หลายคนคงยังจดจำภาพยนตร์เรื่อง Low Season ที่นางเอกรับบทโดย “พลอย – พลอยไพลิน ตั้งประภาพร” ตัดสินใจออกเดินทางเที่ยวคนเดียว เพื่อรักษาอาการอกหัก ซึ่งในชีวิตจริงก็ไม่ต่างจากตัวละคร เธอคือสายเที่ยวที่ลุยเดี่ยวทั้งเดินป่าในประเทศ ไปจนถึงการนั่งรถไฟทรานส์ไซบีเรียด้วยตัวคนเดียวมาแล้ว
สาวสายลุยที่แท้ทรู “พลอยไพลิน ตั้งประภาพร” เที่ยว 8 ประเทศ 37 วัน คนเดียว!
สายป่าเขาลำเนาไพร
“พลอยชอบถ่ายรูปตั้งแต่ตอนเรียนปี 1 (วิทยาลัยนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต) จึงเริ่มออกเดินทางเพื่อจะได้ถ่ายรูป บวกกับตอนนั้นอินกับหนังเรื่อง The Secret Life of Walter Mitty อยากออกไปเผชิญโลกเหมือนพระเอกบ้าง จึงจองทริปไปเที่ยวภูกระดึงกับ เพื่อน ซึ่งวิวสวยมาก เลยเสพติดกับการไปที่ใหม่ ๆ ตอนแรกเพื่อถ่ายรูป แต่พอตอนหลัง รู้สึกว่าการเดินทางสนุกกว่าการถ่ายรูปอีก เพราะได้เจออะไรใหม่ ๆ มากมาย
“ช่วงแรกพลอยชอบเดินป่า ส่วนใหญ่จะไปกับเพื่อนค่ะ แต่ถ้าไม่มีใครว่างก็ไป คนเดียวได้ โดยเลือกเส้นทางที่ไม่ยากมาก เช่น ดอยขุนตาล จังหวัดลำพูน ที่เดินง่าย สามารถไปคนเดียวได้ หรือแถบอีสานอย่างอุดรธานี นครพนม พลอยก็เคยไปเที่ยวคนเดียว ถ้าปลายทางดูโหดหน่อยก็จะรอไปเป็นกรุ๊ป
“อย่างทริปขุนตาล พลอยกางเต็นท์นอนในป่าเลย อาจเพราะพอเราเป็นที่รู้จัก จึงมีคน มาช่วยดูแลเยอะ ทั้งช่วยกางเต็นท์ มากินข้าวเป็นเพื่อน จนเหมือนมีเพื่อนไปด้วยกัน (หัวเราะ)
“ตอนหลังที่บ้านชวนให้ไปเที่ยวต่างประเทศบ้าง ก็ยังไม่ค่อยอยากไป เพราะรู้สึกว่าเที่ยวเมืองไทยดีอยู่แล้ว กระทั่งแม่ตั้งใจจัดทริปปีใหม่ไปยุโรป ทั้งครอบครัว ตอนนั้นพลอยวางแผนว่าจะไปเที่ยวเชียงใหม่ ทีแรกจึงปฏิเสธ แต่แม่บอกว่าลองเปิดใจดูบ้าง ซึ่งพอไปถึงมันสนุกกว่าที่คิด เพราะต่างประเทศ มีอะไรหลายอย่างที่ต่างจากบ้านเรา ทั้งวัฒนธรรม สถาปัตยกรรม จึงเริ่มแพลน เดินทางไปต่างประเทศตั้งแต่นั้น
“ทริปที่พลอยคิดถึงที่สุดคือทรานส์ไซบีเรีย (เส้นทางรถไฟสายยาวที่สุด ในโลก จากจีนผ่านมองโกเลีย ไปจบที่รัสเซีย) ซึ่งพลอยไปคนเดียวหลังจาก เรียนจบมหาวิทยาลัยช่วงปี 2561 ถือว่าเป็นที่สุดแล้ว นึกถึงทีไรก็อยากกลับไปอีก เพราะรู้สึกว่าแต่ละช่วงวัยความคิดของเราจะไม่เหมือนกัน ตอนนั้นพลอยเดินทาง ด้วยความสงสัยหลายอย่าง เช่น มีคำถามว่าเรียนจบแล้วฉันจะทำงานอะไร กับอีกส่วนหนึ่งคืออยากเปิดโลก”
