- Page 107 of 163

ทรงเปี่ยมล้นด้วยพระเมตตา รัชกาลที่ 10 รับสั่งดูแลประชาชนให้ดี

รัชกาลที่ 10 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รับสั่งเจ้าหน้านี้ดูแลประชาชนให้ดีพร้อมพระราชทานเบาะรองนั่งให้พสกนิกรที่รอบทุ่งพระเมรุ เป็นที่ทราบว่าในตอนนี้มีประชาชนจากทุกภาคของประเทศไทยพร้อมใจเดินทางมาร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร แม้ต้องรอข้ามวันข้ามคืนก็ตาม ซึ่งเรื่องนี้ทำให้รัชกาลที่ 10 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงห่วงใยประชาชนที่มาร่วมงานพระราชพิธีฯ จึงมีกระแสรับสั่งในเรื่องต่างๆผ่านพลอากาศโท ภักดี แสงชูโต ผู้ช่วยราชเลขาธิการในพระองค์ เปิดเผยว่า “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงห่วงใยพี่ประชาชนที่จะมาร่วมพระราชพิธีฯ โดยทรงเห็นว่าอากาศร้อนแดดแรงพื้นปูน พื้นซีเมนต์ที่ประชาชนนั่งยิ่งร้อน จึงทรงมีพระราชกระแสรับสั่งให้จัดหาเบาะรองนั่ง มาปูบนพื้นตลอดแนว เพิ่อบรรเทาความรัอน และทรงฝากขอบใจ ในความจงรักภักดี ที่ประชาชนมี โดยหลั่งไหล ที่จะมาเข้าร่วมพระราชพิธีฯ จึงฝากเจ้าหน้าที่ดูแลประชาชนให้ดี อย่าดุ หรือเข้มงวด กับประชาขนมากเกินไป ขอให้พระองค์ ทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน พระพุทธเจ้าข้า” ขณะที่พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยเพิ่มเติมโดยกล่าวว่า“สำหรับงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร มีประชาชนเดินทางมาร่วมพระราชพิธีทั้งในกรุงเทพฯ และตามพระเมรุมาศจำลองในต่างจังหวัด โดยเฉพาะในพระราชพิธีฯ ที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง และโดยรอบพระบรมมหาราชวัง ซึ่งคาดว่าจะมีประชาชนเดินทางมาร่วมไม่ต่ำกว่า 250,000 กว่าคน ขอให้รัฐบาลแจ้งเจ้าหน้าที่ราชการทุกภาคส่วน ดูแลอำนวยความสะดวกประชาชนให้ดีและมากที่สุด โดยเฉพาะการเดินทางเข้ามาของประชาชนในพื้นที่จังหวัดที่ประสบอุทกภัย […]

กษัตริย์จิกมีแห่งภูฏาน เสด็จฯ ถึงไทยแล้ว เพื่อทรงร่วมงานพระราชพิธีฯ

วันนี้ (25 ตุลาคม 2560) เมื่อเวลา 11.00 น. กษัตริย์จิกมีแห่งภูฏานเสด็จฯ พร้อมด้วย สมเด็จพระราชาธิบดี จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก และสมเด็จพระราชินีเจตซุน เพมา วังชุก แห่งราชอาณาจักรภูฏาน เสด็จถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อทรงร่วมงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ณ พระเมรุมาศ มณฑลพิธีท้องสนามหลวงในวันที่ 26 ตุลาคม 2560 นี้  1 โดยมีพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ผู้แทนพระองค์ และ พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ผู้แทนรัฐบาล คอยให้การต้อนรับ  1 1 1   ข้อมูล : ชมรมคนรักพระมหากษัตริย์ของชาติไทย ภาพ :  ชมรมคนรักพระมหากษัตริย์ของชาติไทย   1

๕ บทเพลงพระราชนิพนธ์ใน “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร”

