ครอบครัวปฐวีกานต์

ละมุนยกบ้าน! “พ่อมอส-แม่เกม-โสน-สวรรค์” ใครเป็นยังไงในครอบครัวปฐวีกานต์

Alternative Textaccount_circle
ครอบครัวปฐวีกานต์
ครอบครัวปฐวีกานต์

เปิดความละมุนของครอบครัวปฐวีกานต์ จากปาก เกม ดวงพร ปฐวีกานต์ ภรรยาคนสวยของ มอส ปฏิภาณ และคุณแม่ของน้องโสน (สิสราญ 9 ขวบ) น้องสวรรค์ (ธานธาดา 6 ขวบ) วัยกำลังน่ารัก ทว่าคาแร็คเตอร์ต่างกันคนละขั้ว คนพี่ออกนิ่ง เท่ คนน้องตลก แสนซน ทำให้คุณแม่ต้องแปลงร่างกลายเป็นซูเปอร์มัม

ละมุนยกบ้าน! “พ่อมอส-แม่เกม-โสน-สวรรค์” ใครเป็นยังไงในครอบครัวปฐวีกานต์

เล่าให้ฟังหน่อยค่ะว่าเรื่องความซนหรือความปวดหัวของคุณแม่ลูกสองตอนนี้อยู่ระดับไหน

“ต้องบอกก่อนว่าคาแร็คเตอร์ของ ‘โสน’ และ ‘สวรรค์’ ไม่เหมือนกันเลย โสนเรียนเกรด 4 ที่โรงเรียน ISB เขาจะนิ่งๆ เงียบๆ ชอบสังเกตการณ์ ไม่เหวี่ยงวีน ถ้ามีอะไรที่รู้สึกไม่โอเค เขาจะแสดงออกแบบอื่นแทน ส่วนสวรรค์เรียนเกรด 1 ที่โรงเรียนเดียวกัน คนนี้ใจร้อน คิดอะไรก็แสดงออกแบบนั้น ซึ่งพอเราเลี้ยงลูกมาสักพักจะเริ่มรู้ว่าต้องปฏิบัติหรือมีวิธีพูดกับลูกแต่ละคนไม่เหมือนกัน เช่น ถ้ามีสิ่งที่โสนต้องทำจริงจัง ถึงแม้ตอนนี้จะไม่ใช่เวลาที่เขาอยากทำ หรือไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากทำ พอเราใช้น้ำเสียงจริงจังกึ่งๆ ดุ เขาก็จะสามารถทำได้ แต่ถ้าใช้น้ำเสียงแบบนั้นกับสวรรค์ เขาจะต่อต้าน ต้องใช้คำพูดในเชิงตะล่อม จึงจะชักจูงให้ทำสิ่งที่เราต้องการให้เขาทำ ณ เวลานั้นได้ เพราะฉะนั้นพ่อแม่ต้องทำการบ้านถึงวิธีปฏิบัติกับลูกแต่ละคนด้วย”

ระหว่างแม่เกมกับพ่อมอส ใครดุกว่าคะ

“พี่มอสจะบ่นเวลาลูกทำอะไรขัดใจหรือไม่ถูกต้อง ทีนี้ลูกอาจจะฟังบ้างไม่ฟังบ้าง เพราะว่าเขาพูดเยอะ ส่วนแม่ค่อนข้างดุ แต่ก็พยายามเข้าใจและหาวิธีตกลงกับลูกแต่ละคน ถ้าเขาเริ่มทำอะไรที่ไม่โอเค แม่จะดุมาก อันนี้ถามลูกได้เลย”

ครอบครัวปฐวีกานต์

คุณแม่ดุไหมคะ (ถามน้องโสน – น้องสวรรค์)

ด้วยความเขิน ทั้งสองคนพยักหน้าแทนคำตอบ จนคุณแม่ต้องตอบแทนว่า “เขาบอกว่าเดี๋ยวแม่ก็ใจดี เดี๋ยวก็ดุ” (หัวเราะ)

