นับเป็นปรากฎการณ์การช้อปปิ้งแบบรูปแบบใหม่ ที่เหล่านักช้อปไม่ต้องตั้งตารอคอยหรือแสวงหาการบินไปต่างประเทศเพื่อซื้อสินค้าชั้นนำแบรนด์ดังอีกต่อไป เมื่อ‘ท็อปส์’ ผู้นำค้าปลีกซูเปอร์มาร์เก็ตของเมืองไทยในเครือเซ็นทรัล รีเทล  เดินหน้าสร้างสีสันครั้งใหม่แห่งการช้อปปิ้ง พร้อมตอบรับทุกความต้องการของลูกค้าในทุกไลฟ์สไตล์ เตรียมเปิดตัว Tops CLUB (ท็อปส์ คลับ) เมมเบอร์คลับที่รวบรวมของกินของใช้ต่างๆ จากทั่วโลกมาให้แก่สมาชิกได้ช้อปในราคาสุดพิเศษครั้งแรกของเมืองไทยที่ ซึ่งล่าสุดนั้นได้ชิมลาง จัด ‘Tops CLUB’ Pop-up Store ให้เหล่านักช้อปเมืองไทยได้ลองสัมผัสแบบเอ็กซ์คลูซีฟก่อนใคร ก่อนที่จะเปิดให้บริการแบบเต็มรูปแบบในเดือนกันยายนนี้ ที่ย่านพระราม 2 พร้อมเปิดรับสมาชิกช่วง Early Bird เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชันและสมัครสมาชิกในราคาเพียง 799 บาท/ปี จากปกติ 999 บาท วันนี้จนถึง 30 กันยายน 2565

สำหรับ ‘Tops CLUB’ Pop-up Store มาในคอนเซ็ปต์ Exclusive shopping with Membership Price ที่จะเปิดประสบการณ์การช้อปปิ้งแบบใหม่ให้กับผู้บริโภค ที่มาพร้อมกับ 3 ไฮไลต์ ได้แก่

• เพลิดเพลินกับความอร่อยระดับนานาชาติ ด้วยสินค้าขนมแบรนด์ดังในดวงใจ

Tops CLUB รวบรวมเอาความอร่อยระดับนานาชาติ มาไว้ใน Pop-up Store ให้ช้อปได้ก่อนใครที่นี่ที่เดียว พร้อมให้คุณเพลิดเพลินกับขนมขบเคี้ยวสินค้าคุณภาพสูงและพรีเมียมนำเข้าส่งตรงจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นถั่วและช็อกโกแลตอัลมอนด์ แบรนด์ KIRKLAND Signature จากอเมริกา, ผักอบกรอบ ที่เก็บเกี่ยวจากฟาร์มคุณภาพดีในออสเตรเลีย แบรนด์ DJ&A, สาหร่ายเกาหลีพรีเมียมที่เก็บเกี่ยวในฤดูหนาวอบกรอบรสชาติเอเชียแท้ แบรนด์ MANJU , สัมผัสความสุขแบบจับต้องได้ ส่งตรงจากนิวซีแลนด์ กับไอศกรีมแบรนด์ Killinchy Gold ทั้ง 6 ชาติและสินค้าอื่นๆ อีกมากมาย

• ตอบโจทย์ทุกเจนเนเรชัน ครบครันทุกความต้องการ ของทุกคนในครอบครัว

จัดเต็มสินค้าคุณภาพยืนหนึ่งความเป็นผู้นำด้านความครบครันที่ดีที่สุด ด้วยสารพัดสินค้าอิมพอร์ตที่ตอบโจทย์กับทุกไลฟ์สไตล์ และความชอบของทุกคนในครอบครัว พบกับตุ๊กตาหมีตัวยักษ์ขนาดใหญ่กว่า 1.6 เมตร ที่พร้อมส่งต่อความรักให้กับคุณหนู ๆ หรือของเล่นสุดสนุกคุณภาพดีจากแบรนด์ ADVENTURE FORCE ในราคาหลักร้อยเท่านั้น นอกจากนี้ยังเอาใจคนรักไลฟ์สไตล์แอดเวนเจอร์ชอบแค้มป์ปิ้งด้วยโต๊ะปิกนิค และเก้าอี้สนาม จากแบรนด์  MAINSTAYS และ OZARK TRAIL ในราคาที่คุณจะต้องร้องว้าว มากไปกว่านั้น Tops CLUB ยังรวบรวมสินค้าของกินของใช้ เฟอร์นิเจอร์สำหรับทุกคนในครอบครัว

• ช้อปปิ้งแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ความพิเศษเหนือระดับครั้งแรกกับระบบเมมเบอร์ชิพ  

นอกเหนือจากสินค้าระดับท็อปที่อิมพอร์ตจากต่างประเทศแล้วนั้น การสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งแบบพิเศษผ่าน “ระบบสมาชิก” เพื่อมอบสิทธิประโยชน์และความคุ้มค่าเหนือระดับให้แก่สมาชิกได้ช้อปในราคาที่คุ้มค่า คุ้มราคา เลือกช้อปได้ก่อนใครแบบไม่ต้องพรีออเดอร์จากต่างประเทศทั้งที่ Tops CLUB Pop-up Store และ Online Store ผ่านแอปพลิเคชัน Tops CLUB พิเศษ! ช่วง Early Bird นี้ เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชันและสมัครสมาชิกในราคาเพียง 799 บาท/ปี ช้อปสินค้าไม่มีขั้นต่ำ ส่งฟรี! ถึง 31 ธันวาคมนี้ *เฉพาะพื้นที่กรุงเทพมหานคร พร้อมสะสมคะแนน The1 เพื่อแลกรับสิทธิพิเศษมากมาย สมัครได้ตั้งแต่วันนี้ – 30 ก.ย. 2565 เท่านั้น

สัมผัสประสบการณ์ใหม่ของการช้อปปิ้งสินค้านำเข้า ที่ Tops CLUB Pop-up Store ได้ก่อนใคร
ทั้งที่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พระราม 2 ชั้น 1 ตั้งแต่วันนี้ – 2 ตุลาคม 2565, ศูนย์การค้าเมกาบางนา ชั้น G โซน FoodWalk Plaza ตั้งแต่วันนี้– 31 สิงหาคม 2565 และศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ชั้น 4 ตั้งแต่วันที่
16 สิงหาคม – 11 กันยายน 2565 ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Tops CLUB คลิก  http://topsclub.app.link ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊ก TopsThailand, หรือแอปพลิเคชันไลน์ @TopsThailand

กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดย กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พม.) และดีแทค ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการยกระดับขีดความสามารถของกลุ่มชนเผ่าพื้นเมืองสู่ผู้ประกอบการออนไลน์ เผยคัดเลือกหมู่บ้านบนพื้นที่สูงที่มีผลิตภัณฑ์ชุมชนโดดเด่นนำร่องเข้ารับการอบรมโครงการ จำนวน 24 หมู่บ้าน ครอบคลุม 7 ชนเผ่าพื้นเมือง พัฒนาสู่ผู้ประกอบการมืออาชีพ หวังเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจของราษฎรบนพื้นที่สูง และร่วมส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน พร้อมตั้งเป้าครอบคลุมมากกว่า 20 กลุ่มชนเผ่าพื้นเมืองที่อาศัยอยู่บนพื้นที่สูงใน 3 ปี

พม. จับมือดีแทค เน็ตทำกิน ชูดิจิทัลเชื่อมต่อภูมิปัญญานำร่อง 24 หมู่บ้าน 7 กลุ่มชนเผ่าพื้นเมืองพื้นที่สูง ตั้งเป้าเพิ่มรายได้สูงสุด 50%

