Exclusive Talk เบื้องหลังชุดบัลลังก์ตั่งทอง Asava คอลแลปส์ ลิซ่า BLACKPINK

account_circle

Exclusive Talk หมู-พลพัฒน์ อัศวะประภา เผยเบื้องหลังชุดบัลลังก์ตั่งทอง ภูมิใจแบรนด์ไทย ASAVA ร่วมคอลแลปส์ โซโล่เดี่ยว ลิซ่า BLACKPINK

นาทีคงไม่มีกระแสไหนจะต๊าชชชชชชเท่า ลิซ่า BLACKPINK ศิลปินหญิงระดับโลกจากวง BLACKPINK กับปรากฏการณ์ที่ทุกคนรอคอยอย่างโซโล่เดี่ยวที่มาในซิงเกิ้ลที่ชื่อว่า LaLiSa ต้องบอกเลยว่าบลิ๊งค์ทั่วโลกตั้งตารอยคอยมาอย่างยาวนาน ซึ่งปัจจุบันมียอดวิวมากกว่า 44 ล้านครั้งภายใน 10 ชั่วโมง

ทันทีที่ LaLiSa ถูกปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 10 กันยายน เวลา 11 โมง ทำเอาหลายคนน้ำตาไหลปลื้มปลิ่มสุดๆ เพราะลิซ่านั้นจึ้งมากแม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในลุคชุดไทยร่วมสมัยสีทองอร่ามตา และเครื่องหัว พร้อมกับเครื่องประดับดอกไม้สุดปังที่ลิซ่าใส่ทำเอาหลายคนต๊าชชชชชชชยิ่งขึ้นไปอีก

ทั้งนี้ลิซ่ายังได้ให้สัมภาษณ์ว่า “ฉันเลือกเองที่อยากจะใส่ชุดประจำชาติไทยในมิวสิควิดีโอ” สำหรับชุดไทยที่เราได้เห็นในเอ็มวี LaLiSa มาจากผลงานของ หมู-พลพัฒน์ อัศวะประภา จากแบรนด์ ASAVA ซึ่งพี่หมูได้ให้สัมภาษณ์สุดพิเศษกับแพรวในครั้งนี้ว่า

Exclusive Talk เบื้องหลังชุดบัลลังก์ตั่งทอง ASAVA คอลแลปส์ ลิซ่า BLACKPINK

photo by : 슝이

อาซาว่าแบรนด์ไทยที่ถูกเลือก

เริ่มแรกทางค่าย YG ติดต่อมาเองเลยครับ ผมได้รับข้อความจากสไตล์ลิสต์ท่านหนึ่งของ YG เขาถามผมว่า อาซาว่าสนใจคอลแลปส์กับเขาไหม ซึ่งเขาไม่ได้บอกรายละเอียดใดๆ เลย แผนงานทั้งหมดถูกปิดเป็นความลับ เขาถามเพียงแค่ว่าผมสนใจไหม ผมก็บอกสนใจ

จากนั้นก็ได้รับอีเมลที่เป็นทางการสำหรับคอนเฟิร์มงาน ซึ่งรายละเอียดในนั้นบอกเพียงแค่ว่าเป็นการทำงานกับศิลปินท่านหนึ่ง มีการทำข้อตกลง ทำความเข้าใจในรายละเอียดต่างๆ จึงได้เกิดการเริ่มงานขึ้น

โดยโจทย์ที่เขาให้มาเนี่ยค่อนข้างกว้าง บอกเพียงแค่ว่าคอนเซปต์เป็นชุดไทยแบบร่วมสมัย ทางค่ายจะบอกแค่ข้อมูลที่จำเป็นกับการทำงานของเราจริงๆ

รู้ได้อย่างไรคะว่าเป็นลิซ่า

ถ้าถามว่าพี่ว่ารู้ไหมว่าเป็นลิซ่า พี่ก็พอเดาออกว่าเป็นน้อง เพราะกระแสโซโล่ของน้องลิซ่าดังมาก แล้วยิ่งพอบอกว่าเป็นงานโมเดิร์นไทย งานไทยร่วมสมัย เราก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นใครไปไม่ได้นอกจากน้องลิซ่า บวกกับที่เขาบอกเราเรื่อง ไซส์ และ สัดส่วน ของศิลปินเข้ามาก็คิดว่าใช่ แต่ด้วยความที่เขาไม่บอก เราก็เลยไม่ได้ถาม

และต้องบอกเลยว่า YG น่ารักมาก ค่ายไม่ได้มาบังคับการทำงานของเราเลย เขาค่อนข้างทำการบ้านเกี่ยวกับแบรนด์ (อาซาว่า) มาประมาณหนึ่ง แต่ว่าด้วยระยะเวลาที่จำกัด ทำสเก็ตไปจนถึงแบบที่เราเห็นกันก็ประมาณ 20 กว่าสเก็ตได้

ช่วงที่ผ่านไปกว่า 10 สเก็ต เขาก็บอกว่ามันยังไม่ไทยพอ เราก็เลยถามเขาว่า ทาง YG ทางสไตล์ลิสต์ น้องลิซ่า หรือผู้กำกับมีภาพในใจไหม เขาก็ส่งงานเก่าๆ ของแบรนด์มาให้ดู ซึ่งหนึ่งในนั้นมีรูปน้องน้ำตาลด้วย แต่เขาไม่ได้บอกว่าจะเอาแบบนี้นะครับ ซึ่งก่อนที่จะมาเป็นสไบ มันก็จะมีตะเบ็งมาน มีทั้งแบบสั้น แบบยาว แบบกระโปรงผ่าหน้า กว่าจะที่ทุกคนจะมาเห็นเป็นชุดที่น้องใส่ในเอ็มวี ก็ผ่านการเลือกสรรมาประมาณหนึ่งเลย

พอได้แบบแล้ว ทาง YG ก็บอกผมว่า ถ้าอย่างนั้นคุณช่วยจัดเครื่องประดับมาทั้งหมดเลยได้ไหม ซึ่งเขาก็ไม่ได้บอกอีกว่าอยากได้ประมาณไหน บอกเพียงแค่อยากให้ลุคออกมาคอมพลีทที่สุด เราก็พอจะจิตนาการออกว่าถ้าชุดไทยขนาดนี้ ลุคที่ออกมาก็น่าจะอลังการด้วย

photo by : 슝이

งานแอคเซสซอรี่ทั้งหมดก็ได้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ในวงการไม่ว่าจะเป็นคุณผักกาด จาก hook’s by prapakas คุณส้มโอ คุณศรัณญ อยู่คงดี จากแบรนด์ SARRAN by Sarran Youkongdee แต่ด้วยความที่เป็นความลับ และเวลาทำงานจำกัด เราก็บอกน้องๆ ว่าเป็นศิลปินเกาหลีท่านหนึ่งนะ เพราะจะไปหยิบยืมของเขามา โดยให้เวลาเขาแค่ 1 วัน วันครึ่ง ในการส่งของมาที่ออฟฟิศ มันก็เป็นเรื่องที่ชุกละหุพอสมควร ซึ่งตัวเราเองก็อยากได้ช้อยส์ที่ค่อนข้างเยอะ จริงๆ เครื่องหัวของน้องลิซ่ามีประมาณ 3-4 ลุค เรานำเครื่องประดับต่างๆ มาสไตล์ลิ่งลงบนชุด ส่งไปให้สไตล์ลิสต์ของน้องลิซ่าดู รวมถึงผู้กำกับด้วย จริงๆ แล้วชุดและแอคเซสซอรี่ที่ส่งไปมีมากกว่าหนึ่งชุด ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าสุดท้ายชุดที่เค้าเลือกจะออกมาเป็นชุดไหน ออกมาในเอ็มวีนานเท่าไหร่ จนวันนี้ 11 โมงถึงได้เห็นพร้อมกัน

ชุดไทยร่วมสมัย จากผ้ายกทองล้ำค่า ผสมผสานงานปักมือสวารอฟสกี้

คอนเซปต์ของชุดนี้อย่างที่บอกว่ามีความเป็นไทยร่วมสมัย แต่เราก็ใส่ความเป็นน้องลิซ่าเข้าไปด้วย น้องใส่แล้วต้องเคลื่อนไหวได้ เพราะต้องมีการเต้น เป็นหนึ่งในความต้องการที่เขาบอกมา เพราะฉะนั้นจะทำอย่างไรให้ชุดออกมาโมเดิร์น และมีความเป็นน้องลิซ่ามากที่สุด แต่ที่สำคัญอีกหนึ่งอย่างคือ เมื่อชุดเข้าไปอยู่ในโปรดักส์ชั่น มันต้องมีความพิเศษ ความอลังการ เพราะฉะนั้นเราจึงคิดว่าควรใช้ผ้ายกทองของจังหวัดลำพูน และที่เป็นสีทอง เพราะเข้ากับลิซ่ามากที่สุด ทำให้น้องดูโดดเด่น และเราต้องการสื่อสารความเป็นไทยที่ชัดเจน ซึ่งสิ่งที่ออกมาจากหน้ากล้องในโลเคชั่นที่เราไม่รู้ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร แต่คิดว่าเป็นชุดไทยขนาดนี้คงต้องมีความวิจิตรประมาณหนึ่ง พอมาเป็นสีทอง บวกกับงานปักมือของคริสตัลจากสวารอฟสกี้ ซึ่งไม่ได้ใช้เพียงสีเดียว ใช้สีหลายๆ เฉด ให้มันเกิดมิติลงบนผ้ายกทอง ทำให้ชุดดูมีมิติมากขึ้น ซึ่งเราเลือกปักเฉพาะช่วงลำตัว สไบ เพราะว่า เวลาน้องเคลื่อนไหวจะได้ดูมีมูฟเม้นท์ จากนั้นจึงค่อยมาคิดในสไตล์ลิ่งอื่นๆ ที่ประกอบไปกับชุดทำให้ลุคออกมาดูสมบูรณ์แบบที่สุด

ความยากในการทำชุด

ก็ยากเหมือนกันครับ เพราะเรารู้ว่าเป็นความฝันของน้องลิซ่า เป็นความต้องการของน้องที่อยากใส่ชุดไทยในเอ็มวีของเขา เราจึงอยากทำงานของเราให้ออกมาดีที่สุด เพราะว่า ศิลปินแบบน้องลิซ่า หรือ BLACKPINK เขาใส่แบรนด์กูตูร์ระดับโลก เพราะฉะนั้นเราจะทำอย่างไรเมื่อเราถูกเลือกในฐานะแบรนด์ไทย จะทำอย่างไรเมื่อเสื้อผ้าไปถึงน้องแล้วสร้างความประทับใจให้ได้ ด้วยระยะเวลา ด้วยทุกสิ่งเราก็ต้องทำงานเต็มที่มากที่สุด เริ่มจากสเก็ต การทำแพทเทิร์น โดยการประกาศหานางแบบที่ส่วนสูง อก เอว สะโพก ไหล่ ตรงกับน้องลิซ่ามากที่สุด ให้เขาส่งรูปเข้ามา ซึ่งกระบวนการทำงานตรงนี้เกิดภายในสองคืน และเมื่อเราส่งไปฟิตติ้งที่เกาหลี ปรากฏว่าไซส์พอดีเป๊ะ ทางนั้นเขาก็ตกตะลึงเล็กน้อยว่าทำไมถึงพอดีได้ขนาดนี้ เราก็บอกเขาว่า เราใช้โมเดลที่ส่วนสรรพเกือบจะ 99% ที่ตรงกับน้อง

1 เดือนจากฝีมือชั้นเยี่ยมจากช่างรุ่นลายคราม

ระยะเวลาการทำงานในครั้งนี้ จริงๆ มีการติดต่อกันมาก่อนหน้านั้น แต่กว่าจะจบทุกอย่างได้ จนมาเริ่มทำงานสเก็ตก็เหลือเวลาทำงานจริงๆ ประมาณหนึ่งเดือน ผนวกกับเวิร์คฟอมโฮม เคอร์ฟิวอีก ช่วงๆ ปลายก็จะต้องเริ่มงานกันตั้งแต่ตี 5 ครึ่ง เริ่มเย็บ 6 โมง กว่าจะเสร็จก็ทุ่มกว่า ช่างแต่ละคนที่มาทำชุดนี้ก็เป็นช่างรุ่นลายครามของอาซาว่าหมดเลย ซึ่งแต่ละท่านเป็นมือหนึ่ง อายุก็ไม่น้อยกันแล้วทุกคน เราก็เป็นห่วงสุขภาพพวกเขานะ เพราะการทำงานต้องเว้นระยะห่างกันด้วย ให้นั่งทำงานกันละมุม แยกชั้นกันไป เรียกได้ว่ากว่าจะสำเร็จออกมาเป็นผลงานที่เห็นก็เอาเรื่องอยู่ประมาณหนึ่งครับ

ฟีดแบคจากน้องลิซ่าเป็นอย่างไรคะ?

เราไม่ได้คุยกับน้องลิซ่าเลยครับ คุยกับทีมงานอย่างเดียว ซึ่งเขาเขียนมาขอบคุณ บอกว่าเพอร์เฟค ฟิตติ้ง ชุดนี้ใช่เลย เขาชอบชุดนี้มาก จริงๆ เขาจะให้เราทำอีกชุด แต่มีเวลาอีกหนึ่งอาทิตย์ มันจึงค่อนข้างยาก เพราะบวกเวลาขนส่งอีก ซึ่งจริงๆ ตอนแรกแล้วเขารีเควสแบบมาอีกหนึ่งชุด แต่เราทำไม่ทัน

สำคัญที่สุดคือ ลิซ่าต้องมีความสุข

ดีใจมากครับ เพราะเป็นความตั้งใจของน้องลิซ่าที่อยากใส่ชุดไทย นำเสนอความเป็นไทย ให้คนทั่วโลกได้เห็น เพราะฉะนั้นเราในฐานะที่ถูกคัดเลือกให้เข้าไปถ่ายทอดความฝันของน้อง ผมมีความสุขมากที่ได้ทำ เพราะผมเชื่อว่า มิวสิควิดีโอของน้องจะเป็นกระแสไปทั่วโลก แต่ในขณะเดียวกันก็คิดว่าจะทำอย่างไรให้ตอบโจทย์ทางทีมงาน YG มากที่สุด และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ น้องลิซ่าต้องมีความสุข ให้แฟนคลับทั่วโลกของน้องได้ยิ้ม ผมต้องขอขอบคุณน้องลิซ่า ทาง YG ทีมสไตล์ลิสต์ที่ติดต่อเข้ามา ให้อาซาว่าได้เป็นส่วนหนึ่งของผลงานชิ้นสำคัญ นั่นก็คือ โซโล่อัลบั้มแรกของน้องลิซ่าครับ


เรื่อง : Nitcha

ภาพ : @sooyaaa__, @polpatasava/Instagram

5มรสุมชีวิต ลิซ่า-ลลิษา ไอดอลที่เอาชนะความลำบากจนประสบความสำเร็จ

5มรสุมชีวิต ลิซ่า-ลลิษา ไอดอลที่เอาชนะความลำบากจนประสบความสำเร็จ

น้ำตาล ชลิตา 1

เกินต้าน “น้องฉัตร” เมคโอเวอร์ “น้ำตาล ชลิตา” ลุคผมหน้าม้าสวมชฎาแบบ “ลิซ่า”

Alternative Textaccount_circle
น้ำตาล ชลิตา 1
น้ำตาล ชลิตา 1

ส่องลุคที่ “น้องฉัตร” เมคโอเวอร์ “น้ำตาล ชลิตา” ลุคผมหน้าม้าสวมชฎาแบบ “ลิซ่า”

ปังเกินต้านไปทั่วโลก สำหรับผลงานโซโล่แรกของ ลิซ่า BLACKPINK โดยเฉพาะคอสตูมชุดไทยที่ได้แบรนด์ไทยออกแบบให้ พร้อมจัดเต็มทรงผมซิกเนเจอร์ลุคหน้าม้า สวมชฎาสีทองสุดอลัง

โดยผลงานโซโล่ครั้งแรกของลิซ่า ในชื่อว่า ‘LALISA’ ที่เพิ่งปล่อย MV ในวันนี้ (10 ก.ย. 64) เวลา 11.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ยอดวิวพุ่งไม่หยุดฉุดไม่อยู่ กลายเป็นกระแสไปทั่วโลก ทำเอา น้องฉัตร – ฉัตรชัย เพียงอภิชาติ เมคอัพอาร์ติสต์ชื่อดังนิ่งเฉยไม่ได้ ขอเมคโอเวอร์ น้ำตาล – ชลิตา ส่วนเสน่ห์ โคฟลุคคล้ายลิซ่าในผลงานโซโล่แรกไปเลยจุกๆ

นอกจากเครื่องหน้าที่แต่งเติมด้วยเมคอัพจากช่างแต่งหน้าชื่อดังอย่างน้องฉัตรแล้ว เครื่องหัวอย่าง”ชฎา” ก็ต้องมาแล้วหนึ่ง และที่ขาดไม่ได้กับลุคซิกเนเจอร์บ่งบอกความเป็นลิซ่าก็คือ “ผมหน้าม้า” เรียกได้ว่าเก็บดีเทลมาครบถ้วน สวยปังอลังการมาก

เกินต้าน “น้องฉัตร” เมคโอเวอร์ “น้ำตาล ชลิตา” ลุคผมหน้าม้าสวมชฎาแบบ “ลิซ่า”

น้ำตาล ชลิตา 3 น้ำตาล ชลิตา 2


ข้อมูลและภาพ : nongchat , namtanlitaa

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ต้องเป็นตำนาน! โซโล่แรก ‘ลิซ่า’ ใส่ชุดไทย สวมชฎา โชว์ความปังไปทั่วโลก

เป๊ะ! น้องฉัตร เมคโอเวอร์ ‘อายตา’ ในลุค Miss Universe 2020 และลุคอแมนด้า ออบดัม

เหมือนมาก! น้องฉัตร เมคโอเวอร์นางงาม “พรฟ้า ปุณิกา” เป็นลุค “แองเจลินา โจลี”

 

 

เช็คเลย! ผู้โชคดี 35 คน จากกิจกรรม #PreOrderPraew42nd

ประกาศรายชื่อผู้โชคดี 35 คน! จากกิจกรรม #PreOrderPraew42nd ลุ้นรับรูปพร้อมลายเซ็นจากศิลปินดัง

เช็คเลย!!! รายชื่อผู้โชคดี 35 คน! จากกิจกรรม #PreOrderPraew42nd ได้รับรูปพร้อมลายเซ็นจากศิลปินดัง เต, นิว, มิว, นนท์, เบลล่า, กองทัพ พีค และสรยุทธ  (ศิลปินละ 5 รางวัล) และเซ็ตของขวัญพิเศษ (ถุงผ้าแพรว 42 ปี + เจลแอลกอฮอล์) (*** คัดเลือกผู้โชคดีโดยการสุ่ม ***)

*** ผู้ที่มีรายชื่อ ให้ส่งหลักฐานแสดงตัวตนดังนี้ ***

  • ชื่อ – นามสกุล และเบอร์โทรศัพท์
  • ภาพแคปหน้าจอไอจีส่วนตัวที่ใช้ร่วมสนุก
  • ภาพหลักฐานการพรีออเดอร์
  • สำเนาบัตรประชาชน

ส่งมาที่อีเมล์ [email protected] ภายในวันที่ 20 ก.ย. 64 (แล้วรอการติดต่อกลับนะคะ)

เช็คเลย! ผู้โชคดี 35 คน! จาก กิจกรรม #PreOrderPraew42nd

“เต ตะวัน”

@mxykiii.cuiit

@ mmookk23

@imone.melody

@jacky_nanxi

@agnatadecoco

“นิว ฐิติภูมิ”

@kaewii_mania

@am_jadtu

@aeaeiiaeii

@yingjie.sun.562

@dream_pajaree

“มิว ศุภศิษฏ์”

@water_brightmewgulf

@pimchan_p

@isla00990

@pn.primvarin

@nasiamjan

“นนท์ ธนนท์”

@kittisample

@9.chat

@nichychy

@_mamamamaii_

@kik_kedkanok

“เบลล่า”

@muk_sukparn

@nu_nok_bl

@fahhhh_bl

@ly2n

@narue_zonedoi_bl

“กองทัพ พีค”

@milkywayrx

@naruchon_42

@april_nucha

@namfah_littlestar

@ann_suchawadee

 

“สรยุทธ”

@pepe_chutipon

@wan_patploy

@lindita_ying

@mewmagi

@ann_chum2522

กระเป๋า Sadie Satchel จาก Mulberry ฟังก์ชั่นการใช้งานครบ!

เรียบหรู ตัวล็อคเด่น กระเป๋า Sadie Satchel จาก Mulberry ฟังก์ชั่นการใช้งานครบ!

กระเป๋า Sadie Satchel จาก Mulberry ฟังก์ชั่นการใช้งานครบ!
กระเป๋า Sadie Satchel จาก Mulberry ฟังก์ชั่นการใช้งานครบ!

