จองโซมิน

บิวตี้ทิปส์สไตล์ “จองโซมิน” นางเอกหน้าหวานจากซีรีส์ Alchemy of Souls

Alternative Textaccount_circle
จองโซมิน
จองโซมิน

ซีรีส์มาใหม่กระแสแรงอย่าง “Alchemy of Souls (เล่นแร่แปรวิญญาณ)” ทำเอาแฟนสายเกาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าสนุกจนต้องจดจ่อรอตอนต่อไปกันแล้ว สำหรับนางเอก จองโซมิน (Jung So-Min) เรื่องนี้ออร่าความสวยเปล่งประกายกระแทกตาผู้ชมมากๆ จนต้องหาเคล็ดลับความงามมาเสิร์ฟกันสดๆ ร้อนๆ ไปเลย

โดยในเรื่อง จองโซมิน รับบทเป็น มูด็อกกี / นักซู มือสังหารเงาฝีมือฉกาจที่ฆ่าฟันเหล่าจอมเวทในเมืองหลวง เพื่อรักษาดวงวิญญาณของตนเอง นางได้ใช้เวทมนตร์ในการเปลี่ยนวิญญาณแต่กลับบังเอิญเข้าไปอยู่ในร่างของหญิงตาบอดร่างกายอ่อนแอจากชนบทที่ถูกขายให้กับหอนางโลม เมื่อได้พบกับเหล่าจอมเวทที่สังหารครอบครัวของนางในอดีต นางจึงตั้งใจฟื้นฟูพลังเพื่อแก้แค้น พร้อมกับเป็นอาจารย์ฝึกเวทมนตร์ให้กับพระเอกอย่างนายน้อยจางอุก

จองโซมิน ดูแลผิว 1

บิวตี้ทิปส์สไตล์ “จองโซมิน” นางเอกหน้าหวานจากซีรีส์ Alchemy of Souls

ซึ่งเธอเคยแชร์เคล็ดลับความงามเกี่ยวกับการดูแลผิว และการกินอาหารเพื่อดูแลรูปร่าง ในการถ่ายทอดสดผ่านแอป V ของ Naver ไว้ว่า

เธอบอกว่าการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินเป็นสิ่งสำคัญต่อรูปร่าง “ฉันฝึกไม่กินเค็มจนเป็นนิสัย โดยจะพยายามหลีกเลี่ยงอาหารโซเดียมสูงทุกชนิด เพราะอาหารรสเค็มที่มีเกลือหรือโซเดียเยอะ จะกระตุ้นการผลิตสารโดปามีน ซึ่งเป็นสารเคมีในสมองที่ทำให้เกิดความสุข จนรู้สึกอยากกินอาหารมากขึ้น การที่กินเค็มจึงเสี่ยงต่อการมีน้ำหนักตัวเกินปกติ”

จองโซมิน ดูแลผิว 4

สำหรับเคล็ดลับการดูแลผิวของเธอก็ไม่มีอะไรซับซ้อนมาก หากวันที่จำเป็นต้องแต่งหน้า เมื่อกลับมาบ้านเธอจะใช้คลีนซิ่ง และตามด้วยเคลนเซอร์ทำความสะอาดคราบเมคอัพและสิ่งสกปกรจนเกลี้ยงเกลา และตามด้วยสกินแคร์รูทีนของเธอคือ หมั่นบำรุงเติมน้ำให้ผิวด้วยเซรั่ม และครีมมอยส์เจอไรเซอร์เป็นประจำเช้า-เย็น

จองโซมิน ดูแลผิว 2

ส่วนในตอนเช้าหลังตื่นนอน เธอจะไม่ใช้เคลนเซอร์ แต่ใช้น้ำเปล่าสะอาดล้างหน้าเท่านั้น เพื่อรักษาความชุ่มชื้นของผิว และบำรุงด้วยเซรั่มและมอยส์เจอไรเซอร์ตามทันที เธอบอกว่าวิธีนี้ช่วยให้ผิวอิ่มฟู และเมื่อต้องแต่งหน้าก็จะติดทนและเรียบเนียนขึ้น

และในบางครั้งที่เธอต้องการฟื้นฟูผิวแบบเร่งด่วน ก็จะมาส์กหน้าก่อนเข้านอน และสกินแคร์ที่หลงเหลือในซองมาส์ก เธอจะรีดทุกหยดเทใส่มาส์ก วิธีนี้รับรองเลยว่าผิวเนียนนุ่มเด้งสุดๆ

จองโซมิน ดูแลผิว 7
จองโซมิน ดูแลผิว 3
จองโซมิน ดูแลผิว 5
จองโซมิน ดูแลผิว 6
จองโซมิน ดูแลผิว 8
จองโซมิน ดูแลผิว 9
จองโซมิน ดูแลผิว 10

เป็นไงกันบ้างคะ สำหรับเคล็ดลับการดูแลผิวสวยเนียน และรูปร่างสุดเป๊ะของนักแสดงสาวสวย จองโซมิน (Jung So-Min) ทำตามกันได้ไม่ยากใช่ไหมล่ะคะ


ข้อมูล : kpopherald.koreaherald.com
ภาพ : somin_jj

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Ivisn Cover 02

ไอเท็มมาแรง! ยาสีฟันไอวิศน์ IVISN เริ่ดระดับตำนาน ดูแลช่องปากด้วยพลังธรรมชาติ

Ivisn Cover 02
Ivisn Cover 02

ขึ้นแท่นไอเท็มมาแรงไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับ ยาสีฟันไอวิศน์” (IVISN) ที่กลายเป็นไอเท็มตามหาหนักมากในทวิตเตอร์ หลังจากแฟนๆ ซีรีส์ คืนนับดาว แอบเห็นยาสีฟันไอวิศน์เป็นไอเท็มโปรดของตัวละครในเรื่อง อีกทั้งยังเห็นนางเอกของเรื่อง “ใหม่-ดาวิกา โฮร์เน่” ซึ่งเป็นพรีเซ็นเตอร์ของแบรนด์ด้วย ฉีกยิ้มสวยแบบมั่นใจสุดๆ ทำให้เกิดกระแสอยากลองใช้ยาสีฟันไอวิศน์กันยกใหญ่

วันนี้ แพรว จึงขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับยาสีฟันไอวิศน์แบบเน้นๆ ทั้งสตอรี่ความเป็นมาของแบรนด์ ที่ขอบอกเลยว่าเป็นระดับตำนาน และคุณสมบัติต่างๆ ที่คอนเฟิร์มความเริ่ดได้ พร้อมชี้เป้าพิกัดหาซื้อแบบชัดๆ กันตรงนี้เลยค่ะ

ถ้าเอ่ยถึง “ไอวิศน์” (IVISN) ชื่อนี้อาจยังไม่คุ้นหูคุ้นตานัก แต่หากเอ่ยถึง “วิเศษนิยม” เชื่อว่าหลายคนร้องอ๋อกันอย่างแน่นอน เพราะเขาเป็นยาสีฟันแบรนด์แรกของประเทศไทย ซึ่งก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2464 ถ้านับแล้วก็คือมีอายุกว่า 101 ปีเลยทีเดียว แถมยังเป็นยาสีฟันตำรับสมุนไพรไทยที่อัดแน่นไปด้วยคุณประโยชน์ต่อช่องปากและฟัน ทำให้ขึ้นแท่นไอเท็มคู่บ้านคนไทย ชนิดที่ทุกบ้านต้องมี!

แล้วไอวิศน์เกี่ยวข้องกับวิเศษนิยมอย่างไร คำตอบคือยาสีฟันไอวิศน์เป็นแบรนด์น้องใหม่ไฟแรงที่ต่อยอดมาจากวิเศษนิยม ผลงานที่เกิดจากความตั้งใจของทายาทรุ่นที่ 4 ที่อยากทำให้ยาสีฟันสมุนไพรตอบโจทย์คนรุ่นใหม่มากขึ้น โดยยึดมั่นในคอนเซ็ปต์เดียวกันว่า คุณค่าจากธรรมชาติคือส่วนผสมที่ดีที่สุดในการดูแลสุขภาพช่องปากและฟัน นี่จึงเป็นเหตุผลที่ แพรว บอกว่าไอวิศน์ถือเป็นแบรนด์ระดับตำนานนั่นเอง

มาถึงเรื่องความเริ่ดกันบ้าง “ไอวิศน์” (IVISN) เป็นยาสีฟันสูตรธรรมชาติที่ช่วยดูแลสุขภาพช่องปากและฟันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เอาอยู่ทั้งช่วยป้องกันฟันผุ ช่วยขจัดคราบพลัค ช่วยป้องกันการอักเสบของเหงือก ช่วยลดการสะสมของแบคทีเรีย และช่วยขจัดกลิ่นปาก ซึ่งประโยชน์แน่นๆ ทั้งหมดนี้เกิดจากการคัดสรรส่วนผสมจากธรรมชาติที่ดีที่สุดเอาไว้ โดยผสมผสานภูมิปัญญาจากตำรับแผนไทยเข้ากับนวัตกรรมธรรมชาติจากญี่ปุ่นและเกาหลี รวมถึงใส่ใจเรื่องความปลอดภัยสูงสุด รับรองว่าไม่มีสารเคมีอันตรายใดๆ อย่างแน่นอน ยกตัวอย่างการเลือกใช้ไวท์เทนนิ่ง ไอวิศน์ก็เลือกใช้สารสกัดจากธรรมชาติ ซึ่งปลอดภัยกว่าการใช้สารสังเคราะห์หรือสารฟอกฟันขาวที่อาจทำลายสารเคลือบฟันได้

ความเริ่ดอีกอย่างของยาสีฟันไอวิศน์ คือเขามาพร้อมกับ 2 สูตรเด็ด! น่าใช้ นั่นคือ “นิยมธรรมชาติ” และ “วิเศษบริสุทธิ์” สำหรับยาสีฟันไอวิศน์ สูตรนิยมธรรมชาติ ตัวนี้ช่วยป้องกันฟันผุ พร้อมช่วยป้องกันการอักเสบของเหงือก และช่วยให้ฟันแข็งแรง สะอาด สดชื่น อีกทั้งยังมีไวท์เทนนิ่งแบบอ่อนโยนที่ช่วยให้ฟันขาวอย่างเป็นธรรมชาติ โดยยาสีฟันไอวิศน์สูตรนี้ประกอบด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติ ได้แก่ 1.น้ำไผ่ฮักโกดะจากญี่ปุ่น ที่ช่วยลดการสะสมของแบคทีเรีย และช่วยป้องกันปัญหากลิ่นปาก 2.ทับทิมเกาหลี ซึ่งช่วยลดการอักเสบของเหงือก พร้อมช่วยป้องกันและกำจัดหินปูน คราบพลัค รวมถึงมีคอลลาเจนที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับช่องปาก 3.พิมเสนแท้ ที่ช่วยปกป้องเหงือกและฟันจากอาการเสียวฟัน พร้อมช่วยคืนความสดชื่นให้ช่องปากและลำคอ

ส่วนยาสีฟันไอวิศน์ สูตรวิเศษบริสุทธิ์ ตัวนี้เป็นสูตรเข้มข้นพิเศษ ช่วยปกป้องเหงือกและฟันให้แข็งแรง พร้อมช่วยลดกลิ่นปากได้แบบเริ่ดมาก อีกทั้งยังช่วยให้ฟันขาวสะอาดด้วยไวท์เทนนิ่งสูตรธรรมชาติที่อ่อนโยนต่อช่องปาก โดยนอกจากส่วนผสม 3 ตัวหลัก น้ำไผ่ฮักโกดะจากญี่ปุ่น ทับทิมเกาหลี และพิมเสนแท้ ที่จัดเต็มเอาไว้ ยาสีฟันไอวิศน์สูตรนี้ยังเพิ่ม “มินต์” เข้ามาด้วย เพื่อช่วยให้ลมหายใจหอมสดชื่นยาวนานถึง 8 ชั่วโมง

นอกจากนี้ยาสีฟันไอวิศน์ยังเริ่ดตรงที่เป็นแบรนด์ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เพราะทั้งกล่องและหลอดยาสีฟันของเขาทำมาจากวัสดุ Recycle และสามารถนำไป Recycle ต่อได้ทั้งหมด เรียกว่านอกจากจะดีต่อช่องปากและฟันแบบครบจบและปลอดภัยสุดๆ แล้ว ก็ยังดีต่อโลกด้วยอีก และหากพูดถึงเรื่องความคุ้มค่า ขอบอกเลยว่ายาสีฟันไอวิศน์คือที่สุด เพราะการแปรงฟัน 1 ครั้ง ใช้ยาสีฟันเพียง 1/3 ของแปรงสีฟัน ก็เอาอยู่แล้ว ดังนั้นหลอดเดียวจึงใช้คุ้มแบบยาวๆ ไปเลยค่ะ

ใครที่ชื่นชอบผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติสามารถตามไปหาซื้อยาสีฟันไอวิศน์ทั้ง 2 สูตรมาดูแลสุขภาพช่องปากและฟันกันได้เลยที่ ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต, ฟู้ดแลนด์, กูเม่ท์ มาร์เก็ต, โลตัส, วัตสัน หรือ
ช้อปออนไลน์ง่ายๆ ตามช่องทางดังนี้เลยค่ะ

Tops Online : https://topsonline.co/3zoadg0

Foodland Online : https://bit.ly/3sM0e2B

Gourmet online : https://bit.ly/3HBxo9r

ALL Online : https://bit.ly/31sqnIF

SHOP At 24 : https://bit.ly/34nVVAF

Shopee : https://bit.ly/3FRx06l

Lazada : https://bit.ly/3eS66zy

Watsons : https://watsonsonline.store/qbb0

Lotus’s Shop Online : https://bit.ly/3MP3PUd

Yakiniku Like เปิดสาขาสองในไทยที่ เมกาบางนา จัดหนักโปรฯ พิเศษเริ่ม 29 บาท

Alternative Textaccount_circle

ด้วยกระแสตอบรับอย่างล้นหลามจากชาวไทยผู้ที่ชื่นชอบอาหารปิ้งย่าง “Yakiniku Like” ร้านยากินิกุสไตล์ Fast Casual แห่งแรกจากประเทศญี่ปุ่น เปิดให้บริการสาขาสองแล้ว 23 มิถุนายนนี้ ณ เมกาฟู้ดวอล์ค โซน B เมกาบางนา ชั้น 1 พร้อมจัดหนักโปรโมชันสุดพิเศษฉลองการเปิดตัวสาขาที่ 2 ให้ลูกค้าอิ่มอร่อยไปกับเมนูเซ็ตยอดนิยมในราคาเริ่มต้นเพียง 29 บาท ในวันที่ 23 – 24 มิถุนายนนี้ หรือจนกว่าคูปองจะหมดเท่านั้น!

