- Page 104 of 163

คิงจิกมี และควีนแห่งภูฎาน กับฉลองพระองค์หลากสไตล์ที่ล้วนทรงงามสง่าสมกัน

ปกติเรามักเห็น คิงจิกมี และควีนแห่งภูฎาน ในฉลองพระองค์ชุดประจำชาติ ซึ่งก็ต้องบอกว่าทรงได้งามสง่าเหลือเกิน และที่ปฏิเสธไม่ได่คือการที่ทั้งสองพระองค์ทรงจนเป็นพระคาแร็คเตอร์ประจำ นัยหนี่งจึงเท่ากับเป็นการประชาสัมพันธ์ให้คนทั่วโลกสนใจประเทศขุนเขาแห่งนี้เพิ่มมากขึ้น และใครก็ตามที่มีโอกาสไปเยือนภูฎานคงได้ประจักษ์แก่สายตาตัวเองว่า ชุดประจำวันของชาวภูฏานที่เขาใส่กันทุกวี่ทุกวันนั้นก็คือชุดประจำชาติภูฏานนั่นเอง ทั้งนี้ก็เพราะรัฐบาลภูฎานรณรงค์ให้ประชาชนใส่ชุดประจำชาติเป็นชุดประจำวัน โดยมีสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก พระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรภูฏาน และสมเด็จพระราชินีเจตซุน เพมา วังชุก ทรงให้เห็นเป็นแบบอย่าง และภาพพระบรมฉายาลักษณ์ที่คนทั่วโลกจดจำกันได้แม่นยำก็คือวันที่ทั้งสองพระองค์ทรงฉลองพระองค์ชุดประจำชาติภูฏานเข้าพิธีราชาภิเษกสมรส เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2554 หลังจากนั้นไ่ม่ว่าจะเป็นในเวลาส่วนพระองค์ หรือเมื่อทั้งสองพระองค์ออกทรงงาน ยิ่งในยามที่ราชวงศ์ต่างประเทศเสด็จเยือนประเทศบนเขาสูงแห่งนี้ ฉลองพระองค์ชุดประจำชาติ ยิ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ประกาศถึงอัตลักษณ์แห่งความเป็นชาติได้ดียิ่ง ชุดประจำชาติภูฏานที่ดูมีเอกลักษณ์สุดๆ นี้ มีรายละเอียดของฝ่ายชายและฝ่ายหญิงแตกต่างกัน ของฝ่ายชายเรียกว่า โก (Kho) ส่วนฝ่ายหญิงเรียกว่า คีร่า (Kira) โดยชุดประจำชาติของฝ่ายชาย ถ้าเป็นการสวมใส่ไปในงานพระราชพิธีหรือในงานพิธีที่เป็นทางการ ต้องมีผ้าพาดไหล่หรือที่ภาษาภูฏานเรียกว่า แกบเน (Kabney) ด้วย ผ้าพาดไหล่นี้มีอยู่หลายสี โดยแต่ละสีบอกถึงชั้นยศและฐานันดรศักดิ์ของผู้ใช้ผ้าพาดไหล่นั้นๆ เช่น สีเหลืองอมส้ม (Saffron) เป็นสีที่ใช้สำหรับพระมหากษัตริย์กับสมาชิกในพระราชวงศ์และพระสังฆราช(เจเคนโป) สีส้มสำหรับรัฐมนตรี สีน้ำเงินสำหรับองคมนตรี สีแดงสำหรับผู้มีบรรดาศักดิ์ที่พระราชาธิบดีทรงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง สีขาวลายเส้นสีน้ำเงิน สำหรับสมาชิกรัฐสภา สีขาวลายเส้นสีแดงสำหรับหัวหน้าหมู่บ้านและข้าราชการทั่วไป ส่วนทหารใช้ผ้าผืนเล็กสีขาวขลิบริมสีแดง […]

เปิดให้ชมพรุ่งนี้วันแรก! นิทรรศการพระเมรุมาศฯ บันทึกความทรงจำและประวัติศาสตร์ครั้งใหญ่

หลังจากได้มีการประกาศเปิด นิทรรศการงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร หลังเสร็จสิ้นพระราชพิธีถวายพระเพลิงฯ ณ บริเวณมณฑลพิธีท้องสนามหลวง