กระเป๋า Sadie Satchel จาก Mulberry ไอเท็มใหม่ต้อนรับคอลเล็คชั่นประจำฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน 2022 ซึ่งเราจะได้เห็นความแปลกใหม่มากมายจากทางแบรนด์ Mulberry ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสีสัน พื้นผิวของวัสดุ แอนิเมชั่น และที่พลาดไม่ได้ก็คือ กระเป๋ารุ่นใหม่ โดยรุ่นแรกที่จะได้รับการเปิดตัวนั้นมีชื่อว่า Sadie Satchel ซึ่งชื่อ ‘Sadie’ นั้นถูกนำมาใช้เพื่อถ่ายทอดถึงความรู้สึกอันเรียบหรูและสวยงามนั่นเอง

 กระเป๋ารุ่น Sadie Satchel ใช้กระบวนการผลิตอันปราศจากคาร์บอนซึ่งถูกผลิตขึ้น ณ โรงงาน Somerset ซึ่งเป็นโรงงานของแบรนด์ที่ได้รวบรวมช่างฝีมือและแสดงให้เห็นถึงทักษะอันแสนประณีตและละเอียดอ่อน โดยได้นำเทคนิคแบบดั้งเดิมและล้ำสมัยมาผสมผสาน เพื่อสร้างสรรค์ผลงานอันไร้กาลเวลาได้อย่างลงตัว กระเป๋ารุ่น Sadie ถูกตกแต่งด้วยฮาร์ดแวร์ตัวล็อค ซึ่งเป็นซิกเนเจอร์อันน่าภาคภูมิใจใหม่ล่าสุดของ Mulberry อย่าง ‘The Typography Lock’

กระเป๋า-Sadie-Satchel-Mulberry

กระเป๋า-Sadie-Satchel-Mulberry-1

ตัวล็อค Typography เป็น Signature Hardware ชิ้นใหม่ที่บ่งบอกถึง DNA ของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี ด้วยการนำเสนอเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ Mulberry ตัวอักษรอันเป็นเอกลักษณ์นั้นถูกดีไซน์ขึ้นจากชื่อและโลโก้ของแบรนด์ได้อย่างสร้างสรรค์ ในรูปแบบของนามธรรมซึ่งสร้างความโดดเด่นและไม่เหมือนใคร

เรียบหรู ตัวล็อคเด่น กระเป๋า Sadie Satchel จาก Mulberry ฟังก์ชั่นการใช้งานครบ!

นอกจากนั้นหนังสัตว์ที่ถูกนำมาใช้ในการผลิตกระเป๋ารุ่นนี้ยังมีที่มาจากโรงฟอกหนังในยุโรป การันตีด้วยมาตรฐานระดับ Gold Standard จาก Leather Working Group (LWG) และเป็นหนังสัตว์คุณภาพพิเศษที่ให้สัมผัสอันเนียนนุ่มดุจผ้าไหม

สำหรับดีไซน์ของ Sadie Satchel มีทั้งหมด 2 ขนาดด้วยกัน Sadie Satchel และ Small Sadie Satchel ซึ่งมีสีสันให้เลือกถึง 6 สี ได้แก่ สีขาว (White), สีเขียวเข้ม (Mulberry Green), สีฟ้าอ่อน (Cloud), สีเขียวอ่อน (Meadow Green) พร้อมทั้งสีคลาสสิคของแบรนด์ อย่างสีดำ (Black) และสีน้ำตาล (Tan) อีกด้วย

กระเป๋า Sadie Satchel จาก Mulberry

กระเป๋า-Sadie-Satchel-Mulberry-4

กระเป๋า-Sadie-Satchel-Mulberry-5

กระเป๋า-Sadie-Satchel-Mulberry-6

กระเป๋า-Sadie-Satchel-Mulberry-7

กระเป๋ารุ่นนี้มาพร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นสายสะพายไหล่ที่มีความกว้างและหนาขึ้น สามารถปรับความสั้นยาวได้เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน อีกทั้งด้านในของกระเป๋าที่มีความกว้างขวาง สามารถจุของใช้ที่จำเป็นได้อย่างเพียงพอ และเหมาะต่อการใช้งานในทุกๆ วัน

จึงอาจกล่าวได้ว่า Sadie Satchel ถูกออกแบบมาให้มีความเป็น ‘กระเป๋าสะพายแฟชั่น’ รายละเอียดของกระเป๋าคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์อันโดดเด่นของแบรนด์ กระเป๋าสะพายจาก Mulberry รุ่นใหม่นี้จึงตอกย้ำให้เห็นถึงความมุ่งเน้นในด้านดีไซน์ และเน้นย้ำในเรื่องของงานฝีมือเพื่อเชิดชูวิถีการออกแบบดั้งเดิม แต่ไม่ละทิ้งความทันยุค-ทันสมัย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในปัจจุบันที่ขับเคลื่อนด้วยเทรนด์และความทันสมัยได้อย่างลงตัว

กระเป๋า-Sadie-Satchel-Mulberry-2

กระเป๋า-Sadie-Satchel-Mulberry-3


บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

สวยเด่นโลโก้ชัด! กระเป๋าสาน Prada Raffia Tote จุของได้แน่น งานเป๊ะทุกมุม

เปิดโพย 8 กระเป๋าแบรนด์เนม ‘แอลลี่-อชิรญา’ รุ่นไหนไม่ปัง เอาปากกามาวง

สีขาวเบาไป! ยกระดับความปัง 9 เคส AirPod จากแบรนด์ไฮเอนด์

 

5 ของขวัญแต่งงาน ที่คู่บ่าวสาวชาวญี่ปุ่นไม่ปลื้ม มีอะไรบ้าง

ไม่เลิฟสิ่งนี้! รู้ไหมว่า 5 ของขวัญแต่งงาน ที่คู่บ่าวสาวชาวญี่ปุ่นไม่ปลื้ม มีอะไรบ้าง

Alternative Textaccount_circle
5 ของขวัญแต่งงาน ที่คู่บ่าวสาวชาวญี่ปุ่นไม่ปลื้ม มีอะไรบ้าง
5 ของขวัญแต่งงาน ที่คู่บ่าวสาวชาวญี่ปุ่นไม่ปลื้ม มีอะไรบ้าง

ไม่เลิฟสิ่งนี้! รู้ไหมว่า 5 ของขวัญแต่งงาน ที่คู่บ่าวสาวชาวญี่ปุ่นไม่ปลื้ม มีอะไรบ้าง

เชื่อว่าหลายคนเคยเป็น!! เวลาที่เราจะเลือกของขวัญให้ใครก็ตาม เรามักจะคิดแล้วคิดอีกว่าคนที่รับจะชอบหรือไม่ แม้ว่าเราจะรู้จักอีกฝ่ายดีหรือแม้ว่าเราจะเลือกสรรของราคาแพงสูงลิ่ว ก็นับเป็นเรื่องยากทีเดียวที่จะหาของขวัญที่ตรงใจคนรับ สำหรับ ของขวัญแต่งงาน ก็เช่นเดียวกัน เรียกว่ายากคูณสองเลย เพราะต้องเลือกให้ถูกใจทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาว ครั้งนี้เลยจะพามาส่องของขวัญแต่งงานแบบไหนที่คู่บ่าวสาวชาวญี่ปุ่นไม่ค่อยปลื้มมากนัก (ผลสำรวจคนญี่ปุ่นบางส่วน)

รู้ไหมว่า 5 ของขวัญแต่งงาน ที่คู่บ่าวสาวชาวญี่ปุ่นไม่ปลื้ม มีอะไรบ้าง

5 ของขวัญแต่งงาน ที่คู่บ่าวสาวชาวญี่ปุ่นไม่ปลื้ม มีอะไรบ้าง

ต้นไม้ตกแต่งบ้าน

“ต้นไม้ต้นใหญ่สำหรับประดับบ้าน ด้วยพื้นที่บ้านของคนญี่ปุ่นค่อนข้างจำกัดไม่กว้างมากนัก การที่มีต้นไม้ต้นใหญ่มาเพิ่ม ยิ่งทำให้บ้านแคบลง แทนที่จะรู้สึกผ่อนคลายอาจทำให้ผู้รับรู้สึกไม่สบายใจมากกว่าเดิม และหากดูแลไม่เป็นก็จะทำให้สุดท้ายก็แห้งตายไป” (คุณ T อายุ 29 ปี)

5 ของขวัญแต่งงาน ที่คู่บ่าวสาวชาวญี่ปุ่นไม่ปลื้ม มีอะไรบ้าง

ชุดจานชามลายคาแร็คเตอร์

“แม้ว่าเป็นชุดจานชามแบบลิมิเต็ดอิดิชั่น แต่พอเป็นลายคาแร็คเตอร์หรือตัวการ์ตูน หากคนที่ไม่ได้ชื่นชอบละครไหนเป็นพิเศษแล้ว ยังเป็นของราคาแพงที่ใส่เครื่องล้างจานไม่ได้ ใส่ไมโครเวฟก็ไม่ได้ แต่มันเป็นของขวัญจากคนที่ไม่ค่อยได้เจอกันบ่อยนักก็เลยขายตลาดมือสองไปแล้ว” (คุณ N อายุ 28 ปี)

5 ของขวัญแต่งงาน ที่คู่บ่าวสาวชาวญี่ปุ่นไม่ปลื้ม มีอะไรบ้าง

เสื้อคลุมอาบน้ำ

“ฉันได้เสื้อคลุมอาบน้ำมาคู่หนึ่ง แต่ไซซ์ใหญ่มากซะจนแขวนบนราวไม่ได้ เพราะจะไม่มีพื้นที่แขวนผ้าขนหนู แถมยังแห้งยาก ไม่ค่อยปลื้มเลย ถ้าให้เป็นผ้าขนหนูเช็ดตัวน่าจะดีกว่า เสื้อคลุมอาบน้ำนี่ปกติคนเขาไม่ค่อยใช้กันอยู่แล้ว” (คุณ A อายุ 27 ปี)

ของเบ็ดเตล็ดที่ไม่เข้ากับงานอดิเรก

“แม้จะเป็นสินค้าเบ็ดเตล็ดของแบรนด์ดัง แต่ดีไซน์ของมันไม่เหมาะกับรสนิยมของฉันเลย ฉันได้มาจากเพื่อนสนิทที่มักจะมาเที่ยวที่บ้านบ่อยๆ ก็เลยสงสัยว่าทำไมถึงได้เลือกของที่ไม่เข้ากับตัวเองมาให้ แต่จะเอาไปขายก็ไม่ได้เพราะเดี๋ยวเพื่อนจะมาบ้านอีก เลยต้องยอมเอาออกมาตกแต่งบ้านไว้” (คุณ S อายุ 28 ปี)

5 ของขวัญแต่งงาน ที่คู่บ่าวสาวชาวญี่ปุ่นไม่ปลื้ม มีอะไรบ้าง

โปสเตอร์คำคม

“พวกโปสเตอร์ใส่กรอบที่มีคำคมเกี่ยวกับคู่รัก ก็เข้าใจว่าอยากให้เป็นข้อคิดในชีวิตแต่งงาน แต่โปสเตอร์ที่เขียนด้วยหมึกแบบนี้มันไม่เข้ากับเทสต์ของห้องเลย ฉันเลยไม่เคยเอามาตกแต่งเลยสักครั้ง ก็เข้าใจนะว่าคนให้เองก็รู้สึกภูมิใจมาก เพราะบางทีก็ไปขอให้ศิลปินเขียนให้ แต่ฉันคิดว่าสำหรับโปสเตอร์แบบนี้ แต่ละคนก็มีรสนิยมที่แตกต่างกันมาก ควรระมัดระวังนิดหนึ่ง ถ้าจะให้เป็นของขวัญ” (คุณ S อายุ 30 ปี)


ข้อมูล : news.livedoor.com
ภาพ : Pexels

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

สองชั้นกำลังดี 15 ไอเดีย เค้กแต่งงาน ไม่ต้องสูงมากก็สวยและน่ากิน

ชี้เป้าลิสต์เด็ด 5 สถานที่รับจัดงานแต่งโดยเฉพาะ สวยครบจบ! แบบเอาอยู่

Doughnut Wall ไอเดียการเสิร์ฟโดนัทในงานแต่งแบบเก๋กรุบ

 

 

กระเป๋า MCM แคปซูลคอลเล็คชั่น VINTAGE MONOGRAM JACQUARD

ส่องลุค 4 นางเอกตัวแม่! แมตช์สไตล์กับ MCM VINTAGE MONOGRAM JACQUARD

กระเป๋า MCM แคปซูลคอลเล็คชั่น VINTAGE MONOGRAM JACQUARD
กระเป๋า MCM แคปซูลคอลเล็คชั่น VINTAGE MONOGRAM JACQUARD

ช่วง แพรว ป้ายยาไอเท็มเริ่ด! มาอีกแล้วค่ะสาวๆ เพราะเกิดไปเตะตาต้องใจเข้ากับเจ้ากระเป๋า MCM แคปซูลคอลเล็คชั่น VINTAGE MONOGRAM JACQUARD (วินเทจ โมโนแกรม แจ็คการ์ด) ที่ 4 นางเอกสาวตัวแม่! อย่าง แต้ว-ณฐพร, มิน-พีชญา, มิ้นต์-ชาลิดา และ ปราง-กัญญ์ณรัณ หยิบมาแมตช์ลุคเก๋อวดโฉมในอินสตาแกรมส่วนตัวกันแบบเริ่ดๆ แต่ก่อนจะตามไปส่องลุคสุดปังของพวกเธอนั้น แพรว ขอพาสาวๆ ไปทำความรู้จักกับกระเป๋า MCM แคปซูลคอลเล็คชั่น VINTAGE MONOGRAM JACQUARD แบบทุกซอกทุกมุมกันก่อนค่ะ

กระเป๋า MCM แคปซูลคอลเล็คชั่น VINTAGE MONOGRAM JACQUARD

กระเป๋า MCM แคปซูลคอลเล็คชั่น VINTAGE MONOGRAM JACQUARD ปล่อยออกมาในซีซั่น Fall/Winter 2021 โดยนำกลิ่นอายความวินเทจกลับมาบอกเล่าใหม่อีกครั้ง เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 45 ปีของแบรนด์อย่างเป็นทางการ ไฮไลท์คือการนำลวดลายโมโนแกรมที่เราคุ้นเคย อย่างลาย Visetos Monogram (วิเซโต้ โมโนแกรม) มาตีความใหม่ให้ดูหรูหราและวินเทจยิ่งขึ้น ด้วยเทคนิคการทอ Jacquard (แจ็คการ์ด) ที่ถูกคิดค้นขึ้นมาเป็นพิเศษจาก The Bauhaus Textiles School โรงเรียนสิ่งทอชื่อดังในประเทศเยอรมนี

กระเป๋า MCM แคปซูลคอลเล็คชั่น VINTAGE MONOGRAM JACQUARD

สำหรับเทคนิคการทอแบบ Jacquard ถือเป็นเทคนิคการทอชั้นสูง ซึ่งทำให้เกิดลักษณะงานแบบสามมิติที่ต้องอาศัยทั้งความประณีตและความชำนาญของช่างทอเป็นอย่างมาก โดยความละเอียดลออของการสร้างลวดลายลงบนเนื้อผ้าด้วยเทคนิคนี้สามารถสะท้อนให้เห็นถึงคุณค่าความสวยงามและความหรูหราของแบรนด์ได้อย่างชัดเจน

กระเป๋า MCM แคปซูลคอลเล็คชั่น VINTAGE MONOGRAM JACQUARD

นอกจากนี้กระเป๋า MCM แคปซูลคอลเล็คชั่น VINTAGE MONOGRAM JACQUARD ยังดีไซน์กระเป๋ารูปทรงต่างๆ ออกมาถึง 3 สี ได้แก่ สี Space Grey, สี Modern Blue และสี Royal Red ซึ่งล้วนเป็นสีสันที่สวยคลาสสิกตลอดกาล สาวๆ สามารถหยิบมาแมตช์ลุคได้ง่าย อีกทั้งยังดีไซน์รูปทรงกระเป๋าออกมาหลากหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าสะพาย กระเป๋าโท้ทไซส์ต่างๆ หรือกระเป๋าสะพายข้างครอสบอดี้ที่นอกจากจะสะพายข้างได้แล้ว ยังสามารถนำมาถือเป็นท็อปแฮนเดิลได้อีกด้วย รวมถึงยังมีแอคเซสซอรี่ต่างๆ อย่างกระเป๋าใส่บัตรและผ้าทวิลลี่

นอกจากกระเป๋า MCM แคปซูลคอลเล็คชั่น VINTAGE MONOGRAM JACQUARD จะมาพร้อมกับเรื่องราวการสร้างสรรค์งานฝีมือสุดล้ำค่าแล้ว MCM ยังฉลองครบรอบ 45 ปีของแบรนด์ ด้วยการเนรมิต Jacquard Wallpaper (แจ็คการ์ด วอลเปเปอร์) ขึ้น พร้อมกับคว้าตัว  4 นางเอกสาวตัวแม่! แต้ว-ณฐพร, มิน-พีชญา, มิ้นต์-ชาลิดา และ ปราง-กัญญ์ณรัณ มาร่วมถ่ายทอดไลฟ์สไตล์สุดชิคในแบบฉบับของตัวเองผ่านกระเป๋า MCM แคปซูลคอลเล็คชั่น VINTAGE MONOGRAM JACQUARD ด้วยล่ะค่ะ

กระเป๋า MCM แคปซูลคอลเล็คชั่น VINTAGE MONOGRAM JACQUARD

เริ่มกันที่ลุคแรกของนางเอกสาวหน้าหวาน “แต้ว-ณฐพร” กับลุคสบายๆ พร้อมเที่ยวด้วยกระเป๋ารุ่น Rockstar Vanity Case in Vintage Jacquard Monogram สี Royal Red ไซส์ X Mini ใบเล็กกะทัดรัด สามารถสะพายข้างครอสบอดี้ไปไหนมาไหนได้อย่างคล่องตัว แถมสีสันยังทั้งโดดเด่นและดูหรูหรา เข้ากับโททัลลุคสีเบจของสาวแต้วแบบลงตัวสุดๆ

กระเป๋า MCM แคปซูลคอลเล็คชั่น VINTAGE MONOGRAM JACQUARD

ส่วนอีกลุคของสาวแต้ว เธอหยิบชุดมินิเดรสผ้าพลีทสีขาวมาแมตช์กับ Tote Bag สี Modern Blue กลายเป็นลุคสวยหวานแสนหรูหราที่แฝงความสดใสมีชีวิตชีวาเอาไว้

กระเป๋า MCM แคปซูลคอลเล็คชั่น VINTAGE MONOGRAM JACQUARD

ต่อมาเป็นลุคสวยฟาดของ “ปราง-กัญญ์ณรัณ” ที่แมตช์ชุด Midi Dress สีฟ้าพาสเทลเข้ากับกระเป๋ารุ่น Rockstar Vanity Case in Vintage Jacquard Monogram สี Modern Blue ไซส์ Mini เรียกว่าเป็นไอเดียสำหรับวันออกเดทของสาวๆ ได้เลยล่ะค่ะ

กระเป๋า MCM แคปซูลคอลเล็คชั่น VINTAGE MONOGRAM JACQUARD

สาวปรางโปรยเสน่ห์อีกลุคด้วยครอปท็อปสีขาวสุดเปรี้ยวแซ่บกับกางเกงขายาว แมตช์กับกระเป๋าสะพาย Mini Shoulder Bag in Vintage Jacquard Monogram สี Modern Blue ขอบอกเลยว่าเป็นลุคที่ชวนค้นหามากๆ

กระเป๋า MCM แคปซูลคอลเล็คชั่น VINTAGE MONOGRAM JACQUARD

มาส่องกันต่อกับลุคของนางเอกสาว “มิ้นต์-ชาลิดา” ที่มาในลุคเท่ๆ แฝงความเซ็กซี่ พร้อมทำทุกกิจกรรมในวันสบายๆ ไม่ว่าจะเป็นนั่งชิลที่คาเฟ่หรือช้อปปิ้ง โดยเธอหยิบกระเป๋าสะพาย Mini Shoulder Bag in Vintage Jacquard Monogram สี Modern Blue มาแมตช์กับกางเกงยีนส์ตัวโปรด

กระเป๋า MCM แคปซูลคอลเล็คชั่น VINTAGE MONOGRAM JACQUARD

ส่วนอีกลุคของสาวมิ้นต์ ขอบอกเลยว่าเริ่ดไม่แพ้ลุคแรก โดยเธอหยิบชุดเดรสเชิ้ตขาสั้นสีขาวผูกเอว แมตช์กับ Tote Bag สี Modern Blue ไซส์ใหญ่ กลายเป็นลุคสุดโก้เก๋

กระเป๋า MCM แคปซูลคอลเล็คชั่น VINTAGE MONOGRAM JACQUARD

ปิดท้ายกันที่นางเอกสาวสุดเฟียส “มิน พีชญา” ที่มาพร้อมกับลุค Girl Boss ด้วยชุดสูทสีฟ้าอ่อนเข้าเซ็ต แมตช์กับ Tote Bag สี Modern Blue ทำให้สาวมินดูเป็นเวิร์คกิ้งวูแมนที่มีความเป็นแฟชั่นนิสต้า