โดย“Yakiniku Like” เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในการเป็นร้านอาหารปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่นที่นำเสนอรสชาติต้นตำรับอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าที่มาคนเดียวและลูกค้าที่มาเป็นกลุ่ม ด้วยบริการเทคโนโลยีเตาปิ้งย่างไร้ควันสุดล้ำ ภายใต้คอนเซปต์ “อร่อย รวดเร็ว คุ้มค่า” สำหรับสาขาที่ 2 ณ เมกาบางนา สามารถรองรับสาวกปิ้งย่างได้สูงสุดถึง 48 ที่นั่ง พร้อมให้ทุกคนได้สัมผัสประสบการณ์บริการที่รวดเร็ว เสิร์ฟอาหารภายใน 3 นาที อิ่มเอมไปกับซอสสูตรพิเศษเฉพาะ และเนื้อสัตว์คุณภาพเยี่ยมผ่านการคัดสรรอย่างดีในราคาที่คุ้มค่า เสิร์ฟทั้งรูปแบบอาหารจานเดี่ยวและเซ็ตสุดคุ้ม พร้อมข้าว ซุปสาหร่าย และเครื่องเคียงหลากรสอย่างกิมจิหรือสลัด พร้อมด้วยเตาปิ้งย่างไร้ควันสำหรับลูกค้าทุกกลุ่ม

เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการเปิดตัวสาขาสอง “Yakiniku Like” ยังได้เปิดตัวเมนูใหม่ล่าสุดอย่าง“เซ็ตหมูทริโอบูตะ” ประกอบด้วย หมูสามชั้น คอหมู และสันคอ พร้อมให้บริการทั้ง 2 สาขา ในราคาเพียง 289 บาท (150 กรัม) ด้านเมนูซิกเนเจอร์ที่มีความโดดเด่นทั้งรสชาติ และความคุ้มค่าอย่าง เซ็ตหมูคารูบิ (หมูสามชั้น) ในราคาเริ่มต้นเพียง 179 บาท (100 กรัม) เซ็ตเมนูเนื้อฮอตฮิตตลอดกาลอย่างเซ็ต LIKE ที่มีทั้งลิ้นวัว เนื้อซี่โครงไม่มีกระดูก และเนื้อส่วนท้อง ในราคาเริ่มต้นที่ 359 บาท (150 กรัม) เมนูเนื้อคารูบิ (เนื้อส่วนท้อง) จานเดี่ยวในราคาเริ่มต้นเพียง 69 บาท (50 กรัม) ตลอดจนเซ็ตเนื้อไพรม์คารูบิและหมูคุโรบูตะ (เนื้อซี่โครงไม่มีกระดูกและหมูคุโรบุตะ) ในราคาเริ่มต้นที่ 289 บาท (100 กรัม) ไปจนถึงเนื้อวากิว จานเดี่ยว ในราคาเริ่มต้นเพียง 459 บาท (120 กรัม) ควบคู่ไปกับซอสรสชาติเยี่ยมแสนหลากหลายอย่าง ซอสบาร์บีคิวไลค์ออริจินอล ซอสการ์ลิคโชยุ ซอสสไปซี่มิโซะ และซอสซีซอลท์ ก็พร้อมเสิร์ฟให้ลูกค้าเลือกสรรและอิ่มอร่อยกันได้ตามใจชอบ

นอกจากเมนูซิกเนเจอร์มากมายแล้ว “Yakiniku Like” ยังคงเดินหน้าส่งมอบการสั่งอาหารที่ปลอดภัย เรียบง่าย และสะดวกสบายกับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ เพียงแค่สแกน QR Code ผ่านโทรศัพท์มือถือ (B.Y.O.D. – Bring Your Own Device) เพื่อดูเมนูและเลือกอาหารจากอุปกรณ์ของตนเอง โดยลูกค้าสามารถสั่งอาหารได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และไร้สัมผัส อีกทั้งยังเป็นส่วนตัวอีกด้วย

โปรโมชันพิเศษ ฉลองการเปิดสาขาสอง ณ เมกาบางนา

พิเศษสุด! “Yakiniku Like” ฉลองเปิดสาขาสองในประเทศไทย ให้ลูกค้าเพลิดเพลินกับเมนูอาหารยอดนิยมต้นตำรับในราคาเพียง 29 บาท! (จำนวนจำกัด สงวนสิทธิ์สำหรับลูกค้าที่มาก่อน)

  • ในวันที่ 23 มิถุนายน: ลูกค้า 100 ท่านแรกที่มารับประทาน Yakiniku Like สามารถสั่งเซ็ตเนื้อคารูบิ ได้ในราคาเพียง 29 บาท! (200 กรัม) จากราคาปกติ 279 บาท โดยในเซตจะประกอบไปด้วย เนื้อคารูบิ (200 กรัม) ข้าว (200 กรัม) กิมจิ และซุปสาหร่าย (จำกัดจำนวน 1 คนต่อ 1 เซ็ต)
  • ในวันที่ 24 มิถุนายน: ลูกค้า 100 ท่านแรกที่มารับประทาน Yakiniku Like สามารถสั่งเซตหมูคารูบิ ได้ในราคาเพียง 29 บาท! (200 กรัม) จากราคาปกติ 269 บาท โดยในเซตจะประกอบไปด้วย หมูคารูบิ (200 กรัม) ข้าว (200 กรัม) กิมจิ และซุปสาหร่าย (จำกัดจำนวน 1 คนต่อ 1 เซต)

(โดยทางร้านจะแจกคูปองจำนวน 100 ใบให้กับลูกค้าที่มารอรับประทานบริเวณหน้าร้านเท่านั้น สงวนสิทธิ์สำหรับลูกค้าที่มาก่อน)

  • และตั้งแต่วันที่ 25 มิถุนายน –  30 มิถุนายน ฉลองเปิดสาขาที่ 2 ตลอดทั้งสัปดาห์ ลูกค้าสามารถเติมข้าวฟรีได้ไม่อั้น! เมื่อสั่งซื้อชุดอาหารเซ็ตใดก็ได้ (จำกัด 1 สิทธิ์ต่อ 1 เซ็ต)

สามารถติดตามข่าวสารและโปรโมชันได้ที่:  https://www.facebook.com/yakinikulike.th หรือ  https://www.instagram.com/yakinikulike.th

*ราคาดังกล่าวรวมภาษีมูลค่าเพิ่มและค่าบริการแล้ว
*ไม่สามารถใช้ร่วมกับส่วนลด โปรโมชัน หรือสิทธิพิเศษอื่นๆ ได้ เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด


celinesurf

มาแล้ว Surfboard ไฮเอนด์ “CELINE SURF” Limited Item สุดเอ็กซ์ตรีม

account_circle
celinesurf
celinesurf

หากจะพูดถึง Celine แบรนด์แฟชั่นระดับไฮเอนด์จากฝรั่งเศส คงต้องนึกถึงกระเป๋าหนังที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้านความมินิมอลผสมกับความคลาสสิก หรือเครื่องประดับที่หลากหลาย ด้วยดีไซน์แบบเรียบหรู ในคอนเซ็ปต์ “ขับเคลื่อนแบรนด์โดยวัฒนธรรมวัยรุ่น” จากดีไซเนอร์และผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์อย่าง Hedi Slimane

Celinesurf
Celinesurf

มาแล้ว Surfboard ไฮเอนด์ “CELINE SURF” Limited Item สุดเอ็กซ์ตรีม

ย้อนกลับไปปี 2019 ทาง Celine ประกาศแต่งตั้งลิซ่า Blackpink เป็นพรีเซนเตอร์ให้กับแบรนด์ เพื่อสะท้อนภาพลักษณ์ของผู้หญิงที่มีความทันสมัย ผ่านลุคที่เรียบง่าย สไตล์มินิมอล แต่ยังคงความหรูหราคลาสสิกไว้ในเวลาเดียวกัน และเธอนั้นได้เลื่อนขั้นเป็น Global Brand Ambassador ในปีถัดมา ทำให้แบรนด์กลับมาเป็นที่จับตามองมากขึ้น

ล่าสุดในปีนี้ Celine ปล่อยไอเท็ม Limited Edition และเปิดตัวซีรีส์ CELINE SURF เป็นกระดานโต้คลื่นสีขาว พิมพ์โลโก้ CELINE SURF Tattoo ซึ่งเหมาะกับสายสปอร์ตที่ชื่นชอบ Surfboard กีฬาทางน้ำยอดฮิต สุดเอ็กซ์ตรีม โดยในแคมเปญนี้พรีเซนต์ออกมาให้ชม ผ่านดีเจชื่อดังและเป็นนักโต้คลื่นจาก Ebony Beach Club อย่าง Justin Brick Howze ภายใต้แฟชั่น ‘CELINE’s Californian’

Celinesurf
Celinesurf
Celinesurf
Celinesurf

ด้วยสไตล์เรียบง่าย เน้นความคล่องตัว ไม่ได้มีดีไซน์ที่หวือหวามากนัก CELINE SURF จึงถูกออกแบบมาเอาใจนักเซิร์ฟสายแฟชั่นมินิมอลที่แม้จะยังไม่ได้ลองเอาไปเล่น แค่มีไว้ในครอบครองและถือไปแชะภาพคู่ริมหาดแบบเก๋ๆ ก็ดูเท่ได้แล้ว ส่วนราคานั้นยังไม่มีการเปิดเผยออกมาอย่างแน่ชัด…


เรื่อง : iwspk
ข้อมูลและภาพ : hypebeast
, @lord_edwin

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ไวรัสมะเร็งปากมดลูก

“ไวรัสมะเร็งปากมดลูก” เกิดเชื้อนี้ได้อย่างไรในผู้ชาย

Alternative Textaccount_circle
ไวรัสมะเร็งปากมดลูก
ไวรัสมะเร็งปากมดลูก

ไวรัสมะเร็งปากมดลูก เป็นชื่อที่คุ้นหูมาหลายปี เพราะมากกว่า 90%ของมะเร็งปากมดลูก จะตรวจพบไวรัสตัวร้ายนี้เสมอ

ปี 2017 ที่ผ่านมา มีรายงานจากศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย เผยยอดชายรักชาย ที่ติดเชื้อไวรัส HIV หรือไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคเอดส์ โดยมีการตรวจพบเชื้อไวรัสมะเร็งปากมดลูก (HPV) ร่วมด้วยถึง 85% ซึ่งเชื้อ HPV ในเพศชายนี้สามารถก่อให้เกิดมะเร็งในช่องปากและลำคอ มะเร็งองคชาต รวมถึงมะเร็งปากทวารหนัก สายพันธุ์ที่พบเป็นสายพันธุ์ชนิดเดียวกับที่มะเร็งปากมดลูกได้ในผู้หญิงนั่นเอง

เรื่องที่คุณอาจไม่เคยรู้ “ไวรัสมะเร็งปากมดลูก” ในผู้ชาย

ไวรัสมะเร็งปากมดลูก 1

ผู้ชายสามารถรับเชื้อนี้ได้อย่างไร
ไวรัส HPV นั้นมักจะพบจากการมีเพศสัมพันธ์ (ทางปาก ช่องคลอด ทวารหนัก) รวมทั้งการสัมผัสเชื้อโดยตรง ในปัจจุบันไวรัส HPV มีมากกว่า 150 สายพันธุ์ โดยสายพันธุ์ที่ 6 และ 11 เป็นตัวก่อให้เกิดโรคหูดหงอนไก่ ส่วนสายพันธุ์ที่ 16 และ 18 ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง จุดกำเนิดเริ่มต้นของเพศที่แพร่เชื้อนั้น จึงพบได้ทั้งสองเพศ ดังนั้น การรณรงค์ให้หญิงเป็นฝ่ายวิ่งหาวัคซีนป้องกันแต่เพียงเพศเดียวอาจดูไม่ยุติธรรมเท่าใดนัก เพศชายที่มีความเสี่ยง เช่น มีพฤติกรรมรักร่วมเพศ หรือชอบการร่วมเพศทางทวารหนัก จึงควรตรวจหาเชื้อ HPV ในร่างกายเพื่อรีบหาทางรักษาก่อนที่จะเป็นโรคร้าย หรือฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันไม่ให้ได้รับเชื้อ HPV ในอนาคต

ไวรัสมะเร็งปากมดลูก 3

หากผู้ชายอยากตรวจไวรัส HPV
การตรวจ HPV ในเพศชาย สามารถทำได้คล้ายกับผู้หญิง นั่นคือการเก็บเซลล์บริเวณองคชาตหรือปากทวารหนัก เพื่อนำเซลล์ที่สงสัยไปดูการเรียงตัวว่าผิดปกติเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งหรือไม่ และการได้รับวัคซีนตั้งแต่อายุ 9 -26 ปี สามารถป้องกันมะเร็งปากทวารหนักได้ถึง 78% และลดอัตราการแพร่เชื้อไวรัสนี้ได้ 90-100% ในกรณีที่ยังไม่เคยได้รับเชื้อไวรัส HPV มาก่อน หากเคยได้รับเชื้อ HPV บางสายพันธุ์มาแล้ว วัคซีนจะป้องกันได้เฉพาะในสายพันธุ์อื่นๆ ที่มีการรับรองเท่านั้น

ไวรัสมะเร็งปากมดลูก 2

ข้อมูลทางวิชาการเพื่อใช้อ้างอิง

ขอบคุณข้อมูล : พญ. สมรรจน์ ลิ้มมหาคุณ แพทย์ผู้ชำนาญการด้านโรคติดเชื้อ รพ. สมิติเวช สุขุมวิท
ภาพ : Pexels

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Harry stylexGucci

Harry Style x Gucci ดีเอ็นเอแฟชั่นครั้งใหม่ ในสไตล์วินเทจ 70s

account_circle
Harry stylexGucci
Harry stylexGucci

หลังจากการขึ้นแท่น Muse ของแบรนด์ GUCCI และถูกชื่นชมอย่างต่อเนื่อง ตามสไตล์การแต่งตัวและ Total Look ในการออกงานแต่ละครั้งของศิลปินหนุ่มสุดฮ็อตอย่าง Harry style ก็ยังไม่หยุดถ่ายทอดดีเอ็นเอความเป็น Fashionista โดยล่าสุดโคจรกลับมาร่วมงานอีกครั้งกับ Alessandro Michele ดีไซเนอร์และผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ชาวอิตาเลียน แห่ง Gucci พร้อมส่งแคปซูลคอลเล็คชั่น “Gucci HA HA HA” มาให้ยลโฉมส่งท้าย Milan Fashion Week

Harry stylexGucci
Harry stylexGucci

Harry Style x Gucci ดีเอ็นเอแฟชั่นครั้งใหม่ ในสไตล์วินเทจ 70s

สำหรับคอนเซ็ปต์ที่ยังคงความสดใส แฝงไปด้วยความจัดจ้านของความเป็นศิลปิน ยังคงใช้โทนสีที่ตัดกันให้ดูสนุกสนาน อย่างลุคสูทลายตาราง หรือลุคกางเกงขาบานที่ให้กลิ่นอายความเป็นวินเทจยุค 70’s และเพิ่มดีเทลลายต่างๆ อย่างหัวใจ และเชอร์รี่เป็นลูกเล่นบนแพทเทิร์นอีกด้วย

Harry stylexGucci
Harry stylexGucci
Harry stylexGucci
Harry stylexGucci
Harry stylexGucci
Harry stylexGucci
Harry stylexGucci

โดยไอเท็มทั้งหมดนี้ได้แรงบันดาลใจมาจาก ไลฟ์สไตล์ของแฮรรี่ ในโอกาสต่างๆ ไม่ว่าจะขึ้นจากคอนเสิร์ต หรืองานอีเวนท์ ซึ่งเหล่าบรรดาสายแฟชั่น เตรียมพบกับคอลเล็คชั่นพิเศษ Harry Style x Gucci ได้ในเดือนตุลาคมนี้


เรื่อง : iwspk
ข้อมูลและภาพ : hypebeast
, @gucci, @alessandro_michele, @liliana_styles28

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ตื่นพร้อมพระอาทิตย์ขึ้น ความสุขในการตื่นเช้าของ เอ๋-กัญญารัตน์ พลาดิศัย

account_circle

ตอนเช้าคือช่วงเวลาสุดพิเศษของ เอ๋–กัญญารัตน์ พลาดิศัย เซเลบริตี้ที่ตอนนี้ดำรงตำแหน่ง Managing Director ที่Pladisai Property Co., Ltd เธอมีความสุขกับการตื่นเช้าต่อเนื่องมาสิบปีแล้ว จากจุดเริ่มต้นช่วยลูกชาย (จัสติน พลาดิศัย) เตรียมตัว ไปโรงเรียน กระทั่งเมื่อลูกไปเรียนต่อต่างประเทศแล้ว คุณเอ๋ก็ยังติดนิสัยตื่นพร้อมพระอาทิตย์ขึ้น เพื่อดูแลแปลงผักสมุนไพร และทำมื้อเช้าให้ตัวเอง

ตื่นพร้อมพระอาทิตย์ขึ้น ความสุขในการตื่นเช้าของ เอ๋-กัญญารัตน์ พลาดิศัย

ชีวิตเริ่มพร้อมพระอาทิตย์ขึ้น

“เมื่อก่อนเอ๋ไม่ใช่สายตื่นเช้า คิดว่านอนเยอะ พักผ่อนเยอะแล้วจะดี แต่ พอมีลูก เราต้องทำหน้าที่ปลุกเขา เตรียมอาหารเพื่อให้เขาไปโรงเรียนทัน ทำให้ตื่นเช้า อัตโนมัติต่อเนื่อง กระทั่งตอนนี้ลูกไปเรียนต่างประเทศ เอ๋ก็ยังตื่นเช้าอยู่ ไม่ได้รู้สึก ว่าเหนื่อย แต่กลับรู้สึกว่าตื่นเช้าแล้วได้พลังที่ดี ทั้งแดดเช้า ลมเช้า ที่สำคัญคือ มีเวลาส่วนตัวมากขึ้น เพราะฉะนั้นวันที่เอ๋ตัดสินใจซื้อคอนโดใหม่จึงเลือกที่หันหน้า ทางทิศตะวันออก เพราะต้องการแดดเช้า เอ๋เคยซื้อห้องที่อยู่ทางทิศตะวันตก อยู่ ไม่ได้เลยค่ะ โดยเฉพาะเดือนเมษายนที่ร้อนมาก