ทำดีด้วยหัวใจ… ปอ-ศีกัญญา ลุยซ่อมอุโมงค์ดอกไม้ปากคลองฯถวาย ‘พ่อหลวง’

จัดว่าเป็นสาวไฮโซสาวคุณภาพตัวจริง ปอ-ศีกัญญา ศักดิเดช ภาณุพันธ์ ทายาทกิจการโรงแรมดัง เรอเนซองส์ ในเครือแมริออท และผู้บริหารแบรนด์  Kilping Thailand ย้อนกลับไปเมื่อปีก่อน ช่วงที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เสด็จสวรรคตไม่นาน ตอนนั้นประชาชนต่างหลั่งไหลเข้าไปในพื้นที่ท้องสนามหลวงอย่างเนืองแน่น เพื่อรอเข้าสักการะพระบรมศพ หลายคนน่าจะยังจำภาพ สาวปอ ที่ลงลุยเป็นจิตอาสาคอยแจกพัดให้แก่คนที่มารอเข้าแถวยาวสุดลูกหูลูกตาได้ แล้วอีกแพร้บเธอก็ไปถอยรถตุ๊กๆ ออกมาขับบริการรับ-ส่งผู้ที่ต้องการจะเข้าไปในพื้นที่แบบฟรีๆ  พอมีคนไม่ยอมนั่งฟรี  จ่ายเงินให้ เธอก็นำเงินทั้งหมดนั้นไปมอบให้มูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ซึ่งถือเป็นความใจที่น่ายกย่องสุดๆ และล่าสุด ก่อนพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ชาวแม่ค้าปากคลองตลาดรวมตัวกับจิตอาสา ช่วยกันจัดงาน ‘ดอกไม้เพื่อพ่อ’ ถนนดอกไม้ยาว 400 เมตร ช่วงระหว่างวันที่ 21-27 ต.ค.ที่ผ่านมา เพื่อเป็นการถวายสักการะแด่ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ปรากฏว่าหลังจากเปิดให้ประชาชนเข้าชมได้เพียง 2 วัน อุโมงค์ดอกไม้ที่ทุกแรงกายแรงใจช่วยกันทุ่มเทจัดอย่างสวยงามอลังการก็มีเหตุชำรุดจากจำนวนคนที่เข้าชมเป็นจำนวนมาก ทำให้ต้องประกาศหาจิตอาสาเข้าช่วยซ่อมแซมเป็นการด่วน และหนึ่งในจิตอาสาที่ลงพื้นที่ซ่อมแซมอุโมงค์ดอกไม้ท่ามกลางสายฝนก็คือไฮโซสาว ปอ-ศีกัญญา คนสวยนี่เอง โดยมีคุณสามี กอล์ฟ-ณชนก รัตนทารส  คอยช่วยอยู่ข้างๆ บอกตรงๆ ว่าเห็นภาพในไอจีแล้วตื้นตันกับใจที่เธอมีเหลือเกิน ยิ่งอ่านแคปชั่นของภาพๆ นึงที่เธอโพสต์ โอ้ย…น้ำตาปริ่ม   “พวกเราจะทำความดีให้มากกว่านี้ พวกเราจะรักและสามัคคีกันไปจนวันสุดท้าย […]

“ฟูก ภูวษา” ผู้อยู่เบื้องหลังพระสิริโฉมของ “พระองค์หญิงสิริวัณณวรีฯ” ในงานพระราชพิธีฯ

อย่างที่สาวๆ หลายคนน่าจะทราบว่า พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงโปรดให้ “ฟูก – ภูวษา พรธรรมฉัตร” เป็นช่างแต่งพระพักตร์ประจำพระองค์ เรียกได้ว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังพระสิริโฉมอันงดงามในการออกงานพระราชพิธีสำคัญต่างๆ มากมาย ซึ่งหนึ่งในครั้งสำคัญอย่างเมื่อวันที่ (29 ตุลาคม 2560) ที่ผ่านมา คุณฟูก – ภูวษา เมคอัพอาร์ติสต์ฝีมือฉกาจก็ได้มีโอกาสถวายงานแต่งพระพักตร์ พระองค์หญิงสิริวัณณวรีฯ ในลุคภายใต้พระสิริโฉมที่งดงาม ทว่าแฝงความแข็งแกร่ง แนวลุคธรรมชาติ ไม่เน้นสีฉูดฉาด มีความสุภาพ แต่พระพักตร์คมเข้มมีมิติ สง่างามสมพระเกียรติมาก เป็นลุคที่เหมาะกับ พันโทหญิงพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ผู้บังคับการกองพันทหารม้าที่ 29 ผู้ทรงม้านำริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ริ้วขบวนที่ 6 อัญเชิญพระบรมราชสรีรางคาพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ไปประดิษฐาน ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และวัดบวรนิเวศวิหาร มากๆ ภาพจาก IG : fookie_beauty / ภาพ : กัญชนิกา เมืองวงษ์,ปัณณวัชญ์ รุ่งพิบูลโสภิษฐ์ เรื่อง : PP_แพรวดอทคอม

