แพรว เคยพาคุณผู้อ่านไปดื่มด่ำกับเรื่องราวความรักสุดโรแมนติกของคู่นี้กันมาแล้ว สำหรับการข้ามฟ้ามาพบรักตามคำบัญชาของพรหมลิขิตของ นัท จริยาวรรณ ธนกิจบวรพันธุ์ เซเลบสาวสวยจากเมืองไทย ผู้เคยมีหลักในการทำงานว่า จะไม่ให้เรื่องงานมาปนกับเรื่องส่วนตัว เธอจึงไม่มองหรือคิดจะศึกษาดูใจคนที่พบกันจากการทำงานเลย และที่แน่ๆ ต้องไม่ใช่หมอ เพราะเธออยู่กับธุรกิจโรงพยาบาลมาตลอด
กระทั่งมาพบเขาคนนี้ แซม ซามูแอล ยู (Sammuel Yoo) โอปป้าหมอศัลยกรรมพลาสติก โปรไฟล์เริ่ดจากเกาหลี ที่พกแหวนวงน้อยติดตัวไว้ตลอดกว่า 4 ปี ด้วยหวังว่าวันหนึ่งจะมีผู้หญิงสักคนที่สามารถสวมมันได้พอดี จนกระทั่งเขาพบเธอ และนำไปสู่การแต่งงานแบบสายฟ้าแล่บเมื่อปลายปี 2562 ซึ่งนี่คือทุกดีเทลของงานวิวาห์สุดโรแมนติกและอลังการดาวล้านดวง รวมถึงเชื่อมสัมพันธ์ 2 วัฒนธรรม ไทย-เกาหลี เอาไว้ด้วยกันอย่างกลมกล่อม
เปิดดีเทลงานแต่ง 2 วัฒนธรรม นัท จริยาวรรณ เซเลบสาวไทยกับโอปป้าหมอศัลย์
เริ่มจากงานหมั้นที่ประกอบไปด้วยพิธีกรรมทางศาสนา ณ โบสถ์อัสสัมชัญในช่วงเช้าของวันที่ 2 ธันวาคม 2562 ต่อด้วยงานยกน้ำชาในช่วงสายที่โรงแรม Mandarin Oriental Bangkok โดยในตอนเช้านั้นเจ้าสาวมาในชุดแต่งงานสีขาวฟูฟ่องประดับงานดอกไม้สามมิติแบรนด์ Oscar de la Renta จากร้าน Sol and Gravite ที่นัทบอกว่า
“ความจริงที่นัทยื้อเรื่องการแต่งงานไว้เพราะกะจะสั่งตัดชุดจาก Chanel ซึ่งต้องใช้เวลา 6 เดือน (แซมหัวเราะพร้อมยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง) แต่พอแซมไม่ยอมต้องแต่งภายในไม่กี่เดือน นัทจึงต้องหาชุดเจ้าสาวแบบด่วนๆ แต่โชคดีที่พอลองชุดนี้ของ Oscar de la Renta แล้วพอดีมาก ทั้งความยาว ทั้งขนาด ไม่ต้องแก้เลย จึงเป็นเรื่องจริงที่ว่าชุดตามหาเจ้าของ ส่วนอีกชุดที่ใส่ในงานยกน้ำชาเป็นชุดสีขาวเรียบๆ เปิดหลังของ Amsale ของนิวยอร์กดีไซเนอร์ ซึ่งก็พอดีชนิดไม่ต้องแก้เลยอีกเหมือนกันค่ะ” (ยิ้ม)