กระเป๋า MCM แคปซูลคอลเล็คชั่น VINTAGE MONOGRAM JACQUARD

ส่วนอีกลุค สาวมินขอเปลี่ยนอารมณ์ ด้วยการหยิบชุดเดรสผ้าซาตินสีขาวสุดเซ็กซี่ แมตช์กับกระเป๋ารุ่น Rockstar vanity case in vintage jacquard Monogram ไซส์ X Mini สี Modern Blue ซึ่งทำให้เธอดูโก้หรูแบบเพอร์เฟ็กต์เลยทีเดียว

ส่องแล้ว ก็ขอบอกเลยว่าโดนใจจริงๆ ค่ะ เอาเป็นว่าถ้าสาวๆ คนไหนอยากสวยเริ่ดแบบ 4 นางเอกตัวแม่! ละก็ สามารถตามไปสอยเจ้ากระเป๋า MCM แคปซูลคอลเล็คชั่น VINTAGE MONOGRAM JACQUARD กันได้เลยที่ MCM ทั้ง 4 สาขา

EmQuartier : ตึก A, ชั้น G โทร 02-003-6016

Central Embassy : ชั้น 1 โทร 02-160-5915

Siam Paragon : ชั้น M โทร 02-129-4491

ICONSIAM : ชั้น M โทร 02-288-0818

 

หรือช้อปออนไลน์ได้ที่

LINE : @MCMTHAILAND

FB : MCMTHAILANDOFFICIAL

IG : @MCMTHAILAND

250 ตัวทั่วโลก! Leica Q2 “007 Edition” ร่วมฉลอง James Bond No Time To Die

account_circle

Leica Q2 “007 Edition” แรร์ไอเทมชิ้นใหม่ ผลิตเพียง 250 ตัวทั่วโลก เพื่อเป็นการร่วมเฉลิมฉลองการผจญภัยครั้งใหม่ของภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ James Bond  No Time To Die

เมื่อ 2 สุดยอดตำนาน ไลก้า (Leica) แบรนด์กล้องและอุปกรณ์ถ่ายภาพคลาสสิกระดับโลก สัญชาติเยอรมัน ซึ่งเต็มไปด้วยเรื่องราวยาวนานมากกว่า 100 ปี จับมือกับภาพยนตร์ระดับตำนานที่คนไทยรู้จักกันดีในนาม ยอดสายลับ เจมส์ บอนด์ (James Bond) รังสรรค์กล้องดิจิตอล Leica Q2 “007 Edition” ที่ผลิตมาเพียง 250 ตัวทั่วโลก ในราคา 270,300 บาท เพื่อเป็นการร่วมเฉลิมฉลองการผจญภัยครั้งใหม่ของ เจมส์ บอนด์ (James Bond) ในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ No Time To Die โดยการหยิบเอาเสน่ห์ความเรียบหรูของมิสเตอร์บอนด์มาหลอมเข้ากับดีไซน์แสนมินิมอลอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของไลก้า

Leica Q2

 ไลก้า Q2 รุ่น “007 Edition” มาพร้อมกับการ สลักโลโก้ไอคอนิกของ 007 ไว้ที่ด้านบนของตัวกล้อง นอกจากนั้นกล้องทุกตัวในรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น 007’ ได้รับการระบุหมายเลขประจำตัวกล้องทำให้รุ่นพิเศษนี้เป็นที่ต้องตาของบรรดานักสะสมจากทุกมุมโลก ส่วนสเปคยังคงเป็นกล้องคอมแพคฟูลเฟรมพร้อมเลนส์ Leica Summilux 28 mm f/1.7 ASPH. ความละเอียด 47.3 ล้านพิกเซล ตอบโจทย์คนรักการถ่ายภาพทั้งแนวสตรีท สถาปัตยกรรม และภูมิทัศน์

Leica Q2 “007 Edition”

อีกหนึ่งเอกลักษณ์ของภาพยนตร์เจมส์ บอนด์ คือ ฉากเปิดเรื่อง ที่ตรึงตาตรึงใจแฟนๆ กับ ฉากยิงกระสุน (Gun Barrel Scene) ทางไลก้าได้นำมาเป็นแรงบันดาลใจในการดีไซน์ฝาปิดหน้าเลนส์ของกล้อง  ไลก้า Q2 007 Edition” ตัวบอดี้กล้องหุ่มด้วยหนัง โทนสีโอเชี่ยนกรีน (Ocean Green) สะท้อนความเท่สไตล์คลาสสิก

นอกจากดีไซน์ที่สะท้อนความเท่แสนคลาสสิกของทั้ง 2 แบรนด์แล้ว ไลก้า Q2 “007 Edition” ยังมาคู่กับเคสหนังทำด้วยมือสุดประณีต ที่ได้รับการออกแบบโดยแบรนด์กระเป๋าเดินทางลักชัวรี่สุดคลาสสิกที่มีชื่อเสียงในเรื่องของดีไซน์แบบอังกฤษอย่าง Globe-Trotter  ที่ถูกหยิบยกมาในภาพยนตร์ภาคล่าสุดมาในโทนสีโอเชี่ยนกรีนสุดคลาสสิกเช่นเดียวกับกล้อง

สำหรับแนวคิดของการร่วมมือกันระหว่าง ไลก้า และ 007 เริ่มต้นจาก ไมเคิล จี. วิลสัน (Michael G. Wilson) ผู้อำนวยการสร้างของภาพยนตร์ซี่รีส์ “เจมส์ บอนด์” ร่วมกับ บาร์บารา บร็อคโคลี (Barbara Broccoli) น้องสาวของเขา ทั้งคู่เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการถ่ายภาพในยุคศตวรรษที่ 19 และยังควบตำแหน่งผู้ก่อตั้งศูนย์ภาพถ่าย เดอะ วิลสัน (The Wilson Centre for Photography) ด้วยความหลงใหลที่วิลสันมีให้กับการถ่ายภาพนั้นจึงเกิดเป็นการร่วมมือกันครั้งสำคัญนี้

Leica Q2 “007 Edition”

นอกจากการร่วมมือกันรังสรรค์กล้องรุ่นพิเศษ  ไลก้า Q2 “007 Edition” แล้ว ทางไลก้ายังได้ร่วมกับทีมโปรดักชั่นของ 007 นำกล้องไลก้า ร่วมอยู่ในฉากบ้านพักในจาไมกาของเจมส์ บอนด์ ซึ่งเป็นฉากเปิดตัวเจมส์ บอนด์ และนำกล้อง Leica Q2 ไปตกแต่งภายในบ้านของ Q (ผู้เปรียบเสมือนผู้ช่วยบอนด์ในการประดิษฐ์อุปกรณ์พิเศษต่างๆ ให้เจมส์ บอนด์ไว้ปราบผู้ร้าย) กลางกรุงลอนดอน รวมถึงการใช้กล้องไลก้าบันทึกภาพเบื้องหลังการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย

ทั้งนี้  ไลก้า Q2 “007 Edition” ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2564 ณ Leica Gallery London ใจกลางกรุงลอนดอน โดยภายในงานได้จัดนิทรรศการ No Time To Die – Behind the Scenes จัดแสดงภาพถ่ายเบื้องหลังสุดเอ็กซ์คลูซีฟผ่านกล้องไลก้า โดยฝีมือของคนดัง ได้แก่ ไมเคิล จี. วิลสัน ผู้อำนวยการสร้าง, พระเอกเจมส์ บอนด์ แดเนียล เคร็ก รวมไปถึง 2 ช่างภาพชื่อดัง นิโคลา โดฟ และ เกร็ก วิลเลียมส์

นิทรรศการนี้จะเดินทางจัดต่อไปในแต่ละเมืองที่สำคัญของโลก อาทิ โตเกียว, โอซาก้า, เวียนนา แฟรงก์เฟิร์ต, ลอสแอนเจลิส, สิงคโปร์, จีน, โซล และ ซาลซ์บูร์ก ในเดือนกันยายน และตุลาคม 2564 โดยภาพบันทึกของนิทรรศการ No Time To Die – Behind the Scenes จะได้รับการตีพิมพ์บนนิตยสาร Leica Fotografie International ฉบับ 7/2564 วันที่ 20 กันยายน 2564


 

ตัดผมหน้าม้า แบบ "ดีเจนุ้ย"

ตัดผมหน้าม้า แบบ “ดีเจนุ้ย” ไม่ใช่เรื่องยาก มีเคล็ดลับมาบอก รับรองเหมือนเป๊ะ!

Alternative Textaccount_circle
ตัดผมหน้าม้า แบบ "ดีเจนุ้ย"
ตัดผมหน้าม้า แบบ "ดีเจนุ้ย"

ผมทรงหัวเห็ดคล้ายกะลาครอบ ถือเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว ดีเจนุ้ย – ธนวัฒน์ ประสิทธิสมพร เลยทีเดียว เห็นทรงนี้ทีไร คิดถึงใครไปไม่ได้ นอกจากดีเจนุ้ย แน่นอนว่าทรงนี้จำเป็นต้อง ตัดผมหน้าม้า แต่งทรงตลอด

ในเมื่อช่วงเวลาคลายล็อคดาวน์มาถึง และดูเหมือนผมหน้าม้าของดีเจนุ้ยจะเริ่มยาวเกินพอดี ไม่รอช้า ดีเจนุ้ยเลยเดินเข้าซาลอนเพื่อที่จัดแต่งหน้าม้าให้เข้าทรง ทั้งนี้ยังเผยคลิปเคล็ดลับที่ทำให้เป็นทรงนี้ได้เป๊ะอีกด้วย พร้อมข้อความว่า “ตัดทรงนี้ไม่ใช่เรื่องยาก”

ตัดผมหน้าม้า 6

เฉลยจากในคลิปดูเหมือนจะเป็นการใช้ฝาไมโครเวฟครอบหัวแล้วตัดแต่งทรงหน้าม้า จนออกมาเป็น ผมทรงหัวเห็ดคล้ายกะลาครอบ นั่นเอง ใครอยากลองทำทรงนี้ให้เป๊ะแบบนี้ ก็ลองนำเคล็ดลับนี้ไปทำตามดูได้นะคะ

อยาก ตัดผมหน้าม้า แบบ “ดีเจนุ้ย” ไม่ใช่เรื่องยาก มีเคล็ดลับมาบอก รับรองเหมือนเป๊ะ!

 

View this post on Instagram

 

A post shared by NUI (@djnui)

ตัดผมหน้าม้า 5 ตัดผมหน้าม้า 4 ตัดผมหน้าม้า 3 ตัดผมหน้าม้า 2 ตัดผมหน้าม้า 1


ภาพ : djnui

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เฟียร์สเกินต้าน! “เจนนี่ BLACKPINK” ใส่วิกผมถ่ายแบบ ทรงบ๊อบสั้นตรง หน้าม้าเต่อเหนือคิ้ว

หนูน้อยวัย 3 เดือน ผมสีบลอนด์ หนาฟูจนถูกแซวทรงผมคล้าย ‘บอริส จอห์นสัน’ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ

เปลี่ยนสีผมบ่อยๆ ต้องรู้! ทริค รักษาสีผม ให้เฟดช้าลงแบบ Rosé Blackpink

 

 

ต้องเป็นตำนาน! โซโล่แรก ‘ลิซ่า’ ใส่ชุดไทย สวมชฎา โชว์ความปังไปทั่วโลก

ขนลุกไม่ไหวแล้วแม่ กับผลงานโซโล่แรกของ ลิซ่า BLACKPINK โดยเฉพาะคอสตูมชุดไทยที่ได้แบรนด์ไทยออกแบบให้ พร้อมจัดเต็มสวมชฎา และมีฉากหลังเป็นปราสาทหินพนมรุ้ง

ในที่สุดเวลาที่หลายคนรอคอยก็มาถึง กับผลงานโซโล่ครั้งแรกของลิซ่า ที่ใช้ชื่อว่า ‘LALISA’ โดยเพิ่งปล่อย MV ในวันนี้ (10 ก.ย. 64) เวลา 11.00 น. ตามเวลาประเทศไทย บอกเลยว่าโลกโซเชียลแตกตื่นแตกแตนจนยอดวิวพุ่ง เพียงแค่ 35 นาทีก็ปาไปแล้ว 7 ล้านวิว! เรียกว่ายอดวิวไหลเร็วเป็นน้ำตกเลยแม่

นอกจากเพลงจะปังแล้ว แน่นอนว่าคอสตูมก็ต้องเลิศและเซอร์ไพร้ส์มาก เพราะท่อนแร็ปลิซ่าเปิดตัวด้วยชุดไทยประยุกต์สีทองอร่ามและชฎาแบบจัดเต็ม รวมถึงฉากหลังของซีนนี้เป็นปราสาทหินพนมรุ้ง จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งนี่คือบ้านเกิดของเธอ

สวยฟาดไฟลุก! โซโล่แรก ‘ลิซ่า’ ใส่ชุดไทย สวมชฎา โชว์ความปังไปทั่วโลก

โดยชุดไทยประยุกต์ที่ลิซ่าใส่ใน MV เพลง ‘LALISA’ เป็นผลงานของแบรนด์ไทยชื่อดัง Asava ซึ่งทางแบรนด์ได้เผยภาพสเก็ตช์เสื้อครอปตัวยาวและกระโปรงสั้นที่ลิซ่าใส่ พร้อมทั้งบอกเล่าถึงดีเทลต่างๆ ของชุดนี้ว่า เครื่องแต่งกายนี้ออกแบบมาสำหรับลิซ่าโดยเฉพาะ และตัดเย็บด้วยผ้าไหมไทยดั้งเดิมสีทอง ทออย่างประณีตด้วยลวดลายโลหะโบราณจากจังหวัดลำพูน ชุดนี้เป็นงานปักด้วยมือประดับด้วยคริสตัลของสวารอฟสกี้ที่ส่องประกายระยิบระยับทั่วทั้งตัว ส่วนเครื่องประดับหัวรัดเกล้ายอด ออกแบบโดย Hook’s by Prapakas คุณผักกาด-ประภากาศ

ส่วนเครื่องประดับในลุคนี้เป็นฝีมือของ SARRAN ทางแบรนด์ได้เผยว่า “การทำงานครั้งพิเศษที่ได้ออกแบบเครื่องประดับชิ้นงามให้กับลิซ่า ในการออกอัลบั้มใหม่ Lalisa ซึ่งในลุคที่บ่งบอกถึงความเป็นไทยและเรื่องราวในความเป็น flower of Lisa โดยนำเอากลิ่นอายของวัฒนธรรมไทย ใช้ดอกพุดซ้อนที่มีความหมายถึงความแข็งแรงสมบูรณ์และความเจริญมั่นคงตามแบบความเชื่อของไทย

ออกแบบให้ช่อดอกไม้กำลังเจริญงอกงามและเติบโตอย่างไม่รู้จบสิ้น เพราะนั่นคือคำจำกัดความของ Lisa ผู้หญิงที่จะเป็นตำนานและจะไม่มีวันหยุดนิ่ง ส่วนสร้อยสังวาล เครื่องประดับแบบไทยเดิมที่ได้มีการตีความมาจากดอกโป๊ยเซียน ดอกไม้ที่มีความหมายถึงโชค โดยได้ออกแบบให้สอดคล้องกับชุดไทยประยุกต์จากอาซาว่า”

ซึ่งลิซ่าก็ได้ให้สัมภาษณ์และบอกใบ้มาก่อนหน้านี้ว่า เธออยากให้ผลงานแรกมีความเป็นไทย โดยจะเพิ่มท่าเต้นและเครื่องแต่งกายแบบไทย รวมถึงดนตรีไทยที่ฟังแล้วน่าจดจำมาใส่ในผลงานชิ้นนี้ด้วย


ภาพ : IG@sooyaaa__ , @asavagroup

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ไฟลุกแล้วแม่! เจนนี่ BLACKPINK ถ่ายแบบ Calvin Klein เซ็กซี่เกินต้าน

คริสตัลซีทรู ตลบพรมแดง ‘ดาโกต้า จอห์นสัน’ สวยแซ่บในเทศกาลภาพยนตร์เวนิส

นางแบบหุ่นปัง Barbara Palvin สวยเซ็กซี่ ผมเปียยาว บนพรมแดงเทศกาลหนังเวนิส

 

เงินดิจิทัล

Build Your Wealth ให้ “เงินดิจิทัล” ทำงานแทนคุณ

Alternative Textaccount_circle
เงินดิจิทัล
เงินดิจิทัล

ขอแสดงความยินดีกับ Zipmex แพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำของเอเชียแปซิฟิกที่เพิ่งสร้างข่าวใหญ่ให้กับแวดวงคริปโตเคอร์เรนซี่ ด้วยการประกาศระดมทุนรอบ Series B (31 สิงหาคม 2564) เป็นจำนวนเงินกว่า 1,300 ล้านบาท โดยร่วมมือกับบริษัทกรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด รวมถึงบริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) และบริษัท มาสเตอร์ แอด จำกัด (มหาชน) ที่ได้เข้าร่วมลงทุนก่อนหน้านี้

แพรวไม่รอช้า ขอคว้าตัว คุณแบงค์-ดร. เอกลาภ ยิ้มวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง ซิปเม็กซ์ (Zipmex) ประเทศไทย มาร่วมให้คำแนะนำเรื่องการบริหารจัดการการลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี่ ให้ “ได้” มากกว่า “เสีย” ท่ามกลางผันผวนของราคาสินทรัพย์ดิจิทัลที่ทำเอาลุ้นกันรายวัน

Build Your Wealth ให้ “เงินดิจิทัล” ทำงานแทนคุณ

 Q: ก่อนอื่น อะไรคือปัจจัยที่ทำให้มูลค่าสินทรัพย์ดิจิทัลขึ้น-ลง แล้วนักลงทุนควรมีวิธีในการวิเคราะห์อย่างไรคะ   

“การขึ้นลงของคริปโตเคอร์เรนซี่นั้น สามารถวิเคราะห์ได้จาก 3 ปัจจัยครับ ได้แก่

  1. Fundamental (พื้นฐาน) อย่างบิทคอยน์มี Fundamental เป็นการฮาฟวิ่ง (Bitcoin Halving) คือจำนวนบิทคอยน์ที่ถูกปล่อยออกมาจะลดลงเรื่อยๆ ทุก 4 ปี ทำให้ supply น้อยลง demand ก็จะมากขึ้น ราคาก็จะสูงขึ้นตามหลักเศรษฐศาสตร์ จำนวน wallet (กระเป๋าเงินดิจิทัล) ของคนที่ถือบิทคอยน์และบริษัทใหญ่ๆ ที่เข้ามาถือบิทคอยน์ก็จะมีมากขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงรัฐบาลบางประเทศอย่างเอลซัลวาดอร์ ก็ให้การรับรองตามกฎหมายแล้ว นี่ถือเป็นพื้นฐานทั้งหมด
  2. Technical (เทคนิค) คือเราสามารถวิเคราะห์กราฟทางเทคนิคของคริปโตเคอร์เรนซี่ได้เหมือนหุ้นเลยครับ ซึ่งอันนี้คงต้องไปศึกษารายละเอียดกันต่อ
  3. Sentimental (อารมณ์) คือตามกระแส อย่างเหรียญ Dogecoin ที่มีโลโก้เป็นน้องหมาพันธุ์ชิบะอินู ซึ่งเดิมทีถูกสร้างขึ้นเพื่อล้อเลียน Bitcoin และเหรียญดิจิทัลอื่นๆ ที่ดูยากและน่ากลัว แต่ด้วยภาพจำที่น่ารัก จึงได้รับความนิยมแพร่หลาย พูดง่ายๆ ว่าไม่มีพื้นฐานอะไรเลย แต่ Sentimental มาเต็ม คนเชียร์กันเยอะ ก็สามารถผลักราคาให้สูงได้เช่นกัน

“เพราะฉะนั้น เวลาวิเคราะห์ต้องดูให้รอบด้าน สมมติช่วงที่บิทคอยน์หล่นลงมา 50% แถมกระแสข่าวยังออกมาแย่ แต่ราคากลับไม่หล่นไปมากไปกว่านี้ ก็แสดงว่าในเชิง technical และ fundamental ราคาบิทคอยน์นั้นลงมาลึกพอแล้ว และหลังจากพักฐานมา 3 เดือน บิทคอยน์ก็กำลังคลานกลับไปเป็นขาขึ้น ดังนั้นใครที่ยังถืออยู่ หรือซื้อเพิ่มในเวลาที่ราคาแย่ที่สุด คนกลุ่มนั้นจะได้ผลประโยชน์มากที่สุดเมื่อราคาบิทคอยน์สูงขึ้นอีกครั้ง”

 

