ซี ภูวรินทร์ คีแนน

ชีวิตที่ต้องยอมแลก! ของ “ซี – ภูวรินทร์ คีแนน” เพื่อเลือกเปลี่ยนเป็นตัวเอง

Alternative Textaccount_circle
ซี ภูวรินทร์ คีแนน
ซี ภูวรินทร์ คีแนน

หลายคนน่าจะยังจำภาพของ “ซี – ภูวรินทร์ คีแนน หรืออาจคุ้นในชื่อ “มัณฑาวี” ด้วยลุคทอมบอยเท่ๆ กับเสียงเจ้าเสน่ห์ที่ทำให้สาวๆ กรี๊ดทั่วเมือง แต่เบื้องหลังภาพความสำเร็จเหล่านั้น ซีเคยผ่านการต่อสู้กับใจตัวเองอย่างหนักว่าจะเลือกเดินตามความฝันหรือความต้องการของสังคม

Born To Be Me

“ซีรู้ใจตัวเองว่าเราเหมือนเด็กผู้ชายมาตั้งแต่เด็ก ห้าวมาตั้งแต่ประถม ไม่ชอบใส่กระโปรง แม่เคยพยายามให้ใส่ แต่ซีรู้สึกว่ามันไม่ใช่ตัวเองจริงๆ ที่ยอมมากสุดคือใส่เสื้อตัวเล็ก แต่ก็ยอมแค่ครั้งเดียวเท่านั้น

“อย่างเวลาไปโรงเรียนจะพยายามใส่ชุดพละ เพื่อจะได้ใส่กางเกง ที่จริงผิดกฎโรงเรียน แต่อาจารย์อนุโลม ส่วนครอบครัวช่วงแรกไม่เปิดรับ เพราะอยากให้ซีเป็นเด็กผู้หญิง เขาคิดว่าเราทำตัวตามรุ่นพี่ที่เป็นทอม แต่ที่จริงไม่ใช่ ซีรู้ตัวตั้งแต่เด็กว่า Born To Be มาเป็นแบบนี้ ไม่เคยมีช่วงเวลาสับสนทางเพศเลย

“ซีเปิดตัวว่าอยากเป็นผู้ชายตอนเรียนมัธยม เพราะเห็นสังคมเพื่อนเยอะขึ้น ตัดสินใจบอกกับที่บ้านว่าเราเป็นแบบนี้ ตอนนั้นที่บ้านปล่อยแล้วว่าคงเปลี่ยนหรือบังคับอะไรเราไม่ได้ จึงได้เปิดเผยตัวเองเต็มที่ เวลาใครถามก็กล้าบอกว่าตัวเองเป็นอะไร และเริ่มมีแฟนเป็นผู้หญิง เป็นแนวใสๆ เดินจับมือกลับบ้าน (ยิ้ม)

“แม้จะประกาศตัวว่าชอบผู้หญิง แต่ตอนนั้นก็ยังมีผู้ชาย โดยเฉพาะเกย์เข้ามาจีบเยอะ ซีเคยถามพี่สาวว่าทำไมผู้ชายชอบมาจีบจัง พี่บอกว่าเราอาจเหมือนเด็กผู้ชายตัวเล็ก (หัวเราะ) อย่างตอนเรียนมัธยมมีรุ่นพี่ผู้ชายที่โรงเรียนมาจีบจริงจัง ทั้งๆ ที่รู้ว่าซีไม่ใช่ผู้หญิงและมีแฟนแล้ว เคยพูดกับเขาตรงๆ ว่า ‘ไม่ได้ชอบผู้ชายนะ’ เขาก็ตอบว่า ‘ไม่เป็นไร รอได้’ ตอนแรกก็คิดว่าเขาพูดเล่น ปรากฏว่าจริงจัง เพราะตามจีบประมาณปีกว่า กระทั่งเขาเรียนจบก่อนและแยกย้ายไป

ซี ภูวรินทร์ คีแนน

“ช่วงก่อนเข้าวงการซีไม่เคยคิดมากเกี่ยวกับเพศสภาพของตัวเอง เพราะอยู่ในแวดวงเพื่อนๆ และครอบครัวที่ยอมรับตัวเราได้ กระทั่งมาเป็นศิลปินตอนอายุ 19 ค่ายเพลงกลัวว่าถ้าเปิดเผยเรื่องนี้ออกไปจะส่งผลกระทบต่อแฟนคลับ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็ก กลัวว่าซีจะเป็นแบบอย่างที่ไม่ดี เด็กๆ อาจเปลี่ยนรสนิยมทางเพศตาม เพราะย้อนไปช่วงเวลานั้นยังไม่ค่อยมีใครเปิดเผยเรื่องนี้ ตอนนั้นซีเข้าใจค่าย จึงต้องปิดตัวพอสมควร และพูดคุยกันเยอะว่าต้องวางตัวอย่างไร