ลุย 8 ประเทศ 37 วัน คนเดียว
“ที่จริงทริปทรานส์ไซบีเรีย พลอยไม่ได้ตั้งใจจะไปคนเดียวค่ะ ชวนเพื่อน หลายคน แต่ไม่มีใครว่าง เพราะเขาเริ่มทำงานกันแล้ว ยังลางานไม่ได้ รู้สึกว่า ถ้ามัวแต่รอเพื่อนคงไม่ได้ไป ส่วนพลอยเริ่มเข้าวงการแล้ว และช่วงนั้นมีโอกาส ได้ว่างนาน ๆ สุดท้ายตัดสินใจว่าเอาน่ะ ไปคนเดียวก็ได้ คุณพ่อคุณแม่ก็ยอม อนุญาตเพราะเห็นในความตั้งใจ โดยทริปนี้พลอยใช้เงินเก็บของตัวเอง ไม่ได้ ขอเงินท่านเลยสักบาท
“ก่อนเดินทางพลอยมีเวลาเตรียมตัวไม่ถึงเดือนเพื่อวางแผนทริป ตั้งใจ จะบินไปจีน จากนั้นนั่งรถไฟไปมองโกเลีย รัสเซีย ซึ่งเส้นทางทรานส์ไซบีเรีย จะจบที่กรุงมอสโกที่รัสเซียค่ะ แต่พลอยอยากไปเที่ยวที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กต่อ แล้วพอดูแผนที่ เมืองนี้อยู่ต่อกับประเทศฟินแลนด์เลย แค่นั่งรถไฟไป 2 – 3 ชั่วโมงก็ถึง แล้วจากฟินแลนด์ก็อยู่ใกล้สวีเดนมาก ๆ สุดท้ายกลายเป็นทริป ลากยาวต่อเนื่องไปถึงฟินแลนด์ สวีเดน เดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์ และไป ปิดทริปที่ฝรั่งเศสค่ะ สาเหตุที่จบทริปที่นี่เพราะตอนไปเที่ยวกับครอบครัว พลอย ยังไม่ได้เข้าไปดูรูปโมนาลิซ่าที่พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ จึงอยากแก้มือ
“สำหรับการไปเที่ยวคนเดียว สิ่งที่ต้องเตรียมมากที่สุดคือข้อมูล ต้องรู้ ให้เยอะที่สุด ตั้งแต่เรื่องพื้นฐานของแต่ละประเทศว่าเขาใช้ภาษาอะไร กินอะไร วัฒนธรรมเป็นยังไง รวมถึงมีสมุด Emergency Call ของแต่ละประเทศที่ไปด้วย”
รัสเซีย…เหนือความคาดหมาย
“ไฮไลต์ของทริปนี้ ประเทศที่พลอยประทับใจมากที่สุดคือรัสเซียค่ะ เพราะปกติพลอยชอบเที่ยวธรรมชาติ จึงไม่ได้คาดหวังกับรัสเซีย เนื่องจากอยู่แต่ ในเมือง แต่ที่ไหนได้ พลอยอินมากกับความคลาสสิกและขลังของบ้านเมือง อย่างตอนที่ไปเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก พลอยศึกษามาว่าที่นี่เคยเกิดสงครามโลก เวลาเดินเที่ยว ใจก็คิดไปด้วยว่าทุกอย่างที่เราเห็นเป็นประวัติศาสตร์ และเรากำลังเดิน อยู่ในนั้น สามารถขลุกอยู่ในเมืองได้ทั้งวัน เดินดูพิพิธภัณฑ์ในเครมลิน เที่ยว จัตุรัสแดง มีข้อมูลให้ศึกษาเต็มไปหมด และสถาปัตยกรรมก็สวยมาก
“อีกเรื่องที่ผิดคาดมากคือคนรัสเซียไม่น่ากลัวอย่างที่คิด แม้ตอนแรกเจอ จะหน้านิ่ง ๆ ดูดุ แต่กลายเป็นว่าเขามาช่วยยกกระเป๋า บางคนก็เดินมาถามว่า หลงทางเหรอ ให้ช่วยอะไรไหม สรุปคือน่ารักกว่าที่คิดไว้เยอะเลย”