Q: แล้วควรลงทุนอย่างไร ให้ได้ผลตอบแทนดีคะ      

“คำแนะนำของผมคือ เมื่อใดก็ตามที่ราคาสินทรัพย์นั้นขึ้นไปสูงๆ อย่างขึ้นมา 100-200% แล้ว ก็ควรขายทำกำไรออกมาบ้าง เหลือติดมือไว้หน่อย ถ้าราคายังขึ้นไปอีก เราก็ค่อยๆ ทยอยขายออกมาทีละนิด โดยให้คิดไว้เสมอว่า ไม่มีอะไรขึ้นไปตลอด วันหนึ่งก็ต้องร่วงลงมา นอกจากแบ่งขายแล้ว ผมแนะนำให้แบ่งซื้อด้วย โดยการทยอยลงทุนเป็นระยะทุกเดือน หรือที่เรียกว่า DCA (Dollar Cost Average) วิธีการคือ พอราคาบิทคอยน์ร่วงลงมามากๆ เช่น จากราคา 2 ล้าน ลงมาเหลือ 1 ล้าน แม้ความจริงจะมีสิทธิลงจากนั้นได้อีก แต่ความที่ลงมาถึง 50% แล้วไม่น่าลงได้อีกเยอะ ก็ให้ค่อยๆ ทยอยซื้อเพิ่ม

“ส่วนใครที่ขาดทุนบิทคอยน์อยู่ ผมไม่แนะนำให้ cut loss แต่แนะนำให้ทยอยซื้อเพิ่มตอนที่ราคาถูกลง เมื่อราคาขึ้นค่อยแบ่งขาย จะช่วยถัวเฉลี่ยเงินลงทุนของเราจากสูงให้ลงมาถูกได้ อย่างน้อยก็ไม่ขาดทุน ดังนั้นควรมีเงินสดเก็บสำรองไว้ เพื่อที่พอราคาลดลงมามาก เราจะได้ซื้อเพิ่ม ส่วนเหรียญอื่นๆ ที่มูลค่าตลาดยังไม่ใหญ่เท่าบิทคอยน์ ความผันผวนยิ่งสูง ดังนั้นเมื่อไรที่ได้คืนมา 2-3 เท่า ก็ขายทำกำไรไปดีกว่าครับ

“ต้องเข้าใจว่าตลาดคริปโตเคอร์เรนซี่ราคาจะค่อนข้างผันผวน ขึ้นลงเร็วภายในระยะเวลาสั้น ทำให้คนกลัว แต่ถ้าเรามีวินัยในการทยอยซื้อตอนราคาถูก ถือต่อไป แล้วคอยแบ่งขายออกบ้างในเวลาที่ขึ้น เพื่อเอาต้นทุนคืน แล้วใช้กำไรที่ได้มาเล่นต่อไปก็ไม่ขาดทุนแล้ว ปล่อยให้กำไรทำงานก็สบายใจดี เรื่องนี้เป็น investment strategy ใช้ได้กับการลงทุนทุกรูปแบบครับ”

 

Q: ขอคำแนะนำวิธีการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล สำหรับกลุ่มคนที่เสี่ยงได้น้อย เสี่ยงปานกลาง และเสี่ยงได้มาก

“หลักการลงทุนมีอยู่ 3 ข้อนะครับ หนึ่ง Asset Allocation คือการเลือกประเภทสินทรัพย์ที่จะลง เช่น คริปโตฯ หุ้น พันธบัตร ที่ดิน ทอง ฯลฯ สอง Diversification คือการกระจายความเสี่ยง และสาม Rebalancing คือการปรับสมดุลพอร์ตการลงทุน เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์และภาวะตลาด ซึ่งนักลงทุนควรทำสามอย่างนี้ควบคู่กันไป หากคุณรับความเสี่ยงได้น้อย ก็ไม่ควรลงคริปโตฯ มากกว่า 5% ของพอร์ตการลงทุนทั้งหมด โดยอาจลงทุนแค่ในบิทคอยน์ เพราะมีความผันผวนน้อยที่สุดในบรรดาคริปโตฯ ทั้งหมด หรือถือบิทคอยน์ 3% และ Ethereum อีก 2% ส่วนกลุ่มที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง อาจถือคริปโตฯ ไว้ 10% ก็ได้ แล้วค่อยไปกระจายความเสี่ยงว่าจะเป็นบิทคอยน์ 5% Ethereum 3% เหรียญอื่นๆ อีก 2% แต่ถ้ารับความเสี่ยงได้มากก็ลงทุนในคริปโตฯ 20% ไปเลย โดยอาจลงบิทคอยน์ 2-3% แล้วเลือกเหรียญอื่นที่มีความเสี่ยงสูง แต่มีโอกาสขึ้นได้มากถึง 100-1000% เยอะหน่อย นี่คือการเลือกประเภทสินทรัพย์และการกระจายความเสี่ยง

“ทีนี้พอผ่านไป 1 ปี ลองดูผลตอบจากคริปโตฯ ว่าเป็นอย่างไร อย่างกลุ่มความเสี่ยงน้อย หากลงคริปโตฯ ไปแค่ 5% แต่พอร์ตคริปโตเพิ่มขึ้น 1 เท่า กลายเป็น 10% ไปแล้ว ก็ควรจะขายคริปโตฯ ออก เพื่อให้คริปโตฯ ในพอร์ตกลับมาเป็น 5% เหมือนเดิม แล้วนำกำไรส่วนที่ได้ ไปซื้อหุ้น ทอง หรือสินทรัพย์อื่นๆ ที่สบายใจมากขึ้น นี่ก็เรียกว่าเป็นการ Rebalance หรือปรับฐานพอร์ตเพื่อให้เป็นไปตามแผน แต่ถ้าสมมติว่าผลตอบแทนจากคริปโตฯ หล่นลงไปเหลือ 3% ก็ให้คุณนำเงินที่ได้จากการลงทุนในสินทรัพย์อื่น เช่น ได้จากหุ้นมาใส่ในคริปโตฯ เพื่อให้มันกลับไปที่ 5% ซึ่งแปลว่า คุณซื้อตอนราคาต่ำ ถือว่าได้ถัวเฉลี่ยต้นทุน และ Rebalance พอร์ตการลงทุนไปในตัว ดังนั้นมันก็จะกลับไปสู่วินัยและการมีแผนในการลงทุนอย่างที่ผมบอก โดยผมแนะนำให้มีการปรับพอร์ตทุกสามเดือน แล้วคุณจะมีการบริหารเงินที่ดี เงินจึงจะงอกเงยครับ

 

Build Your Wealth สไตล์คุณแบงค์

“ผมลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี่ 100% แต่ผมไม่แนะนำให้คนอื่นทำตาม เพราะผมอยู่ในตลาดนี้มา 6 ปี ทำธุรกิจเกี่ยวคริปโตเคอร์เรนซี่ คอยติดตามข่าวสารอยู่ตลอด จึงมีความรู้ด้านนี้มากกว่าคนอื่น แล้วผมก็มีแหล่งหารายได้จากหลายทาง แต่ถ้าเป็นพนักงานเงินเดือนทั่วไป ผมแนะนำให้ทยอยลงทุน แบบ DCA ที่ผมบอกไป วันหนึ่งหากมีกำไรก็ให้ขายออกมา แล้วนำเงินที่ได้มาทำธุรกิจส่วนตัวเพิ่มเติม ควบคู่ไปกับการทำงานประจำ พอผ่านไป 3-5ปี เงินเดือนคุณจะมากขึ้น พอร์ตการลงทุนก็ดีขึ้น เพราะได้ผลตอบแทนมากขึ้น ธุรกิจก็เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น คุณก็จะมีรายได้จากหลายช่องทาง หรือถึงจุดหนึ่งบางคนอาจลาออกจากงานแล้วไปทำธุรกิจที่สร้างไว้ เพราะได้เงินมากกว่าแล้วก็ได้ ขอให้โชคดีครับ”


 

‘มีดวงหลุดพ้นจากเดท ได้มองหาความรักในแบบที่ตัวเองต้องการสักที’ ดวงรายวัน 10 กันยายน 2564

ดวงรายวัน 10 กันยายน 2564 #หมอปุ้ยพยากรณ์ เช็กทุกวัน เป๊ะปังทุกดวง ทั้งการงาน การเงิน ความรัก และสุขภาพ

‘มีดวงหลุดพ้นจากเดท ได้มองหาความรักในแบบที่ตัวเองต้องการสักที’

ดวงรายวัน 10 กันยายน 2564

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์

การงาน  :  สำหรับผู้บริหารหรือผู้ที่ทำงานบริหาร คุณมีพลังกายพลังใจเต็มเปี่ยมที่จะแก้ไขปัญหาและอุปสรรคในเรื่องของการบริหารงานและการปกครอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณอยู่ในสายงานที่ต้องแบกความรับผิดชอบไว้อย่างใหญ่หลวง เช่น บุคคลในเครื่องแบบ ทนายความ ผู้พิพากษา อัยการ ฯลฯ  มีความเป็นไปได้ว่า วันนี้คุณจะโดดเด่นในเรื่องของการติดต่อประสานงาน การบริหารจัดการ และเป็นที่ปรึกษาให้คำแนะนำในด้านต่างๆ แต่ควรหลีกเลี่ยงธุรกิจสีเทา หรือการเสี่ยงโชค เพราะหากคุณถลำลึกลงไปจะสร้างความเดือดร้อนให้ในภายหลัง

การเงิน  :  คุณมีความสามารถใช้เงินทำงานสร้างรายได้ที่สูงให้กับตัวเอง  ขณะเดียวกันก็ใช้เงินเก่ง ไม่ลงทุน ก็เลี้ยงเพื่อนฝูงหมด วันนี้ควรเก็บไว้เงินไว้บ้าง หากเกิดอะไรขึ้นจะได้มีเงินเก่าเก็บไว้กินได้

ความรัก :  อาจเพราะคุณรับผิดชอบทั้งงานนอกและงานใน จึงทำให้คุณค่อนข้างซีเรียส จริงจังไปทุกเรื่อง ทิฐิสูง ยึดแต่เหตุผลของตัวเองเป็นหลัก แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็เพื่อครอบครัวทั้งนั้น  คนโสด  แม้ที่ผ่านมาคุณจะเจ้าชู้ เป็นนักรักตัวยง มีความรักมากมาย แต่วันนี้คุณมีโอกาสได้พบคนที่ใช่ และพร้อมจะหยุดตรงนี้ที่เธอ

สุขภาพ  :  ก็ยังต้องระวังเรื่องการขับถ่ายอยู่ นอกจากนั้นวันนี้ยังมีความเสี่ยงที่จะได้รับอันตรายจากของมีคม และความร้อน เปลวไฟอีกด้วย ก็อย่าประมาท

 

ผู้ที่เกิดวันจันทร์

การงาน  :  สำหรับผู้ที่มีตำแหน่งหน้าที่การงานอยู่ในระดับสูง ไม่ว่าจะภาครัฐ เอกชน รัฐวิสาหกิจ หรือภาคธุรกิจ มีโอกาสที่คุณจะได้ทำธุรกิจส่วนตัว เช่น เปิดร้านอาหาร ร้านกาแฟ โฮมออฟฟิศทำงานอิสระ หรือได้พบช่องทางทำมาหากินใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นนักเขียน นักทดลอง นักวิทยาศาสตร์ ที่กำลังอดหลับอดนอนอยู่กับการสร้างงานใหม่ๆ วันนี้ถึงเวลาที่คุณจะหายเหนื่อย ได้ชื่นชมกับผลงานและความสำเร็จเสียที

การเงิน :  มีโชค หาเงินคล่อง วันนี้ไม่ว่าจะจับอะไรก็เป็นเงินเป็นทองไปหมด แต่ในช่วงแรกคุณอาจต้องออกเงินทำงานไปก่อน เดี๋ยวพอขายงานได้ก็จะมีทั้งเงินและชื่อเสียงหลั่งไหลเข้ามา

ความรัก :  แม้คุณจะประสบความสำเร็จสูงสุด ทั้งตำแหน่งหน้าที่การงาน และการเป็นแม่บ้านแม่เรือน แต่วันนี้สิ่งที่คุณต้องยอมรับคือ สมาชิกในครอบครัวของคุณมีพื้นที่ส่วนตัวหมดจนกลายเป็นห่างเหิน ซึ่งหากปล่อยไว้ในสภาพนี้นานๆ มีโอกาสจะต่อกันไม่ติด คนโสด  คุณมีทั้งภาวะผู้นำในงานนอกบ้าน และเป็นแม่ศรีเรือน แต่ขณะเดียวกันคุณก็มีโลกส่วนตัวสูง จึงมีโอกาสที่คุณจะเป็นโสดอยู่

สุขภาพ  : โรคภัยไข้เจ็บวันนี้มาจากสาเหตุเดียวเลยคือ โหมงานหนักจนไม่ได้พักผ่อน มีโอกาสที่จะเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับทางเดินหายใจ หลอดเลือด และหัวใจ

 

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน :  สำหรับผู้ที่ทำงานหรือเกี่ยวข้องกับสายการศึกษา เช่น ครูบาอาจารย์ นักวิชาการ นักค้นคว้า วิจัย ฯลฯ  มีโอกาสที่คุณจะใช้ความรู้ ความสามารถของตัวเองเปิดธุรกิจส่วนตัว หรือรับงานอิสระ มีความเป็นไปได้ที่จะได้พบและร่วมงานกับทีมงานที่ดี มีความรู้ระดับปรมาจารย์ ซึ่งวันนี้คุณมีความเป็นศิลปินอยู่ในตัว ยิ่งหากได้ทำงานที่เกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์ งานศิลปะที่ต้องใช้มุมมองในเรื่องของความสวยงาม หรืองานออกแบบดีไซน์ จะทำให้คุณประสบความสำเร็จ

การเงิน :  จะได้เงินจากการมีทีมงานและผู้บังคับบัญชาที่ดี เรียกว่าจับอะไรก็เป็นเงินเป็นทองไปหมด แต่วันนี้คุณก็จะใช้จ่ายอย่างเพลิดเพลินเช่นกัน

ความรัก : ที่ผ่านมาหากคุณแต่งงานกันเพราะผู้ใหญ่เห็นดีเห็นงาม ก็เรียกว่าคุณเป็นสะใภ้ที่โชคดีที่ได้อยู่กับครอบครัวที่ดูแลเอาใจใส่คุณอย่างดี มีความสุข คนโสด  หากที่ผ่านมาผู้ใหญ่เคยนัดเดทให้คุณ แต่ไม่เคยประสบความสำเร็จเลย วันนี้มีโอกาสที่คุณจะหลุดพ้นจากภาวะนั้น ได้มองหาความรักอย่างที่ตัวเองต้องการเสียที

สุขภาพ :  มีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคทางช่องปากและระบบทางเดินหายใจ ซึ่งจะเป็นปัญหาลุกลามไปถึงระบบย่อยอาหาร

 

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน :  สำหรับผู้ที่ทำงานหรือเกี่ยวข้องกับงานที่มีขั้นตอนและพิธีการที่เป็นระบบระเบียบ เช่น งานในหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ การเงินการธนาคาร ฯลฯ หากวันนี้คุณทำงานเกี่ยวข้องกับการติดต่อประสานงาน การโฆษณา ประชาสัมพันธ์ สื่อมวลชน หรืองานที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญทางด้านภาษา ก็อาจต้องเตรียมใจไว้หน่อย เพราะมีความเป็นไปได้ว่าจะได้ข่าวเซอร์ไพร์ส ซึ่งมีผลกระทบกับงานของคุณ แม้จะไม่ชอบการโยกย้ายเปลี่ยนแปลงงาน แต่ก็มีความเสี่ยงที่คุณจะต้องหาทางออกให้กับตัวเองอย่างรีบด่วนที่สุด

การเงิน :  หากวันนี้คนใกล้ชิดหรือคนรักมาขอความช่วยเหลือในเรื่องการลงทุน หรือทำธุรกรรม โดยใช้คำพูดที่มีหลักการและเหตุผล ต้องหนักแน่น เพราะมีโอกาสที่คุณจะตกเป็นเหยื่อให้เขาฉกฉวยผลประโยชน์

ความรัก :  คุณกำลังอยู่ในช่วงรักและหลงคู่คุณอย่างชนิดตัวแทบจะไม่ห่างกันเลย หากที่ผ่านมาคุณเคยล้มเหลวในชีวิตคู่มาแล้ว ก็มีโอกาสที่วันนี้คุณได้พบคนที่อยู่กันอย่างมีความสุข คนโสด คุณกำลังแอบรักใครอยู่หรือเปล่าคะ ก็อย่าหลงเขาง่ายนักล่ะ เพราะจะมีโอกาสถูกหลอกได้ง่ายมาก ถึงอย่างไรคุณก็ไม่เข็ดกับการมีแฟน

สุขภาพ :  เดินดีๆ  วันนี้มีความเสี่ยงที่คุณจะก้าวพลาดตกจากขั้นบันได ตกจากขอบฟุตบาท หรือตกจากส้นสูงจนข้อเท้าพลิกข้อเท้าแพลง หากในกรณีรุนแรงจะถึงกับเส้นเอ็นอักเสบ หรือกล้ามเนื้อขามีความผิดปกติ

 

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี

การงาน  :  ก็ยังเหนื่อยใจอยู่นะคะ แต่วันนี้จะมีสาเหตุจากอีโก้และความเชื่อมั่นในตัวคุณที่ไม่เปิดใจยอมรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นเลย ยิ่งหากวันนี้คุณจะต้องใช้ความรู้ ความสามารถ และทักษะเฉพาะตัวที่เก่งขั้นเทพของคุณเพื่อริเริ่มงานใหม่ หรือโยกย้ายไปอยู่ในหน่วยงานที่มีความมั่นคงขึ้น จึงมีโอกาสที่จะเกิดการขัดแย้งกันสูงมาก จนงานสะดุดหยุดลงกลางคัน ซึ่งคุณจะถูกรุมกระหน่ำซ้ำเติมอีกด้วย ทางที่ดีควรเปิดใจรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง

การเงิน : จากที่เคยร้อนเงินจนต้องเร่งหาเงินในทุกวิถีทาง วันนี้ด้วยความสามารถในการบริหารจัดการการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้คุณสามารถกู้วิกฤติกลับคืนมาได้ แต่ก็มีโอกาสที่จะถูกญาติสนิทมิตรสหายยืมเงิน แต่ก็เพียงระยะเวลาสั้นๆ เดี๋ยวเขาก็คืน

ความรัก : ก็ยังคงมีปากเสียงกันอยู่ มีความเป็นไปได้ว่า วันนี้จะเป็นเรื่องบุคคลที่สามที่เข้ามาในฐานะที่ปรึกษาในเรื่องงาน แต่สุดท้ายแล้วมีความเสี่ยงที่จะถูกเข้าใจผิดกันได้ คนโสด  หากคุณกำลังตกเป็นรักที่ซ่อนเร้นไม่เปิดเผยของเพื่อนร่วมงาน ด้วยความเจ้าชู้ที่วันนี้คุณก็ยังไม่หยุดที่เธอ

สุขภาพ :  มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคระบบย่อยอาหาร ต่อมทอนซิลอักเสบ หรือหลอดลมอักเสบ เป็นต้น

 

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน :  สำหรับผู้ที่ทำงานหรือเกี่ยวข้องกับการติดต่อประสานงาน การบริหารจัดการ และการให้บริการคำปรึกษาแนะนำในด้านต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณต้องทำงานที่ใช้คำพูดหรือความสามารถทางวาทศิลป์ เช่น โฆษณาประชาสัมพันธ์ งานส่งเสริมการขายทุกประเภท มีความเป็นไปได้ที่คุณจะได้เข้าไปข้องเกี่ยวหรือติดต่องานกับหน่วยงานราชการ งานวิสาหกิจ หรืองานที่มีรูปแบบขั้นตอนเป็นระบบระเบียบ ก็ต้องบอกว่า วันนี้ไม่ควรกล้าได้กล้าเสียจนไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นเลย เพราะมีความเสี่ยงจากที่จะประสบความสำเร็จอาจพลิกล็อคได้

การเงิน :  วันนี้คุณสามารถหาเงินได้จากหลากหลายทาง รวมถึงการลงทุน จึงทำให้คุณใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือย โดยเฉพาะซื้อเครื่องประดับหรือความสุขส่วนตัว แต่ก็ไม่ควรหลงเชื่อคำพูดที่มีหลักการและเหตุผล เพราะเสี่ยงที่คุณจะถูกหลอก ถูกโกง หรือถูกย้อมแมวขายได้ง่ายๆ

ความรัก :  วันนี้คุณค่อนข้างเอาแต่ใจตัวเอง หากอยากอยู่คนเดียว ใครก็เข้าไปยุ่งกับคุณไม่ได้ แต่หากคุณต้องการใช้เวลาอยู่กับคู่ คู่คุณก็ห้ามไปไหนไกล ไม่อย่างนั้นมีเคือง  คนโสด กำลังแอบรักใครอยู่หรือเปล่าคะ ซึ่งตอนนี้คุณจะอ่อนไหวโรแมนติก ชอบใช้เวลาอยู่กับคนรักนานๆ แต่หากอยู่ห่างกันก็จะหงุดหงิด

สุขภาพ :  มีความเสี่ยงที่โรคต่างๆ ที่เก็บงำมานานจะแสดงอาการ โดยไม่มีอาการหรือลางบอกเหตุใดๆ ทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคหัวใจ และโรคที่เกี่ยวข้องกับหัวใจทุกประเภท นอกจากนั้นคุณจะมีอาการปวดหลังร่วมด้วย