“สำหรับชีวิตประจำวันเอ๋เข้านอนตั้งแต่สี่ทุ่มครึ่ง โดยเปิดม่านทิ้งไว้ เพื่อที่ เวลาพระอาทิตย์ขึ้นเราจะได้ตื่นประมาณหกโมงเช้าพร้อมกับแสงแดดโดยอัตโนมัติ สามี(คุณฉัตรชัย  พลาดิศัย) ก็ตื่นเช้าเช่นกัน เราทั้งคู่ไม่ต้องตั้งนาฬิกาปลุก หลังจาก ตื่น สิ่งแรกที่ทำตั้งแต่ยังไม่แปรงฟันคือออกไปตัดใบมินต์ที่ปลูกไว้มาใส่ในน้ำร้อน ชงชามินต์ดื่มเพื่อให้ลมหายใจดี ช่วยล้างคราบต่างๆบนลิ้น เอ๋ว่าการดื่มชาช่วยได้ มากในเรื่องของสุขภาพ เห็นได้ชัดจากที่ลูกชายติดโควิดตอนเรียนอยู่อังกฤษ นอกจากการกินยา  ครูยังให้เด็กดื่มชาร้อนเป็นประจำ แม้ไม่ได้ช่วยรักษาโรคโดยตรง แต่ก็ช่วยให้อาการทุเลา”

Good Health Starts From Food 

“เอ๋เริ่มทำอาหารจริงจังช่วงต้นโควิดเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ตอนนั้นลูกยังไม่ได้ กลับไปเรียนที่ต่างประเทศ แล้วเราใช้วิธีสั่งอาหารจากร้านต่างๆทุกมื้อจนลูกเบื่อ เป็นจุดเริ่มต้นที่ต้องทำอาหารเอง เอ๋เริ่มจากจ้างเชฟมาสอนที่บ้านเลย เอ๋กับสามี เป็นสาย Plant-based คือเลี่ยงเนื้อ เน้นพืชผักเป็นหลัก เชฟจึงสอนเมนูแนว สลัด เน้นพืชผักเรียกความสดชื่น เน้นเมนูต้ม นึ่ง เช่น ปลานึ่งหรืออกไก่ ส่วน ลูกชายเป็นสายเนื้อ เป็นแนวเมนูกริลล์ชีสง่ายๆ เรียนไปเรียนมาปรากฏว่าสนุก

“พอเริ่มอินกับการทำอาหารเช้า เราก็อยากมีวัตถุดิบในการทำอาหารที่ปลอดภัย ไร้เคมี เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เอ๋ปลูกพืชผักกินเอง  ด้วยความที่สวนตั้งอยู่ตรง ระเบียงคอนโด มีพื้นที่ไม่มากนัก ก็ต้องดูว่าจะปลูกผักอะไรได้บ้าง โดยเป็นผักที่ เราชอบและเหมาะสมกับพื้นที่ ที่สำคัญคือต้องรับแสงได้ เพราะฉะนั้นก่อนปลูก ต้นอะไร เอ๋ต้องศึกษาหาข้อมูลว่าชอบแดดหรือเปล่า พืชบางชนิดปลูกในบ้านแล้ว ตาย พอเปลี่ยนไปโดนแดดกลับโตขึ้นๆ แต่บางชนิดก็ตรงกันข้าม

“เมื่อก่อนคุณสามีไม่ค่อยอยากให้ปลูกต้นไม้ที่ระเบียง เพราะกลัวดินไปอุดตัน และอยากให้พื้นที่ระเบียงโล่ง แต่เอ๋รู้สึกว่าบ้านขาดความสดชื่น ซึ่งพอเริ่มปลูก ต้นไม้ก็ช่วยเติมเต็มให้บ้านมีชีวิตจริงๆ ทุกวันนี้สามีไม่ว่าแล้วค่ะ

“เอ๋ชอบปลูกพืชสมุนไพรที่มีกลิ่นหอมและปลูกไม่ยากเกินไป เพราะเรายัง เป็นมือใหม่ เช่น มินต์ โรสแมรี่ โอลีฟ กะเพรา  มะนาว นอกจากปลูกพืช เอาไว้กินเองแล้ว ยังปลูกไม้ประดับเพื่อความสวยงาม เช่น ต้นยางอินเดีย นอกจากสวยแล้ว ยังทนแดดทนฝน กุหลาบ โป๊ยเซียน เอ๋ปลูกเองทุกขั้นตอน

ช่วงหลังอินมากถึงขั้นซื้อเครื่องกำจัดขยะมาทำปุ๋ยเอง คือนำเศษอาหารที่กินเหลือ ใส่เครื่อง ผ่านไป 24 ชั่วโมงมันจะกลายสภาพเป็นดินและปุ๋ย เราก็เอามาใส่ต้นไม้ ใส่ผักที่ปลูกไว้ นอกจากจะช่วยต้นไม้แล้ว เราเองยังไม่ต้องรับสารเคมีตกค้าง จากปุ๋ยเคมีด้วย

“สำหรับเวลารดน้ำ พรวนดิน และปลูกต้นไม้ เอ๋เลือกทำช่วงเช้าทั้งหมดค่ะ นอกจากจะไม่ร้อนแล้ว แดดตอนเช้ายังดีด้วย ทำให้เราได้รับวิตามินดีไปในตัว”

สมู้ตตี้…วิถีน้ำหนักลด เติมความสดชื่น

“ปกติเอ๋กินอาหาร 2 มื้อ ตอนเช้าเริ่มประมาณ 8 โมง ส่วนมื้อเที่ยงเป็นช่วง บ่าย เอ๋รู้สึกว่าเราไม่ได้ทำงานที่ใช้พลังงานเยอะ 2 มื้อก็เพียงพอแล้ว มื้อเช้าเอ๋ ชอบอะไรที่ทำให้อิ่มนาน เช่น อะโวคาโด วอฟเฟิล หรือไม่ก็แซนด์วิชง่ายๆ ลูก ก็ชอบเหมือนกัน  ส่วนมื้อเที่ยงเราจัดหนักได้ แต่มื้อเย็นจะเน้นเป็นสมู้ตตี้ค่ะ

“สูตรสมู้ตตี้ที่ทำให้กินแล้วชอบใจทุกคนคือผักรวมหลากชนิด เช่น ผักเคล อะโวคาโด ถ้าในตู้เย็นมีผักอะไรก็เอามาผสมได้ แล้วใส่น้ำผึ้งเล็กน้อย เอ๋จะปั่น แบบหยาบเพื่อให้เหลือเนื้ออยู่บ้าง ถ้าเป็นน้ำเกินไปอาจจะไม่อิ่ม เอ๋เคยทำให้เพื่อน ดื่มติดๆกัน เขาโทร.มากราบ (หัวเราะ) บอกว่าน้ำหนักลดไป 3 กิโล”

จงป็นนกที่ตื่นเช้า 

“กว่า 10 ปีที่เอ๋ตื่นเช้า รู้สึกเลยว่าสุขภาพดีขึ้น รวมทั้งเรื่องระบบขับถ่าย นอกจากนี้ยังทำให้มีเวลามากขึ้น คุณสามีพูดเสมอว่าคนที่รวยที่สุดในโลกกับ คนที่ไม่มีเงินเลย สิ่งที่สองคนนี้มีเท่ากันคือเวลา เพราะฉะนั้นเวลาคือสิ่งสำคัญ ไม่ว่าคุณจะมีเงินมากแค่ไหน แต่คุณมีเวลาเท่ากันคือ 24 ชั่วโมง จะบริหารจัดการ อย่างไรให้เกิดผลมากที่สุด

เพราะฉะนั้นถ้าคุณเป็นนก จงเป็นนกที่ตื่นเช้า จะได้ ออกไปหาอาหาร ทำอะไรได้มากกว่านกที่ตื่นสาย อีกเรื่องคือเราจะไม่พลาดโอกาส ที่เห็นชัดที่สุดคือบรรยากาศรอบตัวค่ะ ถ้าคุณตื่นสายจะไม่มีโอกาสฟังเสียงนกร้อง ได้สัมผัสอากาศเย็นๆผ่านประตูหน้าต่างที่เปิดรับลมบ้าง ไม่ติดกับแอร์ตลอดเวลา มีเวลาในการเลือกเสื้อผ้าที่จะใส่ ทุกอย่างจะมีเวลาให้เราตัดสินใจมากขึ้น

“อีกข้อดีของการตื่นเช้าคือ เอ๋ทำงานประสานกับคนมากมาย ถ้าเราตื่นสาย ไม่ได้รับโทรศัพท์ คนอื่นจะต้องรับผิดชอบหรือต้องตัดสินใจแทน แล้วอาจทำให้ เกิดข้อผิดพลาด ซึ่งกลายเป็นบทเรียนว่าเราควรจะรับเรื่องของเราเอง ถ้ามีปัญหา ก็รับผิดชอบเอง ไม่ต้องเป็นภาระของใคร

“ลองตื่นพร้อมพระอาทิตย์ ชีวิตจะดีขึ้นแน่นอนค่ะ”


ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 982

‘มีดวงคบกับคนที่ไม่เหมาะสม จึงควรเจ็บแต่จบ ก่อนจะเจ็บแต่ไม่จบ’ ดวงรายวัน 23 มิถุนายน 2565

ดวงรายวัน   23  มิถุนายน 2565 #หมอปุ้ยพยากรณ์ เช็กทุกวัน แน่นๆ ทั้งการงาน การเงิน ความรัก และสุขภาพ

‘มีดวงคบกับคนที่ไม่เหมาะสม จึงควรเจ็บแต่จบ ก่อนจะเจ็บแต่ไม่จบ ! ‘

ดวงรายวัน 23  มิถุนายน 2565

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์

การงาน  สำหรับผู้ที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจสาธารณะประโยชน์ สาธารณะกุศล มูลนิธิ จิตอาสา สังคมสงเคราะห์ ฯลฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นงานสายบันเทิง  ความคิดสร้างสรรค์ การออกแบบ ความสวยความงาม จนถึงงานทางด้านวิชาการด้วยแล้ว ทางที่ดีวันนี้ไม่ควรยึดในอีโก้ของตัวเองจนไม่เปิดใจรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นเลย เพราะเป็นไปได้ว่าจะเกิดการขัดแย้งถึงใส่ร้ายป้ายสี จนงานสะดุดหยุดลงกลางคัน แล้วหากงานผิดพลาดเสียหาย คุณจะถูกรุมกระหน่ำซ้ำเติมอีกต่างหาก

การเงิน  :   วันนี้คุณมีโอกาสได้รับมรดกนะเนี่ย หรือมีโชคแบบเฮงๆ ปังๆ  หากทำงานมูลนิธิมีโอกาสมีผู้บริจาครายใหญ่ แต่คาดว่าจะมาแบบไม่โปร่งใส หรือมาในทางลับ จึงควรตรวจสอบเส้นทางเงินบริจาคให้ดี  

ความรัก :   ไม่ว่าคู่สามี-ภรรยา หรือคู่ที่เป็น LGBTQ จริงๆ แล้วชีวิตคู่คุณก็ราบเรียบและราบรื่นดี แต่หากยังฝังใจกับอดีตที่เจ็บช้ำอยู่ วันนี้มีโอกาสที่ความรักจะสั่นคลอนได้ คนโสด   มีโอกาสที่คุณจะยอมเป็นรักที่ซ่อนเร้น หรืออยู่ในสถานะโลกใบที่สอง ดังนั้น จึงเป็นไปได้ว่าคุณจะอยู่กับความไม่แน่ใจในความรัก ต้องเรียกร้องตลอดเวลา

สุขภาพ  :  หากวันนี้คุณเอ็นจอยกับการรับประทานอาหาร นอกจากน้ำหนักจะพุ่งพรวดแล้ว ยังต้องระวังเรื่องระบบการทำงานของกระเพาะอาหาร ระบบน้ำย่อย ถุงน้ำดีอีกด้วย รวมถึงความเครียด วิตกกังวลกับเรื่องไม่เป็นเรื่องที่จะทำให้คุณปวดศีรษะ ไมเกรน ความดันขึ้นได้ง่ายๆ

ผู้ที่เกิดวันจันทร์

การงาน  :   สำหรับผู้ที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจที่ต้องใช้วาทศิลป์ในการติดต่อประสานงาน โฆษณา-ประชาสัมพันธ์ สื่อมวลชน งานส่งเสริมการขายทุกชนิด ฯลฯ วันนี้หากคุณจะรับอาสาเจ้านายไปปฏิบัติงานที่เสี่ยงต่อความผิดพลาด เสียหาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นการเสนองานหรือโครงการอะไรก็ตาม ควรระวังคนใกล้ชิดไว้ให้ดี เพราะมีโอกาสที่เขาจะเปลี่ยนไปกลายเป็นไม่จริงใจ หักหลัง ใส่ร้ายป้ายสี จนงานหรือโครงการติดค้างอยู่ในขั้นพิจารณา ก็คงต้องใจเย็นๆ อย่าเพิ่งเรียกร้องหรือร้องเรียน เพราะอาจทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลง

การเงิน :  ขึ้นๆ ลงๆ หมุนเวียนตลอดเวลา จนถึงขั้นเดือดร้อนต้องเร่งหาเงินทุกวิถีทาง รวมถึงช่องทางที่ไม่ถูกต้องด้วย    

ความรัก :   เป็นไปได้ว่าวันนี้อารมณ์คุณจะไม่คงที่ มีโอกาสหลงใหลคลั่งไคล้กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งอย่างไม่ลืมหูลืมตา หากสิ่งนั้นคือคู่ของตัวเองแล้วก็จะสร้างความอึดอัดให้อย่างมากมาย  คนโสด  เช่นกัน วันนี้คุณมีโอกาสที่จะหลงใหลคลั่งไคล้กับคนใดคนหนึ่ง หรือกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งอย่างไม่ลืมหูลืมตา แต่เพียงแค่แป๊บเดียว เดี๋ยวก็เลิกแล้ว

สุขภาพ :   หากวันนี้คุณจะไปปาร์ตี้สังสรรค์ ดื่มด้วย ก็ควรรับประทานอาหารรองท้องบ้าง เพราะหากคุณเป็นโรคกระเพาะ หรือลำไส้อักเสบอยู่แล้ว วันนี้มีโอกาสท้องอืด ท้องเฟ้อ ซึ่งจะเสมือนสัญญาณอันตรายที่จะมาเตือนกัน     

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน :   สำหรับผู้ที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจสายการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม ร้านอาหาร ท่องเที่ยว โลจิสติกส์ ไรเดอร์ เดลิเวอรี่ รถยนต์ ฯลฯ คุณมีความรู้ ความสามารถ โดยเฉพาะความทะเยอทะยานที่จะประสบความสำเร็จ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ดีของผู้นำ ดังนั้น  จึงมีความเป็นไปได้สูงมากว่าคุณจะได้รับเลือกให้เดินทางไปประชุม สัมมนา อบรม จนถึงขยายสาขายังต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ ซึ่งคุณคาดหวังกับความสำเร็จสูงมาก ทุ่มเทให้งานเต็มร้อย ไม่หักให้กับตัวเองเลย  

การเงิน :   ดี มีเงินเข้ามาเป็นกอบเป็นกำ หากคุณจะเดินทางไปเจรจาธุรกิจ รวมถึงการลงทุนก็มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จ แต่ก็ต้องระวังความใจดี ใจบุญที่มากเกินไปที่จะส่งผลให้คุณเดือดร้อน

ความรัก :   หากคุณกำลังจะเดินทางโยกย้ายถิ่นฐานไปอยู่ต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการชั่วคราว หรือถาวร วันนี้คุณให้ความสำคัญกับเหตุผลและหลักการในการครองคู่ โดยเปิดโอกาสให้คู่ชีวิตคุณเลือกได้เลยว่าจะตามไปด้วย หรือไม่ตามไปก็ได้ คนโสด  มีโอกาสได้พบคนถูกใจระหว่างเดินทาง ซึ่งวันนี้คุณมีอุดมคติอุดมการณ์ชัดเจน หากคบกันแล้วไม่มีความสุข ขออยู่เป็นโสดดีกว่า

สุขภาพ :  หากคุณกำลังจะเดินทางก็ควรรับประทานอาหารอ่อนๆ ย่อยง่าย เพื่อไม่ให้รู้สึกแน่นท้อง อึดอัด เพราะวันนี้ระบบย่อยอาหาร ลำไส้ กระเพาะอาหารจะมีปัญหา ซึ่งเป็นไปได้ว่าจะเกิดจากความเครียด และวิตกกังวล

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน  :   สำหรับผู้ที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจทางน้ำ เช่น ทหารเรือ ตำรวจน้ำ ประมง การท่าเรือ อู่เรือ ฯลฯ  แม้คุณจะมีเทคนิคและแทกติก สามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการทำงานได้หลากหลายกระบวนท่า แต่วันนี้บอกเลยว่าความสำเร็จไม่ได้มาด้วยความบังเอิญ แต่ต้องแลกด้วยพลังกายพลังใจที่แรงกล้า เพราะเป็นไปได้ว่าคุณจะถูกลดบทบาทความสำคัญ หรือเพื่อนรู้ใจชิงลาออกโดยไม่บอกกล่าวกันล่วงหน้า แล้วไม่ว่าคุณจะเรียกร้องขอความเห็นใจใดๆ เขาก็ไม่สนใจ

