โคโค่คือหมาของพี่ดุ๊ก

แก๊งหมายักษ์ #โคโค่คือหมาของพี่ดุ๊ก กับหลากหลายความอลวนที่เต็มไปด้วยความสุข

Alternative Textaccount_circle
โคโค่คือหมาของพี่ดุ๊ก
โคโค่คือหมาของพี่ดุ๊ก

ทุกครั้งที่เห็นแก๊งน้องๆ ไซส์ยักษ์พันธุ์สแตนดาร์ดพูเดิลทั้ง 6 ตัวของ “ดุ๊ก – ภาณุเดช” ได้แก่ โคโค่, วอนโก้, บิงโก, ชาโดว์, คอสโม่ และฮิวโก้ ปรากฏตัวในนามแฮชแท็ก #โคโค่คือหมาของพี่ดุ๊ก รู้สึกอยากเข้าไปกอดฟัด ยิ่งได้ฟังเรื่องเล่าถึงความฉลาดแสนซน ยิ่งอยากวาร์ปทะลุไอจีไปหาน้องๆ ณ บัดนาว

แก๊งหมายักษ์ #โคโค่คือหมาของพี่ดุ๊ก กับหลากหลายความอลวนที่เต็มไปด้วยความสุข

ปะป๊าดุ๊กกับแก๊งหมายักษ์

“ก่อนจะเลี้ยงแก๊งนี้ ที่บ้านเลี้ยงสุนัขไทยพันทางเพศเมียชื่อคําเป่ย เป็นเจ้าบ้านตัวแรก ตอนนี้อายุกว่าสิบขวบแล้ว กระทั่ง 5 ปีก่อนเห็นคลิปสุนัขไซส์ยักษ์แล้วอยากเลี้ยงบ้าง บ๊อบ – หลานชายจึงช่วยหาข้อมูลให้ จนเจอสายพันธุ์สแตนดาร์ดพูเดิล (Stardard Poodle)

โคโค่คือหมาของพี่ดุ๊ก

“ตัวแรกที่ได้มาคือโคโค่ เพศเมียสีน้ำตาล สั่งนำเข้ามาจากจีน เพราะในไทยไม่มีขาย ตอนน้ันดูจากรูป รู้สึกว่าโคโค่ตรงกับที่อยากได้มากที่สุด ปรากฏว่าพอมาถึงไทยน้องไม่ตรงปก โทรม ผอมแห้ง ดูป่วย จึงรีบพาไปหาหมอ วันนั้นสรุปคือเป็นลําไส้อักเสบ รักษาเป็นเดือนกว่าจะหาย ซึ่งช่วงที่รักษา ก็ทําให้ผมผูกพันกับโคโค่มาก เราดูแลเขาอย่างใกล้ชิด ทุกวันนี้คือลูกรัก โคโค่ฉลาด เฟรนด์ลี่ น่ารัก พอเลี้ยงไปสักพักก็อยากหาเพื่อนให้เขา

“ตอนน้ันเข็ดกับการสั่งซื้อสุนัขนําเข้าจากเมืองจีน บ๊อบช่วยเสิร์ชหาจนเจอฟาร์มสแตนดาร์ดพูเดิลที่ประเทศรัสเซีย แล้วเลือกวอนโก้มาเป็นสามีของโคโค่

“ถัดจากวอนโก้ ซึ่งขนสีขาวก็อยากได้สีอื่นๆ อีก จึงเป็นที่มาของบิงโก เพศผู้สีครีม กับชาโดว์ เพศเมียสีซิลเวอร์ – เทา จากรัสเซียเช่นกัน

“พอมีขาว น้ำตาล และเทาแล้ว ก็ยังรู้สึกว่าขาดสีดำ (ยิ้ม) จึงเป็นที่มาของคอสโม่ เพศเมีย และตัวสุดท้ายมาแบบบังเอิญที่สุดคือฮิวโก้ เพศผู้สีน้ำตาลอ่อน ตัวใหญ่ที่สุดในบรรดา 6 ตัว ทุกวันนี้หนักถึง 33 กิโลกรัม เขาเป็นลูกชายของ โคโค่กับวอนโก้ ที่จริงไม่ได้ตั้งใจให้เขามีลูกกันนะ แต่มีวันที่ผมเผลอแล้วโคโค่กับวอนโก้แอบนัดเจอกัน จากนั้นคลอดลูกออกมา 5 ตัว ประเมินแล้วว่าเลี้ยงไม่ไหว สุดท้ายเลือกเก็บฮิวโก้ไว้ เพราะชอบตั้งแต่ตอนที่ช่วยทำคลอดแล้ว ส่วน ที่เหลือก็หาบ้านให้เขาอยู่ ผมสกรีนครอบครัวที่รับไปเลี้ยงอย่างละเอียด โชคดีที่ได้บ้านที่รักและดูแลน้องๆ อย่างดีจนถึงวันนี้”