ฝ่าพายุหิมะที่มองโกเลีย
“ช่วงที่พลอยไปถึงมองโกเลียไม่ใช่ฤดูหนาว จึงสวมแค่เสื้อกันหนาวปกติ วันหนึ่งเดินจากโรงแรมไปตลาดที่อยู่ห่างจากโรงแรมประมาณ 30 นาที ใช้วิธี เดินไปเพราะอยากดูบ้านเมืองด้วย ปรากฏว่าขากลับเกิดพายุหิมะ ปัญหาคือพลอยเรียกแท็กซี่ไม่เป็น ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคันไหนคือแท็กซี่ เนื่องจากเขาไม่มีป้ายบอก เหมือนบ้านเรา แต่ที่พลอยเห็นคือคนเขาใช้วิธีโบกรถ ถ้าคันไหนรับก็ขึ้นไป แต่ เรารู้สึกทะแม่ง ๆ จึงไม่กล้าโบกตาม ได้แต่เดินก้มหน้าฝ่าพายุไป หนาวมากจนคิดว่า ต้องตายระหว่างทางแน่ ๆ แล้วยังเดินหลงทางอีก ต้องเดินไปหยุดพักไป จนสุดท้าย ก็หาทางเดินกลับมาถึงโรงแรมจนได้ ทรมานมาก พอกลับมาถึงห้องพัก พลอย เสิร์ชหาข้อมูลว่าระบบรถแท็กซี่ที่นั่นเขาเป็นยังไงกันแน่ ได้ข้อมูลว่าทุกคนที่มีรถ สามารถเป็นแท็กซี่ได้หมด ถ้าเราโบกแล้วเขารับก็คือขึ้นรถได้เลยค่ะ…ปัดโธ่เอ๊ย”
ประสบการณ์ที่อัมสเตอร์ดัม
“ด้วยความอยากประหยัด ตลอดทริปนั้นพลอยเลือกพักที่โฮสเต็ล สำหรับ ที่เนเธอร์แลนด์ พลอยจองที่พักไว้นอกกรุงอัมสเตอร์ดัม ราคาถูกมาก ตกคืนละ 100 – 200 บาท พอไปถึงสภาพคือเต็มไปด้วยฮิปปี้ที่มานอนและปาร์ตี้เสพกัญชากัน พลอยไม่ได้กลัวนะ แค่ไม่ชอบ จึงหลบเข้าห้องพักที่เป็นแบบนอนรวมกัน ประมาณ 20 เตียง หาอะไรทำของเราไป ขณะที่ข้างนอกก็โหวกเหวกกัน แล้ว จู่ ๆ เพื่อนชาวเยเมนที่เจอกันในที่พักก็มานั่งที่ปลายเตียง ถามว่าไม่ไปปาร์ตี้เหรอ พลอยตอบไปแค่ไม่ละ สักพักมีผู้หญิงจากนิวซีแลนด์มานั่งด้วย แล้วจู่ ๆ คนเยเมน ก็หันไปถามผู้หญิงคนนั้นว่ามีกัญชาไหม สรุปคือสองคนนั้นนั่งสูบกัญชาปลายเตียง พลอย ณ จุดนั้นก็รู้สึกพีคอยู่เหมือนกันนะ แต่ทำได้แค่ส่ายหน้า แล้วนอนมอง คนแปลกหน้าสูบกัญชาอยู่ที่ปลายเตียง ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน สุดท้าย คืนนั้นก็ผ่านพ้นมาด้วยดีโดยมีสติครบทุกประการ”
ปิดจ๊อบกับโมนาลิซ่าสมายล์
“และแล้วก็ถึงฝรั่งเศส ประเทศสุดท้ายในทริป ได้เข้าพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ดูโมนาลิซ่าสมใจ แต่สารภาพว่าไม่เหมือนอย่างที่คิดไว้เลย เพราะภาพเล็กมาก แทบมองไม่เห็น เนื่องจากคนแย่งกันถ่ายรูป ยังคิดเลยว่านี่คือสิ่งที่เราตามหามา ครึ่งโลกจริง ๆ เหรอ (หัวเราะ) แต่ก็ดีใจนะที่ได้ดูด้วยตาเสียที แล้วยังเป็นเป้าหมาย ของการเดินทางครั้งนี้ด้วย
