อุ้ม-ชณัญพัชร์

บทพิสูจน์รักแท้เหนือรูปลักษณ์ อุ้ม-ชณัญพัชร์ กับพลังรักพิชิตปมในใจ

Alternative Textaccount_circle
อุ้ม-ชณัญพัชร์
อุ้ม-ชณัญพัชร์

เบื้องหลังภาพความสุขที่หลายคนเห็นของคู่รักคนดัง อุ้ม ชณัญพัชร์ และ บิ๊ก-ศรุต วิจิตรานนท์ ได้ซ่อนห้วงเวลาแห่งความไม่มั่นใจในตัวเองของอุ้ม จนเกือบสูญเสียรักเพราะคิดว่า “ไม่ดีพอ” แต่เพราะความรักที่หนักแน่นจากคุณบิ๊กทำให้คุณอุ้มเปลี่ยนปมในใจให้กลายเป็นพลังใจที่แข็งแกร่ง

จุดเริ่มต้นความรัก

“พอเรียนจบจากประเทศออสเตรเลียก็กลับมาประเทศไทย  ตอนนั้นเรายังไม่ได้มีเพื่อนเยอะ ถ้าเป็นกลุ่มเพื่อนที่เรารู้สึกไว้ใจก็น่าจะเป็นเพื่อนที่โรงเรียนมัธยมศึกษา พอดีกับมีกลุ่ม Facebook กลุ่มของศิษย์เก่าที่โรงเรียน ก็เลยเข้าไปเล่นดู ตอนนั้นInstagramเพื่งมาใหม่ๆ เราเลยได้แอดเพื่อนจากกลุ่มของศิษย์เก่าไปในอินสตาแกรมด้วย ก็เลยเห็นพี่บิ๊กว่าคนนี้ก็อยู่ที่โรงเรียนเดียวกันเลยกดแอดไปพร้อมกับแนะนำตัวว่าเป็นเราเป็นรุ่นน้องที่โรงเรียน ซึ่งพี่เขาก็ตอบกลับมาทันทีว่าอยู่รุ่นไหน ปีไหน  เลยรู้สึกว่าพี่เขาเป็นคนน่ารักและเฟรนด์ลี่ แต่ก็ไม่ได้รู้จักเขาว่าเป็นใคร จนน้องที่เป็นญาติบอกว่าผู้ชายคนนี้ชื่อ บิ๊ก วิศรุต เป็นนักดนตรีอยู่วง Soul After Six”

อุ้ม-ชณัญพัชร์

รักออนไลน์ 1 ปี

“หลังจากที่รู้จักกันพี่เขาก็ชวนคุยเรื่อยๆ ผ่านโลกออนไลน์ ด้วยนิสัยเขาที่เป็นสุภาพ เป็นคนที่ไนซ์แบบที่เข้าถึงได้โดยไม่ได้รู้สึกว่ามีกำแพง เวลคัมทุกอย่างที่เราพูด เป็นที่ปรึกษาที่มีฟีดแบ็คให้เราตลอดเวลา เหมือนคนคลิกกัน ทำให้ได้คุยกันทุกวัน จากเรื่องทั่วไปก็คุยเรื่องส่วนตัวลึกๆ  คุยกันมาประมาณ 1 ปี  จนมันถึงจุดหนึ่งที่รู้สึกว่าวันไหนไม่คุยไม่ได้ หมายถึงว่ามันรู้สึกขาดอะไรไปสักอย่างหนึ่งถ้าวันนั้นไม่ได้คุยกัน ก็รู้สึกว่ามันควรที่จะเจอกันแล้วไหม จึงนัดกินข้าวกัน ซึ่งการเจอกันครั้งแรกก็ตื่นเต้นค่ะ เขาเป็นพี่บิ๊กในแบบที่เรารู้จัก แต่ที่คาดไม่ถึงคือเขาดีกับเรามากขึ้นเรื่อยๆ”

เคียงข้างกันในวันที่ร่างกายเปลี่ยนแปลง

“เรื่องโรคไทรอยด์ที่เราเป็น พี่บิ๊กทราบมาตลอด จริงๆ จุดเริ่มต้นที่เรารู้ตัวคือหลังจากที่เราเรียนจบกลับมาประเทศไทยได้ไปตรวจสุขภาพ และพบว่าเป็นโรคไทรอยด์ วิธีการรักษาคือคุณหมอให้กินยาคุมไทรอยด์ให้เป็นปกติ  แต่หลังๆ เริ่มมีเอฟเฟ็กเกี่ยวกับยา คือน้ำหนักขึ้นไปเรื่อยๆ ตอนนั้นจำไม่ได้ว่าน้ำหนักขึ้นไปเท่าไหร่ จนช่วงหลังๆ 1 อาทิตย์ น้ำหนักขึ้น 5 กิโลกรัม เสื้อผ้าที่เคยใส่ได้ก็ใส่ไม่ได้ ตอนนั้นยอมรับเลยว่าเสียเซลล์มาก มันไม่มีใครที่จะรับตัวเองได้ขนาดนั้น”

“จริงๆ แล้ว ส่วนหนึ่งที่ทำให้สนิทกันเพราะเขารู้เรื่องสุขภาพของเรา ตอนนั้นรูปร่างเรายังอวบๆ ไม่ได้น้ำหนักเยอะขนาดนี้ จนมาถึงจุดหนึ่ง เขารู้ว่าเราไม่โอเคกับตัวเอง ดังนั้นเขาก็จะถามเราตลอดว่า “วันนี้เป็นยังไง” และให้กำลังใจเราเสมอ เขามักจะบอกว่า “ไม่เป็นไรเดี๋ยวเราช่วยกันหาทางแก้ไป”

อุ้ม-ชณัญพัชร์

เกือบสูญเสียรักเพราะคิดว่า “ไม่ดีพอ”

“หลังร่างการพบกับความเปลี่ยนแปลง ยังมั่นใจในตัวพี่บิ๊กเกี่ยวกับความรู้สึกที่เขามีต่อเรา เรารู้อยู่แล้วว่าเขาอยู่กับเราตรงนี้ได้ มันไม่ได้มีความรู้สึกกังวลว่าเขาจะโอเคกับเราไหม แต่พอเราน้ำหนักเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เราจะแคร์คนรอบข้างเขามากกว่าเขา เวลาเราเดินกับเขา มันก็จะความรู้สึกผุดขึ้นในใจ “คนนี้เป็นแฟนกับเขาเหรอ ทำไมอ้วนจัง”

“คือเวลาที่น้ำหนักตัวเปลี่ยนแปลงไป หลายคนรู้สึกไม่อยากเริ่มต้นความสัมพันธ์ อุ้มเองก็เป็นแบบนั้น จนเรียกได้ว่าเป็นอินโทรเวิร์ตไปเลย ไม่อยากออกจากบ้าน ไม่อยากออกไปไหน เวลาใครถ่ายรูปเราบางครั้งก็รู้สึกโกรธเลย ขนาดถ่ายรูปคู่กันอุ้มก็ห้ามพี่บิ๊กว่าอย่าเอาไปลงเพราะรู้สึกว่าไม่โอเค คือเป็นหนักจนเรียกได้ว่ากระทบความสัมพันธ์มากๆ”

“ที่ผ่านมาเราไม่ค่อยทะเลาะกันเรื่องอื่นนอกจากเรื่องอ้วน อย่างเวลาที่เขาชวนไปเที่ยวเราก็จะปฎิเสธเพราะเราไม่อยากออกไปไหนเนื่องจากแคร์สายตาคนอื่น ที่กระทบกับความรู้สึกมากๆ คือมีคนดีเอ็มหาพี่บิ๊กส่งรูปเราและบอกเขาว่าคุณควรหาแฟนใหม่ มันยิ่งเหมือนเป็นปมในว่าเราไม่คู่ควร จนอุ้มตัดสินใจพูดกับเขาตรงๆ ว่า “ทำไมพี่ไม่ไปหาคนที่ดีกว่า เราเลิกกันไหม” อุ้มพูดคำว่า “เลิก” เพราะเรื่องอ้วนเป็นสิบๆ รอบ ยิ่งตอนก่อนแต่งเราก็อยากเช็กความรู้สึกว่าเขาโอเคจริงไหม เพราะถ้าแต่งงานไปแล้วมีปัญหามันจะเสียความรู้สึก”

พลังรักพิชิตปมในใจ

“ปฏิเสธไม่ได้ว่าพอเราเจอกับคำพูดด้านลบมันทำให้เราสูญเสียความมั่นใจมากๆ เหมือนกัน แต่สุดท้ายเราก็คิดไตร่ตรอง เราควรแคร์คนที่เราอยู่ด้วย ถึงคนอื่นจะมองอย่างไรก็ไม่เป็นอะไร เพราะคนอื่นมีสิทธิ์ที่จะคิดหรือพูด แต่เราก็ต้องมั่นคงกับตัวเอง”

“สำหรับตอนนี้ความคิดก็เปลี่ยนไป เพราะแต่งงานกันมาสักพักแล้วเลยรู้สึกว่าไม่ได้สนใจคอมเม้นต์เหมือนเดิมแล้ว จริงๆ ปกติอุ้มไม่ค่อยอ่านคอมเม้นต์ด้วยซ้ำ ส่วนใหญ่จะรับทราบจากเพื่อนๆ มากกว่า ซึ่งตอนนี้คอมเม้นต์ส่วนใหญ่ก็โพซิทีฟเราก็แฮ็ปปี้ ต้องขอบคุณทุกๆ คนที่มีมุมมองเข้าใจมองว่ารุปร่างที่เปลี่ยนแปลงจากโรคเป็นเรื่องปกติ”

อุ้ม-ชณัญพัชร์

ตัดสินใจผ่าตัดเพื่อการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต

“อย่างที่บอกหลังจากแต่งงาน เราก็มีความั่นใจในตัวเองมากขึ้น แต่เพราะสุขภาพที่แย่จริงๆ ทำให้ตัดสินใจผ่าตัดกระเพาะ คือตอนนั้นอุ้มน้ำหนักตัวอยู่ที่ 135 กิโลกรัม เรารู้สึกว่าเริ่มใช้ชีวิตลำบาก ขณะเดียวกันก็ได้รับผลกระทบจากโรคที่เป็น ซึ่งหนักสุดคืออาการหยุดหายใจขณะหลับ เพราะรู้สึกหายใจไม่สุด ตื่นมาเหมือนคนหลับไม่เต็มอิ่ม และมีการกรนหนักมากจนเกรงใจคุณสามี เกือบจะแยกห้องนอนกันเลยเพราะกลัวเค้านอนไม่หลับค่ะ แล้วก็เริ่มมีอาการปวดเข่า เจ็บข้อเท้า เดินได้ไม่เยอะ เหนื่อยง่าย และแน่นอนพอน้ำหนักเยอะ ๆ เราจะเริ่มขี้เกียจ ไม่อยากทำอะไรเลยและนั้นคือผลกระทบกับการใช้ชีวิตที่ค่อนข้างหนักแล้วค่ะ ตอนนั้นเลยหาวิธีลดน้ำหนักที่ได้ผลแน่ ๆ เลยมาเจอการผ่าตัดกระเพาะแบบส่องกล้อง พอลองศึกษาดูก็คิดว่าน่าจะเหมาะกับเรามากสุด”

การเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลต่อความสุข

“หลังจากที่ได้เปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทางที่ดีขึ้น อุ้มก็รู้สึกชื่นชอบและมีความสุขกับทุกสิ่งรอบตัวเลยค่ะ เหมือนมีแต่เรื่องดีๆ เกิดขึ้นเต็มไปหมด ชีวิตเปลี่ยนไปราวกับพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพ การกิน การนอน หรือแม้แต่การเลือกเสื้อผ้า ความสุขในชีวิตก็เพิ่มขึ้นในทุกๆ การใช้ชีวิตค่ะ”

เบลเยี่ยม-ภาวินี บูรณาชีวาวิไล และ อุ้ม-ชณัญพัชร์

เรื่อง : นนทพร สุทธิพิบูลย์

ภาพโดย  : เบลเยี่ยม-ภาวินี บูรณาชีวาวิไล

Azealia Banks

แร็ปเปอร์สาวปากแซ่บ Azealia Banks ผู้สร้างดราม่าไม่หยุดหย่อน

Alternative Textaccount_circle
Azealia Banks
Azealia Banks

เมื่อพูดถึงศิลปินต่างประเทศที่มีข่าวคราวดราม่าร้อนแรงและไม่กลัวจะปะทะกับใคร หลายคนคงจะนึกถึง “อเซเลีย แบงส์” Azealia Banks นักร้องและแรปเปอร์สาวชาวอเมริกันผู้มีบุคลิกสุดแซ่บ คำพูดสุดแรง และประวัติการปะทะเดือดกับศิลปินคนอื่นอย่างยาวเหยียด โดยเฉพาะประเด็นร้อนแบบไฟลุกล่าสุดเธอเปิดวอร์กับชาวไทยอย่างดุเดือดบนโซเชียลมีเดีย

จุดเริ่มต้นของศึกครั้งนี้

ย้อนกลับไปเมื่อ 2 วันที่แล้ว ลิซ่า-ลิซ่า มโนบาล ศิลปิน K-POP สายเลือดไทย ได้รับเชิญให้เข้าร่วมงาน MET GALA 2025 งานเดินพรมแดงระดับโลกที่เรียกได้ว่าเป็น “ออสการ์แห่งวงการแฟชั่น” โดยปีนี้จัดขึ้นในธีม Superfine: Tailoring Black Style ที่มีมีคอนเซปต์ Tailored for You ถ่ายทอดเสน่ห์แบบคลาสสิกที่สอดแทรกรายละเอียดความน่าสนใจ ตีความเพื่อสดุดีแก่ศิลปินและดีไซเนอร์ในรูปแบบต่างๆ 

โดยลิซ่ามาร่วมงานภายใต้ลุคพิเศษจาก Louis Vuitton โดย Pharrell Williams ที่หยิบยกงานศิลปะภาพพอร์เทรตของศิลปินอย่าง Henry Taylor มาตัดเย็บเป็นชุดในครั้งนี้ ซึ่งชุดมีกลิ่นอาย ยุค 80-90 แต่ที่น่าสนใจคือบนผืนผ้าทั้งเสื้อและกางเกงลูกไม้โดดเด่นได้ปรากฏภาพของ โรซา พาร์ค นักเคลื่อนไหวสิทธิคนผิวดำชื่อดัง นั่นทำให้โลกออนไลน์เกิดการโต้เถียงเกี่ยวกับความเหมาะสมหรือไม่?

Azealia Banks

ขณะที่ “อเซเลีย แบงส์” จู่ๆ ก็ได้โพสต์ข้อความกผ่านแอคเค้าท์ x ถึงลิซ่าว่า “ขอโทษทีนะ แต่เธอดูเหมือนกระเทยมาก เหมือนมีลูกกระเดือกและดูไม่ค่อยเนียนเลย ลิซ่าเป็นผู้ชายค่ะ ฉันจะไม่ขอถอนคำพูดนี้“ ไม่เพียงเท่านั้นศิลปินสาวยังโพสต์ข้อความอีกยาวว่า “ขอโทษนะ หูก็ดูเป็นผู้ชายมากเลย” “และเธอมาจากประเทศไทย กะเทยชัด ๆ” ทำเอาถูกชาวเน็ตทั้งไทยและแฟนคลับลิซ่าทั่วโลกทนไม่ไหวตามไปคอมเม้นต์อย่างดุเดือด

นอกเหนือจากลิซ่าแล้ว อีกหนึ่งคนดังที่ถูกปากแซ่บของ “อเซเลีย แบงส์”  เล่นงานก็คือ Bebe Rexha พูดถึงรูปร่างของเธอพร้อมทั้งหาว่าบีบีฉีดยาคุม  ซึ่งในเวลาต่อมาบีบีก็ได้ออกมาชี้แจงว่า ฉันเบื่อมากกับการภูกวิจารย์เรื่องน้ำหนัก ฉันอ้วนขึ้นเพราะฉันป่วยด้วยโรค PCOS พร้อมฟาดกลับด้วยความแซ่บไม่แพ้กัน “หล่อนอาจต้องการลองเข้ารับการบำบัดบ้างนะ”

Bebe Rexha
Bebe Rexha

วีรกรรมคำพูดแรงที่ไม่เกรงใจใคร

 “อเซเลีย แบงส์”  ขึ้นชื่อเรื่องการใช้โซเชียลมีเดียเป็นพื้นที่ระบายอารมณ์และความไม่พอใจ เพราะที่ผ่านมาเธอเปิดศึกวิวาททางโซเชียลกับศิลปินชื่อดังงจำนวนไม่น้อยเลย ไม่ว่าจะเป็น จองกุก BTS ,ggy Azalea, Cardi B, Nicki Minaj, Rihanna, Elon Musk, แม้กระทั่ง Beyoncé”ซึ่งเป็นสิ่งที่สังคมโลกให้ความสำคัญและไม่ยอมรับ ทำให้หลายคนตั้งคำถามว่า เธอแสดงออกในนาม “ศิลปิน” หรือเป็นเพียงการเรียกร้องความสนใจ?

