บลู พงศ์ทิวัตถ์

สตอรี่ชีวิตสีฟ้า! ของ “บลู -พงศ์ทิวัตถ์” พระเอกมาแรง เจ้าของแฮชแท็ก #ลูกรักพระเจ้า 

Alternative Textaccount_circle
บลู พงศ์ทิวัตถ์
บลู พงศ์ทิวัตถ์

เวลานึกถึงสีฟ้า เราจะนึกถึงความสบายใจสบายตา ซึ่งเขาคนนี้ “บลู -พงศ์ทิวัตถ์ ตั้งวันเจริญ” ก็นิยามตัวเองไว้แบบนั้น จากเด็กวัยรุ่นที่มีโอกาสเข้ามาทำงานเป็นนักแสดง เขาได้ค้นพบเส้นทางที่ชอบ ฝึกฝนและพัฒนาตัวเองในทุกๆ วัน บวกกับหน้าตาและคาแร็คเตอร์ที่แฟนๆ บอกว่า นี่แหละ #ลูกรักพระเจ้า ทำให้วันนี้ “บลู” เป็นอีกหนึ่งนักแสดงดาวรุ่งมาแรง

สตอรี่ชีวิตสีฟ้า! ของ “บลู -พงศ์ทิวัตถ์” พระเอกมาแรง เจ้าของแฮชแท็ก #ลูกรักพระเจ้า 

ช่วงนี้งานแน่นมากเลยใช่ไหมคะ

“ครับ มีถ่ายละครกับงานอีเว้นต์ต่างๆ อย่างวันนี้มาถ่ายแฟชั่นกับนิตยสาร แพรว ครับ (ยิ้ม)

“ซึ่งผมชอบทุกงานที่ได้ทำเลยนะ แต่งานหลักของผมคือการแสดง รองลงมาคือถ่ายแบบ ถ่ายแฟชั่น ส่วนงานพิธีกรที่เคยทำก็ชอบนะครับ ถ้ามีโอกาสก็อยากทำอีก”

แล้วจะได้เห็นผลงานเพลงของบลูบ้างไหม

“เพลงเป็นอีกหนึ่งงานที่อยากทำครับ (ยิ้ม) แต่คงไมใช่ตอนนี้ เพราะรู้สึกว่าตัวเองยังไม่พร้อมขนาดนั้น ผมอยากพัฒนาการร้องกับการเต้นให้มากขึ้นก่อน

“ที่จริงผมชอบร้องเพลง ชอบฟังเพลงมาตั้งแต่เด็ก แต่ร้องเล่นๆ ไม่ถึงขั้นลงประกวดแข่งขัน จึงรู้สึกว่าถ้าจะเป็นนักร้องหรือทำเพลงของตัวเอง ตัวเราต้องพร้อมก่อน ทั้งการร้อง การเต้น แต่ด้วยเวลาตอนนี้ค่อนข้างแน่น เพราะมีถ่ายละครด้วย ผมอยากโฟกัสไปทีละอย่าง ไว้ถ้าอนาคตตารางงานลงตัวก็อยากเรียนเพิ่มเติมด้วยครับ” (ยิ้ม)

ตั้งเป้าการทำงานตรงนี้ไว้อย่างไรคะ

“ผมยังไม่ได้มีภาพชัดเจนขนาดนั้น แต่รู้ว่าสิ่งที่ชอบและอยากทำก็คือการแสดง อยากมีโอกาสได้ทำงานในสเกลที่ใหญ่ขึ้น หรือวันหนึ่งที่ผลงานไปเผยแพร่ในต่างประเทศ ได้ไปทำงานที่ต่างประเทศ ได้ร่วมงานกับระดับเอเชียหรือระดับโลก ประมาณนั้นครับ” (ยิ้ม)

บลู พงศ์ทิวัตถ์

มีบทในใจที่อยากแสดงสักครั้งไหม

“บทที่อยากลองแสดงน่าจะเป็นแนวแอ็คชั่น อย่าง ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ ที่ขี่มอเตอร์ไซค์เท่ๆ มีบทบู๊ ประมาณนั้นครับ แต่ถ้าความชอบ ผมชอบหลายแนว เช่น โรแมนติกคอมเมดี้ หรือดราม่านิดๆ ก็ชอบ อย่างเรื่อง 18 Again และ True Beauty ซึ่งผมคิดว่าน่าจะอยู่ที่บท เนื้อเรื่อง และคาแร็คเตอร์ที่ได้รับด้วยครับ”

