25 ปีแห่งการปกป้องเขตอนุรักษ์ทางทะเลกาลาปากอส ภายใต้แนวคิดริเริ่ม Perpetual Planet ซึ่ง Rolex ได้สนับสนุนโครงการ Mission Blue องค์กรไม่แสวงผลกำไรด้านการอนุรักษ์มหาสมุทรตามเป้าหมายการสร้างเครือข่ายระดับโลก
สำหรับ Hope Spot พื้นที่ที่เปี่ยมไปด้วยระบบนิเวศทางทะเลที่จำเป็นต้องได้รับการปกป้อง เพื่อความสมบูรณ์และอนาคตของมหาสมุทร
ระบบนิเวศอันอุดมสมบูรณ์และไม่เหมือนที่ใดของหมู่เกาะกาลาปากอสเป็นที่อยู่ของพืชและสัตว์นานาชนิด ที่ไม่สามารถพบได้ในที่อื่นใดบนโลกใบนี้เมื่อนักสมุทรศาสตร์ในตำนาน Sylvia Earle ไปเยือนหมู่เกาะแห่งนี้เป็นครั้งแรกในปี1966 เธอได้กล่าวว่า ที่นี่เป็น “สถานที่ที่มีปลาฉลามและปลาชนิดต่างๆ มากที่สุด” เท่าที่เธอเคยไปเยือน แต่สิ่งที่
ทำให้หมู่เกาะแห่งนี้มีความพิเศษก็สามารถทำให้สถานที่ดังกล่าวเปราะบางได้เช่นกัน เพราะยิ่งมีคนค้นพบเกาะแห่งนี้มากขึ้นเท่าใด สิ่งมีชีวิตต่างถิ่นก็สามารถรุกรานเข้ามา ทำให้ทรัพยากรในพื้นที่ตกอยู่ในอันตรายได้มากขึ้นเท่าน้ัน
ROLEX PERPETUAL PLANET การเป็นพันธมิตร Mission Blue เพื่อปกป้องทะเลกาลาปากอส

การสำรวจคร้ังยิ่งใหญ่
หมู่เกาะกาลาปากอสได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในพื้นที่ Hope Spot แห่งแรกๆ ของโครงการ Mission Blue ของ Earle ในปี 2010 เป็นสถานที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางชีวภาพ ที่แสดงให้เห็นถึงความเสียหายอันเกิดจากการกระทำของมนุษย์ต่อมหาสมุทรนั้นสามารถแก้ไขได้ซึ่งการสำรวจครั้งสำคัญนี้ที่นำทีมโดย Earle ได้เพิ่มหลักฐานถึงความจำเป็นที่
ต้องปกป้องผืนทะเลให้มากยิ่งขึ้น
“หากปกป้องหมู่เกาะกาลาปากอสไม่ได้ แล้วคุณจะสามารถปกป้องส่วนใดในโลกใบนี้ได้” Sylvia Earle ผู้ก่อต้ังโครงการ Mission Blue

ความพยายามของเธอไม่สามารถรอให้ถึงช่วงเวลาที่วิกฤตไปกว่านี้ได้แม้ว่าประเทศเอกวาดอร์จะก่อต้ังเขตอนุรักษ์ทางทะเลกาลาปากอสขึ้นเมื่อปี1998 ครอบคลุมพื้นที่ทางทะเลของเกาะถึง 133,000 ตารางกิโลเมตร ทว่ายังจำเป็นต้องมีการดำเนินการที่มากกว่านี้ เพื่อให้มั่นใจว่า ชาวบ้าน นักท่องเที่ยว และชาวประมง จะได้ใช้หมู่เกาะกาลาปากอสแห่งนี้
อย่างยั่งยืนต่อไปได้อีกหลายปี
ในปี2022 เกือบ 25 ปีหลังการก่อตั้งเขตอนุรักษ์ทางทะเลกาลาปากอส ก็ถึงเวลาที่จะประเมินผลลัพธ์ของการคุ้มครองระบบนิเวศทางทะเล Sylvia Earle ผู้ซึ่งเป็น Rolex Testimonee ต้ังแต่ปี1982 ได้ร่วมกับทีมนักวิทยาศาสตร์จากหลายสถาบัน ดำเนินการสำรวจทั่วพื้นที่ Hope Spot แห่งนี้เป็นเวลาสองสัปดาห์ โดยเป้าหมายของการวิจัยที่หลากหลายของทีม ทำให้มีการประเมินระบบนิเวศทางทะเลในพื้นที่อย่างครอบคลุม ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความท้าทายและโอกาสสำหรับความพยายามในการอนุรักษ์ในอนาคตข้างหน้า
แผนภูมิสู่ความสำเร็จ