การเงิน :   หากคุณมีโชคลาภเฮงๆ ปังๆ  หรือสามารถสร้างรายได้ที่มั่นคงจากวาสนาบารมีของคุณ แต่วันนี้ไม่ควรเชื่อใจใครง่ายๆ เพราะมีโอกาสที่จะสูญเงินให้กับคนใกล้ชิด      

ความรัก  :   จริงๆ แล้วคู่คุณก็ให้เกียรติและยอมรับคุณเป็นอย่างดี แต่วันนี้เป็นไปได้ว่าคุณจะไม่พอ ยังเรียกร้องขอมากขึ้นอีก ซึ่งมีโอกาสที่จะทำให้คนข้างเคียงเกิดความเบื่อหน่ายได้ง่ายๆ    คนโสด  หากคุณกำลังหลงรักผู้บริหารไฟแรง หรือข้าราชการหนุ่มรุ่นน้อง วันนี้หากตัดใจได้ก็ควรตัดไฟตั้งแต่ต้นลม เพราะจริงๆ แล้วไม่มีอะไรที่เหมาะสมกันเลย

สุขภาพ  :  คุณดูแลสุขภาพร่างกายตัวเองเป็นอย่างดี แต่วันนี้ก็ควรระวังโรคภัยไข้เจ็บหรืออาการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นจากการทำงาน ทั้งทางร่างกายและทางอารมณ์ จึงไม่ควรประมาท

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี

การงาน :   สำหรับผู้ที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจสายการศึกษา เช่น ครู อาจารย์ ไลฟ์ โค้ช เทรนเนอร์ ติวเตอร์ ฯลฯ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานที่เกี่ยวกับน้ำ บอกเลยว่าความสำเร็จไม่ได้มาด้วยความบังเอิญ แต่ต้องแลกด้วยพลังกายพลังใจที่แรงกล้า วันนี้หากเป็นไปได้อย่าไว้ใจเพื่อนร่วมงาน หรือคนใกล้ชิด เพราะเขาไม่หวังดี จ้องจะใส่ร้ายป้ายสีหรือดิสเครดิต เพื่อหวังเสียบงานแทนคุณ

การเงิน  :  หากที่ผ่านมาคุณสามารถหารายได้พิเศษจากวาสนา บารมีของตัวเอง วันนี้ไม่ควรประมาท เพราะมีโอกาสที่จะขัดผลประโยชน์ สุดท้ายแล้วก็จะเหลือแค่รายได้ประจำ

ความรัก :  เป็นไปได้ว่าจากคู่ชีวิตที่ให้เกียรติและยอมรับคุณด้วยดีมาตลอด วันนี้จะมีปัญหามือที่สามเข้ามาสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายให้กับชีวิตคู่เสียแล้ว ก็เป็นไปได้ที่คุณจะปลีกวิเวกหนีไปอยู่คนเดียวเลย  คนโสด  หากคุณกำลังคบทั้งผู้ใหญ่ใจถึงและเด็กรุ่นน้องไฟแรง วันนี้หากคุณจะเก็บพวกเขาไว้ทั้ง 2 คน ก็คงต้องเตรียมรับมือกับแรงหึงหวงที่จะตามมาด้วยนะคะ

สุขภาพ  :   จริงๆ แล้วคุณให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพร่างกายตัวเองเป็นอย่างดี แต่วันนี้ต้องระวังจะบาดเจ็บจากของมีคมบาดเป็นแผลตามร่างกาย รวมถึงสภาพจิตใจและอารมณ์ที่เกี่ยวข้องกับวัยทอง  ซึ่งจะทำให้คุณหงุดหงิด มองอะไรก็ขัดหูขัดตาไปหมด  

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน  :   สำหรับผู้ที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจสายการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม ร้านอาหาร ท่องเที่ยว โลจิสติกส์ ไรเดอร์ เดลิเวอรี่ รถยนต์ ฯลฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานในสายสาธารณะกุศล สาธารณะประโยชน์ มูลนิธิ จิตอาสา เป็นไปได้ว่าคุณจะได้เดินทางไปอบรม สัมมนา ประชุม หรือขยายสาขายังต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ ยิ่งหากเป็นงานสารพัดช่าง การสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อสังคมด้วยแล้ว มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียงโด่งดังเลยทีเดียว

การเงิน  :  ก็ยังมีโอกาสที่จะติดต่อธุรกิจกับต่างประเทศ ซึ่งวันนี้จะเป็นการเจรจาในทางสายบุญมากกว่าเพื่อประโยชน์ของตัวเอง

ความรัก :  มีโอกาสที่คุณจะได้เดินทางโยกย้ายถิ่นฐาน หรือย้ายบ้านไปเริ่มต้นชีวิตครอบครัวในสภาพแวดล้อมใหม่ๆ วันนี้พวกคุณก็แฮปปี้กันดี   คนโสด   มีโอกาสได้พบคนถูกใจระหว่างเดินทาง ซึ่งวันนี้คุณก็คาดหวังว่า เขาจะมีเซอร์ไพร์สอะไรให้คุณบ้าง

สุขภาพ  :   ออฟฟิศซินโดรมถามหาแล้ว มีโอกาสที่คุณจะปวดหลัง ล้าและตึงไปทั้งร่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากวันนี้คุณต้องเดินทางไกลด้วยแล้ว ความปวดเมื่อยล้าจะยิ่งหนัก ทางที่ดีจึงควรหาเวลาไปนวดผ่อนคลายบ้าง หรือได้เหยียดยืดผ่อนคลายกล้ามเนื้อบ้างก็ยังดี

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน :  วันนี้นับเป็นวันอุดมการณ์แห่งชาติของคุณเลยทีเดียว เพราะไม่ว่าจะเป็นไอเดีย อุดมการณ์ อุดมคติ ความทุ่มเท ความคาดหวัง จัดเต็มทุกอย่าง จนยากที่จะร่วมงานกับคนอื่นได้อย่างราบรื่นเลยทีเดียว ทางที่ดีวันนี้คุณควรทำธุรกิจของตัวเอง หรือรับงานอิสระจะดีกว่า

การเงิน    :   ร่ำรวยๆ ไม่ว่าจะจับอะไรก็เป็นเงินเป็นทองไปหมด แต่ก็ต้องระวังความใจดีใจบุญของคุณ ที่วันนี้ได้รับมามากแค่ไหนมีโอกาสให้มากเท่านั้น หรือเกินกว่านั้นอีก จนมีโอกาสเดือดร้อนได้

ความรัก  :  หากคุณมีอุดมการณ์และอุดมคติในชีวิตคู่ตรงเป๊ะมาก มีทั้งเวลาทำงาน ส่วนเวลาส่วนตัวที่คุณชอบที่พบปะสังคมมากกว่าจะอยู่บ้าน ซึ่งหากคู่ชีวิตยอมรับไม่ได้ วันนี้คุณก็พร้อมจะอยู่คนเดียว  คนโสด  เช่นกันวันนี้คุณเป็นผู้หญิงที่มีอุดมการณ์และอุดมคติจัดมาก จนไม่สนใจเรื่องอื่นเลย นอกจากอยากจะออกไปแชร์ความคิดของคุณให้โลกได้รับรู้   

สุขภาพ  :  หากคุณเคร่งเครียดกับการทำงานหนัก ก็ต้องระวังจะส่งผลต่อสุขภาพ ยิ่งช่วงนี้ฝนตกชุก จึงมีโอกาสที่สภาพร่างกายจะเปลี่ยนแปลงตามสภาพอากาศ มีความเสี่ยงต่อการเป็นภูมิแพ้และหวัดได้ง่ายๆ

DUA LIPA ทริคดูแลหุ่น

DUA LIPA เผยหุ่นจะฟาด ออร่าจะเปล่ง งานผิวต้องละเอียด

Alternative Textaccount_circle
DUA LIPA ทริคดูแลหุ่น
DUA LIPA ทริคดูแลหุ่น

ไอดอลหุ่นสวย Dua Lipa ใช้ความเป็นศิลปินที่มีความละเอียดอ่อนกับทุกสิ่งแม้แต่ในบิวตี้รูทีน เธอบอกว่าเรื่องผิว ถ้างานไม่ละเอียด ต่อให้หุ่นดีก็ใส่บิกินี่ไม่ผ่าน

DUA LIPA เผยหุ่นจะฟาด ออร่าจะเปล่ง งานผิวต้องละเอียด

DUA LIPA ทริคดูแลหุ่น 4

“ฉันคิดว่าผู้หญิงทุกคนมีความสวยในแบบของตัวเอง ไม่ว่าจะผอม อวบ เฟิร์ม หรือมีเนื้อมีหนังก็ดูดีได้หมด แต่อาจไม่ผ่านเวลาใส่บิกินี่ถ้าผิวดูหยาบหรือแห้งกร้าน ฉันจึงใส่ใจเรื่องการสครับผิวให้เรียบเนียน เพื่อให้เมื่อใช้ Self-Tanner แล้วจะได้ดูเนี้ยบโกลว์ไม่มีจุดสะดุด

DUA LIPA ทริคดูแลหุ่น 2

“เน้นเลยว่าต้องสครับผิวในช่วงเวลาเย็นหรือก่อนนอนตอนที่ผิวสะอาดแล้วเท่านั้น สครับโดยนวดเป็นวงกลมๆ ไม่ขัดแบบถูขึ้นลง เพราะการวนจะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย และกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตได้ดีกว่าท่าอื่นๆ”

DUA LIPA ทริคดูแลหุ่น 1
DUA LIPA ทริคดูแลหุ่น 6
DUA LIPA ทริคดูแลหุ่น 3
DUA LIPA ทริคดูแลหุ่น 7

ภาพ : dualipa

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ


Duffle

8 Duffle Bag แบรนด์ดัง แฟชั่นสตรีทไฮเอนด์ ที่ไม่มีวันตกยุค

account_circle
Duffle
Duffle

“กระเป๋า” ไอเท็มชิ้นสำคัญที่มีหลายแบบ หลายสไตล์ให้เลือกว่าจะเหมาะใช้งานแบบไหน ซึ่งวันนี้จะมาพูดถึง Duffle Bag กระเป๋าทรงถังแนวนอนจาก 8 แบรนด์ดังที่สามารถใช้ได้ยาวนาน ไม่ตกเทรนด์ ทั้งยังพกพาง่าย แมตช์ได้กับหลายลุค ด้วยไซส์ที่มีขนาดใหญ่ แต่ไม่เกะกะ แถมจุของได้เยอะ พร้อมหิ้วไปเที่ยวในวันสบายๆ เปลี่ยนเป็นสะพายไปฟิตเนส หรือถือขึ้นเครื่องบินได้แบบไม่ต้องโหลด แพรวจะพาไปส่องแบรนด์ไหนบ้าง ไปดูกันเลยดีกว่า!

8 Duffle Bag แบรนด์ดัง แฟชั่นสตรีทไฮเอนด์ ที่ไม่มีวันตกยุค

1. Gucci แบรนด์ดังระดับโลกจากอิตาลี ปล่อยกระเป๋าทรงดัฟเฟิล Ophidia large duffle bag คอลเล็คชั่น Gucci Love Parade ทำจากผ้าแคนวาส GG Supreme ด้วยเฉดสีที่โดดเด่นแบบคลาสสิก ผสมผสานระหว่างสีเบจกับสีน้ำเงิน ตามคอนเซ็ปต์ “เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” เติมโลโก้ GG อันแสนโดดเด่นประดับด้านหน้า เพิ่มความเรียบหรู เหมาะกับถือแมตช์กับลุคในวันทำงานได้ดี และกระเป๋ารุ่นนี้ราคาอยู่ที่ประมาณ 86,000 บาท

2. Off-White แบรนด์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Streetwear ผสมผสานกับ High Fashion และถูกถ่ายทอดผ่านวัฒนธรรมวัยรุ่นยุคใหม่ สำหรับกระเป๋าสีดำรุ่น Monogram Nylon Duffle ทำจากเส้นใยสังเคราะห์ และมีผ้าฝ้ายด้านใน ตัวกระเป๋าปักลวดลายลูกศรสีดําที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ พร้อมสายสะพายไหล่สีดํา ซึ่งใบนี้ออกแนวสปอร์ต เหมาะจะใช้ใส่อุปกรณ์ออกกำลังกาย จะถือหรือสะพายไปเข้ายิมก็สะดวกสบาย ราคาประมาณ 63,000 บาท

3. Louis Vuitton แบรนด์เครื่องหนังที่มีสัญลักษณ์ของความฟู่ฟ่าซึ่งเราก็คุ้นหู คุ้นตากันดี ซึ่งแบรนด์นี้ก็ทำกระเป๋าออกมาหลากหลายสไตล์ แต่กระเป๋าที่เหมาะกับการเดินทางสั้นๆ เข้ากับลุคคูลๆ อย่าง KEEPALL BANDOULIÈRE 50 เป็นรุ่นหนัง Monogram Shadow ที่มีเอกลักษณ์ของ Louis Vuitton ลายนูนทั่วทั้งกระเป๋า หรูหราแล้วยังเท่ด้วย! แต่ราคานั้นไม่เบา อยู่ที่ 113,000 บาทเลยเชียว

4. Fendi แบรนด์เนมของอิตาลี ซึ่งผลิตด้วยความประณีต ใส่ใจทุกรายละเอียด และจะมักปล่อยคอลเล็คชั่นพิเศษให้ซื้อหากันอยู่เสมอ ซึ่งเป็นกระเป๋าขนาดใหญ่และน้ำหนักเบา ที่ทำจากผ้า Jacquard หนังสีดําอย่าง Medium Duffle รุ่น FF jacquard fabric large bag ใบนี้มีลวดลายสีเทาสลับดํา สายสะพายผ้าสามารถปรับถอดออกได้ การใช้งานอาจจะดูเรียบง่ายทั่วไป แต่เน้นใส่ของได้เยอะ เมื่อนำมาใช้งานจะเพิ่มภาพลักษณ์ให้ผู้ที่ถือหรือสะพายดูหรูหรา มีระดับ ด้วยราคาเบาๆ อยู่ที่ 110,000 บาท

5. Prada กับคอลเล็คชั่นใหม่อย่างกระเป๋าหนัง Saffiano รุ่น Symbole Embroidred jacquard fabric travel bag ดีไซน์ผ่านรูปทรงสากลที่เรียบง่าย ด้วยลวดลายสีที่ตัดกันให้มีความซับซ้อน แสดงออกถึงความเป็นเอกลักษณ์อันทันสมัย ซึ่งเป็นกระเป๋ารุ่นที่เราคุ้นตา จากหนุ่มวิน เมธวิน นั้นหิ้วไปแมตช์กับ Airport Look ตอนไปร่วมงาน PRADA SS23 ล่าสุด และส่วนของราคานั้นก็อยู่ที่ราวๆ 158,000 บาท

6. Chanel แบรนด์ฝรั่งเศสที่ไม่ว่าจะออกคอลเล็คชั่นไหน ก็ไม่เคยตกยุค ด้วยดีไซน์เน้นความเรียบหรู แต่ใช้งานอย่างคุ้มค่า นำเอาไปแมตช์กับเสื้อผ้าได้ทุกลุคเช่นกัน และมีกระเป๋ารุ่นยอดฮิตอย่าง CHANEL Classic, CHANEL Boy ในส่วนของกระเป๋าทรงดัฟเฟิลนั้น ต้องเป็น Chanel Black Caviar Leather Duffle Bag สีดําหนัง Caviar รุ่นในตำนานที่อยู่มายาวนาน แค่มีใบนี้ใบเดียวก็คุ้มค่า คุ้มราคาอยู่ที่ประมาณ 112,000 บาท

7. Dior แบรนด์แฟชั่นดังจากฝรั่งเศสที่มักผลิตกระเป๋าหนังเกรดพรีเมี่ยมได้ถูกใจเหล่าแฟชั่นไอคอน ด้วยดีไซน์โดดเด่นและทันสมัย อย่างกระเป๋าเดินทางทรงดัฟเฟิล รุ่น Dior Lingot 50 Duffle ที่ทำจาก Full Grain Leather เน้นสีเบจกับสีน้ำเงิน เติมกิมมิกด้วยเข็มขัดอะลูมิเนียมด้านข้าง สามารถนำมาใช้สะพายเก๋ๆ และยังใช้เก็บสิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวันได้มากมาย ราคา 115,000 บาท

