ประวัติศาสตร์ 13 ตุลาฯ บันทึกความทรงจำในวันแผ่นดินร่ำไห้…ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน ในวันที่ 13 ตุลาคม สำหรับพสกนิกรชาวไทย ก็ยังคงเป็นวันที่จดจำกันได้เสมอ เพราะเป็นวันแห่งการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ ซึ่งทำให้บ้านเมืองในขณะนั้นเต็มไปด้วยความเศร้าโศกทั่วทั้งแผ่นดิน
๑๓ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๙ วันที่เข็มนาฬิกาหยุดเดิน
นับตั้งแต่วันที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินไปประทับรักษา พระอาการประชวร ณ โรงพยาบาลศิริราช หลังจากนั้น ๑ วัน สำนักพระราชวังก็ออกแถลงการณ์ฉบับที่ ๑ ระบุว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระปรอท (ไข้) สูง ๓๘.๒ องศาเซลเซียส ผลการตรวจพระโลหิตแสดงว่ามีภาวะติดเชื้อมีการเปลี่ยนแปลงในความดันพระโลหิต และอัตราการเต้นของพระหทัยเร็วขึ้น คณะแพทย์จึงได้กราบบังคมทูลเชิญเสด็จพระราชดำเนินไปประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช นับจากวันนั้นพระอาการมีทั้งดีขึ้นและแย่ลงสลับกันตลอดระยะเวลาที่ประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช กระทั่งวันที่ ๑๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ สำนักพระราชวังได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ ๓๘ ความว่า
“วันนี้คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้รายงานว่าเมื่อวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ ความดันพระโลหิตลดต่ำลงอีก พระชีพจรเร็วขึ้น ร่วมกับภาวะพระโลหิตมีความเป็นกรดเพิ่มขึ้นอีก ผลของการถวายตรวจพระโลหิตบ่งชี้ว่ามีภาวะการติดเชื้อ และการทำงานของพระยกนะ (ตับ) ผิดปรกติ คณะแพทย์ฯได้ถวายพระโอสถปฏิชีวนะ และแก้ไขภาวะพระโลหิตมีความเป็นกรด ตลอดจนถวายพระโอสถควบคุมความดันพระโลหิตเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งถวายเครื่องช่วยหายพระทัย (Ventilator) และถวายการรักษาด้วยวิธีทดแทนไต (CRRT) พระอาการประชวรโดยรวม ยังไม่คงที่ต้องควบคุมด้วยพระโอสถ คณะแพทย์ฯได้เฝ้าติดตามพระอาการ และถวายการรักษาอย่างใกล้ชิด”
นับจากที่สำนักพระราชวังออกแถลงการณ์นี้ พสกนิกรไทยจำนวนมาก เดินทางมาที่ลานพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศรอดลุยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ณ โรงพยาบาลศิริราช หัวใจทุกดวงไปรวมกันอยู่ที่ชั้น ๑๖ อาคารเฉลิมพระเกียรติ พร้อมกับเสียงสวดมนต์บทโพชฌังคปริตร เพื่อภาวนาให้ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงหายจากพระอาการประชวร กระทั่งเวลาล่วงมาถึง ๑๔.๒๐ น. ของวันที่ ๑๓ ตุลาคม สำนักพระราชวังประกาศงดลงนามถวายพระพร ณ ศาลาสหทัยสมาคมในพระบรมมหาราชวัง วินาทีนั้นหัวใจของคนไทยเหมือนหล่นจากที่สูง หลายคนรีบออกจากบ้านตรงไปยังโรงพยาบาลศิริราช เสียงสวดมนต์ที่ลานพระราชานุสาวรีย์ฯ ดังยิ่งกว่าคราวไหน ๆ แต่แล้วในเวลา ๑๘.๔๕ น. สำนักพระราชวังก็ออกประกาศที่ไม่มีใครอยากได้ยิน
“พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร เสดจ็พระราชดำเนินไปประทับรักษาพระอาการประชวร ณ โรงพยาบาลศิริร าช ตั้งแต่วันศุกร์ ที่ ๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ ตามที่สำนักพระราชวังได้แถลงให้ทราบเป็นระยะแล้วนั้น “แม้คณะแพทย์ได้ถวายการรักษาอย่างใกล้ชิดจนสุดความสามารถ แต่พระอาการประชวรหาคลายไม่ ได้ทรุดหนักลงตามลำดับ ถึงวันพฤหัสบดีที่ ๑๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ เวลา ๑๕ นาฬิกา ๕๒ นาที เสด็จสวรรคต ณ โรงพยาบาลศิริราช ด้วยพระอาการสงบ สิริพระชนมพรรษา ปีที่ ๘๙ ทรงครองราชสมบัติได้ ๗๐ ปี”
สิ้นเสียงประกาศจากสำนักพระราชวัง ไม่มีคำใดอธิบายความรู้สึกของคนไทยได้ ที่โรงพยาบาลศิริราชเสียงสวดมนต์ที่ดังข้ามคืนแปรเปลี่ยนเป็นเสียงร่ำไห้แทบขาดใจ บางคนเป็นลมล้มพับไปกับพื้น อีกหลายคนทรุดตัวกอดกันร้องไห้ ทุกคนยังหวังว่า ข่าวที่เพิ่งได้ยินได้ฟังไม่ใช่เรื่องจริง แต่ปาฏิหาริย์ไม่เกิดขึ้น พ่อหลวงทรงจากพวกเราไปแล้วตราบนิรันดร์
อ่านเรื่องราวพิเศษของมหาราชผู้เป็นที่รักยิ่งของชาวไทยฉบับสมบูรณ์ได้ในนิตยสารแพรวฉบับพิเศษ “ตุลามหาราช” สามารถหาซื้อได้ที่ ร้านหนังสือนายอินทร์ ทั่วประเทศ
เรื่องราวที่น่าสนใจอื่นๆ
วีรสตรีคู่พระบารมี สมเด็จพระบรมรชินีนาถ 2 รัชกาล
งดงามตราตรึง พระบรมสาทิสลักษณ์ 2 มหาราช ผลงานจรดพู่กันของ 10 ศิลปินระดับชาติ
เปิดผนึก 3 บันทึกถึงฝรั่ง คนไทยรักในหลวงรัชกาลที่๙ ด้วยหัวใจ และไม่ได้ถูกล้างสมอง
5 เหตุการณ์เดือนตุลาฯ แห่งความทรงจำ ในหลวงรัชกาลที่๙ มหาราชแห่งแผ่นดิน
เปิดเรื่องราว “เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า จากในหลวงรัชกาลที่ ๕