ต้าเอส

ทริคความงามของ “ต้าเอส” หรือ “ซันไช่ F4 รุ่นบุกเบิก” แม้วัยเลข 4 แต่ยังดูสวยอ่อนเยาว์

Alternative Textaccount_circle
ต้าเอส
ต้าเอส

ต้าเอส หรือ สวีซีหยวน นางเอกชื่อดังจากผลงานซีรีส์ยอดนิยม รักใสใสหัวใจ 4 ดวง (2001-2002) ในบทบาท ซันไช่ ถือเป็นรุ่นบุกเบิกที่ดังไปทั่วโลก ปัจจุบันต้าเอสในวัย 45 ปี (เกิด 6 ตุลาคม 2519)  และเป็นคุณแม่ลูก 2 ที่ต้องบอกเลยว่าความสวยของเธอคนนี้ยังเหมือนเดิมเป๊ะ แถมนับวันยิ่งสวยขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย วันนี้เลยขอนำเคล็ดลับการดูแลตัวเองของต้าเอสมาฝากกันค่ะ

ต้าเอส 4

ทริคความงามของ “ต้าเอส” หรือ “ซันไช่ F4 รุ่นบุกเบิก” แม้วัยเลข 4 แต่ยังดูสวยอ่อนเยาว์

เริ่มจากเธอไม่กินของหวาน เพื่อช่วยชะลอไม่ให้ผิวพรรณเหี่ยวย่นก่อนวัยอันควร เพราะน้ำตาลเป็นตัวทำลายคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ผิวเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นได้ง่ายขึ้น

และสระผม 4 วันต่อครั้ง ซึ่งเรื่องนี้เธอพิสูจน์ด้วยตัวเอง ประกอบกับสอบถามไปยังรุ่นน้องที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้แล้วว่า ยิ่งสระผมบ่อยเท่าไรยิ่งทำให้ผมเกิดแบคที่เรียได้ง่ายด้วย ระยะห่างที่ดีที่สุดคือ 4 วัน สระผม 1 ครั้งจะทำให้ผมดูสลวยเงางามขึ้นได้จริงๆ (แต่ประเด็นก็ถือเป็นความเชื่อส่วนบุคคลนะคะ)

ต้าเอส 6

เธอทาอายครีมเป็นประจำทุกวัน แต่ไม่เพียงทาแค่บำรุงและให้ความชุ่มขึ้นบริวณรอบดวงตาเท่านั้น แต่ทาจนทั่วใบหน้าเลย เพราะอายครีมมีส่วนช่วยเรื่องการกระชับและลดการบวมน้ำได้ดี ถ้าใครไม่กลัวเปลืองเหมือนต้าเอสก็ลองดูนะคะ โดยปกติอายครีมจะมาในแพ็คเก็จจิ้งที่เป็นกระปุกหรือหลอดเล็กๆ แต่ราคาค่อนข้างสูงนั่นเอง

เป็นอย่างไรบ้างคะ กับเคล็ดลับความงามที่เธอมักทำเป็นประจำ อ่านมาถึงตรงนี้ แล้วถ้าคิดว่าทริคดังกล่าวน่าสนใจ ลองทำบ้างก็ไม่เสียหายนะคะ ถือเป็นการเซฟผิวให้ดูอ่อนเยาว์จนเดาอายุไม่ถูกได้อีกวิธีด้วย

ต้าเอส 1 ต้าเอส 2 ต้าเอส 3 ต้าเอส 5


ภาพ : barbiehsu_das

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

สาวผิวสวย “ยุนอา” เผยทริคคลีนผิวสะอาดใสแบบไม่เอี๊ยด แต่ยังคงความชุ่มชื้น

คนรักสวยไม่ได้ดูแลแค่ผิวหน้า Katherine Langford เผยทริคบำรุงผิวส่วนอื่นที่ไม่ควรละเลย

เขียนคิ้วในเชปใหม่สไตล์ Lily Collins พร้อมแนะเทคนิค 3 จุดสำหรับมือใหม่

 

 

ชุดแบรนด์ไทย 'ศรีริต้า'

Lookbook ยังต้องถอย! ส่องชุดแบรนด์ไทย ‘ศรีริต้า’ ร่วมวันเกิดเพื่อนสนิท

ชุดแบรนด์ไทย 'ศรีริต้า'
ชุดแบรนด์ไทย 'ศรีริต้า'

ก็หวานให้สุดไปเลยสิคะ สำหรับ ชุดแบรนด์ไทย ‘ศรีริต้า’ สมฉายานางฟ้าลาเวนเดอร์ กับเดรสอัดพลีตพร้อมที่คาดผมตาข่าย ร่วมงานวันเกิดเพื่อนสนิท 

หลังคุณแม่ศรีริต้าทำบุญวันคล้ายวันเกิดอายุครบ 40 ปีของตัวเองไปแล้ว เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา ณ วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร พร้อมกับคุณสามี กรณ์ ณรงค์เดช คราวนี้ก็ถึงคิวของเพื่อนในกลุ่มที่คุณแม่ต้องไปร่วมงานปาร์ตี้วันเกิดริมน้ำกันบ้าง

โดยศรีริต้าเลือกสวมชุดดีไซน์หวานๆ ปาดไหล่ กระโปรงยาว ตกแต่งดอกไม้ ชุดนี้อัดพลีตด้วยเทคนิค moulage ฝีมือคนไทยจากแบรนด์เชอ-ซี (Cher’Z) ภายใต้ครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ชื่อดัง กรรณิการ์ ซาย ซึ่งผลงานจากแบรนด์เชอ-ซี มีหลากหลายทั้งชุดแต่งงาน , ชุดผ้าไทย , ชุดเดรสออกงาน ทำให้คนดังพากันจับจองเป็นเจ้าของ ไม่ว่าจะ แอนชิลี Miss Universe Thailand 2021 , น้ำฝน พัชรินทร์ , แอฟ ทักษร , เจี๊ยบ พิจิตตรา , แพนเค้ก เขมนิจ และอีกหลายรายชื่อ เรียกว่าเป็นแบรนด์ไทยมาแรงที่เต็มไปด้วยผลงานคุณภาพจริงๆ

Lookbook ยังต้องถอย! ส่องชุดแบรนด์ไทย ‘ศรีริต้า’ ร่วมวันเกิดเพื่อนสนิท


ภาพ : IG@sriritajensen , @cherz_brand

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ทรงเท่แต่แอบแซ่บ! กางเกงยีนส์ ลิซ่า ไม่ธรรมดาอยู่แล้ว

ใส่ซ้ำวนไป! ชุดเขียว ‘ดัชเชสเคท’ สวยระยิบระยับ ใส่อีกครั้งก็งดงาม

สวยแพงที่แท้! เครื่องประดับ ‘ฮันโซฮี’ ทั้งเซ็ต 30 บาท ใส่ยังไงให้เหมือนของจริง

 

Rose Gold

“โรสโกลด์” ลุย เปิดตัว Le Oxi Serum เซรั่มคุณภาพจากฝรั่งเศส ดึง “มาดามแป้ง” นั่งแท่นพรีเซ็นเตอร์ ภายใต้สโลแกน “เมื่อกาลเวลา ฆ่าเราไม่ได้”

Rose Gold
Rose Gold
“โรสโกลด์” ลุย เปิดตัว Le Oxi Serum เซรั่มคุณภาพจากฝรั่งเศส ดึง “มาดามแป้ง” นั่งแท่นพรีเซ็นเตอร์ ภายใต้สโลแกน “เมื่อกาลเวลา ฆ่าเราไม่ได้”
Rose Gold
“วาว” สาวในวัย 22 ปี  ผู้ก่อตั้ง  “โรสโกลด์” ฉลอง 3 ปี สร้างบริษัทมูลค่า 1,000 ล้านบาท ด้วยการเปิดตัวเซรั่ม Le Oxi Serum จากประเทศฝรั่งเศส รับการเปิดประเทศ พร้อมดึง “มาดามแป้ง” “นวลพรรณ ล่ำซ่ำ” นั่งแท่นพรีเซ็นเตอร์เป็น The Muse of Le Oxi ของ Le Oxi Serum ภายใต้สโลแกน “เมื่อกาลเวลา ฆ่าเราไม่ได้” ในงาน The Muse of Le Oxi Virtual Live Event ตั้งเป้ายอดขาย 8 แสนชิ้น ดันสู่การเป็น โกลบอลแบรนด์
Rose Gold
Rose Gold
แวววรรณ กันต์นันท์ธร หรือ “คุณวาว” CEO  ผู้ก่อตั้งบริษัทโรสโกลด์ (ไทยแลนด์) จำกัด  กล่าว่า ปัจจุบันตนเองอายุ 22 ปี โดยได้เริ่มต้นทำ “แบรนด์โรสโกลด์” ร่วมกับสามี “คุณหนึ่ง” “ธันย์ธานิท กันต์นันท์ธร”  CXO ของบริษัท แบรนด์โรสโกลด์  โดยทั้งสองคนได้เริ่มก่อตั้ง แบรนด์โรสโกลด์  เมื่อปี 2018 ภายในระยะเวลา 3 ปี บริษัทสามารถสร้างมูลค่าได้กว่า 1,000 ล้านบาท จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Skincare & Supplement   ผ่านตัวแทนจำหน่าย หรือ ที่บริษัทเรียกว่า พาร์ทเนอร์
โดยผลิตภัณฑ์ของโรสโกลด์ทุกตัว ผลิต และคิดค้นจากต่างประเทศ โดย ได้รับความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ ได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญจากเกาหลี และผู้เชี่ยวชาญจากญี่ปุ่น  และล่าสุดบริษัทได้ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญในประเทศฝรั่งเศส ฯลฯ   ร่วมพัฒนาคิดค้น จนได้สูตรผลิตภัณฑ์เซรั่มบำรุงผิว  “Le Oxi Serum” ซึ่งเป็นเซรั่มคุณภาพที่ผลิตจากประเทศฝรั่งเศส  เข้ามาเปิดตลาดในประเทศไทยเพื่อดูแลสุขภาพผิวคนไทย
จากวันแรกของการริเริ่มแบรนด์นี้ “คุณวาว” “แวววรรณ” ตั้งใจที่จะ “สร้างสินค้าที่ดีที่สุดเพื่อลูกค้า สร้างชีวิตที่ดีที่สุดเพื่อพาร์ทเนอร์”
“ เราตั้งใจที่อยากจะสร้างแบรนด์ไทย ที่รวบรวมผลิตภัณฑ์ระดับสากลจากทั่วโลกไว้ที่นี่ ในราคาที่ผู้บริโภคเอื้อมถึง โดยสินค้าที่เราผลิตในครั้งแรกคือ Seacret Forest Cream, Seacret Forest Cleansing Gel และ Soft Touch Acne Gel ที่ผลิตและคิดค้นสูตรจากประเทศเกาหลี โดยผู้เชี่ยวชาญชาวเกาหลีทั้งหมด ต่อมา
โรสโกลด์ได้เปิดตัวสินค้าตัวใหม่ นั่นก็คือ Sakana Collagen X10 คอลลาเจนที่มาในรูปแบบเม็ดซอฟท์เจล “รูปปลา” ที่ประกอบไปด้วยอาหารผิวถึง 11 ชนิด ที่ผลิตโดยโรงงานชั้นนำในประเทศญี่ปุ่น ที่เป็นสูตรอาหารผิวของคนญี่ปุ่นจริงๆ โดยในโปรเจคนี้โรสโกลด์ได้เปิดตัว “คุณชมพู่ อารยา” ในฐานะของพรีเซ็นเตอร์ของผลิตภัณฑ์ Sakana Collagen X10 ในเมื่อต้นปี 2021 ที่ผ่านมา และได้รับกระแสตอบรับที่ดีมาก” คุณวาวกล่าว
Rose Gold
“Le Oxi Serum” เป็นสินค้าตัวใหม่ของโรสโกลด์ที่ถูกคิดค้นวิจัยโดยทีมผู้เชี่ยวชาญชาวฝรั่งเศสที่โรงงาน Lessonia ในประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นโรงงานที่รับผลิตให้กับสินค้าในกลุ่มสกินแคร์ระดับเคาน์เตอร์แบรนด์ในหลายๆ แบรนด์ และยังเป็นเจ้าของเอกสิทธิ์ผู้ขายสารสกัด “White Garcenia” เพียงหนึ่งเดียวในประเทศไทย สารสกัด White Garcinia เป็นสารสกัด Super Whitening เป็นสารสกัด Whitening ที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใสกว่าWhitening ทั่วไปถึง 50 เท่า อีกทั้งยังมีสารสกัดอีกมากถึง 7 ตัว ที่ช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ทั้งเรื่องฝ้า กระ จุดด่างดำ และปัญหาผิวแก่กว่าวัยโดยเฉพาะ โดยที่เนื้อเซรั่มนั้น เป็นการผสมผสานที่ลงตัว ทั้งสูตร และสารสกัด ในระดับเคาน์เตอร์แบรนด์มาอยู่ในมือคุณในราคาที่ทุกคนจับต้องได้
หลังจากเปิดตัว Le Oxi Serum จนได้รับกระแสการตอบรับอย่างดีไปแล้วนั้น ล่าสุดโรดโกลด์จับมือพรีเซ็นเตอร์คนใหม่เปิดโปรเจค The Muse Of Le Oxi ของสินค้า Le Oxi Serum โดยได้รับเกียรติจาก “คุณวู้ดดี้ วุฒิธร มิลินทจินดา” มาร่วมเป็นผู้ดำเนินรายการในงานเปิดตัว The Muse คนใหม่ของเรา ภายใต้ชื่องาน The Muse Of Le Oxi Virtual Live Event ในรูปแบบออนไลน์ Virtual Live Event เป็นครั้งแรก โดยมีผู้โชคดี 100 ท่านได้ร่วมขึ้นจอ Virtual Live ไปพร้อมกับ Muse คนแรกของเราที่เป็นนักธุรกิจหญิงชื่อดัง “มาดามแป้ง” “นวลพรรณ ล่ำซ่ำ” ภายใต้สโลแกนที่ว่า “เมื่อกาลเวลา ฆ่าเราไม่ได้”
Rose Gold
ในส่วนของแผนการตลาดของโรสโกลด์ยังคงเลือกใช้ตัวแทนจำหน่าย หรือ พาร์ทเนอร์ของเราเป็นช่องทางหลัก  ซึ่งครั้งนี้ ยังคงมั่นใจว่า ผลิตภัณฑ์เซรั่ม Le Oxi Serum จะได้รับการตอบรับจากลูกค้า เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์ตัวอื่นของ โรสโกลด์  และพรีเซนเตอร์คนใหม่นี้ ช่วยทำให้กระแสของ เซรั่ม Le Oxi Serum เป็นที่รู้จักในวงกว้าง และเมื่อลูกค้าได้ทดลองใช้จะต้องกลับมาซื้อซ้ำอีกในอนาคต  ที่สำคัญไปกว่านั้นช่วยทำให้พาร์ทเนอร์ ของ โรสโกลด์ มีรายได้เพิ่มมากขึ้นด้วย โดยตั้งเป้ายอดขายหลังจากเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ที่ 800,000 ชิ้น และก้าวสู่การเป็นโกลบอลแบรนด์
ท้ายสุดนี้ “โรสโกลด์”  หวังว่าจะได้มอบโอกาสที่ดีให้กับพาร์ทเนอร์ที่ไว้วางใจและร่วมสร้างแบรนด์โรสโกลด์ จนสามารถสร้างรายได้จนสามารถเติบโตไปด้วยกันอย่างมั่นคง  และครั้งนี้ พาร์ทเนอร์ของเรายังได้มีโอกาสสัมผัสประสบกาณ์ที่ไม่เคยได้พบที่ไหนมาก่อน และ เราเชื่อว่าการร่วมงานกับโรสโกลด์จะทำให้พาร์ทเนอร์สามารถยกระดับอาชีพ วิถีชีวิต และที่สำคัญคือ “คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น” ของทุกคนได้ เพราะโรสโกลด์มีความเชื่อทุกโอกาสของทุกคน ดั่งวิสัยทัศน์ของแบรนด์ที่ว่า “โอกาสคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเดิม เริ่มต้นที่ Rosegold”
เอพี ไทยแลนด์

ครั้งแรก ‘เอพี ไทยแลนด์’ ร่วมกับ ‘ไปรษณีย์ไทย’ เสิร์ฟความสะดวกลูกบ้านเครือเอพี รับพัสดุถึงที่