น่ารักก็เป็นนะ… ประธานาธิบดีทรัมป์ เปิดทำเนียบขาวจัดงานเลี้ยงคืนก่อนฮาโลวีน

ใครเคยค่อนขอดว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ ชอบฟาดงวงงา หาเรื่องไปทั่วโลก เห็นภาพเซ็ทนี้อาจจะอมยิ้มว่า น่ารักก็เป็นนะ เหตุเกิดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (30 ต.ค.) ประธานาธิบดีทรัมป์ พร้อมด้วยเมลาเนีย ทรัมป์ ภริยา สุภาพสตรีอันดับหนึ่งของสหรัฐ ควงแขนกันออกมาเปิดทำเนียบขาวจัดงานเลี้ยงคืนก่อนฮาโลวีน เพื่อให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าเยี่ยมชมและฉลองเทศกาลฮาโลวีนร่วมกัน งานนี้มีเด็กและผู้ปกครองเดินทางมายังทำเนียบขาวร่วม 6,000คน โดยโดนัลด์ ทรัมป์ และเมลาเนียออกมายืนต้อนรับเด็กๆ และประชาชนที่บริเวณหน้าทำเนียบขาวด้วยตนเอง และช็อตที่ทำให้ใครเห็นเป็นต้องอมยิ้มก็คือช็อตที่ทรัมป์อยู่ท่ามกลางวงล้อมของเด็กๆ ดูเป็นคุณตาใจดี ลดมาดผู้นำจอมโวยวายไปได้โข อีกเรื่องที่กลายเป็นท็อปปิคชื่นชมของผู้คนคือการได้เห็นบรรยากาศของทำเนียบขาวที่ดูอบอุ่น เป็นกันเอง เพราะถูกตกแต่งด้วยฟักทองแกะสลักและค้างคาวรับร้อยพันตัวให้เข้ากับบรรยากาศเทศกาล รวมทั้งการที่ผู้มาร่วมงานต่างแต่งกายด้วยชุดแฟนซีหลากสีสัน ไม่แน่ว่าผลสำรวจความนิยมครั้งหน้า ทรัมป์และเมลาเนียอาจจะทำคะแนนได้ดีขึ้น ในวงเล็บถ้าไม่พูดกราดเกรี้ยวใส่ใครอีกนะ   ภาพ : AP Photo    

เปิดผนึก 3 บันทึกถึงฝรั่ง คนไทยรักในหลวงรัชกาลที่๙ ด้วยหัวใจ และไม่ได้ถูกล้างสมอง

เปิดผนึก 3 บันทึกถึงฝรั่ง คนไทยรักในหลวงรัชกาลที่๙ ด้วยหัวใจ และไม่ได้ถูกล้างสมอง

พระองค์ที เสด็จส่วนพระองค์ ทอดพระเนตรริ้วขบวนสุดท้าย

เมื่อวานนี้ (29 ตุลาคม 2560 ) ในการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ซึ่งได้มีการจัดริ้วขบวนี่ 6 อัญเชิญพระบรมราชสรีรางคาร ไปบรรจุ ณ วัดบวรนิเวศวรวิหาร นั้น พระองค์ที (พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ) ได้เสด็จเป็นการส่วนพระองค์ เพื่อร่วมชมริ้วขบวนด้วย

โทมนัสอย่างไร แต่ยังอบอุ่นเสมอ รวมภาพประทับใจในหลวงร. ๑๐ และพระบรมวงศานุวงศ์จากงานพระราชพิธีฯ วันสุดท้าย

