บริษัทยักษ์ใหญ่ในอเมริกาคาดการณ์ว่าการใช้จ่าย สินค้าแบรนด์เนม ของจีนจะเพิ่มขึ้นถึง 30% ในปีนี้ ขณะที่การใช้จ่ายทั่วโลกอาจลดลง 45%
ในขณะที่ทั่วโลกกำลังเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจ แต่ความต้องการสินค้าแบรนด์เนมของจีนคาดว่าจะเติบโตมากถึง 30 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้ เนื่องจากผู้ซื้อจากแผ่นดินใหญ่มีรายได้สูง และเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศหลังการระบาดใหญ่ของโควิด-19
นับว่าจีนเป็นจุดเดียวที่สดใสสำหรับอุตสาหกรรมหรูหรา เพราะคาดว่าการใช้จ่ายทั่วโลกจะลดลง 45 เปอร์เซ็นต์ในปี 2020 เนื่องจากยุโรปและสหรัฐอเมริกายังคงต่อสู้กับโควิด-19
สำหรับการคาดการณ์ใหม่จาก Boston Consulting Group บริษัทที่ปรึกษาด้านการจัดการของอเมริกา ก็เป็นอีกสัญญาณหนึ่งที่บ่งชี้ว่าจีนจะกลายเป็นเศรษฐกิจหลักเพียงแห่งเดียวที่น่าจะเติบโตในปีนี้ แม้การจับจ่ายซื้อสินค้าหรูหราบนแผ่นดินใหญ่ในตอนแรกจะส่งผลให้ผู้บริโภคชาวจีนไม่สามารถเดินทางไปต่างประเทศได้ เนื่องจากมาตรการกักตัว
แต่หลังจากเบื่อหน่ายกับมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมที่เข้มงวดมาหลายเดือนและไม่สามารถไปพักผ่อนในต่างประเทศได้ ผู้บริโภคชาวจีนที่ร่ำรวยจึงแสวงหาความสะดวกสบายในการบำบัดความเครียดด้วยการช้อปปิ้งสินค้าสุดหรูในเครือบริษัทใหญ่ เช่น LVMH , Kering SA และ Estee Lauder Cos Inc.
ส่งผลให้ผู้บริโภคชาวจีนให้ความสำคัญกับแฟชั่นเฮ้าส์ทั่วโลกมากขึ้นกว่าเดิม และหลายๆ แบรนด์ก็กำลังปรับแนวทางกลยุทธ์ต่างๆ และอัตลักษณ์ของแบรนด์ที่มีมายาวนาน เพื่อรองรับลูกค้าในแผ่นดินใหญ่อีกด้วย
Crystal Hao กรรมการผู้จัดการของ BCG ให้สัมภาษณ์ว่า “ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคฟื้นตัวเร็วกว่าที่เราคิดและนักช้อปวัยหนุ่มสาวเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโต การบริโภคสินค้าหรูหราในครึ่งปีหลังจะเข้มข้นขึ้นในช่วง Golden Week และช่วงที่มีการจับจ่ายมากที่สุดเช่น วันคนโสดของจีน (11 เดือน 11)”
ที่มา : www.businessoffashion.com
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ลูกสาว CELINE ตัวจริง! ลิซ่า ขึ้นแท่นแอมบาสเดอร์ระดับโลกคนแรก
ใบเล็กน่ารัก แต่ราคาแรง! กระเป๋าแบรนด์ Chanel ลูกรักของ มิว นิษฐา
สวยกราบ! กระเป๋า Hermès Himalaya แพงยืนหนึ่ง ใครกันนะเป็นเจ้าของบ้าง