เรื่องไหนที่คุณแม่ซีเรียสเป็นพิเศษจนถึงขั้นต้องดุคะ

“เรื่องวินัยค่ะ โดยเฉพาะสิ่งที่เป็นหน้าที่ อย่างช่วงที่ต้องเรียนออนไลน์ พ่อแม่ต้องสู้รบกับลูกหนักมาก เพราะตารางเวลาเปลี่ยนหมด ก่อนหน้านี้เราเคร่งครัดกับตารางเวลาว่าเขาต้องตื่นนอน กินนม กินข้าว นอนเวลานี้ ประมาณว่า 2 ทุ่มต้องหลับแล้ว แต่พอเรียนออนไลน์ ตารางเวลาเปลี่ยน ลูกเริ่มนอนดึก ตื่นสาย ตื่นมาก็เรียนออนไลน์ ไม่ต้องแต่งตัว กินข้าวตามสบาย เป็นแบบนี้มาครึ่งปีแล้ว และน่าจะเป็นความทรมานของทุกบ้านที่คุมตารางเวลาไม่ได้ เพราะที่จริงแม่ไม่ได้ว่างตลอด แต่ต้องตามประกบลูก

“ทำให้ต้องตั้งกฎสิ่งที่ต้องทำขึ้นมา เช่น ตื่นมาต้องแปรงฟัน อาบน้ำ กินข้าวให้จบ แล้วเขาจะสามารถทำอะไรก็ได้ก่อนถึงเวลาเรียน หรือถ้าเขาไม่ทำ เช่น ถึงเวลากินข้าวแล้วเขาบอกไม่หิว ก็จะมีให้เลือก 2 ทาง คือไม่ต้องกินอะไรจนถึงเย็น ขนมก็ห้ามกินระหว่างวัน ไม่หิวก็ไม่ต้องกินเลย กับเดินมากินซะดีๆ จะกินมากน้อยก็ได้ ขอให้กินให้จบ แล้วจะไปทำอะไรก็ไปทำ

“แต่บางเรื่องเกมก็สบายๆ ยอมให้ต่อรองได้บ้าง สมมติว่าเขาว่างแล้วทำทุกอย่างเสร็จครบถ้วน อยากขอดูจอคอมพิวเตอร์เพิ่มอีกหน่อย โอเค หรือที่จริงก็กินข้าวเยอะแล้ว แต่หลังจากนั้นอยากกินขนมนมเนยช่วงบ่าย ก็กินได้ ไม่บ่น ไม่ว่า จะทำอะไรเชิญตามสบาย”

ครอบครัวปฐวีกานต์

ก่อนหน้านี้เคยเห็นในไอจีคุณแม่คือน้องโสนไม่ค่อยพูด แต่เต้นเก่งมาก กับล่าสุดเห็นคุยมากขึ้นแล้วนะคะ

“ค่ะ สมัยก่อนโสนขี้อาย ไม่ชอบแสดงออก ค่อนข้างเก็บอารมณ์ ไม่อยากให้ใครรู้ว่าคิดอะไร แต่ช่วงหลังดีขึ้นเยอะ อาจเพราะเริ่มโตขึ้นด้วย คือเดี๋ยวนี้ถ้าไปเรียนเต้นแล้วต้องเต้นให้เพื่อนดู เขาสามารถทำได้ ไม่มีปัญหา อย่างเพื่อนๆ ที่โรงเรียนจะชอบโชว์เต้น โชว์ร้องเพลง ซึ่งโสนจะมีเพื่อนที่ชอบแนวเดียวกัน เป็นบัดดี้ชวนกันไปทำเรื่องพวกนี้ตลอด คนเป็นพ่อแม่เห็นแล้วต้องสนับสนุน จึงให้เขาไปเรียนเต้นที่รัชดาลัยตั้งแต่เจ็ดขวบ เปิดโอกาสให้ลองทำ เขาจะได้รู้ว่าชอบไหม

“อีกอย่างคือโสนอ่านหนังสือเองได้แล้ว ส่วนสวรรค์ เกมจะอ่านให้ฟัง เสร็จแล้วเราสามคนก็คุยกันว่าวันนี้มีเรื่องที่ชอบหรือไม่ชอบอะไรบ้าง มีเรื่องสุขใจหรือเศร้าใจไหม เพื่อให้เขาปลดปล่อยสิ่งที่เขารู้สึกตอนนั้น แต่อาจจะไม่ได้บอกใครออกมา ช่วงแรกโสนไม่ค่อยเล่า เกมจึงเริ่มด้วยการเล่าให้ลูกฟังก่อนว่า วันนี้หม่าม้าไปทำสิ่งนั้นมานะ หม่าม้าไม่ชอบเลย รู้สึกหงุดหงิด หรือว่าเจออันนี้มา รู้สึกชอบมาก ความที่สวรรค์ช่างเจรจา ช่างพูดช่างคุยอยู่แล้ว เขาก็จะเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ พอทำอย่างนี้ได้สัก 2-3 วัน โสนก็เริ่มมีเรื่องเล่าบ้าง ตอนแรกอาจเป็นเรื่องสั้นๆ ก่อนจะเริ่มยาวขึ้น เล่าได้เป็นฉากๆ เกมรู้สึกว่าเป็นสัญญาณที่ดี คงทำเป็นกิจวัตรต่อไปเรื่อยๆ”

