น่าจะเคยผ่านหูสาวๆ มาแล้วไม่มากก็น้อย เรื่อง “อ้วนเพราะยาคุม” แต่จะเป็นแค่เพียงข่าวลือหรือเรื่องจริงนั้น ทางเพจ hellokhunmor ได้เขียนถึงประเด็นดังกล่าวไว้ เราจึงนำมาฝากสาวๆ เพื่อไขข้อข้องใจให้ทั่วถึง จะได้รู้กันสักทีว่าจริงหรือมั่วกันแน่
อ้วนเพราะยาคุม ข่าวลือหรือเรื่องจริง? หากจริงจะมีวิธีจัดการอย่างไร
จากข้อมูลหอสมุดแพทย์แห่งชาติของประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า สิ่งที่จะทำให้ผู้หญิงมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจเป็นเพราะร่างกายมีการกักเก็บของเหลว และไขมันมากเกินไป รวมไปถึงฮอร์โมนบางชนิดอย่าง โปรเจสติน (Progestins) ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ที่อยู่ในยาคุมก็สามารถทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นได้เช่นกัน ที่เป็นเช่นนี้เนื่องจาก ฮอร์โมนเหล่านี้อาจมีส่วนช่วยตัวกระตุ้นเพิ่มความอยากอาหาร และกักเก็บของเหลวในร่างกาย จนเกิดผลข้างเคียงทำให้คุณมีเริ่มมีน้ำมีนวล หรืออ้วนขึ้น แต่โดยส่วนใหญ่ หากในยาคุมที่มีระดับปริมาณของฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ไม่สูงนัก ก็อาจไม่ส่งผลให้ร่างกายมีการกักเก็บน้ำจนทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นได้
ถึงอย่างไรก็ตามยังไม่มีการพิสูจน์ และหลักฐานที่แน่ชัดเจนมากพอ ดังนั้น ก่อนจะเริ่มรับกินยาคุมทุกครั้ง ควรขอคำปรึกษาจากแพทย์เกี่ยวกับผลข้างเคียงของยาคุมแต่ละชนิด พร้อมปฏิบัติตามคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีกินอย่างถูกต้องและเหมาะสม เพื่อความปลอดภัยแก่สุขภาพร่างกายตัวเอง
สาเหตุที่ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น
นอกจากผลข้างเคียงของฮอร์โมนในยาคุมแล้ว การใช้ชีวิตประจำวันโดยการไม่ดูแลรักษาสุขภาพ รวมถึงไม่ควบคุมการกินอาหารให้ดี ก็สามารถทำให้มีความเสี่ยงที่จะมีน้ำหนักเพิ่ม หรืออ้วนขึ้นได้เช่นกัน โดยสาเหตุที่ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้นั้น มีดังนี้
- การเลือกกินอาหารที่มีแคลอรี่สูง หรือไม่มีการคำนวณแคลอรี่
- ระบบการเผาผลาญทำงานผิดปกติ
- ไม่ออกกำลังกาย
- ร่างกายขาดน้ำ หรือดื่มน้ำไม่เพียงพอต่อวัน
หาก อ้วนเพราะยาคุม จะมีวิธีจัดการอย่างไร
บางครั้งยาคุมที่คุณใช้อยู่อาจมีผลข้างเคียงที่ส่งผลทำให้อ้วนขึ้น ดังนั้น อาจจะต้องเปลี่ยนยี่ห้อของยาแทนยาคุมที่เคยกินอยู่ โดยควรขอคำปรึกษากับเภสัชกรในร้านขายยา หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ นอกจากนั้น ควรออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน เช่น การเต้นแอโรบิค การเดิน การวิ่ง หรือเล่นกีฬาอื่นๆ ควบคู่ไปกับการจำกัดอาหารและจำกัดแคลอรี่ให้อยู่ระหว่าง 1,200-1,500 แคลอรี่
แต่หากรู้สึกว่าการกินยาคุมกำเนิดมีความยุ่งยากเกินไป จะเข้ารับการปรึกษาเพิ่มเติมจากแพทย์ถึงวิธีการคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นๆ เช่น การใช้ห่วงอนามัยคุมกำเนิด การใช้ถุงยางอนามัยของเพศหญิง การฉีดยาคุม การฝังยาคุม เป็นต้น ซึ่งวิธีการคุมกำเนิดในรูปแบบอื่นๆ นั้นจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของคุณหมอ รวมถึงสุขภาพร่างกายของแค่ละบุคคลด้วย
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
คลายประเด็นที่สตรีสงสัย! หากใช้ ยาคุมกำเนิด หลังฉีดวัคซีนโควิด-19 เสี่ยงแค่ไหน
3 โรคที่ควรระวังในผู้หญิง เมื่ออายุเริ่มขึ้นเลขสี่ บวกกับความเสื่อมต่างๆ ที่เริ่มตามมา
8 วิธี “ลดน้ำหนัก” ขณะนอนหลับ ที่ผู้เชี่ยวชาญการันตีว่าได้ผลจริง ไม่เสียสุขภาพ