การสำรวจส่วนใหญ่เน้นค้นหาความหลากหลายที่ซ่อนเร้นและถูกลืมเลือนอยู่ภายใต้เกลียวคลื่น เพื่อใช้เป็นคุณค่าพื้นฐานด้านความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศ ที่การสำรวจในอนาคตสามารถติดตามย้อนรอยได้ด้วยการใช้เทคโนโลยีอันล้าสมัย อาทิดีเอ็นเอจากสิ่งแวดล้อม (eDNA) และระบบวิดีโอใต้น้าทีมสำรวจได้ค้นพบข้อมูลประชากรที่สำคัญของสัตว์ที่ไม่ค่อยมีผู้ศึกษาวิจัยมากนัก เช่น ม้าน้ำและกุ้งก้ามกรามเฉพาะถิ่น โดยการวิเคราะห์ของ eDNA น้ัน ได้แยกดีเอ็นเอของสัตว์ที่ทิ้งร่องรอยไว้ในห้วงน้ำ ซึ่งอาจไม่มีใครสามารถสังเกตเห็นได้
“ลำดับดีเอ็นเอที่เราพบส่วนใหญ่ไม่ตรงกับฐานข้อมูลสาธารณะใดๆ นั่นหมายความว่ามีหลายสิ่งจากกาลาปากอส ที่ยังไม่ได้รับการจัดลำดับหรือมีสิ่งใหม่ที่วิทยาศาสตร์เรายังไม่รู้” Diana Pazmino จากศูนย์วิทยาศาสตร์กาลาปากอส
นี่ไม่ใช่การค้นพบคร้ังแรกของทีม ในปีที่ผ่านมา Sylvia Earle และ Salome Buglass จากมูลนิธิ Charles Darwin ได้ค้นพบสาหร่ายเคลป์สายพันธุ์ใหม่ที่อยู่ลึกลงไปใต้ผิวน้า โดยระหว่างการส ารวจในปี 2022 ทั้งคู่ได้ขึ้นเรือดำน้ำ “DeepSee” เพื่อขยายขอบเขตการสำรวจความลึกของมหาสมุทร และได้พบกับภาพของป่าเขียวชอุ่มภายใต้ผืนน้ำทั้งนี้มีทฤษฎีเบื้องต้นว่าป่าเคลป์ที่อุดมสมบูรณ์เหล่านี้มีบทบาทสำคัญต่อการสนับสนุนความหลากหลายทางชีวภาพของพื้นที่ดังกล่าว
“ป่าเคลป์ในส่วนอื่น ๆ ของโลกมีบทบาทส าคัญในการสนับสนุนความหลากหลายทางชีวภาพ และบางทีเราอาจพบช้ินส่วนของปริศนาที่อธิบายว่า ท าไมความหลากหลายทางชีวภาพและชีวมวลจึงอุดมสมบูรณ์อย่างน่าอัศจรรย์ในหมู่เกาะกาลาปากอส” Salome Buglass จากมูลนิธิ Charles Darwin
คิดให้เหมือนมหาสมุทร

ทีมสำรวจของ Earle ได้ทำการวิจัยระยะยาวเกี่ยวกับการย้ายถิ่นฐานข้ามมหาสมุทรของสัตว์ทะเลนานาชนิดด้วยวิธีการตรวจจับตาแหน่งที่บันทึกการอพยพของฉลามจากสถานที่ที่ไกลออกไปถึงอ่าวเม็กซิโกและชายฝั่งคอสตาริกา ซึ่งการค้นพบดังกล่าวถือเป็นหลักพิสูจน์อันสำคัญในการร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อขยายการอนุรักษ์ทางทะเล
นอกจากนี้ทีมสำรวจยังได้ทำการสำรวจแหล่งที่อยู่ของเต่า ทางแผนที่พื้นที่หาอาหารของฝูงนกเพนกวิน รวมถึงวัดระดับของไมโครพลาสติก ซึ่งการทำงานภาคสนามดังกล่าวจะช่วยให้นักอนุรักษ์สามารถ “คิดให้เหมือนมหาสมุทร” อย่างที่ Earle ได้กล่าวไว้พร้อมตระหนักถึงความเชื่อมโยงของระบบนิเวศอย่างไม่มีขอบเขตสำหรับสัตว์ทะเล
เพื่อที่จะให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว ในปี2021 ประเทศเอกวาดอร์ปานามา โคลอมเบียและคอสตาริกา ได้ประกาศการริเริ่มโครงการแนวระเบียงพ้ืนที่คุ้มครองทางทะเลแปซิฟิกเขตร้อนตะวันออก (Eastern Tropical Pacific Marine Corridor) โดยการเข้าร่วมและเพิ่มการคุ้มครองน่านน้ำเพื่อสร้าง “ทางว่ายน้า” ที่ห้ามจับปลาในเส้นทางอพยพหลักของ
ฉลาม เต่า กระเบน และวาฬ และถึงแม้ว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นก้าวที่สำคัญ แต่ภารกิจของ Earle และทีมสำรวจก็แสดงให้เห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องขยายและเพิ่มเส้นทางว่ายน้าให้มีมากขึ้น
Manuel Yepez และ Alex Hearn ผู้ร่วมผลักดันพื้นที่ Hope Spot หมู่เกาะกาลาปากอสของโครงการ Mission Blue เป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจในการปกป้องส่วนสำคัญของมหาสมุทร โดย Hearn จากศูนย์วิทยาศาสตร์กาลาปากอส เป็นผู้ตรวจสอบหลักในการสำรวจภายใต้การนำของ Earle และเป็นผู้เรียกประชุมทีมนักวิทยาศาสตร์นานาชาติที่เข้าร่วมในโครงการ Hearn เชื่อว่า “ถ้าเราประสบความสำเร็จที่กาลาปากอส เราก็มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จได้ทุกแห่งบนโลกใบนี้”