ค่อนข้างกังวลว่าน้องโสนจะเก็บตัวใช่ไหมคะ

“ใช่ค่ะ เพียงแต่ตอนเขาเด็กเราไม่ค่อยกลัว เพราะเรายังอยู่ใกล้กันตลอด ที่กลัวคือพอเขาโตเป็นวัยรุ่นแล้วจะไม่พูดกับเรา เลิกปรึกษาแม่แล้วไปปรึกษาเพื่อนแทน เพราะฉะนั้นจึงต้องหาวิธีทำให้เขาสบายใจที่จะพูดกับเรา แต่ก็เข้าใจวัยรุ่นนะ บางทีเขาจะคิดถึงตัวเองเป็นหลัก อย่างบ้านเกมเองพ่อแม่ดุมาก ทำให้ไม่กล้าพูดกล้าบอกอะไร ทั้งที่เราไม่ได้ทำผิดมากมาย เกมไม่อยากให้ลูกรู้สึกแบบนั้น”

ครอบครัวปฐวีกานต์

กับคุณพ่อล่ะคะ เขาคุยให้ฟังหรือเปล่า

“กับพ่อ ลูกเล่นด้วยอย่างเดียวเลยค่ะ ทั้งที่จริงพ่อเข้มงวดมาก แต่ความที่เขาบ่นเรื่อยๆ กลายเป็นว่าพ่อไม่สามารถคอนโทรลลูกได้ คือเวลาเขาเล่นด้วยกัน ทุกคนจะฟรีสไตล์ สนุกสนาน อย่างโสนชอบไปไดรฟ์กอล์ฟหรือว่ายน้ำกับพ่อมาก แต่พอพ่อจะต้องเข้มงวดให้เขาทำอะไรสักอย่าง กลายเป็นว่าเอาไม่อยู่ เพราะลูกไม่กลัวพ่อเลย”

พี่โสนช่วยดูแลน้องสวรรค์ไหมคะ

“แม้เขาจะดูเฉยๆ ไม่แสดงออกมากมาย แต่ช่วยดูแลน้องดีค่ะ เรียกว่าน้องสามารถเรียกให้พี่ช่วยได้ทุกอย่าง ‘เจ้ช่วยนั่นหน่อย ช่วยนี่หน่อย’ ซึ่งโสนจะช่วยตลอด ด้วยนิสัยเขาที่มีความเป็นผู้ใหญ่อยู่แล้ว แต่สวรรค์จะเป็นสไตล์หวันๆ อย่างเข้าไปจุ๊บเจ้ก่อน ก็อาจจะถูกผลักออกมา ตามด้วยทะเลาะกันบ้าง เช่น เจ้เล่น TikTok อยู่ สวรรค์อยากดูด้วย แต่เจ้ปฏิเสธ เขาก็เดินมาบอกว่า เจ้ไม่แชร์เลย เหตุผลของโสนคือ No Screen Time คือตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาของสวรรค์ สุดท้ายแม่ต้องบอกว่านี่ไม่ใช่เวลา Screen Time ของสวรรค์จริงๆ นะ ก็อดเล่นไปตามระเบียบ

“เพราะปกติเราให้เวลาเขาดูจอได้วันละไม่เกิน 1 ชั่วโมง แต่เนื่องจากอยู่บ้านตลอดเวลา และเรียนออนไลน์อีก จึงควบคุมเวลาได้ยากอย่างที่บอก เพราะเขาจะมีจออยู่ในมือตลอดเวลา เรียนเสร็จอาจขอเล่นหน้าจอต่ออีกหน่อย ซึ่งการขอต่อเวลา แม้จะเป็นเล่นเกมวิชาการที่มีประโยชน์กับเขา ดูแล้วโอเค แต่โดยส่วนตัวเกมคิดว่าถ้าเรียนจบแล้ว ปิดจอไปเลยดีกว่านะ”

