DoubleBam

ตัวตน หัวใจ และชีวิตที่ไม่ต้องการคำนิยามเพศของ “DoubleBam”

Alternative Textaccount_circle
DoubleBam
DoubleBam

“DoubleBam” หรือแบมแบม – นีวิรินทน์ ลิ่มกังวาฬมงคล วัย 25 ปี สาวเท่จากจังหวัดปัตตานีที่เดินทางเข้ามาประกวดรายการเดอะวอยซ์ (The Voice Thailand) ซีซั่น 3 เส้นทางการเป็นนักร้องของเธอเติบโตอย่างต่อเนื่อง จนวันนี้ได้เข้ามาเป็นนักร้องในสังกัดค่าย Mars ขณะที่หลายคนนิยามเพศของเธอไปต่างๆ นานา บ้างก็ว่าเป็นผู้หญิง บ้างก็ว่าเป็นทอม แต่แบมแบมบอกว่าชีวิตของเธอไกลกว่าคำจำกัดความที่ใครๆ มอบให้

ตัวตน หัวใจ และชีวิตที่ไม่ต้องการคำนิยามเพศของ “DoubleBam”

จุดเปลี่ยน

“สมัยเด็กแบมเคยคิดเหมือนคนอื่นๆ ที่รู้แค่ว่ามีเพศชายและเพศหญิง อาจเพราะครอบครัวดูแลอย่างใกล้ชิดด้วย เรียนเสร็จแล้วต้องกลับบ้านทันที ทำให้เห็นสังคมไม่มาก และแบมโตมากับพี่น้องผู้หญิงทั้ง 3 คน เรียกว่าเป็นเด็กผู้หญิงเต็มตัวมาตลอด

“กระทั่งเจอจุดเปลี่ยนตอนเรียนมัธยม ในโรงเรียนมีเด็กนับพันคน ได้เห็นเพศสภาพที่หลากหลาย และเหตุการณ์ที่ทำให้เริ่มรู้จักตัวเองคือแบมไปงานวันเกิดเพื่อน เจอผู้หญิงคนหนึ่งแล้วรู้สึกชอบทันที ทำให้เริ่มรู้ตัวว่าชอบผู้หญิง พอมีแฟนคนแรกตอนเรียนมัธยม 6 จึงเป็นผู้หญิงค่ะ แต่ถ้าถามว่าเคยแอบกรี๊ดผู้ชายไหม ก็เคยนะ แต่ไม่รู้สึกหวั่นไหว การคุยกับผู้ชายไม่ทำให้เราว้าวได้เท่าผู้หญิง

“หลังจากมีแฟนเป็นผู้หญิงคนแรกเราก็แมนขึ้น เวลาอยู่บ้านหรือออกข้างนอกจะใส่กางเกงกับเสื้อเชิ้ตหรือเสื้อยืด ต่างจากเมื่อก่อนที่ใส่เสื้อแขนตุ๊กตา สวมกระโปรง ตอนนั้นที่บ้านเริ่มตั้งข้อสังเกต ถามว่ากางเกงมาจากไหน เพราะเราแอบซื้อมาใส่ พอถูกถามบ่อย ยอมรับเลยว่าลึกๆ เครียด เพราะแบมยังไม่กล้าบอกที่บ้าน แต่ก็คิดว่าเขาน่าจะเห็นจากการที่เราเริ่มใส่ที่รัดหน้าอกด้วย

“สุดท้ายพอที่บ้านรู้ก็รับไม่ได้ แต่เขาเข้าใจว่าเป็นเรื่องของแฟชั่น อยากทำตามเพื่อน ขนาดพี่สาวยังถามเลยว่าเราเป็นจริงๆ หรือ เพราะสมัยเด็กแบมเคยเป็นเชียร์ลีดเดอร์ ทำไมขึ้นมัธยมถึงเปลี่ยนไปเร็วขนาดนี้ ก็ตอบไปตรงๆ ว่าไม่ได้ตามใคร แค่เป็นไปตามความรู้สึก แบมไม่ได้อยากเป็นผู้ชาย แต่ก็ไม่ได้อยากเป็นผู้หญิง 100 เปอร์เซ็นต์ มีทั้งความเป็นผู้หญิงและอยากเท่แบบผู้ชายด้วย พอที่บ้านไม่เข้าใจ ก็ทำให้เราเก้ๆ กังๆ ว่าจะเอายังไงกับตัวเองดี เพราะฉะนั้นเวลาอยู่บ้านจะทำตัวแบบหนึ่ง พออยู่โรงเรียนก็เป็นอีกแบบ แต่พี่สาวได้เห็นทั้งสองแบบ เนื่องจากเรียนที่เดียวกัน แต่เขาคงสังเกตน้องเงียบๆ ไม่ได้พูดอะไรกับที่บ้าน