“บทเพลงพระราชนิพนธ์” อีกหนึ่งในพระปรีชาสามารถของ “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร” ทั้งนี้แพรวดอทคอมได้คัด ๕ บทเพลงพระราชนิพนธ์อันไพเราะ ที่หลายๆ คนรู้จักมาให้ฟังกันอีกครั้ง “ลมหนาว” เพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ ๑๙ ทรงพระราชนิพนธ์ใน พ.ศ.๒๔๙๗ “สายฝน” เพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ ๓ ทรงพระราชนิพนธ์ใน พ.ศ.๒๔๘๙ “ชะตาชีวิต” เพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ ๕ ทรงพระราชนิพนธ์หลังจากเสด็จขึ้นครองราชย์ และเสด็จพระราชดำเนินทรงกลับไปทรงศึกษาต่อที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ “ความฝันอันสูงสุด” เพลงพระราชนิพนะ์ลำดับที่ ๔๓ ทรงพระราชนิพนธ์ใน พ.ศ. ๒๕๑๔ “ยามเย็น” เพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ 2 ทรงพระราชนิพนธ์ ใน พ.ศ. 2489 นอกจากบทเพลงพระราชนิพนธ์ทั้ง 5 นี้แล้ว ตามพระราชประวัติที่ทราบกันดีพระองค์ทรงประพันธ์ดนตรีตั้งแต่ยังทรงเป็นสมเด็จพระอนุชาธิราช ผลงานเพลงพระราชนิพนธ์ที่พระองค์ทรงประพันธ์นั้นรวมแล้วมีจำนวนถึง 48 เพลง  ซึ่งเพลงที่ทรงพระราชนิพนธ์ทำนอง และคำร้องภาษาอังกฤษด้วยพระองค์เอง มีถึง 5 เพลง คือ “Echo”, “Still on mind mind”, “Old-Fashioned Melody”, […]

ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงงานหนักเช้า-ดึกเพื่อพสกนิกร

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จพระราชดำเนินเยือนเนปาล โดยเครื่องบินพระที่นั่ง ไปเช้า-กลับดึก เพื่อนำซ้อมริ้วขบวนเครื่องประกอบพระบรมราชอิสริยยศในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เคยมีพระราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาลัยศิลปากร ประจำปี 2532 ว่า “งานที่ทำทุกอย่างมีความสำคัญและจำเป็นต้องกระทำให้เสร็จสมบูรณ์อย่างดีที่สุด”ซึ่งชาวไทยทุกคนเองก็ได้ประจักษ์แก่สายตา ผ่านข่าวสารในพระราชสำนักว่าพระองค์ทรงงานหนักแค่ไหนเพื่อพัฒนาและหาทางแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ให้แก่ราษฎรในทุกพื้นที่ของประเทศไทย และยิ่งรู้สึกน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้ เมื่อสำนักข่าวในพระราชสำนักได้รายงานว่าสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงพระราชกรณียกิจหนักเช้า-ดึก ในการเสด็จพระราชดำเนินเยือนสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล ทั้งยังทรงเสด็จพระราชดำเนินกลับเมืองไทยในช่วงดึก เพื่อให้ทันกำหนดการนำซ้อมริ้วขบวนเครื่องประกอบพระบรมราชอิสริยยศในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร  ทั้งนี้การเสด็จพระราชดำเนินเยือนสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาลนั้นสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงเป็นประธานพิธีผูกพัทธสีมา ปิดทองฝังลูกนิมิต ณ วัดไทยลุมพินี เพื่อเป็นนการบำรุงพระพุทธศาสนาและเป็นการเผยแพร่พระพุทธศาสนาศิลปะและวัฒนะธรรมไทยตามข้อตกลงไทย-เนปาลเพื่อให้เป็นศูนย์กลางของศาสนาสืบไป นอกจากนี้ยังเสด็จพระราชดำเนินไปยังอาคารพลังศรัทธาไทยและให้กำลังใจผู้ปฎิบัติงานโครงการผ่าตัดตาต้อกระจกให้ชาวเนปาลผู้ยากไร้ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่๙ ด้วย อย่างไรก็ตามก่อนที่จะตามก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้อนปีที่ผ่านมาพสกนิกรได้ซาบซึ้งในน้ำพระทัยและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเมื่อพระองค์ทรงงานหนักแม้กระทั่งในระหว่างที่ทรงเข้ารับถวายการรักษาพระอาการประชวรพระหัตถ์มีการติดเข็มต่อสายน้ำเกลือก็ยังทรงพระราชกรณียกิจสร้างความปลื้มปีติใจแก่พสกนิกรเป็นล้นพ้น ที่ทรงงานหนักตลอดเวลา

เรื่องต้องรู้!! เหตุที่ไม่ควรไหว้ใครในพระราชพิธีฯ ที่พระเจ้าแผ่นดินประทับเป็นองค์ประธาน

