เริงริตา

16ปีในวงการ ของ กาญจน์เกล้า จาก ธิดาซาตาน ถึง เริงริตา ละครที่แรงที่สุดในชีวิต

Alternative Textaccount_circle
เริงริตา
เริงริตา

16 ปี ในวงการ ของนักแสดงสาวมากฝีมือ “เกรซ” กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า จาก ธิดาซาตาน ถึง เริงริตา ละครที่แรงที่สุดในชีวิต

ละครเริงริตา

เส้นทางสู่ดวงดาวของเกรซ-กาญจน์เกล้า

เกรซ-กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า เข้าสู่วงการบันเทิงตอนอายุประมาณ 16 ปี จากการประกวด มิสทีนไทยแลนด์ 2004 จึงทำให้เธอได้มีโอกาสร่วมงานกับช่อง 7 สี เกรซเคยเล่าว่าเธอเข้ามาในวงการเพราะมีความฝันอยากที่จะเป็นนักร้อง แต่เมื่อได้เข้ามาจริงๆ เธอกลับถูกวางตัวในฐานะนักแสดง โดยวีรกรรมแรกที่หลังจากที่ได้มาเป็นดาราคือเธอปฏิเสธ คุณแดง-สุรางค์ เปรมปรีดิ์ ว่า “หนูไม่ได้อยากเล่นละครค่ะ” เนื่องจากตอนนั้นยังเป็นเด็กและไม่รู้คุณค่าของงาน นั่นทำให้เธอถูกกองประกวดเรียกเข้าห้องเย็นเพื่อเคลียร์และปรับทัศนคติใหม่ ซึ่งตอนนั้นที่ปฏิเสธไปเพราะเธอรู้สึกว่าไม่เชื่อมั่นว่าตัวเองจะมีศักยภาพในตรงนี้

แม้จะถูกว่าตัวในฐานะนักแสดงแต่เกรซยังคงพยายามตามฝันในด้านการร้องเพลง และหลังจากที่เกิดเรื่องนั้นละครเรื่องต่อไปเธอได้แสดงรวมถึงร้องเพลงประกอบละคร ทำให้เธอมีความสุขอย่างมาก ก่อนที่จะมีผลงานละครและเพลงละครตามมาอีกหลายเรื่อง

แจ้งเกิดจากแก๊งกุหลาบไฟ ผลงานเรื่อง “ธิดาซาตาน”

เกรซค่อยๆ ฝึกประสบการณ์จากการรับบทนางรอง แต่ด้วยพรสวรรค์บวกกับทักษะที่เธอมีเลยทำให้ค่อนข้างโดดเด่น และดึงดูดสายตาผู้ชม นับตั้งแต่ละครเรื่องแรก “ดวงใจและสายน้ำ” รับบท “นภสร” นักกีฬาว่ายน้ำ ,”หยิบหัวใจใส่ตัวโน้ต” รับบท “แอนนี่” แต่ที่สร้างชื่อให้กับเธอมากๆ ก็คืบทร้ายครั้งแรก ในเรื่อง “ธิดาซาตาน” รับบทเป็น “เพลิงพิศ โชติชัชวาล” หนึ่งใน 4 สาวกุหลาบไฟ แม้ในตอนนั้นเธอจะมีประสบการณ์ทางการแสดงน้อยมากๆแต่กลับทำได้ดีจนคนดูหมั่นไส้ และกลายเป็นภาพจำของเธอมาจนถึงวันนี้เลยทีเดียว

ธิดาซาตาน

16 ปี ในฐานะนักแสดงของเกรซ

ย้อนกลับไปสมัยที่เข้าวงการใหม่ๆ เกรซมักจะพูดเสมอว่าเธอไม่ค่อยมีความทะเยอทะยาน แต่ทว่าเธอก็ไม่ใช่คนที่ขาดความรับผิดชอบ เธอทุ่มเทเต็มที่ในสิ่งที่ได้รับโอกาสมา ไม่ว่าจะเป็นงานเล็กหรืองานใหญ่ และด้วยความที่เข้าวงการมาตั้งแต่เด็กๆ ทำให้เกรซมีผลงานการแสดงมากกว่า 30 เรื่อง ไม่ว่าจะได้บทไหนเธอก็ทุ่มเทอย่างเต็มที่ แต่สิ่งที่ค่อนข้างทำแปลกใจคือเธอมักจะได้รับบทนางร้ายและบทนางเอกสลับกันไป นับเป็นสิ่งที่แตกต่างจากนางเอกทั่วไป ที่เมื่อข้ามไปเล่นบทนางร้ายแล้วแทบจะไม่สามารถกลับมาเล่นบทนางเอกได้เลย นั่นแสดงให้เห็นว่าเธอสามารถเป็นตัวละครตัวนั้นได้อย่างแท้จริง

