6 วิธีชะลอวัยทองก่อนวัยอันควร ป้องกันรังไข่เสื่อม ลดเสี่ยงท้องยาก
“วัยทองก่อนวัยอันควร” เกิดจากหลายสาเหตุทั้งด้าน “พฤติกรรมทำลายสมดุลฮอร์โมน” ที่เกิดจากการทานอาหารไม่มีประโยชน์ ไขมันสูง ติดหวาน เน้นแป้ง ไม่กินผัก โปรตีนไม่เพียงพอ ความเครียดสะสมและการพักผ่อนไม่พอ รวมถึงการไม่ออกกำลังกาย น้ำหนักมากหรือน้อยเกินไป ซึ่งล้วนกระตุ้นให้เกิดการอักเสบในร่างกาย ส่งผลให้ฮอร์โมนผิดเพี้ยน ทำให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนไม่สมดุล หรือพบใน “ผู้ที่เคยมีประวัติผ่าตัดเนื้องอกมดลูก ผู้ป่วยโรคมะเร็งปากมดลูก” และอาจเกี่ยวข้องกับ “กรรมพันธุ์”
ครูก้อย – นัชชา ลอยชูศักดิ์ ครูวิทยาศาสตร์ที่ปรึกษาผู้มีบุตรยาก เจ้าของเพจ BabyandMom.co.th เผยว่า “โดยปกติแล้วผู้หญิงจะเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนเมื่ออายุย่างเข้าช่วงวัย 45-55 ปี แต่กรณีวัยทองก่อนวัยมักพบในผู้หญิงที่มีอายุต่ำกว่า 40 ปี เนื่องจากฟองไข่ในรังไข่สลายเร็วกว่าปกติ ทำให้ประจำเดือนค่อยๆ ขาดหายเข้าสู่ “ภาวะรังไข่เสื่อม” ส่งผลให้มีบุตรยากตามมา ซึ่งรังไข่มีหน้าที่สำคัญในการ “สร้างเซลล์ไข่” และ “การสร้างฮอร์โมนเพศหญิง” ดังนั้น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้หยุดทำลายสมดุลฮอร์โมน และเสริมโภชนาการที่ช่วยเสริมภาวะเจริญพันธุ์และช่วยบำรุงรั่งไข่ จะช่วยชะลอรังไข่เสื่อมและวัยทองก่อนวัยได้”
โดยครูก้อยได้แนะหลัก 6 วิธีดูแลร่างกายให้ฮอร์โมนสมดุล “ป้องกันรังไข่เสื่อม” ก่อนวัย
1. พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียด
การนอนไม่เพียงพอก่อให้เกิดความเครียดสะสม ส่งผลให้ฮอร์โมนความเครียด หรือที่เรียกว่า “คอร์ติซอล” ถูกหลั่งออกมามากเกินไป และไปรบกวนการทำงานของฮอร์โมนเพศ จากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Current Sleep Medicine Report เมื่อปี 2016 ศึกษาพบว่าทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย สมองส่วนที่ควบคุมการหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้หลับ หรือ ตื่น เช่น ฮอร์โมนเมลาโทนิน และ คอติซอล เป็นสมองส่วนที่กระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนเพศด้วย ดังนั้นฮอร์โมนที่ควบคุมการตกไข่ในผู้หญิง และ ฮอร์โมนที่ควบคุมการผลิตสเปิร์มในผู้ชายจึงมีความสัมพันธ์กับคุณภาพของการนอนหลับด้วย
นอกจากนี้แล้วในผู้หญิงการนอนไม่เพียงพอยังส่งผลต่อการสร้างฮอร์โมน Luteinizing Hormone (LH) ที่จะหลั่งออกมาในช่วงที่จะมีการตกไข่ หากฮอร์โมน LH ผิดปกติ ส่งผลต่อการตกไข่และรอบเดือนที่ไม่ปกติ ซึ่งเป็นสาเหตุของการมีบุตรยากนั่นเอง
