ฟ้าใส-ปวีณสุดา ดรูอิ้น Miss Universe Thailand 2019 นั้นฟังดูเรื่องราวชีวิตเหมือนพล็อตภาพยนตร์สร้างแรงบันดาลใจชั้นดีไม่มีผิด หญิงสาวลูกผสมไทยจีน-แคนาเดียน เชื้อสายฝรั่งเศส จบปริญญาตรีด้านวิทยาศาสตร์การเคลื่อนไหว ด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ผ่านเวทีประกวดประขันความงามมาหลายเวที แต่ไม่เคยได้สัมผัสน้ำหนักมงกุฎบนศีรษะเลยสักครั้ง มีแต่เกือบจะคว้าไว้ได้แต่กลับไปถึง แต่เธอก็ไม่ละทิ้งความพยายามยังคงฝึกฝนตัวเองเพื่อเดินไปให้ถึงเป้าหมาย และในที่สุดความฝันของเธอก็เป็นจริง ฟังดูเหมือนแฮปปี้เอ็นด์ดิ้ง แต่ ฟ้าใส ได้มาเปิดใจในรายการ ต้มยำอมรินทร์ ผลิตโดย CHANGE2561 ว่าตัวเองลักกี้อินแต่เกมส่วนเลิฟนั้นชีวิตนี้ยังไม่เคยมีความรักเพราะเจอกฎเหล็กของคุณแม่ พร้อมเผยเคยผ่านมรสุม โรคซึมเศร้า โดยไม่รู้ตัว คุณสมบัติแฟนหนุ่มของ ฟ้าใส-ปวีณสุดา
แม่คัด! เรียนเก่ง อายุมาก เป็นหมอ คุณสมบัติแฟนหนุ่มของ ฟ้าใส-ปวีณสุดา
ขอย้อนถามถึงตอนที่ไปประกวดมิสยูนิเวิร์สหน่อย ตอนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง?
“ประทับใจเราเข้าไปถึง Top5 ของโลก มันเป็นความฝันของ ฟ้าใส คือการเป็นตัวแทนของประเทศไทยไปประกวด มิสยูนิเวิร์ส แล้วคือการประกวดตั้งแต่ที่ไทยแล้วมันเกินคาดด้วยแรงซัพพอร์ตแล้วก็เสียงเชียร์เราไม่คาดคิดว่าจะมีมากขนาดนี้มาก่อนจะเป็นความทรงจำที่จะอยู่กับ ฟ้าใส ไปตลอดเลยค่ะ”
แต่กว่าที่จะเข้าไปถึงระดับโลกจนติด Top5 ที่ผ่านมาฟ้าใส เคยผิดหวังมานับครั้งไม่ถ้วนเลยจริงหรือไม่?
“จริงค่ะ เวลาที่เราประกวดมาหลายเวทีมากๆ ก็ได้ตำแหน่งรองมาตลอด หลายคนก็เลยตั้งฉายาให้เราว่าเป็นนางรองของทุกเวที แต่เราก็มีความรู้สึกนะคะ ว่าทุกเวทีเราก็ทำอะไรที่ถูกต้องหมดแต่ก็ยังไม่ได้ตำแหน่งสักทีพอนานๆ เข้าทำให้เราก็เอาความสำเร็จจากทุกๆ เวทีมาดูและมองย้อนว่าในเมื่อเราทำสุดทุกเวทีแล้ว ก็ยังไม่ได้แต่ถ้าเรายังทำเหมือนเดิมแบบทุกเวทีที่ผ่านมาก็แปลว่าเราก็ไม่กล้าที่จะทำหรือลองอะไรใหม่ๆ แล้วมันก็เลยทำให้เรารู้สึกแบบไม่ดีพอทำให้เราท้อ เราตั้งใจอะไรไปก็เสียเปล่าเพราะว่ายังไงมันก็ไม่ประสบความสำเร็จอยู่แล้ว (ตอนที่คิดแบบนั้นคือก่อนที่จะประกวด 2019) เราก็เลยกลับมานั่งถามตัวเองว่าเราอยากจะทำต่อไหม แล้วมีอะไรในชีวิตเราที่มันมากกว่านางงามไหม แต่ในใจก็ยังมีเสียงเล็กๆ ที่บอกเราว่า อยากจะลองอีกสักครั้ง เพราะเรารู้แล้วว่าเราผิดพลาดอะไร แล้วเราสามารถอุดช่องโหว่งได้”
“ซึ่งในปี 2017 สิ่งที่เราคิดว่าเราผิดพลาดหลายๆ คนก็จะสังเกตได้คือ เรื่องการเดิน แล้วปีนั้นคือ หนูเจอพี่มารีญา ตอนนั้นที่เรามาประกวดคือเรารู้สึกว่าเราภาษาก็ได้ ความสูงก็ได้ หน้าก็เก๋ ซึ่งเราก็รู้สึกว่าโปรไฟล์เราก็ดีหน้าจะเหมาะกับบริบทของนางงาม พอเรามาเจอพี่มารีญา คือ เขาเด่นกว่าเราทุกด้านเลยไม่ว่าจะความสูงในด้านของวงการ ด้านการศึกษา เขาเด่นกว่าเราหมดเลย ทำให้เรารู้สึกแย่และคิดว่าข้อดีของเราคืออะไร”
เพราะตอนนั้นมันยังไม่ใช่เวลาของเรามากกว่า พอเป็นเวลาของเราก็เป็นของเรา และที่สำคัญในช่วงปีที่ผ่านมา ฟ้าใส เจอมรสุมหนักมากจนเกือบเป็นโรคซึมเศร้าเลยใช่ไหม?