“หรืออย่างเนื้อเพลงก็ต้องคิดว่าจะแต่งอย่างไรให้ออกมาเป็นกลางมากที่สุด ไม่ใช่ชายหรือหญิงที่ชัดเจนเกินไป คือให้คนรู้จักตัวตนของซีด้วย โปรดิวเซอร์มาสัมภาษณ์ ให้ซีเล่าเรื่องราวชีวิต ทั้งความรัก ความรู้สึก ช่วงนั้นซีเพิ่งอกหักมา จึงกลายเป็นเพลง ‘ง่าย ๆ แต่เหงา’ เพลงแรกที่เปิดตัวแล้วดังเลย ซีอินกับเพลงนี้มาก อย่างตอนถ่ายเอ็มวีก็น้ำตาไหลออกมาจริงๆ ทั้งที่ผู้กำกับไม่ได้สั่ง

“นอกจากเรื่องเพลงก็ยังมีการวางตัว เช่น มีการถกเรื่องการใช้คำลงท้าย จะพูดว่า ‘ครับ’ ‘ค่ะ’ หรือ ‘ฮะ’ สุดท้ายก็เลือกลงท้ายว่า ‘ครับ’ เพราะรู้สึกเป็นตัวเองและสบายใจที่สุด ถ้าไม่พูดคำว่าครับ ก็ขอไม่พูดคำว่าอะไรเลยดีกว่า เพราะซีไม่เคยพูด ‘ค่ะ  ส่วน ‘ฮะ ก็ไม่ใช่ตัวเองแน่นอน แม้จะไม่ได้เปิดเผยตัวเองแบบเต็มตัว แต่ซีรู้สึกขอบคุณตัวเองที่พยายามชัดเจนในวันนั้น เพราะไม่อย่างนั้นคงไม่มีวันนี้”

ชีวิตที่ต้องยอมแลก! ของ “ซี – ภูวรินทร์ คีแนน” เพื่อเลือกเปลี่ยนเป็นตัวเอง

เปลี่ยนเป็นสิ่งที่ใช่

“ทุกวันนี้ซียังไม่ได้เปลี่ยนเป็นผู้ชายเต็มตัว แค่ตัดหน้าอกและฉีดฮอร์โมน เพื่อเปลี่ยนร่างกายให้ดูแข็งแรงขึ้น

“จุดเริ่มต้นคือออกกำลังกายมาก ทำงานหนัก ปาร์ตี้เยอะด้วย จนผอม สภาพดูไม่ดีเลย จึงอยากแข็งแรงขึ้น เริ่มด้วยการเล่นเวต กินแต่ไข่ ไก่ และโปรตีนอยู่ 3 ปี แต่กล้ามเนื้อก็ยังไม่ขึ้นเต็มที่ ซีคลุกคลีกับเทรนนอร์และนักเพาะกายต่างๆ จึงปรึกษาเรื่องการฉีดฮอร์โมนเทสทอสเทอโรน ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศชาย เพื่อให้กล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น เขาบอกว่าฉีดได้ แต่เพียงเล็กน้อย เพราะซีกลัวว่าเสียงจะเปลี่ยนแล้วทำให้ร้องเพลงไม่ได้ ด้วยอาชีพนักร้องก็ยังอยากมีเสียงของตัวเองอยู่ สุดท้ายตัดสินใจฉีดเต็มที่ ปรากฏว่าผ่านไป 3 เดือนเสียงเปลี่ยนเป็นต่ำลงเรื่อยๆ จนร้องเพลงไม่ได้

“ช่วงนั้นลำบากและรู้สึกเฟลมาก เวลารับงานลูกค้ากลายเป็นร้องเพลงได้ไม่ดี เพราะปกติซีเสียงสูง โน้ตเพลงจะสูงหมด ต้องอาศัยการปรับคีย์ให้ต่ำลง ให้ร้องเป็นเสียงผู้ชาย แต่ผลลัพธ์ก็ยังไม่ใช่ เพราะสไตล์เพลงของเราไม่ได้ใช้เสียงโทนนี้ ตอนนั้นต้องทำใจยอมรับ บอกตัวเองว่าไม่เป็นไร

พักงานเพลงทุกอย่าง ไม่รับงานเลย ตัดสินใจว่าในเมื่อร้องเพลงไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะเราไม่สามารถนำเสียงเดิมกลับมาใช้ได้แล้ว ซีจึงเข้ายิมเปลี่ยนตัวเองเต็มที่ แต่ยังคิดถึงงานร้องเพลงมาก ยังอยากทำงานเพลง  เคยคุยกับโปรดิวเซอร์ว่าจะทำเพลงแนวใหม่ที่เป็นผู้ชายเลย เป็นแพลนที่วางไว้ในอนาคต