งานอีกหนึ่งพาร์ตที่น่าจะแน่นมากตอนนี้คือแฟชั่น

“ครับ สำหรับด้านแฟชั่นผมเริ่มชอบและสนใจตอนที่ทำงานนี่แเหละครับ เพราะก่อนหน้านี้ผมก็เป็นเด็กธรรมดาทั่วไป อยู่อุดรฯ แต่งตัวเรียบๆ  ไม่ได้แฟชั่นอะไร แต่พอมาเรียนที่กรุงเทพๆ เริ่มทำงาน ได้สัมผัสวงการนี้มากขึ้น ทำให้รู้สึกสนุกกับการแต่งตัว ผมชอบเวลาถ่ายแบบมากเลย (ยิ้ม) สนุกที่ได้ลองทำอะไรใหม่ๆ ได้แต่งตัวสไตล์ใหม่ๆ ได้เปลี่ยนลุค เปลี่ยนคาแร็คเตอร์

“อย่างวันนี้ได้ใส่เสื้อชีทรูด้วย ก็เขินๆ เพราะเป็นเสื้อที่ใส่แล้วเหมือนไม่ได้ใส่ (หัวเราะ) แต่ก็ชอบนะครับ สนุกดี”

ชอบแต่งตัวสไตล์ไหนคะ

“ยังคงเรียบง่าย ใส่เสื้อยืดเป็นหลัก ชอบโทนสีเรียบๆ ไม่ฉูดฉาด แต่ในความเรียบก็จะมีดีเทลบางอย่างที่รู้สึกว่าพิเศษขึ้นมา อย่างเติมเครื่องประดับอะไรต่างๆ เพื่อไม่ให้ดูเรียบเกินไป”

งานไหนที่ท้าทายที่สุดสำหรับบลูคะ

“เท่าที่เคยทำมาคือการเป็นพิธีกรครับ อย่างรายการสดหรืองานแฟนมีต ซึ่งตอนนั้นผมตื่นเต้นมากๆ ต้องพูดท่ามกลางคนเป็นพัน เป็นงานใหม่ที่ท้าทาย ค่อนข้างเครียดเลยครับ อย่างแรกคือเราไม่มีประสบการณ์ จึงกลัวจะออกมาไม่ดี ต้องจำสคริปต์ จำลำดับทั้งหมดให้ได้ ต้องรู้ว่าจบตรงนี้แล้วไปตรงไหนต่อ เพื่อให้ทุกอย่างต่อเนื่อง ให้งานดำเนินไปด้วยดี ถึงจะท้าทาย แต่ก็สนุกนะครับ และทำให้ผมได้เรียนรู้การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วย”

แต่ละงานต้องเตรียมตัวหรือทำการบ้านหนักไหมคะ

“ก็หนักนะครับ เพราะเราไม่ได้มีแค่งานเดียว อย่างถ้าวันศุกร์มีถ่ายละคร ผมจะท่องบทตั้งแต่วันอังคาร เตรียมทำการบ้านเผื่อไว้เลย อ่านไปเรื่อยๆ จนจำได้ ตีความตัวละครว่าซีนนี้เขาคิดอะไร ต้องการอะไร  แล้วเราต้องแสดงออกมายังไง ก่อนจะเล่นจริง”

แสดงว่าสมัยเด็กต้องเป็นนักเรียนหน้าห้องแน่ๆ

(พยักหน้า) “ผมนั่งหน้าห้องจริงด้วย แต่ไม่ได้เป็นเด็กเรียนขนาดนั้นนะครับ มีเล่นบ้าง แค่ว่าถ้าไม่เข้าใจก็ยกมือถาม ซึ่งถ้าเราเข้าใจตั้งแต่ในห้องเรียน ช่วงสอบก็ไม่ต้องอ่านหนังสือเยอะ สามารถใช้เวลาหลังเลิกเรียนไปทำงานได้