เอพี ไทยแลนด์
เอพี ไทยแลนด์

นายเมธา รักธรรม รักษาการรองกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท สมาร์ท เซอร์วิส แอนด์ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SMART) ผู้นำธุรกิจพร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ ในเครือเอพี ไทยแลนด์ ย้ำเจตจำนง ‘Empower Living’ ส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีที่ลูกค้าสามารถเลือกได้ ส่งมอบบริการที่เหนือกว่าและพิเศษสุดสำหรับลูกบ้านเครือเอพี โดยผนึกกำลังร่วมกับ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดตัวบริการ Pick Up Service เข้ารับพัสดุถึงหน้าบ้านที่บริหารจัดการโดยทีม SMART กว่า 300 โครงการ ไม่มีขั้นต่ำ ไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมตรวจสอบสถานะผ่านแพลตฟอร์ม SMART WORLD  โดยมี ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เข้าร่วมแนะนำบริการ Pick Up Service ให้กับลูกบ้านเครือเอพี ณ โครงการแกรนด์พลีโน่ บางนา – อ่อนนุช

AP THAILAND

ความร่วมมือระหว่าง เอพี ไทยแลนด์ ผู้นำอสังหาริมทรัพย์ และบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กับบริการ Pick Up Service (รับฝากนอกสถานที่) เป็นการอำนวยความสะดวกและช่วยลดการการเดินทางของลูกบ้าน โดยลูกบ้านเอพีสามารถใช้บริการ Pick Up Service จากไปรษณีย์ไทย ผ่านทางแพลตฟอร์ม SMART WORLD ดิจิทัลแพลตฟอร์มบริหารคุณภาพชีวิตหลังการเข้าอยู่อาศัยในโครงการอสังหาริมทรัพย์ ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม ที่เอพี ไทยแลนด์พัฒนาขึ้น และโครงการที่บริหารจัดการโดยทีม SMART  เพื่อเอ็มพาวเวอร์การใช้ชีวิตของลูกบ้านได้อย่างสมบูรณ์แบบครบทุกมิติ โดยการร่วมมือกับไปรษณีย์ไทยครั้งนี้ถือเป็นโอกาสอันดีในการส่งมอบ Digital Living Experience ที่เข้าถึงไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ อีกทั้งยังเป็นการยกระดับการบริการด้านพร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ ตอบสนองความต้องการของลูกบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

คาร์เทียร์ วินเทจ และ Crash ราชาแห่งเรือนเวลาประดับเพชร ไอคอนิคสุดคลาสสิค

account_circle

คาร์เทียร์ วินเทจ และ Crash ราชาแห่งเรือนเวลาประดับเพชร ไอคอนิคสุดคลาสสิค

Lotus Arts de Vivre (โลตัส อาร์ต เดอร์ วีฟว์) แบรนด์จิวเวลรี่และของตกแต่งบ้านระดับโลกที่รวบรวมผลงานมาสเตอร์พีซโดยช่างฝีมือชั้นสูง พาเหล่าคาร์เทียร์เลิฟเวอร์และนักสะสมของวินเทจชาวไทยไปพบกับ นิทรรศการแสดงประวัติศาสตร์เรือนเวลาซีรี่ย์ที่สาม ในชื่อ Lotus Arts de Vivre x Obsidian Objets d’Art : WOMEN are FOREVER – A vintage Cartier Collection หนึ่งในนิทรรศการห้ามพลาดประจำปีที่รวบรวมเรือนเวลาสุภาพสตรีระดับตำนานจากทั่วทุกมุมโลกที่หาชมได้ยากกว่า 34 เรือน

พร้อมด้วย มร.แฮรี่ เฟน และ ฟรานเชสกา คาร์เทียร์ บริคเคล ทายาทคาร์เทียร์รุ่นที่ 6 และนักเขียนเจ้าของผลงาน The Cartiers: The Untold Story of the Family Behind the Jewelry Empire ที่จะมาเผยเบื้องหลังเกี่ยวกับ คาร์เทียร์ แฟมิลี่ และถ่ายทอดเรื่องราวของ คาาร์เทียร์วินเทจ ในแง่มุมของผู้หญิงที่คุณอาจไม่เคยสัมผัสมาก่อน

ช่วงศตวรรษที่ 20 ถือเป็นยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในวิถีชีวิตของผู้คนจำนวนมาก คงไม่มีใครคาดคิดว่าตอนปี 1900 ช่วงเวลาที่โลกไม่มีแม้แต่ไฟฟ้า โทรศัพท์ หรือรถยนต์ แต่อีก 100 ปีต่อมากลับเกิดการเปลี่ยนแปลงที่เป็นปรากฏการณ์ขั้นสุดในหลาย ๆ ด้าน โดยหนึ่งในนั้นคงหนีไม่พ้นภูมิทัศน์วงการแฟชั่นของเหล่าสุภาพสตรีที่หลุดพ้นจากพันธนาการและค่านิยมในแบบดั้งเดิม เช่นเมื่อคุณหวนคิดถึงวงการแฟชั่นในปี 1900 ดีไซน์ในยุคนั้นมักมาในรูปแบบกระโปรงยาวเข้ารูป เน้นเรือนร่างและปิดถึงช่วงคอ ก่อนเข้าสู่ยุครุ่งโรจน์ทางการออกแบบในปี 1920 เมื่ออิทธิพลของแบรนด์ Chanel มอบอิสรภาพและปรับเปลี่ยนดีไซน์เครื่องแต่งกายให้สาว ๆ อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ขณะที่ปัจจุบันแฟชั่นเต็มไปด้วยความหลากหลาย บ้างก็นำมาตีความใหม่ให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น แต่เชื่อหรือไม่? สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนนับตั้งแต่วันแรก ๆ ของศตวรรษที่ 20 ไปจนถึงต้นศตวรรษที่ 21 นั่นก็คือ สุภาพสตรีมักสวมใส่นาฬิกาข้อมือเสมอ ทั้งที่ความเป็นจริงในยุคก่อนมองว่าเป็นการกระทำที่ผิดพลาด แม้แค่เหลือบมองดูเวลาบนข้อมือก็ตาม

กิมมิคของนิทรรศการครั้งนี้จึงต่างไปจาก 2 ครั้งก่อนเล็กน้อย โดยโฟกัสไปที่เรื่องราวการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 20 ผ่านเรือนเวลาสุภาพสตรี ที่สร้างสรรค์โดยแบรนด์เครื่องประดับระดับตำนานอย่าง Cartier ลองจินตนาการดูว่า มันน่าตื่นเต้นแค่ไหนที่คุณจะได้สัมผัสมุมมองด้านแฟชั่นบนเรือนเวลาผ่านสายตาของ “ผู้ผลิตเครื่องประดับให้ราชา และเป็นราชาแห่งเครื่องประดับ”

โดยช่วงแรกเราจะพาคุณไปสำรวจนาฬิกาข้อมือประดับเพชรของช่วงต้นศตวรรษที่ 20 เรื่อยมา จนถึงช่วงที่เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2  หรือราวยุค 1915-1930 ซึ่งถือเป็นยุคทองแห่งการสวมใส่เครื่องประดับเลยก็ว่าได้ – ทุกวันนี้ ต้องยอมรับว่าแม้จะมีผู้ผลิตเครื่องประดับสวยหรู ราคาแพงมากขึ้นกว่ายุคก่อน แต่กลับเป็นเรื่องยากมากที่จะเห็นผู้คนเฉิดฉายด้วยเครื่องประดับเหล่านี้ในชีวิตประจำวัน ขณะที่กรอบของสังคมในยุค 1920 และ 1930 กลับสวนกระแส เพราะหากคุณไม่มีเครื่องประดับติดตัวสักชิ้น อาจตีความได้ตรงตัวว่า คุณยังไม่พร้อมออกจากบ้าน หรือ เข้าร่วมสังคม

ซึ่งภายในนิทรรศการ เรือนเวลาที่นำมาจัดแสดงในช่วงยุคดังกล่าวมีครอบคลุมกว่า 14 แบบ ตั้งแต่เรือนเวลาขนาดจิ๋ว ไปจนถึงนาฬิกาข้อมือไซส์ใหญ่ล้อมรอบด้วยเพชร หรือแม้แต่จับคู่ตัวเรือนกับสายรัดข้อมือไข่มุก นอกจากนี้สิ่งที่เราต้องการสะท้อนให้เห็นก็คือ จินตนาการของนักออกแบบในการสร้างสรรค์ชิ้นงานแต่ละชิ้นช่างแฝงไปด้วยเรื่องราวอันแสนพิเศษเหลือเกิน

และนี่คือ 8 ชิ้นเด่น พร้อมด้วย Crash ราชาแห่งเรือนเวลาประดับเพชรที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในปัจจุบัน

1.Diamond Set Wristwatch, 1920 (B.8897)

นาฬิกาข้อมือประดับเพชรปี ค.ศ 1920 โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ที่โค้งมนพร้อมตัวเรือนสี่เหลี่ยมแบบโปร่งประดับเพชรโรสคัท ขาตัวเรือนมาในดีไซน์ฉลุพร้อมกับหัวเข็มขัดแบบบานพับประดับเพชรดั้งเดิม ที่สำคัญมาพร้อมกลไกไขลานที่บางมากและเคสที่ออกแบบให้สวมใส่สบาย เรียกได้ว่าเป็นโมเดลที่ดึงดูดความสนใจของเหล่าสุภาพสตรียุคนั้นได้ไม่ยาก เพราะหลอมรวมความหรูหรา ประณีต และมีดีไซน์ ไว้ในเรือนเดียว

2.Cartier Diamond and Natural Pearl Lady’s Wristwatch, 1919 (B.8995)

แม้ขนบแบบดั้งเดิม ผู้หญิงไม่สามารถแม้แต่ชำเลืองมองดูนาฬิกาข้อมือของพวกเธอได้ เนื่องจากเป็นเรื่องที่เสียมารยาท แต่การวางตำแหน่งหน้าปัดเข็มนาฬิกาเยื้องศูนย์ของเรือนเวลารุ่นนี้ กลับทำให้สาว ๆ หลายคนบอกเวลาได้ทันทีเพียงแค่เหลือบตามองผ่านอย่างรวดเร็ว โดยโมเดลที่นำมาจัดแสดงถือเป็นหนึ่งในนาฬิกาข้อมือประดับเพชรที่ยอดเยี่ยมและหายากที่สุดของ คาร์เทียร์ ในยุค ค.ศ. 1920 มาในดีไซน์หน้าปัดโปร่ง ทรงรูปไข่ เข็มนาฬิกาแบบเยื้องศูนย์ ประดับรอบ ๆ ด้วยเพชรโรสคัท มาพร้อมรูปทรงหน้าปัดแบบดั้งเดิมจาก
คาร์เทียร์  ทั้งยังผสานลูกเล่นด้วยสายนาฬิกาถักทอด้วยไข่มุกสีเทาบริสุทธิ์และเพชรโรสคัทน้ำงาม

3.Cartier Diamond and Black Onyx Set Wristwatch, 1921 (B.8996)

ถือเป็นนาฬิกาคาร์เทียร์ที่เข้าใจความต้องการของสุภาพสตรียุคก่อนที่อยากใส่นาฬิกาข้อมือวิบวับราวดั่งสร้อยเพชร โดยแบรนด์สร้างความสะดุดตาด้วยการหยิบเอาอัญมณีแห่งมนต์เสน่ห์อย่าง โอนิคส์ (Onyx) หรือนิลดำ มาตัดกับความแวววาวของเพชรเจียระไนทรงโรสคัทบนดีไซน์หน้าปัดสี่เหลี่ยมได้อย่างลงตัว ขาตัวเรือนประดับเพชรในรูปแบบของศิลปะแนวอาร์ตเดโค (Art Deco) มาพร้อมหลักชั่วโมงโรมันและเข็มทรงเบรเกต์ (Breguet) รวมถึงมาตรนาทีรอบหน้าปัดรูปรางรถไฟหรือ chemin de fer ผลิตขึ้นในเดือนพฤศจิกายน ปี ค.ศ. 1921

4.Antique Diamond Set Cocktail Watch, 1919 (B.8553)

ในยุคของเรือนเวลาประดับเพชร แม้จินตนาการต่าง ๆ จะมีข้อจำกัดอยู่บ้าง แต่คาร์เทียร์กลับสร้างสรรค์เรือนเวลาออกมาได้อย่างน่าทึ่ง ตั้งแต่เรือนเวลาขนาดจิ๋วที่ต้องอาศัยทักษะและความประณีตเป็นอย่างมาก ไปจนถึงนาฬิกาขนาดใหญ่ที่สร้างตัวตนได้อย่างน่าจดจำ เรือนเวลาขนาดจิ๋วนี้ถือเป็นความท้าทายที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะขนาดของกลไกที่สร้างความแตกต่างจากเรือนเวลายุคเดียวกันได้อย่างเด่นชัด ทั้งยังเป็นดีไซน์ที่ไม่ว่าเพศไหนต่างจับจ้องที่จะครอบครองทั้งสิ้น ดังจะเห็นได้จากภาพถ่ายของมหาราชาแห่งเมืองอินดอร์ (ประเทศอินเดีย) ช่วงปลายยุค ค.ศ. 1920 ที่สวมใส่เรือนเวลาขนาดจิ๋วกับ dress code แบบ white tie เต็มยศ โดยโมเดลที่นำมาจัดแสดงนี้ผลิตระหว่างเดือนมีนาคม – เมษายน ปี ค.ศ. 1929 ถือเป็นรุ่นที่มีความพิเศษเป็นอย่างมาก เพราะตัวเรือนประดับด้วยเพชรหน้าตัดสี่เหลี่ยมแทนที่จะเป็นแบบทรงกลม ส่งผลให้ประกายงามของเพชรมีเอกลักษณ์ที่ไม่ซ้ำใคร

5.Antique Round Diamond Set Cocktail Watch, 1919 (B.8416)

ในช่วงต้นยุคศตวรรษที่ 20 แม้ชิ้นงานส่วนใหญ่ของคาร์เทียร์มุ่งเน้นการสร้างสรรค์ไปที่เรือนเวลาทรงสี่เหลี่ยม แต่ความเป็นจริงแล้วรูปทรงอื่น ๆ ก็สร้างปรากฏการณ์ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน อย่างตัวเรือนหน้าปัดกลมชิ้นนี้ ก็ถือเป็นอีกชิ้นงานหายากแห่งยุคก็ว่าได้ และหากมองย้อนไปปี 1907 ซึ่งเป็นยุคที่คาร์เทียร์เริ่มสร้างนาฬิกาข้อมืออย่างจริงจัง จนกลายเป็นสิ่งที่ชนชั้นสูงต่างถวิลหา จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่คุณสามารถพบเห็นเหล่าสุภาพสตรีสวมใส่เรือนเวลาประดับเพชรมาประชันกันขณะดื่มด่ำดินเนอร์สุดหรูที่ร้านอาหารเก่าแก่ของฝรั่งเศสอย่าง  Maxims  เพื่อบ่งบอกถึงฐานะและสร้างการยอมรับในแวดวงสังคม โดยนาฬิกาเรือนนี้ผลิตในปี ค.ศ. 1919 โดดเด่นด้วยดีไซน์ทรงกลม ตัวเรือนแพลตินัมประดับเพชรโรสคัท ขณะที่ขาตัวเรือน 2 ข้าง ออกแบบให้โค้งรับกับตัวเรือนได้อย่างไร้ที่ติ ประดับเพชรหน้าตัดสี่เหลี่ยมและเพชรโรสคัท ราว 3 กะรัต

6.Antique Tank Normale Diamond Set Cocktail Watch, 1922 (B.8420)

Tank Normale คือรุ่นบุกเบิกของตระกูล Cartier Tank เปิดตัวครั้งแรกในปี ค.ศ. 1919 แม้จะมาในดีไซน์สี่เหลี่ยมแสนคลาสสิกที่ถ่ายทอดแรงบันดาลใจมาจากรถถังตามชื่อรุ่น แต่โมเดลปี ค.ศ. 1922 ที่นำมาจัดแสดง กลับชวนให้รู้สึกตื่นตาไม่น้อยกับการตกแต่งตัวเรือนด้วยเพชรเจียระไนทรงโรสคัท

7.Cartier Platinum and Diamond Watch, 1927 (8418)