“โดยรวมพลอยคิดว่าทริปนี้เรื่องที่โหดที่สุดคือความเหงาในการใช้ชีวิต คนเดียว ที่จริงอยากกลับบ้านตั้งแต่ตอนอยู่ที่รัสเซียแล้ว แต่ที่สุดก็ไม่ยอมแพ้ เพราะอยากทำให้ถึงเป้าหมาย กับอีกเรื่องคือต้องตัดสินใจเองทั้งหมด ไม่มีใคร คอยช่วยเหลือ บวกกับเรื่องภาษา อย่างที่จีน มองโกเลีย รัสเซีย เขาไม่ใช้ ภาษาอังกฤษ ต้องใช้เซ้นส์ล้วน ๆ หรือไม่ก็ภาษาใบ้เลยค่ะ
“ถ้าพูดถึงข้อดีของการเที่ยวคนเดียวคืออยากทำอะไรก็ได้ทำ ที่สำคัญ การได้เจอผู้คนระหว่างทางเป็นสิ่งที่วิเศษมาก ๆ ยิ่งกว่าวิวทิวทัศน์ อย่างตอนที่ นั่งรถไฟจากจีนไปมองโกเลีย พลอยเจอคุณลุงชาวอเมริกันชื่อว่าไบรอัน เราอยู่ บนตู้รถไฟกันประมาณ 33 ชั่วโมงได้ ตอนแรกก็คุยเกร็ง ๆ แต่ไป ๆ มา ๆ เขา กลายเป็นเพื่อนที่คุยสนุก เขาถามพลอยว่าทำไมมาคนเดียว พลอยบอกว่า กำลังเครียด เพราะเรียนจบแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับชีวิต ซึ่งตอนนั้นเรา กำลังกินบะหมี่ถ้วยสำเร็จรูป เขาก็พูดว่าที่จริงแค่มีบะหมี่ให้กินกับได้ดูวิวสวย ๆ ระหว่างทางก็วิเศษมากแล้ว ไม่เห็นต้องคิดอะไรมากเลย แค่เอนจอยกับชีวิตที่อยู่ ตรงหน้าคือดีที่สุด คุณลุงคนนี้ยังสอนพลอยอีกหลายอย่าง มารู้ทีหลังว่าเขา เป็นไลฟ์โค้ช รับปรึกษาทางออนไลน์ พอถึงตอนแยกย้าย เราก็แลกอีเมลกัน ซึ่งตอนที่กลับจากทริปก็ส่งอีเมลถามไถ่กันว่าเป็นยังไงบ้าง
“หลังกลับมาจากทริป สิ่งที่เปลี่ยนแปลงมากที่สุดคือความมั่นใจ พลอย คิดว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต เราคงผ่านไปได้ด้วยตัวคนเดียวได้เหมือนกัน ส่วนคำถามที่พลอยตั้งไว้ว่าอยากทำอะไร แม้จะไม่เชิงได้คำตอบที่เป็นรูปธรรม กลับมา แต่ก็รู้ว่าไม่ว่าอะไรก็ตาม ลองไปก่อนเถอะ เพื่อเราจะได้รู้ ก็เหมือนกับ ตอนเที่ยวที่บางครั้งกลัวขึ้นรถไฟพลาด แต่แค่ลองทำ ลองไปดูก่อน ที่สุดก็จะ หาหนทางได้เอง”
ลุ้นจัดที่อินเดีย
“อีกทริปสนุกมีเรื่องลุ้น ๆ ก็คือตอนที่ไปเที่ยวแคว้นแคชเมียร์ที่อินเดีย เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ทริปนี้ไปกับเพื่อนอีก 2 คน เราไปเดินป่ากางเต็นท์นอนกัน 7 วัน วิวป่าที่นั่นสวยมาก จากนั้นก็เข้ามาในเมืองแคชเมียร์เพื่อเที่ยวในเมืองต่ออีก 3 วัน