Azealia Banks

บทลงโทษคนชอบเหยียด

ที่ผ่านมาหลายฝ่ายไม่ได้นิ่งนอนใจมีความพยายามที่จะยับยั้งพฤติกรรมของอเซเลีย เห็นได้จากการที่เทศกาลดนตรี Rinse Born & Bred ยกเลิกการแสดงของเธอหลังเกิดกรณีดราม่ารุนแรงและถ้อยคำเหยียดเชื้อชาติกับ Zayn Malik นอกจากนี้ หลายแบรนด์และโปรดิวเซอร์ในวงการบันเทิงก็ตัดสินใจที่จะไม่ร่วมงานกับเธออีกต่อไป เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อภาพลักษณ์จากกระแสต้านของสาธารณชน

Azealia Banks

อย่างไรก็ตามและแม้จะเผชิญกับผลกระทบเหล่านี้ เธอก็ยังคงใช้โซเชียลมีเดียเป็นพื้นที่แสดงความคิดเห็นอย่างดุเดือด โดยไม่มีทีท่าว่าจะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมแต่อย่างใด

PLEATS PLEASE ISSEY MIYAKE เติมสีใหม่ 2025 ให้พลีตไอคอนิก

account_circle

ถ้าใครกำลังมองหาเสื้อผ้าที่ทั้งเบา คล่องตัว แต่ยังเต็มไปด้วยเอกลักษณ์ ต้องยกให้กับคอลเล็คชั่น NEW COLORFUL BASICS 4 จาก PLEATS PLEASE ISSEY MIYAKE ที่มาเติมชีวิตชีวาให้กับวันธรรมดาด้วยพาเหรดเฉดสีใหม่ 5 สี อาทิ น้ำตาลละมุน, แดงคาร์ไมน์สดใส, เขียวอ่อนชวนสดชื่น, น้ำเงินกรมท่าคลาสสิก และสีเกรจเทาอมเบจสุดหรู

ซีรีส์นี้คือบทพิสูจน์ว่าความเรียบง่ายกับความสนุกสนานไปด้วยกันได้ ด้วยเทคนิค pleating อันเป็นซิกเนเจอร์ของแบรนด์ที่เปลี่ยนผ้าเรียบ ๆ ให้กลายเป็นงานศิลปะบนเรือนร่าง การจับพลีตด้วยเทคนิคเฉพาะช่วยให้เสื้อผ้าคงรูปอยู่เสมอ แม้ผ่านการซักและใช้งานบ่อยครั้ง ทำให้เป็นไอเท็มที่ทั้งสวยและ functional สำหรับชีวิตประจำวัน

ดีไซน์เรียบแต่แฝงความโมเดิร์นในไลน์อัพหลากหลาย ตั้งแต่เสื้อคอกลมแขนสั้น เสื้อแขนกุด เสื้อคอปีน ไปจนถึงกางเกง กระโปรง เดรสคัตติ้งเนี้ยบ และเสื้อโค้ตเบาสบาย ที่สามารถมิกซ์แอนด์แมตช์ได้ไม่รู้จบ

NEW COLORFUL BASICS 4 จึงไม่ใช่แค่เสื้อผ้า แต่เป็นเสมือนผืนผ้าใบให้คุณสนุกกับการแต่งตัวในทุกวัน ไม่ว่าจะวันทำงานหรือวันชิลในเมืองใหญ่


โอปอล สุชาตา

โอปอล สุชาตา งามสง่าด้วยชุดและเครื่องประดับทำมือจากแบรนด์ 100 ปี

Alternative Textaccount_circle
โอปอล สุชาตา
โอปอล สุชาตา

มนต์เสน่ห์แห่งงานฝีมือและประวัติศาสตร์! โอปอล สุชาตา ประเดิมลุค Miss World 2025 ด้วยชุดทำมือและเครื่องประดับมุก 100 ปี จากไฮเดอราบัด

เก็บกระเป๋าเข้ากองประกวด “Miss World 2025” (ครั้งที่ 72) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับ “โอปอล – สุชาตา ช่วงศรี” ตัวแทนสาวไทยที่เข้าเก็บตัวอย่างเป็นทางการในวันนี้ ณ Trident Hotel , Hyderabud , รัฐ Telangana ประเทศอินเดีย

“โอปอล สุชาตา” เผยลุคเก็บตัวเข้ากองด้วยชุดเดรสยาว สีเหลือง-ขาว ฝีมือการตัดเย็บด้วยมือจากแบรนด์ “RAMET_OFFICIAL” พร้อมด้วยเครื่องประดับมุก จากแบรนด์ “Modi Pearls” ร้านเครื่องประดับเก่าแก่นับร้อยปี ของเมือง Hyderabud ประเทศอินเดีย

โดยการประกวด Miss World 2025 ครั้งที่ 72 นี้ “โอปอล” ออกแบบ และคัดเลือกเครื่องแต่งกาย  พร้อมเครื่องประดับด้วยตัวเองทั้งหมด เพื่อให้เหมาะสมกับบริบทของเวที อีกทั้งฝึกฝนความสามารถ เพื่อเตรียมตัวแข่งขันในแต่ละรอบที่จะเกิดขึ้นตลอดการเก็บตัว

สำหรับกิจกรรมอย่างเป็นทางการต่อไปจะเกิดขึ้น ในวันที่ 10 พฤษภาคม 2568 ในงาน Opening Ceremony , สื่อมวลชน และแฟนนางงาม สามารถติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ Fanpage Facebook และ Instagram : Miss World , Miss World – Thailand , Opal Suchata , Tero Entertainment และ TPN Global , และ  Youtube : Miss World

#OpalForHerOpalForWorld #MissWorldThailand2025 #MissWorld2025 #BeautyWithAPurpose #TEROEntertainment #TPNGlobal #TeleanganaZarurAana

ต้อนรับคิมหันต์ฤดู เปิด “สำรับข้าวแช่” ตำรับรอยัล โอชา ถ่ายทอดความเป็นไทยสไตล์พรีเมียม

account_circle

“มาเร็วกลับช้า” ปีที่แล้วกิจกรรมของเรามีคนถามหาก่อนใคร และถามหาหลังสุด ปีนี้ทางร้านรอยัล โอชา จึงต้อนรับคิมหันต์ฤดู กับเมนูที่รังสรรค์มาตั้งแต่โบราณกับการคลายร้อนด้วยความอร่อยเมนูข้าวแช่ ตำรับรอยัล โอชา ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 15 กรกฎาคม 2568

สำหรับปีนี้ รอยัล โอชา (Royal Osha) เจ้าของรางวัลมิชลินไกด์ 7 ปีซ้อนได้เพิ่มความพิเศษต่างๆเนื่องในโอกาสสำคัญ วันสำคัญ กับคนสำคัญขอนำเสนอเมข้าวแช่ฝีมือ เชฟวิชิต มุกุระ Executive Chef เชฟผู้มากประสบการณ์ที่อยู่วงการอาหารไทยมานานกว่า 40  ปี ถ่ายทอดความเป็นไทยสไตล์พรีเมียมสุดวิจิตรบรรจงให้นักชิมอิ่มเอมไปกับเครื่องเคียง รังสรรค์จากวัตถุดิบชั้นเลิศทั้ง 7 อย่างตามตำรับชาววังพร้อมเครื่องเคียงพิเศษลำดับที่ 8 ในปีนี้ เห็ดหวาน ทรงเครื่อง” มาเสริมสำรับเพื่อเป็นทางเลือกของคนรักการรับประทานอาหารแพลนต์เบส และสำหรับฤดูร้อนนี้ได้ผลไม้คล้ายร้อนมาช่วยเรียกน้ำย่อย “มะม่วงน้ำปลาหวาน” และ “ฝรั่งสีชมพูทำเป็นม้าฮ่อ” นอกจากนี้เชฟยังได้รังสรรค์ของว่าง “ยำมะยงชิด” เพื่อเปิดต่อมรับรสด้วยรสชาติจัดจ้าน ให้ได้คลายร้อนในวันที่อบอ้าวก่อนเข้าสำรับข้าวแช่

เมนูข้าวแช่ที่เป็นหัวใจหลักของคิมหันต์ฤดูปีนี้ เชฟวิชิต มุกุระ  เริ่มต้นเปิดสำรับคลายร้อนแบบไทย ด้วยของว่างขนาดพอดีคำเป็นอาหารเรียกน้ำย่อย เสิร์ฟเคียงคู่กันสองคำแรกเป็น  “ม้าฮ่อ” อาหารว่างโบราณไส้รสหวานเค็มรสชาติคล้ายไส้สาคู จับคู่มากับผลไม้อย่าง “ฝรั่งสีชมพู” ที่โดดเด่นทั้งรสและกลิ่นหอม นำมาแกะสลักอย่างประณีตเป็นรูปใบไม้ มาพร้อมกับ  “มะม่วงน้ำปลาหวาน” ผลไม้ประจำฤดูร้อน ใช้มะม่วงสองแบบเป็นมะม่วงอมเปรี้ยวกับมะม่วงมัน ทั้งพันธุ์เขียวเสวยและพันธุ์แก้วขมิ้น ฝานบางเป็นแผ่นแล้วบรรจงม้วนเป็นกราย ด้านในสอดไส้น้ำปลาหวาน กุ้งเสียบ หอมแดง พริกสด 

จานที่สองเด็ดโดนใจสายยำ เชฟวิชิต มุกุระ ครีเอทเมนูเปิดต่อมรับรสอย่าง  “ยำมะยงชิด” ผลไม้หน้าร้อนอย่างมะยงชิด ผลใหญ่รูปไข่มีสีเหลืองส้ม รสชาติเปรี้ยวอมหวาน คัดสรรมาเป็นอย่างดีแหล่งปลูกจังหวัดนครนายกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสินค้า GI นำรังสรรค์เป็นเมนูยำ ด้วยการคว้านเมล็ดออกแล้วสอดไส้ด้วยน้ำยำรสชาติจัดจ้านครบเครื่องเคล้า ทั้งพริกและหอมแดงซอยละเอียด โรยหน้าด้วยกุ้งเสียบและกุ้งแห้งป่น สองเท็กเจอร์ที่สร้างความแตกต่าง ส่วนมะยงชิดเปรี้ยวฉ่ำหอมกับน้ำปลาหวานนัวลิ้นเข้ากันสุดๆ 

เข้าสู่ไฮไลต์ของข้าวแช่ตำรับชาววัง รอยัล โอชา ยังคงเอกลักษณ์ของเครื่องเคียงทั้งหมด 7 อย่าง ได้แก่ ลูกกะปิ หัวใจสำคัญของข้าวแช่ ซึ่งเป็นกับข้าวที่คนนิยมประชันฝีมือแข่งขันกัน ความโดดเด่นของลูกกะปิ รังสรรค์ขึ้นมาจากส่วนผสมของกระชาย หอมแดง กระเทียม ปลาดุกนาย่าง และมะพร้าวขูด เอามาผัดใส่กะทิ ปรุงรสให้กลมกล่อมด้วยน้ำตาล  ปั้นเป็นก้อนกลมพอดีคำ ส่วนเคล็ดลับการทำกะปิ นำมาห่อใบตองย่างไฟ เพื่อเพิ่มความหอมและอรรถรส, หอมแดงสอดไส้หน้าปลาแห้ง เลือกใช้หอมจุกซึ่งเป็นหอมโทนลูกใหญ่ นำมาตัดรากออก จากนั้นค่อยๆ เลาะเปลือกแห้งออกจนเหลือติดไว้เพียงเปลือกบางก่อนจะถึงเนื้อของหัวหอม จากนั้นตัดไส้ในออกแล้วจึงค่อยนำปลาแห้งใส่ลงไป พร้อมกับใช้ไม้จิ้มฟันเสียบให้ติดกัน ชุบแป้งบางๆ ทอด จะได้หอมสอดไส้ปลาแห้ง ซึ่งทำจากปลาช่อนนา นำมาย่างให้สุก ตำแล้วคั่วในกระทะจนกลิ่นหอม ใส่หอมแดง กระเทียมเจียว น้ำตาลทราย ตามปกติปลาแห้งที่นำมาสอดไส้ในหัวหอมนั้นจะร่วนหลุดออกมาง่าย เชฟวิชิตใช้เทคนิคเฉพาะตัวด้วยการตอกไข่แดงผสม เพื่อให้ปลาแห้งจับตัวกัน 

ถัดมาเป็น พริกหยวกสอดไส้หมูสับกับกุ้ง โดยปกติทั่วไปมักจะเป็นพริกหยวกสอดไส้ห่อหรุ่ม หากข้าวแช่ตำรับรอยัล โอชา ใช้ความประณีตบรรจงในการทำเส้นไข่ ตัวเส้นทำจากไข่เป็ดผสมกับไข่ไก่ โดยทำเป็นแห่บนน้ำมันที่ท่วม เมื่อตัวเส้นของไข่ฟูจึงค่อยมาห่อกับพริกหยวกเม็ดใหญ่ แล้วทอดให้กลิ้งบนน้ำมัน จนเส้นไข่รัดพอดีตัวกับพริกหยวกเม็ดใหญ่จนแน่น ส่วนพริกหยวกกรีดตรงกลางเพื่อนำเมล็ดออก สอดไส้ด้วยเนื้อหมูบดผสมกับเนื้อกุ้งสับ ตามด้วยรากผักชี กระเทียม พริกไทย และไข่เป็ดตัวช่วยเพิ่มความหนึบ เวลารับประทานเส้นไข่จะไม่ร่นหลุด ทำให้ได้อรรถรสของพริกหยวกสอดไส้อย่างแท้จริง 

ไข่แดงเค็มชุบแป้งทอด นำไข่แดงเค็มไชยาอันเลื่องชื่อที่มีความมัน ความแน่นหนึบ และเค็มเล็กน้อย มาตีและปั้นเป็นเม็ดพอดีคำ จากนั้นนำไปชุบแป้งที่มีส่วนผสมของไข่ขาวจากไข่เค็ม แล้วนำไปทอดให้ด้านนอกเหลืองทองอร่าม เวลารับประทานจะได้รสสัมผัสที่แตกต่างกันตรงที่ด้านนอกจะกรอบ และด้านในจะให้ความนุ่มหนึบ, หมูฝอยผัดน้ำพริกมะขาม หลบหลีกจากการทำหมูฝอยธรรมดา ด้วยการนำหมูมาต้มฉีกทำฝอยแล้วคั่ว เพิ่มรสชาติไม่ซ้ำใครด้วยการผัดน้ำพริกมะขามกับหมูฝอย ก็จะได้หมูฝอยผัดน้ำพริกมะขามรสเข้มข้น สัมผัสได้ถึงความแตกต่างจากหมูฝอยทั่วไป

ปลายี่สนผัดหวาน นำปลากระเบนแห้งมาแช่น้ำให้เนื้อนิ่ม หลังจากนั้นนำมาตำจนเนื้อนุ่มฟู แล้วผัดกับส่วนผสมและเครื่องปรุงรสเข้มข้น ผัดจนเครื่องซึมเข้าในเนื้อปลาจนแห้ง ขณะที่ หัวไชโป๊วผัดหวาน พิถีพิถันตั้งแต่การเลือกหัวไชโป๊วที่ไม่เค็มนัก ล้างทำความสะอาดอย่างดี นำมาหั่นเป็นเส้นฝอย หลังจากนั้นนำมาผัดกับกระเทียม และน้ำตาลปี๊บ ใช้ไฟอ่อนผัดพอให้กรึบๆ สลับการโรยน้ำตาลปี๊บให้ค่อยๆ เคลือบจนน้ำตาลรัด จนเส้นไช้โป๊วมีความเงาขึ้นมาเอง พร้อมโรยด้วยกระเทียมเจียวหอมๆ พิเศษสำหรับปีนี้ ได้รังสรรค์เครื่องเคียงเพิ่มเติมมาอีก 1 อย่างคือ “เห็ดหวาน ทรงเครื่อง” มาเป็นทางเลือกของคนรักสุขภาพ โดยนำเห็ดโคนหลวงมาทำให้แห้ง (Dehydration) ฉีกเป็นเส้นๆ  ก่อนนำลงทอดและเคลือบด้วยงากับน้ำตาล จนกรอบและมีกลิ่นหอม