อีกเรือนเวลาที่สะท้อนถึงหัตถ์ศิลป์อันละเมียดละไมของแบรนด์ รังสรรค์ขึ้นในยุค 1920 โดยเรือนเวลาขนาดจิ๋วชิ้นนี้กลายเป็นอีกทางเลือกของหญิงสาวในยุคนั้นทันที เพราะนอกจากจะสามารถสวมใส่กับสร้อยข้อมือประดับเพชรได้อย่างกลมกลืนแล้ว ยังเป็นนวัตกรรมที่น่าจับตาอีกด้วย ซึ่งเรือนที่นำมาโชว์นี้ผลิตในปี ค.ศ. 1927 ประดับด้วยเพชรทรงบาแก็ตต์ที่โดดเด่นอยู่ท่ามกลางเพชรโรสคัทแบบกลม หน้าปัดแสดงหลักชั่วโมงแบบเลขอารบิค ซึ่งถือเป็นสไตล์ที่หายากของคาร์เทียร์ จับคู่สายรัดข้อมือผ้าไหมสีดำ

8.Cartier Diamond and Emerald Wristwatch (B.8729)

ชิ้นงานที่ออกแบบโดนผสมผสานเพชร โอนิคส์ และ มรกตไว้อย่างเข้ากัน ถือเป็นเรือนเวลาตัวอย่างที่สะท้อนความคิดสร้างสรรค์อันสุดขั้วของคาร์เทียร์ที่ต้องการเปลี่ยนนาฬิกาให้เป็นอัญมณีและอัญมณีเป็นนาฬิกา โดยโมเดลนี้ผลิตขึ้นในปี ค.ศ. 1925

Cartier Diamond Crash, 1991 (B.8748)

แม้คาร์เทียร์จะผลิตเรือนเวลาสร้างชื่อมากมายในช่วงศตวรรษที่ 20 แต่ไม่มีเรือนไหนที่กลายเป็นไอคอนของยุคได้อย่าง ‘Crash’ อีกแล้ว

ย้อนกลับไปเมื่อปี ค.ศ. 1967 เมื่อ มร.ฌอง-ฌาคส์ คาร์เทียร์ ได้เห็นการชนกันของรถบัสสองชั้นและแท็กซี่สีดำในกรุงลอนดอน นำไปสู่การตั้งคำถามในเวิร์คชอปว่า Cartier Tank จะหน้าตาเป็นอย่างไรหากเข้าไปอยู่ในอุบัติเหตุนั้น ซึ่งนักออกแบบได้ระดมความคิดและทำออกมา จนสุดท้ายได้ออกมาเป็นรูปแบบอย่างที่เราเห็นกัน ส่งผลให้นาฬิกาเรือนนี้กลายเป็นหนึ่งในเรือนเวลาที่น่าจดจำในลอนดอนยุค 60 ซึ่งเป็นยุคที่วงอย่าง ‘เดอะบีเทิลส์’ โด่งดังอย่างสุดขีด หรือแม้แต่รถยนต์ ‘จากัวร์ อี ไทป์’ อันโดดเด่น และการมาของแฟชั่นกระโปรงสั้น โดยคาร์เทียร์ที่กรุงลอนดอนได้สร้างสรรค์นาฬิกา ‘Crash’ เรือนทองราว ๆ 20 เรือน ในช่วงปี 1967-1987 ก่อนที่ฝ่ายผลิตจะย้ายไปปารีสในปี 1990 ตั้งแต่นั้นมา ‘Crash’ ก็กลายเป็นหนึ่งในเรือนเวลาที่มีชื่อเสียงที่สุดของ คาร์เทียร์ ทั้งยังขึ้นชื่อเรื่องดีไซน์ที่ไม่เหมือนใคร

สำหรับโมเดลที่นำมาจัดแสดงในครั้งนี้ เป็นตัวเรือนประดับเพชร ผลิตขึ้นที่กรุงปารีสในช่วงต้นยุค 1990 ถือเป็นตัวอย่างชั้นเลิศที่สะท้อนถึงหัตถศิลป์ของ คาร์เทียร์ ณ เวลานั้น โดยนาฬิกาเรือนนี้ได้รับการระบุผลิตปีราวๆ ค.ศ. 1991

นี่เป็นเพียงตัวอย่างที่เป็นตำนานและหาชมได้ยากที่เหล่าสุภาพสตรีต่างเลือกมาเป็นบรรทัดฐานของแฟชั่นในยุคสมัยนั้น ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า ไอเท็มเหล่านี้ยังคงความอมตะมาจนถึงปัจจุบัน เพราะไม่ว่าคุณจะสวมใส่เรือนเวลาประดับเพชรซึ่งตอนนี้มีอายุมากกว่า 100 ปีเมื่อใดหรือมิกซ์แอนด์แมตช์กับลุคไหน ก็ยังดูไม่ตกยุค และพร้อมสร้างความประหลาดใจให้คุณอยู่เสมอ เช่นเดียวกับเรือนเวลาดีไซน์คลาสสิก ที่ไม่ได้ตกแต่งด้วย  อัญมณีระยิบระยับ และเป็นเพียงตัวเรือนทำจากทองคำ แต่ไม่ว่าจะผ่านกี่ความโกลาหลในช่วงที่เกิดภาวะสงครามและการปฏิวัติ เรือนเวลาอันทรงคุณค่าเหล่านี้ก็ยังสามารถครองใจคนได้ทุกยุคทุกสมัย


 

รองเท้า Nike Kwondo1 ร่วมออกแบบโดย G-DRAGON

จุดเด่นที่ต้องรู้! รองเท้า Nike Kwondo1 ร่วมออกแบบโดย G-DRAGON

รองเท้า Nike Kwondo1 ร่วมออกแบบโดย G-DRAGON
รองเท้า Nike Kwondo1 ร่วมออกแบบโดย G-DRAGON

ไนกี้และจี-ดราก้อน (G-DRAGON) นักออกแบบ ครีเอทีฟ และผู้นำทางวัฒนธรรม ชาวเกาหลีใต้ได้ร่วมกันนำเสนอ รองเท้า Nike Kwondo1 (ไนกี้ควอนโด1) ซึ่งเป็นรองเท้ารุ่นที่ 2 ที่ได้พัฒนาร่วมกัน โดยมาในสีสันใหม่ที่ทั้งเป็นเอกลักษณ์และสะท้อนถึงแนวคิดนับตั้งแต่ก้าวแรกของความร่วมมือ นั่นคือความเป็นตัวของตัวเอง รวมไปถึงการเฉลิมฉลองให้กับความร่วมมือครั้งสำคัญนี้

ไนกี้เชื่อมั่นว่ากีฬามีพลังสร้างความเปลี่ยนแปลงและไนกี้พร้อมจะสานความร่วมมือกับผู้ที่เชื่อในสิ่งเดียวกัน เพื่อขยายขอบเขตของกีฬาให้คนรุ่นต่อไปสามารถจินตนาการถึงความเป็นไปได้ใหม่ๆ โดยจี-ดราก้อนและแบรนด์ของเขาคือพีซไมนัสวัน (PEACEMINUSONE) ได้ถ่ายทอดความรู้สึกของเสรีภาพลงบนผืนผ้าใบขาวที่ผสานทั้งความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรมเข้าด้วยกันเพื่อยกระดับชุมชนกีฬาไปอีกขั้น

รองเท้า Nike Kwondo1 รองเท้า Nike Kwondo1-1 รองเท้า Nike Kwondo1-2

“ผมอยากมีอิสระในทุกๆ สิ่งที่ผมทำ ตั้งแต่การแต่งตัวไปจนถึงการสร้างสไตล์ของตัวเอง สำหรับคนที่รู้สึกว่าสิ่งต่างๆ ในชีวิตของพวกเขามันมีไม่เพียงพอหรือมีมากจนเกินจะรับไหว ผมหวังว่ารองเท้ารุ่นนี้จะช่วยจุดพลังของการเป็นตัวของตัวเองและช่วยนำทางพวกเขาไปสู่อิสรภาพ”

รองเท้าไนกี้ควอนโด1 เหมือนตัวของจี-ดราก้อน รองเท้ารุ่นนี้เป็นรองเท้าแนวใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน ผสานทั้งความยืดหยุ่นในแง่สไตล์ไปพร้อมกับการตั้งคำถามกับรองเท้าแบบเดิมๆ และกำแพงทางวัฒนธรรม

รองเท้า Nike Kwondo1-3

จุดเด่นที่น่าสนใจของรองเท้ารุ่นนี้ 

  • รองเท้ารุ่นนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากรองเท้าฟุตบอลตระกูลเทียมโปของไนกี้และรองเท้ากอล์ฟสไตล์คลาสสิก หน้าผ้ารองเท้าผลิตจากหนังระดับพรีเมี่ยม ผสานกับการฉลุลายแบบรองเท้าสไตล์โบรก (Brogue)
  • เพื่อผสานสไตล์อย่างเป็นทางการและสไตล์สปอร์ตอย่างลงตัว รองเท้ารุ่นนี้มีดีไซน์รูปทรงที่เพรียว มีสไตล์คล้ายกับปีก รวมถึงลิ้นรองเท้าแบบแผ่นที่สามารถถอดออกได้ ส่วนเชือกจะอยู่ด้านใต้ลิ้นรองเท้า
  • สีขาวตลอดทั้งรองเท้าเป็นเสมือนผืนผ้าใบเปล่า เข้ากับทุกสไตล์และรูปลักษณ์
  • ลายดอกเดซี่ที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์พีซไมนัสวันปักอยู่บริเวณส้นเท้า สอดรับกับลวดลายของแบรนด์พีซไมนัสวันที่ตะเข็บหน้ารองเท้าและบริเวณปลายเชือกรองเท้า สิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงความร่วมมือระหว่างไนกี้กับหนึ่งในศิลปินผู้มีความคิดสร้างสรรค์สูงที่สุดในโลกคนหนึ่ง
  • ชื่อของรองเท้ารุ่นนี้มาจากการผสมระหว่างกีฬาเทควอนโด ศิลปะการต่อสู้ของเกาหลีใต้ รวมถึงชื่อจริงของจี-ดราก้อนคือควอนจียง และสโลแกน ‘Just Do It’ ของไนกี้

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ส่องคนดังแมตช์ลุคใส่ สนีกเกอร์ Geox รองเท้าสวมสบาย น้ำหนักเบา

น้องใหม่สุดปัง รองเท้า Birkenstock สไตล์มินิมอล สีโทนเย็นสดใส

ครั้งแรก! กระเป๋า O&B มาเป็นคอลเล็คชั่น มีให้เลือกกว่า 20 สี ราคาดีจนต้องเปย์

 

กวาง เดอะเฟซ

“กวาง เดอะเฟซ” ในลุคเจ้าสาวสุดโรแมนติก ด้วยชุดเจ้าสาวจากแบรนด์ Deeplove

Alternative Textaccount_circle
กวาง เดอะเฟซ
กวาง เดอะเฟซ

แม้จะพักยกความเซ็กซี่สุดแซ่บ แล้วเปลี่ยนขั้วมาอัพลุคเจ้าสาวสุดโรแมนติก เพื่อถ่ายแฟชั่นชุดเจ้าสาวให้กับนิตยสารแพรว Wedding ฉบับ 2/2564 แต่ “กวาง-วรรณปิยะ ออมสินนพกุล” หรือ “กวาง เดอะเฟซ” ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง สามารถพรีเซ็นต์ชุดเจ้าสาวจากแบรนด์ Deeplove คอลเล็คชั่น Laboratoire d’Deeplove Bridals Gown New Cellection 2022 ได้ปังสุดๆ แถมยังแอบหยอดความเซ็กซี่เล็กๆ เอาไว้อย่างลงตัวอีกด้วย ว่าที่เจ้าสาวคนไหนที่กำลังมองหาชุดเจ้าสาวอยู่ ตามไปดูกันเลยค่ะ

“กวาง เดอะเฟซ” ในลุคเจ้าสาวสุดโรแมนติก ด้วยชุดเจ้าสาวจากแบรนด์ Deeplove

กวาง เดอะเฟซ

กวาง เดอะเฟซ

กวาง เดอะเฟซ

กวาง เดอะเฟซ

กวาง เดอะเฟซ

กวาง เดอะเฟซ

กวาง เดอะเฟซ

ตามไปหาซื้อ นิตยสารแพรว Wedding ฉบับ 2/2564 กันได้เลยที่ร้านนายอินทร์ทุกสาขา และร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ หรือสั่งซื้อออนไลน์ได้ที่ www.naiin.com/product/detail/535123 นะคะ


เสื้อผ้า : Deeplove Wedding

763 – 763/1 – 3 ซอยอุดมสุข 49 ถนนสุขุมวิท 103

โทร. 0-2398-5739, 0-2399-1693, 09-5789-9556

Facebook : DeepLove ชุดแต่งงาน ชุดไทย

Instagram : @deeplove_official

Line : @deeplovewedding

www.deeplovewedding.com

นางแบบ : วรรณปิยะ ออมสินนพกุล

แต่งหน้า : วรรณวนัช สำรี

ทำผม : อังศณา วันขวัญ

ช่างภาพ : ดวงพร ใบพลูทอง

ผู้ช่วยช่างภาพ : ประเมศฐ์ พิพิธชนินันท์

สไตลิสต์ : รพินพันธ์ คำภู

ผู้ช่วยสไตลิสต์ : จิรพรรณ บุดดาวงค์

สถานที่ : KIRIN SNAP X LABS Werehouse พระราม 2 ซอย 33 โทร. 06-4616-0975

หญิงแย้ จมูกติดเชื้อ 1

“หญิงแย้” แชร์อาการและวิธีรักษา ‘จมูกติดเชื้อ’ หลังเสริมแบบใช้ซี่โครงเทียม

Alternative Textaccount_circle
หญิงแย้ จมูกติดเชื้อ 1
หญิงแย้ จมูกติดเชื้อ 1

ก่อนหน้านี้ “หญิงแย้ นนทพร ธีระวัฒนสุข” บิวตี้บล็อกเกอร์ชื่อดัง ได้เข้ารับการศัลยกรรมเสริมจมูกแบบ Open Real Recon X4 ด้วยการใช้ซี่โครงเทียม พร้อมกับบอกว่าการเสริมจมูกด้วยวิธีนี้ราคาไม่ถึงแสน ซึ่งหลังที่จากผ่านการเข้ารับการศัลยกรรมด้วยวิธีดังกล่าว หญิงแย้เองก็ได้โชว์ภาพจมูกของเธอที่เป็นทรงจมูกที่สวยมาก แต่หลังจากผ่านไปประมาณ 2 สัปดาห์ เธอก็ได้ลงรูปภาพจมูกอีกครั้ง พร้อมกับบอกว่าต้องเอาซี่โครงที่เสริมไว้ออก เนื่องจากมีอาการบวมอักเสบจนทำให้ “จมูกติดเชื้อ” หลังจากรักษาเธอจึงขอแชร์ประสบการณ์จมูกติดเชื้อในครั้งนี้แบบละเอียดยิบ สำหรับคนที่กำลังหาข้อมูลในการศัลยกรรมจมูก เพื่อเป็นข้อมูลประกอบก่อนตัดสินใจ และวิธีการดูแลตัวเองที่ถูกต้องในการทำศัลยกรรม

หญิงแย้ จมูกติดเชื้อ 3 หญิงแย้ จมูกติดเชื้อ 2

จมูกติดเชื้อ เกิดจากอะไร

จมูกแย้ติดเชื้อ ก็เลยถอดออกค่ะ ซึ่งการติดเชื้อเกิดได้หลายสาเหตุมากๆ เช่น ร่างกายอ่อนแอ ติดเชื้อตั้งแต่ตอนผ่าตัด กินยาฆ่าเชื้อผิดเวลา ทำความสะอาดแผลผิดวิธี ดูแลตัวเองไม่ดีพอ ฯลฯ โดยเคสของแย้ แย้และทางคลินิกสันนิษฐานกันว่า

  1. แย้แต่งหน้าไวไปตั้งแต่วันที่ 4-5 หลังผ่าตัด พวกฝุ่นจากเครื่องสำอาง อาจเข้าแผลทำให้แผลสกปรก
  2. แย้ยังใช้ชีวิตปกติมากๆ รับงานไว ไปต่างจังหวัด ตั้งแต่วันที่ 7 หลังผ่าตัด
  3. จมูกที่แย้ทำมาใหม่ เป็นเทคนิค Open ที่มีการใส่กระดูกอ่อนหลังหู เนื้อเยื่อหลังหู และ “ซี่โครงเทียม” ค่ะ ซึ่งปกติแล้ว การใช้ซี่โครงเทียมกับจมูก จะมีโอกาสติดเชื้อ 5-10% เลย ซึ่งแย้น่าจะเป็น 1 ใน 5-10% นั้น