โคโค่คือหมาของพี่ดุ๊ก

6 ตัว 6 คาแร็คเตอร์

“เริ่มจากโคโค่ พูดรู้เรื่องมากจนบางทีเผลอคิดว่าเป็นคนอยู่ในชุดพูเดิล (หัวเราะ) สามารถพาออกงานได้ รู้งาน เฟรนด์ลี่ รับแขก ยอมให้เด็กกอด ถ้าเห็นโซฟาจะกระโดดขึ้นนั่ง หากมีคนอยากถ่ายรูปด้วย โคโค่จะนั่งนิ่ง ทําให้ หลายคนประทับใจ นอกจากนี้โคโค่ค่อนข้างเข้าใจความรู้สึกของผม ช่วงที่เครียด เขารู้นะ จะมานั่งอยู่ใกล้ๆ เหมือนนปลอบเรา ผมคุยกับเขาเยอะ เหมือนเราสื่อสารกันได้ และแม้จะเล่นกับเพื่อนเพลินขนาดไหน แตโคโค่ก็ไม่เคยลืมผม เขาจะเลี้ยวกลับมาหาเสมอ ต่างจากตัวอื่นๆ ที่เล่นเพลินแล้วลืมกันไปเลยก็มี

“ต่อมาคือวอนโก้ เป็นเด็กผู้ชายขี้เล่น แม้ทุกวันนี้จะเป็นพ่อแล้ว ก็ยังชอบเล่นของเล่น ขี้อ้อน ชอบมานอนเบียดข้างๆ ความที่ผมกับสุนัขนอนด้วยกันทุกวัน ตอนเช้าทุกตัวจะช่วยกันปลุกประมาณตี 5 ครึ่ง – 6 โมง  เพราะต้องเข้าห้องน้ำ ขอกินข้าว ถ้าผมยังไม่ตื่น วอนโก้จะดม เลียหลังหู เหมือนช่วยล้างหน้าล้างตาให้พ่อ ตอนกลางคืนเวลานอนดูทีวี วอนโก้จะมานั่งเบียดอยู่ข้างๆ หัว ซึ่งก่อนที่เขาจะเบียด เขาจะมองหน้าผมทำนองว่าขออนุญาตก่อน ถ้ายังไม่ตอบก็จะใช้เท้าเขี่ย หากผมไม่ว่าอะไรก็นั่งเลย

โคโค่คือหมาของพี่ดุ๊ก

“ส่วนบิงโกชอบกอด จะยืนสองขาแล้วกอดเรา บางทีก็มองตาปริบๆ เหมือนพยายามคุยด้วย เขาเกรงใจโคโค่มาก เพราะรู้ว่าเป็นจ่าฝูง ถ้าโคโค่เล่นกับผมอยู่ บิงโกจะนั่งนิ่งอีกมุม แต่ถ้าเราหันไปมองหน้าเหมือนส่งสัญญาณให้ เขาก็พร้อมจะมากอด ที่ประจำของเขาบนเตียงนอนคือบนตัวผมอีกที (หัวเราะ)

“ขณะที่ชาโดว์เป็นเด็กพิเศษ เพราะมีปัญหาเรื่องระบบสมองตั้งแต่เด็ก จึงลุกลี้ลุกลน ชอบกระโดดโลดเต้น พอขึ้นมาบนเตียงจะมุดเพื่อซุก วิธีการที่จะทำให้เขานิ่งได้คือต้องลูบ ถ้าไม่ลูบจะมุดอยู่อย่างนั้น

โคโค่คือหมาของพี่ดุ๊ก

“ตัวที่ห้าคือดอสโม่ ตัวเล็กที่สุดในบ้าน แม้จะเป็นเด็กผู้หญิงแต่แสบไม่เบา เช่น ถ้าเราจูงเขาอยู่ แล้วบังเอิญเห็นหมาตัวอื่น เขาพร้อมจะลุยเป็นตัวแรก เวลาเขาจะเข้ามากอดผม เขาจะดูจังหวะว่าโคโค่ยอมหรือเปล่า ถ้าโคโค่ไม่ว่าอะไร ก็วิ่งมาเลย