แสดงว่าหลังจากปิดจอแล้ว มีกิจกรรมอื่นให้น้องๆ ทำอีกสิคะ

“ส่วนใหญ่เป็นการออกกำลังกายค่ะ ไม่อยากให้เรียนเยอะ จะมีเรียนพิเศษแค่วิชาเดียวคือภาษาไทย เพราะโรงเรียนอินเตอร์ไม่ค่อยได้ใช้ภาษาไทย ถ้าเป็นเมื่อก่อน หลังเลิกเรียนหรือเสาร์-อาทิตย์จะพาเขาไปเรียนยิมนาสติก พาไปเล่นโน่นเล่นนี่นอกบ้านบ้าง ตอนเย็นออกไปขี่จักรยาน

“แต่ตอนนี้ทำแบบนั้นไม่ได้ทั้งหมด แต่ข้อดีของการอยู่บ้านกันพร้อมหน้าคือออกกำลังกายด้วยกัน เพราะเกมกับพี่มอสซีเรียสเรื่องนี้ เรารู้สึกว่าเด็กๆ ต้องใช้แรงทุกวัน เพื่อระบายความเครียดและทำให้เขากินดี หลับดี ถ้าเขาได้ใช้แรง เขาจะไม่ซึม พอออกไปข้างนอกไม่ได้ ทำอะไรก็ไม่ได้ ก็เลยชวนมาเล่นด้วยกันกับแม่ สังเกตว่า โสนจะค่อนข้างอึดในการใช้ร่างกาย ชวนเล่นโยคะ ฟิตเนส เต้น เขาทำได้หมด ส่วนสวรรค์จะขี้เกียจหน่อยๆ แล้วแต่อารมณ์ ถ้าวันไหนอารมณ์ดีก็จะเต้นสัก 3 เพลง”

ครอบครัวปฐวีกานต์

สองคนพี่น้องมีวีรกรรมหรือมุมตลกๆ ไหมคะ

“ถ้าตลกต้องสวรรค์ค่ะ เขาไม่ห่วงสวยเลย สามารถเต้นตลกๆ ทำหน้าตลกได้ โดยเฉพาะเวลาเต้นกับพ่อ เขาชอบทำท่าทางทำหน้าฮาๆ แบบของเขา แล้วพ่อก็จะถ่ายวิดีโอไว้ สวรรค์ชอบมานั่งดูตัวเอง ซึ่งเขาชอบที่ตัวเองทำอะไรแบบนั้นด้วยนะ ส่วนโสนเหมือนแม่ คือจริงจัง ไม่ค่อยปล่อยให้ตัวเองทำอะไรแปลกๆ หรือตลกๆ

“เคยมีบางครั้งที่ลูกสองคนแท็กทีมกันแกล้งพ่อ เห็นพ่อนอนอยู่ก็กระโดดใส่เลย หรือแอบหยิบโทรศัพท์พ่อไปซ่อน เพราะบางทีพ่อคุยโทรศัพท์เยอะ เลยเอาไปซ่อนซะงั้น”

พี่น้องเคยทะเลาะกันแรงๆ บ้างไหม

“ไม่เคยค่ะ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเล็กน้อย เช่น เจ้ไม่แบ่งอันนี้ให้หวัน แต่หวันก็ไม่แบ่งอันนั้นให้เจ้ไง จะเป็นประมาณนี้มากกว่า ซึ่งตอนหลังแม่จะไม่เคลียร์ให้ ‘มาบอกหม่าม้าทำไม ยูไปหาวิธีพูดกับเจ้สิ’ หรือไม่เราก็จะบอกเขาว่า ‘มีวิธีพูดอะไรหรือเปล่าที่จะทำให้เจ้อยากให้หวันเอง ไม่ต้องมาบอกหม่าม้าเลย ไปจัดการกันเอง’ เพราะเขาเคลียร์กันได้ทุกครั้ง รับประกัน 100 เปอร์เซ็นต์ คุยเหมือนเถียงกันแป๊บเดียว เดี๋ยวก็มาเล่นกันเหมือนเดิม แม่ไม่ต้องไปช่วยเขาตัดสินว่าใครผิดใครถูก ยกเว้นว่าถ้ามีการตีกัน ซึ่งยังไม่เคยเกิดขึ้น ถ้าเจอแบบนั้น แม่คงต้องไปห้ามว่าให้หยุดก่อน แต่ยังไม่มี แม่เลยไม่ต้องยุ่ง”