หญิงแย้ จมูกติดเชื้อ 5 หญิงแย้ จมูกติดเชื้อ 4

อาการจมูกอักเสบหรือจมูกติดเชื้อเป็นยังไง สังเกตยังไงถึงรู้ว่าจมูกติดเชื้อ

เริ่มต้นจาก หลักจากผ่าตัดผ่านไปได้ประมาณ 4-5 วัน สังเกตเห็นว่า ผนังจมูกตอนที่เงยหน้า เห็นได้ชัดว่ามันแดงและบวมออกมา จนกระทั่งหายใจไม่ถนัด ดูภายนอกคือเหมือนหายแล้ว ตอนแรกคิดว่าอาจจะเป็นอาการบวมตามปกติหลังการผ่าตัด เพราะไม่ได้มีอาการเจ็บหรือแสบร้อนที่แผลเลย

หลังจากนั้นเวลาผ่านไป ก็ยังบวมไม่ยุบ ทั้งที่จมูกข้างนอกดูเข้าที่สวยแล้ว แต่ด้านในยังบวมแดงไม่ยุบเหมือนเดิม แต่ก็ไม่มีอาการอย่างอื่น ไม่เจ็บใดๆ จนกระทั่งไปตัดไหม คือหลัง 14 วันหลังผ่าตัด พยาบาลตัดไหมให้เรียบร้อย ในระหว่างทำแผลมีหนองและเลือดผสมกันออกมา ก็เลยรู้แล้วว่างานเข้าแล้วล่ะ

การรักษา จมูกติดเชื้อ 

รักษาด้วยการดิ๊บยาฆ่าเชื้อเข้าเส้นเลือด เป็นเวลา 7 วันติดกัน แล้วก็ให้กินยาฆ่าเชื้อต่อ หลังจากที่ได้รับยาฆ่าเชื้อไปแล้ว มีน้ำเหลืองไหลออกมาติดอยู่ที่จมูก ก็เลยเอาสำลีสะอาดใส่น้ำเกลือแล้วก็เช็ดทำความสะอาด แล้วก็มีน้ำหนอง น้ำเหลือง เลือด ซึมออกมาเรื่อยๆ เราก็พยายามไม่ไปยุ่งกับมัน หลังจากนั้นผ่านไป 2-3 วัน อาการดีขึ้น แผลแห้ง หายบวม และไม่มีอะไรไหลซึมออกมาแล้ว คือหลังจากแผลหายอาการดีขึ้นก็ปรึกษาคุณหมอหลายท่าน เพราะเคยได้ยินว่าหากจมูกเคยติดเชื้อไปแล้ว อาจมีโอกาสที่จะปะทุขึ้นมาได้อีก ก็กังวลว่าหากหยุดให้ยาฆ่าเชื้ออาการกลับมาอีกไหม เลยตัดสินใจถอดออกดีกว่า

วิธีการดูแลและรักษา หลังจมูกติดเชื้อ

จริงๆ แย้ได้รับยาฆ่าเชื้อจนหายอักเสบแล้ว สวยแล้ว แต่ในทางการแพทย์นั้น เชื้อยังอยู่ในจมูกเรา โดยเฉพาะวัสดุที่ไม่ใช่อวัยวะของเรา ทั้งซิลิโคนและซี่โครงเทียม ดังนั้น ในอนาคตไม่รู้ว่าเมื่อไรที่ร่างกายเราอ่อนแอ เราจะโดนโจมตีอีกแน่นอน หากปล่อยเป็นระยะเวลานาน ยื้อเอาไว้ไม่ถอดออก เนื้อเยื่อจมูกจริงๆ ของเราก็จะถูกทำลายไปด้วย ทำให้จมูกผิดรูปได้ ทีนี้ล่ะเรื่องใหญ่กว่าเดิม ทีมแพทย์ของทางคลินิกรวมถึงตัวแย้เองจึงตัดสินใจถอดออก แล้วให้พักจมูกแบบไร้ซีรี่สัก 6 เดือน ค่อยว่ากันใหม่ ตอนนี้ก็กลับมาเป็น น้องแย้สูตรดั้งเดิม (Original)

วิธีทำแผลจมูกที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันการติดเชื้อ หลังศัลยกรรมจมูกมาใหม่ๆ

มีหลายคนจมูกติดเชื้อตอนทำแผล เพราะทำผิดวิธีบ้าง ใช้อุปกรณ์ที่ไม่เหมาะสมบ้าง หรือกระทั่งบางคนที่ซับเลือดที่ไหลด้วยทิชชู่ก็มีโอกาสติดเชื้อได้ ดังนั้น ต้องให้ความสำคัญเรื่องความสะอาดมากที่สุด

เอาภาพจมูกออริจินัล กับ ปัจจุบันที่ยังเหลือกระดูกอ่อนหลังหูที่ปลายจมูกมาให้ชมกัน
2007 vs 2021

อัพเดต 7 วันหลังเอาจมูกออก

แย้จะบอกเพื่อนๆ ทุกคนว่า ในการทำจมูกนั้น ไม่ว่าจะคุณหมอ หรือรพ. คลินิกไหน ก็มีโอกาสที่จะติดเชื้อ สำคัญที่ว่าคลินิก หรือ รพ. นั้นๆ มีการดูแลคนไข้หลังติดเชื้อได้ดีแค่ไหน จริงใจแค่ไหน โดยส่วนตัว เรื่องร้ายที่เกิดขึ้นกับแย้ในครั้งนี้ แย้ยังโชคดีที่ทางคลินิกรักษาแย้ด้วยความจริงใจ ไม่ปกปิดความจริง

ช่วงเวลาที่ผ่านมามีคน DM มาหาแย้เยอะมาก ทำให้เราได้เจอกับคนไข้ติดเชื้อหลายคนที่ทางคลินิกหรือ รพ. พยายามยื้ออาการติดเชื้อด้วยยาฆ่าเชื้ออย่างยาวนาน บางคน 3-6 เดือน หนองยังซึม เลือดยังซึม แต่ก็ยังถูกยื้อไม่ถอดซิลิโคนออกให้ ยิ่งส่งผลร้ายให้เนื้อเยื่อจมูกถูกทำลาย ทำให้จมูกผิดรูปเข้าไปใหญ่

ดังนั้น ใครที่มีปัญหาจมูก ถ้ารู้สึกไม่ปลอดภัยลองหา Second Opinion ด้วยนะคะ อย่างน้อยปรึกษาแย้ก็ได้ อยากให้เพื่อนๆได้รับการรักษาที่ถูกต้องและซื่อตรง เป็นกำลังใจให้นะคะ


ข้อมูลและภาพ : yae_uunws

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ย้อนวัยใสอีกครั้ง “หญิงแย้ นนทพร” ถอดซิลิโคนจมูกออก กลับไปสวยแบบเบสิค

“เอ็ม บุษราคัม” เฉลยเรื่องทำ ‘ศัลยกรรม’ พร้อมโพสต์ภาพเทียบชัดๆ ไปเลยสิคะ

บีบสิวปลายจมูก เสี่ยงติดเชื้อในสมองเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่?

 

 

‘วันแฟนเก่าแห่งชาติ หากถามว่าจะได้กลับมาคืนดีกันไหม ตอบเลยว่า ยาก…’ ดวงรายวัน 23 พฤศจิกายน 2564

ดวงรายวัน 23 พฤศจิกายน 2564 #หมอปุ้ยพยากรณ์ เช็กทุกวัน เป๊ะปังทุกดวง ทั้งการงาน การเงิน ความรัก และสุขภาพ

‘วันแฟนเก่าแห่งชาติ หากถามว่าจะได้กลับคืนดีกันไหม ตอบเลยว่า ยาก…’

ดวงรายวัน 23 พฤศจิกายน 2564

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์

การงาน  :  หากคุณเครียด เพราะถูกเจ้านายกดดันให้ต้องทำงานให้สำเร็จ หรือทำงานหนักกว่าที่ทำอยู่แล้วล่ะก็ มีความเป็นไปได้ว่า วันนี้คุณจะได้ร่วมงานหรือร่วมหุ้นทำธุรกิจกับเพื่อนสนิท (ผู้หญิง) รวมถึงเด็กรุ่นน้อง ในงานที่เกี่ยวกับวงการบันเทิง โฆษณา ประชาสัมพันธ์ สื่อมวลชน หรือสินค้าบริการที่มีน้ำมาเกี่ยวข้อง มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จ แต่ก็อย่าเพิ่งเลิกทำกลางคันล่ะ

การเงิน  :  วันนี้ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเงินสินบน หรือเงินใต้โต๊ะ หากได้เงินมาก็ควรเก็บไว้บ้าง งดซื้อของหรูหราฟุ่มเฟือยให้กับตัวเอง หรือขนมนมเนยจุกจิก

ความรัก :  คู่คุณเป็นคู่คิดที่ดี หากวันนี้คุณมีปัญหาเกี่ยวกับญาติพี่น้องผู้หญิง และลูกหลาน ก็สามารถปรึกษาเขาได้ เขาจะสามารถแนะนำแนวทางที่มีประโยชน์ให้คุณได้อย่างดีเลย  คนโสด  วันนี้เพื่อนสนิท (ผู้หญิง) ที่แอบชอบคุณมานาน จะมีโอกาสพัฒนาความสัมพันธ์ขึ้น โดยใช้วิธีการเรียกร้องความสนใจก็ได้นะ

สุขภาพ  :  มีความเสี่ยงที่คุณจะเป็นไข้หวัด ปอดบวม โรคเลือดจาง รวมถึงความดันกำเริบ รวมทั้งน้ำในหูไม่เท่ากันด้วย

 

ผู้ที่เกิดวันจันทร์

การงาน  :  สำหรับผู้ที่ทำงานหรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการติดต่อประสานงาน การบริหารจัดการ และการให้บริการคำแนะนำปรึกษาในด้านต่างๆ วันนี้คุณมีความเป็นศิลปินอยู่ในตัว หากได้ทำงานศิลปะ งานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ งานบันเทิง ฯลฯ คุณจะทำได้ดี ได้รับการสนับสนุนส่งเสริมจากผู้ใหญ่และคนใกล้ชิดให้ได้ทำตามที่ตั้งใจไว้อีก ยกเว้นอย่างเดียว คุณไม่ควรใจร้อน วู่วาม ทำอะไรแบบกล้าได้กล้าเสีย เพราะจะทำให้จากงานที่ไม่มีปัญหายากขึ้นอย่างไม่น่าจะเกิดขึ้น

การเงิน :  คุณเป็นนักลงทุนและมักจะโชคดีเสมอ วันนี้ผู้ใหญ่ก็สนับสนุนคุณด้วย จึงมีโอกาสที่คุณจะสนุกกับการลงทุนจนลืมตัว

ความรัก : วันนี้มีความเป็นไปได้ที่คุณจะขอทำในสิ่งที่มีความสุขที่สุด โรแมนติกที่สุด นั่นคือออกไปสังสรรค์ปาร์ตี้กับคู่ของคุณอย่างสนุกสุดเหวี่ยง คนโสด คุณเปลี่ยนใจไปมาเร็วมาก เดี๋ยวก็อยากออกไปสังสรรค์ปาร์ตี้ แต่เดี๋ยวก็อยากโรแมนติกตามลำพังกับคนรัก จนคนที่อยู่ใกล้ๆ ทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว

สุขภาพ  :  ต้องระวังเรื่องการดื่มและการรับประทาน เพราะวันนี้คุณจะสนุกกับการปาร์ตี้ กับการเสาะหาของอร่อยๆ รับประทาน นอกจากน้ำหนักจะขึ้นแล้ว หากเป็นโรคหัวใจอยู่ ระวังจะกำเริบ รวมถึงไขมันอุดตันในเส้นเลือดด้วย

 

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน :   คุณมีความเป็นศิลปินอยู่ในตัว ยิ่งหากได้ทำงานหรือธุรกิจทางด้านศิลปะ ความคิดสร้างสรรค์ ความสวยความงาม ความบันเทิงเริงรมย์ ด้วยแล้ว คุณจะไปได้ไกล ได้รับโอกาสดี มีผู้ให้ความช่วยเหลือ  ดูเหมือนจะราบรื่นดี แต่ก็ยังมีความเป็นไปได้ว่า จะได้ร่วมงานกับผู้ที่มีความคิดเห็นขัดแย้งกับคุณทุกอย่าง ที่น่ากลัวคือ คุณไม่สามารถเก็บอารมณ์ได้ จึงมีโอกาสเหวี่ยงวีนได้ง่าย

การเงิน :  คุณสนุกสนานร่าเริงกับการไปปาร์ตี้ ร้องเพลง คาราโอเกะ จึงทำให้สถานการณ์การเงินไม่แน่นอน ขึ้นๆ ลงๆ คงต้องหยุดเที่ยวบ้างแล้ว

ความรัก :  วันนี้หากคุณสนุกสนานกับความบันเทิงนอกบ้านมาแล้ว ก็คงต้องเผื่อใจไว้หน่อยว่า เมื่อก้าวเข้าบ้านแล้ว คุณมีโอกาสได้พบกับความขัดแย้งเต็มไปหมด คนโสด  มีโอกาสที่คุณจะได้พบกับแฟนเก่าในงานรวมรุ่น หรืองานสังสรรค์ ถามว่าจะได้กลับมาคบกันอีกไหม เปอร์เซ็นต์ต่ำมาก เพราะขัดแย้งกันตั้งแต่เจอกันแล้ว

สุขภาพ :  ควรควบคุมการรับประทานอาหารและการดื่มให้พอดีๆ  เพราะวันนี้คุณจะเอ็นจอยกับงานสังสรรค์ ปาร์ตี้ จึงมีความเสี่ยงที่น้ำหนักจะขึ้น รวมถึงเบาหวาน ความดัน ไขมัน จะตามมาด้วย

 

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน :  นอกจากคุณจะมีปฏิภาณ ไหวพริบ สามารถพลิกแพลงกลยุทธทำงานได้หลากหลายแล้ว ยังมีความคิดและจินตนาการล้ำเลิศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณทำงานทางด้านบันเทิงเริงรมย์ทุกประเภท งานศิลปะ ฯลฯ  วันนี้คุณจะได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนจากผู้ใหญ่ เพื่อนร่วมงาน และผู้บังคับบัญชาก็เอ็นดูคุณเป็นพิเศษ ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะเกิดดราม่าขึ้นได้ มีโอกาสถูกผู้ไม่หวังดีอิจฉาริษยา

การเงิน :  คุณมีโอกาสที่ทำงานหาเงินได้เยอะ มีโชคลาภแบบฟลุ๊คๆ ปังๆ แต่ก็ไม่สามารถเก็บเงินกับตัวได้ตลอดรอดฝั่ง วันนี้มีโอกาสที่คุณจะได้ช่วยเหลือญาติสนิทมิตรสหาย ทั้งด้วยความเต็มใจ และไม่เต็มใจก็ตาม

ความรัก :  มีความเป็นไปได้ว่าคุณจะเอาแต่ใจ เรียกร้องความสนใจจากคู่มากกว่าปกติ จนผู้ใหญ่ต้องเข้ามาให้คำปรึกษาและแนะนำ  คนโสด   มีโอกาสที่คนรักเก่าจะติดต่อกลับมา โดยผ่านมาทางผู้ใหญ่เสียด้วยสิ

สุขภาพ :  เดินดีๆ ระวังหกล้ม ลื่นปรื๊ดตกจากขั้นบันได ขอบฟุตบาท หรือข้อเท้าพลิก ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อ กระดูก และเส้นเอ็น โดยเฉพาะบริเวณหลังและขา

 

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี

การงาน  :  สำหรับผู้ที่ทำงานหรือธุรกิจที่ไม่แสวงหาผลกำไร เช่น งานสาธารณกุศล สาธารณประโยชน์ มูลนิธิ จิตอาสา นักสังคมสงเคราะห์ ฯลฯ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านงานประดิษฐ์ ค้นคว้า วิจัย ฯลฯ มีโอกาสที่คุณจะได้สร้างสรรค์งานที่เป็นประโยชน์ เพื่อมวลชน เพื่อมวลมนุษย์ชาติ แต่เพราะวันนี้คุณมีไอเดียเป็นของตัวเองมากจนยากที่จะร่วมงานกับผู้อื่นได้อย่างราบรื่น ทางที่ดีจึงควรออกมาทำในนามของตัวเอง แล้วจะตรงกับวัตถุประสงค์มากที่สุด

การเงิน  : ก็ยังใจดี ใจกว้างและใจบุญ และยิ่งจะมากขึ้นด้วย ซึ่งวันนี้จะในสเกลใหญ่ขึ้น คือทำงานเพื่อมวลชนเลยทีเดียว

ความรัก :  ชีวิตคู่ของคุณราบเรียบและราบรื่นมาตลอด  แต่หากวันนี้คุณลดความเชื่อมั่นในตัวเองลงบ้างก็จะยังคงราบเรียบต่อไป  คนโสด  มีความเป็นไปได้ว่า คุณจะได้ออกงานสังคม พบปะพูดคุยกับมวลชน ซึ่งเป็นสิ่งที่สร้างความสุขให้กับคุณ