“พอเข้ามหาวิทยาลัยเป็นช่วงที่เป๊ะกับตัวเองมาก เพราะอยากได้เกียรตินิยมให้พ่อแม่ดีใจ (บลูได้เกียรตินิยมอันดับ 1 สาขาภาพยนตร์และสื่อดิจิทัล เอกการแสดงและกำกับการแสดงภาพยนตร์ วิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ) ทั้งที่ท่านไม่ได้กดดันหรือคาดหวังนะครับ แต่ผมพยายามตั้งใจเรียนเต็มที่ ทำให้เกรดออกมาค่อนข้างดี แล้วก็พยายามรักษาเกณฑ์นั้นไว้ บวกกับผมเป็นแนวไม่ปล่อย เวลาอยากทำอะไรให้ออกมาดีจะโฟกัสสิ่งนั้นมากๆ จึงทำให้ผมมีความรับผิดชอบมากขึ้นตั้งแต่ทำงานครับ”

บลู พงศ์ทิวัตถ์

เวลาเจอปัญหาหรือเจออะไรที่ไม่เป็นตามแพลน จัดการอย่างไรคะ

“ในงานผมจะเข้าเร็วและออกเร็ว อย่างเวลามีบทเศร้า ตอนแสดงผมอินกับตัวละครมากๆ นะ  แต่พอสั่งคัตก็กลับเป็นผมคนเดิมเลย จะไม่ดำดิ่งอยู่กับตรงนั้น

“ในชีวิตจริงก็เหมือนกันครับ เวลามีปัญหาอะไรผมจะคุยกับครอบครัว คุยกับผู้จัดการ ผมจะบอกเลยว่าเกิดอะไรขึ้น เป็นแบบนี้ๆ นะ ซึ่งทั้งครอบครัวและพี่ๆ ก็จะคอยแนะนำ ให้คำปรึกษา ช่วยแก้ปัญหา ช่วยให้ผมปล่อยวางได้

“ซึ่งถ้าเรารู้และเข้าใจว่าปัญหานี้เกิดจากสิ่งนี้ แล้วพยายามไม่ทำอีก ก็จะทำให้ปัญหาลดลงไปเรื่อยๆ แต่แน่นอนว่าบางครั้งเราก็เจอปัญหาใหม่ เจอเรื่องไม่คาดคิด ก็ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ได้”

บลูในวัย 23 ปีถือว่าเป็นช่วงชีวิตที่ลงตัวตามที่คิดไว้ไหมคะ

“สมัยเด็กผมไม่คิดว่าจะได้มาทำงานในวงการบันเทิง เคยอยากเป็นหมอ เป็นนักกีฬาบาสเกตบอล เพราะชอบเล่นกีฬา แต่พอมีโอกาสได้เข้ามาทำงานตรงนี้ ผมก็รู้สึกสนุกที่ได้ทำอะไรใหม่ๆ เยอะมาก

“และจากตอนแรกที่ยังไม่ชัดเจนว่าอยากทำอะไร การได้ทำงานตรงนี้ทำให้ผมมีเป้าหมายในการเรียนด้วย รู้ว่าต้องเลือกเรียนคณะอะไร สาขาไหน มหาวิทยาลัยอะไร เพื่อจะได้ต่อยอดในการทำงาน และในที่สุดก็กลายมาเป็นอาชีพในวันนี้ เป็นงานที่ผมชอบและมีความสุขมากๆ ครับ”

บลูคิดว่าข้อดีของตัวเองคืออะไรคะ

“ถ้าในแง่การทำงาน ผมคิดว่าผมเรียนรู้ไว ถ้าได้รับการบอกหรือสอนอะไร พอผมเข้าใจแล้ว ผมจะทำได้เลย คือรู้ว่าต้องทำแบบไหน จึงคิดว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นข้อดีของตัวเองครับ

“อย่างตอนถ่ายชีรี่ส์มีฉากที่ต้องเล่นเซิร์ฟ ซึ่งผมไม่เคยเล่นมาก่อน ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง และไม่รู้ด้วยว่าตัวเองจะทำได้ไหม แต่พอลองเล่นครั้งแรก ตกน้ำไป 4 – 5 ครั้ง ก็เรียนรู้ได้ว่าต้องทำอย่างนี้นะ ต้องขึ้นแบบนี้นะ แล้วก็ปล่อยมือได้เลยนะ ก็เซอร์ไพร้ส์ตัวเองเหมือนกันครับ” (หัวเราะ)

แล้วข้อเสียล่ะคะ

“น่าจะ…กินเยอะเกินไป (หัวเราะ) สมมติถ้าพี่อยากเลี้ยงข้าวผม เรื่องนี้จะเป็นข้อเสียเลยนะ เพราะผมกินเยอะ โดยเฉพาะบุฟเฟ่ต์ แต่จะกินทุกวันไม่ได้ไง (หัวเราะ) แล้วพอกินเยอะก็ต้องวิ่งเยอะ ฟีลเหมือนออกกำลังกายเพื่อมากิน”