ส่วนสาเหตุที่เลือกโบสถ์อัสสัมชัญนั้น “นัทฝันอยากแต่งงานที่นี่มาตลอด เพราะเป็นโบสถ์ที่มีความสำคัญมาก ขนาดโป๊ปเสด็จมาเมืองไทยยังต้องเสด็จมาเยือน แต่กว่าจะดำเนินเรื่องขอแต่งงานที่นี่ได้ก็ไม่ง่ายเลย ด้วยความที่นัทกับแซมเป็นคริสต์คนละนิกาย ต้องผ่านขั้นตอนและใช้เอกสารเยอะมาก แต่นัทก็ยินดี เพราะรู้สึกว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ทุกคำสาบานที่เรากล่าวออกไปต่อหน้าพระและพระแม่คือคำสัญญาจริงๆ”
ซึ่งอะไรก็ไม่โรแมนติกเท่าคำสาบานที่แซมกล่าวไว้ว่า จะรักทั้งนัทและคนในครอบครัวของเธอ พร้อมปิดท้ายว่า “I’m trying to make everyday a Christmas eve for you, Toffeenad.” โดยแซมอธิบายให้ฟังว่า
“ผมตั้งใจเขียนคำสาบานเอง ประโยคปิดท้ายนั้นนำมาจากเพลงเกาหลีที่ผมชอบมาก ชื่อเพลง Will You Marry Me ซึ่งมีท่อนหนึ่งที่ร้องว่า You are my angel. You are my sunlight. You are my Christmas eve. แล้วนัทเองก็ชอบเพลงนี้มาก ผมจึงตั้งใจเขียนลงไปให้เธอโดยเฉพาะ เป็นเรื่องที่เรารู้กันสองคน”

ส่วนช่วงยกน้ำชานั้น นัทเล่าว่า “นัทร้องไห้หนักมาก อาจเพราะเราเป็นลูกคนสุดท้องที่โตมากับผู้ใหญ่ในบ้าน ทั้งคุณป้า คุณน้า คุณอา พอเห็นทุกคนร้องไห้ด้วยความซึ้งใจกันหมด เราก็อดร้องไห้ไม่ได้ เพราะรู้สึกซาบซึ้งไปกับความรักที่ทุกคนมอบให้ จนแซมยังร้องตามไปด้วย” (ยิ้ม)
แซมเสริมว่า “อาจเพราะครอบครัวเลี้ยงผมมาด้วยความรัก แล้วพอผมพบนัทซึ่งถูกเลี้ยงมาในแบบเดียวกัน คือได้ความรักจากครอบครัวอย่างเต็มที่ ผมจึงอดซึ้งใจไปด้วยไม่ได้ ดีใจที่เราทุกคนรักกันครับ”

ส่วนงานเลี้ยงมงคลสมรสที่เกาหลีนั้นจัดขึ้นที่ห้องบอลรูมขนาดใหญ่ โรงแรม Grand Walkerhill Seoul กลางกรุงโซล ในคืนวันที่ 29 ธันวาคม 2562 ที่แซมบอกว่า “เป็นวันที่ครอบครัว ญาติๆ จากต่างประเทศ และคนสำคัญของเรามารวมตัวกัน เราตั้งใจให้เป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองและความสุข อยากให้ทุกคนสนุกสนานเต็มที่”
งานนี้บอกได้เลยว่ายิ่งใหญ่อลังการดาวล้านดวง เพราะเจ้าบ่าวจัดเต็มตั้งแต่เวทีประดับม่านคริสตัลวิบวับหลายชั้น ดอกไม้ ต้นไม้ แสงสีและเอฟเฟ็กต์ครบ ตามมาด้วยโชว์สนุกๆ บนเวที ทั้งร้องรำทำเพลงจากนักร้องมืออาชีพและคนดังตลอด 4 ชั่วโมงเต็ม ขณะเดียวกันก็อบอวลไปด้วยบรรยากาศความรักของทั้งบ่าวสาว ครอบครัว ญาติมิตร และผองเพื่อนแบบอัดแน่นชนิด Full House
ไฮไลต์เด็ดคือการเปิดตัวบ่าวสาวที่ยืนบนกระเช้าติดสะลิงลงมาจากเพดาน! โดยนัทเล่าถึงที่มาของการขึ้นกระเช้าว่า “เป็นไอเดียของคุณพ่อแซม ท่านชอบห้องบอลรูมนั้นมาก เป็นห้องที่มีเพดานสูง และมีโคมไฟแชนเดอเลียร์ระย้าอยู่ด้านบนสองพวง ซึ่งตรงกลางของโคมไฟนั้นมีกระเช้าเล็กๆ ซ่อนอยู่ เราสองคนต้องไปยืนอยู่ในกระเช้านั้นคนละด้าน แล้วกระเช้าค่อยๆ โรยตัวลงมาจากโคมไฟบนเพดาน ตื่นเต้นมากค่ะ”