9 สิงหาคม ของทุกปี สหประชาชาติกำหนดให้เป็นวันชนเผ่าพื้นเมืองดั้งเดิมโลก (International Day of the World’s Indigenous Peoples) โดยปีนี้ สหประชาชาติได้เผยแพร่ข้อมูลว่า ชนเผ่าหรือชนพื้นเมืองทั่วโลกที่ทำงานมี 47% ที่ไม่ได้รับโอกาสทางการศึกษา เทียบกับกลุ่มแรงงานอื่นจะมีเพียง 17% โดยจะยิ่งเพิ่มขึ้นสำหรับกลุ่มชนเผ่าเพศหญิงอีกด้วย นอกจากนี้ ชนเผ่าพื้นเมืองทั่วโลกมากกว่า 86% ทำงานในระบบเศรษฐกิจนอกระบบ เทียบกับกลุ่มแรงงานที่ไม่ใช่ชนเผ่ามีจำนวน 66% และมีข้อสรุปว่ากลุ่มชนเผ่าจะยากจนรุนแรงมากกว่ากลุ่มอื่นถึง 3 เท่า  สำหรับประเทศไทยมีชนเผ่าพื้นเมืองจำนวนมากกว่า 6 ล้านคน จาก 70 กลุ่มชาติพันธุ์ ซึ่งกระจายอยู่ใน 67 จังหวัดตามภาคต่าง ๆ ส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่บนพื้นที่สูงทางภาคเหนือ และทางภาคใต้

นายอนุกูล ปีดแก้ว อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ เปิดเผยว่า พม. หรือกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้เดินหน้านำยุทธศาสตร์ด้านพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพคน ด้วยการนำ SOFT POWER  ที่เป็นอัตลักษณ์ และวิถีชนเผ่า มาสร้างเศรษฐกิจมูลค่าสูงให้แก่ชนเผ่าพื้นเมือง ที่เป็นกลุ่มเปราะบาง และกลุ่มราษฎรบนพื้นที่สูง ทั้งหมด 24 กลุ่มหรือหมู่บ้าน ในจังหวัดต่าง ๆ ได้แก่ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำพูน อุทัยธานี น่าน และพะเยา เพื่อสร้างโอกาส ความเสมอภาค และลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ โดยกำหนดแผนที่จะสร้างกลุ่มชนเผ่าพื้นเมืองให้กลายเป็น “ผู้ประกอบการออนไลน์” สร้างอาชีพทางเลือก ส่งเสริมการนำผลิตภัณฑ์พื้นบ้านท้องถิ่นเข้าสู่ตลาดออนไลน์ เข้าถึงง่ายทั่วทุกมุมโลก ภายใต้แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจไทย 4.0 E-Marketing จึงได้ร่วมมือกับดีแทค เน็ตทำกิน ในการพัฒนาทักษะแก่กลุ่มชนเผ่าพื้นเมืองลดความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล โดยตั้งเป้าเพิ่มรายได้ให้กับกลุ่มชนเผ่าสูงสุด 50% โดยทาง พม. จะเสริมการอบรมกับกลุ่มชนเผ่าในเรื่องการจัดการธุรกิจ อาทิ การทำบัญชี การสร้างมาตรฐานสินค้าสู่โอทอป (OTOP) หรือการขอจดทะเบียน อย. เป็นต้น

นายสตีเฟ่น เจมส์ แฮลวิก รักษาการรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มกิจการองค์กร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่าดีแทคดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานการเคารพสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะในมิติที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมให้ประชากรเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานอย่างเท่าเทียมโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ เพศ ภูมิลำเนา ฯลฯ ซึ่งธุรกิจโทรคมนาคมมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการเชื่อมต่อให้ประชากรทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงองค์ความรู้ต่างๆ ที่เป็นประโยชน์สำหรับการสร้างอาชีพ เพิ่มรายได้ และคุณภาพชีวิตด้วยโมบายล์เทคโนโลยี ความร่วมมือกับกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการแสดงถึงการดำเนินงานของดีแทคเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงเทคโนโลยีแก่กลุ่มชนเผ่าพื้นเมืองที่อาศัยอยู่บนพื้นที่สูง ผ่านโครงการ “ดีแทค เน็ตทำกิน” สร้างทักษะดิจิทัลสำหรับการประกอบธุรกิจและการตลาด เมื่อผนวกรวมกับแผนงานของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการที่เน้นเสริมศักยภาพกลุ่มชนเผ่าพื้นเมืองให้เป็นชุมชนที่พึ่งพาตนเองได้ จะนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน ที่ผ่านมา ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการดีแทค เน็ตทำกินมีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 40-50% และก้าวสู่การเปลี่ยนผ่านเพื่อสร้างโอกาสหาเลี้ยงชีพใหม่บนแพลตฟอร์มดิจิทัลได้อย่างมั่นใจ ทั้งนี้ เรายังเสริมโครงการอบรมสร้างทักษะวิทยากร (train-the-trainer) เพื่อช่วยถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์สู่กลุ่มชนเผ่าอื่นๆ อีกด้วย”

สู่เป้าหมายทีมดีแทค เน็ตทำกิน เดินหน้าติดอาวุธทักษะทางดิจิทัลให้กับกลุ่มชนเผ่าพื้นเมือง

• เพิ่มรายได้ 15-20% ต่อราย/กลุ่ม หลังจากผ่านการอบรมไปแล้วอย่างน้อย 6 เดือน ซึ่งในระหว่าง 6 เดือนนี้ ผู้เข้าร่วมโครงการสามารถได้รับการอบรม (coaching) เพิ่มจากโค้ชทีมดีแทค เน็ตทำกินได้อย่างต่อเนื่องผ่านทาง Line และสามารถเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ได้ตลอด เช่น Live talks เป็นต้น
• เพิ่มทักษะทางดิจิทัลเพิ่มขึ้น วัดจากแบบสอบถามที่แบ่งทักษะทางดิจิทัลเป็นระดับเบื้องต้น (beginner) ระดับกลาง (intermediate) และระดับสูง (advance) ในมิติต่างๆ เช่น การใช้โซเชียลมีเดีย เพื่อโปรโมทสินค้าและสื่อสารกับลูกค้าโดยตรง สามารถใช้ช่องทางขายออนไลน์ แพลตฟอร์มต่างๆ รวมทั้งการใช้แอปพลิเคชันเพื่อบริหารจัดการธุรกิจ เป็นต้น
• เพิ่มทักษะและความมั่นใจในการประกอบธุรกิจเพิ่มขึ้น โดยวัดจากแบบสอบถามที่มีตัวชี้วัดในมิติต่างๆ เช่น เริ่มมีเงินออม เริ่มปลดหนี้ได้ และเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้ เป็นต้น.