สุขภาพ :  ออฟฟิศซินโดรมมาเยือนคุณตั้งแต่ต้นสัปดาห์เลยทีเดียว มีความเป็นไปได้ว่า จะมีอาการปวดหลัง ปวดแขน คอ บ่า ไหล่ เพราะนั่งทำงานอยู่ในท่าเดิมนานๆ ดังนั้น จึงควรลุกขึ้นเปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ  หรือเหยียดยืดผ่อนคลายกล้ามเนื้อบ้าง

 

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน : ก็ยังติดอยู่ในบรรยากาศการทำงาน เพื่อนร่วมงาน และเจ้านายที่กดดันให้คุณรู้สึกอึดอัดและร้อนรุ่มจนอยากจะลาออกให้รู้แล้วรู้รอดไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ทำงานหรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ การเงินการธนาคาร ระบบรักษาพยาบาล ฯลฯ แม้คุณจะไม่ชอบเปลี่ยนงานบ่อยๆ แต่วันนี้จะมีเซอร์ไพร์สให้คุณถึงกับนั่งไม่ติดที่ ครั้นจะไปต่อก็ไปไม่ได้ จนต้องรีบหาทางออกให้กับตัวเองอย่างรีบด่วนที่สุด จนมีความเสี่ยงที่จะแก้ปัญหาผิดพลาด

การเงิน :  ก็ยังสะดุดอยู่ ยิ่งมีความเสี่ยงที่จะตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพอีกด้วย ดังนั้น วันนี้จึงไม่ควรหลงเชื่อคำพูดที่มีหลักการและเหตุผลที่จะมาชักชวนคุณให้ทำธุรกิจหรือธุรกรรมต่างๆ

ความรัก :  มีปัญหาหึงหวงที่ยังเคลียร์กันไม่ลงตัว แม้วันนี้คุณจะพยายามทำตัวชิลแล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่สามารถหลุดจากปัญหานั้นได้ ทุกเส้นทางดูตีบตันไปหมด คนโสด มีความเป็นไปได้ว่าจากความชิล ขี้เล่น ความเป็นกันเองกับทุกๆ คนจะทำให้คนรักเข้าใจคุณผิดหรือเข้าใจถูกก็ได้นะ แต่วันนี้คุณไม่แคร์ สามารถเริ่มต้นใหม่ได้ตลอด

สุขภาพ : ควรระวังโรคที่เกี่ยวกับช่วงขาและข้อต่างๆ เช่น เก๊า และอัมพฤกษ์ หรือเส้นเอ็นฉีกขาด ตึงยืด ทำให้กล้ามเนื้อขาผิดปกติได้

 

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน :  สำหรับผู้ที่ทำงานหรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับความบันเทิง โฆษณา ประชาสัมพันธ์ สื่อมวลชน รวมถึงสินค้าและบริการที่เกี่ยวกับน้ำ มีโอกาสที่คุณจะได้ร่วมงานหรือร่วมหุ้นกับเพื่อนสนิท (ผู้หญิง) วันนี้มีความเป็นไปได้ที่จะได้พบช่องทางทำมาหากินใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านงานเขียน งานค้นคว้าวิจัย งานทดลองที่ตรากตรำทำมานาน ผลงานจะประสบความสำเร็จ  สร้างชื่อเสียงให้คุณอย่างงดงาม แต่ก่อนจะรับปากหรือเซ็นสัญญาทำงานกับใคร ควรพิจารณาให้ดีว่าจะทำได้ตามนั้นไหม เพราะไม่เช่นนั้นคุณมีโอกาสที่จะเสียชื่อและเสียเครดิตได้

การเงิน :  คุณชอบใช้เงินซื้อความสุขให้ตัวเองอย่างหรูหราฟุ่มเฟือย วันนี้ควรเก็บเงินไว้บ้าง เพราะมีโอกาสที่คุณจะต้องออกเงินทำงานก่อน

ความรัก :  เน้นความสัมพันธ์ระหว่างญาติผู้หญิงในครอบครัว ซึ่งเธอค่อนข้างจะมีความเป็นส่วนตัวสูง วันนี้หากเป็นไปได้ก็ไม่ต้องไปยุ่งกับพวกเธอมาก ห่วงๆ อยู่ห่างๆ ดีกว่า คนโสด  วันนี้มีความเป็นไปได้ว่าเพื่อนสนิทผู้หญิงของคุณ เธอต้องการพื้นที่ส่วนตัวมาก กระทั่งคุณก็ไม่สามารถล่วงล้ำเข้าไปในอาณาเขตของเธอได้

สุขภาพ :  มีความเสี่ยงที่คุณจะเป็นไข้หวัด ปอดบวม โรคเลือดจาง หากเป็นความดันอยู่แล้วก็ระวังจะกำเริบ รวมทั้งโรคน้ำในหูด้วย

 

 

ราคาโหดแต่ใช้คุ้ม! นาฬิกา Rolex ‘ซารา ทินดอลล์’ พระนัดดาควีนเอลิซาเบธ

นับว่าเป็นไอเท็มชิ้นโปรดที่ใช้มานาน สำหรับ นาฬิกา Rolex ‘ซารา ทินดอลล์’ ธิดาองค์เล็กของเจ้าหญิงแอนน์ พระราชกุมารี ซึ่งเคยรับหน้าที่เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับ Rolex อย่างเป็นทางการมาแล้ว

ถ้าพูดถึงสมาชิกราชวงศ์อังกฤษผู้มีความสามารถทางด้านกีฬา ซารา ทินดอลล์ ธิดาองค์เล็กของเจ้าหญิงแอนน์ พระราชกุมารี ก็คือหนึ่งในนั้น เพราะเธอเป็นนักกีฬาขี่ม้าโอลิมปิกที่โดดเด่นและถูกจับมองในขณะนั้น หากย้อนกลับไปในอาชีพนักกีฬาขี่ม้าของซารา เธอได้เป็นตัวแทนประเทศในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกปี 2012 และได้รับการโหวตให้เป็น BBC Sports Personality แห่งปีในปี 2006 ทั้งยังดำรงตำแหน่ง Rolex Testimonee ซึ่งเข้ามาเป็นผู้สนับสนุนกีฬาขี่ม้าที่ซาราลงแข่งขันอีกด้วย

นาฬิกา Rolex 'ซารา ทินดอลล์' พระนัดดาควีนเอลิซาเบธ

นาฬิกา Rolex 'ซารา ทินดอลล์' พระนัดดาควีนเอลิซาเบธ

โดย Rolex ยังเป็นนาฬิกาแบรนด์เดียวที่ซาราใช้และโปรดปราน จนเรียกว่าเป็นแฟนพันธุ์แท้ของ Rolex ก็ว่าได้ ก่อนที่จะมาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์อย่างเป็นทางการในปี 2001 เมื่ออายุได้ 20 ปี

จนกระทั่งทุกวันนี้ นาฬิกาแบรนด์โปรดของซาราก็ยังคงเป็น Rolex โดยเรือนที่เธอใส่บ่อยที่สุดไม่ว่าจะทำกิจกรรมชิลๆ สายลุย หรือออกงานที่ต้องแต่งตัวสวยงาม Rolex Oyster Perpetual Yacht-Master 40 ก็ยังถูกประดับอยู่บนข้อมือของซาราเสมอ แม้ว่าราคาจะแรง แต่ใช้คุ้มค่ามายาวนานหลายปีเลยทีเดียว

ราคาโหดแต่ใช้คุ้ม! นาฬิกา Rolex ‘ซารา ทินดอลล์’ พระนัดดาควีนเอลิซาเบธ

นาฬิกา Rolex 'ซารา ทินดอลล์' พระนัดดาควีนเอลิซาเบธ

นาฬิกา Rolex 'ซารา ทินดอลล์'

นาฬิกา Rolex 'ซารา ทินดอลล์'

โดยนาฬิการุ่น Oyster Perpetual Yacht-Master 40 ทำจากเอเวอร์โรสโกลด์ 18 กะรัต พร้อมสายนาฬิกา Oysterflex ราคา 936,000 บาท นาฬิการุ่นนี้มาพร้อมกับหน้าปัดสีดำเข้มและขอบหน้าปัดแสดงเวลา 60 นาทีหมุนได้สองทิศทาง พร้อมขอบ Cerachrom เซรามิกสีดำด้าน รวมถึงตัวเลขและเครื่องหมายแบบยกสูงที่ขัดเงา คุณสมบัติการกันน้ำและความทนทาน ทำให้นาฬิการุ่นนี้กลายเป็นเรือนเวลาอันสมบูรณ์แบบที่เหมาะสำหรับกีฬาทางน้ำและการแล่นเรือโดยเฉพาะ

นาฬิกา Rolex 'ซารา ทินดอลล์'


ภาพ : revolutionwatch.com

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

แฟชั่นแม่ลูก ควีนเลตีเซียและเจ้าหญิงโซเฟีย กับฉลองพระองค์สีชมพูสดใส

สวยแรงแพงทะลุเมฆ! กระเป๋า Hermes ‘จอร์จิน่า โรดริเกซ’ ภรรยาโรนัลโด้

สดใส เรียบง่าย ‘ดัชเชสเคท’ พบปะ ‘จิล ไบเดน’ สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งแห่งอเมริกา

 

น้องผัก พัคชินฮเย

เส้นทางดาวของ น้องผัก พัคชินฮเย กับ คุณพ่อคนขับแท็กซี่ ส่งลูกสาวถึงฝั่งฝัน

Alternative Textaccount_circle
น้องผัก พัคชินฮเย
น้องผัก พัคชินฮเย

ปัจจุบันหากพูดถึงชื่อของนางเอกเกาหลีใต้ น้องผัก พัคชินฮเย (Park Shin Hye) สาวกซีรีส์เกาหลีคงไม่มีใครไม่รู้จักอย่างแน่นอน เนื่องจากเป็นหนึ่งในนักแสดงฝีมือดีที่หาตัวจับยากมากๆ โดยเธอมีผลงานสร้างชื่อเพียบไม่ว่าจะเป็น You’re Beautiful ,  The Heirs, Pinocchio, Doctors ฯลฯ รวมถึงผลงานภาพยนตร์ Miracle in Cell No. 7 ที่ทำแฟนคลับเสียน้ำตากันเป็นลิตร จนได้ขึ้นแท่นควีนออฟดราม่าของวงการ

แต่กว่าที่นักแสดงสาวอย่าง พัคชินฮเย จะประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ มันไม่ง่ายเลย เธอต้องพิสูจน์ตัวเองในหลายด้านให้คนอื่นได้เห็น และอย่างที่ทุกคนรู้ เธอเข้าวงการบันเทิงมาตั้งแต่อายุ 13 ปี แน่นอนว่านอกจากตัวเธอเองแล้ว คนที่เป็นแรงผลักดันสำคัญของเธอก็คือครอบครัว โดยเฉพาะคุณพ่อที่สนับสนุนความฝันของเธอมาตลอดนั่นเอง

เส้นทางดาวของ น้องผัก พัคชินฮเย กับ คุณพ่อคนขับแท็กซี่ ส่งลูกสาวถึงฝั่งฝัน

Park Shin Hye

พัคชินเย เกิดที่เมืองควังจู ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 1990 โดยเธอเคยเปิดเผยในรายการวาไรตี้ Knowing Brother ว่าเดิมทีฐานะทางการเงินของครอบครัวไม่ได้ดีนัก ชินเยยังได้เล่าให้ฟังอีกว่า อันที่เธอมีความฝันที่จะเป็นตำรวจมากกว่าการเป็นดารา เนื่องจากประสบการณ์ในอดีต ในตอนเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 คุณแม่ของเธอถูกโจรปล้นเอาเงินของครอบครัวไป ซึ่งคุณแม่เก็บสะสมไว้ประมาณ 2 หมื่นกว่าบาท นั่นจึงทำให้เธออยากเป็นตำรวจเพื่อที่จะปกป้องครอบครัว

Park Shin Hye

แต่เหตุการณ์ที่ทำให้เธอเปลี่ยนใจจนและทำให้เธอได้ก้าวเข้ามาในวงการบันเทิงก็คือ การที่ค่าย Dream Factory Club มาเปิดออดิชั่นมิวสิวิดีโอของนักร้องที่ชื่อ อีซึงวาน ครูทุกคนของเธอเป็นแฟนคลับของเขา คุณครูจึงส่งรูปของเธอไป เธอผ่านการออดิชั่นรอบแรกและได้เข้าร่วมการประเมินที่กรุงโซล แม้สุดท้ายแล้วเธอจะไม่ผ่านการออดิชั่นร่วมแสดงในมิวสิวิดีโอนั้น แต่ดาราสาวกลับได้กลับโอกาสสำคัญเมื่อค่ายได้ถามเธอว่าอยากจะลองแสดงไหม และนั่นทำให้เธอได้กลายเป็นเด็กฝีกในค่าย Dream Factory Club

พัคชินฮเย

การเป็นนักแสดงไม่ใช่เรื่องที่เด็กสาวตัดสินใจเพียงคนเดียว เธอจึงได้ปรึกษาครอบครัว และตัดสินใจย้ายจากกวางจูเข้ามาอยู่ที่โซลทั้งครอบครัว ชินฮเยเล่าว่าคุณพ่อของเธอเท่มาก พ่อยอมทิ้งทุกอย่าง เพื่อที่จะสนับสนุนเธอ โดยคุณพ่อได้ลาออกจากงานมาขับรถแท็กซี่ ขายประกัน และทำอาชีพอีกหลายอย่างมาก เพื่อให้ครอบครัวได้ใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ เธอกล่าวว่า “พ่อแม่ของฉันต้องทนทุกมากๆ”

พ่อ พัคชินฮเย

ในปี 2003 ชินเย ได้แสดงในซีรีส์เรื่อง Stairway to Heaven รับบทเป็น ฮันจุงซู นางเอกในเวอร์ชันเด็ก แม้จะเป็นผลงานแรกแต่การแสดงที่เป็นธรรมชาติของเธอกลับทำให้ผู้ชมประทับใจมาก จนคว้างรางวัลนักแสดงเด็กยอดเยี่ยมจากเวที SBS DRAMA AWARD มาได้ ครอบครัวของเธอดีใจกับเธอมากๆ เลยทีเดียว

ชินฮเย ได้แสดงในซีรีส์เรื่อง Stairway to Heaven

แต่ว่าในทางกลับกันหากในครั้งนั้นเธอไม่ประสบความสำเร็จมันอาจจะเป็นหายนะของครอบครัวก็ได้ ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้นางเอกสาวพูดไว้ได้ดีว่า “นั่นคือสิ่งที่ฉันขอบคุณพ่อกับแม่ของฉันมากๆ  ตอนที่ฉันร้องไห้บอกว่ามันเหนื่อยเกินไป พวกท่านบอกว่าเราไม่เคยสั่งสอนให้ลูกทำแบบนี้ ลูกเป็นคนเลือกเอง ดังนั้นถ้าลูกไม่อยากทำเราทุกคนต้องกลับควังจูได้ พอฟังแบบนี้แล้วมันทำให้เธออยากที่จะพยายามให้มากขึ้น”

แม้พัคชินฮเยจะเริ่มงานในวงการมาตั้งแต่เด็ก แต่รายได้ก็ไม่ได้มากมายนั่นทำให้เธอต้องเก็บเงินนานถึง 10 ปี กว่าที่จะเปิดร้านอาหารให้กับคุณพ่อและคุณแม่ได้ โดยหากเธอว่างจากการทำงานเธอก็มักจะไปช่วยเสิร์ฟอาหารและล้างจานอยู่เสมอ

อย่างไรก็ตามไม่ว่าเธอจะงานชุกแค่ไหน แต่ก็ยังหาเวลาเพื่อให้ความสำคัญครอบครัวอยู่เสมอ ไม่แปลกเลยที่ชาวเกาหลียกตำแหน่งลูกสาวกตัญญูให้กับเธอคนนี้