“อันนี้ คือ ใช่เลยค่ะ เป็นตั้งแต่ที่กลับมาจาก มิสยูนิเวิร์ส แล้วค่ะ ตอนแรกเรานึกว่าเรารู้สึกเหนื่อยก็เลยคิดว่าพักสักเดือนก็น่าจะโอเค แต่พอผ่านไปก็ยังไม่ดีขึ้นอาการก็เหมือนว่าเราไม่อยากทำอะไรเราไม่อยากคุยกับใครไม่อยากไปไหนอยากจะนอนอยู่กับบ้านเฉยๆไม่ไปไหนทั้งนั้น พอมาดราม่าเราก็หนักเข้าไปอีก”
ช่วงนั้นเรามีใครเป็นที่ปรึกษาบ้างไหม?
“จริงๆตอนแรกที่เรายังไม่รู้ว่าเราเป็นเราก็เราก็ไม่รู้จะพูดกับใครนอกเหนือกับเพื่อนที่สนิทมากๆหรือพ่อกับแม่แล้วเวลาที่คนอื่นเขาได้รับฟังมุมมองของเราทำให้เรารู้สึกโล่งมาทีละนิดๆ ค่ะ”
เห็นฟ้าใสพูดถึงคุณแม่ ซึ่งน่าจะเป็นคนที่ใกล้ชิดเรามากที่สุดเราถูกเลี้ยงมาค่อนข้างไปทางฝรั่งหรือไทยมากกว่า?
“เพราะคุณพ่อทำงานอยู่ต่างประเทศ เราก็จะอยู่กับคุณแม่มากกว่า คุณแม่ก็จะเลี้ยงเราแบบไทยๆก็จะมีกฎระเบียบวินัยค่อนข้างสูง ถ้าเกิดเราทำผิดท่านก็จะดุ ส่วนกฎเหล็กก็จะมีหลายอย่างมากๆตอนเด็กที่เราจำได้คือ ห้ามมีแฟนจนกว่าเราจะเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งเราก็ทำได้นะคะ แต่ตอนนี้ก็ยังไม่มีแฟนนะคะ เพราะกฎเหล็กของแม่ยังมีต่อ คนที่จะมาเป็นแฟนเราต้องเรียนเก่งกว่าเรา อายุมากกว่าเรา และเป็นหมอเท่านั้น”
แล้วสเปคของ ฟ้าใส เป็นแบบไหน?
“ณ ปัจจุบัน ไม่มีสเปกเพราะว่าเราอยากพูดคุยมากกว่าว่าเราจะคลิกกับเขาหรือเปล่า ก็มีคนเข้ามาทักมาบ้างนะคะ แต่ส่วนตัวแล้วเราต้องเห็นตัว และต้องได้พูดคุยถึงจะรู้ว่าโอเคหรือเปล่า ส่วนใครที่ทักมาในโซเชียลแล้วถ้าเขาอยากจะทำความรู้จักเราจริงเขาก็จะลองติดตามว่าเราไปทำงานที่ไหน แล้วก็จะไปหาเราในที่สาธารณะเพื่อไม่จู่โจมเกินไปเหมือนเราจะได้รู้สึกปลอดภัยแล้วเขาก็ได้แนะนำตัวอันนี้เรามองว่าถ้าเป็นแบบนี้เราจะประทับใจมาก”
เป็นคนที่มีความสามารถหลากหลายจริงๆเพราะสามารถแต่งเพลงเกี่ยวกับความรักได้โดยที่ไม่เคยมีความรักเลยใช่ไหม?
“เหมือนพอเราติดละครเราก็จินตนาการว่าเราเป็นนางเอกที่สำคัญ แล้วเราก็มีเพื่อนหลายๆคนเขามาเล่าประสบการณ์ความรักของเขาให้เราฟังเราก็เอาสิ่งที่ได้ยินได้ฟังมาแต่งเป็นเพลง”
มาถามถึงก้าวต่อไปของ ฟ้าใส กันดีกว่าเรามองไว้ถึงการก้าวไปโกอินเตอร์บ้างไหม?
“ผู้จัดการของ ฟ้าใส ที่วางแพลนเราไว้คือ ถ้าไม่คิดโควิดก็มีงานที่เราติดต่อไว้ที่ ฟิลิปปินส์ กับที่ต่างประเทศไว้แล้วแต่เพราะว่าติดโควิดเลยแคนเซิลไปก่อน แต่ถ้าวัคซีนมาหรือปกติลงทุกอย่างก็จะเดินต่อไปข้างหน้า แล้วเราก็อยากจะขอทดลองอะไรๆหลากหลายอย่างในชีวิต เช่น แต่งเพลงแล้วยังไม่ได้ออกไปอย่างช่วงแรกๆถ้าเราได้ร้องเพลงของเราก่อนก็จะดีเพราะในอนาคตเราก็มองว่าเราแต่งเพลงให้คนอื่นร้องได้ด้วยก็จะดี อย่าถ้าเราเล่นละครไม่ได้เราอยู่เบื้องหลังการเขียนบท และอีกอย่างหนึ่งคือ การเป็นนักพากย์เสียงค่ะ”
สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
เบื้องหลังความสำเร็จ ฟ้าใส ปวีณสุดา – แคทรีโอนา ในวันที่ไม่ต้องเป็นรองอีกต่อไป
5 นางงามผิวสี แห่งจักรวาล Miss Universe ที่ไม่ได้มีแค่ความสวย
สำรวจรายได้นางงาม ประกวดเวทีไหนได้เงินเข้ากระเป๋าเยอะที่สุด!