“ตอนนั้นแบมไม่ค่อยตั้งคำถามกับตัวเองว่าเราเป็นอะไรแน่ อาจเพราะเจอคำถามจากคนอื่นมากพอแล้ว ซึ่งในโรงเรียนมีทั้งเลสเบี้ยน เกย์ ทอม ดี้ ก็เคยสงสัยว่าหรือเราเป็นทอมตามที่คนส่วนใหญ่คิดแบบนั้น แต่ถ้าถามความรู้สึกลึกๆ จริงๆ แบมยังเป็นผู้หญิง”

DoubleBam

เปิดโลกใหม่ที่กรุงเทพฯ

“บอกตามตรงว่ากับครอบครัวเราแทบไม่ได้คุยประเด็นนี้กันเลย แบมรู้ว่าเขาพยายามเข้าใจ เพราะตอนที่ขึ้น ม.ปลายแบมชัดเจนขึ้น เช่น ถ้าเป็นวันหยุด แบมเลิกใส่กระโปรงจนเขาชิน ถ้ามีใครถามพ่อแม่ว่า ‘ลูกเป็นอะไร’ เขาก็จะตอบขำๆ ว่าไม่รู้เหมือนกัน ส่วนแบมถ้าต้องตอบใคร ก็จะบอกแค่ว่า ‘เป็นอย่างนี้แหละ’ ให้เขาคิดกันเอง

“แบมได้เป็นตัวเองเต็มที่ตอนเข้าประกวดรายการเดอะวอยซ์ ซีซั่น 3 เมื่อ ปี 2557 ตอนนั้นอายุประมาณ 19 ปี เริ่มลงรูปแฟนในโซเชียล ที่บ้านก็ไม่ได้พูดอะไร ยิ่งมาอยู่กรุงเทพฯรู้สึกว่าสังคมเปิดกว้างในเรื่องเพศ จึงบอกตัวเองได้ว่าเราไม่ต้องจำกัดตัวเองว่าเป็นอะไร เพราะแบมไม่อยากเป็นแค่ผู้หญิงหรือผู้ชาย แน่นอนว่าพอเริ่มมีแฟนคลับก็มักจะมีคอมเมนต์ถามบ้าง เดากันว่าหน้าตาแบบนี้เป็นผู้หญิงแน่นอน บางคนก็บอกว่าเป็นทอม แต่ไม่ว่าใครจะถามอะไร แบมก็ไม่โต้ตอบ เพราะนิยามของคำว่าทอม แบมยังไม่เข้าใจเลยว่าคืออะไรกันแน่ ซึ่งโชคดีที่คำถามหรือคำพูดเหล่านั้นไม่ได้เป็นในเชิงลบ

“แต่ถึงอย่างนั้นการทำงานในวงการบันเทิง ก็เคยมีช่วงที่สับสนกับตัวตนเหมือนกัน บางครั้งรู้สึกว่าด้วยหน้าตาเราที่ดูเป็นเด็กผู้หญิง ถ้าไว้ผมยาวอาจจะดังกว่านี้ก็ได้นะ เพราะบางครั้งการดูแมนเกินไป ก็อาจจะทำให้ผู้ชายหมั่นไส้ หรือผู้หญิงบางคนอาจจะไม่ชอบ เป็นช่วงที่เคยรู้สึกไม่ดีกับตัวเอง ทุกวันนี้ก็ยังรู้สึกแบบนั้นอยู่บ้าง ต้องพยายามไม่ให้ความคิดนี้มาครอบงำจิตใจ ไม่จำกัดอะไร แค่ทำในสิ่งที่อยากทำ

“อย่างเรื่องแต่งหน้าหรือใส่เสื้อผ้าผู้หญิง เดี๋ยวนี้แบมมองว่าเสื้อผ้าไม่ได้ระบุเพศ ชอบอะไรก็ใส่ได้ ซึ่งกว่าจะมาถึงจุดนี้ต้องผ่านการพูดคุยกับตัวเองพอสมควร เพราะเมื่อก่อนใส่แต่เสื้อผ้าผู้ชาย ใส่กางเกงเอวต่ำ ไม่ใส่เสื้อผ้าผู้หญิง จนเมื่อ 3 ปีที่แล้วสไตลิสต์ท่านหนึ่งช่วยแนะนำให้ใส่กางเกงเอวสูงของผู้หญิง ปรากฏว่าชอบมาก นับจากนั้นก็เริ่มเปลี่ยนลุค กล้าแต่งตัวมากขึ้น ใส่เสื้อผู้หญิงก็ไม่เป็นไร ถ้าตัวเองพอใจหรือใส่แล้วมั่นใจ”