เสียงกลุ่มชนเผ่าพื้นเมืองสะท้อนวิถีชีวิตและอัตลักษณ์ของคนพื้นที่สูงสู่ผู้ประกอบการออนไลน์

นางสาวลภาวัน เซมือ หรือ นี หนึ่งในกลุ่มชนเผ่าพื้นเมืองที่มีภูมิปัญญาด้านงานฝีมือที่เป็นเสน่ห์ของชาวอาข่า อาทิ เสื้อชนเผ่า กระเป๋า ย่ามทำมือ และสร้อย สะท้อนความรู้สึกในการทำมาหากินว่าเมื่อก่อนได้ผลิตสินค้าของชนเผ่าอาข่าที่ทำเอง แต่ไม่รู้เรื่องการทำตลาด ยิ่งการทำตลาดออนไลน์ยิ่งไม่รู้จะเริ่มอย่างไร แต่ได้มาร่วมโครงการฝึกทักษะผู้ประกอบการกับกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ และดีแทค เน็ตทำกิน โดยได้เดินทางมาจากดอยแม่สลองขี่มอเตอร์ไซค์มาคนเดียวกว่า 30 กิโลเมตร เพื่อร่วมโครงการ ตอนนี้ได้รู้จักแพลตฟอร์มออนไลน์ ไลฟ์ขายผ่านเฟซบุ๊ก ซึ่งทำให้ยิ่งขายสินค้าได้มากขึ้นโดยเฉพาะผ้าฝ้ายทอมือที่เรามาทำเป็นกระโปรงอาข่า เสื้อผ้าทอ ปลอกขาต่างๆ จะขายดี

นางสาวพงสุต กาญจนาบรรพต หรือตู่ จากกลุ่ม “กะเหรี่ยง” ชนเผ่าพื้นเมือง จ.เชียงราย หนึ่งในผู้เข้าร่วมอบรมผู้ประกอบการออนไลน์เล่าว่าสินค้าของทางกลุ่มจะเป็นผ้าทอชนเผ่าชาวกะเหรี่ยง หรือ “ปกาเกอะญอ” ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของกลุ่มและแฝงความเชื่อทางมูเตลู เช่น ผ้าทอสีแดงใช้แล้วจะมีเงินทองไหลมาเทมา ผ้าทอสีชมพูจะเพิ่มความสุขสดใสให้กับชีวิตของผู้สวมใส่ โดยการเข้าร่วมฝึกทักษะกับดีแทค เน็ตทำกินนอกจากจะเข้าใจเรื่องขายสินค้าออนไลน์ การถ่ายภาพให้สวยเพิ่มขึ้นแล้ว ยังทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นและทำให้ความรู้เรื่องผ้าของชนเผ่าได้ถูกถ่ายทอดผ่านเพจไม่เลือนหาย และเป็นแหล่งรายได้นอกเหนือจากการทำอาชีพเพาะปลูก

นายโสภณ แซ่ลี หรือที่ชุมชนเรียกว่าลุงเอจ้อย ให้ความคิดเห็นว่าการเพิ่มทักษะออนไลน์ช่วยเปิดตลาดใหม่ให้กับชุมชนมากกว่า 40 คน ซึ่งทำอาชีพเครื่องเงินที่บ้านขุนแม่บง โดยก่อตั้งมาราว 20 ปี เมื่อก่อนจะขายสินค้าผ่านช่องทางการท่องเที่ยวและคนที่เดินทางไปต่างประเทศ แต่พอวิกฤตโควิด-19 ทำให้ยอดขายสินค้าหายไป ซึ่งพยายามนำพวกเครื่องประดับเครื่องเงินพวก สร้อย แหวน กำไลมาจำหน่ายผ่านร้านค้า หรือออกบูธตามงาน พอได้มาอบรมกับโครงการนี้ ทำให้เข้าใจการทำตลาดออนไลน์และนำไปต่อยอดขายทำเพจเฟซบุ๊กเครื่องเงินบ้านขุนแม่บง ซึ่งเป็นช่องทางช่วยสร้างรายได้เพิ่มให้กับสมาชิกของชุมชน

ทั้งนี้ ความร่วมมือในการยกระดับขีดความสามารถของกลุ่มชนเผ่าพื้นเมืองสู่ผู้ประกอบการออนไลน์ ของดีแทค เน็ตทำกินได้มุ่งสร้างศักยภาพให้กับกลุ่มชนเผ่าพื้นเมืองที่กำลังเผชิญกับปัญหาและความท้าทายร่วมสมัย ในการนำดิจิทัลผสานกับวิถีชีวิตดั้งเดิม สร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าและบริการตามความถนัดอัตลักษณ์ชุมชน ด้วยจุดเด่นของตนเองอย่างมีศักยภาพ ตอบสนองต่อนโยบายสำคัญของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาความยากจน และลดความเหลื่อมล้ำอีกด้วย

ที่สุดแห่งประสบการณ์ชมเครื่องประดับและจิบน้ำชายามบ่ายสุดล้ำค่า เมื่อ “มิสซิส” (MISIS) แบรนด์เครื่องประดับชื่อดังสัญชาติอิตาลี โดย ดร. ฐิติพร สถาวรมณี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซตเต้ เวอร์ทู จำกัด ร่วมกับ โรงแรม เดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ จัดงาน “MISIS The Language of Flowers Afternoon Tea” เพื่อเปิดตัว 5 คอลเลกชันเครื่องประดับล่าสุดของแบรนด์​ ได้แก่ Gemina, Volterra, Asolo, Everglades และ Marisol สุดยอดผลงานการออกแบบอันเหนือชั้น ที่นำแรงบันดาลใจมาจากมนต์เสน่ห์ของหมู่มวลดอกไม้มาถ่ายทอดได้อย่างจับใจ ให้ได้รื่นรมย์กับประสบการณ์ชมแฟชั่นโชว์ที่น่าจดจำและประทับใจ ในบรรยากาศจิบน้ำชายามบ่ายแสนอบอุ่นและเอกซ์คลูซีฟ ด้วยเซ็ตเมนูที่เชฟมากฝีมือจากโรงแรมเดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ ตั้งใจรังสรรค์เมนูคาวหวานขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อร่วมถ่ายทอดความงดงามของเครื่องประดับแบรนด์ดังจากประเทศอิตาลี

ภายในงานพบกับไฮไลท์สุดพิเศษ กับมินิแฟชั่นโชว์ที่ได้แบรนด์ “MeiMei Proudly Thai” มาร่วมเนรมิตชุดสวย นำผ้าไทยที่เป็นเอกลักษณ์มาปรับลุคให้เข้ากับบรรยากาศของงาน Afternoon High Tea  เพื่อนำเสนอคอลเลกชั่นของ “มิสซิส” (MISIS) ได้อย่างลงตัว

โดยงานนี้ได้รับเกียรติจากเซเลบริตี้กิตติมศักดิ์มากมายมาร่วมถ่ายทอดความงดงามของเครื่องประดับ อาทิ คุณแพนเค้ก เขมนิจ – คุณแพม นวลนงค์ จามิกรณ์, คุณพอฤทัย ณรงค์เดช, คุณดวงพร บุณยะจินดา, คุณตุ๊กตา จิตรลดา – คุณสตางค์ ดิษย์ลดา ดิษยนันท์, คุณศรีสุภางค์ มอริส, คุณอุษณีย์  มหากิจศิริ  ลีโอณีโอ, คุณสามสรา เอี่ยมเอกดุลย์, คุณพลอยฝน – เฌอปัฐน์ กิตติพรวริษฐ์, คุณฝน ชวมณฑ์ ปวโรดม และ คุณแพร พัชรพิมล ยังประภากร พร้อมกันนี้ยังคับคั่งไปด้วยแขกรับเชิญที่ให้เกียรติมาร่วมงาน อาทิ คุณยุวเรต ศรุตานนท์, คุณพิมดาว พานิชสมัย, คุณขวัญข้าว เศวตวิมล, คุณจริยดี สเปนเซอร์, คุณกรกนก ยงสกุล, คุณโสรัส อมาตยกุล, คุณเมลานีย์ อยู่วิทยา และดร.กฤษติกา คงสมพงษ์ เป็นต้น

รื่นรมย์ไปกับแฟชั่นโชว์พร้อมจิบน้ำชายามบ่ายชั้นเลิศ ยลโฉม 5 คอลเลกชัน จาก ‘มิสซิส’ (MISIS) แบรนด์เครื่องประดับจากอิตาลี