เผอิญ แพรวดอทคอม ไปเจอบทความหนึ่งของ หม่อมหลวงสิทธิไชย ไชยันต์ ที่ได้โพสต์ข้อความไว้ในเฟสบุ๊คถึงเรื่องที่ควรระวังในงานพระราชพิธีฯ และในวันที่ 26 ตุลาคม 2560 นี้ จะมีงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร แพรวดอทคอม จึงขออนุญาตนำบทความนี้มาแชร์ เพื่อให้คนที่อาจจะยังไม่ทราบได้ทำตามประเพณีถูกต้องค่ะ โดยข้อความดังกล่าว มีดังนี้ “เกร็ดความรู้…ไม่ควรไหว้ใครในพระราชพิธีฯ ที่พระเจ้าแผ่นดินประทับเป็นองค์ประธาน ถ้าคุณเข้าไปในงานพระราชพิธีฯ เห็นผู้ใหญ่ที่รู้จัก คุณยกมือไหว้ท่าน แล้วท่านไม่รับไหว้ อย่าโกรธ ท่านทำถูกแล้ว นี่คือประเพณีที่คนจำนวนมากไม่รู้และไม่ปฏิบัติ ทำให้เกิดความลักลั่นกันอยู่พอสมควร ประเพณีไทย ถือว่าคนเราไหว้กันได้ เป็นการทักทายกัน ผู้น้อยไหว้ก่อนเป็นการให้เกียรติผู้ใหญ่ และเป็นการยอมรับว่าผู้ไหว้ก่อนมีสถานภาพต่ำกว่า หรืออายุน้อยกว่าผู้รับไหว้ จะเห็นได้ว่าประเพณีไทย ผู้น้อยเป็นฝ่ายต้องตัดสินใจเองว่าใครเป็นผู้ใหญ่กว่าตน ถ้าลูกน้องเจอนายก็ไม่มีปัญหา หลานเจอปู่ก็ไม่มีปัญหาว่าใครจะไหว้ใครก่อน แต่ในหลายกรณีมีปัญหา ประธานบริษัทเจออธิบดี ใครควรไหว้ใครก่อน ลูกน้องท่านประธานอาจคิดว่าอธิบดีควรไหว้ก่อน ลูกน้องอธิบดีก็อาจคิดว่าประธานบริษัทควรไหว้ก่อน อย่างที่บอกแล้ว คือการไหว้ของไทยเรา ไม่ใช่เป็นเพียงการทักทาย แต่เป็นการแสดงสถานภาพทางสังคมไปด้วย และให้เกียรติคนไปด้วย เป็นหลายๆอย่างปนกัน ต่างคนต่างคิดว่าตัวเองใหญ่ ใครยอมยกมือไหว้ก่อนก็เหมือนยอมรับว่าด้อยกว่า บางคนยอมไม่ได้ ผู้ใหญ่บางท่านตัดปัญหา เจอคนรู้จัก ท่านยกมือไหว้ก่อนเลย ไม่ถือสา แต่ความลักลั่นก็เกิดขึ้นได้ในหลายกรณี […]

ไปรษณีย์ไทย เริ่มจำหน่าย แสตมป์พระราชพิธีถวายพระเพลิงฯ เริ่ม 25 ต.ค. นี้

ไปรษณีย์ไทย เริ่มจำหน่ายแสตมป์พระราชพิธีถวายพระเพลิงฯ 25 ต.ค.นี้ ทั่วประเทศ

“เจ้าฟ้าชายแอนดรูว์” ดยุคแห่งยอร์ค สหราชอาณาจักร เสด็จถึงไทยแล้ว เพื่อร่วมงานพระราชพิธีฯ

วันนี้ (24 ตุลาคม 2560) เจ้าฟ้าชายแอนดรูว์ ดยุคแห่งยอร์ค สหราชอาณาจักร เสด็จถึงกรุงเทพมหานครแล้ว ในโอกาสเสด็จแทนพระองค์ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร เพื่อทรงร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ณ พระเมรุมาศ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง   เมื่อเจ้าฟ้าชายแอนดรูว์ทรงเสด็จมาเพื่อร่วมพระราชพิธีฯ สำคัญเช่นนี้ แพรวดอทคอมเลยขอเผยถึงพระประวัติของพระองค์อย่างคร่าวๆ ให้ทุกคนได้ทราบกัน ฮิสรอยัลไฮเนส เจ้าชายแอนดรูว์ ดยุกแห่งยอร์ก (แอนดรูว์ อัลเบิร์ต คริสเตียน เอ็ดเวิร์ด เมานต์แบ็ตเต็น – วินด์เซอร์ ประสูติ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2503) ปัจจุบันพระองค์มีพระชนมายุ 57 พรรษา ทรงเป็นสมาชิกพระองค์หนึ่งในพระราชวงศ์อังกฤษ เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่สองในสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และเจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระแห่งสหราชอาณาจักร พระองค์ทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นดยุกแห่งยอร์กมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2529 และทรงอยู่ในอันดับที่หกของลำดับการสืบราชบัลลังก์อังกฤษ   ดยุกแห่งยอร์กทรงเสกสมรสและต่อมาทรงหย่าร้างกับซาราห์ มาร์กาเร็ต เฟอร์กูสัน พระองค์ยังได้ทรงปฏิบัติราชการในราชนาวีอังกฤษ โดยทรงเข้าร่วมทำการรบในสงครามฟอล์กแลนด์บนเรือหลวง HMS Invincible ในปัจจุบันพระองค์ทรงมีหน้าที่เป็นตัวแทนพิเศษในด้านการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศของสหราชอาณาจักร เจ้าชายแอนดรูว์และซาราห์ เฟอร์กูสันมีพระธิดาด้วยกัน 2 พระองค์ เจ้าหญิงเบียทริซแห่งยอร์ก (HRH Princess Beatrice of […]