จบสิ้นลงไปแล้วสำหรับพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ซึ่งพิธีสุดท้ายของวันนี้ (29 ตุลาคม 2560) คือการเคลื่อนของริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ริ้วที่ 6 เป็นการอัญเชิญพระผอบพระบรมราชสรีรางคาร ประดิษฐานที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร และ วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร โดยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร และ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงถือพระผอบพระบรมราชสรีรางคารขึ้นรถยนต์พระที่นั่ง เพื่อบรรจุพระผอบพระบรมราชสรีรางคารของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร และ วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร ตามที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น ตลอดงานพระราชพิธีฯ ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคมเป็นต้นมา ขัตติยมานะ ของเจ้านายทุกพระองค์ถูกเก็บซ่อน ไม่เปิดเผยให้ประชาชนเห็นถึงความอ่อนแอ แต่ในบรรยากาศอันโศกเศร้า เราก็ได้เห็นความอบอุ่นของราชวงศ์จักรีอยู่เรื่อยมา อย่าง สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อเสด็จ พระองค์จะทรงรอพระเชษฐภคินี และ พระขนิษฐภคินีอยู่เสมอ หรือ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงประคองเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ฯ ซึ่งทุกอย่างที่เราได้เห็นทำให้สามารถสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจริงๆ ก่อนงานพระราชพิธีฯ ในวันนี้ซึ่งเป็นวันสุดท้าย (29 ตุลาคม 2560) จะจบลง ก่อนที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์จะเสด็จกลับ ก็ทรงพูดคุยกันเล็กน้อย แต่กลับเป็นภาพแห่งความประทับใจที่ชาวไทยได้เห็นแล้วก็รู้สึกปลื้มยิ่งนัก แม้ว่าตอนนี้ในหลวงรัชกาลที่ ๙ จะได้จากพวกเราชาวไทยไปแล้ว แต่คำสอนของพระองค์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๑๐  สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ […]

สิ้นขบวนสุดท้าย เสด็จสู่สวรรคาลัย ธ สถิตอยู่ในใจตราบนิรันดร์

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนิน ร่วมพระบรมราชอิสริยยศ ริ้วขบวนสุดท้าย ทรงอัญเชิญพระผอบ พระบรมราชสรีรางคารในหลวงรัชกาลที่9 บรรจุ ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และ วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อวันที่ 29 ต.ค. 60 เวลา 17.30 น.สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร และ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประทับรถยนต์พระที่นั่ง ทรงอัญเชิญพระผอบพระบรมราชสรีรางคาร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ออกจากพระบรมมหาราชวัง ทางประตูวิเศษไชยศรีไปบรรจุ ณ ฐานพุทธบัลลังก์ พระพุทธอังคีรส วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และฐานพุทธบัลลังก์พระพุทธชินสีห์ วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร โดยมีขบวนพระบรมราชอิสริยยศริ้วที่ 6 ซึ่งพันโทหญิง พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ องค์ผู้บังคับการกองพันทหารม้าที่ 29 รักษาพระองค์ ทรงม้านำขบวนอย่างสมพระเกียรติ      โดยริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ริ้วขบวนที่ 6 ใช้เส้นทางออกประตูวิเศษไชยศรี เลี้ยวขวาไปตามถนนหน้าพระลาน แล้วเลี้ยวขวาไปตามถนนสนามไชย เลี้ยวซ้ายเข้าถนนกัลยาณไมตรี ข้ามสะพานช้างโรงสี […]