“ช่วงที่เดินป่าพลอยไม่ได้ดูข่าว บวกกับอินเทอร์เน็ตก็ไม่มี จึงไม่รู้เรื่องว่า ตอนนั้นกำลังจะเกิดสงครามระหว่างปากีสถานกับอินเดียจากการขัดแย้งเรื่อง พื้นที่เขตปกครองพิเศษในแคชเมียร์ วันแรกที่พลอยกลับเข้าเมืองก็เจอประกาศ ว่าให้นักท่องเที่ยวย้ายออกให้หมดเพราะจะมีเคอร์ฟิว ตอนนั้นคิดว่าไม่น่าจะ ร้ายแรงหรอกมั้ง เราคงไม่ซวยขนาดนั้น จึงอยู่เที่ยวต่อ
“ที่ไหนได้ คืนถัดมาเขาตัดสัญญาณมือถือและอินเทอร์เน็ตทั้งหมด ไม่สามารถติดต่ออะไรได้ แต่ยังเดินทางได้ พลอยยังไปเที่ยวมาร์เก็ตในเมืองได้อยู่ วันนั้นก็ยังไม่มีอะไร วันรุ่งขึ้นมีแพลนว่าจะเดินทางไปเที่ยวนอกเมือง พอถึง ตอนเช้าไกด์โทร.มาถามว่าขอเลื่อนไปเที่ยววันถัดไปได้ไหม เพราะมีประกาศว่า ให้อยู่แต่ในบ้าน เนื่องจากสถานการณ์เริ่มรุนแรง พลอยก็โอเค ความที่ไม่มี อะไรทำในโรงแรมจึงขึ้นไปที่ดาดฟ้า เลยได้เห็นการจลาจล ประชาชนกำลังตีกับ ตำรวจ ทหาร มีรถขวาง คนกำลังเผาหนังสือพิมพ์ โห ตอนนั้นคือหิวมากนะ อยากออกไปซื้อขนมข้างนอก พอเห็นภาพนั้นเข้าไป ไม่กล้าไปไหนเลย วันสุดท้าย พลอยกับเพื่อนรีบไปสนามบินตั้งแต่ตี 4 เพราะกลัวสนามบินจะถูกปิด โชคดีมาก ที่ได้บินกลับไทยอย่างปลอดภัย…โล่งไป”
ทริปนี้ที่อยากไป
“พลอยอยากไปอเมริกาใต้มาก อยากไปทัวร์ทุกประเทศ ทั้งโบลิเวีย อาร์เจนตินา เพราะยังไม่เคยไปฝั่งนั้นเลย ซึ่งอเมริกาใต้ขึ้นชื่อว่าธรรมชาติและป่า อุดมสมบูรณ์มาก พลอยจึงอยากไปเดินป่าที่นั่นสุด ๆ
“แล้วช่วงสถานการณ์ที่ต้องอยู่บ้าน พลอยวางแผนเที่ยวในประเทศไว้เยอะ มาก อยากไปชุมพร เบตง และกระบี่ค่ะ ที่จริงเมืองไทยมีที่เที่ยวสวย ๆ อีกเยอะ เลยนะคะ อย่างจังหวัดตาก ปีที่แล้วพลอยไปเที่ยวมาตั้ง 3 รอบ ธรรมชาติ ยังสวยงามและอุดมสมบูรณ์มาก เขียวขจีไปหมด โดยเฉพาะฤดูฝนงามสุด ๆ อยากให้ทุกคนได้ไปสัมผัสค่ะ
“เคยมีคนถามพลอยว่าในชีวิตจริงเคยมีประสบการณ์อกหักเหมือนตอน แสดงเรื่อง Low Season ไหม…คำตอบคือมีค่ะ ตอนนั้นแบกเป้ไปเที่ยวอีสาน คนเดียวเลย ถ้าถามว่าช่วยได้ไหม แม้อาการในใจจะไม่ถึงกับหายสนิท แต่การเดินทางก็ทำให้มีเวลาเยียวยา และเข้าใจตัวเองมากขึ้นค่ะ”
ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 971
ภาพ : pigkaploy
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
แม็ค กฤตธัช หนึ่งในทีมโดรนหาจุดปิดวาล์วถังสารเคมีหมิงตี้ ซีอีโอบริษัท NOVY
เปิดเรือนหอ โทนี่ & แก้ว เน้นเรียบง่ายพึ่งพาตนเอง นี่สิ! วิถีชีวิตแบบ off grid
เซฟไว้ก่อน! 3 ทริปที่รักของ “บาส Go Went Go” บล็อกเกอร์สายเที่ยวที่สาวๆ ปลื้ม