ดร. ฐิติพร สถาวรมณี กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงานครั้งนี้ว่า “มิสซิส” (MISIS) เป็นแบรนด์เครื่องประดับที่มีเอกลักษณ์การออกแบบอันโดดเด่น เต็มไปด้วยจินตนาการและไอเดียอันสดใหม่ เปี่ยมไปด้วยความทันสมัยสอดคล้องกับเทรนด์แฟชั่นในแต่ละฤดูกาล สามารถสะท้อนผ่านความงดงามจิวเวลรีคุณภาพสูงภายใต้การรังสรรค์ผลงานจากช่างฝีมือผู้มากด้วยประสบการณ์ จนกลายเป็นซิกเนเจอร์ที่ทุกคนต่างจดจำ  และเป็นแบรนด์ที่เหล่าคนดังต่างเลือกสวมใส่เข้าร่วมงานระดับโลก อย่างเช่น งานแกรมมี่ อวอร์ด ณ มหานครลอสแอนเจลิส  

ทั้งนี้ แรงบันดาลใจหลักในการสร้างสรรค์เครื่องประดับของแบรนด์มิสซิส ส่วนใหญ่ จะเป็นการถ่ายทอดสีสันของธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ แง่มุมความสุขในการใช้ชีวิต และไลฟ์สไตล์ของหญิงสาวอันโดดเด่น จากนั้น จึงนำมาตีความตามคอนเซปต์การดีไซน์ของแต่ละคอลเลกชัน เพื่อรังสรรค์สีสันของจิวเวลรีอันแสนงดงามที่แฝงไว้ซึ่งนัยยะอันแยบยล สามารถสะท้อนตัวตนของหญิงสาวผู้สวมใส่ได้เป็นอย่างดี

“ในคอลเลกชันล่าสุด ทางแบรนด์เลือกนำแรงบันดาลใจจากดอกไม้ถึง 5 ชนิด มาถ่ายทอดในรูปแบบเครื่องประดับได้อย่างน่าสนใจ เพราะนอกจากจะเลือกนำสีสันที่แตกต่างของดอกไม้แต่ละชนิดมาเป็นไอเดีย ยังลงรายละเอียดไปถึงรูปทรงและความหมายที่ซ่อนไว้ภายใต้ของความงามของดอกไม้แต่ละชนิดมานำเสนอได้อย่างสง่างามและน่าสนใจ ดังนั้น เพื่อยกระดับการถ่ายทอดงานดีไซน์ที่สวยงาม ให้ยิ่งชวนน่าหลงใหลไปอีกขั้น เราจึงตั้งใจนำเสนอ 5 คอลเลกชันใหม่ ในรูปแบบที่แตกต่างจากงานแฟชั่นโชว์เครื่องประดับทั่วไป ด้วยการนำประสบการณ์ชมแฟชั่นโชว์มาผสมผสานกับการจิบน้ำชายามบ่าย ที่นอกจากความพิเศษของโชว์ที่นำความงามของผ้าไทย มาเป็นอีกกิมมิกในการนำเสนอความงามของเครื่องประดับ เราหยิบเอาเอกลักษณ์และความโดดเด่นของดอกไม้จากเครื่องประดับทั้ง 5 คอลเลกชัน มา​สร้างสรรค์เซ็ตน้ำชายามบ่าย อย่าง​ The Language of Flowers Afternoon Tea ให้ได้ชิมและยลโฉมเครื่องประดับไปพร้อมๆ กัน”

สำหรับคอลเลกชั่นใหม่ของ “มิสซิส” ที่เปิดตัวในครั้งนี้ และยังเป็นคอนเซปต์ในการสร้างสรรค์ชุดน้ำชาสุดพิเศษนั้น ประกอบไปด้วย 5 คอลเลกชั่น ได้แก่

คอลเลกชัน Gemina (เจ-มี-น่า) ถ่ายทอดความงดงามประณีตของดอกไอริสสีม่วงที่บานสะพรั่ง ประดับเข้ากับหินสีฟ้าหรือดำบนเพทายที่ขาวนวลและตัวเรือนเงินชุบทอง 18K ชวนให้สัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนและแผ่วเบา แฝงไปด้วยกลิ่นอายแห่งความหวังและการเริ่มต้น เปรียบได้กับความสงบสุขที่แผ่กิ่งก้านและความเข้มแข็งที่เป็นหนึ่งเดียว เพื่อถ่ายทอดความงามของดอกไอริส โดยคอลเลกชันเครื่องประดับ Gemina จะถูกรังสรรค์ออกมาเป็นเครื่องประดับบนเอนาเมลสีม่วง สำหรับสร้อยข้อมือทำจากโอนิกซ์สีดำสนิทและอาเกตบนสายสร้อยแสนโดดเด่น ในขณะที่ต่างหู สร้อยคอ แหวนและเข็มกลัดนั้นก็ต่างมอบเสน่ห์ที่สุขุมนุ่มลึกให้ผู้ที่สวมใส่เช่นกัน

ความสง่างามของเครื่องประดับคอลเลกชันนี้ ได้รับการรังสรรค์ให้เป็นเมนูชั้นเลิศของ “The Language of Flowers Afternoon Tea” คือ เมนูสลัดอกเป็ดบีตรูตซอสเบอร์รี รสชาติกลมกล่อม ตกแต่งด้วยดอกไม้สีม่วงสีสันสดใสเหมือนดอกไอริส ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความซื่อสัตย์ ความรัก ความศรัทธาและมิตรภาพ หรือหมายถึงเทพีไอรีส เทพีแห่งสายรุ้ง 

ถัดมาคือ คอลเลกชัน Volterra (โบล-เตร์-ร่า) ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับ Volterra เมืองประวัติศาสตร์แห่งแคว้นทัสคานี ซึ่งยังคงได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีบนยอดเขาในเมืองปิซ่า ทิวทัศน์ที่งดงามไปด้วยสีชมพูจากกลีบดอกป๊อปปี้อันอ่อนโยนบางเบาหลุดปลิวว่อน แต่งแต้มสีสันให้กับเส้นขอบฟ้าของดินแดนอันเงียบสงบนี้ ทำให้นักเดินทางต่างหลงใหล ไปกับการดื่มด่ำความงามของสถานที่สุดวิเศษอันกว้างใหญ่และเงียบสงบ ในคอลเลกชันนี้ จึงเลือกสะท้อนความงามของเครื่องประดับในรูปทรงดอกป๊อปปี้ บนตัวเรือนสเตอร์ลิ่งซิลเวอร์ชุบทองประดับ Zircon และ Onyx สีดำสนิท พร้อมเทคนิคเคลือบสีลงยา ที่ดูโดดเด่น ไม่ว่าจะอยู่บนปกคอ สร้อยข้อมือ ต่างหูและจี้ ที่ต่างเสริมกันละกันพร้อมยกระดับให้ทั้งคอลเลกชันยิ่งน่าดึงดูด สามารถเป็นอีกไอเทมที่ช่วยเพิ่มความสนุกสนานให้กับช่วงซัมเมอร์

ความพิเศษของคอลเลกชันนี้กลายเป็นแรงบันดาลใจในการรังสรรค์เมนู มินิทาร์ตปลาฮามาจิพร้อมซอสพอนซุและแรดิช รสละมุน ที่บรรจงสร้างสรรค์ออกมาให้คล้ายดอกป๊อปปี้  ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของดอกไม้แห่งความสงบและการปลอบโยน เป็นดอกไม้โปรดของดีมีเธอร์ เทพธิดาแห่งความอุดมสมบูรณ์และการเกษตร