เห็นในไอจีคุณแม่ ดูเหมือนน้องสวรรค์ค่อนข้างขี้อ้อน

“มาก (ลากเสียงยาว) จู่ๆ ก็เดินมาจุ๊บแล้วบอก ‘I love you’ ตลอดตามอารมณ์เขา พอเขามากอดเรา เราก็กอดกลับ ซึ่งเป็นคนละขั้วกับโสนที่จะไม่เริ่มก่อน เราต้องใช้วิธีเข้าหาเขาแทน นานๆ ทีจึงจะเข้ามากอดเราบ้าง”

เขาเคยอ้อนคุณแม่เวลาอยากได้ของไหม

“บ้านนี้ถือว่าน้อยค่ะ สมมติว่าไปเดินห้างด้วยกัน แล้วเราเห็นว่าเขาอยากได้อะไร ก็จะไม่ทะเลาะกับลูกหรอก แต่จะดูสิ่งที่ให้ประโยชน์จริงๆ เช่น อยากได้เลโก้ ถ้าไม่แพงเกินไป เขานำกลับมาต่อเล่นกันที่บ้าน ถ้าให้ได้ก็ให้เลย แต่ถ้าเป็นรถเด็กเล่นคันใหญ่ที่ขับได้จริง เกมไม่ให้ เพราะดูแล้วว่าซื้อมาขับ ไม่กี่ครั้งก็คงทิ้ง ทั้งที่ราคาบางคันเป็นหมื่น แต่ถ้าเขาอยากได้เซิร์ฟสเกตเพื่อออกกำลังกาย อันนี้ยินดีซื้อ จะพยายามไม่ปฏิเสธสิ่งที่สามารถให้ได้ โดยมีข้อจำกัดคือ ถ้าเป็นของที่ไม่มีประโยชน์ แพงเกินไปหรือเกินตัว ก็จะไม่ให้

“แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขาขออย่างไร พ่อกับแม่ก็ต้องปฏิเสธ คืออยากเลี้ยงแมว หมา อยากได้ไก่ ฯลฯ ยังไงก็ไม่ได้ เพราะโสนเป็นภูมิแพ้ พอเขาไปเล่นกับลูกหมาลูกแมวจะคันทันที ก่อนหน้านี้ยอมให้เขาเลี้ยงหนูแฮมสเตอร์แล้ว 1 ตัว เพราะขนไม่ร่วง เลี้ยงง่าย มันสามารถอยู่เองได้ และทั้งสองคนมีหน้าที่ล้างกรงให้สัปดาห์ละครั้ง บวกกับการเลี้ยงสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะหมาต้องการการดูแลมาก มีช่วงหนึ่งที่สวรรค์อยากได้นกมาก เราก็บอกเขาว่านกไม่ได้เลี้ยงง่ายอย่างแฮมสเตอร์นะ ที่สุดต้องตั้งกติกาว่าเขาจะไม่ได้สัตว์เลี้ยงจนกว่าจะอายุครบ 13 ปี และถ้าเขาอายุ 13 ปีแล้ว แต่ยังไม่มีความรับผิดชอบมากพอ ก็ยังคงเลี้ยงไม่ได้อีก”

ครอบครัวปฐวีกานต์

ถ้าขอคุณพ่อ มีโอกาสได้มากกว่าหรือเปล่า

“เรื่องนี้พ่อยากกว่าแม่เยอะเลยค่ะ เวลาซื้อของให้ลูก พ่อจะคิดเยอะกว่า”