 

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน : สำหรับผู้ที่ทำงานอยู่ในหน้าที่การงานตำแหน่งสูง ทั้งในหน่วยงานราชการ ภาคเอกชน หรือภาคธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานที่เกี่ยวกับสาธารณประโยชน์ สาธารณกุศล มูลนิธิ นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ ฯลฯ แม้คุณจะตั้งใจและขยันทำงานมาโดยตลอด แต่ด้วยความที่คุณมีไอเดียเป็นของตัวเองมากจนยากที่จะร่วมงานกับผู้อื่นได้อย่างราบรื่น ทางที่ดีวันนี้คุณควรทำงานเป็นของตัวเอง หรือทำธุรกิจของตัวเองเลยจะดีกว่า สบายใจกว่า

การเงิน :  คุณใช้ความสามารถหารายได้ให้กับตัวเองอย่างมั่นคง แต่วันนี้ส่วนใหญ่คุณจะหมดไปกับการบริจาค การทำบุญ ให้ทาน ช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนจนตัวเองเดือดร้อน

ความรัก : ชีวิตครอบครัวคุณก็ราบรื่นและราบเรียบดี คู่คุณก็มีหน้าที่การงานดีและส่งเสริมหน้าที่การงานของคุณมาโดยตลอด แต่วันนี้คุณมีความคิดเห็นเป็นของตัวเองมากไปหน่อย ชอบที่จะแลกเปลี่ยนกับโซเชียลมากกว่า คนโสด คุณกำลังหลงเสน่ห์ผู้บริหารหนุ่มไฟแรงอยู่หรือเปล่า ซึ่งจริงๆ แล้วคุณอาจชอบแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเขามากกว่าจะคบกันจริงจังก็ได้

สุขภาพ : มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคที่เกี่ยวกับระบบเลือดและต่อมน้ำเหลืองต่างๆ ซึ่งจะเป็นสาเหตุให้เกิดโรคเบาหวาน และโรคที่เกี่ยวกับความผิดปกติของเม็ดเลือด

 

 

ครอบครัวปฐวีกานต์

ละมุนยกบ้าน! “พ่อมอส-แม่เกม-โสน-สวรรค์” ใครเป็นยังไงในครอบครัวปฐวีกานต์

Alternative Textaccount_circle
ครอบครัวปฐวีกานต์
ครอบครัวปฐวีกานต์

เปิดความละมุนของครอบครัวปฐวีกานต์ จากปาก เกม ดวงพร ปฐวีกานต์ ภรรยาคนสวยของ มอส ปฏิภาณ และคุณแม่ของน้องโสน (สิสราญ 9 ขวบ) น้องสวรรค์ (ธานธาดา 6 ขวบ) วัยกำลังน่ารัก ทว่าคาแร็คเตอร์ต่างกันคนละขั้ว คนพี่ออกนิ่ง เท่ คนน้องตลก แสนซน ทำให้คุณแม่ต้องแปลงร่างกลายเป็นซูเปอร์มัม

ละมุนยกบ้าน! “พ่อมอส-แม่เกม-โสน-สวรรค์” ใครเป็นยังไงในครอบครัวปฐวีกานต์

เล่าให้ฟังหน่อยค่ะว่าเรื่องความซนหรือความปวดหัวของคุณแม่ลูกสองตอนนี้อยู่ระดับไหน

“ต้องบอกก่อนว่าคาแร็คเตอร์ของ ‘โสน’ และ ‘สวรรค์’ ไม่เหมือนกันเลย โสนเรียนเกรด 4 ที่โรงเรียน ISB เขาจะนิ่งๆ เงียบๆ ชอบสังเกตการณ์ ไม่เหวี่ยงวีน ถ้ามีอะไรที่รู้สึกไม่โอเค เขาจะแสดงออกแบบอื่นแทน ส่วนสวรรค์เรียนเกรด 1 ที่โรงเรียนเดียวกัน คนนี้ใจร้อน คิดอะไรก็แสดงออกแบบนั้น ซึ่งพอเราเลี้ยงลูกมาสักพักจะเริ่มรู้ว่าต้องปฏิบัติหรือมีวิธีพูดกับลูกแต่ละคนไม่เหมือนกัน เช่น ถ้ามีสิ่งที่โสนต้องทำจริงจัง ถึงแม้ตอนนี้จะไม่ใช่เวลาที่เขาอยากทำ หรือไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากทำ พอเราใช้น้ำเสียงจริงจังกึ่งๆ ดุ เขาก็จะสามารถทำได้ แต่ถ้าใช้น้ำเสียงแบบนั้นกับสวรรค์ เขาจะต่อต้าน ต้องใช้คำพูดในเชิงตะล่อม จึงจะชักจูงให้ทำสิ่งที่เราต้องการให้เขาทำ ณ เวลานั้นได้ เพราะฉะนั้นพ่อแม่ต้องทำการบ้านถึงวิธีปฏิบัติกับลูกแต่ละคนด้วย”

ระหว่างแม่เกมกับพ่อมอส ใครดุกว่าคะ

“พี่มอสจะบ่นเวลาลูกทำอะไรขัดใจหรือไม่ถูกต้อง ทีนี้ลูกอาจจะฟังบ้างไม่ฟังบ้าง เพราะว่าเขาพูดเยอะ ส่วนแม่ค่อนข้างดุ แต่ก็พยายามเข้าใจและหาวิธีตกลงกับลูกแต่ละคน ถ้าเขาเริ่มทำอะไรที่ไม่โอเค แม่จะดุมาก อันนี้ถามลูกได้เลย”

ครอบครัวปฐวีกานต์

คุณแม่ดุไหมคะ (ถามน้องโสน – น้องสวรรค์)

ด้วยความเขิน ทั้งสองคนพยักหน้าแทนคำตอบ จนคุณแม่ต้องตอบแทนว่า “เขาบอกว่าเดี๋ยวแม่ก็ใจดี เดี๋ยวก็ดุ” (หัวเราะ)

เรื่องไหนที่คุณแม่ซีเรียสเป็นพิเศษจนถึงขั้นต้องดุคะ

“เรื่องวินัยค่ะ โดยเฉพาะสิ่งที่เป็นหน้าที่ อย่างช่วงที่ต้องเรียนออนไลน์ พ่อแม่ต้องสู้รบกับลูกหนักมาก เพราะตารางเวลาเปลี่ยนหมด ก่อนหน้านี้เราเคร่งครัดกับตารางเวลาว่าเขาต้องตื่นนอน กินนม กินข้าว นอนเวลานี้ ประมาณว่า 2 ทุ่มต้องหลับแล้ว แต่พอเรียนออนไลน์ ตารางเวลาเปลี่ยน ลูกเริ่มนอนดึก ตื่นสาย ตื่นมาก็เรียนออนไลน์ ไม่ต้องแต่งตัว กินข้าวตามสบาย เป็นแบบนี้มาครึ่งปีแล้ว และน่าจะเป็นความทรมานของทุกบ้านที่คุมตารางเวลาไม่ได้ เพราะที่จริงแม่ไม่ได้ว่างตลอด แต่ต้องตามประกบลูก

“ทำให้ต้องตั้งกฎสิ่งที่ต้องทำขึ้นมา เช่น ตื่นมาต้องแปรงฟัน อาบน้ำ กินข้าวให้จบ แล้วเขาจะสามารถทำอะไรก็ได้ก่อนถึงเวลาเรียน หรือถ้าเขาไม่ทำ เช่น ถึงเวลากินข้าวแล้วเขาบอกไม่หิว ก็จะมีให้เลือก 2 ทาง คือไม่ต้องกินอะไรจนถึงเย็น ขนมก็ห้ามกินระหว่างวัน ไม่หิวก็ไม่ต้องกินเลย กับเดินมากินซะดีๆ จะกินมากน้อยก็ได้ ขอให้กินให้จบ แล้วจะไปทำอะไรก็ไปทำ

“แต่บางเรื่องเกมก็สบายๆ ยอมให้ต่อรองได้บ้าง สมมติว่าเขาว่างแล้วทำทุกอย่างเสร็จครบถ้วน อยากขอดูจอคอมพิวเตอร์เพิ่มอีกหน่อย โอเค หรือที่จริงก็กินข้าวเยอะแล้ว แต่หลังจากนั้นอยากกินขนมนมเนยช่วงบ่าย ก็กินได้ ไม่บ่น ไม่ว่า จะทำอะไรเชิญตามสบาย”

ครอบครัวปฐวีกานต์

ก่อนหน้านี้เคยเห็นในไอจีคุณแม่คือน้องโสนไม่ค่อยพูด แต่เต้นเก่งมาก กับล่าสุดเห็นคุยมากขึ้นแล้วนะคะ

“ค่ะ สมัยก่อนโสนขี้อาย ไม่ชอบแสดงออก ค่อนข้างเก็บอารมณ์ ไม่อยากให้ใครรู้ว่าคิดอะไร แต่ช่วงหลังดีขึ้นเยอะ อาจเพราะเริ่มโตขึ้นด้วย คือเดี๋ยวนี้ถ้าไปเรียนเต้นแล้วต้องเต้นให้เพื่อนดู เขาสามารถทำได้ ไม่มีปัญหา อย่างเพื่อนๆ ที่โรงเรียนจะชอบโชว์เต้น โชว์ร้องเพลง ซึ่งโสนจะมีเพื่อนที่ชอบแนวเดียวกัน เป็นบัดดี้ชวนกันไปทำเรื่องพวกนี้ตลอด คนเป็นพ่อแม่เห็นแล้วต้องสนับสนุน จึงให้เขาไปเรียนเต้นที่รัชดาลัยตั้งแต่เจ็ดขวบ เปิดโอกาสให้ลองทำ เขาจะได้รู้ว่าชอบไหม

“อีกอย่างคือโสนอ่านหนังสือเองได้แล้ว ส่วนสวรรค์ เกมจะอ่านให้ฟัง เสร็จแล้วเราสามคนก็คุยกันว่าวันนี้มีเรื่องที่ชอบหรือไม่ชอบอะไรบ้าง มีเรื่องสุขใจหรือเศร้าใจไหม เพื่อให้เขาปลดปล่อยสิ่งที่เขารู้สึกตอนนั้น แต่อาจจะไม่ได้บอกใครออกมา ช่วงแรกโสนไม่ค่อยเล่า เกมจึงเริ่มด้วยการเล่าให้ลูกฟังก่อนว่า วันนี้หม่าม้าไปทำสิ่งนั้นมานะ หม่าม้าไม่ชอบเลย รู้สึกหงุดหงิด หรือว่าเจออันนี้มา รู้สึกชอบมาก ความที่สวรรค์ช่างเจรจา ช่างพูดช่างคุยอยู่แล้ว เขาก็จะเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ พอทำอย่างนี้ได้สัก 2-3 วัน โสนก็เริ่มมีเรื่องเล่าบ้าง ตอนแรกอาจเป็นเรื่องสั้นๆ ก่อนจะเริ่มยาวขึ้น เล่าได้เป็นฉากๆ เกมรู้สึกว่าเป็นสัญญาณที่ดี คงทำเป็นกิจวัตรต่อไปเรื่อยๆ”

ค่อนข้างกังวลว่าน้องโสนจะเก็บตัวใช่ไหมคะ

“ใช่ค่ะ เพียงแต่ตอนเขาเด็กเราไม่ค่อยกลัว เพราะเรายังอยู่ใกล้กันตลอด ที่กลัวคือพอเขาโตเป็นวัยรุ่นแล้วจะไม่พูดกับเรา เลิกปรึกษาแม่แล้วไปปรึกษาเพื่อนแทน เพราะฉะนั้นจึงต้องหาวิธีทำให้เขาสบายใจที่จะพูดกับเรา แต่ก็เข้าใจวัยรุ่นนะ บางทีเขาจะคิดถึงตัวเองเป็นหลัก อย่างบ้านเกมเองพ่อแม่ดุมาก ทำให้ไม่กล้าพูดกล้าบอกอะไร ทั้งที่เราไม่ได้ทำผิดมากมาย เกมไม่อยากให้ลูกรู้สึกแบบนั้น”

ครอบครัวปฐวีกานต์

กับคุณพ่อล่ะคะ เขาคุยให้ฟังหรือเปล่า

“กับพ่อ ลูกเล่นด้วยอย่างเดียวเลยค่ะ ทั้งที่จริงพ่อเข้มงวดมาก แต่ความที่เขาบ่นเรื่อยๆ กลายเป็นว่าพ่อไม่สามารถคอนโทรลลูกได้ คือเวลาเขาเล่นด้วยกัน ทุกคนจะฟรีสไตล์ สนุกสนาน อย่างโสนชอบไปไดรฟ์กอล์ฟหรือว่ายน้ำกับพ่อมาก แต่พอพ่อจะต้องเข้มงวดให้เขาทำอะไรสักอย่าง กลายเป็นว่าเอาไม่อยู่ เพราะลูกไม่กลัวพ่อเลย”

พี่โสนช่วยดูแลน้องสวรรค์ไหมคะ

“แม้เขาจะดูเฉยๆ ไม่แสดงออกมากมาย แต่ช่วยดูแลน้องดีค่ะ เรียกว่าน้องสามารถเรียกให้พี่ช่วยได้ทุกอย่าง ‘เจ้ช่วยนั่นหน่อย ช่วยนี่หน่อย’ ซึ่งโสนจะช่วยตลอด ด้วยนิสัยเขาที่มีความเป็นผู้ใหญ่อยู่แล้ว แต่สวรรค์จะเป็นสไตล์หวันๆ อย่างเข้าไปจุ๊บเจ้ก่อน ก็อาจจะถูกผลักออกมา ตามด้วยทะเลาะกันบ้าง เช่น เจ้เล่น TikTok อยู่ สวรรค์อยากดูด้วย แต่เจ้ปฏิเสธ เขาก็เดินมาบอกว่า เจ้ไม่แชร์เลย เหตุผลของโสนคือ No Screen Time คือตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาของสวรรค์ สุดท้ายแม่ต้องบอกว่านี่ไม่ใช่เวลา Screen Time ของสวรรค์จริงๆ นะ ก็อดเล่นไปตามระเบียบ

“เพราะปกติเราให้เวลาเขาดูจอได้วันละไม่เกิน 1 ชั่วโมง แต่เนื่องจากอยู่บ้านตลอดเวลา และเรียนออนไลน์อีก จึงควบคุมเวลาได้ยากอย่างที่บอก เพราะเขาจะมีจออยู่ในมือตลอดเวลา เรียนเสร็จอาจขอเล่นหน้าจอต่ออีกหน่อย ซึ่งการขอต่อเวลา แม้จะเป็นเล่นเกมวิชาการที่มีประโยชน์กับเขา ดูแล้วโอเค แต่โดยส่วนตัวเกมคิดว่าถ้าเรียนจบแล้ว ปิดจอไปเลยดีกว่านะ”

แสดงว่าหลังจากปิดจอแล้ว มีกิจกรรมอื่นให้น้องๆ ทำอีกสิคะ

“ส่วนใหญ่เป็นการออกกำลังกายค่ะ ไม่อยากให้เรียนเยอะ จะมีเรียนพิเศษแค่วิชาเดียวคือภาษาไทย เพราะโรงเรียนอินเตอร์ไม่ค่อยได้ใช้ภาษาไทย ถ้าเป็นเมื่อก่อน หลังเลิกเรียนหรือเสาร์-อาทิตย์จะพาเขาไปเรียนยิมนาสติก พาไปเล่นโน่นเล่นนี่นอกบ้านบ้าง ตอนเย็นออกไปขี่จักรยาน

“แต่ตอนนี้ทำแบบนั้นไม่ได้ทั้งหมด แต่ข้อดีของการอยู่บ้านกันพร้อมหน้าคือออกกำลังกายด้วยกัน เพราะเกมกับพี่มอสซีเรียสเรื่องนี้ เรารู้สึกว่าเด็กๆ ต้องใช้แรงทุกวัน เพื่อระบายความเครียดและทำให้เขากินดี หลับดี ถ้าเขาได้ใช้แรง เขาจะไม่ซึม พอออกไปข้างนอกไม่ได้ ทำอะไรก็ไม่ได้ ก็เลยชวนมาเล่นด้วยกันกับแม่ สังเกตว่า โสนจะค่อนข้างอึดในการใช้ร่างกาย ชวนเล่นโยคะ ฟิตเนส เต้น เขาทำได้หมด ส่วนสวรรค์จะขี้เกียจหน่อยๆ แล้วแต่อารมณ์ ถ้าวันไหนอารมณ์ดีก็จะเต้นสัก 3 เพลง”

ครอบครัวปฐวีกานต์

สองคนพี่น้องมีวีรกรรมหรือมุมตลกๆ ไหมคะ

“ถ้าตลกต้องสวรรค์ค่ะ เขาไม่ห่วงสวยเลย สามารถเต้นตลกๆ ทำหน้าตลกได้ โดยเฉพาะเวลาเต้นกับพ่อ เขาชอบทำท่าทางทำหน้าฮาๆ แบบของเขา แล้วพ่อก็จะถ่ายวิดีโอไว้ สวรรค์ชอบมานั่งดูตัวเอง ซึ่งเขาชอบที่ตัวเองทำอะไรแบบนั้นด้วยนะ ส่วนโสนเหมือนแม่ คือจริงจัง ไม่ค่อยปล่อยให้ตัวเองทำอะไรแปลกๆ หรือตลกๆ

“เคยมีบางครั้งที่ลูกสองคนแท็กทีมกันแกล้งพ่อ เห็นพ่อนอนอยู่ก็กระโดดใส่เลย หรือแอบหยิบโทรศัพท์พ่อไปซ่อน เพราะบางทีพ่อคุยโทรศัพท์เยอะ เลยเอาไปซ่อนซะงั้น”

พี่น้องเคยทะเลาะกันแรงๆ บ้างไหม

“ไม่เคยค่ะ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเล็กน้อย เช่น เจ้ไม่แบ่งอันนี้ให้หวัน แต่หวันก็ไม่แบ่งอันนั้นให้เจ้ไง จะเป็นประมาณนี้มากกว่า ซึ่งตอนหลังแม่จะไม่เคลียร์ให้ ‘มาบอกหม่าม้าทำไม ยูไปหาวิธีพูดกับเจ้สิ’ หรือไม่เราก็จะบอกเขาว่า ‘มีวิธีพูดอะไรหรือเปล่าที่จะทำให้เจ้อยากให้หวันเอง ไม่ต้องมาบอกหม่าม้าเลย ไปจัดการกันเอง’ เพราะเขาเคลียร์กันได้ทุกครั้ง รับประกัน 100 เปอร์เซ็นต์ คุยเหมือนเถียงกันแป๊บเดียว เดี๋ยวก็มาเล่นกันเหมือนเดิม แม่ไม่ต้องไปช่วยเขาตัดสินว่าใครผิดใครถูก ยกเว้นว่าถ้ามีการตีกัน ซึ่งยังไม่เคยเกิดขึ้น ถ้าเจอแบบนั้น แม่คงต้องไปห้ามว่าให้หยุดก่อน แต่ยังไม่มี แม่เลยไม่ต้องยุ่ง”

เห็นในไอจีคุณแม่ ดูเหมือนน้องสวรรค์ค่อนข้างขี้อ้อน

“มาก (ลากเสียงยาว) จู่ๆ ก็เดินมาจุ๊บแล้วบอก ‘I love you’ ตลอดตามอารมณ์เขา พอเขามากอดเรา เราก็กอดกลับ ซึ่งเป็นคนละขั้วกับโสนที่จะไม่เริ่มก่อน เราต้องใช้วิธีเข้าหาเขาแทน นานๆ ทีจึงจะเข้ามากอดเราบ้าง”

เขาเคยอ้อนคุณแม่เวลาอยากได้ของไหม

“บ้านนี้ถือว่าน้อยค่ะ สมมติว่าไปเดินห้างด้วยกัน แล้วเราเห็นว่าเขาอยากได้อะไร ก็จะไม่ทะเลาะกับลูกหรอก แต่จะดูสิ่งที่ให้ประโยชน์จริงๆ เช่น อยากได้เลโก้ ถ้าไม่แพงเกินไป เขานำกลับมาต่อเล่นกันที่บ้าน ถ้าให้ได้ก็ให้เลย แต่ถ้าเป็นรถเด็กเล่นคันใหญ่ที่ขับได้จริง เกมไม่ให้ เพราะดูแล้วว่าซื้อมาขับ ไม่กี่ครั้งก็คงทิ้ง ทั้งที่ราคาบางคันเป็นหมื่น แต่ถ้าเขาอยากได้เซิร์ฟสเกตเพื่อออกกำลังกาย อันนี้ยินดีซื้อ จะพยายามไม่ปฏิเสธสิ่งที่สามารถให้ได้ โดยมีข้อจำกัดคือ ถ้าเป็นของที่ไม่มีประโยชน์ แพงเกินไปหรือเกินตัว ก็จะไม่ให้

“แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขาขออย่างไร พ่อกับแม่ก็ต้องปฏิเสธ คืออยากเลี้ยงแมว หมา อยากได้ไก่ ฯลฯ ยังไงก็ไม่ได้ เพราะโสนเป็นภูมิแพ้ พอเขาไปเล่นกับลูกหมาลูกแมวจะคันทันที ก่อนหน้านี้ยอมให้เขาเลี้ยงหนูแฮมสเตอร์แล้ว 1 ตัว เพราะขนไม่ร่วง เลี้ยงง่าย มันสามารถอยู่เองได้ และทั้งสองคนมีหน้าที่ล้างกรงให้สัปดาห์ละครั้ง บวกกับการเลี้ยงสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะหมาต้องการการดูแลมาก มีช่วงหนึ่งที่สวรรค์อยากได้นกมาก เราก็บอกเขาว่านกไม่ได้เลี้ยงง่ายอย่างแฮมสเตอร์นะ ที่สุดต้องตั้งกติกาว่าเขาจะไม่ได้สัตว์เลี้ยงจนกว่าจะอายุครบ 13 ปี และถ้าเขาอายุ 13 ปีแล้ว แต่ยังไม่มีความรับผิดชอบมากพอ ก็ยังคงเลี้ยงไม่ได้อีก”

ครอบครัวปฐวีกานต์

ถ้าขอคุณพ่อ มีโอกาสได้มากกว่าหรือเปล่า

“เรื่องนี้พ่อยากกว่าแม่เยอะเลยค่ะ เวลาซื้อของให้ลูก พ่อจะคิดเยอะกว่า”

ปีที่แล้วเห็นน้องโสนทำเครื่องดื่มขายในหมู่บ้านด้วย ไอเดีย ใครคะ

“ช่วยกันค่ะ เหตุจากปีที่แล้วช่วงล็อกดาวน์ ในหมู่บ้านเป็นเด็กที่เรียนโรงเรียนเดียวกัน เด็กเขาเล่นกันเอง มาบ้านนี้ ไปบ้านโน้น ทีนี้เด็กเขาคุยกันว่า ในเมื่อทุกคนออกไปไหนไม่ได้ น่าจะหากิจกรรมที่มีประโยชน์ทำ ทุกวันเสาร์ตอนเย็นต่างคนต่างหาของไปขายคนละอย่าง บางคนอบคุกกี้ บางคนอบขนมปัง บางคนทำน้ำส้มขาย เราก็ไปสมทบกับเขา ทำโอวัลตินขาย แต่ตอนเขาทำ เราก็สอนให้รู้ว่าซื้อของราคาเท่านี้ มีค่าแรงที่เราต้องมานั่งชงเครื่องดื่ม ซึ่งเราต้องไปยืนขายอากาศร้อนๆ ได้เงินกลับมาเท่าไร หักต้นทุนคืนหม่าม้า กำไรเหลือเท่าไหร่เขาก็เก็บไป เขาจะได้รู้ว่าขายได้หนึ่งพันบาท ไม่ใช่ว่าเขาได้ทั้งหมด แต่ต้องมีเงินลงทุนและได้กำไรกลับมา เด็กๆ จะได้รู้”

ช่วงที่ไปเที่ยวกันสามคนแม่-ลูกโดยไม่มีคุณพ่อ เคยมีโมเมนต์ของการดูแลตัวเองหรือแต่งตัวตามประสาผู้หญิงบ้างไหม

“เราจะเล่นแต่งหน้ากัน ยิ่งถ้ามีร้านเครื่องสำอางเด็กส่งมาให้นะ โอ้โฮ…ก็ต้องให้เล่นสักพักหนึ่ง หลังจากนั้นแทบต้องเอาไปซ่อน เพราะแต่งหน้ากันทั้งวัน ว่างๆ ก็เอายาทาเล็บมานั่งทา อวดสติ๊กเกอร์ติดเล็บ พอทาเสร็จ อวดจินตนาการกันเสร็จ ชั่วโมงสองชั่วโมงก็แกะหรือล้างออก แล้วทาใหม่ ทาแล้วแกะๆ ประมาณว่าเป็นงานอดิเรกเชิงศิลปะ

“ส่วนเรื่องแต่งตัว สวรรค์เป็นมาก ถึงขั้นเลือกเสื้อผ้าไว้ตั้งแต่ตอนกลางคืน ถ้าตื่นมาแล้วมีอะไรเปลี่ยนแปลง เขาจะหงุดหงิดทันที หรือเกมค่อนข้างดูแลผิวตัวเองมาตลอด จึงชอบสอนให้เขาทาครีมเองทุกวัน ซึ่งต่างจากโสน ถ้าวันไหนรีบหรือขี้เกียจ เขาจะไม่ทาครีม แต่สวรรค์ขาดไม่ได้แม้แต่อย่างเดียว เพราะเขาช่างแต่งตัว ชอบเลือกชุด เราสอนเขาตั้งแต่เล็กว่าให้ดูแลผิว จริงๆ โสนควรต้องดูแลผิวมากกว่าสวรรค์ เพราะผิวโสนเป็นภูมิแพ้คล้ายๆ พี่มอส คือจู่ๆ ก็เป็นวงแดงๆ อย่างตอนนี้โสนเริ่มมีกระขึ้นหน้าเพราะแพ้แดด ถ้าไปตากแดดที่ทะเล 2-3 วัน กลับมาหน้าจะด่าง จึงซีเรียสว่าเขาต้องดูแลผิว แต่ปรากฏว่าถ้าแม่ไม่ทำให้ เขาก็จะไม่ทำ ประมาณนี้”

ครอบครัวปฐวีกานต์

ในเมื่อสองคนมีความต่างกันแบบนี้ คุณแม่มองภาพอนาคตของพวกเขาไว้อย่างไรคะ

“ความจริงคือเกมไม่ได้คาดหวังเลยว่าลูกต้องทำอาชีพอะไร แต่เท่าที่สังเกตตอนนี้คือโสนจะไปในทางศิลปินมากกว่า แต่ก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และความขวนขวายของเขาด้วยว่าเขาจะทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหน เราไม่ได้ผลักดันอะไร ให้เป็นไปตามธรรมชาติ ส่วนสวรรค์ยังมองไม่ออก แต่เขามีความเป็นผู้นำสูง คือเวลาเล่นกับเพื่อน เขาจะเป็นผู้นำกลุ่ม คอยสร้างเกมว่าเล่นแบบนั้นแบบนี้กันเถอะ อาจเพราะเขาไม่เล่นตามคนอื่น จึงต้องคิดเกมมาเล่นเอง เพราะฉะนั้นไม่ว่าเขาทั้งสองคนจะทำอะไร ก็ขอให้ไปในแนวทางที่เขาถนัดแล้วกัน ซึ่งเรายินดีสนับสนุนเขา”

แล้วพ่อมอสอยากให้น้องๆ เข้าวงการบันเทิงไหมคะ

“ไม่เคยเลยค่ะ ไม่ผลักดันด้วย แล้วแต่ลูก ซึ่งโสนยังไม่ได้มีคาแร็คเตอร์ชัดมาก ถ้าเขาอยากทำอะไรสักอย่าง เราก็อยากให้เขาแน่ใจ ไม่อยากบังคับหรือผลักดันอะไรทั้งสิ้น เพราะไม่เป็นผลดีกับใคร ให้เขาทำในสิ่งที่ชอบดีกว่าทำในสิ่งที่เขาไม่พร้อม ซึ่งจะกลายเป็นประสบการณ์เลวร้ายไปแทน”

ครอบครัวปฐวีกานต์

คุณแม่มีคำสอนที่ใช้ปลูกฝังเด็กๆ ไหมคะ

“ไม่ได้มีคำสอนอะไรเป็นพิเศษค่ะ ส่วนใหญ่จะสอนเขาเรื่องระเบียบวินัยเป็นหลัก เพราะเรามองว่าเด็กวัยนี้เราต้องเข้าใจเขา และให้เขาเข้าใจความรู้สึกตัวเอง เพราะฉะนั้นถ้าจะสอนหรือดุ เราจะดูคาแร็คเตอร์ของแต่ละคนมากกว่า เช่น เรามักพูดเน้นย้ำกับสวรรค์บ่อยๆ ว่า ‘สวรรค์รู้ไหม คนเราโมโหได้ หม่าม้าก็ขี้โมโหเหมือนกัน แต่เรามีวิธีทำให้หายโมโหเร็วขึ้น รู้ไหมว่าทำยังไง’ สิ่งที่เขาจะได้ยินจากเราเป็นประจำคือ ‘ใจเย็นๆ หายใจเข้า หายใจออก’ เพราะเขาโมโหง่าย อันนี้จะเป็นเรื่องที่สวรรค์ได้ยินบ่อย

“ส่วนโสนเป็นเรื่องของความรู้สึก เพราะเวลาเขารู้สึกติดขัดอะไรมักจะร้องไห้ เราก็จะพยายามสะท้อนความรู้สึกเขา เช่น ‘ตอนนี้หนูรู้สึกอย่างนี้ใช่ไหม ที่รู้สึกอย่างนี้เพราะอะไร’ จะคอยบอกเขาแบบนี้ ไม่ค่อยได้สอนอะไรที่เป็นนามธรรม เพราะรู้ว่าเขายังไม่ค่อยเข้าใจสิ่งเหล่านั้น”

สุดท้ายแล้วน้องๆ มีอะไรอยากบอกคุณแม่ไหมคะ

โสนและสวรรค์ยังคงเขินต่อเนื่อง คุณแม่จึงต้องช่วยตอบแทนว่า “โสนไม่ค่อยบอกอะไรหรอกค่ะ ตามสไตล์เขา อย่างมากก็กอดแล้วหอม แต่สวรรค์แต่งเพลงแล้วร้องให้ฟังทุกคืน ‘You are the best, You are the best, You are the best mom.’ แล้วจุ๊บหนึ่งทีก่อนนอน เขาบอกว่าวันหนึ่งจะแต่งเพลง You are the best mom ให้จบ ก่อนจะย้ำว่า หม่าม้า…I Love You.”


ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 973

ภาพ : @mospatiparn, @gamiegamie

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ซูมชีวิต “มอส – ปฏิภาณ” ในวัยใกล้แตะเลข 5 ทำไมใครๆ ยังเรียกเขาว่า “พี่มอส”

เรื่องราวกว่า 15 ปี ในวงการฟุตบอลของ “มาดามแป้ง” ผู้จัดการทีมชาติไทยคนล่าสุด

เปลี่ยนตัวเอง เปลี่ยนความคิด มุก-พิชานา จากเอ็กซ์ตร้าสู่นางเอกสายบู๊ที่น่าจับตา

มินนี่ ณิชา

เส้นทางสู่ดวงดาวของ “มินนี่ ณิชา” สาวไทยใจสู้แห่งวงเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลี (G)I-DLE

Alternative Textaccount_circle
มินนี่ ณิชา
มินนี่ ณิชา

“มินนี่ ณิชา ยนตรรักษ์” สาวน้อยวัย 23 ปี ที่หลงใหลในเสียงดนตรีมาตั้งแต่เด็ก เธอเริ่มหัดเล่นเปียโนและร้องเพลง เมื่อบวกกับการมี Super Junior เป็นไอดอล ทำให้มินนี่ตกหลุมรักโลกของ K-Pop และมีฝันอยากเป็นนักร้องระดับโลก

มินนี่สานฝันให้ตัวเองด้วยการเข้าไปออดิชั่นกับค่าย Cube Entertainment ของเกาหลีในวัย 17 ปี ก่อนจะยอมทิ้งทุกอย่างที่เมืองไทย เพื่อไปฝึกเป็นเทรนนีอยู่ 3 ปี จนได้เดบิวต์ในฐานะนักร้องของวง (G)I-DLE (หรือ GIRL-I-DOL) เมื่อปี 2018 มีแฟนๆ ติดตามในยูทูบกว่า 3.12 ล้าน มีเพลงยอดฮิตอย่าง Oh my god ที่มียอดวิวกว่า 146 ล้าน ซึ่งความสามารถของมินนี่ไม่ได้หยุดแค่งานเบื้องหน้า งานเบื้องหลังอย่างการแต่งเพลง เธอก็สามารถ

วันนี้มินนี่ก้าวไปอีกขั้นด้วยการเป็นนักแสดงจากซีรี่ส์ So Not Worth It ฉายทาง Netflix เมื่อช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เป็นการการันตีว่าสาวน้อยคนนี้มีความสามารถรอบด้าน ถ้าจะบอกว่าวันนี้ฝันของเธอมาเกินครึ่งทาง (มากๆ) แล้วก็ไม่ผิดนัก

เส้นทางสู่ดวงดาวของ “มินนี่ ณิชา” สาวไทยใจสู้แห่งวงเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลี (G)I-DLE

หนูอยากเป็นนักร้อง

“หนูคลุกคลีกับดนตรีมาตลอด เพราะคุณแม่เล่นเปียโน ทำให้มีโอกาส ได้เรียนร้องเพลงและเล่นเปียโนมาตั้งแต่อนุบาล พอโตขึ้นมาหน่อยก็ได้รู้จักวง Super Junior รู้สึกว่าเขาเท่มาก เก่งทั้งเรื่องร้องเพลงและเล่นเปียโน หนูเคยไปดูคอนเสิร์ต แล้วรู้สึกได้รับพลังงานดี ๆ กลับมาเยอะมาก จึงคิดว่าจะดีสักแค่ไหน ถ้าวันหนึ่ง เราจะได้ยืนบนเวทีมอบความสุขให้คนอื่นเหมือนกับที่เราได้รับ นั่นเป็นจุดที่ทำให้คิด ว่าสักวันหนึ่งจะต้องเป็นนักร้องแบบ Super Junior ให้ได้ อยากไปทัวร์คอนเสิร์ต อยากมีแฟนคลับและมีชื่อเสียงระดับโลก ซึ่งตอนที่หนูไปอยู่เกาหลีมีโอกาสเจอวง Super Junior ด้วย พอรู้ว่าหนูเป็นแฟนคลับ เขาก็ดีใจมากที่เราได้มายืนอยู่ ตรงนี้และมีเขาเป็นไอดอล ต้องบอกว่า Super Junior เป็นกำลังใจสำคัญให้หนู สานฝันไปถึงเกาหลี” (ยิ้ม)

มินนี่ ณิชา

สู้เพื่อฝัน…There’s nothing you can’t do

การมาเป็นเทรนนีที่เกาหลี นอกจากต้องผ่านประสบการณ์โฮมซิกคิดถึงบ้าน แล้ว การฝึกเป็นศิลปินของที่นี่ก็ขึ้นชื่อเรื่องความเนี้ยบและโหดหินพอสมควร

“สมัยเด็กเวลาดูวง Super Junior หรือดาราเกาหลีจะรู้สึกว่าเขาสวยหล่อมาก ร้องและเต้นเพอร์เฟ็กต์ เก่งทุกอย่าง แต่พอเราได้มายืนตรงจุดนี้ จึงรู้ว่ากว่า จะเป็นเอ็มวีที่ฉายเพียง 3 นาทีอย่างที่เห็นนั้น เบื้องหลังต้องใช้ความอดทน ความ พยายาม และใช้เวลามาก กระบวนการทำงานไม่ได้มีแค่ตัวเรา แต่รวมถึงการ ทำงานหนักของทีมงานด้วย

“หลังจากที่ออดิชั่นผ่านและมาเป็นเทรนนีอยู่เกาหลี 3 ปีนั้น ช่วงแรก ยอมรับว่าหนักมาก เพราะทุกอย่างใหม่มาก ทั้งเรื่องภาษาที่สื่อสารกันไม่รู้เรื่อง ต่อมาคือสิ่งแวดล้อม บรรยากาศทุกอย่างไม่ใช่สิ่งที่คุ้นเคย แค่เรื่องอากาศก็ ไม่เหมือนบ้านเราแล้ว ที่สำคัญคือเป็นการห่างบ้านครั้งแรกในชีวิต ขนาดตอนนั้น มินนี่อายุ 17 ถือว่าโตระดับหนึ่งแล้วนะ เพราะมีเพื่อนหลายคนที่ไปเป็นเทรนนี ตั้งแต่อายุ 12 – 13 และเราเรียนโรงเรียนประจำมาตลอด คิดว่าเตรียมตัวที่จะ ใช้ชีวิตตัวคนเดียวมาพอสมควร แต่พอต้องไปอยู่เกาหลีเองคนเดียวจริง ๆ ก็คิดถึง บ้าน คิดถึงพ่อแม่และเพื่อน ๆ มาก 3 เดือนแรกร้องไห้ทุกวัน แม้ในแต่ละปีจะมี ช่วงเวลาได้กลับบ้านสั้น ๆ แต่พอต้องกลับไปอยู่เกาหลีทีไรก็จะโฮมซิก ชีวิตวนลูป อยู่อย่างนี้

“หนักที่สุดคือหนูไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร เพราะการมาเป็นเทรนนี ไม่มีอะไรมาการันตีว่าจะได้เดบิวต์ออกผลงานจริง ๆ ถ้าไม่ได้ไปต่อก็ต้องกลับบ้าน ซึ่งตอนนั้นหนูทิ้งทุกอย่างในเมืองไทยทั้งหมด ยังเรียนไม่จบ ม.6 ด้วยซ้ำ และ ที่จริงคิดไว้ว่าอยากสอบเข้าคณะนิเทศศาสตร์ แต่พอเลือกที่จะคว้าโอกาสตรงนี้ ก็ต้องพับทุกอย่างทิ้งไว้ก่อน

“การเป็นเทรนนีทำให้ต้องเรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่าง ได้เห็นการเปลี่ยนแปลง ตลอดเวลา เช่น มีเพื่อนที่เข้ามาเป็นเทรนนีพร้อมกัน แต่พอเขาไม่ได้ไปต่อ ช่วงแรกเศร้ามาก คิดถึงเพื่อน เหงา เสียใจ อ่อนแอทุกครั้งที่เพื่อนต้องไป แต่ สุดท้ายก็เรียนรู้ที่จะพาตัวเองออกมาจากความรู้สึกตรงนั้นให้เร็วที่สุด และต้อง ยอมรับว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะวันหนึ่งอาจจะเป็นเราเองก็ได้ที่ต้องเดินออกมา

“ขณะเดียวกันทักษะการร้องและเต้นก็พัฒนาขึ้นเยอะเลยค่ะ อย่างเรื่องเต้นนี่ ไม่ถนัดที่สุด ช่วงแรกจึงโดนเรียนคลาสเบสิกคนเดียวครั้งละ 2 ชั่วโมง สัปดาห์ละ 2 – 3 ครั้ง ครูให้ฝึกท่าเบสิก บางทีให้ยืนกางแขนกางขาเฉย ๆ เป็นชั่วโมงเพื่อฝึกบาลานซ์ ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องเริ่มใหม่และยืนอยู่อย่างนั้น ซึ่งช่วงแรกที่เต้นไม่ได้ หนูร้องไห้ทุกวัน บางครั้งขอครูไปเข้าห้องน้ำเพื่อวิ่งไปแอบร้องไห้แล้วกลับมาใหม่ เพราะไม่อยากอ่อนแอให้ครูเห็น

“แต่ตอนนี้สกิลดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้วค่ะ ก่อนจะเดบิวต์ ทางค่ายให้หนู ดูคลิปตัวเองตอนที่มาออดิชั่น ยังคิดเลยว่า Oh my god! ฉันทำอะไรเนี่ย นี่คือ เต้นเหรอ นึกว่ายืนขยับอะไรสักอย่าง เพราะตอนนั้นเราไม่รู้วิธีการขยับตัวเลย ด้วยซ้ำว่าต้องเคลื่อนไหวร่างกายอย่างไรให้ดูไม่แปลก ซึ่งวิธีฝึกภายหลังของหนู คือ ทุกครั้งที่เรียนจะถ่ายคลิปเก็บไว้ แล้วดูว่าต้องปรับปรุงตรงไหน การมอนิเตอร์ ตัวเองบ่อย ๆ สำคัญมาก เพราะจะได้เห็นว่าเราพัฒนาขึ้นไหม เช่นเดียวกับเรื่อง ขี้อาย เมื่อก่อนเขินกล้องมากค่ะ ไม่เป็นตัวเองเลย เหมือนกั๊กไว้ ทุกวันนี้หนูกล้า แสดงออกมากขึ้น เป็นตัวเองมากขึ้น และโชว์ออกมาได้ดีเพราะมั่นใจ อย่างเรื่อง ตื่นเวทีก็ดีขึ้น บอกตัวเองเสมอว่าต้องเต็มที่ จะมัวเขินไม่ได้นะ เพราะแฟน ๆ รอเราอยู่ ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังมีเทรนด์เพิ่มเติมอยู่เรื่อย ๆ

“สำหรับเรื่องภาษา ช่วงแรกหนูต้องเรียนภาษาเกาหลีจากภาษาอังกฤษอีกที เพราะหาครูไทยที่พูดเกาหลีไม่ได้ การแปลจากอังกฤษเป็นไทยก็ยาก แต่ข้อดีคือ ได้ฝึกสองภาษาพร้อมกัน หนูว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือต้องพยายามพูดเยอะ ๆ เพราะตอนแรกขี้อายมาก กลัวพูดผิดจึงไม่พูด จนทางค่ายต่อว่าว่า นี่ยูอยู่มานานเกือบปี แล้วนะ ทำไมพูดไม่ได้อีก จึงต้องพูดให้มากขึ้น พอดีกับที่เริ่มสนิทกับเพื่อนเกาหลี ชวนกันคุย ภาษาก็พัฒนาขึ้น