ตั้งแต่เข้าวงการมาการถ่ายละครถือเป็นชีวิตประจำวันของเกรซมาตลอด แต่เมื่อปี 2560-2561 เธอตัดสินใจที่จะไม่รับงานละครนานถึง 2 ปี เพราะอยากที่จะลองค้นหาสิ่งที่เป็นตัวเองจริงๆ ทำให้เกรซได้ลองทำหลายสิ่งหลายอย่างที่เธอไม่เคยทำมาก่อน แต่สุดท้ายมันก็เหมือนกับว่ามีสิ่งหนึ่งที่หายไป แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้เธอคิดและมีเป้าหมายที่ชัดเจนมากขึ้น จนวันนี้เกรซได้รู้แล้วว่าอาชีพนักแสดงทำให้เธอมีความสุขมากเพียงใด

เกรซ-กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า

เริงริตาละครที่แรงที่สุดในชีวิต

15 ปีที่ผ่านมาเกรซค่อนข้างเล่นละครที่หลากหลายโดยไม่จำกัดว่าต้องเป็นนางเอกเท่านั้น  แต่! ละครเริงริตา ถือเป็นความท้าทายใหม่ในการแสดง เมื่อเธอต้องมารับบทเป็น “ผู้หญิงขายบริการ” ซึ่งเธอยอมรับว่าเป็นบทบาทที่แรงที่สุดในชีวิตของเธอ แต่มันก็มีความท้าทาย ทั้งยังชี้วัดฝีมือการแสดงของเธอด้วยว่าจะทำได้หรือเปล่า

เริงริตา

ดูเหมือนว่าการรับบทเป็นผู้หญิงขายบริการของเกรซ ไม่ใช่การที่แค่ยั่วยวนพระเอก (สมาร์ท-กฤษฎา พรเวโรจน์) เท่านั้น แต่เธอยังต้องแสดงฉากที่เกินความคาดหมายไม่ว่าจะเป็น การนอนนอนบนขาหยั่งเพื่อตั้งใจให้พระเอกเดินมาเห็น ฉากเซ็กซ์ต่อหน้าภรรยาหลวง (เอมี่ กลิ่นประทุม) ซึ่งแม้บททั้งหมดจะมาจากทีมผู้เขียน แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอก็กลายเป็นเป้าที่ถูกตามด่าไม่แพ้กัน

มองผิวเผินอาจมองว่าจุดขายของละครคือความแรงอย่างเดียว แต่! ถ้ามองให้ลึกลงไปจะรู้ว่านอกจากจะสะท้อนมุมดาร์กหนึ่งของสังคมแล้ว ยังแฝงไปด้วยมุมมองที่อยากให้คนเหล่านั้นหันมารักตัวเองมากขึ้น

ซึ่งเกรซได้เคยเผยมุมมองต่อตัวละครริตานี้ว่า “มีคนบางกลุ่มที่ไม่ชอบละครแบบนี้เลย แต่สำหรับเกรซซึ่งเป็นคนเล่นมันก็เป็นรสชาติของละครที่มันมีหลากหลายแบบและค่อนข้างท้าทาย ละครเรื่องนี้เป็นอะไรที่ค่อนข้างที่จะพีคมากสำหรับเกรซ ถือว่าบทค่อนข้างที่จะเป็นสีเทามากจนเกือบดำแล้วก็เป็นอะไรที่ไม่เคยได้เล่นเลยค่ะ”

สำหรับละครเรื่องเริงริตาถือเป็นละครเรื่องแรกหลังจากที่เกรซเป็นนักแสดงอิสระ ซึ่งบทบาทที่ได้รับในครั้งนี้เรียกว่าแรงมากๆ รวมถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ด้วย เอาเป็นว่าคิดในแง่ดี ถ้าเล่นแล้วคนไม่ด่าไม่อินก็ถือว่าไม่ประสบความสำเร็จอ่ะนะ!


ข้อมูล : รายการแฉ, sanook ภาพจาก : IG @wechiiz @alexandul

สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

จบดราม่า! ใบเฟิร์น-พิมพ์ชนก คว้า นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม “นาฏราช ครั้งที่ ๑๑”

ร้ายฉายแสงแห่งปี! อีพิไล หรือ แพร์-พิชชาภา เพชรเม็ดงามประดับวงการบันเทิง

หวนทวงบัลลังก์ Drama Queen พลอย-เฌอมาลย์ กับความท้าทายในบทบาทใหม่

Praew Recommend

keyboard_arrow_up