8. Yves Saint Laurent ด้วยความโดดเด่นของแบรนด์ที่แค่เห็นโลโก้ YSL ก็จดจำได้ในทันที สำหรับกระเป๋า Duffle สีดำแนวสปอร์ตลายพราง พิมพ์ลายเสริมโลโก้ตรงด้านหน้า ผลิตในอิตาลี ด้วยดีไซน์ของ Saint Laurent รุ่นนี้ผ้าผิวลื่น มันวาว แถมกันน้ำ เหมาะกับออกไปเที่ยวหรือใส่อุปกรณ์ไปปิกนิค ราคาประมาณ 35,000 บาท

สำหรับใครที่อยากให้ Everyday Look ไม่น่าเบื่อ Duffle bag ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือก ที่สามารถนำมิกซ์แอนด์แมตช์กับเสื้อผ้าด้วยกันได้ เพิ่มความแฟชั่นนิสต้าไปอีกสไตล์


เรื่อง : iwspk
ข้อมูลและภาพ : Courtesy of Brands

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

OP Bua Cover

40+อย่าเรียกพี่ ให้เรียกที่รักจะดีกว่า! ทำความรู้จัก ‘บัวฉลองขวัญ’ แอนตี้เอจจิ้งสุดปังของไทยดังไกลระดับโลกจาก ORIENTAL PRINCESS

OP Bua Cover
OP Bua Cover

ORIENTAL PRINCESS คะ คุณส่งตัวนี้มาให้อิชั้น (พัดชา แพรวนิสต้า) ลองเหมือนตอกย้ำความจริงที่ว่าปีนี้คือปีที่เข้าวัย 40 ส่วนตัวก็ไม่เคยอายุ 40 มาก่อน เล่าได้แค่ว่ามันมาพร้อมกับความกังวลส่วนตัวและความเชื่อสารพัด ทันทีที่เป่าเค้กเข้าสู่วัย 40 ก็ส่องกระจก ด้วยความรู้สึกที่ต้องสังเกตเรื่องริ้วรอยมากเป็นพิเศษ รวมถึงด้วยความเชื่อที่ว่า วัยนี้คือวัยที่เข้าสู่ความถดถอยในเรื่องสุขภาพและความงาม ชนิดที่ว่ายื้อไม่ไหวอีกต่อไป ทั้งความเปล่งปลั่งสดใสที่ดับแสงลงและริ้วรอยที่นับจากนี้มีแต่จะดูแลยากขึ้น

OP-Bua-4

แต่อย่าเพิ่งจิตตกกันเกินไป ‘นวัตกรรมที่ดีที่สุด’ เท่านั้นที่นำพาเราให้สวยคงกระพันหลังจากนี้ พัดชาเลยอยากแชร์ให้เพื่อนๆ พี่ๆ ในวัย40+ได้รู้จักกับสารสกัดที่ถือว่าเป็นความหวังใหม่อย่าง ‘บัวฉลองขวัญ’ งานนี้บอกเลยว่าสรรพคุณปัง ราคากำลังน่าคบหา ถือเป็นสกินแคร์แห่งความหวังที่จะมาชุบชีวิตผิวใหม่ให้ #40youngสวย

‘บัวฉลองขวัญ’ สุดยอดสารสกัดหายากของไทยที่ชาวโลกต้องทึ่ง
ความพิเศษของสกินแคร์คอลเลกชั่น Naturally Ageless Supreme Lifting & Anti-Wrinkle นี้คือสารสกัดชื่อแปลกหูอย่าง ‘บัวฉลองขวัญ’ ที่ไม่เคยได้เห็นในสกินแคร์อื่นใดมาก่อนนั่น เพราะเป็นความสำเร็จจากนักวิจัยไทย เลยการันตีได้ว่าไม่มีใครเหมือน

‘บัวฉลองขวัญ’ มีสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพสูงมีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเอ็นไซม์ อิลาสเตส จึงมาพร้อมคุณสมบัติที่สามารถลดเลือนริ้วรอย และยับยั้งการทำงานของไทโรซิเนสและโดปาออกซเดส สาเหตุของการผลิตเม็ดสีเมลานิน ผลลัพธ์ที่ได้จึงมีทั้งตวามกระจ่างใส เปล่งปลั่ง แถมยังช่วยลดการแพ้ ระคายเคืองของผิว รักษาสมดุลของจุลินทรีย์ของผิว ครบทุกมิติผิวอ่อนเยาว์ สดใส สุขภาพดี

2 รางวัลระดับโลกการันตี
ที่ยังไม่มีแบรนด์ไหนรู้จัก ‘บัวฉลองขวัญ’ แล้วนำไปใช้เป็นส่วนผสมในสกินแคร์กันจนโด่งดังกันไปก่อนหน้านี้ เพราะนางมีถิ่นกำเนิดในประเทศไทยและถือเป็นสุดยอดสารสกัดหายาก เพราะไม่สามารถขยายพันธุ์ได้เอง จึงเป็นเรื่องยากที่จะเข้าถึง

โดยนักวิจัยต้องคิดค้นกระบวนการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ จากบัวสายพันธุ์ COLORATA ผสมกับบัวพันธุ์ลาภประเสริฐ แล้วใช้เทคโนโลยี การกักเก็บ Stem Cell ของบัวฉลองขวัญ ด้วยแคปซูลไมเซล่าร์แบบสองชั้น เพิ่มความเสถียรกว่า ทุ่มเทขนาดนี้เลยมีรางวัลการันตีระดับโลกถึง 2 รางวัล ประกาศก้องว่าฝีมือคนไทยไม่แพ้ใครในโลก ทั้ง BRONZE Award จากงาน 47th International Exhibition of Invention Geneva ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเอาชนะผลงานเข้าร่วมประกวดและจัดแสดงกว่า 1,000 ผลงาน และ Merit Award from International Strategic Technology Alliance ประเทศจีน ในสาขา Innovation of Cosmetic Products From Stem Cell of Polymeric Micellar Cubic Encapsulation Technology

และโอเรียนทอล พริ้นเซสได้นำมาพัฒนาเป็นสารสกัดลิขสิทธิ์เฉพาะ Cell Revival Technology™ ที่ช่วยฟื้นฟูริ้วรอยกระชับผิวได้ใน 3 วัน

อ่อนโยนต่อผิว ดีต่อใจ คุณแม่ตั้งครรภ์ก็ใช้ได้
หลายคนบอกว่าพอถึงวัย 40+ แล้วผิวมันเซ้นท์สิทีฟเหลือเกิน ทำเอาไม่กล้าลองอะไรใหม่ๆ อันนี้ขอนำเสนอเลยเพราะเห็นว่าสรรพคุณปังๆ แก้ปัญหาผิวได้ในไม่กี่วันแบบนี้ อาจทำให้คิดไปได้ว่า ‘ของเขาต้องแรง’ แต่สกินแคร์คอลเลกชั่นจาก ‘บัวฉลองขวัญ’ นั้นผ่านการทดสอบการระคายเคืองมาแล้วทุกรูปแบบ ว่าอ่อนโยนสามารถใช้ได้แม้แต่กับคุณแม่ตั้งครรภ์ โดยส่วนผสมนั้นปราศจากพาราเบน สารแต่งสี แอลกอฮอล์ ซิลิโคน และปิโตรเลียมเจลลีที่อาจอุดตันรูขุมขนก่อให้เกิดสิว Talc ที่อาจทำให้เกิดมะเร็ง และอันตรายต่อปอด TEA ที่อาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองซึ่งหญิงตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยง พูดแบบนี้คนผิวแพ้ง่ายอย่างเราก็โล่งอก

3 ชิ้นปังๆ ย้อนเวลาผิวตามคอนเซ็ปต์ #40youngสวย
คอลเลกชั่น ‘บัวฉลองขวัญนี้’ มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า NATURALLY AGELESS SUPREME LIFTING & ANTI-WRINKLE มาในแพคเกจจิ้งสีม่วงดำเรียบหรูใช้ 3 ชิ้นจบปึ้ง ตามหลักพื้นฐานของสกินแคร์รูทีนเป๊ะ

STEP 1 คือการปรับสมดุลผิวด้วยเอสเซนส์ NATURALLY AGELESS SUPREME LIFTING & ANTI-WRINKLE ESSENCE (1,515 บาท) เอสเซนส์เนื้อใสบางเบาที่ใช้เพียง 3 วันก็เริ่มเห็นผล เป็นชิ้นที่ช่วยปลดล็อคเรื่องผิวเหนื่อย ดูทรุดโทรมหย่อนคล้อยได้อย่างรวดเร็ว เพราะการทำงานของทั้งสารสกัดจากสเต็มเซลล์บัวฉลองขวัญนั้นช่วยบำรุงอิลาสตินและคอลลาเจนในชั้นผิวรวมถึงฟื้นฟูเรื่องจดด่างดำได้อย่างเห็นผล ประทับใจในความรู้สึกสบายผิวเด้งๆ ฉ่ำๆ หลังใช้รู้สึกชุ่มชื้นแต่ไม่เหนอะหนะผิวสดใสพร้อมมูฟออนในสเต็ปถัดไป
STEP 2 บำรุงแบบลงลึกด้วย NATURALLY AGELESS SUPREME LIFTING & ANTI-WRINKLE SERUM (1,585 บาท) เรียกง่ายๆ ว่า ‘เซรั่มบัวฉลองขวัญ’ รู้หรือไม่ว่าที่ผิววัย 40+ นั้นอ่อนแอแลดูทรุดโทรมเพราะความหนาของชั้นผิวนั้นลดลง เมื่อผิวไม่หนาไม่แน่นจึงอ่อนแอแพ้พ่ายไปหมดทุกอย่าง เซรั่มเนื้อเบานุ่มละเอียดนี้เองที่เน้นการฟื้นฟูความหนาแน่นของผิวให้ดีขึ้นได้ใน 3 วัน เมื่อใช้อย่างต่อเนื่องจะสัมผัสได้เลยว่าผิวกระชับ มีความลิฟท์อัพ กรอบหน้าคมถ่ายรูปสวยขึ้นเลยแหละ
STEP 3 ปิดท้ายด้วยชิ้นที่เป็น MUST HAVE ของสาววัย 40+ ครีมบัวฉลองขวัญ NATURALLY AGELESS SUPREME LIFTING & ANTIWRINKLE CREAM (1,625 บาท) เนื้อครีมสูตรเข้มข้นแสนละมุนที่ซึมซาบเข้าสู่ผิวได้อย่างเร็วหมดจด ไม่ทำให้รู้สึกเหนอะหนะมันเยิ้มระหว่างวัน ตัวนี้นอกจากเน้นความแน่นเฟิร์มของผิวแล้วยังลงลึกเรื่องริ้วรอยที่เริ่มเห็นผลกับริ้วรอยแรกเริ่มได้ใน 3 วัน

หลังจากลองใช้คอลเลกชั่นบัวฉลองขวัญมาได้สักพักก็ทำให้ตระหนักได้เลยว่าของไทยก็มีดีไม่ใช่ว่าจะมีแต่สกินแคร์ราคาสุลต่านเท่านั้นจึงจะมีผิวดี #40youngสวยได้ สัมผัสที่อ่อนโยน บางเบาใช้ง่ายแต่กลับให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วชัดเจนในทุกมิติคือความประทับใจสุดๆ รวมถึงการใช้สารสกัดแปลกใหม่ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะไม่ซ้ำแบบใครนั้นถือเป็นความท้าทายที่อยากให้สาวๆ เปิดใจได้ลอง พัดชาแนะนำว่าเริ่มได้ตั้งแต่วัย 30กลางๆ อย่ารอให้ช้าเกินไป
ถ้าเราเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเรื่องวัยได้อย่างตรงประเด็น 40 ก็แค่วันแตกเนื้อสาว …เอาซี๊!!

The Game Changer Cover

เอเยนซี่ในเครือ IPG Mediabrands Thailand กวาด 22 รางวัล และรางวัล Agency of the Year จากงาน MAAT Media Awards 2022 ตอกย้ำความสำเร็จในฐานะเจ้าตลาดมีเดียเอเยนซี่ไทยการันตีผลงานคุณภาพที่โดดเด่นตอบโจทย์สื่อโฆษณายุคใหม่

The Game Changer Cover
The Game Changer Cover

Initiative Thailand, UM Thailand และ MBCS | Ensemble Thailand เอเยนซี่ในIPG Mediabrands Thailand นำทัพโดยผู้บริหารระดับสูงเข้ารับรางวัลอันทรงเกียรติจากการประกวด MAAT Media Award 2022 ถึง 22 รางวัล โดยแบ่งเป็น Gold 2 รางวัล, Silver 10 รางวัล และ Bronze 10 รางวัล ยิ่งไปกว่านั้น UMThailand ยังได้รับรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของงานคือ Agency of the Year ตอกย้ำถึงผลงานที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ความเข้าใจลูกค้าและตลาด และมีเดียเอเยนซี่ชั้นนำของวงการ

เอเยนซี่ในเครือ IPG Mediabrands Thailand กวาด 22 รางวัล และรางวัล Agency of the Year จากงาน MAAT Media Awards 2022 ตอกย้ำความสำเร็จในฐานะเจ้าตลาดมีเดียเอเยนซี่ไทยการันตีผลงานคุณภาพที่โดดเด่นตอบโจทย์สื่อโฆษณายุคใหม่

ดร.ธราภุช จารุวัฒนะ Group CEO, IPG Mediabrands Thailand กล่าวว่า “ผมมีความยินดีกับทุก ๆ รางวัล ที่ได้มาด้วยหยาดเหงื่อเเรงกายของชาว mediabranders ทุกคนที่มุ่งมั่นทำทุกผลงานให้ออกมาดีเยี่ยม ซึ่งรางวัลที่เราได้รับทั้งหมดได้สะท้อนถึงศักยภาพของพวกเราทุกคนที่เป็นเลิศ ตอบโจทย์ในสิ่งที่ลูกค้าและตลาดต้องการ พร้อมจับมือลูกค้าทุกท่านก้าวผ่านช่วงที่ยากที่สุดไปด้วยกัน”

ดร. สร เกียรติคณารัตน์ Chief Executive Officer, InitiativeThailand กล่าวว่า “การเปลี่ยนแปลงในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นและตอกย้ำความเป็นพาร์ทเนอร์ของเราที่มีต่อลูกค้า เราขับเคลื่อนการพัฒนาธุรกิจและวิธีแก้ปัญหาโดยสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆผ่าน culture velocity ที่เป็นเอกลักษณ์ของเรา ทั้งยังปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ของตลาดได้อย่างทันท่วงที ขอขอบคุณลูกค้าที่ให้โอกาศในการทำงานดีๆ ขอบคุณพาร์ทเนอร์ของเราทุกท่าน และสำคัญที่สุด น้องๆ พี่ๆ ในทีม ที่ทำให้เรามาอยู่ในจุดนี้ได้ครับ”

คุณณัฐวีณา เทพชาตรี Chief Operating Officer, UM Thailand กล่าวว่า “ขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ไว้ใจเราและทีมชาว UMers ทุกคนที่โชว์ศักยภาพผ่านผลงานที่เป็นที่ประจักษ์แด่สายตาคณะกรรมการ จนเป็นเส้นทางสู่รางวัลของผลงานทั้งหมด และ Agency of the Year ในปีนี้ ตอกย้ำเราในฐานะเอเยนซี่คุณภาพของไทยที่ลูกค้าไว้วางใจค่ะ”

คุณดิว อินทปัญญา Chief Content Officer, MBCS | Ensemble Thailand กล่าวว่า “ทางทีม MBCS | Ensembleภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งของค่ำคืนแห่งประวัติศาสตร์ครั้งนี้ และขอบคุณสำหรับรางวัลอันทรงเกียรติที่เราได้รับสะท้อนถึงความเป็นเจ้าตลาดของ contentเอเยนซี่ของเรา ขอบคุณค่ะ”

นอกจากรางวัลมากมายที่ได้รับจาก MAAT Media Awards 2022 ในปีที่ผ่านมา อินิชิเอทีฟ ประเทศไทย ครองแชมป์ RECMA ต่อเนื่อง 3 ปีติดต่อกัน ทั้งยังเป็นเอเยนซี่เดียวที่ได้คะแนนระดับ Dominant สูงสุดเป็นปีที่ 4 อีกด้วยเช่นเดียวกับ ยูเอ็ม ประเทศไทยยังได้คว้ารางวัลจากสองเวทีระดับโลก ประกอบด้วย Gold Media Agency of the Year จาก Campaign Asia เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน และครองแชมป์ RECMA 3 ปีซ้อน ในฐานะ Thailand’s Highest Growth Media Agency 2021