ภายในสำรับมาพร้อมกับผักแกะสลักสุดประณีต ทั้งกระชายแกะสลักดอกจำปี ต้นหอมม้วน มะม่วงเปรี้ยวและแตงกวาแกะสลักรูปใบไม้ รับประทานกับข้าวหอมมะลิเสาไห้ในน้ำลอยดอกไม้ไทย 4 ชนิด ได้แก่ ชมนาด กระดังงา กุหลาบมอญ และมะลิ ซึ่งชมนาดเป็นดอกไม้ประจำฤดูร้อน โดยรอยัลโอชาเป็นหนึ่งในร้านที่สืบเสาะหา นำดอกชมนาดมารังสรรค์ในสำรับข้าวแช่ หากท่านได้มีโอกาสรับประทานข้าวแช่ตำรับชาววัง ที่รอยัล โอชา แล้ว จะต้องรับรู้ถึงความหอมที่พิเศษกว่าที่ใดอย่างแน่นอน และด้วยน้ำแร่ค่า pH 8.8 ซึ่งสามารถสกัดกลิ่นอันหอมหวานของดอกชมนาดที่มีกลิ่นคล้ายคลึงกับใบเตยและมะลิ หรือที่เรียกว่า “กลิ่นข้าวใหม่” ด้วยการลอยน้ำแร่แช่ข้ามคืน จนได้กลิ่นหอมออกมารัญจวนใจ 

สมุนไพรหลักในเครื่องของข้าวแช่ เราใช้ภูมิปัญญาของชาวบ้านมาสื่อถึงการทำอาหาร จะมีพวกตะไคร้ กระชาย หอมแดง กระเทียม นำมาเป็นส่วนผสมอยู่ในนั้น โดยเฉพาะกระชายเมื่อรับประทานแล้วจะช่วยขับลมในกระเพาะ เพราะเครื่องเคียงเป็นของผัดของทอดทั้งหมด กระชายจะทำให้เกิดความสมดุลในกระเพาะ ป้องกันท้องไม่อืดเฟ้อหรือย่อยยาก ส่วนต้นหอมกินเพื่อเพิ่มความเผ็ดร้อนเข้ามา องค์รวมของข้าวแช่คือการสืบสานทางภูมิปัญญาไทย เรียกได้ว่าเป็นอาหารชาววังสู่ชาวบ้าน นี่คือสิ่งที่เรานำเสนอ” เชฟวิชิตกล่าว

สำหรับวิธีรับประทานข้าวแช่ เชฟวิชิต มุกุระ แนะนำเคล็ดลับว่า “ควรไล่ลำดับการรับประทานเครื่องเคียงจากรสคาวที่สุดก่อน จนไปถึงเครื่องเคียงรสหวาน ลูกกะปิ รับประทานคู่กับกระชายและดอกจำปี, หอมแดงสอดไส้หน้าปลาแห้ง รับประทานคู่กับแตงกวา ต้นหอมม้วน, พริกหยวกสอดไส้ รับประทานคู่กับแตงกวา มะม่วง, ไข่แดงเค็มชุบแป้งทอด รับประทานคู่กับมะม่วงเปรี้ยว ต้นหอมม้วน, หมูฝอยผัดน้ำพริกมะขาม รับประทานคู่กับแตงกวา, ปลายี่สนหวาน รับประทานคู่กับมะม่วงเปรี้ยว และหัวไชโป๊วผัดหวาน รับประทานคู่กับแตงกวา ต้นหอมม้วน ทุกครั้งๆ ที่รับประทานเครื่องเคียง ให้รับประทานข้าวแช่สลับกันไปเพื่อล้างปาก และรอรับรสสัมผัสของการรับประทานคำต่อไป”

 ด้านเมนูขนมหวานตบท้าย ท้าพิสูจน์ความฟินด้วย กรานิต้าส้มฉุน” มีลูกเล่นอันน่าตื่นตาตื่นใจ เชฟวิชิตครีเอทการทำ “น้ำลอยแก้ว” ออกมาในรูปแบบ “กรานิต้า” คล้ายไอศกรีมอิตาเลียน มีกลิ่นหอมละมุน รับประทานง่าย ได้รสธรรมชาติ รู้สึกสดชื่น คลุกเคล้ากับผลไม้รสหวานอมเปรี้ยวหลายชนิด ได้แก่ สตรอว์เบอร์รี, ส้ม, บลูเบอร์รี, ราสเบอร์รี, เงาะ, สละ และส้มโอ ด้านบนโรยขิงซอย มะม่วงซอย และหอมเจียว เพราะเมืองไทยยังรุ่มรวยด้วยไอศกรีมต่างๆ ในช่วงฤดูร้อนเฉพาะเดือนเมษายนนี้ จะมีเมนู “ไอศกรีมส่ายก้น” มาเสิร์ฟดับร้อนอีกด้วย

สำหรับผู้ที่ต้องการมอบความพิเศษให้กับคนสำคัญ ปีนี้ข้าวแช่ตำรับรอยัล โอชา ในรูปแบบ Take away มาในกล่องของขวัญดีไซน์สวยงามคล้ายปิ่นโตทรงเหลี่ยมสีทองปั๊มจมลายชฎาร้อยเรียงกันรอบกล่องที่เป็นเอกลักษณ์ของร้านรอยัล โอชา  จัดสำรับเป็นชั้นจากวัตถุดิบที่รังสรรค์ขึ้นด้วยความประณีตและพิถีพิถัน 7 อย่างตามตำรับชาววัง และเครื่องเคียงพิเศษลำดับที่ 8 ของปีนี้กับเมนู “เห็ดหวาน ทรงเครื่อง” เสิร์ฟพร้อมน้ำแร่หอมกรุ่นรับประทานพร้อมข้าวหอมมะลิเสาไห้ จัดชุดกับผักแกะสลักสุดวิจิตร และอีกหนึ่งความพิเศษสำหรับท่านที่ซื้อ Take away ทางรอยัล โอชา มอบ Gift Voucher เป็นของขวัญพิเศษให้กับลูกค้าคนสำคัญ  ให้ได้มาลิ้มรสอาหารสุดยอดรสชาติแห่งฤดูกาล ณ ร้านรอยัล โอชา ในโอกาสสำคัญ วันสำคัญ กับคนสำคัญ

สัมผัสความอร่อยของ “สำรับข้าวแช่ตำรับชาววัง” พร้อมเสิร์ฟให้คุณลิ้มลองทุกวัน มื้อกลางวันและมื้อเย็น (สำรองที่นั่งล่วงหน้า) ตั้งแต่วันนี้ถึง 15 กรกฎาคม 2568 ภายใน 1 สำรับ ประกอบด้วย ของว่าง 2 ชนิด ข้าวแช่ และผลไม้ลอยแก้ว ราคาชุดละ 1,350++ บาท/ท่าน และข้าวแช่บรรจุในกล่องของขวัญดีไซน์สวยงามคล้ายปิ่นโตทรงเหลี่ยม ราคา 2,300 บาทสุทธิ/กล่อง เหมาะสำหรับรับประทาน 2 ท่านหรือมอบเป็นของขวัญให้ผู้ใหญ่ในโอกาสสำคัญ สามารถสั่งพวงมาลัยคล้องมือเพิ่มเติม ในราคา 300 บาท ณ ร้านรอยัล โอชา ซอยร่วมฤดี (ถนนวิทยุ) โทร.0-2256-6555 หรือ 08-5489-0571 Line Official Account : @royalosha


5 บลัชตัวมัมตัวแม่ ปัดเดียวสวยปัง แก้มฟู สีพุ่ง เหมาให้หมด เพราะของมันต้องมี!

5 บลัชตัวมัมตัวแม่ ปัดเดียวสวยปัง แก้มฟู สีพุ่ง เหมาให้หมด เพราะของมันต้องมี!

Alternative Textaccount_circle
5 บลัชตัวมัมตัวแม่ ปัดเดียวสวยปัง แก้มฟู สีพุ่ง เหมาให้หมด เพราะของมันต้องมี!
5 บลัชตัวมัมตัวแม่ ปัดเดียวสวยปัง แก้มฟู สีพุ่ง เหมาให้หมด เพราะของมันต้องมี!

 

#PraewSurvey #ItemsOfTheWeek อยากแก้มสวยแบบ effortless ป่ะ? รอบนี้ แพรว รวบตึงบลัชตัวเด็ดมาป้ายยา บอกเลยคัดมาแต่ตัวแม่ตัวมัมRare Beauty, Fenty Beauty, Kylie Cosmetics, rhode, Haus Labs by Lady Gaga ครบทุกสาย! จะสายแก้มใสหวานๆ หรือแก้มตุ่ยแซ่บแฟ แต่ละตัวคือ one swipe, done ปาดเดียวรู้เรื่อง แก้มฟู สีพุ่ง สดใสเหมือนเพิ่งโดนบอกรัก มีทั้งเนื้อครีมเกลี่ยง่าย เนื้อแมตต์ละมุน หรือฟินิชฉ่ำวาว ติดทนยันเลิกงาน จะปัดไปคาเฟ่หรือแต่งไปเดทก็รอดหมด ที่สำคัญหลายตัวผสมสารบำรุง ช่วยให้แก้มชุ่มชื้น ไม่เป็นคราบ ไม่ตกร่อง เหมาะกับอากาศบ้านเราสุดๆ ใครชอบปัดแก้มแบบไม่ต้องคิดเยอะ พกตัวใดตัวหนึ่งไว้ในกระเป๋า = รอดทุกสถานการณ์! แต่ถ้าเลือกไม่ได้ ก็เหมาหมดไปเลยสิค้าาาา! #ของมันต้องมี

 

5 บลัชตัวมัมตัวแม่ ปัดเดียวสวยปัง แก้มฟู สีพุ่ง

Rare Beauty Soft Pinch Matte Bouncy Blush
เซเลนา โกเมซ ออกบลัชน้องใหม่ล่าสุดในตระกูล Soft Pinch คราวนี้มาในรูปแบบคุชชั่นเนื้อเด้งดึ๋งที่ให้สัมผัสแบบครีมทูพาวเดอร์ เกลี่ยง่าย ฟินิชแมตต์เบลอ ผิวดูนัวๆ แต่สีติดทนทั้งวัน ตัวเนื้อบลัชคือดีมาก นุ่มละมุนฟุ้งๆ ไม่ตกร่อง ไม่ทำให้ผิวแห้ง จะปัดเบาๆ ให้แก้มดูระเรื่อธรรมชาติ หรือจะจัดเต็มให้ลุคสายแฟก็เอาอยู่ แถมกันน้ำ กันเหงื่อ ไม่เลอะ ไม่ไหลระหว่างวัน เหมาะกับอากาศเมืองไทยสุดๆ ที่เก๋ไปกว่านั้นคือสูตรเค้าใส่ใจผิวมาก มีสารบำรุงจากเมล็ดโกโก้ น้ำมันเมล็ดทับทิมมะละกอ และโรสฮิปออยล์ ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ไม่แห้งกร้าน และแน่นอนว่า วีแกน ไม่ทดลองกับสัตว์ มี 7 สีละมุนใจ ได้แก่ Hope ชมพูนู้ดอ่อนHappy ชมพูสดใสWorth แดงกุหลาบGrateful พีชอมส้มอ่อนTruth พลัมอมชมพู Thriving เบอร์รี่เข้มAlive ส้มอมชมพูสด หาซื้อได้ที่ Sephora ทุกสาขา และแอป Sephora

 

FENTY BEAUTY Cheeks Suede Powder / Gloss Bomb Oil Luminizing Lip Oil N’ Gloss
บลัชออนของแม่ริริที่แก้มเลิฟ เนื้อสัมผัสมันนุ่มละมุนเหมือนกำมะหยี่ เกลี่ยง่าย สีชัดแบบไม่ต้องย้ำเยอะ แต่ก็เบลนด์เพิ่มได้ถ้าอยากได้ลุคธรรมชาติ จะเลือกแมทหรือชิมเมอร์ก็มีให้ถึง 14 เฉด สีสวย ใช้ได้ทุกวัน กันน้ำ ทนเหงื่อ คือแต่งเช้าอยู่ยันเย็น แถมมีสารสกัดจากเปลือกแมกโนเลียช่วยบำรุงผิวอีก แก้มสวยดูสุขภาพดีแบบ effortless จริงๆ ใครหาบลัชเนื้อดี สีสวย ติดทน ตัวนี้คือตอบโจทย์มาก

พร้อมลิปกลอสออยล์ใหม่จาก Fenty ให้ความเงาแบบกระจก ระยิบระยับเบาๆ ไม่เหนียวเหนอะ ทาแล้วสบายปากสุดๆ บำรุงด้วยวิตามินอี เชียบัตเตอร์ ไฮยาลูโรนิคฟิลลิ่งสเฟียร์ และน้ำมันเสาวรส ชุ่มชื้นยาวนาน 8 ชม. มี 7 สีให้เลือก ใช้ได้ทุกวัน แอปพลิเคเตอร์แบนทาง่ายเนียน แถมแตะเบาๆ ที่แก้มเพิ่มมิติได้อีก ใช้ดีทั้งปากและแก้มจริงๆ

 

KYLIE COSMETICS Lip & Cheek Blush Tint
บลัชลิควิดของไคลีย์ที่ทาได้ทั้งแก้มและปาก เนื้อบางเบาละมุนเหมือนกำมะหยี่ เกลี่ยง่าย ไม่เป็นคราบ ไม่ตกร่อง ช่วยเบลอรูขุมขนกับเส้นปากให้ฟุ้งละมุนเหมือนฟิลเตอร์ ฟินิชเนียนเหมือนผิวจริง ติดทน ไม่ซีด ไม่เลอะ ซ้อนทับเมคอัพอื่นได้สบาย แพ็กเกจแบบหลอดบีบใช้ง่ายไม่เลอะ มี 5 สีละมุนใจตั้งแต่นู้ด ชมพู เบอร์รี่ พลัม ตอบโจทย์ทุกลุคทุกโทน แถม Clean, Vegan, Cruelty-Free, Gluten-Free ใครหามัลติทาสก์ไอเท็ม..หลอดนี้เอาอยู่

 

rhode Pocket Blush The Natural Flush
เฮลีย์ บีเบอร์ ออกบลัชที่ตอบโจทย์ทุกการเติมความสดใสระหว่างวัน ด้วยสีระเรื่อที่ดูเป็นธรรมชาติไม่เว่อร์เกินไป ทาแล้วแก้มดูมีชีวิตชีวาและสุขภาพดี เหมือนเพิ่งออกจากสปา ไม่หนักผิวเลย เนื้อบลัชเบาสบายสุดๆ แถมยังให้ลุคฉ่ำ โดยไม่ทำให้มันเยิ้ม ติดทนตลอดวัน แม้จะผ่านกิจกรรมต่างๆ ส่วนผสมจาก น้ำมันสวีทอัลมอนด์ และ วิตามินอี ช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น ทำให้แก้มดูนุ่มละมุน ไม่แห้งกร้าน ใช้สะดวกและเป็นไอเท็มที่ทำให้แก้มดูสดใสรวดเร็ว มีสไตล์แบบไม่ต้องพยายามมาก

 

HAUS LABS BY LADY GAGA Color Fuse Glassy Blush Balm Stick
บลัชแท่งที่แม่กาก้าปั้น เนื้อบาล์มฉ่ำแต่ไม่เหนียว เกลี่ยง่าย ให้ฟีลแก้มโกลว์ใสๆ แบบกลาสสกิน แถมบำรุงจริงด้วย goji berry ช่วยให้ผิวดูอิ่มน้ำ และ fermented arnica ลดรอยแดง เคลมว่าชุ่มชื้น +62% คือลองแล้วรู้สึกเหมือนทาครีมบำรุงที่มีสี หน้าเด้งดูแพงแต่ไม่โป๊ะ เหมาะกับสายชอบงานผิวฟูๆ โกลว์สวยสุขภาพดี แท่งเดียวเอาอยู่

 

 


 

 

สมมงนักแสดงหญิงไทยคนแรก “ฟรีน สโรชา” เยือนพรมแดง Met Gala 2025

Alternative Textaccount_circle

เป็นอีกครั้งที่ต้องจารึกลงประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการบันเทิงไทย เมื่อ “ฟรีน – สโรชา จันทร์กิมฮะ” ได้รับเชิญให้เป็นแขกคนสำคัญร่วมงาน Met Gala 2025 ในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ประจำ Valentino ซึ่งหากย้อนตามไทม์ไลน์แล้ว ฟรีนถือเป็นคนไทยคนที่ 4 ที่ได้รับเชิญเข้าร่วมงานสุดยิ่งใหญ่นี้ ต่อจาก ป่าน ณิชาภัทร Contributor นิตยสารชื่อดัง, ไบรท์ วชิรวิชญ์ ศิลปินและนักแสดง, ลิซ่า ลลิษา ศิลปินระดับโลก

แน่นอนว่าการปรากฏตัวครั้งนี้ ลุคของเธอสร้างความประทับใจไว้ไม่น้อย จนสื่อแฟชั่นหลายแห่งยกให้คอสตูมนี้เป็น The Best of Custume ประจำ Met Gala 2025 ซึ่งโททัลลุคนี้เป็นการ Custom made สุดเอ็กซ์คลูซีฟที่รังสรรค์ขึ้นโดยผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของเมซง อเลสซานโดร มิเคลเล่ (Alessandro Michele)