ในงานแฟนมีตติ้งนางเอกสาวได้เล่าว่าเธอได้พาคุณพ่อไปตกปลา แต่สุดท้ายกลับต้องมาปิ้งหมูย่างกิน

http://webbanki.ru


ภาพจาก : MOJO.S.PHINE

ข้อมูลจาก : VIU, lujuba

สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

ขึ้นแท่นมหาเศรษฐี หวงจื่อเทา อดีต EXO พ่อเสียชีวิตทิ้งมรดกให้ 9 หมื่นล้านบาท

IU (ไอยู) จากเด็กน้อยที่กินมันต้ม อยู่ห้องแมลงสาบ สู่สุดยอดผู้ใจบุญแห่งเกาหลี

ความจริงอันน่าชื่นชม “โจอินซอง” ซุ่มบริจาคเงินให้ศูนย์การแพทย์มานาน 10 ปี

ค็อกคาทู

กระตั้วที่รัก “ค็อกคาทู” สีชมพูหวานของ นิชาภา เรืองพงศธร

account_circle
ค็อกคาทู
ค็อกคาทู

คุณแพรคือสาวแซ่บที่ขึ้นชื่อว่ารักสัตว์ตัวจริง บ้านเธอมีตั้งแต่สุนัข นก เต่ายักษ์ นางอายแคระ ไปจนถึงม้าแคระ แต่ที่เธอเอ็นดูเป็นพิเศษคือ “กระตั้ว” หรือ “ค็อกคาทู” (Cockatoo) สีชมพูหวาน

กระตั้วที่รัก “ค็อกคาทู” สีชมพูหวานของ นิชาภา เรืองพงศธร

“คุณพ่อกับแพรชอบสัตว์มาแต่ไหนแต่ไรค่ะ ติดที่คุณแม่ไม่ยอมให้เลี้ยง เพราะเชื่อว่าจะเป็นพาหะนำเชื้อโรคมาให้  กระทั่งแพรอายุได้สักสิบกว่าขวบ ไปเจอกระตั้วที่ห้างของเพื่อนคุณพ่อ ตอนนั้นเขายังเด็ก แพรเห็นแล้วชอบมาก ไปทีไรก็ต้องขอแวะเล่นกับเขาตลอด

สุดท้ายเพื่อนคุณพ่อจึงยกให้ โดยเราสองคนพ่อลูกอาศัยช่วงที่คุณแม่เดินทาง ไม่อยู่บ้านนานๆ สร้างกรงนกให้เรียบร้อย พอคุณแม่กลับมาเห็นก็ต้องยอมรับแบบมัดมือชก (หัวเราะ)

“โชคดีว่ากระตั้วมาตอนที่โตแล้ว จึงเลี้ยงง่าย ไม่ต้องประคบประหงม อีกอย่างเขาอยู่ในกรงนอกบ้าน จึงไม่รกหูรกตาคุณแม่ ประกอบกับกระตั้วขี้อ้อน แล้วเราสอนให้เรียกคุณแม่กับแพรว่า ‘แม่จ๋า’ คือเขาพอเลียนเสียงได้ แต่ไม่ถึงขั้นพูดเจื้อยแจ้วแบบนกแก้ว พอเขาเรียก ‘แม่จ๋า’บ่อยๆ คุณแม่ก็ใจอ่อน กระทั่งรับหน้าที่คอยซื้ออาหารให้ เวลากระตั้วเรียก  คุณแม่จะถามว่า ‘ว่าไงตั้ว เสียงดังแบบนี้จะเอาอะไร’

ตอนนี้บ้านเรามีนกทั้งหมด 5 ตัว นอกจากกระตั้วก็มีค็อกคาทูสีขาว นกแก้วมาคอว์2 ตัว และอีกตัวที่แพรจำพันธุ์ไม่ได้แล้ว ก็ตั้งเรียงกันไป 5 กรงเป็นเพื่อนบ้านกันแต่แพรยอมรับว่าลำเอียงกับกระตั้วมากหน่อย เพราะโตมากับเขา (ยิ้ม)

“แพรว่าเลี้ยงนกไม่ยากค่ะ โดยเฉพาะกระตั้วยิ่งง่ายเราทำกรงให้เขาค่อนข้างใหญ่และสูง ประมาณ 2×2 เมตร เขาจึงอยู่ได้ไม่อึดอัด มีชิงช้าให้เขาแกว่งเล่นข้างใน แต่ข้อเสียของนกค็อกคาทูคือเสียงจะดังและออกจะประหลาดหน่อยค่ะ แล้วเขาก็ไม่ชอบอยู่ในห้องแอร์ ต้องอยู่ในที่อุ่นอย่างกรงนอกบ้านนี่โอเคเลย ถ้าพาเข้าบ้านต้องปิดแอร์ หรือถ้าเปิดแอร์ก็ต้องอุ่นๆหน่อย ส่วนเรื่องความสะอาดเขาจะจิกทำความสะอาดขนของเขาเอง ถ้าเลอะหน่อยเราก็ใช้ทิชชูเปียกเช็ดให้บ้าง เขาไม่ค่อยชอบน้ำ เราจึงไม่ได้อาบบ่อย กลัวเขาไม่สบาย เพราะข้อเสียของนกเท่าที่แพรรู้คือ ถ้าป่วยแล้ว ต่อให้หาหมอ โอกาสหายจะยากมาก ส่วนใหญ่ตายค่ะ จึงต้องป้องกันไว้ก่อน”

ถ้าใครได้เห็นกระตั้วก็ต้องสะดุดตากับสีสันที่สวยงามแปลกตา “ปกติค็อกคาทูที่เราเห็นบ่อย ๆ จะมีขนสีขาวและขนหลังหัวสีเหลือง แต่กระตั้วเป็นค็อกคาทูสายพันธุ์โมร็อกกัน จึงมีขนสีชมพูลิ้นจี่ และมีขนหลังหัวเป็นริ้วๆ สีชมพูช็อกกิ้งพิ้งค์ แต่ตอนนี้ขนเพิ่งขึ้นมาใหม่ ริ้วจึงยังไม่ค่อยสวยและเห็นไม่ชัดเท่าไร นิสัยส่วนตัวเขาเหมือนหมาเลยค่ะ คือเชื่องมาก ขี้อ้อน ชอบเรียกร้องความสนใจ และการแสดงจัดเต็ม อย่างถ้าแพรขับรถเข้าบ้านมา เขาจะเรียก

‘แม่จ๋าๆ’นำมาเลย หรือถ้าเขาเห็นแพรเล่นกับหมา เขาจะหมุนไปหมุนมา ตีลังกาม้วนตัว 360 องศา แล้วเห่าเลียนแบบ
เสียงหมาไปด้วย (หัวเราะ) คือเรียกร้องความสนใจทุกทาง หรือบางวันเขาอารมณ์ดีก็จะเต้นแล้วร้องเพลงเป็นเมโลดี้
ของเขาไปด้วย ถามว่าเพราะไหม…บอกเลยว่าไม่ (หัวเราะ) แต่เข้าใจว่าเขาคงเลียนแบบเสียงเพลงที่เคยได้ยิน

“ส่วนความเชื่องของเขาคือ นกทุกตัวในบ้านแพรไม่ได้ตัดปีก แต่เขาไม่เคยบินหนีไปไหน มีบางวันที่คนในบ้านแพรลืมล็อกกุญแจกรง แล้วกระตั้วแงะเปิดประตูออกมาเองได้ แต่ก็ไม่ไปไหน แค่เกาะอยู่นอกกรง แล้วถ้าแพรเรียกปุ๊บ เขาจะเดินมาหา แล้วค่อยๆไต่ขึ้นมาที่ขา แขน จนถึงไหล่ ไม่ก็หัว ทุกวันนี้แพรจึงสามารถพาเขาเข้ามาอยู่ในบ้านตอนกลางวันได้ โดยเรามีขอนไม้วางไว้ให้ ถ้าเขาอยากอยู่กับเรา จะเดินมาป้วนเปี้ยนใกล้ๆ ถ้าเขาอยากเป็นส่วนตัวก็จะบินไปเกาะที่ขอนไม้ แต่สมัยพาเข้าบ้านใหม่ๆเขายังไม่รู้จักหน้าต่างที่เป็นกระจกใส ๆ คงคิดว่าบินทะลุออกไปข้างนอกได้ ปรากฏว่าเขาบินไปกระแทกกระจกดังปัง! แล้วก็รูดตกลงมาเหมือนในการ์ตูนเลย แพรทั้งสงสาร ทั้งขำ ได้แต่ถามว่า ‘ตั้ว…ไหวไหมลูก’

นอกจากความเชื่องแล้ว วีรกรรมความอ้อนของกระตั้วเรียกได้ว่าไม่แพ้ใคร “เขาชอบมาซุกไซ้  บางทีก็มาจุ๊บ แต่จุ๊บแล้วชอบดึงปากเราไปด้วย ซึ่งปากเขาคมและ แข็งแรงมาก  ต้องบอกว่าเจ็บ  เขาจึงจะปล่อย  แล้วเขาก็ชอบให้ลูบค่ะ  จะลูบหัวลูบคางไปจนถึงหางเลยก็ยังได้ จะเคลิ้มพึงพอใจ

“แล้วถ้าครั้งไหนเราโวยวายใส่หรือดุ เขาจะสะบัดก้นเดินหนี งอน วิธีง้อคือต้องมีขนมหรือผลไม้แล้วเรียก เขาถึงจะยอมเดินมาหา แพรสปอยล์เขามากที่สุดก็เรื่องอาหารนี่แหละ ปกติเขากินอาหารนกที่เป็นเม็ดทานตะวัน แต่อาหารคนก็กินได้ คือเห็นเรากินอะไรอยู่ก็จะเดินเอาหน้ามาซุก นี่คือการขอ แพรอดไม่ได้ก็จะแบ่งให้ ทั้งขนมปัง เค้ก เพรตเซลพิซซ่า ยันไข่เจียว อันนี้ของโปรดกระตั้วเลย (หัวเราะ) แต่ก็พยายามไม่ให้เยอะนะคะ กลัวเขาป่วย ที่แปลกคือถ้าให้ผลไม้ที่สามารถปอกเปลือกได้ เช่น องุ่น แอ๊ปเปิ้ล เขาจะใช้เท้ากดไว้และใช้จะงอยปากจิกปอกเปลือกออกเองเลยค่ะ แพรกินยังไม่เคยปอกเปลือกเลย แต่เขาปอกหมด เป็นคุณนายมาก

“แพรว่าตั้งแต่มีกระตั้วมา เขาเปลี่ยนความคิดของแพรที่เคยมีเกี่ยวกับนกไปหมดเลย เดิมแพรคิดว่านกคงได้แค่อยู่ในกรงสวยๆ เล่นด้วยไม่ได้ แต่กระตั้วต่างจากนกตัวอื่นๆมาก คือเหมือนหมาเลย ทั้งซุก ทั้งไซ้ ทั้งเต้น แถมรับแขกอีกต่างหาก ใครมาเขาจะส่งเสียงร้องทักและไม่เคยจิกใคร ถ้าไม่คุ้นเขาจะมองห่างๆ แต่ถ้าคุ้นกับใครแล้วเขาจะเดินเข้าไปหา  เป็นตัวรับแขกของบ้านเลย เลี้ยงง่าย นิสัยน่ารัก “แพรจึงรักเขามาก”


ที่มา : นิตยสารแพรว 975

10 ชุดแต่งงานประจำชาติ AEC สวยงามอลังการ ทุกชุด ทุกสไตล์

account_circle

วันนี้ แพรวเวดดิ้ง ขอพาไปเที่ยวชม ชุดแต่งงานประจำชาติ ของประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงแถบ AEC กันสักหน่อย และที่สำคัญคือ เจ้าสาวในแต่ละประเทศยังคงนิยมใส่ชุดแต่งงานแบบท้องถิ่นกันอยู่จนปัจจุบัน ถึงแม้ว่าจะมีแฟชั่นชุดเจ้าสาวสีขาวสไตล์ตะวันตกเข้ามาเป็นหนึ่งในตัวเลือก แต่เราก็ยังสามารถได้ชมชุดสวยๆ ที่สืบต่อกันมาของแต่ละชนชาติ เหมือนไทยเราที่ยังนิยมห่มสไบนุ่งผ้ากันอยู่นั่นเอง

ชุดแต่งงานประจำชาติ AEC เจ้าสาวประเทศเพื่อนบ้าน งดงามคงเอกลักษณ์ท้องถิ่น สวยทุดชุด ไม่มีใครยอมใคร

1.ประเทศเมียนมาร์

1               ชุดแต่งงานตามประเพณีของสาวชาวเมียนมาร์มีความงดงามตามแบบฉบับเจ้านายฝ่ายหญิงในราชสำนัก เจ้าสาวจะสวมเสื้อชิ้นในหรือเกาะอกเรียกว่า “ไถ่มะเตงอีงจี่” และมีเสื้อทับบางๆ สวมทับอีกชั้นหนึ่ง ส่วนผ้าซิ่นจะเป็นซิ่นไหมเรียกว่า “โจจีเจ้ะ”  ซึ่งทั้งชุดจะมีลวดลายและสีเดียวกัน สีที่นิยมมากที่สุดได้แก่ สีชมพูอ่อนและสีเหลืองอ่อน ความพิเศษของชุดนี้อยู่ตรงที่ผ้าคลุมไหล่ลูกไม้ที่เรียกว่า “ปะหว่า” ซึ่งจะใช้คลุมจากไหล่ปล่อยชายยาวไปถึงปลายเท้า

2.ประเทศอินโดนีเซีย

2                “เคบาย่า” นอกจากจะเป็นชุดประจำชาติของประเทศอินโดนีเซียแล้วยังเป็นชุดแต่งงานประจำชาติอีกด้วยค่ะ ตัวชุดเป็นเสื้อแขนยาวผ่าหน้ากลัดกระดุม ปักลายและตกแต่งด้วยผ้าลูกไม้ กระโปรงผ้าตัดเย็บจากผ้าถุงบาติก หากเจ้าสาวเป็นคนมุสลิมจะสวมผ้าคลุมหน้าซึ่งคนมุสลิมเรียกว่า ฮิญาบค่ะ

3.ประเทศลาว  

ชุดแต่งงานประจำชาติ AEC               ชุดเจ้าสาวตามประเพณีของประเทศลาว หญิงสาวจะนุ่งผ้าซิ่น สวมเสื้อแขนกระบอกและห่มสไบทับอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งผ้าซิ่นและสไบนั้นจะทอมาจากผ้าไหมปักดิ้นสีทองอย่างดีทำให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว จุดเด่นของเจ้าสาวชาวลาวจะอยู่ที่ทรงผมค่ะ ทรงผมจะเกล้าเป็นมวยยกสูงประดับด้วยสร้อยแบบโบราณ

4.ประเทศบรูไน

ชุดแต่งงานประจำชาติ AEC                “บาจูกรุง” เป็นชื่อเรียกชุดแต่งงานของเจ้าสาวชาวบรูไนซึ่งประกอบไปด้วย เสื้อแขนยาวและกระโปรงที่ทำจากผ้าลูกไม้ฉลุ ส่วนศีรษะคลุมด้วยผ้าคลุมฮิญาบตามหลักศาสนาอิสลาม นอกจากนี้สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ สวมเครื่องประดับเต็มยศ ชุดแต่งงานของเจ้าสาวชาวบรูไนนั้นมีความเรียบร้อยและมิดชิด แต่ยังคงความสวยงามและมีเอกลักษณ์มากๆ หรูหราและเลอค่าสุดๆ ค่ะ

5.ประเทศเวียดนาม

ชุดแต่งงานประจำชาติ AEC               ประเทศเวียดนามนั้นมีวัฒนธรรมคล้ายคลึงกับประเทศจีนค่ะ ชุดแต่งงานของสาวชาวเวียดนามจึงมีลักษณะคล้ายกับกี่เพ้าของประเทศจีน ชุดแต่งงานของเวียดนามเรียกว่า “ชุดอ่าวหญ่าย” ทำจากผ้าไหมอย่างดีและมีสีสันสวยงาม สีที่นิยมคือสีแดง เพราะเป็นสีแห่งความรัก ความรุ่งเรืองและโชคดี เพิ่มความมีเสน่ห์และน่าค้นหายิ่งขึ้นโดยการใส่หมวกผ้าแบบโบราณ ตามแบบฉบับของเจ้าสาวเวียดนามเลยค่ะ

6.ประเทศมาเลเซีย

ชุดแต่งงานประจำชาติ AEC               เจ้าสาวชาวมาเลเซียที่มีเชื่อสายมลายูจะสวมชุดแต่งงานที่เรียกว่า “บาจู มลายู” ส่วนฝ่ายชายจะเรียกว่า “บาจู กุรุง” ชุดแต่งงานของมาเลเซียจะคล้ายกับของบรูไนค่ะ แต่ต่างกันในเรื่องของสีสันและเนื้อผ้า ทางมาเลเซียจะมีความเรียบง่ายและสีสันไม่ฉูดฉาดมากเท่ากับชุดเจ้าสาวชาวบรูไน