ปีที่แล้วเห็นน้องโสนทำเครื่องดื่มขายในหมู่บ้านด้วย ไอเดีย ใครคะ

“ช่วยกันค่ะ เหตุจากปีที่แล้วช่วงล็อกดาวน์ ในหมู่บ้านเป็นเด็กที่เรียนโรงเรียนเดียวกัน เด็กเขาเล่นกันเอง มาบ้านนี้ ไปบ้านโน้น ทีนี้เด็กเขาคุยกันว่า ในเมื่อทุกคนออกไปไหนไม่ได้ น่าจะหากิจกรรมที่มีประโยชน์ทำ ทุกวันเสาร์ตอนเย็นต่างคนต่างหาของไปขายคนละอย่าง บางคนอบคุกกี้ บางคนอบขนมปัง บางคนทำน้ำส้มขาย เราก็ไปสมทบกับเขา ทำโอวัลตินขาย แต่ตอนเขาทำ เราก็สอนให้รู้ว่าซื้อของราคาเท่านี้ มีค่าแรงที่เราต้องมานั่งชงเครื่องดื่ม ซึ่งเราต้องไปยืนขายอากาศร้อนๆ ได้เงินกลับมาเท่าไร หักต้นทุนคืนหม่าม้า กำไรเหลือเท่าไหร่เขาก็เก็บไป เขาจะได้รู้ว่าขายได้หนึ่งพันบาท ไม่ใช่ว่าเขาได้ทั้งหมด แต่ต้องมีเงินลงทุนและได้กำไรกลับมา เด็กๆ จะได้รู้”

ช่วงที่ไปเที่ยวกันสามคนแม่-ลูกโดยไม่มีคุณพ่อ เคยมีโมเมนต์ของการดูแลตัวเองหรือแต่งตัวตามประสาผู้หญิงบ้างไหม

“เราจะเล่นแต่งหน้ากัน ยิ่งถ้ามีร้านเครื่องสำอางเด็กส่งมาให้นะ โอ้โฮ…ก็ต้องให้เล่นสักพักหนึ่ง หลังจากนั้นแทบต้องเอาไปซ่อน เพราะแต่งหน้ากันทั้งวัน ว่างๆ ก็เอายาทาเล็บมานั่งทา อวดสติ๊กเกอร์ติดเล็บ พอทาเสร็จ อวดจินตนาการกันเสร็จ ชั่วโมงสองชั่วโมงก็แกะหรือล้างออก แล้วทาใหม่ ทาแล้วแกะๆ ประมาณว่าเป็นงานอดิเรกเชิงศิลปะ

“ส่วนเรื่องแต่งตัว สวรรค์เป็นมาก ถึงขั้นเลือกเสื้อผ้าไว้ตั้งแต่ตอนกลางคืน ถ้าตื่นมาแล้วมีอะไรเปลี่ยนแปลง เขาจะหงุดหงิดทันที หรือเกมค่อนข้างดูแลผิวตัวเองมาตลอด จึงชอบสอนให้เขาทาครีมเองทุกวัน ซึ่งต่างจากโสน ถ้าวันไหนรีบหรือขี้เกียจ เขาจะไม่ทาครีม แต่สวรรค์ขาดไม่ได้แม้แต่อย่างเดียว เพราะเขาช่างแต่งตัว ชอบเลือกชุด เราสอนเขาตั้งแต่เล็กว่าให้ดูแลผิว จริงๆ โสนควรต้องดูแลผิวมากกว่าสวรรค์ เพราะผิวโสนเป็นภูมิแพ้คล้ายๆ พี่มอส คือจู่ๆ ก็เป็นวงแดงๆ อย่างตอนนี้โสนเริ่มมีกระขึ้นหน้าเพราะแพ้แดด ถ้าไปตากแดดที่ทะเล 2-3 วัน กลับมาหน้าจะด่าง จึงซีเรียสว่าเขาต้องดูแลผิว แต่ปรากฏว่าถ้าแม่ไม่ทำให้ เขาก็จะไม่ทำ ประมาณนี้”

ครอบครัวปฐวีกานต์

ในเมื่อสองคนมีความต่างกันแบบนี้ คุณแม่มองภาพอนาคตของพวกเขาไว้อย่างไรคะ

“ความจริงคือเกมไม่ได้คาดหวังเลยว่าลูกต้องทำอาชีพอะไร แต่เท่าที่สังเกตตอนนี้คือโสนจะไปในทางศิลปินมากกว่า แต่ก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และความขวนขวายของเขาด้วยว่าเขาจะทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหน เราไม่ได้ผลักดันอะไร ให้เป็นไปตามธรรมชาติ ส่วนสวรรค์ยังมองไม่ออก แต่เขามีความเป็นผู้นำสูง คือเวลาเล่นกับเพื่อน เขาจะเป็นผู้นำกลุ่ม คอยสร้างเกมว่าเล่นแบบนั้นแบบนี้กันเถอะ อาจเพราะเขาไม่เล่นตามคนอื่น จึงต้องคิดเกมมาเล่นเอง เพราะฉะนั้นไม่ว่าเขาทั้งสองคนจะทำอะไร ก็ขอให้ไปในแนวทางที่เขาถนัดแล้วกัน ซึ่งเรายินดีสนับสนุนเขา”