ความโทมนัส ในพระราชหฤทัยแลพระทัย ใครเล่าจะรู้หรือเข้าใจได้ทั้งหมด

ความโทมนัส ใดเล่าจะสาหัสยิ่งใหญ่เท่าทุกข์จากการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ทว่าสังขารมีความเสื่อมฉันใด เกิด แก่ เจ็บ ตาย ก็เป็นธรรมดาโลกฉันนั้น และแม้ผู้คนจะรู้ถึงสัจธรรมความจริงข้อนี้ ก็ยังยากเหลือเกินที่จะหักห้ามความเศร้าโศกไม่ให้เกิด โดยเฉพาะห้วงเวลาปีกว่าที่ผ่านมา นับจากวันที่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เสด็จสู่สวรรคาลัย ซึ่งหากเราสามารถแปรความเสียใจเป็นมวลสารหนึ่งก้อน น้ำหนักความเสียใจของลูกหลานไทยครั้งนี้ก็ช่างหนักอึ้งจนเกินบรรยาย คำถามคือ แล้วจะมีสักกี่คนที่รู้หรือเข้าใจถึงน้ำหนักแห่ง ความโทมนัส ที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ทรงต้องเผชิญอยู่ หลายครั้งที่เราได้ยินคำว่า… ขัตติยมานะ ทำให้เจ้านายพระองค์นั้นพระองค์นี้ต้องทรงความเข้มแข็ง ต้องไม่ทรงเผยความอ่อนแอให้ประชาชนเห็น ทว่าในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ซึ่งผ่านพ้นไปแล้วทุกกระบวนการขั้นตอนอย่างสง่างาม สมพระเกียรติสูงสุด แต่ท่ามกลางเสียงร่ำไห้อาดูรของประชาชนที่อยู่ในพระราชพิธีฯพระผู้เสด็จสวรรคาลัย สิ่งที่เกิดขึ้นจากการถ่ายทอดสดด้วยระบบ HD โดยโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย รวมกับการที่โลกขับเคลื่อนด้วยสื่อโซเชียล ก็ทำให้พสกนิกรที่ชมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศอยู่หน้าจอทีวีหรือช่องทางออนไลน์ได้เห็นถึงแววพระเนตรทุกข์ตรม และสีพระพักตร์โศกศัลย์ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์   เพราะนับจากวันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม 2559 ซึ่งเป็นวันที่ไทยต้องสูญเสีย ‘พ่อแห่งแผ่นดิน‘ วันนั้นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ก็ต้องทรงสูญเสีย ‘ทูลกระหม่อมพ่อ ทูลกระหม่อมปู่ หรือทูลกระหม่อมตา’ เช่นกัน เทียบกับยามที่เราอ่านพบว่า ในหลวงรัชกาลทื่ ๙ เคยทรงเปล่งสัจจะวาจาไว้ว่า “ไม่ต้องจำว่าฉันคือใคร […]

“เหรียญทรงงาน” น้อมรำลึกถึงในหลวง ร.9 รายได้สมทบทุนสร้างศูนย์แพทย์เพื่อผู้สูงอายุ

เพราะแพทย์ยังต้องอยู่คู่รักษาคนไทยไปอีกนาน จึงเกิดโครงการ “เหรียญทรงงาน” โดยสมาคมคนไทยเชื้อสายจีนขึ้น โดยรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายนี้จะนำไปสมทบทุน สร้างศูนย์การแพทย์ศาสตร์และการเรียนรู้เพื่อผู้สูงอายุ

ริ้วขบวนพระอิสริยยศที่ ๕ อัญเชิญพระบรมอัฐิประดิษฐานพระวิมาน ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท

วันนี้ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๐ ซึ่งถือเป็นวันที่พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว ในช่วงบ่ายที่ผ่านมาก็ได้มีการอัญเชิญพระบรมอัฐิประดิษฐานพระวิมาน ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระบรมราชานุญาต ปชช. เฝ้ารับเสด็จ 29 ต.ค.นี้

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร พระบรมราชานุญาตให้ประชาชนเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ ด้านกองอำนวยการร่วมงานพระราชพิธีฯ แจ้งปิดการจราจรตั้งแต่15.00 น.เป็นต้นไป การพระราชพิธีพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ได้เข้าสู่ขั้นตอนพิธีสุดท้ายเหลือเพียง อัญเชิญพระบรมอัฐิ พระบรมราชสรีรางคาร บรรจุ ณ ฐานพุทธบัลลังก์พระพุทธอังคีรส วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และฐานพุทธบัลลังก์พระพุทธชินสีห์ วัดบวรนิเวศวิหาร ล่าสุดกองอำนวยการร่วมงานพระราชพิธีฯ (กอร.พระราชพิธีฯ)แจ้งว่าในวันที่ 29 ต.ค.60 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร พระบรมราชานุญาตให้ประชาชนเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จตลอดเส้นทาง อย่างไรก็ตามสำหรับกำหนดการนั้น กอร.พระราชพิธีฯ แจ้งว่าในวันที่ 29 ต.ค.60 ตั้งแต่เวลา 15.00 น.เป็นต้นไป กองบังคับการตำรวจจราจร จะปิดการจราจรระดับ 2 จำนวน 27 เส้นทาง ซึ่งเป็นเส้นทางของริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ริ้วที่ 6 คือการอัญเชิญพระผอบพระบรมราชสรีรางคารของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร จาก พระศรีรัตนเจดีย์ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง ไปบรรจุที่ฐานพุทธบัลลังก์พระพุทธอังคีรส วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และใต้ฐานบัลลังก์พระพุทธชินสีห์ พระประธานพระอุโบสถ วัดบวรนิเวศวิหาร ตามเส้นทาง ดังนี้ 1.ถนนหน้าพระลาน […]