กินเยอะแต่รูปร่างดีขนาดนี้ ขอแชร์เคล็ดลับหน่อยค่ะ

“ความจริงผมไม่ได้ออกกำลังกายหนักหรอก เข้าฟิตเนสสัปดาห์ละ 3 วัน โดยมีเทรนเนอร์ช่วยดูแล เล่นเวตนิดหน่อย บวกกับคาร์ดิโอประมาณครึ่งชั่วโมง แต่ถ้ามีเวลาผมจะวิ่งบนลู่ทุกวันประมาณครึ่งชั่วโมงหรือ 20 – 40 นาที

“ผมจะมีตารางในแต่ละวันว่าต้องทำอะไรบ้าง พยายามทำตัวเองให้พร้อมอยู่ตลอด เผื่อไปถ่ายงานแล้วต้องถอดเสื้อ จึงต้องดูแลร่างกายให้พร้อมเสมอ ปล่อยไม่ได้ แต่เรื่องอาหารผมไม่ถึงกับเคร่งนะ อย่างเวลาไปทำงาน เพื่อความสะดวกผมกินได้ทุกอย่าง เพียงแต่ต้องรู้ตัวเองว่ากินได้แค่ไหน อย่างถ้ามีไก่ทอด ก็แค่ไม่กินหนัง คือปรับตัวตามสภาพแวดล้อมครับ

“ส่วนผิวพรรณ พยายามไม่โดนแดด ก่อนออกไปข้างนอกก็ต้องทากันแดด ป้องกันกระ ฝ้า ประมาณนั้นครับ”

ที่บอกว่าแพลนตารางในแต่ละวัน ต้องเป๊ะตามนั้นเลยไหม หรือว่ายืดหยุ่นได้

“ผมคิดว่าตัวเองก็ค่อนข้างเป๊ะนะครับ น่าจะเรียกว่าชอบวางแผนมากกว่า ก็มีบางเรื่องที่ปล่อยได้และปล่อยไม่ได้ อย่างเรื่องการทำงานผมจะลงดีเทลค่อนข้างเยอะ เก็บรายละเอียด ต้องเตรียมตัวให้พร้อมเสมอ อันนี้ปล่อยไม่ได้”

แล้ววันว่างๆ มีกิจกรรมอะไรบ้างคะ

“ถ้าวันหยุดชิลๆ บางวันตื่นมาก็ไม่ได้มีแพลนนะครับ ถ้าอยากไปไหว้พระก็ไปเลย ไม่ต้องวางแผน (ยิ้ม) ผมสายมูครับ ชอบทำบุญ

“แต่ถ้าเลือกได้ ผมชอบออกไปกินข้าวกับครอบครัว ไปตระเวนกินอาหารอร่อยๆ  อย่างไปอยุธยาแล้วไปกินกุ้งเผา หรือไปทะเลแล้วกินอาหารซีฟู้ด ก็มีความสุขแล้วครับ” (ยิ้ม)

แค่ได้กินของอร่อย ก็ฮีลใจแล้วเนอะ

“ใช่ครับ ทุกวันนี้แค่ได้กินอาหารที่ชอบก็มีความสุข ได้กินแซลมอน ซูชิ ซะชิมิ อาหารญี่ปุ่น ผมกินได้ไม่เบื่อเลย แล้วค่อยไปวิ่ง (หัวเราะ) อย่างบางวันทำงานมาเหนื่อยๆ  พอผมบอกครอบครัวว่าวันนี้ว่างนะ เขาจะรู้แล้วพาไปกินอะไรอร่อยๆ แค่นี้ก็แฮ็ปปี้แล้วครับ” (ยิ้ม)

บลู พงศ์ทิวัตถ์

ถ้ามองตัวเอง บลูคิดว่าคาแร็คเตอร์จริงๆ ของเราเป็นยังไงคะ

“อารมณ์ดีครับ (ยิ้ม) ไม่ค่อยโกรธใคร ไม่ค่อยอารมณ์เสีย พี่ๆ ช่างแต่งหน้าชอบบอกว่าคาแร็คเตอร์ผมเหมือนน้องหมาโกลเด้น (หัวเราะ) ยิ้มสดใส อารมณ์ดีทั้งวัน”