ยลความงดงามของงานหัตถศิลป์ชั้นสูง ผ่านคอลเล็คชั่นไม้เท้าสุดล้ำค่า The Wild Animals

account_circle

ยลโฉมมาสเตอร์พีซที่ควรค่าแก่การสะสมกับ Lotus Arts de Vivre (โลตัส อาร์ต เดอร์ วีฟว์) แบรนด์จิวเวลรีและของตกแต่งบ้านชั้นสูงของไทยที่มีฐานแฟนคลับแบรนด์อยู่ทั่วโลก ซึ่งล่าสุดทางแบรนด์จัดงานเปิดตัวคอลเลกชั่นไม้เท้าสุดล้ำค่า “The Wild Animals. The Capsule Collection featuring Canes by Lotus Arts de Vivre and Mr. Polpat Asavaprapha” ที่ได้ร่วมออกแบบกับดีไซน์เนอร์ฝีมือเฉียบ “พลพัฒน์ อัศวะประภา” แห่งแบรนด์ ASAVA (อาซาว่า) 

หยิบยกเรื่องราวและเอกลักษณ์ของสัตว์ป่า มารังสรรค์เป็นไม้เท้าดีไซน์พิเศษทั้งหมด 15 แบบ ที่มีความเป็นเอกลักษณ์ และสะท้อนถึงอัตลักษณ์ระหว่างสองแบรนด์ได้อย่างชัดเจน 

ยลความงดงามของงานหัตถศิลป์ชั้นสูง ผ่านคอลเล็คชั่นไม้เท้าสุดล้ำค่า The Wild Animals

โดยความพิเศษของคอลเลกชั่น “The Wild Animals. The Capsule Collection featuring Canes by Lotus Arts de Vivre and Mr. Polpat Asavaprapha” ยังคงเอกลักษณ์งานช่างศิลป์ของแบรนด์ “Lotus Arts de Vivre” (โลตัส อาร์ต เดอร์ วีฟว์) เอาไว้

โดยมีจุดเด่นคือหัวของไม้เท้าที่ออกแบบมาเป็นหัวสัตว์ประเภทต่างๆ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากเทพนิยายเก่าแก่ ไม่ว่าจะเป็น เสือ, สิงโต, ม้า, มังกร, นกอินทรี, เป็ด, จระเข้ และลิง มาผสมผสานกับเอกลักษณ์ของ “พลพัฒน์ อัศวะประภา” ที่มีทั้งความทันสมัย และความโก้หรู ถ่ายทอดสู่ไม้เท้ารุ่นพิเศษทั้งหมด 15 ดีไซน์ที่ผสมผสานกลิ่นอายของความร่วมสมัย หรูหรา และใช้งานได้จริงเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

สำหรับดีไซน์แรกอย่างไม้เท้าหัวเสือมาพร้อมกับความงดงามของเสือทั้งหมด 3 ตระกูล ได้แก่ เสือดำ, เสือโคร่ง และเสือจากัวร์ โดดเด่นด้วยด้ามจับที่ทำจากเขี้ยวหมูป่าและตัวไม้เท้าที่ทำขึ้นจากไม้มะฮอกกานี (Mahogany) หายาก พร้อมเพิ่มความน่าสนใจด้วยวัสดุสีเงินที่นำมาตัดกับเนื้อไม้ได้อย่างลงตัว โดยมีรายละเอียดที่แตกต่างกันออกไปตามดีไซน์ของหัวไม้เท้า

เริ่มจากหัวเสือดำ Black Panther Cane with Wild Boar Fang ที่ถูกออกแบบมาทั้งหมด 3 ดีไซน์ตามอิริยาบถต่างๆ พร้อมประดับด้วยอัญมณีน้ำงามอย่างพลอยซาโวไรท์ (Tsavorite) และสปิเนล (Spinel) สีแดง ฝังไว้ที่ดวงตา

ถัดมาคือหัวเสือโคร่งที่ถูกออกแบบมา 2 ดีไซน์ด้วยกัน ได้แก่ Silver Roaring Tiger Cane with Wild Boar Fang ที่ฝังดวงตาด้วยอัญมณีสเปสซาร์ไทต์ (Spessartite) และ Crawling Tiger Cane with Wild Boar Fang ที่ส่วนตาประดับด้วยหินอาเกต (Agate) และหัวเสือจากัวร์ Silver Black Jaguar Cane with Wild Boar Fang สัญลักษ์แห่งความว่องไวและปราดเปรียวที่หินปะการังแดง (Red Coral) สีแดงบริเวณดวงตา

ต่อมาคือหัวสิงโต Silver Roaring Lion Cane Wild Boar Fang งดงามด้วยสีเงินประดับหินอาเกต (Agate) สีดำที่ดวงตา พร้อมด้ามจับเขี้ยวหมูป่าและด้ามไม้เท้าที่สร้างสรรค์ขึ้นจากต้นมะฮอกกานี (Mahogany) เพิ่มความโก้หรูด้วยวัสดุสีเงินที่นำมาตัดเนื้อไม้บริเวณด้ามไม้เท้า ถัดมาที่ตระกูลม้ากับเทคนิคช่างฝีมือสุดปราณีตด้วยการเคลือบเงินบริเวณหัวม้า พร้อมประดับดวงตาด้วยพลอยตาเสือ (Tiger’s Eye) โดยมาพร้อม 2 งานดีไซน์ที่แตกต่าง ได้แก่ Silver Trotting Horse Cane เรียบโก้ด้วยด้ามไม้เท้าทำจากไม้โซโน่ (Sono Wood) ประดับด้วยวัสดุสีเงินตัดตรงบริเวณด้ามไม้เท้า และ Silver Prancing Horse Cane with Wild Boar Fang เพิ่มความพิเศษบริเวณหัวม้าที่ประดับด้วยเขี้ยวหมูป่าเป็นด้ามจับที่ตัวไม้เท้าทำขึ้นจากไม้มะฮอกกานี (Mahogany) 

ถัดมาที่ตระกูลมังกรสัตว์แห่งเทพนิยายที่มีทั้งหมด 2 งานดีไซน์ด้วยกัน ได้แก่ Pearl Chasing Silver Dragon Cane with Wild Boar Fang มาพร้อมเทคนิคเคลือบเงินทั่วทั้งตัวมังกร โดดเด่นด้วยลำตัวที่ทำจากเขี้ยวหมูป่าสลักลวดลายด้วยแผ่นทองคำ พร้อมฝังดวงตาด้วยพลอยตาเสือ (Tiger’s Eye) ส่วนบริเวณตัวไม้เท้าทำจากต้นมะฮอกกานี (Mahogany) แบบต่อมา Fire Breathing Golden Dragon Cane งดงามด้วยหัวมังกรเคลือบทองคำพร้อมฝังในหัวมังกรด้วยแมลงสคารับ (Scarab) แมลงศักดิ์สิทธิ์ของชาวอียิปต์โบราณ เพื่อแสดงให้เห็นถึงเทคนิคชั้นครูและความลงตัวด้านดีไซน์ระหว่างสีทองและแมลง ส่วนดวงตาประดับด้วยอัญมณีสีแดง (Red Stone) และด้ามไม้เท้าทำจากไม้โซโน่ (Sono Wood) ที่ประดับด้วยวัสดุสีทองตัดกับเนื้อไม้

สัตว์ป่าตัวต่อมาคือนกอินทรี Sterling Silver with Gold Leaf Perched Eagle Cane ที่สร้างสรรค์จากไม้โซโน่ (Sono Wood) ทั้งชิ้น โดยส่วนหัวเคลือบด้วยทองคำบริเวณปากและปีกนก พร้อมประดับดวงตาด้วยอัญมณีสีแดง (Red Stone) 

ถัดมาที่ไม้เท้าหัวเป็ด Quacking Duck Cane with Silver and Gold Leaf สร้างสรรค์จากไม้โซโน่ (Sono Wood) ทั้งชิ้นเช่นกัน พร้อมเคลือบทองคำบริเวณปากเป็ด และฝังอัญมณีสีแดง (Red Stone) บริเวณดวงตา ดีไซน์ต่อมา Silver Ferocious Crocodile Cane หัวจระเข้เคลือบสีเงินพร้อมคาบหยกสีเขียวทรงกลม (Jade Ball) ไว้ในปาก ดวงตาฝังด้วยอัญมณีสีแดง (Red Stone) ส่วนบริเวณลำตัวไปจนถึงหางหุ้มด้วยหนังจระเข้สีเข้ม และด้ามไม้เท้าทำจากไม้โซโน่ (Sono Wood) 

และสุดท้ายคือหัวลิง Carved Wooden Playful Monkey Cane ที่ทำจากไม้โซโน่ (Sono Wood)  เช่นกัน เพิ่มลวดลายด้วยวัสดุสีทองตัดบริเวณด้ามไม้เท้า ส่วนดวงตาฝังด้วยพลอยตาเสือ (Tiger’s Eye) ที่สามารถผสมผสานวัสดุที่แตกต่างเข้าด้วยกันได้อย่างน่าสนใจ


Pottery-Clay-Cover

“พอทเทอรี เคลย์”ครบทุกเรื่องเซรามิคแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยเพื่อผู้ประกอบการและคนรักงานปั้น

Pottery-Clay-Cover
Pottery-Clay-Cover

“พอทเทอรี เคลย์” (Pottery Clay) ศูนย์รวมสินค้าและบริการงานเซรามิคที่แรก ที่เดียว ที่ครบมากที่สุดในประเทศไทย สำหรับผู้ประกอบการเซรามิคทั้งรายย่อยและรายใหญ่ในระดับอุตสาหกรรม รวมไปถึงกลุ่มคนรักงานปั้นภายใต้คอนเซ็ปต์ “One Stop Shopping” จำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์งานปั้น พร้อมบริการด้านงานเซรามิคที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน เหมาะสมกับการใช้งาน ทั้งยังมุ่งมั่นที่จะยกระดับคุณค่างานปั้นด้วยการเปิด ‘SOC : School of Ceramics โรงเรียนสอนปั้นเซรามิค by Pottery Clay’ พื้นที่ที่ให้เรียนรู้งานปั้นรอบด้าน ตั้งแต่ระดับพื้นฐานไปจนถึงระดับสูงเหมาะสำหรับทุกเพศวัย พร้อมต่อยอดเสริมสร้างทักษะจนสามารถนำไปประกอบสร้างอาชีพได้จริง

“พอทเทอรี เคลย์”ครบทุกเรื่องเซรามิคแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยเพื่อผู้ประกอบการและคนรักงานปั้น

นางสาวสราญรัตน์ พานิชสุขไพศาล กรรมการบริษัท พอทเทอรี เคลย์ จำกัด เผยว่า “จุดเริ่มต้นของพอทเทอรี เคลย์ เกิดขึ้นด้วยดินเพียง 1 กิโลกรัม ที่นำไปเสนอให้ลูกค้ากลุ่มศิลปินเซรามิคได้ทดลองใช้ ซึ่งดินที่ว่านี้เป็นสูตรเฉพาะที่คิดค้นขึ้นมาใหม่จากประสบการณ์ในแวดวงอุตสาหกรรมวัตถุดิบสำหรับผลิตเซรามิคที่ได้เรียนรู้มาจากธุรกิจของครอบครัว ลูกค้าจึงมั่นใจได้ว่าเราเป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างแท้จริงในเรื่องดิน เมื่อดินสูตรใหม่นี้ได้รับการยอมรับในคุณภาพ เราก็เริ่มมองไปยังองค์ประกอบอื่นๆ ในการผลิตชิ้นงานเซรามิคจนได้ข้อสรุปมาว่า การจะสร้างชิ้นงานขึ้นมาชิ้นหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นชิ้นเล็กหรือใหญ่ ยังมีเครื่องไม้เครื่องมือที่จำเป็นอีกมากมายที่ควรจะได้มาตรฐานเพื่อให้ชิ้นงานที่ออกมามีคุณภาพที่ดีที่สุด จึงเริ่มสร้าง“พอทเทอรี เคลย์” (Pottery Clay) ขึ้นมา เพื่อให้ที่นี่กลายเป็นศูนย์รวมสินค้าและบริการงานเซรามิคที่แรก ที่เดียว ที่มีของคุณภาพ ครบวงจรมากที่สุดในประเทศไทย

“สินค้าของเราจึงไม่ได้มีแค่ดินสูตรของเราเองเท่านั้น แต่ลูกค้ายังสามารถออเดอร์ให้จัดหาดินสำเร็จรูป รวมถึงพัฒนาสูตรดินขึ้นมาตามความต้องการในลักษณะ Made to order ได้ด้วย ทั้งยังนำเข้าดิน Keane จากประเทศออสเตรเลีย ซึ่งถือว่าเป็นดินที่มีสูตรเฉพาะเข้ามาให้นักปั้นได้ใช้งานโดยไม่ต้องสั่งออนไลน์ถึงต่างประเทศ ไม่ต้องรอนาน แค่มาที่เราก็ได้สัมผัสเนื้อดินจริงๆ และซื้อกลับไปใช้งานได้ทันที

“นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือและอุปกรณ์ทุกอย่างที่ต้องใช้ในการผลิตชิ้นงานเซรามิคจำหน่าย ไม่ว่าจะเป็นแป้นหมุน เตาเผาเซรามิคไฟฟ้าสีเคลือบต่างๆ เครื่องมือปั้นและอุปกรณ์ตกแต่งชิ้นงาน รวมไปถึงเครื่องจักรที่ผู้ประกอบการด้านอุตสาหกรรมเซรามิคต้องใช้ โดยเราคัดสรรคุณภาพของสินค้าที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลมาร่วมไว้ที่นี่ เช่น แบรนด์ SKUTT เตาเผาเซรามิคไฟฟ้าที่ศิลปินทั่วโลกยอมรับในคุณภาพมายาวนานกว่า 70 ปี หรือจะเป็น Amaco สีเคลือบสีเซรามิคจากประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือศิลปินมือโปรก็ต้องมีติดไว้ใช้งาน โดยพอทเทอรี เคลย์เป็นผู้จัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในไทย”

“เมื่อซื้อสินค้าจาก พอทเทอรี เคลย์ ไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นชิ้นเล็กหรือชิ้นใหญ่ ลูกค้ายังสามารถติดต่อเข้ามาปรึกษา การใช้งานต่างๆ กับเราได้ตลอดเวลา เพราะงานบริการหลังการขายคืออีกสิ่งหนึ่งที่เรามุ่งเน้นพนักงานของเรา ได้รับการปลูกฝังให้บริการอย่างเป็นกันเอง เป็นเพื่อนที่รักในงานเซรามิคเหมือนกัน แต่ทุกการบริการจะยังคงไว้ซึ่งมาตรฐานระดับมืออาชีพ เช่นในเรื่องเตาเผาเซรามิคไฟฟ้าหรือเครื่องจักรเซรามิคที่ไม่เพียงมีประกันคู่ไปกับทุกเครื่อง แต่เรายังนำส่งให้ถึงจุดหมาย พร้อมบริการติดตั้ง สอนการใช้งานไม่คิดค่าใช้จ่ายและในกรณีที่ลูกค้าบางคนยังมีกำลังไม่พอที่จะซื้อเตาเผาไปเป็นของตัวเอง เราก็ยังมีบริการเปิดเตาเผาสำหรับงานเผาชิ้นงานเซรามิค ซึ่งไม่ว่าจะนำชิ้นมามาเผาเพียงชิ้นเดียวหรือหลายร้อยชิ้น พอทเทอรี เคลย์ก็บริการให้หมด”

“ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา เราได้รับเสียงตอบรับที่ดีเป็นอย่างมากจากลูกค้าทั้งรายเล็กและรายใหญ่ในระดับอุตสาหกรรม นอกจากนี้ยังมีกลุ่มลูกค้าที่ไม่เคยสัมผัสงานเซรามิคมาก่อนเริ่มให้ความสนใจในงานด้านนี้กันมากขึ้น เราจึงเห็นโอกาสในการช่วยยกระดับและสร้างคุณค่าให้กับอาชีพนักปั้นเซรามิค จึงสร้างพื้นที่สำหรับกลุ่มคนกลุ่มนี้ที่ต้องการเรียนรู้งานปั้นเซรามิคและนำไปพัฒนาต่อยอดกลายเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ได้จริง จึงถือโอกาสในการก้าวเข้าสู่ปีที่ 6 ด้วยการเปิด ‘SOC : School of Ceramics โรงเรียนสอนปั้นเซรามิค by Pottery Clay’ พื้นที่ๆ เปิดสอนงานปั้น ให้ได้ปั้นจริง เผาจริง ตั้งแต่เริ่มต้นไปจนถึงระดับมืออาชีพ ซึ่งคอร์สสอนปั้นต่างๆ สอนโดยผู้เชี่ยวชาญที่จบเฉพาะทางเซรามิคอาทิ อ.ขวัญ – อนันตวัฒน์ วิวัฎฏ์กุลธร อาจารย์พิเศษ ภาควิชาออกแบบเซรามิค จากมหาวิทยาลัยบูรพา มาเป็นผู้สอนด้วยตัวเองทุกขั้นตอน

