SOS รับมือยังไงดี? เมื่อเจอ 4 เรื่องไม่คาดคิด ก่อนถึงวันวิวาห์

account_circle

เพราะโลกนี้เต็มไปด้วย เรื่องไม่คาดคิด แม้แต่เรื่องมงคลอย่างงานวิวาห์ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

ที่ผ่านมาเรามักได้ยินข่าวที่ฟังแล้วชวนเศร้าแทนเกี่ยวกับงานแต่ง หรือวันวิวาห์อยู่บ่อยๆ อาทิ เจ้าบ่าวหาย มีมือที่สามโผล่มากลางงานแต่ง เจ้าสาวเสียชีวิต ฯลฯ ลิสต์นี้แพรวเวดดิ้งเลยลองรวบ เรื่องไม่คาดคิด 4 ประเด็นท็อปฮิตพร้อมวิธีรับมือ เพื่อเป็นคู่มือให้ว่าที่บ่าว-สาวทั้งหลายได้เรียนรู้ เผื่อมีสถานการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นจริงๆ

1. แฟนเก่าขอแจมงานแต่ง

เรื่องไม่คาดคิด ก่อนถึงวันวิวาห์, การแต่งงาน, การแยกทาง, รัก, ความรัก, ถ่ายภาพแต่งงาน, แฟนเก่า
Photo: WenPhotos on Pixabays

เมื่อคนรักเก่าของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเกิดโผล่มาในช่วงที่ทุกอย่างเกือบจะแฮ็ปปี้เอนดิ้ง โดยแจ้งความประสงค์ว่า อยากมาร่วมงานแต่งเพื่อแสดงความยินดี และเพื่อเป็นการบอกใครต่อใครว่าไม่มีอะไรติดค้าง ก่อนจะแว่บคิดไปถึงคู่วิวาห์ของคุณว่าจะรู้สึกยังไง ให้ถามตัวเองก่อนเถอะว่า พลันเมื่อได้ยินเสียงอดีตคนรัก ไม่ว่าจะเป็นเสียงจากตัวจริง หรือเสียงตามสาย คุณมีอาการใจสั่น สับสน ลังเล ระหว่างรักเก่าฝังใจกับรักใหม่ที่นับวันถอยหลังเข้าประตูวิวาห์หรือเปล่า

ถ้าตอบตัวเองได้ว่าสิ้นเยื่อขาดใยแล้วจริงๆ ตอนนี้แหละที่คุณต้องคะแนอารมณ์ของ “คุณว่าที่…” ของคุณว่าเขาแฮ็ปปี้ที่จะให้คุณเชิญไหม ถ้าไม่ ก็ไม่ควรเชิญ แม้แฟนเก่าคนนั้นจะีต่อคุณแค่ไหน ก็ควรต้องแคร์คุณว่าที่มากกว่า แต่ถ้าเขาเป็นคนไม่ขี้หึง ไม่คิดมากจริงๆ ก็ค่อยกลับมาพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับแฟนเก่าว่า “ประวัติศาสตร์วันเลิก” ของคุณกับเขาเป็นเช่นไร

ถ้าเลิกกันดี และที่ผ่านมาก็คุยกันเป็นเพื่อนมาสักระยะหนึ่ง จนรู้สึกสนิทใจแล้ว ก็ร่อนการ์ดเชิญเขาเหมือนเป็นแขกคนหนึ่งได้เลย

ถ้าเลิกกันดี แต่เขายังตัดใจไม่ได้ ก็อย่าเชิญมาเลย เพราะไม่มีอะไรการันตีว่าเขาจะแปลงอาการตัดใจไม่ลงออกมาเป็นท่าทีแบบไหน