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เจ้าฟ้าหญิงผู้ทรงทุ่มเทพระวรกายและพระทัย

ในช่วงวันที่ผ่านมา ภาพของราชวงศ์หญิงพระนาม สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่มีพระพักตร์เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ อยู่ท่ามกลางอากาศร้อน แดดเผา และทรงร่วมเดินซ้อมใหญ่ริ้วขบวนพระบรมอิสริยยศเสมือนจริงอย่างแข็งแกร่ง น่าจะเป็นภาพที่ชาวไทยหลายคนมองแล้วเลื่อมใสและชื่นชมต่อพระองค์อยู่ไม่น้อย

ย้อนชมภาพน่ารักของ “เจ้าชายจอร์จ” กับ “เจ้าหญิงชาร์ล็อตต์” จากฝีพระหัตถ์ “เจ้าหญิงเคท”

อย่างที่ทราบกันดีว่าตอนนี้เจ้าหญิงเคททรงพระครรภ์เป็นครั้งที่ 3  จากที่ผ่านมาพระองค์ทรงเป็นพระมารดาที่ใส่ใจกับการดูแลพระโอรสและพระธิดาด้วยความอ่อนโยน ซึ่งส่งผ่านภาพที่เราได้เห็นกันอยู่บ่อยๆ จากสื่อต่างชาติ เมื่อพระองค์เสด็จพร้อมกับเจ้าชายจอร์จและเจ้าหญิงชาร์ล็อตต์ ก็มักจะมีโมเมนต์น่ารักๆ และอบอุ่นอยู่เสมอ ซึ่งในปีหน้าก็คาดว่าพระองค์จะทรงคลอดทายาทองค์ที่ 3 เป็นที่แน่นอนแล้ว วันนี้เลยอยากจะย้อนกลับไปในช่วงที่เจ้าชายจอร์จและเจ้าหญิงชาร์ล็อตต์ยังทรงพระเยาว์มาให้ชมกันอีกครั้ง เพราะขณะนี้เจ้าชายจอร์จ วัย 4 ชันษา และเจ้าหญิงชาร์ล็อตต์ วัย 2 ชันษาแล้ว และถ้าใครยังจำได้จะเห็นว่าตอนที่เจ้าชายและเจ้าหญิงองค์น้อยยังทรงพระเยาว์ เจ้าหญิงเคททรงถ่ายภาพของทั้งสองพระองค์เก็บไว้ด้วยฝีพระหัตถ์ของพระองค์เองด้วย เมื่อ 2 ปีก่อน ภาพที่สำนักพระราชวังเคนซิงตัน (Kensington) ของอังกฤษเปิดเผยออกมาอย่างเป็นทางการชุดแรกระหว่าง เจ้าชายจอร์จ กับ เจ้าหญิงชาร์ล็อตต์ พระโอรสและพระธิดาของดยุคและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์นั้น ต้องยกให้เป็นภาพประทับใจสุดน่ารักจริงๆ หลังจากภาพสุดแสนน่ารักที่เจ้าชายจอร์จ พระชันษา 22 เดือน ในฉลองพระองค์สีขาว-ฟ้า ประทับนั่งบนโซฟาและทรงอุ้มพระขนิษฐาองค์น้อยพระชันษาราว 2 สัปดาห์ไว้ ก็มีภาพจากฝีพระหัตถ์ของเจ้าหญิงเคทออกมาอีกเรื่อยๆ เมื่อเจ้าหญิงชาล็อตต์วัย 1 ชันษา และ 2 ชันษา  1 วันนี้เรามาย้อนชมภาพความน่ารักเหล่านั้นจากฝีพระหัตถ์ของเจ้าหญิงเคทกันเลย 1 1   1 1 1 […]