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ ร่วมบําเพ็ญพระราชกุศลพระบรมอัฐิ ร.๙

วันนี้ 28 ตุลาคม 2560 เวลาประมาณ 17.30 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร  พร้อมด้วย พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ เสด็จฯ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เพื่อร่วมพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมอัฐิของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ ๙ โดยมี สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี และพระบรมวงศานุวงศ์ เฝ้ารับเสด็จ   เรื่องและภาพ : แพรวดอทคอม

รัฐฯประกาศ ออกทุกข์ 30 ตุลา คืนที่ 29 เตรียมเก็บป้ายส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย

เป็นเวลา 1 ปีกว่าแล้วที่ปวงชนชาวไทยแต่งตัวไว้ทุกข์เพื่อแสดงความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร กษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่งของชาวไทยทุกคน และเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2560 เวลา 22.30 น. ได้มีการถวายพระเพลิงพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ ๙ ในวันที่ 27 ตุลาคม 2560 ที่ผ่านมาก็มีพิธีเก็บพระบรมอัฐิและอัญเชิญพระบรมราชสรีรางคารประดิษฐานที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร และ วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะฉะนั้นใกล้เวลาตามที่รัฐบาลกำหนดไว้แล้วว่าการไว้ทุกข์จะสิ้นสุดลงในเดือนนี้ โดยรัฐบาลประกาศให้ไว้ทุกข์จนถึงเที่ยงคืนวันที่ 29 ตุลาคม และออกทุกข์ในเช้าวันที่ 30 ตุลาคม หลังจากการออกทุกข์ก็ควรเลิกแต่งสีดำ แต่แนะนำให้ใส่เสื้อโทนสีสุภาพไปก่อน เพื่อความเหมาะสมกับกาลเทศะ สำหรับสถานที่ราชการ ภาคเอกชน บ้านเรือนต่างๆ ให้เริ่มเก็บผ้าระบาย ป้ายส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย ผ้าขาวดำที่เป็นเครื่องหมายไว้ทุกข์ ยกเว้นภาพพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ก็ให้เป็นไปตามความสมัครใจ ซึ่งก็ถือเป็นการถวายพระเกียรติพระองค์ท่าน คณะรัฐมนตรีมีมติขยายเวลาการไว้ทุกข์และการลดธงครึ่งเสา ในช่วงงานพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ 1. ขยายเวลาการไว้ทุกข์ของข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และเจ้าหน้าที่ของรัฐ จากเดิมขยายจากวันศุกร์ที่ 13 ต.ค. 2560 ไปจนถึงวันที่ 27 ต.ค. 2560 […]

เสี้ยววินาทีสุดตื้นตัน “เจ้าชายเฟรเดอริก” ทรงแนบพระปราง “สมเด็จพระเทพฯ”

เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2560 ที่ผ่านมา มีพระราชอาคันตุกะ และบุคคลสำคัญจากหลายประเทศ เดินทางมาร่วมในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ณ พระที่นั่งทรงธรรม ในการนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร พร้อมด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และพระบรมวงศานุวงศ์ของไทย ได้มีพระราชปฏิสันถารกับราชวงศ์จากต่างประเทศ ประมุข และผู้นำจากทั่วโลกที่ได้มาร่วมในพระราชพิธีในครั้งนี้ โดยมีภาพความประทับใจแม้เพียงเสี้ยววินาทีที่ปรากฏผ่านถ่ายทอดสด ในช่วงระหว่างที่ เจ้าชายเฟรเดอริก มกุฎราชกุมาร แห่งราชอาณาจักรเดนมาร์ก ทรงทักทายสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ด้วยการแนบพระปรางทั้ง 2 ข้าง พร้อมทั้งจับพระหัตถ์ไปด้วย ซึ่งถือเป็นการปฏิสันถารแบบใกล้ชิดอย่างเป็นกันเอง ตามมารยาทการทักทายของชาวเดนมาร์ก ทั้งนี้ เจ้าชายเฟรเดอริก มกุฎราชกุมารแห่งเดนมาร์ก ทรงเป็นรัชทายาทแห่งราชบัลลังก์เดนมาร์ก เป็นพระราชโอรสพระองค์แรกในสมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธที่ 2 แห่งเดนมาร์ก กับเจ้าชายเฮนริกแห่งเดนมาร์ก พระราชสวามี