“SOC มีคอร์สต่างๆ ให้เลือกมากมาย ทั้งคอร์สระยะสั้น (One Day Workshop) ที่ใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงก็ปั้นได้ เช่น การสอนปั้นมือบนแป้นหมุน,ปั้นกระถาง, ปั้นชิ้นงานประติมากรรม เป็นต้น แต่สำหรับบางคนที่หลงใหลในการเพ้นท์หรืออยากสร้างลวดลายบนชิ้นงานเซรามิคอย่างเดียว ก็สามารถเลือกคอร์ส Paint Your Own Pot (PYOP) เพื่อเรียนรู้การออกแบบลวดลายและลงสีบนเซรามิคสำเร็จรูปในสไตล์ที่ต้องการได้สำหรับคนที่อยากลงลึกจริงๆ ก็มีคอร์สระยะยาว (Long Term Workshop) ซึ่งใช้เวลาเรียน 2 เดือน (สัปดาห์ละ 1 วัน) ซึ่งคอร์สนี้จะสอนทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ สอนเคล็ดลับทำเซรามิคด้วยเทคนิคขั้นสูง การทำลวดลาย การใช้เครื่องมือเฉพาะทาง เป็นคอร์สที่สามารถสร้างอาชีพได้หลังเรียนจบ”

“สำหรับเสียงตอบรับในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งทุกคนต้องเจอกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้เกิดความไม่แน่นอนในอาชีพ ประกอบกับเทรนด์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ต้อง Work From Home หลายคนจึงเริ่มมองหาอาชีพเสริมกันมากขึ้น บางคนมองหากิจกรรมใหม่ๆ ในทำช่วงที่มีเวลาว่างมากขึ้น ส่งผลให้คอร์สเวิร์คช้อปต่างๆ ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก จากเดิมที่เราเริ่มต้นด้วยคลาสสอนเพียงแค่2 คลาส ปัจจุบันพัฒนาเพิ่มขึ้นกลายเป็นเกือบ 50 คลาส โดยมีนักเรียนจบคอร์สกับเราไปแล้วเกือบพันคน ซึ่งนักเรียนที่อายุน้อยสุดที่มาเรียนคือ อายุ 6 ปี ที่ผู้ปกครองจะพามาเรียนรู้งานศิลปะอีกแขนงในช่วงเวลาว่าง ซึ่งเด็กๆจะได้สนุกกับปั้นดิน งานศิลปะแล้ว ยังช่วยในเรื่องของการพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กอีกด้วย ขณะที่นักเรียนที่อายุมากสุดคือ 76 ปี ซึ่งก็คือกลุ่มคนวัยเกษียณที่ต้องการหางานอดิเรกทำ เมื่อเข้าคอร์สปั้นก็ทำให้ได้เพื่อนใหม่ และยังได้การเคลื่อนไหวและกระตุ้นมองให้ได้ใช้ความคิดแบบเพลินๆ อีกด้วย

“ในปีที่ 6 ของพอทเทอรี เคลย์นี้ได้ตั้งเป้าหมายว่า จะต้องก้าวขึ้นไปเป็นจุดศูนย์รวมของสินค้าและบริการเซรามิคที่คนที่ชื่นชอบในงานเซรามิค ทั้งนักท่องเที่ยว หรือศิลปินชาวต่างชาติ เมื่อมาถึงเมืองไทย ถ้านึกถึงสินค้าและงานเซรามิค จะต้องนึกถึงพอทเทอรี เคลย์ เพราะที่นี่มีทุกอย่างครบ จบในที่เดียว และเร็วๆ นี้จะมีการเปิดพื้นที่สำหรับ Residency ที่จะเป็นโปรแกรมที่จัดสำหรับศิลปินด้านงานเซรามิคที่ๆต้องการทั้งที่พำนักอาศัยและทำงานไปด้วยให้อยู่ในที่เดียวกัน รวมถึงอีกหนึ่งเป้าหมายที่อยู่ในแผนที่จะทำคือ การเปิดพื้นที่ Gallery Ceramic แห่งแรกในประเทศไทย ที่จะเป็นพื้นที่ๆรองรับการจัดแสดงโชว์นิทรรศการ หรือผลงานเซรามิค งานประติมากรรมต่างๆโดยเฉพาะ

“ทั้งนี้เป้าหมายสูงสุดของพอทเทอรี เคลย์ คือการที่จะยกระดับงานปั้น งานฝีมือให้ผู้ที่ชื่นชอบงานศิลปะ ผู้ที่สนใจอยากเริ่มต้นเรียนรู้ ได้มาลองฝึก ลองลงมือทำ สร้างสรรค์ผลงานด้วยสองมือตัวเอง รวมไปถึงการสร้างคุณค่า พร้อมส่งเสริมอาชีพนักเซรามิคไทย ผ่านพื้นที่ของ School of Ceramics (SOC) เพราะเชื่อว่าฝีมือคนไทยในด้านงานสร้างสรรค์นั้นสามารถก้าวสู่ตลาดสากลได้อย่างทัดเทียม เพียงแค่มีวัตถุดิบ อุปกรณ์ รวมไปถึงการบริการในด้านงานเซรามิคที่จะเป็นตัวช่วยในการส่งเสริมให้พวกเขาได้สร้างผลงานกันออกมาได้อย่างเต็มที่แน่นอน”

ตั๊ก-บงกช

ตั๊ก-บงกช เข้ารับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นที่ ๖ ตั้งปณิธานทำคุณให้แผ่นดินชั่วชีวิต

Alternative Textaccount_circle
ตั๊ก-บงกช
ตั๊ก-บงกช

ตั๊ก-บงกช เบญจรงคกุล เข้ารับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ชั้นที่ ๖ เหรียญทองดิเรกคุณาภรณ์ โดยตั้งปณิธานทำคุณให้แผ่นดินชั่วชีวิต

สำหรับ บงกช  เบญจรงคกุล ไม่เพียงเธอจะเป็นนักแสดงฝีมือคุณภาพที่คนไทยรู้จักดีเท่านั้น แต่หากได้ติดตามชีวิตของเธอแล้วจะเห็นว่าเธอยังเป็นผู้ที่มักจะหยิบยื่นน้ำจิตน้ำใจช่วยเหลือสังคมมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งแบบเปิดเผยและไม่เปิดเผยกับสาธารณชน จนเป็นที่ชื่นชมเป็นอย่างมาก

รวมถึงเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา บงกช  เบญจรงคกุล ยังได้เข้าศึกษาด้านเกษตรกับ มูลนิธิชัยพัฒนา จนได้พัฒนาที่ดินเปล่า “ไร่เบญจรงค์กุล”ทำการเกษตรสมัยใหม่ เพื่อส่งทอดความรู้สู่คนรุ่นใหม่ นับเป็นการนำความรู้มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ล่าสุด 22 มิถุนายน 2565 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ท่าน ดร. สุเมธ ตันติเวชกุล เป็นประธานในพิธีรับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ โดย ตั๊ก บงกช เบญจรงคกุล ได้เข้ารับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกถึงคุณาภรณ์ ชั้นที่ ๖ เหรียญทองดิเรกคุณาภรณ์ (ร.ท.ภ) ณ สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา

น่ารักตะมุตะมิ ซูม 2 กระเป๋า Chanel ใบจิ๋วของ น้องลลิณ

account_circle

ขึ้นแท่นเป็นแฟชั่นนิสต้าตัวน้อยอีกคนแล้วสำหรับ น้องลลิณ ลูกสาว เนย โชติกา ต้องบอกเลยว่าลลิณยิ่งโตยิ่งน่ารักฉายแววซุป’ตาร์ตัวจิ๋วเหมือนแม่เนยไม่มีผิดโดยเฉพาะเรื่องแฟชั่น

น่ารักตะมุตะมิ ซูม 2 กระเป๋า Chanel ใบจิ๋วของ น้องลลิณ

หลายครั้งที่เราเห็นน้องลลิณมาในลุคสุดคิ้วทำเอาแฟนๆกดไลค์กระจายซึ่งบางลุคนั้นน้องก็มีแอคเซสเซอรี่เสริมอย่างกระเป๋า Chanel ใบจิ๋วน่าเอ็นดูมากแพรวเลยขอลิสต์เลยมาให้คุณๆดูกันว่า กระเป๋า Chanel  ของน้องมีรุ่นไหนกันบ้าง

สำหรับลุคนี้น้องลลิณมาในลุคสุดเท่ สะพายกระเป๋าชาแนลรุ่น Caviar Quilted Pearl Card Holder On Chain Black ซึ่งทำจากหนังคาร์เวียร์ เพิ่มดีเทลสุดหรูด้วย มุกประทับโลโก้ชาแนล ซึ่งติดกับสายโซ่สีทองของกระเป๋า ปัจจุบัน Sold out จากช็อปเป็นที่เรียบร้อย

มากันที่อีกหนึ่งลุคสุดคิ้วของน้องลลิณที่แมชต์เดรสสีชมพูตัดกับกระเป๋า Chanel Boy Belt Bag สีม่วงอ่อนได้อย่างลงตัวโดยกระเป๋ารุ่นนี้เปิดตัวครั้งแรกในช่วง A/W 2021 มีด้วยกัน 2 สีคือ Black และ Light Purple มาพร้อมสายโซ่ที่สามารถปรับได้ 3 ระดับตัวกระเป๋าทำมาจากหนังลูกวัวลายเกรน


“วี, โมบายล์, น้ำหนึ่ง, ปูเป้” BNK48 ทุ่มสุดตัวในภาพยนตร์ “ผ้าผีบอก”

แค่เปิดตัวมาก็เรียกเสียงกรี๊ดได้ดังสนั่น สำหรับภาพยนตร์เรื่อง “ผ้าผีบอก” ภาพยนตร์ฮาปนสยอง กับความสนุกจัดเต็ม พร้อมปมปริศนาชวนลุ้น ที่นำแสดงโดย “วี, โมบายล์, น้ำหนึ่ง, ปูเป้ และจีจี้ วง BNK48” พร้อมด้วย นักแสดงสุด Hot “หยิ่น อานันท์ & วอร์ วนรัตน์

ครั้งนี้ แพรว ได้มีโอกาสคุยกับ “วี, โมบายล์, น้ำหนึ่ง และปูเป้” กับบทสัมภาษณ์ถึงการทำงาน พร้อมด้วยภาพ #PraewDigitalCover สุดพิเศษ เพื่อแฟนๆ ทุกคน

“วี, โมบายล์, น้ำหนึ่ง, ปูเป้” BNK48 ทุ่มสุดตัวในภาพยนตร์ “ผ้าผีบอก”

เล่าถึงการทำงานภาพยนตร์เรื่องนี้หน่อยค่ะ

          โมบายล์           “เปิดมิติใหม่ในการทำงาน และเป็นบรรยากาศแปลกใหม่และสนุกสนานค่ะ เป็นการทำงานกับศิลปินคนอื่นๆ อย่าง และเป็นการร่วมงานภาพยนตร์กับ พี่หยิ่น พี่วอร์ ครั้งแรก ซึ่งพี่ๆ น่ารักค่ะ และด้วยความที่พี่ๆ 2 คนถ่ายซีรี่ส์กันมาเยอะ ดูแบบโปรมาก (ยิ้ม) และเต็มที่กับงานมากๆ ค่ะ ซึ่งก็เป็นแรงบันดาลใจให้เราตั้งใจทำงานด้วยเช่นกัน”

บทบาทในเรื่องของแต่ละคนเป็นอย่างไรคะ

            โมบายล์         “หนูรับบทเป็น ‘เก็ดถะวา’ เป็นหญิงสาวที่เรียบร้อย อ่อนแอ และป่วยง่าย จากทีเซอร์ที่ออกมาจึงเห็นว่า ใส่หน้ากากอยู่ตลอด ในเรื่องนี้แต่ละคนจะมาจากคนเมือง โดยจะมีสีประจำตัวด้วย อย่างหนู เป็นสีแดง เพราะมาจากเมืองที่ร่ำรวย”

            น้ำหนึ่ง             “น้ำหนึ่ง รับบทเป็น ‘สาระปี’ เครื่องแต่งกายเป็นสีชมพู เพราะมาจากเมืองดอกไม้ ซึ่งค่อนข้างขัดกับคาแรคเตอร์ เพราะว่าคาแรคเตอร์จะเป็นเจ๊ปากแจ๋ว ปากแซ่บ แบบว่าเท้าเอววีน (หัวเราะ) ถ้าไม่พอใจอะไรคือ ด่าเลย และไม่ค่อยสุงสิงอะไรกับใคร จะอยู่แต่กับ จีจี้ (รับบท ‘คำเคิบ’) ซึ่งเป็นคนติดตามของเรา”

            ปูเป้     “ปูเป้ รับบทเป็น ‘สะบันงา’ เป็นเจ้าหญิงชอบดื่ม (หัวเราะ) แบบว่าคอแห้งค่ะ ต้องพกขันติดตัวตลอด และค่อนข้างเจ้าเล่ห์ ฉลาดเกมส์โกง สีประจำเมืองคือ สีน้ำเงิน การแต่งกายก็มีจะเครื่องประดับเงิน พร๊อพแน่น”

            วี          “หนูรับบทเป็น ‘อัญญานางหอมนวล’  แม่หญิงจากเมืองนครผางาม แถบอีสาน คาแรคเตอร์ค่อนข้างเรียบร้อย แต่ไม่ยอมคน ใครร้ายมา ร้ายกลับ แต่จริงๆ แล้วเป็นคนดีนะคะ ซึ่งในเรื่องจะเป็นการไขปมปริศนาว่าใครเป็นคนฆ่า อัญญานางหอมนวล”

          น้ำหนึ่ง           “ซึ่งผู้ต้องสงสัยก็จะคือ 1 ในพวกเรานี่เอง”

ในการแสดง ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้างคะ

            น้ำหนึ่ง “ก่อนแสดงเราได้เวิร์คช้อปด้วยกัน 1 ครั้ง เพื่อทำความเข้าใจตัวละคร โดยมีพี่มะเดี่ยว (ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล โปรดิวเซอร์และผู้เขียนบทภาพยนตร์) ช่วยให้คำแนะนำ และอธิบายดีเทลต่างๆ ให้เราเข้าใจบทมากขึ้นค่ะ”

ในเรื่องมีการทอผ้าด้วย ต้องฝึกกันก่อนไหมคะ

            “ฝึก วันถ่ายทำเลยค่ะ” ตอบพร้อมกัน

            น้ำหนึ่ง           “อย่างถ้าวันนั้นมีถ่ายทำซีนทอผ้าตอนตีสาม ตอนทุ่มนึง เรากำลังฝึกทอกันอยู่เลยค่ะ” (หัวเราะ)

แล้วเรื่องภาษา อย่างภาษาเหนือ อีสาน ยากไหมคะ?