ส่วนในผู้ชายนั้น มีงานวิจัยของ Boston University School of Public Health เมื่อปี 2016 ศึกษาพบว่าการนอนที่เพียงพอนั้นควรนอนหลับ 7-8 ชม.ต่อวัน ผู้ชายที่นอนน้อยกว่า 6 ชม.หรือ นอนมากกว่า 9 ชม.ต่อวัน ส่งผลต่อโอกาสในการทำให้คู่ของตนเองตั้งครรภ์ลดลง 42% ในแต่ละรอบเดือน
2. ออกกำลังกาย ควบคุมน้ำหนัก
ในผู้ที่มีน้ำหนักมากหรือน้อยเกินไป ส่งผลต่อการผลิตฮอร์โมนเพศหญิง หรือฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ผิดเพี้ยน ทำให้รังไข่ทำงานได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ประจำเดือนไม่มาตามปกติ ไข่ไม่ตก
สำหรับเคสที่อ้วน หรือน้ำหนักเกิน มีข้อมูลทางการแพทย์เปิดเผยว่าคนอ้วนจะมีปัญหาเรื่องการตกไข่และการมีประจำเดือน ทำให้ท้องยากกว่าคนน้ำหนักตัวปกติ ถึง 2 เท่า! ตามหลักของการวัดค่าดรรชนีมวลกายมาตรฐานคนเอเชียแล้วเกณฑ์ปกติจะอยู่ที่ 18.5-22.9 สูตรคำนวนคือ “Body Mass Index หรือ BMI = น้ำหนักตัว (กิโลกรัม)/ส่วนสูง(เมตร)x ส่วนสูง (เมตร)” ถ้าค่า BMI น้อยกว่า 18.5 ก็ถือว่าผอมไป แต่หากค่า BMI มากกว่า 24.9 ถือว่าอ้วน
กรณีที่ผอมไปหรือลีนเกินไป หรือผู้ที่ออกกำลังอย่างหนัก และมีเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกายที่ต่ำเกินไปจะส่งผลให้ท้องยาก เพราะมีกล้ามเนื้อมากกว่าไขมัน ซึ่งผู้หญิงต้องมีไขมันดีเป็นสารตั้งต้นของการสร้างฮอร์โมนเพศ นายแพทย์โรเบิร์ต จาก Corado for Reproductive Medicine เผยว่า ผู้หญิงที่สุขภาพดีและมีโอกาสตั้งครรภ์ได้มากกว่า หากมีค่า body fat ไม่ควรต่ำกว่า 17-19%
3. ทานอาหารบำรุงรังไข่
หัวใจหลักในการทานอาหารเพื่อให้สุขภาพแข็งแรง ฮอร์โมนสมดุล ระบบทุกอย่างในร่างกายจะทำงานได้อย่างเป็นปกติ รวมถึงระบบสืบพันธุ์และการทำงานของรังไข่ โดยให้ยึดหลักการรับประทานอาหาร ดังนี้
- เน้นโปรตีนจากพืชที่ไม่มีฮอร์โมนตกค้างซึ่งพบในเนื้อแดงและเนื้อติดมัน ส่งผลให้ฮอร์โมนในร่างกายผิดเพี้ยน
- ทานคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ได้แก่ ธัญพืชต่างๆ เช่น งาดำ ลูกเดือย แฟล็กซีด เมล็ดฟักทอง ควินัว ข้าวกล้อง ถั่วต่างๆเป็นต้น ลดพวกคาร์บขัดสี เช่น ข้าวขาว เส้นก๋วยเตี๋ยว แป้งจากขนมเบเกอรี่ เพราะเมื่อคาร์บถูกเปลี่ยนเป็นน้ำตาล คาร์บเชิงซ้อนจะใช้กระบวนการย่อยช้าๆ ไม่ส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดเฉียบพลัน ไม่ไปกระตุ้นการหลั่งอินซูลิน ลดการอักเสบ
- เน้นทานผักผลไม้หลากสีและหลากหลายเพื่อให้ได้วิตามินและแร่ธาตุครบถ้วน ลดผลไม้รสหวานจัด ในผักผลไม้ยังมีพฤกษเคมีที่แตกต่างกันออกไป ให้ประโยชน์ที่ต่างกัน เช่น ผักผลไม้สีส้ม แดง มีเบต้าแคโรทีน และไลโคปีนซึ่งให้สารต้านอนุมูลอิสระสูง ผักใบเขียวมีคลอโรฟิลล์สูง โดยเฉพาะพวกผักซุปเปอร์ฟู๊ด ได้แก่ วีทกราส และ สาหร่ายสไปรูลิน่า ช่วยดีท็อกซ์ระบบเลือด เลือดไม่เหนียวข้น ช่วยให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงรังไข่ได้ดีขึ้น