ควรอ่านก่อนไป!! กำหนดการเข้าชมพระเมรุมาศ 2 – 30 พ.ย.นี้ เปิดรอบละ 5,500 คน

หลังเสร็จสิ้นงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทางรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีกำหนดการเปิดให้ประชาชนเข้าชมนิทรรศการพระเมรุมาศ โดยมี สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณจะเสด็จเป็นองค์ประธานเปิดนิทรรศการในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2560 นี้ หลังจากนั้นจะเปิดให้เข้าชม ตั้งแต่วันที่ 2 – 30 พฤศจิกายน 2560 เท่านั้น โดยมีรายละเอียด ดังนี้ เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 07.00 น. ถึง 22.00 น. เบื้องต้นจะเปิดให้เข้าชมอย่างอิสระ รอบละ 5,500 คน รองรับประชาชน ได้วันละ 104,000 คน แบ่งเป็นกลุ่มภิกษุ สามเณร 500 รูปต่อวัน, ผู้พิการทุกประเภท 500 คนต่อวัน, นักท่องเที่ยว 8,000 คนต่อวัน, นักเรียน นักศึกษา 15,000 คนต่อวัน, ประชาชนทั่วไป 80,000 คน ต่อวัน กำหนดเวลาเข้าชมรอบละ 1 […]

หรือนี่คือเหตุผลที่พระบรมราชสรีรางคาร ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ต้องแบ่งบรรจุ ๒ วัด

จากข่าวรายละเอียดพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่มีการระบุว่า เวลา ๑๐.๓๐ น. ของวันที่ ๒๙ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๐ จะมีพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลและเชิญพระบรมอัฐิขึ้นประดิษฐาน ณ พระวิมาน พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท สถานที่ประดิษฐานพระบรมอัฐิพระเจ้าแผ่นดินทุกรัชกาล โดยริ้วกระบวนที่ ๕ ส่วนเวลา ๑๗.๓๐ น. เป็นพระราชพิธีเชิญพระบรมราชสรีรางคาร(เถ้ากระดูก)ไปบรรจุ ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร โดยริ้วกระบวนที่ ๖ ซึ่งพันโทหญิงพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงม้านำในริ้วขบวนนี้ ทำให้มีบางคนสงสัยว่า เหตุใดพระบรมราชสรีรางคาร ในหลวงรัชกาลที่ ๙ จึงต้องแบ่งไปบรรจุถึง ๒ วัด เพราะตามราชประเพณีโบราณ การถวายพระเพลิงพระบรมศพและการบรรจุพระบรมอัฐิ พระบรมราชสรีรางคารนั้น มีธรรมเนียมว่าหลังจากเสร็จสิ้นพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพแล้ว ในวันรุ่งขึ้น สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จะเสด็จมาทรงเก็บพระบรมอัฐิลงพระโกศด้วยพระองค์เอง โดยจะทรงเก็บพระบรมอัฐิอย่างละชิ้นจนครบพระสรีระ จากนั้นอัญเชิญใส่พระโกศเพื่อไปประดิษฐานที่ “หอเก็บพระบรมอัฐิ” ซึ่งอยู่ในพระบรมมหาราชวัง ส่วนพระบรมอัฐิที่เหลือ จะมีทั้งที่ให้พระราชโอรส พระราชธิดา และพระประยูรญาติใกล้ชิดทรงเก็บไปบูชา และให้เจ้าหน้าที่ทำการแปรสภาพเป็นพระบรมราชสรีรางคาร […]

keyboard_arrow_up