เปิดภาพเบื้องหลังระหว่าง “พระองค์หญิงสิริวัณณวรีฯ” และ “W-Lacata” ม้าคู่พระทัย

ในช่วงซ้อมริ้วขบวนหลายครั้งที่ผ่านมา ประชาชนที่เฝ้ารอชมทุกคนคงจะได้เห็นภาพความประทับใจของ พันโทหญิงพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์  ในฉลองพระองค์สีขาว สนับเพลาสีดำ พระมาลาสีดำกำมะหยี่ ประดับพู่สีฟ้า ขณะทรงม้าซ้อมนำริ้วขบวนอย่างสง่างาม พร้อมม้า “เว-ลาคาตา W-Lacata” ม้าคู่พระทัยของพระองค์หญิงสิริวัณณวรีฯ หน่วยม้าในพระองค์ พลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม2.รอ) ซึ่งหลังจากเสร็จสิ้นซ้อมใหญ่ริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศเสมือนจริงครั้งสุดท้ายไปเมื่อวันที่ 22 ต.ค.60 ที่ผ่านมา กลับมีภาพเบื้องหลังสุดแสนซาบซึ้งจากเพจ H.R.H Princess Sirivannavari Nariratana ออกมาให้ชม โดยจะเห็นได้ว่า พันโทหญิงพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงเอ็นดูและห่วงใยต่อม้าประจำพระองค์ฯ “เว-ลาคาตา W-Lacata” สายพันธุ์โฮล์สไตเนอร์ วอร์มบลัด สีแซมขาว เพศเมีย อายุ 11 ปี ความสูง 170 ซ.ม. จากสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ที่อดทนจนการซ้อมเสร็จสิ้นท่ามกลางแดดแรงและสายฝนโปรยปราย ถือเป็นภาพที่เห็นแล้วประทับใจอย่างหาที่สุดมิได้ ขอบคุณภาพจากเพจ FB : H.R.H Princess Sirivannavari Nariratana เรื่อง : PP_แพรวดอทคอม

จากแอร์โฮสเตสสู่ “สมเด็จพระราชินีซิลเวียแห่งสวีเดน” ผู้สง่างาม

จากแอร์โฮสเตสสู่ “สมเด็จพระราชินีซิลเวียแห่งสวีเดน” ผู้สง่างาม สมเด็จพระราชินีซิลเวียแห่งสวีเดน (อังกฤษ : Her Majesty Queen Silvia of the Sweden) พระราชสมภพ เมื่อวันที่  23 ธันวาคม พ.ศ. 2486 ปัจจุบันพระชนมายุ 73 พรรษา เป็นสมเด็จพระราชินีแห่งราชอาณาจักรสวีเดน พระองค์ปัจจุบัน และยังเป็นพระราชชนนีในเจ้าหญิงวิกตอเรีย มกุฎราชกุมารีแห่งสวีเดนรัชทายาทแห่งราชบัลลังก์ พระองค์ทรงดำรงพระอิสริยยศเป็น สมเด็จพระราชินี และประชาชนชาวสวีเดนเรียกพระองค์ว่า พระราชินีซิลเวีย จากแอร์โฮสเตสสู่ “สมเด็จพระราชินีซิลเวียแห่งสวีเดน” ผู้สง่างาม พระองค์เสด็จพระราชสมภพเป็นสามัญชนโดยมีพระนามเดิมว่า ซิลเวีย เรนาเทอ ซอมแมร์ลัธ ทรงเป็นธิดาคนเดียวของวอลเธอร์ ซอมแมร์ลัธและอลิซ ซอมแมร์ลัธ (สกุลเดิม ซัวเรซ ดือ โตเลดู) บิดาเป็นชาวเยอรมัน มารดาเป็นชาวบราซิล ครอบครัวของพระองค์พำนักในประเทศบราซิล ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1947 ถึง ค.ศ. 1957 ก่อนที่พระองค์จะสมรส ทรงพำนักในประเทศอาร์เจนตินา ทรงทำงานเป็นกงสุลในมิวนิค ซึ่งเป็นเวลาสั้นๆ ก่อนจะทำงานเป็นแอร์โฮสเตส ในปี พ.ศ. 2515 ระหว่างการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก พระราชินีซิลเวียพบกับเจ้าชายคาร์ลกุสตาฟ มกุฎราชกุมารแห่งสวีเดน ซึ่งพระองค์ได้พระราชทานสัมภาษณ์ในภายหลังว่าทรงชอบคอกันอย่างไรเมื่อทั้งสองพระองค์ทรงพบกันครั้งแรก เมื่อสมเด็จพระราชาธิบดีกุสตาฟที่ 6 เสด็จสวรรคตในวันที่ 14 กันยายนพ.ศ. 2516 และเจ้าชายคาร์ลเสด็จขึ้นครองราชย์ในวันที่ 19 กันยายน ปีเดียวกัน ซึ่งในปี พ.ศ. […]