คอลเลกชันถัดมา คือ Asolo (อา-โซ-โล) ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากทิวทัศน์อันสวยงามของเมือง Asolo ทางตอนเหนือของอิตาลี ที่เต็มไปด้วยแนวเนินเขาสีเขียวชอุ่มทอดยาวขนานไปกับเส้นขอบฟ้า ประสานกลมกลืนไปกับแมกไม้ที่กำลังผลิดอกออกผลเรียงรายอยู่ริมถนนอันสงบและอบอุ่นด้วยแสงจากดวงอาทิตย์ที่สาดส่อง ชวนให้จินตนาการถึงบรรยากาศแสนพิเศษ สวยสง่าด้วยเครื่องประดับที่ตกแต่งรูปทรงดอกท้อสีชมพูแย้มกลีบบานสะพรั่ง เพิ่มความโดดเด่นยิ่งขึ้น ด้วยตัวเรือนสีทองหรูหราชวนให้สะดุดตาแต่แฝงไว้ซึ่งความงดงามอ่อนโยนตามแบบฉบับหญิงสาว พร้อมรังสรรค์ลวดลายพริ้วไหวของกิ่งก้านอย่างละเอียดประณีต ดีไซน์เหล่านี้ปรากฎในรูปแบบของปกคอ แหวน ต่างหูและกำไลข้อมือเข้าชุด ให้ความรู้สึกสดชื่นผ่อนคลาย กลมกลืนไปกับธรรมชาติ ชวนให้หลงใหลไปกับเสน่ห์แสนดึงดูดกลิ่นอายแห่งอิตาลี

ที่น่าสนใจ คือ จุดเด่นของคอลเลกชั่นนี้ได้ถูกหยิบยกมาสร้างสรรค์เป็นเมนู มูสพีชและเชอร์รีตกแต่งด้วยซากุระด้านบน ที่มีเนื้อสัมผัสนุ่มละมุนเมื่อได้ลิ้มลอง

ต่อมาที่ คอลเลกชัน  Everglades (เอ-เวอร์-เกลดส์) ถ่ายทอดผ่านดีไซน์ใบปาล์มเคนเทียสีเขียวเข้ม เชิดชูความบริสุทธิ์ของดอกลีลาวดีอันละเอียดอ่อน ประกอบกันในรูปแบบของต่างหู และสร้อยคอได้อย่างละเอียดอ่อนบนตัวเรือนเงินชุบทอง 18K ทั้งหมดนี้ชวนให้นึกถึงป่าที่ไม่ปนเปื้อน พืชพรรณเขียวชอุ่ม และสัตว์ป่า ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลย ที่จะได้เห็นงานดีไซน์รูปจระเข้ในคอลเลกชันนี้ เพราะเป็นถิ่นอาศัยที่สมบูรณ์แบบของโอเอซิสที่เฟื่องฟูซึ่งฟื้นคืนธรรมชาติดั้งเดิมให้กับโลก ประดับด้วยพลอย หินอาเกตและควอตซ์เล่นกับงานลงยาเฉดสีขาว ชมพู และเหลือง สื่อถึงความสงบและความสุข ช่วยเสริมความแข็งแกร่ง ความสุขและความพิเศษได้จากอัญมณีนี้ พร้อมเติมเต็มลุคให้หญิงสาวมั่นใจในทุกโอกาส 

โดยคอนเซปต์ของคอลเลกชันนี้ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นเมนูของหวาน อย่างชูวานิลลาแอปเปิ้ลเขียว (Green Apple and Vanilla Choux) ที่นำแรงบันดาลใจจากเครื่องประดับดอกพุด (Tiaré) ดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมรัญจวนที่เรียกว่า “กลิ่นแห่งสรวงสวรรค์” และเป็นสัญลักษณ์ของความสง่างามและความเย้ายวนมานำเสนอได้อย่างน่าสนใจและน่าลิ้มลอง

ปิดท้ายด้วย คอลเลกชัน Marisol สะท้อนรูปแบบการดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมและนวัตกรรมเข้าด้วยกันอย่างลงตัว พร้อมรายละเอียดของชิ้นงานตัวเรือนเงินสเตอร์ลิงชุบทองซึ่งสร้างสรรค์ลวดลายแปลกใหม่โดดเด่นเหนือใคร ประหนึ่งอยู่ในห้วงจินตนาการที่มีมนต์ขลัง ประดับตกแต่งด้วยอัญมณีโทนสีธรรมชาติที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสีเขียวสบายตาจากหยก สีชมพูสดใสจากพิงก์ควอทซ์ และไวท์ อเกตสีขาวนวล (White Agate)  เพิ่มความหรูหราระยิบระยับด้วยคิวบิค เซอร์โคเนียสีขาว (White Cubic Zirconia) ในคอลเลกชันนี้ยังโดดเด่นด้วยการถ่ายทอดลวดลายอันอ่อนช้อยสวยงามที่ดัดแปลงจากเถาใบของหมู่ไม้ที่พันเกี่ยวกัน ส่วนแรงบันดาลใจจากธรรมชาตินี้ยังถูกถ่ายทอดผ่านรูปทรงดอกไม้สุดโดดเด่นและนกไนติงเกลแสนน่ารักอีกด้วย ทั้งหมดนี้จึงทำให้ Marisol เป็นอีกหนึ่งชิ้นงานที่เปี่ยมเสน่ห์อ่อนหวานชวนหลงใหลให้ทุกครั้งที่สวมใส่

ในส่วนของเซ็ตเมนู ได้หยิบเอกลักษณ์ของดอกกล้วยไม้ ความงามอันละเมียดละไม สื่อแทนความสมบูรณ์แบบ ความบริสุทธิ์ไร้เดียงสา และความเคารพ มาถ่ายทอดลงบนบลูเบอร์รีชีสทาร์ต 

สัมผัสประสบการณ์สุดล้ำค่าจากเครื่องประดับแบรนด์ “มิสซิส” พร้อมร่วมลิ้มรสชุดน้ำชายามบ่ายสุดพิเศษ “The Language of Flowers” ได้แล้ววันนี้ในราคาเซตละ 1,800 บาท++ รวมชาหรือกาแฟ สำหรับ 2 ท่าน ที่โรงแรมเดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ บริเวณ เดอะ เซนต์ รีจิส บาร์ และเดอะ ดรอว์อิ้งรูม ซึ่งเปิดให้บริการทุกวัน ในเวลา 14.00 น. – 17.00 น. ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม ถึง 30 กันยายน 2565

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและสำรองที่นั่ง ติดต่อเดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ โทร 02 207 7777 หรืออีเมล [email protected] สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้า “มิสซิส”​ (MISIS)  ติดต่อที่ LINE @SETTE หรือติดตามผ่านอินสตาแกม @misis_th 

“NARASIRI Krungthep Kreetha” จากแสนสิริ ความภาคภูมิใจอันทรงคุณค่า หนึ่งใน Sansiri Luxury Collection กับบ้านเดี่ยวลักซ์ชัวรี่ แรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมยุค Renaissance Revival แห่งมหานครนิวยอร์ก ถ่ายทอดผ่านแนวคิด “A Matter of Refinement งดงามในรายละเอียด”

ท่ามกลางสังคมคุณภาพคอมมูนิตี้ The Best Location ในย่านกรุงเทพกรีฑา รังสรรค์อย่างละเมียดละไม ในทุกรายละเอียด เพื่อมอบสุนทรียะประสบการณ์การใช้ชีวิตที่เปี่ยมด้วยรสนิยมอันสมบูรณ์แบบ พร้อมส่งต่อคุณค่าเหนือกาลเวลาอย่างไม่สิ้นสุด สัมผัสความงดงามและดีไซน์ร่วมสมัย กับ นาราสิริ กรุงเทพกรีฑา และทำเลใหม่ นาราสิริ พหล – วัชรพล เร็วๆ นี้