แต่ถ้าเลิกกันไม่ดี อันนี้สัญญาณค่อนชัดเชียวแหละ เหตุผลที่ว่ามาเพื่อโชว์ว่าไม่มีสิ่งใดติดค้าง ฟังดูสวยหรูเกินไป ให้คิดทางร้ายไว้ก่อนว่าเขาอาจตั้งใจมาทำอะไรไม่สมควรในงานแต่งงานของคุณ เพื่อตัดปัญหา ก็อย่าเชิญดีกว่า อีกอย่างถ้าคุณตัดสินใจจะเริ่มต้นชีวิตใหม่กับคนที่คุณเลือกแล้ว ก็ไม่ควรทำอะไรเพื่อเป็นการตอกย้ำเรื่องราวเก่าๆ อีก โดยเฉพาะในวันที่กำลังจะกลายเป็นวันสำคัญของคุณ

2. ท้องก่อนแต่ง

เรื่องไม่คาดคิด ก่อนถึงวันวิวาห์, การแต่งงาน, การแยกทาง, รัก, ความรัก, ถ่ายภาพแต่งงาน, แฟนเก่า, ท้องก่อนแต่ง
Photo: Josh Applegate on Unsplash

ไม่ว่าจะท้องแล้วตัดสินใจแต่ง หรือกำลังเตรียมงานแต่งแล้วถึงรู้ตัวท้อง ก็หนีไม่พ้นคำว่า “ท้องก่อนแต่ง” อยู่ดี สิ่งที่เกิดขึ้นแน่ๆ คือความเครียด ความกังวล ซึ่งไม่ใช่แค่เฉพาะว่าที่เจ้าสาว แต่ยังรวมไปถึงคุณว่าที่ญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย เพราะเกรงว่าผู้คนจะครหา หรือชูนิ้วขึ้นมานั่งนับเดือนตอนคุณคลอด

เอาเข้าจริง เรื่องนี้ไม่ร้ายแรงเลยสักนิด ยิ่งสังคมสมัยนี้เปิดกว้างมากขึ้น ใครอยากชูนิ้วนับเดือนก็ช่าง โนสน โนแคร์ไปเลย เพราะเมื่อเวลาผ่านไป คนพวกนั้นเห็นคุณใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เขาก็จะเลิกสนใจและลืมเรื่องพวกนี้ไปเอง และแม้ประเทศไทยจะยังไม่มีการเก็บสถิติเรื่องเจ้าสาวท้องในวันแต่งงาน แต่ถ้าดูจากธุรกิจบริการชุดเจ้าสาวประเภทท้องก่อนแต่งที่นับวันก็เพิ่มสูงขึ้น ยิ่งสะท้อนว่าปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอีกต่อไป

3. เจอโรคเลื่อน เพราะฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดประสบอุบัติเหตุ ป่วยกะทันหัน หรือญาติผู้ใหญ่เสีย

เรื่องไม่คาดคิด ก่อนถึงวันวิวาห์, การแต่งงาน, การแยกทาง, รัก, ความรัก, ถ่ายภาพแต่งงาน, แฟนเก่า, เลื่อนงานแต่ง
Photo: viarami on Pixabays

ไม่มีกะจิตกะใจแบบนี้ยังไงก็ต้องเลื่อน ยกเว้นกรณีญาติผู้ใหญ่ที่เสียไปสั่งเสียไว้ก่อน ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ต้องแต่ง

พลันที่ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้น สิ่งแรกที่ต้องทำคือโทร.แจ้งทางโรงแรมและช่างต่างๆ ที่จองคิวไว้ เผื่อว่าเขาจะมีโอกาสรับลูกค้ารายอื่น แล้วเมื่อได้ฤกษ์ใหม่ (ควรหาเผื่อไว้หลายๆ วัน) ค่อยโทร.สอบถามอีกครั้งว่ายังว่างหรือไม่ โดยเริ่มจากโรงแรมก่อน  เพราะโรงแรมส่วนใหญ่มักให้เราจ่ายมัดจำไว้ครึ่ง และขอสงวนสิทธิ์การคืนมัดจำอยู่แล้ว แต่หากต้องการแค่เลื่อนออกไป มักรับพิจารณา เป็นรายๆ ไป ขึ้นอยู่กับสถานะห้องจัดเลี้ยงในวันที่ต้องการเลื่อนออกไป จากนั้นจึงโทร.หาส่วนอื่นๆ เพื่อรักษาเงินมัดจำที่จ่ายไปแล้วให้ได้มากที่สุด