ระหว่างหล่อกับเท่ คิดว่าอะไรตรงกับตัวเองมากกว่า

“โอ้…ไม่รู้สิครับ น่าจะต้องให้คนอื่นบอก (ยิ้มเขิน) เท่หรือเปล่านะ ผมคิดว่าผสมกัน มีทั้งสองมุม เพราะก็มีบางวันที่รู้สึกว่าวันนี้เราดูดีนะ” (หัวเราะชอบใจ) 

เวลาแฟนๆ ชมว่าหล่อขั้นเทพ ลูกรักพระเจ้า รู้สึกยังไง เขินไหม

“เขินนะครับ (เขินจริงจัง) แต่ก็รู้สึกดีที่เขาชมเรา ดีใจนะ แต่เวลาถูกชมต่อหน้าก็จะทำตัวไม่ถูก คิดว่าที่แฟนๆ แชวเพราะเขาเอ็นดูผมมั้ง ชอบเห็นผมเสียทรง (ยิ้มเขิน) เคยมีแฟนคลับถามว่า บลูกินอะไร…ทำไมหล่อขนาดนี้ (หัวเราะ) เจอแบบนี้จะทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าต้องตอบยังไง จะบอกว่ากินปกติก็คงไม่ใช่ เดี๋ยวผมจะฝึกเล่นมุกเยอะๆ ไว้ตอบแฟนๆ บ้างครับ”

นอกจากมุมหล่อกับเท่ มีมุมน่ารัก ๆ บ้างไหม

“น่าจะเป็นเวลาที่อยู่กับครอบครัวหรืออยู่กับแฟนคลับครับ เพราะเวลาอยู่กับครอบครัวผมจะชอบนวดขานวดเท้าให้พ่อแม่

อันนี้น่าจะเป็นมุมน่ารักของผมนะ ผมชอบเทคแคร์ ใส่ใจ จะคอยสังเกตว่าใครอยากได้อะไร ใครเป็นอย่างไร”

แล้วมุมโรแมนติกล่ะคะ

“ไม่รู้เรียกว่าโรแมนติกไหม น่าจะเป็นเวลาอยู่กับครอบครัวนี่แหละครับ เพราะตั้งแต่ผมทำงานหาเงินเองได้ ก็ไม่ได้ใช้เงินพ่อ

แม่เลย ตอนเรียนก็ทำงานจ่ายค่าเทอมเอง พอถึงวันสำคัญหรือวันพิเศษต่างๆ อย่างวันเกิด ตรุษจีน ปีใหม่ ผมจะให้ของขวัญพ่อแม่ตลอด (ยิ้ม)

“มุมหวานสุดก็พาไปช้อปปิ้งครับ ผมเป็นสายเปย์ อยากได้อะไรซื้อให้หมดเลย เพราะพ่อแม่ตามใจผมมาเยอะแล้ว สมัยเด็กอยากได้หรืออยากทำอะไรก็ได้ทุกอย่าง พอตอนนี้ผมทำงานแล้ว ก็อยากเป็นฝ่ายให้บ้างครับ รวมถึงพี่ผู้จัดการด้วย ผมเต็มที่มากๆ

“แต่กลับกันผมจะขี้เหนียวกับตัวเอง เวลาซื้ออะไรจะคิดหนักครับ ต้องเป็นสิ่งที่ชอบจริงๆ ซื้อแล้วต้องได้ใช้บ่อยๆ มันจำเป็นไหม คือทุกอย่างที่ซื้อต้องเลือกที่ดีที่สุด แม้แต่เสื้อผ้าก็คิดหนักครับ ตัวนี้ก็สวย ตัวนั้นก็สวย ตัวไหนสวยที่สุด เลือกนานมากครับ” (หัวเราะ)

ถ้าพูดถึงความรัก บลูมองความรักเป็นสีอะไรคะ

“สีฟ้าครับ เหมือนชื่อของผม ชื่อแฟนคลับก็ชื่อ Blueda ซึ่งสีฟ้าเป็นสีที่ผมชอบ เพราะเย็น สบายตา สดใส อบอุ่น แล้วยังเข้าได้กับทุกสี จึงอยากเปรียบความรักเป็นสีฟ้า ซึ่งก็เหมือนกับตัวผมที่มีทั้งความสดใสและสบายใจครับ”


ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 995

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Praew Recommend

keyboard_arrow_up