สัมผัสความงดงามและดีไซน์ร่วมสมัย กับ นาราสิริ กรุงเทพกรีฑา

แอ๊บบอตเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ เอนชัวร์ โกลด์ ผลิตภัณฑ์อาหารสูตรครบถ้วนชนิดผงแบรนด์แรกในประเทศไทยที่มีส่วนผสมของ HMB เพื่อช่วยส่งเสริมความแข็งแรงให้กับกลุ่มผู้สูงวัย

ในปี 2565 ประเทศไทยจะมีประชากรที่มีอายุเกิน 60 ปีประมาณ 20% ขณะที่ภายในปี 2576 ตัวเลขนี้จะเพิ่มขึ้นถึง 28% ของประชากรทั้งประเทศ ขณะที่คนไทยมีอายุยืนยาวมากกว่าในอดีต แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง หรือกระฉับกระเฉงคล่องตัว จากการวิจัยพบว่ากลุ่มผู้สูงวัยราว 1 ใน 3 คนที่มีความเสี่ยงต่อภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย (sarcopenia) ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่นี้ จึงอัดแน่นไปด้วยสารอาหารที่สำคัญมีส่วนช่วยเสริมสร้างให้ร่างกายแข็งแรงให้กับกลุ่มผู้สูงวัยโดยเฉพาะ แน่นอนว่าเราหยุดเวลาไม่ได้แต่อย่าให้อายุมาเป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตอย่างอิสระและมีความสุขในทุกวัน

แอ๊บบอต ตอกย้ำความเป็นผู้นำโภชนาการอาหารสำหรับผู้ใหญ่ เปิดตัว เอนชัวร์ โกลด์ หนึ่งเดียวของอาหารสูตรครบถ้วนแบบผงที่มี HMB

“ ผมได้ทำตามความฝันมีพลังทำในสิ่งที่รักและเป็นแรงบันดาลใจให้กับหลายคนที่อยากเป็นศิลปินและผมเชื่อมั่นว่าผมจะสามารถทำสิ่งนี้ไปได้อีกนานจุดเริ่มต้นมาจากตัวเองผมใส่ใจตัวเองตั้งแต่เรื่องโภชนาการที่เหมาะสมการออกกำลังกายทุกวันและทัศนคติเชิงบวกช่วยให้ผมยังคงมีสุขภาพแข็งแรงและมีกำลังวังชาดีขึ้นเพื่อจะช่วยให้ผมทำกิจกรรมที่ผมรักต่อไปได้” คุณสหรัถ สังขปรีชา นักแสดง นักร้อง และแบรนด์แอมบาสเดอร์ของแอ๊บบอตกล่าว

ร่างกายที่พร้อมมาจากสุขภาพที่ดีซึ่งกล้ามเนื้อคือขุมพลังที่จะขับเคลื่อนให้เราได้ทำในสิ่งที่รักในทุกวัน

กล้ามเนื้อที่แข็งแรงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องคงไว้ซึ่งพละกำลังและศักยภาพในการประกอบกิจกรรมในชีวิตประจำวันที่ช่วยเติมเต็มชีวิตให้มีความหมาย ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ทันตระหนักว่าเมื่อเริ่มก้าวเข้าสู่ช่วงอายุ 40 ปี เราสามารถสูญเสียกล้ามเนื้อไปตามธรรมชาติได้มากถึง 8% ทุกระยะ 10 ปี และภายหลังอายุ 70 ปีแล้ว อัตราการสูญเสียนี้จะเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่า เมื่อทราบถึงสัญญาณการสูญเสียกล้ามเนื้อ เช่น พละกำลังที่ถดถอย น้ำหนักที่ลดลงโดยไม่ได้ตั้งใจ หรืออาการเหนื่อยง่าย กลุ่มผู้สูงวัยสามารถหาวิธีในการดูแลรักษาสุขภาพกล้ามเนื้อเพื่อช่วยให้พวกเขายังสามารถใช้ชีวิตที่กระฉับกระเฉงได้เต็มที่

“ผู้ใหญ่ส่วนมากไม่ทันสังเกตสัญญาณการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อตั้งแต่แรกเริ่ม การที่มวลกล้ามเนื้อลดลงเป็นกลไกตามธรรมชาติเมื่ออายุมากขึ้น” ผศ.พญ.ศานิต วิชานศวกุล อายุรแพทย์หน่วยโภชนศาสตร์คลินิกภาควิชาอายุรศาสตร์คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์กล่าว “แม้ว่าการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อสามารถส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหว พละกำลัง ระบบภูมิคุ้มกัน และยังเป็นภาวะที่สามารถเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่เราสามารถรักษาสุขภาพและความแข็งแรงของมวลกล้ามเนื้อได้ด้วยการผสมผสานโภชนาการที่เหมาะสมและการออกกำลังกายอย่างถูกต้อง”

จากงานวิจัยที่ศึกษาผลของการเสริมโภชนาการแก่ผู้สูงวัยในชุมชนประเทศสิงคโปร์ หรือ SHIELD Studyโดยแอ๊บบอต ร่วมกับโรงพยาบาลชางงี เจเนอรัล (Changi General Hospital) และ ซิงเฮลท์โพลีคลินิค (Singhealth Polyclinic)พบว่ากลุ่มผู้สูงวัยที่ได้รับการปรึกษาด้านโภชนาการสำหรับเฉพาะบุคคล และรับประทานอาหารสูตรครบถ้วนที่มีส่วนประกอบของ HMB มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะขาดสารอาหารและยังช่วยส่งเสริมสมรรถภาพทางกายภาพและสุขภาพโดยรวมอีกด้วย

ใหม่! HMB สารอาหารเฉพาะเอนชัวร์โกลด์สูตรพัฒนาไปอีกชั้น

เอนชัวร์ โกลด์ สูตรใหม่ เป็นผลิตภัณฑ์อาหารสูตรครบถ้วนชนิดผงแบรนด์แรกในประเทศไทยที่มีส่วนผสมของ HMBและยังมีสารอาหารอย่างโปรตีนคุณภาพดี 3 ชนิด มีส่วนประกอบของวิตามินและแร่ธาตุอื่นๆ อีก 34 ชนิดรวมถึงแคลเซียมและวิตามินดี

สารอาหารสำคัญที่พบในเอนชัวร์ โกลด์ อย่าง HMB (เอชเอ็มบี หรือ เบต้าไฮดรอกซีเบต้าเมทิลบิวไทเรต) เป็นสารอาหารสำคัญ ที่พบได้ในกล้ามเนื้อ HMB เป็นสารอาหารที่พบได้ตามธรรมชาติจากอาหารต่างๆหากแต่พบได้ในปริมาณน้อยมากจึงยากที่จะได้รับอย่างเพียงพอจากการรับประทานเพียงอย่างเดียว