“กลายเป็นว่าตอนนี้พูดเกาหลีคล่องกว่าภาษาอังกฤษแล้ว พอพูดเกาหลี ได้คล่อง ที่ค่ายก็ให้งดพูดภาษาอังกฤษ เพื่อโฟกัสกับภาษาเกาหลี ยิ่งตอนไปเล่น ซีรี่ส์ (So Not Worth It) เราต้องพูดเก่งมาก ไหนจะเรื่องแอ๊คติ้งอีก ทุกอย่าง มีเรื่องให้ระวังเยอะไปหมด ทั้งสำเนียง การพูดออกเสียงต้องชัด แล้วก็ต้อง แอ๊คติ้งผ่านด้วย บางทีแอ๊คติ้งผ่าน แต่พูดไม่ชัด ก็ต้องเทคใหม่ ซึ่งโดนบ่อย เหมือนกัน แต่โชคดีที่ทุกคนบอกว่าหนูสำเนียงดี พูดเกาหลีได้เหมือนคนเกาหลี เพราะหนูให้ความสำคัญกับเรื่องเสียงมาก หนูหัดฟังและฝึกพูดภาษาเกาหลีตั้งแต่ ยังไม่รู้ความหมายเลย เพื่อเลียนแบบโทนเสียงของเขาให้เหมือนมากที่สุด ซึ่ง ช่วยได้เยอะค่ะ เพราะเวลาอัดเพลงต้องพูดเป๊ะระดับหนึ่งเลย

“อีกอย่างที่ดีขึ้นคือ เมื่อก่อนเวลาเข้าห้องอัดหนูตื่นเต้นมาก เพราะไม่เคย ทำให้ร้องเพลงออกมาได้ไม่ดีเท่าตอนซ้อม ตอนนี้เริ่มชิน รู้ว่าต้องออกเสียงยังไง หรือเวลาเต้นก็เริ่มรู้มุมแล้วว่าต้องยืนยังไงให้สวย พอเริ่มมีประสบการณ์ก็จะรู้ทริค เพื่อให้ตัวเองออกมาดูดีที่สุด”

มินนี่ ณิชา

ท้อแต่ไม่ถอย

แม้จะเจอกับช่วงเวลาลำบาก แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้มินนี่ผ่านและเรียนรู้เหตุการณ์ ต่าง ๆ มาได้ก็คือ การสู้ไม่ถอย

“เวลาท้อหนูจะให้กำลังใจตัวเองเสมอ อย่างช่วง ฝึกเต้นหนัก ๆ จะบอกตัวเองว่า ‘ทำให้ได้เถอะ’ แล้วพอเราฝึกไปหนัก ๆ สุดท้าย ก็ทำได้เอง แต่ถ้าถามว่าอยากกลับไปทำอีกไหม ไม่ค่ะ (หัวเราะ) อีกอย่างคือ หนูบอกตัวเองเสมอว่า โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีกันง่าย ๆ เมื่อมีเข้ามาก็ต้องคว้าไว้ก่อน หนูรู้แค่ว่าเราต้องทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง เราถอยไม่ได้ เพราะการที่เรามาถึงจุดนี้ได้ ถือว่าประสบความสำเร็จระดับหนึ่งแล้ว มีหลายคน ที่อยากมายืนจุดเดียวกับหนู เรามาได้ครึ่งทางของความฝันแล้ว ต้องทำให้ดีที่สุด ในทุก ๆ วัน สุดท้ายไม่ว่าผลจะเป็นยังไง จะได้ไม่ผิดหวัง นอกจากนี้ก็จะคุยกับ เมมเบอร์ในวงซึ่งเป็นเทรนนีด้วยกัน เพราะเจอสถานการณ์แบบเดียวกันจึงเข้าใจกัน หรือบางทีก็โทร.ไปเล่าให้คุณพ่อคุณแม่ฟังบ้าง แต่ไม่ได้เล่าหมดทุกอย่าง เพราะ กลัวท่านกังวล”

Music and Lyrics

นอกจากจะเก่งด้านร้องและเต้นแล้ว มินนี่ยังเอาดีด้านงานเบื้องหลังอย่าง การแต่งเพลงที่ออกมาจากอินเนอร์และเรื่องราวของเธอเองด้วย

“หนูชอบฟังเพลง อินง่ายมาก ขณะเดียวกันหนูไม่เขียนไดอะรี่ แต่ใช้เพลงเป็นไดอะรี่ของตัวเอง สมมติว่าชอบเพลงหนึ่งมาก ก็ฟังซ้ำ ๆ จนกว่าจะเบื่อ ถ้าย้อนกลับมาฟังอีกครั้ง จะรู้เลยว่าตอนนั้นคิดอะไร เป็นยังไง เหมือนเป็นไดอะรี่ในหัวที่เรารู้เองคนเดียว จึงรู้สึกอยากทำเพลงที่เป็นไดอะรี่ของเรา ถ่ายทอดชีวิตประจำวันผ่านเนื้อเพลง ให้แฟนคลับได้อ่านไดอะรี่ผ่านรูปแบบของเพลง ให้เขารู้จักเรามากขึ้น เพราะ บางครั้งเราแสดงผ่านคำพูดได้ไม่หมด แต่เสียงเพลงทำให้คนสัมผัสได้

“เวลาเขียนเพลง หนูไม่มีเวลาเฉพาะ อยากเขียนตอนไหนก็ลงมือเลยค่ะ จึงใช้วิธีว่าวันไหนนึกอะไรได้ก็พิมพ์ไว้ในมือถือหรืออัดเสียงไว้ แล้วเปิดอ่าน เปิดฟัง ทีหลัง อันไหนใช้ได้ค่อยดึงออกมา

“ช่วงแรกของการแต่งเพลง หนูเขียนเป็นภาษาอังกฤษแล้วค่อยปรับเป็น ภาษาเกาหลี เพราะถ้าให้เขียนเป็นภาษาเกาหลีเลยจะยาก เพราะไม่ใช่ภาษาตัวเอง ช่วงแรกจึงมีเนื้อเพลงเป็นภาษาอังกฤษเยอะ เคยลองเขียนเป็นภาษาไทยแล้วนะคะ แต่พอแปลเป็นภาษาเกาหลี รูปภาษาไม่ค่อยสวย คำไม่ตรงกัน ช่วงหลังพอคล่อง

ภาษาเกาหลีมากขึ้น ก็คิดเป็นภาษาเกาหลีและเขียนออกมาเลย ถ้อยคำดูเป็นธรรมชาติ กว่าการแปล ทุกวันนี้เวลาจะเขียนเพลง อยากร้องภาษาไหนจะคิดเป็นภาษานั้นเลย

“หนูชอบร้องเพลงที่หนูแต่ง เพราะเวลาเขียนเพลงจะรู้ว่าต้องเลือกใช้คำไหน แล้วร้องออกมาเสียงจะเพราะ เนื่องจากมีสำเนียงบางจุดที่หนูออกเสียงแล้วจะรู้เลย ว่าเป็นหนู เพลงจะยูนีค คนฟังแล้วจำได้ทันทีว่าคือมินนี่

“เพลงที่เป็นตัวเองมากที่สุดคือ Moon อยู่ในอัลบั้มล่าสุด ‘I Burn’ ค่ะ เพลงนี้หนูแต่งเร็วที่สุด คือวันเดียวจบ โดยที่ไม่ต้องพยายามเลย เป็นเพลงที่มี ความเป็นเรา หนูเริ่มจากแต่งไว้เป็นทำนอง จากนั้นเอาไปให้โซยอน ซึ่งเป็นหัวหน้าวง ฟัง เขาชอบมาก อยากลองเขียนเนื้อจากเพลงนี้ เขาก็ถามว่าหนูนึกถึงเรื่องอะไร ก็เล่าไปว่านึกถึงสีดำและพระจันทร์ เขาก็เอาไปเขียนต่อ เป็นเพลงที่เล่าถึงวัน พระจันทร์เต็มดวงที่สว่างมากจนเราอยากหลบตัวเองออกจากทุกอย่าง ไม่อย่างนั้น จะเศร้าเกินไป เพราะรู้สึกว่าพระจันทร์สว่างเกินไป อยากปิดแสงไฟจังเลย เมโลดี้ และการออกเสียงเป็นสไตล์เรามาก ๆ ตอนที่ปล่อยเพลงไป มีฟีดแบ็กจาก แฟนคลับว่าเขายังไม่ได้ดูว่าใครเป็นคนแต่งนะ แต่เขาเดาได้ว่าถ้าทำนองสไตล์นี้ ต้องมินนี่แต่งแน่เลย

“เพลงนี้ฟังแล้วช่วยเยียวยาตัวหนูเองด้วยนะ เพราะช่วงที่ทำเพลงนี้เราไม่ค่อย มั่นใจกับผลงานการเขียนเพลงเท่าไหร่ แต่พอทำเสร็จแล้ว ทำให้เรามั่นใจมากขึ้น เหมือนว่ามาถูกทางแล้ว ไม่ได้คิดว่าเพลงจะติดหูใครไหม แค่พอใจกับผลงานที่ออกมา และได้ใส่ความเป็นตัวเองเข้าไป แต่เวลาฟังเพลงตัวเองยอมรับว่าเขินนะ ยิ่งตอนที่ เมมเบอร์ทุกคนต้องนั่งฟังเพลงด้วยกัน แล้วเห็นเขาร้องเพลงและชอบผลงานของเรา มาก ก็ทั้งเขินทั้งภูมิใจว่านี่เป็นผลงานของเรา ดีใจมากค่ะ” (ยิ้มกว้าง)

มินนี่ ณิชา

So Not Worth It ซีรี่ส์เรื่องแรกในชีวิตทาง Netflix

เมื่อเล่นซีรี่ส์เรื่องแรกในชีวิต เรื่องแอ๊คติ้ง ดึงอินเนอร์ก็ต้องจัดเต็ม

“เรื่องนี้ เป็นซีรี่ส์ซิตคอมเกี่ยวกับนักศึกษาต่างชาติที่มาอยู่รวมกันที่มหาวิทยาลัยนานาชาติ เกาหลี ทุกคนอยู่หอพักเดียวกัน พอเลิกเรียนก็จะมาคุยกัน เล่นกัน จึงมีเรื่องราว ต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย เพราะแต่ละคนมาจากหลากหลายวัฒนธรรม ทำให้เห็นว่า แม้จะมีความแตกต่าง แต่สามารถอยู่ด้วยกันได้ โดยมีเรื่องสนุก ๆ ตลก ๆ ที่เรา ไม่รู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมของคนอื่นใส่อยู่ในนี้ด้วย

“ตอนที่ตัดสินใจรับเล่นเรื่องนี้ หนูยังไม่เคยเรียนแอ๊คติ้งมาก่อน พอได้รับ โอกาสจาก Netflix เกาหลี และทางค่ายให้ไปลองออดิชั่น เนื่องจากบทใกล้เคียง กับตัวเองมาก เป็นนักศึกษาจากประเทศไทย ชอบเคป็อป ซึ่งก็คือใช่เลย คือเขา พัฒนาคาแร็คเตอร์จากมินนี่ตัวจริงไปเป็นมินนี่ในเรื่องอีกที กลายเป็นคาแร็คเตอร์ พลังล้นหลาม สดใสมาก ๆ

“มินนี่ที่เป็นตัวละครจะมั่นใจ ไม่ขี้อาย เป็นเด็กเว่อร์ ๆ หน่อย ชอบพูด เสียงสูงตลอดเวลา คิดอะไรพูดอย่างนั้น และมั่นใจว่าฉันสวย ซึ่งตัวจริงคือหนู ค่อนข้างขี้อาย และเวลาอยู่ในกองถ่ายจะเขินกล้อง ก็ต้องทำลายกำแพงความขี้อาย ทิ้งไป และต้องเพิ่มพลังให้ตัวเองเยอะเลยค่ะ ซึ่งการเล่นเป็นอีกคนก็สนุกดี เพราะ คาแร็คเตอร์ในซีรี่ส์ชอบพูดคำสบถ แต่หนูไม่เคยพูดคำสบถเป็นภาษาเกาหลีต่อหน้า กล้องมาก่อนเลยค่ะ มีฉากหนึ่งที่หนูต้องสบถใหญ่มาก แม้จะรู้สึกขัด ๆ แต่พอ ได้ลองเล่นสุดดูก็เป็นความรู้สึกที่แบบ เฮ้ย โล่ง (หัวเราะ) ไม่รู้สึกผิดด้วย เพราะ แสดงอยู่ ถ้าเขาขอมา เราก็จัดไป แล้วความที่เราเป็นต่างชาติ ต้องสบถเป็นภาษา เกาหลี ทีมงานขำกันใหญ่ เขามองว่าเป็นเรื่องตลก

“อีกเรื่องคือการเข้าถึงคาแร็คเตอร์ ช่วงแรกหนูยังติดความเป็นตัวเองไปอยู่ ในกล้อง ผู้กำกับบอกว่าไม่ได้นะ ยูต้องเป็นมินนี่ในเรื่อง ต้องใส่จิตวิญญาณ ใส่อินเนอร์เข้าไปเยอะ ๆ แม้เราจะไม่ใช่คนเล่นใหญ่ ก็ต้องเล่นให้ใหญ่ ซึ่งค่อนข้าง ยาก มีบางซีนที่หนูต้องเล่นคนเดียว แล้วต้องเอาซีนนั้นให้อยู่ ก็ต้องฝึกหนักหน่อย ผ่านการเรียนแอ๊คติ้งกับครู พออ่านเจอบทที่ไม่เข้าใจ เช่น สำนวน เกาหลี ก็ต้องให้ครูบรี๊ฟว่าคืออะไร ต้องแอ๊คติ้งยังไง ช่วงแรกยัง มีเวลาซ้อมกับครู แต่ช่วงหลังหนูไม่มีเวลา ก็ต้องเตรียมเองคนเดียว แต่ก็พอทำได้แล้ว เพราะพอจะรู้จักคาแร็คเตอร์มาบ้างแล้ว

“โชคดีของการได้เล่นซีรี่ส์เรื่องนี้คือ หนูได้ลองทุกอย่าง ตั้งแต่ได้ลองใช้กุญแจมือที่จับคนร้าย อาเจียนในห้องน้ำ หรือ ต้องถ่ายซีนที่ไม่ห่วงสวย บ้า ๆ บอ ๆ แบบจัดเต็ม ก็เป็นเรื่อง ยากนิดนึง ไม่รู้ว่าแฟนคลับจะมองยังไง แต่ ณ จุดนั้นมันเป็น การแสดง เรื่องสนุกคือทำให้เห็นตัวเองอีกมุมที่เราและแฟนคลับ ไม่เคยเห็น ซึ่งทุกคนจะได้เห็นความสนุก ความฮา ความ บ้า ๆ บอ ๆ ดูได้ทุกเพศทุกวัย ดูไปแล้วจะยิ้มตามแน่นอนค่ะ

“ขณะเดียวกันซีรี่ส์เรื่องนี้ก็เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ ของหนูเหมือนกัน คือกล้าแสดงออกมาขึ้น จากเดิมที่พอพูดไป เรื่อย ๆ แล้วเสียงจะค่อยเบาลง ๆ ตั้งแต่มาเล่นเรื่องนี้ หนูพูดชัด และรู้เรื่องขึ้นเยอะ อีกอย่างคือการที่จะเป็นมินนี่ในเรื่องนี้ได้ ต้องมีความมั่นใจ ทั้งที่ชีวิตจริงเราไม่มีวันเป็นได้ขนาดนั้น แต่ ในเรื่องต้องทิ้งความขี้อายทุกอย่าง ช่วยทำให้มั่นใจมากขึ้นด้วยค่ะ”

มินนี่ ณิชา

โลกส่วนตัวและตัวตนของมินนี่

แม้ภายนอกเธอจะดูเข้าถึงง่ายมาก ๆ แต่กว่าจะสนิทกับ ใคร เธอบอกว่าต้องใช้เวลา

“เวลาอยู่กับเพื่อนหนูค่อนข้างเฟรนด์ลี่ ดูเข้าถึงง่าย แต่ถ้าเพื่อนสนิทจริง ๆ จะรู้ว่ากว่าจะสนิทต้องใช้เวลา คือหนูจะมีสองพาร์ต แบบที่อยู่กับตัวเองและแบบที่อยู่กับเพื่อน เวลาอยู่กับคนอื่น จะลั้นลา สนุกเต็มที่ แต่ถ้าอยู่กับตัวเอง โลกส่วนตัวก็จะสูงเหมือนกัน ชอบช็อปปิ้ง คนเดียว เพราะลองแล้วลองอีกและคิดเยอะ ถ้าไปกับคนอื่นกลัวเขาจะเสียเวลา เพราะฉะนั้นอยู่กับตัวเองดีที่สุด

“แต่ถ้าบทจะไปกับเพื่อนก็ไปได้เต็มที่ อย่างเพื่อนที่ไทยไม่ได้เจอกันมานาน ประมาณปีกว่า กลับมาทุกครั้งก็จะเมาท์กันไฟแลบ พอช่วงกักตัวก็แอบเบื่อ โทรศัพท์คุยกับเพื่อนทั้งวันจนสายแทบไหม้เลย

“ส่วนงานอดิเรก นอกจากเล่นเปียโนและเขียนเพลงแล้ว ล่าสุดเพิ่งเปิด อินสตาแกรมส่วนตัว (@min.nicha) สนุกกับการทำคอนเทนต์ เช่น ถ่ายรูป ชอบถ่ายรูปด้วยกล้องฟิล์มอัพเดตให้แฟน ๆ ดู ที่เพิ่งมาเปิดช่วงนี้ก็เพราะช่วงที่ เดบิวต์ใหม่ ๆ อยากโฟกัสกับการโปรโมตงานของวงก่อน พอเดบิวต์ครบ 3 ปี บวกกับช่วงนี้สมาชิกในวงแยกกันไปทำงานตามประเทศต่าง ๆ ก็คิดว่าถึงเวลาที่จะมี พื้นที่ส่วนตัวในการอัพเดตผลงานของเราแล้วค่ะ”

World Tour ในฝัน

ฝันของมินนี่คือการเป็นนักร้องระดับโลก เป้าหมายนี้คงไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว

“เป้าหมายในชีวิตตอนนี้คือเรื่องเพลง หนูสนุกกับการทำงานกับวงมาก แต่ก็คิดว่า เรายังไปได้ไกลกว่านี้ ความฝันของหนูกับเมมเบอร์ในวงคืออยากไปเวิลด์ทัวร์ ตอนแรกมีแพลนแล้วนะคะ แต่ปรากฏว่าติดโควิดจึงไม่ได้ไป ตอนนี้ทุกคน ก็รอคอยว่าสักวันฉันจะต้องได้ไปเวิลด์ทัวร์ อยากขึ้นคอนเสิร์ต อยากไปเจอ แฟน ๆ ทั่วโลก อีกอย่างที่อยากลองคือ อยากโปรดิวซ์เพลง เขียนเพลงให้ หลากหลาย อยากทำเพลงให้ดีขึ้นเพื่อแฟน ๆ เพราะเราโตมากับเสียงเพลง และ การทำงานตรงนี้สนุกมาก เหมือนไม่ได้ทำงาน ทุกอย่างมาจากใจ อยากอยู่กับเสียงเพลงไปนาน ๆ ค่ะ”


ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 972

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เปิดใจเอ็กซ์คลูซีฟ! ก้าวอีกขั้นของ “กลัฟ คณาวุฒิ” พระเอกลูกรักคนใหม่ของช่อง 3

กว่าจะเป็น #ลูกสาวแห่งชาติ “แอลลี่ อชิรญา” เคยกดดัน ไม่มั่นใจ ท้อจนเกือบถอย

สาวสายลุยที่แท้ทรู “พลอยไพลิน ตั้งประภาพร” เที่ยว 8 ประเทศ 37 วัน คนเดียว!