ชาวปากคลองตลาดเนรมิตร “ดอกไม้เพื่อพ่อ” วิจิตรตระการตา งดงามเกินบรรยาย

ในช่วงเดือนตุลาคมถือเป็นเดือนแห่งการตระเตรียมการต่างๆ เพื่องานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ ๙ นอกจากเจ้าหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบในส่วนของพระเมรุมาศ ทหารที่ต้องซ้อมขบวนพระบรมราชอิสริยยศแล้ว ชาวไทยอีกจำนวนมากก็ร่วมด้วยช่วยกันทำดอกไม้จันทน์และเต็มใจมีส่วนร่วมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ ๙ นับได้ว่าเวลานี้ต่างคนต่างช่วยเหลือซึ่งกันและกันโดยศูนย์รวมจิตใจอยู่ที่พ่อหลวงรัชกาลที่ ๙ ราชาอันเป็นที่รักของปวงชนชาวไทย ทั้งนี้ทางปากคลองตลาด ตลาดดอกไม้ที่ใหญ่ติดอันดับของไทยก็ขอร่วมลงมือลงแรงจัดทำดอกไม้เพื่อพ่อ พื้นที่บริเวณปากคลองตลาดถูกเนรมิตให้กลายเป็นเมืองดอกไม้ ตระการตา ซึ่งตอนนี้เสร็จสมบูรณ์สวยงามและเปิดให้เข้าชมแล้ว หลังจากเปิดให้เข้าชม ประชาชนก็หลั่งไหลไปเก็บภาพความประทับใจกันอย่างเนืองแน่น 1 1 11 1 สำหรับใครที่ยังไม่ได้ชมความงามของกองทัพดอกไม้ก็สามารถไปชมได้ที่ปากคลองตลาด โดยงานดอกไม้เพื่อพ่อ จะจัดจนถึงวันที่ 27 ต.ค. 2560 นี้     เรื่อง : Hana_แพรวดอทคอม (ฮานะ) ภาพ : แพรวดอทคอม  

เหตุผลที่ห้ามชมพระเมรุมาศว่า สวยงาม งดงาม แต่ให้ใช้คำว่า “สมพระเกียรติ” แทน

ตามที่ได้มีประเด็นเกี่ยวกับเรื่องคำชม พระเมรุมาศ ในกระแสโซเชียลก่อนหน้านี้ จากผู้ใช้เฟสบุ๊คชื่อ ณคเรศ ธีระคำศรี ที่ระบุข้อความหลังจากโพสต์ภาพพระเมรุมาศที่เสร็จสมบูรณ์แล้วว่า “ไม่ให้ใช้คำว่างดงาม สวยงาม ให้ใช้คำว่าสมพระเกียรติแทน” หลายคนอาจจะสงสัยหรือไม่เข้าใจว่าทำไมจึงไม่ควรพูดคำนั้น ทั้งๆ ที่ไม่เห็นจะผิดอะไร แพรวดอทคอม มีคำตอบถึงเหตุผลที่ควรใช้คำชมพระเมรุมาศว่า “สมพระเกียรติ” แทน ก็เพราะว่าคงไม่มีใครที่อยากจะให้มีการใช้พระเมรุมาศเกิดขึ้น เพราะการออกแบบและก่อสร้างพระเมรุมาศในแต่ละครั้ง หมายถึง การสูญเสียพระมหากษัตริย์หรือเจ้านายแต่ละองค์ไป ดังนั้น เพื่อความเหมาะสมจึงไม่ควรใช้คำชมว่าสวยงามหรืองดงามนั่นเอง ภาพ Cover : แพรวดอทคอม