“ปิดท้ายที่ฮิวโก้เด็กยักษ์ ลูกรักแม่โคโค่ ติดแม่มาก ถ้าโคโค่มาเล่นกับผม เขาก็จะเข้ามากอด มานอนทับด้วย แล้วจากนั้นก็ไปหอมแม่กันสองตัว เขามีความซนพอๆ กับพ่อวอนโก้ แต่ก็ฉลาดไม่แพ้แม่ สามารถพาไปรับแขกได้ เคยพาคู่แม่ลูกไปออกงาน โคโค่จะนั่งนิ่ง ส่วนฮิวโก้นั่งแป๊บเดียว สักพักลงนอนเลย อารมณ์ประมาณว่าเมื่อไหร่จะถ่ายเสร็จ (หัวเราะ)

“ความที่ฮิวโก้เด็กมาก จึงพาเขาและแม่ไปเข้าโรงเรียน ฝึกพื้นฐานต่างๆ ด้วยกัน เช่น ขอมือ การนับเลขรอ 1 – 10 ซึ่งผมคิดว่าพอเขาเรียนเสร็จจะไปถ่ายทอดกันต่อเองในฝูง เพราะอย่างบางตัว เช่น วอนโก้กับบิงโกที่ผมฝึกเอง ไม่ได้ส่งไปเรียน แต่สังเกตได้จากเวลาเรียกเขารวมฝูงถ่ายรูป ตอนแรกทุกตัวจะตื่นเต้น วิ่งไปมาจนปวดหัว แต่พอเราเริ่มนับเลขเสียงดัง ทุกตัวจะรู้ว่าต้องอยู่ในท่านิ่ง จึงเดาว่าคงถ่ายทอดวิชากันอีกที

โคโค่คือหมาของพี่ดุ๊ก

“แม้ฝูงนี้จะสนิทกัน แต่ก็มีฟัดกันเองบ้าง ต้องปราม ครูเคยบอกว่าหมากลัวเสียงดัง จึงต้องขึ้นเสียงดุกันบ้าง แต่ก็ไม่บ่อย เพราะหน้าที่หลักของผมคือเป็นของเล่นของหมาครับ คนที่ทำหน้าที่ดุและคุมระเบียบคือบ๊อบกับทีมแม่บ้าน

“กลับมาที่คำเป่ย ด้วยความเป็นหมาไทย อายุเยอะแล้ว มีสถานะเป็นคุณป้า เธอชอบความไพรเวต เคยพามาเล่นกับเด็กๆ บ้าง นอนในห้องแอร์บ้าง แต่ไม่ชอบ คำเป่ยชอบอยู่ข้างนอก วิ่งในทุ่งหรืออยู่ตรงสวน พอ 5 โมงจะวิ่งมารอที่ประตู แล้วพอกลับเข้าบ้านก็เลี้ยวเข้าห้องนอนเขา ซึ่งมีน้ำและพัดลมรอ”

โคโค่คือหมาของพี่ดุ๊ก

แก๊งโคโค่งามเพราะหมั่นกรูมมิ่ง

“ผมดูแลพวกเขาพิเศษในทุกเรื่อง ทั้งอาหาร ความเป็นอยู่ เริ่มจากเรื่องขน ขนยาวก็จริงแต่ไม่ร่วง ไม่ติดตามโซฟา ต้องอาศัยหวีบ่อยๆ เพราะขนเขาหนาถึงสามชั้น และต้องหวีให้ถึงโคน ไม่อย่างนั้นจะเป็นสังกะตัง โดยมีทีมแม่บ้านและบ๊อบช่วยดูแลด้วย

“สำหรับแชมพู ผมทำแบรนด์เอง คือ Duc.co (ดูโคโค่) เพราะกลัวเขาแพ้ จึงทำแบรนด์แชมพูออร์แกนิก หมดห่วงเรื่องสารเคมี แต่ที่สำคัญกว่าคือความที่ตัวโต ขนยาว เวลาล้างต้องมั่นใจว่าออกหมด และประมาณเดือนกว่าๆ จะพาไปกรูมมิ่ง ตัดขน ตัดเล็บ นอกนั้นก็เสริมวิตามินและน้ำมันปลาเพื่อบำรุงขน เวลาอยู่บ้านจะเปิดแอร์ให้บ้าง แต่ไม่ถึงขนาดทั้งวัน ที่สำคัญกว่าคือต้องมีน้ำกับน้ำแข็งตั้งไว้ให้เขาเลีย