Anchilee Scott-Kemmis นางแบบพลัสไซส์ ผู้ท้าชิงมงกุฎ MUT 2021

สวย มั่นใจ “แอนชิลี สก๊อต-เคมมิส” นางแบบพลัสไซส์ ผู้ร่วมท้าชิงมงกุฎ MUT 2021

Alternative Textaccount_circle
Anchilee Scott-Kemmis นางแบบพลัสไซส์ ผู้ท้าชิงมงกุฎ MUT 2021
Anchilee Scott-Kemmis นางแบบพลัสไซส์ ผู้ท้าชิงมงกุฎ MUT 2021

สวย มั่นใจ “แอนชิลี สก๊อต-เคมมิส” นางแบบพลัสไซส์ ผู้ร่วมท้าชิงมงกุฎ MUT 2021

วงการนางงามกลับมาเริ่มคึกคักอีกครั้ง หลังจากที่กองประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ประกาศรับสมัครสาวงามเข้าร่วมประกวดอย่างเป็นทางการ เพื่อเฟ้นหาสาวงามที่จะเป็นตัวแทนประเทศไทยไปร่วมชิงมงกุฎ มิสยูนิเวิร์ส 2021 ในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งมีหนึ่งในผู้สมัครที่น่าสนใจในปีนี้ที่โดดเด่นในเรื่องรูปร่าง จนอยากพาทุกคนไปรู้จัก

นางแบบพลัสไซส์ 11

สวย มั่นใจ “แอนชิลี สก๊อต-เคมมิส” นางแบบพลัสไซส์ ผู้ร่วมท้าชิงมงกุฎ MUT 2021

เธอก็คือ แอนชิลี สาวชื่อแปลกที่มีชื่อเต็มว่า แอนชิลี สก๊อต-เคมมิส (Anchilee Scott-Kemmis) ลูกครึ่งไทย-ออสเตรเลีย ส่วนสูง 183 เซนติเมตร ซึ่งเธอมีความภูมิใจและมีความสุขในรูปร่างของตัวเองมาก

ด้านระดับการศึกษา เธอจบปริญญาตรี รัฐศาสตร์สาขาสังคมวิทยา จากซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย และในระหว่างศึกษาช่วงมัธยมปลายจากโรงเรียนนานาชาติ NIST เธอยังเป็นนักกีฬาวอลเลย์บอล ในฐานะกัปตันทีมอีกด้วย

นางแบบพลัสไซส์ 10

ปัจจุบัน เธอมีอาชีพเป็นนางแบบ Curve Model หรือบางคนอาจเรียกว่า นางแบบพลัสไซส์ นั่นเอง และเธอคือหนึ่งในผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่ตัดสินใจเข้าร่วมการประกวด Miss Universe Thailand 2021 กับคอนเซ็ปท์ความงามนิยามใหม่ที่เธอใช้คำว่า Real Size Beauty ซึ่งในวงการนางงาม รูปร่างอาจจะเป็นสิ่งที่คนให้ความสำคัญ นิยามรูปร่างเพอร์เฟ็คของคนไทยอาจจะหมายถึงผอมเพรียว แต่สำหรับแอนชิลี คือความสมส่วน สุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี

นางแบบพลัสไซส์ 5

จริงๆ หากพิจารณาดูเธอก็เป็นคนรูปร่างสมส่วน แต่ด้วยความที่เป็นคนตัวสูงใหญ่ ก็เลยทำให้ความงามของเธออาจจะไม่ตรงนิยามคนไทยที่ต้องผอมเพรียวเท่าไหร่นัก แต่ด้วยความมั่นใจ บวกกับความเป็นตัวของตัวเอง และไลฟ์สไตล์ที่น่าสนใจ ซึ่งตัวเธอก็ขอเป็นหนึ่งเสียงที่สนับสนุนให้สาวๆ รักตัวเองในแบบที่เป็น และมั่นใจในความงามของตัวเองในแบบที่เป็นเรา ทำให้เธอเป็นอีกหนึ่งสาวงามที่น่าจับตามองไม่น้อย

นางแบบพลัสไซส์ 1 นางแบบพลัสไซส์ 2 นางแบบพลัสไซส์ 3 นางแบบพลัสไซส์ 4 นางแบบพลัสไซส์ 6 นางแบบพลัสไซส์ 7 นางแบบพลัสไซส์ 8 นางแบบพลัสไซส์ 9 นางแบบพลัสไซส์ 12


ภาพ : annscottkemmis
ข้อมูล : t-pageant.com

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เปิดวาร์ป Varo Vargas หนุ่มหล่อจากประเทศเปรูคว้า Mister Supranational 2021

ฝ้าเป็นง่าย..หายยาก! แชร์วิธีป้องกันหน้าเป็น ฝ้า แบบนักแสดงสาว Anne Hathaway

วิธีป้องกัน ผิวแตกลาย ให้สวยเนียนแบบ Behati Prinsloo อดีตนางฟ้าวิกตอเรียส์ซีเคร็ต

 

 

ไฟลุกแล้วแม่! เจนนี่ BLACKPINK ถ่ายแบบ Calvin Klein เซ็กซี่เกินต้าน

พลังทำลายล้างสูงมาก เมื่อ เจนนี่ BLACKPINK ถ่ายแบบ Calvin Klein อีกครั้งกับแคมเปญ Fall 2021 ที่เผยให้เห็นมุมเซ็กซี่จนแฟนๆ พากันหวีดหนักมากกก

ก่อนหน้านี้ก็สร้างกระแสฮือฮาไปแล้วกับลุคบราสีขาวและกางเกงยีนส์จาก Calvin Klein สำหรับไอดอลสุดฮ็อตระดับโลก เจนนี่ BLACKPINK ที่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในแคมเปญของคอลเล็คชั่นพิเศษที่ทำร่วมกับดีไซเนอร์ดัง Heron Preston ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เธอได้ร่วมงานกับ Calvin Klein อย่างเป็นทางการและมีการขึ้นโฆษณาทั่วโลก

ล่าสุดทางแบรนด์ได้ปล่อยภาพของเจนนี่บนเว็บไซต์กับการโปรโมทแคมเปญใหม่ Fall 2021 ร่วมกับเหล่าคนดัง หนึ่งในนั้นคือ ไคอา เกอร์เบอร์ (KAIA GERBER) นางแบบชื่อดัง ลูกสาวซูเปอร์โมเดลระดับท็อป ซินดี้ ครอว์ฟอร์ด และนี่เป็นการตอกย้ำความสำเร็จของเจนนี่และ BLACKPINK ได้เป็นอย่างดี พวกเธอไม่ใช่แค่ไอดอลเกาหลี แต่คือไอดอลระดับโลก

โดยภาพแฟชั่นเซ็ตที่ถูกปล่อยออกมาล่าสุด ทำเอาแฟนๆ ฮือฮากันยิ่งกว่าเดิม เพราะรอบนี้เจนนี่มาในชุดชั้นในสีเทา สีดำ และสีขาว พร้อมสวมแจ็คเก็ต แสดงให้เห็นถึงความเซ็กซี่จนแทบหยุดหายใจ และเห็นได้ชัดว่าเจนนี่ดูแลรูปร่างของเธอดีมากแค่ไหน

ไฟลุกแล้วแม่! เจนนี่ BLACKPINK ถ่ายแบบ Calvin Klein เซ็กซี่เกินต้าน

เจนนี่ BLACKPINK ถ่ายแบบ Calvin Klein-1 เจนนี่ BLACKPINK ถ่ายแบบ Calvin Klein เจนนี่ BLACKPINK ถ่ายแบบ Calvin Klein-2 เจนนี่ BLACKPINK ถ่ายแบบ Calvin Klein-3 เจนนี่ BLACKPINK ถ่ายแบบ Calvin Klein-4


ภาพ : www.calvinklein.us

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

คริสตัลซีทรู ตลบพรมแดง ‘ดาโกต้า จอห์นสัน’ สวยแซ่บในเทศกาลภาพยนตร์เวนิส

นางแบบหุ่นปัง Barbara Palvin สวยเซ็กซี่ ผมเปียยาว บนพรมแดงเทศกาลหนังเวนิส

จากแม่สามีสู่ลูกสะใภ้ ‘ควีนเลตีเซีย’ รีไซเคิลชุดที่ตกทอดมา 40 ปี

 

บิวกิ้น-พุฒิพงศ์

เล่นละครก็ดีร้องเพลงก็เลิศ บิวกิ้น-พุฒิพงศ์ ปล่อยซิงเกิลเดี่ยวครั้งแรก I ไม่ O (IXO)

Alternative Textaccount_circle
บิวกิ้น-พุฒิพงศ์
บิวกิ้น-พุฒิพงศ์

หนุ่มมากความสามารถ บิวกิ้น-พุฒิพงศ์ ไม่ว่าจะลงมือทำอะไร งานแสดงหรืองานร้องเพลงก็เอาอยู่ทุกบทบาท ล่าสุด  ปล่อยซิงเกิลเดี่ยวครั้งแรก “I ไม่ O (IXO)” ได้กระแสตอบรับอย่างล้นหลามจากแฟนๆ

เปิดตัวซิงเกิลใหม่ด้วยความสดใสสุด ๆ สำหรับศิลปิน Billkin (บิวกิ้น  พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล) จากค่ายนาดาว มิวสิค  กับเพลง  “I ไม่ O (IXO) ”  แนวดนตรี Soul ที่มีกลิ่นอายดนตรี City POP จากฝั่งญี่ปุ่น ในจังหวะ Medium ชวนโยก ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นการกลับมาร้องเพลงเดี่ยวของตัวเองครั้งแรกของ Billkin   หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ร่วมร้องเพลงประกอบซีรี่ส์มาพักใหญ่

โดยเพลง “I ไม่ O” โป (โป โปษยะนุกูล) และ ย้ง (ทรงยศ สุขมากอนันต์) มาเป็น Executive Producer พร้อมด้วย เบล- สุพล พัวศิริรักษ์     Producer  โดยมี ปิง  จิระวัฒน์ ตันตรานนท์ รับหน้าที่เขียนเนื้อร้อง, บี ETC. (โสตถินันท์ ไชยลังการณ์)  แต่งทำนอง   และ บี และ เมฆ MACHINA ร่วมเรียบเรียงดนตรี   ถือเป็นการรวมทีมครั้งใหญ่ เพื่อร่วมใส่สีสันทางดนตรีอย่างเต็มที่   โดยเพลงนี้อัดเครื่องดนตรีสดหมดทุกชิ้น รวมทั้งได้ส่งเพลงไปMix & Mastering ที่ประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย         ซึ่งเพลงนี้ Billkin  มีส่วนร่วมทั้งหมดในทุก ๆขั้นตอน ตั้งแต่การคิดคอนเซ็ปต์  ไดเรกชั่นดนตรี รวมถึงร่วมคอรัสกับ AP1WAT (หนึ่ง  อภิวัฒน์ พงษ์วาท)  กำกับมิวสิกวิดีโอโดย หลิน รินรดา และ ตั้ง ตะวันวาด

เล่นละครก็ดีร้องเพลงก็เลิศ บิวกิ้น-พุฒิพงศ์ ปล่อยซิงเกิลเดี่ยวครั้งแรก I ไม่ O (IXO)

บิวกิ้น-พุฒิพงศ์

Billkin (บิวกิ้น  พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล) กล่าวว่า “สำหรับเพลง I ไม่ O เป็นเพลงที่มีจังหวะสนุก ๆ    ฟังแล้วสามารถโยกตามกันได้ครับ     ถือเป็นครั้งแรกที่ผมได้มาทำเพลงแนว Soul   ที่มีกลิ่นของความเป็น City POP อยู่ด้วยครับ       ซึ่งคอนเซ็ปต์ของเพลงนี้   เล่าถึงการแอบชอบใครสักคน และรู้สึกไม่โอเคทุกครั้ง เวลามีใครเข้ามาชอบ และสนใจเธอ  เป็นความหวงแบบน่ารัก ๆ    อารมณ์แบบอยากจะกันท่า คนที่เราชอบเอาไว้คนเดียว   เพราะไม่ชอบที่เห็นเธอไปอยู่ใกล้ ๆ ใคร  กลัวว่าจะมีใครมาแย่งไป  ถึงแม้ว่าสถานะของเราจะไม่ได้เป็นอะไรกันก็ตาม  โดยเอ็มวีเพลงนี้ไอเดียคือ การตกหลุมรักใครคนหนึ่ง จากการที่เห็นเค้าผ่านทางหน้าจอทีวี ด้วยพลังจินตนาการของตัวเอง   ก็เลยแปลงร่างเป็นพระเอกหนัง ใน ห้าคาแรกเตอร์   เพื่อออกเดินทางไปตามหานางในฝันตามสถานที่ต่าง ๆ   ซึ่งการทำงานเอ็มวีนี้บรรยากาศสนุกสนานมากเลยครับ    ฝากทุกคนติดตามชม เอ็มวี เพลง I ไม่ O (IXO) ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปทางYouTube Channel : Nadao Music    และติดตามฟังเพลงนี้ได้ทางคลื่นวิทยุต่าง ๆ และStreaming  ทุกช่องทาง  ฝากช่วยเชียร์และเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ”

บิวกิ้น-พุฒิพงศ์ 01

บิวกิ้น-พุฒิพงศ์ 02


กระเป๋า Furla 1927

ราคาเอื้อมถึง! อัพเดตกระเป๋าพร้อมกลับเข้าออฟฟิศ สร้างสไตล์ด้วย Furla 1927

กระเป๋า Furla 1927
กระเป๋า Furla 1927

หลังจาก Work From Home มาอย่างยาวนาน หลายคนคงได้กลับมาทำงานกันบ้างแล้ว และเพราะห่างหายจากลุคสาวออฟฟิศไปนาน Furla เลยขอพาสาวๆมาอัพเดตกระเป๋ารุ่นไอคอนิกอย่าง Furla 1927 ไอเท็มสุดปังที่ช่วยอัพลุคแฟชั่นสาวออฟฟิศแบบเก๋ๆ และยังตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของสาวๆ ในยุค New Normal นี้ได้เป็นอย่างดี พร้อมให้สาวๆ กลับมาทำงานแบบไม่เอ้าท์!

เป็นที่รู้กันดีว่าแบรนด์ Furla ขึ้นชื่อในเรื่องของกระเป๋าหนังที่ผลิตจากหนังวัวคุณภาพดี โดยผ่านกระบวนการผลิตและงานฝีมือสุดประณีต บวกกับความเป็นเอกลักษณ์ที่ชัดเจนในราคาที่สาวออฟฟิศเอื้อมถึง ตัวกระเป๋ารุ่น 1927 จึงมาพร้อมความโดดเด่นในด้านงานดีไซน์ที่เรียบหรูแต่ยังคงความคลาสสิกด้วยวัสดุหนังแท้ ตกแต่งด้วยโลโก้ Furla บริเวณด้านหน้า นอกจากนี้ยังมาพร้อมสายสะพายกระเป๋าที่สามารถปรับระดับได้ ให้สาวๆ ใช้งานได้หลากหลายโอกาส

Furla 1927
MINI CROSSBODY NERO ลายหนังจระเข้ ราคา 17,500 บาท
Furla 1927-1
MINI CROSSBODY MIELE ราคา 15,900 บาท

กระเป๋ารุ่น 1927 มีขนาดพอเหมาะและมาพร้อมช่องใส่ของทั้งด้านในและด้านหลังกระเป๋า ซึ่งสามารถจุของใช้ที่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นเจลล้างมือ ทิชชู่เปียก หรือแม้กระทั่งหน้ากากอนามัย ให้สาวๆ มั่นใจว่าการ์ดไม่ตกอย่างแน่นอน เรียกได้ว่าเป็นกระเป๋า Must Have ที่ตอบโจทย์การใช้งานของเหล่าเซเลบริตี้และสาวทำงานยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี

CROSSBODY CILIEGIA D ราคา 16,500 บาท
Furla 1927-2
MINI CROSSBODY BLU DENIM ราคา 13,500 บาท
MINI CROSSBODY PERGAMENA ราคา 13,500 บาท

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

จากแม่สามีสู่ลูกสะใภ้ ‘ควีนเลตีเซีย’ รีไซเคิลชุดที่ตกทอดมา 40 ปี

ราคาไม่แรง! กระเป๋า Givenchy ‘4G Light Bucket’ ดีไซน์จากไนลอน ใช้ได้ทุกวัน

นางแบบหุ่นปัง Barbara Palvin สวยเซ็กซี่ ผมเปียยาว บนพรมแดงเทศกาลหนังเวนิส

 

YOUHA

น้องใหม่ที่ไม่ใหม่! ยูฮา ( YOUHA ) จากอดีตนักแต่งเพลงสู่ศิลปินที่น่าจับตามอง

Alternative Textaccount_circle
YOUHA
YOUHA

วงการเพลง K-POP ในช่วงซัมเมอร์ยังคงคึกคักเฉกเช่นทุกปี เพราะมีศิลปินทั้งหน้าใหม่และหน้าเก่า ถือโอกาสในช่วงนี้กลับมาออกผลงานกันมากมาย แต่หนึ่งในศิลปินที่น่าจับตามองไม่แพ้ใครก็คือ นักร้องน้องใหม่แกะกล่องของค่าย Universal Music Korea ยูฮา ( YOUHA )  ศิลปินเดี่ยวน้องใหม่วัย 22 ปี ที่เต็มไปด้วยความสามารถทั้งด้านการร้อง การเต้น การแสดง รวมไปถึงความสามารถในการแต่งเพลง เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งคนบันเทิงคุณภาพของวงการจริงๆ เช่นนั้นวันนี้ แพรว จะพาทุกคนไปรู้จักเธอคนนี้ให้มากขึ้นกันค่ะ

น้องใหม่ที่ไม่ใหม่! ยูฮา ( YOUHA ) จากอดีตนักแต่งเพลงสู่ศิลปินที่น่าจับตามอง

ยูฮา ( YOUHA )

ยูฮา มีชื่อจริงว่า อิมยูฮา อายุ 22 ปี เคยเป็นศิลปินฝึกหัดในค่าย “YG Entertainment” ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ของเกาหลีนานถึง 10 ปี ก่อนที่จะมาเซ็นสัญญากับค่าย Universal Music Korea เรียกได้ว่าเธอสั่งสมประสบการณ์ในด้านการร้อง เต้นได้อย่างครบเครื่อง

ไม่เพียงความสามารถทั้งด้านการร้อง การเต้น การแสดง เท่านั้น แต่เธอยังเป็นนักแต่งเพลง PTT (Paint The Town) ของวง  LOONA รวมถึงยังเป็นโปรดิวซ์ร่วมกับโปรดิวเซอร์ชื่อดังของวงการ Ryan Jhun อีกด้วย

สัมภาษณ์ศิลปินสาวหน้าใหม่ ยูฮา

ยูฮา

จากที่อ่านประวัติ กว่าที่ YOUHA จะได้เดบิวต์เป็นนักร้องมันยากมากๆ และใช้เวลาปีสิบปี อยากรู้ว่าอะไรคือแรงผลักดันที่ทำให้ไม่เคยท้อกับเส้นทางการเป็นนักร้องเลย

“ฉันคิดเสมอว่าอยากจะเป็นคนเท่ๆ ที่สามารถเป็นต้นแบบหรือแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นได้ค่ะ ความคิดนี้แหละ ที่คอยผลักดันฉันมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา จนได้เป็นศิลปินในทุกวันนี้ ฉันจะพยายามให้ดีที่สุดนะคะ” (หัวเราะ)

ซิงเกิล Cherry On Top เป็นผลงานที่เธอทั้งร้องและแต่งเอง อยากให้เธอช่วยเล่าให้ชาวไทยอธิบายถึงความหมายและเบื้องหลังในเพลงนี้

“เพลงนี้ไม่ได้เป็นแค่เรื่องราวเกี่ยวกับความรักเท่านั้นนะคะ แต่ยังพูดถึงสาวช่างเลือก ในแง่ที่น่ารักๆ ค่ะ จังหวะของเพลงก็สามารถฟังได้ง่ายๆ สบายหูมากๆ บีทก็จะประมาณ บีดัม บีดัม บีดัม บีดัม แบบนี้ค่ะ”

สิ่งที่น่าแปลกใจคือปกติแล้วศิลปินจะปล่อยเพลงพร้อมกับ MV แต่ทำไมคุณถึงปล่อยเพียงแค่การแสดงสดออกมาเท่านั้น

“ฉันอยากให้แฟนคลับของฉันรู้สึกใกล้ชิดกับฉันมากๆ นะคะ พวกเราเลยตัดสินใจทำเพลง “Cherry on Top” ให้เข้าถึงได้ง่ายและตรงไปตรงมาที่สุด ก็เลยมีออกมาแค่เวอร์ชันนี้ค่ะ”

สุดท้ายอยากให้พรีเซนตัวเองเพื่อฝากตัวกับแฟนๆชาวไทย

“ฉันคิดว่ามีอะไรที่น่าสนใจเยอะเลย ทั้งในเรื่องของตัวตนของฉันและเรื่องคอนเซ็ปท์เพลงด้วยค่ะ หวังว่าทุกคนจะชอบอัลบัมใหม่ของฉันที่ใช้ชื่อว่า “Sweet Tea”  ยังไงก็ลองหาฟังกันได้นะคะ หวังมากๆ ว่าทุกคนจะชอบกันยังไงฝากติดตามยูฮาด้วยนะคะ  ขอบคุณมากค่ะ”


สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

PRAEW Only! เปิดใจ “ซงจุงกิ” พระเอกเกาหลีสุดฮ็อตกับการคัมแบ็กสุดปังในปีนี้

ว่าด้วยเรื่องความรักและสาวในฝันของ อีเจฮุน โชว์เฟอร์สุดหล่อจาก Taxi Driver

คุยเอ็กซ์คลูซีฟ “พัคยูชอน” ความรักเมืองไทย + ความสนิทกับ “บอย พีซเมกเกอร์”

keyboard_arrow_up