หากพิมพ์การ์ดเสร็จไปแล้วก็คงต้องพิมพ์ใหม่ หรือถ้างบจำกัดจริงๆ จะพิมพ์วันที่ใหม่ในกระดาษมาแปะทับวันที่จัดงานเดิมก็ได้ แม้จะไม่สวยงามเป๊ะ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่แขกทุกคนคงเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ของชำร่วย ก็เช่นกัน ยิ่งเป็นของที่ไม่ได้มีชื่อบ่าว-สาว และวันที่สกรีนหรือฝังติดอยู่ แค่เปลี่ยนสติ๊กเกอร์ที่แปะอยู่บนกล่องหรือบนถุงก็นำมาใช้ได้แล้ว

4. เลิกฟ้าผ่า

เรื่องไม่คาดคิด ก่อนถึงวันวิวาห์, การแต่งงาน, การแยกทาง, รัก, ความรัก, ถ่ายภาพแต่งงาน, แฟนเก่า, ชุดแต่งงาน, เจ้าสาว, เลื่อนงานแต่งงาน,
Photo: maya_7966 on Pixabays

เมื่อต้องยกเลิกงานแต่งงาน โดยเฉพาะต้องจัดการทุกอย่างคนเดียว จะเริ่มยังไง ทำใจยังไงดีล่ะ แพรวเวดดิ้งมีเคสตัวอย่างมาเล่าสู่กันฟัง

ว่าที่สะใภ้อินเตอร์คนหนึ่งถูกว่าที่เจ้าบ่าวชาวฮอลแลนด์ขอยกเลิกงานแต่งงานขณะมาส่งเธอที่สนามบินเพื่อเดินทางกลับเมืองไทย ด้วยเหตุผลว่า “ยังไม่พร้อม” ทั้งที่อีกสามเดือนก็จะถึงกำหนดแต่งงานอยู่แล้ว

เมื่อกลับถึงบ้าน ด่านแรกที่เธอต้องทำคือบอกเรื่องทั้งหมดกับครอบครัว ด้วยเวลาที่กระชั้นซึ่งเท่ากับบีบให้เธอต้องตั้งสติอย่างรวดเร็ว เธอเริ่มจากลิสต์รายการที่ได้ทำไปแล้วทุกอย่าง เธอพบว่าได้วางมัดจำค่าสถานที่จัดเลี้ยงตอนเย็นไปแล้วครึ่งหนึ่ง จ่ายเงินสำหรับพิธีเช้าที่โรงพยาบาลสงฆ์ไปทั้งหมดแล้ว แพ็คเกจเช่าชุดและช่างแต่งหน้าสำหรับพิธีเช้าก็จ่ายไปหมดแล้ว นอกจากนี้ยังซื้อชุดเจ้าสาวมาแขวนไว้พร้อมแล้วด้วย

ท่ามกลางความโชคร้ายที่ลิสต์เจอ เธอรู้สึกว่าตัวเองยังโชคดีอยู่บ้างที่ยังไม่ได้พิมพ์การ์ด เมื่องานแต่งถูกยกเลิกจึงติดต่อเฉพาะญาติและเพื่อนสนิทเพื่อแจ้งข่าว จากนั้นญาติและเพื่อนก็ไปบอกต่อกันเองโดยที่เธอไม่ต้องพูดซ้ำๆ เพื่อตอกย้ำตัวเอง