“ส่วนชุดเจ้าสาวในวันนั้นต้องใส่ทั้งหมด 4 ชุด (หัวเราะ) ตอนเปิดตัวบ่าวสาวที่ลงมาจากกระเช้านั้น นัทใส่ชุดสีขาวฟูฟ่องของ Elie Saab ซึ่งหนักมาก เพราะอัดแน่นไปด้วยคริสตัลและงานแพตช์เวิร์ครูปดอกไม้ประดับเลื่อม แล้วเข้าสู่พิธีการบนเวทีต่อเลย”

“พอถึงช่วงตัดเค้ก นัทเปลี่ยนไปใส่ชุดของ Jenny Packham ดีไซน์เรียบๆ แต่ปักประดับเลื่อมเกือบทั้งชุด ดูโก้ไปอีกแบบ”
“ต่อด้วยชุดฮันบกอีกสองชุด ชุดแรกเป็นฮันบกสีขาว–ชมพูเรียบๆ ใส่ตอนยกน้ำชาขอบคุณครอบครัว”
“หลังจากนั้นเปลี่ยนไปใส่ชุดฮันบกสำหรับเจ้าสาวโดยเฉพาะ ซึ่งสวยมากๆ สีสันฉูดฉาด เป็นชุดตามประเพณีของเกาหลีเลยค่ะ โดยนัทใส่ชุดนี้เพื่อทำพิธีกับครอบครัวและญาติๆ ที่มาป้อนขนมมงคล ทำความเคารพกัน”

“ก่อนหน้าจะเจอแซม นัทเชื่อเสมอว่าความรักมีอยู่จริง แม้จะเคยผ่านความรักที่ไม่สมหวังมา แต่พอได้เจอแซม ยิ่งทำให้นัทเชื่อว่าเมื่อเราเจอคนที่ใช่ ทุกอย่างจะราบรื่นไปหมด โดยที่เราแทบไม่ต้องพยายามอะไรเลย จริงอยู่ว่าเรามีเรื่องที่ต้องปรับเข้าหากันบ้าง แต่ก็ไม่ยากจนเกินไปค่ะ หลังจากแต่งงาน นัทกับแซมคงใช้ชีวิตไปๆมาๆ อยู่ใน 3 ประเทศ คือไทย เกาหลี และฮังการี เรากะว่าจะอยู่ในช่วงฮันนีมูนกันสัก 6 เดือน หลังจากนั้นค่อยวางแผนเรื่องมีลูก” (ยิ้ม)
แซมอมยิ้มแล้วพูดปิดท้ายพลางกุมมือคู่ชีวิต “ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะมีแฟนเป็นคนไทย ผมว่าเรื่องของเราก็เหมือนที่เพื่อนของนัทคนหนึ่งเขียนไว้ในอินสตาแกรมถึงงานแต่งงานของเราว่า ‘You made me believe in miracle. Finally love isn’t something you find. Love is something that find you.’ เรื่องของเราเป็นปาฏิหาริย์และพรหมลิขิตจริงๆ”
ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 955
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
งานแต่งงานน่ารัก ชุดเจ้าสาวสุดเก๋ของ ดีเจซายน์ ตัวแม่แพลนเนอร์ Bridetobe
ความรักของน้องนก ที่ไม่นก! ย้อนดูจุดเริ่มต้น จอย-ชลธิชา & โต้ง-ปัญญศักดิ์
นาตาลี – ฟลุค อวดภาพหวานครบรอบ 11 ปี + งานเฉลยเพศลูกกลางแม่น้ำเจ้าพระยา