ฟรีนสวมใส่แจ็กเก็ตผ้าวูลสีเบทูล่าตกแต่งด้วยขนเฟอร์สีดำตัดกันอย่างโดดเด่น ด้านในสวมใส่บอดี้สูทลูกไม้สีธรรมชาติ ดีไซน์คอสูง แขนยาว ปักเลื่อมและลวดลายดอกไม้หลากสี กระโปรงยาวชีฟองสีดำดีไซน์วอลลันต์พร้อมรายละเอียดรัฟเฟิลพลีท ประดับด้วยโบว์ซาตินสีชมพู และเครื่องประดับจาก Valentino Garavani

แม้เป็นปีแรกของ ”ฟรีน สโรชา” แต่เธอก็สามารถยืนอยู่บนพรมแดง Met Gala 2025 ได้อย่างสง่างาม


ภาพ: Getty Images และ Valentino

ข้อมูล: Valentino

แกะบิวตี้ลุค 'ฟรีน สโรชา' สวยหรูดูแพง เฉิดฉายบนพรมแดง Met Gala 2025

แกะบิวตี้ลุค ‘ฟรีน สโรชา’ สวยหรูดูแพง เฉิดฉายบนพรมแดง Met Gala 2025

Alternative Textaccount_circle
แกะบิวตี้ลุค 'ฟรีน สโรชา' สวยหรูดูแพง เฉิดฉายบนพรมแดง Met Gala 2025
แกะบิวตี้ลุค 'ฟรีน สโรชา' สวยหรูดูแพง เฉิดฉายบนพรมแดง Met Gala 2025

 

เมื่อพูดถึง Met Gala 2025 งานพรมแดงที่สะท้อนการตีความแฟชั่นและความงามในสไตล์ dandyism ปีนี้มาในธีม Superfine: Tailoring Black Style สำหรับแขกหน้าใหม่อย่าง “ฟรีน สโรชา จันทร์กิมฮะ” นักแสดงหญิงไทยคนแรกที่ได้ร่วมเดินบนพรมแดงสุดยิ่งใหญ่นี้ เธอไม่ได้เพียงแค่สวมชุดที่ตัดเย็บอย่างประณีตไร้ที่ติ แต่ยังเลือกเมคอัพที่เปล่งประกายความหรูหราและแซ่บสะกดทุกสายตาได้อย่างสมบูรณ์แบบ

การเลือกสีนู้ดทองเป็นการเพิ่มความลักซ์ชัวรี่ให้กับผิวของเธอ รวมถึงการทาลิปโทนชมพูระเรื่อประกายทอง และการสร้างกรอบใบหน้าที่ชัดเจน ทำให้เธอสามารถสะท้อนถึงการแต่งตัวที่ทั้งคลาสสิกและทันสมัยได้อย่างลงตัว ทุกองค์ประกอบในลุคนี้ทำให้เธอกลายเป็นดาวเด่นที่ไม่เพียงแค่สะท้อนสไตล์ dandy แต่ยังเปล่งประกายเสน่ห์และความมั่นใจที่ไม่เหมือนใคร ในงานนี้เธอไม่ได้เป็นแค่แขกที่รับชมแฟชั่น แต่ยังเป็นตัวแทนของการยกระดับแฟชั่นที่มีความประณีตและสมบูรณ์แบบ

 

บิวตี้ลุคของ ‘ฟรีน สโรชา จันทร์กิมฮะ’ บนพรมแดง Met Gala 2025 

  1. ผิวสวยโกลว์แบบสุขภาพดี (Glass Skin Effect)
    ฟรีนมาในงานนี้ด้วยผิวที่ดูชุ่มชื้น ฉ่ำวาวแต่ไม่มันเยิ้ม เป็นผิวโกลว์แบบ “glass skin” ที่นิยมในหมู่ดาราเกาหลีและแฟชั่นไอคอนระดับโลก เทคนิคคือการลงสกินแคร์เน้นความชุ่มชื้น รองพื้นเนื้อบางเบาที่มีความเงาแบบธรรมชาติ และ การใช้ highlighter แบบ subtle ในจุดที่แสงตกกระทบ เช่น โหนกแก้ม สันจมูก และเหนือริมฝีปาก
  2. คิ้วตรง-โก่งเล็กน้อย เพิ่มความนุ่มนวล
    ทรงคิ้วของฟรีนไม่โก่งสูงแบบคิ้วฝรั่ง แต่เป็นคิ้วตรงที่มีส่วนโค้งเล็กน้อยที่ปลาย ทำให้ดูซอฟท์และเฟมีนีน แต่ยังคงเฟรมหน้าได้ดี การเขียนคิ้วใช้โทนสีน้ำตาลธรรมชาติ ไม่เข้มหรือดำเกินไปเพื่อให้เข้ากับสีผม
  3. ดวงตากลมโตด้วยอายไลเนอร์ และขนตาที่เรียงเส้นละเอียด
    ฟรีนเลือกใช้อายไลเนอร์สีดำ กรีดชิดขอบตาโดยไม่เน้น wing ยาว แต่เพิ่มความคมให้ขอบตาแบบ subtle เสริมด้วยขนตาปลอมแบบขนตาฟูแบบธรรมชาติ natural wispy lashes ที่ทำให้ตาดูกลมและหวานโดยไม่ดูหนักตา พร้อมเพิ่มมิติด้วยอายแชโดว์โทนชมพูน้ำตาลมีชิมเมอร์บางเบาที่หัวตา
  4. พวงแก้มระเรื่อ เน้นความหวานสดใส
    บลัชออนสีชมพูพีช ถูกปัดแบบกระจายออกด้านข้างเพื่อให้ลุคดูอ่อนเยาว์ สดใส และเชื่อมต่อกับ eye makeup อย่างลงตัว ให้ความรู้สึกละมุนไม่แข็งเกินไป
  5. ริมฝีปากโทนชมพูระเรื่อประกายทอง ดูสุขภาพดี
    ลิปสติกโทนชมพูระเรื่อประกายทอง ถูกเลือกเพื่อให้ความรู้สึกเฟมีนีน และบาลานซ์กับดวงตาที่ไม่เน้นหนักเกินไป ลิปมีเนื้อ glossy-cream ที่เพิ่มความชุ่มชื้นให้ริมฝีปากและช่วยให้ลุคดูสดชื่น
  6. ผมลอนคลายสไตล์ Old Hollywood
    ทรงผมลอนใหญ่แบบ S-curl ที่เพิ่มความแกลมแต่ไม่ดูโบราณ การปล่อยผมข้างหน้าแบบปิดกรอบหน้าเล็กน้อยช่วยทำให้ใบหน้าดูซอฟต์และอ่อนโยน

 

 

เทรนด์ที่สะท้อนในลุคนี้
•  Soft Glam: เน้นความสวยธรรมชาติแต่ยังมีความหรูหรา เหมาะกับ red carpet
•  Glass Skin: ผิวโกลว์สุขภาพดีมาแรงทั้งในวงการบิวตี้เกาหลีและสากล
•  Natural Feminine: โทนสีชมพู-พีช และทรงคิ้ว-ตาที่เน้นความหวาน

 

ลุคนี้ของฟรีนเป็นตัวอย่างที่ดีของการแต่งหน้าที่สมดุลระหว่างความเป็นธรรมชาติและความหรูหรา เหมาะกับงานพรมแดงหรือโอกาสพิเศษที่อยากโดดเด่นแต่ยังคงความซอฟต์ เรียกได้ว่าเป็น “Effortless Elegance” ที่ใครๆ ก็อยากแต่งตาม

 

Photo: Getty Images

 

 


BLACKPINK

BLACKPINK BLACK LOOK : 3 สไตล์ 3 เสน่ห์ในชุดสีดำสุดไอคอนิก

Alternative Textaccount_circle
BLACKPINK
BLACKPINK

BLACKPINK BLACK LOOK จากความสง่างามเหนือกาลเวลา สู่ความลึกลับน่าค้นหา และความโดดเด่นทรงพลัง พวกเธอสร้างปรากฏการณ์แฟชั่นที่โลกต้องจดจำ

ยังคงเป็นพรมแดงที่คนดังจากทั่วโลกให้ความสนใจและมีชื่อเสียงเสมอ สำหรับ MET GALA หรือ ออสการ์แห่งวงการแฟชั่น งานกาล่าดินเนอร์ระดมทุนประจำปีของ พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิแทน ที่มีจุดประสงค์เพื่อรวบรวมเงินสนับสนุน The Costume Institute 

สำหรับงาน MET GALA 2025 จัดขึ้นภายใต้ธีม “Superfine: Tailoring Black Style” ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากหนังสือที่สำรวจประวัติศาสตร์วัฒนธรรมและวิวัฒนาการการแต่งตัวสไตล์ Dandy ของชายผิวดำอย่าง Slaves to Fashion: Black Dandyism and the Styling of Black Diasporic Identity 

และแน่นอนว่าสามสาว BLACKPINK ในฐานะ Global Ambassador ของแบรนด์ดังระดับโลก ก็ไม่ทำให้เหล่า BLINK ทั่วโลกผิดหวัง ด้วยลุคสีดำสุดสง่างามที่เผยให้เห็นถึงเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคนได้อย่างน่าจับตามอง

JENNIE

เจนนี่ในฐานะ “Human Chanel” ไม่เคยทำให้ผิดหวังกับการปรากฏตัวบนพรมแดง และในงาน MET GALA 2025 นี้ เธอก็มาในชุดทักซิโด้ของ Chanel พร้อมจั๊มสูทสีดำเข้ารูป ตกแต่งด้วยดอกไม้สีขาวและไข่มุกอันเป็นเอกลักษณ์ โดยลุคนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรันเวย์ของ โคโค่ ชาแนล ในช่วงยุค 1920 และ 1930

ROSÉ:

ขณะที่ โรเซ่ แบรนด์แอมบาสเดอร์ของแซงต์ โลรองต์ ไม่เคยทำให้ผิดหวังเธอมาในลุคที่แตกต่างแต่ยังคงความสง่างาม ด้วยชุดชุดทักซิโด้สั่งตัดยาวสีดำที่สร้างความน่าสนใจและความลึกลับน่าค้นหาให้กับลุคของเธอได้อย่างดี ชุดสีดำชุดนี้เปรียบเสมือนบทกวีที่ถูกรังสรรค์ขึ้นบนเรือนร่าง สะท้อนถึงความอ่อนหวานแต่แฝงไปด้วยความแข็งแกร่ง

Lisa

ปิดท้ายที่ลิซ่าซึ่งมา MET GALA เป็นปีแรก แต่ไม่มีดร็อปชุดกับที่สร้างความฮือฮาอย่างร้อนแรงบนโลกออนไลน์ โดยลิซ่ามาในจากแบรนด์ LOUIS VUITTON  ชุดมีกลิ่นอาย ยุค 80-90 แต่ที่น่าสนใจคือกางเกงที่เธอใส่นั้นโดดเด่นด้วยใบหน้าของ โรซา พาร์ค นักเคลื่อนไหวสิทธิคนผิวดำชื่อดัง 

สำหรับทั้งสามลุคสีดำสุดไอคอนิกของ เจนนี่, โรเซ่ และ ลิซ่า ในงาน MET GALA 2025 ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความงามสง่าและสไตล์อันโดดเด่นของพวกเธอเท่านั้น แต่ยังเป็นการตีความธีม “Superfine: Tailoring Black Style” ในแบบฉบับของแต่ละแบรนด์ได้อย่างน่าสนใจ

Met Gala 2025

สั้น แซ่บ..พริกยกสวน! ‘บอดี้สูท’ ครองพรมแดง Met Gala 2025

account_circle
Met Gala 2025
Met Gala 2025

ในค่ำคืนแห่งงานแฟชั่นระดับโลกอย่าง Met Gala 2025 ซึ่งจัดขึ้น ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิแทน นิวยอร์ก เหล่าบรรดาแฟชั่นนิสต้าและคนดังระดับโลกต่างพร้อมใจกันตีความธีม “Superfine: Tailoring Black Style” ผ่านลุคต่างๆ ซึ่งหนึ่งในเทรนด์เด่นที่ชัดเจนที่สุดปีนี้ คือการกลับมาอย่างสง่างามของ บอดี้สูท ที่ถ่ายทอดความโมเดิร์นของแฟชั่นสูทสุภาพบุรุษ ผสานกับเสน่ห์ความเซ็กซี่แบบไร้ขีดจำกัด

Sabrina Carpenter

(Photo by Jamie McCarthy/Getty Images)


นักร้องสาว Sabrina Carpenter เลือกสวมลุคสั่งทำพิเศษจาก Louis Vuitton โดดเด่นด้วยแจ็กเก็ต tailcoat ลายทางสีเบอร์กันดี ตกแต่งกระดุมคริสตัล แมตช์เข้ากับบอดี้สูทลายเดียวกัน เสริมความเฉียบด้วยรองเท้าแพลตฟอร์มเข้าชุด และเครื่องประดับทองที่ขับให้ลุคนี้ดูหรูหราแต่แฝงความขบถเล็กๆ

Doja Cat

(Photo by Dimitrios Kambouris/Getty Images for The Met Museum/Vogue)


ทางด้าน Doja Cat ก็ไม่พลาดสร้างซีนบนพรมแดง ด้วยบอดี้สูทสไตล์เบลเซอร์จาก Marc Jacobs ที่ปักคริสตัล Swarovski เป็นลายทาง และเลือกใช้ผ้ากำมะหยี่พิมพ์ลายเสือ ocelot เพิ่มมิติให้ลุค คอมพลีทด้วยส้นสูงสั่งทำพิเศษ

Lisa Lalisa


ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล นำเสนอความเท่ผ่านสูทสีดำประดับกลิตเตอร์ ที่ซ้อนเลเยอร์บอดี้สูทลูกไม้โปร่งแสงด้านใน เธอเพิ่มดีเทลด้วยถุงน่องลายโลโก้ LV และรองเท้าส้นสูงสีดำที่ช่วยเสริมความกลมกลืนของลุค

Helen Lasichanh

(Photo by Dimitrios Kambouris/Getty Images for The Met Museum/Vogue)


อีกหนึ่งคนดังที่ร่วมเฉลิมฉลองเทรนด์นี้คือ Helen Lasichanh ภรรยาของ Pharrell Williams เธอปรากฏตัวในชุดหนังสีดำจาก Louis Vuitton จับคู่กับบอดี้สูทหนังเข้าชุด ถุงน่องลายโลโก้ และรองเท้าจากแบรนด์เดียวกัน

ปีนี้ Met Gala 2025 ยกย่องความงดงามของ Black dandyism และศิลปะการตัดเย็บของแฟชั่นของสุภาพบุรุษ ผ่าน dress code ที่ชื่อว่า “Tailored for You” โดยมีคณะเจ้าภาพอย่าง Colman Domingo, Lewis Hamilton, A$AP Rocky, Pharrell Williams และ Anna Wintour ร่วมขับเคลื่อนค่ำคืนนี้ให้กลายเป็นอีกหนึ่งบทบันทึกในประวัติศาสตร์แฟชั่น


เรียบเรียงจาก : wwd.com

ภาพ : Getty Image

‘สะกดคำว่า หลง กับคำว่า รัก ให้ถูก มีโอกาสถูกหลอกสูง ใช่คุณไหม??? ต้องเช็กแล้ว!!!’ ดวงรายสัปดาห์ 5-11 พฤษภาคม 2568

Alternative Textaccount_circle

‘อย่าสับสนระหว่างคำว่า หลง กับ รัก จะถูกหลอก’

ดวงรายสัปดาห์ 5-11 พฤษภาคม 2568

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์          

การงาน  :   น่าเห็นใจชาวอาทิตย์จริงๆ เลย หายใจคล่องได้แค่สัปดาห์เดียว ก็กลับมาเครียดอีกแล้ว มีความเป็นไปได้ว่าคุณจะตกอยู่ท่ามกลางภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ตกเป็นแพะรับบาป ต้องรับผิดในสิ่งที่ไม่ได้กระทำ หรือต้องทำงานที่นอกเหนือจากที่ตกลงกันไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจที่ต้องใช้วาจาในการติดต่อประสานงาน โฆษณา-ประชาสัมพันธ์ สื่อมวลชน นักพูด ด้วยแล้ว มีโอกาสที่คุณจะได้รับข่าวเซอร์ไพร์สที่มาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลง โดยคุณต้องอาศัยการปรับตัวเพื่อที่จะอยู่ต่อไป  

การเงิน  :  สำหรับสัปดาห์นี้คุณไม่ต้องทำงานหนักก็มีเงินเข้ามาให้ใช้จ่ายได้ตลอด เช่นกันกับรายจ่ายก็มีเข้ามาตลอดๆๆ  ทั้งภาระที่ต้องใช้จ่ายประจำรายสัปดาห์ รายเดือน นอกจากนั้นยังมีรายจ่ายเพิ่มสำหรับทำบุญ ทำทาน อีกด้วย