DoubleBam

ความรักในแบบของแบม

“สำหรับความรัก แบมอยากแต่งงานนะ อยากมีครอบครัวกับใครสักคน ให้เราอบอุ่นใจ เป็นพื้นที่ปลอดภัยของเรา ไม่เคยคิดว่าสังคมจะยอมรับไหม เพราะ รู้สึกว่าเป็นสิทธิ์ของเรา ถ้าต้องสู้เพื่อให้ได้สิทธิ์นั้นมาก็พร้อม ซึ่งที่ผ่านมาเคยคุยกับแฟนว่าอนาคตอาจรับเด็กมาเลี้ยงหรือให้แฟนตั้งท้อง เรามองภาพครอบครัวไว้แบบนี้”

DoubleBam

ไม่ต้องนิยามก็ได้

“บางคนอยากให้นิยามเพศตัวเองว่าเป็นอะไรกันแน่ แต่แบมไม่มีให้ ทุกวันนี้เวลามีคนบอกแทนว่าแบมเป็นทอม ก็รู้สึกกระอักกระอ่วนเหมือนกัน เพราะไม่มีคำตอบว่าอยากเป็นอะไร ลึก ๆ ยังรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิง ในกรณีที่ให้เลือกระหว่างเพศชายกับเพศหญิงนะ แต่ถ้าให้นิยามตัวเองกว้างกว่าสองเพศนี้ ตอบยากค่ะ เพราะเรามีความย้อนแย้งในตัวเอง แบมเป็นผู้หญิง แต่ไม่ได้อยากเป็นผู้หญิง อย่างเรื่องหน้าอกก็ไม่อยากมี แต่ไม่คิดถึงขั้นว่าจะผ่าตัดออก และทุกวันนี้คำนิยามเรื่องเพศมีเยอะไปหมด จนรู้สึกอึดอัดแทนที่ทุกคนต้องพยายามนิยามว่าเป็นเพศไหนแน่ แบมแค่คิดว่าฉันก็เป็นของฉันแบบนี้แหละ 

“ในอดีตเคยอยากเป็นผู้ชาย แต่ไม่สามารถสูญเสียตัวเองได้ขนาดนั้น เรายังชอบหน้าตาและรูปร่างของตัวเองแบบนี้ สมัยเรียนมัธยมอยากดูแมนขึ้น ก็พยายามดัดเสียงให้ต่ำลงจนเสียงทุ้มขึ้นมาจริงๆ ทุกวันนี้รู้สึกเสียดาย เพราะจำได้ว่าเมื่อก่อนเสียงใสกว่านี้มาก จึงเริ่มเข้าใจว่าเราชอบที่เป็นตัวของตัวเองอยู่แล้ว ไม่ต้องเปลี่ยนอะไร

“แบมค่อนข้างโชคดีที่พอเข้าวงการมาทุกคนยอมรับในตัวตน ไม่มีใครบอกว่าควรเป็นแบบไหน แบมเคยอ่านสัมภาษณ์ของนักร้องคนหนึ่ง เขาเล่าว่าเคยมีค่ายเพลงติดต่อมาบอกว่าถ้าเขาเป็นผู้หญิงคงจะได้เป็นนักร้องไปแล้ว แต่ด้วยบุคลิกที่เป็นทอมจึงไม่ได้เป็น นี่เป็นตัวอย่างว่าบางคนโดนข้อจำกัดเรื่องเพศ ทำให้เสียโอกาส

“การเป็นที่รู้จัก นอกจากจะได้ทำงานเพลงที่ตัวเองชอบ ตัวตนของเรายังสามารถสร้างความมั่นใจให้คนอื่นได้ อาจจะยังไม่ถึงขั้นว่าสามารถเป็นกระบอกเสียง แต่อาจเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่น มีคนส่งข้อความมาหาว่าพอเห็นเราแสดงความเป็นตัวเอง คือมีมุมตุ้งติ้งและมีความแมน ทำให้เขาเจอคำตอบของตัวเอง ว่าการที่เป็นอะไรได้มากกว่าที่เคยเป็น ถือเป็นความสุขอย่างหนึ่ง”


ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 987

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Praew Recommend

keyboard_arrow_up