Top 5 มะเร็งยอดฮิต ในผู้ชายและผู้หญิง

Top 5 “มะเร็ง” ที่พบบ่อยในผู้ชายและผู้หญิง แนะป้องกันก่อนคุกคามชีวิต

Alternative Textaccount_circle
Top 5 มะเร็งยอดฮิต ในผู้ชายและผู้หญิง
Top 5 มะเร็งยอดฮิต ในผู้ชายและผู้หญิง

ปัญหาด้านสุขภาพกลายเป็นสิ่งที่หลายคนเกิดความกังวลเป็นอันดับต้นๆ ในปัจจุบัน ท่ามกลางภาวะที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดต่อ ทั้งโรคอุบัติเก่าโรคอุบัติใหม่ที่เกิดขึ้น และกลายพันธ์อย่างรวดเร็วไม่เว้นแต่ละวัน จนตามแนวทางการรักษาหรือป้องกันกันไม่ทัน  ที่เห็นได้ชัดเจนก็คือการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 แต่ขณะเดียวกันโรคที่ไม่ติดต่ออย่างโรคมะเร็ง ยังคงครองแชมป์ โรคร้ายที่สร้างความกังวลกับผู้คนทั่วโลกมาอย่างต่อเนื่องถึงปัจจุบัน

ด้วยมีอัตราการเสียชีวิตสูง จากตัวเลขของ wordometers.info ประเมินว่า ในช่วงปีที่ผ่านมา พบว่ามีผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งไปแล้ว 5.12 ล้านคน และซึ่งเมื่อย้อนกลับไปปี 2563 พบจำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งมากถึง 10 ล้านคน จากการประเมินของ Globocan ในการเก็บข้อมูลจาก 185 ประเทศ ขณะที่ประเทศไทยหากไม่นับอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุแล้ว โรคมะเร็งก็ยังคงครองแชมป์สาเหตุคร่าชีวิตประชากรไทยเป็นลำดับต้น ๆ มานานกว่า 20 ปี นับตั้งแต่ปี 2542 ถึงปัจจุบัน ข้อมูลจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ยังสะท้อนให้ตัวเลขเหตุคนไทยเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง เฉลี่ยสูงถึงวันละ 221 ราย หรือแตะ 80,665 รายต่อปี และเมื่อเจาะลึกลงไปในข้อมูลพบจำนวนผู้ป่วยรายใหม่จากมะเร็งเฉลี่ยถึงวันละ 336 ราย หรือ  122,757 รายต่อปี และกลายเป็นเรื่องใกล้ตัวมากขึ้นทุกวัน เมื่อดารานักแสดงและศิลปิน ป่วยและเสียชีวิตด้วยโรงมะเร็งในปัจจุบันบ่อยขึ้น

Top 5 “มะเร็ง” ที่พบบ่อยในผู้ชายและผู้หญิง แนะป้องกันก่อนคุกคามชีวิต

นายแพทย์ธนุตม์ ก้วยเจริญพานิชก์ ให้ข้อมูลว่า เมื่อเปรียบเทียบอัตราผู้ป่วยมะเร็งในช่วงปีที่ผ่านมาแล้ว กลับพบว่าในแต่ละวันมีคนไทยเป็นผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมากกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งนั้นเป็นสัญญาณที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตของคนในปัจจุบัน ด้วยพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันที่นำพาตนเองเข้าใกล้มะเร็งแบบไม่รู้ตัว  เช่น การดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่จัด และเกิดภาวะความเครียดเป็นประจำ  จากความกดดันด้านการงาน การเงิน และครอบครัว สะท้อนให้เห็นได้ชัดเจนว่าโรคมะเร็งไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป ทุกคนมีโอกาสป่วยเป็นมะเร็ง และมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต ขึ้นอยู่กับว่ามะเร็งอยู่ในระยะลุกลามระดับใด ฉะนั้นการตั้งใจดูแลตัวเองเชิงป้องกันสำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ป่วยเป็นโรคมะเร็ง และสามารถการดูแลตัวเองเชิงรักษาอย่างทันท่วงทีและเหมาะตามระยะของโรคมะเร็งจึงเป็นเรื่องที่ควรตระหนักและให้ความสำคัญ

มะเร็ง ในผู้ชาย

มะเร็งที่พบบ่อยสุดในคนไทย แบ่งเป็น มะเร็งในผู้ชายพบ เฉลี่ย 169.3 คน ต่อประชากร 1 แสนคน ติดอันดับที่ 15 ของเอเชีย โดย 5 อันดับแรกของมะเร็งในเพศชายคือ