7.ประเทศกัมพูชา
ชุดแต่งงานประจำชาติ AEC
ชุดเจ้าสาวชาวกัมพูชาจะนุ่งผ้าจีบหน้านาง ห่มสไบทับอีกชั้น สวมเครื่องประดับแบบครบชุด ดูไปดูมาสวยงามคล้ายกับชุดไทยจักรพรรดิของไทยเรา อาจมีความแตกต่างบ้างเล็กน้อย คือ ส่วนใหญ่แล้วความยาวผ้านุ่งของเจ้าสาวชาวกัมพูชาจะอยู่ระดับตาตุ่มหรือเหนือกว่าตาตุ่มสักเล็กน้อย ซึ่งสั้นกว่าผ้านุ่งของชุดไทย และมักจะใส่เครื่องประดับทองชิ้นใหญ่ หลายชิ้น บางครั้งก็ใส่กำไลข้อเท้าเพิ่มอีกด้วย

8.ประเทศฟิลิปปินส์

ชุดแต่งงานประจำชาติ AEC               ประเทศฟิลิปปินส์ ประเทศที่คนส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์ พิธีแต่งงานจึงจัดในโบสถ์ค่ะ เจ้าสาวนิยมใส่ชุดแต่งงานตามแบบคนตะวันตก ส่วนของผู้ชายจะนุ่งกางเกงและสวมเสื้อที่มีลักษณะคอตั้ง แขนยาวปักลาย ตัดเย็บมาจากใยสับปะรด เสื้อแบบนี้เรียกว่า “บารอง ตากาล็อก”

9.ประเทศสิงคโปร์

ชุดแต่งงานประจำชาติ AEC               ประเทศที่มีวัฒนธรรมหลากหลายอย่างประเทศสิงคโปร์นั้น มีการผสมผสานของคนหลายเชื้อชาติแต่ส่วนใหญ่นั้นจะมีเชื้อสายจีนและมาเลเซียมากที่สุด ชุดเจ้าสาวในขณะที่ทำพิธีแบบดั้งเดิม เช่น พิธียกน้ำชา จึงมีทั้งแบบที่เป็นชุดกี่เพ้าและชุดบาจู มลายู แบบทางมาเลเซีย ส่วนงานเลี้ยงตอนเย็นอาจปรับเป็นชุดแบบตะวันตกก็ได้ค่ะ

10.ประเทศไทย

10ชุดแต่งงานประจำชาติ AEC               เดินทางมาถึงประเทศสุดท้ายแล้วนั่นคือประเทศไทยนั่นเอง กว่าสาวๆจะเลือกชุดแต่งงานได้ก็เล่นเอาเหงื่อตกเลยทีเดียวค่ะ เพราะชุดเจ้าสาวตามประเพณีไทยนั้นมีหลากหลายรูปแบบให้เลือกกันตาลาย ทั้งชุดไทยจักรพรรดิ ประกอบด้วยผ้าซิ่นไหมยกดิ้นทอง ห่มด้วยสไบ ตกแต่งด้วยเครื่องประดับอย่างสวยงามหรือจะเป็นชุดไทยจักรี เสื้อตัวในไม่มีแขน ไม่มีคอ ห่มด้วยสไบนุ่งทับด้วยผ้าซิ่นยกไหมสีทอง  อีกหนึ่งชุดไทยที่ใส่ตอนพระราชทางน้ำสังข์หรือตอนรดน้ำสังข์คือชุดไทยบรมพิมาน เสื้อเข้ารูปแขนกระบอก นุ่งผ้าซิ่นไหมยกดิ้นทองตัดแบบหน้านางมีชายพก ทั้งสามชุดที่กล่าวมาได้รับความนิยมเป็นอย่างมากตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันค่ะ

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก : www.shwedarling.com, rano360.com , s-media-cache-ak0.pinimg.com , www.claytonladuerotary.org , www.weddingku.com, www.theweddingscoop.com, www.pinterest.com

อิงฟ้า นาฑี

เปิดภาพงานแต่ง “อิงฟ้า ทายาทแกรมมี่” & “นาฑี Getsunova” เรียบง่ายที่เขาใหญ่

Alternative Textaccount_circle
อิงฟ้า นาฑี
อิงฟ้า นาฑี

หลังจากที่ทำเซอร์ไพร้ส์ขอแต่งงานกันไปเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ท่ามกลางบรรยากาศสุดโรแมนติกของ Amangiri Resort กลางทะเลทรายในรัฐยูทาห์ สหรัฐอเมริกา ล่าสุดคู่รักคนดังแห่งวงการเพลงอย่าง “นาฑี โอสถานุเคราะห์” มือกีตาร์วง Getsunova และ “อิงฟ้า ดำรงชัยธรรม” ทายาทแกรมมี่ ก็ถือฤกษ์ดีวันนี้ (22 พฤศจิกายน 2564) จูงมือกันเข้าสู่ประตูวิวาห์เรียบร้อยแล้ว ซึ่งงานแต่งของทั้งคู่จัดขึ้นแบบเป็นส่วนตัวและเรียบง่ายท่ามกลางธรรมชาติที่เขาใหญ่ โดยมีเพียงครอบครัวและเพื่อนสนิทเข้าร่วมงานเท่านั้น

เปิดภาพงานแต่ง “อิงฟ้า ทายาทแกรมมี่” & “นาฑี Getsunova” เรียบง่ายที่เขาใหญ่

NEW ULTHERA SPT

NEW ULTHERA SPT คืออะไร?

NEW ULTHERA SPT
NEW ULTHERA SPT

พญ.ชลิตา สิรเมธี (หมอมะเหมี่ยว) อธิบายถึง  New Ulthera SPT หรือบางคนจะเรียกว่า New  Ultherapy SPT ว่า เป็นพลังงานคลื่นเสียงในรูปแบบ High Intensity Focused Ultrasound ที่เป็นเทคโนโลยีพิเศษคือ MFU-V : Microfocused Ultrasound with Visualization ที่ทุกการยิงพลังงานเราจะเห็นพลังงานที่ยิงลงไปในชั้นผิวที่ต้องการรักษาได้อย่างแม่นยำ ซึ่งในปัจจุบันจัดเป็น Gold standard non-surgical facial lifting นั่นเอง ใช้ในการยกหน้าและกระชับผิวโดยที่เห็นผลลัพธ์ชัดเจนที่ FDA รองรับ

NEW ULTHERA SPT

การทำงาน NEW ULTHERA SPT

คือ เครื่องจะทำงานด้วยการส่งพลังงานคลื่นเสียงที่จำเพาะเจาะจง ลงไปสู่ผิวหนังในชั้นที่ลึกสุด ( Selective delivery of acoustic energy ) ให้เกิดการกระตุ้นการสร้าง Collagen ที่ผิวชั้น SMAS (ชั้นเดียวกับการผ่าตัดดึงหน้า) เกิดการหดตัว ผิวบริเวณที่ทำการรักษากลับมายกกระชับขึ้น มีความเป็นธรรมชาติและแน่นอนกว่าวิธีอื่น ๆ มีความปลอดภัย 100% เพราะไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด ไม่ต้องใช้เข็มสอดแบบการร้อยไหม ทำให้โอกาสแพ้มีน้อย หลังทำเสร็จก็ไม่ต้องพักฟื้น สามารถเดินทางกลับบ้านและทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ

NEW ULTHERA SPT

สิ่งที่ทำให้ผลลัพธ์ NEW ULTHERA SPT ออกมาดีและอยู่ได้นาน

แน่นอนว่าการเลือกเครื่องมือยกกระชับใบหน้า New Ulthera SPT ที่ผ่านมาตรฐาน USFDA เป็นเครื่องที่ดีแน่นอน แต่อีก 2 ปัจจัยที่ทำให้ผลลัพธ์ออกมาดีและอยู่ได้นานคือ

 

  1. ปัจจัยความเชี่ยวชาญของแพทย์ผู้ใช้เครื่อง New Ulthera SPT

-การวิเคราะห์ปัญหาใบหน้าที่เหมาะสมกับปัญหาของคนไข้ เหมาะกับผู้ที่มีความหย่อนคล้อยดังนี้ หนังตาตก แก้มหย่อนคล้อยไม่กระชับ เหนียงลำคอเหี่ยวย่น และเนินอกที่มีความหย่อนคล้อย ซึ่งปัญหาทั้ง 4 ปัญหานี้มีงานวิจัยรับรองระดับ USFDA ว่าโปรแกรมNew Ulthera SPT สามารถรักษาปัญหาดังกล่าวได้จริงและเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนค่ะ

-จำนวน Line ที่ใช้ในการรักษาไม่น้อยจนเกินไป การใช้จำนวนLineให้เหมาะสมกับปัญหาเป็นสิ่งสำคัญมาก ซึ่งแน่นอนว่าอายุที่มากขึ้น ปัญหาความหย่อนคล้อยต่างๆย่อมมากขึ้นไปด้วย เพราะจำนวน Line เริ่มต้นที่ควรจะใช้ในการรักษาจะสามารถคาดคะเนคร่าวๆได้ดังนี้ อายุ 30 ปีแนะนำเริ่นต้นที่ 300-400 lineขึ้นไป อายุ 40 ปีแนะนำเริ่มต้นที่ 400-500 lineขึ้นไป อายุ50ปีแนะนำเริ่มต้นที่ 500-600 lineขึ้นไป แต่อย่างไรก็ตามแนะนำปรึกษาคุณหมอก่อนเสมอเพื่อตรวจร่างกายและแนะนำจำนวนlineที่เหมาะสมจริงๆก่อนการรักษาค่ะ

-ทิศทางการยิงพลังงานให้เหมาะกับปัญหาความหย่อนคล้อยที่แตกต่างกัน ความหย่อนคล้อยของแต่ละคนแน่นอนความรุนแรงไม่เท่ากันและแตกต่างกัน การออกแบบทิศทางการยิงและจำนวนlineที่ใช้แต่ละบริเวณเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ผลลัพธ์ชัดเจนและอยู่ได้นานมากยิ่งขึ้น

NEW ULTHERA SPT

  1. ปัจจัยคนไข้ผู้รับบริการ

การทำ New Ulthera SPT คือการกระตุ้นให้เกิดการสร้างCollagen ใหม่ในชั้นผิวและชั้นผังผืดหน้า(SMAS) เพราะฉะนั้นการปฏิบัติตัวของคนไข้ที่ทำให้การสร้างCollagenได้ดี ย่อมทำให้ผลลัพธ์หลังทำ New Ulthera SPT ออกมาดีมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

 

-การรับประทานอาหารในจำพวกโปรตีนให้เพียงพอให้การใช้ชีวิตประจำวัน 1.0-1.2 กรัม/น้ำหนักตัว(กิโลกรัม)/วัน ซึ่งโปรตีนเป็นสารตั้งต้นในการสร้างCollagen การได้รับโปรตีนทีเพียงพอ จะทำให้ผลลัพธ์ออกมาดีมากขึ้นค่ะ

 

-การหลีกเลี่ยงแสงแดดในชีวิตประจำวัน

แสงแดดเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผิวและCollagenในชั้นผิวเกิดการสลายตัวได้เร็วมากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นการหลีกเลี่ยงแสงแดดแรงๆ หรือการทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอจะช่วยทำให้ผลลัพธ์หลังทำ New Ulthera SPT ดีมากยิ่งขึ้นค่ะ

 

-หลีกเลี่ยงสูบบุหรี่จัดและการดื่มสุราจัด

บุหรี่และสุราเป็นสารอนุมูลอิสระ ซึ่งจะทำให้ร่างกายมีการเร่งสลายCollagenได้เร็วกว่าปกติ และทำให้เซลล์แก่อีกด้วย เพราะฉะนั้นการลดปริมาณการดื่มสุราและการสูบบุหรี่ จะทำให้ผลลัพธ์หลังทำ New Ulthera SPT ดีมากยิ่งขึ้นและทำให้สุขภาพแข็งแรงมากขึ้นด้วยค่ะ

 

-การพักผ่อนที่เพียงพอและถูกเวลา

ร่างกายมีนาฬิกา การนอนที่เหมาะสม 6-8 ชั่วโมง/วัน และถูกเวลา โดยเฉพาะช่วงเที่ยงคืนถึงตีสอง เราควรจะนอนหลับ จะทำให้ฮอโมนในร่างกายสมดุลมากยิ่งขึ้นและยังทำให้การซ่อมแซมร่างกาย การสร้างคอลลาเจนใหม่ดีมากยิ่งขึ้นค่ะ

 

ติดต่อสอบถาม

โทร : 088-1319189

LineOA : @Chalitaclinic

Line : https://bit.ly/2RjHnWD

Fb : https://m.facebook.com/chalitaclinic.ubon/

Website : www.chalitaclinic.com

แผนที่ : https://goo.gl/maps/j8sa8gd3pfVeHdNn8

 

#อัลเทอร่าอุบล #อัลเทอร่า #Newultheraspt #ชลิตาคลินิก #chalitaclinic #อุบล #หมอมะเหมี่ยว

NEW ULTHERA SPT

NEW ULTHERA SPT คืออะไร?

NEW ULTHERA SPT
NEW ULTHERA SPT

พญ.ชลิตา สิรเมธี (หมอมะเหมี่ยว) อธิบายถึง  New Ulthera SPT หรือบางคนจะเรียกว่า New  Ultherapy SPT ว่า เป็นพลังงานคลื่นเสียงในรูปแบบ High Intensity Focused Ultrasound ที่เป็นเทคโนโลยีพิเศษคือ MFU-V : Microfocused Ultrasound with Visualization ที่ทุกการยิงพลังงานเราจะเห็นพลังงานที่ยิงลงไปในชั้นผิวที่ต้องการรักษาได้อย่างแม่นยำ ซึ่งในปัจจุบันจัดเป็น Gold standard non-surgical facial lifting นั่นเอง ใช้ในการยกหน้าและกระชับผิวโดยที่เห็นผลลัพธ์ชัดเจนที่ FDA รองรับ

NEW ULTHERA SPT

การทำงาน NEW ULTHERA SPT

คือ เครื่องจะทำงานด้วยการส่งพลังงานคลื่นเสียงที่จำเพาะเจาะจง ลงไปสู่ผิวหนังในชั้นที่ลึกสุด ( Selective delivery of acoustic energy ) ให้เกิดการกระตุ้นการสร้าง Collagen ที่ผิวชั้น SMAS (ชั้นเดียวกับการผ่าตัดดึงหน้า) เกิดการหดตัว ผิวบริเวณที่ทำการรักษากลับมายกกระชับขึ้น มีความเป็นธรรมชาติและแน่นอนกว่าวิธีอื่น ๆ มีความปลอดภัย 100% เพราะไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด ไม่ต้องใช้เข็มสอดแบบการร้อยไหม ทำให้โอกาสแพ้มีน้อย หลังทำเสร็จก็ไม่ต้องพักฟื้น สามารถเดินทางกลับบ้านและทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ

NEW ULTHERA SPT

สิ่งที่ทำให้ผลลัพธ์ NEW ULTHERA SPT ออกมาดีและอยู่ได้นาน

แน่นอนว่าการเลือกเครื่องมือยกกระชับใบหน้า New Ulthera SPT ที่ผ่านมาตรฐาน USFDA เป็นเครื่องที่ดีแน่นอน แต่อีก 2 ปัจจัยที่ทำให้ผลลัพธ์ออกมาดีและอยู่ได้นานคือ

 

  1. ปัจจัยความเชี่ยวชาญของแพทย์ผู้ใช้เครื่อง New Ulthera SPT

-การวิเคราะห์ปัญหาใบหน้าที่เหมาะสมกับปัญหาของคนไข้ เหมาะกับผู้ที่มีความหย่อนคล้อยดังนี้ หนังตาตก แก้มหย่อนคล้อยไม่กระชับ เหนียงลำคอเหี่ยวย่น และเนินอกที่มีความหย่อนคล้อย ซึ่งปัญหาทั้ง 4 ปัญหานี้มีงานวิจัยรับรองระดับ USFDA ว่าโปรแกรมNew Ulthera SPT สามารถรักษาปัญหาดังกล่าวได้จริงและเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนค่ะ

-จำนวน Line ที่ใช้ในการรักษาไม่น้อยจนเกินไป การใช้จำนวนLineให้เหมาะสมกับปัญหาเป็นสิ่งสำคัญมาก ซึ่งแน่นอนว่าอายุที่มากขึ้น ปัญหาความหย่อนคล้อยต่างๆย่อมมากขึ้นไปด้วย เพราะจำนวน Line เริ่มต้นที่ควรจะใช้ในการรักษาจะสามารถคาดคะเนคร่าวๆได้ดังนี้ อายุ 30 ปีแนะนำเริ่นต้นที่ 300-400 lineขึ้นไป อายุ 40 ปีแนะนำเริ่มต้นที่ 400-500 lineขึ้นไป อายุ50ปีแนะนำเริ่มต้นที่ 500-600 lineขึ้นไป แต่อย่างไรก็ตามแนะนำปรึกษาคุณหมอก่อนเสมอเพื่อตรวจร่างกายและแนะนำจำนวนlineที่เหมาะสมจริงๆก่อนการรักษาค่ะ