- ทานกรดไขมันดี โอเมก้า 3 เพราะ โอเมก้า 3 ช่วยให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงระบบสืบพันธุ์และรังไข่ได้ดีขึ้น เน้นทาน อัลมอนด์ แฟล็กซีดที่ให้โอเมก้า 3 สูง และยังให้ “ลิกแนน” ที่ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนและมี
“ไฟโตเอสโตรเจน” ซึ่งเป็นสารจากพืชที่ทำหน้าที่คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจนของเพศหญิง ซึ่งจะช่วยรักษาสมดุลของระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนของเพศหญิง ส่งผลต่อวงจรการตกไข่เป็นปกติ และยังช่วยลดการอักเสบในร่างกายทำให้อวัยวะสืบพันธุ์ทำงานได้เป็นปกติ หรือทาน งาดำ และ เมล็ดฟักทองที่ให้กรดไขมันดี และยังช่วยลดคอเลสเตอรอลอีกด้วย - ทานอาหารบำรุงเลือด เพิ่ม blood flow
เลือดที่ไหลเวียนดี มีออกซิเจนนำพาสารอาหารไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆในร่างกายรวมไปถึงระบบสืบพันธุ์และรังไข่ได้อย่างเพียงพอ ช่วยให้รังไข่ทำงานได้เป็นปกติ ฮอร์โมนเพศหญิงสมดุลจากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Ovarian Research ปี 2020 ศึกษาพบว่า “เควอซิทีน” ช่วยลดระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน และฮอร์โมนแอนโดรเจนซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศชาย และช่วยเสริมการสร้างฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน และ เอสโตรเจน ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศหญิงที่สำคัญในการสืบพันธุ์รอบเดือนและการตั้งครรภ์ นอกจากนี้ยังมีการศึกษาวิจัยพบว่า “น้ำมะกรูด” มี “ไบโอฟลาโวนอยด์” สูง ช่วยให้เลือดสูบฉีดไหลเวียนดีมาก มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ชื่อว่า “เควอซิทีน” สูง
4. งดหวาน
น้ำตาลคือตัวร้ายทำลายเซลล์ ทำให้เกิดการอักเสบ เพิ่มอนุมูลอิสระให้กับร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นน้ำหวาน น้ำอัดลม น้ำผลไม้กล่อง นมเปรี้ยว ขนมหวาน ชาเย็น ชานมไข่มุก เมื่อร่างกายได้รับน้ำตาลเหล่านี้เข้าไปจะส่งผลต่อระดับกลูโคสในเลือดสูงเฉียบพลัน เหนี่ยวนำการหลั่งอินซูลิน อาจเกิดภาวะดื้ออินซูลิน ทำให้ร่างกายอักเสบ ส่งผลต่อโรคอ้วน เบาหวาน ฮอร์โมนไม่สมดุล รังไข่เสื่อม เกิดภาวะ PCOS (ภาวะไข่ไม่ตกเรื้อรัง)
5. เน้นสารแอนตี้ออกซิแดนท์
สารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) จำเป็นมากต่อระบบต่างๆของร่างกาย ซึ่งเจ้าอนุมูลอิสระนี้มันเกิดขึ้นได้ภายในร่างกายทุกวันจากระบบเผาผลาญตามปกติ หรือ การได้รับจากภายนอก เช่น ทานอาหารไม่มีประโยชน์ กินหวาน ติดของมันของทอด เครียด ไม่ออกกำลังกาย ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ซึ่งในระบบสืบพันธุ์อนุมูลอิสระตัวร้ายจะทำลายเซลล์ ทำลายเนื้อเยื่อของรังไข่ มดลูก ก่อให้เกิดความผิดปกติในการทำงานของระบบสืบพันธุ์ รังไข่เสื่อม ไข่ด้อยคุณภาพ ดังนั้นการได้รับสารต้านอนุมูลอิสระที่เพียงพอจะช่วยป้องกันไม่ให้เซลล์ถูกทำลายและยังช่วยซ่อมแซมเซลล์ที่เสียหาย
นอกจากนี้ ยังพบว่าในน้ำมะกรูด มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ทั้งวิตามิน C สด ไบโอฟลาโวนอยด์ และเควอซิทีน ผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ควรดื่มทุกวันเพื่อบำรุงเลือด ช่วยให้เลือดไหลเวียนดี เสริมสารต้านอนุมูลอิสระปกป้องเซลล์ในร่างกายจากความเสื่อมถอย
6. ทานวิตามินปรับสมดุลฮอร์โมน
การทานน้ำมันปลา หรือ Fish Oil ยังช่วยบำรุงรังไข่ ชะลอรังไข่เสื่อมก่อนวัยด้วย เพราะใน Fish Oil มีโอเมก้า 3 สูง โอเมก้า 3 ช่วยเพิ่มการสร้าง Nitrix oxide ช่วยให้หลอดเลือดขยายตัวทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงอวัยวะสืบพันธุ์ได้ดีขึ้นมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มคุณภาพเซลล์ไข่ โดยเฉพาะผู้หญิงวัย 35 ขึ้นไปที่เซลล์ไข่เริ่มเสื่อมคุณภาพ ประสิทธิภาพในการทำงานของรังไข่ลดลง ควรทานโอเมก้า 3 ให้เพียงพอ มีงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Aging Cell เมื่อปี 2012 ศึกษาพบว่า โอเมก้า 3 ช่วยบำรุงเซลล์ไข่ และ ชะลอความเสื่อมของรังไข่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สรุปแล้วหากไม่อยากให้รังไข่เสื่อมก่อนวัย ผู้หญิงเราต้องหันมาปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และหันมาออกกำลังกายควบคุมน้ำหนัก พักผ่อนให้เพียงพอพยายามผ่อนคลายจัดการกับความเครียด และปรับการรับประทานอาหารให้ถูกหลักโภชนาการ เพื่อปรับสมดุลฮอร์โมนในร่างกาย เมื่อฮอร์โมนกลับมาสมดุล การทำงานของระบบสืบพันธุ์ปกติ ช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์
ขอบคุณข้อมูล : ครูก้อย – นัชชา ลอยชูศักดิ์ ครูวิทยาศาสตร์ที่ปรึกษาผู้มีบุตรยาก
ภาพ : Pexels
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
อ้วนเพราะยาคุม ข่าวลือหรือเรื่องจริง? หากจริงจะมีวิธีจัดการอย่างไร
“ตุ๊กตา The Voice” แชร์อาการ “โรคขี้เต็มท้อง” เกิดจากอะไร และวิธีรักษา
3 โรคที่ควรระวังในผู้หญิง เมื่ออายุเริ่มขึ้นเลขสี่ บวกกับความเสื่อมต่างๆ ที่เริ่มตามมา