“แอ๊บบอตมุ่งมั่นค้นคว้าวิจัยทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับ HMB มาอย่างต่อเนื่องมานานกว่า 15 ปี เพื่อให้เข้าใจได้มากขึ้นว่าสารอาหารนี้จะมีส่วนช่วยส่งเสริมให้ร่างกายแข็งแรงได้อย่างไร” ทันตแพทย์หญิงดร. อรุณี ลายธีระพงศ์ ผู้อำนวยการการแพทย์ด้านโภชนาการของแอ๊บบอต ประจำประเทศไทย กัมพูชา ลาวและพม่ากล่าว “การเปิดตัวผลิตภัณฑ์เอนชัวร์ โกลด์ ที่มีส่วนผสมของ HMB ในครั้งนี้ จะช่วยให้ผู้สูงวัยสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์โภชนาการที่มีสารอาหารที่มีส่วนช่วยส่งเสริมให้ร่างกายแข็งแรง”

“โภชนาการเป็นพื้นฐานที่ทำให้คนเรามีชีวิตที่ดีและได้รับการพิสูจน์แล้วว่าทำให้เกิดผลดีต่อสุขภาพองค์รวม” นายสุริยะ เมน่อน  ผู้จัดการทั่วไป ของบริษัท แอ๊บบอต ประเทศไทย กล่าว “เราจึงรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้นำเอนชัวร์ โกลด์ สูตรใหม่ที่มี HMB มาเป็นเสมือนของขวัญที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่คนไทย เพื่อใช้ชีวิตและทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่อยากทำอย่างมีความสุขได้ในทุกๆวัน”

ด้วยการศึกษาค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ที่มีระยะเวลายาวนานกว่า 45 ปีและรองรับด้วยผลงานวิจัยกว่า 30 ชิ้นงาน แสดงให้เห็นว่า เอนชัวร์ ผลิตภัณฑ์อาหารสูตรครบถ้วนจากแอ๊บบอต มีส่วนช่วยสร้างเสริมสุขภาพคนไทย ในด้านพละกำลังและด้านโภชนาการเพื่อช่วยให้พวกเขาสามารถใช้ชีวิตที่พวกเขารักได้

เอนชัวร์โกลด์ที่มีส่วนผสมของ HMB มีให้เลือกถึง 5 รสชาติได้แก่กลิ่นวานิลลากลิ่นธัญพืชกลิ่นสตรอเบอร์รีรสช็อกโกเลตและใหม่ล่าสุดกลิ่นกาแฟมีจำหน่ายที่ร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศและทางออนไลน์

realme แบรนด์สมาร์ตโฟนเพื่อคนรุ่นใหม่ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก จัดงานเปิดตัวสุดยอดสมาร์ตโฟนแห่งปีกับ “realme 9i 5G The Rock Star” สมาชิกใหม่ในตระกูล Number Series ที่แฟนเรียลมีทั่วโลกจับตามองมากที่สุด ด้วยดีไซน์ที่มีสไตล์ที่สุดโดยนำเสนอผ่านความหรูหราเพรียวบางพร้อมความงามของโทนสีทองวินเทจแนวใหม่ พร้อมตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้งานด้วยขุมพลังชิปเซ็ต Dimensity 810 5G แบตเตอรี่ยักษ์ความจุ 5,000 mAh และกล้อง 50MP AI Triple Camera ไม่เพียงเท่านั้นยังมาพร้อมกับสมาร์ตโฟนน้องเล็กของค่ายที่อัปเกรดใหม่ให้คุ้มยิ่งกว่าเดิมกับ realmenarzo 50i Prime สมาร์ตโฟนสุดคุ้มค่าด้วยดีไซน์และฟีเจอร์ที่ดีที่สุดในระดับเดียวกันและงานนี้ยังได้พรีเซ็นเตอร์สาวสุดปังของเมืองไทยที่ขยี้หัวใจหนุ่ม ๆ ทั่วบ้านทั่วเมือง “ใหม่-ดาวิกา โฮร์เน่” มานำเสนอความอลังการในงานเปิดตัว นอกจากนี้เรียลมียังมอบความพิเศษกับเทศกาลแห่งปีที่กำลังจะมาถึงกับ realme Fan Festival 2022 ทั้งนี้ realme 9i 5G มาพร้อมกับความจุขนาด 6/128GB มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Metallica Gold และ Rocking Black ราคาเพียง 9,499 บาท สามารถเป็นเจ้าของได้ผ่านช่องทาง realme Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

“realme 9i 5GThe Rock Star”เปิดตัวในเมืองไทยอย่างยิ่งใหญ่ สะท้อนดีไซน์อันมีสไตล์ พร้อมประสิทธิภาพที่ดีที่สุดในระดับเซกเมนต์เดียวกัน และ ”narzo 50i Prime” สมาร์ตโฟน Entry-level ให้คุณสัมผัสดีไซน์และฟีเจอร์ที่ดีที่สุด

ตอกย้ำการเป็นผู้นำพร้อมยกระดับ 5G

เรียลมีถือเป็นแบรนด์สมาร์ตโฟนแอนดรอยด์ 5G ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกประจำไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ด้วยยอดขายถล่มทลายทั้งในอินเดีย จีน และยุโรป จากข้อมูลของบริษัทวิเคราะห์ตลาดชั้นนำอย่าง Counterpoint Research โดยเรียลมีสามารถทำยอดขายได้ 831% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาในขณะที่อัตราการเติบโตของตลาดมือถือทั่วโลกโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 121% เท่านั้น และในปีนี้ เรียลมียังคงเดินหน้าภารกิจการนำเสนอผลิตภัณฑ์สมาร์ตโฟน 5G ในเซกเมนต์ระดับกลางถึงระดับสูง เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีการสื่อสารขั้นสูงได้มากยิ่งขึ้น

ประสิทธิภาพที่ดีที่สุดในระดับเซกเมนต์เดียวกัน พร้อมดีไซน์เพรียวบางเป็นพิเศษ

ในฐานะที่เป็นแบรนด์ผู้นำเทรนด์เทคโนโลยี เรียลมียังคงมุ่งมั่นในการเป็นแบรนด์สมาร์ตโฟนเพื่อคนรุ่นใหม่ และในวันนี้เรียลมีได้นำสมาร์ตโฟนที่รองรับ 5G รุ่นล่าสุดพร้อมชิปเซ็ตอันทรงพลัง Dimensity 810 5G มามอบให้กับกลุ่มคนรุ่นใหม่ นับเป็นการเปิดประสบการณ์สมาร์ทโฟน 5G ด้วยชิปเซ็ตระดับเรือธงในราคาที่เข้าถึงได้อย่างแท้จริง

Dimensity 810 5G มอบประสิทธิภาพสูงสุดในเซกเมนต์เดียวกัน

ชิปเซ็ตประสิทธิภาพสูงสุดในเซกเมนต์ระดับกลางอย่าง Dimensity 810 5G ถูกติดตั้งใน realme 9i 5G เพื่อมอบประสบการณ์การทำงานที่เร็วแรงเต็มสปีด ด้วยหน่วยประมวลผลบนสถาปัตยกรรมระดับ 6nm จึงทำงานได้อย่างลื่นไหลและกินพลังงานน้อยลง 62% เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่น 12nm ด้วยความเร็วรอบสูงถึง 2.4GHz เร็วกว่ารุ่นก่อนถึง 20% และทำ AnTuTu Benchmark สูงถึง 385,373 คะแนน ทำให้ realme 9i 5G มีประสิทธิภาพซีพียูสูงสุดในกลุ่มสมาร์ตโฟน 5G เซกเมนต์เดียวกัน รับประกันว่าคุณจะสามารถเพลิดเพลินกับคอนเทนต์วิดีโอทุกรูปแบบด้วยเฟรมเรตที่เสถียร เนียนตา หรือแม้แต่การเล่นเกมและแคสต์เกมไปพร้อมกัน ก็สามารถทำได้อย่างลื่นไหลไม่มีกระตุก

realme 9i 5G ยังมาพร้อมเทคโนโลยี Advanced DRE (Dynamic RAM Expansion Technology) ที่สามารถเปลี่ยนหน่วยความจำแบบ ROM ให้เป็น virtual RAM เพื่อรองรับการทำงานพร้อมกันหลายแอปพลิเคชั่นแบบ Multitasking ได้อย่างลื่นไหลยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ UI ของเรียลมียังได้รับการยกย่องว่าเป็น UI ที่ราบรื่นที่สุด โดย realme 9i 5G ได้มาพร้อมกับ realme UI 3.0 รุ่นล่าสุดบนพื้นฐาน Android 12 มั่นใจในการใช้งานที่เสถียร ราบรื่น ไม่มีกระตุกอย่างแน่นอน

ดีไซน์ที่มีสไตล์ที่สุดกับสีทองวินเทจพร้อมเขย่าวงการสมาร์ตโฟนและโลกแฟชั่น!