-ทิศทางการยิงพลังงานให้เหมาะกับปัญหาความหย่อนคล้อยที่แตกต่างกัน ความหย่อนคล้อยของแต่ละคนแน่นอนความรุนแรงไม่เท่ากันและแตกต่างกัน การออกแบบทิศทางการยิงและจำนวนlineที่ใช้แต่ละบริเวณเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ผลลัพธ์ชัดเจนและอยู่ได้นานมากยิ่งขึ้น

NEW ULTHERA SPT

  1. ปัจจัยคนไข้ผู้รับบริการ

การทำ New Ulthera SPT คือการกระตุ้นให้เกิดการสร้างCollagen ใหม่ในชั้นผิวและชั้นผังผืดหน้า(SMAS) เพราะฉะนั้นการปฏิบัติตัวของคนไข้ที่ทำให้การสร้างCollagenได้ดี ย่อมทำให้ผลลัพธ์หลังทำ New Ulthera SPT ออกมาดีมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

 

-การรับประทานอาหารในจำพวกโปรตีนให้เพียงพอให้การใช้ชีวิตประจำวัน 1.0-1.2 กรัม/น้ำหนักตัว(กิโลกรัม)/วัน ซึ่งโปรตีนเป็นสารตั้งต้นในการสร้างCollagen การได้รับโปรตีนทีเพียงพอ จะทำให้ผลลัพธ์ออกมาดีมากขึ้นค่ะ

 

-การหลีกเลี่ยงแสงแดดในชีวิตประจำวัน

แสงแดดเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผิวและCollagenในชั้นผิวเกิดการสลายตัวได้เร็วมากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นการหลีกเลี่ยงแสงแดดแรงๆ หรือการทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอจะช่วยทำให้ผลลัพธ์หลังทำ New Ulthera SPT ดีมากยิ่งขึ้นค่ะ

 

-หลีกเลี่ยงสูบบุหรี่จัดและการดื่มสุราจัด

บุหรี่และสุราเป็นสารอนุมูลอิสระ ซึ่งจะทำให้ร่างกายมีการเร่งสลายCollagenได้เร็วกว่าปกติ และทำให้เซลล์แก่อีกด้วย เพราะฉะนั้นการลดปริมาณการดื่มสุราและการสูบบุหรี่ จะทำให้ผลลัพธ์หลังทำ New Ulthera SPT ดีมากยิ่งขึ้นและทำให้สุขภาพแข็งแรงมากขึ้นด้วยค่ะ

 

-การพักผ่อนที่เพียงพอและถูกเวลา

ร่างกายมีนาฬิกา การนอนที่เหมาะสม 6-8 ชั่วโมง/วัน และถูกเวลา โดยเฉพาะช่วงเที่ยงคืนถึงตีสอง เราควรจะนอนหลับ จะทำให้ฮอโมนในร่างกายสมดุลมากยิ่งขึ้นและยังทำให้การซ่อมแซมร่างกาย การสร้างคอลลาเจนใหม่ดีมากยิ่งขึ้นค่ะ

 

ติดต่อสอบถาม

โทร : 088-1319189

LineOA : @Chalitaclinic

Line : https://bit.ly/2RjHnWD

Fb : https://m.facebook.com/chalitaclinic.ubon/

Website : www.chalitaclinic.com

แผนที่ : https://goo.gl/maps/j8sa8gd3pfVeHdNn8

 

#อัลเทอร่าอุบล #อัลเทอร่า #Newultheraspt #ชลิตาคลินิก #chalitaclinic #อุบล #หมอมะเหมี่ยว

เมืองไทยประกันชีวิต

จัดหนัก! จัดเต็ม! ลูกค้าเมืองไทยประกันชีวิตลุ้นรับรางวัลใหญ่! รวมมูลค่ากว่า 800,000 บาท ด้วย “เสียง” ของคุณ!

เมืองไทยประกันชีวิต
เมืองไทยประกันชีวิต

จัดหนัก! จัดเต็ม! ลูกค้าเมืองไทยประกันชีวิตลุ้นรับรางวัลใหญ่! รวมมูลค่ากว่า 800,000 บาท ด้วย “เสียง” ของคุณ!

เมืองไทยประกันชีวิต ให้คุณลุ้นรางวัลใหญ่ รวมมูลค่ากว่า 800,000 บาท  ด้วย “เสียง” ของคุณ! เพียงลงทะเบียนใช้
“บริการยืนยันตัวตนด้วยเสียง (Voice Biometrics)”  ได้สำเร็จ รับไปเลย 10 สลาก! เพื่อลุ้นรางวัลในแคมเปญ
Big Thanks for YOUR VOICES (ใบอนุญาตเลขที่ 383/2564) รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก https://bit.ly/3cpDL2h

บริการยืนยันตัวตนด้วยเสียง (Voice Biometrics) บริการที่สร้างความมั่นใจให้กับคุณว่าข้อมูลจะได้รับการป้องกันเป็นอย่างดีด้วยนวัตกรรมด้านความปลอดภัยที่ใช้เทคโนโลยีชีวภาพมายืนยันตัวบุคคลด้วย “เสียงพูด” โดยใช้เสียงของคุณปลดล็อกการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว

  • สะดวกขึ้น ลดการตอบคำถามยืนยันตัวบุคคลเมื่อใช้บริการ Call Center 1766
  • รวดเร็วขึ้น ใช้เพียง “เสียง” เป็น “รหัสปลดล็อก” เข้าถึงข้อมูลส่วนตัว
  • ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ด้วยนวัตกรรมใหม่ด้านการบริการ

ลงทะเบียนใช้บริการยืนยันตัวตนด้วยเสียง (Voice Biometrics) ได้ง่ายๆ ที่

  1. Video Call ผ่าน MTL Click Application (ทุกวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 08.30 – 17.00 น.)
  2. โทร. 1766 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
  3. ศูนย์บริการลูกค้าเมืองไทยประกันชีวิตทั่วประเทศ (ในวันและเวลาทำการ)

หมายเหตุ: กระบวนการให้บริการและเงื่อนไขต่างๆ เป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

เกรซ-ปิยธิดา บำรุงรักษ์ THE NA THAILAND Exclusive talk

เปิดมุมมอง “เกรซ-ปิยธิดา บำรุงรักษ์” นักธุรกิจหญิงเก่ง CEO แห่ง The Na Thailand

เกรซ-ปิยธิดา บำรุงรักษ์ THE NA THAILAND Exclusive talk
เกรซ-ปิยธิดา บำรุงรักษ์ THE NA THAILAND Exclusive talk

“เกรซ-ปิยธิดา บำรุงรักษ์” เธอคือ CEO หญิงเก่งแห่ง The Na Thailand แบรนด์ผลิตภัณฑ์ความงามและสุขภาพอันดับต้นๆ ของเมืองไทย ที่เติบโตแบบฉุดไม่อยู่พร้อมกับการพัฒนาที่ไม่หยุดยั้ง และการยึดมั่นในความซื่อสัตย์ต่อลูกค้า ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของทุกผลิตภัณฑ์จาก The Na Thailand

เกรซ-ปิยธิดา บำรุงรักษ์ THE NA THAILAND Exclusive talk

กว่าจะเป็นนักธุรกิจหญิงเก่ง

“แรงบันดาลใจในการทำธุรกิจของเกรซ อย่างแรกคือด้วยต้นทุนชีวิตที่ต้องดิ้นรน อย่างที่สองคือการเห็นคุณพ่อคุณแม่มีความสุขกับการทำอาชีพค้าขายมาโดยตลอด ซึ่งหากย้อนไปตอนเด็กๆ ที่คุณครูถามถึงความฝัน เกรซก็จะตอบทันทีว่า ‘หนูอยากเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จค่ะ’ เพราะภาพของคุณพ่อคุณแม่ที่ทำงานหาเลี้ยงเราด้วยอาชีพค้าขาย การได้เห็นรอยยิ้มของลูกค้า การได้เห็นความสุขของคุณพ่อคุณแม่จากการทำอาชีพนี้ เป็นภาพแรกที่เกรซนึกถึงเสมอ

“เกรซมีโอกาสได้เริ่มทำธุรกิจแบบจริงจังตอนอายุ 18 ปี เพราะฐานะทางบ้านไม่ค่อยดี บวกกับเป็นช่วงที่ครอบครัวประสบปัญหาด้านการเงิน เกรซจึงอยากแบ่งเบาภาระที่บ้าน เลยตัดสินใจขายของมือสองแบบแบกับดิน โดยเริ่มจากการขายเสื้อผ้าของตัวเอง เพราะใช้เงินทุนต่ำที่สุด พอขายได้เงินมาจำนวนหนึ่ง ก็นำไปต่อยอดด้วยการซื้อของมือสองมาขายเพิ่ม โดยทำความสะอาดและซ่อมแซมให้ดีก่อนขาย เรียกว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตครั้งสำคัญ และเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกรซมีวันนี้”

เกรซ-ปิยธิดา บำรุงรักษ์ THE NA THAILAND Exclusive talk

จุดเริ่มต้นของ The Na Thailand

“The Na Thailand มีจุดเริ่มต้นมาจากการที่เกรซเป็นหนี้ โดยเป็นช่วงที่รับของมาขาย แต่ซัพพลายเออร์ส่งสินค้าไม่ดีมาให้ ทำให้ของขายไม่ออก เกรซพยายามแก้ปัญหาทุกทาง จนสุดท้ายก็สามารถปลดหนี้ได้จากการเปลี่ยนไปขายของบนแพลตฟอร์มออนไลน์ นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ได้เข้าสู่วงการธุรกิจออนไลน์หรือธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ซึ่งเป็นที่คาดการณ์ว่าจะเป็นธุรกิจที่เติบโตอย่างแน่นอน

“ส่วนเหตุผลที่ The Na Thailand เป็นสินค้าความงามและสุขภาพ เพราะเกรซเป็นคนรักสวยรักงาม เป็นคนที่มีความสุขกับการดูแลตัวเอง ดังนั้นจึงคิดว่าถ้าเราจะทำธุรกิจอะไรสักอย่างให้ได้ยาวๆ ก็ต้องทำบนพื้นฐานของความชื่นชอบ ความหลงใหลของตัวเอง บวกกับเกรซมองว่าคนทุกยุคทุกสมัยเป็นเหมือนกันหมด คือต้องการดูแลตัวเองให้ดีที่สุด กลัวแก่ กลัวเจ็บ กลัวตาย ดังนั้นสินค้าความงามและสุขภาพจึงเป็นคำตอบที่ใช่ที่สุด

“สำหรับชื่อ The Na Thailand มาจากคำว่า Naivety ที่แปลว่าความซื่อตรง เกรซจึงตั้งมั่นเอาไว้ว่าจะซื่อสัตย์ต่อลูกค้าทั้งต่อหน้าและลับหลัง เพราะ The Na Thailand เติบโตได้เพราะลูกค้า รวมถึงใครก็ตามที่ร่วมงานกับเรา ก็ต้องยึดมั่นในความซื่อสัตย์ต่อลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญอันดับหนึ่ง”

เกรซ-ปิยธิดา บำรุงรักษ์ THE NA THAILAND Exclusive talk

เข้าเส้นชัยแบบเกินฝัน

“ความสำเร็จของ The Na Thailand แม้ว่าจะมีช่วงที่ขึ้นๆ ลงๆ อยู่บ้าง แต่เกรซขอใช้คำว่า ‘เกินคาด’ ซึ่งไม่ได้หมายถึงแค่เรื่องยอดขาย แต่รวมถึงเรื่องผลตอบรับด้วย ยกตัวอย่างความสำเร็จของสินค้าตัวแรก  Multivitamin Plus ซึ่งเป็นอาหารเสริมเพิ่มน้ำหนัก ที่วันนี้ไปเล่าให้ใครฟัง ทุกคนก็จะสงสัยว่ามีผลิตภัณฑ์แบบนี้จริงๆ เหรอ แต่เกรซสามารถพลิกประวัติศาสตร์สร้างยอดขายในปีแรกได้ถึง 250,000 กระปุก ซึ่งความสำเร็จนี้ถือเป็นกุญแจสำคัญของ The Na Thailand ที่ตอกย้ำว่าเราเติบโตได้เพราะลูกค้า ทุกความต้องการและความคิดเห็นของลูกค้าเป็นไอเดียสำคัญในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ของเรา อีกทั้งเกรซยังใช้หลักการสวมหมวก 2 ใบอยู่เสมอ คือเป็นทั้งผู้ประกอบการและลูกค้า เพื่อคิดต่อว่าเราจะสามารถทำอะไรให้ตอบโจทย์ลูกค้าได้บ้าง

“ส่วนผลิตภัณฑ์ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลย ณ ตอนนี้คือ Probalance Jelly นวัตกรรมโปรไบโอติกรูปแบบเจลลี่ นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นเจ้าแรกในประเทศไทย ที่ช่วยเสริมสร้างจุลินทรีย์ดีในลำไส้ และปรับระบบขับถ่ายให้สม่ำเสมอ รสชาติอร่อยทานง่ายมากๆ ชนิดที่ไม่มีใครเคยทำได้มาก่อน โดยคัดจุลินทรีย์สายพันธุ์คุณภาพและเป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่เป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดในระบบทางเดินอาหาร และเป็นสินค้าที่ได้รับรางวัลระดับโลกอีกด้วย

“อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ Multivit Soy Isolate ที่ได้รับรางวัล Korea Consumer Index No.1 2020 รางวัลอันดับ 1 สินค้านวัตกรรมเพื่อสุขภาพในกลุ่ม “สินค้าโปรตีน” จากประเทศเกาหลี ด้วยคะแนนโหวตจากผู้บริโภค ผลสำรวจจาก Sportsseoul เป็นโปรตีนสกัดจากถั่วเหลืองน้ำสีฟ้าที่รสชาติแปลกไม่เหมือนใคร เพื่อให้สารอาหารครบถ้วน แคลอรี่ต่ำ ทานง่าย รสชาติอร่อยไม่เหมือนใครช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ เพิ่มการเผาพลาญ ตามคอนเซ็ปต์แบรนด์ “ความดูดีที่วัดได้”

เกรซ-ปิยธิดา บำรุงรักษ์ THE NA THAILAND Exclusive talk

แนวคิดสู่ความสำเร็จ

“ในการทำธุรกิจ สิ่งที่หลายคนกลัวคือปัญหา และไม่อยากให้มันเกิดขึ้น แต่เกรซอยากแนะนำให้ลองเปลี่ยนความคิดเป็นมองว่าปัญหาคือความสุข เป็นความสุขที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่เราแก้ไขปัญหานั้นได้ แม้การเผชิญหน้ากับปัญหาอาจจะทำให้เรารู้สึกดำดิ่ง แต่ก็จะมีจุดหนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกดีใจที่สามารถผ่านมาได้ และหากลองคิดกลับกัน ถ้าเราผลักปัญหาออกไป เราก็จะไม่มีวันได้พบกับความสุข

“อีกอย่างคือเกรซคิดว่าในการเป็นผู้ประกอบการ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจอะไรก็ตาม เราควรทำตัวเป็นน้องใหม่ที่มีความสดใหม่อยู่เสมอ เพราะในโลกธุรกิจยังมีอะไรให้เรียนรู้อีกเยอะ อย่าเพิ่งภูมิใจในความสำเร็จของตัวเองมากจนเกินไป อย่าคิดว่าฉันรู้แล้ว ฉันเก่งแล้ว ฉันมั่นใจ เพราะถ้าเราคิดแบบนั้น มันอาจจะทำให้เราหยุดพัฒนาตัวเอง

“แน่นอนว่าเบื้องหน้าของคนที่ประสบความสำเร็จเป็นภาพที่สวยงาม แต่เบื้องหลังเขาผ่านอะไรมาบ้าง ไม่มีใครรู้ เขาอาจจะผ่านทั้งการอดหลับอดนอน ความเจ็บปวด ดังนั้นสิ่งที่เกรซอยากฝากเอาไว้คือการมีความอดทน และความมีวินัย ไม่มีใครที่ทำวันนี้ แล้วจะสำเร็จได้ในวันพรุ่งนี้ ทุกความสำเร็จที่เราเห็นมาจากการฝึกฝน ความอดทน และความมีวินัย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการทุกคนควรมี”

keyboard_arrow_up