ความรัก  :  คู่ครองก็ยังอยู่ใกล้ชิดกับคุณตลอดๆ สัปดาห์นี้จะยิ่งเพิ่มความโรแมนติก หลงคุณมากกว่าเดิม แต่คุณก็ยังแอบหวั่นไหวอยู่นะคะว่าเขาจะจริงใจหรือไก่กา คนโสด  สัปดาห์นี้ชาวอาทิตย์โรแมนติกมากๆ มีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้ามมากๆ และก็รักและหลงคนง่ายมากๆๆ แต่อย่าเพิ่งตัดสินใจไปกับใครง่ายๆ นะคะ เดี๋ยวจะหาว่าหมอปุ้ยไม่เตือน

สุขภาพ  :   ต้องระวังเส้นเอ็น กล้ามเนื้อจะตึงยึด โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณช่วงขา ทั้งจากยืนเดินนั่งนาน หรือจากอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้น เช่น ตกบันได ตกฟุตบาท ตกส้นสูง จนข้อเท้าพลิก/แพลง มีโอกาสเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ก็คงต้องใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวัง

ผู้ที่เกิดวันจันทร์

การงาน  : ก็ยังคงเป็นสัปดาห์แห่งความคิดและสร้างสรรค์ของชาวจันทร์อยู่ ดังนั้น หากจะทำงานหรือดำเนินธุรกิจทางด้านศิลปะ ศิลปิน นักร้อง นักแสดง ดีไซเนอร์ สถาปนิก เสริมสวย ฯลฯ ก็ยังทำได้อยู่ รวมถึงผู้ที่ไม่ได้อยู่ในสายนี้ก็จะมีผู้ใหญ่สนับสนุนช่วยเหลือให้ได้เข้ามาสัมผัสกับวงการนี้ แต่สัปดาห์นี้เป็นไปได้ว่าคุณจะมาทางสายบุญ สายศาสนา สาย CSR เพื่อสังคมมากกว่าจะทำเพื่อเงินเหมือนที่ผ่านมา เพราะฉะนั้นนอกจากผู้ใหญ่จะสนับสนุนช่วยเหลือแล้ว ยังมีโอกาสได้ทำงานกับผู้ใหญ่ที่มีบุญและบารมีด้วย

การเงิน  :  ก็เช่นกัน คุณยังคงใช้เงินเก่งๆ พอๆ กับหาเงินเก่งอยู่ แต่สำหรับสัปดาห์นี้เป็นไปได้ว่าคุณจะแบ่งเงินไปทำบุญ ทำทาน บริจาคเพื่อสังคมด้วย

ความรัก  :   สัปดาห์นี้คุณน่าจะไปไหนไม่ค่อยได้คล่องตัวนัก เพราะผู้ใหญ่ตามประกบแจเลย หรือหากจะได้ไปก็ต้องมีผู้ใหญ่ติดตามไปเป็นหมู่คณะเลย คนโสด  สัปดาห์นี้คาดว่าคุณจะถูกตาต้องใจกับผู้ใหญ่ ซึ่งอาจเป็นชาวต่างชาติก็ได้นะ หรือไม่เช่นนั้นผู้ใหญ่ก็จะเป็นแม่สื่อ นัดเดทให้

สุขภาพ  :   ก็ยังคงเอ็นจอยไลฟ์ ทั้งดื่มและรับประทาน จนน้ำหนักส่งผลให้เข่าเริ่มจะมีปัญหา เพราะต้องรับน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้น นอกจากนั้นยังต้องระวังพวกภูมิแพ้ด้วย จะมีปัญหาในเรื่องของการหายใจ จามบ่อย

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน   สัปดาห์นี้ของชาวอังคารก็ยังอยู่กับงานหรือธุรกิจทางด้านการบริหารจัดการ การติดต่อประสานงานระหว่างประเทศ รวมถึงการให้บริการที่ปรึกษาและคำแนะนำในด้านต่างๆ  หากกำลังเครียดกับการรอคอยการตอบรับสำหรับการเดินทางไปต่างถิ่นต่างแดน ไม่ว่าจะไปประชุม อบรม สัมมนา หรือขยายธุรกิจ ขยายสาขา ทางที่ดีควรเตรียมแผนสองไว้ด้วยนะคะ เพราะมีโอกาสที่จะยังไม่ได้ไปในเร็ววัน ก็เช่นเดิมค่ะ อย่าใจร้อน เชื่อมั่นในตัวเองมากเกินไป จนตัดสินใจทุกอย่างด้วยความวู่วาม เพราะจะทำให้งานหรือธุรกิจเกิดความผิดพลาดเสียหายอย่างคาดไม่ถึง

การเงิน  :  ก็ยังคงมีโชคในการลงทุนและทรัพย์สิน แต่ก็อย่าประมาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งการค้าหรือการเจรจาธุรกิจกับต่างประเทศ เพราะมีโอกาสที่คุณจะพลาดท่าเสียทีจนชักหน้าไม่ถึงหลังทีเดียว  

ความรัก  :   หัวใจก็ยังเต็มไปด้วยความรัก ความโรแมนติก ที่น่ากลัวคือโรแมนติกมากจนล้นไปถึงคนข้างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณอยู่ห่างจากคู่ครองด้วยแล้ว จึงควรระมัดระวังใจให้ดีๆ   คนโสด  มีโอกาสได้พบคนถูกใจในระหว่างการเดินทาง แล้วความหลงจะทำให้ทุกอย่างก็มีโอกาสเกิดขึ้นเร็วมากด้วย เรียกว่าคุณยังไม่รู้ตัวเลย

สุขภาพ  :   ต้องระวังในเรื่องของโรคกระเพาะอาหารและลำไส้ รวมถึงผลที่เกิดจากการดื่มหนัก เที่ยวหนักเช่น โรคหัวใจ สุขภาพทรุดโทรม ซึ่งคาดว่าจะเป็นแบบเรื้อรังเลยด้วย

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน  : สัปดาห์นี้ของชาวพุธว่าด้วยผู้ที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจในหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ ธนาคาร ประกัน การแพทย์ และสาธารณสุข โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่คิดว่าจะทิ้งตัวกับงานหรือธุรกิจนี้ไปจนถึงเกษียณ เพราะเป็นไปได้ว่าจะมีเหตุให้คุณเข้าไปอาสาเจ้านายไปทำงานที่เสี่ยงต่อความผิดพลาด แม้จะมีคนเตือนแล้วเตือนอีก แต่เพราะคุณยึดติดกับอีโก้ของตัวเองเหนียวแน่น จึงไม่รับฟังใครเลย ดังนั้น สิ่งที่คุณไม่คาดคิดมีโอกาสที่จะเกิดขึ้น เช่น เพื่อนที่ไว้วางใจที่สุดกลับกลายเป็นคนที่ทำร้ายคุณที่สุด จนเป็นเหตุให้งานหรือธุรกิจสั่นสะเทือน เพราะฉะนั้นควรรับฟังเสียงต่างๆ บ้าง  

การเงิน  :  รายจ่ายเยอะจนต้องกู้หนี้ยืมสินวุ่นวายไปหมด นอกจากนั้นยังต้องระวังจะถูกหลอกลวงด้วย กว่าจะเอาตัวรอดจนหมดสัปดาห์ได้แทบตาย

ความรัก  :  ก็ยังมีโอกาสที่คุณจะแยกจากคู่ครอง แต่สัปดาห์นี้คาดว่าจะเป็นสาเหตุที่เขามีคนใหม่ หรือคุณแอบใครไว้ในใจที่เปิดเผยไม่ได้ แต่อย่างไรก็ตามต้องหนักแน่น เพราะทั้งหมดคือภาพมายา ไม่มีอยู่จริง   คนโสด  มีโอกาสที่คุณจะตกเป็นมือที่สาม หรือเป็นโลกใบที่สอง จริงๆ แล้วเป็นความหลงมากกว่าความรัก เพราะฉะนั้นอย่าไปหลงกับความรู้สึกนี้ ไม่เช่นนั้นคุณจะทุกข์หนักเลย

สุขภาพ   :  จริงๆ คุณแข็งแรง แต่ไม่ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพร่างกาย เพราะฉะนั้นหากไม่สบายมีโอกาสที่จะเป็นแบบเรื้อรัง ซึ่งสัปดาห์นี้ต้องระวังพวกโรคกระเพาะและลำไส้ นอกจากนั้นยังต้องระวังพวกอาการฟกช้ำดำเขียว

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี

การงาน  :   สัปดาห์นี้ชาวพฤหัสคงต้องเหนื่อยหน่อยนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจในสายงานที่ต้องใช้อารมณ์ความรู้สึกในการถ่ายทอด ดนตรี กวี ศิลป์  เช่น งานด้านวงการบันเทิง นักแสดง นักเขียนบท นักโฆษณา นักดนตรี ดีไซเนอร์ เย็บปักถักร้อย ฯลฯ งานจะเข้าตลอดๆๆ ทั้งสายขาวและสายเทา มีโอกาสได้ร่วมงานหรือร่วมหุ้นทำธุรกิจกับเพื่อนสนิท หรือญาติสนิทผู้หญิง เรียกว่าเหนื่อยจนสายตัวแทบขาดเลยทีเดียว  

การเงิน  :  ในช่วงสัปดาห์นี้ชาวพฤหัสมีโอกาสหมดเงินไปกับการหาความสำราญ ความสวยความงาม เพื่อให้สมกับความเครียดและความเหนื่อย แต่ก็ต้องหักห้ามใจ อย่าใจดีมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเพื่อนผู้หญิง เพราะจะถูกหลอกในเรื่องของการลงทุน การกู้ยืมเงิน  

ความรัก  :  เป็นไปได้ว่าสัปดาห์นี้คุณจะมีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดกับเพื่อนผู้หญิง ลูกสาว หรือญาติผู้หญิง เป็นไปได้ที่คุณจะรู้สึกมีความสุขมากกว่าอยู่กับคู่ครองด้วยสิ  คนโสด เจ้าชู้มากมาย ไหนจะรักเก่า รักใหม่วุ่นวายไปหมด คาดว่าสัปดาห์นี้คุณจะเพิ่มเพื่อนผู้หญิงเข้ามาอยู่ในใจของคุณอีกคน

สุขภาพ   :   ก็ยังอยู่กับการดื่ม เที่ยวกลางคืน พักผ่อนน้อยติดๆ กัน จึงมีความเสี่ยงที่คุณจะป่วยไข้ไม่สบาย ระบบเลือด น้ำเหลือง และต่อมไร้ท่อจะมีปัญหา  

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน  :   สำหรับชาวศุกร์สัปดาห์นี้ต้องระวังตัวหน่อยนะคะ เตรียมแผนสำรองไว้บ้างก็ดี เพราะมีโอกาสที่คุณจะตกอยู่กับความเครียด อึดอัด และกดดัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่อยู่ในสายงานหรือธุรกิจที่ต้องใช้วาจาในการติดต่อประสานงาน การโฆษณา-ประชาสัมพันธ์ สื่อมวลชน สื่อสารองค์กร นักพูด ฝ่ายขาย ฯลฯ ระวังการสื่อสารจะผิดพลาดจนถูกพิจารณาความผิด ทางที่ดีควรเข้าหาผู้ใหญ่ผู้หญิง เพราะเธอสามารถช่วยให้คุณรอดพ้นจากภาวะนี้ได้

การเงิน  :   จริงๆ แล้วคุณมีภาระที่จะต้องดูแลช่วยเหลือคนในบ้าน จนตัวเองเดือนร้อน ในช่วงสัปดาห์นี้พอจะหายใจได้โล่งขึ้น เพราะผู้ใหญ่ผู้หญิงจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ

ความรัก :   เป็นไปได้ว่าในช่วงสัปดาห์นี้จะมีบรรยากาศของการรวมญาติเกิดขึ้น สมาชิกพี่ป้าน้าอาจะได้มาพบกันพร้อมหน้าพร้อมตา ซึ่งก็จะมีปาร์ตี้ดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน เป็นไปได้ว่าจะฉลองการมีทายาทใหม่ก็ได้นะ  คนโสด  ต้องระวังนะคะ หากถูกใจใครในสถานบันเทิงเริงรมย์แล้วล่ะก็ คุณมีความเสี่ยงที่จะตกเป็นแม่ได้อย่างไม่คาดคิด หรือหากโชคดี คุณจะได้พบคนที่ดีและจริงใจไปจนถึงสร้างครอบครัวด้วยกัน

สุขภาพ  :   ฟันมีโอกาสที่จะสร้างปัญหาใหญ่ให้คุณ นอกจากนั้นหากใครที่เพิ่งผ่าคลอด หรือผ่าตัดภายในช่องท้อง ก็อย่าเพิ่งยกของหนัก หรือทำงานหนัก เพราะมีความเสี่ยงที่แผลจะได้รับความกระทบกระเทือน

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน  :  ในช่วงสัปดาห์นี้สำหรับชาวเสาร์ที่กำลังจะเข้าสู่การแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นการประมูล การประกวด สอบเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง สอบสัมภาษณ์งาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสายงานหรือธุรกิจที่เกี่ยวกับงานบริการ เช่น ร้านอาหาร กาแฟ สปา โรงแรม การท่องเที่ยว หรือสินค้าและบริการที่เกี่ยวกับเด็ก ซึ่งคุณคาดหวังผลสำเร็จอย่างแรงกล้า สามารถทำได้ทุกวิถีทางจนไม่คิดถึงความถูกต้องชอบธรรมแล้วล่ะก็ ก็ไม่ควรไว้วางใจเพื่อนสนิทหรือคนใกล้ชิด เพราะเขาจะเปลี่ยนท่าทีมาเป็นทำร้ายคุณ

การเงิน  :   มีโอกาสได้เงินรางวัลตอบแทนจากการทำงาน แต่คุณก็จะหมดไปกับขนมนมเนย ของจุกจิก จนเกินงบประมาณที่ตั้งไว้ คาดว่ากว่าจะหมุนเงินจนผ่านสัปดาห์นี้ไปได้ก็เรียกว่าเหนื่อยเลย  

ความรัก  :  สัปดาห์นี้ของชาวเสาร์คาดว่าจะวุ่นวายกับเด็กและบริวารในบ้านอย่างมากเลย อาจเป็นลูกหลาน หรือรุ่นน้องในที่ทำงาน จนคู่ครองมีโอกาสน้อยใจ พยายามที่จะเรียกร้องความสนใจ    คนโสด  มีโอกาสที่คุณจะมีเด็กรุ่นน้องมากดติดตาม หรือถูกใจ ทั้งเฟซ ไอจี หรือติ๊กต่อก  ก็อย่าเพิ่งดีใจไป เพราะจะเป็นความหลงมากกว่ารักจริง

สุขภาพ   :   ต้องระวังพวกโรคกระเพาะและลำไส้ แต่ยังไม่น่ากลัวเท่ากับความเครียดที่เกิดจากการเก็บเรื่องไร้สาระมาคิด จนกลายเป็นย้ำคิดย้ำทำ สติแตกในบางครั้ง

Matthew Ifield

Matthew Ifield เจ้าพ่อเพลงรักรุ่นใหม่ขวัญใจ Gen Z

Alternative Textaccount_circle
Matthew Ifield
Matthew Ifield

เจ้าพ่อเพลงรัก Gen Z “Matthew Ifield” กลับมาพร้อมเพลงใหม่ “When I Loved You” ที่จะพาคุณหวนคิดถึงความสัมพันธ์ที่จบไป พร้อมยอดวิวทะลุ 12,000 ล้าน!