“ย้อนกลับมาที่เรื่องฮอร์โมน ทุกวันนี้ซีฉีดฮอร์โมนเองสัปดาห์ละ 2 ครั้ง โดยฉีดที่หัวไหล่ต่อเนื่อง 3 เดือน และเว้น 1 เดือนเพื่อให้ร่างกายได้พัก ขับฮอร์โมนออกไปบ้าง ความเปลี่ยนแปลงที่ได้คือมีกล้ามและหนวด ซึ่งซีพอใจในรูปร่างและผิวพรรณของตัวเองแล้วนะ ไม่อยากดูเป็นผู้ชายที่หนวดหรือขนขึ้นดกเกินไป ยังอยากผิวดีอย่างนี้อยู่

ซี ภูวรินทร์ คีแนน

“สำหรับการตัดหน้าอก ซีคิดมานานหลายปีแล้วว่าอยากตัดออก เพราะชีวิตประจำวันต้องใช้เสเตย์รัดหน้าอก ช่วงที่เป็นนักร้องส่งผลกับการร้องเพลงมาก เพราะพอรัดแน่นทำให้หายใจลำบาก รู้สึกว่าร้องไปไม่สุด แต่ก็ยังไม่กล้าตัดออก เพราะไม่มั่นใจเรื่องของแฟนคลับ กลัวเขาทำตามและอาจจะกระทบกับงาน  แต่ความอยากมีมากกว่า พอครอบครัวยอมไฟเขียว ซีจึงไปตัดหน้าอกที่โรงพยาบาลในจังหวัดภูเก็ต ตอนนั้นแอบทำเพราะกลัวเป็นข่าว ใช้เวลาพักฟื้นไม่นานก็หาย คุณหมอเก่งมาก

“สำหรับซีมันเหมือนยกภูเขาออกจากอก รู้สึกดีมาก คำว่า ‘รู้อย่างนี้ทำนานแล้ว’ โผล่มาเลย ตอนนอนพักฟื้นซีอยากจะหายไวๆ อยากลุกขึ้นมาถอดเสื้อถ่ายรูป แล้วก็คิดรอยสักไว้เรียบร้อย เพราะหลังผ่าตัดจะมีแผลเป็น จึงเลือกลายสักเตรียมไว้เป็นประมาณชนเผ่า ไม่ได้มีความหมายอะไรเป็นพิเศษ แค่เป็นลายที่ชอบ มองนานๆ แล้วไม่เบื่อ หลังจากพักฟื้น ตอนได้ถอดเสื้อออกเป็นครั้งแรกฟินมาก มั่นใจสุดๆ ต่างจากชีวิตที่ต้องสวมเสื้อชั้นใน ตอนนั้นเขินและไม่เป็นตัวเองเลย

“ช่วงแรกก็ไม่มีใครรู้ จนกระทั่งซีไปทะเลแล้วถอดเสื้อถ่ายรูป พอนักข่าวถาม เราตอบไม่ถูก แต่ก็ไม่อยากโกหก ที่สุดตัดสินใจบอกความจริง ซึ่งฟีดแบ็กไม่ได้แย่อย่างที่คิด และเรารู้สึกดีด้วยที่ได้เป็นตัวเองเต็มที่ ซีรู้สึกว่าคงพอแค่นี้กับการเปลี่ยนแปลงตัวเอง ไม่มีโครงการทำอะไรเพิ่มแล้ว รู้สึกดีและพอใจในรูปร่างแล้วครับ” (ยิ้ม)

เชฟ VS ช่างผม

“ตอนนี้ซีย้ายมาอยู่ที่อังกฤษ คิดว่าจะอยู่ประมาณ 2 ปี เพราะอยากพักเรื่องงานเพลงไว้ก่อน เนื่องจากเสียงยังไม่เหมือนเดิม แต่ก็ยังคิดเรื่องการทำเพลงอยู่นะ แค่คิดว่าจังหวะยังไม่ใช่ บวกกับอยากหาประสบการณ์และอาชีพที่มั่นคงอย่างอื่นดูบ้าง สิ่งที่ซีกำลังสนใจมีอยู่สองเรื่องในตอนนี้ก็คืออยากเป็นช่างตัดผมและอยากเปิดร้านอาหารไทยเล็กๆ  เป็นแนว Take Away ให้เข้ากับยุคโควิด จึงมาลองทำงานที่ร้านอาหารไทย ซึ่งซีแฮ็ปปี้นะ มีความสุขทุกครั้งที่ได้ทำอาหารให้คนอื่นทานแล้วได้รับคำชมว่าอร่อย ส่วนเรื่องเรียนตัดผม ซีใช้ช่วงเวลาว่างหลังจากงานที่ร้านอาหารลงคอร์สเรียน เป็นอีกอาชีพที่อยากทำมาตลอด เพราะชอบเซตผม และอยากทำผมให้คนอื่นบ้าง ซีคิดว่าคนเรามีความชอบได้หลายอย่าง การมาอยู่ต่างประเทศครั้งนี้ยังส่งผลดีกับตัวเอง อย่างน้อยถ้ากลับเมืองไทย ซีคงบรรลุเป้าหมายสักอย่าง อาจจะเป็นช่างทำผม หรือเปิดร้านอาหาร อยากฝากให้ติดตามครับ”