แล้วพ่อมอสอยากให้น้องๆ เข้าวงการบันเทิงไหมคะ

“ไม่เคยเลยค่ะ ไม่ผลักดันด้วย แล้วแต่ลูก ซึ่งโสนยังไม่ได้มีคาแร็คเตอร์ชัดมาก ถ้าเขาอยากทำอะไรสักอย่าง เราก็อยากให้เขาแน่ใจ ไม่อยากบังคับหรือผลักดันอะไรทั้งสิ้น เพราะไม่เป็นผลดีกับใคร ให้เขาทำในสิ่งที่ชอบดีกว่าทำในสิ่งที่เขาไม่พร้อม ซึ่งจะกลายเป็นประสบการณ์เลวร้ายไปแทน”

ครอบครัวปฐวีกานต์

คุณแม่มีคำสอนที่ใช้ปลูกฝังเด็กๆ ไหมคะ

“ไม่ได้มีคำสอนอะไรเป็นพิเศษค่ะ ส่วนใหญ่จะสอนเขาเรื่องระเบียบวินัยเป็นหลัก เพราะเรามองว่าเด็กวัยนี้เราต้องเข้าใจเขา และให้เขาเข้าใจความรู้สึกตัวเอง เพราะฉะนั้นถ้าจะสอนหรือดุ เราจะดูคาแร็คเตอร์ของแต่ละคนมากกว่า เช่น เรามักพูดเน้นย้ำกับสวรรค์บ่อยๆ ว่า ‘สวรรค์รู้ไหม คนเราโมโหได้ หม่าม้าก็ขี้โมโหเหมือนกัน แต่เรามีวิธีทำให้หายโมโหเร็วขึ้น รู้ไหมว่าทำยังไง’ สิ่งที่เขาจะได้ยินจากเราเป็นประจำคือ ‘ใจเย็นๆ หายใจเข้า หายใจออก’ เพราะเขาโมโหง่าย อันนี้จะเป็นเรื่องที่สวรรค์ได้ยินบ่อย

“ส่วนโสนเป็นเรื่องของความรู้สึก เพราะเวลาเขารู้สึกติดขัดอะไรมักจะร้องไห้ เราก็จะพยายามสะท้อนความรู้สึกเขา เช่น ‘ตอนนี้หนูรู้สึกอย่างนี้ใช่ไหม ที่รู้สึกอย่างนี้เพราะอะไร’ จะคอยบอกเขาแบบนี้ ไม่ค่อยได้สอนอะไรที่เป็นนามธรรม เพราะรู้ว่าเขายังไม่ค่อยเข้าใจสิ่งเหล่านั้น”

สุดท้ายแล้วน้องๆ มีอะไรอยากบอกคุณแม่ไหมคะ

โสนและสวรรค์ยังคงเขินต่อเนื่อง คุณแม่จึงต้องช่วยตอบแทนว่า “โสนไม่ค่อยบอกอะไรหรอกค่ะ ตามสไตล์เขา อย่างมากก็กอดแล้วหอม แต่สวรรค์แต่งเพลงแล้วร้องให้ฟังทุกคืน ‘You are the best, You are the best, You are the best mom.’ แล้วจุ๊บหนึ่งทีก่อนนอน เขาบอกว่าวันหนึ่งจะแต่งเพลง You are the best mom ให้จบ ก่อนจะย้ำว่า หม่าม้า…I Love You.”


ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 973

ภาพ : @mospatiparn, @gamiegamie

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ซูมชีวิต “มอส – ปฏิภาณ” ในวัยใกล้แตะเลข 5 ทำไมใครๆ ยังเรียกเขาว่า “พี่มอส”

เรื่องราวกว่า 15 ปี ในวงการฟุตบอลของ “มาดามแป้ง” ผู้จัดการทีมชาติไทยคนล่าสุด

เปลี่ยนตัวเอง เปลี่ยนความคิด มุก-พิชานา จากเอ็กซ์ตร้าสู่นางเอกสายบู๊ที่น่าจับตา

Praew Recommend

keyboard_arrow_up