หลังจากส่งเพลงสุดโรแมนติกอย่าง “Ready For Love” มาเอาใจแฟนๆ ชาวไทยก่อนหน้านี้ ล่าสุดหนุ่ม แมทธิว ไอฟิลด์ ศิลปินหนุ่มวัย 20 ปีขวัญใจวัยรุ่นคนล่าสุดจากซิดนีย์ ออสเตรเลีย กลับมาสานต่อตำแหน่งเจ้าพ่อเพลงรักอีกครั้งด้วยเพลง “When I Loved You” ที่เขาบอกว่าเป็นเพลงโปรดของเขาตั้งแต่เขาแต่งมาเลยทีเดียว

Matthew Ifield

“When I Loved You” เป็นอีกเพลงที่ แมทธิว ไอฟิลด์ ถ่ายทอดน้ำเสียงสไตล์โซลของเขาออกมาได้อย่างน่าฟัง เนื้อเพลงเล่าถึงเรื่องราวและความรู้สึกที่เกิดขึ้นหลังจากความสัมพันธ์อันลึกซึ้งได้จบไป ให้คนฟังได้คิดตามว่าตอนที่เรามีความรักความสัมพันธ์กับใครสักคน เรารู้จักตัวเองดีว่าเราเป็นอย่างไร หรือเราแค่ตกหลุมรักกันและกันในช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกันเท่านั้น

แมทธิว ไอฟิลด์ เล่าถึงแรงบันดาลใจในการแต่งเพลงนี้ว่า “ผมเคยอยู่ในความสัมพันธ์ที่ตอนที่รักก็รักกันอย่างเต็มที่มากๆ แต่ตอนจบกลับเลิกรากันค่อนข้างเร็ว ผมเลยกลับมานั่งคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ที่ทำให้ความสัมพันธ์ในครั้งนี้มันจบลงแบบนี้ รวมถึงค่อยๆ ตกตะกอนความคิดว่าเราเป็นใครระหว่างที่เราอยู่ด้วยกัน ผมคิดว่าหลายคนน่าจะเคยตั้งคำถามกับความสัมพันธ์ที่จบไปของพวกเขาเช่นกัน ถ้าคุณเคยมีประสบการณ์แบบนี้เหมือนกัน เพลงนี้คือเพลงของพวกคุณ”

Matthew Ifield

ทางด้านมิวสิควิดีโอเพลง “When I Loved You” เขาได้ร่วมงานกับ Thom Davies ผู้กำกับที่ทำงานอยู่ที่ซิดนีย์ โดย แมทธิว ไอฟิลด์ พูดถึงมิวสิควิดีโอเพลงนี้ว่า “ผมมีความสุขมากกับมิวสิควิดีโอเพลงนี้ สามารถถ่ายทอดเนื้อเพลงออกมาเป็นภาพได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว” 

แมทธิว ไอฟิลด์ ได้รับความนิยมและเสียงตอบรับที่ดีจากแฟนๆ ทั่วโลกตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา ด้วยยอดวิวรวมกันกว่า 12,000 ล้านครั้ง และยอดผู้ติดตามกว่า 3 ล้านคนในโซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์ม มีฐานแฟนคลับที่เหนียวแน่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออสเตรเลีย และอเมริกา เขาเคยร่วมทัวร์คอนเสิร์ตกับ grentperez และเพิ่งเสร็จสิ้นจากการทัวร์คอนเสิร์ตในออสเตรเลียร่วมกับศิลปินชื่อดังอย่าง Alec Benjamin รวมถึงการแสดงสดที่อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ รวมถึงการมาเยือนเมืองไทยครั้งแรกในงาน Exclusive Listening Session และร่วมแสดงในเทศกาลดนตรี Pelupo 2025 ก็ได้กระแสตอบรับเป็นอย่างดีจากแฟนๆ ที่เข้าร่วมชม ความสามารถในการเป็นศิลปินและนักแต่งเพลงของเขา ทำให้เขาเป็นศิลปินที่น่าจับตามองอย่างมากในปี 2025 นี้

Gracie Abrams

Gracie Abrams สวยออร่า! เผยเสน่ห์สดใสระหว่างเยือนประเทศไทย

Alternative Textaccount_circle
Gracie Abrams
Gracie Abrams

Gracie Abrams ศิลปินสาวสวยอารมณ์ดี เจ้าของเพลงดังอย่าง  “That’s So True”,  “I Love You, I’m Sorry” และ “Close To You” เผยเสน่ห์สดใสในการเยือนไทยครั้งแรก แฟนคลับปลื้มปริ่มกับการพูดคุยสุดใกล้ชิดและกิจกรรมอบอุ่นหลังคอนเสิร์ต

ไม่ว่าใครได้เห็นได้ฟังได้เห็นรอยยิ้มของ เกรซี แอบรัมส์ ศิลปินสาวสวยอารมณ์ดี เจ้าของเพลงดังอย่าง  “That’s So True”,  “I Love You, I’m Sorry” และ “Close To You” ที่กำลังมาแรงสุด ๆ ในขณะนี้ มานั่งพูดคุยอยู่ตรงหน้าใกล้ ๆ ก็ต้องตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกพบแน่นอน นี่คือประสบการณ์สุด Exclusive ที่จัดให้กับเหล่าสื่อมวลชนและอินฟลูเอนเซอร์ชาวไทยที่ได้ร่วมงานแถลงข่าวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในไทย กับ Universal Music Thailand – Gracie Abrams: Press Conference in Thailand ณ SIWILAIi  City Club  ชั้น 5 เซ็นทรัล เอ็มบาสซี

Gracie Abrams

เกรซี แอบรัมส์  กล่าวทักทายกับผู้ร่วมงานอย่างเป็นกันเอง ก่อนเผยว่าเธอดีใจและตื่นเต้นมากที่ได้มาเมืองไทยครั้งแรก ซึ่งเป็นประเทศที่เธออยากจะมามาก ๆ มานานแล้ว เพราะเธอได้เห็นข้อความจากแฟน ๆ ชาวไทยเรียกร้องให้เธอมาแสดงคอนเสิร์ตที่ไทยผ่านโซเชียลมีเดียมาโดยตลอด และในที่สุดความฝันของเธอก็เป็นจริง แถมเธอยังดีใจมากที่บัตรคอนเสิร์ตที่ ยูโอบี ไลฟ์ เอ็มสเฟียร์ ขายหมดเกลี้ยงในเวลาอันรวดเร็ว

ซึ่งเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่า เกรซี แอบรัมส์ เป็นที่รักของแฟนคลับชาวไทยจำนวนมากจริง ๆ เธอตกหลุมรักเมืองไทยตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้สัมผัสบรรยากาศในประเทศไทย คนไทยให้การต้อนรับเธออย่างอบอุ่น รวมถึงอาหารไทยก็อร่อยถูกปากเธอมาก ๆ เธอจึงกล่าวขอบคุณคนไทยทุกคนที่ทำให้เธอได้มีโอกาสดี ๆ ในการได้มาเยือนเมืองไทยในครั้งนี้

 จากนั้นก็เข้าสู่ช่วงตอบคำถามที่ทางสื่อมวลชนและอินฟลูเอนเซอร์ชาวไทยได้ฝากเอาไว้ให้ ทั้งเรื่องของประสบการณ์กับแฟน ๆ ที่เธอประทับใจที่สุด ที่เธอบอกว่าการได้ร้องเพลงที่เธอเคยแต่งคนเดียวในห้องนอนของตัวเองให้ทุกคนได้ฟัง แล้วทุกคนได้แบ่งปันอารมณ์ความรู้สึกร่วมกัน เป็นสิ่งที่เธอประทับใจที่สุด

หากเลือกความทรงจำที่สามารถเก็บใส่ในไทม์แคปซูลได้ เธอจะเลือกหยิบความทรงจำที่เกี่ยวกับมิตรภาพของเธอเก็บเอาไว้ เพราะเธอได้เจอได้คบแต่กับคนดี ๆ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงานหรือกับคนทั่วไปก็ตาม เธอเผยว่าเพลงเพราะติดหูอย่าง “That’s So True” เธอแต่งกับเพื่อนตอนที่กำลังเมา! และเธอเลือกเพลง “Feels Like” และ “Close To You” ให้กับประเทศไทย เพราะเธอเพิ่งมาไทยครั้่งแรก แต่ก็ได้รับบรรยากาศอันอบอุ่น และได้พูดคุยกับทุกคนในงานนี้อย่างใกล้ชิดทันทีที่เธอมาถึงเมืองไทย

หากให้เปรียบอัลบั้ม The Secret of Us ของเธอเป็นภาพยนตร์ เธอเลือกให้เป็นภาพยนตร์แนวโรแมนติกคอเมดี้ รวมถึงคำถามที่ว่า แฟนเพลงชาวไทยร้องเพลงในคอนเสิร์ตกันเสียงดังมาก ๆ เธออยากเลือกเพลงอะไรให้แฟน ๆ ร้องตามกันดัง ๆ ในคอนเสิร์ตของเธอในคืนนี้ เธอตอบอย่างไม่ลังเลเลยว่าร้องเสียงดังกันทุกเพลงได้เลย เพราะเธอมาที่นี่เพื่อมาฟังเสียงแฟน ๆ ร้องเพลงกันเสียงดัง ร้องทุกเพลงทุกคำที่ร้องได้กันให้เต็มที่ได้เลย ซึ่งแฟนเพลงชาวไทยก็ไม่ทำให้เธอผิดหวังเลยแม้แต่น้อย ศิลปินชมว่าแฟนเพลงชาวไทยเป็นผู้ชมที่ดีที่สุด และสัญญาว่าจะกลับมาหาทุกคนอีกแน่นอน

ยังไม่จบเพียงเท่านี้ Universal Music Thailand รู้ดีว่าแฟน ๆ ยังอยากซึมซับบรรยากาศของคอนเสิร์ต  The Secret of Us Tour ในเมืองไทยกันต่ออีกนิด จึงชวนแฟน ๆ มาสนุกกันต่อกับกิจกรรมน่ารัก ๆ ในงาน The Secret of Us Tour Morning Debriefs Bangkok, Thailand ชวนแฟน ๆ ของ เกรซี แอบรัมส์  มาพูดคุยและแชร์ประสบการณ์ความประทับใจจากคอนเสิร์ต The Secret of Us Tour

พร้อมรับของขวัญน่ารัก ๆ อย่าง The Secret of Us Tour Exclusive Pin เมื่อซื้อเมนู That’s So Matcha หรือ I Love You, I’m Coffee รวมถึงถ่ายรูป PhotoBooth ได้ฟรี! เมื่อคอมเมนต์โพสต์กิจกรรมใน Instagram วันที่ 20 เมษายน 2025 ที่ Roots Sathon บรรยากาศอบอุ่นคราคร่ำไปด้วยรัก เกรซี แอบรัมส์ ได้แบ่งปันมิตรภาพและช่วงเวลาดี ๆ ร่วมกันในคอนเสิร์ตเมื่อคืนกันอย่างสนุกสนาน สมกับชื่อทัวร์ The Secret of Us จริง ๆ

เปิดแฟชั่นหลักแสน “โออียอง” นางเอก Resident Playbook เจ้าของหนี้ 50 ล้านวอน

Alternative Textaccount_circle

หากใครติดตาม Hospital Playlist คงไม่พลาดภาคแยกอย่าง Resident Playbook ซีรีส์ที่เล่าความปั่นป่วนของแพทย์ประจำบ้านปี 1 แผนกสูตินรีเวช ที่ได้นางเอกสุดฮ็อตอย่าง “โกยุนจอง” มารับบทบาท “โออียอง” หรือ 520 ที่เรารู้จัก นอกจากความสวยที่สะกดใจผู้ชมทางบ้านแล้ว เรื่องราวของเธอยังแฝงไปด้วยปมชวนติดตาม ทั้งการสูญเสียคุณแม่ตั้งแต่เด็ก ตกหลุมรักกูโดวอน (น้องชายพี่เขยและรุ่นพี่แพทย์ประจำบ้านปี 4) จนถึงการเป็นหนี้ 50 ล้านวอน หรือประมาณ 1.1 ล้านบาท ซึ่งเป็นต้นตอทำให้เธอต้องจำใจมาทำงานในโรงพยาบาลจงโนยุลเจ ปูบทมาขนาดนี้ ซีรีส์ไม่ใช่แนวดราม่าแต่เป็น Coming of Age ที่จะทำให้เราได้เรียนรู้และเติบโตไปพร้อมตัวละคร

อย่างที่เกริ่นไปตอนต้นว่านางเอกของเราติดหนี้อยู่ 50 ล้านวอน หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 1,180,000 บาท เห็นตัวเลขขนาดนี้ก็กุมขมับแทนเหมือนกัน แต่ความตลกอยู่ที่ผู้ชมหลายคนพากันจับผิดแฟชั่นไอเท็มที่เธอสวมใส่ แล้วพบว่าราาแต่ละชิ้นไม่ธรรมดา มีตั้งแต่ครึ่งหมื่นจนถึงแสน สงสัยคงต้องแอบแซวเหมือนกันว่า คุณหนูของเราตกอับจริงหรือเปล่า? ส่วนไอเท็มที่ว่าจะมีอะไรบ้าง แพรวพาไปชมพร้อมกัน

ไอเท็มแรกเสื้อครอป “Twisted Tee” จาก Helmut Lang ที่ดูเผินๆ อาจเหมือนไม่มีอะไร แต่ความจริงราคาเสื้อตัวนี้มาในราคา $220 หรือประมาณ 6,600 บาท ถือว่ายังเปิดมาแบบเรียกน้ำย่อย เพื่อเทียบกับกางเกงคาร์โก้ที่กำลังเป็นที่นิยม ซึ่งไอเท็มนี้มาจากแบรนด์ดังอย่าง Acne Studios ราคา $650 คิดเป็นเงินไทยประมาณ 21,500 บาท

สุดท้ายเรียกว่าเป็นไอเท็มตั้งถามว่า นางเอกของเราเป็นหนี้จริงเหรอ? คือนาฬิกา Chanel รุ่น BOY·FRIEND มากับขอบหน้าปัดสตีล อีกทั้งยังมีสายหนังลูกวัวสีดำลายควิลท์แบบถอดเปลี่ยนได้และหัวล็อคสตีลแบบหัวเข็มขัด พร้อมสายเส้นที่สอง สนนราคา 168,000 บาท หรูหราขนาดนี้หรือ 520 ของเราจะยืมของพี่สาวมาใส่กันนะ


ข้อมูล: Instagram @k.fashionvibes

กตัญญู สว่างศรี

ชีวิต(ไม่)ตลกของ กตัญญู สว่างศรี ราชาเสียงหัวเราะแห่งยุค

Alternative Textaccount_circle
กตัญญู สว่างศรี
กตัญญู สว่างศรี

ช่วงเวลาที่ม่านเปิด ผู้คนต่างเงียบรอการเริ่มต้นทอล์คโชว์ของ กตัญญู สว่างศรี ผู้ที่ชื่นชอบในการเล่าเรื่องตลก แม้สิ่งที่เขาเคยผ่านมาไม่ค่อยตลกเท่าไร เป็นนักเขียนแล้วไม่รุ่ง เปิดสํานักพิมพ์ก็ไม่รอด ทั้งยังเคยถูกไล่ออกจากงาน ที่สุดเขาตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางมาเป็นผู้มอบเสียงหัวเราะผ่าน Stand-Up Comedy และความบันเทิงในรายการ Katanyu Tonight

เปิดโลกการเขียน


“ประสบการณ์ในวัยเด็กที่มีผลต่อแนวคิดในการใช้ชีวิตของผมทุกวันนี้น่าจะเป็นตอนที่อยู่กับแม่ครับ ผมโตมาในครอบครัวที่มีคุณแม่ ผม และพี่ชาย รวมถึง น้องชายแม่ที่ผมเรียกว่าอากู้ ซึ่งเป็นโรคประสาท คนอื่นจะมองว่าสติไม่ดีเลยก็ว่าได้ แต่คุณแม่ก็ดูแลพวกเรามาเป็นอย่างดี ทั้งทํางานไปด้วย พาอากูไปโรงพยาบาลด้วย ตัวผมเองก็มีส่วนร่วมในการช่วยดูแล ได้เห็นสายตาของคนที่ตัดสินอาว่าบ้า เราก็ ไม่ได้โทษใคร ประสบการณ์เหล่านี้ทําให้เรามีความเห็นอกเห็นใจ ทําความเข้าใจผู้อื่น โดยที่ไม่รีบตัดสินใครไปก่อน รวมถึงได้ความอดทนมาจากคุณแม่ ทําให้พร้อมสู้กับ สิ่งต่าง ๆ ที่ต้องเผชิญในชีวิต”

“ความสนใจในวัยเด็กที่เชื่อมโยงมาถึงงานในปัจจุบันก็ค่อนข้างเยอะ ความที ชอบอ่านการ์ตูน นิยายแนวเหนือธรรมชาติ ฟังเพลง ดูหนังซิตคอม ชอบถึงขั้น เสพติดเลยก็ว่าได้ เกรดตอนมัธยมคือ 1.6 ไม่รู้จบมาได้ยังไง ไม่ชอบเข้าเรียน แต่คิดมาตลอดว่าอยากทํางานด้านครีเอทีฟ อย่างดีเจ นักเขียนบทละครซิตคอมหรือท่าภาพยนตร์ จึงตัดสินใจเรียนคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต”

“ ชีวิตพลิกผันช่วงนี้ละครับ เพราะยังไม่ชอบเข้าเรียนเหมือนเดิม แต่เอาเวลา ไปทําอย่างอื่น ตอนนั้นนิตยสาร a day มีโครงการ a teem junior รุ่นที่ 3 เป็น โครงการสําหรับให้นักศึกษาเรียนรู้งาน ผมลองสมัครไปแล้วผ่านเข้าไปอยู่ในทีม กองบรรณาธิการ ตอนนั้นตื่นเต้นมาก เพราะมีแต่คนเก่ง ๆ อย่างพี่เต๋อ (นวพล ธํารงรัตนฤทธิ์), พี่เต้ (จิราภรณ์ วิหวา) หรือเคน (นครินทร์ วนกิจไพบูลย์) ทําให้ ตัวเองได้เรียนรู้ไปด้วย”