           วี          “ยากค่ะ วีนั่งท่องทั้งคืนเลย ซึ่งหนูเป็นคนโคราชก็จริง แต่ไม่ได้พูดภาษาอีสาน ฉะนั้นคืนก่อนวันถ่าย ก็ต้องขอคำปรึกษาจากพี่ๆ ในกอง ว่าคำนี้ต้องพูดอย่างไร สำเนียงแบบไหน ยิ่งซีนที่ต้องใช้อารมณ์ หรือเป็นคำด่า ยิ่งยากมากๆ ค่ะ”

            น้ำหนึ่ง             “ส่วนของพวกเราต้องด่าเป็นภาษาเหนือ ก็ยากเหมือนกันค่ะ ยิ่งคำเฉพาะต่างๆ พวกหนูก็ต้องให้พี่ๆ ทีมงานที่เป็นคนเหนือช่วยติวให้ เพราะว่าเรื่องนี้เราถ่ายทำกันที่เชียงใหม่”

          วี          “ในกองถ่าย มีทีมพี่ๆ สไตลิสต์ที่เป็นคนเหนือ ส่วนพี่ช่างไฟเป็นคนอีสาน  จึงเหมือนมีโค้ชช่วยติว 2 ภาษาเลยค่ะ” (ยิ้ม) 

            โมบายล์         “ส่วนของหนู บทจะค่อนข้างฉายเดี่ยว ไม่ค่อยได้เข้าซีนกับเพื่อนๆ และในเรื่องพูดภาษากลางค่ะ”

อะไรยากที่สุดในการแสดงเรื่องนี้คะ

            ปูเป้     “ยากที่สุดของหนูคือ การแสดง การพูดบทให้ดูไม่เหมือนท่อง การเล่นให้เป็นธรรมชาติที่สุด”

            น้ำหนึ่ง             “น้ำหนึ่งก็คล้ายๆ กันค่ะ เพราะประสบการณ์ด้านการแสดงของเรา (หันไปหาปูเป้) ค่อนข้างน้อย อย่างหนูกับปูเป้ก็จะไปด้วยกันทุกเรื่อง เป็นบทเสริม นิดๆ หน่อยๆ เรื่องนี้จึงถือว่าเป็นเรื่องที่มีบทพูดเยอะที่สุด จึงค่อนข้างกังวลว่า เราจะพูดเป็นธรรมชาติหรือเปล่า”

            โมบายล์           “สำหรับหนู คิดว่าเป็นเรื่องการสื่อสาร แสดงอารมณ์ทางสายตา เพราะหนูรู้สึกว่า ตาตัวเอง แบ๊ว ยิ่งซีนที่ต้องแสดงออกทางสายตาเยอะๆ จึงต้องฝึกในส่วนนี้เพิ่มขึ้นค่ะ อย่างบางวันก็จะนั่งหน้ากระจก แล้วฝึกถลึงตาดูค่ะ” (หัวเราะ) 

            วี          “เป็นเรื่องการพูดเหมือนกันค่ะ เพราะหนูพูดไม่ชัด และในเรื่องเป็นเหมือนคนดำเนินเรื่อง บทพูดเยอะมาก จึงต้องฝึกค่อนข้างเยอะค่ะ อีกอย่างคือเรื่องบุคลิกค่ะ อย่างการเดิน เพราะตัวจริงหนูค่อนข้างห้าวๆ อาจจะเดินไม่เรียบร้อย แต่ในเรื่องต้องใส่ชุดไทย ก็ต้องฝึกเดินให้เรียบร้อยขึ้น”

เม้าบรรยากาศในกองถ่ายหน่อยค่ะ ทำงานกับ “หยิ่น & วอร์” เป็นอย่างไรบ้าง

          วี          “ถ้าเรื่องสนุกๆ ขำๆ ต้องฝั่งแก๊งยูทูปเบอร์ในเรื่องเลยค่ะ อย่างพี่บอส (สหรัฐ หอมแสง) ที่รับบทเป็นหมอผี เขาเล่นหนังแนวนี้มาเยอะ และเขาเป็นผู้บ่าวอีสาน ทำให้เขามีมุกขำๆ เยอะมาก ยิ่งมุกไม่หยุดเลยค่ะ หรืออย่างเวลาพักกอง เขาก็จะมีเรื่องมาเล่า ทำให้ขำตลอด”

            โมบายล์         “ใช่ๆ เขาจะไม่ปล่อยให้เรานั่งนิ่งๆ เลยค่ะ (หัวเราะ) และตั้งแต่หนูรู้จักพี่วอร์ ทำให้หนูรักสัตว์โลกทุกชนิดขึ้น 100%”

            “เพราะพี่วอร์รักธรรมชาติมากกกกก” ทุกคนช่วยยืนยันเป็นเสียงเดียว

          วี        “เราทุกคนเป็น มัมหมีพี่น้องวอร์ แม้ว่าพี่เขาจะโตกว่าก็ตาม” (ยิ้ม)

            ปูเป้     “อย่างเวลาว่างๆ ไม่ได้เข้าฉาก พี่วอร์จะเดินไปดูมด ดูแมลง แล้วก็ตั้งชื่อให้ทุกตัวเลย”

            โมบายล์         “ส่วนพี่หยิ่น เหมือนเป็นเพื่อนแก๊งเดียวกับพวกเรา คุยกันได้ทุกเรื่อง สนุกสนานมากค่ะ”

บนเส้นทางการทำงานในฐานะ BNK48 คิดว่าตัวเองเติบโตขึ้นอย่างไรบ้าง และมีอะไรที่อยากลองทำอีกไหม

            น้ำหนึ่ง           “ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามา จนถึงวันนี้ รู้สึกว่าตัวเองเติบโตขึ้นเยอะมากๆ มีหลายอย่างที่ได้ทำ นอกเหนือจากการเป็นไอดอล ต้องขอบคุณผู้ใหญ่ที่หาโอกาสใหม่ๆ ให้พวกเราเสมอ อย่างล่าสุดผู้ใหญ่บอกว่า เห็นว่าน้ำหนึ่งมีความโจ๊ะ ตั้งแต่ออดิชั่นเข้ามาแล้ว ก็เลยจะได้งานที่เน้นความสนุกสนานมาตลอด (ยิ้ม) จึงทำให้เราได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ เยอะมาก

            “และถ้าถามว่ามีอะไรที่อยากลองอีกไหม จริงๆ ตั้งแต่ทำงานก็ได้ลองอะไรมาเยอะมากเลยค่ะ แต่ถ้ามีโอกาสก็อยากลองงานด้านแสดงเพิ่ม … อยากไปให้สุดกว่านี้ค่ะ” (ยิ้ม)

            ปูเป้     “ตั้งแต่เข้ามาเป็นเมมเบอร์ ก่อนหน้านี้หนูไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้ร้องเพลงภาษาอีสาน รวมถึงได้แสดงภาพยนตร์ ซึ่งพอทำงานมาเรื่อยๆ หนูได้ทำอะไรหลายอย่างมาก ได้เปิดประสบการณ์ใหม่ หนูดีใจมากๆ ที่ได้เข้ามาอยู่ใน BNK48 เพราะถ้าไม่ได้มาอยู่ตรงนี้ ก็คงไม่ได้ทำอะไรมากมายแบบนี้

            “รู้สึกว่าตัวเองเติบโตขึ้นเยอะมาก บวกกับได้มีโอกาสทำงานเบื้องหลังค่อนข้างเยอะ ได้เรียนรู้การทำงานในหลายๆ ตำแหน่ง ชอบที่สุดน่าจะเป็น การโปรดิวคอนเสิร์ต คิดรูปแบบ คอนเซ็ปต์ของโชว์ ชอบที่ได้คิดว่าจะทำอย่างให้คนดูสนุก และตื่นเต้นไปกับโชว์นั้น” (ยิ้ม)

            วี        “ของหนูก็คล้ายๆ กันค่ะ จากเมื่อก่อนที่คิดว่า อยากเป็นนักแข่งเกมส์ แต่พอได้เข้ามาตรงนี้ ก็ได้ทำอีกความฝันหนึ่ง นั่นคือ การเป็นศิลปิน ได้ร้องเพลง เต้น ได้แสดง รวมถึงการแต่งเพลงด้วย ซึ่งไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ตัวเองจะทำได้ หนูจึงดีใจมากๆ ที่ได้เข้ามาอยู่ตรงนี้ ขอบคุณ BNK48 มากๆ ที่ให้โอกาสหนูได้ทำอะไรเยอะมาก

             “และถ้ามีโอกาสก็อยากลองเล่นหนังบู๊ค่ะ (ยิ้ม) ก่อนหน้านี้มีช่วงหนึ่งหนูอินกับการเข้าฟิตเนส เล่นเวท ซึ่งเป็นช่วงก่อนถ่ายภาพยนตร์ ผ้าผีบอก ซึ่งนี่เองที่เป็นอุปสรรคในการแสดง ก็คือ รูปร่าง หนูรู้สึกว่าหุ่นตัวเองบึกไปหน่อย แขนเป็นกล้ามเลย (หัวเราะ) แต่เหตุผลที่เริ่มเข้าฟิตเนสตอนนั้น ก็เพราะว่าหนูอยากไปแข่งมวยรายการ 10 Fight 10 ค่ะ” (ยิ้ม)

           โมบายล์         “หนูรู้สึกว่าตัวเองเติบโตขึ้นเยอะมาก เพราะว่าเข้ามาตั้งแต่อายุ 13 ปี ฝันอยากเป็นนักร้อง ชอบร้องเพลง ชอบเต้น แต่พอได้เข้ามาเป็นศิลปิน ก็ได้ทำงานที่หลากหลายขึ้น จำได้ว่าตอนที่ได้เป็น MC ครั้งแรก ยังพูดไม่ค่อยรู้เรื่องเลยค่ะ แต่ก็ได้ฝึกฝนและพัฒนาฝีมือเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้หนูเติบโต และแข็งแรงขึ้น ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ แม้ว่าบางช่วงอาจจะมีเป๋ๆ ไปบ้าง เพราะว่ายังเด็ก แต่โชคดีที่มีเพื่อนๆ ในวง แฟนคลับที่รักเรา และผู้ใหญ่คอยช่วยเหลือ คอยซัพพอร์ต ทำให้หนูเติบโตมาถึงจุดนี้ได้ค่ะ

            “ส่วนเรื่องที่อยากทำ ถ้ามีโอกาสก็อยากออกซิงเกิ้ลเดี่ยวค่ะ (ยิ้ม) ความฝันสูงสุดคือ อยากเป็นศิลปิน มีคอนเสิร์ตของตัวเอง” (ยิ้ม)

ปิดท้าย…ฝากภาพยนตร์ “ผ้าผีบอก” สักนิดค่ะ

          น้ำหนึ่ง           “ผ้าผีบอก เป็นภาพยนตร์ที่ครบทุกรส สามารถดูได้ทุกเพศ ทุกวัย เชื่อว่าทุกคนมาดูแล้วต้องได้รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะกลับไปอย่างแน่นอน และเรื่องนี้พวกเราทุกคนเต็มที่มากๆ จัดหนัก จัดเต็ม ทั้งชุด เสื้อผ้า หน้าผม โปรดักชั่นต่างๆ รวมถึงทีมงานทุกคนทั้งเบื้องหน้า เบื้องหลัง ก็เต็มที่กันมากๆ อยากฝากให้ทุกคนมาชมกันในโรงภาพยนตร์เยอะๆ นะคะ”

ติดตามชม ภาพยนตร์ “ผ้าผีบอก” วันพฤหัสบดีที่ 23 มิถุนายน นี้ ทุกโรงภาพยนตร์

 

ภาพยนตร์ “ผ้าผีบอก”

          มะเดี่ยว –  ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล โปรดิวเซอร์และผู้เขียนบทภาพยนตร์ เผยว่า “ภาพยนตร์เรื่อง “ผ้าผีบอก” ทุ่มทุนสร้างโดย บริษัท อินดิเพนเด้นท์ อาร์ทิสท์ เมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ iAM (ไอแอม) ต้นสังกัดกลุ่มศิลปินไอดอลหญิงวงBNK48  ในการมาร่วมทำงานโปรดิวเซอร์ภาพยนตร์และผู้เขียนบทภาพยนตร์ จึงเกิดแรงบันดาลใจเรื่องราวนำนวัตกรรม ศิลปะ ผู้หญิง ความลึกลับทูตผีปีศาจปูเรื่อง ดีไซน์ให้ภาพรวมภาพยนตร์ ผ้าผีบอก ตระหนักให้ผู้ชมดูแล้วไม่เกิดความเครียด ไม่น่ากลัวจนเกินไป  จึงเป็นแนว คอมเมดี้ สร้างพล็อตเรื่องให้น่าติดตามและผูกเรื่องให้น่าสนใจในเรื่องราวปมปริศนา “ผ้า” ล้านนากับล้านช้าง

         “จินตนาการเรื่องราวเชื่อมโยง 2 ยุค สร้างสรรค์ผลงานย้อนยุคไปกว่า 1,000 ปี และยุคปัจจุบัน  ให้มีความสนุกอย่างลงตัว จุดเด่น เสื้อผ้ายกเครดิตให้ทีมดีไซน์เสื้อผ้านักแสดงเป็นน้องทีมงานรุ่นใหม่ที่ทุ่มเทศึกษาข้อมูลและออกแบบสร้างสรรค์เสื้อผ้านักแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้ ให้เอกลักษณ์ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมภาคเหนือและภาคอิสาน นับว่าเสื้อผ่าส่งเสริมคาแรคเตอร์นักแสดงให้โดดเด่นอย่างมาก”


เรื่อง Minim

ช่างภาพ วรสันต์ ทวีวรรธนะ

ผู้ช่วยช่างภาพ ภาดร ขจรฤทธิ์

ฝังเข็ม

“ฝังเข็ม” ช่วยปรับสมดุล บำบัดฟื้นฟูผู้ป่วยโรคระบบประสาท ได้จริงหรือไม่?

Alternative Textaccount_circle
ฝังเข็ม
ฝังเข็ม

กรมการแพทย์ โดยสถาบันประสาทวิทยา เผยการ ฝังเข็ม บำบัดฟื้นฟูผู้ป่วยโรคทางระบบประสาท ช่วยปรับการทำงานของร่างกายและอวัยวะต่างๆ ให้กลับสู่สภาพสมดุลปกติหรือใกล้เคียงปกติให้มากที่สุด

“ฝังเข็ม” ช่วยปรับสมดุล บำบัดฟื้นฟูผู้ป่วยโรคระบบประสาท

การฝังเข็มคือศาสตร์หนึ่งในแพทย์แผนจีน ซึ่งมีใช้กันมานาน โดยการใช้เข็มที่มีขนาดเล็กมากฝังตามจุดฝังเข็มบนร่างกายตามทฤษฎีการแพทย์แผนจีน กลไกการรักษาโรคด้วยการฝังเข็มตามทฤษฎีวิทยาศาสตร์การแพทย์ปัจจุบันพบว่า การฝังเข็มเป็นการกระตุ้นตัวรับสัญญาณระบบประสาทของปลายประสาทหลายชนิดที่กระจายอยู่ในแต่ละชั้นของเนื้อเยื่อ ตั้งแต่ชั้นผิวหนัง เนื้อเยื้อใต้ผิวหนัง เยื่อหุ้มกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อ เส้นประสาท และหลอดเลือด ทำให้เกิดสัญญาณประสาทผ่านเข้ามาในไขสันหลัง

ซึ่งสัญญาณประสาทส่วนหนึ่งจะย้อนออกไปจากไขสันหลังเกิดเป็นวงจรสะท้อนกลับ(reflex) ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื้ออวัยวะบริเวณใกล้เคียงที่ถูกเข็มปัก เช่น มีการขยายตัวของหลอดเลือด มีการคลายตัวของกล้ามเนื้อที่หดเกร็ง เป็นต้น

ฝังเข็ม 1

สัญญาณประสาทอีกส่วนหนึ่งจะเคลื่อนที่ไปตามไขสันหลังเข้าสู่สมองเพื่อไปกระตุ้นศูนย์ควบคุมต่างๆในสมองให้มีการหลั่ง “สารสื่อสัญญาณประสาท” ออกมาหลายชนิดพร้อมกับการกระตุ้นสัญญาณประสาท โดยเฉพาะระบบประสาทอัตโนมัติ

การฝังเข็มบำบัดฟื้นฟูผู้ป่วย ช่วยยับยั้งความรู้สึกเจ็บปวด คลายกล้ามเนื้อ ปรับการทำงานของอวัยวะและระบบต่างๆให้กลับสู่สภาพสมดุลตามปกติ ควบคุมการหลั่งฮอร์โมนให้อยู่ในสภาพที่เหมาะสม กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดทั้งบริเวณเฉพาะที่และทั่วร่างกาย ช่วยปรับภูมิคุ้มกันของร่างกายให้อยู่ในสภาพปกติ เพื่อกำจัดเชื้อโรค ยับยั้งปฏิกิริยาภูมแพ้ที่ไวเกินไป ปฏิกิริยาการอักเสบ เป็นต้น

ซึ่งการรักษาโรคด้วยการฝังเข็มมีอยู่กว้างขวางมากมาย ปัจจุบันองค์การอนามัยโลก(WHO)ประกาศให้การรับรองและระบุโรคและกลุ่มโรคที่สามารถรักษาได้ด้วยการฝังเข็มกว่า 100 โรค และมีรายงานวิจัยหลายรายงานพบว่า โรคบางโรครักษาโดยการฝังเข็มให้ผลการรักษาดีเทียบเท่าหรือมากกว่าการใช้ยา มีความปลอดภัยและลดโอกาสเสี่ยง ต่อผลข้างเคียงของการใช้ยาด้วย โดยสถาบันประสาทวิทยาเปิดให้บริการการรักษาด้วยการฝังเข็มควบคู่ไปกับการรักษาแผนปัจจุบัน ผู้ป่วยที่จะเข้ารับการรักษาโดยวิธีฝังเข็มนั้น จะต้องผ่านการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์ก่อนว่าสามารถเข้ารับการรักษาได้หรือไม่

ซึ่งมีโรคด้านระบบประสาทและไขสันหลังหลากหลายโรค เช่น โรคหลอดเลือดสมอง ปวดศีรษะ ปวดเส้นประสาทบนใบหน้า ปวดคอ ปวดหลัง หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท บาดเจ็บไขสันหลัง อัมพาตใบหน้า เส้นประสาทอักเสบ เป็นต้น การฝังเข็มจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการบำบัดฟื้นฟูระบบต่างๆ ของร่างกายสู่สภาพสมดุลปกติ


ข้อมูล : กรมการแพทย์ โดยสถาบันประสาทวิทยา
ภาพ : Pexels

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

keyboard_arrow_up