ซี ภูวรินทร์ คีแนน

รักไม่นิยามสถานะ

“เมื่อก่อนซีเจ้าชู้ มีแฟนเยอะ คบกันไม่นานก็เลิก แต่ทุกวันนี้มุมมองความรักโตขึ้น ถ้าให้พูดถึงความรัก ตอบได้ว่าไม่มีสถานะ เราเป็นเพื่อนร่วมทางที่แชร์ทุกอย่างด้วยกันได้ ทำให้ความรักครั้งนี้ยาวนานกว่าที่ผ่านมา เมื่อก่อนเวลาคบใคร พอมีคำว่าแฟนมันแสดงถึงความเป็นเจ้าของ เธอคือของเรา เราคือของเธอ จากนั้นปัญหาทุกอย่างก็เกิดขึ้น ทุกวันนี้ซีอายุ 34 แล้ว แค่รู้สึกว่าถ้าอยู่กับใครแล้วแฮ็ปปี้ก็อยู่กับเขา ทำให้เต็มที่ที่สุด การไม่นิยามว่าเป็นแฟนทำให้รู้สึกดีกว่าเดิม เพราะไม่ต้องคาดหวังมาก อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด  ซีคิดว่าความรักเกิดจากบางอย่างที่กำหนดให้คนสองคนได้เจอกัน อาจจะอยู่ด้วยกันในระยะเวลาที่สั้นหรือยาว ก็แล้วแต่ว่าเราพอใจกันมากแค่ไหน

“ซีเคยคิดเรื่องแต่งงานนะ อยากแต่งงานมากด้วย ซีสนับสนุนกฎหมายการแต่งงานแบบสมรสเท่าเทียม มันควรจะเป็นแบบนั้น เพราะมนุษย์เราเท่าเทียมกันหมด ไม่มีใครด้อยกว่าหรือเหนือกว่า ทำไมผู้หญิงกับผู้ชายแต่งงานได้อย่างเดียวในเมื่อทุกเพศมีความรักเหมือนกัน

“ดีใจที่วันนี้สังคมเปิดมากขึ้น ถ้าสมัยก่อนสังคมยอมรับได้แบบนี้ ซีคิดว่าทุกอย่างจะดีกว่านี้ มองย้อนกลับไป ซีไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นแบบอย่างที่ผิด เวลามีข่าว ซีบอกที่บ้านว่าไม่เป็นไรนะ ไม่ว่าคนอื่นจะคิดยังไง ซีไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ดี ซึ่งสุดท้ายเขาก็ภูมิใจที่ซีได้เป็นนักร้อง ได้เป็นตัวเองอย่างทุกวันนี้

“สำหรับคนที่อยากเปิดตัว แต่ยังไม่กล้า ซีแนะนำว่าค่อยๆ พูด อย่างเพื่อนที่ทางบ้านบังคับให้ใส่กระโปรงจนต้องซ่อนกางเกงไว้ในกระเป๋าเพื่อมาเปลี่ยนข้างนอก ซีถามว่ามีความสุขเหรอที่ทำแบบนี้ แล้วแนะนำให้เขาค่อยๆ เปิดเผยตัวตนกับที่บ้านทีละนิด ที่สำคัญคืออย่าทำตัวเป็นเด็กมีปัญหาหรือปลีกตัวออกมาเพราะกลัวพ่อแม่ไม่ยอมรับ ยิ่งอยู่ในครอบครัวที่เคร่งมาก เราควรเป็นเด็กดี ไม่เกเร เพราะถึงวันหนึ่งเราก็ต้องเปิดตัวอยู่ดี ควรให้เขาค่อยๆ ยอมรับเรา

“ดีใจที่มีหลายคนบอกว่าซีช่วยนำร่องและเป็นกระบอกเสียงให้เขา เมื่อก่อนเคยคิดว่าการมีรอยสักที่หน้าอกจะดูรุนแรงเกินไปไหม แต่เมื่อเป็นความต้องการของตัวเอง เราเป็นอย่างนี้ คงไม่ใช่เรื่องผิด เพราะความชอบของแต่ละคนไม่เหมือนกันครับ”


ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 987

ภาพ : @zeezeez

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Praew Recommend

keyboard_arrow_up