“แต่เส้นทางนี้ไม่ง่ายเลย เพราะผมไม่มีพื้นฐาน ยากสุดคือการทําต้นฉบับ การเขียนบทความให้น่าอ่าน ขณะที่คนอื่นในทีมมีทักษะกันบ้าง ตอนนั้นพี่ก้อง (ทรงกลด บางยี่ขัน) เป็นบรรณาธิการ เขาแก้งานคนอื่นนิดหน่อย ส่วนของเรา ไม่แก้ แต่พี่ก้องเขียนขึ้นใหม่ทั้งหมด ทําให้ตลอดเวลา 3 เดือนที่ฝึกงานผมทํา ต้นฉบับได้แค่ 2 ชิ้น แถมยังโดนจดหมายคอมเมนต์มาด่าอีกว่าข้อมูลผิดพลาด นั่งร้องไห้อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ รู้สึกเฟลมาก ทุกวันนี้ก็ยังจําความรู้สึกนั้นได้”

“ผมถามเพื่อนสนิทในทีมชื่อเอี่ยว (ศิวะภาค เจียรวนาลี) ว่าทํายังไงให้เขียน แล้วน่าอ่าน เขาแนะนําให้เข้าร้านหนังสือ หยิบเล่มที่ชอบมาอ่านเยอะ ๆ หลังจากนั้น ผมก็เข้าร้านหนังสือเป็นบ้าเป็นหลัง เลือกหยิบพวกวรรณกรรมคลาสสิกอย่าง The Brothers Karamazor ของฟีโอดอร์ ดอสโตเยฟสกี นักเขียนรัสเซีย กับของ ฮารูกิ มูราคามิ เล่มที่ชอบคือ Kafka on the Shore อะไรที่เขาว่าดี ผมตามอ่านหมด”


“จากที่เคยอ่านแต่หนังสือการ์ตูน ไม่ค่อยได้ซึมซับทักษะการเขียน แต่การ อ่านครั้งนั้นถือว่าเปิดโลกของการเขียนให้ผม รู้สึกว่าตัวเองพัฒนาขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ศิลปะการเขียนหรือการเล่าเรื่อง แต่ภายใน 3 เดือนนั้นไม่ได้ทําให้เขียนหนังสือดีขึ้น มาได้แบบพริบตานะ ต้องอาศัยการทําบ่อย ๆ ไม่หยุดอยู่กับที่ แล้วผลลัพธ์จึงจะ ปรากฏออกมา”

กตัญญู สว่างศรี

เส้นทางนักเขียน

หลังจากฝึกงานและเรียนต่อจนจบ ถึงเวลาก้าวออกมาสู่โลกของการทํางาน จริง “ผมมีโอกาสร่วมงานกับ happening นิตยสารเปิดใหม่แนวศิลปะบันเทิงของ พวิภว์ บูรพาเดชะ ในตําแหน่งผู้ช่วยบรรณาธิการ อย่าเพิ่งตกใจนะ เพราะตอนนั้น มีแค่ผมกับพี่วิภว์สองคนน่ะ (หัวเราะ) ความที่รู้จักกันมาสมัยฝึกงานอยู่ที่ a day”

“ระหว่างทํางานผมมีโอกาสเขียนนิยายสั้นเรื่อง อยู่กับกู่ (2553) ได้ตีพิมพ์ เป็นคอลัมน์ใน happening ถือเป็นผลงานชิ้นแรกที่ได้แรงบันดาลใจจากประสบการณ์ ในชีวิตที่เล่าไปก่อนหน้านี้ ได้รับความสนใจพอสมควร ทําให้เริ่มเห็นแววว่า ตัวเองอาจจะมาทางเรื่องสั้น จึงเขียนมาเรื่อย ๆ และมีโอกาสตีพิมพ์ ยๆ ลงในนิตยสารเรื่องสั้นและวรรณกรรมอย่าง ช่อการะเกด ฉบับที่ 55 เรื่อง ความทรงจํา ตอนนั้นเป็นความรู้สึกที่สุดยอดมาก ภูมิใจ ในตัวเองสุด ๆ ท่าให้ตระหนักด้วยว่าคนเราถนัดการเขียน ไม่เหมือนกัน เมื่อก่อนเข้าใจว่าการเขียนที่ดีต้องเขียนแบบ วรรณกรรมเจ๋ง ๆ แต่ทุกวันนี้เข้าใจแล้วว่าเขียนคอลัมน์ แบบหาข้อมูลเก่งก็แบบหนึ่ง เขียนเรื่องแต่งเก่งก็แบบหนึ่ง เขียนสัมภาษณ์เก่งก็อีกแบบ ฟีเจอร์ความเก่งไปคนละทางกัน

ครั้งหนึ่ง…โดนไล่ออก

“หลังจากทํางานที happening ไปสักพักผมก็เปลี่ยนงานอีก ความที่ชอบทําอะไรใหม่ ๆ บวกกับเริ่มหลงใหลในงานวรรณกรรมเรื่องสั้น จึงเข้าไปทํางานที่นิตยสาร Writer ไม่กี่เดือน พี่บินหลา สันกาลาคีรี บรรณาธิการ นิตยสาร แจ้งว่า“คุณใช้แต่ปากทํางาน” ซึ่ง ตอนนั้นผมอายุประมาณ 26 – 27 ปี ยังเป็นวัยรุ่น ก็ไม่ค่อยเข้าใจ คิดว่าเราคงเขียนไม่ถูกใจ จึงโดนไล่ออกมา เพิ่งมาเข้าใจทีหลังว่าอาจเป็นเพราะเราใช้ปากในการพูดถึงไอเดียกับสิ่งที่อยากให้เป็น แต่ไม่สามารถ ลงมือทําให้ออกมาดีเหมือนอย่างที่พูดไว้ได้”

“แม้ตอนนั้นจะผิดหวังในตัวเองมาก ๆ แต่การถูกไล่ออกก็เป็นจุดเปลี่ยน สําคัญ เพราะทําให้เราเลิกยึดติดกับความยิ่งใหญ่ของวรรณกรรม แล้วหันไป เห็นคุณค่าอื่น ๆ ในชีวิตที่สามารถหาความสุขได้ เพราะที่ผ่านมาคิดแต่ว่าอยากเขียนหนังสือให้ได้รางวัลซีไรต์ เป็นที่ยอมรับ แต่เราไม่ได้ดูแลคนอื่นเลย ไม่ได้ ท่าตัวดีกับแม่ เพราะมัวแต่สนใจสิ่งที่อยากหา พอคิดได้แบบนั้น ผมก็ตั้งหลัก คุยกับตัวเองใหม่ว่าถ้าพื้นที่ตรงนั้นไม่ใช่สําหรับเราก็ไม่เป็นไร และถามตัวเองว่า แล้วชีวิตเราหาอะไรได้อีกบ้าง ที่จะพอหาเงินมาเลี้ยงตัวเอง เลี้ยงครอบครัวให้มี ชีวิตที่ดี จึงทําให้เลิกมองแค่งานเขียนด้วย”

“แต่ตอนนั้นมืดแปดด้านเลยนะ เหมือนอกหัก ชีวิตว่างมาก ไม่รู้จะไป ทางไหน ตัดสินใจบวช เพื่อจะคิดอะไรออก บวกกับตอนนั้นคูณย่าอยากให้บวช โมเมนต์ตอนทีโกนหัวบวชนาคแล้วต้องขี่คอเพื่อนตากแดดกันไปแบบร้อน มาก แต่พอมองเห็นแม่มีความสุข ญาติทุกคนพร้อมใจมาทําหน้าวงมโหรี แฮปปี้กันหมด ทําให้เรารู้สึกดีไปด้วยคนรอบตัว”
“เกิดเป็นความคิดว่าถ้าเราทําอะไรสักอย่าง อาจจะเหนื่อยนิดหน่อย แต่ คนรอบตัวแฮปปี้ จะเป็นจุดที่ทําให้เรามีความสุขไปด้วย จากแต่ก่อนที่ยึดตัวเอง เป็นใหญ่ มองแค่เป้าหมายในการเป็นนักเขียนเท่ ๆ ก็เปลี่ยนมุมมองความคิด ทําให้ตัวหดเล็กลงมา รู้จักแคร์คนรอบข้างมากขึ้น”


ทางนี้ไม่รอด ก็แค่ไปทางอื่น

“หลังจากลีกมาได้ประมาณ 2 – 3 เดือน ผมกลับมาทํางานอีกครั้งด้วยสายตา ที่เปลี่ยนไปที่นิตยสาร GM โดยพี่อ๋อง (วุฒิชัย กฤษณะประกรกิจ) เป็นบรรณาธิการ ในยุคนั้น ผมรับตําแหน่งบรรณาธิการสัมภาษณ์ แต่ละเดือนมีหน้าที่ทําสัมภาษณ์ ประจําฉบับ โดยพี่อ้องคอยช่วยแก้ไขให้อีกที จนบทสัมภาษณ์ออกมาเหมาก (หัวเราะ)”

“พร้อมกับได้ทําสํานักพิมพ์ นกเค้า ของตัวเองไปด้วย จากการเขียน ความรัก และแสงสีขาว ที่เป็นงานรวมเรื่องสั้นแนวความสัมพันธ์ของความรัก ส่งไปตาม สํานักพิมพ์ต่าง ๆ แล้วไม่มีใครตีพิมพ์งานให้ จึงทําเองเลย วิธีการง่าย ๆ คือพิมพ์ 200 เล่มแล้ว รถเข็นไปเดินในงานสัปดาห์หนังสือ แล้วขอฝากขายตามบูธ อย่าง ธของสํานักพิมพ์ระหว่างบรรทัด ปรากฏว่าหมด จึงสั่งพิมพ์อีกกว่าพันเล่ม คราวนี้ เหลือบาน (หัวเราะ) แม้ในแง่ธุรกิจจะไม่ประสบความสําเร็จ แต่มันช่วยเสริมพลัง ให้เราว่าอย่างน้อยก็สามารถทําออกมาได้ และท่าอย่างเต็มที่แล้ว ถ้าไปต่อไม่รอด ก็แค่เดินไปทางอื่น ชีวิตไม่ได้หยุดแค่นี้”

“ท่านิตยสาร GM ประมาณ 9 เดือน เจอช่วงทีเรียกว่าตะวันตกดินของนิตยสาร ช่วงปี 2016 ที่ Image ปิดตัว ทําให้เราตั้งคําถามกับยุคสมัยและสิ่งที่ หาอยู่ ความที่เราไม่ได้ยึดติดแล้วว่าจะต้องเขียนหนังสือเท่านั้น จึงลองเปลี่ยนไปทํางานด้านเอเจนซีบ้าง”

“ตอนนั้นพี่ปอง (จักรพงษ์ คงมาลัย) และพี่บี (สโรจ เลาหศิริ) ชวนไป ทํางานที่ Moonshot ทําให้ได้เรียนรู้เรื่องการสร้างโปรเจ็กต์โดยใช้ไอเดียและ ใส่ความครีเอทีฟ เพื่อสร้างคุณค่าให้กับแบรนด์ต่าง ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราถนัดพอดี บวกกับได้จัดงานทอล์คโชว์ จัดงานอีเวนต์เยอะ ก็เป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ มากมาย”

Stand-Up Comedy

สําหรับจุดเปลี่ยนในการมาท่าสแตนด์อัพคอมเมดี้ เริ่มต้น ณ วันที่เขารับเป็น พิธีกรในงาน a book Lecture Show ที่เชียงใหม่แล้วได้ค้นพบบางอย่าง “ตอนนั้น ก่อนงานเริ่มประมาณ 1 ชั่วโมงอยากทําการเรียกแขก คิดว่าลองทอล์คโชว์แล้วกัน ก็ขึ้นเวทีไปเล่าเรื่องตลก คนดูหัวเราะชอบใจใหญ่ นาทีนั้นทําให้ฉุกคิดขึ้นมาว่า เราอยากเล่าเรื่อง อยากทําสแตนด์อัพคอมเมดี้ บวกกับการที่ทํางานด้านเอเจนซี อยู่แล้ว ทําให้เข้าใจในกระบวนการการจัดงานทอล์คโชว์ว่าควรต้องทําอะไรบ้าง”

“ประมาณ 2 – 3 เดือนถัดมา ในปีเดียวกันนั้น (2016) ผมตัดสินใจทํา สแตนด์อัพคอมเมดี้ของตัวเองครั้งแรก โดยเปิดรับสมัครทีมงานผ่านทางเฟชบุ๊ก จนพบกับแฟกซ์ (คณิตกรณ์ ศรีมากรณ์) ที่อาสาเป็นผู้ช่วยเขียนบท ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ด้วยนิสัยห้าว ๆ แบบผม ที่สุดเกิดเป็นโชว์ “A-Katanyu 30 ปี ชีวิตห่วยสัส” อาศัยหยิบเรื่องราวในชีวิตมาถ่ายทอดให้เป็นเรื่องตลก สาเหตุที่ได้ ชื่อนี้มา ก็มาจากการที่เราย้อนกลับไปทบทวนชีวิตที่ผ่านมา แม้จะไม่ได้ตกอับ ขนาดนั้น แต่ก็เป็นภาวะของการพยายามดิ้นรนเพื่อพิสูจน์อะไรบางอย่าง จะเห็น ว่าผมทํางานมาเยอะ ความที่มีไฟ อยากขึ้นเป็นแถวหน้า แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือ การถูกมองข้าม แต่ผมก็ยังไม่ยอมแพ้ อดทนสู้มาตลอด”

“เมื่อคิดคอนเซ็ปต์โชว์ได้ ก็โทร.หาพี่โต้ง (ประวิทย์ พันธุ์สว่าง) รุ่นพี่ที่รู้จัก ขอใช้สถานที่ Zombie Books ย่าน RCA ก่อนโชว์ผมตื่นเต้นมาก งานนี้ได้รับการ พูดถึงพอสมควร ความที่เราอยู่ในแวดวงของสื่อมวลชน พี่ๆ เพื่อน ๆ ในวงการ ที่เอ็นดูก็มาช่วยโปรโมต ทําให้งานวันนั้นเป็นไปได้ด้วยดี มีคนมาดู 20 – 30 คนได้ ราคาบัตร 349 บาท ไม่มากอะไร แต่เราก็ภูมิใจในตัวเอง ทําให้ย้อนไปนึกถึง คําพูดของพี่บินหลาที่บอกว่าเราใช้ปากทํางาน และวันนี้ก็ได้ใช้มันจริง ๆ ผมจึง โทร.ไปขอบคุณที่เป็นแรงผลักดัน ทําให้เรามีวันนี้ หลังจากนั้นมาก็เริ่มทําโชว์ที่ ใหญ่ขึ้น จากคนดูหลักสิบกลายเป็นหลักพัน”

“นิสัยผมห้าวและมั่นใจมาก ซึ่งเป็นทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่มันเป็นคุณสมบัติ ของเรา บวกกับความชอบอะไรใหม่ ๆ ผมชอบดูสแตนด์อัพคอมเมดี้ของประเทศ ออสเตรเลีย อเมริกา และอังกฤษ ที่เขาทํากันเยอะ แต่เมืองไทยมีน้อย ที่ดัง ๆ ก็มีแค่พี่โน้ส อุดม แต้พานิช) จึงอยากลองทํา ผมไม่ได้รู้สึกมั่นใจในแง่ที่ว่าจะต้อง ประสบความสําเร็จยิ่งใหญ่ แต่มั่นใจว่าได้ลงมือทําอย่างเต็มที่ ถ้าทําแล้วดีก็โอเค แต่ถ้าเฟลก็ไม่เป็นไร”

“ตอนนี้ผมทํามาแล้วประมาณ 4 โชว์ เวลาทําแต่ละโชว์ผมจะลิสต์ประเด็นก่อน ว่าอยากสื่อสารเรื่องอะไร เพื่อวางคอนเซ็ปต์ เช่น การใช้ชีวิต ความรัก หรือ เรื่องมุมมองความคิดต่าง ๆ ในสังคม อย่างโชว์ล่าสุดที่ชื่อว่า “The Boy” ผมเริ่มจาก การสํารวจภาวะของตัวเองก่อน แล้วนําความคิดนั้นออกมาแชร์ โดยแบ่งวิธีคิดเป็น 2 แบบ อย่างแรกคือคอนเซ็ปต์ของเนื้อหาที่อยากสื่อสาร กับอย่างที่สองคือ เทคนิควิธีการเล่าเรื่อง เปรียบง่าย ๆ คือพาร์ตหนึ่งจะมีเนื้อปลา เนื้อหมู หรือ เนื้อไก่ ส่วนอีกพาร์ตจะเป็นวิธีการทําว่าจะผัด ต้ม หรือทอด “พาร์ตแรกมาจากชีวิตทั่วไปที่ผมดิ้นรนกับการเอาตัวรอดทางธุรกิจ รู้สึกว่า การโตเป็นผู้ใหญ่เหนื่อยมาก อยากกลับไปเป็นเด็ก ตอนนั้นภาวะของเรามีมวลรวม บางอย่างที่คิดถึงแต่คนอื่น ทั้งเรื่องทีม เรื่องภาระต่าง ๆ จึงกลายมาเป็นคอนเซ็ปต์ ที่ว่าปล่อยความเป็นเด็กในตัวเองออกไป แล้วตั้งใจเติบโตเป็นผู้ใหญ่สักที เพราะ มันถึงเวลาที่ต้องต่อสู้กับโลกภายนอกแล้ว แต่เราก็ตั้งเป็นประเด็นค่าถามกลับมา ด้วยว่าแล้วเรายังเป็นเด็กได้อยู่ไหม คือแต่ละโชว์เราจะละเอียดกับเรื่องพวกนี้มาก ๆ เพราะผมชอบให้คนดูโชว์จบแล้วได้อะไรบางอย่างกลับไป”