“ต่อมาคืออาหาร ผมไม่ให้อาหารคนเลย ยกเว้นบางกรณีที่เขาแอบขโมย แต่ก็เล็กน้อยมาก เน้นอาหารเม็ดคุณภาพดีวันละ 1 มื้อตอนเช้า มีให้อาหารเป็นรางวัลบ้าง แต่ไม่พร่ำเพรื่อ ครูฝึกเคยบอกว่าไม่ควรสปอยล์ด้วยการให้รางวัลเป็นอาหารทุกครั้งที่เขาทำอะไรได้ ไม่อย่างนั้นถ้าไม่มีขนมให้ เขาจะไม่เชื่อฟัง เทคนิคคือคุยกับเขาเยอะๆ มีคนบอกว่าถ้าอยากให้หมาฉลาดต้องคุยด้วยบ่อยๆ เวลาคุยกับหมาผมครีเอตภาษาหมาของตัวเอง ทำเสียงสอง เสียงสามบ้าง พูดอะไรไม่รู้เรื่องบ้าง แค่อยากคุยด้วย มองตาเขาแล้วก็สื่อสารออกไป

“เรื่องออกกำลังกายก็จำเป็น ผมจะปล่อยให้เขาวิ่งในสนามหลังบ้าน ไม่ให้วิ่งในบ้าน เพราะมันลื่น เดี๋ยวสะโพกเสีย นานๆ ครั้งก็จงออกไปวิ่งข้างนอกบ้าง

“ส่วนพื้นที่การเลี้ยง ส่วนใหญ่เขานอนในห้องผม เฟอร์นิเจอร์ที่บ้านจึงไม่โดนทำลาย ถ้าจะมีของพังก็เล็กน้อย เช่น โมตทีวีเพราะเขาหยิบไปเล่น ผมจะไม่ปล่อยไปส่วนอื่นของบ้านถ้าไม่จำเป็น เพราะที่บ้านเป็นสตูเช่าถ่ายละครด้วย เวลามีกองมาทำงานก็จะย้ายพวกเขาไปบ้านอีกหลังซึ่งเป็นออฟฟิศ เปิดประตูเดินทะลุกันนิดเดียวก็ถึง เขาจะวิ่งเรียงแถวเหมือนขบวนฝูงม้าแข่ง ไปโดยไม่มีใครจูง แค่ช่วยเปิดประตูให้ พอกองเลิกงาน 4 ทุ่ม เขาจะวิ่งกลับมาที่ห้องเอง เป็นระเบียบเรียบร้อยมาก”

โคโค่คือหมาของพี่ดุ๊ก

ลูกๆ รุมรัก

“แม้จะตัวใหญ่ขนาดนี้ แต่ยังไม่เคยเจอเหตุการณ์โดนรุมแล้วเจ็บรุนแรง มีแค่ครั้งเดียวที่กำลังจูงทั้งฝูงออกนอกบ้าน ความที่กระตือรือร้นกันมาก พอเปิดประตูเขาพรวดออกไปจนเราล้มคะมำ นอกนั้นเป็นแผลข่วนเล็กน้อย เป็นการเตือนว่าถึงเวลาต้องตัดเล็บแล้วนะ กับบางช่วงที่เขาแย่งกันกอด รักพ่อมากจนเหยียบเท้าพ่อก็มี หลังๆ จึงรู้ว่าเวลาเปิดประตูห้องนอนต้องไม่เดินพรวดพราดเข้าไป จะยืนพิงประตู แล้วเขาจะค่อยๆ มาทีละตัว ไม่กระโจนใส่ แต่ถ้าช่วงไหนเขาคิดถึงมากๆ เวลานั่งที่เตียงจะรู้เลยว่าเดี๋ยวต้องจมไปในฝูง ทั้งรุมจูบ รุมฟัด

“การได้เลี้ยงพวกเขาทำให้ผมมีความสุข บอกไม่ถูกเหมือนกันนะ คือบางทีก็วุ่นวายบ้าง แต่โดยรวมเราไม่เครียด ไม่เหงา เป็นความสุขใกล้ตัวที่คนเลี้ยงหมาจะเข้าใจ เขาต่างจากสัตว์อื่นตรงที่เข้าใจสถานการณ์ เข้าใจเรา คุยรู้เรื่อง ปลอบเราได้ สนุกกับเรา ทำให้สุขภาพจิตดีด้วย แก๊งโคโค่จึงเป็นสีสันและความสุขในชีวิตครับ”


ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 991

ภาพ : Duke Bhanudej

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Praew Recommend

keyboard_arrow_up