สีทองถือเป็นโทนสีอันทรงพลังที่สะกดทุกสายตาและไม่เคยตกเทรนด์ในโลกของแฟชั่น วันนี้เรียลมีนำโทนสีทองวินเทจกลับมาเฉิดฉายอีกครั้งใน realme 9i 5G โดยได้แรงบันดาลใจจากความเรืองรองของยุค Gilded Age ผสานการออกแบบลายรัศมีกระจายออกจากโมดูลกล้องคล้ายแผ่นซีดีในยุคก่อนเอ็ฟเฟ็กต์อันน่าหลงใหลนี้ realme 9i 5G ถือเป็นไอคอนิกดีไซน์ที่โดนใจคนรุ่นใหม่ทั้งสายแฟชั่นและสายไอทีอย่างแท้จริง

realme 9i 5G ใช้ดีไซน์แบบ Super Lightweight ด้วยน้ำหนักเพียง 187 กรัม กับตัวเครื่องที่เพรียวบางเพียง 8.1 มม. มอบความหรูหราที่สอดรับกับโทนสีทองวินเทจได้อย่างสมบูรณ์แบบ

สัมผัสสุดยอดประสบการณ์ของพลังกล้อง AI และจอแสดงผลระดับ FHD+

นอกจากดีไซน์และซีพียูประสิทธิภาพสูง realme 9i 5G ยังมาพร้อมโมดูลกล้อง 50MP AI Triple Camera ที่มีเซ็นเซอร์ภาพใหญ่ที่สุดในเซกเมนต์เดียวกัน จึงถ่ายภาพได้ดีแม้ในที่แสงน้อย สำหรับสายเซลฟีจะได้สนุกสนานไปกับกล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมโหมดการถ่ายภาพอีกมากมายให้คุณสร้างสรรค์ภาพถ่ายที่สวยงามแปลกตา

realme 9i 5G ใช้จอแสดงผลขนาด 6.6 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD+ ด้วย Refresh rate 90Hz และ Touch Sampling rate 180Hz จึงแสดงคอนเทนต์ภาพเคลื่อนไหวได้อย่างดีเยี่ยม มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดยักษ์ที่มีความจุมากถึง 5000mAh สามารถสแตนด์บายเครื่องได้นานถึง 35 วัน รองรับระบบชาร์จเร็ว 18W ตอบโจทย์การใช้งานระหว่างวันได้อย่างสมบูรณ์แบบ

สเปกและราคาจำหน่าย

realme 9i 5G นำเสนอสเปกความจุ 6/128GB ในราคา 9,499 บาท มีให้เลือกทั้งโทนสี Metalica Gold และ Rocking Black วางจำหน่ายที่ realmeBrand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศโดยสามารถพรีออเดอร์ได้ตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคม – 26 สิงหาคม พร้อมรับฟรีกระเป๋า Backpack, Phone stand, เครื่องทำความชื้นและชุดหูฟัง รวมมูลค่า 4,287 บาทและพิเศษยิ่งขึ้นรับเพิ่มสิทธิ์ผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือนพร้อมประกันจอแตกนานสูงสุด 1 ปีและสำหรับช่องทางออนไลน์สามารถสั่งซื้อได้ตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม ผ่านช่องทาง Shopee, Lazada, JD CENTRAL และ This shop โดยเมื่อสั่งซื้อผ่านช่องทาง Shopee, Lazada และ JD CENTRAL ในวันที่ 23 สิงหาคม – 31 สิงหาคม รับฟรี กระเป๋า Backpack, Phone stand, เครื่องทำความชื้นและชุดหูฟัง

realmenarzo 50i Prime

สมาร์ตโฟนระดับ Entry-level มอบดีไซน์สวยเพรียวที่สุดในเซกเมนต์เดียวกันด้วยความบางเพียง 8.5 มม. และน้ำหนักเพียง 182 กรัม โดดเด่นด้วย Vertical Stripe Design ที่ให้ความรู้สึกหรูหราและจับถนัดมือยิ่งกว่าด้วยดีไซน์โค้งมน ทำงานได้ลื่นไหลเต็มประสิทธิภาพด้วยขุมพลังซีพียูUnisoc T612 แบบ Octa-core บนสถาปัตยกรรมขนาด 12nm ที่มีความเร็ว 1.82 GHz และทำ AnTuTu Benchmark ได้มากถึง 209,832 คะแนน ใช้หน่วยความจำแบบ UFS 2.2 ที่สามารถเขียนและอ่านข้อมูลได้เร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 3 เท่า แถมยังมาพร้อมกล้อง 8MP AI Camera ที่ให้คุณถ่ายภาพได้สนุกในทุกสถานการณ์ พร้อมแบ่งปันกับเพื่อน ๆ ในโซเชียลมีเดียของคุณ และยังสามารถใช้งานได้อย่างยาวนานด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 5000mAh สามารถสแตนด์บายเครื่องได้นานถึง 45 วัน

สเปกและราคาจำหน่าย

realme narzo 50i Prime มีให้เลือก 2 สี ทั้ง Mint Green และ Dark Blue นำเสนอ 2 สเปกทั้งรุ่น 3/32GB และรุ่น 4/64GB ในราคา 3,799 และ 4,199 บาทตามลำดับ โดยกำหนดวางจำหน่ายเฉพาะช่องทางออนไลน์เท่านั้นเริ่มจำหน่ายในวันที่ 23 สิงหาคมทั้งทาง Shopee และ Lazada พิเศษไปกว่านั้น! ในวันที่ 23 สิงหาคม – 31 สิงหาคมสามารถเป็นเจ้าของ realme narzo 50i Prime ในราคาคุ้มค่าที่สุดเพียง 2,999 บาทเมื่อใช้คูปองส่วนลดจากช่องทาง Shopee และราคาสุดคุ้มเพียง 3,499 บาทเมื่อใช้คูปองส่วนลดจากช่องทาง Lazada

realme 828 Fan Festival

นอกจากนี้ภายในงานเปิดตัว ยังมีความพิเศษกับ 828 Fan Festival ครั้งที่ 4 โดย Sherry Dong ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดเรียลมีเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้ประกาศว่า “เรียลมีกำลังเข้าสู่ขั้นที่ 2 ของการเติบโตในฐานะสตาร์ทอัพ และยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาเป้าหมายในการเติบโตระยะยาวต่อไป โดยในปีนี้เราได้สื่อสารผ่านแคมเปญ “Keep it real” เรารู้สึกยินดีที่จะนำเสนอโปรโมชั่นสุดคุ้มพร้อมกิจกรรมสุดสร้างสรรค์มาให้กับแฟน ๆของเราทุกท่านขอให้ทุกท่านโปรดรอติดตามได้เร็วๆนี้”