“สําหรับผม เสน่ห์ของสแตนด์อัพคอมเมดี้คือการมอบเสียงหัวเราะให้กับผู้อื่น เป็นความสุข สามารถทําให้วันที่เขามาดูเรากลายเป็นวันที่ดี หรือช่วยเยียวยา ในวันที่จิตใจของเขาห่อเหี่ยวให้กลับมาเต้นแรงอีกครั้ง เป็น Magic Moment สําหรับคนที่ทําได้ แต่การทํางานแบบนี้เป็นเรื่องยากมากในไทยที่ไม่มีวัฒนธรรม สแตนด์อัพคอมเมดี้อย่างแข็งแรงในแง่ของความถี่ในการดู คุณภาพของผู้เล่น สถานที่ในการฝึกฝน แม้แต่บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถก็มีน้อย อุตสาหกรรมนี้ ไม่ค่อยมั่นคง แล้วก็ไม่รู้ว่าจะเติบโตได้อีกไหม ส่วนตัวผมเองตอนนี้ก็ต้องดิ้นรน ฉีกมาทําเป็นรายการแนว Late Night Show จะมีความตลกในรูปแบบของการ สร้างบทสนทนา โดยมีคนดังเข้ามาร่วมพูดคุย จนเกิดเป็นรายการ Katanyu Tonight (2023) คอนเซ็ปต์ก็จะเป็นการสัมภาษณ์คนดังเพื่อพูดคุยถึงเรื่องราว ชีวิตในประเด็นต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นไลฟ์สไตล์หรือความรัก ลงในช่องยูทูบ ควบคู่กับ การทําสแตนด์อัพคอมเมดี้และธุรกิจเอเจนซี่ไปด้วยครับ”

หาความสุขให้เจอ

“เป้าหมายของผมตอนนี้โฟกัสอยู่ที่การพัฒนาโชว์สแตนด์อัพคอมเมดี้ให้เป็น ที่รู้จักยิ่งขึ้น บวกกับการทํารายการ Katanyu Tonight เพื่อขยายฐานคนดู ความจริงรู้สึกว่าสิ่งนี้ใช้ศักยภาพของตัวเองได้ถูกที่ถูกทางที่สุด ทั้งด้านการใช้ สกิลการสัมภาษณ์ การชอบเล่าเรื่อง การสร้างเสียงหัวเราะให้กับผู้คน สร้างเป็น คอมมูนิตี้ขึ้นมา ผมทําแล้วรู้สึกสบายใจและมีความสุขที่สุดแล้วครับ”

“ในวัย 39 ปีก็เรียกได้ว่าผ่านอะไรหลาย ๆ อย่างมาเยอะ ทั้งตอนที่สุขที่สุด ทุกข์ที่สุด และสิ่งที่ได้เรียนรู้จากวัยนี้มีมากมาย แต่ถ้าให้พูดถึงสิ่งที่นึกถึงสิ่งแรกคือ ไม่ได้มีใครสนใจเราขนาดนั้น อยากทําอะไรก็ทําไป ชีวิตเป็นของคุณ พยายามหา ความสุขของตัวเองให้เจอก็เพียงพอแล้ว อย่างการที่ผมเจอคอมเมนต์แย่ๆ คนพวกนั้น อาจนึกถึงเราแค่เพียงเสี้ยววินาทีด้วยซ้ํา แล้วเขาก็ไปโฟกัสอย่างอื่นต่อ ฉะนั้นอย่าไป สนใจค่าพูดของใครมากนัก”

“ส่วนใครที่กําลังหาเส้นทางที่ใช่ของตัวเอง อยากบอกว่าสู้ๆ นะครับ บางคน ถ้าไม่ได้มีภาระอะไรก็ขอให้ลุยให้เต็มที่ เอาให้สุดทาง แต่ถ้าใครที่มีเงื่อนไขในชีวิต อย่างเช่นการมีครอบครัวต้องดูแลหรือค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ก็ขอให้บาลานซ์ให้ได้ระหว่าง สิ่งที่จะออกไปลุยกับสิ่งที่ต้องดูแล ความจริงชีวิตคนเราไม่ต้องลุยขนาดนั้นก็ได้ แค่สามารถดูแลใครสักคนหนึ่ง ดูแลตัวเอง หรือดูแลครอบครัวให้มีความสุข แค่นี้ก็โอเคแล้ว”

“อย่าเพิ่งท้อนะครับ ใช้ชีวิตในปัจจุบันให้เต็มที่ ผมเชื่อว่าชีวิตของทุกคนมี จังหวะและเวลาที่เหมาะสมรออยู่”

เรื่อง Prince

ภาพ วรสันต์ ทวีวรรธนะ

Praew Talk TV

ครั้งแรกของ “แอน ทองประสม” กับบทบาทพิธีกร Praew Talk TV

Alternative Textaccount_circle
Praew Talk TV
Praew Talk TV

เตรียมพบกับอีกหนึ่งบทบาทของ “แอน ทองประสม” กับการเป็นพิธีกรเดี่ยวครั้งแรกในรายการ Praew Talk TV เปิดตัวอีพีแรก วันที่ 15 พ.ค. นี้

Praew Talk TV

ตลอดระยะเวลา 33 ปีที่ “แอน ทองประสม” โลดแล่นในวงการบันเทิง ทั้งในฐานะนักแสดง ผู้จัดละคร ผู้จัดรายการ นี่เป็นครั้งแรกที่นักแสดงมากความสามารถคนนี้จะรับหน้าที่พิธีกร ในรายการ Praew Talk TV รายการทอล์คจากนิตยสารแพรว ที่จะชวนแขกรับเชิญตัวจริงจากทุกวงการ มาพูดคุยเจาะลึกประสบการณ์และความคิดผ่านจุดเปลี่ยนของชีวิต ผ่านบทสนทนาในแบบ Empowering Conversation ที่จะทำให้คุณเติบโตไปด้วยกัน

ครั้งแรกของ “แอน ทองประสม” กับบทบาทพิธีกร Praew Talk TV บทสนทนาชีวิตในแบบ Empowering Conversation

แอน เปิดใจว่า “Praew Talk TV เป็นรายการแรกที่แอนเป็นพิธีกรเต็มตัว จากช่วงวัยรุ่นที่เคยเป็นพิธีกรรายการ ‘แอน นัท ไม่จำกัด’ ซึ่งเป็นรายการบันเทิง ทำได้ราว 2 ปีก็จบ เพราะมีงานแสดงที่ต้องโฟกัส และตอนนั้นยังเด็กจึงยังไม่กระหายในการรู้เรื่องของคนอื่นมากนัก

แอน ทองประสม Praew Talk TV

“แต่ตอนนี้แอนรู้สึกว่าการเป็นพิธีกร ได้พูดคุยกับแขกรับเชิญในรายการ ทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องราวของเขา กลายเป็นความสนุกในอีกมิติหนึ่ง ดังนั้นเหตุผลแรกในการรับงานนี้ เพราะแอนชอบฟังและเรียนรู้เรื่องของคนอื่น เปิดโอกาสตัวเองให้ได้รู้จักโลก รู้จักความคิดของผู้คน และได้คอนเน็คชั่นใหม่ ซึ่งการได้ก้าวมาอยู่ในโลกพิธีกร เป็นอีกหนึ่งความท้าทายและความสนุก ที่ตื่นเต้นมากๆ ค่ะ”

แอน ทองประสม Praew Talk TV

ปักหมุดรอชม Praew Talk TV อีพีแรกพร้อมกัน วันที่ 15 พ.ค. 68 และติดตามรายการ Praew Talk TV ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 23.05 – 23.35 น. ทาง อมรินทร์ทีวี เอชดี 34 และรับชมแบบ Full EP ทาง Youtube : Praew Magazine


Margaux Bag

The Row “Margaux Bag” กระเป๋าใบเรียบ แต่พริบตาเดียว กลายเป็นสัญลักษณ์ของคนมีรสนิยม

account_circle
Margaux Bag
Margaux Bag

ถ้าจะมีไอเท็มไหนที่ นิวยอร์ก ลอนดอน ปารีส และโซเชียลมีเดียพร้อมใจกันยกย่องในปีนี้ ก็คงหนีไม่พ้น Margaux Bag จากแบรนด์ The Row ผลงานของสองพี่น้อง Mary-Kate และ Ashley Olsen ที่พลิกเกมแฟชั่นจากโลโก้ใหญ่โต สู่ความหรูหราในแบบเงียบงามแต่ทรงพลัง (quiet luxury) ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

The Row “Margaux Bag” กระเป๋าใบเรียบ แต่พริบตาเดียว กลายเป็นสัญลักษณ์ของคนมีรสนิยม

(Photo by Gotham/GC Images)

 

จากแรงบันดาลใจ…สู่ปรากฏการณ์

ย้อนกลับไปในยุค 2010s สองพี่น้อง Olsen เคยเป็นแฟนพันธุ์แท้ของกระเป๋า Birkin จาก Hermès ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สูงสุดของความหรูหราในยุคนั้น แต่แทนที่จะเดินตามรอย พวกเธอกลับเลือกสร้างทางของตัวเอง และนั่นคือจุดกำเนิดของ Margaux ใบนี้ กระเป๋าที่ตั้งใจออกแบบให้ เหนือกาลเวลา และไร้เสียง แต่ดังก้องในสายตาคนแฟชั่นทั่วโลก

จากคนดังสู่ แฮชแท็กบนโซเชียล

ชื่อเสียงของ Margaux ไม่ได้หยุดอยู่ในวงแคบ เพราะตั้งแต่ Zoe Kravitz, Jennifer Lawrence ไปจนถึง Kendall Jenner ต่างก็เลือกใช้กระเป๋าใบนี้เป็นคู่ใจ ไม่เว้นแม้แต่บน TikTok ที่แฮชแท็ก #Margauxbag กวาดยอดวิวถล่มทลาย จนถูกขนานนามว่า “Birkin ยุคใหม่” อย่างเต็มภาคภูมิ

ยุคทองของความหรูหราแบบไม่ต้องประกาศตัว

สิ่งที่ทำให้ Margaux โดดเด่นจนยืนหนึ่งในกระแส quiet luxury คือการปฏิเสธความฟุ่มเฟือยแบบโจ่งแจ้ง แล้วหันมานิยามความงามด้วยเส้นสายที่สะอาดตา วัสดุชั้นเยี่ยม และฝีมือช่างระดับปราณีตไร้ที่ติ เป็นแฟชั่นสำหรับคนที่ “รู้” โดยไม่ต้องบอกใคร

Soft Margaux 12 Bag in Leather

ศิลปะแห่งการออกแบบที่ไม่ต้องตะโกน

Margaux โดดเด่นด้วยโครงสร้างทรง trapeze ที่เฉียบคมแต่ไม่แข็งกระด้าง ผสมผสานกับหนังอิตาเลียนชั้นสูงที่นุ่มละมุนจนแทบจะละลายเมื่อสัมผัส ขณะที่ด้านข้างของกระเป๋าถูกออกแบบให้ยืดหยุ่น ปรับโฉมได้ตามสไตล์ผู้ถือ จะจับคู่กับชุดเดย์ลุค หรือจะพกไปร่วมดินเนอร์หรูยามค่ำ ก็เข้ากันได้อย่างไร้ที่ติ

Soft Margaux 17 Bag in Suede

 

Margaux vs. Birkin: ศึกแห่งไอคอน

แม้จะถูกเปรียบเทียบกับ Birkin อยู่เสมอ แต่ Margaux กลับเดินเกมคนละเส้นทาง ถ้า Birkin คือสัญลักษณ์ของความฟุ่มเฟือยอย่างโจ่งแจ้ง Margaux ก็คือการครองความหรูแบบสงบและสุขุม และด้วยราคาที่เริ่มต้นราว $3,490 หรือประมาณ 113,000 บาท เมื่อเทียบกับราคาสูงลิ่วของ Birkin ก็ยิ่งทำให้ Margaux เป็นตัวเลือกที่ทั้งเข้าถึงได้และทรงคุณค่าในโลกของลักซ์ชัวรี่แฟชั่น

จากไอเท็มฮิต สู่มรดกทางวัฒนธรรม

วันนี้ Margaux ไม่ได้เป็นแค่กระเป๋ายอดฮิต แต่กลายเป็นตัวแทนของการเปลี่ยนแปลงในโลกแฟชั่น ที่หันหลังให้กับ fast fashion แล้วกลับมายกย่องความงามที่ยืนยาว ผ่านดีไซน์ที่อยู่เหนือเทรนด์และงานฝีมือที่ไร้กาลเวลา

และนี่คือสิ่งที่ Margaux กำลังจะกลายเป็นไอคอนแฟชั่นแห่งยุค ที่ไม่เพียงแค่ครองใจคนปัจจุบัน แต่ยังส่งต่อแรงบันดาลใจให้อนาคตของวงการแฟชั่นเดินหน้าอย่างสง่างาม


ที่มา : iconicsluxury.com

Cedrus Intense นิยามใหม่ของ กลิ่นหอมเข้มข้น จาก Chloé Atelier des Fleurs

Cedrus Intense นิยามใหม่ของ กลิ่นหอมเข้มข้น จาก Chloé Atelier des Fleurs

Alternative Textaccount_circle
Cedrus Intense นิยามใหม่ของ กลิ่นหอมเข้มข้น จาก Chloé Atelier des Fleurs
Cedrus Intense นิยามใหม่ของ กลิ่นหอมเข้มข้น จาก Chloé Atelier des Fleurs

Chloé เปิดตัว Cedrus Intense กลิ่นใหม่จากไลน์หรู Atelier des Fleurs ที่ถักทอความงามของไม้ซีดาร์ให้กลายเป็นบทกวีแห่งความหอม โดยฝีมือนักปรุงน้ำหอมระดับตำนาน Quentin Bisch และ Louise Turner กลิ่นนี้เริ่มต้นด้วยความสดชื่นของมะกรูดและกระวาน ก่อนจะเผยความลึกซึ้งของใบไม้ร่วงและไซพริออลที่เคล้าความเย้ายวนแบบหนังแท้ แล้วค่อยๆ ทิ้งตัวลงบนฐานกลิ่นจากไม้หอม 3 ชนิด ที่ทั้งอบอุ่น หนักแน่น และเปี่ยมพลัง

Cedrus Intense นิยามใหม่ของ กลิ่นหอมเข้มข้น จาก Chloé Atelier des Fleurs

กลิ่นของ Cedrus Intense เปรียบได้กับหญิงสาวที่ทั้งอิสระ มั่นใจ และลึกลับ เป็นธรรมชาติที่มีมิติ และแฝงด้วยความหรูหราแบบไม่ต้องพยายาม นี่คือน้ำหอมที่ไม่ได้แค่หอม แต่เล่าเรื่อง เป็นการตีความใหม่ของความงามผ่านพืชพรรณธรรมชาติ พร้อมต่อยอดประสบการณ์ให้เต็มอิ่มยิ่งขึ้นผ่าน Scented Body Care ทั้งเจลอาบน้ำ โลชั่น ครีมทามือ และสบู่ ที่คัดกลิ่นเด็ดจากคอลเลกชันให้คุณหอมละมุนตั้งแต่หัวจรดเท้า

ชวนดื่มด่ำกับโลกแห่งกลิ่นที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน
พบกับ Chloé Atelier des Fleurs Podium ที่สยามพารากอน 24 เม.ย. – 7 พ.ค. 2568 นี้ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “The unknown facets of well-known flowers” ไฮไลต์อยู่ที่ “Cedrus Gallery” ที่จะปลุกทุกประสาทสัมผัสของคุณ ทั้งแสง สี เสียง สัมผัส และกลิ่น พร้อมกิจกรรมพิเศษอย่างโซนน้ำชา และบริการตกแต่งขวดน้ำหอมด้วยลาย Calligraphy สุดเอ็กซ์คลูซีฟ อย่าพลาดโอกาสพาตัวเองไปสัมผัสมุมใหม่ของกลิ่นหอมที่คุณอาจไม่เคยรู้จักมาก่อน


keyboard_arrow_up