ประติมากรรมสัตว์หิมพานต์ 4 ประเภท ประดับพระเมรุมาศ รอบสระอโนดาตทั้ง 4 ทิศ

ตามที่ได้มีข่าวไปก่อนหน้านี้ หลังจากเสร็จสิ้นพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัฐบาลจะเปิดให้ประชาชนเข้าชมพระเมรุมาศ อาคารประกอบ และนิทรรศการ เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ระหว่างวันที่ 2-30 พ.ย.60 นี้ และก่อนที่ทุกคนจะได้มีโอกาสเข้าชมด้วยตัวเองนั้น แพรวดอทคอม จะพาไปรู้จักประติมากรรมรอบ พระเมรุมาศ อย่างสัตว์มงคลประจำ 4 ทิศ ซึ่งตั้งอยู่บนลานอุตราวรรต บนแท่นรูปหัวสัตว์มงคลที่กำลังพ่นน้ำลงสู่สระอโนดาตเบื้องล่าง ข้างบันไดนาค 1 เศียร ทั้ง 4 ทิศ ที่ขึ้นสู่ฐานชาลาชั้นที่ 1 ของพระเมรุมาศ ทิศละ 1 คู่ เปรียบดั่งทางขึ้นเขาพระสุเมรุที่ล้อมรอบด้วยป่าหิมพานต์ และมีสัตว์หิมพานต์มากมาย ซึ่งอาศัยอยู่รอบสระอโนดาตทั้ง 4 ทิศ แต่ละทิศก็จะมีสัตว์หิมพานต์แต่ละประเภทอาศัยอยู่ ดังนี้ ทิศเหนือ: ช้าง อาศัยอยู่ปากแม่น้ำหัตถีมุข อันเป็นถิ่นที่ช้างอาศัยอยู่จำนวนมาก ทิศใต้ : โค อาศัยอยู่ปากแม่น้ำอุสภมุข อันเป็นถิ่นที่โคอาศัยอยู่จำนวนมาก ทิศตะวันออก : ราชสีห์ อาศัยอยู่ปากแม่น้ำสีหมุข อันเป็นถิ่นที่ราชสีห์อาศัยอยู่จำนวนมาก ทิศตะวันตก : […]

เปิดภาพมุมสูงยามค่ำคืนตุลาคม ๒๕๖๐ บันทึกไว้เป็นอีกภาพประวัติศาสตร์

เมื่อวานก่อน (20 ตุลาคม 2560) ได้มีผู้ใช้เฟสบุ๊คชื่อ Piyadit Chai Aung Atsavasirisuk ได้แชร์ภาพมุมสูงบริเวณโดยรอบท้องสนามหลวง กรุงเทพมหานคร โดยมีข้อความระบุประกอบรูปไว้ว่า “กรุงเทพ ดุจ เทพสร้าง ใครจะแชร์ หรือใช้ เชิญเลยนะครับ รูปประวัติศาสตร์แบบนี้ ของคนไทยทุกคนครับ” แพรวดอทคอม จึงขออนุญาตส่งต่อภาพประวัติศาสตร์นี้ให้ประชาชนคนไทยด้วยกัน รับรู้ และเก็บไว้เป็นความทรงจำนะคะ

พระองค์หญิงสิริวัณณวรี ทรงม้าประจำพระองค์ซ้อมริ้วขบวนเสมือนจริงครั้งสุดท้าย

พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงม้านำขบวนประจำพระองค์ฯ เว-คาลาตา ซ้อมริ้วขบวนเสมือนจริง ริ้วขบวนที่ 6 อัญเชิญพระบรมราชสรีรางคาร จากวัดพระศรีรัตนศาสดารามไปยังวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และวัดบวรนิเวศวิหาร ภาพ : ปัณณวัชญ์ รุ่งพิบูลโสภิษฐ์ นับเป็นครั้งสุดท้ายแล้วสำหรับการซ้อมริ้วขบวนเสมือนจริง โดยเมื่อวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมาพันโทหญิงพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ องค์ผู้บังคับการกองพันทหารม้าที่ 29  ทรงม้าชื่อ W-CALATA (เว-คาลาตา ) อันเป็นม้าทรงประจำพระองค์ฯเคยเข้าร่วมการแข่งขันในรายการต่างๆ และได้รับรางวัลมากมาย ในการแข่งขันประเภทกระโดดข้ามเครื่องกีดขวาง ในสหภาพยุโรป นำขบวนกองทหารม้ารักษาพระองค์จำนวน ๗๗ ม้า ใช้กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์(พล.ม2.รอ) และกำลังพลของกองบัญชาการตำรวจนครบาลอัญเชิญพระผอบ พระบรมราชสรีรางคาพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร จากพระศรีรัตนเจดีย์ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยรถยนต์พระที่นั่ง ไปยังวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เพื่ออัญเชิญพระผอบ พระบรมราชสรีรางคารไปยังพุทธบัลลังก์พระพุทธอังคีรสบรรจุลงในถ้ำศิลาและอัญเชิญพระบรมราชสรีรางคารไปยังบัลลังก์พระพุทธชินสีห์ และบรรจุลงในถ้ำศิลา ณ วัดบวรนิเวศวิหาร สำหรับริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ริ้วขบวนที่ ๖ ใช้เส้นทางออกประตูวิเศษไชยศรี เลี้ยวขวาไปตามถนนหน้าพระลาน แล้วเลี้ยวขวาไปตามถนนสนามไชย เลี้ยวซ้ายเข้าถนนกัลยาณไมตรี ข้ามสะพานช้างโรงสี เลี้ยวขวาเข้าถนนอัษฎางค์ […]