  1. มะเร็งตับและท่อน้ำดี
  2. มะเร็งปอด
  3. มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง
  4. มะเร็งต่อมลูกหมาก
  5. มะเร็งต่อมน้ำเหลือง

มะเร็ง ในผู้หญิง

ขณะที่มะเร็งในผู้หญิง จากสถิติพบป่วยเป็นมะเร็ง 151 คนต่อประชากร 1 แสนคน อยู่ในอันดับ 18 ของเอเชีย โดยโรคมะเร็งที่พบบ่อยในเพศหญิง

  1. มะเร็งเต้านม
  2. มะเร็งตับและท่อน้ำดี
  3. มะเร็งปากมดลูก
  4. มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง
  5. มะเร็งปอด

พุทธภาษิตที่ว่า “อโรคยา ปรมา ลาภา” หรือ “การไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ” ยังคงเป็นประโยคที่เป็นจริงมาจนถึงปัจจุบัน เพราะคุณภาพชีวิตที่ดี เป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา ฉะนั้นทุกคนสามารถเริ่มปรับพฤติกรรม โดยคำนึงถึงการป้องกัน ให้ห่างไกลโรคมะเร็งด้วย 4 ข้อ ได้แก่

  1. ลด ละ เลิก สูบบุหรี่ เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมครั้งสำคัญ ลดความเสี่ยงจากมะเร็งปอดและโรคอื่น ๆ ที่มีสาเหตุมาจากบุหรี่
  2. ทานอาหารที่มีประโยชน์ ผัก ผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นในการต่อสู้กับมะเร็ง
  3. ออกกำลังกายให้มากขึ้น ครั้งละ 30 นาที 5 วันต่อสัปดาห์ ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งหลายชนิด อาทิ มะเร็งปอด มะเร็ง เต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง
  4. หลีกเลี่ยงการเผชิญกับสารเคมีอันตราย สารจำพวก ยาฆ่าแมลง น้ำยาทำความสะอาด น้ำมันเบนซินนั้นเต็มไปด้วยสารเคมีอันตรายที่เกี่ยวโยงกับการเกิดมะเร็ง เป็นต้น

ทั้งนี้ นอกเหนือจากการป้องกันแล้ว การดูแลตนเอง มั่นค่อยสังเกตความผิดปกติของร่างกายถือเป็นหนึ่งสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน ควรหมั่นตรวจเช็คความผิดปกติของร่างกายด้วยการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ นับเป็นตัวช่วยส่งสัญญาณล่วงหน้าของโรคมะเร็ง เพื่อให้เราสามารถตั้งหลักรับมือกับมะเร็งได้อย่างรวดเร็ว ได้แก่

  1. ระบบย่อยอาหารทำงานผิดปกติ ย่อยยาก หรือขับถ่ายยากเป็นเวลานาน เช่น ท้องผูกสลับท้องเสีย ปัสสาวะเป็นเลือด เป็นต้น
  2. มีเลือดออกผิดปกติ เช่น ทางช่องคลอดหรือเลือดกำเดาไหลบ่อย ๆ
  3. มีแผลเรื้อรังไม่หายใน 3 สัปดาห์
  4. มีก้อนที่เต้านมหรือตามตัว ไฝโตขึ้น หรือเปลี่ยนสี
  5. ไอเรื้อรังหรือเสียงแหบ
  6. ร่างกายทรุดโทรม น้ำหนักลดโดยไม่ตั้งใจ
  7. ประสิทธิภาพการได้ยินลดลง หรือหูอื้อเรื้อรัง เป็นต้น

การตรวจจับสัญญาณเหล่านี้ ช่วยให้สามารถวิเคราะห์การรักษามะเร็ง รวมทั้งเพิ่มโอกาสในการรักษาให้เป็นปกติได้มากขึ้น


ข้อมูล : นายแพทย์ธนุตม์ ก้วยเจริญพานิชก์ ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตรา โรงพยาบาลเอกชนเฉพาะทางโรคมะเร็งแห่งแรกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ภาพ : Pexels

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

แพทย์แนะ 4 วิธีตั้งรับเมื่อรู้ว่าเป็น “มะเร็ง”

“มะเร็งสมอง” ภัยเงียบ แต่มีสัญญาณเตือนให้สังเกตได้

พฤติกรรมอะไรบ้างที่เสี่ยง “โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท”

 

 

Praew Recommend

keyboard_arrow_up