เธอค้นหาเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อดูเงื่อนไขการเลื่อนและยกเลิกต่างๆ จากนั้นตัดใจประกาศขายแพ็คเกจพิธีเช้าในอินเทอร์เน็ต เดินทางไปพบเซลล์ที่สตูดิโอเพื่อเจรจาเรื่องแพ็คเกจเช่าชุดไทย รวมแต่งหน้า – ทำผม และติดต่อสถานที่ จัดเลี้ยงตอนเย็นที่วางมัดจำไว้ ผลคือเธอขายแพ็คเกจงานเช้าได้เงินคืนมาครึ่งหนึ่ง โดยต้องนัดคู่ที่จะซื้อต่อมาเจอที่โรงพยาบาลสงฆ์เพื่อเซ็นเปลี่ยนชื่อบ่าว- สาวในบันทึก และให้เจ้าหน้าที่ออกใบเสร็จรับเงินใบใหม่ให้คู่บ่าว – สาวที่ซื้อแพ็คเกจต่อเพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน

ส่วนแพ็คเกจเช่าชุดไทย เธอบอกว่าตัดใจหั่นครึ่งราคาไม่ลง จึงตัดสินใจเก็บไว้โดยทางสตูฯ รับปากจะคงสิทธิ์ของเธอไว้ หากหาเจ้าบ่าวคนใหม่ได้  แต่เพราะเธอไม่อยากสะกิดแผลตัวเองให้ลึกกว่าเดิม จึงไม่ได้ขอแก้ไขเอกสารใดๆ แค่พอสตูดิโอบอกว่าเลื่อนได้ก็ไม่อยากถามอะไรอีก เธอจึงฝากย้ำว่าควรต้องขอให้ทางร้านเขียนบันทึกไว้เป็นหลักฐานว่าจะคงสิทธิ์ไว้นานเท่าไหร่ก็ได้อย่างที่ตกลงด้วยวาจา ส่วนค่ามัดจำสถานที่งานกลางคืน หลังจากพยายามเจรจาอยู่นานก็ได้เงินคืนมาครึ่งหนึ่ง

เธอเอาชุดเจ้าสาวไปเก็บไว้ในห้องแม่ เพราะไม่อยากเห็นให้แสลงใจ แต่ก็รักษาอย่างดีโดยห่อกระดาษไขให้มิดชิดและใส่ในถุงคลุมชุด เพราะตั้งใจว่าจะเก็บไว้ใส่ในวันแต่งงานกับเจ้าบ่าวคนใหม่ที่ต้องดีกว่าเดิม เธอใช้เวลาเกือบสองเดือนสะสางทุกเรื่องเพื่อยกเลิกงานแต่งงาน ส่วนเจ้าบ่าวซึ่งอยู่คนละประเทศ ทำเพียงส่งเงินส่วนหนึ่งมาชดเชยค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เสียไป

สามปีผ่านไป เธอพบว่าเวลาช่วยเยียวยาทุกสิ่งได้ดีจริงๆ จากที่เคยเครียด เก็บตัว ไม่ยอมเจอใครในช่วงแรก เธอพบว่าทุกการกระทำนั้นไม่ต่างอะไรกับการทำร้ายตัวเองดีๆ นี่เอง ส่วนคนใจร้ายที่ชิ่งหาย เธอเชื่อว่าเขาคงไม่มีแม่แต่ความรู้สึกสำนึกผิดเลยสักนิด เมื่อคิดได้แบบนี้ เธอก็ลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเองใหม่ ใช้ชีวิตเหมือนกับที่เคยใช้ก่อนที่จะพบกับเจ้าคนสารเลว ปรากฏว่าพอมุมมองเธอเปลี่ยน ทุกอย่างกลับกลายเป็นดีขึ้น และยิ่งดีขึ้นเมื่อเธอได้พบว่าที่เจ้าบ่าวคนใหม่ในที่สุด

เห็นไหมล่ะว่าทุกอย่างมีทางออก เรื่องไม่คาดคิด สิ่งไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอ แต่หากคุณมีสติ แก้ไข และเดินหน้าต่อไปให้ดีที่สุด เรื่องดีๆ ย่อมมาหาคุณในสักวัน

ท้ายนี้แพรวเวดดิ้งขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนผ่านทุกปัญหาไปให้ได้นะคะ

 

ที่มาภาพ : Pixabays

Praew Recommend

keyboard_arrow_up