ซ้อมใหญ่เสมือนจริง อัญเชิญพระบรมโกศ พระบรมอัฐิ ในหลวงรัชกาลที่ ๙

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงร่วมซ้อมใหญ่เสมือนจริงการเคลื่อนขบวนอัญเชิญพระบรมโกศ พระบรมอัฐิ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ภาพจาก facebook : Noppasit Wongwaeoprasert วันนี้ 22 ต.ค. 2560 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์ โดยรถยนต์พระที่นั่งมายังพระเมรุมาศ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ทรงร่วมซ้อมริ้วขบวนเครื่องประกอบพระบรมราชอิสริยยศงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เป็นการส่วนพระองค์ ซึ่งในวันนี้เป็นการซ้อมใหญ่เสมือนจริงในริ้วขบวน 4-5-6 ,พื้นที่จริง,เวลาตามหมายกำหนดการจริง เป็นครั้งสุดท้าย  ก่อนงานราชพิธี ในวันที่ 26 ต.ค. 2560 โดยริ้วขบวนที่ 4 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ร่วมขบวนอัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิและพระผอบพระบรมราชสรีรางคาร ไปยังพระบรมมหาราชวัง ริ้วขบวนที่ 5  เชิญพระบรมอัฐิโดยพระที่นั่งราเชนทรยานจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทขึ้นประดิษฐานที่พระวิมาน บนพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ริ้วขบวนที่ 6 ขบวนทหารม้าอิสริยยศ เป็นการอัญเชิญพระบรมราชสรีรางคาร จากวัดพระศรีรัตนศาสดารามไปยังวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และวัดบวรนิเวศวิหารโดยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงม้านำขบวน ตามด้วยขบวนกองทหารม้า จำนวน 77 ม้า อย่างไรก็ตามในวันนี้ประชาชนจากทั่วสารทิศทั้งในกรุงเทพมหานคร ต่างจังหวัด และต่างประเทศ […]

ตุลามหาโศก ประวัติศาสตร์ไทยต้องจารึก พสกนิกรร่ำไห้ทั้งแผ่นดินหลายคราครั้งนัก

ตุลามหาโศก คือความจริงแท้ที่พสกนิกรไทยจำต้องจารึกไว้ เพราะนี่ไม่ใช่เดือนที่ไทยสูญเสียองค์ราชันผู้เป็นที่รัก ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ไปเพียงพระองค์เดียวเท่านั้น  เพราะหากนับย้อนประวัติศาสตร์ราชวงศ์ไทยที่ผ่านมา เดือนตุลาคมคล้ายเป็นเดือนถูกสาป ด้วยไทยต้องร่ำไห้อาดูรต่อการจากไปของพระมหากษัตริย์และเจ้านายฝ่ายในแห่งราชวงศ์จักรีถึงอีก ๔ พระองค์ และนี่คือรายพระนาม ๓ พระมหากษัตริย์ และ ๒ เจ้านายฝ่ายใน ที่สวรรคตแลสิ้นพระชนม์ในเดือน ตุลามหาโศก เหมือนกัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ย้อนกลับไป ณ เวลา ๑๙.๐๐ น. ของวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๙ หลังเสียงประกาศข่าวการเสด็จสวรรคตของในหลวง รัชกาลที่ ๙ หัวใจไทยทุกดวงที่เคยมีพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เป็นศูนย์รวมจิตใจก็ปริแตก แหลกสลาย รัก อาดูร สูญสิ้น คือความรู้สึกร่วมของคนไทยที่เกิดในแผ่นดินไทยทุกคนนับตั้งแต่ห้วงเวลานั้นเรื่อยยาวมาจนถึงบัดนี้ ๗๐ ปีแห่งการครองราษฎร์ ด้วยพระปณิธานแน่วแน่ที่จะขจัดทุกข์ให้กับประชาชนทุกภาคส่วน เป็นสาเหตุให้พระวรกายและพระทหัยอ่อนล้ากระทั่งทรงประชวรด้วยโรคพระปัปผาสะ(ปอด)อักเสบ จนต้องเสด็จฯเข้าประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราชเป็นหลักในช่วงปลายพระชนม์ชีพ กระทั่งวันที่ ๒๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๙ ทรงมีพระปรอทต่ำ หายพระทัยเร็ว […]

keyboard_arrow_up