากทะเลสาบปันกองไป 10 กิโลเมตร ชื่อ Pangong Sarai เป็นเหมือนกระโจมขาวๆ ของ คนท้องถิ่นตั้งเรียงกันอยู่กลางหุบเขา สวยแบบอยู่กลางธรรมชาติดี ด้านในกระโจมมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบ ชมวิวเพลินเลยครับ

มาริโอ้
Pangong Sarai ที่พักแบบเต็นท์ท่ามกลางวิวธรรมชาติ

“อาหารที่นั่นบางอย่างก็คล้ายอาหารอินเดีย แต่ไม่เป๊ะ เพราะเป็นอินเดียที่ค่อนไปทางทิเบต จำพวกข้าวผัดง่ายๆ รสชาติไม่แย่ แต่อาจไม่ถูกปากใครหลายคน อย่างผมคนหนึ่งละ ตอนแรกไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจไป กะว่ากินอะไรก็ได้ วันหนึ่งเขาบอกว่ามีผัดกะเพรา เราดีใจมากว่ารอดแล้ว ปรากฏว่าไม่ใช่อย่างที่คิดเลย อธิบายไม่ถูก ข้าวมีกลิ่นแปลกๆ หมูก็มีเศษกระดูกอยู่ด้วย อาจเพราะอยู่บนเขา หาวัตถุดิบดีๆ ยาก แต่โชคดีที่เพื่อนผมเตรียมอาหารแห้งจำพวกหมูหย็อง หมูทอดไปเยอะ แล้วพี่โชก็เตรียมน้ำจิ้มซีฟู้ดไป ทุกคนจึงกินอาหารทุกอย่างกับน้ำจิ้มนี้ แฮ็ปปี้มาก

มาริโอ้
Pangong Sarai Camps

“ส่วนเรื่องห้องน้ำขอเตือนให้ทำใจเลยครับ เดินทางกลางป่าเขาแบบนี้ใช้บริการข้างทางสะดวกที่สุด เพราะถึงจะมีห้องน้ำระหว่างทางให้เข้า แต่คุณจะพบกับอารยธรรมจากหลากหลายประเทศสะสมรวมตัวอยู่ภายในห้องน้ำเหล่านั้น มันแย่มากจริงๆ ครับ”

Things You Need

“หมวกกันน็อกต้องเลือกขนาดที่พอดีกับหัวเราจริงๆ ไม่ใหญ่ไป ไม่เล็กไป ไม่อย่างนั้นจะปวดหัวครับ เพราะอยู่บนที่สูงแล้วต้องขับขี่กันหลายชั่วโมงต่อวัน ถัดมาคือแว่นกันแดด เพราะแดดแรงมาก กับน้ำตาเทียม ไว้คอยหยอดตา เพราะต้องโต้ลม ฝุ่นเยอะ อากาศแห้ง ตาจะแห้งมาก

“ส่วนเสื้อผ้าที่จะใส่ไปขี่มอเตอร์ไซค์ที่โน่นควรเป็นแจ็กเก็ตและกางเกงแบบกันน้ำ เพราะเราต้องขี่มอเตอร์ไซค์ลุยลงไปในน้ำ เช่นเดียวกับรองเท้าบู๊ตที่ต้องสูงครึ่งแข้ง เพราะเวลาที่ขี่ไปเจอทางขรุขระมากๆ บางทีเราต้องใช้เท้าค้ำ รองเท้าพวกนี้จะช่วยเชฟข้อเท้าเราไม่ให้พลิกง่ายๆ แล้วก็กันน้ำไปในตัวด้วย ทริปนี้ผมจัดเต็มซื้อทุกอย่างไปจากเมืองไทย แค่รองเท้ากับกางเกงนี่ก็ซื้อมอเตอร์ไซค์ได้คันหนึ่งเลย

มาริโอ้
โอ้ทักทายเจ้ามาร์มอต (Marmut) สัตว์ท้องถิ่นข้างทางระหว่างทางไปทะเลสาบปันกอง

“อีกอย่างที่เพื่อนผมพกไปแล้วเวิร์คมากคือถุงน้ำแบบสะพาย แล้วมีสายยางต่อมาให้ดูดน้ำได้ง่ายๆ ระหว่างขับขี่ ทำให้ไม่ต้องหยุดรถเพื่อจะดื่มน้ำ คือระหว่างทางเราจะรู้เลยว่าร่างกายต้องการน้ำ ซึ่งถุงน้ำนี่ใส่น้ำเย็นก็ได้ ใส่น้ำแข็งก็ได้ สะดวกมาก

“สุดท้ายคือยาที่เพื่อนผมขนไปเพียบ ซึ่งต้องขอบคุณเขา เพราะได้ ใช้ทุกอย่างจริงๆ ไม่ว่าจะยาปรับความดัน ยาแก้แพ้ ยาแก้ปวดหัว ยาแก้ท้องเสีย ยาคลายกล้ามเนื้อ รวมไปถึงยาดม ยาหม่อง ยาหอม ช่วยได้มากครับ”

มาริโอ้
ถ่ายรูปที่ Hunder Sand Dunes

Once in a Lifetime Adventure

“สำหรับคนที่อยากไปลองขี่มอเตอร์ไซค์บนที่สูงแบบนี้ ผมแนะนำว่ามือใหม่ยังไม่ควรครับ อันตราย ขนาดคนที่มีประสบการณ์แล้ว ตอนไปเทสต์มอเตอร์ไซค์ยังล้มโชว์เลย เพราะพื้นเป็นทราย ถ้าเหยียบเบรกหลังรถจะแถ ซึ่งถ้าตกใจจนควบคุมรถไม่ได้ รถจะล้ม คนขี่ก็จะหล่นกลิ้งลงมา

มาริโอ้
เต็มอิ่มกับวิวของเมืองเลห์

“นอกจากขี่มอเตอร์ไซค์แข็งแล้ว ต้องเตรียมพร้อมรับมือกับความลำบากด้วย อย่างทริปนี้เราขี่มอเตอร์ไซค์รวมระยะทางทั้งหมดกว่า 700 กิโลเมตร ซึ่งยากและไม่มีความเรียบเลยตลอดทาง แล้วจากจุดหนึ่งไปอีกจุดก็ใช้เวลากว่า 2-3 ชั่วโมง แถมยังเจออุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ ตลอดทาง เช่น รถลื่นเกือบจะล้มหรือล้อติด ต้องมีสติตลอด แต่พอผ่านมาได้แล้ว ผมก็บอกได้ว่าคุ้มจริงๆ ที่ได้ไป ตอนจบทริป เพื่อนทุกคนบอกว่าสนุกเนอะ โคตรดีใจเลยที่เราทำได้ ภูมิใจมาก รู้สึกว่าเรามาถึงได้เว้ยเฮ้ย! แต่พอหันไปถามกันเองว่าจะมาอีกไหม…ทุกคนบอกขอคิดดูก่อน เพราะลำบากจริงๆ” (หัวเราะ)


 

ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 942

Praew Recommend

keyboard_arrow_up